00:00:00 → 00:00:12 [เพลง]
00:00:12 → 00:00:17 วันนี้ก็ก็พูดคุยเรื่องของไทรอยดต่อๆนะฮะ
00:00:17 → 00:00:21 แต่ว่าแต่ว่ามันอาจจะจะเกี่ยวข้องกับกับ
00:00:21 → 00:00:25 ตัวไทรรอยด์น้อยนะฮะนะคือที่ผ่านมา 2
00:00:25 → 00:00:27 ครั้งเนี่ยที่เกี่ยวกับไทรรอยด์เนี่ยโดย
00:00:27 → 00:00:31 เฉพาะครั้งแรกอ่ะเราพูดถึงผลของโปรตีนใน
00:00:31 → 00:00:34 รูปแบบต่างๆที่มีผลต่อไทรรอยด์แล้วก็มี
00:00:34 → 00:00:38 ตัวอย่างเคสแล้วก็มีผลนะฮะที่มันจะเกิดใน
00:00:38 → 00:00:40 เรื่องของภาวะพุงไทรรอยด์อันนั้นเป็น
00:00:40 → 00:00:44 ลักษณะทางกายภาพนะฮะอันต่อมาเนี่ย
00:00:44 → 00:00:46 อ่าสัปดาห์ที่แล้วเนี่ยก็เป็นเรื่อง
00:00:46 → 00:00:50 ไทรรอยด์ที่มันมันดูค่อนข้างละเอียดไป
00:00:50 → 00:00:53 หน่อยนะก็อย่างนี้แหละนะฮะเพราะว่าเเป็น
00:00:53 → 00:00:57 ฮอร์โมนตัวที่มีความซับซ้อนมากที่สุดนะที
00:00:57 → 00:00:59 นี้หลังจากนั้นเนี่ยก็จะเป็นเรื่องอื่น
00:01:00 → 00:01:03 อื่นๆที่จะเกี่ยวกับไทรรอยด์โดยเฉพาะ 2
00:01:03 → 00:01:07 อ่าแมคโครนิวเทรียนน่ะก็คือคาฟกับไขมันนะ
00:01:07 → 00:01:11 ฮะแต่ว่าไขมันกับไทรรอยด์เนี่ยเอ่ออันนี้
00:01:11 → 00:01:14 ไม่ค่อยมีผลอะไรเพราะว่าปกติไทรรอยด์เค้า
00:01:14 → 00:01:18 ก็เค้าก็มีหน้าที่ในการสลายไขมันน่ะสลาย
00:01:18 → 00:01:21 เผาผลาไขมันอยู่แล้ว Only Only One
00:01:21 → 00:01:24 ด้วยนะฮะก็คือเไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับ
00:01:24 → 00:01:26 อย่างอื่นๆในแง่ของการสลายเผ่าผลาญพลัง
00:01:27 → 00:01:30 งานนะเขาก็จะสลายไขมันทั้งไขมันที่ที่
00:01:30 → 00:01:34 เป็น DIY Fat แล้วก็ไขมันที่เราเราสะสม
00:01:34 → 00:01:37 ไว้นะฮะเราสะสมไว้แต่ส่วนใหญ่แล้ว
00:01:37 → 00:01:40 ไทรรอยด์ก็จะสลายไขมันที่เราสะสมไว้ที่
00:01:40 → 00:01:45 ไม่ใช่สับคน Fat นะฮะนะแล้วก็ 3 ตำแหน่ง
00:01:45 → 00:01:49 3-4 ตำแหน่งเนี่ยที่ไทรรอยด์เ้าพุ่งเป็น
00:01:49 → 00:01:51 เป้าเลยของพลังงานที่เขาต้องสลายให้ได้
00:01:51 → 00:01:55 เนี่ยอันที่ 1 คือตับนะอันที่ 2 ก็คือ
00:01:55 → 00:01:58 visceral Fat นะฮะอันที่ 3 ก็คือที่
00:01:58 → 00:02:03 กล้ามเนื้อนะแล้วก็ที่ไตแล้วก็ที่ไตนะฮะ
00:02:03 → 00:02:06 เนี่ยตรงเนี้ยเป็นเป็นเป็นหลักการทำงาน
00:02:06 → 00:02:07 ของไทรรอยด์
00:02:07 → 00:02:11 ส่วนตัวที่จะไปสลายสับ Cut Fat คือ
00:02:11 → 00:02:15 เลปตินคือเลปตินนะนะอ่าอันเนี้ยอันนี้ก็
00:02:15 → 00:02:19 เข้าข้าวนะทีนี้ไทรรอยด์เนี่ยนะในวันนี้
00:02:19 → 00:02:22 เราจะพูดถึงอ่าสารอาหารหลักอีก 2 ตัวที่
00:02:22 → 00:02:25 จะมีผลต่อไทรรอยด์แต่ว่าก็จะเน้นตัวที่
00:02:25 → 00:02:30 สำคัญที่สุดก็คือคาฟนะฮะนะทีนี้ลักษณะของ
00:02:30 → 00:02:33 สารอหารหลักที่จะมีผลต่อไทรรอยด์เนี่ยนะ
00:02:33 → 00:02:36 เราเรียกว่า Car Dependent Hormone นะ
00:02:36 → 00:02:38 ก็ร่างกายเราก็จะมีฮอร์โมนอยู่ 5 อย่าง
00:02:38 → 00:02:41 ที่มันจะเกี่ยวข้องกับคฟนะก็จะแบ่งเป็น 2
00:02:41 → 00:02:44 กลุ่มกลุ่มที่เป็น cf Dependent ฮอร์โมน
00:02:44 → 00:02:48 กับเป็นคฟ relatively Hormone นะ Car
00:02:48 → 00:02:50 Dependent ฮอร์โมนเนี่ยก็คือไทรรอยด์
00:02:50 → 00:02:52 เรตินแล้วก็โปรเจสเตอโรน
00:02:52 → 00:02:57 นะส่วน Car relatively รมนนะฮะก็คือ 2
00:02:57 → 00:03:00 ตัวนี่แหละตัวพ่อตัวแม่อินซูลินคอร์ติซอล
00:03:00 → 00:03:01 นะ
00:03:01 → 00:03:05 เออทีนี้อาจจะต้องมีเลคเชอร์เพราะฉะนั้น
00:03:05 → 00:03:09 นักเรียนหน้าห้องต่างๆมาพร้อมกัน
00:03:09 → 00:03:13 มมาครับมีบางคนเตรียมหมอนมาด้วยครับเหรอ
00:03:13 → 00:03:16 เออไม่ต้องเตรียมหมอนเตรียมเลอีมเลคเชอ
00:03:17 → 00:03:19 เพราะว่าหมอเว้นช่องบ้านไว้ให้เติมไว้ให้
00:03:19 → 00:03:23 เติมนะฮะนะครับเราก็จะไม่บรรยายอะไร
00:03:23 → 00:03:26 ละเอียดเยอะหรอกยกเว้นปากปากมันจะพาไปอ่ะ
00:03:26 → 00:03:30 นะฮะมันก็หลุดไปนู่นไปนี่ไปแบบบางทีกู่
00:03:30 → 00:03:35 ไม่กลับนะทีนี้เรื่องาฟนะฮะอาฟเนี่ยจริงๆ
00:03:35 → 00:03:39 แล้วอันนี้เป็นหมวดนะความรู้ของาฟอันใหญ่
00:03:39 → 00:03:44 ๆเลยก็ได้นะฮะว่าอ่าาฟสำคัญที่ 2 เรื่อง
00:03:44 → 00:03:48 นะฮะคือปริมาณกับเวลาที่จะกินอันนี้เป็น
00:03:48 → 00:03:51 หัวใจสำคัญเลยของการมองหรือโฟกัสในเรื่อง
00:03:51 → 00:03:55 ของาฟเพราะฉะนั้นเรื่องของาฟเนี่ยนะอ่า
00:03:55 → 00:03:58 เนี่ย depend on หรือต้องโฟกัสเรื่องอ่า
00:03:58 → 00:04:02 ปริมาณปิปมาณนะฮะนะโดยเฉพาะการอยู่ในแวด
00:04:02 → 00:04:06 วงของชการาฟต่ำเนี่ยนะาฟต่ำเนี่ยก็คือมัน
00:04:06 → 00:04:10 ต่ำที่เรื่องของจำนวนปริมาณหรือระดับนะฮะ
00:04:10 → 00:04:13 นะอีกอันนึงก็คือต้องรู้ว่าเวล่ำเวลาที่
00:04:13 → 00:04:16 เหมาะสมในการที่จะกินคาฟเนี่ยว่าเมื่อ
00:04:16 → 00:04:20 ไหร่เมื่อไหร่นะฮะนะวันเนี้ยเราก็จะดูใน
00:04:20 → 00:04:23 เรื่องราวเหล่านี้นะฮะอทีนี้เรื่องของ
00:04:23 → 00:04:27 ปริมาณของคที่ต้องิงเข้าล่างนะอ่าแล้วก็
00:04:27 → 00:04:31 จะมีประเด็นแยกย่อยนะฮะนะก็ค่อยๆตามหมอไป
00:04:31 → 00:04:34 เรื่อยๆแล้วกันนะฮะคือสิ่งที่เราต้องได้
00:04:34 → 00:04:38 รับจากาฟมีอะไรบ้างนะฮะนะอ่ามี 2 เรื่อง
00:04:39 → 00:04:42 เรื่องแรกเลยนะคิดว่าอะไรอ่ะที่เราควรจะ
00:04:42 → 00:04:46 ต้องได้จากการกินาฟเนี่ยนะฮะคือต้องมอง
00:04:46 → 00:04:49 สิ่งเหล่าเนี้ยให้ออกฮะคือความเป็นคาฟ
00:04:49 → 00:04:52 เนี่ยคาฟมันก็มีทั้งพลังงานแล้วก็สาร
00:04:52 → 00:04:55 อาหารนะฮะพลังงานสารอาหารพลังงานสารอาหาร
00:04:55 → 00:04:59 เนี่ยงนะพลังงานที่อยู่ในรูปของคาฟนะซึ่ง
00:04:59 → 00:05:03 เป็นพืชนั่นแหละนะหลักๆมันก็คือพวกพวกน้ำ
00:05:03 → 00:05:08 ตาลนะสิ่งนี้เราไม่ต้องการที่จะได้เราไม่
00:05:08 → 00:05:10 ต้องการที่จะได้นะไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลรูป
00:05:10 → 00:05:13 แบบไหนก็ตามนะฮะนะแต่สิ่งที่เราต้องการจะ
00:05:13 → 00:05:18 ได้เนี่ยนะอันดับ 1 เลยก็คืออคือไฟเบอร์
00:05:18 → 00:05:22 คือไฟเบอร์คือใยอาหารนะฮะแล้วเราก็จัดว่า
00:05:22 → 00:05:25 ใยอาหารเนี่ยเป็นสารอาหารนะฮะนะมันก็คือ
00:05:25 → 00:05:28 คล้ายๆโปรตีนเราจัดเป็นสารอาหาร
00:05:28 → 00:05:31 คอเลสเตอรอลจัดเป็นสารสอาหารใยอาหารก็
00:05:31 → 00:05:35 เป็นสารอาหารนะเพราะว่าใยอาหารต้องทำงาน
00:05:35 → 00:05:38 ควบคู่กับโปรตีนเพฉะนั้นถามว่าโปรตีน
00:05:38 → 00:05:42 เนี่ยเวลากินเนี่ยนะจะกินคู่กับอะไรดีที่
00:05:42 → 00:05:46 สุดก็ต้องกินคู่กับไฟเบอร์นะฮะทั้งโปรตีน
00:05:46 → 00:05:49 ทั้งไฟเบอร์เเป็นใยอาหารที่จะเข้าเข้าสู่
00:05:49 → 00:05:51 ร่างแล้วก็ไปเกิดเอวิถีทางที่จะเกิด
00:05:51 → 00:05:55 ประโยชน์นะฮะอันที่ 1 ใยอาหารนะฮะนะจากย
00:05:55 → 00:06:00 อาหารก็จะมีวิตามินมีแร่ธาตุมีสารไฟไนิน
00:06:00 → 00:06:03 นะฮะที่ละลายในน้ำเพราะคาฟเนี่ยละลายน้ำ
00:06:03 → 00:06:06 นะอ่าสารไฟโตนิวเทรียนท์
00:06:06 → 00:06:09 ที่มากับคาฟมันไม่ได้เยอะแยะเหมือนกับมา
00:06:09 → 00:06:13 กับไขมันดีนะนะส่วนใหญ่ก็อยู่ในสัดส่วน
00:06:13 → 00:06:18 ไม่เกิน 20% ไตนิเทส 100% เนี่ยนะ 80% ก็
00:06:18 → 00:06:20 อยู่ในไขมันโดยเฉพาะ Good Healthy Fat
00:06:20 → 00:06:23 นะสหรับอยู่ในคาฟที่ละลายในน้ำเนี่ยส่วน
00:06:23 → 00:06:28 ใหญ่ 20% นะต่อไปก็คือเอนไซม์ต่างๆนะฮะ
00:06:28 → 00:06:31 แล้วก็อาจจะมีฮอร์โมนด้วยนะฮะนะเหล่า
00:06:31 → 00:06:34 เนี้ยเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราเบอกว่า
00:06:34 → 00:06:38 มันเป็นสารอาหารรองอเป็นสารอาหารลองนะะนะ
00:06:38 → 00:06:41 ส่วนไฟเบอร์เนี่ยจะจัดเป็นรองก็ได้เป็น
00:06:41 → 00:06:44 หลักก็ได้นะฮะแล้วแต่นะฮะแต่ถ้าเราจัดว่า
00:06:44 → 00:06:47 คาฟเป็นสารอาหารหลักเนี่ยนะเพราะฉะนั้น
00:06:48 → 00:06:50 สิ่งที่เราต้องการหลักๆก็คือไฟเบอร์นะฮะ
00:06:50 → 00:06:53 นะนอกนั้นก็วิตามินแร่ธาตุเอนไซม์สาร
00:06:53 → 00:06:57 ศึกษาเคมีฮอร์โมนนะฮะนะนี้นี้อันเนี้ย
00:06:57 → 00:07:01 เป็นอันแรกเลยนะที่เราจะต้องได้รับจากคาฟ
00:07:01 → 00:07:05 นะส่วนอันที่ 2 คิดว่าเราต้องได้รับน้ำ
00:07:05 → 00:07:09 ตาลจากคาฟมเออเราคิดว่าเราควรจะต้องได้
00:07:09 → 00:07:13 รับน้ำตาลใดๆจากคาฟบ้างมยเพราะว่าในใน
00:07:13 → 00:07:15 คาร์โบไฮเดรตเนี่ยมันก็จะมีแป้งที่จะ
00:07:15 → 00:07:18 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลต่างๆหรือในกลุ่มผลไม้เ
00:07:18 → 00:07:22 ก็มีฟุกโตดอะไรต่างๆหลายรูปหลายแบบนะฮะอ
00:07:22 → 00:07:25 จริงๆแล้วมนุษย์เนี่ยต้องการมยนะคำตอบก็
00:07:26 → 00:07:29 คือต้องการนะจริงๆแล้วต้องการแต่ต้องการ
00:07:29 → 00:07:35 ในปริมาณอ่าที่ไม่มากเออที่ไม่มากนะฮะ
00:07:35 → 00:07:38 เนี่ยอันนี้สำคัญนะฮะนะเพราะงั้นถามว่า
00:07:38 → 00:07:42 น้ำตาลเนี่ยเอ่อมันยังมีผลอะไรต่อร่างกาย
00:07:42 → 00:07:46 มยก็มีนะฮะก็มีนะเพราะว่าเดี๋ยวเราจะต้อง
00:07:46 → 00:07:50 เอาไปใช้กับอวัยวะบางอย่างด้วยนะฮะนะ
00:07:50 → 00:07:52 เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องการจากาฟเนี่ยขอ
00:07:52 → 00:07:56 ให้เข้าใจนะฮะนะมี 2 เรื่องนะแล้วน้ำตาล
00:07:56 → 00:07:58 ก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยนะแต่อันเนี้ยต้อง
00:07:58 → 00:08:02 จำกัดปริมาณนะส่วนจะจำกัดเท่าไหร่ในแต่ละ
00:08:02 → 00:08:06 คนอ่าเกินได้มากได้น้อยแค่ไหนอันนี้แล้ว
00:08:06 → 00:08:10 แต่แล้วแต่นะในกรณีที่เราป่วยแล้วสุขภาพ
00:08:10 → 00:08:14 ไม่ดีแล้วอันนั้นเนี่ยก็ยิ่งต้องลดนะฮะลด
00:08:14 → 00:08:16 ตัวคำว่าน้ำตาลเนี่ยนะหรือบางคนต้องตัด
00:08:16 → 00:08:20 ออกไปเลยนะฮะแต่ยังไงสารอื่นๆนะยอาหาร
00:08:20 → 00:08:23 วิตามินแร่ธาตุเอนไซม์นะฮอร์โมนอะไรพวก
00:08:23 → 00:08:27 นี้สษาเคมีงนี้สำคัญนะฮะสำคัญนะเพราะงั้น
00:08:27 → 00:08:30 ในคาฟจึงไม่มีคำว่า essential นะฮะนะ
00:08:30 → 00:08:32 เพราะว่าประเด็นของน้ำตาลเนี่ยร่างกาย
00:08:32 → 00:08:36 สร้างเองได้นะแต่มันมีคำว่า Important
00:08:36 → 00:08:38 Important มันจะเป็นความหมายของข้อแรก
00:08:38 → 00:08:41 เนี่ยนะที่ว่ามันมีสารอาหารอะไรที่เรา
00:08:42 → 00:08:45 ต้องการจากคาฟนะแล้วเราหาหรือสังเคราะห์
00:08:45 → 00:08:48 ขึ้นมาเองไม่ได้พวกไฟบงไฟเบอร์วิตามินแร่
00:08:48 → 00:08:52 ธาตุอะไรพวกนี้นะอันต่อมานะฮะคาฟมีความ
00:08:52 → 00:08:55 จำเป็นต่อ 2 อวัยวะนี้เท่านั้นในร่างกาย 2
00:08:55 → 00:09:00 อวัยวะนะฮะนะที่จำเป็นนะอที่ต้องมีคาฟใน
00:09:00 → 00:09:03 รูปแบบของความเป็นน้ำตาลเข้าไปอยู่นะฮะ
00:09:03 → 00:09:05 เนี่ยอันนี้ก็เป็นความต่อเนื่องจากข้อ 2
00:09:05 → 00:09:10 ข้อนี้นะอาฟจำเป็นต่ออะไรบ้างอันดับ 1 ก็
00:09:10 → 00:09:15 คือคือตันะฮะอันดับ 2 คือกล้ามเนื้อนะ
00:09:15 → 00:09:19 แล้ว 2 อวัยวะเนี่ยเป็น 2 อวัยวะที่เขามี
00:09:19 → 00:09:21 วิธีการหรือเขามีกระบวนการที่จะต้อง
00:09:21 → 00:09:24 บริหารจัดการกับคาร์โบไฮเดรตหรือคาฟนะ
00:09:24 → 00:09:27 เพราะฉะนั้นกินคาฟเพื่อไปที่ตับกับไปที่
00:09:27 → 00:09:33 กล้ามเนื้อนะนี้อันต่อมานะฮะอันต่อมานะ
00:09:33 → 00:09:36 น้ำตาลกลูโคสในระบบของร่างกายมาจากอะไร
00:09:36 → 00:09:39 บ้างนะฮะเพราะฉะนั้นในร่างกายเวลาเจาะ
00:09:39 → 00:09:41 เลือดขึ้นมาแล้วเนี่ยก็ต้องทราบว่าเลือด
00:09:41 → 00:09:43 ที่ได้ออกมาเนี่ยนะฮะหรือเลือดที่มันวน
00:09:43 → 00:09:47 เวียนหมุนเวียนไถ่เทนะอยู่ในร่างกายเหล่า
00:09:47 → 00:09:50 เนี้ยนะก็เป็นองค์ประกอบระหว่าง Diary
00:09:50 → 00:09:54 Food นะฮะนะคือถ้าเป็นเป็นเป็นเป็นส่วน
00:09:54 → 00:09:57 ที่มาจากอาหารที่กินเข้าไปนะในแต่ละมื้อ
00:09:57 → 00:10:00 นะฮะนะกับอันที่ 2 คือร่างกายสร้างเองนะ
00:10:00 → 00:10:03 ฮะซึ่งในปัจจุบันเเรียกว่า adaptive
00:10:03 → 00:10:06 glucose sparing Effect นะฮะเนี่ยเ
00:10:06 → 00:10:09 เป็นคำนี้นะฮะซึ่งก็จะมีความหมายกว้าง
00:10:09 → 00:10:13 ขวางกว่ากว่ากูโค neogenesis นะฮะซึ่งอัน
00:10:13 → 00:10:16 นั้นเจะโฟกัสไปที่ตับเป็นหลักนะแต่มันก็
00:10:16 → 00:10:20 คือกูโค neogenesis เนี่ยนะเ่อส่วนใหญ่
00:10:20 → 00:10:22 มันก็รู้ว่าเออมันเป็นหน้าที่ของตับที่จะ
00:10:22 → 00:10:25 ต้องสร้างน้ำตาลอะไรอย่างงี้นะฮะนะแต่คำ
00:10:25 → 00:10:28 ว่า adaptive glucose อ่า sparing
00:10:28 → 00:10:31 effect เนี่ยนะส่วนใหญ่มีหลายอวัยวะนะฮะ
00:10:31 → 00:10:34 นะก็แล้วแต่ช่วงที่ฟีดช่วงที่ฟาอะไรต่างๆ
00:10:34 → 00:10:38 นะอย่างไตเนี่ยเวลาเราฟาเนี่ยนะอ่า
00:10:38 → 00:10:40 adaptive glucose fing effect ของไต
00:10:40 → 00:10:44 เยอะมากนะฮะนะเยอะมากเลยเยอะที่สุดเยอะ
00:10:44 → 00:10:49 กว่าตอีกอืนะเคยมีรูปให้ดูแล้วนะฮะงั้น
00:10:49 → 00:10:52 น้ำตาลที่อยู่ในร่างกายเนี่ยนะส่วนหนึ่ง
00:10:52 → 00:10:55 ก็ต้องมาจาก Diary Food นั้นสิ่งเนี้ย
00:10:55 → 00:10:59 กินเข้าไปแล้วเนี่ยนะร่างกายมุ่งหมายจะ
00:10:59 → 00:11:03 เอาไปที่ 2 อวัยวะที่บอกนะคือตับกับกล้าม
00:11:03 → 00:11:06 เนื้อเท่านั้นแหละนะฮะเพราะฉะนั้นคำว่าเ
00:11:06 → 00:11:10 จะกินคาฟได้เท่าไหร่นะฮะนะเนี่ยอันนี้นะ
00:11:10 → 00:11:14 เป็นสเต็ปต่อมานะกินคาฟได้เท่าไหร่คนที่
00:11:14 → 00:11:19 จะมาคอยกำหนดหรือบงการนะในปฏิในในในใน
00:11:19 → 00:11:22 ปริมาณที่เราจะกินน่ะหรือในการเกิด
00:11:22 → 00:11:25 ปฏิกิริยาที่จะมีการตอบสนองก็คือฮอร์โมน
00:11:25 → 00:11:29 อ่าก็มีฮอร์โมนนะฮะนะนะอันนี้ก็จะก็ต้อง
00:11:29 → 00:11:33 มีรายละเอียดเมาเรื่อยๆไปเรื่อยๆนะพวกนี้
00:11:33 → 00:11:36 มันต่อเนื่องกันนะฮะในองค์ความรู้ที่ต้อง
00:11:36 → 00:11:42 เข้าใจนะฮะทีนี้มีคำถามว่านะแล้วทั้งหมด
00:11:42 → 00:11:45 เนี้ยที่กล่าวมาตอนต้นเนี่ยนะหมอยังจะไม่
00:11:45 → 00:11:48 ไปต่อนะฮะเอาเอาล็อคไว้ถึงฮอร์โมนก่อนนะ
00:11:48 → 00:11:52 ฮะทั้งหมดเนี่ยครับเนี่ยที่เรารู้ตอน
00:11:52 → 00:11:56 เนี้ยนะเราคิดว่าเราคิดว่านะเออร่างกาย
00:11:56 → 00:12:01 เนี่ยต้องการาฟเอาไปทำอะไรนะฮะเรารู้มว่า
00:12:01 → 00:12:04 โดยสรุปแล้วในเบื้องต้นแค่เนี้ยนะฮะนะ
00:12:04 → 00:12:08 เดี๋ยวจะกินแล้วเดี๋ยวจะกินแล้วเนี่ยนะ
00:12:08 → 00:12:11 แล้วทั้งหมดเหล่าเนี้ยนะคาฟเนี่ยมันมี
00:12:11 → 00:12:13 ความจำเป็นที่ร่างกายเขาจะต้องเอาไปทำ
00:12:13 → 00:12:19 อะไรฮะเต้องไปทำอะไรนะเออนะอันนี้หมอไม่
00:12:19 → 00:12:23 ได้เขียนไว้นะฮะนะแต่เลคเชอไปเลยนะ 2
00:12:23 → 00:12:25 เรื่องนะฮะ 2 เรื่อง 2 เรื่องนี้เกิด
00:12:25 → 00:12:30 พร้อมๆกันนะฮะในแง่ของการกินาฟนะฮะอันที่
00:12:30 → 00:12:33 1 ร่างกายเขาอยากจะได้าฟเพื่อเอาไปซ่อม
00:12:33 → 00:12:36 แล้วไปสร้างกล้ามเนื้อเอาไปซ่อมกับไป
00:12:36 → 00:12:41 สร้างกล้ามเนื้อนะฮะเนี่ยอันที่ 2 นะร่าง
00:12:41 → 00:12:47 กายเต้องการาฟเพื่อไปสร้างอินซูลินนะฮะ
00:12:47 → 00:12:51 และนะและอ่าความต่อเนื่องอีกอย่างนึงก็
00:12:52 → 00:12:56 คือเมื่อสร้างอินซูลินแล้วนะเคต้องการให้
00:12:56 → 00:13:00 อินซูลินเนี่ยช่วยให้เกิดขบวนการ
00:13:00 → 00:13:05 อก็มีมีวโปจินะฮะแต่จุดมุ่งหมายจริงๆแล้ว
00:13:05 → 00:13:10 เนี่ยเต้องการให้อินซูลินนะไปกำกับนะ
00:13:10 → 00:13:13 กำกับกระบวนการอะไรต่างๆที่ตับที่จะเอาไข
00:13:13 → 00:13:18 มันออกจากตับนะฮะนะเพราะฉะนั้นเอ่อในรูป
00:13:18 → 00:13:21 ชาร์จแห่งปีเนี่ยนะฮะเบอร์ 5 เบอร์ 5
00:13:21 → 00:13:25 ซึ่งมันเป็น vldl ที่จะออกมานะซึ่ง
00:13:25 → 00:13:29 อันเนี้ยตับก็ต้องมีอ่า repacking ไอ้ตัว
00:13:29 → 00:13:34 ไตกีสไลตัวใหม่นะแล้วก็สร้างไอ้เรือ vldl
00:13:34 → 00:13:37 หรือเป็นอนุภาคนำส่งพลังงานเนี่ยนะแล้วก็
00:13:37 → 00:13:42 ออกมาเป็น vldl ต่างๆนะในในในกระแสเลือด
00:13:42 → 00:13:46 ที่จะเอาพลังงานต่างๆเนี่ยไปสะสมหรือไป
00:13:46 → 00:13:50 แจกจ่ายนะอันเนี้ยนะจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้า
00:13:50 → 00:13:53 ถ้าไม่มีอินซูลินมาเป็นฮอร์โมนนะฮะในการ
00:13:53 → 00:13:57 ที่จะเกิดกระบวนการนี้นะฮะนะเพราะฉะนั้น
00:13:57 → 00:14:02 เนี่ยก่อนที่จะจะถึงอ่าเวลาที่อินซูลินเข
00:14:02 → 00:14:05 จะมามาบังคับตับหรือว่าจะมาสั่งการตับ
00:14:05 → 00:14:07 เนี่ยว่าให้เกิดกระบวนการนี้ขึ้นมาเนี่ย
00:14:07 → 00:14:11 นะฮะเราก็จะต้องมีการกระตุ้นนัแหละแล้ว
00:14:11 → 00:14:14 ตัวกระตุ้นอินซูลินก็คือคาร์โบไฮเดรตนะ
00:14:14 → 00:14:16 แล้วก็ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกระตุ้นก็
00:14:16 → 00:14:20 คือตาม physiologic insulin อ่าอะไรอ่ะ
00:14:20 → 00:14:24 sensitivity นะฮะก็คือช่วงมื้อเย็นครับ
00:14:24 → 00:14:27 ผมเพราะฉะนั้นอันเนี้ยนะต้องรู้เรื่องนิด
00:14:27 → 00:14:33 นึงนะฮะว่าว่าเออนะคาฟก็ดูจะดีเนาะเออ
00:14:33 → 00:14:37 แล้วคาฟก็เป็นที่มาของอินซูลินนะฮะเนี่ย
00:14:37 → 00:14:40 แล้วก็เนี่ยทั้งคาฟทั้งอินซูลินอะไรต่างๆ
00:14:40 → 00:14:44 เนี่ยนะหลักๆแล้วร่างกายก็ต้องการ 2
00:14:44 → 00:14:48 เรื่องนะฮะก็คือนะคาฟไปช่วยในการซ่อมและ
00:14:48 → 00:14:51 สร้างกล้ามเนื้อซึ่งเวลากล้ามเนื้อซ่อม
00:14:51 → 00:14:55 แซมเนี่ยนะเขาคก็จะต้องมีมีฮอร์โมนมาเป็น
00:14:55 → 00:14:59 ตัวกำกับนะฮะฮอร์โมนกำกับก็คือ IG F1 ก็
00:14:59 → 00:15:02 อีกนั่นแหละไ gf1 เนี่ยจะเกิดขึ้นได้
00:15:02 → 00:15:05 เนี่ยก็ต้องมีอินซูลินตัวพ่อนะฮะนะก็คือ
00:15:05 → 00:15:09 อินซูลินตัวพ่อเนี่ยนะไปเปลี่ยนโดฮอร์โมน
00:15:09 → 00:15:14 ที่ตัดนะให้เปลี่ยนเป็น IG F1 และ IG F1
00:15:14 → 00:15:17 ถึงจะต้องทำงานต่อไปอีกครั้งหนึงนะฮะ
00:15:17 → 00:15:19 เพราะฉะนั้นมันต้องมีความเชื่อมต่อของ
00:15:19 → 00:15:23 อินซูลินนะอินซูลินจะจะเกิดขึ้นได้จะมา
00:15:23 → 00:15:28 ได้นะก็ต้องมาจากการกระตุ้นโดยคาฟนะฮะโดย
00:15:28 → 00:15:31 คาร์โบไฮเดรตนะนะเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่า
00:15:31 → 00:15:36 เนี้ยนะก็คือข้อสรุปว่าแล้วาฟเนี่ยเกิด
00:15:36 → 00:15:38 ประโยชน์อะไรขึ้นกับร่างกายแล้วทำไมร่าง
00:15:38 → 00:15:42 กายยังต้องการาฟนะฮะนะสร้างกล้ามเนื้อ
00:15:42 → 00:15:45 ซ่อมด้วยสร้างด้วยนะฮะนะแล้วก็พยายามเอา
00:15:45 → 00:15:48 แฟตออกจากตับนะฮะเหตุผลอีกเหตุผลนึงที่
00:15:49 → 00:15:51 ที่จะต้องมีการเอาแฟตออกจากตับเนี่ยเพื่อ
00:15:52 → 00:15:55 จะเคลียร์เค้าเรียกว่าเคลียร์สอกนะฮะให้
00:15:55 → 00:15:59 ตับเนี่ยมีพื้นที่ที่ว่างนะพะพอเกิดความ
00:15:59 → 00:16:02 ว่างขึ้นไปแล้วเนี่ยนะฮะนะจะเห็นว่าข้อ
00:16:02 → 00:16:05 เนี้ยนะพื้นที่ว่างของตับและกล้ามเนื้อนะ
00:16:05 → 00:16:08 ฮะนะอันนี้ไงเพราะฉะนั้นทั้งตับทั้งกล้าม
00:16:08 → 00:16:10 เนื้อเนี่ยต้องมีการเคลียร์เคลียร์พลัง
00:16:10 → 00:16:14 งานที่สะสมอยู่นะฮะถ้าเกิดตับมี fy วอร
00:16:14 → 00:16:17 หรือว่ามีไขมวงไขมันอยู่นะฮะเนี่ยก็ต้อง
00:16:18 → 00:16:20 เคลียร์ออกนะอ่าหรือกล้ามนมกล้ามเนื้อ
00:16:20 → 00:16:23 อะไรต่างๆเห่าเนี้ยมีอยู่เงี้ยนะก็ต้องมี
00:16:23 → 00:16:26 วิธีการเคลียร์ออกนะแต่เวลาตับที่จะ
00:16:26 → 00:16:30 เคลียร์ไอ้ตัวไขมันให้เกิดเกิดความว่างนะ
00:16:30 → 00:16:32 เพราะว่าเมื่อว่างแล้วเนี่ยนะคาฟเหล่า
00:16:32 → 00:16:35 นั้นก็จะไปเปลี่ยนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของ
00:16:35 → 00:16:40 ตัเลยคือน้ำตาลไกลโคเจนนะนะเพราะฉะนั้น
00:16:40 → 00:16:43 เรื่องของเรื่องในแต่ละวันแต่ละวันในใน
00:16:43 → 00:16:46 แต่ละมื้อที่ผ่านไปเนี่ยร่างกายและตั
00:16:46 → 00:16:50 เนี่ยก็ต้องมีกระบวนการนี้เกิดขึ้นนะฮะนะ
00:16:50 → 00:16:54 อ่าเพราะฉะนั้นตอนนี้เรารู้แล้วนะว่าต้อง
00:16:54 → 00:16:57 มี 2 2 เรื่องนี้นะทนี้เวลาจะกินคาฟเท่า
00:16:57 → 00:17:01 ไหร่เนี่ยมีข้อพิจารณาอะไรบ้างนะก็นะมี
00:17:01 → 00:17:06 ประมาณเนี่ยนี้นะฮะ 1 2 3 3 ก็จะมี 3.1
00:17:06 → 00:17:09 3.2 นะฮะแล้วทั้งหมดเนี้ยนะมันจะเกี่ยว
00:17:09 → 00:17:10 ข้องกับ
00:17:10 → 00:17:13 ฮอร์โมนข้อแรกเลยก็คือประเภทชนิดของคาฟนะ
00:17:13 → 00:17:18 ฮะนะเราก็มี cf ต่างๆนะฮะ Good cf เ cf
00:17:18 → 00:17:22 Bad cf อะไรอย่างงี้นะฮะเนี่ยเออนะอัน
00:17:22 → 00:17:25 นี้เราก็ต้องมีความเข้าใจเพราะว่าคฟเมี
00:17:26 → 00:17:29 รายละเอียดเมีกลุ่มต่างๆซึ่งเราก็พอรู้
00:17:29 → 00:17:34 อ่ะผักใบผักหัวแป้งเชิงซ้อนผลไม้นะเหล่า
00:17:34 → 00:17:36 นี้มีความแตกต่างกันแล้วก็เป็นไส้ในของ
00:17:36 → 00:17:41 อาหารนะฮะซึ่งก็ไม่ค่อยมีคนพูดก็แปลกใจ
00:17:41 → 00:17:44 อยู่นะฮะคือจะไปยึดโยงตามเรื่องหนังสือ
00:17:44 → 00:17:47 สุขศึกษาโ่ไม่ใช่แล้วอันนั้นมันเป็นอะไร
00:17:47 → 00:17:50 ก็ไม่รู้อ่ะมันมันใช้ไม่ได้นะฮะนะกับเหตุ
00:17:50 → 00:17:54 การณ์ในยุคพ.ศนี้นะฮะเออนะอาจจะต้องพูด
00:17:55 → 00:17:58 เป็นศตวรรษไปเลยนะเอ่อเราก็ต้องเปลี่ยน
00:17:58 → 00:18:01 น่ะเปลี่ยนแนวนะที่จะรับรู้ข้อมูลแล้วก็
00:18:01 → 00:18:05 เอ่อเข้าใจนะฮะนะาฟก็มีรายละเอียดของเขา
00:18:05 → 00:18:08 เนาะเพราะงั้นประเภทชนิดอะไรต่างๆอันนี้
00:18:08 → 00:18:11 ต้องรู้นะฮะเนี่ยซึ่งจะต้องมีการเลือกกิน
00:18:11 → 00:18:14 ให้ถูกให้เหมาะนะโดยเฉพาะการเน้นที่
00:18:14 → 00:18:17 เรื่องปริมาณปริมาณสิ่งเหล่านี้ในที่สุด
00:18:17 → 00:18:22 จะไปอยู่ที่เรื่องปริมาณที่จะกินนะไม่ใช่
00:18:22 → 00:18:25 กินอย่างคือคือถ้าไม่มีรู้เรื่องอะไร
00:18:25 → 00:18:29 เงี้ยมันก็เรียกว่ากินมั่วนะกินมั่วมั่ว
00:18:29 → 00:18:31 ไม่ได้ครับมั่วไม่ได้เพราะว่านี่เดี๋ยว
00:18:31 → 00:18:35 ตัวนี้เนี่ยฮอร์โมนนี่เไม่มั่วด้วยนะนะก็
00:18:35 → 00:18:37 คือตัวพ่อตัวแม่อินซูลินคอร์ติซอลนี่แหละ
00:18:37 → 00:18:41 เจ้องอยู่โดยเฉพาะอินซูลินนะฮะอ่ะต่อมา
00:18:41 → 00:18:44 พื้นที่ว่างของตับกล้ามเนื้อนะฮะนะเอ่อ
00:18:45 → 00:18:47 อันนี้เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องมี
00:18:47 → 00:18:50 กิจกรรมมี activity อะไรต่างๆนะฮะที่จะ
00:18:50 → 00:18:54 ต้องทำให้เกิดความว่างลงของตับกับกล้าม
00:18:54 → 00:18:59 เนื้อนะฮะนะตับเนี่ยอ่าการว่างของตับพื้น
00:19:00 → 00:19:03 ที่ว่างของตับก็คือการใช้ไกลโคเจนนะเพราะ
00:19:03 → 00:19:06 ฉะนั้นไกลโคเจนในตับของแต่ละบุคคลมันก็มี
00:19:06 → 00:19:09 ข้อจำกัดนะฮะนะซึ่งมันก็จะหมดไปเร็วนะ
00:19:09 → 00:19:13 หลังจากนั้นถ้าตับเนี่ยมันมีการสะสมของ
00:19:13 → 00:19:16 ตัวไขมันด้วยนะโดยเฉพาะไตกีสรายกลายเป็น
00:19:16 → 00:19:19 ไขมันพอกตับอันเนี้ยก็จะต้องมีวิธีการ
00:19:19 → 00:19:23 นั่นแหละนะฮะที่จะเกิดการเค้าเรียกอ่าการ
00:19:23 → 00:19:27 ลดปริมาณการสะสมไขมันไตกีสไลดแล้วก็ทำให้
00:19:27 → 00:19:31 ดับเนี่ยมันเกิดที่ว่างนะฮะอ่าเพราะว่า
00:19:31 → 00:19:34 หลักๆแล้วก็คือก็คือการสะสมไกลโคเจนนะฮะ
00:19:35 → 00:19:38 ไกลโคเจนซึ่งเป็นหน้าที่อันดับแรกของตับ
00:19:38 → 00:19:43 นะที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นนะเอนะเพราะ
00:19:43 → 00:19:46 ฉะนั้นก็เราก็มีหลายวิธีอ่ะนะนะทั้งการ
00:19:46 → 00:19:52 อะไรฟาทั้งการกินอ่าทั้งการอ่าทำไอะไร
00:19:52 → 00:19:55 ต่างๆรวมทั้งออกแรงออกกำลังนะฮะแรกๆเลย
00:19:55 → 00:19:59 เนี่ยนะไกลโคเจนก็ถูกเผาที่ตับก่อนนะแต่
00:19:59 → 00:20:03 มันก็หมดเร็วนะฮะต่อไปก็คือถ้าอ่าเรา
00:20:03 → 00:20:07 สามารถใช้สต๊อกนะเอ่อของกล้ามเนื้อนะต่าง
00:20:07 → 00:20:10 ๆเ่าเนี้ยนะฮะคือกล้ามเนื้อเนี่ยเขาสะสม
00:20:10 → 00:20:15 ไกลโคเจนแต่เขาไม่เหมือนตับนะฮะเขาเกก่อน
00:20:15 → 00:20:18 รัดฟัดเบี่ยงไว้นะเไม่ยอมที่จะอ่าให้ใคร
00:20:18 → 00:20:22 มาสลายไกลโคเจนจากกล้ามเนื้อเาได้ง่ายๆนะ
00:20:22 → 00:20:24 นะเพราะฉะนั้นส่วนใหญ่กล้ามเนื้อเนี่ย
00:20:24 → 00:20:27 เวลาเรามี activity ต่างๆต่างๆนะกล้าม
00:20:27 → 00:20:30 เนื้อเจะพยายามใช้เเรียกว่า inra Mascara
00:20:30 → 00:20:34 อ่า Fat deposit นะฮะนะก็คือการใช้ไขมัน
00:20:34 → 00:20:38 สะสมนะฮะนะแต่ถ้าเกิดเป็นคนผอมๆแล้วก็ Fat
00:20:38 → 00:20:41 deposit ไม่ได้เยอะอะไรอย่างเงี้ยนะฮะใน
00:20:41 → 00:20:45 ที่สุดนะหรือมันมีเหตุการณ์น่ะนะอ่ามีมี
00:20:45 → 00:20:47 บางสิ่งบางอย่างในรูปแบบของการออกแรงออก
00:20:47 → 00:20:51 กำลังเ่ะนะที่กล้ามเนื้อเนี่ยจะต้องเช่น
00:20:51 → 00:20:54 การฮิตไงที่จะต้องใช้พวกพลังงานเยอะๆนะ
00:20:54 → 00:20:56 เพราะฉะนั้นไกลโคเจนในกล้ามเนื้อก็ถูกถูก
00:20:56 → 00:21:00 เอามาใช้นะในวิถีการการในวิถีทางแบบนี้
00:21:00 → 00:21:03 ด้วยนะฮะเนี่ยอันนี้ก็คือวิธีการเนี่ยที่
00:21:03 → 00:21:06 จะทำให้เกิดการมีพื้นที่ว่างนะของทั้งตับ
00:21:06 → 00:21:10 ทั้งกล้ามเนื้อนะจุดประสงค์เลยเนี่ยจุด
00:21:10 → 00:21:12 ประสงค์เลยก็คือการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ
00:21:12 → 00:21:15 โดยเฉพาะอินซูลินนะฮะเขาก็จะต้องทำหน้า
00:21:15 → 00:21:18 ที่ให้ทั้งตับทั้งกล้ามเนื้อเนี่ยมี
00:21:18 → 00:21:21 ไกลโคเจนสะสมอยู่ก่อนนะอันเนี้ยสำคัญที่
00:21:21 → 00:21:24 สุดนะะนะแต่ส่วนใหญ่เนี่ยความหมายก็คือ
00:21:24 → 00:21:29 อินซูลินเนี่ยนะจะต้องให้ตับนะมีไกจนนะ
00:21:29 → 00:21:32 เอ่อสะสมไว้อย่างเรียบร้อยก่อนแล้วนะโดย
00:21:32 → 00:21:36 เฉพาะในมื้อเย็นนะก็แล้วแต่ว่าใครอ่ะนะจะ
00:21:36 → 00:21:40 สะสมได้ขนาดไหนนะขึ้นอยู่กับเรื่องของรูป
00:21:40 → 00:21:44 ร่างะคนตัวใหญ่ๆเนี่ยอาจจะมีเรื่องของ
00:21:44 → 00:21:48 พื้นที่ว่างสะสมตัวไคเจนได้ถึง 100 กรัม
00:21:48 → 00:21:52 นะฮะนะแต่ตัวตัวเล็กๆผอมๆก็ 50 60 อะไร
00:21:52 → 00:21:56 ประมาณนี้นะอันนี้ก็แล้วแต่มันแี่กันไปนะ
00:21:56 → 00:21:58 ตามขนาดรูปร่างนะฮะส่วนกล้ามนี้ก็เช่น
00:21:58 → 00:22:02 เดียวกันนะฮะสายเนื้อนะกับสายแป้งอะไร
00:22:02 → 00:22:05 ต่างๆเห่าเนะหรือรูปแบบของมวลกล้ามเนื้อ
00:22:05 → 00:22:09 ของแต่ละบุคคลเนี่ยมันก็ไม่เท่ากันนะ
00:22:09 → 00:22:12 เพราะฉะนั้นนะยุ้งฉางหรือพื้นที่ที่จะมา
00:22:12 → 00:22:16 เก็บไกลโคเจนอะไรต่างๆนะมันก็แตกต่างกัน
00:22:16 → 00:22:20 นะอันนี้เนี่ยก็เป็นเรื่องของการอ่าทำงาน
00:22:20 → 00:22:25 ของฮอร์โมนนะฮะนะต่อตับต่อกล้ามเนะต่อไป
00:22:25 → 00:22:28 ความสัมพันธ์ของคาร์โบไฮเดรตกับฮอร์โมน
00:22:28 → 00:22:31 ต่างต่างๆนะซึ่งอันเนี้ยก็เป็นรายละเอียด
00:22:31 → 00:22:34 นะฮะนะนะที่เราต้องรู้นะมี Car Dependent
00:22:34 → 00:22:39 ฮอร์โมนใช่มยฮะนะนะก็มี 3 ตัวนะมี
00:22:39 → 00:22:43 ไทรรอยด์มีเลปตินมีโปรเจสเตอโรนนะฮะจาก
00:22:43 → 00:22:46 นั้นก็มีคาร์โบไฮเดรต relatively Hormone
00:22:46 → 00:22:49 นะนะอันนี้ก็คือตัวพ่ออินซูลินเป็นตัว
00:22:49 → 00:22:50 หลักเลย
00:22:50 → 00:22:54 นะก็คือตัวคาร์โบไฮเดรตต่างๆเหล่าเนี้ยนะ
00:22:54 → 00:22:58 ฮะนะอย่างออๆอันแรกก่อนนะฮะเป็นค ent
00:22:58 → 00:23:02 ฮอร์โมนเนี่ยนะตัวสำคัญที่สุดเลยนะนะอัน
00:23:02 → 00:23:04 นี้ก็เป็นประโยชน์ในแง่เป็นโครงสร้างนะฮะ
00:23:05 → 00:23:08 โครงสร้างนะก็ไทรรอยด์ไทรรอยด์เป็น
00:23:08 → 00:23:11 ฮอร์โมนที่มาจากโปรตีนนะฮะแต่โครงสร้าง
00:23:11 → 00:23:14 ไทรรอยด์บางส่วนจะต้องมีองค์ประกอบที่มัน
00:23:14 → 00:23:17 เป็นคาร์โบไฮเดรตนะแล้วคาร์โบไฮเดรตที่
00:23:17 → 00:23:19 เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างไทรอยด์เนี่ย
00:23:19 → 00:23:22 นะก็คือแป้งเชิงซ้อนนะต้องเป็นลักษณะแป้ง
00:23:22 → 00:23:25 เชิงซ้อนเท่านั้นนะอ่านะเพราะฉะนั้น
00:23:26 → 00:23:30 ไทรรอยด์ก็เลยสำคัญมากเลยนะนะที่จะต้องมี
00:23:30 → 00:23:33 อ่าวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดเนี่ยนะก็คือ
00:23:33 → 00:23:35 แป้งเชิงซ้อนนะเพราะฉะนั้นคาฟจำเป็นต่อ
00:23:35 → 00:23:39 ไทรรอยด์ในแง่โครงสร้างนะะก็คือกลุ่มแป้ง
00:23:39 → 00:23:44 เชิงซ้อนนะฮะอันนี้อันต่อมาเลปตินเลปติน
00:23:44 → 00:23:47 ก็เป็นโปรตีนนะเป็นเป็นฮอร์โมนประเภท
00:23:47 → 00:23:51 โปรตีนนะฮะนะแต่เลปตินก็ทำหน้าที่ในการ
00:23:51 → 00:23:55 เผาผลาญไขมันนะฮะพอผ่านไขมันนะแต่หน้าที่
00:23:55 → 00:23:59 อันดับแรกเลยที่ต้องผ่านก่อนก็คือนะคือไป
00:23:59 → 00:24:03 เไปบอกสมองเว่าให้เกิดความอิบความพอหรือ
00:24:03 → 00:24:07 การหยุดกินนะฮะนะหลังจากนั้นเต้องทำหน้า
00:24:07 → 00:24:10 ที่อันดับต่อไปก็คือการเผาผลาญไขมันแต่จะ
00:24:10 → 00:24:12 ทำได้หรือไม่ได้อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ
00:24:12 → 00:24:16 เงื่อนไขนะฮะซึ่งคราวที่แล้วเราก็เคยบอก
00:24:16 → 00:24:19 ไปแล้วนะฮะว่าต้องมีความพอดีของ
00:24:19 → 00:24:23 คาร์โบไฮเดรตที่จะไม่ก่อให้เกิดการสะสมนะ
00:24:23 → 00:24:25 ซึ่งจะไปกระตุ้นหรือไป activate อินซูลิน
00:24:25 → 00:24:27 มาเพราะเมื่อไหร่อินซูลินยังออกมาเพื่อจะ
00:24:27 → 00:24:31 สะสมพลังงานนะเลปตินก็จะถูกบล็อกนะฮะทำ
00:24:31 → 00:24:36 งานต่อไม่ได้นะฮะพวกนี้ก็คืออินซูลินใหญ่
00:24:36 → 00:24:38 ที่สุดนั่นแหละนะฮะส่วนในแง่ของไทรรอยด์
00:24:38 → 00:24:41 เนี่ยนะฮะนะเ่อก็เช่นเดียวกันนะฮะนะโครง
00:24:41 → 00:24:44 สร้างฮอร์โมนไทรอยด์ต่างๆที่อยู่บริเวณ
00:24:44 → 00:24:46 ต่อมไทรอยด์ที่จะเป็น t4 ซึ่งมันเป็น
00:24:46 → 00:24:49 inactive form เนี่ยนะฮะเราก็ต้องมี
00:24:49 → 00:24:53 อินซูลินเนี่ยเป็นตัวพาเอาสารอาหารต่างๆ
00:24:53 → 00:24:56 นะเข้าไปสร้างเข้าไปสร้างนะฮะนะอันนี้
00:24:56 → 00:24:58 อินซูลินมีความสำคัญ
00:24:59 → 00:25:02 นะในแง่ของไทรอยด์อินซูลินสำคัญในแง่ที่
00:25:02 → 00:25:05 อ่าจะส่งเสริมนะฮะการสร้างฮอร์โมน
00:25:05 → 00:25:09 ไทรรอยด์แต่ว่ามันก็เกิดเป็นพวกอ่า
00:25:09 → 00:25:11 inactive form หลังจากนั้นเนี่ยฮอร์โมน
00:25:11 → 00:25:14 ไทรรอยด์ก็ต้องพึ่งพาสิ่งต่างๆโดยเฉพาะ
00:25:14 → 00:25:16 พวกอวัยวะที่จะมาเปลี่ยนโครงสร้างให้เป็น
00:25:16 → 00:25:20 Active form นะส่วนเลปตินเนี่ยนะเลปติน
00:25:20 → 00:25:26 นี่มันก็จะมาหลังจากที่อินซูลินนะฮะนะเเ
00:25:26 → 00:25:28 ทำงานเรียบร้อยแล้วผ่านไป 2 ชั่วโมงมง
00:25:28 → 00:25:31 เนี่ยอินซูลินเริ่มเเรียกา regulate หือ
00:25:31 → 00:25:35 เริ่มลดปริมาณลงไปแล้วนะเนี่ยอ่าเรตินก็
00:25:35 → 00:25:38 จะเริ่มมาทำงานต่อนะฮะแต่เป็นการทำงานโดย
00:25:38 → 00:25:42 การเผาผลาญพลังงานนะคือตอนแรกๆเนี่ยนะ
00:25:42 → 00:25:46 หลังจากกินจบมื้อเนี่ยนะเลปตินก็ถูกสั่ง
00:25:46 → 00:25:50 ออกมาจากเซลล์เเยื่อไขมันแล้วก็ไปที่สมอง
00:25:50 → 00:25:54 เพื่อบอกให้อิ่มนะฮะอิ่มนะฮะหลังจากนั้น
00:25:54 → 00:25:59 ก็ต้องรอไทเอ่ออินซูลินลงไปก่อนนะฮะนะ
00:25:59 → 00:26:02 เค้าก็เลยจะต้องมาทำงานต่อนะแต่ตรงนี้
00:26:02 → 00:26:06 เนี่ยมันก็จะมีทริกอันนึงอ่ะว่าอ่าว่านะ
00:26:06 → 00:26:09 ว่าเรื่องของคาร์โบไฮเดรตเรื่องของการ
00:26:09 → 00:26:11 กระตุ้นอินซูลินเนี่ยมันจะต้องกระตุ้นไม่
00:26:11 → 00:26:14 เยอะนะแล้วไม่เป็นชนิดของอินซูลินที่ก้าว
00:26:14 → 00:26:18 ร้าวนะฮะเนี่ยนะเลปตินถึงจะทำงานต่อได้
00:26:18 → 00:26:21 แล้วเลปตินนี่ทำงานทั้งวันทั้งคืนนะฮะ
00:26:21 → 00:26:23 ทั้งวันทั้งคืนก็คือเป็นฮอร์โมนที่เา้าทำ
00:26:23 → 00:26:26 งานหลังมื้ออาหารหลังมื้ออาหารนะเพราะ
00:26:26 → 00:26:29 ฉะนั้นมื้อแรกเนี่ยถ้ากินถูกต้องร่างกาย
00:26:29 → 00:26:32 อิ่มอ่าหลังจากนั้นไม่มีตัวกวนไม่มี
00:26:32 → 00:26:36 อินซูลินอ่ามามาเป็นแบบอินซูลินก้าวรุ้ง
00:26:36 → 00:26:40 ก้าวร้าวหรืออินซูลินแบบชนิดที่เยอะๆอ่ะ
00:26:40 → 00:26:43 นะฮะนะเป็น10ิๆหลายสิบอะไรอย่างเงี้ยนะิน
00:26:43 → 00:26:47 ก็จะทำงานต่อในการเผาผลาพลังงานนะซึ่งเรา
00:26:47 → 00:26:52 ก็จะเข้าคีโตซิสอะไรต่างๆพวกนี้แหละนะ
00:26:52 → 00:26:56 ฮะอันต่อมาก็คือโปรเจสเตอโรนโปรเจสเตอโรน
00:26:56 → 00:26:59 เนี่ยเป็นแฟตฮอร์โมนนะฮะแต่เป็นแฟต
00:26:59 → 00:27:02 ฮอร์โมนที่ที่เป็นไขมันอิ่มตัวและจะต้อง
00:27:02 → 00:27:06 มีคอเลสเตอรอลมาเป็นส่วนในโครงสร้างด้วย
00:27:06 → 00:27:07 นะ
00:27:07 → 00:27:10 ฮะคือพวกนี้นะแต่โปรเจสเตอโรนเนี่ยมันก็
00:27:10 → 00:27:13 เป็นเฉพาะของผู้หญิงนะฮะนะแล้วเก็ทำงาน
00:27:13 → 00:27:17 เฉพาะในเวลาของรอบเดือนที่เขามานะฮะเนี่ย
00:27:17 → 00:27:21 อย่างความต้องการคาฟใน 3 ฮอร์โมนเนี่ยมัน
00:27:21 → 00:27:24 ต่างกันยังไงนะต่างกันยังไงคือไทรรอยด์
00:27:24 → 00:27:27 เนี่ยมันต้องแป้งเชิงซ้อนใช่มล่ะเลปติน
00:27:27 → 00:27:30 เนี่ยต้องต้องต้องเป็นคาฟประเภทไหนฮะรู้
00:27:30 → 00:27:35 มั้ยเลปตินเนี่ยเต้องการคาฟประเภทไหนเออ
00:27:35 → 00:27:38 นะที่จะมาเป็นโครงสร้างของ
00:27:38 → 00:27:40 เ้า
00:27:40 → 00:27:43 เออครับ
00:27:43 → 00:27:48 พวกโปรตีนจากพกครับไม่ใช่เลปตินเนี่ยเ
00:27:48 → 00:27:53 ต้องการาฟที่เป็นอ่อไฟติเป็นสารภิกษาเคมี
00:27:53 → 00:27:57 นะฮะเอ่อเไม่ต้องการแป้งนะไม่ต้องการแป้ง
00:27:57 → 00:27:59 เไม่ต้องการวิตามินแร่ธาตุอะไรมากมายนะ
00:27:59 → 00:28:03 แต่เต้องการไฟโตนิวตรอนึกษาเคมีอ่ามาเป็น
00:28:03 → 00:28:06 ส่วนของโครงสร้างเค้าแล้วเจะได้ทำงานเก่ง
00:28:06 → 00:28:10 ๆนะฮะอ่าส่วนไทรรอยด์เนี่ยเต้องการค้าฟ
00:28:10 → 00:28:14 ประเภทแป้งเชิงซ้อนนะฮะซึ่งจะทำให้โครง
00:28:14 → 00:28:17 สร้างไทรรอยด์เป็น Active form ที่
00:28:17 → 00:28:20 สามารถทำงานได้แบบขยันยันไทรรอยด์เราใช้
00:28:20 → 00:28:24 คำว่าขยันเลปตินเราใช้คำว่าเก่งอต่อไป
00:28:24 → 00:28:28 โปรเจสเตอโรนนะโปรเจสเตอโรนเนี่ยเป็นเป็น
00:28:28 → 00:28:32 ค Dependent ฮอร์โมนที่เขาต้องการอ่าส่วน
00:28:32 → 00:28:36 ใหญ่เต้องการวิตามินแร่ธาตุนะอ่าแล้วก็
00:28:36 → 00:28:39 วิตามินแร่ธาตุเอนไซม์นะอันเนี้ยสำคัญที่
00:28:39 → 00:28:44 สุดที่โปรเจสเตอโรนเาต้องการจะคาฟนะนะ
00:28:44 → 00:28:47 เพราะฉะนั้นเนี่ยจะเห็นว่าผู้หญิงเ่ะเวลา
00:28:47 → 00:28:52 ใกล้ที่จะตกไข่นะโปรเจสเตอโรนจะออกมานะ
00:28:52 → 00:28:55 ซึ่งซึ่งการสร้างโปรเจสเตอโรนเนี่ยจะทำ
00:28:55 → 00:28:58 ให้ผู้หญิงอยากที่จะกินขนมของหวานหรือ
00:28:58 → 00:29:03 อยากจะกินผลไม้นะฮะเพราะว่าส่วนของคาฟนะ
00:29:04 → 00:29:08 เอ่อที่โครงสร้างของโปรเจสเตอโรนเต้องการ
00:29:08 → 00:29:12 เนี่ยนะก็คือพวกวิตามินแร่ธาตุอ่าที่อยู่
00:29:12 → 00:29:15 ในพืชผักผลไม้นะฮะไม่ได้อยู่ในสัตว์นะ
00:29:15 → 00:29:18 เพราะฉะนั้นไม่แปลกใช่มั้ยที่ผู้หญิงเ่ะ
00:29:18 → 00:29:20 จะชอบกินผลมุ้งผลไม้กินกระจุ๊กกระจิ๊ก
00:29:20 → 00:29:23 อย่าเงี้เออนะโดย
00:29:23 → 00:29:28 เฉพาะเวลาผู้หญิงรอบเดือนมาจะอยากกินพวก
00:29:28 → 00:29:32 พกผลม้งผลไม้ของหวานอะไรมากมายนั่นก่อน
00:29:32 → 00:29:35 ที่จะเ่ารอบจะมาเนี่ยเขาจะสร้าง
00:29:35 → 00:29:38 โปรเจสเตอโรนนะเเขาก็เลยต้องมีมีสิ่ง
00:29:38 → 00:29:40 เหล่าเนี้ยมาเป็นโครงสร้างของ
00:29:40 → 00:29:43 โปรเจสเตอโรนเพราะหลักๆโปรเจสเตอโรนเเป็น
00:29:43 → 00:29:46 แฟตฮอร์โมนกับคอเลสเตอรอลนะฮะ Fat เที่
00:29:46 → 00:29:49 นี้เป็นอ่าเป็น saturated Fat เป็นไข่
00:29:49 → 00:29:56 ไม้อืมตัวนะนะครับผมเออทีนี้เอ่อสำคัญที่
00:29:56 → 00:29:59 สุดนะอันต่อมาเนี่ยก็คืออินซูลินกับ
00:29:59 → 00:30:04 คอร์ติซอลนะฮะอันนี้บทบาทของคาฟเนี่ยนะ
00:30:04 → 00:30:09 ก็ก็คืออินซูลินเนี่ยนะเค้าก็เป็นอ่า
00:30:09 → 00:30:13 ฮอร์โมนที่ว่าอ่าเขาคจะต้องออกมาจัดการ
00:30:13 → 00:30:17 กับอาหารนะถ้าเกิดเมื่อไหร่อาหารนั้นๆ
00:30:17 → 00:30:20 อาหารจานนั้นๆหรืออาหารมื้อนั้นๆเนี่ยนะ
00:30:20 → 00:30:24 ฮะมีความเป็นพลังงานเยอะนะฮะนะมีความเป็น
00:30:24 → 00:30:27 พลังงานเยอะเนี่ยตัวที่จะต้องมาจัดการ
00:30:27 → 00:30:31 เรื่องของของพลังงานที่มากนะที่มากนะฮะนะ
00:30:31 → 00:30:35 ก็คืออินซูลินนะโดยพลังงานที่มากเนี่ยจะ
00:30:35 → 00:30:38 มาจากคาฟหรือจะมาจากทั้งคาร์โบไฮเดรต
00:30:38 → 00:30:42 โปรตีนไขมันหรือจะมาจากอ่าสารอาหารหลัก
00:30:42 → 00:30:45 ตัวไหนก็ตามนะฮะที่เราเรียกว่า Energy
00:30:45 → 00:30:49 imbalance นะอันเนี้ยอินซูลินก็จะมาก็
00:30:49 → 00:30:52 คือมันเป็นภาวะ Energy imbalance ของ
00:30:52 → 00:30:55 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันที่ที่มักจะเกิน
00:30:56 → 00:31:00 นะะนะมันผิดแล้วมันเกินนะหมายถึงอัตรา
00:31:00 → 00:31:03 ส่วนหมายถึงปริมาณที่กินเนี่ยไม่ถูกต้อง
00:31:03 → 00:31:08 นะไม่ถูกต้องอ่าแล้วก็มากเกินแคลอรี่วอร์
00:31:08 → 00:31:12 แคลอรี่แคลอรี่มันเกินนะนะเพราะงั้นเนี่ย
00:31:12 → 00:31:16 เป็นการกระตุ้นอินซูลินนะฮะแต่ถ้าเฉพาะนะ
00:31:16 → 00:31:18 เฉพาะที่เราเรียกว่า Random Cycle เมัน
00:31:18 → 00:31:22 ก็คือคาฟกับไขมันนะอันนี้เนี่ยก็คือในแง่
00:31:22 → 00:31:26 ของพลังงานเนี่ยมันก็ถือว่าอาจจะไม่ถูกนะ
00:31:26 → 00:31:28 แล้วก็อาจจะเกินไปด้วยถ้าสัดส่วนไม่เหมาะ
00:31:28 → 00:31:32 สมนะฮะนะนะอินซูลินก็ต้องออกมาจัดการเช่น
00:31:32 → 00:31:36 เดียวกันนะส่วนในแง่ของคอร์ติซอลนะฮะนะ
00:31:36 → 00:31:41 คอร์ติซอลเนี่ยก็ส่วนใหญ่มันจะออกมาใน
00:31:41 → 00:31:46 ความหมายที่มักจะขาดนะนะก็คือ 1 พลังงาน
00:31:46 → 00:31:51 มันขาด 2 มันกินพลังงานผิดนะกินพลังงาน
00:31:51 → 00:31:55 ผิดนะเนี่ยนะบางทีก็จะไปแหย่ไอ้ตัว
00:31:55 → 00:31:58 คอร์ติซอลออกมาด้วยนะฮะนะเพราะฉะนั้นทั้ง
00:31:58 → 00:32:01 อินซูลินคอร์ติซอลเนี่ยส่วนใหญ่บทบาทใน
00:32:01 → 00:32:03 แง่ของพลังงานและในแง่ของความเป็น
00:32:03 → 00:32:07 คาร์โบไฮเดรตนะฮะนะอ่าอินซูลินเขาจะเอา
00:32:07 → 00:32:11 เรื่องมากกว่านะฮะส่วนคอร์ติซอลหมายถึง
00:32:11 → 00:32:15 ว่าไม่ได้กินกินน้อยนะฮะหรืออ่าหรือเป็น
00:32:15 → 00:32:18 การกินรูปแบบของไดเอตที่ที่มีความต่อ
00:32:18 → 00:32:22 เนื่องยาวนานโดยไม่เข้าใจนะโดยไม่เข้าใจ
00:32:22 → 00:32:24 เช่นมีการตัดค้งตัดคาฟทำให้สัดส่วนของ
00:32:25 → 00:32:28 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันมันไม่ถูกต้องนะ
00:32:28 → 00:32:32 นะเนี่ยเรียกว่ากินผิดนะแล้วมันไม่
00:32:32 → 00:32:35 Balance เไม่เกิดภาวะ Energy Balance
00:32:35 → 00:32:41 นะฮะอ่าเนี่ยอันนี้ก็จะมีผลจะมีผลนะนะ
00:32:41 → 00:32:45 อันเนี้ยตรงนี้มีใครสงสัยอะไรมยนะฮะใน
00:32:45 → 00:32:47 ทั้งหมดเนี้ยเป็นเรื่องของปริมาณก่อนนะฮะ
00:32:47 → 00:32:51 เนี่ยเพราะฉะนั้นในแง่ของาฟและปริมาณของ
00:32:51 → 00:32:55 าฟนะต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ได้นะฮะนะ
00:32:55 → 00:32:58 ต้องเข้าใจให้ให้ได้นะแล้วแล้วในที่สุด
00:32:58 → 00:33:03 แล้วในแง่ของปริมานาฟจะไปที่ไหนก็คือจะไป
00:33:03 → 00:33:08 ที่อ่าไปที่กล้ามเนื้อนะฮไปที่กล้ามเนื้อ
00:33:08 → 00:33:13 นะนั่นแหละไปซ่อมไปสร้างนะและไปที่เอ่อทำ
00:33:13 → 00:33:18 ให้ตับมีการสลายหรือว่ามีการเอาเอาแฟต
00:33:18 → 00:33:23 เนี่ยออกจากตับนะนะเพื่ออะไรเพื่อที่จะ
00:33:23 → 00:33:26 ให้เกิดพื้นที่ว่างนะในการที่จะบรรจุพลัง
00:33:27 → 00:33:31 งานใหม่นะแต่ว่าพวกนี้มันไม่ได้ทำให้เกิด
00:33:31 → 00:33:35 พื้นที่อะไรเยอะแยะมากเนาะครับผมประเด็น
00:33:35 → 00:33:38 ที่ 2 นะเรื่องของคาฟก็คือเรื่องช่วงเวลา
00:33:38 → 00:33:42 ที่เหมาะสมในการกินคาฟนะนะเพราะฉะนั้นจะ
00:33:42 → 00:33:47 กินาฟเนี่ยนะ 1 ปริมาณอ่ะก็มีสิ่งเหล่า
00:33:47 → 00:33:52 นี้เนี่ยนะอ่ามาเป็นตัวกำหนดนะต่อไปในแง่
00:33:52 → 00:33:56 ของเอ่อช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะกินนะอ่า
00:33:56 → 00:33:59 ก็จะมีอะไรบ้างนะฮะก็มี 3 เรื่องนี้นะฮะ 3
00:34:00 → 00:34:03 เรื่องนี้เรื่องแรกเลยนะฮะในคนปกติทั่วไป
00:34:03 → 00:34:07 ที่ยังไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนะฮะความเวลาที่
00:34:07 → 00:34:12 เหมาะสมที่สุดในการกินคาฟก็คือก่อนและ
00:34:12 → 00:34:16 หลังการเวทหรือการฮิทนะฮะนะก่อนก็ได้หลัง
00:34:16 → 00:34:21 ก็ได้นะเทก็ได้ฮิทก็ได้นะฮะเนี่ยอันนี้
00:34:21 → 00:34:26 เหมาะสมในการกินคานะนะจะเห็นว่าไม่มี
00:34:26 → 00:34:29 เรื่องคาร์ดิโอไม่มีมีทั้งคาร์ดิโอนะยก
00:34:29 → 00:34:33 เว้นคาร์ดิโอที่เป็นออกเป็นฮิตไปเลยนะฮะ
00:34:33 → 00:34:36 หรือไม่ก็เป็นกีฬาเนี่ยที่มีสัดส่วนของ
00:34:36 → 00:34:40 การฮิตนะฮะในการเล่นนะค่อนข้างมากค่อน
00:34:40 → 00:34:43 ข้างมากเช่นหมอไปตีแบตอย่าเงี้ยนะเมื่อ
00:34:44 → 00:34:47 วานนี้ก็ตีซะจนแบบเอ่อเกือบ 3 ชั่วโมงก็
00:34:47 → 00:34:52 ปวดเมื่อยไปหมดนะฮะนะแบบิดนะฮะคือแบต
00:34:52 → 00:34:55 เนี่ยมันเป็นฮิตเพราะอะไรนะมันก็แล้วแต่
00:34:55 → 00:34:58 ลักษณะของเกมนะเนี่ยเพราะเดี๋ยวเร็ว
00:34:58 → 00:35:01 เดี๋ยวช้าอะไรต่างๆเนี่ยใช่มนะคือการ
00:35:01 → 00:35:05 adapt ในเรื่องของชนิดของกีฬาประเภทของ
00:35:05 → 00:35:09 กีฬาเนี่ยนะอันนี้ก็จะมีความสำคัญนะฮะนะ
00:35:09 → 00:35:13 คือแบตส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเล่นกันแบบเป็นเกม
00:35:13 → 00:35:16 เอาแพ้เอาชนะเอาเป็นเอาตายกูไม่ยอมมึง
00:35:16 → 00:35:19 อะไรต่างๆมึงไม่ยอมกูอะไรอย่าเงี้ยนะเอ่อ
00:35:19 → 00:35:22 ก็ต้องสู้กันทั้งเกมลุกเกมลับเนี่ยพวกนี้
00:35:22 → 00:35:26 สัดสนความเป็นกีฬาแบบฮิตจะเยอะนะเก็
00:35:26 → 00:35:28 สามารถจะกินคาฟได้
00:35:28 → 00:35:32 นะเออจะก่อนหรือหลังก็ได้แต่ส่วนใหญ่เ่อ
00:35:32 → 00:35:34 หลังนะฮะกินหลังกันเป็นส่วนใหญ่แล้วแหละ
00:35:34 → 00:35:38 นะนะทนี้ในคนที่มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยอ่า
00:35:38 → 00:35:41 มีกลุ่มโรคทางด้าน ncd ต่างๆนะโดยเฉพาะ
00:35:41 → 00:35:45 ภาวะด้วยอินซูลินนะฮะนะอ่าลักษณะแบบนี้
00:35:45 → 00:35:49 เนี่ยถ้าเรามีการเวทมีการฮิตนะควรจะเป็น
00:35:49 → 00:35:52 การกินคาฟหลังจากเวทจากฮิตเรียบร้อยแล้ว
00:35:52 → 00:35:56 นะฮะนะเนี่ยก็แล้วแต่จะกินช่วงเร็วๆหน่อย
00:35:56 → 00:36:01 นะฮะคือักอ่า 30 นาทีนะหรือจะเนกินที่
00:36:01 → 00:36:04 ประมาณสักชั่วโมงครึ่ง 90 นาทีขึ้นไปนะฮะ
00:36:04 → 00:36:08 อันนี้แล้วแต่คนอ้วนคนผอมนะแต่ว่าหลักการ
00:36:08 → 00:36:12 ก็คือถ้าไม่ใช่คนปกตินะฮะส่วนใหญ่ให้กิน
00:36:12 → 00:36:16 หลังนะไม่กินกอดไม่กินกอดอ่านะอันนี้คือ
00:36:16 → 00:36:19 ช่วงเวลาที่เหมาะสมนะ
00:36:19 → 00:36:22 นะอันต่อมาก็คือถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกาย
00:36:22 → 00:36:26 เลยล่ะวันๆนึงหรือหรือวันนี้ออกวันนี้ไม่
00:36:26 → 00:36:28 ได้ออกอะไรเงี้ยกรณีที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
00:36:28 → 00:36:31 เนี่ยนะการกินคาฟจะต้องอยู่ในมื้อสุดท้าย
00:36:31 → 00:36:34 เท่านั้นนะฮะมื้อสุดท้ายเท่านั้นอันนี้
00:36:34 → 00:36:37 มันก็แล้วแต่นะเพราะอะไรเพราะว่าฮอร์โมน
00:36:37 → 00:36:40 อินซูลินกับคอร์ติซอลเนี่ยนะจะเป็นตัว
00:36:40 → 00:36:44 กำหนดที่สำคัญถูกมั้ยล่ะนะฮะก็คืออิซูลิน
00:36:44 → 00:36:47 เข้ามาตาม physiologic insulin
00:36:47 → 00:36:51 sensitivity ตอนมื้อเย็นนะฮะเพราะงั้น
00:36:51 → 00:36:54 เวลาเมานะเอยากจะทำงานตอนนี้นะเป็นความ
00:36:54 → 00:37:00 เหมาะสมของของของทำชาตินะที่กำหนดมานะฮะ
00:37:00 → 00:37:03 นะเพราะฉะนั้นเมื่อเขมาเไม่มีงานทำมันจะ
00:37:03 → 00:37:07 เกิดอะไรขึ้นนะนะเพราะฉะนั้นเราก็ต้องใส่
00:37:07 → 00:37:10 าฟไปให้เขาทำงานนะเพราะอินซูลินเขาจะต้อง
00:37:10 → 00:37:13 ใช้คาฟในการทำงานเป็นหลักนะฮะจะเติมมาก
00:37:13 → 00:37:17 เติมน้อยอะไรยังไงก็ตามนะดีไม่ดีอะไรต่าง
00:37:17 → 00:37:20 ๆเนี่ยอินซูลินก็ต้องทำงานอยู่แล้วนะฮะนะ
00:37:20 → 00:37:23 แต่ถ้าเรามีหลักมีเกณฑอะไรต่างๆอ่าเราก็
00:37:23 → 00:37:25 จะต้องเติม good to get CL อะไรอย่าง
00:37:25 → 00:37:29 เงี้ยอ่าปริมาณสำสคัญนะแล้วหลังจากนั้นไป
00:37:29 → 00:37:32 เลือกประเภทชนิดนะเวรัมเวลาเนี่ยก็มื้อ
00:37:32 → 00:37:36 สุดท้ายนะฮะมื้อสุดท้ายนะฮะเพราะอะไรอ่ะ
00:37:36 → 00:37:39 เพราะว่าอินซูลินเนี่ยนะที่สำคัญในมื้อ
00:37:39 → 00:37:42 สุดท้ายก็คือเขาออกมาเพื่อที่จะเพื่อที่
00:37:42 → 00:37:47 จะเอาคาฟไปไหนอ่ะไปสมองนะฮะไปทำให้เกิดวง
00:37:47 → 00:37:53 จรการนอนหลับอืนะออันนี้ก็เลยเนี่ยนะอ่า
00:37:53 → 00:37:58 ฮอร์โมนเป็นตัวควบคุมใช่มั้ยล่ะนะฮะเนี่ย
00:37:58 → 00:38:02 แล้วถ้าเกิดเราหลับนะตัวแม่อะไรต่างๆเก็
00:38:02 → 00:38:05 จะต้องไม่ออกมากวนนะฮะนะคือมันก็ต้อง
00:38:05 → 00:38:09 เริ่มแบบนี้ก่อนแหละนะว่าเพราะอินซูลินเ
00:38:09 → 00:38:12 มามื้อเย็นนะฮะแต่คอร์ติซอลเนี่ยมามื้อ
00:38:12 → 00:38:17 เช้านะฮะอินซูลินมามื้อเย็นอ่าเมาทำงานนะ
00:38:18 → 00:38:20 หลักธรรมชาติที่สุดเลยก็คือเขาให้
00:38:20 → 00:38:25 อินซูลินมาทำงานกับคาฟเราก็ต้องใส่คาฟไป
00:38:25 → 00:38:28 ให้เคนะฮะนะต้องใส่คาฟให้เขาเพราะว่า
00:38:28 → 00:38:33 อินซูลินเนี่ยนะเขาเป็นฮอร์โมนที่จะทำงาน
00:38:33 → 00:38:38 กับกับ di Food นะฮะนะอินซูลินเขาไม่ได้
00:38:38 → 00:38:44 ทำงานกับกับน้ำตาลนะฮะนะอ่าอะไรต่างๆที่
00:38:44 → 00:38:47 อยู่ภายในตัวเราแล้วนะฮะไม่ใช่นะเขาจะทำ
00:38:47 → 00:38:51 งานกับสิ่งที่เข้ามาจากภายนอกนะฮะนะใน
00:38:51 → 00:38:55 ช่วงเวลาสั้นๆก็คือประมาณ 2-3 ชั่วโมง
00:38:55 → 00:38:59 เอ่อเป็นอย่างนี้นะฮะนะแล้วเมีเวล่ำเวลา
00:38:59 → 00:39:02 ด้วยนะฮะเมีกะเมีเวล่ำเวลาตามธรรมชาติ
00:39:02 → 00:39:05 อะไรต่างๆเขาจะมาจะไปอะไรต่างๆพวกเนี้ยนะ
00:39:05 → 00:39:09 นี่แหละนะเพราะฉะนั้นก็คือต้องจัดสรรเวลา
00:39:09 → 00:39:12 ส่วนในแง่ของฮอร์โมนตัวแม่คอร์ติซอลนะไม่
00:39:12 → 00:39:15 เหมือนกันใช่มั้ยล่ะเพราะว่าตัวแม่เนี่ย
00:39:15 → 00:39:19 อ่าเขาไม่ได้ทำงานตอนเย็นนะฮะเไม่ได้ทำ
00:39:19 → 00:39:23 งานตอนเย็นแต่เขาจะจ้องในตอนเช้านะแล้ว
00:39:23 → 00:39:26 ตัวแม่เนี่ยเขาไม่ได้ทำงานกับอาหารภายนอก
00:39:26 → 00:39:29 นะฮะคอร์ติซอลเนี่ยนะการทำงานของ
00:39:29 → 00:39:34 คอร์ติซอลที่สำคัญก็คือเขาจะสลายนะสิ่ง
00:39:34 → 00:39:39 ที่อยู่ข้างในร่างกายนะโดยนะเคสั่งการไป
00:39:39 → 00:39:44 ที่อวัยวะนะที่เขาบังคับการได้เก็คือตับ
00:39:44 → 00:39:48 นะฮะนะให้ตับเนี่ยมีการอ่าสลายพลังงาน
00:39:49 → 00:39:51 อะไรก็ตามที่สะสมนะแต่ที่สำคัญที่สุดคือ
00:39:51 → 00:39:54 ไกลโคเจนนะฮะเพื่อจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลให้
00:39:54 → 00:39:59 เค้าเพราะว่าแม่จะมาตอนรุ่งเช้าประมาณ
00:39:59 → 00:40:04 4:00 นอ่ามาแล้วเนี่ยก็จะต้องมีพลังงาน
00:40:04 → 00:40:09 นะให้แม่ได้ใช้เพราะแม่จะมาปลุกให้ตื่นนะ
00:40:09 → 00:40:12 ฮะอินซูลินมาเพื่อที่ให้เราหลับเราพัก
00:40:12 → 00:40:17 ผ่อนแล้วเราซ่อมแซมร่างกายแต่คอร์ติซอลมา
00:40:17 → 00:40:20 เพื่อจะปลุกให้เราตื่นนะฮะนะเพื่อสลาย
00:40:20 → 00:40:24 เผ่าผลาพลังงานนะแล้วก็ดำเนินกิจกรรมอะไร
00:40:24 → 00:40:29 ต่างๆต่อเนื่องกันไปนะฮะคิอทำงานเนี่ยเขา
00:40:29 → 00:40:34 ไม่ได้ทำงานกับอาหารนะภายนอกนะฮะเค้าทำ
00:40:34 → 00:40:37 งานกับสิ่งที่เป็นเค้าเรียกเป็นอาหารสาร
00:40:37 → 00:40:41 อาหารภายในที่สะสมอยู่นะฮะเนี่ยอันนี้มัน
00:40:41 → 00:40:44 ก็ต่างกันตัวพ่อตัวแม่นะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:40:44 → 00:40:48 เรารู้ว่าคอร์ติซอลเนี่ยเทำงานตอนเช้านะ
00:40:48 → 00:40:51 แล้วก็ทำให้น้ำตาลมันพุ่งขึ้นไปนะหลังจาก
00:40:51 → 00:40:54 นั้นเนี่ยเ้าทำงานเรียบร้อยแล้วเคก็จะไป
00:40:54 → 00:40:59 พักอ่าเขาจะไปพักเนี่ยนะการที่คอซอเริ่ม
00:40:59 → 00:41:02 ดา regulate ที่จะไปพักตอน 8 น 900 นแล้ว
00:41:02 → 00:41:06 เนี่ยนะะระดับตามันก็จะลงมานะฮะนะเพราะ
00:41:06 → 00:41:10 ขบวนการกลูโคนิจิหรือกลูโคเอ่อกลูโค
00:41:10 → 00:41:11 ไกลโคเจน
00:41:11 → 00:41:15 ไคจินอะไรต่างๆเนี่ยนะมันก็จะลดลงไม่
00:41:15 → 00:41:17 สร้างน้ำตาลต่อเพราะคอร์ติซอลเพราะ
00:41:17 → 00:41:20 คอร์ติซอลเจะไปแล้วนะฮะแต่ถ้าเราไม่รู้
00:41:20 → 00:41:24 เรื่องรู้ราวมื้อเช้าเราไปกินนะแล้วไปกิน
00:41:24 → 00:41:27 สิ่งที่ทำให้มันเกิดอินซูลินก้าวร้าวมา
00:41:27 → 00:41:32 ชูตน้ำตาลขึ้นนะฮะนะคอร์ติซอลพอพอน้ำตาล
00:41:32 → 00:41:35 พุ่งเนี่ยอินซูลินจะตามประกบทันทีแต่เป็น
00:41:35 → 00:41:38 ลักษณะของอินซูลินที่มันก้าวร้าวดุดันนะ
00:41:38 → 00:41:41 แล้วมันจะด้มน้ำตาลลงระหว่างที่น้ำตาลด้ม
00:41:41 → 00:41:45 ลงนี่แหละคอร์ติซอลจะตกใจนะฮะนะจะเสีย
00:41:45 → 00:41:48 ศูนยทันทีนะแล้วก็จะออกมาอาละวาดแบบบ้าน
00:41:48 → 00:41:52 แตกเหมือนกันนะฮะนะแล้วกลายเป็นการทะเลาะ
00:41:52 → 00:41:55 กันของอินซูลินกับคอร์ติซอลตัวพ่อตัวแม่
00:41:55 → 00:41:58 นะอันนี้เราเราก็พอเข้าใจแล้วล่ะนะฮะ
00:41:58 → 00:42:01 เพราะฉะนั้นเรื่องของเวรัมเวลานะฮะนะที่
00:42:01 → 00:42:05 อินซูลินคอร์ติซอลจะมาทำงานนะแล้วนี่คือ
00:42:05 → 00:42:09 เหตุผลว่าทำไมจึงต้องกินคาฟในมื้อสุดท้าย
00:42:09 → 00:42:13 นะฮะเราก็ต้องล้อไปตาม physiology ตาม
00:42:13 → 00:42:16 ปกติของร่างกายซึ่งสิ่งเหล่านี้เนี่ยใคร
00:42:16 → 00:42:20 เป็นตัวกำหนดนะก็คือธรรมชาติเป็นตัวกำหนด
00:42:20 → 00:42:23 นะฮะนะแล้วธรรมชาติอะไรมาเป็นตัวกำหนด
00:42:23 → 00:42:28 ร่างกายมาเป็นตัวกำหนดฮอร์โมนต่างๆนะ
00:42:28 → 00:42:29 คำตอบก็
00:42:29 → 00:42:34 คือก็คือก็คือพระอาทิตย์พระจันทร์และความ
00:42:34 → 00:42:38 เป็นกลางวันกลางคืนนะฮะซึ่งสิ่งเหล่า
00:42:38 → 00:42:43 เนี้ยนะมันมันครอบงำมนุษยชาติอยู่ในโลก
00:42:43 → 00:42:47 นี้นะในจักรวาลใบนี้นะฮะอ่าเพราะฉะนั้น
00:42:47 → 00:42:50 อินซูลินนะหลักการก็คือต้องถูกกระตุ้นออก
00:42:50 → 00:42:55 มาน้อยๆต่ำๆและจะต้องเป็นอินซูลินพ่อพระ
00:42:55 → 00:42:58 คือไม่ก้าวร้าวนะไม่เก้าร้าวนะไม่
00:42:58 → 00:43:02 aggressive ไม่ดุไม่โมโหไม่เหวี่ยงไม่
00:43:02 → 00:43:07 สวิงนะออินซูลินเนี่ยออกมาน้อยๆต่ำๆแต่
00:43:07 → 00:43:12 ขยานขยันที่จะทำงานในการเก็บนะเก็บพลัง
00:43:12 → 00:43:16 งานเก็บสารอาหารอะไรต่างๆนะฮะเนี่ยนะก็
00:43:16 → 00:43:19 เรียกว่า sensitivity หรือประสิทธิภาพ
00:43:19 → 00:43:22 คุณภาพที่ดีนะฮะนะอันนี้ก็คืออินซูลินใน
00:43:22 → 00:43:27 ด้านดีนะฮะเนี่ยทีนี้เวลาอินซูลินเนี่ยนะ
00:43:27 → 00:43:30 เข้ามาตอนเย็นเนี่ยนะเขาก็จะเอาลูกสาวคน
00:43:30 → 00:43:35 กลางมาด้วยจริงๆแล้วถามว่าอ่าอินซูลินไม่
00:43:35 → 00:43:39 ได้เอามาหรอกนะลูกสาวคนกลางก็แอบมานะฮะ
00:43:39 → 00:43:41 เพราะว่าลูกสาวคนกลางเนี่ยก็จะเกิดบทบาท
00:43:41 → 00:43:45 การทำงานอะไรต่างๆนะเขาจะต้องทำงานหลัง
00:43:45 → 00:43:49 อินซูลินตลอดนะฮะเนี่ยไทรอยด์จะถูก
00:43:49 → 00:43:53 กระตุ้นออกมาได้มากๆและขยันๆในการทำงานนะ
00:43:53 → 00:43:56 หรือเป็นตัวไทรอย Active form เนี่ยนะฮะ
00:43:56 → 00:44:00 นะก็คือจะเป็นช่วงหลังอินซูลินทำงานแล้ว
00:44:00 → 00:44:04 และกลับไปแล้วนะฮะนะก็เรียกว่าอินซูลิน
00:44:04 → 00:44:07 เนี่ยมาเก็บพลังงานเก็บสารอาหารอะไรทุก
00:44:07 → 00:44:11 สิ่งทุกอย่างไว้ให้ก่อนนะฮะนะขณะเดียวกัน
00:44:11 → 00:44:14 อ่าถ้าเกิดตับเนี่ยมันสร้างไกลโคเจนเรียบ
00:44:14 → 00:44:17 ร้อยแล้วนะฮะมันสร้างน้ำดีแล้วนะฮะหน้า
00:44:17 → 00:44:20 ที่อันดับต่อๆไปเนี่ยเนี่ยมันก็คือการ
00:44:20 → 00:44:23 เปลี่ยนไ้รอยเปลี่ยนวิตามินดีอะไรต่างๆนะ
00:44:23 → 00:44:26 ให้กลายเป็น Active form อะไรก็ตามนะฮะ
00:44:26 → 00:44:29 นะเพะฉะนั้นเนี่ยอินซูลินมาก่อนนะนะเอา
00:44:29 → 00:44:32 โน่นเอานี่นะเข้าตรงโน้นเข้าตรงนี้เข้า
00:44:32 → 00:44:35 ตับเข้าสมองอะไรต่างๆนะเนี่ยแล้วมันก็จะ
00:44:35 → 00:44:39 เกิดไทรรอยด์ตัวแคีออกมาทำงานต่อนะหลัง
00:44:39 → 00:44:44 จากอินซูลินค่อยๆค่อยๆไปพักเรียบร้อยนะฮะ
00:44:44 → 00:44:48 นะอันนี้เช่นเดียวกันนะฮะเนี่ยเนี่ยในการ
00:44:48 → 00:44:51 มองว่ากินคาฟแล้วจะให้เกิดผลลัับนะฮะ
00:44:51 → 00:44:56 เลปตินนะเลปตินนะคือปกติอ่ะเลปตินเนี่ยเ
00:44:56 → 00:45:01 จะออกมาหลังการกินอาหารแล้วนะเสมอเสมอโดย
00:45:01 → 00:45:05 กลไกก็คือมื้อแรกเนี่ยเราไม่ได้กินคาฟนะ
00:45:05 → 00:45:09 นะเราไม่ได้กินคาฟใช่มมื้อแรกนะเพราะ
00:45:09 → 00:45:13 ฉะนั้นโปรตีนกับไขมันดีต่างๆในรูปน้ำสลัด
00:45:13 → 00:45:17 ทีออยเนี่ยนะก็พวกนี้อ่าไม่มีอินซูลินมา
00:45:17 → 00:45:21 นะนะเพราะฉะนั้นการเกิดอ่าพีคหรือการเกิด
00:45:21 → 00:45:24 ไอ้ปริมาณเลปตินเนี่ยที่จะกระตุ้นออกมา
00:45:24 → 00:45:27 จากแฟตเซลล์เนี่ยนะมันก็จะเยอะนะนะนะแล้ว
00:45:27 → 00:45:30 ประกอบกับอินซูลินที่ต่ำนะเพราะเรากิน
00:45:30 → 00:45:33 เป็นกินถูกนะฮะนะเพราะฉะนั้นหลังจาก
00:45:33 → 00:45:37 เลปตินทำให้เราอิ่มแล้วนะหน้าที่อันดับ 2
00:45:37 → 00:45:41 ต่อไปก็คือเขาจะเผาเผาผานพลังงานนะฮะก็
00:45:41 → 00:45:44 เผาๆๆอ่ะนะฮะเนี่ยนะเพราะฉะนั้นเลตินจะทำ
00:45:44 → 00:45:47 งานได้เก่งนะฮะนะก็ต้องมีเงื่อนไขสิ่ง
00:45:47 → 00:45:51 เหล่านี้เกิดขึ้นเสมอนะโดยเฉพาะในมื้อแรก
00:45:51 → 00:45:54 นะฮะส่วนมื้อที่ 2 เนี่ยมื้อที่ 2 นะฮะ
00:45:54 → 00:45:58 มื้อที่ 2 เนี่ยเอ่อมันมีอินซูลินมาก่อน
00:45:58 → 00:46:04 นะแล้วไทรรอยด์มานะฮะนะหลังจากนั้นเนี่ย
00:46:04 → 00:46:09 พอพอพอตัวอินซูลินไปแล้วเนี่ยนะฮะเลปติน
00:46:09 → 00:46:13 เขาถึงจะค่อยๆมานะฮะเพราะว่าถ้าอินซูลิน
00:46:13 → 00:46:16 อยู่เลปตินมาไม่ได้นะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:46:16 → 00:46:20 มื้อเย็นเนี่ยก็เลยมี Gap นะของเลปติน
00:46:20 → 00:46:22 เนี่ยนะอยู่ช่วงนึงก็คือช่วงที่อินซูลิน
00:46:22 → 00:46:27 เข้ามานะฮะอินซูลินมาก่อนไทรรอยด์ก็มาเผา
00:46:27 → 00:46:30 นะส่วนใหญ่เลปตินกว่าจะมาได้ก็ 233 น 2 น
00:46:30 → 00:46:31 ไปแล้ว
00:46:31 → 00:46:35 นะทีนี้ทั้งไทรรอยด์ทั้งเลปตินเนี่ยเขา
00:46:35 → 00:46:38 เรียกว่าเป็นคู่หูหรือคู่รักนะฮะนะที่เขา
00:46:38 → 00:46:42 จะเผาผลาไขมันเป็นพลังงานอย่างไทรอยด์
00:46:42 → 00:46:45 เนี่ยเขาเผาไขมันอยู่แล้วนะฮะนะแล้วไขมัน
00:46:45 → 00:46:49 ที่ไทรรอยด์จะเผาอ่ะบอกไปเมื่อกี้นี้นะก็
00:46:49 → 00:46:54 คืออันดับ 1 คือไขมันที่ตับที่ตับนะฮะ
00:46:54 → 00:46:58 อันดับ 2 ก็คือก็คือ HD ที่เอาไตทีไลไป
00:46:58 → 00:47:02 ที่ไตอ่ะนะฮะนะอันนี้แหละไทรอยด์เจะไปเผา
00:47:02 → 00:47:06 นะเ่อเขจะไปเผานะในช่วงที่เผาผลานไขมัน
00:47:06 → 00:47:10 ที่ตับเนี่ยไทรรอยด์ก็จะส่ง signal นะไป
00:47:10 → 00:47:13 ให้ตัว vial Fat exc Fat เที่อยู่ใน
00:47:13 → 00:47:17 ท้องเนี่ยนะให้สลายมาให้สลายออกมาเขจะทำ
00:47:17 → 00:47:21 หน้าที่ในการเผาผๆๆนะฮะนี่แหละนะฮะแล้ว
00:47:21 → 00:47:24 อีกอันดับที่ 4 เนี่ยนะก็คือไทรรอยด์
00:47:24 → 00:47:28 เนี่ยนะฮะนะเเป็นโปรตีนฮอร์โมนแล้วเละลาย
00:47:28 → 00:47:31 ในน้ำนะพวกนี้เวลาเขไปถึงกล้ามเนื้อถ้าเ
00:47:31 → 00:47:35 ออกมาเยอะๆหรือเขแคีดีๆนะฮะนะนี่แหละนะ
00:47:36 → 00:47:38 เขาก็จะสั่งให้กล้ามเนื้อนี่แหละมีการเผา
00:47:38 → 00:47:42 อินต้าอ่าอินต้า masa Fat deposit ไป
00:47:42 → 00:47:45 ด้วยนะเพราะฉะนั้นจะเห็นว่าอย่างคน
00:47:45 → 00:47:48 ไฮเปอร์ไทรรอยด์ไทรรอยเป็นพิษเนี่ยนะร่าง
00:47:48 → 00:47:51 กายกล้ามนงกล้ามเนื้ออะไรต่างๆมันรีบฟีบ
00:47:51 → 00:47:55 นะอ่ามันซูบไปหมดเลยนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:47:55 → 00:47:58 มันสั่งเผาแหลกรานนะแต่อันนี้มันมันเกิน
00:47:58 → 00:48:04 การควบคุมนะมันถึงว่าป่วยนะงั้นไทรรอยด์
00:48:04 → 00:48:08 เผาไขมันนะฮะนะเลปตินก็เผาไขมันแต่เลปติน
00:48:08 → 00:48:12 ก็มีเงื่อนไขนะซึ่งเ่อเงื่อนไขของเลปติน
00:48:12 → 00:48:16 ในมื้อเย็นเนี่ยนะฮะนะเขาจะทำงานหลังจาก
00:48:16 → 00:48:19 อินซูลินไปแล้วนะแล้วก็ไทรรอยด์ก็มาตาม
00:48:19 → 00:48:23 อินซูลินแล้วก็ไทรรอยด์ก็จะค่อยๆอ่าลดลง
00:48:23 → 00:48:26 แล้วก็หายไปเมื่อช่วงเที่ยงคืนนะฮะช่วง
00:48:27 → 00:48:29 เที่ยคืนนะซึ่งวนั้นเนี่ยเลปตินเค้าก็จะ
00:48:29 → 00:48:33 ค่อยๆโผล่มานะแล้วก็มาทำงานต่อนะฮะเพียง
00:48:33 → 00:48:37 แต่ว่าไขมันสะสมในร่างกายที่เลปตินจะเอา
00:48:37 → 00:48:41 มาเผาในมื้อค่ำเนี่ยมันก็คือไขมันที่อยู่
00:48:41 → 00:48:46 ในสับคิว Fat นะนะเนี่ยเพนั้นเลปตินจะเผา
00:48:46 → 00:48:50 ไขมันที่เป็นไขมันสะสมในร่างกายเมื่อตอน
00:48:50 → 00:48:53 เราหลับเมื่อตอนเราหลับโดยเฉพาะหลับไปไป
00:48:54 → 00:48:57 ไปไปแล้วหลังเที่ยงคืนแล้วนะฮะนะนะขณะ
00:48:57 → 00:49:01 เดียวกันเลปตินจะเผาผลาญไขมันนะที่กิน
00:49:01 → 00:49:05 เข้าไปในช่วงมื้อแรกนะฮะนะเพราะฉะนั้น
00:49:05 → 00:49:09 เนี่ยการเผาผลาญพลังงานเนี่ยนะระหว่าง
00:49:09 → 00:49:13 ช่วงที่กินกับช่วงที่หลับนะมันก็จะต่าง
00:49:13 → 00:49:17 กันแต่มันทำงานโดยฮอร์โมนหลักตัวเดียวกัน
00:49:17 → 00:49:22 นะก็คือตัวเลปตินตัวเลปตินนะอันนี้พอเข้า
00:49:22 → 00:49:26 ใจเนาะเลปตินต้องเก่งนะฮะนะต้องเก่งนะถึง
00:49:26 → 00:49:32 จะเผาผลาญดีนะฮะนะเลปตินจะเก่งได้นะอ่า
00:49:32 → 00:49:35 โครงสร้างเลปตินคือโปรตีนต้องกินโปรตีน
00:49:35 → 00:49:39 คุณภาพเยอะๆนะฮะขณะเดียวกันเลปตินเ
00:49:39 → 00:49:43 ต้องการสารพฤกษสักดเคมีนะฮะเพราะฉะนั้น
00:49:43 → 00:49:46 ต้องป้อนสารพฤกษะเคมีซึ่งเป็นมาจากคาฟนี่
00:49:46 → 00:49:49 แหละให้เขานะส่วนใหญ่เราก็รู้ว่ามันเป็น
00:49:49 → 00:49:55 พวกพวกเบอร์รี่สีสันเข้มๆนะนะอ่าแล้วก็
00:49:55 → 00:49:59 เลปตินจะทำงานได้เก่งๆนะมื้อแรกไม่ค่อยจะ
00:49:59 → 00:50:02 มีปัญหาถ้าเรากิน ow C High Fat TE
00:50:02 → 00:50:06 Oil นะฮะแต่มื้อเย็นนะมื้อเย็นก็คือต้อง
00:50:06 → 00:50:11 ควบคุมปริมาณของคาฟที่ดีนะที่ดีเพื่อ
00:50:11 → 00:50:15 เพื่อที่ว่านะคาฟมันจะได้พอดีไม่เหลือ
00:50:15 → 00:50:19 เพราะถ้าคาฟเหลือเมื่อไหร่นะถ้ากินเกินนะ
00:50:19 → 00:50:23 กินผิดสัดส่วนผิดปริมาณนะคาฟเหลือคาฟ
00:50:23 → 00:50:26 เหลือนี่ก็เรียบร้อยอินซูลินจะต้องออกมา
00:50:26 → 00:50:29 ใหม่เพื่อสะสมพลังงานเพราะงั้นเลปตินก็จะ
00:50:29 → 00:50:33 ไม่กล้านะมันก็เลยแค่ทำให้อิ่มแต่เผาต่อ
00:50:33 → 00:50:36 ไม่ได้อย่างเงี้ถ้ามีอินซูลินมาเป็น
00:50:36 → 00:50:39 อินซูลินก้าวร้าวด้วยอย่างเงี้ยนะฮะเ
00:50:39 → 00:50:44 เรตินจะถูกเบรกนะฮะครับผมส่วนคอร์ติซอลนะ
00:50:44 → 00:50:47 ฮะนะคอร์ติซอลหลักการของคอร์ติซอลกับคาฟ
00:50:47 → 00:50:51 เนี่ยนะฮะคือคอร์ติซอลเนี่ยเไม่ได้ยุ่ง
00:50:51 → 00:50:54 อะไรเกี่ยวกับคาฟที่ต้องกินนะฮะนะแต่
00:50:54 → 00:50:58 คอร์ติซอลเเป็นตัวเช็คนะอ่าระดับพลังงาน
00:50:58 → 00:51:03 ที่อยู่ในร่างกายนะว่าปริมาณหรือสัดส่วน
00:51:03 → 00:51:07 หรือความถูกต้องเหมาะสมการน้อยไปมากไปขาด
00:51:07 → 00:51:12 ไปเกินไปอะไรต่างๆเนี่ยมันสมดุลมนะฮะนะ
00:51:12 → 00:51:14 เนี่ยนะอันนี้ก็คือ
00:51:14 → 00:51:18 อ่าถ้าทุกอย่างนะฮะที่เราเรียกว่า Energy
00:51:19 → 00:51:23 Balance นะมันเกิดขึ้นได้อย่างพอดีนะนะ
00:51:23 → 00:51:27 ได้อย่างพอดีนะคอร์ติซอลก็จะไม่วุ่นวายนะ
00:51:27 → 00:51:30 เขาก็จะมีการกระตุ้นออกมานิดๆหน่อยๆและมี
00:51:30 → 00:51:34 ระดับที่เกิดความเสถียรไม่พุ่งไม่พุ่งนะ
00:51:34 → 00:51:38 เสถียรคงที่นะเนี่ยเพราะฉะนั้นคอร์ติซอล
00:51:38 → 00:51:41 นะก็จะเป็นฮอร์โมนตัวที่ไม่ค่อยมีบทบาท
00:51:41 → 00:51:45 อะไรนักถ้าเราทำอะไรถูกต้องนะฮทั้งหมด
00:51:45 → 00:51:48 เนี่ยเราจะเห็นว่าฮอร์โมนต่างๆเหล่าเนี้ย
00:51:48 → 00:51:51 ถูกกำหนดให้ออกมาทำงานตามธรรมชาตินะใน
00:51:51 → 00:51:55 ช่วงเวลาของเตึมนะพระอาทิตย์พระจันทร์
00:51:55 → 00:52:00 กลางวันกลางคืนนะซึ่งอ่าฮอร์โมนเขาถูก
00:52:01 → 00:52:06 กำหนดออกมานะไม่ได้เกี่ยวกับการกินนะไม่
00:52:06 → 00:52:10 ได้เกี่ยวกับการกินนะฮะฮอร์โมนจะต้องออก
00:52:10 → 00:52:14 มาเพื่อกำหนดให้เรากินอ่าเพราะฉะนั้นง่าย
00:52:14 → 00:52:19 ๆก็คือนะมีฮอร์โมนอะไรออกมาเวลาไหนเรา
00:52:19 → 00:52:21 ต้องกินสิ่งเหล่านั้นตามเวลาที่ฮอร์โมน
00:52:21 → 00:52:25 เคาะออกมาและให้ฮอร์โมนเป็นผู้กำหนดนะฮะ
00:52:25 → 00:52:29 แต่มันมนุษย์ยุคนี้พ.ศนี้นะหรือความ
00:52:29 → 00:52:33 วิวัฒนาการของมนุษย์นะเราผิดหลักเกณฑ์ตาม
00:52:33 → 00:52:38 ธรรมชาติก็คือเรากินกิงกินที่เรียกว่า
00:52:38 → 00:52:42 hedonic eating นะฮะนะก็คือกินนะเพราะ
00:52:42 → 00:52:46 ความแปรรูปของอาหารต่างๆเนี่ยมามาไดฟหรือ
00:52:46 → 00:52:51 มาเป็นตัวกำหนดนะให้เรากินกินไปกินมาการ
00:52:51 → 00:52:55 กินของเราก็เลยมาเป็นผู้กำหนดฮอร์โมนนะ
00:52:55 → 00:52:58 ซึ่งการกินผู้กำหนดฮอร์โมนเนี่ยมันผิด
00:52:58 → 00:53:01 ธรรมชาติมันฟื้นธรรมชาตินะเราก็เลยต้อง
00:53:01 → 00:53:05 รับเวรรับกรรมคือเจ็บป่วยอ่าอันนี้มัน
00:53:05 → 00:53:08 ต่างกันนะเพราะหลักการธรรมชาติเนี่ย
00:53:08 → 00:53:11 ธรรมชาติให้ฮอร์โมนมาเป็นผู้กำหนดการกิน
00:53:11 → 00:53:17 นะฮะแต่มนุษยชาติฝืนธรรมชาตินะนะโดยอ้าง
00:53:17 → 00:53:20 ของเรื่องของความวิวัฒนาการเรื่องของความ
00:53:20 → 00:53:24 เจริญก้าวหน้าอะไรต่างๆนะก็เลยก่อให้เกิด
00:53:24 → 00:53:29 วงจรอุบาทนะในแง่ของนะการกินกลับหัวกลับ
00:53:29 → 00:53:33 หางมาเป็นตัวกำหนดฮอร์โมนนะฮะเพราะฉะนั้น
00:53:33 → 00:53:34 การกินเป็นตัวกำหนดฮอร์โมนมันจะได้
00:53:34 → 00:53:37 ฮอร์โมนแบบไหนอ่ะนะฮะก็คือฮอร์โมนพวกเรา
00:53:37 → 00:53:40 มีปัญหากันอยู่นี่แหละนะฮะนะเพราะฉนั้น
00:53:40 → 00:53:44 ไม่ใช่ไม่ใช่ต้องย้อนกลับไปตามแถบเลเบลสี
00:53:44 → 00:53:48 เขียวๆให้ให้ให้เข้าใจนะฮะนะแล้วจากนี้ก็
00:53:48 → 00:53:52 อินซูลินยังไงไทรอย์ยังไงเรตินยังไงคอซอ
00:53:52 → 00:53:55 ยังไงอะไรอย่าเงี้ยนะเนี่ยที่หมอพูดมา
00:53:55 → 00:53:59 ทั้งหมดเเก็คือข้ออธิบายนะของเรื่องเวรัม
00:53:59 → 00:54:03 เวลาที่เราจะกินาฟอย่างเหมาะสมนะอย่าง
00:54:03 → 00:54:07 เหมาะสมนะฮะนะส่วนคอิเซอกับอินซูลินเนี่ย
00:54:07 → 00:54:13 ก็ที่พูดๆไปนี่แหละนะฮะว่าเออว่าเค้าเค้า
00:54:13 → 00:54:16 ยังไงบ้างนะฮะนะในเรื่องของ
00:54:16 → 00:54:21 เอ่อหลักการที่เามีปฏิกิริยากับคาฟนะฮะนะ
00:54:21 → 00:54:24 คืออินซูลินเนี่ยมันมาตอนกลางคืนที่เรามี
00:54:24 → 00:54:27 ศัพท์คำว่ากินอิ่มนอนหลับนะนะเพรางั้น
00:54:27 → 00:54:29 หลักการของอินซูลินเนี่ยเ้าเก็บพลังงาน
00:54:29 → 00:54:34 เก็บสารอาหารนะซึ่งเราจะต้องจัดความครบนะ
00:54:34 → 00:54:38 ฮะความครบความพอดีในแง่ของความที่จะต้อง
00:54:38 → 00:54:42 ครบทั้งคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันนะเนี่ย
00:54:42 → 00:54:45 อ่าแล้วก็มื้อเย็นเนี่ยเป็นมื้อหลักนะฮะ
00:54:45 → 00:54:49 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าครบเมื่อไหร่ครบ
00:54:49 → 00:54:53 เมื่อไหร่นะเราก็จะหลับเพราะว่าอินซูลิน
00:54:53 → 00:54:57 มาเพื่อให้เราหลับคำว่าครบเราก็จะอิ่ม
00:54:57 → 00:55:00 เมื่ออิ่มเราก็จะหลับนะจึงเป็นคำว่ากิน
00:55:00 → 00:55:07 อิ่มนอนหลับนะฮะแต่ถ้าไม่ครบเพราะไม่รู้
00:55:07 → 00:55:11 ไม่เข้าใจหรืออะไรก็ไม่รู้อ่ะนะฮะนะเค้า
00:55:11 → 00:55:13 เรียกว่าที่หมอใช้คำว่ากินไม่เป็นกินมั่ว
00:55:13 → 00:55:17 กินซีซัวกินเอ่อไม่เหมาะสมอะไรงี้แหละนะ
00:55:17 → 00:55:21 ฮะนะมันก็ต้องไม่ครบนะพลังงานไม่ครบสาร
00:55:21 → 00:55:23 อาหารไม่ครบอะไรต่างๆนะเราก็เรียกว่า
00:55:23 → 00:55:27 Energy imbalance นะฮะนะนะแล้วตัวที่จะ
00:55:27 → 00:55:30 ตอบสนองต่อเอี imbalance เนี่ยมันก็ไม่
00:55:30 → 00:55:32 ได้เกี่ยวอะไรกับอินซูลินและนะมันจะกลาย
00:55:32 → 00:55:37 เป็นตัวแม่คอร์ติซอลนะนะซึ่งสัญญาณของ eny
00:55:37 → 00:55:42 Balance นะฮะก็คือคอร์ติซอลเขาออกมาแผง
00:55:42 → 00:55:45 ฤทธิ์เนี่ยนะเอยู่ไม่ได้เอยู่ไม่สุขนะฮะ
00:55:45 → 00:55:49 เพราะร่างกายเสียสมดุลนะนะเพราะฉะนั้นเ
00:55:49 → 00:55:53 ต้องให้เราตื่นนะเพื่อจะปรับสมดุลเพื่อจะ
00:55:53 → 00:55:56 หาอยู่หากินเพื่อจะเติมเพื่อจะอ่าทำให้
00:55:56 → 00:55:59 มันเหมาะสมอะไรอย่างนี้แหละนะฮะนะมันก็
00:55:59 → 00:56:02 เลยเกิดการตื่นขึ้นมานะเพราะคอร์ติซอล
00:56:02 → 00:56:04 เป็นฮอร์โมนของการปลุกให้ตื่นไม่ใช่ให้
00:56:04 → 00:56:09 หลับไม่ใช่ให้หลับนะเนี่ยเขาก็สวิงไปสวิง
00:56:09 → 00:56:12 มาอย่างเงี้ยนะตัวพ่อตัวแม่นะฮะนะเพราะ
00:56:12 → 00:56:17 ฉะนั้นใครที่ไม่หลับตื่นกลางดึกนะเนี่ย
00:56:17 → 00:56:20 ส่วนใหญ่มันจะเป็นผลนะของตัวแม่คอร์ติซอล
00:56:20 → 00:56:26 นะแต่การที่ตัวแม่คอร์ติซอลออกมาแสดงว่า
00:56:26 → 00:56:29 ว่าไม่ได้ไม่ถูกไม่เหมาะอ่านะมันก็จะมี
00:56:29 → 00:56:33 เรื่องราวนำมาก่อนก็คือเนี่ยการกินที่ไม่
00:56:33 → 00:56:38 ถูกต้องแล้วก็อินซูลินเนะมาทำให้เกิดการ
00:56:38 → 00:56:42 เ่อพุ่งขึ้นลดลงอะไรต่างๆเหล่านี้นะฮะนะ
00:56:42 → 00:56:46 เนี่ยมันก็เลยเกิดวงจรขึ้นมานะฮะนะเพราะ
00:56:46 → 00:56:51 ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องมีความเข้าใจนะคือ
00:56:51 → 00:56:55 เดี๋ยวนะหมอจะพูดอะไร
00:56:55 → 00:56:58 อีกอืก็ก็อย่างนี้นะฮะนะทั้งหมดเนี่ยนเรา
00:56:58 → 00:57:02 น่าจะเข้าใจแล้วหรือยังนะเข้าใจหมดแล้ว
00:57:02 → 00:57:07 เนาะครับผมมีใครสงสัยอะไรมยนะก็เป็น
00:57:07 → 00:57:10 เรื่องสรุปนะฮะเรื่องสรุปนะเกี่ยวกับความ
00:57:10 → 00:57:11 สัมพันธ์ของ
00:57:11 → 00:57:15 คาร์โบนะแล้วก็ฮอร์โมนต่างๆนะซึ่งมันไม่
00:57:16 → 00:57:18 ได้โฟกัสแต่ไทรรอยด์อย่างเดียวนะฮะนะแต่
00:57:18 → 00:57:22 ไทรรอยด์เนี่ยนะเขาก็มากเนื่องออกการน่ะ
00:57:22 → 00:57:24 เพราะว่าเขคเเรียกว่าไป involve อ่ะนะฮะ
00:57:24 → 00:57:27 ก็คือไปสัมพันธ์กับฮอร์โมนตัวนั้นตัวนี้
00:57:27 → 00:57:30 อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะนะเนี่ยอย่างเช่น
00:57:30 → 00:57:34 กรณีคอร์ติซอลเนี่ยแผงฤทธิ์ออกมาเนี่ยนะ
00:57:34 → 00:57:35 เพราะว่ามื้อเย็นเนี่ยสมมุติว่ามื้อเย็น
00:57:35 → 00:57:39 เนี่ยอ่าไม่กินจะลดความอ้วนจะลดน้ำหนัก
00:57:39 → 00:57:41 อ่าหรือเป็นการกินมื้อเดียวแล้วกินเร็วๆ
00:57:41 → 00:57:44 อ่ะนะฮะอ่าเวล่ำเวลาไม่เหมาะสมอะไรต่างๆ
00:57:44 → 00:57:48 เหล่าเนะเอ่อปรากฏว่าตัวตอบสนองที่สำคัญ
00:57:48 → 00:57:51 ก็คือไทรรอยด์เดี้ยงไปเรียบร้อยแล้วนะฮะ
00:57:51 → 00:57:54 เพราะว่าเอนเนอร์ยีมัน imbalance นะสาร
00:57:54 → 00:57:57 อาหารแคลอรี่พลังงานานอะไต่างๆไปหมดนะฮะ
00:57:57 → 00:58:01 นะอ่าพอไทรรอยด์เดี้ยงไปเรียบร้อยแล้วนะ
00:58:01 → 00:58:05 ตัวแม่ก็จะต้องออกมาตามมาติดปิดอ่ะนะฮะนะ
00:58:05 → 00:58:09 นี่แหละนะฮะเออเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าถ้า
00:58:09 → 00:58:12 สมมติว่าไทรอยไทรรอยเี้ยงนี่คือตัวแม่จะ
00:58:12 → 00:58:14 ออกมาเยอะที่สุดใช่มั้ยครับ
00:58:14 → 00:58:18 เอ่อคือไทรรอยด์เี่มันจะไปก่อนนะฮะเวลา
00:58:18 → 00:58:22 เอนเนอร์ยี้านนะฮะนะครับแล้วไทรอยไปเรียบ
00:58:22 → 00:58:27 ร้อยแล้วนะไม่มีใครเผาผลาญพลังงานอ่าพลัง
00:58:27 → 00:58:31 งานก็มันมันผิดอ่ะมันไม่ถูกอ่ะนะฮะนะ
00:58:31 → 00:58:34 เนี่ยในที่สุดคอร์ติซอลมันก็มาอยู่แล้วนะ
00:58:34 → 00:58:37 เพราะคซเ้าก็จะไวในการรับรู้ว่าในบ้าน
00:58:37 → 00:58:41 เนี้ยนะมันมีอะไรขาดตกบกพร่องเออเออมี
00:58:42 → 00:58:45 อะไรที่มันไม่สมดุลเ่ะนะนะเพราะว่าตัวแม่
00:58:45 → 00:58:50 เจะไวที่สุดนะฮะที่จะต้องจัดการน่ะนะฮะนะ
00:58:50 → 00:58:53 อ่ามันมันยังไงอ่ะมันมันอะไรมันขาดอะไร
00:58:53 → 00:58:57 มันเกินนะฮะนะอย่างพงานมันขาดเนี่ยนะก็
00:58:57 → 00:59:01 ต้องกลูโคเจนิสนะหาน้ำตาลมาก่อนนะเพราะ
00:59:01 → 00:59:06 น้ำตาลน่ะมันเร็วมันเร็วนะฮะนะเอ่อแรกๆก็
00:59:07 → 00:59:11 เอ้าเอาน้ำตาลออกมานะฮะพอน้ำตาลหมดนะหรือ
00:59:11 → 00:59:15 น้ำตาลก็ไม่พอนะฮะนะก็ต้องไปเอาไขมันมา
00:59:15 → 00:59:19 สลายแต่เวลาคอซอเนี่ยเขาจะมีการสลายไขมัน
00:59:19 → 00:59:22 สลายโปรตีนอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะนะพวกนี้
00:59:22 → 00:59:27 นี่นะเจะมีมีลูกคนเล็กมาช่วยด้วยนะคือ
00:59:27 → 00:59:30 แอรีนเออเพราะว่าตัวตัวทำงานจริงๆคือ
00:59:30 → 00:59:34 แอรีนน่ะนะแต่คอร์ติซอลเป็นผู้เป็นเหมือน
00:59:34 → 00:59:38 เป็นศูนย์น่ะเซ็นเตอร์ที่จะสั่งกรานะครับ
00:59:38 → 00:59:39 ผม
00:59:39 → 00:59:42 เออันนี้มันก็เป็นเรื่องเล่าเป็นข้อ
00:59:42 → 00:59:47 อธิบายอะไรได้จ๊อยๆไปเลยนะฮะครับผมทีนี้
00:59:47 → 00:59:51 หมอก็จะมีอีก 2 เรื่องนะฮะนะที่ต้อง
00:59:51 → 00:59:55 อธิบายควบคู่กันไปในวันนี้นะฮะนะก็คือเรา
00:59:55 → 00:59:59 อยู่ในวังวนของยการโคต่างๆนะมันมี Diet
01:00:00 → 01:00:03 DIY Gu LINE เนี่ยเยอะไปหมดใช่มั้ยล่ะ
01:00:03 → 01:00:05 นะฮะนะแต่ยังไงก็ตามทุกอย่างเนี่ยเราก็
01:00:05 → 01:00:10 เรียกว่าโจคฟต่ำนะฮะมีการสรุปประเด็นข้อ
01:00:10 → 01:00:14 ผิดพลาดของการกินคาฟนะนะกินคฟเนี่ยอันนี้
01:00:14 → 01:00:17 หมายถึงอ่าเรื่องของการกินแบบ ow C แล้ว
01:00:17 → 01:00:22 นะนะส่วนไอ้กินคฟแปรูปกินคแบบสนารเก Day
01:00:22 → 01:00:24 นี่ก็โอ้โหอันนี้อันนี้เรื่องราวเยอะไป
01:00:24 → 01:00:29 หมดนะนะทีนี้เวลาเราเราเรากินคฟที่เป็นฟ
01:00:29 → 01:00:34 เนี่ยนะเพื่อจะหวังผลใดๆก็ตามนะฮะในแง่
01:00:34 → 01:00:37 ของชกครับต่ำเนี่ยนะอันเนี้ยมันจะมีข้อ
01:00:37 → 01:00:40 ผิดพลาดอะไรนะมันมี 8 ข้อผิดพลาดที่เราจะ
01:00:40 → 01:00:46 ใช้คำว่าพิษ f นะคำว่า F เนี่ย FA เนี่ย
01:00:46 → 01:00:49 แล้วก็มีบวกอีก 2 L นะเพราะฉะนั้นข้อผิด
01:00:49 → 01:00:52 พาท์เหล่านี้เนี่ยหรือ p f เมันมี 8 ข้อ
01:00:52 → 01:00:55 ผิดพลาดนะฮะตามสัญลักษณ์อันนี้ทั้งหมดนะ
01:00:55 → 01:00:56 ฮะนะ
01:00:56 → 01:00:59 อันนี้เราเข้าใจแล้วว่าในวิชา low C
01:00:59 → 01:01:03 High Fat นะฮะนะ Energy เนี่ยนะเราจะมี
01:01:03 → 01:01:06 ความหมายว่าแคลอรี่บวกนินเแล้วเอนเนอร์ยี
01:01:07 → 01:01:10 ในที่นี้จะต้องมาจากสารอาหารหลักเป็นหลัก
01:01:10 → 01:01:15 ก็คือคาร์โบไฮเดรตโปตีนไขมันนะฮะนะซึ่ง
01:01:15 → 01:01:18 ความปกติไม่ปกติเรามีศัพท์เรียกว่า Energy
01:01:18 → 01:01:21 Balance หรือ Energy inbalance นะฮะมัน
01:01:21 → 01:01:24 จะ Balance หรือไม่ Balance เนี่ยนะมันก็
01:01:24 → 01:01:28 ขึ้นอยู่กับนี่คบบดสโปรตีนไขมันเนี่นะฮะ
01:01:28 → 01:01:31 กินมากกินน้อยกินถูกกินเกินกินขาดหรือสัด
01:01:31 → 01:01:35 ส่วนไม่ดีเวลาไม่ถูกอะไรก็ตามนะฮะเนี่ย
01:01:35 → 01:01:38 อ่าซึก็จะไปส่งผลให้ทั้งแคลอรี่และ
01:01:38 → 01:01:43 นิวเทรียนเนี่ยนะผิดปกติไปนะแคลอรีเกินนะ
01:01:43 → 01:01:47 นิวเทรียนขาดนะหรือไม่เหมาะสมอะไรอย่าง
01:01:47 → 01:01:50 งี้ก็ตามนะฮะแล้วก็มีศัพท์คำว่านี้แหละนะ
01:01:50 → 01:01:54 Balance หรือไม่บานนะฮะนะเยีจากคาฟทีนี้
01:01:54 → 01:01:59 เอาเรื่องคาฟนะฮะนะนะคฟเนี่ยในแง่ของความ
01:01:59 → 01:02:03 เป็นเยีต่างๆเนี่ยเราขึ้นอยู่กับนะเ้า
01:02:03 → 01:02:07 เรียกว่า quantity นะคือปริมาณปริมาณไม่
01:02:07 → 01:02:12 ใช่คุณภาพนะฮะปริมาณมาก่อนอ่าปริมาณคือ
01:02:12 → 01:02:16 คือ quanti นะฮะนะคุณภาพก็ Quality นะฮะ
01:02:16 → 01:02:18 นะโปรตีนนี่เป็นเรื่อง Quality เรื่อง
01:02:18 → 01:02:21 โปรตีนคุณภาพแต่คฟเนี่ยเป็นเรื่องของ
01:02:21 → 01:02:25 quantity นะฮะก็คือปริมาณปริมาณสำคัญสุด
01:02:25 → 01:02:29 นะโดยเฉพาะเราถึงได้มีคำว่า low C นะอ่ะ
01:02:29 → 01:02:34 ทีนี้แคลอรี่จากคาฟนะคุณเเน้นที่ความพอดี
01:02:34 → 01:02:37 พอดีแคลอรี่จะาฟต้องพอดีนะฮะซึ่งก็แล้ว
01:02:37 → 01:02:41 แต่ว่าคุณจะเน็ตาฟเท่าไหร่อ่า 20 25 นะ
01:02:41 → 01:02:47 50 60 นะหรือ 100 อ่า 100 นะฮะนะหรือจะ
01:02:47 → 01:02:51 กว่า 100 นะนิดหน่อยนะฮะนะอันเนี้ยนะอัน
01:02:51 → 01:02:55 นี้ก็แล้วแต่แล้วแต่อะไรนะฮะแล้วแต่ตับ
01:02:55 → 01:02:57 กับกล้ามนเนื้อนะแล้วแต่ตับกับกล้ามเนื้อ
01:02:57 → 01:03:02 นะว่าจะมีพื้นที่ว่างนะให้เกิดการสะสม
01:03:02 → 01:03:07 แคลอรี่นะที่จะผลิตพอดีต่อการใช้มากหรือ
01:03:07 → 01:03:11 น้อยแค่ไหนนะฮะเนี่ยนะตับเนี่ยค่อนข้าง
01:03:11 → 01:03:14 ฟิกตัวเลขค่อนข้างฟิกใช่มล่ะแต่กล้าม
01:03:14 → 01:03:17 เนื้อเนี่ยมันเกิดแี่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้
01:03:17 → 01:03:21 การออกแรงออกกำลังนะฮะแล้วก็ตัวมวลกล้าม
01:03:21 → 01:03:24 เนื้อมันใหญ่โตแค่ไหนนะสำหรับคนๆนั้นสาย
01:03:24 → 01:03:28 เนื้อสายแป้งนะนะเพราะงั้นแคลอรี่จากคาฟ
01:03:28 → 01:03:32 เนี่ยนะต้องพอดีพอดีต่อการใช้นะฮะต่อการ
01:03:32 → 01:03:37 ใช้นะอก็คือใช้ก็คือการไปเติมเต็มที่ตับ
01:03:37 → 01:03:41 กับที่กล้ามเนื้อนะแต่จะมากจะน้อยเนี่ย
01:03:41 → 01:03:44 หลักๆอยู่ที่ตัวกล้ามเนื้อแต่ถ้าวันๆนึง
01:03:44 → 01:03:46 ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้ออะไรเลยหรือใช้น้อย
01:03:46 → 01:03:52 มากนะนะโอกาสที่จะกินคาฟนะอ่าเข้าไปเข้า
01:03:52 → 01:03:55 ไปเยอะๆอ่ะนะมันมันไม่ได้นะเพราะฉะนั้น
01:03:55 → 01:03:57 อยากกินคาฟเยอะหน่อยนะหรือจะเป็นแบบบอ
01:03:57 → 01:04:01 Builder กินข้าวเป็นชามกะละมังอะไรต่างๆ
01:04:01 → 01:04:04 นะอันนี้ก็ต้องเนี่ยต้องต้องพัฒนากล้าม
01:04:04 → 01:04:07 เนื้อนะแล้วก็ต้องใช้กล้ามเนื้อในการทำ
01:04:07 → 01:04:10 งานนะนะตัวแี่ก็เลยตัวกล้ามเนื้อเป็นหลัก
01:04:10 → 01:04:15 นะในกรณีของค้านะฮะเนี่ยเราถึงได้ว่าถ้า
01:04:15 → 01:04:18 เป็นคนผอมๆหรือเฉพาะสายแป้งพุงตับเนี่ย
01:04:18 → 01:04:21 คุณตสร้างก้ามเหนือนะแต่โดยเฉพาะพุงตับก็
01:04:21 → 01:04:24 สร้างยากสร้างเย็นเราก็เห็นๆกันอยู่นะแต่
01:04:24 → 01:04:27 ก็ต้องมีความพยายามนะฮะนะอย่างอาจารย์จรุ
01:04:27 → 01:04:31 ก็ยังสร้างได้นะดูบึกบักไปเลยนะฮะผิดหู
01:04:31 → 01:04:34 ผิดตาไปเลยเนาะอิจฉาไทรอยดมากเลยพี่หมอ
01:04:34 → 01:04:38 ไทรอยดไทรอยดแต่อิจฉาอ่าแต่ไทรรอยด์เนี่ย
01:04:38 → 01:04:42 เขาสนอร์อยู่แล้วเขามีพรสวรรค์แต่ก็อย่าง
01:04:42 → 01:04:46 ว่านะไทรอยเนี่ยจะโดนภูมิเพี้ยนเล่นงานนะ
01:04:46 → 01:04:49 นะถ้าภูมิตับเนี่ยมันโดนภูมิแพ้ภูมิตก
01:04:49 → 01:04:52 เล่นง่าแต่ภูมิเพี้ยนมันร้ายกว่าภูมิแพ้
01:04:52 → 01:04:57 ภูมิตกเออเออบอ type แต่ละบอ type ก็มี
01:04:57 → 01:05:01 เวรมีกรรมต่างกันนะพอพอยิ้มออกได้หน่อย
01:05:01 → 01:05:04 นึงครับเออก็ดีอย่างเสียอย่างแล้วแต่จะ
01:05:04 → 01:05:06 เลือกนะ
01:05:06 → 01:05:11 ฮะอ่ะทีนี้เราพิจารณาาฟในแง่นินเนะฮะก็
01:05:11 → 01:05:14 แบบที่พูดไปตั้งแต่แรกเลยว่าเราต้องการาฟ
01:05:14 → 01:05:18 เพื่ออยากจะได้สารอาหารอะไรนะคือแคลอรี่
01:05:18 → 01:05:20 คือน้ำตรงน้ำตาลเนี่ยเราไม่โอเคเราไม่
01:05:20 → 01:05:24 ต้องการนะเพราะเราสร้างได้นะฮถ้าจะ
01:05:24 → 01:05:26 ต้องการน้ำตาลบ้างเนี่ยก็ขึ้นอยู่ข้างบน
01:05:26 → 01:05:29 เนี่ยนะฮะนะที่เป็นในรูปแบบของความเป็น
01:05:29 → 01:05:33 แคลอรี่นะฮะนะนะแต่ว่าส่วนใหญ่ผมก็แค่ตับ
01:05:33 → 01:05:35 นี่ก็พอแล้วนะกล้ามเนื้อคนยุคปัจจุบัน
01:05:35 → 01:05:38 เนี้ยนะที่อยู่ใน Building blx เนี่ยนะ
01:05:38 → 01:05:43 ฮะแล้วก็มี activity มีอะไรน้อยมากนะฮะนะ
01:05:43 → 01:05:47 มันคือเขาคบอกว่าไกลโคเจนที่สามารถแพ็ค
01:05:47 → 01:05:49 เข้าไปในกล้ามเนื้อได้เนี่ยมันเท่าไหร่
01:05:49 → 01:05:53 300-500 ใช่มั้ยฮะนะเน็ตาฟเนี่ยมันได้
01:05:53 → 01:05:57 300-500 แต่ถามว่าจริงๆแล้วคนเนี่ยนะ
01:05:57 → 01:06:01 ส่วนใหญ่เนี่ยนะจะแพคกิ้งไกลโคเจนเข้าไป
01:06:01 → 01:06:04 ในกล้ามเนื้อได้เท่าไหร่อย่างในตับก็
01:06:04 → 01:06:09 ประมาณ 50-80 เน็ตคนะนะในในกล้ามเนื้อ
01:06:09 → 01:06:13 เนี่ยส่วนใหญ่ก็คือคือประมาณประมาณ 120
01:06:13 → 01:06:19 -150 นะฮะนะไม่ถึง 300 นะฮะไอ้ 300 500
01:06:19 → 01:06:23 เนี่ยมันสำหรับพวกอะไรอ่ะพวกพวกอ่าพวกคน
01:06:23 → 01:06:28 ที่ที่อยู่ในยิมน่ะนะพวกที่เป็นเนอรพวก
01:06:28 → 01:06:32 ที่เวทนะนะส่วน Body Builder เนี่ยอาจจะ
01:06:32 → 01:06:36 ไปได้ถึง 500 อ่ะ 500 600 อ่ะนะนะฝรั่ง
01:06:36 → 01:06:39 ตัวใหญ่ๆอย่างเงี้ยแล้วพวกซูซูโม่เงี้ย
01:06:39 → 01:06:42 ครับมันไปเท่าไหร่เอ่อซูโม่
01:06:43 → 01:06:48 ก็คือซูโม่ก็น่าจะได้เยอะอ่ะนะฮะนะเยอะพอ
01:06:48 → 01:06:51 กับ Body Builder อ่ะนะเออ
01:06:51 → 01:06:55 เอคือคือจะบอกว่าอย่างงี้นะฮะว่าว่าไอ้
01:06:56 → 01:06:58 เคิฟเนี่ยเคิฟในการกินคาฟของคนเราเนี่ยนะ
01:06:59 → 01:07:01 มันเป็นรูปมันเป็นรูปอะไรมันเป็นรูปภูเขา
01:07:01 → 01:07:05 อ่ะนะฮะนะอืครับผมอ่าแล้วมันก็จะแบ่ง
01:07:05 → 01:07:09 เปอร์เซ็นต์นะฮะเราพอรู้มยว่าว่าคนที่เ
01:07:09 → 01:07:12 เป็นเป็นพวกกลุ่มนักกีฬาที่เป็นเทรนเนอร์
01:07:12 → 01:07:15 ที่ที่จะเอาเป็นเอาตายกับการสร้างบอดี้
01:07:15 → 01:07:17 อะไรต่างๆเนี่ยในทั่วโลกเนี่ยมันมีกี่
01:07:17 → 01:07:20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับประชากรทั้งโลก
01:07:20 → 01:07:24 เราคิดว่ามันสักกี่เปอร์เซ็นต์อ่ะไม่เกิน
01:07:24 → 01:07:26 10% เองครับ
01:07:26 → 01:07:30 มีน้อยกว่านั้นน้อยกว่านั้นจริงหรอครับโ
01:07:30 → 01:07:36 เออ 5 ครับ 5% ครับเออคือเครับไม่ฮะมาก
01:07:36 → 01:07:39 กว่านั้นคือเ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3 -3.5 นะ
01:07:39 → 01:07:44 ฮะมันมีแค่ 3% เหรอพี่หมอ 3 -3.5 เนะฮะ
01:07:44 → 01:07:51 นะนะเนี่ยก็คือคนที่บ้าๆที่จะมากินคฟเยอะ
01:07:51 → 01:07:55 ๆโชว์แล้วก็เป็นบอ Builder เป็นเทนเนอร์
01:07:55 → 01:07:57 เป็นอะไรต่างๆอยู่ในยิมทำงานกับยิมอะไร
01:07:57 → 01:08:01 ต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะนะเนี่ยนะคือเป็น
01:08:01 → 01:08:06 อาชีพเลยอ่ะอาชีพที่จะมีมีก้ามเยอะๆแล้ว
01:08:06 → 01:08:09 กินคาฟได้เยอะๆอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยพวกนี้
01:08:09 → 01:08:13 คือ 3 -3.5 เนะฮะไม่ใช่ส่วนใหญ่นะฮะไม่
01:08:13 → 01:08:17 ใช่ส่วนใหญ่นะเออเอ่อส่วนใหญ่มันไม่ได้
01:08:17 → 01:08:20 ขนาดนั้นหรอกฮะนะคนส่วนใหญ่เนี่ยนะ
01:08:20 → 01:08:23 ไกลโคเจนที่กล้ามเนื้อเนี่ยประมาณ 120
01:08:23 → 01:08:26 ไม่เกิน 150 กรัม่ะฮะมันจุได้แค่นั้นแหละ
01:08:26 → 01:08:33 นะจุได้แค่นั้นนะที่ตับก็ประมาณ 50-80 นะ
01:08:33 → 01:08:37 เออจะเห็นว่าคนพวกนี้มามีบทบาทอะไรแต่
01:08:37 → 01:08:40 อะไรเยอะแยะไปหมดนะแล้วจริงๆไกลโคเจนที่
01:08:40 → 01:08:42 กล้ามเนื้อเนี่ยมันไม่ได้สลายออกมาง่ายๆ
01:08:42 → 01:08:45 ใช่มั้ยพี่หมอเค้าเคจะเก็บไว้ใช้ยาม
01:08:45 → 01:08:49 ฉุกเฉินนะเออเพราะฉะนั้นการที่มันเไว้ใช้
01:08:49 → 01:08:51 ยามฉุกเฉินเนี่ยคุณก็ต้องมีภาวะฉุกเฉิน
01:08:51 → 01:08:52 น่ะ
01:08:52 → 01:08:56 นะซึ่งคนทั่วๆไปเนี่ยเขาไม่มีภาวะฉุกเฉิน
01:08:56 → 01:08:58 ไงเพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อเขแทบจะไม่ได้ใช้
01:08:58 → 01:09:02 ไกลโคเจนนะนะแต่ทีนี้พวก Body Builder
01:09:02 → 01:09:05 หรือว่าพวกเน่งเทนเนอร์อะไรต่างๆหรือเรา
01:09:05 → 01:09:07 ไปเข้ายิมเข้าอะไรแล้วถูกเ่อเทรนเนอร์
01:09:07 → 01:09:10 บังคับว่าอย่างโง้นอย่างงี้อะไรต่างๆ
01:09:10 → 01:09:13 เนี่ยหรือเราไปกำหนดร่างกายของเราเนี่ยนะ
01:09:13 → 01:09:16 อย่างหมอไปตีแบตเนี่ยให้มันเกิดภาวะฮิต
01:09:16 → 01:09:18 อะไรต่างๆเหล่าเยนี่แหละกล้ามเนื้อมันจะ
01:09:18 → 01:09:21 ได้ใช้ไกลโคเจนต่อเมื่อมีสถานการณ์แบบ
01:09:21 → 01:09:24 คล้ายๆฉุกเฉินนะซึ่งเป็นการหายใจแบบไม่
01:09:24 → 01:09:29 ใช้ออกซิเจนเออต้องมีอย่างเงี้ยนะถ้าคุณ
01:09:29 → 01:09:32 ไปน็อคตีแบตอะไรต่างๆชิลๆอะไรอย่างเงี้ย
01:09:32 → 01:09:35 อันนี้มันมันเป็นเ้าเรียกเป็นคาร์ดิโอ่ะ
01:09:35 → 01:09:38 ฮะเป็นแค่คาร์ดิโอไม่ได้เป็นฮิตนะฮะนะไม่
01:09:38 → 01:09:42 ได้เป็นฮิตแล้วคนเราอ่ะจะมาฮิตกันแบบชนิด
01:09:42 → 01:09:45 เ่อทั้งวันทั้งคืนอะไรต่างๆมันไม่ใช่มัน
01:09:45 → 01:09:49 ไม่ได้ฮิตกันนานเน่อนานเนี่ยมันมันมัน
01:09:49 → 01:09:52 เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤตน่ะนะเราเราไม่
01:09:52 → 01:09:55 ได้เอาสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤตมาเป็น Normal
01:09:55 → 01:09:57 ร้ายอะไรของเราอย่าง
01:09:57 → 01:10:01 งั้นใช่ครับเออเพราะฉะนั้นโอกาสที่กล้าม
01:10:01 → 01:10:04 เนื้อจะถูกใช้ไกลโคเจนไม่ได้เยอะนะฮะไม่
01:10:04 → 01:10:06 ได้เยอะ
01:10:06 → 01:10:09 เอนะเพราะฉะนั้นเราต้องโฟกัสที่ตับนี่
01:10:09 → 01:10:16 แหละเออครับผมอืนะอ้าต่อไปเรื่องนนยังไง
01:10:16 → 01:10:20 บ้างเกี่ยวกับาฟก็คือต้องพอดีๆดีพอดีใน
01:10:20 → 01:10:23 แง่ที่จะนำไปซ่อมไปสร้างนะฮะนะโดยเฉพาะ
01:10:23 → 01:10:26 การสร้างกล้ามเนื้อนั่นแหละนะนะซ่อมสร้าง
01:10:26 → 01:10:30 เท่าที่จำเป็นนะนะสิ่งเหล่านี้ร่างกายก็
01:10:30 → 01:10:33 ต้องการแค่ไหนอ่ะนะถ้าจะเป็นการกินสูตร
01:10:33 → 01:10:35 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันนะตามสูตรทั่วไป
01:10:36 → 01:10:39 เนี่ยนะก็คือคาฟต้องประมาณ 10 ถึงไม่เกิน
01:10:39 → 01:10:43 20% โปรตีนก็ 20 ถ3แล้วที่เหลือเป็นแฟต
01:10:43 → 01:10:48 นะแต่โดยเฉลี่ยแล้วแฟตควรจะมากกว่าคาฟบวก
01:10:48 → 01:10:53 โปรตีนนะอันนี้ก็เป็นสูตรในการกินแบบ low
01:10:53 → 01:10:57 C High Good Fat ที่จะเกิดความพอดี
01:10:57 → 01:11:01 และเอ่อเกิดการตอบสนองต่อฮอร์โมนในฝั่ง
01:11:01 → 01:11:05 สะสมเผาผลาญพลังงานเป็นไปดังที่ต้องการ
01:11:05 → 01:11:08 เพื่อจะให้เกิด metabolic effectivity
01:11:08 → 01:11:12 และภาวะ optimal Health Performance นะ
01:11:12 → 01:11:15 ฮะก็เป็นครับผมอ่า 8 ข้อผิดพลาดในแง่ของ
01:11:16 → 01:11:21 พิ fall ของการกินาฟเนี่ยนะตัว P คือพ
01:11:21 → 01:11:27 Quality nutrient Den นะก็คือเป็นาฟนะ
01:11:27 → 01:11:32 ที่เราไม่เข้าใจนะในแง่ที่จะต้องได้รับนะ
01:11:32 → 01:11:37 ตัวนิตร density นะฮะนะอ่าคำว่า p
01:11:37 → 01:11:39 Quality nutrient density nutrient
01:11:39 → 01:11:44 density จากฟคืออะไรนะฮะคืออะไรนะก็ตาม
01:11:44 → 01:11:48 ที่บอกก็คือ 1 เส้นใหญ่หรือไฟเบอร์นะฮะ
01:11:48 → 01:11:50 ไฟเบอร์เส้นใหญ่นะซึ่งต้องมีทั้งละลายไม่
01:11:50 → 01:11:55 ละลายน้ำวิตามินแร่ธาตุอ่าสารศึกษา E
01:11:55 → 01:12:02 แล้วก็เอนไซม์นะฮะนะซึ่งเอ่อในการกินคาฟ
01:12:02 → 01:12:06 เนี่ยนะคาฟเนี่ยเรากินเพื่อที่จะเรียก
01:12:06 → 01:12:10 เรียกให้ตัวพ่อเออกมาทำงานนะฮะนะนะเพราะ
01:12:10 → 01:12:13 ฉะนั้นเนี่ยในส่วนประกอบนะที่เป็นเรื่อง
01:12:13 → 01:12:17 ของนินเดนเนี่ยนะฮะนะเวลาอินซูลินเค้าทำ
01:12:17 → 01:12:20 งานเราก็เคยเรียงลำดับให้แล้วนะว่าเขาจะ
01:12:20 → 01:12:23 เอาอะไรเข้าเซลล์ก่อนหลังนะฮะนะเพราะ
01:12:23 → 01:12:27 ฉะนั้นปริมาณสารอาหารเนี่ยที่จะได้รับยาก
01:12:27 → 01:12:31 ที่สุดน้อยที่สุดเลยเนะก็คือ 2-3 ตัวหลัง
01:12:31 → 01:12:36 ๆเนะก็คืออะไรบ้างก็คือแร่ธาตุมิเนอนะฮะ
01:12:36 → 01:12:41 แล้วก็สารพรึกษาเคมีแล้วก็เอนไซม์นะฮะ 3
01:12:41 → 01:12:44 อย่างนี้แหละนะนะโดยเฉพาะเอนไซม์เนี่ยแทบ
01:12:44 → 01:12:48 ไม่ได้เข้าเลยนะฮะนะนะเพราะฉะนั้นเป็น
01:12:48 → 01:12:52 วิธีการเมื่อกินเจำกัดคาฟอะไรต่างๆเนี่ย
01:12:52 → 01:12:55 เราก็มักจะขาดนะในเรื่องราวเหล่านี้นะฮะ
01:12:55 → 01:13:00 ที่เราต้องเติมนะก็คือมินอหรือแร่ธาตนะ
01:13:00 → 01:13:03 แล้วก็พฤกสาพฤษาเคมีสาพฤกษาเคมีเนี่ยถ้า
01:13:03 → 01:13:07 เรากินเอ่ออะไรอ่ะทอยในรูปของน้ำสลัดเรา
01:13:07 → 01:13:10 ก็ได้อยู่แล้วล่ะนะฮะนะแล้วต่อมาก็คือพวก
01:13:10 → 01:13:14 เอนไซม์เอนไซม์ก็คือกินจากผักใบผักหัวโดย
01:13:14 → 01:13:18 เฉพาะผักสดผักดองนะอันเนี้ยเราล้อมกรอบไ
01:13:18 → 01:13:22 หมดแล้วถ้ากินแบบโลคไอยอ่ะนะฮะเนี่ยมันก็
01:13:22 → 01:13:25 จะปิดประตูในเรื่องของเ่อพัว Quality
01:13:25 → 01:13:28 nutrient D นะฮะนะอัน
01:13:28 → 01:13:33 นี้ทีนี้มันจะมีคำอีกคำนึงนะฮะนะคำอีกคำ
01:13:33 → 01:13:36 นึงที่จะต้องบอกไว้ตรงนี้เลยในแง่ของความ
01:13:36 → 01:13:39 สูงสุดของความเป็นสารอาหารนะฮะนะสูงสุด
01:13:39 → 01:13:43 ของความเป็นสารอาหารนะเนี่ยนะที่ร่างกาย
01:13:44 → 01:13:48 เค้าต้องการมากที่สุดนะเค้าจะใช้คำ
01:13:48 → 01:13:53 ว่าคำว่าสารอาหารสูงสุดนะฮะคำว่าสารอาหาร
01:13:53 → 01:13:57 สูงสุดคือนะ Maximum nutrient density
01:13:57 → 01:14:00 อเรียก Maximum Quality nutrient
01:14:00 → 01:14:03 density นะ Maximum Quality nutrient
01:14:03 → 01:14:09 นะนะตรงข้ามกับ P Quality nutrient
01:14:09 → 01:14:14 Maximum Quality นอ่าแปลเป็นภาษาไทยคือ
01:14:14 → 01:14:18 สารอาหารสูงสุดคำๆนี้นะฮะนะเป็นองค์
01:14:18 → 01:14:22 ประกอบอะไรบ้างนะฮะนะก็คือ 1 Real
01:14:22 → 01:14:28 Natural Food นะอเรอ่าหรือ law Natural
01:14:28 → 01:14:32 Food ก็คือสารอาหารตามธรรมชาตินะพวกนี้
01:14:32 → 01:14:37 ก็ต้องมาจากค้าโปรตีนและไขมันงลูกใช่่มฮะ
01:14:37 → 01:14:43 นะนะแต่แค่เนี้ยนะมันก็คือเป็นเรฟเรฟเรฟ
01:14:43 → 01:14:46 ที่เราบอกกันนะฮะแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรา
01:14:46 → 01:14:52 บวกเอเราบวกอะไรเขาบอกว่าถ้าเราบวก Super
01:14:52 → 01:14:55 Quality process
01:14:55 → 01:14:58 หรือ Super Quality process f เข้าไป
01:14:58 → 01:15:03 นะมันก็จะกลายเป็น Maximum Quality New
01:15:03 → 01:15:05 เทันที
01:15:05 → 01:15:11 นะพี่หมอตอบใครไปนะว่ากิน CD แล้วจะยังไง
01:15:11 → 01:15:14 อะไรเนี่ยนะเอ่อแล้วหมอก็เลยบอกว่าคุณ
01:15:14 → 01:15:18 ต้องกิน CD กับ TE Oil นะฮะนะแล้วคุณจะ
01:15:18 → 01:15:21 ได้สารอหารสูงสุดเเรียกว่า maximal
01:15:21 → 01:15:25 Quality nutrient นะฮะ
01:15:25 → 01:15:28 คือถ้าเรียวก็คือพรึกษาเคมีเองไใช่มคุณ
01:15:28 → 01:15:32 หรอไม่ถึงจุดนะนะสิ่งที่ทำให้ถึงจุดจริงๆ
01:15:32 → 01:15:35 เลยเนี่ยนะก็คือต้องสารพฤกษาเคมีหรือสาร
01:15:36 → 01:15:40 ยาที่มาจากน้ำมันสกัดเย็นนะเพราะั้นในรูป
01:15:40 → 01:15:43 แบบของความเป็น low C High Good Fat
01:15:43 → 01:15:46 E Oil ต่างๆที่กินใน 1 วันที่ถูกต้อง
01:15:46 → 01:15:48 มื้อแรกมื้อเย็นอะไรอย่าเงี้ยนะฮะอันนี้
01:15:48 → 01:15:51 เขาเรียกว่าล้อมกรอบไหมดเรียบร้อยแล้วนะ
01:15:51 → 01:15:57 เพราะคุณจะได้ทั้งพลังงานและสารอาหารที่
01:15:57 → 01:16:01 จำเป็นสูงสุดที่ร่างกายเขาส่งสัญญาณว่าเ
01:16:01 → 01:16:04 ต้องการอย่างนี้
01:16:04 → 01:16:08 เออเพราะฉะนั้นตอนเยเราได้หรือยังถ้าเรา
01:16:08 → 01:16:11 ยังไม่ได้เราต้องไปปรับไปเติมไปตบไปแต่ง
01:16:11 → 01:16:17 นะให้มันได้นะฮะนะเพราะงั้นพิ f อันดับ 1
01:16:17 → 01:16:22 เลยนะของความผิดพลาดในการกินาฟก็คือนนเนะ
01:16:22 → 01:16:25 ฮะซึ่งเราไม่เข้าใจและเราไม่ได้ได้เติมนะ
01:16:25 → 01:16:29 ฮะเราไม่ได้เติมนะเพหลายคนที่มีการกินไป
01:16:29 → 01:16:34 ทางพการแบบ CD kcd เก่าอะไรต่างๆนะใน
01:16:34 → 01:16:36 ปัจจุบันถึงได้มีการต้องมาเติมไงฮะเพราะ
01:16:36 → 01:16:39 ต่างประเทศเเติมมานานแล้วแล้วหมอก็บอก
01:16:39 → 01:16:43 แล้วนะว่าไอ้นนที่สำคัญเนี่ยนะในปัจจุบัน
01:16:43 → 01:16:46 ที่เขาเติมกันเนี่ยโดยเฉพาะกลุ่ม Heart
01:16:46 → 01:16:50 แอนซอยนะที่เขาก็กินแบบซีดีไออนเเลยเก็
01:16:50 → 01:16:53 ต้องมาเติมเบอร์รี่ฮะมาเติมน้ำผึ้งมาเติม
01:16:53 → 01:16:56 อ่าพวกาฟอะไรต่างๆเที่มันมีเรื่องของ
01:16:56 → 01:17:00 nutrient density อ่ะ
01:17:00 → 01:17:03 นะนะแต่ฝรั่งเนี่ยเขาอาจจะกินไปทาง
01:17:03 → 01:17:06 เมดิเตอเรเนียนไดเอตซึ่งเขาก็จะกินเป็น
01:17:06 → 01:17:10 น้ำมันมะกอกหรือพวกมูฟ่าต่างๆนะที่มันมี
01:17:10 → 01:17:14 ตัวนิวนเนดีๆนะฮะผมเพราะว่าร่างกายเ
01:17:14 → 01:17:17 วิวัฒนาการมาแล้วเก็ชินกับสิ่งนี้ไปเรียบ
01:17:17 → 01:17:20 ร้อยแล้วนะฮะแต่เราเนี่ยทางเอเชียทางใกล้
01:17:20 → 01:17:23 เส้นสุนสูตรเนี่ยนะเราไม่ได้กินแบบนี้
01:17:23 → 01:17:26 เป็นหลักเรากินแต่ข้าวกินแบผลไม้นะเพราะ
01:17:26 → 01:17:29 ฉะนั้นวิธีการจะปรับให้มันเป็นสารอาหาร
01:17:29 → 01:17:32 สูงสุดนะเนี่ยเราก็ต้องปรับโดยการใช้น้ำ
01:17:32 → 01:17:35 มันที่เป็นเพียว Oil เยีนี่แหละนะฮะแล้ว
01:17:35 → 01:17:39 ก็กินในรูปน้ำสละนะก็ถ้ากิน CD kcd คุณ
01:17:39 → 01:17:44 ก็เติมนะน้ำสลัดไปตอนมื้อแรกจบนะฮะก็ครบ
01:17:44 → 01:17:50 นะฮะอ่าอันต่อมาพิษตัว I นะฮะตัว I ก็คือ
01:17:50 → 01:17:54 inadequate calor นะนะอันนี้ก็คือเป็น
01:17:54 → 01:17:57 เรื่องเรื่องของพลังงานที่มันเป็นแคลอรี่
01:17:57 → 01:18:02 นะนะนะในแง่ของคาฟเนี่ยนะถามว่าจำเป็นมย
01:18:02 → 01:18:06 ก็มีความจำเป็นนะเถึงแม้จะเป็นน้ำตาลก็
01:18:06 → 01:18:11 เหอะนะเพราะเพราะว่าสิ่งที่อวยวะ 2 อย่าง
01:18:11 → 01:18:16 ที่ยังจะต้องได้เนี่ยนะก็คือตับกับอะไร
01:18:16 → 01:18:20 ตับกับกล้ามเนื้อเนื้อครับผมครับผมเออที
01:18:20 → 01:18:24 นี้มันมันต้องเข้าใจนิดนึงเนี่ยนะว่าเ้า
01:18:24 → 01:18:27 ถ้าอย่างงั้นเนี่ยน้ำตรงน้ำตาลนะแป้งน้ำ
01:18:27 → 01:18:30 ตาลอะไรต่างๆเนี่ยก็ยังจำเป็นใช่่ไหมถือ
01:18:30 → 01:18:34 ว่ายังจำเป็นนะฮะนะแต่ไม่ใช่ essential
01:18:34 → 01:18:38 นะฮะนะก็คือเป็นความจำเป็นที่เป็นแบบ
01:18:38 → 01:18:42 Important นะฮะเป็นความสำคัญนะนะที่เขา
01:18:42 → 01:18:45 แค่ไปเติมไงไปเติมนะ
01:18:45 → 01:18:49 ฮะทีนี้ที่บอกว่าร่างกายสร้างเองได้ด้วย
01:18:49 → 01:18:51 ขบวนการ adaptive glucose spanning
01:18:51 → 01:18:56 effect นะฮะนะเป็น adaptive เนี่ยนะฮะนะ
01:18:56 → 01:18:59 กลไกการสร้างอันนี้เนี่ยร่างกายไม่ได้มี
01:18:59 → 01:19:02 จุดมุ่งหมายนะฮะที่จะเอาไปสะสมเป็นไก
01:19:02 → 01:19:05 โคเจนที่ตับกับกล้ามเนื้อนะเพราะว่า
01:19:05 → 01:19:08 adaptive glucose baring เนี่ยร่างกาย
01:19:08 → 01:19:13 เนี่ยนะเขาสร้างให้ 3 อวัยวะเป็นหลักนะฮะ
01:19:13 → 01:19:16 3 อวัยวะเป็นหลักนะอันดับ 1 คือเม็ด
01:19:16 → 01:19:19 เลือดแดงเพราะว่าเขาไม่มีเม็ดตกคอนดีอ่ะ
01:19:19 → 01:19:24 นะเขาต้องใช้น้ำตาลนะฮะอันดับ 2 ก็คือ
01:19:24 → 01:19:29 ส่วนของสมองนะฮะนะส่วนของสมองประมาณ 5%
01:19:29 → 01:19:32 นะฮะที่มีความจำเป็นยิ่งยวดนะที่ใช้อะไร
01:19:32 → 01:19:36 ไม่ได้เลยใช้คีโตนก็ไม่ได้ใช้อ่ากดไขมัน
01:19:36 → 01:19:39 อิสระอะไรก็ไม่ได้ใช้ได้แต่น้ำตาลที่เป็น
01:19:39 → 01:19:44 กูโคสนะฮะกูโคสเท่านั้นนะฮะนะจริงๆแล้ว
01:19:44 → 01:19:47 มันมีส่วนของสมองเนี่ยประมาณ 20% นะที่
01:19:47 → 01:19:52 ใช้ใช้น้ำตาลได้นะฮะอ่าใช้น้ำตาลได้อ่ะนะ
01:19:52 → 01:19:56 ฮะแต่ 5% ของ 20% อันเนี้ยนะอันนี้ใช้ไม่
01:19:56 → 01:20:00 ได้ใช้ไม่ได้นะฮะที่เหลืออีก 15% น่ะนะก็
01:20:00 → 01:20:03 สามารถถ้าไม่มีน้ำตาลก็ใช้คีโตนได้นะแต่
01:20:03 → 01:20:07 สมองส่วนใหญ่ 80% นะเไม่ได้ใช้น้ำตาลเใช้
01:20:07 → 01:20:13 คีโตนเใช้คีโตนนะฮะนะเพราะฉะนั้น adaptive
01:20:13 → 01:20:15 glucose sping effect เนี่ยอันเนี้ย
01:20:15 → 01:20:20 มันก็เป็นความสำคัญนะฮะที่ร่างกายนะเขา
01:20:20 → 01:20:24 กำหนดขึ้นนะเพื่อให้อวัยวะบางอย่างนะฮะ
01:20:24 → 01:20:26 เซลล์บางอย่างเท่านั้นนะฮะที่จะต้องได้
01:20:26 → 01:20:29 รับสิ่งเหล่าเนะฮะนะซึ่ง
01:20:29 → 01:20:33 เอ่อซึ่งการเกิดน้ำตาลในลักษณะที่ว่า
01:20:33 → 01:20:37 เนี่ยจะต้องมีการผ่านตับนะนะมันเป็นขบวน
01:20:38 → 01:20:41 การกลูโคนิสิทที่ต้องผ่านตับนะแล้วก็นำไป
01:20:41 → 01:20:45 ให้สิ่งเหล่านี้นะอันเนี้ย
01:20:45 → 01:20:51 อแต่แต่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายนะฮะนะที่จะ
01:20:51 → 01:20:55 เกิดกลูโค genasis นะแล้วเอาไปสะสมเป็น
01:20:55 → 01:20:58 ไกลโคเจนที่ตับกับที่กล้ามเนื้อนะ
01:20:58 → 01:21:02 ไกลโคเจนที่ตับที่กล้ามเนื้อต้องเป็น di
01:21:02 → 01:21:07 คาฟนะที่กินเข้าไปจากภายนอกจากภาย
01:21:07 → 01:21:11 นอกเพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจและรู้ที่จะ
01:21:11 → 01:21:14 กินให้ถูกให้เป็น้อันนี้
01:21:14 → 01:21:18 แหละอันนี้ก็คือความหมายในแง่ของแคลอรี่
01:21:18 → 01:21:21 นะฮะนะแคลอรีเพราะน้ำตาลมันเป็นแคลอรีนะ
01:21:22 → 01:21:26 นะแต่คนเรานะถึงจะกินโลคาฟแล้วก็กินผิด
01:21:26 → 01:21:30 กินน้อยหรือบางคนก็กินเกินไปไม่เหมาะสม
01:21:30 → 01:21:34 ไม่เกิดความผลิตพอดีกับตัวเราตัวเองนะฮะ
01:21:34 → 01:21:38 เนี่ยแคลอรี่มันต้องพอดีนะนะตับกับกล้าม
01:21:38 → 01:21:40 เนื้อถึงจะดี
01:21:40 → 01:21:44 นะตัว T คือไทรรอยด์ฟังก์ชันนะฮะนะเนี่ย
01:21:44 → 01:21:47 ไทรรอยดิฟฟังก์ชันนะฮะ
01:21:47 → 01:21:53 นะคือถ้าคาฟไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมนะฮะดัง
01:21:53 → 01:21:56 ที่บอกนะเนี่ยไทรรอยด์เนี่ยเขเป็นคฟ
01:21:56 → 01:21:59 Dependent ฮอร์โมนอันดับ 1 นะแล้วเราไป
01:21:59 → 01:22:02 กินอะไรมาก็ไม่รู้อ่ะนะนะคือไทรรอยด์ก็
01:22:02 → 01:22:06 ต้องการแป้งเท่านั้นนะแป้งแป้งอ่ะนะคาฟ
01:22:06 → 01:22:09 ที่เป็นแป้งนะฮะคาฟที่เป็นแป้งเนี่ยก็มา
01:22:09 → 01:22:12 จากแป้งเชิงซ้อนกับมาจากผักหัวมาจากผัก
01:22:12 → 01:22:15 หัวนะฮะเพราะฉะนั้นน่ะถึงเป็นเบาหวาน
01:22:15 → 01:22:18 เนี่ยแป้งเชิงซ้อนกินไม่ได้แต่คุณก็ยัง
01:22:18 → 01:22:22 ต้องกินผักหัวนะฮะนะผักใบผักหัวนะเราจะ
01:22:22 → 01:22:27 นับคราฟจากผักหัวนะฮะเพื่อกินเพื่ออะไรนะ
01:22:27 → 01:22:28 เพื่อ
01:22:28 → 01:22:33 อ่าให้เกิดการสร้างไทรอยฮอร์โมนนะนะที่
01:22:33 → 01:22:37 เพียงพอนะฮะนะเพราะถ้ากินไม่ถูกนะฮะกิน
01:22:38 → 01:22:41 ไม่ถูกไม่ไม่เข้าใจในเรื่องของการกินผัก
01:22:41 → 01:22:46 ใบผักหัวนะฮะอ่าโทษทีผักหัวกับแป้งเชิง
01:22:46 → 01:22:48 ซ้อนเนี่ยก็จะเกิดปัญหาเรื่องไทรรอย
01:22:48 → 01:22:51 ฟังก์ชันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการ
01:22:51 → 01:22:57 ทำงานที่ลดลงหรือไม่ขยันนะเนี่ยนะอันนี้
01:22:57 → 01:23:01 กรณีที่เรามากินพวกนี้แล้วนะฮะนะพวกโคฟ
01:23:01 → 01:23:05 แล้วนะต่อไปตัว f ก็คือ Food mania นะฮะ
01:23:05 → 01:23:09 นะเนี่ยเขาเรียกว่า Food L ก็ได้นะฮะ
01:23:09 → 01:23:12 Food mania ก็ได้นะนะอันนี้ก็คือเราจะ
01:23:12 → 01:23:18 ได้ฟุกโตดมยล่ะนะเนี่ยเรากินไม่เข้าใจ
01:23:18 → 01:23:20 เรื่องเราคือเราไม่มีความรู้เรื่องผลไม้
01:23:20 → 01:23:25 อย่าเงี้ยนะฮะแล้วเราก็ติดยึดติดอยากติด
01:23:25 → 01:23:27 ความเชื่อเดิมๆน่ะอู้ผลไม้จะเป็นอะไรไป
01:23:27 → 01:23:31 เ่อใครๆก็กินเราอยู่ในประเทศไทยไม่กิน
01:23:31 → 01:23:33 ผลไม้ได้ยังไงล่ะแปลกประหลาดอะไรอย่า
01:23:33 → 01:23:38 เงี้ยนะครับผมมันไม่ใช่แล้วยุคสมัยนี้มัน
01:23:38 → 01:23:42 2568 แล้วนะฮะมันต้องมีองค์ความรู้อ่ะนะ
01:23:42 → 01:23:45 นะเพราะฟุกโตสเอยเนี่ยร่างกายก็ถือว่า
01:23:45 → 01:23:47 ฟลุกโตสโดยเฉพาะตับนะฮะฟลุ๊กโตสคือ
01:23:47 → 01:23:52 แอลกอฮอล์นะกตัวคือแอลกอฮอล์นะเพราฉะนั้น
01:23:52 → 01:23:55 กินผลไม้ได้มยได้
01:23:55 → 01:23:58 นะแล้วต้องกินอะไรนะฮะนะอย่างเช่นการกิน
01:23:58 → 01:24:01 เบอร์รี่อะไรเงี้ยแต่เดี๋ยวทางด้านขวามือ
01:24:01 → 01:24:05 เนี่ยก็จะมาบอกนะฮะเนี่ยถึง 3 กลุ่มผลไม้
01:24:05 → 01:24:10 นะที่กินเพื่อจะควบคุมและลดน้ำตาต่อไปคือ
01:24:10 → 01:24:15 a activity นะฮะ activity นะเนี่ยอก็
01:24:15 → 01:24:21 ดังที่รู้อ่ะนะฮะกินคาฟยังไงนะไม่เหมาะสม
01:24:21 → 01:24:25 แ่ activity ยังไงนะฮะนะคือ activity ของ
01:24:25 → 01:24:28 คนเราเนี่ยส่วนใหญ่เราหลายคนก็คือไม่ทำใน
01:24:28 → 01:24:31 ปัจจุบันมันสะดวกสบายเกินไปนะหรือทำแต่ทำ
01:24:31 → 01:24:36 น้อยทำไม่พอทำแล้วไม่เหมาะนะหรือทำผิดนะ
01:24:36 → 01:24:39 เช่นบางคนมี activity นะอย่างเช่น
01:24:39 → 01:24:44 คาร์ดิโอโซน 3 โซน 4 นะฮะนะเ่อแล้วก็เ่า
01:24:44 → 01:24:47 เนี่ยนะไม่ใช่โซน 2 ไม่ใช่โซน 1 อะไร
01:24:48 → 01:24:51 อย่างเงี้ยนะฮะนะเนี่ยมันก็มันก็ไม่ถูก
01:24:51 → 01:24:55 อ่ะนะฮะนะเอ่อเอ่อพอไม่ถูกต้องเหล่าเนี้ย
01:24:55 → 01:24:59 นะนะพวกเนี้นะมันก็เติมคาฟไม่เป็นอีกนะฮะ
01:24:59 → 01:25:04 นะคอร์ติซอลก็มานะนะหรือจำกัดไม่กินคาฟนะ
01:25:04 → 01:25:08 ฮะนะแต่ไปคาร์ดิโอโซน 3 นะในวันนั้นอย่าง
01:25:08 → 01:25:13 เงี้ยนะฮะนะนะคือพวกเนี้ยนะเต้องใช้คาฟนะ
01:25:13 → 01:25:17 แต่เติมเติมผิดอ่ะนะกินผิดนะเติมคาฟไม่พอ
01:25:17 → 01:25:21 นะฮะนะมันก็จะเป็นความผิดพลาดในแง่ของการ
01:25:21 → 01:25:24 กินาฟนะอันเนื่องมาจากมี activity ที่
01:25:24 → 01:25:29 เอ่อน้อยไปมากไปไม่เหมาะสมนะฮะส่วนตัว L
01:25:29 → 01:25:32 3 ตัวเนี่ยนะฮะ L 3 ตัวก็คือ low
01:25:32 → 01:25:37 อิซูลินนะฮะก็คือหลายคนกินโการคต่ำนะ
01:25:37 → 01:25:42 เนี่ยมาเป็นเวลานานๆนะฮะนานๆนะแล้วก็ไม่
01:25:42 → 01:25:46 เข้าใจนะคือไม่มีการ cheating rotating
01:25:46 → 01:25:51 circulating อ่าเอ่อหรืออ่าไม่มีการฝึก
01:25:51 → 01:25:54 นะอ่าการออกมาทำงานอะไรต่างๆของอินซูลิน
01:25:54 → 01:25:58 นะอย่างเหมาะสมนะในบางช่วงเวรัมเวลาอะไร
01:25:58 → 01:26:04 ต่างๆนะฮะคือสำคัญที่สุดก็คืออินซูลินนะ
01:26:04 → 01:26:06 ที่จะต้องมีการเปลี่ยนโกดฮอร์โมนให้เป็น
01:26:06 → 01:26:11 IG F1 เพราะว่านะตัวอินซูลินนี่จะ
01:26:11 → 01:26:14 สัมพันธ์กับกล้ามเนื้อโดยมีเค้าเรียกว่า
01:26:14 → 01:26:17 มีนกต่อหรือว่ามีตัวกลางนะก็คือ IG F1
01:26:18 → 01:26:20 นะเพราะ i1 เนี่ยจะเป็นตัวกระตุ้นการ
01:26:20 → 01:26:23 สร้างกล้ามเนื้อนะแล้วก็การเอาสารอาหาร
01:26:23 → 01:26:26 อะไรต่างๆนะเข้าสู่กล้ามเนื้อคอเลสเตอรอล
01:26:26 → 01:26:30 สารอาหารนะอ่ารวมทั้งเอ่อไกลโคเจนแต่จริง
01:26:30 → 01:26:34 ๆไกลโคเจนก้ากล้ามเนี่ยมันเข้าได้เลยนะฮะ
01:26:34 → 01:26:37 มันไม่ต้องมีตัวตัวฮอร์โมนเป็นตัวควบคุม
01:26:37 → 01:26:39 นะ
01:26:39 → 01:26:44 ฮะนะแต่อินซูลินเนี่ยนะเราเราคือไงอ่ะเรา
01:26:44 → 01:26:48 โลอินซูลินซะจนแบบนะเ่อกล้ามเนื้อเนี่ย
01:26:48 → 01:26:53 ไม่มี AG F1 นะที่จะไปเกิดการพัฒนาต่อนะ
01:26:53 → 01:26:56 อันนี้ไม่ได้นะนะอันนี้ต้องมีความเข้าใจ
01:26:56 → 01:27:00 นะนะเพราะฉะนั้นจะไม่โอินซูลินต้องเติม
01:27:00 → 01:27:03 คาฟให้เป็นเติมให้ถูกเติมให้พอดีนะฮะนะ
01:27:04 → 01:27:07 หรือมีการฝึก heating Car rotating Car
01:27:07 → 01:27:10 circulating Car นะแล้วแต่ความเหมาะสม
01:27:10 → 01:27:13 หรืออย่างน้อยก็กินแบบ TR me a day
01:27:13 → 01:27:16 แบบ low C High Good Fat อ่ามื้อแรก
01:27:16 → 01:27:20 กินเป็นคล้ายๆอ่า very low cf นะฮะแต่
01:27:20 → 01:27:25 มื้อเย็นเนี่ยกินแบบครบนะฮะนะซึ่งก็มีคาฟ
01:27:25 → 01:27:28 เนี่ยนะแล้วอินซูลินก็มีการตอบสนองตาม
01:27:28 → 01:27:32 ธรรมชาติที่เขาจะมาตามเซคเดียวในมื้อเย็น
01:27:32 → 01:27:33 นะ
01:27:33 → 01:27:38 อันคือโลคไอยเนี่ยมันคุมไวหมดแล้วทั้ง
01:27:38 → 01:27:41 ระยะสั้นระยะยาวแล้วก็คุมสิ่งที่หมอบอกนะ
01:27:41 → 01:27:45 ที่เป็นพิ f ข้อผิดพลาดพวกนี้นะต่อไป low
01:27:45 → 01:27:51 sal low วามินนะกินโลคราฟนะเนี่ยนะมัน
01:27:51 → 01:27:57 ก็จะขาดในเรื่องของเนี่ยนะเกลือแร่กับ
01:27:57 → 01:28:01 วิตามินนะฮะซอซิออนะฮะนะเพราะฉะนั้น
01:28:01 → 01:28:07 โปแตสเซียมแมกนีเซียมนะอ่าแล้วก็โซเดียม
01:28:07 → 01:28:12 นะวิตามินก็ส่วนใหญ่ BC นะฮะนะมันจะไม่พอ
01:28:12 → 01:28:14 มันไม่พอนะ
01:28:14 → 01:28:19 อตัว L ตัวสุดท้ายนะ ow long fasting
01:28:19 → 01:28:24 นะฮะก็คือโล Fast นะ
01:28:24 → 01:28:30 คือโปฟมีผลยังไงนะก็ตัวแม่มานะฮะครับพอ
01:28:30 → 01:28:35 ตัวแม่มาก็จะมาบังคับตับให้กลูโคเจนิส
01:28:35 → 01:28:40 สร้างน้ำตาลนะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าอง fing
01:28:40 → 01:28:43 เมื่อไหร่นะเหมาะหรรือไม่เหมาะไม่รู้ล่ะ
01:28:43 → 01:28:47 นะฮะนะนะอันนี้นะก็ต้องมีการเติมคาฟให้
01:28:47 → 01:28:52 เป็นนะฮะนะไม่งั้นแล้วไอ้ตัวไกลโคเจนที่
01:28:52 → 01:28:55 ตักอะไรต่างๆมันพร่องนะยิ่งมันตัวแม่
01:28:55 → 01:28:59 ก็จะยิ่งพุ่งอ่าพุ่งไปพุ่งมาก็ไปสลาย
01:28:59 → 01:29:02 กล้ามเนื้อหรือไปสลายไขมันแต่ส่วนใหญ่
01:29:02 → 01:29:05 ยิ่งช้านานไปเรื่อยๆนะก็จะสลายกล้ามเนื้อ
01:29:05 → 01:29:08 มากกว่าไขมันนะฮะนะนะทั้งหมดเนี่ยเา้า
01:29:09 → 01:29:13 เรียกพิ f ในการกินคาฟที่มีความผิดพลาดนะ
01:29:13 → 01:29:18 ฮะนะนี้ในส่วนที่เป็นผลไม้นะนะซึ่งเป็น
01:29:18 → 01:29:22 ส่วนนึงของคาฟนะในกลุ่มที่ 4 นะก็คือผัก
01:29:22 → 01:29:26 ใบผักหัวแป้งเชียงซ้อนแล้วก็ผลไม้นะเรา
01:29:26 → 01:29:29 เคยไล้เรื่องนี้ไปค่อนข้างละเอียดแต่ก็
01:29:29 → 01:29:32 นานไปละนะฮะนะนี้หมอก็มาเติมให้ว่าใน
01:29:32 → 01:29:36 ปัจจุบันเนี่ยมันมีงานวิจัยที่เกิดการแยก
01:29:36 → 01:29:40 แยะนะในเรื่องของการกินพการคับต่ำและมี
01:29:40 → 01:29:43 หลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาเติมคาฟที่เป็น
01:29:43 → 01:29:48 ผลไม้นะอยู่ 3 เรื่องนะฮะ 1 นะฮะผลไม้ที่
01:29:48 → 01:29:53 จะมาเติมเนี่ยมีอ่าปริมาณฟุกโตสนะต่ำแค่
01:29:53 → 01:29:57 ไหนไนะฮะต่ำแค่ไหนคำว่าฟุสต่ำนะที่ร่าง
01:29:57 → 01:30:01 กายพอจะบริหารจัดการได้หรือตับเนี่ยนะไม่
01:30:01 → 01:30:04 เป็นการที่จะทำลายตับทำร้ายตับมากเกินไป
01:30:04 → 01:30:07 คือต้องน้อยกว่า 10 กรัมนะเอคือวันนึง
01:30:07 → 01:30:10 เนี่ยตับมันจะรับฟลุกโตสได้ไม่เกิน 20-25
01:30:10 → 01:30:15 กรัมนะเท่านั้นแหละนะฮะนะนะเพราะฉะนั้น
01:30:15 → 01:30:19 เนี่ยนะเนี่ยฟุกโตสนะในเกณฑ์เฉลี่ยของ
01:30:19 → 01:30:22 ผลไม้ 1 ขีดหรือ 100 กรัมเนี่ยนะควรจะ
01:30:22 → 01:30:25 ต้องไม่เกิน 10 กรัมนะเดี๋ยวมีอะไรบ้างนะ
01:30:25 → 01:30:28 ฮะนะอันที่ 2 เนี่ยหลักเกณฑ์ในการพิจารณา
01:30:28 → 01:30:32 คือต้องมีสารยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลนะนะ
01:30:32 → 01:30:37 น้ำตาลในผลไม้เนี่ยมันก็จะมีอะไรมีกลูโคส
01:30:37 → 01:30:40 มีฟรุกโตสฟรุกโตสจะเป็นส่วนใหญ่แล้วมี
01:30:40 → 01:30:43 ซูโคสซูโคสมันจะเป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่นะ
01:30:43 → 01:30:47 ที่จะเป็นฟรุกโตสกับกลูโคสอยู่ด้วยกันนะ
01:30:47 → 01:30:51 อก็จะมีน้ำตาลอื่นๆอีกนะแต่เป็นส่วนน้อย
01:30:51 → 01:30:55 แต่หลักๆก็คือ 3 อย่างนี้ซูโคสฟุกโตส
01:30:55 → 01:30:59 กูโคสนะนะทีนี้น้ำตาลพวกเนี้ยนะนะโดย
01:30:59 → 01:31:03 เฉพาะนะกูโคสกับฟุกโตสเนี่ยมันจะมีประตู
01:31:03 → 01:31:08 ทางเข้านะประตูทางเข้าสารที่อยู่ในผลไม้
01:31:08 → 01:31:12 เนี่ยมันมีผลในการที่จะเป็นบล็อกนะประตู
01:31:12 → 01:31:15 ช่องประตูทางเข้าของกูโค้ดนะประตูนี้เ
01:31:16 → 01:31:21 เรียกว่าเนี่ยเป็นชื่อย่อ SG lt1 นะฮะนะ
01:31:21 → 01:31:24 อะไรทอตอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะถ้าถ้าบล็อก
01:31:24 → 01:31:28 ฟุสเนี่ยก็คือกัดไฟทนะกัดไฟทุไฟทกัดไฟท
01:31:28 → 01:31:32 อะไรนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราพิจารณาสาร
01:31:32 → 01:31:36 ยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสฟรุกโตสนะฮะ
01:31:36 → 01:31:38 ต่อไปพิจารณาว่าผลไม้นั้นมีสารยับยั้ง
01:31:38 → 01:31:43 เอนไซม์ย่อยแป้งคืออเลสนะเราเอา 3 เรื่อง
01:31:43 → 01:31:47 เนี้ยมาเป็นตัวพิจารณาที่จะจัดสรรกลุ่มนะ
01:31:47 → 01:31:52 ของผลไม้ที่พอจะกินได้สลับไปสลับมานะฮะนะ
01:31:52 → 01:31:54 เพราะฉะนั้นกลุ่มแรกเลยเนี่ยอะโวคาโดนำ
01:31:54 → 01:31:57 หน้าเลยแล้วก็เลมอนแล้วก็มะนาวนะกลุ่มนี้
01:31:57 → 01:32:01 ฟรุกโตสน้อยเนาะน้อยคือน้อยกว่า 1 กรัม
01:32:01 → 01:32:05 ต่อ 1 ขีดนะฮะนะมีสารยับยั้งการดูดซึมน้ำ
01:32:05 → 01:32:11 ตาลนะฮะนะคือบล็อกฟุกโตสทางกัดไฟนะฮะนะ
01:32:11 → 01:32:15 เนี่ยนะเพราะฉะนั้นอะโวคาโดเลมอนมะนาวนะ
01:32:15 → 01:32:19 ก็อาจจะกินได้บ่อยๆอกว่าชนิดอื่นๆ
01:32:19 → 01:32:23 นะต่อไปกลุ่มที่ 2 คือพวกเบอร์รี่ที่เป็น
01:32:23 → 01:32:26 สีดำดำๆเข้มๆมีแบคเบอรี่ราสเบอรี่
01:32:27 → 01:32:30 สตอเบอร์รี่นะฮะพวกนี้ฟุกโตสก็ไม่เยอะนะ
01:32:30 → 01:32:34 ฮะ 2-5 กรัมต่อขีดนึงแล้วมีสารยับยั้ง
01:32:34 → 01:32:38 เอนไซมเป็น am inhibit นะฮะนะอสเป็นตัว
01:32:39 → 01:32:41 ย่อยแป้งนะฮะนะเพราะฉะนั้นพวกนี้เนี่ย
01:32:41 → 01:32:45 เอ่อก็จะมีประโยชน์นะฮะในการที่จะนำมาใช้
01:32:45 → 01:32:48 เลือกกินกลุ่ม 1 กล่อม 2 เนี่ยจึงได้รับ
01:32:48 → 01:32:52 ความนิยมเยอะมากนะกลุ่มที่ 3 คือเฟกับ
01:32:52 → 01:32:55 บลูเบอร์รี่นะฮะแต่กลุ่มนี้ฟุสเนี่ยก็จะ
01:32:55 → 01:32:59 เยอะหน่อยก็คือ 6-10 กรัมต่อขีดนึงนะแต่
01:32:59 → 01:33:04 เขาจะมีอ่าสารตัวบล็อกกลูโคสเนี่ยนะนะ
01:33:04 → 01:33:09 ด้วยด้วยนะเกฟกับบลูเบอร์รี่นะอเพราะ
01:33:09 → 01:33:11 ฉะนั้นนะฮะนะอันนี้ก็เป็นเรื่องราวของ
01:33:11 → 01:33:16 ผลไม้ที่เราจะเลือกกินเอ่อเพื่อจะเเรียก
01:33:16 → 01:33:20 ว่าปรับระดับน้ำตาลหรือพยายามที่จะเ่อควบ
01:33:20 → 01:33:25 คุมน้ำตาลในเลือดมันไม่ให้สวิงนะฮะ
01:33:25 → 01:33:30 ก็หมดแล้วอ่ะจริงๆวันเนี้หมดแค่นี้แหละ
01:33:30 → 01:33:35 นะมีใครสงสัยอะไรมั้ยจริงๆเนี่ยมันจะมี 2
01:33:35 → 01:33:39 หน้านี่แหละเป็น 2 หน้าหลักนะอไอ้พวกเพ
01:33:39 → 01:33:44 ว่าลม้ที่เป็นเบอร์รี่เี่ต้องกินเน้นเป็น
01:33:44 → 01:33:47 เป็นสดอย่างเดียวใช่มครับหรือเป็นพวกอ๋อ
01:33:48 → 01:33:53 ฟีดอะไรได้มครับผมได้สดก็ได้ฟีดก็ได้นะ
01:33:53 → 01:33:55 แต่ว่าอย่างกลุ่มที่ 1 เนี่ยส่วนใหญ่เรา
01:33:55 → 01:33:58 ก็กินสดนะแล้วก็ค่อนข้างคุ้นน่ะโวคาโด
01:33:58 → 01:34:02 เลมอนมะนาวเนี่ยใช่ครับแล้วอย่างส้มจี๊ด
01:34:02 → 01:34:04 นี่จัดอยู่ในหมวดไหนอ่ะครับส้มจี๊ดจัด
01:34:05 → 01:34:09 อยู่มะนาวนะฮะมะนาวครับผมกลุ่มแรกนะแล้ว
01:34:09 → 01:34:15 ก็มีอะไรอนะที่ฝาดๆหน่อยอ่ะนะส้มจี๊ดมัน
01:34:15 → 01:34:17 ไม่ใช่เกฟุเหรอ
01:34:17 → 01:34:20 ครับส้ม
01:34:20 → 01:34:24 จี๊ดส้มจี๊ดบ้านเราใช่มยส้มจี๊ดบ้านเรา
01:34:24 → 01:34:27 ไม่ใช่เกฟน่ะ
01:34:27 → 01:34:32 นะมะขามป้อมครับเออมะขามป้อมนะพวกเอยู่ใน
01:34:32 → 01:34:37 เนี้ยคือมันไม่สากลไงนะอย่างส้มจี๊ดมะขาม
01:34:37 → 01:34:38 ป้อมเนี่ย
01:34:38 → 01:34:42 เอ่อมันก็เป็นผลไม้เฉพาะถิ่นน่ะนะมันไม่
01:34:42 → 01:34:47 ไม่ไม่ไม่สากลแบบมะนาวลามใช่มนะเลมอน
01:34:47 → 01:34:50 อโวกาโดอะไรอย่าเงี้ยตอนนี้ก็กระจายไป
01:34:50 → 01:34:52 ทั่วโลกะนะหรือแบคเบอรี่ราสเบอรี่
01:34:52 → 01:34:58 สตรอเบอร์รี่อะไรเงี้ย
01:34:58 → 01:35:01 คือผลไม้ตามพื้นถิ่นของเราอ่ะนะมันก็น่า
01:35:02 → 01:35:05 จะอยู่ในกลุ่มที่ 1 นี่แหละคิดว่านะนะ
01:35:05 → 01:35:08 เพียงแต่มันไม่ได้ World Wi ไม่เป็นแบบ
01:35:08 → 01:35:11 อินเตอร์หน่อย
01:35:11 → 01:35:20 อแล้วก็คล้ายๆเบอร์รี่
01:35:20 → 01:35:25 อือครับมีคำถามครับพี่หมอเออคุณมิกกี้ถาม
01:35:25 → 01:35:27 ว่าจะสังเกตได้ยังไงว่ามันคืออินซูลิน
01:35:27 → 01:35:31 ก้าวล้าวอ่ะครับโอ้โห
01:35:31 → 01:35:37 เอ๊เราโพสต์ไปเยอะอยู่แล้วอ่ะ
01:35:37 → 01:35:42 นะอาการแสดงคร่าวๆนะฮะพี่หมออาการแสดง
01:35:42 → 01:35:46 เหรอ
01:35:46 → 01:35:50 อืประมาประมาณว่าหิวเร็วหิวบ่อยหรือว่า
01:35:50 → 01:35:52 กินเสร็จกินแล้วก็รู้สึกว่าทำไมมันรู้สึก
01:35:52 → 01:35:54 วูบวาบ
01:35:54 → 01:35:59 น้ำตาลตกหว่าจะหิวโหยจะเร็วขึ้นใช่มครับ
01:35:59 → 01:36:01 ในในเรื่องอาการเนี่ยเขายังไม่มี
01:36:01 → 01:36:05 ไครทีเรียที่จะระบุมาเพราะว่าคำๆเนี้ยนะ
01:36:05 → 01:36:08 ที่เเรียกว่านี่แหละ aggressive insulin
01:36:08 → 01:36:12 เนี่ยมันก็เป็นคำที่ที่่งเกิดขึ้นใหม่ๆ
01:36:12 → 01:36:16 เหล่าเยนะเยังไม่มีการบัญญัติ definition
01:36:17 → 01:36:21 เนี่ยแต่เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่แค่ปริมาณไ
01:36:21 → 01:36:24 คือไม่ใช่แค่จำนวนหรือปปริมาณอินซูลิน
01:36:24 → 01:36:27 เนี่ยนะที่มันเป็นตัวเลขขึ้นไปที่เราจะ
01:36:27 → 01:36:31 วัดได้นะแต่มันเป็นเรื่องของของลักษณะ
01:36:31 → 01:36:34 พฤติกรรมหรือคาแรคเตอร์ของตัวอินซูลิน
01:36:34 → 01:36:38 เนี่ยมันเป็นอย่างนี้นะซึ่งในแง่ของอาการ
01:36:38 → 01:36:42 และอาการแสดงเนี่ยมันมันก็ยังไม่มีการ
01:36:42 → 01:36:45 ระบุออกมานะเนี่ยแต่เราก็มาใช้ทับศัพท์
01:36:45 → 01:36:49 เป็นคำว่าอย่างเงี้ยอินซูลิน้าล้าวนะแล้ว
01:36:49 → 01:36:52 อะไรบ้างที่มันเป็นอินซูลินก้าวร้าวเนี่ย
01:36:52 → 01:36:56 อันเนี้ยลองไปพิมพ์ในเพจเลยนะซึ่งหมอก็
01:36:56 → 01:37:00 เคยฉายไปหลายครั้งะนะจริงๆพูดเยอะมากเลย
01:37:00 → 01:37:04 นะครับอืใช่พูดเยอะมากอยู่อินซูลิน้าร้าว
01:37:04 → 01:37:10 ดูนะอินซูลิน้าร้าว
01:37:10 → 01:37:12 นะ
01:37:12 → 01:37:16 ต้องย้อนไปดู EP ต้นๆนะครับประมาณ Ep ที่
01:37:16 → 01:37:21 30 กว่ามีพูดไลฟเกี่ยวกับอินซูลินดุเด่น
01:37:21 → 01:37:24 ดื้อครับผมใช่ได้
01:37:24 → 01:37:31 โออเดี๋ยวหมอมีอะไรกนิดนึงนะฮะลืมไปนะคือ
01:37:31 → 01:37:33 คือวันเนี้ยเราจะจบเรื่องไทรรอยด์นะฮะแต่
01:37:33 → 01:37:36 อย่างนึงที่อยากจะให้พวกเรารู้เนี่ยก็คือ
01:37:36 → 01:37:41 ไทรรอยด์มีความสัมพันธ์ยังไงกับไตกับไตนะ
01:37:41 → 01:37:45 คือเรารู้ว่านะในกฎเกณฑ์ของพลังงานเนี่ย
01:37:45 → 01:37:49 นะนะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามี Energy
01:37:49 → 01:37:52 inbalance นะนะซึ่งมักจะเป็นเรื่องไม่พอ
01:37:52 → 01:37:57 ไม่ถึงขไปอะไรต่างๆนะหรือกินผิดนี่แหละ
01:37:57 → 01:38:01 เราใช้คำว่ากินผิดนะฮะเนี่ยอวัยวะที่รับ
01:38:01 → 01:38:05 ผลกระทบอันดับแรกเลยคือไตนะฮะส่วนฮอร์โมน
01:38:05 → 01:38:07 นะฮอร์โมนที่ได้รับผลกระทบอันดับแรกคือ
01:38:08 → 01:38:11 ต่อมไทรอยนะคือไทรรอยด์อ่ะนะไทรรอยด์ก
01:38:11 → 01:38:15 ต่อมไทรอยด์นะแล้วสุดท้ายฮอร์โมนตัวลำดับ
01:38:15 → 01:38:19 ต่อไปก็คือคอร์ติซอลนะฮะนะคอร์ติซอลนะนะ
01:38:19 → 01:38:23 อ่ะนะทีนี้ผลต่างๆเหล่าเนี้ยนะ
01:38:23 → 01:38:28 เราเคยมีการพูดถึงนะฮะอย่างอันนี้ขอบอกนะ
01:38:28 → 01:38:30 ฮะว่าเรื่องของไทรรอยด์เนี่ยเขามากับ
01:38:30 → 01:38:35 อินซูลินแต่อินซูลินที่ไทรรอยด์เจะมาด้วย
01:38:35 → 01:38:38 เนี่ยนะต้องเป็นอินซูลินในตอน physiologic
01:38:38 → 01:38:42 อิซู sensitivity นะฮะนะก็คือตอนเย็นๆ
01:38:42 → 01:38:46 เท่านั้นเท่านั้นนะนะอันนี้เป็นกฎเกณฑ์นะ
01:38:46 → 01:38:50 ของธรรมชาติร่างกายนะนะไม่ใช่อินซูลิน
01:38:50 → 01:38:53 ก้าวร้าวนะฮะนะแล้วขณะเดียวกันเนี่ยการ
01:38:53 → 01:38:57 Activate ไทรรอยเนี่ยนะก็มีที่ตับลำไส้
01:38:57 → 01:39:01 แล้วก็ไตนะฮะหลักๆคือที่ตับนะฮะถ้าตับเรา
01:39:01 → 01:39:06 ดีตับเราดีปกติดีเลยเนี่ยนะฮะนะการ
01:39:06 → 01:39:09 Activate ไทรรอยที่ตับจะประมาณเกือบ 80%
01:39:09 → 01:39:14 นะฮะแล้วที่เหลือประมาณ 15 -20% เนี่ย
01:39:14 → 01:39:18 เป็นการ Activate ที่ลำไส้นะฮะเอ้ยโทษที
01:39:18 → 01:39:22 เป็นการ activate ที่ไตนะฮะที่ไตแต่เมื่อ
01:39:22 → 01:39:26 ไหร่เนี่ยตับไม่ดีนะฮะนะลำไส้จะมาช่วยใน
01:39:26 → 01:39:30 การ Activate ไทรรอยนะฮะนะเนี่ยเพราะ
01:39:30 → 01:39:34 ฉะนั้นสัดส่วนเนี่ยนะถ้าเกิดนะอ่าตามปกติ
01:39:34 → 01:39:37 ก็คือประมาณอยู่ในตัวเลขที่แสดงเหนะฮะแต่
01:39:37 → 01:39:41 ถ้าเมื่อไหร่ถ้าเมื่อไหร่นะตับนะอ่าไม่
01:39:41 → 01:39:45 ค่อยปกตินักนะนะการ Activate ไทรอยที่ตับ
01:39:45 → 01:39:49 ก็จะลดลงนะนะร่างกายจะเรียก compensate
01:39:49 → 01:39:52 หรรือเปล่ามาให้ลำไส้กับไต activate
01:39:52 → 01:39:55 เพิ่มขึึ้นนะฮะนะซึ่งไตเนี่ยสามารถ
01:39:55 → 01:39:59 Activate ไทรรอยได้สูงสุดก็ประมาณ 20%
01:39:59 → 01:40:03 นะ 15 -20% นะฮะนะแต่ตัวที่จะมาทำงานแทน
01:40:03 → 01:40:05 ตับถ้าตับเดี้ยงตับไม่ค่อยดีอะไรอย่างี้
01:40:06 → 01:40:09 นะก็คือลำไส้เนี่ยมันจะมาเป็นตัวเลขเหล่า
01:40:09 → 01:40:12 เนะแต่โดยทั่วไปอ่ะลำไส้เขาจะ Activate
01:40:12 → 01:40:15 ไทรอยน้อยนะฮะนะนะประมาณ 5% 10% อะไร
01:40:15 → 01:40:18 อย่าเงี้ยนะนะถ้าตับดีไปที่ตับเป็นหลัก
01:40:18 → 01:40:23 อันนี้การ activate ไทรรอยที่ไตก็จะส่งส
01:40:23 → 01:40:27 ผลดีต่อไตนะในโดยเฉพาะในกรณีที่ไตมัน
01:40:27 → 01:40:32 เสื่อมนะเราเป็น ckd นะระยะที่เท่าไหร่
01:40:32 → 01:40:34 เท่าไหร่ก็ตามโดยเฉพาะที่ต่ำกว่า 90
01:40:34 → 01:40:39 เนี่ยนะฮะนะเรื่องของอ่าการที่ให้ไทรอย
01:40:39 → 01:40:42 เนี่ย Activate ดีๆที่ตับที่ไตเนี่ยนะจะ
01:40:42 → 01:40:46 สำคัญนะเพราะว่าการซ่อมไตเนี่ยเราต้องใช้
01:40:46 → 01:40:50 ไทรรอยนะฮะต้องใช้ไทรอยนะ
01:40:50 → 01:40:54 เทีนี้อ่าอีกอันนึงก็คือไทรรอยด์เนี่ยนะ
01:40:54 → 01:40:56 ตัวที่มีผลคือเรื่องของ Energy Balance
01:40:57 → 01:41:01 รือ imbalance นะฮะโดยนะตัวแคลอรี่จะมีผล
01:41:01 → 01:41:03 ต่อการทำงานของไทรรอยด์มากที่สุดตัวสาร
01:41:03 → 01:41:06 อาหารจะมีผลต่อตัวการสร้างของไทรรอยด์ที่
01:41:06 → 01:41:10 จะเป็น Active form ต่างๆนะฮะอ่าหลังจาก
01:41:10 → 01:41:12 นั้นเนี่ยไทรรอยด์เป็นโครงสร้างนะของ
01:41:12 → 01:41:15 เอนไซม์ที่มันเป็นโปรตีนนะเพราะฉะนั้นคุณ
01:41:15 → 01:41:18 จะต้องได้โปรตีนคุณภาพและปริมาณและความ
01:41:18 → 01:41:21 หลากหลายคุณภาพกับปริมาณโปรตีนสำคัญมาก
01:41:21 → 01:41:24 ต่อไทรรอยด์นะฮะเรื่องของคาฟก็คืออยู่ที่
01:41:24 → 01:41:28 ปริมาณและเวลาที่กินนะฮะนะเรื่องของไขมัน
01:41:28 → 01:41:31 นะเรื่องไขมันเนี่ยมันก็จะมีทั้ง DIY Fat
01:41:31 → 01:41:35 และไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายนะฮะนะเขาก็
01:41:35 → 01:41:38 บอกว่า DIY Fat ที่กินโดยเฉพาะในมื้อแรก
01:41:38 → 01:41:42 มื้อแรกนะฮะพวกนี้นะจะไม่ค่อยมีผลต่อ
01:41:42 → 01:41:45 ไทรรอยด์คือไทรรอยด์จะไม่ออกมาทำงานใน
01:41:45 → 01:41:48 ช่วงมื้อแรกๆนะเพราะไทรรอยด์เขาเป็น
01:41:48 → 01:41:50 ฮอร์โมนที่เขาขึ้นอยู่กับอินซูลิน
01:41:51 → 01:41:53 อินซูลินมาตอนเย็นไทรอยด์จะมาต่อจาก
01:41:53 → 01:41:57 อินซูลินนะก็คือมาตอนหัวค่ำไม่เกินเที่ยง
01:41:57 → 01:42:04 คืนะนะแต่นะตัว DIY Fat เนี่ยนะนะที่ที่
01:42:04 → 01:42:07 กินในมื้อแรกและเกิดการเผาผลาญนะฮะถ้ากิน
01:42:07 → 01:42:11 ถูกนะนะ Day มากกว่าไหนเนี่ยคือเลปตินนะฮ
01:42:11 → 01:42:13 เพราะงั้นเลปตินซึ่งเป็นคู่ลักษณของ
01:42:13 → 01:42:15 ไทรรอยด์เนี่ยเขาจะทำงานให้เราในช่วงกลาง
01:42:15 → 01:42:18 วันนะฮะเพียแต่เมีเงื่อนไขหมอก็บอกไปแล้ว
01:42:19 → 01:42:22 นะฮะส่วนไขมันที่สะสมในร่างกายเนี่ยนะ
01:42:22 → 01:42:25 เนี่ยนะอันนี้เนี่ยจะเกิดการเผาผาในตอน
01:42:25 → 01:42:28 กลางคืนใช่มั้ยล่ะนะเพราะว่าอะไรเพราะว่า
01:42:28 → 01:42:31 ถ้าเกิดเราทำอะไรต่างๆถูกต้องที่สุดแล้ว
01:42:31 → 01:42:34 เนี่ยร่างกายเราจะหลับนะอินซูลินทำให้เรา
01:42:35 → 01:42:39 หลับหลับเสร็จก็จะเผาฮะนะเบิรนเบนบนๆจะ
01:42:39 → 01:42:44 เกิดภายหลังเราหลับอ่าลึกสนิทยาวนานนะฮะ
01:42:44 → 01:42:47 เพรางั้นการเผาผลาญสะสมไขมันเ่อของร่าง
01:42:47 → 01:42:51 กายเนี่ยนะอ่าก็เกิดในเวลากลางคืนนะโดย
01:42:51 → 01:42:54 ตัวประเดิมที่จะเปิดอ่ากระบวนการเผาผลาญ
01:42:54 → 01:42:57 ก่อนเลยก็คือไทรรอยด์นะฮะซึ่งหลังจาก
01:42:57 → 01:43:01 อินซูลินค่อยๆหายไปค่อยๆไปพักเนี่ยนะแต่
01:43:01 → 01:43:04 ไทรรอยด์เนี่ยเขาจะเผาที่ไหนก่อนนะเขาจะ
01:43:04 → 01:43:08 เผาที่ไตก่อนนะที่ตับนะแล้วก็พวก viser
01:43:08 → 01:43:12 Fat นะฮะเขาจะเลือกไขมันสะสมเหล่านี้มา
01:43:12 → 01:43:15 ทำงานมาเผาเพราะฉะนั้นอยากลดไขมันใน
01:43:15 → 01:43:18 ตำแหน่งเหล่านี้อยากลดไขมันพอกตับอยากให้
01:43:18 → 01:43:22 ไตทำงานดีขึ้นอยากให้ตัว viser Fat ex
01:43:22 → 01:43:24 pit fat ที่อยู่ในช่องท้องให้
01:43:24 → 01:43:28 เปอร์เซ็นต์มันลดลงนะคุณก็ต้องนอนนะต้อง
01:43:28 → 01:43:31 หลับต้องให้อินซูลินจากไปต้องให้ไทรรอย
01:43:32 → 01:43:35 เอ่อขึ้นมาอะไรต่างๆนะโดยเฉพาะก่อนเที่ยง
01:43:35 → 01:43:40 คืนก่อนเที่ยงคืนนะฮะนะอันนี้ถึงจะเกิด
01:43:40 → 01:43:43 มันเป็นช่วงเวลาทองอนะพี่หมอก็ใช่ถ้าถ้า
01:43:43 → 01:43:46 กินมื้อเย็นผิดแล้วอินซูลินมาไม่หยุดนี่
01:43:46 → 01:43:50 มันก็การสลายไขมันที่มันพอกตามไตตามตับ
01:43:50 → 01:43:55 เนี่ยมันก็แย่ลงไปด้วยพี่เหมาะถูกต้องนะ
01:43:55 → 01:43:59 เพราะฉะนั้นปริมาณการกินอย่างพอดีอะไร
01:43:59 → 01:44:02 ต่างๆที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยนะก็จะมีความ
01:44:02 → 01:44:05 สำคัญต่อภาพรวมวันนี้โดยเฉพาะการทำงานของ
01:44:05 → 01:44:08 ไทรรอยด์นะฮะการทำงานของไทรอยด์คณอยาก
01:44:08 → 01:44:11 ฟื้นไตใช่มั้ยคุณเป็นไต ckd ใช่มั้ยคุณ
01:44:11 → 01:44:14 ต้องให้ไทรรอยด์ทำงานแล้วไทรรอยด์เทำงาน
01:44:14 → 01:44:16 เมื่อไหร่ล่ะเไม่ได้ทำงานตลอด 24 ช่วโมง
01:44:16 → 01:44:21 นะฮะเทำงานตอนหลังจากอินซูลินไปแล้วก็คือ
01:44:21 → 01:44:25 หลังอาหารมื้อเย็นนะนะเพราะงั้นให้ ckd
01:44:25 → 01:44:29 มันเปลี่ยนสตนะจาก 3A มาเป็น 2 มาเป็น 1
01:44:29 → 01:44:33 ได้ไหมอยากจะชโยหหฮิ้วอ่ะนะคุณก็ต้องนอน
01:44:33 → 01:44:38 ต้องให้ไทรรอยด์เทำงานนะนะพี่หมอระหว่าง
01:44:38 → 01:44:41 ไทรรอยด์กับคีโตนนะ
01:44:41 → 01:44:44 ครับคือยังไงคือคีโตนเนี่ยจะเกิดขึ้น
01:44:44 → 01:44:50 เพราะเลปตินนะเลปตินนะนะไทรรอยด์ก็เกิดนะ
01:44:50 → 01:44:53 ฮะคีโตนก็เกิดคือคีโตนน่ะมันเป็นเรื่อง
01:44:53 → 01:44:57 ของเรื่องของสารอาหารที่ตับเเก็จะเปลี่ยน
01:44:57 → 01:45:01 คืออย่างงี้นะถ้าเราเราเอาเอาไทรอยด์ออก
01:45:01 → 01:45:04 มาให้ได้ก่อนนะอันที่ 1 นะฮะแล้วไทรรอยด์
01:45:04 → 01:45:07 เนี่ยเจะเผาไขมันที่ตับเนี่ยการเผาไขมัน
01:45:07 → 01:45:11 ที่ตับเนี่ยมันจะได้ขี่โตนมันจะได้คีโตน
01:45:11 → 01:45:15 นะไขมันที่ไตก็จะได้คีโตนนะนะ with Fat
01:45:15 → 01:45:20 exid Fat ก็เอามาเผาที่ตับอ่านี่แหละนะ
01:45:20 → 01:45:23 มันก็ได้คีโตนแต่ถ้าไม่ได้คีโนเพราะ
01:45:23 → 01:45:27 สถานการณ์ไม่เหมาะสมมันก็ยังได้เป็นรี fy
01:45:27 → 01:45:31 Acid อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะเกิดขึ้นนะฮะ
01:45:31 → 01:45:35 เเพราะ Only One เนี่ยก็คือไทรรอยด์เเผา
01:45:35 → 01:45:39 เฉพาะไขมันฮะนะเลปตินก็เผาเฉพาะไขมันเไม่
01:45:39 → 01:45:42 ได้เผาคาฟเไม่ได้เผาโปรตีนนะ
01:45:43 → 01:45:47 ฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยต้องมีไขมันให้เขาเผา
01:45:47 → 01:45:51 นะทั้งไทรรอยด์ทั้งเลปตินเหล่าเนี้ยนะอ่า
01:45:51 → 01:45:53 แล้วเลปตินเนี่ยเทำงานต่อจากไทรรอยด์หลัง
01:45:53 → 01:45:56 จากไทรอยด์ลดลงระดับลงไปแล้วเนี่ยนะฮะนะ
01:45:57 → 01:46:02 นี่แหละนะเปติเก็จะเผาสับคิ Fat นะเพราะ
01:46:02 → 01:46:07 ฉะนั้นถ้าอยากลดขนาดของร่างกายนะโดยเฉพาะ
01:46:07 → 01:46:09 ไขมันที่สะสมเนี่ยก็ต้องให้เลปตินออกมา
01:46:09 → 01:46:13 เผาต่อให้ได้ให้ได้นะเพราะฉะนั้นอินซูลิน
01:46:13 → 01:46:19 นะจะต้องให้หายไปนะนะไม่ใช่ยังค้างคาหรือ
01:46:20 → 01:46:23 ยังเยอะอะไรอยู่อย่างเงี้ยนะนะเลตเค้าก็
01:46:23 → 01:46:26 ไม่มาเผา่ะนะฮะ
01:46:26 → 01:46:31 เออนะเพราะฉะนั้นนะสำคัญมากนะไทรรอยนะ
01:46:31 → 01:46:35 ต้องทำงานอย่างปกติต้องถูก activate นะ
01:46:35 → 01:46:39 และสามารถทำงานได้แบบขยันยนะฮะไม่เดี้ยง
01:46:39 → 01:46:42 อ่าไม่ขี้เกียจอะไรอย่างี้นะฮะนะส่วน
01:46:42 → 01:46:46 เลปตินเนี่ยเงื่อนไขของเขาคก็คือหลังจากเ
01:46:46 → 01:46:49 ทำให้เรารู้สึกอิ่มแล้วนะนะการที่เขาจะ
01:46:49 → 01:46:53 เผาผลาญต่อเนี่ยนะปริมาณคต้องพอดีไม่หลง
01:46:53 → 01:46:56 เหลือที่จะไปกระตุ้นอินซูลินตัวพ่อออกมา
01:46:56 → 01:47:00 เปิดบนของการสะสมพลังงานกลายเป็นไตกิสาล
01:47:00 → 01:47:03 นะฮะเพราะฉะนั้นทุกอย่างก็คืออยู่ในเกณฑ์
01:47:03 → 01:47:08 ที่ว่าต้องพอดีพอดีอ่านะแล้วเมื่อไหร่ก็
01:47:08 → 01:47:11 ตามที่ไทรอยด์กับเลปตินสามารถเผาผลาญไข
01:47:11 → 01:47:16 มันได้ทั้งกลางวันกลางคืนอย่างดีอย่างดี
01:47:16 → 01:47:20 อย่างขยันนะเมื่อนั้นเนี่ยก็จะเป็นการลด
01:47:20 → 01:47:25 บทบาทนะหรือเป็นการควบคุมคอซอลไปใน
01:47:25 → 01:47:29 ตัวงั้นใครที่บอกว่าแล้วเนี่ยเ่อเครียด
01:47:29 → 01:47:34 คอร์ติซอลเยอะนะเอ่ออะไรอ่ะต่อมหมวกไตล้า
01:47:34 → 01:47:37 อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะเจะจะลดคอร์ติซอล
01:47:37 → 01:47:40 ยังไงจะลดคอร์ติซอลอะไรต่างๆเนี่ยก็ต้อง
01:47:40 → 01:47:45 ให้ตัวไทรรอยด์กมินเนี่ยเทำงานถูกต้องนะ
01:47:45 → 01:47:51 ฮะเนี่ยอย่างงนี้นะฮะนะเออพอเข้าใจหือยัง
01:47:51 → 01:47:55 นะแล้วจะแก้ปัญหาฟมอยังไงมอมันมาเพราะ
01:47:55 → 01:47:58 อะไรนะส่วนใหญ่มันก็มาเพราะฮอร์โมนตัวแม่
01:47:58 → 01:48:02 น่ะนะเพราะอะไรอ่ะเพราะมื้อเย็นไงนะกิน
01:48:02 → 01:48:07 คาฟไม่พอนะร่างกายไม่ได้ตับไม่สามารถ
01:48:07 → 01:48:11 บรรจุไกลโคเจนได้เต็มอย่างเงี้ยนะเพื่อจะ
01:48:11 → 01:48:14 ได้เป็นให้คอร์ติซอลเขสั่งการให้สลายออก
01:48:14 → 01:48:18 มาใช้ได้เพียงพอตอนเช้านะเนี่ยนะมันก็
01:48:18 → 01:48:23 เกิดฟมอนะอย่างเงี้ยนะเราก็ต้องต้องควบ
01:48:23 → 01:48:26 คุมให้ได้นะฮะนะอย่างไรก็ตามเนี่ยนะเนี่ย
01:48:26 → 01:48:29 ทั้งไทรรอยด์และเรตินเนี่ยนะอ่าเขาเป็น
01:48:29 → 01:48:32 ตัวควบคุมคอร์ติซอลไปในตัวอยู่แล้วนะแล้ว
01:48:32 → 01:48:35 ก็เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าตับเนี่ยนะมันต้อง
01:48:35 → 01:48:39 มีอะไรต่างๆนะที่จะไปทำให้คอร์ติซอลเนี่ย
01:48:39 → 01:48:40 นะ
01:48:40 → 01:48:45 เอ่อคือตับเนี่ยมีการตอบสนองแบบดื้อด้าน
01:48:45 → 01:48:47 ต่อคอร์ติซอลหน่อยนะที่จะมาให้เคเผาน้ำ
01:48:47 → 01:48:50 ตาลน้ำตาลมันจะได้ไม่สูงก็ต้องมีวิตามิน
01:48:50 → 01:48:53 เอไงนะเพราะฉะนั้นมื้อเย็นเนี่ยก็ต้องกิน
01:48:53 → 01:48:56 เครื่องในกินตับนะเกินเลือดหมูกินอะไร
01:48:56 → 01:49:00 ต่างๆนะเอ่อวันนั้นที่ไลฟเรื่องวิธีการ
01:49:00 → 01:49:06 แก้ปัญหาฟมอเนานะก็เนี่ยกินโลคราฟแล้ว
01:49:06 → 01:49:09 ทำไมอ่าน้ำหนักค้างเอาต่อไม่ได้เพราะส่วน
01:49:09 → 01:49:11 ใหญ่มันเป็นปัญหาเรื่องของไทรรอยด์กับ
01:49:11 → 01:49:17 เลปตินนะเนื่องจาก Energy imbalance นะ
01:49:17 → 01:49:21 อันนี้แค่ทวนนะเดี๋ยวมันจะนานไปนะแล้วก็
01:49:21 → 01:49:24 ปุงไทรรอยด์เนี่ยเนี่ยมันเป็นหาปัญหาของ
01:49:24 → 01:49:27 เรื่องโปรตีนนะเรื่องโปรตีนก็คือคนที่
01:49:27 → 01:49:30 เป็นทรงไทรรอยด์เนี่ยก็จะมีปัญหาอะไร
01:49:30 → 01:49:33 เกี่ยวกับไทรรอยด์นะทำงานต่ำทำงานเยอะทำ
01:49:33 → 01:49:37 งานเพี้ยนอะไรต่างๆนะแล้วเมื่อไหร่นะนะ
01:49:37 → 01:49:40 ที่เรื่องของไทรรอยด์ส่งผลเนี่ยคุณจะมี
01:49:41 → 01:49:44 ลักษณะของบอดี้เป็นแบบพุงไทรรอยด์นะฮะนะ
01:49:44 → 01:49:49 แล้วตัวที่คุณต้องโฟกัสในการแก้ไขอ่าอ่า
01:49:49 → 01:49:54 ดีๆเลยเนี่ยคือโปรตีนกับค้านะฮะนะก็คือ
01:49:54 → 01:49:57 ทั้งโปรตีนทั้งคาร์โบไฮเดรตทั้งไขมันนั่น
01:49:57 → 01:50:00 แหละนะแต่จะเพียรจะอธิบายว่าการสะสมพลัง
01:50:00 → 01:50:02 งานส่วนเกินพวกเนี้ยนะปัญหาส่วนใหญ่มัน
01:50:03 → 01:50:06 อยู่ที่าฟนะอันนี้หมายถึงคุณกิน ow าฟ
01:50:06 → 01:50:08 แล้วด้วยนะ
01:50:08 → 01:50:12 นะก็ต้องไปแก้เรื่องโปรตีนปัญหาส่อยู่ที่
01:50:12 → 01:50:15 โปรตีนโทษีนะเนี่ยแต่คุณก็ต้องแก้ทั้ง
01:50:15 → 01:50:18 โปรตีนทั้งคาฟทั้งไขมันนี่แหละนะฮะเวลา
01:50:18 → 01:50:22 แก้ไทรรอยนะอ่าทีนี้เรามาดูเรื่องไตนิด
01:50:22 → 01:50:24 นึงนะฮะว่ามันจะเกี่ยวข้องกับไทรอยด์ยัง
01:50:24 → 01:50:29 ไงนะฮะก็เราเคยบอกแล้วนะฮะว่าอ่าเรื่อง
01:50:29 → 01:50:31 ของไตเนี่ยเรามีสูตรที่ให้ว่าเป็นคำว่า
01:50:31 → 01:50:36 คิดนี่นะฮะนะอ่า K นี่คือโปแตสเซียมนะใช่
01:50:36 → 01:50:39 มั้ยล่ะอ่าโปแทสเซียมก็สัมพันธ์กับเรื่อง
01:50:39 → 01:50:42 ไอโอดีนด้วยนะฮะเพราะไอโอดีนเนี่ยนะเมี
01:50:42 → 01:50:45 คู่หูคือโปแตสเซียมกับวิตามิน B1 นะฮะนะ
01:50:45 → 01:50:49 นะไอโอดีเนี่ยสำคัญต่อไทรรอยด์นะฮะเพราะ
01:50:49 → 01:50:52 ว่าไทรรอยด์นะจะต้องเผาผลาญพลังงานไปไป
01:50:52 → 01:50:57 ให้ไนะฮะนะงั้น I คือไอโอดีนนะตัว D
01:50:57 → 01:51:02 วิตามิน D นะวิตามินดีต้องพอนะฮะ n คือ
01:51:02 → 01:51:06 โซเดียมนะฮะนะเนี่ยแล้วก็ e คือ Energy
01:51:06 → 01:51:11 นะฮะ Energy Energy ก็คือพลังงานจากไข
01:51:11 → 01:51:15 มันนะฮะพลังงานจากไขมันนะอันนี้สำคัญที่
01:51:15 → 01:51:20 สุดที่จะไปซ่อมไนะฮะเนี่ยอ่าแล้ว Y นะตัว
01:51:20 → 01:51:25 y ก็คือตัวระบบท่อไตนะฮะต่างๆนะมีทั้ง
01:51:25 → 01:51:29 เ่าหลอดเลือดแล้วมีทั้งท่อท่อไตในการกรอง
01:51:29 → 01:51:33 อ่ะนะฮะนะในการกรองของเสียทิ้งนะเนี่ยเรา
01:51:33 → 01:51:36 ใช้สูตรคำว่าคิดนี่นะฮะอันนี้เป็นสูตร
01:51:36 → 01:51:39 คร่าวๆนะฮะส่วนภาวะไตเสื่อมไตวายหรือจะ
01:51:39 → 01:51:43 แก้ปัญหาเรื่องไต ckd ต่างๆเนี่ยนะอันดับ
01:51:43 → 01:51:47 แรกคือพลังงานนะฮะพลังงานแล้วพลังงานที่
01:51:47 → 01:51:50 จะซ่อมตายต้องเป็นพลังงานจาก Good
01:51:50 → 01:51:54 Healthy Fat นะฮะที่มีสารพฤกษาเคมีและ
01:51:54 → 01:51:59 ต้องกินไว้แล้วในมื้อแรกนะในมื้อแรกนะ
01:51:59 → 01:52:02 เนี่ยมันจะเกิดทั้งคีโตนเกิดทั้งเลปติน
01:52:02 → 01:52:05 ไทรอยด์อะไรต่างๆที่จะเอาพลังงานเหล่านี้
01:52:05 → 01:52:08 มาซ่อมไตนะแต่เวลาเวลาที่จะซ่อมไตเนี่ยนะ
01:52:08 → 01:52:11 สำคัญที่สุดก็คือไทรรอยด์นะฮะที่ก็จะทำ
01:52:11 → 01:52:15 งานซ่อมก่อนเที่ยงคืนน้ำต้องพอนะฮะนะสาร
01:52:16 → 01:52:19 อาหารในการซ่อมไตนะฮะเนี่ยก็ต้องเป็น
01:52:19 → 01:52:21 โปรตีนคุณภาพจากพืชมากกว่าสต์เอ้ยจาก
01:52:21 → 01:52:24 สัตว์มากกว่าพืชนะฮะนะหรือบางครั้งเนี่ย
01:52:24 → 01:52:27 ถ้าไตเสื่อมมากเนี่ยอาจจะต้องปรับนะ
01:52:27 → 01:52:30 ปริมาณโปรตีนพืชสัตว์เนี่ยอยู่ในปริมาณ
01:52:30 → 01:52:34 5050 แต่โปรตีนสัตว์จะน้อยกว่าพืชไม่ได้
01:52:35 → 01:52:39 ไม่ได้นะฮะนะแล้วตัวที่พ่วงมากับโปรตีน
01:52:39 → 01:52:42 คือคอเลสเตอรอลกับโอเมก้า 3 ต้องมีต้องมี
01:52:42 → 01:52:46 นะฮะถ้าคุณจะแก้เรื่องไตนะฮะในแนวโลคาฟนะ
01:52:47 → 01:52:51 ฮะนะเกลือต่างๆต้องเพียบพร้อมนะฮะนะเพราะ
01:52:51 → 01:52:54 รองลงมาจากโปแทสเซียมก็คือแมกนีเซียม
01:52:54 → 01:52:59 โซเดียมคลอไรนะแล้วต้องมีกรดให้ไตนะเพราะ
01:52:59 → 01:53:03 ไตเนี่ยเขาจะต้องทำหน้าที่ในการขับกรดไม่
01:53:03 → 01:53:06 ใช่ให้ไตเป็นด่างนะฮะไตเป็นด่างไตทำงาน
01:53:06 → 01:53:11 ไม่ได้ไตก็วายไตก็เสื่อม ckd นั่นแหละนะ
01:53:11 → 01:53:14 ฮะอก็ต้องหากดเปรี้ยวกดไม่เปรี้ยวนะออกมา
01:53:14 → 01:53:19 ให้เค้านะฮะกดซิติกกดอะซิติกกดมารินะส่วน
01:53:19 → 01:53:22 ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการซ่อมไตอ่ะก็คือโด
01:53:23 → 01:53:26 ฮอร์โมนหรือ ig1 นะนะอันนี้เออกมาตอนกลาง
01:53:26 → 01:53:30 คืนอยู่แล้วกลูคากอนนะนะกลูคากอนส่วนใหญ่
01:53:30 → 01:53:35 ออกมาในช่วงของการทำไนะฮะนะเพื่อเสลาย
01:53:35 → 01:53:38 อะไรสลายไกลโคเจนที่ตับนั่นแหละนะฮะอีก
01:53:38 → 01:53:43 ตัวนึงก็คือเตลแิยูติเปตนะฮะนะอันนี้เขา
01:53:43 → 01:53:46 จะออกมาทำงานในการซ่อมไตในเวลากลางคืนนะ
01:53:46 → 01:53:50 ตัวนี้ก็เป็นตัวเก็บเกลือนะเก็บเกลือเก็บ
01:53:50 → 01:53:55 น้ำนะเนี่ยนะเพราะว่าไตต้องทำหน้าที่ใน
01:53:55 → 01:54:01 การกรองน้ำกรองกดนะฮะนะเนี่ยถ้าไม่มีหน้า
01:54:01 → 01:54:04 ที่ไม่มีานี่ก็ทำหน้าที่เขาก็อยู่ไม่ได้
01:54:04 → 01:54:08 เขาก็ขี้น้อยใจแบบไทรรอยด์นะฮะนะกูก็ตาย
01:54:08 → 01:54:12 ดีกว่ากูก็ไม่อยู่แล้วนะฮะนะทีนี้หมอมี
01:54:12 → 01:54:16 อันใหม่อันนี้นะฮะนะในการฟื้นฟูไตแบบก้าว
01:54:16 → 01:54:19 กระโดดแบบเร่งด่วนนะฮะใช้คำว่า water นะ
01:54:19 → 01:54:24 ฮะนะนะคุณจะฟื้นฟูไอ่ะโดยเฉพาะคุณกินเอ่อ
01:54:24 → 01:54:29 โชกคาต่ำแล้วทำไมอ่ะทำไมไตเนี่ยนะมันถึง
01:54:29 → 01:54:34 เกิดภาวะ ckd เ่อมันไม่ 90 มันไม่ใกล้ๆ 90
01:54:34 → 01:54:39 อ่ามันร่วงลงไปเป็นเ่อ kd Stage 2
01:54:39 → 01:54:42 Stage 3A อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะอ่าคือ
01:54:42 → 01:54:46 ปิมๆล่อแร่่อแร่ใกล้ๆ E gmr 6 อะไร
01:54:46 → 01:54:50 อย่างเงี้ยนะฮะนะเอออันเนี้ยนะเราจะฟื้น
01:54:50 → 01:54:53 ฟืยังไงนะฮะใช้คำว่า water นะนะก็คือ 1
01:54:53 → 01:54:58 ต้องน้ำถึงนะต้องน้ำถึงนะแล้วการฟื้นไต
01:54:58 → 01:55:02 เนี่ยคุณต้องเติมน้ำบวกเข้าไปอีก 200-300
01:55:02 → 01:55:06 ซีซีต่อวันด้วยนะฮะเนี่ยนะน้ำต้องถึงนะฮะ
01:55:06 → 01:55:10 นะ W คือ Water ตัว A คือแิดนะฮะต้องมี
01:55:10 → 01:55:15 กรดนะฮะมีกรดนะเพราะว่าไตเเป็นอวัยวะในทำ
01:55:15 → 01:55:19 หน้าที่ในการขับกรดนะฮะนะแล้วกดที่ไตจะ
01:55:19 → 01:55:23 ต้องขับออกนะก็คือกดอินทรีย
01:55:23 → 01:55:26 นะนะกดอินทรีย์ก็มาจาก 2 กดนะฮะคือกด
01:55:27 → 01:55:32 อะมิโนกับกด fy fy Acid นะฮะคือกดไขมัน
01:55:32 → 01:55:36 นะฮะซึ่งทั้งหมดเยเป็น essential นะก็
01:55:36 → 01:55:38 เป็น essential amino Acid essential
01:55:38 → 01:55:42 fy Acid นะฮะร่างกายสร้างเองไม่ได้นะ
01:55:42 → 01:55:45 ต้องกินเข้าไปนะเพื่อจะให้เกิดความเป็นกด
01:55:45 → 01:55:50 ไปให้ทำไตทำหน้าที่นะฮะนะเพราะฉะนั้นนะจะ
01:55:50 → 01:55:54 กิน essential fatty Acid เอลอิโน Acid
01:55:54 → 01:56:00 คุณก็ต้องกินโปรตีนคุณภาพและกินไขมัน Good
01:56:00 → 01:56:02 Healthy Fat นะฮะนะก็เป็นที่มาของการ
01:56:02 → 01:56:05 กิน OC High Food Fat นะฮะเพราะในแง่
01:56:05 → 01:56:10 ของคฟมันไม่มี essential นะแล้วก็ไตแทบจะ
01:56:10 → 01:56:14 ไม่ต้องการอะไรเลยจากคาร์โบไฮเดรตนะฮะไต
01:56:14 → 01:56:19 เวลาที่ฟานะไตสามารถกลูโคนิจิสร้างน้ำตาล
01:56:19 → 01:56:23 ได้นะเอ่อประมาณเท่าไหร่นะ 30% หรรือ
01:56:23 → 01:56:27 เปล่านะเนี่ยจำตัวเลขไม่ได้แล้วก็เยอะเลย
01:56:27 → 01:56:31 ล่ะเยอะพตับอีกรู้สึกจะ 50% นะฮะนะตับนี่
01:56:31 → 01:56:35 น่าจะเหลือซักประมาณเท่าไหร่
01:56:35 → 01:56:40 เอ่อไต 50 ตับเหลือ 30 หรือเปล่าแล้วก็ลำ
01:56:40 → 01:56:45 ไส้เหลือ 15% อะไรอย่างงี้นะฮะนะเนี่ยไต
01:56:45 → 01:56:48 จะสร้างมากเลยเวลาเราฟาดเนี่ยไตเจะสร้าง
01:56:48 → 01:56:52 น้ำตาลนะไตสร้างน้ำตาลนะอ
01:56:52 → 01:56:57 อ่านะเพราะฉะนั้น Water Acid นี่สำคัญนะ
01:56:57 → 01:57:00 สำคัญต่อหน้าที่การทำงานของไตและอีกอย่าง
01:57:00 → 01:57:04 นึงไตกับไทรรอยด์เนี่ยนะไตเป็นอวัยวะ
01:57:04 → 01:57:08 ไทรรอยด์เป็นฮอร์โมนนะพวกนี้เขาเป็น
01:57:08 → 01:57:12 อวัยวะขยันฮอร์โมนขยันเคคล้ายกันนะฮะนะ
01:57:12 → 01:57:15 เพราะฉะนั้นเขาด้วยเนเจอร์ของเค้าเนี่ยนะ
01:57:15 → 01:57:20 เอยอยากทำงานนะเอยากทำงานอยากทำงานต้องมี
01:57:20 → 01:57:23 งานให้เคทำถ้าเมื่อไหร่ไม่มีงานให้เคทำนะ
01:57:23 → 01:57:27 ฮะนะเขาก็จะเหมือนแบบหงอยก๋อยแล้วก็มีอัน
01:57:27 → 01:57:32 เป็นไปไปเลยนะที่เรียกว่าเดี้ยงอ่ะนะเอ่อ
01:57:32 → 01:57:35 เพราะฉะนั้นจำไว้เลยว่าไตเ่อที่มันเกิด
01:57:35 → 01:57:40 ภาวะไตเรื้อรัง ckd นะ E JR ต่ำลงต่ำลง
01:57:41 → 01:57:45 ต่ำลงเนี่ยเพราะคุณไม่หางานมาให้ไตเทำคุณ
01:57:45 → 01:57:49 ไม่ได้กำหนดงานให้เคต้องทำงานนะฮะนะแล้ว
01:57:49 → 01:57:54 การทำงานของไตก็คือการกรองน้ำและการกรอง
01:57:54 → 01:57:57 กดนะฮะเพราะน้ำกับกดต้องมาด้วยกันนะอัน
01:57:57 → 01:58:01 นี้สำคัญนะฮะเพราะฉะนั้นต้องเติมน้ำนะ
01:58:01 → 01:58:04 ต้องหาความเป็นกรดที่มันเป็นกรดอ่า
01:58:04 → 01:58:09 อินทรีย์กรดธรรมชาติต่างๆนะให้ไตเได้กรอง
01:58:09 → 01:58:12 นั่นก็คือกดอะมิโนกับกดไขมันจำเป็นเพราะ
01:58:12 → 01:58:14 ฉะนั้นคุณก็ต้องกิน ow C High Good
01:58:14 → 01:58:20 Fat นะฮะนะนี่แหละนะจะไตเจะโอเคเจะชอบนะ
01:58:20 → 01:58:25 แล้วเจะฟื้นๆืๆพื้เ่าเพราะว่าเขาชอบขยัน
01:58:25 → 01:58:29 ที่จะทำงานพอเทำงานแล้วเขาจะหายเขาจะดีเา
01:58:29 → 01:58:33 จะกลับมาเป็นปกตินะไม่ใช่ไปพักไตหรือว่า
01:58:33 → 01:58:37 ไปจำกัดโน่นจำกัดนี่เกลือกูไม่กินโปรตีน
01:58:37 → 01:58:41 กูไม่ใส่นะน้ำมันโอไม่กินหรอกกินทำไมกัน
01:58:41 → 01:58:44 อะไรอย่างเงี้ยมันความเข้าใจผิดไฮะนะ
01:58:44 → 01:58:49 เนี่ยมันเข้าใจผิดหมดเลยนะนะแล้วยิ่งเอ่อ
01:58:49 → 01:58:52 ทุกวันนี้เนี่ยนะเอ่อ
01:58:52 → 01:58:55 คนไข้ล้างไตเยอะมั้ยล่ะเยอะล้างไตเสร็จ
01:58:55 → 01:58:57 แล้วมาทำอะไรอ่ะก็มาจำกัดโน่นจำกัดนี่บ้า
01:58:57 → 01:59:00 บ่อคอแตกอะไรอย่างเงี้ยเออเราก็ไม่รู้จะ
01:59:00 → 01:59:04 ไปแก้ไขหรือไปบอกว่ายังไงนะเพราะลำพังแต่
01:59:04 → 01:59:06 ตอนนี้น้ำตาลกับไขมันเนี่ยก็ยังเป็น
01:59:06 → 01:59:09 สงครามทุกี่วันกันอยู่
01:59:09 → 01:59:15 ตลอดไม่หยุดหรอกนะสงครามแบบการกินที่รู้
01:59:15 → 01:59:17 บ้างไม่รู้บ้างหรือรู้ไม่รอบอย่าเงี้ยนะ
01:59:17 → 01:59:20 ไม่รู้ไส้นงไส้ในเงี้ยก็ยิ่งไปกันใหญ่
01:59:20 → 01:59:22 พลังงานสารอาหารพลังงานสารอห
01:59:22 → 01:59:26 เอออันนี้ในแง่ฟื้นฟูไตอ่ะนะเติมน้ำเติม
01:59:26 → 01:59:30 กดนะแต่ต้องเป็นกดที่เป็น essential นะฮะ
01:59:30 → 01:59:34 ต่อไปพลังงานเนี่ยไตอ่ะพลังงานไตจะเอา
01:59:34 → 01:59:37 พลังงานมาทำงานเนี่ยก็คือต้องเอาไขมันดี
01:59:37 → 01:59:43 นะมาทำงานแล้วตัวที่จะมามาเมอิไขมันเนี่ย
01:59:43 → 01:59:47 นะก็คือตัวนี้ฮะไทรรอยด์เนี่ยไทรรอยด์มา
01:59:47 → 01:59:51 เกี่ยวกับไตวายไตเรื้อรังก็เพราะว่าถ้า
01:59:51 → 01:59:55 ไทรรอยด์เี้ยงไตก็เดี้ยงนะเนี่ยแล้วฟื้น
01:59:55 → 01:59:58 ฟูไตต้องใช้ฮอร์โมนไทรรอยด์ที่มัน Active
01:59:58 → 02:00:02 นะฮะอ่าเพราะฉะนั้นไทรรอยด์มันจะดีมันจะ
02:00:02 → 02:00:06 เก่งมันจะขยันมันจะแคีนี่นะต้องทำอะไรกับ
02:00:06 → 02:00:11 มันบ้างโอ้โหนะเยอะแยะเลยนะต่อไป Energy
02:00:11 → 02:00:14 Energy ในที่หมายถึงแคลอรี่เมื่อกี้บอก
02:00:14 → 02:00:19 ไปแล้วว่าเนี่ยเรื่องไทรอยด์เนี่ยนะเขาเเ
02:00:19 → 02:00:22 ต้องต้องถึงแคลอรี่ต้องถึงต้องพอไม่งั้น
02:00:22 → 02:00:26 จะเกิดปัญหาเรื่องเนย im Balance นะแล้ว
02:00:26 → 02:00:30 ก็ในการซ่อมไตเนี่ยนะก็ต้องมีแคลอรี่มา
02:00:30 → 02:00:33 ให้ไทรรอยด์นะนะแคลอรี่ที่จะให้ไทรอยด์
02:00:33 → 02:00:36 ไทรอยด์เเผาอะไรอ่ะเไม่ได้เผาน้ำตาลินะเ
02:00:36 → 02:00:39 เผาไขมันเพราะงั้นคุณต้องใส่ไขมันดี Good
02:00:39 → 02:00:43 Healthy Fat ให้ไทรอยเทำงานนะฮะไตมัน
02:00:43 → 02:00:47 ถึงจะฟื้นนะแต่ทุกวันนี้ในในโลกภายนอก
02:00:47 → 02:00:52 เค้าใส่อะไรกันล่ะฮะหใส่แต่แป้งปอด
02:00:52 → 02:00:57 โปรตีนเออแล้วยังไงอ่ะแล้วมันตอบโจทย์มย
02:00:57 → 02:01:00 นะทั้งไทรรอยด์ทั้งไตเนี่ยมันจะบอกว่ายัง
02:01:00 → 02:01:01 ไงอ่ะ
02:01:01 → 02:01:07 เอออยากจะให้จิกหัวด่านะว่าพวกมึงงุเกูจะ
02:01:07 → 02:01:11 ตายอยู่แล้วนะใส่อะไรเข้ามาเนี่ยนะไม่รู้
02:01:11 → 02:01:15 เรื่องเลยอ่ะนะก็แล้วแต่นะเอาเออก็กินไป
02:01:16 → 02:01:18 เหอะแป้งปอดโปรตีนน่ะ
02:01:18 → 02:01:22 เออไตมันก็โงหัวไม่ขึ้นล่ะนะพูดไปไม่ได้
02:01:22 → 02:01:25 นะไลงไทรรอยด์ก็ไปหมดนะไม่รู้ใส่อะไรเข้า
02:01:25 → 02:01:28 มาเนี่ยไทรรอยด์สำคัญมากนะฮะในการฟื้นฟู
02:01:28 → 02:01:33 ไตนะไตไม่ฟื้นนะไทรรอยด์ก็ไม่ฟื้นนะฮนะจะ
02:01:33 → 02:01:37 ฟื้นไตฟื้นไทรรอยด์ด้วยนะฮะนะเคู่ไปด้วย
02:01:37 → 02:01:41 กันน่ะนะฮะเออแม้แต่ว่าแม้ว่าไตเนี่ยเขา
02:01:41 → 02:01:44 จะ Activate ไทรรอยไม่เยอะนะไม่เกิน 20%
02:01:44 → 02:01:48 นะฮะนะนะแต่มีความสำคัญกับเานะเพราะว่า
02:01:48 → 02:01:52 ไทรรอยด์ที่ดีๆเนี่ยนะเมาฟื้นไตโดยการ
02:01:52 → 02:01:54 เข้ามาจัดหาพลังงานให้กับไตนะแล้วไตก็จะ
02:01:54 → 02:01:57 เกิดการทำหน้าที่แต่คุณก็ต้องใส่โน่นใส่
02:01:57 → 02:02:01 นี่ให้เหมาะสมนะฮะนะนะเพราะฉะนั้น Energy
02:02:01 → 02:02:04 ตัว E นะฮะนะซึ่งจะหมายถึงแคลอรี่ที่ถูก
02:02:04 → 02:02:09 ต้องอย่ากินผิดนะฮะสุดท้ายคือนอนนะฮะ
02:02:09 → 02:02:13 resting Energy expenditure นะนะอัน
02:02:13 → 02:02:17 นี้ก็คือพลังงานที่จะเกิดขึ้นในตอนที่เรา
02:02:17 → 02:02:22 ไม่ได้กินนั่นก็คือตอนหลับหรือตอนนอนนะฮะ
02:02:22 → 02:02:25 ก็คือพลังงานอันเนี้ยมันเป็นพลังงานที่
02:02:25 → 02:02:28 เนี่ยที่ที่มาจากไทรรอยด์นี่แหละนะฮะก่อน
02:02:28 → 02:02:33 เที่ยงคืนนะนอนเพื่อให้เกิดนี่ตัว
02:02:33 → 02:02:37 เอนเนอร์ยีแบบนี้นะฮะนะแล้วนี่แหละนะไตเ
02:02:37 → 02:02:40 จะเอา Ring ener expenditure นี่แหละไป
02:02:40 → 02:02:45 ซ่อมเค้านะฮะไปซ่อมแซมเค้านะแล้วก็ทำซะสิ
02:02:45 → 02:02:50 ก็นอนซะสินะเอ่อก็เข้าใจซะหน่อยนะฮะนะนะ
02:02:50 → 02:02:53 ไตจะฟื้นแบบก้าวกระโดดคุณคุณต้องมี Water
02:02:53 → 02:02:57 นะนะก็คือ Water จริงๆแล้วก็ Acid ไทรรอย
02:02:57 → 02:03:00 นะ Energy ที่เป็นแคลอรี่นะฮะแล้วก็
02:03:00 → 02:03:03 resting eny expenditure ก็คือเซ่อม
02:03:03 → 02:03:08 ตอนกลางคืนไทรอยด์ก็มากลางคืนนะอ่าอไต
02:03:08 → 02:03:12 ซ่อมกลางคืนนะฮะนะไตซ่อมแถบตอนกลางคืนนะ
02:03:12 → 02:03:15 ก็คือซ่อมซ่อมจากไทรรอยด์นี่ใช่มั้ครับ
02:03:15 → 02:03:19 พี่หมอใช่นะก็คือไทรรอยด์มันแค่มาเป็น
02:03:19 → 02:03:25 ฮอร์โมนที่จะทำให้เกิดพลังงานนะแล้วพลัง
02:03:25 → 02:03:30 งานเนี่ยนะไตเจะมีแรงนะฮะในการขับของเสีย
02:03:30 → 02:03:34 นะเมื่อไหร่ไตทำงานขับของเสียเมื่อนั้นไต
02:03:34 → 02:03:40 ฟื้นฮะนะอ๋อคือไงานครับผมเค้าต้องทำงานนะ
02:03:40 → 02:03:44 ฮะไทรรอยด์ก็ต้องทำงานเอ่อเพราะอวัยวะที่
02:03:44 → 02:03:48 ขยันที่สุดในร่างกายก็คือไตนะฮะแล้วก็
02:03:48 → 02:03:52 ฮอร์โมนขยันนะหรือฮอร์โมนที่มันอูอูยทำ
02:03:52 → 02:03:55 นู่นทำนี่ทำนั่นนะไม่รู้กี่หน้าที่อะไร
02:03:55 → 02:03:56 ต่างๆคือไทรรอยด์
02:03:56 → 02:04:00 เออนั่นแหละไทรรอยด์ไทรรอยเป็นคีย์แมน
02:04:00 → 02:04:03 สำคัญนะครับผมมันเกี่ยวข้องกับไตด้วย
02:04:03 → 02:04:06 เกี่ยวข้องกับเบาหวานพวกน้ำตาลด้วยใช่
02:04:06 → 02:04:07 มั้ยครับ
02:04:07 → 02:04:13 อ่อืแต่แต่ตรงเนี้ยหมออ่ะคือไทรอยเกี่ยว
02:04:13 → 02:04:17 ข้องกับเบาหวานน้ำตาลมั้ยอืไม่นะเไม่ได้
02:04:17 → 02:04:22 เป็นตัวสลายเผาผลาอ่าน้ำตาลนะฮะ
02:04:22 → 02:04:26 มากว่าไม่ไ้นะฮะก็มีการเผาผลาในระดับ
02:04:26 → 02:04:28 เซลล์ที่ว่ามันจะต้องใช้ไทรรอยด์ด้วยนะฮะ
02:04:28 → 02:04:32 แต่หลักๆของไทรอยด์เนี่ยเขาจะเผาไขมัน
02:04:32 → 02:04:38 อืเผาไตคีสลยนะแล้วก็เขาจะมาตอนกลางคืนเ
02:04:38 → 02:04:41 คือเขาใช้พลังงานจากไขมันแต่ว่าเขาใช้สาร
02:04:41 → 02:04:44 อาหารเยอะใช้สารอาหารเยอะซึ่งต้องใชสอหาร
02:04:44 → 02:04:46 คา
02:04:46 → 02:04:50 เอต้องพึ่งอินซูลินนะ
02:04:50 → 02:04:52 อืครับ
02:04:52 → 02:04:56 นะแต่สำคัญที่สุดนะนะก็
02:04:56 → 02:05:00 คือก็คือตัวที่จะต้องให้ไตทำหน้าที่หรือ
02:05:00 → 02:05:04 ทำงานให้ได้เนี่ยก็คือต้องมีน้ำกับมีกดนะ
02:05:04 → 02:05:07 แล้วทั้งหมดนี้ต้องไปพร้อมเพียงกันหมดนะ
02:05:07 → 02:05:12 นะไตถึงได้ฟื้นไตถึงได้ฟื้นคือหลายคนกิน
02:05:12 → 02:05:16 คีโตโลคาเราจะเห็นว่า egfr เนี่ยมันลดลง
02:05:16 → 02:05:20 เอ่ามันลดลงนะฮะนะถามว่าแล้วทำไมมันลดลง
02:05:20 → 02:05:25 อ่ะนะมันลดลงก็เพราะว่าคุณอ่าขาดตกบก
02:05:25 → 02:05:29 พร่องหรือคุณไม่เข้าใจ 5 อย่างนี้นะคือคำ
02:05:29 → 02:05:34 ว่า water เนี่ยคุณเติมน้ำเยอะยนะคุณใช้
02:05:34 → 02:05:36 ความเป็นแิดที่เป็น
02:05:36 → 02:05:40 อ่าอะไรอ่ะกดอินทรีย์อ่ะนะก็คือเ่อโปรตีน
02:05:41 → 02:05:44 กับไขมันถูกต้องยังอ่ะกินกินถูกกินเป็น
02:05:44 → 02:05:47 ยังเนะไปเน้นงุ่นเยอะหนี่แยะอะไรอย่าง
02:05:47 → 02:05:51 เงี้ยก็ไม่ใช่แล้วนะฮะนะเอ่อเรากินน้ำมัน
02:05:51 → 02:05:55 สกัดโยงสกัดเย็นมนะเพราะไทรรอยด์เรอนะที่
02:05:55 → 02:05:58 จะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานให้ไตทำงาน
02:05:58 → 02:06:01 อยู่นะฮะเนี่ยนะเนี่ยต้องเข้าใจแล้วก็
02:06:01 → 02:06:06 เวรัมเวลาในการซ่อมไตก็เกิดในเวลานี้นะนะ
02:06:06 → 02:06:11 ก่อนเที่ยงคืนเนะ Ring Energy
02:06:11 → 02:06:15 expenditure อนี้หมดแล้วนะหวังว่าเข้าใจ
02:06:15 → 02:06:18 ไตมากขึ้นนะฮะแล้วเข้าใจว่าวิถีของการกิน
02:06:18 → 02:06:22 โลคาฟต่างๆเนี่ยนะที่มันมีปัญหากับไตนะ
02:06:22 → 02:06:25 โดยเฉพาะตัว egfr เนี่ยมันเป็นเพราะอะไร
02:06:25 → 02:06:28 แล้วเราต้องแก้อะไรเราต้องโฟกัสต้องให้
02:06:28 → 02:06:33 ความสำคัญกับอะไรบ้างนะฮะนะเนี่ยนะเนี่ย
02:06:33 → 02:06:36 ก็ตามเนี้ยตามตามที่หน้าเนี้ยสำคัญนะฮะนะ
02:06:36 → 02:06:41 หมอสรุปให้เนี่ยนะพลังงานน้ำนะฮะสารอาหาร
02:06:41 → 02:06:47 ต่างๆนะเกลือกรดนะฮะกรดเนี่ยนะเนี่ยอัน
02:06:47 → 02:06:52 นี้เป็นกรดนะเป็นกรดเค้าเรียกว่าเป็นกรด
02:06:52 → 02:06:57 เอ่อเป็นกฎตัวสำรองอ่ะนะที่จะมา ind อ่ะ
02:06:57 → 02:07:02 มามาเป็นการส่งสัญญาณนะในการทำงานนะฮะนะ
02:07:02 → 02:07:06 แต่กดหลักๆเนี่ยก็คือกดจากกดอะมิโนกับกด
02:07:06 → 02:07:10 ไขมันนะฮะนะเแล้วก็มีฮอร์โมนในการซ่อมไต
02:07:10 → 02:07:13 นะโดยเฉพาะเนี่ยฮอร์โมนเหล่านี้มาตอนกลาง
02:07:13 → 02:07:18 คืนหมดเลยนะอมาตอนกลางคืนเนี่ยนะเนี่ย
02:07:18 → 02:07:20 เนี่ยเราก็ต้องมี resting Energy
02:07:20 → 02:07:22 expenditure
02:07:22 → 02:07:27 นะอันนี้เป็นพลังงานนะแต่ว่าเอนเนอร์ยี
02:07:27 → 02:07:30 อันเนี้ยนะนะที่เป็นน้ำมันสกัดเย็นเนี่ย
02:07:30 → 02:07:33 อันนี้คือตอนเช้าเราต้องเตรียมไว้นะเรา
02:07:33 → 02:07:35 ต้องเตรียมน้ำมันสกัดเย็นไว้ตั้งแต่ตอน
02:07:35 → 02:07:40 เช้าเลยนะแล้ว ring expenditure เนี่ยนะ
02:07:40 → 02:07:44 มันจะเกิดในตอนกลางคืนนะฮะนะแล้วก็
02:07:44 → 02:07:48 ฮอร์โมนพวกนี้ก็มานะหน้าเนี้ยสำคัญหมด
02:07:48 → 02:07:54 เลยไปจัดให้ได้นะถ้าใครมีปัญหา efr นะเออ
02:07:54 → 02:07:57 โอเคอย่างอื่นไม่มีอะไรแล้วะนะฮะหมดแล้ว
02:07:57 → 02:08:00 ครับคุณจารลุวถามครับว่าไทรรอยด์เป็นพิษ
02:08:00 → 02:08:04 เนี่ยสามารถรักษาให้หายได้ไหมแล้วถ้าจะ
02:08:04 → 02:08:06 ต้องตรวจไทรรอยด์ต้องตรวจรายการไหนบ้าง
02:08:06 → 02:08:11 ค่ะไทรอยเป็นพิษเนี่ยเราถูกสรุปว่าเป็นเป
02:08:11 → 02:08:16 disease แล้วใช่ไหมยเอาจจะสรุปว่าเป็นไร
02:08:16 → 02:08:19 toxicosis เป็นเฟ disease หรือเป็น
02:08:19 → 02:08:22 ไฮเปอร์ไรอยถ้าเป็นแบบแบบเนี้ยนะฮะแล้วก็
02:08:22 → 02:08:26 ถูกเค้าเรียกว่าถูก classify ว่าคุณป่วย
02:08:26 → 02:08:28 เป็นโรคเป็นโรคนะฮะนะ
02:08:29 → 02:08:32 นะถ้าเป็นโรคก็ต้องรักษาแบบการเป็นโรค
02:08:32 → 02:08:37 รักษากับหมอต่อมไร้ท่อและรักษาด้วยยา
02:08:37 → 02:08:42 นะซึ่งการรักษาโรคนะฮะก็จะต้องมีช่วงเวลา
02:08:42 → 02:08:46 ส่วนใหญ่เขาก็จะบอกเลยว่าประมาณปีครึ่ง
02:08:46 → 02:08:50 ถึง 2 ปีนะอย่างน้อย 18
02:08:50 → 02:08:54 เดือนเพราะว่าไทรรอยด์เป็นโรคที่จะต้อง
02:08:54 → 02:09:00 ใช้เวลาในการรักษาตสมดุลฮอร์โมนตัว
02:09:00 → 02:09:03 นี้แล้วในปัจจุบันเนี่ยไอ้ตัวไฮเปอร์
02:09:03 → 02:09:06 ไทรอยหรือไ toxicity หรือ G disease
02:09:06 → 02:09:09 เนี่ยสนใหญ่มันจะเเรียก relation หรือ
02:09:09 → 02:09:13 relate กับเรื่องพวกอ่าภูมิเพี้ยนน่ะนะ
02:09:13 → 02:09:16 ที่เป็นออโตอิมมูนเพราะฉะนั้นเก็จะมีการ
02:09:16 → 02:09:21 ตรวจอ่าไทคินแิอนะฮะนะแล้วก็ตรวจ
02:09:21 → 02:09:26 microsomal ิออะไรอย่าเงี้ยนะฮะถ้ามีแิอ
02:09:26 → 02:09:31 พวกนี้ด้วยนะก็แปลว่าเอ่อมันมีความเป็น
02:09:31 → 02:09:37 พิษมันทำงานมากนะจากความเพี้ยงตัวเ่อแิบ
02:09:37 → 02:09:39 หรือภูมิเพี้ยนที่เกิด
02:09:39 → 02:09:43 ขึ้นงั้นพวกนี้มีแนวโน้มที่จะต้องควบคุม
02:09:43 → 02:09:47 ในระยะยาวนะคือถ้าเจ็บป่วยเป็นโรคไฮเปอร์
02:09:47 → 02:09:52 ไทรอย์ก็ต้องมีการรักษาจนกระทั่งอ่าดับม
02:09:52 → 02:09:54 ต่างๆลงมาอยู่ในเกณฑ
02:09:54 → 02:09:58 ปกติส่วนในแง่ของการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับ
02:09:58 → 02:10:00 เรื่องของไทรรอยด์แบบที่หมอพูดไปเนี่ย
02:10:00 → 02:10:02 สามารถทำได้เลยไม่ว่าคุณจะเป็นไฮเปอร์
02:10:03 → 02:10:04 ไฮโป
02:10:04 → 02:10:08 ไทรอยส่วนการตรวจแลบนะตัวแลบเกี่ยวกับ
02:10:08 → 02:10:12 ไทรรอยด์เนี่ยแลบตัวที่สำคัญที่สุดคือเ่อ
02:10:12 → 02:10:16 tsh นะฮะนะไทรอยด stimulating Hormone
02:10:16 → 02:10:22 นะฮะแล้วก็อีก 2 ตัวที่ต้องตรวจคู่กันไป
02:10:22 → 02:10:28 เลยเนี่ยนะก็คือฟรี T3 ฟรี T 4 นะอันนี้
02:10:28 → 02:10:33 สำหรับกรณีที่ป่วยแล้วกินยาหมอนัดติด
02:10:33 → 02:10:37 ตามหรือหายป่วยแต่อยากติดตามโรคเพราะว่า
02:10:37 → 02:10:41 ตอนนี้อาจจะออฟยาไม่ได้กินยาแล้วและเอ่อ
02:10:41 → 02:10:45 อยากจะอยู่ในแนวทางของการรักษาไทรรอยด์
02:10:45 → 02:10:46 แบบ
02:10:46 → 02:10:49 โภชนาการหรือการ Modify Lifestyle อย่าง
02:10:49 → 02:10:54 เงี้ยนะเอก็ตรวจ 3 ตัวนี้แหละฮะ tsh
02:10:54 → 02:10:57 thyroid stimulating ฮอร์โมน fre T3
02:10:57 → 02:11:03 fre t4 นะ
02:11:03 → 02:11:08 ฮะเออไปตรวจแล้วก็เอามาให้ดูก็ได้นะแต่
02:11:08 → 02:11:11 ว่าคิดว่าหมอเก็คงยังต้องนัด
02:11:11 → 02:11:12 อยู่
02:11:12 → 02:11:17 ครับคุณโอ๊ตครับบอกว่าเพื่อนเป็นไฮโป
02:11:17 → 02:11:21 ไทรรอยด์ครับกินสตกินยาไทรอยด์มา 13 ปีละ
02:11:21 → 02:11:24 ตัดมดลูกรังไข่ไปข้างนึงตอนนี้ก็มาเป็น
02:11:24 → 02:11:29 ช็อกโกแลตซีซ้ำอีกหมอสูบอกห้ามกินบาซิลัส
02:11:29 → 02:11:33 เพราะมีผลกับฮอร์โมนห้ามกินพวกถั่วถั่ว
02:11:33 → 02:11:36 เหลืองเพื่อนเลยไม่กินเอ่อช็อกโกแลตซีไม่
02:11:36 → 02:11:41 ควรกินบาซินัทเหรอค่ะ
02:11:41 → 02:11:48 เอ่อบราซิลนัสคือเราไม่รู้เกี่ถั่วจะไปมี
02:11:48 → 02:11:50 ผลต่อช็อกโกแลตซีสถ้าก็ไม่ให้กินเราก็ไม่
02:11:50 → 02:11:54 กินถแต่เราก็ไปซื้อฮอร์โมนเสริมที่เป็น
02:11:54 → 02:11:57 เซเลเนียมกินน่ะไม่ใช่ฮอร์โมนเสริมนะ
02:11:57 → 02:11:58 อาหารเสริมเซเลเนียม
02:11:58 → 02:12:04 เอออเคงกลัวเรื่องของเอสโตรเจนงพี่หมอ
02:12:04 → 02:12:09 เอ่อก็อาจจะกลัวก็ได้นะฮะ
02:12:09 → 02:12:15 นะแต่มันน่าจะกลัวถั่วเหลืองมากกว่านะใช่
02:12:15 → 02:12:17 เค้าเรียกอะไรนะซีโนเหรอฮะซีโนเอสโตรเจน
02:12:17 → 02:12:20 เหรอฮะอ่าก็คือถั่วเหลืองในปัจจุบันเมัน
02:12:20 → 02:12:24 เป็น GM มันมีไกลโฟเซตอ่ามันมีฮอร์โมน
02:12:24 → 02:12:28 disrupt หลายตัวเลยล่ะ
02:12:28 → 02:12:31 นะก็เราไม่กินถั่วเหลืองแล้วผลิตภัณฑ์
02:12:31 → 02:12:37 ถั่วเหลืองดีกว่านะเอ่อช็อกโกแลตซีก็เป็น
02:12:37 → 02:12:40 เอสโตเจนเด่นหรือไม่ก็โปรเจสเตอโรนต่ำ
02:12:40 → 02:12:44 แล้วแต่ช่วงนะเราต้องไปปรับตรง
02:12:44 → 02:12:49 เนี้ยไปปรับ E1 E2 e3 เนี่ยนะฮะนะแล้ว
02:12:49 → 02:12:54 ก็ไปเติมจสนให้ชซิมันหายไปนะแต่เหนืออื่น
02:12:54 → 02:13:01 ใดคือคือต้องปรับโภชนาการนะให้ดีก่อนนะฮะ
02:13:01 → 02:13:05 นะโดยเฉพาะ low C High Good Fat
02:13:05 → 02:13:08 อสุดท้ายก็มาลงที่ตัวพ่อตัวแม่ล่ะครับพี่
02:13:08 → 02:13:12 หมอใช่
02:13:12 → 02:13:16 นะน่าจะเป็นผลของอินซูลินนี่แหละนะแต่เรา
02:13:16 → 02:13:20 เนี่ยไม่เข้าใจเรื่องอินซูลินก้าวร้าวและ
02:13:20 → 02:13:23 ปัญญหาหาเรื่องคาแฝงอ่ะฮะ
02:13:23 → 02:13:25 นะ
02:13:25 → 02:13:28 อืส่วนคุณแอมมี่นี่บอกว่าถ้าเป็นมะเร็ง
02:13:28 → 02:13:31 ไทรรอยด์ผ่าเอาไทรรอยด์ออกแล้วกินฮอร์โมน
02:13:31 → 02:13:34 แทนเนี่ยต้องกินอาหารยังไงบ้างคะกินอาหาร
02:13:34 → 02:13:37 แบบนี้เลยแบบที่แนะนำมากันเนี่ยโดยเฉพาะ
02:13:37 → 02:13:42 ไลฟ์ที่แล้วอ่ะนะฮะอ่าครับแต่เดี๋ยวหมอจะ
02:13:42 → 02:13:45 มีแชร์เรื่องอาหารต่างๆของไทรรอยด์
02:13:45 → 02:13:51 นะอีกอีกสักระยะนึงอ่ะนะฮะนะให้ไปอ่านนะ
02:13:51 → 02:13:59 ฮะนะก็ปึกนึงอ่ะกลัวจะไม่ชอบ
02:13:59 → 02:14:03 เอคุณผามเหรอคุณปาผามบอกว่าเวลาที่
02:14:04 → 02:14:06 อินซูลินกับคอร์ติซอลทะเลาะก่อนจะเกิด
02:14:06 → 02:14:08 อะไรขึ้น
02:14:08 → 02:14:14 คะก็คือหลักิอ่านะอ่าอย่างงี้แล้วกัน
02:14:14 → 02:14:19 สมมุติว่าเรามีปัญหาการนอนไม่หลับแล้วเรา
02:14:19 → 02:14:24 ก็จะตื่นตอนัก 1 2 ตลอดเลยนะฮะอันนี้ให้
02:14:24 → 02:14:28 ดู 2 ประเด็นก็ส่วนใหญ่มันจะเป็นปัญหาของ
02:14:28 → 02:14:32 อินซูลินกับคอร์ติซอลที่เขมาชักกันนะฮะ
02:14:33 → 02:14:36 ถ้าสมมุติเราติด cgm นะฮะดูระดับน้ำตาลใน
02:14:36 → 02:14:43 เลือดนะปรากฏว่าน้ำตาลเนี่ยมันตกมันตกก็
02:14:43 → 02:14:47 แปลว่าอินซูลินเนี่ยเออกมาแล้วก็มาดัมน้ำ
02:14:47 → 02:14:50 ตาลลงอินซูลินที่ออกมาเป็นอินซูลินก้าว
02:14:50 → 02:14:54 ร้าวเมื่อน้ำตาลตกลงนะอ่าเค้าเรียกว่า
02:14:54 → 02:14:57 ร่างกายจะ compensate น่ะนะหรือกลไกแบบ
02:14:57 → 02:15:00 autonomic ของร่างกายเนี่ยก็จะปลุกสมอง
02:15:00 → 02:15:04 ให้ตื่นขึ้นมานะเพื่อจะมีการปรับหรือเติม
02:15:04 → 02:15:08 หรือเสริมน้ำตาลน่ะนะฮะนะเนี่ยนะเพราะ
02:15:08 → 02:15:13 ฉะนั้นถ้าดูจาก cgm แล้วอ่าน้ำตาลมันตกนะ
02:15:13 → 02:15:16 น้ำตาลตกเพราะอะไรนะส่วนใหญ่ก็เพราะว่า
02:15:16 → 02:15:20 อินซูลินนะมันผิดปกติมันเยอะอ่าหรือไม่ก็
02:15:20 → 02:15:24 มันก้าวร้าวนะก็ย้อนกลับไปว่าไปกินอะไร
02:15:24 → 02:15:27 มื้อเย็นไม่ถูกนะหรือก่อนจะนอนมีการแอบ
02:15:27 → 02:15:31 กินอะไรเข้าไปกระตุ้นอินซูลินแค่ไหนนะฮะ
02:15:31 → 02:15:34 นะแล้วไปเกิดภาวะที่อินซูลินเค้าไปทำงาน
02:15:35 → 02:15:38 อวอร์ Time น่ะนะโดยที่เขาไม่เต็มใจอย่าง
02:15:38 → 02:15:42 เงี้ยนะอ่าแล้วก็ดัมน้ำตาลลงแบบต่ำกว่า
02:15:42 → 02:15:45 เกณฑ์อะไรอย่างเงี้ยนะมันก็เลยเกิดกลไก
02:15:45 → 02:15:47 ที่จะต้องตื่นก็เลยสะดุ้งตื่นหรือไม่ก็
02:15:47 → 02:15:52 ผวาตื่นอ่าเพื่อจะมาหากินหรือไม่ก็เติม
02:15:52 → 02:15:56 น้ำตาลนนะฮอันที่ 1 นะอันนี้เป็นลักษณะ
02:15:56 → 02:16:03 นี่นะนะผลของอินซูลินนะฮะนะแต่แต่เ่าถ้า
02:16:03 → 02:16:06 ตรวจน้ำตาลแล้วน้ำตาลมันพุ่งนะน้ำตาลมัน
02:16:06 → 02:16:09 พุ่งเนี่ยส่วนใหญ่มันเป็นผลของคอร์ติซอล
02:16:09 → 02:16:13 นะเป็นผลของคอร์ติซอลนะก็คือคอร์ติซอล
02:16:13 → 02:16:17 เนี่ยออกมาผิดำเวลาไปนิดนึงหรือออกมาเร็ว
02:16:17 → 02:16:21 ไปหน่อยนึงนะเอ่อเพราะว่ามันมีอะไรบาง
02:16:21 → 02:16:25 สิ่งบางอย่างนะที่อ่าที่ร่างกายจะต้อง
02:16:25 → 02:16:29 ตื่นขึ้นมานะฮะเนี่ยนะก็เหมือนกันแหละน้ำ
02:16:29 → 02:16:31 ตาลพุ่งก็ผวาตื่น
02:16:31 → 02:16:36 เออนะคอร์ติซอลมันต้องออกมาในการกูจิ
02:16:36 → 02:16:40 บังคับตับนะให้รีบทำงานสร้างน้ำตาลขึ้นมา
02:16:40 → 02:16:43 นะนี่แหละพอน้ำตาลถูกสร้างขึ้นมามันจะ
02:16:43 → 02:16:46 สร้างแบบเเรียกว่าเอ่อสร้างมันไม่ได้
02:16:46 → 02:16:51 สร้างตามดีมานน่ะนะตามความเป็นจริงอ่ะนะ
02:16:51 → 02:16:54 ฮะนะเ่อมันอว suly มันสร้างออกมาแล้วมัน
02:16:55 → 02:16:58 มักจะทำงานเกินตัวนะฮะนะเพราะมันไม่ใช่
02:16:58 → 02:16:58 กลุ่ม
02:16:58 → 02:17:02 ฮอร์โมนในฝั่งลูกเทพอะไรเขาที่เขาจะทำงาน
02:17:02 → 02:17:06 ตามดีมานนะตามความต้องการจริงๆนะฮะนะแต่
02:17:06 → 02:17:10 ว่าคอซอเขจะอ suly ตลอดด้วยสัญชาตญาณของ
02:17:10 → 02:17:14 ความเป็นแม่นะให้ให้เกินไว้ก่อนนะให้
02:17:14 → 02:17:17 เผื่อไว้ก่อนเอนะเพราะฉะนั้นเนี่ยพวกนี้
02:17:18 → 02:17:21 น้ำตาลมันจะพุ่งมันจะชูดขึ้นไปนะเพราะ
02:17:21 → 02:17:23 ฉะนั้นน้ำตาลที่มันชู้ดเยอะๆนะมันก็จะ
02:17:23 → 02:17:26 อย่างงี้แหะนะก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมานะ
02:17:26 → 02:17:30 เนี่ยนะเพราะว่าสมองจะต้องเ่ารีบบอกให้
02:17:30 → 02:17:34 ร่างกายรู้สึกตัวนะที่จะรีบเอาน้ำตาลลง
02:17:34 → 02:17:37 หรือรีบใช้น้ำตาล
02:17:37 → 02:17:41 นะงั้นถามว่าอะไรนะเอ่อฮอร์โมนตัวพ่อตัว
02:17:41 → 02:17:46 แม่ทะเลาะกันเนี่ยนะมันเพก็เพราะว่าตัว
02:17:46 → 02:17:49 พ่อนะชอบเอาน้ำตาลลงตัวแม่ชอบเอาน้ำตาล
02:17:50 → 02:17:52 ขึ้น
02:17:52 → 02:17:55 แลทุกอย่าคือจะไม่นิ่งครับผมเอไม่ได้เป็น
02:17:55 → 02:17:59 ไปตามไม่ได้เป็นไปตามดีมานตามความเป็น
02:17:59 → 02:18:03 จริง
02:18:03 → 02:18:06 นะแล้วอีกอย่างนึงก็คือตัวพ่อตัวแม่ที่
02:18:07 → 02:18:11 เขามาทำงานแบบไม่เป็นไปตามเซอร์เขเดี่ยว
02:18:11 → 02:18:14 หรือตามพระจันทร์พระอาทิตย์ตามกลางวัน
02:18:14 → 02:18:18 กลางคืนในระเวลาที่เหมาะสมเนี่ยนะถือว่า
02:18:18 → 02:18:19 มันเป็นการทำ
02:18:19 → 02:18:24 OT นะที่ที่ถูกบังคับนะฮะที่ถูกกลไก
02:18:24 → 02:18:29 อัตโนมัติมีการบังคับอ่าอันนี้มันจะเป็น
02:18:29 → 02:18:30 การทำงาน
02:18:30 → 02:18:33 ที่ไม่ไม่อะไรอ่ะไม่
02:18:34 → 02:18:39 ปเอ่อมันเป็นภาวะคล้ายๆภาวะวิกฤตเอหรือ
02:18:39 → 02:18:43 เป็นภาวะไครซิสเกินไป
02:18:43 → 02:18:49 นะอืครับคุณมิกกี้บอกรบกวนอาจารย์ยกตัว
02:18:49 → 02:18:52 อย่างอาหารช้าอาหารเย็นที่สามารถทำให้
02:18:52 → 02:18:53 บาลานซ์ฮอร์โมนได้
02:18:53 → 02:18:58 ดีเป็นตัวอย่างสักวันนึงได้มั้ยคะจะเอาไป
02:18:58 → 02:19:03 ดัดแปลงได้เออจริงๆมีมีรวมไว้ในสารบันนะ
02:19:04 → 02:19:08 ฮะเออแล้วก็เนี่ยที่ตอนเนี้ยที่เไล่โพสต์
02:19:08 → 02:19:13 กันในทั้งหมอมอโต้นะฮะนะทั้งหมอโต้งทั้ง
02:19:13 → 02:19:19 ใครอ่ะทั้งอ่าแอะไรที่เนสดูอยู่อ่ะนะอันน
02:19:19 → 02:19:22 นี้ก็เยอะแยะไปหมดเลยตามนั้นแหละฮะนะใน
02:19:22 → 02:19:25 ไลฟ์ต่างๆเหล่าเเราก็เคยโชว์อาหารที่
02:19:25 → 02:19:28 เหมาะสมในการกินแบบโค High Good Fat ไป
02:19:28 → 02:19:34 แล้วเข้าเข้าในกลุ่มกลุ่มวิเคราะห์อาหาร
02:19:34 → 02:19:40 ทอยครับผมเอออันนี้ก็มีหเออลงในรูปภาพ
02:19:40 → 02:19:45 เนี่ยตามนั้นเลยนะครับผมเออกลุ่มนี้เอา
02:19:45 → 02:19:50 ไว้ชี้อาหารโดยเฉพาะใช่เอออันไหนกินได้
02:19:50 → 02:19:53 อันกินไม่ได้แล้วตอนเเราก็ก้ากระโดดไปถึง
02:19:53 → 02:19:57 ขั้นการใช้ AI เนี่ยมาช่วยการคำนวณเอ่อ
02:19:57 → 02:20:00 โครงสร้างของอาหารในแต่ละมื้ออ่ะนะอย่าง
02:20:00 → 02:20:04 รวดเร็วอ่ะนะฮะเราจะได้รับข้อมูลราย
02:20:04 → 02:20:08 ละเอียดที่ค่อนข้างนะหมอว่าน่าจะเป็นความ
02:20:08 → 02:20:10 เป็นจริงอยู่ในความเป็นจริงถึง 80% นั่น
02:20:10 → 02:20:15 แหละนะซึ่งอันนี้มันครับก็เห็นภาพได้ง่า
02:20:15 → 02:20:18 ครับผมเออนะเราก็จะเห็นประโยชน์เห็นสัด
02:20:18 → 02:20:23 ส่วนเห็นอะไรต่างๆอะไพอสมคนนะครับแล้วก็
02:20:23 → 02:20:27 ใช้ใช้ใช้งานไม่ยากหรอกไม่ยากนะลองติดตาม
02:20:27 → 02:20:29 ดูนะ
02:20:29 → 02:20:34 ฮะคุณอ๋อเหรอฮะบอกว่าพูดว่าเราไม่ควรกิน
02:20:34 → 02:20:37 แบบโคใช่มมคะเหมือนตอนคุณหมออธิบายเรื่อง
02:20:37 → 02:20:41 อะไรวะเลือกาฟตอนแรกๆหรือ
02:20:41 → 02:20:44 ป่ะ
02:20:44 → 02:20:49 อหมายถึง ow c เหรออันนี้เป็น ow C
02:20:49 → 02:20:54 อยู่นะเออแปลว่าเราไม่ควรกินแบบ OM วันละ
02:20:54 → 02:20:58 มื้ออ่ะครับ omas เนี่ยกินได้ไม่ผิดแต่ดู
02:20:58 → 02:21:03 ตามความเหมาะสมของแต่ละคนนะฮะนะอย่างเช่น
02:21:03 → 02:21:06 คนสายเนื้อเนี่ยเวลามันดื้ออินซูลินมากๆ
02:21:07 → 02:21:10 เนี่ยนะเราก็ต้องใช้หลัก omas นะหรือ
02:21:10 → 02:21:14 โปรลอง Fast มาช่วยนะฮะแต่ถ้าเป็นสายแป้ง
02:21:14 → 02:21:18 อ่าพุงตับไทรรอยด์อะไรอย่างเงี้ยนะอันนี้
02:21:18 → 02:21:22 ไม่ค่อยจะโอเคกับเรื่องของของ If ของ
02:21:22 → 02:21:27 โปรลอง Fast นะนะอาจจะทำได้ช่วงสั้นๆนะ
02:21:27 → 02:21:30 หรือระยะเอ่อช่วงนึงอะไรต่างๆแบบลองผิด
02:21:30 → 02:21:33 ลองถูกก็ได้นะ
02:21:33 → 02:21:37 เนี่ยคือพวก Modify Lifestyle เนี่ยโดย
02:21:37 → 02:21:40 เฉพาะ Time restricting Diet If prong
02:21:40 → 02:21:43 Fast เนี่ยก็มีประโยชน์แต่มันมีความเป็น
02:21:43 → 02:21:47 ประโยชน์ที่อยู่ในลำดับท้ายๆนิดนึงนะแต่
02:21:47 → 02:21:51 อาหารเนี่ยต้องมามามาได้ก่อน
02:21:51 → 02:22:00 นะมายพอดี
02:22:00 → 02:22:04 นะครับคุณกนกพรบอกลูกหม่อนนะครับพี่หมอ
02:22:04 → 02:22:08 ลูกหม่อนเรื่องผลไม้ครับลูกหมอนก็ลูก
02:22:08 → 02:22:11 หม่อนลูกว่าเนี่ยได้หมดแหละไข่เน่าเงี้ย
02:22:11 → 02:22:16 เออถ้ารู้จักนะก็เป็นผลไม้เป็นตระกูล
02:22:16 → 02:22:20 เบอร์รี่นะฮะแต่เป็นเบอร์รี่แบบไทยๆนะรูป
02:22:20 → 02:22:23 หม่อนน่าน่าจะเยอะนะฮะก็เทียบเท่ากับ
02:22:23 → 02:22:27 เบอร์รี่่ะฮะนะออเทียบเท่าเบอร์รี่อื
02:22:27 → 02:22:31 เทียบเท่าเบอร์รี่อ่ะอืต้องไปต้องไปย้อน
02:22:31 → 02:22:34 ดูเรื่องของผลไม้ที่หมอไรฟเอาไว้เก่าๆ
02:22:35 → 02:22:40 เนี่ยเออมีรูปมีอะไรเลยนะดูในแว่นขยายได้
02:22:40 → 02:22:44 เลยเฮ้อไข่ไข่เน่านี่หายากด้วยไข่เน่าของ
02:22:44 → 02:22:47 ดีเหมือนกันครับ
02:22:47 → 02:22:53 เออบางครั้งก็มีขายอยู่นะกินจนปากดำอันดำ
02:22:53 → 02:22:58 อ่ะใช่ๆๆเป็นสีม่วงนะม่วง
02:22:58 → 02:23:02 ดำคุณกันคุณนารีนักเรียนหน้าห้องครับพี่
02:23:02 → 02:23:09 หมอเออเออแต่ถามมายาวมากเลยอ่ะอ่าเช้า
02:23:09 → 02:23:12 เช้ากินทออย 6.5 ช้อนโต๊ะตามคำแนะนำแล้ว
02:23:12 → 02:23:16 ก็สันคอไก่ย่างประมาณ 150-200 กรัมครับ
02:23:16 → 02:23:20 ผักใบอันนี้มื้อเช้านะฮะอือสมื้อเยเนี่ย
02:23:20 → 02:23:24 กินปลาไก่สันในมะละกอ 2 ชิ้นฟักทอง 2-3
02:23:24 → 02:23:28 ชิ้นถั่วลิสงถั่วและส่องกับมือกินประมาณ
02:23:28 → 02:23:33 นี้มา 3-4 สัปดาห์นอนได้ 6-7 ชมงเวท 4
02:23:33 → 02:23:35 ครั้งต่อสัปดาห์คาร์ดิโอ 3 ครั้งต่อ
02:23:35 → 02:23:39 สัปดาห์อือ่า Week ที่ 1-2 เนี่ยน้ำหนัก
02:23:39 → 02:23:43 ปกติครับแต่พอมา Week ที่ 3-4 น้ำหนักน้ำ
02:23:43 → 02:23:46 หนักขึ้นข้ามคืนครึ่งกิลทั้งๆที่ไม่ได้
02:23:46 → 02:23:50 กินอะไรมากน้อยน้ำหนักขึ้นมา 1.5 กครับ
02:23:50 → 02:23:54 ครับอืคำถามก็คือว่าต้องปรับการกินน้ำมัน
02:23:54 → 02:23:57 เพิ่มขึ้นมั้ยคะอ่าในบทความนึงใน Google
02:23:57 → 02:24:01 Drive เนี่ยบอกว่าคนที่ผอมสูงอ่าสูง
02:24:01 → 02:24:04 ประมาณ 160 หนัก 50 กลเนี่ยถือว่าผอมมั้ย
02:24:04 → 02:24:07 อาจต้องปรับน้ำมันไม่งั้นอาจจะตัวบวมอะไร
02:24:07 → 02:24:09 อย่างเงี้ย
02:24:09 → 02:24:13 ครับหมายถึงปรับน้ำมันลงหรือขึ้นไม่รู้
02:24:13 → 02:24:16 ปรับขึ้นครับโอ้ไม่ต้องนะ
02:24:16 → 02:24:18 นะ
02:24:18 → 02:24:22 คือคือเหมือนกับว่าชั่วข้ามคืนแล้วอะไรนะ
02:24:22 → 02:24:27 น้ำหนักขึ้นมาเท่าไหร่ 1.5 กครับโอ้โหนะ
02:24:27 → 02:24:32 วคที่ 3 ที่ 4 นะครับพี่หมออืมนะคือ
02:24:32 → 02:24:35 สังเกตอาหารมื้อเย็นเมั้ยเ้าจะมีถั่วอะไร
02:24:35 → 02:24:38 บ้างถั่วัวที่สงถัและ 2 กับมือนั่นแหละ
02:24:39 → 02:24:43 เอาามันเหลือกับมือเดียวได้มั้ย
02:24:43 → 02:24:47 นะเหลือกับมือเดียวคือคือเกรงว่าอาจจะมี
02:24:47 → 02:24:54 การกระตุ้นอินซูลินในช่วงมื้อเย็นนะ
02:24:54 → 02:24:58 นะแล้วก็ร่างกายเก็บสะสมพลังงานแล้วก็
02:24:58 → 02:25:01 เก็บน้ำเนี่ยนะมันก็เลยเหมือนชั่วข้ามคืน
02:25:01 → 02:25:04 มันขึ้นมามัน
02:25:04 → 02:25:09 มัน 1.5 กลเลยใช่มั้ยพวกเนี้ยมันใช่ครับ
02:25:09 → 02:25:13 เออปกติสะสมเนาไขมันมันไม่ควรที่จะขึ้น
02:25:13 → 02:25:16 เร็วขนาดนี้ใช่มั้ไม่ขึ้นเร็วนะฮะนะแล้ว
02:25:16 → 02:25:18 การเก็บน้ำพวกเนี้ยมันต้องมีอินซูลินมา
02:25:19 → 02:25:21 เป็นตัวเก็บ
02:25:21 → 02:25:25 อืนี่ก็ต้องดูวัดวัดมนต์ร่างกายด้วยเนาะ
02:25:25 → 02:25:30 ว่าอะไรมันขึ้นอะไรมันลงเนาะพี่หมอเออจะ
02:25:30 → 02:25:32 ได้รู้ว่ามันไขมันหรือเปล่าหรือว่าน้ำ
02:25:32 → 02:25:34 หรืออะไรที่มันขึ้น
02:25:34 → 02:25:38 มาก็ลองเอารายละเอียดพวกเนี้ยไปเข้า AI
02:25:39 → 02:25:43 อ่ะไปถามใน AI ซิว่าเอ่อปริมาณสัดส่วน
02:25:43 → 02:25:46 เนี่ยของคาร์โบโปรตีนไขมันมันเกิมเลย
02:25:46 → 02:25:50 มยแต่มื้อแรกก็กินถูกแล้วนะพี่หมอมแแลก
02:25:50 → 02:25:54 กินถูกฮะนะแล้วก็มันไม่ได้อ้วนเพราะไขมัน
02:25:54 → 02:25:58 นะปริมาณ 6.5 ช้อนโต๊ะอะไรอย่างเงี้ยนะก็
02:25:58 → 02:26:00 ถ้ากิน low Cup High Good Fat แล้ว
02:26:00 → 02:26:04 กิน 2 มื้อูดอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยก็พวกนี้
02:26:04 → 02:26:08 ไม่ได้มีปัญหาการสะสมไขมันที่กินในมื้อ
02:26:08 → 02:26:11 แรกนหรอกนะส่วนใหญ่ปัญหามันอยู่ที่มื้อ
02:26:11 → 02:26:15 เย็นนะที่กินอาหารแบบครบแต่ระวังการเติม
02:26:15 → 02:26:23 คาฟเยอะ
02:26:23 → 02:26:26 น้ำหนัก 50 สูง
02:26:26 → 02:26:29 160 ก็ปกตินะ BMI แต่ว่าค่อนไปทางผอมนะ
02:26:29 → 02:26:34 พี่หมอ 19.5 ใช่ค่อนไปทางผอมผู้หญิงใช่มย
02:26:34 → 02:26:39 ผู้หญิงครับผู้หญิงคุณกุณนารีอืต้องนี่
02:26:39 → 02:26:44 แหละต้องต้องค่อยๆสร้างกล้ามเนื้อนะแต่
02:26:44 → 02:26:47 ถ้าเป็นพุงตัก็อาจจะสร้างยากเย็นโดยเฉพาะ
02:26:47 → 02:26:51 ผู้หญิงด้วยนะอายุเท่าไหร่นะฮะอายุเท่า
02:26:51 → 02:26:55 ไหร่ประมาณวหมดประจำเดือน
02:26:55 → 02:26:59 มยน่าจะยังนะครับ
02:26:59 → 02:27:04 เอถ้าเป็นวัยหมดประจำเดือนเนี่ยนะฮะนะตัว
02:27:04 → 02:27:07 เอสโตรเจนโปรเจสเตอโรนเนี่ยจะดา regulate
02:27:07 → 02:27:10 แต่เทสโทสเตอโรนในผู้หญิงจะขึ้นนะฮะเพราะ
02:27:11 → 02:27:13 ฉะนั้นเมื่ออยู่ในช่วงพีเรียดของวัยหมด
02:27:13 → 02:27:16 ประจำเดือนเนี่ยสร้างกล้ามเนื้อนะนะผู้
02:27:16 → 02:27:18 หญิงสร้างกล้ามเนื้อได้เยอะนะฮะเพราะมัน
02:27:18 → 02:27:20 มีเทสเตอโรน relatively แล้วมันจะพุ่ง
02:27:20 → 02:27:24 ขึ้นนะฮะนะในขณะที่วัยหมดประจำเดือนเนี่ย
02:27:24 → 02:27:28 รังไข่ฝ่อไปแล้วเนี่ยนะไอ้ตัวเอเจน
02:27:28 → 02:27:31 โปรเจสเตอโรนจะลดลงแต่เทสโทสเตอโรนในผู้
02:27:31 → 02:27:33 หญิงจะเพิ่มขึ้น
02:27:33 → 02:27:37 น่ะนะแล้วเทสโทสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นในวัย
02:27:37 → 02:27:40 หมวดประจำเดือนหรือวัยทองเนี่ยมันเป็น
02:27:40 → 02:27:42 ฮอร์โมนที่มาให้เราสร้างและสะสมกล้าม
02:27:42 → 02:27:45 เนื้อนะถ้าเกิดอยู่ในช่วงเนี้ยใกล้ๆวัย
02:27:45 → 02:27:49 ทองเหล่าเนี้ยเนี่ยเออก็จะได้รับประโยชน์
02:27:49 → 02:27:51 นะ
02:27:51 → 02:27:56 ก็ต้องพยายามอ่าเลือกไอ้พวกอะไร Muscle
02:27:56 → 02:27:57 sparing
02:27:57 → 02:28:03 เอ่อ synesis น่ะนะฮะนะเนี่ยหาเรื่องกิน
02:28:03 → 02:28:08 โปรตีนเ่อเรื่องการเวทอะไรต่างๆอายุ 46
02:28:08 → 02:28:12 ครับเวทมาหลายปีแล้วค่ะหมอขาเดี๋ยวใกล้ๆ
02:28:12 → 02:28:15 หน่อยใกล้ๆใกล้ๆวัยทองอ่ะนะเนี่ย
02:28:15 → 02:28:20 เทสโทสเตอโรนมันจะพุ่ง
02:28:20 → 02:28:23 อ๋อครับคือผู้หญิงวัยทองเนี่ย
02:28:23 → 02:28:26 เทสโทสเตอโรนจะพุ่งเลยนะฮะนะแต่ผู้ชายวัย
02:28:26 → 02:28:28 ทองอ่ะมันจะ
02:28:28 → 02:28:33 ดอกผู้หญิงวัยทองก็ 77 49 นะฮะเลข 7 ผู้
02:28:33 → 02:28:36 หญิงเนี่ยสัญลักษณ์คือเลข 7 นะฮะถ้า 7 คู
02:28:36 → 02:28:40 7 หญิงคูณหญิงเนี่ยก็หมดประจำเดือนฮะวัย
02:28:40 → 02:28:43 ทองแล้วช่วงเวลาของวัยทองจนถึงวัยชรา
02:28:43 → 02:28:47 เนี่ยคือ 7 ปีนะฮะ 78 56 งั้นผู้หญิงจะ
02:28:47 → 02:28:53 เข้าวัยชราภาพคือ 50 6 ในช่วง 49 -56
02:28:53 → 02:28:57 อ่าเป็นช่วงวัยทองนะช่วงนี้เทสโทสเตอโรน
02:28:57 → 02:29:02 จะพุ่งนะฮะนะต้องสร้างกล้ามเนื้อนะเพราะ
02:29:02 → 02:29:06 ถ้าเกินอ่า 7 8 56 ไปแล้วนะ
02:29:06 → 02:29:10 เอ่อทุกฮอร์โมนต่างๆดรอปหมดแล้วเพราะเรา
02:29:10 → 02:29:14 สู่วัยชรานะก็จะสร้างยากสร้างไม่ได้เป็น
02:29:14 → 02:29:18 เป็นช่วงพีเลียสุดท้ายสำหรับคุณภาพชีวิต
02:29:18 → 02:29:21 ในช่วงท้ายใช่มั้ยครับเรามีความรู้นะมี
02:29:21 → 02:29:27 ความรู้อืแต่ผู้ชายจะเลข 8 ไงผู้ชายนะ
02:29:27 → 02:29:31 แล้วพอ 8864 เนี่ยมันก็จะ
02:29:31 → 02:29:36 หมดหมดความเป็นเพศชายอ่ะนะฮะ
02:29:36 → 02:29:39 นะ
02:29:39 → 02:29:44 ครับดอปหายหมดเลย
02:29:44 → 02:29:50 จบมีหัวเราะใครครับ
02:29:50 → 02:29:53 พี่พี่หมอนำไปก่อนเลยนะพี่หมอไม่ต้องไม่
02:29:53 → 02:29:59 ต้องไม่ต้องรอนะดีแล้วรอ 8864 อ่ะอืเอออ
02:29:59 → 02:30:03 เอ้าเท่าพี่หมอพอดีเลยนี่หว่าตอนเนี้ยเออ
02:30:03 → 02:30:05 ใช่
02:30:05 → 02:30:09 อ๋อยับ
02:30:09 → 02:30:13 ดิอ
02:30:13 → 02:30:17 อืก็เนี่ยมันมีเรื่องที่วันนี้เห็นมีการ
02:30:17 → 02:30:21 โพสต์เนี่ยอันนี้คือคืออันเนี้ยชอบมากเลย
02:30:21 → 02:30:25 นะฮะนะเนี่ยที่บอกว่าออกซิได ldl เกิด
02:30:25 → 02:30:27 ก่อนแล้วค่อยมุดหรือมุดก่อนแล้วค่อยเกิด
02:30:27 → 02:30:32 นะอ๋อพอพอดีผมไปไปซนในเพจของคุณหมออ่ะ
02:30:33 → 02:30:38 ครับเออเออแล้วคุณหมอเคุยกันผมก็เอ๊ะมัน
02:30:38 → 02:30:44 มันน่าสนใจนะประเด็นเนี้ยเออเครับเคยเคย
02:30:44 → 02:30:47 ไลฟ์ไปแล้วครั้งนึง
02:30:47 → 02:30:53 นะเคยไลฟ์ไปนะเนี่ยเอ่อคนที่ออกมาตอบอัน
02:30:53 → 02:30:58 นี้ก็คืออ่าหมอวิลเลียมคอวนะฮะนะว่าอะไร
02:30:58 → 02:31:02 มันเกิดก่อนนะเอ่อออกซิไดมันเกิดในกระแส
02:31:02 → 02:31:06 เลือดนะหรือออกซิได ldl เนี่ยเ่ามันไม่
02:31:06 → 02:31:09 ได้เกิดในกระแสเลือดแต่มันเค้าเรียกว่า
02:31:09 → 02:31:13 มันอักนะอักออกมานะจากการที่เข้าไป
02:31:13 → 02:31:16 ออกซิไดซ์ใต้ชั้นผนังหลอดเลือดนะฮะซึ่ง
02:31:16 → 02:31:21 อันเนี้ยในที่เขียนทั้งหมดเนี่ยเราก็อ่า
02:31:21 → 02:31:24 เราก็ได้สรุปออกมาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
02:31:24 → 02:31:26 นะแต่ตรงนี้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนะฮะไม่
02:31:26 → 02:31:30 เข้าใจนะมันเป็นความเข้าใจ
02:31:30 → 02:31:35 ที่ที่ที่ที่คนเข้าใจน้อยและไม่รู้นะแล้ว
02:31:35 → 02:31:37 ก็ยังน้อยกว่าข้าง่างที่หมอเอามาเขียนว่า
02:31:37 → 02:31:40 คนก็ยังคิดว่าตับเป็นตัวสร้างคอเลสเตอรอล
02:31:40 → 02:31:45 นี่แหละนะอืริจอ่ะตับเป็นตัวจัดการ
02:31:45 → 02:31:49 คอเลสเตอรอลว้พี่หมอใช่คือไม่ได้สร้างนะ
02:31:49 → 02:31:53 ไม่ได้สร้างแต่ว่าเป็นตัวที่บริหารจัดการ
02:31:53 → 02:31:57 อื
02:31:57 → 02:32:01 อืก็อันเนี้ยอันนี้อันนี้ที่สำคัญที่เค้า
02:32:01 → 02:32:03 มาอธิบาย
02:32:03 → 02:32:08 นะคือคิดว่านะต่อไปเนี่ยอาจจะมีไลฟ์คุย
02:32:08 → 02:32:12 กันในประเด็นสั้นๆน่ะถึงเงี้ยเราอยากจะ
02:32:12 → 02:32:14 รู้เรื่องอย่างเงี้ยเรื่องเนี้ยเนี่ยที่
02:32:14 → 02:32:17 ตั้งโจทย์ไว้เมื่อกี้เนี่ยนะฮะอ่ามุดก่อน
02:32:17 → 02:32:21 อ่าเกิดก่อนแล้วมุดนะฮหรือมุดก่อนแล้ว
02:32:21 → 02:32:25 ค่อยเกิดอะไรอย่างเงี้ยนะฮะเเเอามาคุย
02:32:25 → 02:32:28 เป็นแบบสั้นๆแล้วก็ผู้ร่วมรายการอยากจะ
02:32:28 → 02:32:32 คุยอยากจะถามอะไรในกรณีแบบนี้
02:32:32 → 02:32:38 อืรูปบนนี่นะฮะรูปบนนะเนี่ยเฮ้ยหมอมยัง
02:32:38 → 02:32:41 อยู่นะพี่หมอเมื่อกี้เห็นมีเสียงโผล่ออก
02:32:41 → 02:32:49 มานิดนึงนะใช่นะก็คือ tic เนะอยู่อยู่อั
02:32:50 → 02:32:55 เข้าไปนะแล้วก็มันก็อีฝักออก
02:32:55 → 02:33:00 นะคือในทฤษฎีต่างๆเนี่ยที่เขาคุยกันเนี่ย
02:33:00 → 02:33:03 นะที่เราก็พอรู้แล้วะเขาก็คิดว่าตัว ldl
02:33:03 → 02:33:07 เนี่ยถ้ามันเป็น Small แล้วมันมีโอกาสอ่า
02:33:07 → 02:33:10 ที่จะเกิดการออกซิไดนะจากปัจจัยหลายอย่าง
02:33:10 → 02:33:15 นะฮะนะอยู่ในระบบหลอดเลือดนะแต่โทมัสเิ
02:33:15 → 02:33:18 เนี่ยออกมาค้านแล้วเทำงานวิจัยเรียบร้อย
02:33:18 → 02:33:22 แล้วว่าว่ามันไม่เกิดนะเพราะว่าในระบบ
02:33:22 → 02:33:25 เลือดเนี่ยมันมี strongly อะไรล่ะ
02:33:25 → 02:33:29 antioxidant นะฮะนะ้าไทโอนซึ่งแอนตี้
02:33:29 → 02:33:32 ออกซินเหล่านี้เนี่ยนะมันจะเกิดไวมากใน
02:33:32 → 02:33:35 การที่จะเค้าเรียก compensate นะฮะ
02:33:35 → 02:33:38 ปฏิกิริยาออกซิเดชันนะเพราะฉะนั้นคุณไม่
02:33:38 → 02:33:41 สามารถที่จะวัดนะออกซิได ldl ในกระแส
02:33:41 → 02:33:45 เลือดได้นะฮะเพราะว่าร่างกายมันเกิด
02:33:45 → 02:33:49 กระบวนการ compensate นะได้หมดได้หมดนะฮะ
02:33:49 → 02:33:51 นะ
02:33:51 → 02:33:54 นี้ถามว่าแล้วตอนหลังๆเนี่ยเวัดออกซิได
02:33:54 → 02:33:58 ldl ได้เนี่ยนะฮะนะไอ้ตัวเลขหรือไอ้
02:33:58 → 02:34:00 จำนวนออกซิ ldl ที่มันเกิดขึ้นในกระแส
02:34:00 → 02:34:03 เลือกที่วัดออกมาได้เนี่ยนะมันเกิดเพราะ
02:34:03 → 02:34:07 อะไรวิมคอเลก็มาอธิบายว่าหลังจากเกิดการ
02:34:07 → 02:34:11 อ่าอิลักนะหรือทรานซิสเข้าไปแล้วนะเเรียก
02:34:11 → 02:34:15 ว่าเอนดทรานซิสนะฮะนะเข้าไปในใต้ชั้นผนัง
02:34:15 → 02:34:18 หลเลือดแล้วเนี่ยนะเนี่ยมันก็จะเกิด
02:34:18 → 02:34:21 ปฏิกิริยาเลยอะไรต่อไปเนี่ยนะฮะแต่อย่าง
02:34:21 → 02:34:25 ไรก็ตามนะฮะนะนะร่างกายก็จะมีกลไกเนี่ย
02:34:25 → 02:34:28 compensate หรือกลไกที่พยายามปกป้องนะ
02:34:29 → 02:34:31 ตัวร่างกายเองผนังหลอดเลือดเองเนี่ยให้
02:34:31 → 02:34:37 เกิดขบวนการอักออกไป 90% นะฮะนะออกไป 90%
02:34:37 → 02:34:40 นะเพราะฉะนั้นตรรงเนี้ยเข้ามา 100 นออก 90
02:34:40 → 02:34:44 นะมันจะเหลืออยู่ในการเกิดปัญหา
02:34:44 → 02:34:49 10% นะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะไอ้ตัว LD
02:34:49 → 02:34:52 particle ldl P เนี่ยที่อยู่ในหลอด
02:34:52 → 02:34:56 เลือดเนี่ยนะจำนวนจำนวนนะหรือระดับหรือ
02:34:56 → 02:35:00 ปริมาณหรือจำนวน ldl particle จึงมีความ
02:35:00 → 02:35:06 สำคัญถ้ามันเยอะมันเยอะตัวเลขมันเยอะนะ
02:35:06 → 02:35:11 มันก็มีโอกาสเนะที่จะเข้ามาแล้วสะสมนะ
02:35:12 → 02:35:15 เป็นตัวเลขเยอะๆถึงแม้ว่ามันจะอฝออกไปได้
02:35:15 → 02:35:20 90% ก็ตามนะฮะนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ย ldl
02:35:20 → 02:35:23 particle เนี่ยจะต้องไม่เยอะนะหรือเรียก
02:35:23 → 02:35:27 ว่า a b หรือ non hdl ต้องไม่เยอะต้อง
02:35:27 → 02:35:32 ไม่เยอะนะอ่าไปปรับซะไปปรับซปรับปรับอะไร
02:35:32 → 02:35:36 ซะแล้วก็ตัวออกซิได ldl พี่หมอมันถูกอั
02:35:36 → 02:35:38 ออกมาแล้วเนี่ยมันยังสามารถทานไซโทซิสลง
02:35:38 → 02:35:43 ไปได้อีกอีกรอบก็มีโอกาสได้เข้าๆออกๆได้
02:35:43 → 02:35:47 หมดนะฮะนะเพราะว่ายังไง a b ก็ยังติด
02:35:47 → 02:35:50 อยู่ถึงแม้ว่าตัวจะเล็กแค่ไหนก็ตาม
02:35:50 → 02:35:53 ใช่นะเนี่ยแล้วตรงนี้ก็มาเกิดกระบวนการ
02:35:54 → 02:35:57 อะไรต่างๆซึ่งเป็นกระบวนการออกซิไดซ์ใน
02:35:57 → 02:36:00 เนื้อเยื่อเหตุผลก็เพราะว่าเอ่อเขาเรียก
02:36:00 → 02:36:02 ว่าความเข้มข้นของแอนติออกซิแดนท์ที่อยู่
02:36:02 → 02:36:05 ในกระแสเลือดเนี่ยมันเยอะนะแต่ความเข้ม
02:36:05 → 02:36:08 ข้นของแอนตี้ออกซินหรือว่าตัวช่วยอ่ะที่
02:36:08 → 02:36:11 อยู่ในชั้นผนังหลอดเลือดเนี่ยมันน้อยกว่า
02:36:11 → 02:36:15 มันน้อยกว่านะฮะนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยไอ้
02:36:16 → 02:36:16 ตัว
02:36:16 → 02:36:20 10% นะฮะเนี่ยนะมันก็เลยจะเกิดการ
02:36:20 → 02:36:23 เปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆนะฮะเพราะฉะนั้น
02:36:23 → 02:36:27 ถ้าเกิดจำนวนเนี่ยเเรียกว่าเเรียกว่าอ่า
02:36:27 → 02:36:31 particle Game อฮะนะคือมันเก Number อ
02:36:31 → 02:36:33 นะ Game Number of particle เนี่ยก็
02:36:33 → 02:36:37 คือหมายความว่าเอ่อจำนวนนะของ particle
02:36:37 → 02:36:42 ที่เยอะมากเท่าไหร่นะฮะนะการที่จะมาสะสม
02:36:42 → 02:36:47 เนี่ยนะก็จะเยอะตามไปด้วยนะเนี่ยนะอ่าเ้า
02:36:47 → 02:36:50 เรียก particle Game Number นะฮะนะนะ
02:36:50 → 02:36:54 เพราะฉะนั้นจำนวนอนุภาคเป็นตัวเสี่ยงนะนะ
02:36:55 → 02:36:59 ซึ่งในอนุภาคเหล่านี้ก็จะมีอ่า a b นะฮะ
02:36:59 → 02:37:04 อยู่นะฮะนะพี่หมอครับอ่าเวลาที่มันทาน
02:37:04 → 02:37:08 ไซโทซิสลงไปในผนังหลอดเลือดอ่ะครับอืออ่า
02:37:08 → 02:37:12 มันมีอนุมูลอิสระสารต้านอนุมูลอิสระอะไร
02:37:12 → 02:37:15 หรือว่าอะไรบางอย่างมั้ยที่มันที่มันช่วย
02:37:15 → 02:37:19 ป้องกันการออกซิไดซ์ของมันนะครับหลังจาก
02:37:19 → 02:37:22 เข้ามาใต้ชั้นพนังหล่อเลือดแล้วอ่ะเหรอ
02:37:22 → 02:37:26 ใช่ครับมีแต่มันน้อยไง
02:37:26 → 02:37:32 อืน้อยนะฮะมันน้อยนะแล้วเบอกว่าการที่เ้ B
02:37:32 → 02:37:33 เนี่ยนะ
02:37:33 → 02:37:38 เอ่อมันมันมีโอกาสที่จะถูกไอ้พวกเค้า
02:37:38 → 02:37:40 เรียกว่า oxidative state ต่างๆที่อยู่
02:37:40 → 02:37:42 ในชั้นเนื้อเยื่อเนี่ยของผนังหล่อดเลือด
02:37:43 → 02:37:45 เนี่ยนะเนี่ย
02:37:45 → 02:37:50 นะก็เพราะว่ามันมียีนบางอย่างด้วยนะคือใน
02:37:50 → 02:37:54 ชั้นพลังหลอดเลือดเนี่ยนะเ่อมันมียีนบาง
02:37:54 → 02:37:58 อย่างของตัวลับอะไรต่างๆพวกเนี้ยนะฮะนะนะ
02:37:58 → 02:38:01 ที่จะทำให้ตัว a b เนี่ยนะเกิดปฏิกิริยา
02:38:01 → 02:38:06 ออกซิเดชันได้ง่ายขึ้นกับอีตัวนี้นะกับอี
02:38:06 → 02:38:08 ตัวสารอิิ state ที่อยู่ในชั้นมนังหลอด
02:38:08 → 02:38:10 เลือด
02:38:10 → 02:38:15 นะคือมันมีภาวะสิ่งแวดล้อมนะอ่าบางอย่าง
02:38:15 → 02:38:18 นะที่จะไปเอื้อให้มันเกิดปฏิกิริยาต่อไป
02:38:18 → 02:38:24 จนกระทั่งเอ่อกลายเป็นการอักเสบนะฮะแต่
02:38:24 → 02:38:26 ทั้งหมดที่อยู่ในกระแสเลือดเนี่ยนะเกิด
02:38:26 → 02:38:31 ยากเกิดน้อยนะนะเพราะว่าในสิ่งแวดล้อมของ
02:38:31 → 02:38:34 ความเป็นกระแสเลือดมันมีตัวสารแอนตี้
02:38:34 → 02:38:38 ออกซินตัวเก่งๆเยอะมากในการที่จะช่วย
02:38:38 → 02:38:43 compensate หรือช่วยไปผมผมกำลังสผมกำลัง
02:38:43 → 02:38:47 สงสัยว่าระหว่างคนคนแข็งแรงปกติอครับกับ
02:38:47 → 02:38:50 คนที่ที่เริ่ม
02:38:50 → 02:38:55 ป่วยที่บอกว่าแอนตี้ออกซินในผนังหลอด
02:38:55 → 02:38:57 เลือดมันน้อยลงเนี่ยไม่รู้มีมันมีงาน
02:38:57 → 02:39:01 วิจัยอะไรออกมาบ้างมั้ยครับว่ามันมีอะไร
02:39:01 → 02:39:06 ลดลงอะไรอย่างเงี้ยออไม่มียากนะยากนะอื
02:39:06 → 02:39:10 ยากนะไอ้ไอ้สารอะไรตอะไรแต่ละตัวเนี่ยไม่
02:39:10 → 02:39:13 ได้ไม่ได้รู้กันขึ้นมาได้ง่าย
02:39:13 → 02:39:17 ๆอืแต่ตอนนี้ก็คือรู้แค่ว่าอันนี้คือล่า
02:39:17 → 02:39:20 สุดในโลกนี้เลยใช่มั้ยพี่หมอใช่ล่าสุดเลย
02:39:20 → 02:39:27 นะนะว่านะออกซิได ldl นะไม่ใช่ออกซิได ldl
02:39:27 → 02:39:32 ตามปกติที่หมุนเวียนหรือเกิดอะไรอ่ะหรือ
02:39:32 → 02:39:37 เกิดอะไรนะแพลาสมา Resident Time นะล่อง
02:39:37 → 02:39:41 ลอยอยู่ในกระแสเลือดนานๆนะแต่เป็นนะ
02:39:41 → 02:39:46 ออกซิได ldl ที่เกิดการอักออกไปจากชั้น
02:39:46 → 02:39:50 ผนังหลอดเลือดอืๆก็คือจุดเกิดเหตุอ่ะไม่
02:39:50 → 02:39:52 ได้อยู่ในกระแสเลือดไม่ได้อยู่ในพลาสม่า
02:39:52 → 02:39:55 แต่อยู่ในผนังหลอดเลือดนั่นเองเอออยู่ใน
02:39:55 → 02:39:58 ผนังหลอดเลือด
02:39:58 → 02:40:03 อืก็อยากจะให้คพี่หมอครับคนที่เป็นชูการ
02:40:03 → 02:40:08 เนอรเนี่ย ldl มันสูงมันสูงเพราะอะไรมัน
02:40:08 → 02:40:10 สูงเยอะมั้ยฮะพี่
02:40:10 → 02:40:16 หมอก็สูงสูงกว่าปกติแต่ไม่ได้เยอะมากเท่า
02:40:16 → 02:40:19 กับพวก Hyper responder อ๋อหรือพวกที่
02:40:19 → 02:40:25 กิน very low C
02:40:25 → 02:40:27 ครับแต่
02:40:27 → 02:40:30 ว่าตัว ldl ที่
02:40:30 → 02:40:34 สูงเนี่ยมันไม่ได้สำคัญเท่ากับ hdl ที่
02:40:34 → 02:40:37 ต่ำแล้วไกิสลายที่
02:40:37 → 02:40:40 เยอะเพราะว่าคุณกิน sugar เนอรกินคาฟ
02:40:41 → 02:40:44 เนี่ยนะอืกลายเป็นความเด่นในเรื่องของ
02:40:44 → 02:40:51 พลังงานตัวไตกีดที่เยอะนะ vdl เยอะนะ vdl
02:40:51 → 02:40:55 เยอะ ldl เดี๋ยวมันก็จะเยอะนะแต่ปัญหาของ
02:40:55 → 02:40:58 คุณก็คือ hdl มันน้อยไป
02:40:58 → 02:41:02 ด้วย
02:41:02 → 02:41:07 ครับคือแล้วสุดท้ายก็คือสุดท้ายก็คือไทย
02:41:07 → 02:41:10 ตัวดูดกลับที่ตับมันก็ลดลงไปด้วยใช่มั้ย
02:41:10 → 02:41:15 พี่หมอมันถึงข้างค้างเยอะขนาดนั้นน่ะใช่
02:41:15 → 02:41:17 นะ
02:41:17 → 02:41:21 อ่าเดี๋ยวจะบอกต่อไปเอาโอเคครับเราดู
02:41:21 → 02:41:25 เรื่องนี้ก่อนนะว่าเนี่ยอ่าผ่าดูผนังหลอด
02:41:25 → 02:41:30 เลือดที่อุตันก็พบพังผืดนะจากการเกิดลิ่ม
02:41:30 → 02:41:33 เลือดหรือจากปฏิกริยาอับเสบพบคอเลสเตอรอล
02:41:33 → 02:41:35 น้อย
02:41:35 → 02:41:40 นะก็คือคำว่าพบคอเลสเตอรอลเนี่ยก็หมายถึง
02:41:40 → 02:41:46 ว่าเค้าเรียกว่าภบ ldlc อ่ะนะฮะนะก็คือพบ
02:41:46 → 02:41:49 สินค้าที่เป็นตัวคอเลสเตอรอลน้อยหรือไม่
02:41:49 → 02:41:53 พบเลยอันนี้มันมันมันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
02:41:53 → 02:41:57 นะฮะนะคือจะพบน้อยพบมากอะไรต่างๆเนี่ย
02:41:57 → 02:42:02 คอเลสเตอรอลเนี่ยนะมันมันไม่ไม่ได้เป็น
02:42:02 → 02:42:05 เรื่องเป็นราวอะไรต่างๆนะนะเพราะว่าปัญหา
02:42:05 → 02:42:07 ของขบวนการออกส่งอักเสบเกิดอะไรต่างๆเกิด
02:42:07 → 02:42:11 การตันเนี่ยนะมันเกิดมันไม่ได้เกิดจาก
02:42:11 → 02:42:14 คอเลสเตอรอลมันเกิดจากโปรตีนเอโป้ B นะก็
02:42:14 → 02:42:17 แค่นั้นแหละนะเพราะฉะนั้นเนี่ย CR
02:42:17 → 02:42:20 section เออกมาอย่างงี้ไงนะคือออกมา
02:42:20 → 02:42:22 อย่างงนี้ก็ออกมาอย่างงนี้เนี่ยนะฮะนะ
02:42:22 → 02:42:28 เนี่ยเไฟบัสคิทิชูเนี่ยนะที่มัน 87%
02:42:28 → 02:42:31 เนี่ยมันคืออะไรฮะไบ cring ทิชชูมันก็คือ
02:42:31 → 02:42:36 โปรตีนเนี่ไงคือเนี่ยเนี่ยเนี่ยโปรตีน
02:42:36 → 02:42:40 เนี่ยอาลเนี่ย an พเนี่ยนะก็คือปัญหามัน
02:42:40 → 02:42:43 อยู่ที่ตัวโปรตีนนี่แหละเที่มันกลายเป็น
02:42:43 → 02:42:45 ผังผืน
02:42:45 → 02:42:50 เเออนะไม่ได้เกียบเกี่ยกับคอเลสเตอรอล
02:42:50 → 02:42:54 อยู่แล้วนะมาเพะมันเกี่ยวกับโปรตีนนะ
02:42:54 → 02:42:58 เเพราะฉะนั้นไม่เจอคอเลสเตอรอลก็ไม่เห็น
02:42:58 → 02:43:02 เป็นไรเลยเพราะว่ามันเป็นปัญหาของโปรตีน
02:43:02 → 02:43:06 นะที่พี่หมอพูดเงว่าสมัยนี้เขาคุยกันแต่
02:43:06 → 02:43:10 เรื่องโปรตีนเออนะก็ยังไปคุยคอเลสเตอรอล
02:43:11 → 02:43:15 ldlc อีกนะแล้วการคุยเรื่องโปรตีนเนี่ย
02:43:15 → 02:43:19 เขาก็จัมาที่ ldl P หรือไม่ก็ non hdl
02:43:19 → 02:43:25 หรือ a b ไปเลยนะเ่ามันก็ชัดเลยอ่ะนะฮะ
02:43:25 → 02:43:30 แต่เรายังกลับไปที่ ldl เฉยๆหรือ ldlc
02:43:30 → 02:43:34 ldl เฉยๆส่วนใหญ่ก็หมายถึง ldl c นะฮะ
02:43:34 → 02:43:37 นะซึ่งไอ้้ตัวเนี้ยมันไม่ได้มีผลอะไรเลย
02:43:37 → 02:43:41 จะน้อยจะมากอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะจะไปค
02:43:41 → 02:43:44 section พาโถ ly แล้วเจอแล้วอะไรต่างๆ
02:43:44 → 02:43:47 เจอน้อยเจอมากมันก็ไม่ได้อธิบายก็ไม่ได้
02:43:47 → 02:43:50 เกี่ยวอะไรอยู่แล้วเพราะตัวที่เกี่ยวคือ
02:43:50 → 02:43:55 ldl particle หรือ Apple B นะก็ทำไม
02:43:55 → 02:43:58 ไม่บอกอ่ะหรือว่าไม่มาให้รายละเอียด
02:43:58 → 02:44:00 เกี่ยวกับโปรตีน Apple B อย่างงู้นอย่าง
02:44:00 → 02:44:05 งี้ใช่มก็ไม่พูดถึงอ่ะก็จบที่ ldl C
02:44:05 → 02:44:09 อยู่นั่นแหละนะเนี่ยถึงได้บอกนะว่ามัน
02:44:09 → 02:44:10 เป็น ldl
02:44:10 → 02:44:13 [เพลง]
02:44:13 → 02:44:14 P ใช่
02:44:15 → 02:44:18 ครับแล้ววิธีแก้แก้ยังไงก็แก้อย่างงนี้
02:44:18 → 02:44:23 แหละนะฮะนะเอ
02:44:23 → 02:44:27 เอ่อก็ต้องเข้าใจอ่ะนะฮะว่า a b เนี่ย
02:44:27 → 02:44:34 เ่อมันมาทางไหนนะเอมันมาทางไขมันอิ่มตัวอ
02:44:34 → 02:44:38 อะไรอย่างนี้นะฮะนะก็คือกินเนื้อเกลือไข่
02:44:38 → 02:44:42 อ่ะกินพอทโปรตีนอะไรต่างๆพวกนี้แหละนะเรา
02:44:42 → 02:44:46 ก็ไม่ยอมใช้มูฟ้าหรือูฝ้าเป็นหลักอะไร
02:44:46 → 02:44:50 อย่าเงี้ยนะก็ส่วนใหญ่อัดแต่เอ่อ
02:44:50 → 02:44:53 เปอร์เซ็นของคือมูฟ่ามันต้องเยอะที่สุดไ
02:44:53 → 02:44:57 นะแต่ถ้าเรากินแบบไใชโปรตีนต่างๆเราไม่
02:44:57 → 02:44:59 เข้าใจเรื่อง good Healthy Fat TE Oil
02:44:59 → 02:45:01 อะไต่างๆนะก็แน่นอนแล้วล่ะคุณก็ได้แต่
02:45:01 → 02:45:04 saturated Fat เยอะนะ saturated Fat
02:45:04 → 02:45:10 เยอะ Apple B ก็เยอะนะฮะนะเอแต่ถ้าเมื่อ
02:45:10 → 02:45:14 ไหร่นะเมื่อไหร่ก็ตามนะที่มันเป็นฟ่าเยอะ
02:45:14 → 02:45:19 พวกนี้ apo A1 เยอะ hdl เยอะก็เลือกเอา
02:45:19 → 02:45:23 แล้วกันว่าจะแก้ตรงไหนมันมีคำตอบอยู่แล้ว
02:45:23 → 02:45:27 อืก็ต้องไปโฟกัสที่คุณภาพโปรตีนสัส่วนของ
02:45:27 → 02:45:31 โปรตีนให้มันถูกเออนะแล้วก็โปรตีนเนี่
02:45:31 → 02:45:35 ต้องคู่กับอะไรอ่ะบอกไปตั้งแต่แรกๆใกู้
02:45:35 → 02:45:38 กับไฟเบอร์ต้องกู้กับ
02:45:38 → 02:45:42 ไฟเบอร์เพราะฉะนั้นเนี่ยเออน้โปรตีนต่างๆ
02:45:42 → 02:45:46 เนี่ยก็ปรับก็เปลี่ยนซะเสร็จแล้วนะก็ใส่
02:45:46 → 02:45:50 ไฟเบอร์เข้าไปนะฮะเนี่ยเส้นใยอาารอารนะพอ
02:45:50 → 02:45:55 เส้นยอาหารเป็นสารอาหนะที่เาจะต้องทำงาน
02:45:55 → 02:45:58 คู่กันไปกับตัวโปรตีนต่างๆนะโปรติคุณภาพ
02:45:58 → 02:47:48 ต่างๆนะ
02:47:48 → 02:47:52 พก็ low C High Good fash นี่แหละถูก
02:47:52 → 02:47:55 ต้องหมดที่สุดแล้ว้ยอันนี้ไม่ใช่อันนี้
02:47:55 → 02:48:42 ไม่มี
02:48:42 → 02:48:47 นะสำหรับคนหรือมนุษย์เนี่ยนะฮะอ่าก็อยู่
02:48:47 → 02:48:53 ในกลุ่มของออมนินะฮะที่เราเรียกว่า
02:48:53 → 02:49:00 ไอะไร primate นะฮะ primate นะเป็นออมนิ
02:49:00 → 02:49:03 ที่เป็น primate นะฮะนะ primate มันก็จะ
02:49:03 → 02:49:07 มีลิงมีอะไรต่างๆเนี่ยนะฮะ
02:49:07 → 02:49:13 นะแล้วทีนี้อ่าเาก็ถามว่าแล้วมนุษย์เนี่ย
02:49:13 → 02:49:17 เป็นสัตว์ชนิดไหนใน 3 ประเภทเนี้ยนะฮะนะ
02:49:17 → 02:49:22 คำตอบก็คือมนุษย์เป็นออมอนะฮะกินได้ทั้ง
02:49:22 → 02:49:26 พืชทั้งสัตว์แต่อ่ามันจะมีคำข้างหน้าคำ
02:49:26 → 02:49:30 ว่า omn อยู่ตัวอย่างหนึก็คือ
02:49:30 → 02:49:32 opportunistic นะฮะ
02:49:32 → 02:49:36 อ่าก็คือ opportunistic omn ก็หมายถึง
02:49:36 → 02:49:40 ว่ากินได้ทั้งพืชทั้งสัตว์แล้วแต่แล้วแต่
02:49:40 → 02:49:44 สถานการณ์จะพาไปนะหรือแล้วแต่เงื่อนไขของ
02:49:44 → 02:49:47 ชีวิตความเป็นอยู่นะฮะเอ่อเพราะว่ามนุษย์
02:49:47 → 02:49:50 เราเนี่ยกระจายอยู่ทั่วโลกนะฮะอ่าก็แล้ว
02:49:51 → 02:49:57 แต่โซนต่างๆหนาวมากร้อนมากอบอุ่นนะฮะอ่า
02:49:57 → 02:50:01 หรือบางโซนก็เป็นมีน้ำไม่มีน้ำอะไรต่างๆ
02:50:01 → 02:50:03 เหล่าเนี้ยนะฮะนะหรือเป็นเกาะเป็นอะไร
02:50:03 → 02:50:06 ต่างๆเหล่าเนี้ยนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ย
02:50:07 → 02:50:12 นะมนุษย์ซึ่งเป็นนะไมตในกลุ่มออมนิเนี่ย
02:50:12 → 02:50:18 นะอ่าแล้วก็เป็นกลุ่มของของสัตว์ที่มีิ
02:50:18 → 02:50:23 วิวัฒนาการสูงสุดนะฮะนะเราก็เลย classify
02:50:23 → 02:50:26 นะมนุษย์เราหรือคนเราเนี่ยว่าเป็น
02:50:26 → 02:50:31 opportunistic omni นะซึ่งก็หมายถึงว่า
02:50:31 → 02:50:36 การกินได้ทั้งพืชทั้งสัตว์นะทีนี้ถ้าจะมา
02:50:36 → 02:50:39 เกี่ยวข้องนะฮะนะกับเรื่องของคอเลสเตอรอล
02:50:39 → 02:50:43 ต่างๆนะฮะนะเขาคก็จะในปัจจุบันเนี่ยใน
02:50:43 → 02:50:46 ทฤษฎีวิวัฒนาการเนี่ยเค้าก็จะมีราย
02:50:46 → 02:50:50 ละเอียดนะให้มีความเข้าใจกันได้ดียิ่ง
02:50:50 → 02:50:55 ขึ้นนะของของความเป็นสัตว์ในอาณาจักรต่าง
02:50:55 → 02:50:57 ๆนะ
02:50:57 → 02:51:05 เบวอ่าควอออมนินะฮะนะเอาเบวก่อนเบออันนี้
02:51:05 → 02:51:07 อันนี้หมายถึงสัตว์นะฮะหมายถึงสัตว์ทั้ง
02:51:07 → 02:51:11 หมดนะฮะอาณาจักรสัตว์นะที่เป็น
02:51:11 → 02:51:16 เบวจักสัตว์ที่เป็นเบวนี่ก็เช่นอะไรบ้าง
02:51:16 → 02:51:19 นะก็ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ตัวใหญ่ใหญ่เบอนี่
02:51:19 → 02:51:25 จะตัวใหญ่ยักษ์ขนาดใหญ่นะฮะเเ่าแล้วก็กิน
02:51:25 → 02:51:28 พืชเป็นหลักเ่าไม่ได้กินสัตว์นะฮะกินพืช
02:51:28 → 02:51:31 ย่อยพืชได้รับสารอาหารหรือแปลงสารอาหาร
02:51:32 → 02:51:35 ต่างๆจากพืชอ่าให้เป็นสารอาหารในการสร้าง
02:51:35 → 02:51:40 พลังงานและสร้างร่างนะนะให้มีชีวิตอยู่
02:51:40 → 02:51:43 รอดนะแล้วก็สามารถที่จะ
02:51:43 → 02:51:49 อ่าอะไรอ่ะดำรงชีวิตไปได้นะจนหมดอายุไข
02:51:49 → 02:51:51 อ่ะนะฮะ
02:51:51 → 02:51:56 เวอก็คือสัตว์ที่กินพืชก็มีอะไรช้างช้าง
02:51:56 → 02:52:03 ม้ากวายกวายอ่าครับผมแล้วก็อะไรอีกช้าง
02:52:03 → 02:52:08 ม้าวัวควายเ่อกระต่ายเอ่ออะไรอีก
02:52:08 → 02:52:16 นะแกะอันแล้วแต่นะที่กินพืชเ่ะกระดาษเแกะ
02:52:16 → 02:52:20 แพะต่อไปถ้าเป็นคานิวอร์ล่ะคานิวอร์ไม่
02:52:20 → 02:52:25 กินพืชกินแต่สัตว์นะก็เสือสิงโตกินสัตว์
02:52:25 → 02:52:28 นะฮะเม
02:52:28 → 02:52:31 เอออะไร
02:52:31 → 02:52:37 อีกกินแต่สัตว์กินไม่กินพืชฮะยกเว้นอูย
02:52:37 → 02:52:41 วิกฤตจำเป็นจริงๆอะไรจริงๆเหล
02:52:41 → 02:52:49 เนี้ย้าแนวครับ
02:52:49 → 02:52:54 ต่อไปออมนิใช่มออมนิก็คืออะไรบ้างคนนี่
02:52:54 → 02:52:59 ครับมีคนแล้วมีอะไรมีหนูอ่ะมีหนูลิงลๆ
02:52:59 → 02:53:05 ครับมีลิงเ่าไมทไมทต่างๆนะหนูนี่ก็มีหลาย
02:53:05 → 02:53:10 อย่างนะหนูที่กินหนูที่เป็นเบวกับหนูที่
02:53:10 → 02:53:15 เป็นหนูที่กินสัตว์น่ะออมนินะไก่ครับ
02:53:15 → 02:53:19 ะไก่
02:53:19 → 02:53:25 ออหมอมโตไก่ๆไก่ก็เป็นไอ้หมูนี่เป็นไร
02:53:25 → 02:53:27 ครับ
02:53:27 → 02:53:30 ซันหมูเนี่ยหมู
02:53:30 → 02:53:33 เนี่ยคือเขาบอกว่าเป็น
02:53:33 → 02:53:35 opportunistic
02:53:35 → 02:53:38 ออมนิ
02:53:38 → 02:53:44 อ่ะหมูอ่ะหมูมันแบบคล้ายๆคนน่ะนะอคือกิน
02:53:44 → 02:53:48 ได้ทั้งพืชทั้งสัตว์นะเออ
02:53:48 → 02:53:51 กินได้ทั้งพืทั้งสัตว์ก็มีคนมีหมู
02:53:51 → 02:53:54 เ่าหมีด้วย
02:53:54 → 02:54:00 มั้ยหมีเหรอหมีกินหมีเป็นเบีอเเอ่ะหมีมัน
02:54:00 → 02:54:03 ก็กินปลาแซลมอนไม่ใช่เหรอที่หมีในประเทศ
02:54:03 → 02:54:07 หนาวนะเออมันอาจจะเป็นมันมีหลายสายพันธุ์
02:54:07 → 02:54:11 หรือเปล่านะมีหลายหลายหลายชนิดน่ะ
02:54:11 → 02:54:17 นะมันตามหรือว่าตามอย่างหมีขาวมันอยู่ใน
02:54:17 → 02:54:20 แถบอาร์คติกอย่างเงี้ยอากาศหนาวตลอดมีน้ำ
02:54:20 → 02:54:23 กิน้ำแข็งมันก็ไม่น่าจะมีพืชให้มันกินนะ
02:54:23 → 02:54:27 ใช่มันก็ต้องกินปลากินอะไรไปใช่มคานิวอร์
02:54:27 → 02:54:31 นะมันก็คล้ายๆกับคนที่คนที่อยู่พวกเอ
02:54:31 → 02:54:34 เอสกิโมครับเอสกิโมกินแต่เนื้อสัตว์อย่าง
02:54:34 → 02:54:36 เดียวใช่
02:54:36 → 02:54:40 เออนะอันนั้นน่ะแต่ว่ายังไงก็ตามความเป็น
02:54:40 → 02:54:42 มนุษย์เนี่ยเค้าก็ยังเป็น opportunistic
02:54:42 → 02:54:46 ออนออยู่นะฮะทีนี้ทั้งหมดเนี่ยที่จะบอก
02:54:46 → 02:54:50 เนี่ยก็คืออย่าง Herb War เนี่ย Herb
02:54:50 → 02:54:55 War เนี่ยนะฮะนะ Herb เค้าก็จะมีเค้าก็
02:54:55 → 02:54:59 จะมีเรือนำส่งพลังงานนะฮะคือเขาจะมี a b
02:54:59 → 02:55:03 อ่าพวกเนอทั้งหลายเนี่ยนะฮะคือคือช้างม้า
02:55:03 → 02:55:07 วัวควายเนี่ยเวลาเจาะเลือดตรวจเนี่ยนะเรา
02:55:07 → 02:55:14 ก็จะพบ Total คอสอ ldl นะ hdl ไตกีสไล
02:55:14 → 02:55:21 นะนะเนี่ยคือพวกเนี้ยนะฮะพวกเนี้ย
02:55:21 → 02:55:24 อ่าพวกเนี้ยส่วนใหญ่แล้วมันก็ยังมีตัวนำ
02:55:24 → 02:55:28 ส่งอนุภาพนำส่งพลังงานน่ะที่มันเป็น ldl
02:55:28 → 02:55:32 นะนะที่มาช่วย hdl
02:55:32 → 02:55:37 นะแต่ CD อ่ะคิวดหรือว่าพวกสัตว์ที่กิน
02:55:37 → 02:55:40 เนื้อเนี่ยนะฮะสัตว์ที่กินเนื้อเนี่ยมัน
02:55:40 → 02:55:44 จะไม่มี AP โปรตีน B นะฮะนะมันไม่มีระบบ
02:55:44 → 02:55:48 นะ A B containing ไลโปโปรตีน
02:55:48 → 02:55:54 มันไม่มีฮะมีแต่ hdl นะนะคือมันมี ldl
02:55:54 → 02:55:58 แต่มันก็น้อยมากนะในสัตว์ที่กินเนื้อนะฮะ
02:55:58 → 02:56:01 นะอย่างเหมี่ยวมี้วอ่ะหรือหมาเนี่ยนะ
02:56:02 → 02:56:06 เนี่ยพวกนี้เวลาเอาไปตรวจเลือดนะเราจะมี
02:56:06 → 02:56:09 แต่ hdl เยอะ
02:56:09 → 02:56:14 นะแต่เราจะไม่เจอ ldl นะฮะนะเราจะไม่เจอ
02:56:14 → 02:56:19 ldl นะนี้คำถามก็คือแล้วคนน่ะน่าจะเป็น
02:56:19 → 02:56:24 แบบไหนน่าจะเป็นค่อนมาทางเบีอหรือน่าจะ
02:56:24 → 02:56:26 เป็น
02:56:26 → 02:56:31 คนอน่าจะค่อนไปทางน่าจะค่อนมาทางสัตว์นะ
02:56:31 → 02:56:33 ฮะเบวิครับ
02:56:33 → 02:56:38 เอืมนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็มีคำตอบแล้วไ
02:56:38 → 02:56:41 ในเพจของเราอ่ะนะซึ่งเป็น low C High
02:56:41 → 02:56:44 Good Fat TE Oil อ่ะเรามีบอดี้ type
02:56:44 → 02:56:48 ไงนะเพราะฉะนั้นใครที่เป็นสายแป้งเ่ามี
02:56:48 → 02:56:52 แนวโน้มที่จะกินนพืชเยอะใช่ม
02:56:52 → 02:56:55 เออครับผมพวกค่อนข้างไปทาง
02:56:55 → 02:57:00 เบวใครที่เป็นสายเนื้อสายเนี่ยบอดี้ type
02:57:00 → 02:57:04 สายพุงเครียดสายเอสโตรเจน typ นะพวกนี้มี
02:57:04 → 02:57:08 แนวโน้มที่จะไปทาง CD
02:57:08 → 02:57:16 คนออือซึ่งคนอเนี่ยนะพวกเนี้ยนะ hdl ldl
02:57:16 → 02:57:20 มันจะต่ำนะฮะมันจะไม่สูงนะคือมันเหมือน
02:57:20 → 02:57:23 มันมีการ adapt หรือวิวัฒนาการมานะจน
02:57:23 → 02:57:28 กระทั่งเนี่ยนะไอ้พวก hdl ต่างๆอ่ะเวลา
02:57:28 → 02:57:32 ตรวจเลือดเนี่ยมันจะไม่สูงล่ะฮะนะนะ ldl
02:57:32 → 02:57:38 ก็ไม่สูงนะถ้ากินแบบถูกต้องปกติเลยนะฮะ
02:57:38 → 02:57:41 เนี่ยแต่ถ้าเป็นสายแป้งเนี่ยที่มันมี
02:57:41 → 02:57:45 ปัญหาที่มันมีปัญหาเนี่ยนะคือปกติสายแป้ง
02:57:45 → 02:57:48 เนี่ยถ้าคุณกินแบบอ่าสแตนดาร์ดในกันไดเอด
02:57:49 → 02:57:52 เนี่ยนะเวลาตรวจเลือดออกมาเนี่ยนะค่าแลบ
02:57:52 → 02:57:56 เนี่ยมันก็มันก็จะไม่ไม่ได้หวือหวาไม่ได้
02:57:56 → 02:57:59 มีอะไรน่าตกอกตกใจหรอกนะฮะแต่ทีนี้ถ้าคุณ
02:57:59 → 02:58:02 เป็นสายแป้งเนี่ยนะคุณมีความใกล้ชิดไปใน
02:58:02 → 02:58:03 ทาง
02:58:03 → 02:58:07 Herb นะซึ่ง Herb เนี่ยเมันจะต้องมี
02:58:07 → 02:58:11 โปตีนเยอะในการมันช่วย hdl ในการนำส่ง
02:58:11 → 02:58:15 พลังงานแล้ว hdl มันจะไม่เยอะนะเนี่ย
02:58:15 → 02:58:19 เพราะฉะนั้นเนี่ยนะเอ่อใครที่กินเป็นแบบ
02:58:19 → 02:58:23 สายแป้งเนี่ยนะส่วนใหญ่เนี่ยถ้าคุณไม่กิน
02:58:23 → 02:58:27 แป้งไม่กินพืชตามตามลักษณะที่ของความเป็น
02:58:27 → 02:58:31 ความใกล้ชิดทางด้านเบวเนี่ยนะคุณปรับหัก
02:58:31 → 02:58:35 ดิบเลยแล้วมากิน CD kcd เนี่ยนะเพราะ
02:58:35 → 02:58:40 ฉะนั้นเนี่ยระบบนะของการขนส่งพลังงานของ
02:58:40 → 02:58:44 คุณเนี่ยมันก็จะมีพวก hdl ldl พุ่งสูง
02:58:44 → 02:58:48 ริบิ้วเลยนะแล้วก็เป็นปัญหาในทุกทกวันนี้
02:58:48 → 02:58:51 ไงที่มาโพสต์ถามอะไรต่ออะไรกันเนี่ยนะฮะ
02:58:51 → 02:58:54 นะซึ่งอันเนี้ยมันคุณก็ต้องรู้ในเรื่อง
02:58:54 → 02:58:56 ของบอ typ
02:58:56 → 02:59:01 ด้วยทีนี้เหตุผลที่พวกที่กินซีดีหรือกิน
02:59:01 → 02:59:06 เนื้อเนื้อสัตว์นะได้ดีๆนะหรือพวกหมาพวก
02:59:06 → 02:59:12 แมวที่กินเนื้อสัตว์เนี่ยนะเนี่ยเขาเขา
02:59:12 → 02:59:15 ไม่มีปัญหาเขาไม่มีปัญหาอะไรเไม่มีปัญหา
02:59:15 → 02:59:18 เรื่องเรื่องเรื่องไขมันอุตันเ้าไม่มี
02:59:18 → 02:59:23 ปัญหาเรื่องว่ากินสัตว์ด้วยกันแล้วเนี่ยเ
02:59:23 → 02:59:27 มันทำไมคอเลสเตอรอลมันถึงได้หายไปไหนไม่
02:59:27 → 02:59:31 สูงไม่อะไรต่างๆเนี่ยนะเ้าไม่มีระบบตัว
02:59:31 → 02:59:35 ช่วยก็คือตัว a b อ่ะหรือตัว ldl อ่ะนะ
02:59:35 → 02:59:40 ฮะเมีแต่ hdl ในการนำส่งนะฮะนะแล้วเราก็
02:59:40 → 02:59:43 รู้ว่า hdl เนี่ยนะองค์ประกอบต่างๆโดย
02:59:43 → 02:59:46 เฉพาะที่มันเป็น aple A1 หรือเป็น aple
02:59:46 → 02:59:50 E เนี่ยนะพวกเนี้ยมันกลับตับได้ดีหมดนะ
02:59:50 → 02:59:53 ฮะนะเพราะฉะนั้นเรื่องระบบการนำส่งพลัง
02:59:53 → 02:59:58 งานของในพวกสัตว์กินเนื้อเนี่ยหรือคิวอ
02:59:58 → 03:00:02 เนี่ยนะมันก็เลยไม่ค่อยพบนะตรวจแลปออกมา
03:00:02 → 03:00:05 แล้วดีเพราะแลปอะไปิดโปรไฟล์เนี่ย Total
03:00:05 → 03:00:10 คอสอ ldl hdl นะไกไลอะไต่างๆเค่อนข้าง
03:00:10 → 03:00:15 ต่ำเตี้ยเรี่ยดินนะนะเพราะว่าเไม่มีระบบ
03:00:15 → 03:00:21 นะ A B และไม่มีมี ldl เป็นตัวช่วย hdl
03:00:21 → 03:00:27 ในการนำส่งอนุภาคกับตับไม่มีนะซึ่งอ่า
03:00:27 → 03:00:30 สิ่งที่ทำให้ไม่มีสิ่งเหล่าเนี้ยก็คือการ
03:00:30 → 03:00:33 ไม่มีเอนไซม์
03:00:33 → 03:00:37 CP เเพราะฉะนั้นพวกเไม่มีเอนไซม์ C ไอ้
03:00:37 → 03:00:40 โปรตีนไม่มีโปรตีนตัวนี้นะเเรียกว่าเอ่อ
03:00:40 → 03:00:45 โปรตีนไออะไรน่ะคอเลสเตอนะเอร transfer
03:00:45 → 03:00:49 โปรตีนนะนะนะซึ่ง
03:00:49 → 03:00:52 เอ่อซึ่งมันไม่มีอ่ะไม่มีไม่มีโปรตีนตัว
03:00:52 → 03:00:56 นี้นะฮะนะเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่การกินพวก
03:00:56 → 03:01:00 เนื้อเกลือไข่อะไรต่างๆนะมันจะทำให้ CP
03:01:00 → 03:01:06 เนี่ยมันลดลงนะมันลดลงแล้วการที่มันลดลง
03:01:06 → 03:01:11 อะไรต่างๆนะมันก็จะมีผลนะฮะ
03:01:11 → 03:01:16 นะโดยเฉพาะคนที่ผอมๆนะซึ่งร่างกายค่อน
03:01:16 → 03:01:19 ข้างมาเป็น Herb War เนี่ย
03:01:19 → 03:01:25 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะ CP อ่ะนะมันหายไป
03:01:25 → 03:01:28 จากการกินเนื้อเกลือไข่อ่ะนะแล้วปรากฏว่า
03:01:29 → 03:01:33 เอ่อคุณเป็นสายแป้งที่ต้องกินพืชด้วยแต่
03:01:33 → 03:01:36 คุณไปตัดพืชออกไปเนี่ยนะเพราะฉะนั้น ldl
03:01:36 → 03:01:40 hdl นะ Total คอสอมันก็สูงลิบริวไปหมด
03:01:40 → 03:01:44 เลยนะฮะคือมันไม่มีตัว CP มาเป็นตัวช่วย
03:01:44 → 03:01:46 อ่ะนะ
03:01:46 → 03:01:51 ฮะครับผมพอเข้าใจือยังเข้าใจครับผมอันนี้
03:01:52 → 03:01:55 เป็นประเด็นแรกนะเป็นประเด็นแรกนะนะของ
03:01:55 → 03:02:00 การที่จะเป็นสัตว์กินพืชกินเนื้อนะนะ
03:02:00 → 03:02:03 ประเด็นที่ 2 ก็คือ receptor นะฮะ
03:02:04 → 03:02:06 receptor receptor เนี่ยนะเค้าเรียกว่า
03:02:06 → 03:02:10 receptor activity อนะที่ตัเนี่ยในการ
03:02:10 → 03:02:14 ที่จะเกิดการรับตัวคอเลสเตอรอลเข้าไปใน
03:02:14 → 03:02:18 ตับเนี่ยนะเขาก็บอกว่า
03:02:18 → 03:02:20 เขาก็บอกว่าระหว่างสัตว์กินพืชกับสัตว์
03:02:20 → 03:02:23 กินเนื้อเนี่ยนะสัตว์ประเภทไหนอ่ะมันมี
03:02:23 → 03:02:28 รตรเยอะกว่ากันนะคือซต์ที่ตับที่มันจะรับ
03:02:28 → 03:02:32 คอเลสเตอรอลกลับๆๆๆๆๆนะไม่ให้คอเลสเตอรอล
03:02:32 → 03:02:35 ค้างๆในกระแสเลือดและไม่ต้องตกตะกอกลาย
03:02:35 → 03:02:39 เป็นเส้นเลือดรกริเนี่ยนะกินเนื้อครับผม
03:02:39 → 03:02:44 สายเนื้อครับสายเนื้อเนี่ยจะมีซต์เยอะนะ
03:02:44 → 03:02:49 ฮะเยอะนะนะเยอะกว่านะสายพืชนะเพราะฉะนั้น
03:02:49 → 03:02:53 เนี่ยคนชื่อเนสคนชื่อสุทัศน์นะก็ต้อง
03:02:54 → 03:02:58 เจรียมเนื้อเตรียมตัวเพราะเราอ่ะแซตเรา
03:02:58 → 03:03:04 น้อยนะถ้าเราไปกินผิดนะเราไปโอเวอร์เนื้อ
03:03:04 → 03:03:10 เกลือไข่ไอทโปรตีนตามกระแสนะครับผม CP
03:03:10 → 03:03:15 เราหายไปไทรรอยด์เราจะลดลงขณะเดียวกันซต
03:03:15 → 03:03:19 เราก็น้อยเพราะฉะนั้นแน่นอนมันจะคั่งไป
03:03:19 → 03:03:24 เต็มไปหมดนะฮะนะทั้ง Total คอสอ hdl ldl
03:03:24 → 03:03:25 เนี่ย
03:03:25 → 03:03:30 เนี่ยนะเพราะฉะนั้นก็มี 2 ประเด็นนะฮะนะ
03:03:30 → 03:03:32 ถ้าเราเป็น
03:03:33 → 03:03:36 สัตว์ค่อนข้างใกล้ชิดเป็นในทางกินแป้ง
03:03:36 → 03:03:40 หรือกินเนื้อนะก็ต้องมีแนวโน้มการกินให้
03:03:40 → 03:03:44 สอดคล้องกับธรรมชาติที่เกำหนดมาด้วยครับ
03:03:44 → 03:03:48 ผมเอออันเนี้ยอันนี้ก็เป็น 2 เรื่องนะฮะ 2
03:03:48 → 03:03:54 เรื่องั้นสรุปนะพวกอ่าสัตว์กินเนื้อเขา
03:03:54 → 03:03:59 เ่อมี l l receptor ที่ตับหรือ ldl
03:03:59 → 03:04:03 activity สูงนะฮะการนำคอเลสเตอรอลกลับ
03:04:03 → 03:04:08 ตับดีมากนะฮะอันต่อมาก็คือนะเขาไม่มี
03:04:08 → 03:04:13 เอนไซม์ CP นะฮะที่จะต้องมีการถ่ายโอน
03:04:13 → 03:04:17 พลังงานหรือตัวคอเลสเตอรอลจาก hdl ให้กับ
03:04:17 → 03:04:20 ldl นะเพราะว่าสิ่งเหล่านี้ธรรมชาติไม่
03:04:20 → 03:04:24 ได้สร้างสรรค์มาในร่างกายของเคนะฮะนะ
03:04:24 → 03:04:27 เพราะฉะนั้นระบบการหมุนเวียนอนุภาคหมุน
03:04:27 → 03:04:30 เวียนถ่ายเทพลังงานมันเป็นแค่ hdl ตัว
03:04:30 → 03:04:34 เดียวเลยนะอซึ่งเพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่มี
03:04:34 → 03:04:37 เรื่องของตัว ldl ต่างๆตกค้างอยู่ในกระแส
03:04:37 → 03:04:42 เลือดนะก็ไม่เกิดทไซโทซิสไม่เกิดอีฟอั
03:04:42 → 03:04:44 อะไรต่างๆและไม่เกิด
03:04:44 → 03:04:47 osis หรือเกิด ascvd
03:04:47 → 03:04:51 เพราะฉะนั้นพวกสัตว์กินเนื้อหรือกินแบบ
03:04:51 → 03:04:55 ซีดีนะก็จะไม่ป่วยไม่เจ็บตายจากหลอดเลือด
03:04:55 → 03:04:58 ตีแตกตันอภามาพึกเส้น้วยหัวใจแอ่งใจหน้า
03:04:58 → 03:05:01 หรือไมอ
03:05:02 → 03:05:06 อินฟาแต่คุณจะต้องเป็นตัดกินเนื้อนะนะ
03:05:06 → 03:05:10 หรืออ่าคุณเป็นคนนี่แหละแต่คุณต้องมี
03:05:10 → 03:05:14 บอดี้ type ไปในทางที่จะใกล้ชิดสายเนื้อ
03:05:14 → 03:05:18 นะก็จะมีบุญมีวาสนาที่จะมีสิ่งเหล่านี้
03:05:18 → 03:05:21 เกิดขึ้นพี่หมอถ้าเราไม่ใช้บอ type จับ
03:05:21 → 03:05:24 นี่นะเราก็มาเถียงกันเรื่องกินพืชกิน
03:05:24 → 03:05:26 เนื้อไหนเดียวกันนี่ผมว่าเข้ารกเข้าพงกัน
03:05:26 → 03:05:31 ไปเลยเยอะก็ใช่แล้วเข้าใจไงเออมันไม่จบ
03:05:31 → 03:05:33 เพราะว่าเนี่ยมันคือเหตุผลทางทฤษฎี
03:05:33 → 03:05:37 วิวัฒนาการที่เอามาช่วยอธิบายแล้วมันก็
03:05:37 → 03:05:40 เลยทำให้กระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นนึงอ่ะ
03:05:40 → 03:05:44 ว่าอ๋อก็เพราะเราอ่ะมันเป็น opportunistic
03:05:44 → 03:05:48 omn นะฮะซึ่งกินได้ทั้งเนื้อทั้ง
03:05:48 → 03:05:52 ทั้งสัตว์แต่เราเนี่ยอยู่ในบอ typ สายที่
03:05:52 → 03:05:57 จะต้องใกล้ชิดพืชเป็นเบวนะเราอยู่ดีๆจะมี
03:05:57 → 03:06:00 กระแส in Trend low C High Fat อะไร
03:06:00 → 03:06:03 ต่างๆคาฟต่ำอะไรต่างๆแล้วเราก็พยายามจะ
03:06:03 → 03:06:07 ตัดพืชออกไปไม่ได้กินให้สอดคล้องตามความ
03:06:07 → 03:06:09 น่าจะเป็นที่เราควรจะกินให้มันถูกอ่ะนะ
03:06:09 → 03:06:13 เ่าเพราะฉะนั้นเราก็รีบมากินแบบ CD kcd
03:06:13 → 03:06:17 แบบหักดิบเลยเงี้ยมันก็จะเกิดปัญญหา
03:06:18 → 03:06:21 เพราะพื้นฐานของร่างกายของเราเนี่ย 1 ตัว
03:06:21 → 03:06:24 ลับหรือ receptor เ Lance เนี่ยมันไม่
03:06:24 → 03:06:29 เยอะต้องเจียมตัวนะกับอันที่ 2 เนี่ยนะ
03:06:29 → 03:06:34 เอ่อเรามีเอนไซม์ CP เยอะเกินนะ
03:06:34 → 03:06:39 เออเพราะฉะนั้นเนี่ยนะมี hdl แต่ hdl
03:06:39 → 03:06:42 เนี่ยซึ่งเป็นต้นตำรับที่จะมาคอยรับส่ง
03:06:42 → 03:06:46 คอเลสเตอรอลเนี่ยนะเ่อมันก็จะต้องเมีการ
03:06:47 → 03:06:50 มาชด้วยรับส่งไอ้ตัวไตกีสไลที่มันเยอะจาก
03:06:50 → 03:06:54 การที่ต้องกินพืชเยอะด้วย
03:06:54 → 03:06:59 นะมันก็เลยมาเกิดปัญหาเป็น ldl นะเอ่อ
03:06:59 → 03:07:04 แล้วถ้าเกิดตัดพืชเพิ่มการกินสัตว์เข้าไป
03:07:04 → 03:07:08 นะเนี่ยแหละตัว ldl มันก็จะคั่งเพราะ plma
03:07:08 → 03:07:10 Resident Time มันเยอะคุณก็มีโอกาส
03:07:10 → 03:07:13 เสี่ยงในการเกิด ascvd
03:07:13 → 03:07:19 นะก็ต้องรีบแก้ซะโดยการลดนะการกินแบบ CD
03:07:19 → 03:07:25 อ่าเรามาเพิ่มการกินไปในทางแนเบสนะหรือมา
03:07:25 → 03:07:28 ปรับคุณภาพของโปรตีนเพิ่มเส้นยงเส้นใย
03:07:28 → 03:07:34 ปรับเรื่องไขมันอะไรต่างๆให้มันถูก
03:07:34 → 03:07:38 อืคือในส่วนของไขมันเนี่ยในประเด็นของ
03:07:38 → 03:07:42 ทีออยเนี่ยนะฮะนะในส่วนที่จะมาจากพืช
03:07:42 → 03:07:45 เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยส่วนใหญ่นะมันก็จะเป็น
03:07:45 → 03:07:48 พวกอะไรอ่ะมูฟ่าูฟ่า
03:07:48 → 03:07:51 เหล่าเนี้ยจะเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวแล้ว
03:07:51 → 03:07:54 เป็นสายยาวนะแล้วก็มาจากพืช
03:07:54 → 03:07:58 นะแต่ถ้าเป็นในอาณาจักรของสัตว์เนี่ยไข
03:07:58 → 03:08:00 มันที่จะมาพร้อมกับโปรตีนเวลาเรากินเนื้อ
03:08:00 → 03:08:04 เกไข่นะส่วนใหญ่ในสัตว์เนี่ยส่วนใหญ่จะ
03:08:04 → 03:08:08 เป็นอิ่มตัวนะอิ่มตัวซะเยอะอิ่มตัวเด่นนะ
03:08:08 → 03:08:13 ฮะเนี่ยนะแล้วก็ตัวสายของมันเนี่ยนะก็มี
03:08:13 → 03:08:17 ทั้งกลางทั้งยาวอะไรต่างๆต้านกลางยาวนะ
03:08:17 → 03:08:21 แต่สายยาวเไม่ได้ยาวมากแบบพืชเนี่ยเอแบบ
03:08:21 → 03:08:24 ที่ขอตอบคำถามคนเข้าไป
03:08:24 → 03:08:27 นะงั้นสิ่งเหล่าเเป็นรายละเอียดที่เรา
03:08:27 → 03:08:31 ต้องรู้นะต้องรู้อเอ่อถ้าเรารู้แล้วเราจะ
03:08:32 → 03:08:36 เก็ตเราจะเข้าใจเรื่องของไขมัน
03:08:36 → 03:08:39 อ่ายิ่งตอนนี้ยิ่งมีมาเถียงโน่นเถียงนี่
03:08:39 → 03:08:42 กันเหล่าเนี้ยนะเราก็จะพอนึกออกว่ามัน
03:08:42 → 03:08:47 เพราะอะไรแล้วควรจะเป็นไป
03:08:47 → 03:08:50 ตอนนี้ขำตรงที่ว่าพอเห็นเขาเถียงกันแล้ว
03:08:50 → 03:08:53 เราก็แบบยืนยิ้มมุมปากอยู่ว่ามึงเถียง
03:08:53 → 03:08:55 อะไรกัน
03:08:55 → 03:08:59 วะก็นี่แหละนะเดี๋ยวมันก็วนมาเถียงกัน
03:08:59 → 03:09:03 อยู่เออไอ้พืชดีกว่าสัตว์สัตว์ดีกว่า
03:09:03 → 03:09:04 พืช
03:09:04 → 03:09:09 เอ่อฝั่งสัตว์ก็รู้ส่วนนึงไม่รู้อีกส่วน
03:09:09 → 03:09:13 นึงแล้วก็ไม่ไม่เ้าเรียกว่าไม่คมคือไม่
03:09:13 → 03:09:17 ไม่เอามาจับรีทกันอธิบายร่วมกันเนะแต่เรา
03:09:17 → 03:09:22 เป็นตายอยู่ไงเราก็กินหัวกินหางกินกลาง
03:09:22 → 03:09:26 ตลอดตัวเรา
03:09:27 → 03:09:31 ก็เห็นภาพเห็นภาพเลย
03:09:31 → 03:09:37 ครับสบายใจไปเออปล่อยตาอินกตานาเเตีกัน
03:09:37 → 03:09:42 เราค่อยสอยตอนเเผลอใช่นะโอ้แต่มาอธิบาย
03:09:42 → 03:09:46 ได้หมดจริงๆนะพี่หมอคือหมอว่านะมันจะต้อง
03:09:46 → 03:09:49 มีไลฟั้งนึงเนี่ยนะฮะที่หมอต้องมาครบทีม
03:09:49 → 03:09:53 หมอโต้งหมอมอโต้อะไรต่างๆแล้วก็สมาชิกทุก
03:09:53 → 03:09:57 คนเนี่ยนะนะถ้าใครรีบนอนในช่วงเนี้ยเรา
03:09:57 → 03:10:00 ต้องกำหนดในช่วงบ่ายๆวันเสาร์วันอาทิตย์
03:10:00 → 03:10:03 อะไรอย่างเงี้ยนะคุยเรื่องเนี้ยนะฮะแล้ว
03:10:03 → 03:10:08 ก็อาจจะเปิดเปิดเป็น่นแบบที่ว่าใครที่จะ
03:10:09 → 03:10:11 เข้ามาโพสต์ถามอะไรไม่เข้าใจอะไรต่างๆ
03:10:11 → 03:10:15 เนี่ยจะได้คุยแบบยาวๆให้มันจบไป 1 เรื่อง
03:10:15 → 03:10:17 เลยก็คือเรื่องนี้แหละฮะนะ
03:10:17 → 03:10:20 เรื่องคอเลสเตอรอลเนี่ยที่ว่าร่างกาย
03:10:20 → 03:10:24 สร้างขึ้นมาได้เองเอ่อแล้วก็ไปจบที่
03:10:24 → 03:10:27 เรื่องของการเกิดหรือไม่เกิด
03:10:27 → 03:10:32 รสิเพราะอะไรนะแล้วจะได้พอรู้เรื่องหทาง
03:10:32 → 03:10:36 แก้เพราะว่าคนก็อ่านก็รู้ศึกษาหรือฟังมา
03:10:36 → 03:10:38 เนี่ยมันไม่เท่ากันแล้วบางคนฟังฝ่ายนู้น
03:10:38 → 03:10:42 ทีฝ่ายนี้ทีคือไม่มีฝ่ายที่เเรียกว่ามา
03:10:42 → 03:10:44 เป็นตัวเชื่อมต่อ
03:10:44 → 03:10:48 นะเพราะเราเนี่ยเป็นตาอยู่เราก็เชื่อมต่อ
03:10:48 → 03:10:53 จะเอามั้ยล่ะถ้าเอ่อไม่เข้าใจตรงไหนอยาก
03:10:53 → 03:10:56 จะให้อธิบายให้ฟังตรงไหนอะไรอย่างเงี้ย
03:10:56 → 03:11:00 พี่หมอบางทีตาอยู่ก็ถูกตาอินกับตานามาตี
03:11:00 → 03:11:03 หัวพร้อมกันเหมือนกันนะพี่หมอช่วงแรกๆอ่ะ
03:11:03 → 03:11:07 อื
03:11:07 → 03:11:08 ใช่
03:11:09 → 03:11:12 เอ่อพี่หมออธิบายเรื่องไอ้นี่อีกทีนึงสิ
03:11:12 → 03:11:17 ครับพยาธอ่ะยาถ่ายพยาธอ่ะครับอ
03:11:17 → 03:11:19 ยังมีคนมีความเชื่อเรื่องเรื่องที่ว่า
03:11:19 → 03:11:21 ต้องกินยาถ่ายพยาธอยู่อ่ะครับพี่หมอไม่
03:11:21 → 03:11:26 เป็นไรถ้าเชื่อก็กินไปก่อนนะฮะถ้าเชื่อก็
03:11:26 → 03:11:32 กินได้ฮะนะแล้วหมายถึงก็คืออย่างงี้คือ
03:11:32 → 03:11:35 ไอ้พวกไอ้พวกอย่างเงี้ยไอ้พวกกินป้องกัน
03:11:35 → 03:11:38 เนี่ยนะฮะนะเหมือนฉีดวัคซีนหมาแมวขวนหมา
03:11:38 → 03:11:43 แมวกัดเ่อหแมวเลียหน้าลูกแต่ลูกอายุน้อย
03:11:43 → 03:11:46 เหลือเกินเลยเห็นแมวมาเลียหน้าเลียไปเลีย
03:11:46 → 03:11:49 มาอะไรต่างๆเเนี่ยพ่อแม่ก็พสดประสาทเสีย
03:11:49 → 03:11:53 ไปหมดแล้วนะฮะนะครับเพราะฉะนั้นเรื่องการ
03:11:53 → 03:11:57 ป้องกันเนี่ยนะทำได้เลยฮะอยากฉีดวัคซีน
03:11:57 → 03:12:00 อยากกินยาถ่ายพยาธข้าวพยาธอะไรต่างๆก็
03:12:00 → 03:12:03 จ่ายเลยเพราะว่าในกลุ่มยาถ่ายพยาธิอะไร
03:12:03 → 03:12:06 ต่างๆหรือ่าพยาธิเนี่ยแต่ปัจจุบันก็คือยา
03:12:06 → 03:12:10 ่าพยาธน่ะนะครับมันก็มันก็กินในระยะสั้น
03:12:10 → 03:12:14 ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 3 วันเออยากกินกินไป
03:12:14 → 03:12:18 เลยเพราะไม่กินเดี๋ยวจะไม่สบายใจนะฮะอ่า
03:12:18 → 03:12:20 อันนี้แบบเอาแบบผู้รู้แล้วกันนะครับพี่
03:12:20 → 03:12:26 หมออืถามไม่ถามแบบผู้รู้ว่าต้องกินมั้ย
03:12:26 → 03:12:29 เอ่อไม่
03:12:29 → 03:12:30 ต้อง
03:12:31 → 03:12:35 อืไม่ต้องเพราะอุบัติการหรือ incident นะ
03:12:35 → 03:12:39 เอ่อของวงจรเค้าเรียกวงอะไรนะวงจรชีวิต
03:12:39 → 03:12:42 อ่ะเค้าเรียกอะไรอ่ะเออที่เวลาเรียน
03:12:42 → 03:12:46 พาราไซต์อ่ะนะโอ้โหมันจะต้องเรียนวงจร
03:12:46 → 03:12:51 พยาตไซคิฮะคล้ายๆอย่างงั้นแฮะนะมันเป็นวง
03:12:51 → 03:12:55 จรเนี่ยนะนะในปัจจุบันเนี่ยวงจรเ้าเรียก
03:12:55 → 03:13:00 ถูกอันะฮะนะนะถูกบล็อกถูกขัดขวางจากความ
03:13:00 → 03:13:02 เจริญก้าวหน้าของโลก
03:13:02 → 03:13:07 ของของระบบสารเคมีสารอะไรต่างๆเต็มไปหมด
03:13:07 → 03:13:12 เลยและอีกอย่างนึงอ่ามาตรการเรื่องเค้า
03:13:12 → 03:13:13 เรียก
03:13:13 → 03:13:17 อ่าคือคความปลอดภัยทางด้านอาหารอะไรต่างๆ
03:13:17 → 03:13:20 ที่เราจะกินหรือบริโภคเข้าร่างอะไรต่างๆ
03:13:20 → 03:13:24 เนี่ยนะพวกนี้เนี่ยมันค่อนข้างปลอดเชื้อน
03:13:24 → 03:13:29 นะคือปลอดเชื้อจากเชื้อโรคเชื้อพาราสิตนะ
03:13:29 → 03:13:34 เอ่อมากแล้วนะฮะนะเพราะว่าอย่างเรียของ
03:13:34 → 03:13:36 แพทย์เ่ะแพทย์ศาสตร์บัณฑิตต่างๆเนี่ยโดย
03:13:36 → 03:13:40 เฉพาะเอ่อในช่วงปีคลินิกอะไรต่างๆเนี่ย
03:13:40 → 03:13:43 หนังสือต่างๆทั้งฟิโอพาโถเนี่ยก็บอกเลยนะ
03:13:43 → 03:13:46 ฮะเกี่ยวกับเรื่องของไดอาเรียเรื่่องของ
03:13:46 → 03:13:49 ภาวะท้องสิน่ะคุณจะหาเรื่อง infectious
03:13:49 → 03:13:54 di ในปัจจุบันยากมากยากมากอุบัติการณ์
03:13:54 → 03:13:58 ของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดภาวะลำไส้อักเสบ
03:13:58 → 03:14:01 ท้องเสียจากการติดเชื้อเนี่ยเขาบอกว่าตอน
03:14:01 → 03:14:05 ที่หมอเคยรับรู้มานานแล้วนะก็คือมีไม่ถึง
03:14:05 → 03:14:10 3% นะฮะในปัจจุบันน้อยกว่า 1% คุณจะไป
03:14:10 → 03:14:14 วินิจฉัยว่าเป็นอะไรนะอหิวาตกโลกไทฟอย
03:14:14 → 03:14:17 เอ่ออีโคไล
03:14:17 → 03:14:22 อะไอืๆๆชิเจลล่าอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะโอ
03:14:22 → 03:14:26 มันอธิบายไปแล้วเจะมานั่งหัวเราะแล้วก็
03:14:26 → 03:14:30 ต้องต้องแบบเค้าเรียกคเนหน้าแหกนะฮะนะถูก
03:14:30 → 03:14:35 เข้ามามันเจอยากมากนะไม่ต้องส่งศัตรูไป
03:14:35 → 03:14:38 เพาะเชื้อให้มันขึ้นไทฟอยพาราไทฟอยอะไร
03:14:38 → 03:14:41 มันไม่มีแล้วนะฮะนะครับคือเชื้อโรคพวก
03:14:41 → 03:14:44 เนี้ยมันไปหมดแล้ว่ะฮะนะเพราะปัจจุบัน
03:14:44 → 03:14:47 เนี่ยคำว่าอาหารเป็นพิษเนี่ยมันเป็นู้
03:14:47 → 03:14:49 interaction นะฮะนะก็คือมันเป็นการกิน
03:14:50 → 03:14:52 บุฟเฟ่ต์อ่ะแล้วกินเข้าไปเยอะๆแล้วอาหาร
03:14:52 → 03:14:55 เนี่ยมันไปบูดไปหมักไปเน่าไปเสียเกิด
03:14:55 → 03:14:59 ปฏิกิริยาของอาหารอยู่ในท้องในไส้อ่ะนะอื
03:14:59 → 03:15:02 อาจจะอวกอาจจะปวดท้องอาจจะถ่ายเหลวอะไร
03:15:02 → 03:15:05 ต่างๆแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการติดเชื้อ
03:15:05 → 03:15:08 นะเพราะปฏิกิริยาของอาหารที่คุณกิน
03:15:08 → 03:15:12 บุฟเฟ่ต์มาเนี่ยนะเอ่อมันก็ไปถ่ายเอา
03:15:12 → 03:15:15 โปรไบโอติกอะไรต่างๆในในในไส้ในพุงอะไร
03:15:15 → 03:15:17 คุณออกไปหมด่ะ
03:15:17 → 03:15:22 ครับเออนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลารักษาเนี่ย
03:15:22 → 03:15:26 เอ่อถ้าไม่มีไข้ถ้าไม่มีอาการปวดเบ่งเขา
03:15:26 → 03:15:30 เรียกว่าเทนนิมุอะไรต่างๆเนี่ยนะเ่าถ้า
03:15:30 → 03:15:33 ไม่ถ่ายเป็นมูกเป็นเลือดอะไรต่างๆเงี้ยนะ
03:15:33 → 03:15:36 เขาก็ไม่ได้ต้องให้ยาฆ่าเชื้อกันนะฮะนะ
03:15:36 → 03:15:40 เพราะว่ายาหลักในการรักษาพวกท้องร่วงท้อง
03:15:40 → 03:15:43 เสียในปัจจุบัน 2 อย่างก็คือผงถ่านคารบอน
03:15:43 → 03:15:49 กับ ors แค่นั้นแหละนะแล้วก็การให้ทำไ
03:15:50 → 03:15:52 intermittent fasting Fast ไปเลยข้าม
03:15:52 → 03:15:56 มื้อข้ามวันข้ามคืนไปนะ
03:15:56 → 03:15:59 ครับเห็นมไม่เห็นต้องมาจ่ายยาฆ่าเชื้อ
03:15:59 → 03:16:02 อะไรเลยอันนี้ก็คือใกล้เคียงกันน่ะ
03:16:02 → 03:16:05 ระหว่างการเป็นอธิบายในเรื่องของเ่อเชื้อ
03:16:05 → 03:16:08 โรคที่ทำให้ท้องร่วงื้อท้องเสียจากการติด
03:16:08 → 03:16:14 เชื้อไอ้พวกไอ้แบคทีเรียต่างๆกับพยาพยา
03:16:14 → 03:16:17 เี่ตัวใหญ่กว่าเชื้ออีโคไลเชื้อเปซเชื้อ
03:16:17 → 03:16:21 โปรเตสเชื้ออะไรพวกนี้เยอะนะฮะนะครับครับ
03:16:21 → 03:16:25 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยโอกาสยากมากนะนี่
03:16:25 → 03:16:28 เหมือนวงจรชีวิตของมันเนี่ยจะมาผ่านร่าง
03:16:28 → 03:16:32 กายมนุษย์นะมันสู้ไม่ไหวอ่ะกับสิ่งแวด
03:16:32 → 03:16:36 ล้อมภายนอกมันเป็นที่มันเป็นสารเคมี่ะฮะ
03:16:36 → 03:16:40 นะอือเพราะฉะนั้นเนี่ยท้องโ่งท้องเสียใน
03:16:40 → 03:16:42 ปันเคก็ไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้อเป็นหลักไม่
03:16:42 → 03:16:47 ได้ไปให้แบตมเริอโรนอะไรนะเคก็ให้ผม่านนะ
03:16:47 → 03:16:50 ฮะอาจารย์ครับแล้วแล้วเทรนตอนเนี้ยหมาย
03:16:50 → 03:16:55 ถึงในในแคทิสจริงๆเนี่ยหมอเดี๋ยวเนี้ยเ้า
03:16:55 → 03:17:00 ก็จ่ายยาปฏิชิวนกันน้อยลงจริงเหรอฮะใช่ฮะ
03:17:00 → 03:17:04 ในปัจจุบันหรือว่าไกกลายที่อที่เขาใช้กัน
03:17:04 → 03:17:08 ตอนเนี้ยคือคือถ้าไม่ได้ปวดปวดบิดปวดเบ่ง
03:17:08 → 03:17:12 ถ่ายเป็นเลือดหรือไข้สูงๆงอะไรแบบเนี้ย
03:17:12 → 03:17:14 เราก็รักษาตามอาการอย่างเดียวเลยอ่ะไม่
03:17:14 → 03:17:18 ต้องรักษาตามอาการให้คาอาให้
03:17:18 → 03:17:22 or แล้วก็ให้พวก anty SP modic prn
03:17:22 → 03:17:25 อ่าหรือให้แก้ขึ้นไส้อาเจียนอย่างเงี้ย
03:17:25 → 03:17:30 แต่แนะนำการานะฮะาฟสดงว่าที่มันไอ้ที่
03:17:30 → 03:17:34 ท้องเสียถ่าย 5 ครั้งแต่ 10 ครั้งอะไรมา
03:17:34 → 03:17:37 หาหมอเนี่ยส่วนมากมันเป็นอะไรมันเป็นมัน
03:17:37 → 03:17:40 เป็น functional เหรอมันเป็น
03:17:40 → 03:17:45 ไัเป็น Food interaction นะฮะนะอืไวรัส
03:17:45 → 03:17:47 เออ
03:17:47 → 03:17:50 ไวรัสก็อาจจะพอมีบ้างแต่ส่วนใหญ่มันน่าจะ
03:17:50 → 03:17:53 อยู่ในช่วงเด็กหรือการระบาดอะไรต่างๆ
03:17:53 → 03:17:57 ออเด็กก็เป็นโลต้าโนโรอะไรพวกนั้นอันนั้น
03:17:57 → 03:18:00 ก็ตามฤดูกาลของเขาในเด็กในอายุอะไรอย่าง
03:18:00 → 03:18:04 เงี้ยนะแต่ในผู้ใหญ่เป็นพวกีท็อกซินจาก
03:18:05 → 03:18:09 อาหารอนะแบบมันแบคทีเรียมันสร้างทึ้งไว้
03:18:09 → 03:18:11 อ่ะ
03:18:11 → 03:18:15 อเอ่าเป็น interaction ของอาหารที่อยู่ใน
03:18:15 → 03:18:18 ท้องในไส้เราอ่ะนะเพราะคุณกินเยอะเหลือ
03:18:18 → 03:18:22 เกิน 1 เนี่ยนะเอ่อคุณว eating แล้วคุณ
03:18:22 → 03:18:25 กินเปรี้ยวหวานนาเค็มขมเผ็ดเย็นร้อนอ่อน
03:18:25 → 03:18:28 แข็งใส่เข้าไปซะสนั่นเลยนะหวานคาวอะไร
03:18:29 → 03:18:31 ต่างๆเพราะว่ามันกินบุฟเฟ่ต์
03:18:31 → 03:18:34 ไงเพราะตอนเนี้ตั้งแต่ผมกลับมาช่วยตรวจ
03:18:34 → 03:18:46 ที่อายุกรณ์
03:18:46 → 03:18:50 แต่ว่าอาการปวดท้องอ่ะซักักักตัวแล้ว
03:18:50 → 03:18:53 เนี่ยซักประวัติแล้วเนี่ยปวดปวดไม่รุนแรง
03:18:53 → 03:18:56 อขึ้นไส้มีบ้างแต่แต่ว่าอาเจียนก็ไม่ค่อย
03:18:56 → 03:19:01 มีอย่างมากอาเจียนครั้งเดียวไข้ก็ไม่มีอื
03:19:01 → 03:19:04 แสดงว่าพวกนี้จริงๆอาจจะไม่ต้องให้ยังได้
03:19:04 → 03:19:07 ด้วยซ้ำนะยาปฏิชีวนะเนี่ยจริงๆอันนี้ไม่
03:19:07 → 03:19:10 ให้ไม่เคยให้
03:19:10 → 03:19:14 เลยนี่อยู่โรงพาบาลเอกชนนะเราก็ไม่ากไม่
03:19:14 → 03:19:17 กล้าเสียง
03:19:17 → 03:19:20 เรื่องนึงอีกเรื่อง
03:19:21 → 03:19:25 นึงอย่างใน rdu ของการให้ยาปฏิชีวนะเนี่ย
03:19:25 → 03:19:30 เค้าก็จะมีแก่ว่าให้ว่าว่าเอิก็เผื่อมัน
03:19:30 → 03:19:33 เซสิทธิอะไรอย่างเงี้ยครับก็ต้องตั้ง 5-6
03:19:33 → 03:19:37 ครั้งต่อวันน่ะอืที่ที่ว่าต้องซีเวียจริง
03:19:37 → 03:19:41 ๆนะที่เสี่ยงเอิไว้ก่อนอะไรอย่างเงี้ย
03:19:41 → 03:19:45 ครับแปลว่าถ้าถ่าย 2 ครั้ง 3 ครั้งเหลว
03:19:45 → 03:19:48 กว่าธรรมดาปวดมวลท้องนิดหน่อยอย่างเงี้ย
03:19:48 → 03:19:50 ไม่ต้องให้อ่ะไม่ต้องให้ครับ Activate
03:19:50 → 03:19:56 ชาโคแล้วก็ Oris แล้วก็บสก Ban prn ทุก 8
03:19:56 → 03:19:59 นิดหน่อยพอละเออแล้วก็บอกให้ล้างมือให้
03:19:59 → 03:20:03 สะอาดอย่ากินอาหารข้ามมื้ออะไรพวก
03:20:03 → 03:20:06 เเพราะพวกนี้เวลาข้ามคืนไปแล้วถ้าคุณไ
03:20:06 → 03:20:11 เนี่ยมันก็จะมันก็จะฟื้นละนะมันก็จะดีมัน
03:20:11 → 03:20:14 ก็จะฟื้นแล้วแต่ส่วนใหญ่อ่ะที่มันไม่ฟื้น
03:20:14 → 03:20:17 แล้วก็มันมันโปรลองไปเรื่อยๆเนี่ยเพราะ
03:20:17 → 03:20:22 คุณกลับไปกินน้ำตาลน่ะนะคือกลับไปกินไอ้
03:20:22 → 03:20:28 พวกไอ้พวกที่มันมันเป็นอมิเอ่อ solution
03:20:28 → 03:20:31 เข้าไปอ่ะนะก็คือคุณไม่เข้าใจอ่ะคุณก็กิน
03:20:31 → 03:20:34 เหมือนจะกินปกติอยู่ไปกินน้ำผลไม้ไปกิน
03:20:34 → 03:20:36 น้ำตรงน้ำตาลน้ำหวานน้ำเชื่อมอะไรก็ไม่
03:20:36 → 03:20:42 รู้อ่ะนะแล้วไอ้ไอ้ผง ors ที่เราจ่ายกัน
03:20:42 → 03:20:46 เนี่ยมันก็มีน้ำตาลอยู่พอสมควรมั้ยฮะอ๋อ
03:20:46 → 03:20:50 ผมผมผมเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าไอ้ or
03:20:50 → 03:20:53 เนี่ยมันมันมันควรจ่ายหรือเปล่าเนี่ยคน
03:20:53 → 03:20:55 ไข้ท้องเสียหรือหรือควรจะให้เขาคไปหา
03:20:55 → 03:20:58 เกลือมาผสมน้ำเองดีมั้ยจะได้ไม่ต้องกิน
03:20:58 → 03:21:01 น้ำตควรจ่ายครับควรจ่ายครับ or นี่เป็น
03:21:01 → 03:21:06 เป็นเป็นสารที่ผสมมาให้ออสโมติกดีเออแล้ว
03:21:06 → 03:21:10 ก็ช่วยเหลือคนมาเยอะมากในประวัติศาสตร์
03:21:10 → 03:21:13 สรุปว่าอมิมันดีแล้วใช่มั้ยแล้วก็แล้วก็
03:21:13 → 03:21:16 น้ำตาลไม่ไม่ได้ไม่ได้เยอะจนน่าตกใจใช่มย
03:21:16 → 03:21:21 อ๋อไม่เยอะหรอกฮะประมาณ 4% 4.5% หรือ 5%
03:21:21 → 03:21:24 เท่านั้นอ๋อยกเว้นแต่ว่ามีบางบริษัทเสีย
03:21:24 → 03:21:29 ที่ไปผสมน้ำผลไม้ลงไปผสมฟุกโตส
03:21:30 → 03:21:33 นะคือผสมให้มันกินอร่อยอะไรอย่างเงี้ยนะ
03:21:33 → 03:21:37 นะมันก็เลยจะไปท้องเสียจากฟุกโตสนะแต่
03:21:37 → 03:21:42 ทั่วๆๆไปอ่ะหรือว่าจากทางอะไรอ่ะทาง
03:21:42 → 03:21:46 กระทรวงสาสุขเที่ปรุงมาเนี่ยนะอันนี้เไม่
03:21:46 → 03:21:51 สมพวกฟุกโตสนะกินได้
03:21:51 → 03:21:55 เลยพวกนี้มันดูดซึมเลยนะฮะมันดูดซิมเลย
03:21:55 → 03:21:59 มันไม่ไม่ไม่ไม่ไม่เกิดการไปตกค้างแล้วก็
03:21:59 → 03:22:03 เกิดการดูดน้ำมาล้อมรอบแล้วก็ขับถ่ายออก
03:22:03 → 03:22:08 ไปคุณป๊อกบอกดีที่สุดคือฟา
03:22:08 → 03:22:12 อคุณป๊อกบอกกินชาโคร่วมกว่ายาอื่นไม่ได้
03:22:12 → 03:22:18 เหรอครับเอ่อแนะนำให้กินหห่าง
03:22:18 → 03:22:22 กันคืออย่างงี้นะหลักการทางการแพทย์เนี่ย
03:22:22 → 03:22:27 นะฮะสมมุตินะคุณมีหลายโรคเนี่ยนะแล้วก็
03:22:27 → 03:22:29 เป็นหวัดด้วยท้องเสียด้วยไอด้วยอะไรอย่าง
03:22:29 → 03:22:33 เงี้ยนะนะหมอเนี่ยจะรักษาท้องเสียก่อน
03:22:33 → 03:22:36 อย่างอื่นขอทดไว้ก่อนเพราะถ้าคุณจะกิน
03:22:36 → 03:22:40 ทั้งยาแก้เจ็บคอยาแก้ไอยารดน้ำมูกยาแก้
03:22:40 → 03:22:42 ท้องเสียยาอะไรต่างๆในครั้งคราวเดียวกัน
03:22:42 → 03:22:47 เนี่ยนะลำไส้เไม่พร้อมที่จะรับนะเออลำไส้
03:22:47 → 03:22:50 เต้องจัดการตัวเเองก่อนแก้ไขปัญหาท้อง
03:22:50 → 03:22:51 เสีย
03:22:51 → 03:22:55 ก่อนแล้วส่วนใหญ่เนี่ยนะถ้าระบบทางเดิน
03:22:55 → 03:22:59 หายใจผิดปกติร่วมกับปัญหาท้องเสียเนี่ยนะ
03:22:59 → 03:23:01 เวลาเราแก้ท้องเสียเนี่ยเดี๋ยวเยื่อบุทาง
03:23:01 → 03:23:03 เดินหายใจมันจะฟื้นพร้อม
03:23:03 → 03:23:07 กันเออไม่ต้องมานั่งกินยารักษาอย่างอื่น
03:23:07 → 03:23:12 ต่อนะฮะนะไม่ต้องให้ยาเผื่อนะฮะรักษาท้อง
03:23:12 → 03:23:18 เสียเอาให้ดีเอาให้หายก่อน
03:23:18 → 03:23:24 นะเพราะฉะนั้นทางเดินอาหารสำคัญที่สุดนะ
03:23:24 → 03:23:29 นะไอ้เวลาคนไข้มาตรวจสุขภาพหรืออะไรแบบเย
03:23:29 → 03:23:32 ครับสมมุติว่ามันเจอไอ้เมดัขาว
03:23:33 → 03:23:35 อีโอซิโนฟิลมันสูง
03:23:35 → 03:23:38 เนี่ยซึ่งที่ตัวเรียนมาก็อีโอซิโนฟิลมัน
03:23:38 → 03:23:42 ก็ขึ้นในกรณีเป็นพยาธิก็ได้หรือเป็นพวก
03:23:42 → 03:23:45 ภูมิแพ้ใช่มั้ยฮะเออทีนี้ถ้าซักประวัติดู
03:23:45 → 03:23:47 เนี่ยไอ้
03:23:47 → 03:23:50 ประเด็นภูมิแพ้เนี่ยทั้งเรื่องคันเรื่อง
03:23:50 → 03:23:53 พืนเรื่องน้ำมูกอะไรก็ไม่มี
03:23:53 → 03:23:56 เลยเราจะคิดถึงเรื่องพยาธมั้ยฮะส่วนใหญ่
03:23:56 → 03:23:58 ถ้าอย่างงี้
03:23:58 → 03:24:00 เอ่อไม่
03:24:00 → 03:24:05 ฮะในปัจจุบันนี้นะ
03:24:05 → 03:24:08 ไม่เพราะว่าบางเคสเนี่ยความที่ eo มันสูง
03:24:08 → 03:24:13 เนาะแล้วก็เอ่อประวัติเกี่ยวกับภูมิแพ้
03:24:13 → 03:24:17 เนี่ยไม่มีเลยนะไม่มีเลย
03:24:17 → 03:24:22 จ่ายอมตโซไปถ่ายพยาธ 3 วันมาแล้วหลังจาก
03:24:22 → 03:24:25 นั้นก็มาตรวจเลือดอะไรกันอีกทีนึงก็เลย
03:24:25 → 03:24:30 เช็ค CBC ไปด้วยปรากฏว่า eo มันหายไปไงอื
03:24:30 → 03:24:33 ลๆมันมีมันมีไม่ใช่เคสเดียวอ่ะที่ผมเจอ
03:24:33 → 03:24:35 อ่ะก็เลยไม่แน่ใจว่าเอ้าตกลง eo มันขึ้น
03:24:35 → 03:24:39 จากอะไรมันเป็นพยาธจริงหรือเปล่าก็ไม่มัน
03:24:39 → 03:24:41 ก็ไม่มีหลักฐานว่าเป็นอะไอย่า
03:24:41 → 03:24:45 เงี้ยเออคิดว่ามันเป็นจากอะไรอาจารย์ถ้า
03:24:46 → 03:24:48 อย่างงี้ถ้าถ้าคิดว่าไม่ค่อยคิดถึงเรื่อง
03:24:48 → 03:24:50 พยาธิเท่าไหร่ด้วยซ้ำนะจริงๆมันก็เป็น
03:24:50 → 03:24:53 ปฏิกิริยาการแพ้นี่แหละแต่มันเป็นการแพ้
03:24:53 → 03:24:56 ที่ระบบไหนเนี่ย
03:24:56 → 03:25:00 ออแต่ส่วนใหญ่นะส่วนใหญ่มันก็จะเป็นการ
03:25:00 → 03:25:05 แพ้อาหารนะฮะเนี่ยปัจจุบันเออมันเป็น
03:25:05 → 03:25:09 เรื่องของการแพ้อาหารอ๋อแต่ว่าอาการแพ้
03:25:09 → 03:25:12 ชัดๆอาจจะไม่เห็นใช่อาการปวดท้องท้องเสีย
03:25:12 → 03:25:16 อาจจะไม่มีอาการพวกคันไม่มีอาการพวกน้ำ
03:25:16 → 03:25:20 มูกไหลจามอะไรตาแดงอะไรเไม่มีเออพวกเมัน
03:25:20 → 03:25:24 ต้องไปทดสอบภูมิแพ้อหันแฝงเ่าหลักๆเนี่ย
03:25:24 → 03:25:28 นะแต่ในเบื้องต้นเนี่ยเบสิค tial exam
03:25:28 → 03:25:31 คุณก็ส่งศัตรู exam หรืออะไรต่างๆเนี่ย
03:25:31 → 03:25:39 CBC อาจจะส่งซ้ำอีกทีนึงก็
03:25:39 → 03:25:42 ได้ทีนี้แพ้อาหารแฝกเราก็ไม่รู้จะไปห้าม
03:25:42 → 03:25:46 อะไรเพราะเพราะอย่างในในในสายของเราเนี่ย
03:25:46 → 03:25:49 มันก็สารพัดอาหารที่มันไม่ดีที่เราก็รู้
03:25:49 → 03:25:53 อยู่แล้วแต่ในทางปฏิบัติใครจะไปอดได้ทุก
03:25:53 → 03:25:56 อย่างบอกให้เขากิน ow C High Good Fat
03:25:56 → 03:25:59 แล้วกิน
03:25:59 → 03:26:03 น้ำให้กินเร
03:26:03 → 03:26:08 Food ต่ำตัดน้ำตาลตัดน้ำมัน
03:26:08 → 03:26:11 พืชน้ำเนี่ยน้ำตาลกันน้ำมันนี่ตัว
03:26:12 → 03:26:17 ร้ายพูดง่ายๆแเหมือนกับพวกอ้วนพวกดีๆเลย
03:26:17 → 03:26:20 แหละใช่เป็นอย่างงั้น
03:26:20 → 03:26:26 เลยรุดคอร์สแบบเดียวกันใช่อืเอมันพูดถึง
03:26:26 → 03:26:29 เรื่องประเด็นเกี่ยวกับพยาธนะฮะไม่มีคนมา
03:26:29 → 03:26:32 ถามเผมจำรายละเอียดไม่ได้หลายวันแล้วว่า
03:26:32 → 03:26:36 จะถามแต่เขาก่อนลืมเบอกเเมีกระแสอนี้ที่
03:26:36 → 03:26:41 แบว่ายาฆ่าพยาธไอ้ใบไม้อ่ะไอ้ตัวไอเวอร์
03:26:41 → 03:26:45 แกินเนี่ยมันมันเอามามารักษามะเร็งหรือ
03:26:45 → 03:26:47 มันรักษาโรคอะไอะไรอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ
03:26:47 → 03:26:52 นอกนอกเหนือจากรักษาพยาธใบไม้
03:26:52 → 03:26:55 เนี่ยหรือหรือมันหรือมันข้อมูลมั่วหรือ
03:26:55 → 03:26:59 เปล่าไม่ไม่ทราบอ๋อไม่มั่วไม่มั่วแต่ว่า
03:26:59 → 03:27:06 เราก็เราไม่ได้ไม่ได้เคยอ่านเยเออไัวใช่
03:27:06 → 03:27:09 มั้ยครับมันรักษาพวกมะเร็งพวกอะไรพวกนั้น
03:27:09 → 03:27:14 ใต้เลยแหละมีด้วยฮะมีมารักษาด้วยแล้วก็
03:27:14 → 03:27:18 รักษาโควิดด้วย
03:27:18 → 03:27:21 ตอนนั้นน่ะมีอยู่ช่วงนึงน่ะที่เข้ามาใช้
03:27:21 → 03:27:25 แต่เราก็ไม่ได้ติดตามไงอืเพราะว่าที่
03:27:25 → 03:27:27 คลินิกเนี่ยไม่ได้
03:27:27 → 03:27:31 ตรวจที่จะไปรักษาอะไรพวกนี้นะฮะ
03:27:31 → 03:27:35 นะคือไม่มีตรวจโควิดไม่มีตรวจ influenza
03:27:35 → 03:27:38 type a type b คือไปตรวจแยกสายพงสาย
03:27:38 → 03:27:43 พันธุ์อะไรไม่ต้องก็เป็นหวัดมาก็รักษาแบบ
03:27:43 → 03:27:48 วัดตามอาการตามกรรมการพอแล้ว
03:27:48 → 03:27:54 นะไปแยกแยะเยอะไปแล้วก็เราไม่มีพวกยาพวก
03:27:54 → 03:27:58 ไอ้พวกยาต้านไวรัสต่างๆไม่มียกเว้นแต่มี
03:27:58 → 03:28:00 พวกอไซโคเวีย
03:28:00 → 03:28:05 ตามตามปกติทั่วไปที่จะให้พวกงูสวัสดเปิม
03:28:05 → 03:28:13 อะไรพวกนี้
03:28:13 → 03:28:17 อืแว่าปัญหาของของคนในยุคสมัยนี้ก็จะเป็น
03:28:17 → 03:28:21 เกี่ยวกับโรคจากอาหารมากกว่าแล้วใช่มั้ย
03:28:21 → 03:28:23 พี่หมอมาก
03:28:23 → 03:28:27 กว่า what to eat นี่แหะอาหารมันแปรรูป
03:28:27 → 03:28:30 เยอะ
03:28:30 → 03:28:32 นะก็อันเนี้ย
03:28:33 → 03:28:37 เอ่อหมอก็มีคนไข้ที่เป็นเก๊า่ะฮะก็เป็นมา
03:28:37 → 03:28:39 เกิน 10 ปีะ
03:28:39 → 03:28:45 นะคือมันเป็นซะจนพิสูจน์ได้เลยว่าว่าคุณ
03:28:45 → 03:28:50 ต้องต้องตัดคาฟนะฮะต้องตัดคาฟ
03:28:50 → 03:28:58 นะถึงจะจะอยู่แบบอ่าแบบแบบการแอคอ่ะแบบ
03:28:58 → 03:29:02 เี้แทคมันจะน้อยมากนะแต่เา้าก็ก็พูดไป
03:29:02 → 03:29:07 หลายครั้งแล้วนะเค้าก็ไม่ตัดน่ะไม่ตัดเ
03:29:07 → 03:29:10 แล้วก็มาฉีดยาจนกระทั่งดื้อยาอยู่เรื่อยๆ
03:29:10 → 03:29:14 เรื่อยๆๆๆนะแต่ก็แปลกนะคนเก็ยังไม่มี
03:29:14 → 03:29:18 ปัญหาเรื่องไตนะนะฮะแต่ว่ามันก็มี cy
03:29:18 → 03:29:23 attack บ่อยมากอ่ะบ่อยมากนะคือมีการรับ
03:29:23 → 03:29:27 ยาป้องกันน่ะเกินแบบป้องกันก็มีโิอกับ
03:29:27 → 03:29:32 โคจิซินนะนะ 300 กับไอ้โคจิซิน 1 เมเนี่ย
03:29:32 → 03:29:35 ป้องกันนะเสร็จแล้วเนี่ยมันก็มีเค้าเรียก
03:29:35 → 03:29:39 recent attack เี่เดือนนึงเนี่ยนะจะไม่
03:29:39 → 03:29:43 น้อยกว่า 3 ครั้งจะไม่น้อยกว่า 3 ครั้งนะ
03:29:43 → 03:29:46 แล้วก็เดี๋ยวก็เกากำเริบเกากำเริบก็คือ
03:29:46 → 03:29:52 เ้าปฏิเสธาฟไม่ได้อ่ะนะแต่มันเมีอยู่ช่วง
03:29:52 → 03:29:55 นึงนะที่เค้ากล้าทดลองอ่ะคือตัดาฟอยู่
03:29:55 → 03:30:00 ประมาณ 3 เดือนน่ะเกาไม่กำเริบเลยนะเราก็
03:30:00 → 03:30:02 บอกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเนี่ยทำไมไม่จำ
03:30:02 → 03:30:08 ไว้นะเนี่ยแล้วก็ลองไปทำตามสิเบอกว่าเ้า
03:30:08 → 03:30:11 ไม่โอเคด้วยเไม่เอาด้วยแล้วก็ก็ไม่เหมือน
03:30:11 → 03:30:14 เหมือนมันไม่สะดวกไม่อะไรต่างๆเหล่าเนี้ย
03:30:14 → 03:30:18 นะเออในที่สุดเค้าก็เลยยอมชีวิตนี้ก็ยอม
03:30:18 → 03:30:22 มาฉีดยาเอานะฉีดยาเอายาไปกินฉีดยาเอายาไป
03:30:22 → 03:30:25 กินอย่างเงี้ยพกคนทำงานที่แบบไม่ค่อยได้
03:30:25 → 03:30:28 ทำกับข้าวเองหรือป่ะยังไงก็หาเวลามาทำไม่
03:30:28 → 03:30:31 ได้ยังไงฉันก็จะต้องซื้อกินน่ะแต่อันนี้
03:30:31 → 03:30:34 เค้าก็มีเมียมีแฟนอะไรต่างๆแฟนเฟินก็รับ
03:30:34 → 03:30:39 รู้นะเพราะผมเจอเคสเยอะนะที่แบบว่าก็
03:30:39 → 03:30:43 พยายามจะไม่หวานไม่อะไรต่ออะไรนะแต่มามา
03:30:43 → 03:30:47 ตายตรงที่ว่าซื้อกินเป็นส่วนใหญ่อือย่าง
03:30:47 → 03:30:54 เงี้ยเจอคนมีใจเค้าก็มีเพบ่ะครับ
03:30:54 → 03:30:56 อื
03:30:56 → 03:31:00 เนี่ยคือก็จะมีเคสเก๊าทกับเคสแอสมาเนี่ย
03:31:00 → 03:31:04 นะฮะนะเอแอสมาที่ที่ดื้ออ่ะ
03:31:04 → 03:31:10 ดื้อดื้อยาพ่นดื้อยาฉีดดื้อเก่าอะไรต่างๆ
03:31:10 → 03:31:14 เนี่ยอือแล้วก็บอกว่าให้ตัดคาฟตัดพืชออก
03:31:14 → 03:31:18 จากปากกินสัตว์อย่างเดียวอะไรต่างๆนะ
03:31:18 → 03:31:22 เพราะว่าผมปัญหามันอยู่ที่อินซูลินนะต้อง
03:31:22 → 03:31:26 ต้องตัดฮอร์โมนตัวนี้ให้ได้นะนะก็เหมือน
03:31:26 → 03:31:31 กับว่ายอมตายนะแต่มันทรมานมากนะวันนี้ก็
03:31:31 → 03:31:36 มีคนไข้อ่ะมาพ่นยา 6 ครั้งฉีดเล็กซ่าอะไร
03:31:36 → 03:31:42 ต่างๆก็ก็ยังดื้อยาอยู่ก็ยังแบบสงบไปได้
03:31:42 → 03:31:47 สัก 3-5 นาทีมั้งนะแล้วก็แอีกนะฮะมันเกิด
03:31:47 → 03:31:50 Air tring อ่ะก็คืออากาศมันคั่งแล้วมัน
03:31:50 → 03:31:56 หายใจไม่ออกมันเหมือนจะหมดแรงด้วย
03:31:56 → 03:32:01 อือก็ต้องฟอรต่อไปอยู่โรงพยาบาลไม่รู้
03:32:01 → 03:32:03 ต้องใส่ทิ้วใส่ท่อหรือ
03:32:03 → 03:32:07 เปล่าเป็น
03:32:07 → 03:32:12 แสแปว่ายอมยอมเจ็บกับยอมตายแต่ไม่ยอมอด
03:32:12 → 03:32:18 หวานเออก็คือเเตัดครับตัดไม่ได้เค้า
03:32:18 → 03:32:22 อัญเชิญอินซูลินมาตลอด
03:32:22 → 03:32:26 นะเยอะมากนะเยอะมากเค้าไม่รู้ไงฮะเไม่
03:32:27 → 03:32:31 เข้าใจ
03:32:31 → 03:32:37 นะคือมันไม่มีใครสอนมันก็ดื้อได้นะนะถึง
03:32:37 → 03:32:43 จะเป็นยาพ่นยาฉีดอะไรก็ตามนะโอนะถ้ามัน
03:32:43 → 03:32:46 ถึงจุดที่มันเซลล์หรือเนื้อเยื่อต่างๆ
03:32:46 → 03:32:49 เนี่ยมันเค้าเรียกว่า
03:32:49 → 03:32:53 มันมันเสียศูนย์หมดแล้วล่ะนะมันควบคุมไม่
03:32:53 → 03:32:55 ได้่ะฮะนะ
03:32:55 → 03:32:59 เนี่ยอก็ไม่รู้อ่ะนะมันก็ต้องเป็นสเต็ป
03:32:59 → 03:33:05 ต่อๆไปอ่ะนะใส่ท่อนะ observe ICU เอหรือ
03:33:05 → 03:33:07 บางคนเราท่อออกไม่ได้ก็ต้องเจาะคออะไร
03:33:08 → 03:33:11 อย่าเงี้ยโอ้ยดูช่างไม่คุ้มกัน
03:33:11 → 03:33:18 เลยเฮ้อ
03:33:18 → 03:33:22 อือืแต่สาหัสขนาดนั้นไม่ยอมปรับนี่เราก็
03:33:22 → 03:33:26 ไม่เข้าใจเค้านะบางทีเเราก็ไม่แหมมันไม่
03:33:26 → 03:33:30 จะพูดว่ายังไงอ่ะนะคือฟามฝังหัวของคนน่ะ
03:33:30 → 03:33:34 ฮะมันหักดิบไม่ได้เลยอ่ะนะคือเก๊ากับ
03:33:34 → 03:33:38 แอสมาเนี่ยโอ้โหนะกับอินซูลินน่ะฮะที่มัน
03:33:38 → 03:33:42 มาแบบเป็นตัวการเนี่ยแล้วเราเข้าใจว่ามัน
03:33:42 → 03:33:46 ไม่ได้เป็นแบบอินซูลินที่มาแบบสูงๆนะฮะนะ
03:33:46 → 03:33:48 มันน่าจะเป็นเค้าเรียกอินซูลินก้าวร้าว
03:33:48 → 03:33:51 นี่แหละนะมาติ๊กเกอร์หรือว่ามาเป็นตัว
03:33:51 → 03:33:55 กระตุ้นเค้านะแล้วเวลาทุกอย่างน่ะที่มัน
03:33:55 → 03:33:58 เค้าเรียก attack หรือ ex bation ขึ้นมา
03:33:58 → 03:34:02 เนี่ยมันก็จะอยู่นานกว่าจะเอาลงกว่าจะ
03:34:02 → 03:34:08 โอ้โหกว่าจะค่อยๆเทป Off หรือค่อยๆลดโอ
03:34:08 → 03:34:11 ตัวลงตัวลงไอ้หอบเิดนี่มันก็อินซูลินเป็น
03:34:11 → 03:34:13 เป็นตัวหลักเหมือนกันนะครับอาจารย์เป็น
03:34:13 → 03:34:16 ตัวติ๊กเกอร์เลยอ่ะเนี่ยที่ในปัจจุบัน
03:34:16 → 03:34:19 เนี่ยเเหรอผมยังนึกว่านึยังนึกว่าเป็น
03:34:19 → 03:34:23 คอร์ติซอลอะไมากกว่ามั้ไม่ใช่อินซูลิน
03:34:23 → 03:34:27 เนี่ยมีผลมากๆนะโดยเฉพาะอินซูลินแบบที่
03:34:27 → 03:34:33 บอกนี่แหละนะก้าวร้าวนี่แหละ
03:34:33 → 03:34:37 นะแล้วอาหารเนี่ยมันแปรรูปมาก randle
03:34:37 → 03:34:41 Cycle มันเยอะนะนะเพราะฉะนั้นไม่แปลก
03:34:41 → 03:34:45 หรอกมีอินซูลินแต่คุณรู้มั้ยว่าเค้าเป็น
03:34:45 → 03:34:48 aggressive
03:34:48 → 03:34:51 อูนบางทีแล้วเนี่ยปริมาณอินซูลินที่
03:34:51 → 03:34:55 กระตุ้นเนี่ยไม่ได้เยอะนะแต่ไอ้ตัว
03:34:55 → 03:34:58 คุณสมบัติของอินซูลินนี่แหละนะมันเป็นตัว
03:34:58 → 03:35:02 ร้ายซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะปับปามันยังไง
03:35:02 → 03:35:05 เนี่ยก็คือสมมติมาตรวจเลือดสมมุติเราเจาะ
03:35:06 → 03:35:10 inulin Level เนี่ยคำนวณม่าอาจจะไม่
03:35:10 → 03:35:14 จำเป็นต้องต้องสูงเกินมากก็ได้ใช่มฮะมอาจ
03:35:14 → 03:35:17 จะสูงนิดหน่อยเกิน 2 นิดๆอะไรอย่างงี้ใช่
03:35:17 → 03:35:24 มแต่แต่พอกินหวานปุ๊บกินแปรรูปกินแนเข้า
03:35:24 → 03:35:26 ไปนิดๆหน่อยๆเนี่ยปริมาณไม่ต้องเยอะงาน
03:35:26 → 03:35:29 เข้าทันทีอ่ะใช่เนี่ยเเรียกว่าน้ำหนัก
03:35:29 → 03:35:33 ขึ้นหรือจะระบบอะไรเกิดปัญหาก็แล้วแต่
03:35:33 → 03:35:42 เนี่ยเเรียกว่าอท rance เ่ะเออกูโคอทเ
03:35:42 → 03:35:49 เออหรือว่าอูน hens sity
03:35:49 → 03:35:53 อ่ะแต่มันยังไม่มีศัพท์ที่เหมาะสมนะฮะเอ
03:35:53 → 03:35:55 ในประเทศไทยมีใครพูดถึงเรื่องอินซูลิน
03:35:55 → 03:35:59 ก้าวร้าวบ้างมั้ยครับพี่หมออินซูลินก้าว
03:35:59 → 03:36:03 ร้าวไม่มีเดี๋ยว
03:36:03 → 03:36:07 ฟังนอกจากอาจารย์ไม่ไม่ไม่น่ามีนะไม่ไม่
03:36:07 → 03:36:11 มีหมอลี่ก็พูดนะหมอลี่พูดอยู่เดี๋ยวหมอ
03:36:11 → 03:36:18 รีบพูดเ่อใครอีกูยสายเดียวกันญ่าพูดญ่า
03:36:18 → 03:36:20 ไม่ได้พูด
03:36:20 → 03:36:24 เออไม่รู้อ่ะเคยฟังแต่หมอลี่นอกนั้นไม่
03:36:24 → 03:36:28 เคยฟังใครเลยออแล้วทเมืองนอกล่ะครับอ
03:36:29 → 03:36:31 อินฟูสายสุขภาพเมืองนอกที่พูดเรื่องนี้
03:36:31 → 03:36:38 เยอะๆอ๋อมีดรไวสก็พูดแทนี่อะไรอ่ะเอ่อกิว
03:36:38 → 03:36:43 คาโฮก็พูดนะอ๋อกิวคาวาโฮอๆพูดเรื่องเนี่ย
03:36:43 → 03:36:47 เรื่อง aggressive อูนเนี่ยนะแล้วก็หมอ
03:36:47 → 03:36:53 อะไรอ่ะนที่เป็นสายสายเนื้อสัตว์นี่แหละ
03:36:53 → 03:37:00 นะที่เอ้ยหมอหมออะไรนะมาคมาคเหรอมาอะไร
03:37:00 → 03:37:02 แต่เค้าใช้คำว่า insulin depression น่ะ
03:37:02 → 03:37:04 ฮะ
03:37:04 → 03:37:08 อื
03:37:08 → 03:37:13 เออคือคือเวลาไปกดใน Google เนี่ยก็พิมพ์
03:37:13 → 03:37:17 ว่า aggressive insulin ลงไปเนี่ยอมัน
03:37:17 → 03:37:20 เด้งขึ้นมาแต่แต่ aggressive insulin
03:37:20 → 03:37:23 ที่เ้าหมายถึงว่าใช้อินซูลินหนักๆเลยใน
03:37:23 → 03:37:26 เคสเบาหวานน่ะที่เหมือนกับว่าเค้าต้องการ
03:37:26 → 03:37:29 คอนโทรลน้ำตาลลงมาให้เร็วๆก่อนเพื่อแก้
03:37:29 → 03:37:32 ปัญหาเฉพาะหน้าอะไรบางอย่างอ่ะนะจะต้อง
03:37:32 → 03:37:35 ผ่าตัดหรือว่าน้ำตาลมันสูง 4500 อะไรก็
03:37:35 → 03:37:37 แล้วแต่ซึ่งมันจำเป็นต้องใช้อินซูรินหนัก
03:37:37 → 03:37:41 หนักมืออ่ะเฉพาะหน้าไปก่อนเอาตัวรอดไป
03:37:41 → 03:37:43 ก่อนอะไรประมาณอย่างเงี้ยคือคือมันจะมัน
03:37:43 → 03:37:46 จะมาขึ้นมาจากไอ้เนื้อหาทรงเนี้ยซึ่งมัน
03:37:46 → 03:37:51 ไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจไงเอมันหมายมากๆ
03:37:51 → 03:37:54 มันมีแต่ accessive อิซูลิน Treatment
03:37:54 → 03:37:56 Exit insent therapy อะไรประมาณเงี้ย
03:37:56 → 03:37:59 ที่เขาใช้สำหรับในเคสที่น้ำตาลมันดีดแรงๆ
03:37:59 → 03:38:02 จากอะไรบางอย่างแล้วเต้องการจะรีบเอาลง
03:38:02 → 03:38:06 อ่ะมันเป็นศัพท์ของยาของการเร่มันมันเป็น
03:38:06 → 03:38:08 เรื่องของเคสที่มันหนักแล้วเข้าโรงพยาบาล
03:38:08 → 03:38:12 น่ะแต่ว่าในแง่ของว่าพฤติกรรมอิลินที่มัน
03:38:12 → 03:38:15 มันดื้อด้านมันดุโหด
03:38:15 → 03:38:18 กินหลุดนิดหลุดหน่อยไม่ยอมเลยอะไรแบบ
03:38:18 → 03:38:21 เนี้ยซึ่งเป็นกันเยอะ
03:38:21 → 03:38:25 เนี่ยไม่ผมยังเสิรชไม่เจอเลยนะที่ว่าหมอ
03:38:25 → 03:38:30 คนไหนพูดเนี่ยภาษาอังกฤษเถามไม่ได้เลยนั
03:38:30 → 03:38:33 ก็ไม่แปลกว่าคนจะไม่เข้าใจคนก็ไม่เข้าใจ
03:38:33 → 03:38:37 ใช่เพราะว่าเพราะว่าเราก็นึกไปตามรูปการ
03:38:37 → 03:38:40 หรือเหตุผลน่ะฮะว่าแล้วอาหารในปัจจุบัน
03:38:40 → 03:38:45 มันแปลรูปไปขนาดไหนอ่ะนะคือจากอต้าจากโส
03:38:45 → 03:38:49 เป็น Ultra โสแล้วมันก็เป็นอะไรอ่ะ Super
03:38:49 → 03:38:53 Ultra โสแล้วหรือยังนะแต่เขาใช้ตับคำ
03:38:53 → 03:38:55 อะไรซะอย่างนึงนี่แหละนะคือมันยิ่งกว่า
03:38:55 → 03:39:00 Ultra process น่ะนะโดยที่ว่าการแปรรูป
03:39:00 → 03:39:05 ของมันเนี่ยยิ่งทำให้โมเลกุลเล็กลงและและ
03:39:05 → 03:39:09 ใช้ในปริมาณที่น้อยๆนะนะแต่เเรียกว่า
03:39:09 → 03:39:11 reaction น่ะหรือปฏิกิริยาที่มันจะไป
03:39:11 → 03:39:14 กระตุ้นฮอร์โมนหรือไปติ๊กเกอร์อะไรบาง
03:39:14 → 03:39:21 สิ่งบางอย่างเนี่ยพกเลยอ่ะไป
03:39:21 → 03:39:24 เยอ
03:39:24 → 03:39:29 อืมันแปลรูปอาหารไปเยอะมากนะจนกระทั่งเรา
03:39:29 → 03:39:32 ตามเ้าไม่ทัน
03:39:32 → 03:39:36 หรอก
03:39:36 → 03:39:41 ครับโอ้อยู่ยากเข้าใจในแนวทางแบบของเรา
03:39:41 → 03:39:42 อย่างเงี้ย
03:39:42 → 03:39:46 นะแล้วก็เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวค่อยๆรอเวลา
03:39:47 → 03:39:50 ที่มันจะมีคำมีศัพท์หรือมีนิยามอะไรมึง
03:39:50 → 03:39:51 ออกมาเอง
03:39:51 → 03:39:55 อ่ะเออก็คงไม่ต้องรอหรอกพี่หมอเพราะว่า
03:39:55 → 03:39:58 ขนาดอะไรนะคอเลสเตอรอลยังสร้างจากตับกัน
03:39:58 → 03:40:01 อยู่เลยอ่ะเออก็อย่างงี้แหละแล้วก็เมื่อ
03:40:01 → 03:40:04 ไหร่มันจะรู้เนี่ยแต่ว่างานวิจัยมันตั้ง
03:40:04 → 03:40:07 แต่ 1993 แล้วนะฮะนั่นน่ะสิพี่หมอมันไม่
03:40:07 → 03:40:09 ใช่ว่าออก
03:40:09 → 03:40:15 มาเพิ่งออกมานะมันก็นานมาแล้วนะ
03:40:15 → 03:40:19 หลังจากที่เขาค้นพบไอ้ซต์ ldl ที่ตับน่ะ
03:40:19 → 03:40:25 ที่มันเป็นอ่าหมออะไรไออะไร 2 คนนั้นน่ะ
03:40:25 → 03:40:29 ที่ได้รับรางวัลโนเบลอ่ะนะนะซึ่งเขาก็ค้น
03:40:29 → 03:40:31 พบหลายอย่างแล้วก็ได้รับกัน 2 คนคู่กันใน
03:40:32 → 03:40:35 ปีนั้นปีนั้นก็คือปี
03:40:35 → 03:40:38 1985 หลังจากนั้นอีก 8 ปีอีก 8 ปีเนี่ย
03:40:38 → 03:40:45 นะเนี่ยเออเค้าก็เคก็รู้เรื่องไอ้เรื่อง
03:40:45 → 03:40:47 เซลล์ทุกเซลล์สร้างคอเลสเตอรอลนะไม่ได้
03:40:47 → 03:40:49 สร้างที่
03:40:49 → 03:40:52 ตัด 1993 นะ
03:40:52 → 03:40:56 ฮะจนบัดนี้ 32 ปีแล้วอ่ะคนก็ยังบอกว่า
03:40:56 → 03:41:00 คอเลสเตอรอลสร้างที่ตับ
03:41:00 → 03:41:02 เนี่ย
03:41:02 → 03:41:05 อืแล้วมันก็กลายเป็นว่าเอาคอเลสเตอรอลไป
03:41:05 → 03:41:09 จ่ายให้เซลล์ที่เขาต้องการอะไรอย่างเงี้ย
03:41:09 → 03:41:14 เออแล้วก็ไปกันใหญ่เลยอ่ะนะว่าเอาคอสอไป
03:41:14 → 03:41:16 สร้างโนนสร้างนี่ไปสร้างผนังเซลล์ไปสร้าง
03:41:16 → 03:41:20 วิตามินไปสร้างเอ่อเยื่อหุ้มเซลล์อะไร
03:41:20 → 03:41:24 อย่างเงี้ยนะมันไม่
03:41:24 → 03:41:28 ใช่
03:41:28 → 03:41:33 อืครับผม
03:41:33 → 03:41:37 อืตอนนี้ส่วนอันใหม่ๆอ่ะส่วนอันใหม่ๆอ่ะ
03:41:37 → 03:41:42 ก็คือในเรื่องอะไรเบิอออมอคนออะไรต่างๆ
03:41:42 → 03:41:46 อ่ะนะที่ในแต่ละ
03:41:46 → 03:41:50 แต่ละกลุ่มสัตว์เนี่ยนะมันจะมีลักษณะของ
03:41:50 → 03:41:53 การของการส่งผ่านพลังงานแลก็การหมุนเวียน
03:41:53 → 03:41:56 คอเลสเตอรอลอย่างไร
03:41:56 → 03:42:02 นะก็จะมีข้อสรุปนะว่าแต่ละแต่ละกลุ่ม
03:42:02 → 03:42:06 เนี่ยมันมีตัวเเรียกว่าตัวนำส่งพลังงาน
03:42:06 → 03:42:10 หรือตัวอนุภาคเอดี B เนี่ยมากน้อยแค่ไหน
03:42:10 → 03:42:13 แล้วก็ตัวเอนไซม์ CP เนี่ยอะไรมีอะไรไม่
03:42:13 → 03:42:17 มีแล้วก็ตัวตัว receptor activity อ่ะนะ
03:42:17 → 03:42:23 เอออันไหนอ่า activity เยอะกว่ากันทั้ง
03:42:23 → 03:42:26 หมดเนี้ยมีการวิจัยออกมาหมดแล้วมีข้อสรุป
03:42:26 → 03:42:30 ออกมาหมดแล้วนะแล้วก็มนุษย์เนี่ยเป็น
03:42:30 → 03:42:34 opportunistic พออมนิในกลุ่ม primate
03:42:34 → 03:42:39 ที่ที่มี activity ของ ldl receptor ที่
03:42:39 → 03:42:42 ตับต่ำที่
03:42:42 → 03:42:50 สุดเพว่ามีวิวัฒนาการสูงสุดนะเนี่ยก็ต้อง
03:42:50 → 03:42:52 แลกมาด้วยอันเนี้ยต่ำที่
03:42:52 → 03:42:57 สุดครับนะเพราะฉะนั้นมันต่ำที่สุดเหล่า
03:42:57 → 03:43:02 เนี้ยนะถ้าแล้วก็แล้วก็ความใกล้ชิดเนี่ย
03:43:02 → 03:43:04 หรือ
03:43:04 → 03:43:09 หรือหรือการที่ยีนหรือว่าเซลล์ร่างกายของ
03:43:09 → 03:43:12 เราเนี่ยนะในการที่จะ adapt มาเนี่ยนะมัน
03:43:12 → 03:43:15 ก็เป็นการ adapt ไปในสายทางต่างๆที่จะ
03:43:15 → 03:43:18 เกิดเรื่องของ Body type อ่ะนะนะจะเป็น
03:43:18 → 03:43:22 สายแป้งเนื้อจะเป็นทรงไหนนะแล้วก็เมันก็
03:43:22 → 03:43:27 จะเกิดการที่จะต้องปรับการกินให้สอดคล้อง
03:43:27 → 03:43:31 ไปทางฝั่งเวอหรือออมหรือหรือคิวอมากกว่า
03:43:31 → 03:43:35 กันคือหาจุดสมดุลของตัวเองให้ดีที่สุด
03:43:35 → 03:43:39 แล้วคุณก็สามารถที่จะกำหนดกำหนดไอ้ตัวนำ
03:43:39 → 03:43:43 ส่งพลังงานหรืออนุภาคเอ้และโปตีน b
03:43:43 → 03:43:49 กำหนด AC ของเอนไซมรวมทั้งอะไร activity
03:43:49 → 03:43:53 ของ receptor ที่ตับนะได้อย่างเหมาะสม
03:43:53 → 03:43:55 เมื่อคุณสามารถที่จะเข้าใจและกำหนดสิ่ง
03:43:55 → 03:44:00 เหล่านี้ได้โดยใช้เก้าอี้ 4 ขาเนี่ยนะคุณ
03:44:00 → 03:44:03 ก็จะค่อนข้าง optimal Health ค่าหลงค่าบ
03:44:03 → 03:44:07 อะไรต่างๆมันก็จะไม่ไม่ชูตไม่ออกนอกรู่
03:44:07 → 03:44:11 นอกทางไปจนกระทั่งตื่นตนกวิตกจริจิ
03:44:11 → 03:44:15 สวาอืครับแล้วเสร็จแล้วเนี่ยคุณก็จะตัด
03:44:15 → 03:44:19 สินใจด้วยตัวคุณเองอ่ะว่าเอาล่ะฉันทำได้
03:44:19 → 03:44:23 แค่นี้แหละนะแล้วทีนี้เนี่ยเขาก็บอกว่ามี
03:44:23 → 03:44:27 ยงมียาที่จะมาปรับมาลดมาแก้อะไรเงี้ยก็จะ
03:44:27 → 03:44:30 ใช้หรือไม่ใช้เนี่ยนะก็คือทำทุกสิ่งทุก
03:44:30 → 03:44:34 อย่างแล้วก็หาองค์ความรู้มาอธิบายนะเอ่อ
03:44:34 → 03:44:36 สิ่งที่
03:44:36 → 03:44:39 จะทำให้ตัวเองเนี่ยเข้าใจตัวเองได้ดีที่
03:44:39 → 03:44:43 สุดเนะแล้วหลังจากนั้นจะแอดยาหรือไม่แอด
03:44:43 → 03:44:48 จะแอดสั้นๆแอดยาวๆอะไก็ก็ว่าไปคุณพี่หมอ
03:44:48 → 03:44:51 มีคำถามสุดท้ายมคุณป๊อกคุณป๊อกบอกว่าล่า
03:44:51 → 03:44:55 สุดเกิดผื่นคันแดงตามแขนขาคันแบบมากสุดๆ
03:44:55 → 03:44:59 เลยอคืออยู่ดีๆก็เป็นโดยไม่รู้สาเหตุก็
03:44:59 → 03:45:03 เลยลองหยุดกินผักสดผักใบที่กินกับทีออย
03:45:03 → 03:45:06 อ่ะครับแปว่าเขาคกินทีออยด้วยนะอือผ่านมา
03:45:06 → 03:45:09 5 วันผื่นคันเนี่ยหายเกือบ 95% คิดว่า
03:45:09 → 03:45:13 น่าจะเกิดลิกิกัดจากแแนตนิวนในผักดิบอ่ะ
03:45:13 → 03:45:18 ครับเกินักดิบติดต่อกันทุกวันมานานปีกว่า
03:45:18 → 03:45:22 โออันนี้คือคีสรือเปล่าพี่หมอหรือว่ายัง
03:45:22 → 03:45:26 ไงเอ่ยถ้าเรากินโคฟอยู่เนี่ยเราจะถือว่า
03:45:26 → 03:45:32 เป็นคีชก็ได้นะฮะเนี่ยอืแล้วมันจะดูได้ไง
03:45:32 → 03:45:33 ว่ามันมาจาก
03:45:33 → 03:45:40 ที่ ketosis ไงนะ ketosis แล้วก็แล้วก็พอ
03:45:40 → 03:45:42 ketosis แล้วมันเกิดปัญหา problem ทาง
03:45:42 → 03:45:46 ด้าน Skin reaction เนี่ยอ่าเราจะถือ
03:45:46 → 03:45:49 เป็นคีสอย่างนึงก็ได้เกิดช้าเกิดเร็วได้
03:45:49 → 03:45:52 ทั้งนั้นนะฮะ
03:45:52 → 03:45:55 อืทีนี้
03:45:55 → 03:45:59 แอนตี้แเ้าเรียกว่าแแอนไทนิวนหรือเเรียก
03:45:59 → 03:46:01 ว่าอะไร
03:46:01 → 03:46:05 นะนั่นแหละ
03:46:05 → 03:46:09 เอ่อตัวตัวสารต้าน
03:46:09 → 03:46:12 ของของพืชใช่มั้ย
03:46:12 → 03:46:17 อืแหล่งที่มาของของพืชเนี่ยปลูกเองหรือ
03:46:17 → 03:46:22 เปล่าหรือมาจากตลาด
03:46:22 → 03:46:23 เออ
03:46:23 → 03:46:27 อืส่วนใหญ่เนี่ยคนพวกนี้จะเป็นสายแป้งและ
03:46:27 → 03:46:30 จะเป็นสายพุงตับหรือไทรรอยด์นะเพราะ
03:46:30 → 03:46:35 ฉะนั้นเนี่ยมันก็จะมีโอกาสนะโอกาสเกี่ยว
03:46:35 → 03:46:40 กับพวกระบบลำไส้นะแล้วก็เกิดการเกิด
03:46:40 → 03:46:43 ปฏิกิริยาของของผื่นแพ้ผื่นครรภ์หรือ
03:46:43 → 03:46:47 ปฏิกิริยาอจีของของตับเอะไรต่างๆในการ
03:46:47 → 03:46:51 กรองพิษอ่าลำไส้กับตับนี่
03:46:51 → 03:46:53 เออ
03:46:53 → 03:46:58 อ่าแล้วเคยกินเป็นดอง้วมั้ยผ่านการดองอ่ะ
03:46:58 → 03:47:03 แล้วก็ปรับจากการกินสดมาเป็นกินสุกหรือ
03:47:04 → 03:47:07 สุกโดยไม่ผ่านความร้อนก็คือ
03:47:07 → 03:47:09 ดอง
03:47:09 → 03:47:12 อือื
03:47:12 → 03:47:18 ครับเอ่อท่างดไปแล้วก็หายก็โชคดีแล้วนะฮะ
03:47:18 → 03:47:22 เออต่อไปลองกลับมากินใหม่แล้วมันจะเกิด
03:47:22 → 03:47:23 ขึ้นอีก
03:47:23 → 03:47:27 มยมัน
03:47:27 → 03:47:30 อ่ามันมันคือต้องวางสมมุติฐานดีๆแล้วก็
03:47:30 → 03:47:35 ต้องทดลองแบบให้มันเป็นคือสรุปบางทีสรุป
03:47:35 → 03:47:40 มันสรุปยากยากเพราะว่าอย่างอย่างที่บอก
03:47:41 → 03:47:43 ว่าผักอ่ะมันมาจากอย่างที่บอกว่ามันมาจาก
03:47:43 → 03:47:47 แนตนิทนเของมันเองหรือว่าจะมาจากสารเคมี
03:47:47 → 03:47:50 เออของมันหรือ
03:47:50 → 03:47:54 ว่ามาจากอะไรแล้วบอ type แบบไหนจะเป็น
03:47:54 → 03:47:58 ลักษณะแบบเดียวกับหมอมอโต้หรือเปล่าอืม
03:47:58 → 03:47:59 อะไรแบบเนี้ย
03:48:00 → 03:48:03 ครับแล้วเวลาเปลูกผัก
03:48:03 → 03:48:08 อ่ะก็ทั้งไฮโดรโปนิคนะหรือไม่ก็ผักปลูก
03:48:08 → 03:48:12 แต่ว่ามีปุ๋ยมีบางสิ่งบางอย่างอ่ะที่เร่ง
03:48:12 → 03:48:17 ให้ผักมันโตเร็วๆเนี่ยพวกนี้ก็มีผล
03:48:17 → 03:48:21 ได้แล้วผลบางทีแล้วค่อยๆสะสมน่ะจนกระทั่ง
03:48:21 → 03:48:24 เกิด
03:48:24 → 03:48:29 ปฏิกิริยาออืวิธีแก้ต้องไปดูเรื่องของ
03:48:29 → 03:48:36 คีโตสใช่มั้ครับใช่แค่แบบีสไปอ่า
03:48:36 → 03:48:41 โอเคครับผมหมดคำถามครับอ่ามีคุณณัฐพรครับ
03:48:41 → 03:48:45 บอกอันอันนี้ไม่ได้คำถามครับบอกว่าให้คุณ
03:48:45 → 03:48:48 พ่อคุณแม่อายุ 80 กับ 90 เนี่ยกินข้าว
03:48:48 → 03:48:51 น้อยลงงดหวานจากที่เคยปวดเข่าบัวมมากจน
03:48:52 → 03:48:55 เดินไม่ได้ต้องอุ้มไปฉีดยาแล้วก็ปรับมา
03:48:55 → 03:48:57 กินแบบที่พวกเรากินกันเนี่ยเดี๋ยวนี้เขา
03:48:57 → 03:49:00 ไม่มีปวดไม่มีบวมเหมือนแต่ก่อนเลยค่ะไม่
03:49:00 → 03:49:04 ต้องกินไม่ต้องกินยาฉีดยาเลยเห็นผลชัดเจน
03:49:04 → 03:49:05 จริง
03:49:06 → 03:49:10 ค่ะเออเกินน้ำซุปต้มกระดูกเยอะ
03:49:10 → 03:49:16 ๆครับน้ำซุปต้มกระดูกอ่ะนะ
03:49:16 → 03:49:21 มีคอลลาเจนมีมีสารดีๆมีสเต็มเซลล์อะไร
03:49:21 → 03:49:27 ต่างๆเออเนี่ยถ้าต้มดีๆเลยเนี่ยนะก็จะ
03:49:27 → 03:49:31 เป็นซุปเปอร์ฟู้ดอันดับ 1 เลยของคนมีอายุ
03:49:31 → 03:49:36 อืน้ำสุบต้มกระดูกนะครับเออแล้วก็ไข่นะก็
03:49:36 → 03:49:41 ตามแนวทางนี้แหละนะทำได้แค่ไหนก็เอาแค่
03:49:41 → 03:49:45 นั้นใดๆก็ตามที่มันเป็นปัญหาเรื้อรังมัน
03:49:45 → 03:49:49 อักเสบเอ่อมันเป็นปัญหาของคนสูงวัยสูคน
03:49:49 → 03:49:56 แก่อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยจะค่อยๆฟื้นค่อยๆ
03:49:56 → 03:49:58 ฟื้น
03:49:58 → 03:50:03 อืครับผมหมดคำถามครับผม
03:50:03 → 03:50:07 อือโอเคนั้นก็เที่ยงคืนแล้วครับพี่หมอพี่
03:50:07 → 03:50:14 หมอมีอะไรกล่าวจบมั้ยครับไม่มีไม่มีแต่
03:50:14 → 03:50:15 ว่า
03:50:15 → 03:50:19 จะให้คุยเรื่องอะไรดีหมดเรื่องคุย
03:50:19 → 03:50:23 นะสิ่งต่างๆเนี่ยมันก็เป็นของเดิมๆมของ
03:50:23 → 03:50:25 เก่าๆอ่ะ
03:50:25 → 03:50:31 อือว่าอยากจะคุยอะไรสั้นๆน่ะ
03:50:31 → 03:50:35 อืจริงๆมันก็มาคุยสั้นๆในช่วงหลังเลยนะ
03:50:35 → 03:50:35 ครับพี่
03:50:35 → 03:50:41 หมอเออแต่ต้องมีคนมามาเสริมหรือว่ามาร่วม
03:50:41 → 03:50:42 คุย
03:50:42 → 03:50:45 เออบางทีเราไม่รู้จะ
03:50:45 → 03:50:49 อ่าคือเหมือนกับว่ามาตั้งคำถามมามาคุยมา
03:50:49 → 03:50:56 ตอบมาเสริมกันน่ะเพื่อให้คนอื่นเ
03:50:56 → 03:50:58 รู้
03:50:58 → 03:51:01 ครับมันต้องอยู่ที่ว่าช่วงนั้นอยากคุย
03:51:01 → 03:51:09 เรื่องอะไรด้วยพี่หมอตามกระแส
03:51:09 → 03:51:10 อื
03:51:10 → 03:51:14 ฮัลโหลจะให้เค้าเสนอมาหล่าว่าอยากจะให้
03:51:14 → 03:51:19 คุยเรื่องอะไรแต่ให้อยู่ในแนวของ low C
03:51:19 → 03:51:22 High fash เนี่ยโดยเฉพาะเรื่องอาหง
03:51:22 → 03:51:25 อาหารอะไรอย่าเงี้ยเพราะว่าบางสิ่งบาง
03:51:25 → 03:51:27 อย่างมันก็ไม่ไม่ไม่ค่อยเหมาะกับการคุย
03:51:27 → 03:51:30 มันก็เป็นเหมือนองค์ความรู้อ่ะที่ต้อง
03:51:30 → 03:51:35 อ่านก็บางทีก็ต้องโพสต์ไป
03:51:35 → 03:51:40 เอในเรื่องของคำถามเนี่ยบางทีคุยยากฮะนะ
03:51:40 → 03:51:43 เพราะว่ารายละเอียดข้อมูลอะไรต่างๆเนี่ย
03:51:43 → 03:51:45 มันเหมือนต้องไดค direct อ่ะมันเหมือน
03:51:45 → 03:51:48 ต้องอยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องถามไถ่กัน
03:51:48 → 03:51:51 เดี๋ยวนั้นเลยไม่งั้นแล้วข้อมูลมันไม่รอบ
03:51:52 → 03:51:57 ด้านมันสรุปยากมันฟันธงยากเอรวมถามจะถาม
03:51:57 → 03:52:00 อะไรเนี่ยก็มัวมาตรอพิมพ์รออะไรอยู่อย่า
03:52:01 → 03:52:03 เงี้ยเบา
03:52:03 → 03:52:10 ทมันดูแล้วมันไม่ไม่ไม่ต่อ
03:52:10 → 03:52:12 เนื่อง
03:52:12 → 03:52:18 อ่าครับก็จริงไงาเวลาถามมาแล้วบางที
03:52:18 → 03:52:23 นะคุณพรบอกต้มน้ำซุปให้ใช้ทำอาหารทุกวัน
03:52:23 → 03:52:27 อยู่ค่ะเออดีโอเค
03:52:27 → 03:52:32 เอออุ๊ยหนูกวางคุณกวางยังอยู่นะครับเนี่ย
03:52:32 → 03:52:36 เหรอเออผมว่านึไปนอนแล้วผมหรือว่าเพิ่ง
03:52:36 → 03:52:38 ตื่น
03:52:38 → 03:52:42 นะวันนี้วันนี้คุณวางสรุปดีนะผมตกผลึกเลย
03:52:42 → 03:52:49 อ่ะอ๋อเออใช่ให้ 10 เต็ม 10 ตัดเกด 4
03:52:49 → 03:52:52 + เลยเย
03:52:52 → 03:52:56 วางเออตอนแรกผมอ่านผ่านๆผมก็เออเฉยๆนะพอ
03:52:56 → 03:53:01 พอพอกลับมาอ่านอีกทีนึงเฮ้ยมันใช่นี่
03:53:01 → 03:53:06 หว่าครับผมคือยายกวางเนี่ยคุณหมอว่าเเป็น
03:53:06 → 03:53:10 opportunistic kcd ไป
03:53:10 → 03:53:16 แล้วอือยู่เนืใช่มยครับเอ่อไม่เป็น kcd
03:53:16 → 03:53:19 อ่ะนะ kcd แต่ตอนนี้
03:53:19 → 03:53:22 opportunistic ก็คือมีข้อดีจากกลุ่มไหน
03:53:22 → 03:53:27 จากฝั่งไหนจากอ่าแนวทางไดอแบบไหนก็เอามา
03:53:27 → 03:53:29 ผสม
03:53:29 → 03:53:33 ผสานเออพี่หมอพี่โอ๊ตถามว่าน้ำต้มน้ำซุป
03:53:33 → 03:53:36 ต้องกระดูกอ่ะถ้าต้มแค่ 4-5 ชมเนี่ย
03:53:36 → 03:53:38 ประโยชน์จะต่างกับต้มเป็น 10 ชั่วมงมฮะ
03:53:38 → 03:53:44 พี่หมอเออต่างกันฮะต่างกันนะ
03:53:44 → 03:53:47 คือถ้าต้มนานนะฮะถ้าต้มนานเนี่ยโปรตีนมัน
03:53:47 → 03:53:51 จะเสียโครงสร้าง
03:53:52 → 03:53:55 นะคือจริงๆหวังกินน้ำซุปต้มกระดูกเนี่ย
03:53:55 → 03:54:00 เราหวังจะได้ทั้งโปรตีนคุณภาพแล้วก็ไขมัน
03:54:00 → 03:54:04 ดีนะไขมันดีคือไขมันดีมันได้แน่ไม่ว่าจะ
03:54:04 → 03:54:08 ต้มต้ม 4-5 ชั่วมงหรือต้มข้ามคืนไป 10
03:54:08 → 03:54:13 กว่าชั่วโมงนะนะแต่ปัญหาของต้มนานาเนี่ย
03:54:13 → 03:54:16 ก็คือการดีเนเจอร์โครงสร้างของโปรตีนนะฮะ
03:54:16 → 03:54:21 นะเอ่อโปรตีนในน้ำซุบต้มกระดูกอ่ะถือว่า
03:54:21 → 03:54:24 ไม่ใช่โปรตีนคุณภาพนะเพราะมันเป็น
03:54:24 → 03:54:27 คอลลาเจนนะมันเป็นคอลลาเจนแต่พวกเนี้ยก็
03:54:27 → 03:54:30 เอาไปเสริมอ่ะเอาไปเสริมเนี่ยนะเสริม
03:54:30 → 03:54:34 กระดูกเสริมผิวหนังเสริมอะไรต่างๆแต่ถ้า
03:54:34 → 03:54:37 ต้มไปนานๆแล้วเนี่ยนะเนี่ยโปรตีนมันก็จะ
03:54:37 → 03:54:40 เสียคุณภาพแต่ปริมาณไขมันดีมันจะได้เยอะ
03:54:40 → 03:54:43 ขึ้นคือปริมาณไขมันอิ่มเดี่ยวซ้อนอะไร
03:54:43 → 03:54:46 ต่างๆที่สกัดออกมาจากไขกระดูกแล้วตัว
03:54:46 → 03:54:50 กระดูกเนี่ยเอ่อมันจะค่อนข้างเยอะมันได้
03:54:50 → 03:54:53 อย่างเสียอย่างนึงอ๋อโอเคถ้าเราต้องการขข
03:54:53 → 03:54:57 มันก็ต้องต้มนานเออนะแต่ถ้าเราต้องการ
03:54:57 → 03:55:00 คอลลาเจนโปรตีนก็ต้มให้มัน 4 5 ชั่วโมง
03:55:00 → 03:55:02 ก็พออย่างงี้ใช่มั้ยครับพี่หมอใช่ประมาณ
03:55:02 → 03:55:06 เนี้ย 4 ประมาณไม่เกน 8 ชมเนี่ยเราจะได้
03:55:06 → 03:55:10 ทั้งโปรตีนและไขมันดีนะ
03:55:10 → 03:55:14 ออืคือ 45 ชั่วโมงนี่ก็เป็นเค้าเรียก
03:55:14 → 03:55:16 เรียกว่าจุดที่มันกำลังเหมาะสมใช่มั้ย
03:55:16 → 03:55:20 ครับใช่ๆคือได้ได้ทั้งคู่ได้ทั้งโปรตีน
03:55:20 → 03:55:26 แล้วก็ไขมันเลยเอออืถ้านานๆไปเนี่ยนะเอ่อ
03:55:26 → 03:55:29 ไขมันมันจะได้ค่อนข้างเยอะขึ้นมากขึ้นแต่
03:55:29 → 03:55:33 โปรตีนมันจะไม่ได้มันจะเสียโครงสร้างแต่
03:55:33 → 03:55:35 เสียโครงสร้างไม่เป็นไรนะกินเข้าไปเดี๋ยว
03:55:35 → 03:55:40 ร่างกายมันก็เอาออกมันใช้ประโยชน์ไม่
03:55:40 → 03:55:44 ได้อ๋อแต่ไม่ได้ไม่ได้สร้างอันตรายหรือ
03:55:44 → 03:55:46 ว่าอะไรใช่มั้ยครับเออแล้วแต่จุดประสงค์
03:55:46 → 03:55:50 อ่ะเช่นถ้าจุดประสงค์แบบเราจะกินเพื่อ
03:55:50 → 03:55:54 เค้าเรียกว่าอ่อฟื้นฟูเยื่อบุลำไส้เรา
03:55:54 → 03:55:57 เป็นสายแป้งเรามีปัญหาตับเรามีปัญหา
03:55:57 → 03:56:00 ไทรอยด์เรามีปัญหาลำไส้แปรปรวนอะไรอย่าง
03:56:00 → 03:56:03 เงี้ยนะก็ไม่ต้องนานไม่ต้อง
03:56:03 → 03:56:08 นานเอ่อสายแป้งไม่ต้องกินน้ำซุปก็ต้ม
03:56:08 → 03:56:12 กระดูกขี้ต้มไปนานๆมากนักนะแต่ถ้าเป็นสาย
03:56:12 → 03:56:15 เนื้อเนี่ยคุณมีหมดแล้วล่ะโปรตีนสะสมคุณ
03:56:15 → 03:56:20 ก็มีไขมันคุณก็เกินอะไรเงี้ยแต่ว่า
03:56:20 → 03:56:25 เอ่ออยากจะได้พวกไขมันดีอะไรต่างๆนะมา
03:56:25 → 03:56:30 เสริมมาเสริมไอ้ไอ้มื้อแรกมื้อหลังอะไร
03:56:30 → 03:56:35 ต่างๆเนี่ยเอ่อมันก็ต้มนานๆข้ามข้ามข้าม
03:56:35 → 03:56:38 คืนไปได้เลยนะเราไม่ได้สนใจโปรตีนน่ะ
03:56:38 → 03:56:42 เพราะโปรตีนเราเยอะอยู่แล้วเราอ้วนครับจ
03:56:42 → 03:56:45 สะสมไม่เยอะอ๋อ
03:56:45 → 03:56:49 อ๋ออยู่ที่วัตถุประสงค์เออนี่ก็ถือว่า
03:56:49 → 03:56:53 เป็นไส้ในของบนบอทเหมือนกันนะครับพี่หมอ
03:56:53 → 03:56:55 แต่โดยทั่วไปคนเค้าก็จะประหยัดแก๊ส
03:56:55 → 03:56:59 ประหยัดเวลาด้วยอ่ะนะเก็ไม่ได้ต้มนาเนเลย
03:56:59 → 03:57:03 นะนะส่วนใหญ่เวลาก็ประมาณนี้แหละ 4 5 6
03:57:03 → 03:57:07 ช่วโมงสูงสุดก็ประมาณ 8 ชมง
03:57:07 → 03:57:10 อ่ะครับถ้าใช้หม้อแรงดันตุ๋นนะครับความ
03:57:10 → 03:57:12 ร้อนทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไปเยอะมั้
03:57:12 → 03:57:17 ครับพี่หมอเออก็ไม่เยอะหรอกนะไม่เยอะ
03:57:17 → 03:57:21 เพราะว่าเราเราเราช่วงแรกไฟแรงนะแล้วหลัง
03:57:21 → 03:57:25 จากนั้นเราก็ลาไฟไฟอ่อนๆอื
03:57:25 → 03:57:30 อ๋อไฟอ่อนๆเนี่ยถ้าในเวลาที่เหมาะสมเนี่ย
03:57:30 → 03:57:32 เอ่อคุณค่าทางอหารไม่ได้เสียแต่แต่ถ้า
03:57:33 → 03:57:36 ข้ามคืนเกิน 10 ช่วโมงไปเนี่ยนะตัวโปรตีน
03:57:36 → 03:57:37 มัน
03:57:37 → 03:57:41 เสียมันเสียเพราะว่ามันนานน่ะมันนานมัน
03:57:41 → 03:57:47 โดนความร้อนลมนานน่ะนานยาวนานน่ะอปกติมัน
03:57:47 → 03:57:50 เสียเพราะว่าความนานของความร้อนกับความ
03:57:50 → 03:57:52 แรงของความ
03:57:52 → 03:57:55 ร้อน
03:57:55 → 03:58:02 อืมนอะไให้มันพอเหมาะอืมแต่เก็ไม่เสียไป
03:58:02 → 03:58:05 ก็ไม่มีอะไรหรอกเพราะเดี๋ยวเราก็กินเร
03:58:05 → 03:58:07 Food เ่ะที่เป็นเนื้อเกลือไข่เยอะอยู่
03:58:07 → 03:58:07 แล้ว
03:58:07 → 03:58:13 ล่ะอืๆๆคือน้ำซุปตกระดูเนี่ยมันเป็นตัว
03:58:13 → 03:58:17 ประกอบมันเป็นเป็นตัวประกอบมาประกอบ
03:58:17 → 03:58:22 นะมาประกอบเป็นน้ำอะไรน้ำสตงน้ำสต๊อกน้ำ
03:58:22 → 03:58:25 แกงอะไรอย่างเงี้ยนี่เป็นไปมาๆผมกินทุก
03:58:25 → 03:58:27 วันแล้วนะเนี่ยไอ้ไอ้น้ำซุปต้อง
03:58:27 → 03:58:33 กระดูกกินก็ดีนะ
03:58:33 → 03:58:40 เออช่วงหลังนี้เริ่มเริ่มจะมาดังกัน
03:58:40 → 03:58:43 เยอะ
03:58:43 → 03:58:46 อืนะครับหมอมอโต้หนีไปนอนแล้วครับเออได้ๆ
03:58:46 → 03:58:51 วันนี้เราปิดไลฟ์แล้วนะครับก็เออมีใคร
03:58:51 → 03:58:56 อยากจะให้ไลฟ์อะไรก็ลองแชร์ๆถามมาก็ได้นะ
03:58:56 → 03:58:57 ฮะ
03:58:57 → 03:59:00 เออเดี๋ยวสงสผมต้องเก็บข้อมูลหมายถึงว่า
03:59:00 → 03:59:03 เก็บคำถามแล้วบางทีตอบตอบจบเลยอย่างวัน
03:59:03 → 03:59:06 นี้พี่หมอตอบไอ้นี่ผมขนลุกเลยว่ะเรื่อง
03:59:06 → 03:59:08 เรื่องไมเกรนนะ
03:59:08 → 03:59:13 ครับที่กินที่กินซีดีแล้วก็ไมเกรนหนักเลย
03:59:13 → 03:59:14 อ่ะ
03:59:14 → 03:59:18 โอันนี้ก็ดีนะอันเนี่ยยแบบผมก็ูหยิบออกมา
03:59:18 → 03:59:23 ทำเป็นเป็นได้อีกบทความนึงเลย
03:59:23 → 03:59:29 อ่ะว่ามันเป็นข้อเสียของไขมันอิ่มตัวอืๆๆ
03:59:29 → 03:59:33 ๆอือคือตามชาร์จแห่งปีของเราเนี่ยถ้า
03:59:33 → 03:59:36 สมมุติว่าเรากินเป็นแบบไอใชโปรตีนแล้วไข
03:59:36 → 03:59:39 มันอิตัวเยอะๆอย่าเงี้ยครับมันจะเกิดอะไร
03:59:39 → 03:59:44 ขึ้นลงไปไล่ตามชารแห่งปีของเรานะเนี่ยเรา
03:59:44 → 03:59:48 ก็จะเข้าใจเองอ่ะนะแล้วทำไม a b มันถึง
03:59:48 → 03:59:52 ได้เยอะทำไม VL dl หรือ L มันถึงได้สูง
03:59:52 → 03:59:55 อะไรเงี้ย
03:59:55 → 04:00:00 อืเพราะว่าร่างกายมันจะต้องมันก็มันก็ไม่
04:00:00 → 04:00:03 ค่อยได้ใช้ไงเพราะร่างกายเี่เขาพฟรหรเข
04:00:03 → 04:00:07 อยากที่จะใช้มูฟ่านะที่เข้าทางระบบน้ำ
04:00:07 → 04:00:10 เหลืองซึ่ง
04:00:10 → 04:00:14 มันมูฟ่าเนี่ยในเร Food เนี่ย้านจาก
04:00:14 → 04:00:17 อโวคาโดแล้วมันก็หายากนะ
04:00:17 → 04:00:21 อืมันมีอย่างอื่นอีกมั้ยพี่หมอที่มันเป็น
04:00:21 → 04:00:23 มูฟ่าเป็นเรวฟู้ด
04:00:23 → 04:00:26 อ่ะหมูฟ้าเรว
04:00:26 → 04:00:30 ฟู้ดจริงๆเนี่ยเรากินพวกหมูคือเรากิน
04:00:30 → 04:00:33 สัตว์เนี่ยมันก็มีมูฝ้าอยู่อ่ะนะแล้วมัน
04:00:33 → 04:00:37 ก็จะไปเข้าทางระบบน้ำเหลืองอืแต่ว่ามัน
04:00:37 → 04:00:41 ไม่ได้สัดส่วนไงคือมันไม่ได้สอๆมีปัญหา
04:00:41 → 04:00:45 ที่สัดส่วนแต่ถ้ามันเป็นเพียวออยอ่ะเรามา
04:00:45 → 04:00:50 กำหนดอัตราส่วนเรามากำหนดปริมาณซีซีอะไร
04:00:50 → 04:00:55 อย่างเงี้ยได้หมดนะพวกนี้มันจะเด่นใน
04:00:55 → 04:00:58 เรื่องของความแม่นยำความพอดี
04:00:59 → 04:01:04 นะแต่ถ้าเรากินร่วมน่ะนะก็คือในเนื้อ
04:01:04 → 04:01:06 เกลือไข่อ่ะมันก็มีหมดแหละอิ่มเดี่ยวซ้อน
04:01:06 → 04:01:09 นะแต่ว่าทีนี้มันจะมา
04:01:09 → 04:01:14 แบบจะมาตัดจะมาจะมาเฉลี่ยเนี่ยมันจะยาก
04:01:14 → 04:01:15 มากนะ
04:01:16 → 04:01:19 เออมันไม่เหมือนเป็นแบบเดี่ยวๆเพียวๆ
04:01:19 → 04:01:24 หน่อยคือมันมันตั้ง 50% เลยนะพี่หมอก็ใช่
04:01:24 → 04:01:28 โอ้มันมันเยอะมากอ่ะแต่ว่าอาหารที่เรากิน
04:01:28 → 04:01:31 ส่วนมากมันจะเป็นอิ่มตัวซะเยอะอ่ะแล้วก็
04:01:31 → 04:01:35 เดี๋ยวนี้โอเมก้า 6 ก็เยอะ
04:01:35 → 04:01:37 อื
04:01:37 → 04:01:41 อไม่น่าอาหารเมดิเตอเรเนียนมันถึงมันถึง
04:01:41 → 04:01:45 Healthy อ่ะนะพี่หมอใช่ใช่เพราะว่าพื้น
04:01:45 → 04:01:48 น้ำมันมะกอก
04:01:48 → 04:01:54 เอก็คือมูฟ้านี่แหละนะแล้วก็หลายกูรูเขา
04:01:54 → 04:01:59 ก็ยกย่องให้น้ำมันมะกอกนี่แหละนะเป็นราชา
04:01:59 → 04:02:03 แห่งน้ำมันอ่าอันดับ 1 พูดพูดถึงไอ้น้ำ
04:02:03 → 04:02:07 มันมะกอกสกัดเย็นนะครับอืวันวันก่อนที่
04:02:07 → 04:02:10 ที่เรามาคำนั่งคำนวณกันเนาะผมก็จำตัวเลข
04:02:10 → 04:02:14 คร่าวๆมาที่ของหมอๆมอโต้เให้มาเนี่ยไอ้
04:02:14 → 04:02:19 มะกอกตัวเดียวเนี่ยมันมีมูฟ่า
04:02:19 → 04:02:24 73% อือมันมีอิ่มตัว 17% มั้งแล้วมันก็
04:02:24 → 04:02:26 มีปูฟ่า
04:02:26 → 04:02:29 10% ซึ่งถ้าแบบเนี้ยสมมุติว่าเราใช้น้ำ
04:02:29 → 04:02:33 มันมะกอกตัวเดียวเลยนะเราไม่ได้มาทำมันก็
04:02:33 → 04:02:36 หมายถึงว่าเป็นเป็นทรีออยที่ที่เราไม่ได้
04:02:36 → 04:02:38 ใช้ออยหลายตัวเราใช้แค่ตัวเดียวแต่ว่ามัน
04:02:38 → 04:02:41 ก็ได้อิ่มเดี่ยวซ้อนเนี่ยมันก็ได้สัดส่วน
04:02:41 → 04:02:43 ใกล้เคียงกับที่เราต้องการพอสมควรนะคือ
04:02:43 → 04:02:47 คือมูฟ่าเยอะที่สุดใช่มยแต่มันก็ยังมีมี
04:02:47 → 04:02:51 อิ่มให้บ้างอ่ะอิ่ม 17% ก็ไม่ได้น้อยมาก
04:02:51 → 04:02:54 อ่ะแล้วก็แล้วมันก็มีปูฝ้าแต่ปูฝ้ามันอาจ
04:02:54 → 04:02:57 จะน้อยไปนิดนึงมันได้แค่ 10
04:02:57 → 04:03:00 อืเพราะฉะนั้นเพราะฉะนั้นถ้าถ้านึกอะไร
04:03:00 → 04:03:03 ไม่ออกเนี่ยกินมะกอกอย่างเดียวกินมะกอก
04:03:03 → 04:03:05 โอลีฟหรือว่ากินน้ำมันมะกอกตัวเดียวเนี่ย
04:03:05 → 04:03:08 แบบเมดิเตอร์เรเนียนเนี่ยมันก็ Healthy
04:03:08 → 04:03:10 ได้ระดับนึงนะเพียงแต่ว่าโอเคมันอาจจะไม่
04:03:10 → 04:03:13 ได้เป๊ะเท่ากับที่เราคำนวณที่เรามานั่งปั
04:03:13 → 04:03:18 นั่งผสมกันใช่
04:03:18 → 04:03:23 นะเพราะว่าในต่างประเทศหลายคนเก็กินแค่น
04:03:23 → 04:03:28 มะกอกก็คือเป็นเมดิเตอร์เรเนียนแล้วก็
04:03:28 → 04:03:33 มีกก็เหมือนกับเป็นแบบ CD kcd แล้วก็เรา
04:03:33 → 04:03:36 ก็มีน้ำสลัดจากน้ำ
04:03:36 → 04:03:41 มันเตัวหลักเลยคุณประกอูฟากแต่แต่แต่ถ้า
04:03:41 → 04:03:44 เอาเอาแบบ
04:03:44 → 04:03:47 เอาแบบให้ครบเครื่องจริงๆ
04:03:47 → 04:03:51 เนี่ยถ้ามันก็ไม่ใช่ว่าไอ้ตัวไขมันอิ่ม
04:03:51 → 04:03:55 ตัวจากสัตว์อ่ะเช่นเรากินชีสหรือว่าเรา
04:03:55 → 04:04:00 กินเนื้อติดมันเนี่ยมันจะมาแทนตัวตัวตัว
04:04:00 → 04:04:03 น้ำมันตัวไขมันอิ่มตัวจากพืชได้ใช่มั้ยฮะ
04:04:03 → 04:04:06 ใช่มันก็มันก็แทนไม่ได้ 100% อยู่ดีถูก
04:04:06 → 04:04:08 มั้ยฮะ
04:04:08 → 04:04:14 ูถูกต้องเพราะว่าถ้าถ้าอย่างนั้นเนี่ยนะ
04:04:14 → 04:04:20 ร่างกายมันจะตีตีเป็นตีเป็นโปรตีนงนะคือ
04:04:20 → 04:04:23 คุณกินสัตว์เนี่ยมันเหมือนแนวโน้มที่
04:04:23 → 04:04:27 อินซูลินมันจะมาเนี่ยมันจะมากกว่านะมาก
04:04:27 → 04:04:35 กว่าการที่มันจะถูกตีเป็นไข
04:04:35 → 04:04:38 มันคือจริงๆในสัตว์มันก็มีมูฝ้าเยอะ
04:04:38 → 04:04:44 เหมือนกันนะพี่หมอใช่แต่ไอ้ไขมันอิตัวก็
04:04:44 → 04:04:48 เยอะด้วยอย่างปลาแซลมอนอะไรพวกนี้ไงอื
04:04:48 → 04:04:51 โอเมก้า 3 มีอะไรเหมือนกันแต่แต่ว่ามัน
04:04:51 → 04:04:54 ไม่ใช่ตัวเดียวกับในพืชใช่ปคนละฟอร์มกัน
04:04:54 → 04:04:58 ป่ะคนละฟอร์มแต่ว่าที่นี่ผมถามนี่กำลัง
04:04:58 → 04:05:01 ถาม AI อยู่เบอกว่าเยอะสุดอ่ะเนื้อวัวตาม
04:05:01 → 04:05:03 มาด้วยเบคอนเนื้อไก่มันหมูแล้วก็เนยตาม
04:05:03 → 04:05:09 ลำดับอ่ะครับอืสูงที่สุดคือเนื้อวัวเนื้อ
04:05:09 → 04:05:13 หมูแล้วก็ไก่แต่ว่ามันจะมีไขมันอิ่มตัว
04:05:13 → 04:05:16 สูงไปด้วย
04:05:16 → 04:05:21 อืเพราะฉะนั้นเนี่ยกิน
04:05:21 → 04:05:25 แบบกินแบบที่มันไม่มีน้ำมันน่ะนะมันก็พอ
04:05:25 → 04:05:29 กินได้แต่ว่ามันจัดสัดส่วน
04:05:29 → 04:05:32 ยากคือถ้าถ้าเป็นถ้าเป็นบอิใช้สายเนื้อ
04:05:32 → 04:05:34 เค้าก็มันก็ compensate ได้อยู่แล้วอ่ะนะ
04:05:34 → 04:05:38 พี่หมออ๋อใช่ๆถูกต้องเอออืมันไม่มีปัญหา
04:05:38 → 04:05:42 ไงแต่ถ้าเกิดเป็นทรงผอมทรงสายแป้งไทรอยด์
04:05:42 → 04:05:47 ุงตับิได้เออใช่ๆมัน compensate ไม่ได้
04:05:47 → 04:05:50 มันก็คือไอ้ไอแขมันอิ่มตัวก็ไปสร้าง
04:05:50 → 04:05:55 อักเสบไปแ้ B อยยตามมาเพียบเลยใช่นี่แหละ
04:05:55 → 04:05:59 นะอืแล้วก็ไปสร้าง a b แล้ว
04:05:59 → 04:06:05 ก็เออ hdl ldl พุ่งเอ่าอันนี้มูฟ่าที่
04:06:05 → 04:06:08 เยอะที่สุดคือมะกอกโวคาโดแมคคาเดเมียอมอน
04:06:08 → 04:06:12 แล้วก็เม็ดมะม่วงหิมพานตนะพี่หมอ
04:06:12 → 04:06:17 อืในพืช
04:06:18 → 04:06:22 อ่ะแล้วก็ต้องมาบานโอเมก้า 3 อีกเนาะเหู
04:06:22 → 04:06:24 ฝ้า
04:06:24 → 04:06:28 อืแต่จับจุดได้มันก็ไม่ยากนะพี่หมอเดี๋ยว
04:06:28 → 04:06:32 นี้ก็ให้ใส่ไคทีเรียไปแล้วให้ AI มันบอก
04:06:32 → 04:06:34 มาเลยว่ากินได้เท่าไหร่เท่าไหร่เท่าไหร่
04:06:34 → 04:06:37 อ่ะ
04:06:37 → 04:06:42 อืนั่นแหละก็ต้องสอนแนะนำให้ลูกเพจค่อย
04:06:42 → 04:06:47 ค่อยๆพยายามใช้ AI รวมทั้งจะได้มีคำตอบใน
04:06:47 → 04:06:51 ตัวอาหารที่เรากินน่ะว่ามันเหมาะสมแค่
04:06:51 → 04:06:56 ไหนอืมมันสำคัญที่คำถามละพี่หมอเออแล้ว
04:06:56 → 04:07:01 เสร็จแล้วเราก็เอามาแชร์โพสต์ไว้ในใน
04:07:01 → 04:07:04 กลุ่มอาหารนั่นแหละอือจะได้เป็นตัวอย่าง
04:07:04 → 04:07:08 ให้คนอื่นๆ
04:07:08 → 04:07:14 เอเคจะได้รู้แนวทางการถามมานะพี่หมอใช่
04:07:14 → 04:07:20 อันนี้มันประโยชน์อือื
04:07:20 → 04:07:25 อครับ
04:07:25 → 04:07:42 [เพลง]
04:07:42 → 04:07:47 ผมไ
04:07:47 → 04:07:52 [เพลง]