00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:09 Voice ปัญหาที่เจอเนี่ยนะทุกวันเนี้ยมัก
00:00:09 → 00:00:13 จะเจอปัญหานะที่เราเรียกว่าภาวะ burn Out
00:00:13 → 00:00:17 Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงานส่วน
00:00:17 → 00:00:19 นึงที่สำคัญเลยก็คือเกิดจากความเครียดที่
00:00:19 → 00:00:22 เราสะสมรือรังจากการทำงานโดยที่อาจจะไม่
00:00:22 → 00:00:25 ถูกแก้ไขอือ่าซึ่งมันก็จะส่งผลกระทบต่อ
00:00:25 → 00:00:28 ร่างกายจิตใจต่างๆเนี่ยตามมาเลยอั้นแล้ว
00:00:28 → 00:00:32 เนี่ยเราก็ต้องพยายามที่จะไม่ให้เกิดภาวะ
00:00:32 → 00:00:34 เหล่านี้ขึ้นเพราะวัยทำงานเนี่ยร่างกาย
00:00:34 → 00:00:36 มันต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกส่วนทำงาน
00:00:36 → 00:00:39 หมดเลยนะสมงสมองก้ามน้งกล้ามเนื้อของเรา
00:00:39 → 00:00:41 นะภูมิคุ้มกันเราก็ต้องพร้อมด้วยแล้วเรา
00:00:41 → 00:00:44 ต้องดูแลสุขภาพนี่แหละตั้งแต่วัยทำงานเลย
00:00:44 → 00:00:49 เออไม่ให้มันชำรุดค่ะสุดโซเมื่อเกษียณ
00:00:49 → 00:00:53 แล้วฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:53 → 00:00:56 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:57 → 00:01:00 ค่ะ This Is to PBS podcast
00:01:00 → 00:01:03 เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะวันนี้เรามาคุยกัน
00:01:03 → 00:01:06 ถึงเรื่องของคนที่อยู่ในวัยทำงานนะคะบาง
00:01:06 → 00:01:09 ทีก็ทำงานเยอะอาจจะทำให้หมดพลังหมดแรงไป
00:01:09 → 00:01:12 นะกับภารกิจที่ได้รับเนาะเราจะกินอะไรดี
00:01:12 → 00:01:15 น้าให้มาฟื้นฟูตัวเองมีพลังเหมือนเดิมมี
00:01:15 → 00:01:17 แรงเหมือนเดิมเดี๋ยวคุยกับผู้ช่วย
00:01:17 → 00:01:20 ศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจากวิทยาลัย
00:01:20 → 00:01:23 การแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
00:01:23 → 00:01:26 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะครับสวัสดีครับฟื้น
00:01:26 → 00:01:29 ฟูกันดีกว่าค่ะอาจารย์หลายคนก็อาจจะแบบ
00:01:29 → 00:01:34 ว่าถึงแม้จะแบบเอ่องานเบาบ้างหนักบ้างแต่
00:01:34 → 00:01:37 ว่าบางทีมันก็หมดแรงหมดพลังจากปัจจัยหลาย
00:01:37 → 00:01:41 ๆอย่างทำยังไงดีอ่าอ่าถ้าคุยกับอาจารย์
00:01:41 → 00:01:43 เอกราชก็ต้องเป็นเรื่องของอาหารการกินการ
00:01:43 → 00:01:46 ดูแลตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีแรงมีพลังสู้
00:01:46 → 00:01:49 ต่อไปไปๆๆมีเอคโคให้
00:01:49 → 00:01:53 ด้วยอ่ะสำหรับวัยทำงานก็มีหลายช่วงอายุ
00:01:53 → 00:01:56 ไลลายไว้เราเราแบบเหมาๆรวมๆได้มั้ยคะ
00:01:56 → 00:01:59 อาจารย์มันจะเหมือนๆกันมั้ยคะอย่างแบบบาง
00:01:59 → 00:02:03 คน 30 ต้นๆยังพอแบบเฮ้ยยังพอมีแบบยังพอมี
00:02:03 → 00:02:07 เรี่ยวมีแรงดีอยู่เออพอ 40 อัพกว่าๆ 50 ึ
00:02:07 → 00:02:10 เฮ้ยเริ่มไม่ไหวแล้วนะให้เด็กรุ่นใหม่
00:02:10 → 00:02:13 เถอะอารมณ์ประมาณนี้ใช่ครับเพราะว่าวัยทำ
00:02:13 → 00:02:16 งานเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยสตาร์ทเลยเนาะบาง
00:02:16 → 00:02:20 คนอาจจะรอจบปริญญาโทกรสมัยเนี้ยอ่าก็จะ
00:02:20 → 00:02:24 แบบเเริ่มทำงานั้นแล้วคนที่แบบเอ่อ 20
00:02:24 → 00:02:28 กลางๆปลายๆ 30 นะช่วงเแหละส่วนใหญ่จะเป็น
00:02:28 → 00:02:30 วัยทำงานและนะถ้าเราตที่ 30 นะเพราะว่า
00:02:31 → 00:02:33 บางคนไปเรียนต่อหรืออะไรต่างๆเนี้ยนะครับ
00:02:33 → 00:02:36 ก็มาเริ่มเป็นเข้าสู่วัยทำงานนะครับยิ่ง
00:02:36 → 00:02:40 ช่วงอายุ 40 ปีนะก็ยิ่งแบบเฮ้ยเริ่มมี
00:02:40 → 00:02:43 ประสบการณ์ในการทำงานและนะครับปัญหาที่
00:02:43 → 00:02:48 เจอเนี่ยนะทุกวันเนี้ยนะมักจะเจอปัญหานะ
00:02:48 → 00:02:51 ที่เราเรียกว่าภาวะ burn Out Syndrome
00:02:51 → 00:02:55 หรือภาวะหมดไฟในการทำงานอ่าอ่าคือตื่น
00:02:55 → 00:02:57 ขึ้นมาตอนเช้าเนี่ยเป็นไงครับไม่อยากไป
00:02:57 → 00:03:00 ไม่อยากที่จะไปทำงานไม่มีเรื่องมีอารมณ์
00:03:00 → 00:03:03 ประมาณสมัยเราเรียนแล้วเราตื่นมาวัน
00:03:03 → 00:03:05 จันทร์น่ะไม่อยากไปเรียนพอวันศุกร์ปุ๊บ
00:03:05 → 00:03:08 เฮ้ยมันกระปรี้กระเเพะเดี๋ยวฉันจะได้หยุด
00:03:08 → 00:03:10 แล้วเสาร์อาทิตย์เออมีเวลาตื่นสายจะมี
00:03:10 → 00:03:13 เวลาตื่นสายไปปาร์ตี้ได้นะอันเนี้ยก็จะมี
00:03:13 → 00:03:17 ปัญหาเรื่องของภาวะหมดไฟนะจากการทำงาน
00:03:17 → 00:03:19 ส่วนส่วนนึงที่สำคัญเลยก็คือเกิดจากความ
00:03:20 → 00:03:22 เครียดที่เราสะสมเรื้อรังจากการทำงานโดย
00:03:22 → 00:03:26 ที่อาจจะไม่ถูกแก้ไขอือ่าซึ่งมันก็จะส่ง
00:03:26 → 00:03:30 ผลกระทบต่อร่างกายจิตใจต่างๆเนี่ยตามมา
00:03:30 → 00:03:33 เลยอันแล้วเนี่ยเราก็ต้องพยายามที่จะไม่
00:03:33 → 00:03:36 ให้เกิดภาวะเหล่านี้ขึ้นนะว่าเฮ้ยหมดไฟใน
00:03:36 → 00:03:39 วัยทำงานไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงนะเพราะไม่
00:03:39 → 00:03:41 งั้นเนี่ยมันส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเรา
00:03:41 → 00:03:44 แล้วก็ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างเนาะรวม
00:03:44 → 00:03:47 ไปถึงงานด้วยอืประสิทธิภาพในการทำงานเรา
00:03:47 → 00:03:50 ก็ลดลงใช่แน่นอนวัยทำงานเราก็ต้องการทำ
00:03:50 → 00:03:53 งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีนะแล้ว
00:03:53 → 00:03:57 สุขภาพสมองเราก็ต้องดีสายตาเราก็ต้องแม่น
00:03:57 → 00:03:58 ยิ่งกว่าพญา
00:03:58 → 00:04:03 เหยี่ยวพมที่จะหยิบหยิบปาจากมองมุมสูงๆ
00:04:03 → 00:04:05 จึ๊กขึึ้นมาได้ใช่ทำงานได้อย่างมี
00:04:05 → 00:04:09 ประสิทธิภาพสมองดีสายตาดีเอ่อระบบกล้าม
00:04:09 → 00:04:11 น้งกล้ามเนื้อของเราดีแข็งแรงดีนึกออก
00:04:11 → 00:04:14 มั้ยครับอ่าระบบสูบฉีดหัวจงหัวใจเราก็ดี
00:04:15 → 00:04:17 เพราะวัยทำงานเนี่ยเป็นวัยแห่งร่างกายมัน
00:04:17 → 00:04:19 ต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกส่วนทำงานหมด
00:04:19 → 00:04:23 เลยนะใช่อ่าสมงสมองกล้ามน้งกล้ามเนื้อของ
00:04:23 → 00:04:26 เรานะภูมิคุ้มกันเราก็ต้องพร้อมด้วยนะ
00:04:26 → 00:04:28 นั้นแล้วมันก็ต้องดูแลเรื่องของอาหารการ
00:04:28 → 00:04:32 กินนะอาจารย์ไปเจองานวิจัยงานวิจัยนึงเา
00:04:32 → 00:04:35 พบว่าวัยทำงานเนี่ยหรือวัยกลางคนเนี่ย
00:04:35 → 00:04:39 เป็นการศึกษาวิจัยโดยมหาลัยที่ประเทศ
00:04:39 → 00:04:43 นอร์เวย์ครับอ่าเพิ่งตีพิมพ์วสารลงวารสาร
00:04:43 → 00:04:46 วิชาการเนเจอร์ Food นะเาศึกษาวิจัยในคน
00:04:46 → 00:04:49 นะที่ประเทศอังกฤษนะ 400,000 กว่าคนครับเ
00:04:49 → 00:04:52 พบน่าสนใจมากนะกลุ่มตัวอย่างเนี่ยคือวัย
00:04:52 → 00:04:56 ทำงานเลยผู้ชายผู้หญิง 40 ปีขึ้นไปนะครับ
00:04:56 → 00:04:59 เพบว่าเอ้ยกลุ่มเหล่าเนี้ยสามารถที่จะมี
00:04:59 → 00:05:02 อายุยืนยาวขึ้นอีก 10 ปีได้แค่เปลี่ยน
00:05:02 → 00:05:06 ชนิดอาหารที่กินเป็นประจำในวัยทำงานเนี่ย
00:05:06 → 00:05:09 ถ้าคุณดูแลเรื่องอาหารการกินเนี่ยเขาพบ
00:05:09 → 00:05:12 ว่าอาหารเนี่ยเป็นยาอายุวัฒนะได้ในกลุ่ม
00:05:12 → 00:05:14 ของวัยทำงานเนี่ยนะครับปรับเปลี่ยน
00:05:14 → 00:05:17 พฤติกรรมอาหารการกินเพราะบางคนวัยทำงาน
00:05:17 → 00:05:19 เช้ามาไม่กินอาหารอใช่ไม่กินอาหารเช้า
00:05:19 → 00:05:21 เร่งรีบใช้ชีวิตเร่งรีบเข้าประชุมดีไม่ดี
00:05:21 → 00:05:24 ไปส่งรูปก่อนแล้วเข้าประชุมอ่านเช้าละเลย
00:05:24 → 00:05:28 นะกาแฟแก้วขนมปังแผ่นนะครับเพบว่าปรับ
00:05:28 → 00:05:31 เปลี่ยนพฤติกรรมอาหารการกินเนี่ยแล้วมี
00:05:31 → 00:05:35 อายุเฉลี่ยเนี่ยยาวนานขึ้นถึง 10 ปีเลยอื
00:05:35 → 00:05:38 อ่ามันน่าอยู่ต่อมั้ยคะอาจารย์น่าอยู่ต่อ
00:05:38 → 00:05:40 มาเราต้องอยู่ต่ออยู่ต่อเราจะเกษียณอย่าง
00:05:40 → 00:05:43 เกษมไงครับอ๋อไม่ใช่ว่าเกษียณอย่างกกคือ
00:05:43 → 00:05:49 อ่าพอเกษียณมาปุ๊บโหฉันใช้ร่างกายเนี่ยไป
00:05:49 → 00:05:52 แล้วในช่วงทำงานค่ะจนร่างกายเนี่ยชำรุด
00:05:52 → 00:05:54 ทรุดโทรมไปเยอะมากอ่าถูกมั้ยครับเพแล้ว
00:05:54 → 00:05:56 เราจะเกษียณอย่างไม่เกษมแลเพราะช่วงที่
00:05:56 → 00:05:59 เราทำงานเราใช้ร่างกายหนักมากอือฮึเราไป
00:05:59 → 00:06:02 นัดเจอกันที่โรงพยาบาลถูกต้องพอเกษียณมา
00:06:02 → 00:06:06 ปุ๊บเนี่ยโอโหไปนั่งรอคิวโรงพยาบาลกว่า
00:06:06 → 00:06:09 คุณหมอจะเรียกใชกว่าจะมาแล้วกินยาอะไร
00:06:09 → 00:06:12 โอ้ยเต็มไปหมดเลยงั้นแล้วเราต้องดูแล
00:06:12 → 00:06:14 สุขภาพนี่แหละตั้งแต่วัยทำงานเลยเออไม่
00:06:14 → 00:06:18 ให้มันชำรุดค่ะทรุดโซมเมื่อเกษียณแล้วอ่า
00:06:18 → 00:06:20 เพราะอายุไขเฉลี่ยเราจะอยู่ได้เป็น 100
00:06:20 → 00:06:25 ปีไงอนาคตเนี่ยอืเพราะว่าอายุยืนยาวกันขึ
00:06:25 → 00:06:28 นี่แค่เพิ่งครึ่งชีวิตของคุณลีเองนะ้ยแล
00:06:28 → 00:06:31 ตอนเนี้ยขนาดครึ่งชีวิตยังรู้สึกเบิร์น
00:06:31 → 00:06:33 Out หลายรอบเหลือเกินไม่แต่ว่าก็เห็น
00:06:33 → 00:06:36 หลายๆคนนะคะอาจารย์อย่างบางคนที่อยู่ใน
00:06:36 → 00:06:39 วัยทำงานนะคะบางคนเก็สดชื่นบางคนอย่างที่
00:06:39 → 00:06:41 อายุมากกว่าสุรีพรขึ้นไปเนี่ยนะคะคุณผู้
00:06:41 → 00:06:44 ฟังก็มีเหมือนกันนะคะที่เราจะเห็นว่าอุ๊ย
00:06:44 → 00:06:47 ทำไมเขยังดูสวยยังดูหนุ่มยังดูแบบอโอ้โห
00:06:47 → 00:06:51 ยังโอเคอยู่เลยกรี่กระเป๋่าดูแบบใช่ยังดู
00:06:51 → 00:06:54 สมาร์ทอ่ะอ่าประมาณนี้เลยยิ่งถ้าเกิดแบบ
00:06:54 → 00:06:57 เคยเจอคนนึงค่ะคุณผู้ฟังอาจารย์คะแบบว่า
00:06:57 → 00:07:01 ตอนอยู่ก่อนเกษียณคือพอดีว่าท่านเอี่ก่อน
00:07:01 → 00:07:04 1 ปีอืก็เห็นแล้วก็อท่านก็เป็นไปตามอายุ
00:07:04 → 00:07:08 แหละเนาะแต่พอหลังเกษียเอ่อหลังเอลี่ไปนะ
00:07:08 → 00:07:10 คะเกษียณก่อน 1 ปีเนี่ยเชื่อมยว่าพอให้
00:07:11 → 00:07:14 เจออีกทีนึงโอ้โหเป็นไงคะผิดเป็นคนละคน
00:07:14 → 00:07:18 เลยหนุ่มขึ้นหน้าตาสดชื่นขึ้นแบบเห็นหูย
00:07:18 → 00:07:21 เห็นแล้วแบบว่าอยากจะเอลี่เลยตอนนี้ใช่
00:07:21 → 00:07:24 เพราะมีเวลาในการดูแลสุขภาพมากกว่าช่วง
00:07:24 → 00:07:26 วัยทำงานด้วยซ้ำเพราะวัยทำงานเราโฟกัสแต่
00:07:26 → 00:07:28 เรื่องงานเนี่ยบางทีละเลยปล่อยปะละเลย
00:07:28 → 00:07:31 เรื่องของการกินอยู่หลับนอนออกกำลังกายอื
00:07:31 → 00:07:34 รอ่าแล้วก็ใช้ชีวิตแบบโอ้โหเพื่อการทำงาน
00:07:34 → 00:07:36 โดยเฉพาะพอเกษียณมาเนี่ยชำรุดซุโทรมแต่
00:07:37 → 00:07:39 บางคนเกษียณมาแล้วฟื้นฟูธาตุขันธ์อย่าง
00:07:39 → 00:07:41 ที่บอกฟื้นฟูสุขภาพร่างกายก่อมาเฮ้ยทำไม
00:07:42 → 00:07:44 ดูหนุ่มฉันไม่ต้องเครียดแล้วฉันไม่ต้อง
00:07:44 → 00:07:46 แบบว่าเร่งใช้วิถีชีวิตเร่งรีบอือแต่
00:07:46 → 00:07:51 กระนั้นเลยนะช่วงที่ทำงานอยู่เราก็อย่าง
00:07:51 → 00:07:54 น้อยอ่ะคุณก็ต้องเนนสุขภาพไว้อือฮึอ่า
00:07:54 → 00:07:57 เพราะอาจารย์ต้องบอกเลยนะว่างานไม่ใช่ทุก
00:07:57 → 00:08:00 สิ่งทุกอย่างของชีวิตอ่าแต่ชีวิตอยู่ไม่
00:08:00 → 00:08:03 ได้ถ้าเราไม่ทำงานเพราะเราจะไม่มีเงินถูก
00:08:03 → 00:08:07 ต้องอาจารย์เข้าใจงตอนนี้เงินสำคัญมากค่ะ
00:08:07 → 00:08:10 แต่เราก็ต้องทำงานอย่างอย่างมีความสุข
00:08:10 → 00:08:15 ด้วยนะสุขทั้งกายสบายทั้งจิตสุทงอือ่าเรา
00:08:15 → 00:08:17 เราต้องจำไว้เลยเราไม่สามารถที่จะควบคุม
00:08:17 → 00:08:20 คนอื่นได้นะในการทำงานเนี่ยเราทุกที่มี
00:08:20 → 00:08:22 ปัญหาหมดมีงานไหนบ้างที่ไม่มีปัญหามีงาน
00:08:22 → 00:08:24 ไหนบ้างสบายขึ้นชื่อว่างานไม่มีทางไม่มี
00:08:25 → 00:08:28 ปัญหาใช่ขึ้นชื่อว่างานไม่มีทางว่าจะคุณ
00:08:28 → 00:08:32 จะได้แบบสบายๆค่ะอ่ายิ่งโตยิ่งยิ่งแล้ว
00:08:32 → 00:08:34 ใหญ่เลยนะถูกต้องยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งหนาว
00:08:34 → 00:08:37 ใช่ั้นแล้วเนี่ยเป็นปกติครับแต่ว่า
00:08:37 → 00:08:40 อาจารย์คะคำนี้มันมาตลอดเลยนะคะได้ยินมา
00:08:40 → 00:08:43 ตลอดระยะเวลาคือ work Life work
00:08:43 → 00:08:46 Balance อ่าทำไงให้มันแบบสมดุลมันจะไป
00:08:46 → 00:08:49 สมดุลยังไงอ่ะกับโอทีก็ต้องทำอ่ะกินก็
00:08:49 → 00:08:51 โอ้โหแถวออฟฟิศก็ไม่เห็นมีอะไรจะให้กิน
00:08:51 → 00:08:54 เลยตื่นเช้ามาอาจารไม่นั่งทำกับคงกับข้าว
00:08:54 → 00:08:58 เองเพื่อแบบดูแลสุขภาพเฮ้ยไม่มีมีเวลา
00:08:58 → 00:09:01 ขนาดนั้นเอาอะไรมาเ work work Life
00:09:01 → 00:09:04 Balance ถูกต้องบางคนบอกพูด work Life
00:09:04 → 00:09:06 Balance กันหลังๆอาจารย์ก็ไม่ค่อยได้ทำ
00:09:06 → 00:09:09 นะมันมีอีกทฤษฎีนึงคือ work Life
00:09:09 → 00:09:12 Harmony เคยได้ยินมั้ยครับ work Life
00:09:12 → 00:09:15 Harmony Harmony งานเรื่องงานกับเรื่อง
00:09:15 → 00:09:19 ชีวิตเป็นเรื่องเดียวกันคุณไม่ต้องแบ่ง
00:09:19 → 00:09:21 แยกว่า 16:00 น 17:00 นเลิกงานแล้วฉันไม่
00:09:21 → 00:09:25 รับ LINE แล้วนะฉันไม่อ่านไนฉันไม่ทำงาน
00:09:25 → 00:09:28 แล้วนะบางงานมันสำคัญไงอๆ่าเดี๋ยวจะโดน
00:09:28 → 00:09:31 หัวหน้ากหัวเอาได้โอ้แต่ว่าบางทีมันก็
00:09:31 → 00:09:34 เกินไปอ่าเกินเวลาไปอย่างเงี้ยเราเวิร์คไ
00:09:34 → 00:09:37 hary ก็คือประสิทธิภาพของงานก็ยังได้แต่
00:09:37 → 00:09:42 ส่วนนึงเนี่ยเราก็ยังทำเอ่อหาเวลาในการดู
00:09:42 → 00:09:44 แลตัวเองอือ่าเช่นเดี๋ยวนี้มีประชุม
00:09:44 → 00:09:49 ออนไลน์บางอย่างอ่าเราอาจจะแบบเฮ้ยไปเดิน
00:09:49 → 00:09:53 ไปอนึกออกมั้ยครับดูแลสุขภาพไปออกกำลังไป
00:09:53 → 00:09:56 อ่าแต่เราก็ไม่เสียการทำงานอ่าคือต้อง
00:09:56 → 00:09:59 ผสานเรื่องงานกับเรื่องของการใช้ชีวิตดู
00:09:59 → 00:10:02 แลสุขภาพเข้าด้วยกันอ๋อฮาร์โมนีค่ะเข้า
00:10:02 → 00:10:07 ด้วยกันอ่าไม่ใช่ว่าแบบเฮ้ยแยกกันไปเลยนะ
00:10:07 → 00:10:09 ฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณแยกกันคุณจะ
00:10:09 → 00:10:11 ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพอืเพราะคุณก็จะมีแต่
00:10:11 → 00:10:15 งานๆนๆเช้ามาก็เอางานและกลางวันมาโอโหก็
00:10:15 → 00:10:18 โอโหต้องอยู่ที่ทำงานอยู่แล้วเย็นมาโหก็
00:10:18 → 00:10:21 เรื่องงานต่อไปอีกฉันจะไปออกกำลังฉันจะไป
00:10:21 → 00:10:25 หาอาหารที่ดีกินมันก็ไม่มีเวลาเลยอือ่า
00:10:25 → 00:10:30 ฉะนั้นแล้วมันก็อาจจะมีการใช้ทฤษฎีเ hary
00:10:30 → 00:10:34 เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอาจจะไปควบคู่
00:10:34 → 00:10:38 กันโอ้โหอ่าประชุมไปเดินออกกำลังกายไปคิด
00:10:38 → 00:10:42 งานไปนะอ่านั่งกินอาหารเพื่อสุขภาพไป
00:10:42 → 00:10:46 อย่างงี้อาจจะต้องอาจจะต้องปรับไปใน
00:10:46 → 00:10:50 ลักษณะนี้อ่าไม่งั้นเนี่ยมันก็ไม่แต่งาน
00:10:50 → 00:10:53 ต้องไม่เสียถ้าอย่างอาจารย์ทำได้อาจารย์
00:10:53 → 00:10:57 ทำได้อยากมีชีวิตแบบอาจารย์มากเลยนะคะบอก
00:10:57 → 00:11:01 ถูกต้องแต่ว่าวิถีชีวิตบางบางประเภทก็
00:11:01 → 00:11:05 โอ้โหยากเหลือเกิน 8 เอ่อเค้าเรียกอะไร
00:11:05 → 00:11:09 อ่ะ 24 ชมเท่ากันอเค้าบอกให้แบ่งเวลา 888
00:11:09 → 00:11:13 ออ่าเวลาทำงานเวลาส่วนตัวเวลาา 888 นั่น
00:11:13 → 00:11:17 คืองานๆๆไม่นั้นก็ไม่ได้แล้วนะอืก็กิน
00:11:17 → 00:11:21 เวลาส่วนตัวไปกลายเป็นเกินเวลาเป็นงานไป
00:11:21 → 00:11:25 งานๆๆยิ่งถ้าเกิดไปเจอภาระที่หนักอึ้ง
00:11:25 → 00:11:27 เชื่อว่าหลายคนก็จะเจอสภาวะแบบนี้นะคะโดย
00:11:27 → 00:11:30 อ่าอาจจะคนรุ่นเก่าด้วยเด็กรุ่นใหม่ด้วย
00:11:30 → 00:11:32 เนาะเพราะว่าอาจจะอเข้าใจไม่เหมือนกัน
00:11:32 → 00:11:37 อะไรเงี้ยแต่ว่าอมันอือหือจะยังไงล่ะหมด
00:11:37 → 00:11:39 พลังหมดแรงไปแล้วอาจารย์ไม่จะให้ตะเกียก
00:11:39 → 00:11:42 ตะกายไปออกกำลังกายหรืออะไรเงี้ยไม่เป็น
00:11:42 → 00:11:46 ไรเราเราก็ต้องค่อยๆปรับวิถีชีวิตเพื่อ
00:11:46 → 00:11:48 สุขภาพแล้วกลมกลืนกับการทำงานยังไง
00:11:48 → 00:11:51 อาจารย์ก็ต้องก็เน้นย้ำว่าเ้ยอะไรที่มัน
00:11:51 → 00:11:53 เ้ยสามารถทำได้เช่นเช้าตื่นขึ้นมาอย่าง
00:11:53 → 00:11:56 เงี้ยครับเราต้องกินอาหารเช้าและเพราะมี
00:11:56 → 00:11:59 ผลต่อการทำงานเราฟาสติ้งมาทั้งคืนค่ะเรา
00:11:59 → 00:12:02 อดอาหารมาทั้งคืนไม่ได้กินมาทั้งคืนแล้ว
00:12:02 → 00:12:04 มีการศึกษาวิจัยครับเปรียบเทียบเลยใน
00:12:04 → 00:12:08 กลุ่มคนวัยทำงานนี่แหละนะกลุ่มนึงตื่นมา
00:12:08 → 00:12:11 กินอาหารเช้า 8 น 99:00 นกินอาหารเช้าแล
00:12:11 → 00:12:15 กับอีกกลุ่มนึงไปกินตอนเที่ยงอ่าเปรียบ
00:12:15 → 00:12:17 เทียบ 2 กลุ่มนี้นะครับแล้ววัดระบบ
00:12:17 → 00:12:19 เมตาบอลิซึมของร่างกายการเผาผลาญของร่าง
00:12:19 → 00:12:23 กายพบว่าคนที่กินตอนเที่ยงอ่ะอ่าตอน
00:12:23 → 00:12:26 เที่ยงอาฮะอ่าการเผาผลาลดน้อยลงนะ
00:12:26 → 00:12:29 metabolism ลดน้อยลงย
00:12:29 → 00:12:32 ที่เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันอ่าฮะเก็บสะสม
00:12:32 → 00:12:35 ไขมันเนี่ยค่ะเพิ่มมากขึ้นแสดงออกเพิ่ม
00:12:35 → 00:12:37 ขึ้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดรกอ้วนง่าย
00:12:37 → 00:12:39 ขึ้นนะเพราะมันเหมือนเข้าใจว่าร่างกายอด
00:12:39 → 00:12:43 อาหารมันก็พยายามที่จะไอ้ยีนที่
00:12:43 → 00:12:46 สังเคราะห์ไขมันก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิด
00:12:46 → 00:12:49 การแสดงออกมากขึ้นเพื่ออะไรเพื่อจะเก็บ
00:12:49 → 00:12:51 เป็นพลังงานสำรองไว้มากขึ้นไงเพราะเข้าใจ
00:12:51 → 00:12:54 ว่าร่างกายขาดค่ะอ่าก็ยิ่งเก็บสะสมไขมัน
00:12:54 → 00:12:58 มากขึ้นกระบวนการเผาผ่ารดน้อยลงค่ะแล้ว
00:12:58 → 00:13:01 ความหิวแล้ววกลวันพบว่ากลุ่มที่ไม่กิน
00:13:01 → 00:13:05 อาหารเช้าเนี่ยโหยหิวมากกว่าใช่แล้วก็จะ
00:13:05 → 00:13:07 ไปกินเย็นกินค่ำกินดึกอ่ามันก็จะโหยไป
00:13:08 → 00:13:10 เรื่อยอ้าจะอุตส่าห์กินแค่ 2 มื้อแล้วนะ
00:13:10 → 00:13:12 อาจารย์ยังไม่ได้เหรอใช่อาจารย์ไม่ได้
00:13:12 → 00:13:14 ห้ามนะกิน 2 มื้ออ่ะแต่ขอขอร้องให้กิน
00:13:14 → 00:13:17 มื้อเช้าและมื้อกลางวันหรือมื้อบ่ายอ้า
00:13:17 → 00:13:20 ตัดมื้อเย็นไปได้จะดีมากใช่ถูกต้องแต่คุณ
00:13:20 → 00:13:22 ต้องกินให้พอคุณจะกินมื้อเดียวแต่คุณต้อง
00:13:22 → 00:13:25 กินให้พอนะไม่ใช่มื้อเดียวแต่เป็นไงครับ
00:13:25 → 00:13:30 ไม่พอบางคนทำไสุดติ่งกระดิ่งแมวอือๆ 231
00:13:30 → 00:13:33 โอกินแค่ชั่วโมงเดียวอ่ะทำยังไงก่อนอ่าก็
00:13:33 → 00:13:36 ไม่ต้องถึงขนาดนั้นเราทำให้เป็นรูทีนสม่ำ
00:13:36 → 00:13:38 เสมอในแต่ละวันแล้วก็เพียงพอแฮปปี้อย่าง
00:13:38 → 00:13:42 มีความสุขเราทำแบบเฮ้ยเอ่อเช้า 8:00 นกิน
00:13:43 → 00:13:46 ข้าวเช้าไม่เกิน 99:00 นอ่ะ 17:00 นกิน
00:13:46 → 00:13:49 ข้าวเย็นจบทำไมจะไม่ได้นึกออกมั้ยเราก็
00:13:49 → 00:13:51 กินได้คุณจะกิน 2 มื้อ 3 มื้ออันนี้แล้ว
00:13:51 → 00:13:54 แต่ของคุณแต่ขอให้เพียงพอค่ะและมื้อเช้า
00:13:55 → 00:13:58 ไม่ควรงดอือ่าเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณ
00:13:58 → 00:14:01 งดมื้อเช้าแล้วคนอ้างเพราะฉันทำไไงฉันจะ
00:14:01 → 00:14:04 ได้จำนวนชั่วโมงครบอ้าวทำไมคุณไม่ไปงด
00:14:04 → 00:14:05 มื้อเย็นเร็วขมื้อเย็นหรือกินมื้อเย็นให้
00:14:05 → 00:14:09 เร็วขึ้นถูกต้องฮแล้วมื้อเช้าเนี่ยสำคัญ
00:14:09 → 00:14:11 มากเลยงานวิจัยชิ้นนี้เพิ่งถูกตีพิมพ์ออก
00:14:11 → 00:14:13 มาเมื่อปีที่แล้วนี่เองนะครับอ่าลงใน
00:14:14 → 00:14:16 วรสารเอ่อเซล metabolism ซึ่งเป็นวรสาร
00:14:16 → 00:14:18 ที่มี Impact Factor สูงยอมรับทั่วโลก
00:14:18 → 00:14:22 ค่ะนะแล้วทำในคนเลยคนนี่แหละเอามาดูเลย
00:14:22 → 00:14:25 ว่าแบบเฮ้ยเราวัดผลจำนวนกุ่มตัวอย่างหลาย
00:14:25 → 00:14:27 คนเลยก็พบว่าการที่ไม่รับประทานอาหารเช้า
00:14:27 → 00:14:30 เนี่ยกระบวนการเผาผ่าน้อยลงการควบคุมความ
00:14:30 → 00:14:34 หิวนะควบคุมได้ไม่ดีค่ะแล้วก็เรื่องของ
00:14:34 → 00:14:37 กระบวนการที่มีผลในเรื่องของการชะลอไวเ้า
00:14:37 → 00:14:40 เรียกกระบวนการออฟีอืกระบวนการที่เซลล์
00:14:40 → 00:14:44 เนี่ยมันกืนกินตัวมันเองทำความสะอาดเซลล์
00:14:44 → 00:14:47 เองนะครับลดน้อยลงไอ้คนที่ไม่กินมื้อเช้า
00:14:48 → 00:14:52 ออ๋ออ่าแล้วเราเราจะทำไเราก็อยากให้มัน
00:14:52 → 00:14:55 กระทบมื้อเช้าเพราะเราอยากที่จะได้
00:14:55 → 00:14:57 ประโยชน์แล้วอย่าลืมว่ายิ่งวัยทำงานน่ะ
00:14:58 → 00:15:00 เราต้องการสาอาหารมาบำรุงสมองมื้อเช้า
00:15:00 → 00:15:05 เนี่ยเราต้องการโปรตีนเพื่อจะไปกระตุ้นนะ
00:15:05 → 00:15:08 หรือเพิ่มการสังเคราะห์ฮอร์โมนโดปามีนตอน
00:15:08 → 00:15:10 เช้าเนี่ยโดปามีนจะหลั่งออกมาอ่าทำให้เรา
00:15:10 → 00:15:15 สดชื่นตื่นตัวพร้อมกระปี้กระเป๋าที่จะไป
00:15:15 → 00:15:18 ทำงานค่ะแต่ถ้าเกิดเราไม่กินโปรตีนเป็นไง
00:15:18 → 00:15:21 ครับห่อเหี่ยวโดปามีนรสห่อเฮี่ยวไม่อยาก
00:15:21 → 00:15:23 ทำงานไม่มีความสดชื่นตื่นตัวไม่มีเรี่ยว
00:15:23 → 00:15:27 แรงไม่มีพลังงานอ้าอันเนี้ยเมีงานวิจัย
00:15:27 → 00:15:30 เลยนะครับว่าการกินโปรตีนในมื้อเช้าค่ะ
00:15:30 → 00:15:34 ช่วยทำให้การสร้างฮอร์โมนโดปามีนเนี่ยใน
00:15:34 → 00:15:37 ตอนเช้าเนี่ยมันดีขึ้นสดชื่นตื่นตัวมี
00:15:37 → 00:15:40 พลังงั้นแล้วมื้อเช้าเราก็ต้องกินคนะโดย
00:15:40 → 00:15:43 เฉพาะอาหารประเภทโปรตีนนะคาร์โบไฮเดรต
00:15:43 → 00:15:46 เชิงซ้อนที่ดีนะครับอ่าไขมันกลุ่มไขมัน
00:15:46 → 00:15:52 ที่ดีนะครับแล้วก็อเอ่อมันจะมีผลน่ะในการ
00:15:52 → 00:15:55 ที่ทำให้เราอ่ะมีความพร้อมที่จะออกไปสู้
00:15:55 → 00:15:59 รบตบมืออืนะในวันนี้ไม่ใช่เช้ามาโอไม่ได้
00:15:59 → 00:16:03 กินอะไรเลยนะกาแฟแก้วขนมปังแผ่นนึงแล้ว
00:16:03 → 00:16:06 คุณจะเอาเสบียงที่ไหนไปให้กับสมองไปให้
00:16:06 → 00:16:09 กับเซลล์ต่างๆในร่างกายเพื่อที่จะไปรับ
00:16:09 → 00:16:12 ความเครียดไปรับความกดดันต่างๆความกดดัน
00:16:12 → 00:16:16 ใช่แล้วใยอาหารในมื้อเช้าก็สำคัญนะครับะ
00:16:16 → 00:16:19 ไม่ใช่แค่โปยผักผลไม้ได้ดๆผผลไม้นี่แหละ
00:16:19 → 00:16:22 สำคัญเลยเพราะเมีการวิจัยครับว่าการกิน
00:16:22 → 00:16:25 อาหารใยอาหารเนี่ยโปรตีนในมื้อเช้าช่วยใน
00:16:25 → 00:16:29 เรื่องของสมองโปรตีนในมื้อเช้าช่วยใน
00:16:29 → 00:16:31 เรื่องของการควบคุมความผิวตลอดทั้งวันได้
00:16:31 → 00:16:36 คอ่าและเรื่องของไฟเบอร์ในมื้อเช้ามีผลใน
00:16:36 → 00:16:39 การควบคุมน้ำตาลในมื้อเย็นได้ค่ะอ่ามัน
00:16:39 → 00:16:43 ส่งผลครับอแล้วมื้อเช้ามีผลกระทบต่อมื้อ
00:16:43 → 00:16:46 กลางวันมื้อเย็นด้วยนะอ่าอันเนี้ยเขา
00:16:46 → 00:16:49 เรียกโครโนนิวตริเป็นโภชนาการตามนาฬิกา
00:16:49 → 00:16:54 ชีวิตอือ่าเพราะเช้าตื่นมาโดปามีนหลั่ง
00:16:54 → 00:16:56 เพื่ออะไรมันเป็นธรรมชาติของร่างกายนะแต่
00:16:56 → 00:17:00 ทุกวันเนี้ยเราใช้ชีวิตฝืนนาฬิกาชีวิต
00:17:00 → 00:17:03 เช้าให้ตื่นมาอาหารเช้ากับระหว่างนอนต่อ
00:17:03 → 00:17:05 เราเลือกเลยครับนอนต่อค่ะนอนครับตื่นมา
00:17:05 → 00:17:08 กินไม่กินอาหารเช้าสำพไม่กินฉันจะนอน
00:17:08 → 00:17:11 เดี๋ยวรอไปทีเดียวเลยอ่าส่วนเวลาทำงาน
00:17:11 → 00:17:14 กลางวันเขาให้ทำงานเราเป็นไงครับง่วงอยาก
00:17:14 → 00:17:18 จะนอนนเพลียอ่าเพลียอยากจะนอนเพราะกลาง
00:17:18 → 00:17:22 คืนเขาให้นอนเราทำไมครับตื่นตื่นนไม่เล่น
00:17:22 → 00:17:25 โซเชียลก็แบบโอมานั่งทำงานดึกๆเที่ยงคน
00:17:25 → 00:17:28 1:00 2:00 นทำไมอาจารย์เอาชีวิตรีมาคุย
00:17:28 → 00:17:31 เราใช้ชีวิตสวนทางนาฬิกาชีวิตแล้วชีวิตจะ
00:17:31 → 00:17:34 มีชีวาได้อย่างไรหูนี่ย้อนนึกถึงกลับไป
00:17:34 → 00:17:36 ตอนเด็กเลยค่ะอาจารย์ที่เมื่อก่อน 20:00
00:17:36 → 00:17:38 นก็นอนแล้วดูการ์ตูนเสร็จจบเนาะเมื่อก่อน
00:17:38 → 00:17:41 มันไม่มีอะไรเลยอ่ะจบเลยใช่มอนได้เออเรา
00:17:41 → 00:17:43 ก็นอนได้เต็มที่เลยอยู่ต่างจังหวัดละคร
00:17:43 → 00:17:47 ดังหลังข่าวจบอ่านหนังสือการ์ตูนว่าไปง
00:17:47 → 00:17:49 ใช่ 2200 นเราก็หลับปุ๋ยแล้วใช่ตอนเช้าก็
00:17:49 → 00:17:52 ตืนโคสฮอร์โมนก็หลั่งเต็มที่เลยตอน 23:00
00:17:52 → 00:17:54 นถึง 2:00 นฟื้นฟูร่างกายของเรานี่คือ
00:17:54 → 00:17:58 ธรรมชาติมันคือธรรมชาติมันจัดสรอยู่แล้ว
00:17:58 → 00:18:01 ในในชีวิตของเราอ่าแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป
00:18:01 → 00:18:04 อ่ะค่ะอาจารยถูเพราะตัวเราไงครับแล้ว
00:18:04 → 00:18:07 เนี่ยเวลากินเราไม่กินเวลานอนเราไม่นอนอื
00:18:07 → 00:18:10 อ่าพอช่วงเช้าเฮ้ยโดปามีนหลั่งให้สดชื่น
00:18:10 → 00:18:14 ได้รับสารอาหารเข้าไปเสริมพลังงานสมองของ
00:18:14 → 00:18:16 เราให้มีเรี่ยวแรงกระปี้กระเปานะแล้วมัน
00:18:17 → 00:18:19 ช่วยในเรื่องของ mental
00:18:19 → 00:18:23 Alert จิตใจตื่นตัวในการพร้อมที่จะทำงาน
00:18:23 → 00:18:25 อือ่ากลางวันเติมสารอาหารที่ให้พลังงาน
00:18:26 → 00:18:28 เข้าไปตอนเย็นเราก็กินหวานน้อยหน่อยค่ะ
00:18:28 → 00:18:31 เพราะอะไรเพราะว่ากินหวานเยอะมากกินน้ำ
00:18:31 → 00:18:33 ตาลเยอะมากในมื้อเย็นจะไปมีผลในการยับ
00:18:33 → 00:18:36 ยั้งฮอร์โมนโกสฮอร์โมนตอนกลางคืนที่ไป
00:18:36 → 00:18:39 ซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอยิ่งวัยทำงานน่ะโหม
00:18:39 → 00:18:43 ใช้ร่างกายเยอะอค่ะอืถ้าเรากินดีนอนดีค่ะ
00:18:44 → 00:18:46 ออกกำลังกายดีอารมณ์ดีเนี่ยสารพัดออที่
00:18:46 → 00:18:49 อาจารย์บอกเนี่ยค่ะมันก็ทำให้ชีวิตทำงาน
00:18:49 → 00:18:53 ของเราเนี่ยอืมีความสุขอืตื่นมาด้วยแบบ
00:18:53 → 00:18:56 เฮ้ยสดชื่นตื่นตัวมีเอเนอจี้มีพลังงาน
00:18:56 → 00:18:59 เต็มที่มีเรี่ยวแรงที่จะทำงานเต็มที่ค่ะ
00:18:59 → 00:19:01 ถึงเวลากลางคืนเฮ้ยเรานอนเพื่ออะไรเพื่อ
00:19:01 → 00:19:04 ฟื้นฟูธาตุขันธร่างกายของของเราอ่ะมัน
00:19:04 → 00:19:08 ฉลาดที่จะไปหลั่งพวกเมลาโทนินให้เราง่วง
00:19:08 → 00:19:12 ให้เราหลับแต่เราก็ฝืนมันนึกออกมมันคนกิน
00:19:12 → 00:19:15 กาแฟฝืนเข้าไปอีกจริงๆๆอ่าฉะนั้นมันก็เลย
00:19:15 → 00:19:19 แบบเนี่ยชีวิตก็เลยไม่มีชีวาอ๋อเพราะ
00:19:19 → 00:19:21 ฉะนั้นก็คือกลายเป็นว่าสิ่งสำคัญคือการ
00:19:21 → 00:19:24 ที่เราอาตื่นเช้าหน่อยนกที่ตื่นเช้าคือนก
00:19:24 → 00:19:28 ที่ต้องตื่นก่อนไปหาที่จอดรถเออก็หาอะไรใ
00:19:28 → 00:19:31 กินด้วยตื่นเช้าหน่อยถูต้องเน้นโปรตีน
00:19:31 → 00:19:33 เน้นไฟเบอร์เน้นไขมันดีในมื้อเช้าแล้วก็
00:19:33 → 00:19:36 คาร์โบไฮเดรตที่ดีให้พลังงานในมื้อเช้า
00:19:36 → 00:19:39 ค่ะอ่าเพื่อให้เรามีพลังอะไรก็ได้แต่ว่า
00:19:39 → 00:19:42 ต้องมีสารอาหารเหล่านี้ให้ครบถ้วนในมื้อ
00:19:42 → 00:19:46 ครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีนอ่าในมื้อเช้าอย่าง
00:19:46 → 00:19:49 เงี้ยแล้วก็มื้อกลางวันนะเราก็อย่ากิน
00:19:49 → 00:19:53 หนักออ่ะมากเกินเพราะอะไรครับตกบ่ายมา
00:19:53 → 00:19:56 หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อนจะมาเฝ้าพระ
00:19:56 → 00:19:58 อินทรและตัวเอียงแล้วเนี่ยเขายังไม่ให้
00:19:58 → 00:20:01 นอนกินอิ่มมากเกินไปก็ไม่ดีอีกอ่านึกนึก
00:20:01 → 00:20:03 ออกมั้ยครับมื้อกลางวันเนี่ยนะแต่เราก็
00:20:03 → 00:20:06 ยังต้องการแบบเฮ้ยพลังงานอือ่ามื้อเย็นก็
00:20:06 → 00:20:09 กินให้มันน้อยหน่อยกินให้มันเร็วหน่อย
00:20:09 → 00:20:11 ก่อนพระอาทิตย์ตกดินค่ะแต่เพื่อนชวนตลอด
00:20:11 → 00:20:14 เลยอ่าเราก็ต้องหัดปฏิเสธเพื่อนบ้างเราก็
00:20:14 → 00:20:19 ชวนกลับเลยเฮ้ยกินก่อนกินเร็วกินเร็วนะ
00:20:19 → 00:20:23 เดี๋ยวพอพอเลิกงานปุ๊บรีบๆบเลยต้องกินใช่
00:20:23 → 00:20:25 ถูกต้องก่อนก่อน 6:00 นหรือว่าแล้วแต่ไ
00:20:25 → 00:20:28 แล้วแต่ว่าใครทำอะไรแบบไหนเนาะ
00:20:28 → 00:20:32 กับตัวเองแล้วก็บางคนเนี่ยเบรคก่อนเลิก
00:20:32 → 00:20:37 งานมีเบรคลงมาอ่าเข้าร้านสะดวกซื้อจะกิน
00:20:37 → 00:20:42 ไข่ต้มจะกินนมถั่วเหลืองจะกินอือโยเกิร์ต
00:20:42 → 00:20:46 นึกออกมั้ยครับอ่าอกไก่อ่าซะลงซะลัดหรือ
00:20:46 → 00:20:49 อะไรให้มันอิ่มท้องไปเลยตั้งแต่แบบ 15 น
00:20:49 → 00:20:51 1600 นอะไรอย่างเงี้ยก่อนกลับบ้านก็ก็
00:20:51 → 00:20:54 ได้นี่อก็ได้โแต่ว่ามันต้องใช้เวลาในการ
00:20:54 → 00:20:57 ปรับสภาพเพื่อให้มันชินกับต้องค่อยๆอ่า
00:20:57 → 00:21:01 เพราะนี่คือธรรมชาติของชีวิตค่ะหลังพระ
00:21:01 → 00:21:03 ทิตตกดินขาไม่ให้กินอะไรแล้วขอให้เตรียม
00:21:03 → 00:21:07 เข้านอนแล้วนึกออกมั้ยเราต้องปรับให้เป็น
00:21:07 → 00:21:11 ไปตามนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติเพราะเราเป็น
00:21:11 → 00:21:14 มนุษย์ไงเรามี biological คนาฬิกาชีวิต
00:21:14 → 00:21:17 ของเราแต่ถ้าเกิดว่าเราฝืนธรรมชาติเนี่ย
00:21:17 → 00:21:20 มันก็ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาต่างๆอื
00:21:20 → 00:21:23 แล้วอย่างคนที่เขาทำงานเป็นกะล่ะคะ
00:21:23 → 00:21:26 อาจารย์เออที่แบบกลางคืนก็ต้องทำงานใช่
00:21:26 → 00:21:29 มั้คะพวกคุณพยาบาลอาจารย์เจอประจำเออเกิน
00:21:29 → 00:21:32 อะไรมีแรงมีพวไ attendance แ hostage
00:21:32 → 00:21:36 ทั้งหลายแหนะที่แบบว่าเฮ้ยทำงานแบบว่าเออ
00:21:36 → 00:21:39 แบบอันนั้นน่ะจะส่วนทางนาฬิกาชีวิตสวนทาง
00:21:39 → 00:21:41 แบบปกติและนะอันเนี้ย
00:21:41 → 00:21:46 คือก็ต้องกินดีแต่เขาอาจจะไม่ได้ผลกระทบ
00:21:46 → 00:21:48 ต่อสุขภาพเขาไม่เหมือนคนอื่นและเวลานอน
00:21:48 → 00:21:51 เขาจะนอนกลางวันใช่มั้ครับพวกนี้ก็จะต้อง
00:21:51 → 00:21:54 มีต้องปิดไฟให้มืดสนิทนะอ่าเพื่อหลอกร่าง
00:21:54 → 00:21:56 กายใช่มยคะถูต้องเพื่อให้มันมืดสนิทก็จะ
00:21:56 → 00:21:59 เห็นว่าเอ้ยมันจะมีหน้ากากมีผ้าคาดปิดตา
00:22:00 → 00:22:03 เพื่อให้มันมืดสนิทเมลาโทนินจะได้หลังอื
00:22:03 → 00:22:05 อ่าเมลาโทนินจะได้หลังเขาก็จะได้แบบว่า
00:22:05 → 00:22:09 เฮ้ยได้พักผ่อนฟื้นฟูอ่าแล้วก่อนนอนก็
00:22:09 → 00:22:12 เหมือนกันมันมันสลับกันน่ะอือฮึอ่ากลาง
00:22:12 → 00:22:15 วันกลางคืนเหมือนเราไปอยู่อเมริกาอย่าง
00:22:15 → 00:22:18 เงี้ยค่ะเราก็ต้องสลับเขาก็ต้องสลับค่ะ
00:22:18 → 00:22:23 อ่าก็พยายามที่จะทำตามนาฬิกาชีวิตที่สอด
00:22:23 → 00:22:26 คล้องกับการทำงานของเขาค่ะอ่าไม่ใช่ว่า
00:22:26 → 00:22:29 เอ้ยเขาเต้องนอนกลางวันน่ะก็เข้าใจเขาก็
00:22:29 → 00:22:31 ต้องปิดให้มืดสนิทค่ะอ่าเพื่อให้
00:22:31 → 00:22:34 เมลาโทนินหลังเขาต้องกินกลางคืนก็เข้าใจ
00:22:34 → 00:22:37 นะเขาก็ต้องปรับกระบวนการจนนาฬิกาชีวิต
00:22:37 → 00:22:40 ของเขาเนี่ยสอดคล้องกับการทำงานอือ่าก็
00:22:40 → 00:22:43 คือคือจริงๆถ้าอย่างคนที่เขาทำงานกะกลาง
00:22:43 → 00:22:46 คืนอะไรงอย่างเงี้ยเน่าจะปรับสภาพตัวเอง
00:22:46 → 00:22:49 ได้ได้อยู่แล้วเพราะว่าใชๆครับแล้วพอเค
00:22:49 → 00:22:53 เกษียณแล้วเคก็กลับมาสู่ภาวะปกติของ
00:22:53 → 00:22:57 โลกตามตามนาฬิกาชีวิตที่แท้รูใช่ถูกต้อง
00:22:57 → 00:23:00 ครับอ
00:23:00 → 00:23:03 อาจารว่ายควทำงานยังไงก็ควรกินมื้อเช้าอื
00:23:03 → 00:23:08 โปรตีนเน้นเลยโปรตีเน้นโปรตีนเน้นใยอาหาร
00:23:08 → 00:23:10 เพราะมันควบคุมความหิวระหว่างวัน
00:23:10 → 00:23:13 คาร์โบไฮเดรตนะที่ดีเชิงซ้อนเพราะยังไง
00:23:13 → 00:23:15 คุณต้องการพลังงานนะเว้นไว้เสียแต่ว่า
00:23:15 → 00:23:18 เอ้ยคุณแบบอ้วนมากคุณจะกินโลขาบอย่าง
00:23:18 → 00:23:20 เงี้ยอันนี้มันก็จะเป็นกลุ่มเฉพาะบุคคล
00:23:20 → 00:23:24 และที่มีปัญหาสุขภาพเรื่องของโรคภัยไข้
00:23:24 → 00:23:28 เจ็บอ่าเพราะทุกวันเนี้ยบางคนก็ฮิตทำเอ่อ
00:23:28 → 00:23:32 เอ่อคีโตโลคาบไนะเพราะคุณอาจจะอ้วนคุณอาจ
00:23:32 → 00:23:36 จะเป็นเบาหวานแล้วคุณทำถ้าคุณทำอย่าง
00:23:36 → 00:23:39 เหมาะสมค่ะนะพวกนี้เนี่ยก็จะเป็นประโยชน์
00:23:39 → 00:23:43 นะก็สามารถที่ทำให้เขาเนี่ยหายจากโรคได้
00:23:43 → 00:23:46 กลับมาสู่ภาวะปกติได้แต่ทั้งหมดทั้งปวง
00:23:46 → 00:23:48 โรคเหล่านี้มันเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของเรา
00:23:48 → 00:23:51 เป็นหลักถ้าเรากลับมาใช้ชีวิตอีลุ่ยฉุย
00:23:51 → 00:23:54 แฉกเหมือนเดิมค่ะมันก็มีโอกาสที่จะกลับมา
00:23:54 → 00:23:58 เหมือนเดิมอือ่าเพราะฉะนั้นก็คืออ่ะเน้น
00:23:58 → 00:24:02 เลยหือว่ามื้อเช้าโปรตีนใหญ่อาหารปมาณ
00:24:02 → 00:24:05 ต้องเยอะมั้ยคะตอนเช้าแบบโอาให้อิ่มเลย
00:24:05 → 00:24:07 อ่าตอนเช้าเนี่ยให้อิ่มเลยก็ยังได้ครับ
00:24:07 → 00:24:11 แต่กลางวันก็กินลองลงเหมือนที่เขาบอกไง
00:24:11 → 00:24:15 ว่าตอนเช้ากินแบบพระราชากลางวันธรรมดา
00:24:15 → 00:24:17 เพราะกินจุกเกินไปเป็นไงครับบ่ายเดี๋ยว
00:24:17 → 00:24:21 ง่วงอ่าแล้วตอนเย็นน่ะเหมือนญ่าจ๊กค่ะอ่า
00:24:22 → 00:24:24 หนักมื้อเช้าเบามื้อเที่ยงเรี่ยงมื้อเย็น
00:24:24 → 00:24:28 แต่อย่าไปเน้นมื้อดึกครับไม่งั้นไม่งั้น
00:24:28 → 00:24:31 เนี่ยไม่ตามนาฬิกาชีวิตและอ่าพยายามที่จะ
00:24:31 → 00:24:33 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอยู่หลับนอน
00:24:33 → 00:24:36 ทั้งหลายแหล่นะวัยทำงานก็จะเป็นวัยที่เรา
00:24:36 → 00:24:39 ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะเดียวกัน
00:24:39 → 00:24:43 สุขภาพร่างกายของเราก็ดีด้วยมันก็ส่งผล
00:24:43 → 00:24:48 ต่อการ่าก้าวเข้าสู่สูงวัยค่ะอ่าเกษียณ
00:24:48 → 00:24:51 อย่างเกษมมันก็ขึ้นอยู่กับช่วงวัยทำงาน
00:24:51 → 00:24:53 ด้วยเราจะได้ไม่ต้องไปฟื้นฟูหลังเกษียณ
00:24:53 → 00:24:56 เพราะเราใช้แบบโชีวิตสมบุกสมบันมากอาหาร
00:24:56 → 00:24:59 การกินเราไม่ดีคอาจารย์ฝากไว้เลยว่า
00:24:59 → 00:25:01 เรื่องของวัยทำงานนี่แหละเป็นวัยที่ต้อง
00:25:01 → 00:25:05 ดูแลสุขภาพรู้เข้าใจว่าเฮ้ยบางทีเรื่อง
00:25:05 → 00:25:09 งานมันสำคัญมากแต่อย่าลืมว่าสุขภาพถ้ามัน
00:25:09 → 00:25:13 ล้มไปแล้วอ่ะนึกออกมั้ยครับค่ะงานคุณก็จบ
00:25:13 → 00:25:17 เลยนะอือ่านะเราก็ต้องปรับจูนเผเผลอๆมีคน
00:25:17 → 00:25:21 ทำงานแทนเราถูกต้องครับถูกต้องเลยมีคนทำ
00:25:21 → 00:25:23 งานแทนเราตายแล้วชีวิตเราไม่ได้อยู่ที่จะ
00:25:23 → 00:25:26 ทำงานอีกแล้วนะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามที่
00:25:26 → 00:25:30 จะปรับจูนให้มันเอ่อสมดุอ่าใช้ชีวิตอย่าง
00:25:30 → 00:25:33 มีชีวาก็รับประทานอาหารให้ถูกหลัก
00:25:33 → 00:25:36 โภชนาการเนาะในวัยทำงานก็จะทำให้เราเนี่ย
00:25:36 → 00:25:39 มีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับงานก็มี
00:25:39 → 00:25:42 ประสิทธิภาพที่ดีครับผมฟังแล้วปรับตัวเลย
00:25:42 → 00:25:46 ทีเดียวขอบคุณอาจารย์ค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะ
00:25:46 → 00:25:48 ค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วค่ะพบกันใหม่
00:25:48 → 00:25:51 ครั้งหน้านะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:25:51 → 00:25:54 This Is Toy PBS podcast คำจำกัด
00:25:54 → 00:25:56 ความของคำว่าคุกคามทางเพศคืออะไรแบ่งออก
00:25:56 → 00:25:59 ได้เป็นกี่ลักษณะตกเป็นเหยื่อได้บ้างผู้
00:25:59 → 00:26:02 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท์วิภาดิลกสัมพันธ์
00:26:02 → 00:26:04 ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัว
00:26:04 → 00:26:07 มาเล่าให้ฟังครับเรื่องเพศก็เป็นเรื่อง
00:26:07 → 00:26:11 นึงที่ทำให้เกิดการถูกทำร้ายถูกการคุกคาม
00:26:11 → 00:26:13 การคุกคามทางเพศเนี่ยหรือที่ภาษาอังกฤษ
00:26:13 → 00:26:16 เขาเรียกว่า secual harassment ก็คือ
00:26:16 → 00:26:19 พฤติกรรมที่ฝ่ายหนึ่งเนี่ยแสดงออกถึง
00:26:19 → 00:26:22 นัยยะทางเพศอนะคะไม่ว่าคนนั้นเนี่ยเป็น
00:26:22 → 00:26:24 ผู้หญิงหรือผู้ชายนะเพราะอย่าคิดว่าการ
00:26:24 → 00:26:27 คุกคามทางเพศนี่มีแต่ชายทำต่อหญิงนะคะเคย
00:26:27 → 00:26:30 มีหญิงทำต่อชายก็มีนะคะทำแล้วเนี่ยเหยื่อ
00:26:30 → 00:26:34 จะรู้สึกไม่ดีนะคะรู้สึกถูกคุกคามรู้สึก
00:26:34 → 00:26:37 ไม่ปลอดภัยเกิดความรู้สึกอึดอัดหรืออับ
00:26:37 → 00:26:41 อายนะฮะหรือถูกลดทอนศักดิ์ศรีคุณค่าของ
00:26:41 → 00:26:44 ความเป็นมนุษย์ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน
00:26:44 → 00:26:47 ทุกรูปแบบล้วนแต่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้
00:26:47 → 00:26:50 ก่เหยื่อได้ทั้งสิ้นเลยการสัมผัสทางกายก็
00:26:50 → 00:26:52 คือการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้
00:26:53 → 00:26:56 กระทำเนี่ยนะฮะสัมผัสกับร่างกายของเหยื่อ
00:26:56 → 00:26:59 โดยไม่ขออนุญาตก่อนนะเช่นการแตะเนื้อต้อง
00:26:59 → 00:27:05 ตัวการลูบไร้การถูถการกอดรัดการจูบนะฮะ
00:27:05 → 00:27:08 การฉวยโอกาสหรือดึงมานั่งบนตักนะฮะหรือ
00:27:08 → 00:27:11 โน้มตัวเอาหรือเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆเี่มัน
00:27:11 → 00:27:13 ใช่หมดเลยถ้าคนที่จะเริ่มคุกคามทางเพศ
00:27:13 → 00:27:16 หนักขึ้นเนี่ยก็จะเริ่มจากน้อยๆก่อนก็จะ
00:27:17 → 00:27:19 คอยดูว่าเหยื่อว่าอะไรมหรือเหยื่อคิดอะไร
00:27:19 → 00:27:23 มคำพูดเป็นสิ่งที่พบบ่อยมากเมื่อเหยื่อ
00:27:23 → 00:27:26 เนี่ยทำท่าไม่พอใจกับคำพูดเหล่านั้นนะฮะ
00:27:26 → 00:27:29 หรือทำสีหน้าที่ไม่ดีออกมาก็มักจะแก้ตัว
00:27:29 → 00:27:32 ว่าเอ้ยล้อเล่นคิดมากไปได้อะไรอย่างเงี้ย
00:27:32 → 00:27:35 มันมีคำพูดตั้งแต่การวิจารณ์รูปร่างหน้า
00:27:35 → 00:27:39 ตาการแต่งกายของเขาหรือชักชวนไปในที่ลับ
00:27:39 → 00:27:43 หรือพูดจาแทะโลมพูดจาลามกพูดเดอตี้โจ๊กนะ
00:27:43 → 00:27:47 ฮะหรือเรียกชื่อที่ส่อไปในทางต่างๆที่
00:27:47 → 00:27:50 เป็นในเรื่องเพศอ่ะการใช้สายตาหรือสีหน้า
00:27:50 → 00:27:53 ถึงแม้จะระบุยากเพราะมันแวบเดียวการส่ง
00:27:53 → 00:27:56 สายตาหรือแสดงออกหรือสีหน้าส่อถึงเรื่อง
00:27:56 → 00:28:00 เพศโดยที่เหยื่อรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้
00:28:00 → 00:28:03 เคยเห็นมั้คะที่เราเรียกว่านตาลามกอ่ะค่ะ
00:28:03 → 00:28:05 เป็นลักษณะของการจ้องมองหน้าอกมองหน้า
00:28:05 → 00:28:09 แล้วก็แลบลิ้นเลียรอบปากมองขาอ่อนหรือชาย
00:28:09 → 00:28:12 กระโปรงผู้หญิงนะฮะหรือจ้องเข้าไปในคอ
00:28:12 → 00:28:14 เสื้อนะคะหรือว่ายักคิ้วหลิวตาอะไรก็แล้ว
00:28:15 → 00:28:19 แต่การส่งข้อความนะฮะหรือรูปภาพเอ่อทั้ง
00:28:19 → 00:28:23 ในโลกจริงหรือจะลงในโลกของออนไลน์หรือจะ
00:28:23 → 00:28:26 เป็นลักษณะของการคอมเมนต์ที่สื่อในเรื่อง
00:28:26 → 00:28:29 เพศหรือเป็นการแทะโลมหรือเป็นการที่เอ่อ
00:28:29 → 00:28:33 ส่งสิ่งลามกอนาจารย์ไปให้เขาดูนะคะอย่าง
00:28:33 → 00:28:36 นี้เป็นต้นอท่าทางเนี่ยเป็นเชิงสัญลักษณ์
00:28:36 → 00:28:38 หรือเป็นที่รู้กันว่ามีความหมายทางเพศ
00:28:38 → 00:28:43 ตั้งแต่ทำท่าน้ำลายหกผิวปากนะฮะส่งจูบยืน
00:28:43 → 00:28:47 ชิดเกินไปไล่ต้อนให้เข้ามุมหรือกั้นขวาง
00:28:47 → 00:28:51 ทางเดินนะฮะลักษณะของการตามตื้อติดตามตาม
00:28:51 → 00:28:54 รังควานะฮะแล้วก็การกระทำที่ทำให้เหยื่อ
00:28:55 → 00:28:57 เนี่ยรู้สึกไม่ปลอดภัยทางเพศอ่ะค่ะทั้ง
00:28:57 → 00:28:59 หมดเลย
00:28:59 → 00:29:00 [เพลง]
00:29:00 → 00:29:04 This Is Toy PBS
00:29:04 → 00:29:07 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:29:07 → 00:29:10 Application ของ Thai PBS podcast
00:29:10 → 00:29:13 spotify soundcloud Google podcast
00:29:13 → 00:29:16 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:16 → 00:29:20 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:29:20 → 00:29:23 View the world via The
00:29:23 → 00:29:27 [เพลง]
00:29:27 → 00:29:31 Voice อ