00:00:00 → 00:00:03 คุณ
00:00:03 → 00:00:06 แนทเสี้ยม you พ็อดคาสท์ฟังเฟิร์สเฮ้าส์
00:00:06 → 00:00:08 [เพลง]
00:00:08 → 00:00:12 ฟัง for Health cod Cash รายการที่จะ
00:00:12 → 00:00:15 มาพูดคุยเรื่องราวของสุขภาพและแบ่งปัน
00:00:15 → 00:00:18 ประสบการณ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขา
00:00:18 → 00:00:20 ต่างๆของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:00:20 → 00:00:22 เชียงใหม่
00:00:22 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:27 เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัวเรา
00:00:27 → 00:00:29 [เพลง]
00:00:29 → 00:00:33 สวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง for
00:00:33 → 00:00:36 Health พอดแคสต์รายการที่จะมาพูดคุย
00:00:36 → 00:00:38 เรื่องราวสุขภาพนะคะแล้วก็แบ่งปัน
00:00:38 → 00:00:41 ประสบการณ์จากแพทย์เฉพาะทางในสาขาต่างๆ
00:00:41 → 00:00:44 ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ
00:00:44 → 00:00:47 อยู่กับดิฉันฟ้าธัญลักษณ์สดสวยๆนัก
00:00:47 → 00:00:49 ประชาสัมพันธ์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:00:49 → 00:00:52 เชียงใหม่พอดแคสต์นะคะก็เป็นอีกหนึ่งช่อง
00:00:52 → 00:00:55 ทางที่คณะแพทย์มชจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่
00:00:55 → 00:00:59 ชื่นชอบในการฟังและรักในการดูแลสุขภาพนะ
00:00:59 → 00:01:02 คะจะถ้าพูดถึงข้อมูลที่ถูกต้องในการดูแล
00:01:02 → 00:01:05 ตัวเองและคนที่คุณรักค่ะคุณฟังเค้าเรื่อง
00:01:05 → 00:01:08 ที่จะมาพูดคุยกันเป็นเรื่องของโซเดียมค่ะ
00:01:08 → 00:01:11 โซเดียมเป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่ไม่ควรมอง
00:01:11 → 00:01:14 ข้ามเลยนะคะถึงในว่าทุกวันนี้เราจะมีการ
00:01:14 → 00:01:17 รณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักด้านสุขภาพ
00:01:17 → 00:01:19 ออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆนะคะเช่นเรื่อง
00:01:19 → 00:01:22 ใกล้ตัวของผู้บริโภคทั้งเรื่องของการลด
00:01:22 → 00:01:26 การกินหวานมันเค็มค่ะถึงแม้ว่าเราจะทราบ
00:01:26 → 00:01:29 ดีว่าสิ่งเหล่านี้หากรักในปริมาณที่มาก
00:01:29 → 00:01:31 เกินกว่าร่างกายต้องการก็ย่อมส่งผลต่อ
00:01:31 → 00:01:34 สุขภาพนะคะอีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการ
00:01:34 → 00:01:38 เกิดโรคต่างๆตามมาได้อีกมากมายค่ะแล้ววัน
00:01:38 → 00:01:40 นี้เราจะมาพูดคุยกับนักพัฒนาการถึงเรื่อง
00:01:40 → 00:01:43 ของโซเดียมกันนะคะเราอยากจะรู้ข่าวว่า
00:01:43 → 00:01:46 โซเดียมในแหล่งอาหารธรรมชาติเนี่ยหาได้
00:01:46 → 00:01:49 จากที่ไหนโซเดียมดีคืออะไรแล้วทำลาย
00:01:49 → 00:01:52 สุขภาพของเราได้ยังไงบ้างรวมถึงการนำไป
00:01:52 → 00:01:55 สู่โรคต่างๆเนี่ยเพราะอะไรบ้างซึ่งวันนี้
00:01:55 → 00:01:58 หาผู้ที่มาให้ข้อมูลกับเราท่านพร้อมจะคุย
00:01:58 → 00:02:01 กันแล้วนะคะขอต้อนขอขอบคุณนฤมิตบ้านคุ้ม
00:02:01 → 00:02:05 นักโภชนาการงานโภชนาการโรงพยาบาลมหาราช
00:02:05 → 00:02:07 นครเชียงใหม่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:02:07 → 00:02:12 เชียงใหม่ค่ะสวัสดีค่ะคุณเคนสวัสดีครับ
00:02:12 → 00:02:15 คุณเคนคะไม่เจอกันหลายอาทิตย์เลยนะคะ
00:02:15 → 00:02:17 เชื่อว่าคนฟังหลายท่านเนี่ยต้องรอ Ep ที่
00:02:17 → 00:02:19 จะได้พบกับนักพัฒนาการอีกครั้งนึงแล้ว
00:02:19 → 00:02:22 เรื่องที่มาคุยกันเป็นอีกเรื่องนึงที่ฮิต
00:02:22 → 00:02:26 มากๆเลยทำว่าโซเดียมก่อนอื่นเราอยากจะทำ
00:02:26 → 00:02:29 ความรู้จักก่อนเลยค่ะว่าโซเดียมคืออะไรคะ
00:02:29 → 00:02:33 จริงๆแล้วนะครับโซเดียมก็เป็นเกลือแร่ที่
00:02:33 → 00:02:35 มีความสำคัญต่อร่างกายนะครับจะทำหน้าที่
00:02:35 → 00:02:39 ในการควบคุมความสมดุลของความเป็นกรดและ
00:02:39 → 00:02:42 ด่างในร่างกายแล้วก็ควบคุมการเต้นของหัว
00:02:42 → 00:02:45 ใจรวมไปถึงที่ประจรครับคุณฟ้าวันนี้คือ
00:02:45 → 00:02:48 ความข้อดีของเขาเลยคุณเป็นฟังก์ชันการทำ
00:02:48 → 00:02:50 งานของเรือโซเดียมครับเพราะฉะนั้นเราก็
00:02:50 → 00:02:52 จำเป็นที่ต้องกินโซเดียมอยู่นะเกลือ
00:02:52 → 00:02:56 โซเดียมใช่ครับค่ะแต่จะต้องรับประทานใน
00:02:56 → 00:02:58 ปริมาณที่เหมาะสมและก็เกลือโซเดียมเนี่ย
00:02:58 → 00:03:01 ก็จะมีผลต่อความถ้ามันเลือกและการทำงาน
00:03:01 → 00:03:04 ของเส้นประสาทและระบบของกล้ามเนื้อครับ
00:03:04 → 00:03:06 แล้วก็ร่างกายของเราเนี่ยก็จะได้รับ
00:03:06 → 00:03:08 โซเดียมจากการบริโภคอาหารเป็นส่วนใหญ่
00:03:08 → 00:03:11 ครับซึ่งเกิดโซเชียลเนี่ยก็จะมีรสชาติ
00:03:11 → 00:03:15 เค็มและก็มักจะใช้ในการปรุงประกอบรวมไป
00:03:15 → 00:03:18 ถึงถนอมอาหารครับคุณเฮงภาระแบบสีในปริมาณ
00:03:18 → 00:03:21 ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงบ่ายในเป็นยังไง
00:03:21 → 00:03:25 บ้างคะครับสำหรับคำแนะนำของกรมควบคุมโรค
00:03:25 → 00:03:29 นะครับก็แนะนำให้คนทั่วไปเลยนะครับไม่ควร
00:03:29 → 00:03:33 จะบริโภคโซเดียมเกินวันละ 2000 มิลลิกรัม
00:03:33 → 00:03:36 หรือเทียบเท่ากับเกลือแกงโซเดียมคลอไรด์
00:03:36 → 00:03:40 อ่ะไม่ควรจะเกินวันละ 1 ช้อนชาครับเกิน 1
00:03:40 → 00:03:42 ช้อนชาเล็กๆเท่านั้นใช่ๆครับที่สามารถ
00:03:42 → 00:03:46 เติมเพิ่มในจานอาหารของตนเองครับนี่ขนาด
00:03:46 → 00:03:48 เรายังพูดถึงในเมื่ออาหารถ้านึกถึง
00:03:48 → 00:03:52 เครื่องปรุงที่ตักนี้ก็น่าจะหนักน่าดูเลย
00:03:52 → 00:03:55 นะคะและในช่วงวัยราคาแตกต่างกันไหมคะคุณ
00:03:55 → 00:03:57 เข็นค่ะจริงๆแล้วในแต่ละช่องไว้ก็ไม่ได้
00:03:57 → 00:04:00 แตกต่างกันมากครับขึ้นอยู่กับแต่ว่า
00:04:00 → 00:04:03 สุขภาพของแต่ละคนครับสำหรับช่วงวัยซนทั่ว
00:04:03 → 00:04:06 ไปที่ยังสุขภาพดีก็คือไม่ควรจะบริโภคเกิน
00:04:06 → 00:04:09 2000 มิลลิกรัมต่อวันแต่สำหรับผู้ที่มี
00:04:09 → 00:04:13 กลุ่มโรคประจำตัวที่เป็นโรค ncd เนาะเหรอ
00:04:13 → 00:04:15 โรคไม่ติดต่อเรื้อรังนะครับไม่ว่าจะเป็น
00:04:15 → 00:04:19 โรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงโลกใครมาใน
00:04:19 → 00:04:21 และสูงนะครับอาจจะต้องมีการจำกัดปริมาณ
00:04:21 → 00:04:25 เกลือโซเดียมหรือว่าโซเชียลมีความจะเกิน
00:04:25 → 00:04:28 1,500 มิลลิกรัมต่อวันครับจากการสำรวจ
00:04:28 → 00:04:31 ของกรมอนามัยร่วมกับสถาบันโภชนศาสตร์
00:04:31 → 00:04:35 มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่าคนไทยส่วนใหญ่รับ
00:04:35 → 00:04:38 ประทานโซเดียมมากถึง 2 เท่าของปริมาณที่
00:04:38 → 00:04:42 แนะนำครับก็ 1 ช้อนเช้าแน่นอนๆออกมาแล้ว
00:04:42 → 00:04:46 ถ่ายครับถ้าแบบนี้เกินในระยะเวลายาวนาน
00:04:46 → 00:04:49 ตัวสวัสดียามเนี่ยหาส่งผลต่อสุขภาพร่าง
00:04:49 → 00:04:52 กายทำลายสุขภาพร่างกายของเราได้ยังไงบ้าง
00:04:52 → 00:04:57 คะหนึ่งเลยนะครับก็จะทำให้เกิดการคลังของ
00:04:57 → 00:05:02 เกลือและน้ำในอวัยวะต่างๆพี่ฟ้าซึ่งคน
00:05:02 → 00:05:05 ทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงนะครับไตก็
00:05:05 → 00:05:08 สามารถที่จะกำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินได้
00:05:08 → 00:05:11 ทันแต่ในทางกับการสำหรับผู้ที่เป็นผู้
00:05:11 → 00:05:14 ป่วยนะครับโรคไตเรื้อรังก็ไม่สามารถที่จะ
00:05:14 → 00:05:18 กำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินในร่างกายได้ก็
00:05:18 → 00:05:21 จะทำให้เกิดภาวะคลั่งของเกลือและน้ำจะทำ
00:05:21 → 00:05:24 ให้มีอาการแขนขาบวมเหนื่อยง่ายแน่นหน้าอก
00:05:24 → 00:05:26 นอนราบไม่ได้
00:05:26 → 00:05:29 ร้องแบบนี้นะคะถ้าเราทันโซเดียมมากๆที่
00:05:29 → 00:05:32 เราเคยได้ยินกันว่าจะทำให้ตัวบวมอันนี้
00:05:32 → 00:05:35 จริงไหมคะอันนี้เป็นเรื่องจริงครับโดย
00:05:35 → 00:05:38 ปกติแล้วโซเดียมก็จะทำหน้าที่ควบคุมสมดุล
00:05:38 → 00:05:42 ของเหลวในร่างกายหากเรารับประทานโซเดียม
00:05:42 → 00:05:45 มากเกินไปร่างกายก็จะดูดซึมเก็บน้ำไว้ที่
00:05:45 → 00:05:48 ใต้ผิวหนังมากขึ้นทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
00:05:48 → 00:05:52 ได้ครับถ้าเรายังมีอีกไหมคะทำให้เกิดภาวะ
00:05:52 → 00:05:54 ความดันโลหิตสูงครับโดยเฉพาะกลุ่มของผู้
00:05:54 → 00:05:57 สูงอายุกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังคนอ้วน
00:05:57 → 00:06:00 และผู้ป่วยโรคเบาหวานครับผู้ที่มีภาวะ
00:06:00 → 00:06:03 ความดันโลหิตสูงมากๆก็จะเกิดผลเสียต่อ
00:06:03 → 00:06:07 ระบบหลอดเลือดต่างๆเอาอวัยวะต่างๆเช่นตัว
00:06:07 → 00:06:11 หัวใจและสมองทำให้พัฒนากายเป็นโรคหัวใจ
00:06:11 → 00:06:14 ติดตันรวมไปถึงโรคอัมพฤกษ์อัมพาตได้ครับ
00:06:14 → 00:06:18 เมื่อมีภาวะของการคลังของน้ำและความดัน
00:06:18 → 00:06:21 โลหิตสูงแล้วนะครับก็จะทำให้ตายอ้ะทำงาน
00:06:21 → 00:06:23 หนักเพิ่มมากขึ้นและแน่นอนสุดท้ายแล้วผล
00:06:24 → 00:06:27 ที่ตามมาครับก็จะทำให้มีความดันในหน่วยใจ
00:06:27 → 00:06:30 สูงขึ้นและเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ
00:06:30 → 00:06:33 มากขึ้นนอกจากนี้ยังกระตุ้นทำให้ร่างกาย
00:06:33 → 00:06:37 สร้างสารบางอย่างมีผลทำให้ไตเสื่อมเร็ว
00:06:37 → 00:06:41 ขึ้นก็คือตัวของโซเชียลเนี่ยทำให้เกิดโรค
00:06:41 → 00:06:44 เรื้อรังต่างๆตามมาไม่ใช่ครับไปจนถึงลบ
00:06:44 → 00:06:48 แท็กใต้ตายค่ะนกแทรกซ้อนที่ว่าคือโรคไต
00:06:48 → 00:06:51 วายเรื้อรังไปจนถึงจุดที่น่ากลัวที่สุด
00:06:51 → 00:06:54 เลยใช่ครับเราจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆเอง
00:06:54 → 00:06:57 นะแค่กินโซเดียมเนี่ยไม่น่าจะรุนแรงถึง
00:06:57 → 00:07:01 ขั้นเป็นโรคเรื้อรังอะไรตามมามีแต่เป็น
00:07:01 → 00:07:04 ภัยร้ายจริงให้เงียบจริงๆนะเพราะมันมีการ
00:07:04 → 00:07:08 สะสมเราอาจจะไปภคเค็มจนชินมาตั้งแต่เด็ก
00:07:08 → 00:07:11 อ่ะค่ะรู้สึกว่าไปกินรสชาติที่บ้านเพื่อน
00:07:11 → 00:07:13 หรืออาหารที่เพื่อนปรุงเนี่ยทำไมต่างจาก
00:07:13 → 00:07:16 ของเราจังเลยเพราะฉะนั้นลหโซเดียมเองเขา
00:07:16 → 00:07:19 ก็มีข้อดีของเขาอย่างที่นักโภชนาการกล่าว
00:07:19 → 00:07:22 มานะคะในมุมของนักพัฒนาการแล้วอ่ะคะเราจะ
00:07:22 → 00:07:24 รู้ได้เรื่องของอาหารการกินอย่างแน่นอน
00:07:24 → 00:07:28 ค่ะก็น่าจะรู้นะคะว่าสำหรับโซเดียมเนี่ย
00:07:28 → 00:07:32 อยู่ในอาหารชนิดใดบ้างคะครับจริงๆเรา
00:07:32 → 00:07:35 สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มอาหารต่างๆเนาะ
00:07:35 → 00:07:37 กลุ่มแรกเลยนะครับที่เจอก็คือกลุ่มอาหาร
00:07:37 → 00:07:40 ที่มีอยู่ในตามธรรมชาติครับคุณฟ้ามักพบ
00:07:40 → 00:07:43 ปริมาณโซเดียมนะครับอยู่ในพวกกลุ่มของ
00:07:43 → 00:07:47 อาหารโปรตีนก็คือเนื้อหมูเนื้อไก่เนื้อ
00:07:47 → 00:07:51 วัวนมและไข่ก็จะมีปริมาณโซเดียมสูงนะครับ
00:07:51 → 00:07:53 ชาติมาจากธรรมชาติอยู่แล้วครับแต่ก็ไม่
00:07:53 → 00:07:56 ได้ว่าสูงเยอะนะครับก็คือสามารถพบได้เนาะ
00:07:56 → 00:07:58 ในหนึ่งหน่วยบริโภคเนี่ยจะมีอยู่ไม่เกิน
00:07:58 → 00:08:02 100 ต่อ 1 หน่วยบริโภคให้ก็ประมาณ 100
00:08:02 → 00:08:05 กรัมครับของเนื้อสัตว์หรือว่าเนื้อหมู
00:08:05 → 00:08:08 เนื้อไก่เนี่ย 1 ขีดเอาเท่าอย่างนี้คุณ
00:08:08 → 00:08:11 ฟังที่ฟังอยู่นะคะถ้าแต่ละมื้ออาหารของ
00:08:11 → 00:08:13 ท่านที่ท่านทานเนี่ยหน่วยบริโภคท่านเหมาะ
00:08:13 → 00:08:16 สมอยู่แล้วไม่เกินนี้ 100 การได้ว่าเนื้อ
00:08:16 → 00:08:19 สัตว์ 1 ฉีดใช่ก็คือโซเดียมเหมาะสมแล้ว
00:08:19 → 00:08:23 ต้องครับก็คือเหมือนเรากินตามหลักที่เคย
00:08:23 → 00:08:26 แนะนำกันไปนะว่าสามารถจะทานเนื้อสัตว์ได้
00:08:26 → 00:08:29 มื้อละ 1 ฝ่ามือ 100 กรัมต่อมื้อใช่ไหม
00:08:29 → 00:08:32 ครับซึ่งในนั้นอ้ะก็จะมีปริมาณของโซเดียม
00:08:32 → 00:08:36 อยู่ 100 mg ถัดมาครับก็จะเป็นกลุ่มของ
00:08:36 → 00:08:39 พวกถั่วเมล็ดแห้งธัญพืชครับที่ไม่ผ่านการ
00:08:39 → 00:08:42 แปรรูปนะครับต้องย้ำก่อนแบบธรรมชาติมา
00:08:42 → 00:08:45 ธรรมชาติเลยเนาะก็จะเป็นพวกถั่วเหลือง
00:08:45 → 00:08:47 ถั่วเขียวถั่วแดงอย่างนี้ครับน้องปริมาณ
00:08:47 → 00:08:50 ก็คือ 1 ฝ่ามือหรือว่าหนึ่งอุ้งมือครับก็
00:08:50 → 00:08:53 จะมีพวกกระโซเดียมอยู่ไม่เกิน 50 ถึง 100
00:08:53 → 00:08:57 mg เหมาะสมหมายใช่วันนึงเนี่ยเราบริโภค
00:08:57 → 00:09:00 ได้ 2,000 นี้ใช่แล้วครับนี่เนื้อหาในถ้า
00:09:00 → 00:09:03 เราจัดเซตดีๆแล้วเราก็จะได้รับปริมาณ
00:09:03 → 00:09:07 โซเดียมอยู่ไม่เกิน 200 ถึง 500 mg ถ้า
00:09:07 → 00:09:10 ใน 1 วันนะครับจากอาหารในกลุ่มธรรมชาติ
00:09:10 → 00:09:13 อาหาร 5 หมู่ที่เราเราบริโภคอยู่เข้าใจ
00:09:13 → 00:09:15 ได้ง่ายมากๆเลยค่ะยิ่งมองเห็นภาพจัดอาหาร
00:09:15 → 00:09:18 ใช่ค่ะจานอาหารเนี่ยดูเหมาะสมมากๆทำให้
00:09:18 → 00:09:21 เรานึกภาพปริมาณโซเดียมง่ายขึ้นเลยนะคะ
00:09:21 → 00:09:24 นอกจากนี้ยังมีแหล่งอาหารในอีกบ้างคะครับ
00:09:24 → 00:09:27 กลุ่มที่ 2 นะครับกลุ่มถัดมาก็คือกลุ่ม
00:09:27 → 00:09:30 ของอาหารที่ผ่านการแปรรูปหรือผ่านการถนอม
00:09:30 → 00:09:34 อาหารนะครับยกตัวอย่างเช่นอาหารกระป๋อง
00:09:34 → 00:09:36 ทุกชนิดเลยที่บรรจุอยู่ในกระป๋องหรือ
00:09:36 → 00:09:41 อาหารแบบพวกกึ่งสำเร็จรูปเช่นก็จะเป็นพวก
00:09:41 → 00:09:46 แบบมีกึ่งสำเร็จรูปโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปรวม
00:09:46 → 00:09:49 ไปถึงพวกขนมถุงกรุบกรอบหรือถ้าเป็นพวก
00:09:49 → 00:09:52 เนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหารเช่นเนื้อ
00:09:52 → 00:09:58 เค็มปลาเค็มปลาร้าถ้าครับรวมไปถึงพวกไข่
00:09:58 → 00:10:02 แดงเค็มของโปรดทั้งเฮ้ยเฮ้ยใช่ครับรวมไป
00:10:02 → 00:10:05 ถึงพวกผักและผลไม้ที่ผ่านการหมักดองทุก
00:10:05 → 00:10:08 ชนิดเลยครับที่นักพัฒนาการพูดมานะคะเชื่อ
00:10:08 → 00:10:11 ว่าคุณผู้ฟังทุกท่านเนี่ยกินแล้วก็ x ของ
00:10:11 → 00:10:14 โปรดเลยอันนี้ใช่เลยเมนูนิทานบ่อยในเมนู
00:10:14 → 00:10:16 นั้นอ่ะอาจจะทำให้คุณฟังเอะใจขึ้นมาว่า
00:10:16 → 00:10:20 เราบริโภคนะแต่เป็นประจำหรือเปล่าถ้าเป็น
00:10:20 → 00:10:23 ประจำเนี่ยทำให้รู้ด้วยค่ะว่าท่านเนี่ยจะ
00:10:23 → 00:10:26 เสี่ยงแล้วนะเสี่ยงที่จะมีโรคภัยไข้เจ็บ
00:10:26 → 00:10:29 ต่างๆตามมาได้จากการรับประทานโซเดียมเกิน
00:10:29 → 00:10:31 นั่นเองค่ะเมื่อสักครู่ที่เราได้ยินน่ะ
00:10:31 → 00:10:34 ถึงคำว่าอาหารแปรรูปค่ะคุณเคนฮาตรงนี้
00:10:34 → 00:10:37 อยากให้ลงลิฟต์ใส่อีกนิดนึงค่ะเพื่อให้
00:10:37 → 00:10:39 คุณผู้ฟังได้เห็นภาพนะคะว่ายกตัวอย่าง
00:10:39 → 00:10:42 เช่นอะไรบ้างแล้วมีโซเดียมประมาณเท่าไหร่
00:10:42 → 00:10:47 ค่ะอย่างแรกคืออะไรคะในกลุ่มของอาหารแปร
00:10:47 → 00:10:50 รูปเนื้อสัตว์ปรุงรสนะครับเช่นหมูหยองหมู
00:10:50 → 00:10:55 ยอไส้กรอกแฮมเบคอนนะครับในปริมาณ 2 ช้อน
00:10:55 → 00:10:59 กินข้าวหรือว่า 2 ช้อนโต๊ะครับจะมีปริมาณ
00:10:59 → 00:11:04 ของก็จะโซเดียมแฝงอยู่ 300 ถึง 500 mg
00:11:04 → 00:11:07 กว่านี้นี่คือไส้กรอกของชิ้นต้องชิ้นเล็ก
00:11:07 → 00:11:11 ๆค็อกเทลอ่ะครับเป็น 30 กรัมมานะไม่ได้
00:11:11 → 00:11:15 เยอะใช่ใช่แล้วเนี่ย 300 ถึง 500 mg เลย
00:11:15 → 00:11:19 ทีเดียวใช่เขาตาของก่อนนั้นหมดแล้วว่าถ้า
00:11:19 → 00:11:22 เกิดทันอาหารแปรรูปเหล่าเนี้ยเป็นอาหาร
00:11:22 → 00:11:26 ว่างยิ่งก็จะเป็นการเพิ่มใช่นอนชายครับ
00:11:26 → 00:11:29 แบบนี้ยังมีส่วนไหนอีกคะทำนั้นก็จะเป็น
00:11:29 → 00:11:31 ส่วนของอาหารสำเร็จรูปหรือว่ากึ่งสำเร็จ
00:11:31 → 00:11:35 รูปนะครับยกตัวอย่างเช่นข้าวต้มโจ๊กรวมไป
00:11:35 → 00:11:38 ถึงข้าวกล่องแช่แข็งและก็มีบะหมี่กึ่ง
00:11:38 → 00:11:42 สำเร็จรูปการบริโภค 1 กล่องหรือว่า 1 ซอง
00:11:42 → 00:11:46 นะครับจะมีเกลือโซเดียมสูงถึง 700 ถึง
00:11:46 → 00:11:51 2000 mg โอ้โหเกินเลยนะคะขอพูดถึงว่า
00:11:51 → 00:11:54 แค่ 1 ซองเท่านั้นอะมีกริ่งสำเร็จรูปเรา
00:11:54 → 00:11:57 คุ้นเคยอยู่แล้วใช่ครับแค่ 1 2 เท่านั้น
00:11:57 → 00:12:00 ปริมาณเกลือโซเดียมสูงถึงขั้นสและการ
00:12:00 → 00:12:03 บริการได้เลยใช่ครับจริงๆแล้วนะครับคุณ
00:12:03 → 00:12:05 ฟ้าเราอาจจะต้องมีการดูข้อมูลโภชนาการ
00:12:05 → 00:12:09 ข้างหลังซองหรือว่าข้างหลังฉลากโภชนาการ
00:12:09 → 00:12:12 เพื่อดูปริมาณของเกลือโซเดียมที่อยู่ใน
00:12:12 → 00:12:15 หนึ่งหน่วยบริโภคหรือว่า 1 กล่อง 1 ซองนะ
00:12:15 → 00:12:17 ครับก็มีกระโซเดียมเท่าไหร่ต้องคอยสังเกต
00:12:17 → 00:12:20 นะครับน่าสนใจมากๆเลยค่ะชื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:12:20 → 00:12:22 ในต้องได้ทริคดีๆตรงนี้แน่นอนเพราะว่านอก
00:12:22 → 00:12:26 จากเราจะดูแคลอรี่แล้วน้อยใช่ชอบชายได้
00:12:26 → 00:12:29 เบาๆอะไรที่กินแล้วรู้สึกว่าไม่อ้วนแต่
00:12:29 → 00:12:31 อย่าลืมนะคะว่าตรงช่องของโซเชียลเองก็
00:12:31 → 00:12:35 สำคัญเช่นชายครับหรืออาจจะดูตรงที่ฉลาก
00:12:35 → 00:12:38 หวานมันเค็มซึ่งเป็นฉลาก gda อยู่ด้าน
00:12:38 → 00:12:41 หน้าของซองเป็นตารางอยู่ประมาณ 4 ช่องนะ
00:12:41 → 00:12:44 ครับอยู่ด้านหน้าซองจะเป็นตัวขนาดใหญ่อัน
00:12:44 → 00:12:47 นั้นก็จะสังเกตได้ง่ายครับว่าการบริโภคไป
00:12:47 → 00:12:50 หนึ่งหน่วยบริโภค 1 ซองหรือว่า 1 กล่อง
00:12:50 → 00:12:53 เนี่ยให้โซเดียมเท่าไหร่ให้แคลอรี่เท่า
00:12:53 → 00:12:57 ไหร่ให้น้ำตาลเท่าไหร่ให้ไขมันเท่าไหร่ก็
00:12:57 → 00:12:59 ได้ฟังนะพัฒนาการเล่าให้เราฟังวันนี้รู้
00:12:59 → 00:13:01 เลยว่าสู้ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆค่ะอย่าง
00:13:01 → 00:13:05 แฮมเบคอนไส้กรอกโอ้โหเราคิดว่านานๆทีกิน
00:13:05 → 00:13:08 ก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะนักพัฒนาการมักจะพูด
00:13:08 → 00:13:11 ว่าทานได้แต่ต้องจำกัดปริมาณอาหารกัด
00:13:11 → 00:13:15 ปริมาณใน 1 วันใช่แล้วได้ครับก็ทิ้งเราทำ
00:13:15 → 00:13:17 แบบนี้ต่อเนื่องทุกวันเนี่ยเชื่อว่า
00:13:17 → 00:13:19 สุขภาพร่างกายของเราเนี่ยจะมีโอกาสที่จะ
00:13:19 → 00:13:22 เจ็บป่วยได้อย่างแน่นอนอ่ะจะมีโรคแทรก
00:13:22 → 00:13:26 ซ้อนเพิ่มมากขึ้นครับค่ะนอกจากนี้ค่ะยัง
00:13:26 → 00:13:29 มีในส่วนของกลุ่มไหนอีกคะทำไมก็จะเป็น
00:13:29 → 00:13:32 กลุ่มของเครื่องปรุงรสชนิดต่างๆนะครับที่
00:13:32 → 00:13:35 มีเกลือโซเดียมอยู่เนอะอย่างแรกเลยที่จะ
00:13:35 → 00:13:37 ต้องพูดถึงเลยก็คือเกลือป่นหรือว่าเกลือ
00:13:37 → 00:13:41 แกงปริมาณ 1 ช้อนชา 1 ช้อนชาเท่านั้นนะคะ
00:13:41 → 00:13:43 ชาย 1 ช้อนชาเล็กๆนะครับหรือว่า 1 ช้อน
00:13:43 → 00:13:48 กาแฟค่ะจะให้โซเดียม 2000 mg หมดก็ตาย
00:13:48 → 00:13:51 หมดคอร์สอ้าแล้วนี้ 1 วันเข้าไปนี่คือหมด
00:13:51 → 00:13:54 ไปแล้วนอนใครเกินซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามัก
00:13:54 → 00:13:58 จะบริโภคเกลือแกงเป็นเครื่องจิ้มของผลไม้
00:13:58 → 00:14:01 รสเปรี้ยวใช่ไหมครับอาอ้าอันนี้ต้องระมัด
00:14:01 → 00:14:05 ระวังนะครับไทยเรานะผลไม้ดองผลไม้รส
00:14:05 → 00:14:07 เปรี้ยวที่เรามาทานกับพริกเกลือไม่ใช่
00:14:07 → 00:14:11 แล้วผิดเรือใช่ครับโดยเฉพาะการที่เรา
00:14:11 → 00:14:14 บริโภคแบบเป็นผลไม้ดองก็มีเกลือโซเดียม
00:14:14 → 00:14:19 แฝงอยู่แล้วลองมาดองมาใช่แล้วก็ยังมาจิ้ม
00:14:19 → 00:14:22 กับพริกเกลืออีกโซเดียมก็เพิ่มไปเป็น 2
00:14:22 → 00:14:25 เท่า Double เข้าไปอีกถ้าไม่ได้มานั่งคุย
00:14:25 → 00:14:28 กับนักพัฒนาการเนี่ยเรามองข้ามเลยนะคะเรา
00:14:28 → 00:14:31 ก็จะทานอย่างเพลินๆแล้วก็โอ้หมดถุงได้เลย
00:14:31 → 00:14:34 พริกเกลือหนักๆที่หนักแต่พอได้คุยแบบ
00:14:34 → 00:14:37 เนี้ยเรารู้ล่ะเขาว่าถ้าเราลดหรือควบคุม
00:14:37 → 00:14:42 ได้น่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพได้ครับข้อแรก
00:14:42 → 00:14:44 เป็นเกลือไปแล้วค่ะถัดมาครับข้อที่สองเลย
00:14:44 → 00:14:48 ก็คือน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะหรือว่า 1 ช้อนกิน
00:14:48 → 00:14:53 ข้าวปริมาตร 45 ml จะให้เกลือโซเดียมสูง
00:14:53 → 00:14:55 ถึง
00:14:55 → 00:14:56
00:14:56 → 00:15:01 50-1000 400 mg ยามีข่าวเยอะมากเลย
00:15:01 → 00:15:04 แล้วเราชอบลุงอะไรที่ใส่น้ำปลาเข้าไปตาย
00:15:04 → 00:15:06 หรือแม้แต่อาหารตามสั่งเราก็จะต้องมีการ
00:15:06 → 00:15:10 ราดพริกน้ำปลาใช่ไหมครับให้เป็นของที่คู่
00:15:10 → 00:15:13 กันต้องเติมความเค็มความผิดเข้าไป
00:15:13 → 00:15:16 เพราะฟังว่าในเครื่องปรุงต่างๆแล้วรู้สึก
00:15:16 → 00:15:19 ว่าโควต้าเราจะหมดแล้วนะครับเธอนะคะก็
00:15:19 → 00:15:21 อย่างที่บอกนะครับว่าโซเดียมอยู่รอบตัว
00:15:21 → 00:15:24 เราถัดมาครับก็จะเป็นส่วนของเครื่องปรุง
00:15:24 → 00:15:27 รสเนอะยกตัวอย่างก็จะมีตัวของซีอิ๊วขาว
00:15:27 → 00:15:31 ครับ 1 ช้อนโต๊ะก็จะให้โซเดียม 1,200
00:15:31 → 00:15:34 มิลลิกรัมแล้วก็ถัดมาก็จะเป็นตัวของซอส
00:15:34 → 00:15:34 ถั่วเหลือง
00:15:34 → 00:15:38 1 ช้อนโต๊ะนะครับก็จะมีเกลือโซเดียมถึง
00:15:38 → 00:15:42 1000 100 mg ถึง 1,200 มิลลิกรัมครับ
00:15:42 → 00:15:45 ก็คือ 1,000 ไปทางมาไทยแล้วเครื่องปรุง
00:15:45 → 00:15:47 เนี่ยเพราะได้พูดคำว่าเครื่องปูเข้ามา
00:15:47 → 00:15:51 1ช้อนโต๊ะ1ช้อนชาก็ปริมาณโดดไปเยอะมาก
00:15:51 → 00:15:55 แล้วค่ะถัดมาก็จะเป็นตัวของซอสปรุงรสน้อย
00:15:55 → 00:15:59 อย่างเช่นซอสมะเขือเทศซอสพริกนะครับแล้ว
00:15:59 → 00:16:03 ก็จะมีซอสหอยนางรมเนาะปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
00:16:03 → 00:16:06 เนี่ยก็จะให้เกลือโซเดียมตั้งแต่ 200 mg
00:16:07 → 00:16:10 ถึง 500 mg ครับพูดถึงศ.ระวังทีไม่ได้
00:16:10 → 00:16:13 ใส่แฮ่ 1 ช้อนนะฮะเราใส่เป็น 1 ทัพพี
00:16:13 → 00:16:16 สุดท้ายเลยนะครับก็จะเป็นพวกกลุ่มของน้ำ
00:16:16 → 00:16:20 จิ้มยอดอย่างเช่นน้ำจิ้มไก่น้ำจิ้มบ๊วย
00:16:20 → 00:16:24 น้ำจิ้มสุกี้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะจะให้เกลือ
00:16:24 → 00:16:28 โซเดียมแฝงอยู่ 300 ถึง 400 มิลลิกรัม
00:16:28 → 00:16:31 ครับถ้าตอนนี้เรามาถึงกลุ่มที่ 3 แล้วนะ
00:16:31 → 00:16:34 คะก็คือเรื่องของเครื่องปรุงชี้ต่างๆแล้ว
00:16:34 → 00:16:36 ผู้ฟังหลายท่านเนี่ยเริ่มหันไปมองรอบตัว
00:16:36 → 00:16:39 แล้วแหละว่าอันไหนไม่เกินบ้างหลังจากนี้
00:16:39 → 00:16:41 มีกลุ่มไหนอีกบ้างคะคุณเคนคะกลุ่มที่มี
00:16:41 → 00:16:45 การเติม Baking Soda หรือว่าผงฟูนะครับ
00:16:45 → 00:16:48 เป็นขนมก็จะเป็นกลุ่มของขนมปังขนม
00:16:48 → 00:16:51 เบเกอรี่ยกตัวอย่างก็คือพวกเค้กคุกกี้แพน
00:16:51 → 00:16:55 เค้กแล้วก็แป้งสำเร็จรูปต่างๆจะมีการเติม
00:16:55 → 00:16:58 ผงฟูซึ่งในผงฟูเนี่ยก็จะมีโซเดียมเป็น
00:16:58 → 00:17:01 ส่วนประกอบค่ะอ่าก็ได้เลยนะครับน้องก็คือ
00:17:01 → 00:17:05 กลุ่มของนำซุปน้ำแกงอันนี้เป็นปริมาณเข้า
00:17:05 → 00:17:08 ๆนะครับจากการสำรวจพบว่านำซุป 1 ถ้วยนะ
00:17:08 → 00:17:11 ครับก็จะมีกระโซเดียมสูงมากกว่า 1000
00:17:11 → 00:17:14 มิลลิกรัมขึ้นไปครับเพราะฉะนั้นอ่ะค่ะที่
00:17:14 → 00:17:17 เราคุยกับคุณเขตมาสักครู่นะคะนักกำหนด
00:17:17 → 00:17:20 อาหารเขาพยายามจะ Group มาให้เรานะว่ากู
00:17:20 → 00:17:23 ไม่ได้ก็คืออาหารที่มาจากธรรมชาติใช่ครับ
00:17:23 → 00:17:25 และศาสตร์อะไร 100 กรัมหรือว่าหนึ่งเนื้อ
00:17:25 → 00:17:28 อาหารอะไรครับเนี่ยปริมาณที่พอดีพอเหมาะ
00:17:28 → 00:17:32 แล้วนะในหนึ่งวันอะไรครับก็ไม่เกินแน่นอน
00:17:32 → 00:17:35 ใช่ครับไม่เกิน 500 mg แน่นอนในหนึ่งวัน
00:17:35 → 00:17:38 กลับมากับที่ 2 ค่ะเป็นอาหารแปรรูปหรือ
00:17:38 → 00:17:41 การถนอมอาหารใช่ครับตรงนี้อาหารกระป๋อง
00:17:41 → 00:17:45 ทุกชนิดก็มีปริมาณโซเดียมที่ค่อนข้างสูงๆ
00:17:45 → 00:17:47 ครับเมื่อสักครู่ที่พูดถึงก็องค์ที่ 3
00:17:47 → 00:17:50 เครื่องปรุงต่างๆเนี่ยเราก็ต้องกำหนด
00:17:50 → 00:17:52 ปริมาณให้พอดีพอเหมาะนะคะไทยเพราะว่า 1
00:17:52 → 00:17:55 ช้อนโต๊ะเนี่ยมีโซเดียมที่สูงมากๆเกือบ
00:17:55 → 00:17:58 1,000 ถึง 2,000 เลยแล้วครับแล้วรวมถึง
00:17:58 → 00:18:01 ซอต่างๆด้วยเช่นกันก็จะเป็นน้ำจิ้มสุกี้
00:18:01 → 00:18:06 น้ำจิ้มไก่นะคะซอสมะเขือเทศซอสพริกของพูด
00:18:06 → 00:18:08 ถึงกลุ่มซ้อนเนี่ยโซเดียมสูงเท่านั้นเลย
00:18:08 → 00:18:11 นะคะและมันในกลุ่มที่ 4 ก็เป็นเรื่องของ
00:18:11 → 00:18:14 ขนมที่มีการเติมผงฟูผู้เบเกอรีต่างๆนั้น
00:18:14 → 00:18:17 เองใช่ครับและกลุ่มสุดท้ายคือเรื่องของ
00:18:17 → 00:18:20 น้ำซุปด้วยท่าไหนที่ชอบทานข้าวคู่กับน้ำ
00:18:20 → 00:18:23 ซุปเนี่ยแนะนำซุป 1 ถ้วยแกงเนี่ยมีปริมาณ
00:18:23 → 00:18:26 โซเดียมถึง 1,000 กรัมขึ้นไปเลยก็ต้อง
00:18:26 → 00:18:30 ระมัดระวังนะคะเราจะมีค่ะคุณเค่นมีเลขฝาก
00:18:30 → 00:18:33 ถึงผู้ฟังอีกคะนอกจากนี้ยังไม่หมดนะครับ
00:18:33 → 00:18:37 ยังมีโซเดียมแฝงที่มาในรูปของสารกันบูด
00:18:37 → 00:18:40 สารกันเสียหรือว่าตัวที่ช่วยถนอมอาหาร
00:18:40 → 00:18:45 เนาะตัวแรกเลยก็คือโซเดียมไนตรายตัวถัดมา
00:18:45 → 00:18:48 ก็คือ Sodium benzoate แล้วก็มีโซเดียม
00:18:48 → 00:18:51 ซอร์เบทครับซึ่งสามตัวแรกเนี่ยก็จะเป็น
00:18:51 → 00:18:54 สารที่ใช้การเสียกันบูดในระบบอุตสาหกรรม
00:18:54 → 00:18:58 อาหารครับตรงนี้ก็มาฟังอาจจะไม่ต้องจำ
00:18:58 → 00:19:01 ชื่อเรื่องน้องมันค่อนข้างจะแม่นาคแต่เรา
00:19:01 → 00:19:03 อยากรู้จักว่าตัวนี้อยู่ในไหนมากว่านะ
00:19:03 → 00:19:06 อย่าตัวแรกค่ะตัวแรกครับโซเดียมไนตราที่
00:19:06 → 00:19:09 เรามักจะพบเลยก็คือไส้กรอกแฮมเบคอนหมูยอ
00:19:09 → 00:19:12 กุนเชียงนี้แน่นอนมีแน่นอนเป็นสารกันเสีย
00:19:12 → 00:19:16 ที่เขาใช้เติมเข้าไปนะครับอ่านมาก็คือ
00:19:16 → 00:19:18 Sodium benzoate ครับอันนี้ก็จะพบในพวก
00:19:18 → 00:19:22 อาหารหมักดองน้ำผักผลไม้ดองถัดมาก็คือ
00:19:22 → 00:19:25 โซเดียมซอร์เบทครับอันนี้ก็เป็นสารกัน
00:19:25 → 00:19:28 เสียที่สามารถพบได้ในกลุ่มอาหารพวกไวน์
00:19:28 → 00:19:32 โยเกิร์ตเนยชีสในโยเกิร์ตเองก็มีนะ
00:19:32 → 00:19:35 โซเดียมแฟนที่มากับโยเกิร์ตครับก็ในวาย
00:19:35 → 00:19:38 ด้วยใช่ครับชีสด้วยโอโห้ดังนั้นการบริโภค
00:19:38 → 00:19:41 อาหารที่ผ่านการแปรรูปทุกชนิดเลยนะครับ
00:19:41 → 00:19:43 อย่างที่เราเน้นย้ำเลยจะต้องดูข้อมูล
00:19:43 → 00:19:47 โภชนาการหรือว่าฉลากโภชนาการครับเพื่อดู
00:19:47 → 00:19:50 ปริมาณโซเดียมแฝงนอกจากนี้ยังมีอีกนะคะ
00:19:50 → 00:19:54 ถัดมาก็คือโซเดียมอัลจิเนตครับอันนี้เป็น
00:19:54 → 00:19:57 สารคงตัวครับที่เราจะพบในกลุ่มอาหารพวก
00:19:57 → 00:20:01 เจลลี่ไอศครีมเส้นแก้วเพียงดื่มที่มีความ
00:20:01 → 00:20:04 ข้นหนืดต่างๆนะครับอ่ะอาจจะเป็นพวกซุป
00:20:04 → 00:20:06 อย่างนี้นะครับอาจจะต้องดูฉลากโภชนาการ
00:20:06 → 00:20:10 เพิ่มเติมนะว่ามีปริมาณโซเดียมแฝงมาทั้ง
00:20:10 → 00:20:12 หมดเท่าไหร่แล้วก็ตัวสุดท้ายเลยครับคุณ
00:20:12 → 00:20:17 ฟ้าอันนี้อยู่คู่กับครัวไทยมาอย่างยาวนาน
00:20:17 → 00:20:22 นั่นก็คือโมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือว่าที่
00:20:22 → 00:20:25 เรารู้จักกันดีเลยก็คือคงชูร้อนนะครับ
00:20:25 → 00:20:28 ซึ่งการบริโภคเกลือโซเดียมที่เกินจาก
00:20:28 → 00:20:32 ปริมาณที่แนะนำในหนึ่งวันก็จะนำไปสู่โรค
00:20:32 → 00:20:35 แทรกซ้อนต่างๆตามมาได้เริ่มตั้งแต่โรค
00:20:35 → 00:20:38 ความดันโลหิตสูงและก็สามารถพัฒนาเป็น
00:20:38 → 00:20:42 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคสมองนะครับ
00:20:42 → 00:20:44 แล้วก็สุดท้ายแล้วที่เรากลัวที่สุดเลยนะ
00:20:44 → 00:20:49 ครับก็คือกลุ่มโรคไตวายเรื้อรังถ้าไม่ใช่
00:20:49 → 00:20:51 เรื่องเล็กเลยยิ่งได้พูดคุยยิ่งรู้เลยว่า
00:20:51 → 00:20:54 เป็นภัยเงียบที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆเลยนะ
00:20:54 → 00:20:58 คะสุดท้ายนี้ค่ะเราอยากจะรู้ในมุมของนัก
00:20:58 → 00:21:01 กำหนดอาหารนักพัฒนาการหมอเขาต้องให้พริก
00:21:01 → 00:21:04 เราแน่นอนว่าเราจะต้องทำยังไงถึงจะลด
00:21:04 → 00:21:07 โซเดียมได้อย่างแรกเลยนะครับเราจะต้องกิน
00:21:07 → 00:21:11 ตามตัวเลข 661 ก็คือการกินหวานมันเค็ม
00:21:11 → 00:21:14 สามารถบริโภคเกลือแกงใน 1 วันไม่ควรจะ
00:21:14 → 00:21:17 เกิน 1 ช้อนชานะครับหรือว่าเป็นพวก
00:21:17 → 00:21:20 เครื่องปรุงรสซอส see you ไม่ควรจะเกิน 1
00:21:20 → 00:21:24 ช้อนโต๊ะและก็ข้อ 2 เลยนะครับก็คือการไม่
00:21:24 → 00:21:27 เติมเพิ่มไม่เติมเครื่องปรุงรสไม่เติม
00:21:27 → 00:21:31 พริกน้ำปลาหรือว่าน้ำจิ้มต่างๆนะครับถัด
00:21:31 → 00:21:35 มาก็คือการที่เราไม่ซดน้ำซุปน้ำแกงเพิ่ม
00:21:35 → 00:21:38 ครับอาจจะเป็นคำพูดสั้นๆเลยเนาะก็คือกิน
00:21:38 → 00:21:41 เนื้อเหลือน้ำอย่างทำซุปก็กินเนื้อไปนะ
00:21:41 → 00:21:43 เหลือน้ำไว้ดีกว่าพ่อน้ำเนี่ยอาจจะ
00:21:43 → 00:21:46 โซเดียมสูงนั่นเองถ่ายครับเป็นที่ที่เรา
00:21:46 → 00:21:49 ค่อยๆปรับใช้ไปนะเชื่อว่าอย่างคนที่ติด
00:21:49 → 00:21:52 การซดน้ำซุปคู่กับข้าวนี้ต้องทานคู่กัน
00:21:52 → 00:21:54 แน่นอนและปฏิบัติโซเดียมในตัวของท่าน
00:21:54 → 00:21:57 เนี่ยบวกขึ้นเรื่อยๆใช่ครับยาสั้นก็ไม่
00:21:57 → 00:22:00 ค่อยน่าห่วงค่ะแต่ว่าจนถึงตอนนี้ถ้าเรา
00:22:00 → 00:22:05 อาจจะไปโภคมากเกินทุกๆวันจากเล็กๆน้อยๆใน
00:22:05 → 00:22:07 แต่ละวันเนี่ยกลายเป็นนำไปสู่โรคเรื้อรัง
00:22:07 → 00:22:12 ต่างๆตามมาได้ครับก็ส่งผลสภาพเช่นกันวัน
00:22:12 → 00:22:14 นี้โชคดีมากเลยค่ะที่เราได้มาพูดคุยกับ
00:22:14 → 00:22:16 นักโภชนาการนักกำหนดอาหารนะทำให้เราได้มา
00:22:16 → 00:22:19 โฟกัสในเมื่ออาหารเราอีกครั้งนึงค่ะนอก
00:22:19 → 00:22:22 จากการจัดจำปริโภคที่ว่าสำคัญแล้วการรับ
00:22:22 → 00:22:24 ประทานโซเดียมหรือว่าการที่ได้รับโซเดียม
00:22:24 → 00:22:27 แสงเนี่ยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรามองข้าม
00:22:27 → 00:22:29 ไม่ได้เลยเพราะเป็นภัยเงียบที่อยู่รอบตัว
00:22:29 → 00:22:32 เรานะคะซึ่งวันนี้ทำเวลาของเราก็หมดแล้ว
00:22:32 → 00:22:36 นะคะต้องขอบคุณคุณเคนมากๆเลยค่ะสวัสดีค่ะ
00:22:36 → 00:22:39 สวัสดีครับและขอขอบคุณผู้ฟังทุกท่านที่
00:22:39 → 00:22:42 อยู่ในการตรงนี้ค่ะนอกจากนี้นะคะผู้ฟัง
00:22:42 → 00:22:45 ยังสามารถติดตามข่าวสารของคณะแพทยศาสตร์
00:22:45 → 00:22:48 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้อีกหลายช่องทาง
00:22:48 → 00:22:51 ค่ะว่าจะเป็นบนเว็บไซต์ Facebook YouTube
00:22:51 → 00:22:56 Twitter ธนากำ Instagram ถอด Cash เพียง
00:22:56 → 00:23:00 พิมพ์คำที่ช่องค้นหาว่า med.cmu นะคะ M t
00:23:00 → 00:23:03 t d cmu เพียงเท่านี้ค่ะก็จะมีข้อมูล
00:23:03 → 00:23:07 กับการดูแลสุขภาพอีกมากมายเลยค่ะสำหรับ
00:23:07 → 00:23:10 วันนี้นะคะต้องมาทุกท่านไปก่อนครั้งหน้า
00:23:10 → 00:23:12 จะเป็นเรื่องอะไรอย่าลืมติดตั้งนั้นต่อนะ
00:23:12 → 00:23:16 คะสวัสดีค่ะเสี่ยมยูพอน Cash ฟัง
00:23:16 → 00:23:20 เฟิร์สเฮ้าส์เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จาก
00:23:20 → 00:23:23 ตัวเราเอง