00:00:00 → 00:00:03 รถพุ่ง 10 กกง่ายๆนะครับลองเอา 5 เทคนิค
00:00:03 → 00:00:06 ในคลิปนี้ไปลองปรับใช้ดูนะครับเดี๋ยวคลิป
00:00:06 → 00:00:08 นี้เนี่ยใครฟังจนจบนะครับหมอหนึ่งจะมีอีก
00:00:08 → 00:00:10 หลายแง่มุมเลยนะไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการลด
00:00:10 → 00:00:12 น้ำหนักนะแล้วก็เรื่องของวิธีการสั่ง
00:00:12 → 00:00:14 เครื่องดื่มทำยังไงให้ผอมอ่าแล้วก็เกี่ยว
00:00:14 → 00:00:16 กับเครื่องปรุงในอาหารด้วยนะอันเนี้ยหลาย
00:00:16 → 00:00:19 ๆคนไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันแต่จริงๆก็สำคัญ
00:00:19 → 00:00:21 พอสมควรเลยนะครับแล้วก็ในเรื่องของ
00:00:21 → 00:00:24 โซเดียมกับการลดน้ำหนักน่ามีหลายๆคนที่
00:00:24 → 00:00:26 พิมพ์ถามคำถามมาในช่องนะครับว่าคุณหมอคะ
00:00:26 → 00:00:29 โซเดียมสูงเนี่ยแบบไหนถึงสูงคะแล้วก็มีผล
00:00:29 → 00:00:31 ต่อการรถน้ำหนักยังไงบ้างนะครับแล้วก็ใน
00:00:31 → 00:00:33 อีกแน่มุมนึงในเรื่องของการทำ If นะครับ
00:00:33 → 00:00:36 บางคนกินอาหารไม่เป็นเวลาจะส่งผลกับการลด
00:00:36 → 00:00:38 น้ำหนักมยต้องปรับยังไงและทำ If ยังไงนะ
00:00:38 → 00:00:40 ครับถึงจะลดน้ำหนักได้แล้วไม่เป็นโรค
00:00:40 → 00:00:42 กระเพาะนะเดี๋ยววันเนี้ยพูดละเอียดมาก
00:00:42 → 00:00:44 หลายอย่างเลยนะครับเพราะฉะนั้นฟังให้จบนะ
00:00:44 → 00:00:46 ครับสวัสดีครับผมหมอ 1 Healthy ฮีโร่นะ
00:00:46 → 00:00:48 ครับล้นน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตคิดถึง
00:00:48 → 00:00:50 หมอ 1 Healthy ฮีโร่นะครับก็ตาม
00:00:50 → 00:00:53 ธรรมเนียมนะครับก่อนที่เราจะไปเอาความรู้
00:00:53 → 00:00:55 ไปปรับใช้ในเรื่องการลดน้ำหนักกันนะนะ
00:00:55 → 00:00:57 ครับก็มาแสดงความยินดีกับเพื่อนๆก่อนเนาะ
00:00:57 → 00:00:59 หมอหนึ่งบอกแล้วนะว่าการที่เราได้เห็น
00:01:00 → 00:01:02 เห็นคนที่เ้าลดน้ำหนักได้บ่อยๆบ่อยๆบ่อยๆ
00:01:02 → 00:01:04 เนี่ยมันจะทำให้คุณเนี่ยเชื่อมั่นว่าเฮ้ย
00:01:04 → 00:01:06 วิธีที่หมอหนึ่งพูดเนี่มันลดน้ำหนักได้
00:01:06 → 00:01:09 จริงนี่นาและสุดท้ายคุณก็จะเอาไปลงมือทำ
00:01:09 → 00:01:11 เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่ผอมไม่ใช่เพราะไม่
00:01:11 → 00:01:13 เก่งหรือไม่มีวินัยแต่เพราะฟังแล้วแต่ไม่
00:01:13 → 00:01:16 ได้เอาไปลงมือทำเพราะคิดว่าตัวเองคงทำไม่
00:01:16 → 00:01:18 ได้นะครับผมจะเอาใจช่วยคุณจนกว่าคุณจะเอา
00:01:18 → 00:01:21 เป็นลงมือทำจะพูดซ้ำๆแบบนี้แหละนะครับ
00:01:21 → 00:01:23 เนาะเพราะฉะนั้นสำหรับคนแรกนะครับเขาบอก
00:01:23 → 00:01:25 ว่าสุขภาพดีขึ้นเยอะเลยเพราะเข้าใจวิธี
00:01:25 → 00:01:30 กินน้ำหนักลดไป 10 กกนะครับ 1 ปีแต่เบอก
00:01:30 → 00:01:31 บอกว่าอาจจะช้ากว่านักเรียนคนอื่นหน่อย
00:01:31 → 00:01:34 แต่ก็ดีกว่าการที่อ้วนมาทั้งชีวิตต้องบอก
00:01:34 → 00:01:36 แบบนี้นะว่าการลดน้ำหนักเนี่ยไม่มีช้าไม่
00:01:36 → 00:01:38 มีเร็วนะครับใครที่กำลังลดน้ำหนักอยู่
00:01:38 → 00:01:40 อย่าไปกดดันตัวเองด้วยการที่ไปเปรียบ
00:01:40 → 00:01:42 เทียบกับคนนั้นว่าคนนั้นเลดเร็วกว่าคนนี้
00:01:42 → 00:01:45 ทำไมเ้าลดดีจังทำไมของเราลดช้าจังไม่
00:01:45 → 00:01:47 เพราะอะไรเพราะว่าปัจจัยแวดล้อมของการใช้
00:01:47 → 00:01:50 ชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกันน้ำหนักตั้งต้น
00:01:50 → 00:01:52 แต่ละคนไม่เหมือนกันคนที่น้ำหนักเริ่มต้น
00:01:52 → 00:01:54 120 กลเค้าก็อาจจะลดน้ำหนัก 10 กกได้ใน
00:01:54 → 00:01:57 เวลาสั้นๆเพราะอะไรเพราะว่าน้ำหนักตัว
00:01:57 → 00:01:59 เค้าเยอะร่างกายอยากเอาไขมันออกอยู่แล้ว
00:01:59 → 00:02:01 ส่วนคนที่น้ำหนักตัวเริ่มต้นเหลือแค่
00:02:01 → 00:02:03 ประมาณ 60 อย่างเงี้ยคุณอยากลดเหลือ 50
00:02:03 → 00:02:05 คุณอาจจะใช้เวลานานหน่อยเพราะไขมันคุณ
00:02:05 → 00:02:08 เหลือน้อยลงแล้วเห็นภาพเนาะเพราะฉะนั้น
00:02:08 → 00:02:10 เราปีนภูเขากันคนละลูกอย่าไปเปรียบเทียบ
00:02:10 → 00:02:12 ว่าทำไมคนนั้นช้าคนนี้เร็วนะครับสำคัญที่
00:02:12 → 00:02:14 สุดคือเราลดได้ก็พอแล้วโอเคมั้ยเพราะ
00:02:14 → 00:02:16 ฉะนั้นถือว่าเก่งมากๆเลยนะนะครับรถไปได้
00:02:16 → 00:02:18 ตั้ง 10 กลแล้ว 1 ปีไม่โยโยนี่ถือว่าทำ
00:02:19 → 00:02:21 ได้ดีมากนะครับอันนี้อีกคนนึงนะเข้ากลุ่ม
00:02:21 → 00:02:23 เรียนของผมไป 3 สัปดาห์เองนะครับเข้า
00:02:23 → 00:02:26 กลุ่ม VIP ไป 3 อาทิตย์ลดไป 6 กกไม่
00:02:26 → 00:02:29 ธรรมดานะ 6 กกน่ะสัปดาห์ละ 2 กลนะจากแต่
00:02:29 → 00:02:31 ก่อนลดยังไงก็ไม่ลงเนี่ยนะครับบอกให้แฟน
00:02:31 → 00:02:34 ลดด้วยแฟนบอกว่าเธอลดไปเดี๋ยวเธอก็อ้วน
00:02:34 → 00:02:37 เหมือนเดิมอ่านะครับเก็บตรงนี้มาเป็นพลัง
00:02:37 → 00:02:40 ใจนะแล้วก็ทำให้ได้ทำให้แฟนเห็นให้ได้
00:02:40 → 00:02:42 เพราะสุดท้ายแล้วถ้าแฟนเห็นว่าคุณส้มลด
00:02:42 → 00:02:45 ได้เขาจะปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตมาสุขภาพ
00:02:45 → 00:02:48 ดีเหมือนคุณส้มโอเคมยหมอหนึ่งเอาใจช่วยนะ
00:02:48 → 00:02:50 ครับเดี๋ยวจะเป็น Healthy ฮีโร่ให้ดู
00:02:50 → 00:02:52 ขอบคุณหมอหนึ่งนะคะก็ขอแสดงความยินดีกับ
00:02:52 → 00:02:54 คุณส้มด้วยนะเริ่มต้นได้ดีมากๆนะครับคราว
00:02:54 → 00:02:57 นี้นะครับหลายคนก็ถามว่าคุณหมอคะเค้าลด
00:02:57 → 00:03:00 กันได้ยังไง 6 ก 10 กในระยะเวลาสั้นๆๆนะ
00:03:00 → 00:03:02 ครับหมอหนึ่งก็ต้องบอกว่าทุกคนที่หมอ
00:03:02 → 00:03:03 หนึ่งสอนแลเป็นนักเรียนของหมอหนึ่งใน
00:03:03 → 00:03:05 กลุ่ม VIP เนี่ยเราจะเริ่มจากสิ่งที่
00:03:05 → 00:03:07 เรียกว่าพีระมิดความผอมอ่านะครับใครที่
00:03:08 → 00:03:09 เพิ่งมาติดตามหมอ 1 เดี๋ยวหมอ 1 จะอธิบาย
00:03:09 → 00:03:12 ให้ฟังคร่าวๆก่อนแล้วกันนะว่าพีระมิดความ
00:03:12 → 00:03:14 ผอมคืออะไรนะครับก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจ
00:03:14 → 00:03:16 ก่อนว่าการที่คุณอ้วนขึ้นมันไม่ได้เกิด
00:03:16 → 00:03:18 จากการที่คุณกินของมันของทอดเยอะหรือว่า
00:03:18 → 00:03:20 เกิดจากการที่คุณไม่ได้ออกกำลังกายนะมีคน
00:03:20 → 00:03:23 อีกเยอะมากๆที่ไม่ได้ออกกำลังกายแต่แต่
00:03:23 → 00:03:26 ไม่อ้วนนั่นเป็นเพราะว่าหลักๆสำคัญที่สุด
00:03:26 → 00:03:28 แล้วคือเรื่องของสารอาหารนะครับเนาะเพราะ
00:03:28 → 00:03:30 ว่าร่างกายของคนเราเนี่ยมันมีระบบพลังงาน
00:03:30 → 00:03:31 อยู่ 2 ระบบด้วยกันคือไม่ใช้น้ำตาลกับ
00:03:31 → 00:03:33 แป้งเป็นหลักก็ใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก
00:03:33 → 00:03:35 หมอหนึ่งพูดบ่อยมากๆเรื่องนี้เพราะว่ามัน
00:03:35 → 00:03:38 สำคัญกับพื้นฐานการลดน้ำหนักนะครับเนาะ
00:03:38 → 00:03:40 ซึ่งปกติแล้วร่างกายของคนเราถ้ามันมีน้ำ
00:03:40 → 00:03:42 ตาลมันจะใช้น้ำตาลก่อนเพราะมันใช้ง่าย
00:03:42 → 00:03:45 กว่านะครับไขมันจะใช้ยากกว่าคราวนี้เนี่ย
00:03:45 → 00:03:47 บางคนเนี่ยติดน้ำตาลมากๆติดการกินแป้งมาก
00:03:47 → 00:03:49 ๆแป้งเนี่ยมันก็ย่อยเป็นน้ำตาลได้เหมือน
00:03:49 → 00:03:51 กันเนาะคราวนี้พอเราติดน้ำตาลกับแป้งมากๆ
00:03:51 → 00:03:53 เนี่ยร่างกายเนี่ยพอย่อยเสร็จปั๊บมีน้ำ
00:03:53 → 00:03:55 ตาลในกระแสเลือดเยอะคราวนี้ทำยังไงล่ะ
00:03:55 → 00:03:57 ร่างกายบอกว่าใช้น้ำตาลไม่หมดแล้วน้ำตาล
00:03:57 → 00:03:59 ก็เหลือในเลือดเยอะด้วยถ้าปล่อยไว้คุณก็
00:03:59 → 00:04:02 จะเป็นเบาหวานดังนั้นร่างกายก็เลยเอาน้ำ
00:04:02 → 00:04:04 ตาลเหล่านั้นน่ะไปเก็บมันเก็บในรูปน้ำตาล
00:04:04 → 00:04:06 ไม่ได้เนาะเค้าก็เลยเอาไปเก็บในรูปอื่น
00:04:06 → 00:04:08 คือเก็บในรูปไขมันเพราะฉะนั้นมันไม่ได้
00:04:08 → 00:04:10 ตรงไปตรงมาว่าเออกินของมันของทอดเลยอ้วน
00:04:10 → 00:04:12 ไม่ใช่นะนะครับแต่มันเกิดจากการที่คุณกิน
00:04:12 → 00:04:15 น้ำตาลเยอะเกินไปต่างหากโอเคมยนะครับเนาะ
00:04:15 → 00:04:17 เพราะฉะนั้นหลักๆหมอหนึ่งเลยพูดในคลิป
00:04:17 → 00:04:19 อื่นๆว่าถ้าคุณอยากลดน้ำหนักเนี่ยคุณต้อง
00:04:19 → 00:04:22 เริ่มจากการที่ลดพวกน้ำตาลก่อนถูกมยซึ่ง
00:04:22 → 00:04:25 อันที่ 1 เลยนะครับนะในพีระมิดความผอม
00:04:25 → 00:04:27 เนี่ยก่อนที่เราจะไปดูพวกวิธีการสั่ง
00:04:27 → 00:04:29 เครื่องดื่มเกี่ยวกับเรื่องของเครื่อง
00:04:29 → 00:04:31 ปรุงต่างต่างๆเกี่ยวกับเรื่องของการจัดด
00:04:31 → 00:04:33 เวลาการทานนะครับนะเราต้องรู้ตรงนี้ก่อน
00:04:33 → 00:04:35 เนาะนะครับข้อที่ 1 คือเรื่องของสารอาหาร
00:04:35 → 00:04:40 อ่าสารอาหารหรือพูดง่ายๆก็คือกินอะไรดี
00:04:40 → 00:04:43 บางคนบอกว่าคุณหมอคะพูดซ้ำๆทุกคลิปไม่
00:04:43 → 00:04:45 เหนื่อยหรอถ้าคุณไม่เหนื่อยฟังผมก็ไม่
00:04:45 → 00:04:47 เหนื่อยพูดโอเคมยเพราะอะไรไม่อยากให้คุณ
00:04:48 → 00:04:50 จดแต่อยากให้คุณฟังซ้ำๆแล้วณวันนึงคุณรู้
00:04:50 → 00:04:53 สึกว่าเออเฮ้ยลองเอาไปทำดูแล้วกันณวันใด
00:04:53 → 00:04:55 ก็แล้วแต่ที่คุณเอาไปลงมือทำนะชีวิตคุณจะ
00:04:55 → 00:04:57 เปลี่ยนไปเลยนะครับเนาะคราวนี้ในเรื่อง
00:04:57 → 00:04:59 สารอาหารเนี่ยนะครับอันแรกที่หมอหนพูด
00:05:00 → 00:05:01 เมื่อกี้ก็คือคุณต้องเข้าใจเรื่องน้ำตาล
00:05:01 → 00:05:03 ก่อนใครอยู่ในกลุ่มลดน้ำหนัก VIP จะรู้
00:05:03 → 00:05:05 ว่าผมพูดน้ำตาลเนี่ยตั้งแต่บทบทที่ 2 เลย
00:05:05 → 00:05:08 นะเพราะอะไรเพราะถ้าคุณอยากจะผอมคุณต้อง
00:05:08 → 00:05:11 ตัดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลตัดพวกขนมที่มี
00:05:11 → 00:05:13 น้ำตาลออกไปก่อนนะครับแต่ในอาหารเนี่ย
00:05:13 → 00:05:15 เดี๋ยวจะพูดต่อในเรื่องของเครื่องปรุง
00:05:15 → 00:05:18 เนาะว่ามันอาจจะยังพอทานได้แต่ทานปริมาณ
00:05:18 → 00:05:20 เท่าไหร่เนาะเพราะฉะนั้นอย่างแรกอยากผอม
00:05:20 → 00:05:23 ตัดเครื่องดื่มกับขนมที่มีน้ำตาลออกไป
00:05:23 → 00:05:26 ก่อนนะครับเนาะและถัดมานะครับต้องทำอะไร
00:05:26 → 00:05:28 อีกต้องลดแป้งถูกมั้ยเพราะแป้งก็เปลี่ยน
00:05:29 → 00:05:31 เป็นน้ำตาลได้นะครับพอลดแป้งเสร็จปั๊บคุณ
00:05:31 → 00:05:34 หมอคะกินข้าวน้อยมันก็ไม่อิ่มสิคะคนเรา
00:05:34 → 00:05:36 ไม่ได้อิ่มจากการกินแป้งเยอะกินข้าวเยอะ
00:05:36 → 00:05:40 แต่อิ่มจากการที่กินโปรตีนเพียงพอมีคลิป
00:05:40 → 00:05:42 อื่นๆที่เหมอหนึ่งพูดเรื่องโปรตีนไว้ยาว
00:05:42 → 00:05:44 มากๆเลยนะไปดูได้นะครับส่วนใครอยู่ใน
00:05:44 → 00:05:46 กลุ่ม VIP ก็ไปดูบทที่ 3 อัปเดตไว้ให้
00:05:47 → 00:05:49 แล้วด้วยเนาะแล้วก็มีอีก 2 อันคือเรื่อง
00:05:49 → 00:05:53 ของไขมันและใยอาหารโอเคมยทั้งหมดเนี่ยใคร
00:05:53 → 00:05:55 ที่อยากเริ่มต้นลดน้ำหนักอย่าไปทำข้ออื่น
00:05:55 → 00:05:57 ก่อนอย่าเพิ่งไปออกกำลังกายหนักอย่าเพิ่ง
00:05:57 → 00:06:00 ไปทำ If เด็ดขาดถ้าปรับสารอาหารอาหารไม่
00:06:00 → 00:06:03 ถูกต้องโอเคมยปรับสารอาหารให้ถูกก่อนเอา
00:06:03 → 00:06:06 ใหม่นะ 1 งดน้ำตาลจากเครื่องดื่มและขนม 2
00:06:06 → 00:06:10 ลดปริมาณแป้งลงข้าวเส้นขนมปังผักหัวผลไม้
00:06:10 → 00:06:13 ลดปริมาณลงก่อนมื้อไหนกินข้าวมื้อนั้นไม่
00:06:13 → 00:06:15 กินผลไม้ไม่งั้นจะกลายเป็นคุณกินแป้งซ้ำ
00:06:15 → 00:06:18 ซ้อนได้ปริมาณแป้งเยอะเกินไปถูกมยโปรตีน
00:06:18 → 00:06:20 อันได้แก่เนื้อสัตว์นมไข่ถั่วธัญพืช
00:06:20 → 00:06:23 เต้าหู้ต่างๆกินพวกนี้ให้อิ่มแล้วคุณจะลด
00:06:23 → 00:06:25 ปริมาณแป้งลงได้ร่างกายจะมีน้ำตาลในเลือด
00:06:25 → 00:06:28 น้อยลงแล้วคุณก็จะไม่มีน้ำตาลไปสะสมเป็น
00:06:28 → 00:06:31 ไขมันสุดท้ายท้ายร่างกายเอาไขมันมาใช้อีก
00:06:31 → 00:06:33 ด้วยนะครับส่วนเรื่องไขมันกับยอาหาร
00:06:33 → 00:06:35 เดี๋ยวไว้จะพูดในคลิปอื่นๆแล้วกันโอเคมย
00:06:35 → 00:06:37 นะครับเนาะแค่คุณทำสเต็ปแรกได้โดยเฉพาะ
00:06:37 → 00:06:40 การตัดน้ำตาลนะ 7 วันคุณจะเริ่มเห็นผลเลย
00:06:40 → 00:06:42 และในสเต็ปที่ 2 กับสเต็ปที่ 3 นะครับคือ
00:06:42 → 00:06:44 เรื่องของการทำ If กับสเต็ปที่ 3 คือ
00:06:44 → 00:06:48 เรื่องของการออกกำลังกายนะปกติแล้วจริงๆ
00:06:48 → 00:06:50 ใครเป็นนักเรียนหมอ1ึจะรู้ว่าเราออกกำลัง
00:06:50 → 00:06:51 กายแค่ 10-15 นาทีเราก็ผอมแล้วนะไม่
00:06:52 → 00:06:53 จำเป็นต้องออกเป็นชั่วโมงนะเพราะบางคน
00:06:53 → 00:06:55 เนี่ยน้ำหนักเริ่มต้นเยอะให้มันนั่งออก
00:06:55 → 00:06:57 กำลังกายวันละครึ่งชั่วโมงมันทำไม่ได้ถูก
00:06:57 → 00:06:59 มั้ยเพราะฉะนั้นถ้าคุณเน้นปรับสารอาหาร
00:06:59 → 00:07:01 ได้ถูกต้องร่างกายเนี่ยจะสลับระบบพลังงาน
00:07:01 → 00:07:03 จากการใช้น้ำตาลไปใช้ไขมันถึงตอนนั้นคุณ
00:07:03 → 00:07:05 ออกกำลังกายแค่ 10-15 นาทีคุณก็ผอมแต่ที่
00:07:06 → 00:07:08 ผ่านมาคุณออก 1 ชมงไม่ผอมเพราะร่างกายไม่
00:07:08 → 00:07:10 ได้ใช้ไขมันเลยร่างกายใช้แต่น้ำตาลที่มัน
00:07:10 → 00:07:13 มีเกินมากกว่าปกติเห็นภาพเนาะนะครับเพราะ
00:07:13 → 00:07:15 ฉะนั้นสำหรับอันนี้ใครที่อยากไปดูเพิ่ม
00:07:15 → 00:07:17 เติมออหนึเคยทำคลิปไว้นะที่ขยายความพวก
00:07:17 → 00:07:19 เกี่ยวกับอาหารไว้นะครับในเรื่องของสาร
00:07:19 → 00:07:22 อาหารก็ไปดูในคลิปที่เป็นกินแบบนี้รอมแน่
00:07:22 → 00:07:23 นอนนะครับเข้าไปดูในช่อง YouTube นะแล้ว
00:07:23 → 00:07:26 เปิดดูคลิปนี้นะคนดูตั้งหลายแสนวิวแล้วนะ
00:07:26 → 00:07:29 นะครับไปดูนะนะครับนะคลิปนี้ดีมากๆส่วนใน
00:07:29 → 00:07:31 เรื่องไอ If นะครับคนที่อยู่ในกลุ่มลดน้ำ
00:07:31 → 00:07:33 หนักเนี่ยก็ไปดูบทที่ 13 เพราะมีตัวอย่าง
00:07:33 → 00:07:35 ให้ด้วยส่วนใครที่เริ่มต้นอยากลดน้ำหนัก
00:07:35 → 00:07:37 ด้วยตัวเองแล้วไม่รู้ If คืออะไรอ่ะไปดู
00:07:37 → 00:07:40 คลิปนี้นะครับเนาะลดน้ำหนักแบบ If จบใน
00:07:40 → 00:07:42 คลิปเดียวนะครับแล้วก็อีกเรื่องนึงคือ
00:07:42 → 00:07:43 เรื่องของสเต็ปที่ 3 คือเรื่องของการออก
00:07:43 → 00:07:46 กำลังกายลดน้ำหนักนะอย่าเริ่มจากการวิ่ง
00:07:46 → 00:07:48 เด็ดขาดคุณต้องรู้ว่ารดน้ำหนักมีกี่แบบ
00:07:48 → 00:07:51 ออกกำลังกายมีกี่แบบออกแบบไหนได้อะไรนะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับแล้วคุณจะไม่เหนื่อยฟรีโอเคมั้ยนะแต่
00:07:54 → 00:07:56 ก่อนที่หลายหลายคนคิดว่าออกกำลังกายไม่
00:07:56 → 00:07:58 เห็นผอมเลยเราไม่เก่งใช่มั้ยไม่มีวินัย
00:07:58 → 00:08:00 ใช่มั้ยไม่ใช่แต่เพราะออกไม่ถูกหลักแค่
00:08:00 → 00:08:02 นั้นเองนะครับเนาะก็ไปดูในคลิปนันนี้ที่
00:08:02 → 00:08:04 อยู่ในช่อง YouTube ได้ไปดูเพิ่มเติมเนาะ
00:08:04 → 00:08:07 คราวนี้เมื่อกี้หมอหนึ่งพูดในสเต็ปแรกของ
00:08:07 → 00:08:09 เรื่องของพีระมิดความผอมไปแล้วสั่ง
00:08:09 → 00:08:11 เครื่องดื่มยังไงให้ไม่อ้วนมากกว่าความ
00:08:11 → 00:08:13 รู้ที่คุณมีนะที่หมอหนึ่งมอบให้เนี่ยมัน
00:08:13 → 00:08:16 คือคุณเอาไปประยุกต์ใช้ได้ยังไงเพราะ
00:08:16 → 00:08:18 ฉะนั้นจากตอนแรกที่หมอหนึ่งบอกว่าเฮ้ยถ้า
00:08:18 → 00:08:20 ใครอยากผอมอ่ะคุณต้องตัดน้ำตาลจากเครื่อง
00:08:20 → 00:08:23 ดื่มและขนมนะแต่เชื่อมั้ยบางคนน่ะสั่ง
00:08:23 → 00:08:24 เครื่องดื่มไม่หวานนะแต่ยังอ้วนอยู่เลย
00:08:25 → 00:08:27 เออคุณหมอเพราะอะไรทำไมตอนนี้ก็สั่งไม่
00:08:27 → 00:08:29 ใส่น้ำตาลแล้วนะคะแต่ทำไมยังอ้วนอยู่เลย
00:08:29 → 00:08:31 เหตุผลเพราะแบบนี้ครับหมอหนึ่งเอาคำถาม
00:08:31 → 00:08:33 นี้มาถามเพราะว่ามีท่านเนี่ยยถามมาเขาบอก
00:08:33 → 00:08:35 ว่าถ้าเราไปสั่งน้ำดื่มตามคาเฟ่นอกจาก
00:08:35 → 00:08:38 กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลแล้วพวกชาเขียวมัจฉะ
00:08:38 → 00:08:41 ลาเต้โกโก้ชานมสั่งแบบไม่หวานเลยกินได้
00:08:41 → 00:08:45 ไหมเออทุกคนคิดว่ากินได้หรือกินไม่ได้ตอบ
00:08:45 → 00:08:48 ในใจก่อนนะไม่มีผิดไม่มีถูกนะคำตอบก็คือ
00:08:48 → 00:08:54 ถ้าเป็นไปได้ไม่สั่งเมนูที่ใส่นมดีกว่า
00:08:54 → 00:08:56 หรือถ้าจะสั่งเดี๋ยวมีทริกให้นะครับเพราะ
00:08:56 → 00:08:58 อะไรรู้มยหมอหนึ่งบอกไปแล้วว่าถ้าคุณอยาก
00:08:58 → 00:09:00 ลดน้ำหนักหนักได้คุณต้องตัดอะไรออกอ่ะ
00:09:00 → 00:09:03 เดี๋ยวเขียนใช้สีแดงดีกว่าจะเห็นชัดๆเนาะ
00:09:03 → 00:09:05 คุณต้องตัดน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มออก
00:09:05 → 00:09:07 ใช่มยเพราะฉะนั้นน้ำอัดลมไม่กินละนะครับ
00:09:07 → 00:09:10 นะชานมไม่กินละน้ำหวานไม่กินละแต่กาแฟ
00:09:10 → 00:09:13 เนี่ยถ้านอกจากกาแฟดำไม่อยากกินกาแฟดำเรา
00:09:13 → 00:09:15 จะกินกาแฟอะไรดีบางคนก็เลยบอกว่าขอใส่นม
00:09:15 → 00:09:17 ได้ยนะครับนมเนี่ยคุณต้องรู้ก่อนว่าส่วน
00:09:17 → 00:09:20 ผสมในนั้นมันมีอะไรบ้างนะหมอ 1 เชื่อว่า
00:09:20 → 00:09:24 หลายๆคนเนี่ยไม่เคยเปิดฉลากนมดูเลยนะครับ
00:09:24 → 00:09:26 นมปกติแล้วเนี่ยมันจะมีส่วนประกอบที่คุณ
00:09:26 → 00:09:28 ต้องดูอยู่ทั้งหมดหลักๆ 3 อย่างนะครับอัน
00:09:28 → 00:09:32 ที่ 1 คือโปรตีนอ่าหมอ1ึบอกแล้วว่าการที่
00:09:32 → 00:09:34 คุณจะลดน้ำหนักได้ดีคุณต้องกินโปรตีนถูก
00:09:34 → 00:09:37 มยนมก็เป็นแหล่งนึงที่มีโปรตีนอยู่ในนั้น
00:09:37 → 00:09:38 นะครับแต่ประเด็นคือเราไปสั่งที่ร้านน่ะ
00:09:39 → 00:09:41 คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเขาใช้นมอะไรบางที
00:09:41 → 00:09:44 เขาสำเร็จรูปมาจากโรงงานแล้วนะแล้วคนขาย
00:09:44 → 00:09:46 เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่านมอะไรเพราะมันมา
00:09:46 → 00:09:48 เป็นถุงแล้วนะครับอันที่ 2 ที่คุณต้องรู้
00:09:48 → 00:09:51 ก็คือสิ่งที่เรียกว่าคาร์โบไฮเดรตหรือขาบ
00:09:51 → 00:09:53 พูดง่ายๆก็คือแป้งนั่นแหละนะครับแล้วก็
00:09:53 → 00:09:56 อีกส่วนนึงก็คือน้ำตาลถ้านมที่เขาใช้เป็น
00:09:56 → 00:09:58 นมบัวเนี่ยในนั้นมันจะมีน้ำตาลอยู่แล้ว
00:09:58 → 00:10:01 โดยทำธรรมชาตินะครับซึ่งน้ำนมของสัตว์
00:10:01 → 00:10:03 เลี้ยงลูก้วยนมไม่ว่าจะเป็นน้ำนมคนหรือ
00:10:03 → 00:10:05 อะไรก็แล้วแต่ก็จะมีน้ำตาลอยู่ในนั้นอยู่
00:10:05 → 00:10:08 แล้วโดยธรรมชาตินะครับเพราะฉะนั้นถ้า
00:10:08 → 00:10:10 สมมุติว่าเป็นไปได้คุณอยากกินกาแฟที่ใส่
00:10:10 → 00:10:13 นมคุณจะต้องถามเขาว่าเขาใช้นมอะไรถ้า
00:10:13 → 00:10:15 สมมุติว่าเขามีกล่องให้ดูคุณโชคดีมากเลย
00:10:15 → 00:10:19 นะครับคุณก็ขอดูว่าเฮ้ยโปรตีนเยอะมั้ยอ่า
00:10:19 → 00:10:22 นะครับขาบเยอะมยน้ำตาลเยอะหรือเปล่าถ้า
00:10:22 → 00:10:24 สมมุติว่าขาบสูงโปรตีนน้อยนมนั้นไม่เหมาะ
00:10:24 → 00:10:26 กับการลดน้ำหนักเป็นไปได้หมอหนึ่งก็บอก
00:10:26 → 00:10:29 กินกาแฟดำเถอะแต่ถ้าสมมุติว่าอยากใส่ในม
00:10:29 → 00:10:31 หมอหนึอาจจะแนะนำให้คุณเนี่ยซื้อนมไปเติม
00:10:31 → 00:10:33 เองนะโดยเฉพาะตอนนี้เนี่ยไม่ว่าจะเป็นนม
00:10:33 → 00:10:36 วัวหรือนมพืชที่เป็นนมไฮโปรตีนหรือโปรตีน
00:10:36 → 00:10:38 สูงๆและไม่เติมน้ำตาลทรายเพิ่มเนี่ยนะ
00:10:38 → 00:10:41 ครับมีเยอะมากคุณก็อาจจะเอานมพวกนั้นไปเท
00:10:41 → 00:10:43 ใส่นิดๆหน่อยๆให้ยังได้ความรู้สึกของการ
00:10:43 → 00:10:47 กินกาแฟที่มันมีความนัวๆนิดนึงเห็นภาพ
00:10:47 → 00:10:50 เนาะเพราะฉะนั้นไม่ใส่น้ำตาลนะไม่ใส่อะไร
00:10:50 → 00:10:54 อีกไม่ใส่ไซรับนะไม่ใส่อะไรอีกไม่ใส่น้ำ
00:10:54 → 00:10:58 ผึ้งนะพวกนี้เป็นกลุ่มน้้ำตาลหมดเลยนะแต่
00:10:58 → 00:11:01 ถ้าสมมุติอยากใส่นมได้มยอยากใส่นมใส่ได้
00:11:01 → 00:11:05 แต่ให้เป็นนมที่โปรตีนเป็นไงครับโปรตีน
00:11:05 → 00:11:09 สูงแล้วอะไรต่ำขาบต่ำโอเคมยนะครับเนาะ
00:11:09 → 00:11:13 หรือมีอีกแบบนึงนะอาจจะเป็นพวกกลุ่มนมที่
00:11:13 → 00:11:16 โปรตีนก็ไม่สูงขาบก็ไม่สูงไขมันก็ไม่สูง
00:11:16 → 00:11:20 พวกนั้นเราเรียกว่านมอะไรเอ่ยนมอัลมอนได้
00:11:20 → 00:11:22 เหมือนกันนะแต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณ
00:11:22 → 00:11:25 ใส่นมคุณจะกินในช่วง If ไม่ได้โอเคป่า
00:11:25 → 00:11:28 เพราะมันมีพลังงาน If คุณจะหลุดทันทีเลย
00:11:28 → 00:11:30 เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะใส่นมก็ออาจจะเอามา
00:11:30 → 00:11:32 ใส่ในช่วงระหว่างวันได้หรือดีที่สุดเลย
00:11:32 → 00:11:35 คือน้ำเปล่าชากาแฟดำเห็นภาพเนาะโอเคมั้ย
00:11:35 → 00:11:37 พอเราผอมแล้วเราค่อยกลับไปกินกาแฟที่ใส่
00:11:37 → 00:11:40 นมแบบนี้ก็ได้ตอนนี้ใช้หนี้ไขมันก่อนนะ
00:11:40 → 00:11:42 ครับเพราะฉะนั้นประยุกต์นะหมอหนึ่งบอก
00:11:42 → 00:11:44 แล้วนะว่าใครที่ฟังพีระมิดความผอมมาบ่อย
00:11:44 → 00:11:46 มากๆแล้วแต่ยังใช้ไม่เป็นเนี่ยหมอหนึ่ง
00:11:46 → 00:11:48 ไม่อยากสอนแค่ความรู้อย่างเดียวแต่อยาก
00:11:48 → 00:11:50 สอนให้คุณเอาไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำ
00:11:50 → 00:11:53 วันได้สังเกตว่าเกือบทุกคลิปหมอหนึ่งจะ
00:11:53 → 00:11:56 เตรียมตัวในการมาสอนทุกคนน่ะดีมากๆแล้วก็
00:11:56 → 00:11:58 ดีใจหลายคนนะลงคลิปเสร็จปั๊บมานั่งรอหน้า
00:11:58 → 00:12:00 ห้องเรียนเลยนะนะครับคลิปหลักๆหมอ 1 ก็จะ
00:12:00 → 00:12:03 ลงช่วงประมาณ 19:45 นเนาะนะลงคลิปปั๊บบาง
00:12:03 → 00:12:05 คนมานั่งเรียนอยู่หน้าห้องะนะครับก็อยาก
00:12:05 → 00:12:07 ให้ทุกคนเอาความรู้ตรงนี้ไปปรับใช้แล้วก็
00:12:07 → 00:12:09 มากกว่านั้นคืออยากให้ได้กำลังใจบางคนฟัง
00:12:09 → 00:12:11 ไปด้วยออกกำลังกายไปด้วยใช่มั้ยเหมือน
00:12:11 → 00:12:13 อยู่ในบรรยากาศการลดน้ำหนักที่ดีก็ดีใจนะ
00:12:13 → 00:12:15 ครับที่ผมได้ช่วยให้คุณสุขภาพดีขึ้นเนาะ
00:12:15 → 00:12:17 เพราะะนั้นก็อันนี้ก็เป็นเรื่องของการ
00:12:17 → 00:12:19 สั่งกาแฟเนาะเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเมนู
00:12:19 → 00:12:23 กาแฟเมนูโกโก้หรือว่าเมนูชาเขียวมัจฉะ
00:12:23 → 00:12:26 เหมือนกันหมดเพราะส่วนใหญ่แล้วเมักจะใส่
00:12:26 → 00:12:28 นมดูนมดีๆแล้วกันนะครับเนาะถัดมานะครับ
00:12:28 → 00:12:31 บางคนก็จะถามว่าแล้วน้ำตาลในอาหารล่ะคะ
00:12:31 → 00:12:33 คุณหมอมันอ้วนหรือเปล่าเพราะว่าหมอหนึ่ง
00:12:33 → 00:12:36 บอกว่าอะไรหมอหนึ่งบอกว่าอยากผอมต้องตัด
00:12:36 → 00:12:39 น้ำตาลจากเครื่องดื่มและขนมออกไปก่อนแต่
00:12:39 → 00:12:41 บางทีอ่ะเราไปสั่งอาหารในร้านอาหารหรือ
00:12:41 → 00:12:43 ว่าเป็นพวกอาหารตามสั่งที่เขาทำมาแล้วอ่ะ
00:12:43 → 00:12:46 แล้วเค้าก็ตักใส่จานตักสายจาน 3 อย่าง 40
00:12:46 → 00:12:48 4 อย่าง 50 อะไรแบบเนี้ยมันมีน้ำตาลแน่ๆ
00:12:48 → 00:12:51 อยู่แล้วแล้วเราจะอ้วนหรือเปล่านะครับจำ
00:12:51 → 00:12:53 คำพูดที่หมอหนึ่งพูดได้ไมั้ยหมอหนึ่งพูด
00:12:53 → 00:12:55 ตลอดว่ามันไม่มีอะไรเพอร์เฟคหรอกคุณไม่
00:12:55 → 00:12:57 สามารถปรับสมมุติหมอหนบอกว่าคุณปรับ 10
00:12:57 → 00:12:59 ข้อนี้แล้วคุณจะผอมนะคุณไม่มีทางปรับได้
00:12:59 → 00:13:01 ครบ 10 ข้อหรอกและในความเป็นจริงแค่คุณ
00:13:01 → 00:13:03 ปรับได้ 3 ข้อนะคุณก็ผอมแล้วเหมือนที่หมอ
00:13:03 → 00:13:05 หนึ่งบอกตั้งแต่ตอนแรกว่าอะไรนะหมอหนึ่ง
00:13:05 → 00:13:08 บอกว่าถ้าคุณอยากผอมให้คุณทำตามพีระมิด
00:13:08 → 00:13:10 ความผอมนะแต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรเลยให้
00:13:10 → 00:13:12 เริ่มต้นจากการตัดน้ำตาลจากเครื่องดื่ม
00:13:12 → 00:13:14 และขนมก่อนนะแค่เนี้ย 7 วันคุณก็เริ่ม
00:13:15 → 00:13:17 เห็นความเปลี่ยนแปลงนๆแล้วคุณค่อยๆทำข้อ
00:13:17 → 00:13:20 อื่นต่อเพราะฉะนั้นจำไว้เลยนะครับนะว่าดี
00:13:20 → 00:13:22 ที่สุดในจุดที่ทำได้ถ้าสมมุติว่าอาหาร
00:13:22 → 00:13:25 เขาคใส่น้ำตาลมาแล้วไม่เป็นไรก็กินไปแต่
00:13:25 → 00:13:27 เราไปตัดน้ำตาลจากเครื่องดื่มและขนมแทนนะ
00:13:27 → 00:13:30 ครับเนี่ยเห็นมยมีคนถามหมอหนึ่งว่าน้ำตาล
00:13:30 → 00:13:31 เนี่ยในอาหารเนี่ยกินได้มั้นะครับอ่ะ
00:13:31 → 00:13:33 เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราจะมาดูเรื่องนี้กัน
00:13:33 → 00:13:36 ดีกว่าเราจะมาดูเรื่องเครื่องปรุงกันน่า
00:13:36 → 00:13:40 นะครับเครื่องปรุงคำถามคือเครื่องปรุงแบบ
00:13:40 → 00:13:42 ไหนกินได้บ้างคะคุณหมอคราวนี้ก่อนที่เรา
00:13:42 → 00:13:44 จะไปรู้ว่าปรุงแบบไหนบ้างคุณก็ต้องรู้
00:13:44 → 00:13:47 ก่อนว่าต่อมรับรถของคนเรามันมีกี่รถเอ้อ
00:13:47 → 00:13:50 อ้าลองเดาในใจดูผิดถูกไม่เป็นไรหมอ 1 บอก
00:13:50 → 00:13:52 แล้วว่าเรียนกับผมเนี่ยคนที่อยู่ในกลุ่ม
00:13:52 → 00:13:55 เรียนจะรู้ดีผมอยากให้ลองตอบผิดแต่เราผิด
00:13:55 → 00:13:57 ตอนที่เราเรียนกันแบบเนี้ยมันไม่มีผลกับ
00:13:57 → 00:14:00 สุขภาพอะไรถูกมั้ยแต่ถ้าสมมุติว่าเราไป
00:14:00 → 00:14:02 เลือกในชีวิตจริงนะครับมันเหมือนการสอบนะ
00:14:02 → 00:14:04 การเลือกอาหารในชีวิตจริงเนี่ยมันมีผลกับ
00:14:04 → 00:14:06 สุขภาพของเราเพราะฉะนั้นถ้าเราไปผิดใน
00:14:06 → 00:14:08 ชีวิตจริงสุขภาพเราก็เสียแต่ถ้าเราผิดตอน
00:14:08 → 00:14:10 ที่เรานั่งเรียนกันแบบเนี้ยสุขภาพเราไม่
00:14:10 → 00:14:12 เสียเพราะฉะนั้นกล้าๆลองตอบดูผิดก็ผิดไม่
00:14:12 → 00:14:14 เป็นไรเราจะได้รู้ว่าอะไรถูกนะครับถูก
00:14:14 → 00:14:16 แล้วก็จะได้รู้ว่ามันถูกเพราะอะไรน่านะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับรสจริงๆที่ลิ้นคนเรารับได้มันจะมี
00:14:19 → 00:14:22 อยู่ทั้งหมด 4 รสด้วยกันคือเปรี้ยวหวาน
00:14:22 → 00:14:25 เค็มขมอ่ะหมอหนึ่งเขียนให้ก่อนนะมี
00:14:25 → 00:14:30 เปรี้ยวหวานเค็มแล้วก็ขมแต่จริงๆปัจจุบัน
00:14:30 → 00:14:32 เนี่ยเขารู้ว่ามันมีอีก1ึรถนะครับโผล่
00:14:32 → 00:14:34 ขึ้นมาคือรถ
00:14:34 → 00:14:39 อูมามิอ้าคำถามคือรสไหนบ้างที่ทำให้คนเรา
00:14:39 → 00:14:42 อ้วนเออรู้จักรถอูมามิมยจริงๆมันก็คือ
00:14:42 → 00:14:45 อารมณ์คล้ายๆผงชูรสน่ะนะครับเนาะนะหลายคน
00:14:45 → 00:14:47 ก็ตอบยกมือตอบเลยคุณหมอคะรู้เลยค่ะรสหวาน
00:14:48 → 00:14:50 ค่ะแน่นอนครับเพราะว่าอะไรเพราะว่ารสหวาน
00:14:50 → 00:14:53 เนี่ยมันคือหวานจากน้ำตาลถูกป่าหลายคนบาง
00:14:53 → 00:14:55 คนก็บอกว่าแสดงว่าในอาหารแบบนี้เราไม่ควร
00:14:55 → 00:14:58 เติมน้ำตาลใช่ไหมถ้าเป็นอาหารที่สั่งมา
00:14:58 → 00:15:01 แล้วแล้วให้ชิมก่อนนะครับถ้ารสชาติมันพอ
00:15:01 → 00:15:03 ได้แล้วอย่าเติมน้ำตาลเพิ่มหรือถ้าอยาก
00:15:03 → 00:15:05 ได้หวานจริงๆแล้วอยากจะเติมให้ใช้พวกหญ้า
00:15:05 → 00:15:08 หวานที่เป็นซองๆอ่ะใส่เพิ่มนิดหน่อยอัน
00:15:08 → 00:15:10 นั้นได้โอเคมยก็จะดีต่อในช่วงการลดน้ำ
00:15:10 → 00:15:12 หนักมากกว่าแต่ถ้าเป็นอาหารที่เขาทำไว้
00:15:12 → 00:15:14 แล้วนะครับนะไม่เป็นไรแต่ให้เลี่ยงส่วน
00:15:15 → 00:15:17 ที่เป็นนี่ให้เลี่ยงส่วนที่เป็นน้ำน้ำ
00:15:17 → 00:15:19 เพราะอะไรเวลาน้ำตาลมันละลายมันจะละลาย
00:15:19 → 00:15:21 อยู่ในน้ำมันไม่ได้ไปละลายอยู่ในเส้นนะ
00:15:21 → 00:15:23 แต่มันละลายอยู่ในน้ำเพราะฉะนั้นการที่
00:15:23 → 00:15:26 คุณกินสุกกี้หรือไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วคุณ
00:15:26 → 00:15:28 รู้ว่าร้านนี้เค้าปรุงหนักมือมากเลยนะ
00:15:28 → 00:15:31 ครับเราก็แค่ไม่ซดน้ำแค่นั้นเองนะก็จะดี
00:15:31 → 00:15:33 กับการลดน้ำหนักมากที่สุดก็คือดีที่สุดใน
00:15:33 → 00:15:35 จุดที่คุณทำได้เนาะอ่ะเพราะฉะนั้นอันที่ 1
00:15:35 → 00:15:37 น้ำตาลเป็นไปได้ไม่เติมถ้าต้องเติมไม่
00:15:37 → 00:15:39 เติมนะครับแล้วก็เลี่ยงส่วนที่เป็นน้ำ้ำ
00:15:39 → 00:15:42 ของอาหาร 2 คุณคิดว่าอะไรอ้วนอีกเออคุณ
00:15:42 → 00:15:45 รู้มยว่าสิ่งที่ทำให้คุณเราอ้วนจริงๆคือ
00:15:45 → 00:15:48 รสเค็มกับรสอูมามิแต่อาจจะไม่ได้อ้วนจาก
00:15:48 → 00:15:51 การที่ไขมันคุณเพิ่มขึ้นนะแต่มันจะอ้วน
00:15:51 → 00:15:56 จากการที่คุณเนี่ยบวมน้ำใครเคยกินผงชูรส
00:15:56 → 00:15:58 หรืออาหารที่ชูรสเยอะๆแล้วรู้สึกว่าหน้าต
00:15:58 → 00:16:02 ตึงรู้สึกว่าโหมันบวมไปทั้งตัวบางคนถ้าไว
00:16:02 → 00:16:05 ต่อผงชูรสหน่อยก็จะบวมๆขาด้วยเหตุผลที่
00:16:05 → 00:16:07 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยพวกเยมันจะมีโซเดียม
00:16:07 → 00:16:10 อยู่ในนั้นเยอะนะครับแล้วโซเดียมเนี่ยมัน
00:16:10 → 00:16:13 จะชอบอุ้มน้ำเอาไว้อ่าเพราะฉะนั้นเวลาที่
00:16:13 → 00:16:16 คุณกินอาหารที่โซเดียมสูงเนี่ยมันก็เลย
00:16:16 → 00:16:18 รู้สึกว่าทำไมมันหนักตานะครับเพราะว่ามัน
00:16:18 → 00:16:20 อุ้มน้ำไว้ในร่างกายเยอะคุณก็จะรู้สึกหิว
00:16:20 → 00:16:22 น้ำอีกเพราะอะไรเพราะร่างกายอยากได้น้ำ
00:16:22 → 00:16:24 เนาะเพราะฉะนั้นอันนี้จะทำให้น้ำหนักคุณ
00:16:24 → 00:16:26 ขึ้นได้ 1 วันเนี่ยขึ้นได้ 1-2 กเลยนะคน
00:16:26 → 00:16:29 ที่กินโซเดียมสูงๆเนี่ยแต่มันเป็นการการ
00:16:29 → 00:16:31 ที่คุณไม่ได้อ้วนขึ้นแต่มันบวมน้ำคุณจะ
00:16:31 → 00:16:33 รู้สึกว่ารำคาญตัวเองไม่ค่อยสบายตัวเท่า
00:16:33 → 00:16:36 ไหร่นะครับเนาะส่วนรสเปรี้ยวกับรสขมแสดง
00:16:36 → 00:16:38 ว่ากินได้เต็มที่เลยใช่มั้ยคะคุณหมอโหชอบ
00:16:38 → 00:16:41 กินมากเลยค่ะยำเปรี้ยวๆข้อเสียของรสที่
00:16:41 → 00:16:43 มันจัดมากเกินไปเนี่ยรู้มั้ยมันคืออะไร
00:16:43 → 00:16:46 อาหารรสจัดเนี่ยทำให้คนลดน้ำหนักยากโดย
00:16:46 → 00:16:48 เฉพาะพวกเมนูส้มตำปลาร้าส้มตำอะไรพวก
00:16:49 → 00:16:52 เนี้ยเนื่องจากว่ามันจะไปกลบรสอื่นๆบางคน
00:16:52 → 00:16:55 กินบอกคุณหมอคะพี่กินส้มตำพี่กินยำเนี่ย
00:16:55 → 00:16:58 ไม่มีทางหวานแน่นอนค่ะเพราะว่าพี่ทำ
00:16:58 → 00:17:00 เปรี้ยวนำเพอเปรี้ยวนำแต่จริงๆในนั้น
00:17:00 → 00:17:01 เนี่ยอาจจะมีน้ำตาลอยู่เยอะมากแต่เราไม่
00:17:01 → 00:17:04 ได้รสของมันแล้วเพราะรสเปรี้ยวมันไปกลบรส
00:17:04 → 00:17:06 อื่นเพราะฉะนั้นดีที่สุดนะครับไม่ได้ให้
00:17:06 → 00:17:08 กินจืดไปเลยนะแต่ให้อยู่ในรสที่พอดีไม่
00:17:08 → 00:17:11 จัดจนเกินไปคุณจะยังได้สัมผัสได้ว่าเฮ้ย
00:17:11 → 00:17:13 ไอ้ของที่เรากินมันหวานบ้างหรือเปล่ามัน
00:17:13 → 00:17:15 เค็มเกินไปหรือเปล่าเห็นภาพเนาะนะครับ
00:17:15 → 00:17:17 เพราะฉะนั้นถามว่าในเรื่องของเครื่องปรุง
00:17:18 → 00:17:20 นะครับดีที่สุดในจุดที่ทำได้ถ้าต้องเติม
00:17:20 → 00:17:23 เพิ่มไม่เติมอาจจะไปใช้หญ้าหวานแทนหรือ
00:17:23 → 00:17:25 ถ้าเขาคทำอาหารมาแล้วก็เลี่ยงส่วนที่เป็น
00:17:25 → 00:17:28 น้ำๆอย่างพวกกะเพราอเงี้ยน้ำแฉะๆเนี่ยไม่
00:17:28 → 00:17:31 เอาตักแต่เนื้อๆมากินโอเคเนาะนะครับคำถาม
00:17:31 → 00:17:34 ถัดมาเลยต่อกันเลยนะครับคุณหมอคะแล้วแบบ
00:17:34 → 00:17:36 ไหนถึงเรียกโซเดียมสูงล่ะคะเห็นหลายคนเ
00:17:36 → 00:17:38 บอกว่าถ้ากินอาหารที่โซเดียมสูงแล้วจะ
00:17:38 → 00:17:41 อ้วนจะบวมน้ำเออเคยรู้มว่าแบบไหนถึงเรียก
00:17:41 → 00:17:44 ว่าโซเดียมสูงจำที่หมอหนึ่งพูดไว้อย่าง
00:17:44 → 00:17:46 นึงนะถ้าเราต้องจำทุกอย่างบนโลกนี้เนี่ย
00:17:46 → 00:17:48 ว่าตัวเลขต้องไม่เกินเท่าไหร่บวกโซเดียม
00:17:48 → 00:17:51 วันนี้กินไปเท่าไหร่แล้วก่อนคุณจะผอมนะ
00:17:51 → 00:17:53 คุณเป็นบ้าก่อนถูกมั้ยเพราะั้นใครที่
00:17:53 → 00:17:55 เรียนลดน้ำหนักกับหมอ 1 จะรู้ว่าหมอ 1
00:17:55 → 00:17:57 ไม่เคยให้นับแคลอรี่เลยนะครับเพราะอะไร
00:17:57 → 00:17:59 เพราะนับไปก็เท่านั้นสมมุติคุณนับแคลอรี่
00:17:59 → 00:18:01 ไปเสร็จปั๊บอาหารมื้อเย็นคุณแบบเฮ้ยอัน
00:18:01 → 00:18:04 นี้นับยังไงอ่ะนับไม่ได้ตายแล้วเช้ากลาง
00:18:04 → 00:18:05 วันบวกได้แล้วว่าได้แคลอรี่เท่าไหร่มื้อ
00:18:05 → 00:18:08 เย็นบวกไม่ได้โอหเครียดเลยนับแคลอรี่ไม่
00:18:08 → 00:18:11 ถูกเลยโซเดียมก็เหมือนกันอย่าไปนับแต่
00:18:11 → 00:18:13 เดี๋ยวจะสอนวิธีดูว่าแบบไหนที่โซเดียมสูง
00:18:13 → 00:18:16 จนอ้วนโอเคมยแต่อย่างที่บอกนะครับว่า
00:18:16 → 00:18:19 อาหารที่โซเดียมสูงไม่ได้อ้วนเพราะสะสมไข
00:18:19 → 00:18:22 มันแต่อ้วนเพราะว่าร่างกายมันจะบวมน้ำ
00:18:22 → 00:18:25 เพราะโซเดียมยิ่งเยอะร่างกายจะดึงน้ำไว้
00:18:25 → 00:18:27 ในร่างกายเยอะคนที่กินอาหารโซเดียมสูงก็
00:18:27 → 00:18:29 เลยมักจะเป็นไงหนักตาเวลาคุณไปกินอาหาร
00:18:30 → 00:18:32 นอกบ้านหรือไปกินชาบูปิ้งย่างเนี่ยที่เขา
00:18:32 → 00:18:35 ใส่โซเดียมลงไปในน้ำซุปน้ำแกงเยอะๆนะครับ
00:18:35 → 00:18:37 เนาะเพราะฉะนั้นตอบคำถามของนักเรียนท่าน
00:18:37 → 00:18:40 นี้นะเถามว่าคุณหมอคะเราจะเลือกดื่มนม
00:18:40 → 00:18:42 ปริมาณโซเดียมควรไม่เกินเท่าไหร่คะอยาก
00:18:42 → 00:18:45 ได้ความรู้เรื่องโซเดียมถ้าปกติเนี่ย
00:18:45 → 00:18:47 อนามัยเนี่ยเจะเขียนไว้้ตามซองผลิตภัณฑ์
00:18:47 → 00:18:50 ต่างๆว่าวันหนึ่งอ่ะคนเราเนี่ยไม่ควรกิน
00:18:50 → 00:18:53 โซเดียมเกิน 2,000 มิลกรัมโอเคมย 2,000
00:18:53 → 00:18:56 มิลกรัมคำถามคือเฮ้ยแล้วนมเนี่ยโซเดียม
00:18:56 → 00:18:58 มันสูงมั้ยเฮ้ยแล้วไข่โซเดียมฟองนึงเท่า
00:18:58 → 00:19:01 ไหร่เฮ้ยแล้วข้าวมีโซเดียมมยถ้าอย่างที่
00:19:01 → 00:19:03 บอกนะครับถ้าคุณคิดทุกอย่างแบบนี้นะคุณ
00:19:03 → 00:19:05 ปวดหัวแย่เลยเอาง่ายๆนะหมอหนึ่งยกตัว
00:19:05 → 00:19:08 อย่างฉลากให้ดูอันนึงอ่าใครที่อยู่ใน
00:19:08 → 00:19:11 กลุ่มไปดูบทที่ 4 นะครับคนที่เข้ากลุ่มลด
00:19:11 → 00:19:13 น้ำหนัก VIP ไปนานแล้วอ่ะคุณจะได้สิทธิ์
00:19:13 → 00:19:16 ในการที่ได้อัปเดตคอร์สเรียนกับหมอ 1
00:19:16 → 00:19:18 ตลอดชีพอยู่แล้วที่เป็นคอร์สลดน้ำหนัก
00:19:18 → 00:19:20 เพราะฉะนั้นหมอ 1 อัปเดตเรื่องฉลากไปแล้ว
00:19:20 → 00:19:22 นะมีฉลากให้ดูเป็นร้อยๆอันเลยนะเกือบ 100
00:19:22 → 00:19:23 อันเลยเข้าไปดูนะนะครับจะได้เรียนรู้
00:19:23 → 00:19:26 เรื่องการอ่านฉลากเพิ่มเติมแต่สำหรับคน
00:19:26 → 00:19:28 ที่ไม่ใช่นักเรียนหมอ 1 นะมาดูฉลากนี้
00:19:28 → 00:19:29 พร้อมกันคุณคุณจะได้มีความรู้เริ่มต้นใน
00:19:29 → 00:19:32 การลดน้ำหนักโอเคมั้ยปกติแล้วเวลาที่คุณ
00:19:32 → 00:19:35 ดูฉลากโภชนาการเนี่ยคุณดูอะไรกันบ้างเออ
00:19:35 → 00:19:37 แปลกมั้ยบางคนดูอะไรรู้มยโผล่มาปั๊บดู
00:19:37 → 00:19:40 แคลอรี่ก่อนเลยว่าแคลอรี่เยอะไหมอย่าทำ
00:19:40 → 00:19:42 แบบนี้เด็ดขาดนะอยากลดน้ำหนักเนี่ยอย่าดู
00:19:42 → 00:19:46 แคลอรี่ไม่สำคัญเลยโอเคไหครับสิ่งที่คุณ
00:19:46 → 00:19:48 ต้องดูอันที่ 1 คือโปรตีนเยอะมยเพราะถ้า
00:19:48 → 00:19:51 เราจะลดน้ำหนักได้อาหารควรจะต้องมีโปรตีน
00:19:51 → 00:19:54 เพราะโปรตีนทำให้คุณอิ่มถูกป่าข้อที่ 2
00:19:54 → 00:19:58 แป้งเยอะมยแป้งคือคาร์โบไฮเดรตเยอะมยถ้า
00:19:58 → 00:20:01 เยอะสุดท้ายกินไปย่อยเป็นน้ำตาลน้ำตาลใน
00:20:01 → 00:20:03 ร่างกายเยอะเอาไปสะสมเป็นไขมันเพราะ
00:20:03 → 00:20:06 ฉะนั้นคำถามคืออันนี้คืออะไรบางคนบอกเฮ้ย
00:20:06 → 00:20:07 คุณหมอยังไม่บอกเลยอันนี้อะไรอันนี้คือ
00:20:07 → 00:20:10 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่ไม่ได้ระบุยี่ห้อ
00:20:10 → 00:20:12 นะแต่เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนะครับ
00:20:12 → 00:20:15 โปรตีน 7 คาร์โบไฮเดรต 56 คำถามคือถ้าเรา
00:20:15 → 00:20:18 กินซองนี้เข้าไปเราจะได้โปรตีนแค่ 7 บาง
00:20:18 → 00:20:19 คนบอกว่าไม่รู้ 7 มากหรือน้อยไม่เป็นไร
00:20:19 → 00:20:21 เราเพิ่งเริ่มต้นลดน้ำหนักเนาะ 7 เนี่ย
00:20:21 → 00:20:25 ประมาณก็คือได้ไข่ฟองนึงโดยประมาณนะครับ
00:20:25 → 00:20:26 โปรตีนถือว่าไม่เยอะเนาะแล้วก็
00:20:26 → 00:20:29 คาร์โบไฮเดรต 56 กรัมเนี่ยนี้ประมาณข้าว
00:20:29 → 00:20:32 ประมาณ 3 ทับพีสรุปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จ
00:20:32 → 00:20:34 รูปอันนี้ได้คาร์โบไฮเดรตเหมือนข้าว 3
00:20:34 → 00:20:36 ทับพีแต่โปรตีนเหมือนไข่ฟองเดียวเห็นภาพ
00:20:36 → 00:20:38 มั้ยแบบนี้เหมือนเรากินข้าว 1 จาน 3
00:20:38 → 00:20:40 ทัพพีแล้ว้มีไข่ 1 ฟองอิ่มมั้ยคุณว่าไม่
00:20:40 → 00:20:43 อิ่มหรอกแล้วสิ่งที่จะได้แถมมาคือโซเดียม
00:20:43 → 00:20:47 โซเดียม 1, 370 1 วันกินโซเดียมไม่เกิน
00:20:47 → 00:20:50 2,000 แต่ได้โซเดียมไปแล้ว 1370 กิน 2
00:20:50 → 00:20:54 ห่อเป็นไงครับบวมเป่งแน่แๆเลยถูกมยเพราะ
00:20:54 → 00:20:57 ฉะนั้นอาหารหลักๆที่คุณควรจะต้องจำได้ว่า
00:20:57 → 00:21:00 โซเดียมมันสูงมากมากนะอันที่ 1 จำไว้เลย
00:21:00 → 00:21:05 นะมันคืออาหารที่มีผงชูรสเยอะเป็นไปได้
00:21:05 → 00:21:10 เลี่ยงข้อที่ 2 นะครับปรุงรสเยอะคำว่า
00:21:10 → 00:21:13 ปรุงรสเยอะคืออะไรบางคนเนี่ยหนักมือมากๆ
00:21:13 → 00:21:16 เลยเวลาทำกะเพราทำหมูกระเทียมเนี่ยใส่ซอส
00:21:16 → 00:21:19 ใส่ซอสใส่เยอะๆระวังไตพังจริงๆร่างกายของ
00:21:19 → 00:21:22 คนเราเนี่ยถ้าสุขภาพแข็งแรงดีนะต่อให้ใส่
00:21:22 → 00:21:24 ซอสเยอะเนี่ยนานๆกินทีมันไม่เป็นไรหรอก
00:21:24 → 00:21:27 แต่ถ้าสมมุติว่าคุณยิ่งอ้วนด้วยนะคุณมี
00:21:27 → 00:21:29 โอกาสที่ไตจะเสื่อมมากกว่าปปกติการที่เรา
00:21:29 → 00:21:31 ใส่พวกสารปรุงรสเยอะๆเนี่ยมันจะทำให้ร่าง
00:21:31 → 00:21:34 กายคุณเนี่ยรักษาสมดุลเกลือแร่ไม่ค่อยได้
00:21:34 → 00:21:38 นะครับแล้วก็อันที่ 3 นะคือพวกอาหาร
00:21:38 → 00:21:42 สำเร็จรูปงงมั้ยคำว่าอาหารสำเร็จรูปกับ
00:21:42 → 00:21:46 กึ่งสำเร็จรูปอ่าบางคนบอกว่ามันคืออะไรคะ
00:21:46 → 00:21:48 คุณหมออาหารอะไรก็แล้วแต่ที่เอามาฉีก
00:21:48 → 00:21:51 เสร็จปั๊บกินได้เลยเพราะอะไรรู้มยเพราะ
00:21:51 → 00:21:53 อาหารพวกเนี้ยจำเป็นต้องมีโซเดียมอยู่ใน
00:21:53 → 00:21:56 นั้นเยอะๆเพื่อรักษาสภาพอาหารเพราะฉะนั้น
00:21:56 → 00:21:58 อาหารที่ต้องเข้าไมโครเวฟใช่มั้ยใช่ทั้ง
00:21:59 → 00:22:02 หมดเลยถ้าคุณอยากรู้คุณเดินเข้าร้านสะดวก
00:22:02 → 00:22:04 ซื้อเลยนะแล้วไปดูอาหารที่อยู่ในชั้นน่ะ
00:22:04 → 00:22:06 ที่ต้องเอาไปเข้าไมโครเวฟโดยเฉพาะพวกที่
00:22:06 → 00:22:09 อยู่ในตู้แช่แข็งคุณลองเปิดดูเลยนะพวกที่
00:22:09 → 00:22:13 เป็นต้มจืดเอยน้ำชาบูน้ำดำเอยไปดูโซเดียม
00:22:13 → 00:22:15 เป็นพันทั้งนั้นเลยเพราะฉะนั้นถามว่ากิน
00:22:15 → 00:22:17 แล้วผอมมยไม่ผอมหรอกคุณจะบวมน้ำเพราะ
00:22:17 → 00:22:19 โซเดียมมันสูงกินแล้วจะหิวน้ำกินแล้วจะ
00:22:19 → 00:22:22 รู้สึกง่วงๆหนังตาตกตลอดเวลาเพราะนั้นดี
00:22:22 → 00:22:24 การลดน้ำหนักมั้ยไม่ดีบะหมี่กึ่งสำเร็จ
00:22:24 → 00:22:27 รูปก็เหมือนกันเห็นภาพเ่ามีอะไรอีกอ่ะจะ
00:22:27 → 00:22:33 ได้จำง่ายๆง่านะครับพวกของหมักดองของหมัก
00:22:33 → 00:22:36 ของดองเค้าดองเดองเใช้อะไรเใช้โซเดียมไง
00:22:36 → 00:22:38 ดองเพราะฉะนั้นอาหารพวกเนี้ยเป็นไปได้
00:22:38 → 00:22:40 เลี่ยงนอกนั้นโซเดียมไม่เยอะหรอกไม่ต้อง
00:22:40 → 00:22:42 ไปนับเห็นภาพมยใช้ชีวิตง่ายขึ้นมยง่าย
00:22:42 → 00:22:45 ขึ้นโอเคไหครับเนาะเพราะฉะนั้นอย่างที่
00:22:45 → 00:22:48 บอกนะถ้าอยากเริ่มต้นลดน้ำหนักคุณวมีความ
00:22:48 → 00:22:50 รู้คุณไม่ได้อ้วนเพราะคุณไม่มีวินัยกับ
00:22:50 → 00:22:53 ไม่เก่งไม่ใช่แต่ไม่มีความรู้นักเรียนที่
00:22:53 → 00:22:55 หมอหนึ่งสอนมา 20,000 กว่าคนนะทุกคน
00:22:55 → 00:22:57 เหมือนกันหมดเลยดูฉลากเสร็จปั๊บดูแคลอรี่
00:22:57 → 00:23:00 ก่อนไม่เอานะนะครับเนาะใครอยู่ในกลุ่ม VIP
00:23:00 → 00:23:02 ไปทวนบทที่ 4 ซะนะเราจะได้จำได้บางคนยัง
00:23:02 → 00:23:04 เรียนไม่ถึงก็ค่อยๆเรียนไปอย่าไปข้ามบทนะ
00:23:04 → 00:23:06 ครับเพราะฉะนั้นให้ดูโปรตีนดู
00:23:06 → 00:23:08 คาร์โบไฮเดรตโซเดียมดูได้แต่จริงๆไม่ต้อง
00:23:08 → 00:23:11 ดูก็ได้แค่เลี่ยงผงชูรสการปรุงรสเยอะๆ
00:23:11 → 00:23:14 อาหารสำเร็จรูปบหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ต้อง
00:23:14 → 00:23:16 เอาไปเข้าไมโครเวฟนะครับพวกที่ฉีกซองมา
00:23:16 → 00:23:18 กินได้เลยหรือพวกที่เก็บไว้นานๆนะครับพวก
00:23:19 → 00:23:20 อะไรปลากระป๋องพวกเนี้ยเลี่ยงได้เลี่ยงไป
00:23:20 → 00:23:23 แล้วก็พวกอาหารหมากดองเนาะคราวนี้เมื่อ
00:23:23 → 00:23:25 กี้หมอหนึ่งพูดเกี่ยวกับเรื่องของสาร
00:23:25 → 00:23:26 อาหารไปแล้วเนาะนะว่าเอามาประยุกต์ใช้ยัง
00:23:26 → 00:23:29 ไงบ้างกับคำถามที่หลายๆคนครับมานะครับมัน
00:23:29 → 00:23:32 ก็จะมีสต็ปที่ 2 ของการลดน้ำหนักอ่ามาดู
00:23:32 → 00:23:35 สเต็ปที่ 2 คือเรื่องของการทำ If บางคน
00:23:35 → 00:23:37 เนี่ยมีคำถามเกี่ยวกับการทำ If เยอะมาก
00:23:37 → 00:23:40 คุณหมอคะทำไทำไมไม่ผอมคะผมตอบตรงนี้เลยนะ
00:23:40 → 00:23:43 ทำไไม่ผอมเพราะคุณปรับสารอาหารในข้อ 1
00:23:43 → 00:23:46 ไม่ดีถ้าคุณปรับสารอาหารในข้อ 1 ดีคืองด
00:23:46 → 00:23:49 เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและขนมที่มีน้ำตาล
00:23:49 → 00:23:51 ลดปริมาณแป้งลงได้ไม่กินแป้งซ้ำซ้อนกิน
00:23:51 → 00:23:54 โปรตีนจนอิ่มร่างกายมีโปรตีนเพียงพอที่จะ
00:23:54 → 00:23:56 เอาไปสร้างกล้ามเนื้อคุณทำแค่นี้นะคุณยัง
00:23:56 → 00:24:00 ไม่ทำ If เลยนะพอพมแล้วเพราะอะไรเพราะ If
00:24:00 → 00:24:02 ไม่ใช่การลดน้ำหนักแต่เป็นการจัดเวลาการ
00:24:03 → 00:24:06 ทานเฉยๆนะครับเนาะเพราะฉะนั้นถ้าอยาก
00:24:06 → 00:24:08 เริ่มต้นลดน้ำหนักคุณอาจจะเริ่มจากการทำไ
00:24:08 → 00:24:10 แค่ 12/12 ก็ได้หมอ 1 ก็ให้นักเรียนหมอ 1
00:24:10 → 00:24:13 เริ่มแค่นี้เองบางคนไม่เคยรู้เลยว่า 12/12
00:24:13 → 00:24:16 คืออะไรอ่ะมาฟังตรงนี้ก่อนนะครับปกติแล้ว
00:24:16 → 00:24:19 ใน 1 วันมันจะมี 24 ชมถูกมยนะครับเราจะ
00:24:19 → 00:24:21 แบ่งเป็นช่วงที่เรากินกับช่วงที่เราหยุด
00:24:21 → 00:24:23 กินอ่านะครับช่วงที่เรากินบางคนเนี่ยนะ
00:24:23 → 00:24:26 ตื่นมาตั้งแต่เช้านะ 8:00 นกิน 1200 นกิน
00:24:26 → 00:24:29 16:00 นกิน 20:00 นกินเที่ยงคืนก็ยังกิน
00:24:29 → 00:24:32 ก่อนนอนขอนมักแก้วก็ยังดีช่วงเวลาที่หยุด
00:24:32 → 00:24:35 กินมีแค่เที่ยงคืนตอนที่นอนจนถึง 8:00 น
00:24:35 → 00:24:36 เพราะอะไรตอนนั้นหลับอยู่คุณกินไม่ได้ถูก
00:24:36 → 00:24:39 มยไอ้ช่วงที่คุณหยุดกินนั่นแหละร่างกายจะ
00:24:39 → 00:24:41 ไม่ได้พลังงานจากสิ่งที่กินภายนอกก็เลย
00:24:41 → 00:24:43 ต้องไปเอาพลังงานที่อยู่ภายในมาใช้ซึ่ง
00:24:43 → 00:24:46 มันก็คือพลังงานจากไขมันนะครับแต่ 8 ชม
00:24:46 → 00:24:49 เนี่ยนะครับเขาค้นพบว่ามันไม่เพียงพอต่อ
00:24:49 → 00:24:51 การที่คุณจะผอมได้เขาก็เลยบอกว่าถ้าคุณ
00:24:51 → 00:24:55 อยากลดน้ำหนักนะให้ทำ If นะแล้วมีช่วงกิน
00:24:55 → 00:24:58 เนี่ย 12 ชมช่วงอด 12 ชมนะเป็นการเริ่ม
00:24:58 → 00:25:01 ต้นอ่าหมายความว่าอะไรหมายความว่าสมมุติ
00:25:01 → 00:25:03 วันนี้หมอหนึ่งหยุดกินตอน 20:00 นนับไป 12
00:25:03 → 00:25:06 ชมหมอหนึ่งจะไปเริ่มกินอีกทีนึงตอนกี่โ
00:25:06 → 00:25:09 ครับ 8:00 นของวันรุ่งขึ้นหรืออาจจะเรทไป
00:25:10 → 00:25:12 หน่อยก็ได้ถ้าเรทไปจนถึง 1200 นกลายเป็น
00:25:12 → 00:25:15 หยุดกินตอน 20:00 นไปกินอีกทีตอนเที่ยง
00:25:15 → 00:25:18 วันอีกวันนึงกลายเป็น 16 ชมนะครับหยุดกิน
00:25:18 → 00:25:21 16 ชมอันเนี้ยเราเลยเรียกว่า If 16/8
00:25:21 → 00:25:24 โอเคมั้ยนะครับตัวเลขข้างหน้าคือช่วงเวลา
00:25:24 → 00:25:27 การอดตัวเลขข้างหลังคือช่วงเวลาการกิน
00:25:27 → 00:25:29 เผื่อบางคนหลายๆคนไม่เคยฟังมาก่อนเนาะ
00:25:29 → 00:25:31 เพราะฉะนั้นถ้าอยากใช้ไขมันได้ดีต้องมี
00:25:31 → 00:25:35 ช่วงเวลาของการอดนานกว่า 12 ชมขึ้นไปนะ
00:25:35 → 00:25:38 ครับเพราะฉะนั้นใครที่เคยได้ยิน If 16/8
00:25:38 → 00:25:40 ก็เลยบอกว่าอ๋อแบบนี้มันผอมเพราะว่ามี
00:25:40 → 00:25:42 ช่วงเวลาของการอดนานกว่า 12 ช่มขึ้นไปแต่
00:25:42 → 00:25:45 บางคนบอกว่าเฮ้ยโหแบบนี้แสดงว่าคุณหมอคะ
00:25:45 → 00:25:49 If 23/1 ต้องดีกว่าใช่มั้ยคะ 23/1 คือ
00:25:49 → 00:25:53 อะไรอ่ะทุกคนลองตอบพร้อมกันอด 23 ชมกิน 1
00:25:53 → 00:25:56 ชมงมันหมายความว่าอะไรมันหมายความว่าคุณ
00:25:56 → 00:26:00 กินวันละ 1 มื้อคนส่วนใหญ่กินนวันละ 1
00:26:00 → 00:26:03 มื้อเนี่ยจะผอมช่วงแรกๆแต่ทำไปสักแป๊บนึง
00:26:03 → 00:26:05 น้ำหนักจะนิ่งแล้วไม่ผอมต่อด้วยเหตุผลคือ
00:26:05 → 00:26:08 การที่คุณกินวันละ 1 มื้อมักจะมีปัญหา
00:26:08 → 00:26:10 เกี่ยวกับเรื่องของสารอาหารไม่พอโดยเฉพาะ
00:26:10 → 00:26:14 โปรตีนเห็นภาพมยเพราะฉะนั้นหมอ 1 กำลังจะ
00:26:14 → 00:26:16 สอนสิ่งที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้ง่ายที่
00:26:16 → 00:26:18 สุดโดยที่ไม่เบียดเบียนการใช้ชีวิตประจำ
00:26:18 → 00:26:20 วันถ้าคุณลดน้ำหนักแล้วคุณรู้สึกว่ามันทำ
00:26:20 → 00:26:23 ยากมันต้องฝืนนั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง
00:26:23 → 00:26:25 นักเรียนหมอหนึ่งแต่ละคนเใช้ชีวิตปกติ
00:26:25 → 00:26:28 16/8 ก็ผอมแล้วถ้าสารอาหารถูกต้องเห็น
00:26:28 → 00:26:31 ภาพเนาะบางคนเริ่ม 12/12 แทบยังไม่ได้ทำ
00:26:31 → 00:26:33 If เลยแต่สารอาหารถูกต้องก็ผอมได้ในเวลา
00:26:33 → 00:26:36 สั้นๆนะครับเนาะคราวนี้มาเข้าคำถามดีกว่า
00:26:36 → 00:26:38 คนนี้ถามว่ากินอาหารไม่เป็นเวลามีผลต่อ
00:26:38 → 00:26:40 การลดน้ำหนักมนะครับเนี่ยคนนี้เขาคถามว่า
00:26:40 → 00:26:43 คุณหมอคะมีวิธีแนะนำสำหรับคนที่ทำงานเข้า
00:26:43 → 00:26:46 กะมยใครที่ทำงานแล้วไม่เป็นเวลาหรือกิน
00:26:46 → 00:26:48 ไม่ตรงเวลากันเลยในแต่ละวันเพราะงานยุ่ง
00:26:48 → 00:26:51 มากฟังให้ดีๆนะครับนะเพราะกินนอนไม่เป็น
00:26:51 → 00:26:52 เวลาเลยค่ะพยายามหลายครั้งแล้วครั้งล่า
00:26:52 → 00:26:55 สุดน้ำหนัก้างเลยถอดใจเลยหยุดทำมา 2-3
00:26:55 → 00:26:57 เดือนแล้วนะครับเพราะฉะนั้นกลับมามีกำลัง
00:26:57 → 00:27:00 ใจนะนะหมอนึงอธิบายให้ฟังนะครับหากคุณกิน
00:27:00 → 00:27:02 อาหารไม่เป็นเวลาจะมีอยู่ 2 ลักษณะด้วย
00:27:02 → 00:27:09 กันนะครับข้อที่ 1 คือใช้ชีวิตปกตินะแต่
00:27:09 → 00:27:12 งานยุ่งอ่าใช้ชีวิตปกติแต่งานยุ่งหมาย
00:27:12 → 00:27:15 ความว่าอะไรตื่นเช้าทำงานเสร็จปั๊บเย็น
00:27:16 → 00:27:18 กลับบ้านนอนตอนกลางคืนอันนี้คือคนที่ใช้
00:27:18 → 00:27:20 ชีวิตปกติแต่งานยุ่งแบบนี้ไม่ต้องกังวล
00:27:20 → 00:27:23 เลยนะรถง่ายมากๆแม้จะกินข้าวบางวัน 8:00
00:27:23 → 00:27:26 นบางวัน 10:00 นบางวัน 1200 นบางวัน 99:00
00:27:26 → 00:27:28 นนะครับทำไมวหนถึงบอกว่าง่ายมากๆมากอย่าง
00:27:28 → 00:27:30 นี้มันก็นับเวลา If ไม่ได้สิคะคุณหมอการ
00:27:30 → 00:27:33 ที่คุณทำ If ไม่จำเป็นต้องกินเวลาเดิมนะ
00:27:33 → 00:27:36 ครับถ้าไม่กินเวลาเดิมแล้วจะนับ If ยังไง
00:27:36 → 00:27:38 ล่ะครับว่ามันเป็นเท่าไหร่ททับเท่าไหร่
00:27:38 → 00:27:41 ไม่ต้องนับแต่ให้สนใจช่วงเวลาของการหยุด
00:27:41 → 00:27:43 ทานเป็นหลักนะครับเช่นหมอหนึ่งบอกว่าวัน
00:27:43 → 00:27:46 เนี้ยนะครับหมอ 1 เนี่ยหยุดกินตอน 20:00
00:27:46 → 00:27:48 นแล้ววันรุ่งขึ้นเนี่ยหมอ 1 งานยุ่งมาก
00:27:48 → 00:27:51 ช่วงเช้าหมอหนก็กินแต่กาแฟดำไปแล้วตรวจคน
00:27:51 → 00:27:53 ไข้ให้เสร็จก่อนแล้วเพิ่งไปกินอีกทีตอน
00:27:53 → 00:27:56 เที่ยนแบบเนี้ยกลายเป็น If 16/8 แต่หมอ
00:27:56 → 00:27:58 หนึจะไม่นับนะหมอหนึแค่อยากรู้ว่าหมอนึง
00:27:58 → 00:28:01 อดกี่ชั่วโมงอ๋ออด 16 ชมแสดงว่าเป็นไร
00:28:01 → 00:28:03 แสดงว่าโอเคเผ่าผ่านไขมันได้ดีเพราะว่ามี
00:28:03 → 00:28:06 ช่วงอดนานกว่า 12 ช่มแล้วแล้ววันนี้หมอ
00:28:06 → 00:28:08 หนึ่งกินตอนเที่ยนแล้วก็กินตอน 18:00 น 2
00:28:08 → 00:28:10 มื้อแต่กินสารอาหารให้ครบนะกินโปรตีนให้
00:28:10 → 00:28:13 อิ่มนะลดแป้งลงนะไม่กินของหวานๆนะหมอหน่ง
00:28:13 → 00:28:15 หยุด 18:00 นวันรุ่งขึ้นหมอหนึ่งเข้าเวร
00:28:15 → 00:28:17 ตอนเช้าแล้วยังพอมีเวลากินอยู่บ้างหมอ
00:28:17 → 00:28:20 หนึ่งทำไงครับหยุดตั้งแต่ 18:00 นวิ่งไป
00:28:20 → 00:28:23 เรื่อยๆแล้วก็ไปกินอีกทีตอน 10:00 นไม่
00:28:23 → 00:28:26 ได้กินเที่ยนแล้วนะแต่กิน 10:00 นนะอดกี่
00:28:26 → 00:28:28 ชั่วโมงครับ 18:00 น 6:00 นถึง 6 16 เช
00:28:28 → 00:28:31 12 ชมงแล้วนะนับไปถึง 10:00 นก็ 16 ชม 16
00:28:31 → 00:28:34 ชมเหมือนกันแต่เวลากินตรงกันมั้ยไม่ตรง
00:28:34 → 00:28:37 กันมนึงอาจจะไปกิน 9:00 นได้มั้ยได้เพราะ
00:28:37 → 00:28:40 อะไรก็กลายเป็นอด 15 ชมถ้าเราเป็นคนที่
00:28:40 → 00:28:43 ใช้ชีวิตค่อนข้างงานยุ่งให้ดูช่วงเวลาของ
00:28:43 → 00:28:46 การหยุดทานเป็นหลักขอให้นานกว่า 12 ชมงก็
00:28:46 → 00:28:49 พอถ้าได้ 15-1 ชมงก็ดีเห็นมยเราไม่ได้ไม่
00:28:49 → 00:28:51 ผอมเพราะว่าชีวิตประจำวันของเรามันผิด
00:28:51 → 00:28:54 ปกติกับคนอื่นแต่เราแค่ไม่รู้หลักการเฉยๆ
00:28:54 → 00:28:56 นักเรียนหมอหนึ่งเป็นพยาบาลเป็นหมอด้วย
00:28:56 → 00:28:59 กันแล้วก็เป็นแอร hostage เยอะมากบางคน
00:28:59 → 00:29:02 เป็นเซลล์เดินทางตลอดงานยุ่งมากๆบางคน
00:29:02 → 00:29:04 เปิดร้านอาหารของตัวเองไม่มีเวลากินข้าว
00:29:04 → 00:29:07 เองเลยให้ดูแต่ช่วงเวลาอดก็พอดีที่สุดใน
00:29:07 → 00:29:10 จุดที่ทำได้จำไว้นะโอเคมยอย่าไปสนใจว่าคน
00:29:10 → 00:29:13 อื่นใช้ชีวิตยังไงผอมง่ายผอมยากเอาแค่เรา
00:29:13 → 00:29:17 ผอมก็พอนะครับแล้วก็แบบที่ 2 คือใช้ชีวิต
00:29:17 → 00:29:21 ปกติแต่เปลี่ยนเวลาอ่าแต่เปลี่ยนเวลาคำ
00:29:21 → 00:29:24 ว่าเปลี่ยนเวลาคืออะไรจากกลางวันเป็นกลาง
00:29:24 → 00:29:26 คืนบางคนทำงานกลางคืนเพราะว่าต้องตื่นไป
00:29:26 → 00:29:28 ขายของกลางคืนแต่นอนกลางวันแบบนี้ไม่ยาก
00:29:28 → 00:29:31 นะเพราะอะไรบางคนเคยกินข้าวตอน 8:00 น
00:29:31 → 00:29:34 1200 นแล้วก็ 17:00 นคุณก็แค่ปรับถ้าคุณ
00:29:34 → 00:29:37 เริ่มมื้อแรกคุณนอนตื่นตอน 21:00 นแล้ว
00:29:37 → 00:29:39 คุณไปทำงานตั้งแต่ 21:00 นแล้วคุณไปนอน
00:29:39 → 00:29:42 อีกทีตอน 99:00 นคุณก็อาจจะกินมื้อแรกตอน
00:29:42 → 00:29:45 ไง 22:00 นได้มั้ยได้แล้วออกไปขายของกิน
00:29:45 → 00:29:48 อีกทีตอน 2:00 นได้มยได้แล้วกินอีกที 6:00
00:29:48 → 00:29:51 นได้มั้ยได้เห็นภาพมยถ้าคุณใช้กิจวัตรจะ
00:29:51 → 00:29:53 ประจำวันแบบเนี้ยเหมือนกันทุกวันก็จะไม่
00:29:53 → 00:29:55 ยากเพราะอะไรคุณแค่เปลี่ยนกลางวันเป็น
00:29:55 → 00:29:57 กลางคืนกลางคืนเป็นกลางวันไงเห็นภาพป่ะ
00:29:57 → 00:29:59 อยากให้ให้เอาไปประยุกต์ใช้เป็นนะนะครับ
00:29:59 → 00:30:03 อันที่ยากที่สุดจะเป็นแบบที่ 3 คือเข้า
00:30:03 → 00:30:07 เวรเป็นกะเข้าเวรเป็นกะแล้วมีอะไรด้วยมี
00:30:07 → 00:30:10 เปลี่ยนกะด้วยนะอ่าเคยเห็นมยบางคนเข้างาน
00:30:10 → 00:30:12 โรงงานนะครับเนาะหมอ 1 มีนักเรียนแบบนี้
00:30:12 → 00:30:15 เยอะมากเลยนะแบบนี้ก็เหมือนแบบแรกพยายาม
00:30:15 → 00:30:18 นับช่วงเวลาของการหยุดทานให้ได้นานกว่า 12
00:30:18 → 00:30:22 ชมงก็พอแล้วไปเน้นฐานพีระมิดคืออะไรครับ
00:30:22 → 00:30:24 เรื่องของสารอาหารงดเครื่องดื่มที่มีน้ำ
00:30:24 → 00:30:26 ตาลให้ได้ลดปริมาณแป้งไม่กินแป้งซ้ำซ้อน
00:30:27 → 00:30:29 กินโปรตีนให้อิ่มออกกำลังกาย 10-15 นาที
00:30:29 → 00:30:31 เพื่อเอาโปรตีนไปสร้างเป็นกล้ามเนื้อระบบ
00:30:31 → 00:30:34 เผาผลาญจะได้ดีแค่นี้เองดีที่สุดในจุดที่
00:30:34 → 00:30:36 ทำได้โอเคมั้ยเพราะฉะนั้นกินไม่เป็นเวลา
00:30:36 → 00:30:39 ใช่ปัญหามั้ยไม่ใช่นะครับเนาะเป็นกำลังใจ
00:30:39 → 00:30:42 ให้นะอย่าให้อุปสรรคในการทำงานมาเป็น
00:30:42 → 00:30:44 อุปสรรคในเรื่องสุขภาพเด็ดขาดอันไหนทำได้
00:30:44 → 00:30:47 ทำอันไหนทำไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับเนาะคราว
00:30:47 → 00:30:49 นี้ก็จะมีอีกคำถามนึงนะยอดฮิตมากๆคุณหมอ
00:30:49 → 00:30:52 คะทำ If แล้วเป็นโรคกระเพาะอ่ะค่ะทำยังไง
00:30:52 → 00:30:55 ล่ะครับมันถึงจะไม่เป็นโรคกระเพาะเออนะ
00:30:55 → 00:30:57 ครับใครที่ไม่เข้าใจข้อนี้ทำ If เพื่อลด
00:30:57 → 00:30:59 น้ำหนักเจะเป็นโรคกระเพาะหมดเลยนะหมอ
00:30:59 → 00:31:01 หนึ่งต้องเอาเรื่องนี้มาพูดเพราะมีคนถาม
00:31:01 → 00:31:04 ว่าคุณหมอคะเนี่ยไปดูคลิป If ของคุณหมอมา
00:31:04 → 00:31:06 เนี่ยเสร็จปั๊บคนที่เป็นโรคกระเพาะจะมีผล
00:31:06 → 00:31:09 เสียมยถ้าเราทำ If คำตอบคือคุณต้องเข้าใจ
00:31:09 → 00:31:11 กระเพาะของตัวเองก่อนนะครับกระเพาะของคน
00:31:11 → 00:31:13 เราอยู่ตรงไหนเออบางคนไม่รู้เลยกระเพาะ
00:31:13 → 00:31:15 อยู่ตรงไหนนะครับก็เพราะมันจะเอียงไปซ้าย
00:31:15 → 00:31:17 ๆนิดนึงนะนะครับมันไม่ไม่ได้อยู่ตรงกลาง
00:31:17 → 00:31:20 เลยนะมันจะเอียงไปซ้ายๆหน่อยนะครับเอามือ
00:31:20 → 00:31:22 ซ้ายตัวเองขึ้นมาแล้วก็จับไปใต้ชายโคงอัน
00:31:22 → 00:31:24 นั้นคือตำแหน่งกระเพาะเอามือขวาขึ้นมาจับ
00:31:24 → 00:31:26 ใต้ชายโครงอันนั้นคือตำแหน่งของตับโอเคมย
00:31:26 → 00:31:28 นะครับเนาะคราวเนี้ยกระเพาะของคนเรามันจะ
00:31:28 → 00:31:30 เป็นรูปตัวเเห็นมั้ยเป็นรูปตัวเเนาะ
00:31:30 → 00:31:33 กระเพาะตรงนี้เนี่ยข้างบนเนี่ยคือหลอด
00:31:33 → 00:31:35 อาหารอ่าเสร็จปั๊บลงมากระเพาะอาหารก็จะไป
00:31:35 → 00:31:39 ต่อที่ลำไส้เล็กคำถามคือถ้าคุณอดอาหารจะ
00:31:39 → 00:31:41 เกิดอะไรกับกระเพาะกระเพาะหลังอะไรออกมา
00:31:41 → 00:31:44 หลังน้ำย่อยใช่มยกระเพาะหลังน้ำย่อยออกมา
00:31:44 → 00:31:47 หลองน้ำย่อยออกมาคุณเคยอดอาหารนานสุดนาน
00:31:47 → 00:31:50 เท่าไหร่ครับบางคนที่ต้องเข้ารับการรักษา
00:31:50 → 00:31:52 หมอให้อดอาหาร 24 ชมงเลยถ้าสมมุติว่า
00:31:52 → 00:31:55 กระเพาะคุณอ่อนแอมากๆป่านี้กระเพาะคุณถูก
00:31:55 → 00:31:58 ย่อยจนทะลุไปแล้วถูกมั้ยเออแสดงว่าจริงๆ
00:31:58 → 00:32:00 แล้วเนี่ยกระเพาะของคนเราเนี่ยเถูกออกแบบ
00:32:00 → 00:32:04 มาให้ทนต่อการหลั่งกรดจำไว้เลยนะกรดที่
00:32:04 → 00:32:07 อยู่ในกระเพาะเนี่ยมันมีความเข้มข้นสูง
00:32:07 → 00:32:10 มากแต่กระเพาะของคนเรามีการสร้างสิ่งที่
00:32:10 → 00:32:13 เรียกว่าเยื่อเมือกเนี่ยเอามาปกคลุม
00:32:13 → 00:32:16 กระเพาะเอาไว้เพราะฉะนั้นต่อให้คุณเนี่ย
00:32:16 → 00:32:18 ไม่ได้กินอาหารแต่ถ้าเมือกของคุณแข็งแรง
00:32:18 → 00:32:21 คุณก็จะไม่เป็นโรคกระเพาะเพราะฉะนั้นถาม
00:32:21 → 00:32:24 ว่าการทำ If หรือว่าการกินไม่ตรงเวลาทำ
00:32:24 → 00:32:26 ให้เป็นโรคกระเพาะจริงมั้ยไม่จริงบุคลากร
00:32:26 → 00:32:28 ทางการแพทย์ก็มีส่วนผิดเหมือนกันที่เรา
00:32:28 → 00:32:30 เคยแนะนำคนไข้ว่าถ้าไม่อยากเป็นโรค
00:32:30 → 00:32:33 กระเพาะให้กินอาหารให้ตรงเวลานะมันมีผล
00:32:33 → 00:32:36 แต่น้อยมากๆมันไม่ใช่สาเหตุถ้าคุณเป็นโรค
00:32:36 → 00:32:39 กระเพาะแล้วการกินอาหารให้ตรงเวลาย่อมดี
00:32:39 → 00:32:41 กว่าการกินไม่ตรงเวลาแต่ถ้ากระเพาะคุณ
00:32:41 → 00:32:44 ปกติการที่คุณทำ If แล้วบางวันกินอาหาร
00:32:44 → 00:32:47 ไม่ตรงเวลาหรือไม่ได้กินข้าวเช้าไม่ได้ทำ
00:32:47 → 00:32:49 ให้คุณเป็นโรคกระเพาะนะสาเหตุหลักๆที่ทำ
00:32:49 → 00:32:52 ให้คุณเป็นโรคกระเพาะข้อที่ 1 ครับนะคือ
00:32:52 → 00:32:54 สิ่งที่เรียกว่า
00:32:54 → 00:32:58 แบคทีเรียอ้าเคยได้ยินมั้ยถ้าลึกลงไป
00:32:58 → 00:33:02 หน่อยก็จะเป็นแบคทีเรียที่ชื่อว่า H ไรล
00:33:02 → 00:33:05 ซึ่งจะชอบอยู่ในกระเพาะบางคนมีแบคทีเรีย
00:33:05 → 00:33:08 ตัวเนี้ยเยอะกว่าปกติทำให้เป็นแผลใน
00:33:08 → 00:33:11 กระเพาะพอเป็นแผลในกระเพาะกินอะไรเข้าไป
00:33:11 → 00:33:13 นิดหน่อยผิดแมแดงนิดหน่อยก็จะเริ่มปวด
00:33:13 → 00:33:15 ท้องแล้วคุณก็จะคิดว่าเป็นจากการที่เรา
00:33:15 → 00:33:17 กินข้าวไม่ตรงเวลาหรือเปล่าไม่ใช่แต่
00:33:17 → 00:33:19 แบคทีเรียในกระเพาะตัวนี้คุณมันเยอะกว่า
00:33:19 → 00:33:21 คนทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เป็น
00:33:21 → 00:33:23 มเร็งกระเพาะอาหารหรือมะเร็งที่อยู่ในทาง
00:33:23 → 00:33:25 เดือนอาหารเห็นภาพเนาะเพราะฉะนั้นถ้าใคร
00:33:26 → 00:33:29 ที่เป็นโรคกระเพาะแล้วเป็นบ่อยๆไม่หายนะ
00:33:29 → 00:33:32 ครับปวดแสบปวดร้อนท้องปวดบิดท้องไปตรวจนะ
00:33:32 → 00:33:34 ถ้าคุณหมอให้ยามากินแล้วก็ยังไม่หายคุณ
00:33:34 → 00:33:35 หมอก็จะตรวจตัวนี้แหละนะครับว่าคุณมี
00:33:36 → 00:33:38 แบคทีเรียตัวนี้เยอะมถ้ามีเยอะรักษาด้วย
00:33:38 → 00:33:41 การกินยาปฏิชีวนะ 2 สัปดาห์ก็จะดีขึ้น
00:33:41 → 00:33:43 หรือถ้าไม่หายอีกคุณหมอก็อาจจะสกล้องดู
00:33:43 → 00:33:46 กระเพาะอาหารแต่อย่างที่บอก If ไม่ใช่
00:33:46 → 00:33:48 สาเหตุหลักที่ทำให้คุณเป็นโรคกระเพาะ
00:33:48 → 00:33:51 อาหารเจ้าแบคทีเรียตัวนี้ต่างหากนะครับ
00:33:51 → 00:33:53 คราวนี้มันมีปัจจัยอะไรอีกที่ทำให้คุณ
00:33:53 → 00:33:56 เป็นโรคกระเพาะนอกจากการทำ If อย่าเพิ่ง
00:33:56 → 00:34:00 โทษ If นะปัจจัยที่ 2 คือสิ่งที่เรียกว่า
00:34:00 → 00:34:02 ความเครียดเคยได้ยินคำว่าเครียดลงกระเพาะ
00:34:02 → 00:34:06 มั้ยเออความเครียดจะทำให้สมดุลของสิ่งที่
00:34:06 → 00:34:08 เรียกว่าเยื่อเมือกที่กระเพาะเนี่ยมันลด
00:34:08 → 00:34:11 ลงจากที่กระเพาะของคุณเคยมีเมือกเคลือบ
00:34:11 → 00:34:13 อยู่กระเพาะคุณหลังน้ำย่อยออกมายังไงก็
00:34:13 → 00:34:15 ย่อยกระเพาะไม่ได้แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่
00:34:15 → 00:34:18 คุณเครียดเมือกมันจะบางลงบางลงบางลงจนสุด
00:34:18 → 00:34:21 ท้ายกระเพาะคุณเริ่มถูกน้ำย่อยๆได้แต่มัน
00:34:21 → 00:34:23 ย่อยเพราะอะไรเพราะเมือกมันบางลงความ
00:34:23 → 00:34:25 เครียดในที่นี้เกิดจากอะไรได้บ้างความ
00:34:25 → 00:34:27 เครียดจากความคิดจากเรื่องงานจากเรื่อง
00:34:27 → 00:34:29 อื่นๆในชีวิตเป็นไปได้มีความเครียดจาก
00:34:30 → 00:34:32 อะไรอีกนะครับความเครียดจากการเจ็บป่วยก็
00:34:32 → 00:34:34 เป็นไปได้หลายคนเลยรู้สึกว่าเฮ้ยเวลาที่
00:34:34 → 00:34:37 เราป่วยเสร็จทำไมพอสักพักนึงเริ่มเป็นโรค
00:34:37 → 00:34:39 กระเพาะตามมาเพราะว่าช่วงที่ร่างกายเจ็บ
00:34:39 → 00:34:41 ป่วยมันก็มีความเครียดเกิดขึ้นนะครับมี
00:34:41 → 00:34:44 อะไรอีกที่ทำร้ายกระเพาะคุณโดยตรงเลยนะ
00:34:44 → 00:34:48 ครับก็มีนี่บุหรี่นะมีอะไรอีกเหล้า
00:34:48 → 00:34:51 แอลกอฮอล์พวกเนี้ยนะครับมันไปกัดกระเพาะ
00:34:51 → 00:34:53 โดยตรงเลยนะก็ทำให้กระเพาะของคุณเป็นแผล
00:34:53 → 00:34:55 แล้วก็เป็นโรคกระเพาะได้เพราะฉะนั้นเห็น
00:34:55 → 00:34:57 ภาพมั้ยว่าหลักๆใช่ If มั้ยที่ทำให้ให้
00:34:57 → 00:35:00 เป็นโรคกระเพาะไม่ใช่แต่หลายคนจะไม่รู้นะ
00:35:00 → 00:35:03 ครับว่าอาหารบางชนิดทำให้เป็นโรคกระเพาะ
00:35:03 → 00:35:05 ได้จริงมยจริงนะครับอาหารอะไรที่ทำให้
00:35:05 → 00:35:07 เกิดการอักเสบอันนั้นแหละทำให้เกิดโรค
00:35:07 → 00:35:10 กระเพาะได้ด้วยเพราะฉะนั้นน่าแปลกใจมากๆ
00:35:10 → 00:35:13 ที่หลายคนบอกว่าเออถ้าสมมุติว่าคุณลดน้ำ
00:35:13 → 00:35:15 ตาลนะงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในช่วงลด
00:35:15 → 00:35:17 น้ำหนักนะหลายคนโรคกระเพาะหายเลยเพราะพอ
00:35:17 → 00:35:19 คุณลดน้ำตาลลงตัดเครื่องดื่มกับขนมที่มี
00:35:19 → 00:35:22 น้ำตาลออกกระเพาะคุณเนี่ยแผลที่มันเคย
00:35:22 → 00:35:24 เป็นมันหายดีขึ้นคุณเคยเห็นมั้ยเวลาที่คน
00:35:24 → 00:35:26 เป็นแผลน่ะแล้วกินน้ำตาลเยอะๆแล้วแผลมัน
00:35:27 → 00:35:29 ไม่หายอ่ะคนที่ที่เป็นเบาหวานแล้วแผลที่
00:35:29 → 00:35:31 ขาหายช้ามากๆอ่ะเนี่ยแหละสาเหตุเพราะ
00:35:31 → 00:35:34 ฉะนั้นถ้าอยากให้กระเพาะของคุณไม่มีแผล
00:35:34 → 00:35:36 หรือแผลหายเร็วคุณต้องงดของที่เป็นน้ำตาล
00:35:36 → 00:35:41 และอาจจะบวกลบกับของที่เป็นอาหารรสจัดที่
00:35:41 → 00:35:43 อาจจะต้องเลี่ยงหน่อยนะเพราะอะไรเพราะว่า
00:35:43 → 00:35:45 เผ็ดมันก็ระคายกระเพาะได้เหมือนกันถ้ามี
00:35:45 → 00:35:48 กระแผลในกระเพาะอยู่แล้วโอเคมยนะครับเนาะ
00:35:49 → 00:35:51 แล้วก็พวกเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนนะครับ
00:35:51 → 00:35:54 กาแฟน้ำอัดลมนะชาต่างๆพวกนี้ก็กระตุ้นการ
00:35:54 → 00:35:57 หลั่งกรดได้ในช่วงที่คุณมีโรคกระเพาะอยู่
00:35:57 → 00:35:59 ก็แค่เลี่ยงมันออกไปก่อนแค่นั้นเองแต่
00:35:59 → 00:36:01 อย่าเพิ่งโทษ If นะบางคนเป็นโรคกระเพาะ
00:36:01 → 00:36:03 เนี่ยหมอหนึ่งบอกเลยว่านักเรียนหมอหนึ่ง
00:36:03 → 00:36:05 หลายคนมากๆที่ก่อนจะสมัครเรียนกับหมอ
00:36:05 → 00:36:07 หนึ่งแล้วถามว่าต้องทำ If มั้ยคะพอถามไป
00:36:07 → 00:36:09 ถามมาเบอกว่าเคยทำไค่ะคุณหมอแล้วเป็นโรค
00:36:10 → 00:36:12 กระเพาะเลยกลัวมากผมเลยบอกว่าโอ๊ยไม่ต้อง
00:36:12 → 00:36:14 กลัวตรวจตามนี้ก่อนพอเริ่มปรับตามที่ผม
00:36:15 → 00:36:17 สอนปรับสารอาหารแโรคกระเพาะเค้าหายเลยอ่ะ
00:36:17 → 00:36:19 เเลยบอกอ๋อโชคดีจังเลยไม่งั้นก็เข้าใจผิด
00:36:19 → 00:36:21 ไปนานเลยว่า If แล้วเป็นโรคกระเพาะนะครับ
00:36:21 → 00:36:24 เนาะเพราะฉะนั้นหวังว่าจะเข้าใจมากขึ้นนะ
00:36:24 → 00:36:26 ว่าวิธีลดน้ำหนักจริงๆเนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:36:26 → 00:36:28 เรื่องการเลือกเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็น
00:36:28 → 00:36:30 เรื่องเครื่องปรุงไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:36:30 → 00:36:32 โซเดียมต่างๆการอ่านฉลากหรือว่าโลกเกี่ยว
00:36:32 → 00:36:34 กับเกี่ยวกับเรื่องของการปรับเวลาในการทำ
00:36:34 → 00:36:37 If เนี่ยทุกอย่างมีที่มาที่ไปหมดขอแค่
00:36:37 → 00:36:40 เข้าใจอะไรพีระมิดความผอมแค่นั้นเองนะ
00:36:40 → 00:36:42 ครับเนาะถ้าคุณเข้าใจพีระมิดความผอมจริงๆ
00:36:42 → 00:36:44 ลึกๆเลยนะเนี่ยจะเป็นแบบนักเรียนหมอ 1
00:36:44 → 00:36:46 เลยเนี่ยในกลุ่มลดน้ำหนัก VIP บางคนเพิ่ง
00:36:46 → 00:36:49 เข้าไป 2 สัปดาห์เองลดไปเท่าไหร่ะลดไป 3.5
00:36:49 → 00:36:53 กลแบบงงๆใช้เวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ใจฟูเลย
00:36:53 → 00:36:55 ใจฟูคือเมีมีกำลังใจมีกำลังใจอยากลดต่อ
00:36:55 → 00:36:58 มั้ยอยากลดต่อเห็นภาป่าอีกคนนึงเพิ่งเข้า
00:36:58 → 00:37:01 กลุ่มไปได้ 9 วันนะครับทำตามที่หมอหนึ่ง
00:37:01 → 00:37:03 สอน 9 วันสบายตัวขึ้นเลยค่ะแฟนทักว่าตัว
00:37:03 → 00:37:06 เล็กลงมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยสำคัญที่สุดนะ
00:37:06 → 00:37:08 ไม่จำเป็นต้องปรับทุกอย่างใน 1 วันใน
00:37:08 → 00:37:10 กลุ่มเรียนลดน้ำหนัก VIP หมอหนึ่งจะซอย
00:37:10 → 00:37:13 ไว้ให้ว่าบทที่ 1 2 3 4 5 ทำอะไร
00:37:13 → 00:37:14 เพราะไม่อยากให้ปรับทุกอย่างในวันเดียว
00:37:14 → 00:37:17 มันทำไม่ได้คุณควรจะต้องเรียนรู้ร่างกาย
00:37:17 → 00:37:19 ไปเรื่อยๆว่าปรับน้ำตาลเสร็จปั๊บร่างกาย
00:37:19 → 00:37:21 เกิดอะไรขึ้นออหิวหิวเสร็จแก้ยังไงครับ
00:37:21 → 00:37:24 คุณหมออ๋อบทถัดไปปรับโปรตีนสิกินโปรตีน
00:37:24 → 00:37:26 ให้อิ่มแบบไหนเรียกอิ่มครับคุณหมอผมก็จะ
00:37:26 → 00:37:28 เริ่มสอนว่าน้ำหนักแบบนี้นี้กินโปรตีน
00:37:28 → 00:37:30 เท่าไหร่อาหารในทั่วไปในชีวิตประจำวันเรา
00:37:30 → 00:37:32 ดูโปรตีนยังไงโดยที่คุณไม่ต้องนับแคลอรี่
00:37:33 → 00:37:35 เห็นภาพเนาะทุกอย่างเกิดจากการที่คุณไม่
00:37:35 → 00:37:37 รู้เฉยๆเท่านั้นเองนะครับเนี่ยอย่างคน
00:37:37 → 00:37:39 เนี้ยลดไปได้แค่ 9 วันเองนะอาการปวดเข่า
00:37:39 → 00:37:41 ปวดหลังดีขึ้นมากดีใจที่สุดที่ได้เรียน
00:37:41 → 00:37:44 กับหมอ 1 นะครับเนาะเพราะฉะนั้นสำหรับใคร
00:37:44 → 00:37:46 ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเฮ้ยอยากเริ่มต้นลด
00:37:46 → 00:37:48 น้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตนะครับก็
00:37:48 → 00:37:49 มาเรียนด้วยกันในกลุ่มลดน้ำหนักครั้งสุด
00:37:49 → 00:37:51 ท้ายในชีวิตกลุ่ม VIP ได้เนาะอันนี้อีกคน
00:37:51 → 00:37:54 นึงนะเรียนกับม 1 มาตั้งแต่ปี 2022 อ่ะนะ
00:37:54 → 00:37:55 ครับถือว่าคุ้มค่ามากค่ะเป็นการล้นน้ำ
00:37:56 → 00:37:57 หนักครั้งสุดท้ายในชีวิตจริงๆแค่เลือก
00:37:58 → 00:37:59 อาหารเป็นแล้วก็รู้จักกลไกร่างกายเห็น
00:37:59 → 00:38:02 มั้ยผ่านไป 3 ปีหุ่นในฝันหลายๆคนเลยนะ
00:38:02 → 00:38:05 ครับทุกวันนี้ยังผอมอยู่เลยไม่กลับไปโยโย
00:38:05 → 00:38:06 เลยขอแค่มีความรู้แค่นั้นเองนะครับ
00:38:07 → 00:38:09 พีระมิดความผอมจริงๆมันก็จะมีอีก 2 สเต็ป
00:38:09 → 00:38:11 คือเรื่องของการแก้ปัญหาน้ำหนักนิ่งแล้ว
00:38:11 → 00:38:13 ก็พอผอมแล้วทำยังไงให้ไม่กลับไปโยโยอีกนะ
00:38:13 → 00:38:16 ครับก็จะมีสอนครบเลยในกลุ่มลดน้ำหนัก VIP
00:38:16 → 00:38:18 นะครับอันนี้ก็เป็นอีกคนนึงนะครับลดไป 30
00:38:18 → 00:38:20 วันเป็นไงมีความสุขที่สุดไม่เหนื่อยกิน
00:38:20 → 00:38:23 หมูกระทะได้กินชาบูก็ได้คือพูดง่ายๆคือ
00:38:23 → 00:38:25 คุณกินอาหารในชีวิตประจำวันได้เลยอ่ะไม่
00:38:25 → 00:38:26 ต้องใช้อาหารเสริมไม่ต้องทำอาหารเองเลยนะ
00:38:26 → 00:38:29 ครับน้ำน้ำหนักลดไปประมาณ 5-6 กลละแล้วก็
00:38:29 → 00:38:32 เป็นไงเอวลดไปเท่าไหร่เอวลดไป 3 นิ้วเลย
00:38:32 → 00:38:34 นะครับเนาะก็ดีใจกับนักเรียนท่านนี้อีก
00:38:34 → 00:38:35 ท่านนึงด้วยนะครับซึ่งสำหรับใครที่ฟัง
00:38:35 → 00:38:37 คลิปหมอหนึ่งไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าเฮ้ย
00:38:37 → 00:38:40 มีกำลังใจในการลดน้ำหนักอยากเริ่มต้นลด
00:38:40 → 00:38:41 น้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตนะครับก็
00:38:41 → 00:38:44 สามารถดูรายละเอียดวิธีการเข้ากลุ่มลดน้ำ
00:38:44 → 00:38:45 หนัก VIP ได้นะครับแอดไปที่ LINE แอ
00:38:45 → 00:38:48 Healthy Hero นะแล้วก็แจ้งน้ำหนักส่วน
00:38:48 → 00:38:50 สูงโรคประจำตัวนะครับทีมงานของผมจะคอยให้
00:38:50 → 00:38:52 รายละเอียดสอบถามรายละเอียดกันก่อนว่าติด
00:38:52 → 00:38:55 ปัญหาอะไรในการลดน้ำหนักมาหรือเปล่าติด
00:38:55 → 00:38:56 ปัญหาตรงไหนอยากให้หมอหนึ่งช่วยอะไรนะ
00:38:56 → 00:38:59 ครับเนาะซึ่งทีมงานก็จะอธิบายวิธีราย
00:38:59 → 00:39:01 ละเอียดในการเรียนและวิธีเข้ากลุ่มให้นะ
00:39:01 → 00:39:03 ครับเนาะก็มาลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายใน
00:39:03 → 00:39:05 ชีวิตด้วยกันนะครับก็แอดไปที่ LINE @hee
00:39:05 → 00:39:06 Hero นะครับแล้วพบกันในกลุ่มเรียนนะครับ
00:39:06 → 00:39:08 ชมคลิปหมอ 1 จบแล้วนะครับอย่าลืมกดติดตาม
00:39:08 → 00:39:10 เพื่อที่จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากหมอ 1
00:39:10 → 00:39:12 นะครับส่วนคลิปอื่นๆที่น่าสนใจกดดูจากทาง
00:39:13 → 00:39:14 ซ้ายมือได้เลยครับส่วนใครที่อยากลดน้ำ
00:39:14 → 00:39:16 หนักครั้งสุดท้ายในชีวิตในกลุ่มเรียนกับ
00:39:16 → 00:39:18 หมอ 1 นะครับกดดูรายละเอียดจากทางขวามือ
00:39:18 → 00:39:20 หรือดูรายละเอียดจากลิงก์ในคอมเมนต์ได้
00:39:20 → 00:39:23 เลยนะครับแล้วพบกันในกลุ่มเรียนนะครับ