00:00:00 → 00:00:03 ตามวิธีแก้ท้องอืดโดยไม่ใช้ยาทำได้ยังไง
00:00:03 → 00:00:07 วันนี้นะคะหลายๆคนก็มีปัญหาที่มาถามหมอนะ
00:00:07 → 00:00:09 คะก็คือเรื่องของอาการท้องอืดค่ะบางคนก็
00:00:09 → 00:00:13 บอกว่าแทบไม่ได้กินอะไรเลยนะตื่นมาก็ท้อง
00:00:13 → 00:00:15 อืดบ้างหรือบางครั้งเนี่ยมีปัญหาหนักตรง
00:00:15 → 00:00:18 ที่ว่ากางเกงใส่ก็ใส่ไม่ได้นะแล้วในคุณ
00:00:18 → 00:00:21 ผู้หญิงบางคนค่ะคนก็คิดว่าเป็นคนทองใช่
00:00:21 → 00:00:24 มั้ยจะแก้ปัญหาได้ยังไงวันนี้ฟังให้จบนะ
00:00:24 → 00:00:27 คะสวัสดีค่ะหมอเนุแพทย์
00:00:27 → 00:00:29 โรคทางเดินอาหารนะคะก็เชี่ยวชาญทางด้าน
00:00:30 → 00:00:32 อายุรักแพทย์นะคะแล้วก็เป็นหมอทางเดิน
00:00:32 → 00:00:35 อาหารโดยเฉพาะนะคะหมอก็มีความสนใจอยากให้
00:00:35 → 00:00:39 ทุกคนนะดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยา
00:00:39 → 00:00:41 เสมอไปค่ะสำหรับวันนี้เราจะมาเล่ากันถึง
00:00:41 → 00:00:45 เรื่องอาการท้องอืดค่ะท้องอืดเป็นอาการ
00:00:45 → 00:00:48 ที่เจอได้บ่อยมากเลยนะคะหมอคิดว่าทุกๆคน
00:00:48 → 00:00:52 นะโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นเด็กคนแก่หรือว่า
00:00:52 → 00:00:55 เป็นคนทำงานทุกคนล้วนแต่มีอาการท้องอืด
00:00:55 → 00:00:57 ได้หมดเลยค่ะวันนี้เราจะมาเล่ากันให้ฟัง
00:00:57 → 00:01:00 ว่าแล้วอาการท้องอืดหลักจะจัจัดการได้ยัง
00:01:00 → 00:01:02 ไงนะคะต้องเล่าก่อนนะว่าอาการท้องอืด
00:01:03 → 00:01:06 เนี่ยเป็นอาการที่เราบางครั้งนะเวลาไปโรง
00:01:06 → 00:01:09 พยาบาลหมอก็จะต้องหาโรคให้ก่อนใช่มั้คะ
00:01:09 → 00:01:11 เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่จะต้องรู้ก่อนเลย
00:01:11 → 00:01:14 ว่าถ้าคุณมีอาการท้องอืดเนี่ยเมื่อไหร่
00:01:14 → 00:01:17 ที่จะต้องไปโรงพยาบาลนะคะสำหรับอาการที่
00:01:17 → 00:01:21 ควรไปโรงพยาบาลก็อย่างเช่นมีท้องอืดท้อง
00:01:21 → 00:01:25 ผูกบ่อยๆร่วมกับมีอาการถ่ายเป็นเลือดค่ะ
00:01:25 → 00:01:27 พวกนี้ก็จะต้องระวังโรคลำไส้อักเสบเรื้อ
00:01:27 → 00:01:31 รังระวังทางมะเร็งลำไส้นะคะเพราะว่าอ่า
00:01:32 → 00:01:34 เราก็อาจจะเจอได้มากขึ้นโดยเฉพาะอาหารที่
00:01:34 → 00:01:39 เรากินในปัจจุบันค่ะข้อที่ 2 ก็คือในคน
00:01:39 → 00:01:43 ที่มีท้องเสียไม่หยุดนะคะถ่ายทั้งวันเลย
00:01:43 → 00:01:46 ร่วมกับมีอาการน้ำหนักลดนะคะอันนี้เป็น
00:01:46 → 00:01:50 สิ่งที่ควรต้องดูมากเลยค่ะ 3 ต้องระวังใน
00:01:50 → 00:01:53 คนที่มีไข้ด้วยนะคะเพราะไข้เนี่ยจะบอกถึง
00:01:53 → 00:01:57 การอักเสบไม่ใช่เฉพาะการติดเชื้อนะคะแม้
00:01:57 → 00:02:00 แต่การอักเสบเสพจักรภูมิคุ้มกันหรือ
00:02:00 → 00:02:03 มะเร็งบางชนิดก็มีไข้ได้เหมือนกันค่ะและ
00:02:03 → 00:02:06 สิ่งที่ต้องดูต่อไปอีกก็คืออาการของการ
00:02:06 → 00:02:10 ขาดวิตามินค่ะอาการที่เจอได้บ่อยๆเลยนะคะ
00:02:10 → 00:02:12 ก็อย่างเช่นผมร่วงแบบผมร่วงเยอะมากนะคะ
00:02:12 → 00:02:16 บางคนมีปัญหาเรื่องเล็บนะคะแล้วก็บางคนมี
00:02:16 → 00:02:20 การขาดเลือดรางจากธาตุเหล็กอะไรแบบนี้นะ
00:02:20 → 00:02:23 คะก็เป็นสิ่งที่โดยปกติแล้วหมอจะให้หาโรค
00:02:23 → 00:02:25 ก่อนนั่นเองค่ะ
00:02:25 → 00:02:30 เรามาพูดกันถึงในกรณีที่ถ้าเราตรวจนะคะ
00:02:30 → 00:02:33 แล้วมันปกติหมดเลยนะคะมันเกิดจากอะไรได้
00:02:33 → 00:02:36 บ้างหมอขอยกเอ่อข้อมูลนะคะที่จะใส่ไปให้
00:02:37 → 00:02:39 ทุกคนดูด้วยนะคะอันนี้เนี่ยเค้าก็พูดถึง
00:02:39 → 00:02:43 ว่าเออคุณเนี่ยมีสุขภาพดีแค่ไหนนะคะใน
00:02:43 → 00:02:46 กลุ่มแรกเนี่ยก็คือคนที่มีสุขภาพดีมาก
00:02:46 → 00:02:49 จุลินทรีย์ในลำไส้ดีมากนะคะกลุ่มนี้ไม่
00:02:49 → 00:02:52 เคยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับทางเดินอาหารเลย
00:02:52 → 00:02:55 ค่ะหรือถ้ามีแป๊บเดียววัน 2 วันเค้าก็จะ
00:02:55 → 00:03:00 ดีขึ้นนะคะสำหรับกลุ่มที่ 2 ค่ะกลุ่มที่ 2
00:03:00 → 00:03:04 คือคนที่จุลินทรีย์เริ่มมีปัญหาแล้วนะคะ
00:03:04 → 00:03:07 แต่กลุ่มนี้อาจจะยังไม่มีอาการให้เห็น
00:03:07 → 00:03:09 เท่าไหร่นะอาจจะมีอาการแบบจุลินทรีย์
00:03:09 → 00:03:12 เริ่มมีภาวะที่เรียกว่าลำไส้รั่วนะคะแต่
00:03:12 → 00:03:15 ว่าเป็นน้อยๆกลุ่มนี้ก็ยังไม่มีอาการค่ะ
00:03:15 → 00:03:17 แต่ถ้าไปตรวจอย่างเช่นตรวจจุลินทรีย์โดย
00:03:17 → 00:03:20 เฉพาะอาจจะเจอว่ากลุ่มเนี้ยมีจุลินทรีย์
00:03:20 → 00:03:25 ที่มันไม่สมดุลกันได้นะคะสำหรับกลุ่มที่ 3
00:03:25 → 00:03:28 นะคะก็คือเป็นโรคที่เริ่มมีอาการอย่าง
00:03:28 → 00:03:31 เช่นเริ่มมีท้องอืดนะคะเริ่มมีท้องผูก
00:03:31 → 00:03:35 บ้างมีอาการปวดท้องแต่ว่ายังหาไม่เจอนะ
00:03:35 → 00:03:38 ว่าเป็นอะไรหรือว่ารู้สึกไม่สุขสบายค่ะ
00:03:38 → 00:03:40 สำหรับกลุ่มสุดท้ายเริ่มจะเจอโรคแล้วนะคะ
00:03:40 → 00:03:43 กลุ่มนี้ก็จะมีตั้งแต่โรคที่เป็นเรื่อง
00:03:43 → 00:03:46 ของฟังก์ชันนะคะหรือการทำงานการบีบตัวที่
00:03:46 → 00:03:49 แย่ลงก็จะมีตั้งแต่กดไหลย้อนกระเพาะอาหาร
00:03:49 → 00:03:53 อักเสบลำไส้แปรปรวนนะคะหรือกลุ่มที่ 2
00:03:53 → 00:03:57 คือเยื่อบุของทางเดินอาหารมันมีปัญหาแล้ว
00:03:57 → 00:04:01 นะคะก็อย่างเช่นมันเป็นแผลมันอักเสบบวม
00:04:01 → 00:04:05 แดงเป็นเรื้อรังนะคะหรือว่าเป็นก้อนไม่
00:04:05 → 00:04:08 ว่าจะเป็นก้อนที่เกิดจากตัวเนื้อที่มันโต
00:04:08 → 00:04:11 ผิดปกตินะคะหรือว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองซึ่ง
00:04:11 → 00:04:14 มีอยู่ในลำไส้เยอะเหมือนกันนะคะกลุ่มนี้
00:04:14 → 00:04:17 ก็หมอก็จะมีหน้าที่ในการหาโรคกลุ่มนี้
00:04:17 → 00:04:20 เป็นหลักเลยค่ะแต่ถ้าสมมุติว่าคุณตรวจ
00:04:20 → 00:04:24 แล้วไม่เจออะไรมันแปลว่าอะไรนะคะอ่ะวัน
00:04:25 → 00:04:27 นี้หมอก็จะมาเล่าต่อเนาะว่าแล้วถ้ากลุ่ม
00:04:27 → 00:04:30 ที่แบบตรวจแล้วมันปกติหมดเนี่ยเราควรจะทำ
00:04:30 → 00:04:33 ยังไงต่อไปใช่มยสำหรับอาการท้องอื่นนะคะ
00:04:33 → 00:04:37 ไส้ของเราเนี่ยมันบีบเพื่อไล่อาหารไปตลอด
00:04:37 → 00:04:40 เวลานะคะไม่ใช่แค่อาหารที่เรากินอย่าง
00:04:40 → 00:04:43 เดียวที่จะทำให้มีอาการท้องอืดได้นะคะแม้
00:04:43 → 00:04:46 แต่บางคนเนี่ยลำไส้ไม่ค่อยบีบตัวนะกลุ่ม
00:04:46 → 00:04:49 นี้ก็จะท้องอืดได้เยอะนะคะสำหรับสิ่งที่
00:04:49 → 00:04:52 จะมีผลอีกอย่างนะคะก็คือกล้ามเนื้อที่
00:04:52 → 00:04:56 อยู่ในผนังลำไส้ที่มันทำงานน้อยลงนะคะ
00:04:56 → 00:04:58 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเรื่องของฟังก์ชันที่
00:04:58 → 00:05:01 หมอได้เล่าให้ฟังตั้งแต่ตะกี้นี้แล้วนะคะ
00:05:01 → 00:05:05 หรือแม้แต่บางคนเป็นโรคของผิวลำไส้ที่เรา
00:05:05 → 00:05:08 จะหาก่อนเนาะสุดท้ายคือกลุ่มที่เกิดจาก
00:05:08 → 00:05:11 เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ที่มันไม่
00:05:11 → 00:05:14 สมดุลค่ะมีโรคบางกลุ่มที่เราเรียกว่า
00:05:14 → 00:05:17 เชื้อที่อยู่ในลำไส้มันเยอะเกินไปนะคะ
00:05:17 → 00:05:19 เพราะว่าโดยทั่วไปเชื้อจุลินทรีย์มันจะ
00:05:19 → 00:05:23 อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ค่ะแต่ว่าบางคนมี
00:05:23 → 00:05:25 เชื้อตั้งแต่ในลำไส้เล็กเลยนะคะกลุ่มนี้
00:05:25 → 00:05:29 กินน้ำตาลบางชนิดนะจะมีการสร้างสารพวก
00:05:29 → 00:05:32 มีเทนหรือว่าไฮโดรเจนทำให้ลมในท้องเยอะ
00:05:32 → 00:05:36 มากเลยค่ะกลุ่มนี้ก็เลยมีอาการท้องอืดได้
00:05:36 → 00:05:39 บางครั้งเราก็กินยาฆ่าเชื้อในการแก้นะคะ
00:05:39 → 00:05:44 เราเรียกโรคนี้ว่า SO นะคะอ่ะพอเรารู้
00:05:44 → 00:05:47 แล้วนะคะสิ่งที่ทำให้เราเกิดลมได้มีหลาย
00:05:47 → 00:05:50 อย่างเลยค่ะสิ่งที่เจอบ่อยมากๆคือกลืนลม
00:05:50 → 00:05:53 ค่ะหลายๆคนอาจจะไม่รู้ตัวเนบางคนก็จะแบบ
00:05:53 → 00:05:55 เครียดแล้วก็แบบงับอากาศนะคะอันนี้เป็น
00:05:55 → 00:05:58 สิ่งที่เจอบ่อยหรือแม้แต่การกินหมาัก
00:05:58 → 00:06:00 ฝรั่งค่ะเพราะว่าเวลาเรากินหมาฝรั่งเนี่ย
00:06:00 → 00:06:03 เราก็จะกลืนลมเข้าไปได้เยอะนะอันนี้หมอ
00:06:03 → 00:06:06 ได้เอารูปนะคะที่บอกว่าลมมันมาจากไหนนะ
00:06:06 → 00:06:10 มันมาจากหลายอย่างมากเลยนะคะแล้วก็ในบาง
00:06:10 → 00:06:12 คนค่ะแบบชอบกินแล้วพูดใช่มยเพราะฉะนั้น
00:06:13 → 00:06:16 การกินอย่างมีสตินะคะมันก็จะทำให้ลมเข้า
00:06:17 → 00:06:19 ปากเราน้อยด้วยนะคะแล้วสิ่งสุดท้ายที่ทำ
00:06:19 → 00:06:23 ให้กลืนลมเข้าไปได้เยอะเลยนะคะก็คือฟัน
00:06:23 → 00:06:27 ปลอมค่ะในบางคนมีปัญหาเรื่องของฟันปลอม
00:06:27 → 00:06:31 ที่มันไม่สนิทนะคะพอฟันปลอมไม่สนิทปุ๊บ
00:06:31 → 00:06:33 บางทีเรากินอาหารไปเนาะเราก็จะได้อาหาร
00:06:33 → 00:06:35 ที่มันอยู่ระหว่างร่องฟันปลอมที่ไม่สนิท
00:06:35 → 00:06:39 ด้วยนะคะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เจอได้บ่อย
00:06:39 → 00:06:43 เลยค่ะนอกจากที่จะเป็นกลืนลมเข้าไปนะคะ
00:06:43 → 00:06:46 หลายๆคนก็จะรู้ถึงเรื่องอาหารนะคะว่า
00:06:46 → 00:06:48 อาหารอะไรที่ทำให้เกิดอาการท้องอื่นได้
00:06:48 → 00:06:51 บ้างเนาะอาหารที่ทำให้เกิดอาการท้องท้อง
00:06:51 → 00:06:54 อื่นนะคะก็มีหลายอย่างเลยค่ะอย่างแรกเลย
00:06:54 → 00:06:58 นะคะก็คือนมวัวนั่นเองนะคะนมวัวและ
00:06:58 → 00:07:01 ผลิตภัณฑ์จากนมวัวอย่างเช่นชีสขนมปัง
00:07:01 → 00:07:04 ไอศกรีมเบเกอรี่นะคะพวกนี้ใส่นมวัวหมดเลย
00:07:04 → 00:07:08 นะแล้วนมที่เป็นนมไขมันต่ำเนี่ยจะเจอเยอะ
00:07:08 → 00:07:12 กว่าด้วยนะคะกลุ่มนี้มีสารที่เรียกว่า
00:07:12 → 00:07:15 แลคเตสนะคะซึ่งร่างกายเราย่อยและดูดซึม
00:07:15 → 00:07:18 ไม่ได้มันก็จะทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เรา
00:07:18 → 00:07:22 หมักนะคะแล้วก็ทำให้อืดมากขึ้นได้ค่ะ 2
00:07:22 → 00:07:25 นะคะคือกลุ่มพวกแอลกอฮอล์ค่ะเพราะ
00:07:25 → 00:07:29 แอลกอฮอล์เองเป็นตัวการสำคัญนะคะเพราะว่า
00:07:29 → 00:07:31 ร่างกายเราเนี่ยกินแอลกอฮอล์เข้าไปนะมัน
00:07:31 → 00:07:34 ก็จะเหมือนเกิดการหมักด้วยนะบางคนกระตุ้น
00:07:34 → 00:07:38 ให้ถ่ายเหลวได้เลยนะคะแล้วก็อันที่ 3 ก็
00:07:38 → 00:07:42 คือกลุ่มพวกน้ำตาลทั้งหมดเลยอาหารหวานนะ
00:07:42 → 00:07:46 คะน้ำตาลเทียมพวกนี้เป็นตัวการสำคัญมากๆ
00:07:46 → 00:07:50 นะคะ 4 ผักบางชนิดก็เป็นเหมือนกันนะค่ะ
00:07:50 → 00:07:53 ผักก็อย่างเช่นพวกกะหล่ำบ็อกโคลี่หรือผัก
00:07:53 → 00:07:55 ตระกูลกะหล่ำทั้งหมดเลยค่ะแต่พวกนี้ยังไง
00:07:55 → 00:07:58 ก็เป็นสิ่งที่ควรกินนะคะหมดลดชั่วคราวนะ
00:07:58 → 00:08:01 คะแล้วเดี๋เราจะกลับไปกินใหม่นะคะสำหรับ
00:08:01 → 00:08:04 อาหารอย่างอื่นที่ทำให้มีผลได้นะคะก็ยัง
00:08:05 → 00:08:07 มีอีกเนาะยังมีตั้งแต่พวกอาหารที่เป็น
00:08:07 → 00:08:10 process food นะคะหรือว่าพวกเอ่ออาหาร
00:08:10 → 00:08:13 ทอดอาหารผัดฟู้ดพวกนี้นะคะมีหมดเลยนะคะก็
00:08:13 → 00:08:16 ควรจะต้องระวังด้วยแต่หลักๆคงเป็นน้ำตาล
00:08:16 → 00:08:19 เป็นนมมากกว่านะคะหรือว่าแอลกอฮอล์มาก
00:08:19 → 00:08:23 กว่าค่ะสำหรับสาเหตุที่ 2 นะคะคือในผู้
00:08:23 → 00:08:26 หญิงนะคะช่วงที่มีรอบเดือนนะคะกลุ่มนั้น
00:08:26 → 00:08:29 จะมีเอฟเฟคนะคะจากการที่ฮอร์โมนของร่าง
00:08:29 → 00:08:33 กายเรามีการเปลี่ยนแปลงค่ะในบางคนนอกจาก
00:08:33 → 00:08:35 ท้องอืดอาจจะมีอาการเหมือนบวมด้วยตัวบวม
00:08:35 → 00:08:38 หน้าบวมไปหมดเลยนะคะวิธีแก้ในช่วงที่มี
00:08:38 → 00:08:41 ฮอร์โมนต้องปรับเรื่องอาหารดีๆและงดอาหาร
00:08:42 → 00:08:45 เค็มนะคะและคุณจะกินหวานๆหรือกินเค็มๆ
00:08:45 → 00:08:47 ด้วยในช่วงที่มีประจำเดือนนะคะอันนี้ต้อง
00:08:47 → 00:08:52 ระวังมากๆเลยค่ะสำหรับสิ่งที่เราเจอต่อมา
00:08:52 → 00:08:56 นะคะก็คือเรื่องของความเครียดนั่นเองค่ะ
00:08:56 → 00:08:59 ความเครียดเอ่อหลายๆคนก็แบบเออมันเป็น
00:08:59 → 00:09:02 สิ่งที่พูดง่ายมากเลยนะหมอแต่ว่ามันแก้
00:09:02 → 00:09:05 ยากอ่ะเนาะเพราะว่าความเครียดเนี่ยมันจะ
00:09:05 → 00:09:09 มีผลนะคะร่างกายเราจะมีเค้าเรียกว่าระบบ
00:09:09 → 00:09:12 ประสาทอัตโนมัตินะคะระบบประสาทอัตโนมัติ
00:09:12 → 00:09:14 เนี่ยก็คือทำให้เราไม่ต้องคิดว่าเฮ้ยฉัน
00:09:14 → 00:09:17 จะย่อยอาหารเนาะเราไม่เคยมีครั้งไหนเลย
00:09:17 → 00:09:20 ที่เรานั่งคิดว่าเออฉันจะย่อยอาหารต้องทำ
00:09:20 → 00:09:23 ยังไงใช่มั้ยอันนี้เรียกว่าอัตโนมัตินะคะ
00:09:23 → 00:09:26 ระบบประสาทอัตโนมัติมีทั่วร่างกายเลยนะคะ
00:09:26 → 00:09:30 ก็มีตั้งแต่ม่านตาเราก็มีนะคะให้ตอบสนอง
00:09:30 → 00:09:34 กับม่านตาเดี๋ยวหดเดี๋ยวขยายนะคะหรือว่า
00:09:35 → 00:09:38 บางครั้งนะคะหัวใจก็มีผลบางคนรู้สึกว่า
00:09:38 → 00:09:41 อยู่ดีๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาความดันก็สูง
00:09:41 → 00:09:44 ขึ้นมานะคะหรือหลอดลมบางครั้งหลอดลมอาจจะ
00:09:45 → 00:09:47 ตีบนะคะหรือหลอดลมจะขยายก็ได้นะคะแล้วก็
00:09:48 → 00:09:50 ในทางเดินอาหารเราเนี่ยก็จะมีระบบประสาท
00:09:50 → 00:09:54 อัตโนมัติเหมือนกันนะคะซึ่งอันเนี้ยที่
00:09:54 → 00:09:57 เล่ามาก็มีหลายอวัยวะเนาะแต่ในสภาวะที่
00:09:57 → 00:10:01 เราแบบสงบสบายอย่างเงี้ยค่ะร่างกายเราก็อ
00:10:01 → 00:10:05 ย่อยอาหารทำงานเต็มที่นะคะมีการกักเก็บ
00:10:05 → 00:10:08 พลังงานสารคัดหลั่งต่างๆก็หลั่งออกมาได้
00:10:08 → 00:10:13 ดีนะคะการย่อยทุกอย่างดีหมดแต่ในช่วงที่
00:10:13 → 00:10:17 เรามีความเครียดมีสตสนะคะเอ่อเราจะมีการ
00:10:17 → 00:10:20 กระตุ้นระบบประสาทที่เรียกว่าสู้หรือหนี
00:10:20 → 00:10:23 นะคะก็คือว่าเราจะต้องคิดตลอดเลยว่าแบบ
00:10:23 → 00:10:25 เฮ้ยเราจะแบบหลบจากสถานการณ์นี้ยังไงดีนะ
00:10:25 → 00:10:29 คะแต่ว่าปัญหานะคะเราก็จะต้องมีการ
00:10:29 → 00:10:31 บาanceซให้ดีนะเพราะว่าถ้าระบบประสาทที่
00:10:32 → 00:10:35 สู้เนี่ยในสภาวะที่ร่างกายมันแย่จริงๆ
00:10:35 → 00:10:38 อย่างเช่นเจ็บปวดรุนแรงเงี้ยใช่มั้คะร่าง
00:10:38 → 00:10:40 กายก็ต้องแบบมีการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น
00:10:40 → 00:10:44 เพื่อให้เรามีชีวิตรอดต่อไปนะคะหรือว่าใน
00:10:44 → 00:10:46 บางครั้งเนี่ยมีสถานการณ์อย่างเช่นอพนิ
00:10:46 → 00:10:49 ไว้นะคะหรือว่ามีแบบไฟไหม้อย่างเงี้ยอยู่
00:10:50 → 00:10:52 ดีๆแล้วก็ขนของอะไรก็ไม่รู้นะคะที่แบบแรง
00:10:52 → 00:10:54 เอามาจากไหนนะคะอันนี้ก็เป็นประโยชน์ของ
00:10:55 → 00:10:57 ระบบประสาทอัตโนมัติเหมือนกันค่ะแต่เราจะ
00:10:57 → 00:11:01 ต้องบาanceซทั้ง 2 อันให้ดีนะคะควรจะให้
00:11:01 → 00:11:04 ใกล้เคียงกันนะคะหรือถ้าสู้เยอะๆก็ต้องลด
00:11:04 → 00:11:07 ความสู้ลงมานิดนึงอันนี้ก็จะช่วยได้
00:11:07 → 00:11:09 เหมือนกันนะคะถ้าอยากบำบัดเนี่ยจริงๆแล้ว
00:11:09 → 00:11:12 เรามีหลายวิธีเนาะบางคนพูดถึงการนั่ง
00:11:12 → 00:11:16 สมาธิการฟังเพลงนะคะหรือแม้แต่การนั่ง
00:11:16 → 00:11:18 นั่งอยู่เฉยๆแล้วรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ไม่
00:11:18 → 00:11:20 เล่นโซเชียลนะคะอันนี้ก็เป็นตัวที่ช่วย
00:11:20 → 00:11:24 ได้เหมือนกันนะคะอ่ะนอกจากนั้นนะคะอย่าง
00:11:24 → 00:11:27 ที่หมอบอกไปเนาะภาวะที่จุลินทรีย์ในลำไส้
00:11:27 → 00:11:29 มันโตเยอะเกินนะคะอันนี้ต้องไปตรวจนะคะ
00:11:29 → 00:11:32 เราจะเรียกการตรวจอันนี้ว่าไฮโดรเจน bed
00:11:32 → 00:11:35 test นะคะก็จะดูได้ว่าเฮ้ยลมมันออกมาจาก
00:11:35 → 00:11:37 เอ่อ
00:11:37 → 00:11:40 ทางเวลาเราหายใจออกมาเนี่ยเยอะแค่ไหนนะคะ
00:11:40 → 00:11:42 แล้วก็ยาค่ะยาเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะยา
00:11:43 → 00:11:46 แก้ปวดลดการอักเสบนะคะหรือยายาจริงๆยา
00:11:46 → 00:11:49 หลายๆตัวมีปัญหายาเบาหวานอย่างเงี้ยนะคะ
00:11:49 → 00:11:52 ยาความดันก็มีได้บางตัวเหมือนกันค่ะ
00:11:52 → 00:11:55 สำหรับอีกสาเหตุหนึ่งนะคะก็คือภาวะที่
00:11:55 → 00:11:59 เรียกว่ากระบังลมนะคะมันทำงานไม่ปกติค่ะ
00:11:59 → 00:12:02 เรียกเอ่อเรามีความสามารถคือกระบังลมจะ
00:12:02 → 00:12:05 อยู่ตรงนี้เนาะแต่บางครั้งที่เราอ่ะหายใจ
00:12:05 → 00:12:09 เร็วๆอย่างเงี้ยนะคะกระบังลมเราจะเราแทบ
00:12:09 → 00:12:11 จะไม่ใช้เลยค่ะเราจะหายใจแค่ช่วงอกเพราะ
00:12:11 → 00:12:14 ฉะนั้นถ้าเรามีความสงบมากพอเนาะเราก็จะ
00:12:14 → 00:12:17 หายใจลงไปถึงทอท้องเลยนะคะพอเราไม่ใช้
00:12:17 → 00:12:19 กระบังลมนานๆเนี่ยกระบังลมมันก็ไม่มีแรง
00:12:19 → 00:12:22 นะคะพอกระบังลมมันไม่มีแรงปุ๊บทีเนี้ยมัน
00:12:22 → 00:12:24 ก็เกิดปัญหาแล้วค่ะเพราะว่าสิ่งที่เราทำ
00:12:24 → 00:12:26 ให้เราหายใจตื้นๆเนาะเพราะเรามีสตสเหมือน
00:12:26 → 00:12:28 เราต้องเร่งรีบตลอดเวลาเราก็หายใจแค่นิด
00:12:28 → 00:12:31 นึงเนาะบางคนก็จะปวดเนี่ยข้อบ่าไหลตรงเ
00:12:32 → 00:12:34 ตึงไปหมดเลยนะคะส่วนนึงก็เป็นเพราะการหาย
00:12:34 → 00:12:38 ใจที่ผิดด้วยนะคะเห็นมั้ยคะว่าทองอื่นเมี
00:12:39 → 00:12:44 ปเาร
00:12:44 → 00:12:47 ท้องอืดได้ยังไงบ้างนะคะสิ่งที่หมออยากจะ
00:12:47 → 00:12:50 แนะนำก่อนก็คือเอ่อถ้าท่องง่ายๆนะคะถ้า
00:12:50 → 00:12:53 เราหาโรคแล้วไม่เจอสิ่งที่ควรทำ 3 อย่าง
00:12:53 → 00:12:56 เงี้ยค่ะหนึ่งแรกคือ food นะคะก็ควรจะ
00:12:56 → 00:13:00 หลีกเลี่ยงอาหารเนาะน้ำตานมวัวนะคะหรือ
00:13:00 → 00:13:05 ว่าเอ่อแอลกอฮอล์นะคะน้ำอัดลมแบบนี้นะคะ
00:13:05 → 00:13:09 แต่ผักผลไม้นะคะอาจจะทำให้อืดได้เราจะงด
00:13:09 → 00:13:13 แค่ช่วงที่มีอาการสั้นๆนะคะเพราะว่าอาหาร
00:13:13 → 00:13:16 กับผลไม้พวกนี้ล่ะค่ะผักด้วยนะคะผักผลไม้
00:13:16 → 00:13:19 พวกนี้เป็นอาหารของจุลินทรีย์ในลำไส้เรา
00:13:19 → 00:13:23 จะค่อยๆใส่กลับเข้าไปทีละตัวนะคะอันที่ 2
00:13:23 → 00:13:26 ค่ะคือการ fasting นะคะหรือว่าหลายๆคนคง
00:13:26 → 00:13:30 เคยได้ยิน ifm 10 fasting นะคะ IF
00:13:30 → 00:13:34 เนี่ยถ้าเอาสมบูรณ์เนี่ยเราก็ทำงานแบบ 86
00:13:34 → 00:13:36 หรือว่าเป็น Water Fasting อย่าเงี้ยใช่
00:13:36 → 00:13:39 ไหมคะกินน้ำ 3 วันนะแต่หมอคิดว่าจริงๆ
00:13:39 → 00:13:42 แล้วการfastิ้เนี่ยทำแค่ 12 ชมงนะคะก็คือ
00:13:42 → 00:13:45 อยากกินอาหารดึงเกินไปให้ลำไส้ได้พักบ้าง
00:13:45 → 00:13:49 นะคะควรจะเว้นอาหารเลยแบบไม่กินเลยสัก 12
00:13:49 → 00:13:53 ชมงนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะช่วยทำให้
00:13:53 → 00:13:56 ร่างกายเราได้ปรับตัวบ้างจุลินทรีย์ได้
00:13:56 → 00:13:59 พักบ้างนะคะอันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
00:13:59 → 00:14:03 เหมือนกันนะคะสำหรับสิ่งที่ 3 ค่ะที่จะ
00:14:03 → 00:14:06 ช่วยได้นะการกินพวกเฟอร์เมนนะคะหรือว่า
00:14:07 → 00:14:11 การกินพวกอาหารที่มีการหมักบ้างนะคะกลุ่ม
00:14:11 → 00:14:15 พวกนี้จะทำให้เราได้จุลินทรีย์ดีๆเข้าไป
00:14:15 → 00:14:17 นะคะซึ่งจุลินทรีย์พวกนี้ที่มันส่วนใหญ่
00:14:17 → 00:14:20 จะมีรสเปรี้ยวบ้างนะคะเพราะว่ามันมีการ
00:14:21 → 00:14:24 หมักนะคะไม่ว่าจะเป็นหมักสารต่างๆนะคะ
00:14:24 → 00:14:26 หมักน้ำตาลนะคะที่ทำให้มันมีรสเปรี้ยวก็
00:14:26 → 00:14:30 จะเป็นพวกกิมจิข้าวหมักอาหารหมักดองผัก
00:14:30 → 00:14:34 ดองต่างๆแบบนี้นะคะก็จะมีตัวช่วยได้นะคะ
00:14:35 → 00:14:38 สำหรับนมที่ไปหมักก็คือโยเกิร์ตนะคะบางคน
00:14:38 → 00:14:41 กินแล้วอาจจะดีแต่บางคนกินแล้วอาจจะรู้
00:14:41 → 00:14:44 สึกว่าอืมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มันอืดยิ่ง
00:14:44 → 00:14:47 กว่าเดิมอันนี้ก็ต้องเป็นสิ่งที่ควรระวัง
00:14:47 → 00:14:49 นิดนึงนะคะถ้ามีปัญหาพวกนี้ก็อาจจะต้อง
00:14:49 → 00:14:53 ค่อยๆกินนะคะเพราะฉะนั้นหมอก็ได้เล่า
00:14:53 → 00:14:57 เรื่องของอาการท้องอืดมาเยอะแล้วนะคะใน
00:14:57 → 00:14:59 คลิปต่อไปหมอก็จะมาเล่าให้ฟังว่าเฮ้ย
00:14:59 → 00:15:02 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมันมีความสำคัญ
00:15:02 → 00:15:04 เนาะอันนี้หมอเล่าอาการแรกของจุลินทรีย์
00:15:04 → 00:15:07 ในลำไส้ที่ผิดปกติเลยนะคะถ้าใครชอบสาระดี
00:15:07 → 00:15:10 ๆแบบเนี้ยก็อย่าลืมกด subscribe ให้หมอเน
00:15:10 → 00:15:13 แล้วก็กดติดตามแล้วก็ถ้ามีเรื่องอะไรก็
00:15:13 → 00:15:16 อย่าลืมคอมเมนต์เอาไว้ให้ด้วยนะคะแล้วไป
00:15:16 → 00:15:19 เจอกันในคลิปต่อไป