00:00:00 → 00:00:03 ท่านเคยกินอาหารตามลำดับบ้างมเพื่อลดความ
00:00:03 → 00:00:07 อ้วนและลดน้ำตาลในกระแสเลือดวิธีการกิน
00:00:07 → 00:00:10 คือกินผักและไฟเบอร์ก่อนจากนั้นเริ่มกิน
00:00:10 → 00:00:13 ไขมันโปรตีนและลงท้ายด้วย
00:00:13 → 00:00:16 คาร์โบไฮเดรตหลายท่านคงเคยได้ยินมาแล้ว
00:00:16 → 00:00:20 ท่านคิดว่าข้อมูลเนี้ยผ่านมา 10 ปีคนที่
00:00:20 → 00:00:24 ทานแบบเนี้ยผลลัพธ์เป็นอย่างไรมาฟังกันดู
00:00:24 → 00:00:28 นะ
00:00:28 → 00:00:32 ครับสวัสดีครับทุกท่านเพจหมอเฉพาะทางบาด
00:00:32 → 00:00:33 เดียวและ YouTube Channel หมอเฉพาะทาง
00:00:33 → 00:00:35 บาดเดียวนะครับกระผมหมอเกมนายแพทย์
00:00:35 → 00:00:38 อดุลชัยธรรมาแสงเสรนะครับก็เป็นสญแพทย์
00:00:38 → 00:00:40 แล้วก็สัญแพทย์ตกแต่งนะครับมาวันนี้เนี่ย
00:00:40 → 00:00:44 เราจะพูดเกี่ยวกับสุขภาพดีเกินล้านวิวเออ
00:00:44 → 00:00:48 หมอเนี่ยไปเห็นคลิปๆนนะเาพูดเกี่ยวกับว่า
00:00:48 → 00:00:52 การกินอาหารตามลำดับขั้นดังต่อไปเนี้ยคือ
00:00:52 → 00:00:56 กินไฟเบอร์หรือก็คือผักก่อนและลงท้ายสุด
00:00:56 → 00:00:59 ท้ายด้วยคาร์โบไฮเดรตเนี่ยสามารถลดน้ำ
00:00:59 → 00:01:02 หนักได้และลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้อ่า
00:01:02 → 00:01:06 แล้วมีคนดูเป็นล้านวิวเลยนะดูเป็นล้านวิว
00:01:06 → 00:01:09 เลยซึ่งข้อมูลเนี้ยเป็นข้อมูลที่เก่ามาก
00:01:09 → 00:01:12 และเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2015
00:01:12 → 00:01:16 เอ่อคนที่ทานตามเนี้ยผลลัพธ์มันเป็นอย่าง
00:01:16 → 00:01:20 ไรกินแล้วมันน้ำหนักลดลงจริงหรือเปล่าผอม
00:01:20 → 00:01:23 ลงมยหรือคุมน้ำตาลในกระแสเลือดได้ดีมยอ่า
00:01:23 → 00:01:27 อันนี้คือทอิที่เราจะมาคุยกันนะแต่ก่อน
00:01:27 → 00:01:31 ที่จะคุยกันขอพูดนิดนึงก็คือว่าพอดีมี FC
00:01:31 → 00:01:34 หลายท่านทักเข้ามาใน message ว่าเอ๊ะคุณ
00:01:35 → 00:01:38 หมอหายไปไหนหายไปเกือบ 2 อาทิตย์ะบางคนก็
00:01:38 → 00:01:41 ทักว่าหมอหายไป 20 วันแล้วหรอไปเวเคชั่น
00:01:41 → 00:01:45 หรรือเปล่ามี FC จากอเมริกานะนะแต่เป็นคน
00:01:45 → 00:01:47 ไทยแหละเรารู้เป็นคนไทยแต่ไปยูอเมริกา
00:01:47 → 00:01:50 หลายปีเขาก็ทักมาต้องบอกว่าอันที่ 1 หมอ
00:01:50 → 00:01:53 ไม่ได้หายไปไหนแต่คลิปหมอเนี่ยที่ทำล่า
00:01:53 → 00:01:56 สุดก็คือหลังโอลิมปิกเนี่ยเรื่องโดป
00:01:56 → 00:01:58 ศาสตร์มืดของวิทยาศาสตร์การกีฬาเนี่ย
00:01:58 → 00:02:02 ปรากฏว่าคนไม่ค่อยได้ดูหรือคนไม่ค่อยได้
00:02:02 → 00:02:06 เห็นมีคนดูหมื่นกว่าๆเองอันนี้อาจจะเป็น
00:02:06 → 00:02:08 ไปได้ว่าด้วยความที่ว่ามันเป็นเรื่องของ
00:02:08 → 00:02:11 สากมืดนะแต่จริงๆมันสนุกมากนะมันสนุกมาก
00:02:11 → 00:02:13 เรื่องเกี่ยวกับการโดปอะไรแบบเนี้ย
00:02:13 → 00:02:16 YouTube หรือ Google เขาก็จะไม่ค่อยดัน
00:02:16 → 00:02:18 นะอันนี้มีความเป็นไปได้คนดูนี่ประมาณ
00:02:19 → 00:02:21 16,000 ซึ่งคลิปอื่นๆของหมอเนี่ยมีคนดู
00:02:21 → 00:02:24 นี่อย่างน้อยต้องครึ่งแสนนะอย่างน้อยต้อง
00:02:24 → 00:02:27 ครึ่งแสนนะแต่คลิปเนี้ยมีคนดูแค่ 16,000
00:02:27 → 00:02:28 มันก็มีความเป็นไปได้ว่าหลายท่านไม่เห็น
00:02:28 → 00:02:32 คลิปก็เลยคิดว่าหมอหายไปแต่หมอก็หายไป
00:02:32 → 00:02:35 จริงๆเป็นเพราะว่าหมอเนี่ยใช้เวลาส่วน
00:02:35 → 00:02:38 ใหญ่เนี่ยในการเตรียมตัวทำสไลด์รวบรวมภาพ
00:02:38 → 00:02:41 เพราะว่าจะต้องไปพูดที่ประเทศเกาหลีนะ
00:02:41 → 00:02:45 เอ่อในงานของศัลแพทย์ตกแต่งระหว่างประเทศ
00:02:45 → 00:02:47 ประเทศไทยกับประเทศเกาหลีนั่นแหละแต่เรา
00:02:47 → 00:02:51 ไม่ได้ไปคนเดียวนะเรามีคุณหมอหลายท่านไป
00:02:51 → 00:02:54 ดังๆทั้งนั้นเลยไปทำ MOU กับประเทศเกาหลี
00:02:54 → 00:02:58 นะเค้าเรียกว่างาน prs Korea 2024 ถ้า
00:02:58 → 00:03:01 หลายท่านอยากจะไปเที่ยวเกาหลีในช่วง
00:03:01 → 00:03:04 พฤศจิกายนนี้ก็แวะไปหาหมอได้นะที่ประเทศ
00:03:04 → 00:03:07 เกาหลีเราจะได้เจอกันอ่ะเรามาย้อนกัน
00:03:07 → 00:03:10 เกี่ยวกับในหัวข้อนี้ก็คือว่าถ้าเรากิน
00:03:10 → 00:03:13 ไฟเบอร์ก่อนตามด้วยไขมันตามด้วยโปรตีนและ
00:03:14 → 00:03:17 ลงท้ายด้วยคาร์โบไฮเดรตเนี่ยมันสามารถลด
00:03:17 → 00:03:20 น้ำตาลในเลือดเราได้จริงหรือเปล่าเออมัน
00:03:20 → 00:03:24 ทำให้เราผอมลงจริงมหรือทำให้คนที่เป็นเบา
00:03:24 → 00:03:27 หวานเนี่ยสามารถคุมเบาหวานได้ดีขึ้นจริง
00:03:27 → 00:03:31 หรือเปล่าอ่าต้องบอกว่าเรื่องเนี่ยมันมี
00:03:31 → 00:03:34 ที่มาที่ไปแต่ขอบอกเลยนะว่าไอ้เรื่อง
00:03:35 → 00:03:38 เนี้ยเกือบ 10 ปีมาแล้วก็คือมีหมอหลาย
00:03:38 → 00:03:41 ท่านทั้งในต่างประเทศและประเทศไทยเนี่ย
00:03:41 → 00:03:45 ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากๆแล้วก็ทำเป็นคทน
00:03:45 → 00:03:48 เลยทำไม่ว่าจะเป็นทั้ง Content ทาง
00:03:48 → 00:03:51 YouTube หรือ Content ทาง tiktok หรือทำ
00:03:52 → 00:03:54 เป็นเขียนคทนในบลอกอย่างเงี้ยแล้วก็บอก
00:03:54 → 00:03:57 ว่ามันได้ผลดีอย่างงู้นอย่างงี้นะเราต้อง
00:03:57 → 00:04:00 กินไฟเบอร์ก่อนตามด้วยแฟตโปรตีนแลและลง
00:04:00 → 00:04:02 ท้ายด้วยคาร์โบไฮเดรต
00:04:02 → 00:04:05 นะเรื่องมันมีที่มาที่ไปอย่างไรท่านอยาก
00:04:05 → 00:04:08 รู้มยหลายท่านอาจจะแบบอย่างที่บอกอ่ะถ้า
00:04:08 → 00:04:13 ท่านฟังแบบสั้นๆ 5 นาทีท่านก็จะไม่รู้ว่า
00:04:13 → 00:04:16 ไอ้สิ่งที่ท่านรับรู้มาเนี่ยมันมีข้อมูล
00:04:17 → 00:04:20 มาแบบไหนแต่หลายท่านชอบย่อยแบบนี้นะแต่
00:04:20 → 00:04:23 หมอจะไม่ชอบแบบนั้นหมอชอบเล่า
00:04:23 → 00:04:26 ประวัติศาสตร์เล่าที่ไปที่มาของไอ้ข้อมูล
00:04:26 → 00:04:29 เนี้ยว่ามันมีที่มาอย่างไรและมาพิจารณา
00:04:29 → 00:04:32 กันว่าว่ามันจริงเท็จแค่ไหนและมันควรที่
00:04:32 → 00:04:34 จะเชื่อถือได้ม
00:04:34 → 00:04:39 อ่ะที่มาที่ไปก็คือเมื่อปี 2015 เนี่ยมี
00:04:39 → 00:04:42 คณะนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งก็แล้วกันเขา
00:04:42 → 00:04:43 ทำเรื่องเกี่ยวกับเรื่องว่า Food Order
00:04:43 → 00:04:46 has a significant Impact on Post
00:04:46 → 00:04:49 pel glucose and insulin Level เอา
00:04:49 → 00:04:53 ง่ายๆก็เลยว่าการกินอาหารตามลำดับขั้นมี
00:04:53 → 00:04:56 ผลต่อเนื่องกับระดับน้ำตาลในเลือดและ
00:04:56 → 00:05:00 ระดับอินซูลินในเลือดหลังทานอาหารมากน้อย
00:05:00 → 00:05:03 แค่ไหนอ่าโดยนักวิจัยกลุ่มนี้เนี่ยเขาไป
00:05:03 → 00:05:07 เจอข้อมูลของงานวิจัยอันหนึ่งก็คือว่าถ้า
00:05:07 → 00:05:11 ท่านทานเวโปรตีนก่อนทานคาร์โบไฮเดรตเนี่ย
00:05:11 → 00:05:15 ท่านสามารถควบคุมน้ำหนักได้และลดน้ำตาลใน
00:05:15 → 00:05:18 เลือดได้ซึ่งไอ้ข้อมูลงานวิจัยเนี้เขาก็
00:05:18 → 00:05:21 มองว่าเอ๊ะมนุษย์เราเนี่ยทานอาหารเนี่ย
00:05:21 → 00:05:24 มันต้องให้ครบหมูใช่มยไขมันหายไปไหน
00:05:24 → 00:05:27 ไฟเบอร์หายไปไหนหรือว่าผักผลไม้หายไปไหน
00:05:27 → 00:05:30 เขาก็เลยเอางานวิจัยเนี้ยเป็นงานวิจัยนำ
00:05:30 → 00:05:34 ล่องคือถ้าสมมุติว่าเรากินผักผลไม้ก่อน
00:05:34 → 00:05:38 กินไฟเบอร์ก่อนนะกินไขมันและตามด้วย
00:05:38 → 00:05:41 โปรตีนและสุดท้ายคาร์โบไฮเดรตเนี่ยผล
00:05:41 → 00:05:43 ลัพธ์จะเป็นอย่างไรผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
00:05:43 → 00:05:47 จะได้ผลในการคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ม
00:05:47 → 00:05:50 หรือลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ไหมมาดูกัน
00:05:50 → 00:05:54 งานวิชัยเนี้ยด้วยความที่ว่าเป็นงานวิจัย
00:05:54 → 00:05:59 นำร่องดังนั้นมีจแค่ 11 คนนะ 11 คนนี่น
00:05:59 → 00:06:02 น้อยมากนะแบ่งเป็นผู้ชาย 5 คนผู้หญิง 6
00:06:02 → 00:06:05 คนโดยทั้ง 11 คนเนี้ยเป็นคนที่เป็นเบา
00:06:05 → 00:06:09 หวานชนิดที่ 2 และทานยาเมบ forit อยู่
00:06:09 → 00:06:11 ทั้งหมดเป็นคนที่มีน้ำหนัก overweight
00:06:11 → 00:06:15 คือน้ำหนักเกิดนและอายุอยู่ในช่วงประมาณ
00:06:15 → 00:06:17 40-60
00:06:17 → 00:06:21 ปีปรากฏวิธีการก็คือว่าเค้าก็จะให้งด
00:06:21 → 00:06:24 อาหาร 12 ช่วโมงเลยจากนั้นมากินอาหารที่
00:06:24 → 00:06:28 คุมแคลอรี่นะโดยเขาให้ทาน 628 กิลแคลอรี่
00:06:28 → 00:06:31 แบ่งเป็นโปรโตีน 55 กรัมคาร์โบไฮเดรต 68
00:06:31 → 00:06:35 กรัมและไขมันอีก 16 กรัมนอกนั้นไฟเบอร์
00:06:35 → 00:06:38 มันไม่มีแคลอรี่ใช่มยคราวนี้เนี่ยเขาก็
00:06:38 → 00:06:43 เอาคน 11 คนเนี้ยมาแบ่งเป็น 2 กลุ่มกลุ่ม
00:06:43 → 00:06:47 แรกให้กินคาร์โบไฮเดรตก่อนและอีกกลุ่มนึง
00:06:47 → 00:06:51 ให้กินคาร์โบไฮเดรตทิ้งท้ายอผลปรากฏว่า
00:06:51 → 00:06:52 เป็นอย่าง
00:06:52 → 00:06:57 ไรอ่านี่เห็นมผลปรากฏว่าหมอสรุปง่ายๆเลย
00:06:57 → 00:07:00 ว่าระดับน้ำตาลในเลือดดจริงๆและระดับ
00:07:00 → 00:07:03 อินซูลินในเลือดก็ลด
00:07:03 → 00:07:07 ด้วยนั่นหมายความว่าถ้ากินคาร์โบไฮเดรต
00:07:07 → 00:07:12 สุดท้ายและกินอาหารอื่นๆก่อนโดยเฉพาะกิน
00:07:12 → 00:07:15 ไฟเบอร์ก่อนผักก่อนเนี่ยมันจะช่วยทำให้
00:07:15 → 00:07:19 น้ำตาลในเลือดลดลงโอ้โหพอเปเปอร์นี้ตี
00:07:19 → 00:07:24 พิมพ์ไปพัปรากฏว่าโอ้โหคนแตกตื่นเลยทั้ง
00:07:25 → 00:07:28 หมอนักโภชนาการปรากฏว่าโอ้ยเราจะต้องกิน
00:07:28 → 00:07:31 อาหารตามลสำรับดังต่อไปนี้คือกินไฟเบอร์
00:07:31 → 00:07:36 ก่อนจากนั้นกินไขมันโปรตีนและลงท้ายด้วย
00:07:36 → 00:07:40 คาร์โบไฮเดรตคนก็ปฏิบัติตามนักโภชนาการก็
00:07:40 → 00:07:42 แนะนำคนที่เป็นเบาหวานหมอก็แนะนำคนที่
00:07:42 → 00:07:46 เป็นเบาหวานแต่ปรากฏว่าเมื่อเอามาใช้ใน
00:07:46 → 00:07:50 ชีวิตประจำวันจริงๆคนที่เป็นเบาหวานไม่
00:07:50 → 00:07:52 สามารถลดน้ำตาลได้จริงๆยังต้องกินยาอยู่
00:07:52 → 00:07:56 เอ้ยมันเกิดอะไรขึ้นก็มีการทำวิจัยต่อ
00:07:56 → 00:07:58 เพราะว่าอย่างที่บอกว่านี่มันเป็นงาน
00:07:58 → 00:08:01 วิจัยภ lot study ใช่ป่ะเป็นวิจังาน
00:08:01 → 00:08:05 วิจัยนำร่องมีจแค่ 11 คนเองแล้วจาดน้ำตาล
00:08:05 → 00:08:09 ในเลือดแค่ 2 ช่วโมงหลังจากรับประทานข้อ
00:08:09 → 00:08:12 มูลมันยังไม่เพียงพอในช่วงระยะเวลา 10 ปี
00:08:12 → 00:08:16 มาเนี่ยก็มีคนทำการทดลองคล้ายๆกันและมี
00:08:16 → 00:08:21 การเจาะเลือดดูรายละเอียดต่างๆมากมายขึ้น
00:08:21 → 00:08:23 จนในที่
00:08:23 → 00:08:27 สุดก็มีเปอร์นี้ออกมาออกมาในปี
00:08:27 → 00:08:31 2022 เคเอาข้อมูลของงานวิชัยต่างๆที่
00:08:31 → 00:08:33 เกี่ยวข้องจากการกินอาหารตามลำดับนี่แหละ
00:08:33 → 00:08:36 ก็คือว่ากินไฟเบอร์ก่อนแล้วลงท้ายด้วย
00:08:36 → 00:08:38 คาร์โบไฮเดรตสุดท้ายเนี่ยเอามารวบรวมข้อ
00:08:39 → 00:08:42 มูลนะเเรียกว่าเป็น Meta analysis ใช่ม
00:08:42 → 00:08:45 เอามารวบรวมข้อมูลว่าเอ๊ะมันได้ผลอย่าง
00:08:46 → 00:08:49 ที่งานวิจัยนำร่องเนี่ยนำเสนอจริงหรือ
00:08:49 → 00:08:53 เปล่าและอะไรที่ทำให้ไม่ได้ผลคราวนี้
00:08:53 → 00:08:55 เนี่ยเขาไม่ได้ดูระดับน้ำตาลในเลือดหลัง
00:08:55 → 00:08:58 ที่รับประทานอาหารและเขาดูระดับ
00:08:58 → 00:09:00 ฮีโมโกลบิน a c ใช่มั้ยคนที่เป็นเบาหวาน
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยจะรู้ใช่ป่ะฮีโมมิน a1c เนี่ยมันจะ
00:09:03 → 00:09:07 ดูพฤติกรรมการกินอาหารของเราว่าเราไปแอบ
00:09:07 → 00:09:10 หลอกหมอนหรือเปล่าก็คือวันก่อนจะเจาะ
00:09:10 → 00:09:13 เลือดเนี่ยโอหอดน้ำตาลอดอาหารเต็มที่เลย
00:09:13 → 00:09:15 นะแต่พอเจาะเลือดปุ๊บปรากฏว่าฮีโมโกบิน
00:09:15 → 00:09:18 a1c สูงอย่างนี้ก็แสดงว่าหลอกหมอใช่มั้ย
00:09:18 → 00:09:20 เพราะฮีโมโกลบิน a1c เนี่ยมันจะมีอายุ
00:09:20 → 00:09:23 ประมาณสัก 90 วันเหมือนอายุเม็ดเลือดแหละ
00:09:23 → 00:09:25 นะคราวนี้เขาก็เอาข้อมูลที่รวบรวมมาจาก
00:09:26 → 00:09:30 แตกสี้เลยนะมีจำนวนคนทั้งหมด 2 130 คนดู
00:09:30 → 00:09:34 ข้อมูลของเลือดโมบิ a1c เป็นหลักและดู
00:09:34 → 00:09:36 ระยะเวลานานขึ้นจากเปอร์แรกเดูแค่ 2
00:09:36 → 00:09:40 ชั่วโมงใช่มยอันนี้เขาบอกว่าดูอย่างน้อย 2
00:09:40 → 00:09:45 เดือนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 2 ปีปแต่พอดูผล
00:09:45 → 00:09:48 ระยะดาวแล้วเนี่ยปรากฏว่าคนที่เป็นเบา
00:09:48 → 00:09:50 หวานไม่ได้มีระดับน้ำตาลในเลือดหรือ
00:09:50 → 00:09:54 ฮีโมโกลบิน a1c เนี่ยดีขึ้นกว่าเดิมและคน
00:09:54 → 00:09:58 ที่อ้วนก็ไม่ได้ผอมลง
00:09:58 → 00:10:03 เอออย่าไม่จบนะปรากฏว่าก็มีคนแย้งขึ้นมา
00:10:03 → 00:10:03 ว่า
00:10:04 → 00:10:07 เอ้ยจะมาดูแค่ฮีโมโกลบิน a1c อย่างเดียว
00:10:07 → 00:10:12 เนี่ยไม่ได้มันจะต้องเจาะลึกเข้าไปถึง
00:10:12 → 00:10:15 ระดับฮอร์โมนของร่าง
00:10:15 → 00:10:19 กายโดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการ
00:10:19 → 00:10:24 กินอาหารและการสะสมของไขมันว่าคนพวกเนี้ย
00:10:24 → 00:10:26 กินอาหารกินไฟเบอร์ก่อนก็จริงแล้วกิน
00:10:26 → 00:10:29 คาร์โบไฮเดรตสุดท้ายเนี่ยแต่ในช่วงอันก
00:10:29 → 00:10:32 กางก็คือไขมันกับโปรตีนเนี่ยเ้ากินไอ้ตรง
00:10:32 → 00:10:37 เนี้ยไม่ถูกต้องหรือเปล่านะโดยเปเปอร์
00:10:37 → 00:10:40 เนี้ยเขาสนใจฮอร์โมนอยู่ 2 ตัวฮอร์โมนตัว
00:10:40 → 00:10:44 แรกคือ glp 1 กับฮอร์โมนตัวที่ 2 GP
00:10:44 → 00:10:47 ฮอร์โมนตัวแรก gp1 หรือว่ากลูคากอนไ
00:10:47 → 00:10:51 peptide เอาง่ายๆฮอร์โมนตัวเนี้ยมันจะทำ
00:10:51 → 00:10:52 ให้เรารู้สึก
00:10:52 → 00:10:56 อิบกับการลดความอ้วนน่ะเมีฮอร์โมนตัวนี้
00:10:56 → 00:10:59 อยู่พอเราฉีดเข้าไปเราอิ่มเราไม่อยากกิน
00:10:59 → 00:11:00 ข้าวใช่
00:11:00 → 00:11:03 มยแต่เดี๋ยวหมอจะพูดเกี่ยวกับอาหารที่ไป
00:11:03 → 00:11:05 กระตุ้นตัวนี้นะท่านจะได้ไม่ต้องไปซื้อ
00:11:05 → 00:11:08 ปากกาลดความอ้วนอ่ะตอบอีกฮอร์โมนอีกตัว
00:11:08 → 00:11:11 นึงคือ GP glucose Dependent insulin
00:11:11 → 00:11:14 nopic polypeptide ชื่อโคตรยาวเลยแต่
00:11:14 → 00:11:16 เอาง่ายๆก็คือว่าฮอร์โมนตัวเนี้ยถ้าเป็น
00:11:16 → 00:11:21 อินซูลินนะมันสะสมความอ้วนสะสมไขมันดัง
00:11:21 → 00:11:24 นั้น 2 ตัวนี้ตัวนึงทำให้รู้สึกอิ่มอีก
00:11:24 → 00:11:28 ตัวนึงสะสมไขมันถ้านั้นถ้า gp1 หรือ
00:11:28 → 00:11:30 ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มมันเยอะเรา
00:11:30 → 00:11:33 ก็จะได้อิ่มไวๆใช่มยแต่ GP มันควรจะน้อย
00:11:33 → 00:11:37 เค้าบอกว่าอาหาร 2 ประเภทก็คือไขมันกับ
00:11:37 → 00:11:40 โปรตีนเนี่ยมันเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนตัว
00:11:40 → 00:11:44 นี้มากๆโดยจากงานวิจัยเขาเบอกว่าถ้าคุณ
00:11:44 → 00:11:48 กินเนื้อแดงเนื้อสัตว์ปรากฏว่า GP หรือ
00:11:48 → 00:11:50 ฮอร์โมนแห่งความอ้วนหรือสะสมไขมันเนี่ย
00:11:50 → 00:11:54 มันสูงแต่ถ้าสมมุติท่านกินปลาเนี่ย GP
00:11:54 → 00:11:57 เนี่ยมันจะต่ำแต่แน่นอนว่าทั้งปลากับ
00:11:57 → 00:12:01 เนื้อเนี่ยมันกระตุ้น G glp คือฮอร์โมน
00:12:01 → 00:12:03 แห่งความอิ่มไปพร้อมๆ
00:12:03 → 00:12:07 กันและลืมบอกไปไอ้ไฟเบอร์ที่ท่านกินหรือ
00:12:07 → 00:12:12 ผักที่ท่านกินน่ะเาบอกว่าถ้าท่านกินแล้ว
00:12:12 → 00:12:16 ท่านต้องรอสักพักนึงก่อนที่จะมากินเนื้อ
00:12:16 → 00:12:20 และข้าวนะเพราะท่านจะต้องรอให้ร่างกายเรา
00:12:20 → 00:12:22 ย่อยก่อนและในระหว่างที่ย่อยเนี่ยมันจะ
00:12:22 → 00:12:25 สร้างเยืเมือกเข้ามาในลองไส้เราซึ่งไอ้
00:12:25 → 00:12:27 เยื่อเมือกที่เกิดจากไฟเบอร์ที่โดนย่อย
00:12:27 → 00:12:31 เนี่ยมันจะทำให้การดูดซึมน้ำตาลที่เกิด
00:12:31 → 00:12:34 ขึ้นมาอยู่ในลำไส้เราเนี่ยลดลงเหมือนเป็น
00:12:34 → 00:12:37 กำแพงอ่ะป้องกันการดูดกลูโคสเข้าไปใน
00:12:37 → 00:12:41 กระแสเลือกเหมเพราะฉะนั้นมันจะต้องมีระยะ
00:12:41 → 00:12:43 เวลาหลายท่านพอฟังข้อมูลถึงตรงนี้เนี่ย
00:12:43 → 00:12:47 อยากฟังข้อสรุปแล้วใช่มหมอนำข้อมูลสรุป
00:12:47 → 00:12:51 จากคอลัมคอลัมน์นึงในวอชิงตันโพสนะอันนี้
00:12:51 → 00:12:53 ยอมจ่ายตังค์ให้เพื่อให้พวกท่านเลยนะ
00:12:53 → 00:12:56 เพื่อเอาข้อมูลจากวอชิงตันโพสมาทำไมถึง
00:12:56 → 00:12:59 ได้เป็นข้อมูลจากวอชิงตันโพสต้องบอกอย่าง
00:12:59 → 00:13:03 นี้ก็คือว่ามีนักข่าวสายสุขภาพอ่าเคก็หา
00:13:03 → 00:13:06 ข้อมูลมาแบบหมอนนี่แหละแล้วเขาก็มองว่า
00:13:06 → 00:13:09 เอ้ยการกินตามลำดับขั้นเนี่ยทำไมมันไม่
00:13:09 → 00:13:13 เวิร์คเขาก็ไปสัมภาษณ์นักโภชนาการทั่ว
00:13:13 → 00:13:16 สหรัฐอเมริกาเลยแล้วได้ข้อสรุปการกินมา
00:13:16 → 00:13:18 นี่เห็นม How to Follow The Food
00:13:18 → 00:13:21 sequence strategy การกินมันจะต้องมี
00:13:21 → 00:13:25 ยุทธการหรือยุทธวิธีในการกินด้วย
00:13:25 → 00:13:29 นะเพื่อให้การกินนั้นสัมฤทธิ์ผลนะฟังดู
00:13:30 → 00:13:31 เหมือนเป็นเรื่องง่ายนะการหยิบอาหารอะไร
00:13:32 → 00:13:35 สักอย่างเข้าปากเนี่ยแต่จะกินให้ดีมันทำ
00:13:35 → 00:13:39 อย่างไรวิธีการกินให้ดีจากนักโภชนาการ
00:13:39 → 00:13:43 ทั่วสหรัฐเลยอันที่ 1 ก่อนที่ท่านจะกิน
00:13:43 → 00:13:46 สมมุติท่านท้องว่างๆเนี่ยท่านหาอัลมอนนะ
00:13:46 → 00:13:50 หรือถั่วก็ได้ประมาณเขบอกว่า 20 กรัมนะ
00:13:50 → 00:13:54 หรือว่าน้อยกว่า 1 ฝ่ามือเอ่อน้อยกว่า 1
00:13:54 → 00:13:56 ฝ่ามือเนี่ยในห้ามท่านหยิบใส่่ปากแล้ว
00:13:56 → 00:13:59 เคี้ยวๆๆก่อนนะอย่าเพิ่งกินอาหารใดๆทั้ง
00:13:59 → 00:14:03 สิ้นนะกินถั่วก่อนประมาณสักน้อยกว่า 1
00:14:03 → 00:14:06 ฝ่ามือ 20 ก่อนกินไปเสร็จทิ้งระยะเวลาสัก
00:14:06 → 00:14:10 พักนึงเบอกว่าในระหว่างที่มันย่อยเนี่ย
00:14:10 → 00:14:13 ร่างกายจะเริ่มมีการดูดซึมน้ำตาลเข้าไป
00:14:13 → 00:14:15 เพราะว่าถั่วเนี่ยมันเป็นคาร์โบไฮเดรตใช่
00:14:15 → 00:14:18 มั้ยเอ่อเวลาย่อยแล้วมันก็จะเกิดกลูโคส
00:14:18 → 00:14:21 เกิดขึ้นเขาบอกตรงเนี้ยมันจะทำให้เมื่อ
00:14:21 → 00:14:26 ระดับน้ำตาลในเลือดของท่านสูงขึ้นความหิว
00:14:26 → 00:14:29 ของท่านมันจะลดลงมันจะไปกระตุ้นฮอร์โมน
00:14:29 → 00:14:32 ที่ชื่อว่า glp ที่หมอพูดว่าอยู่ในปากกา
00:14:32 → 00:14:36 ลดความอ้วนน่ะทำให้ท่านรู้สึกอิ่มทำให้
00:14:36 → 00:14:39 ท่านรู้สึกอิ่มอ่ะต่อ
00:14:39 → 00:14:44 ไปสตปที่ 2 นะสเตปที่ 2 จำได้ใช่มยบอกว่า
00:14:44 → 00:14:47 ต้องกินไฟเบอร์ใช่ป่ะสต็ปที่ 2 ไฟเบอร์
00:14:48 → 00:14:50 ที่ท่านกินหรือผักที่ท่านกินควรจะเป็นผัก
00:14:51 → 00:14:54 ที่ไปกระตุ้น glp วันเหมือนกันก็คือกิน
00:14:54 → 00:14:58 ผักพวกเนี้ยแล้วทำให้ท่านรู้สึกอิ่มง่าย
00:14:58 → 00:14:59 ผักอะไรอ่ะ
00:14:59 → 00:15:03 ผักขมด้วยความขมของมันหรือเปล่านะ
00:15:03 → 00:15:06 บล็อกเคอรี่ผักใบเขียวอ่าพวกนี้คือ
00:15:06 → 00:15:09 ไฟเบอร์ที่ท่านควรจะรับประทานนะเาบอกว่า
00:15:09 → 00:15:11 กินพวกเนี้ยมันจะไปกระตุ้น glp ตาม
00:15:11 → 00:15:16 ธรรมชาติทำให้ท่านรู้สึกอิ่มนะอิ่มไวและ
00:15:16 → 00:15:19 เนื้อสัตว์ล่ะท่านควรจะทานปลานะมั้ยอย่าง
00:15:19 → 00:15:23 ที่เบอกทานปลาทานกุ้งหรือทานน่องไก่ทาน
00:15:23 → 00:15:26 ไข่ก็ได้หรืออโวกาโดก็ได้พวกเนี้ยมันก็จะ
00:15:26 → 00:15:30 เป็นกระตุ้น glp เหมือนกันอย่าลืมนะ glp
00:15:30 → 00:15:33 อยู่ในปากกาลดความอ้วนทำให้ท่านอิ่มไว
00:15:33 → 00:15:35 ขึ้นหลังจากที่ท่านกินโปรตีนและไขมันแล้ว
00:15:35 → 00:15:38 ใช่มั้ยลงท้ายด้วยคาร์โบไฮเดรตเาบอก
00:15:38 → 00:15:40 คาร์โบไฮเดรตที่ท่านกินเนี่ยก็ไม่ควรมี
00:15:40 → 00:15:44 ไกลซีมิค index สูงเขาบอกข้าวขาวเนี่ย
00:15:44 → 00:15:48 ไลซิกสูงขนมปังนะมันฝรั่งหรือแม้แต่ซูชิ
00:15:48 → 00:15:52 พวกเนี้ยไิ index สูงจริงๆก็ไม่เซิงว่า
00:15:52 → 00:15:54 เป็นซูชินะบอกว่าข้าวญี่ปุ่นดีกว่าข้าว
00:15:54 → 00:15:57 ญี่ปุ่นจะมีไลซิก index ค่อนข้างสูงเขา
00:15:57 → 00:16:00 บอกว่าให้หลีกเลี่ยงพวกนี้ควรจะไปกินข้าว
00:16:00 → 00:16:05 ที่มีไลซิก index ต่ำๆนี่กข
00:16:06 → 00:16:09 43 มันมีหลายยี่ห้อมากนะแต่เค้าบอกว่า
00:16:09 → 00:16:15 ข้าวกข 43 เนี่ยไลซิก index ต่ำนะไมิอด็ก
00:16:15 → 00:16:18 ต่ำก็ทำให้อะไรทำให้ร่างกายเปลี่ยน
00:16:18 → 00:16:21 คาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลได้น้อยลงถูกป่ะ
00:16:21 → 00:16:23 เปลี่ยนได้น้อยลงมันก็จะเหมาะกับคนที่
00:16:23 → 00:16:26 เป็นเบาหวานด้วยหรือเหมาะกับคนที่อยากจะ
00:16:26 → 00:16:29 ลดความอ้วนด้วยอันที่เหลือก็เป็นอะไรคือ
00:16:29 → 00:16:32 ข้าวกล้องนะข้าวกล้องหอมมะลิหรือข้าว
00:16:32 → 00:16:35 กล้องไรเบอร์รี่ก็ได้พวกเนี้ยจะมีไลซิก
00:16:35 → 00:16:39 index ต่ำนะดังนั้นท่านพอจะรู้แนวทาง
00:16:39 → 00:16:45 แล้วนะอ่าโดยสรุปโดยสรุปสรุปก่อนทานอาหาร
00:16:45 → 00:16:48 ไปหาถั่วกินก่อนหรืออัลมอนกินก่อนนะสัก 1
00:16:48 → 00:16:51 กรำมือก็ได้ไม่ต้องเยอะมากนะกินไปก็ทิ้ง
00:16:51 → 00:16:55 ระยะเวลาไปซัก 5 นาที 10 นาทีให้มันย่อย
00:16:55 → 00:16:57 แล้วมันดูดน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือดท่าน
00:16:57 → 00:17:01 ก่อนท่านจะได้รู้สึกว่าเออไม่หิวมากจาก
00:17:01 → 00:17:04 นั้นท่านก็ทานบักใบเขียวใช่มั้ยหรือว่า
00:17:04 → 00:17:06 บล็อกเคอรี่พวกเนี้ยพวกเนี้ยมันก็มี
00:17:06 → 00:17:10 ไฟเบอร์ใช่ป่ะให้ท่านเคี้ยวช้าๆสัก 10-15
00:17:10 → 00:17:14 นาทีเหตุผลก็คืออะไรเหตุผลก็คือเมื่อร่าง
00:17:14 → 00:17:16 กายมันไปย่อยแล้วใช่ป่ะเยื่อเมือกที่มัน
00:17:16 → 00:17:19 ออกมาจากการย่อยพวกผักพวกบล็อกเคอรี่พวก
00:17:19 → 00:17:22 เนี้ยมันก็จะไปเคลือบพวกลำไส้คราวนี้
00:17:22 → 00:17:25 อาหารที่มันผ่านมาตอนหลังเนี่ยมันก็จะมี
00:17:25 → 00:17:29 การดูดซึมได้น้อยลงท่านทานคโดดสุดท้าย
00:17:29 → 00:17:32 เนี่ยมันก็ไม่สามารถดูดซึมผ่านไอ้เยื่อ
00:17:32 → 00:17:35 เมือกพวกนี้ไปแล้วเข้าใจนะอ่ะคราวนี้สุด
00:17:35 → 00:17:38 ท้ายท่านทานโปรตีนกับไขมันไปพร้อมๆกันก็
00:17:38 → 00:17:41 อย่างที่บอกว่าท่านทานปลาในปลาก็มีไขมัน
00:17:41 → 00:17:44 อยู่แล้วนะการทานปลามันจะไปกระตุ้นให้การ
00:17:44 → 00:17:47 หลังไอ้ตัว GP หรือฮอร์โมนความอ้วนเนี่ย
00:17:47 → 00:17:49 มันไม่ได้หลักเยอะแต่ถ้าสมมติถ้าท่านทาน
00:17:49 → 00:17:51 เนื้อสัตว์เนื้อแดงเนี่ยมันจะไปกระตุ้น
00:17:51 → 00:17:53 ให้ GP หรือฮอร์โมนแห่งความอ้วนเนี่ยมัน
00:17:53 → 00:17:56 หลังออกมามากมันก็ยิ่งสะสมไขมันเข้าไปใน
00:17:56 → 00:18:00 ร่างกายของท่านปิดท้ายนะนะท่านทานข้าวที่
00:18:00 → 00:18:05 มีค่า GI ต่ำๆนะค่า G ต่ำๆก็คือค่าไมิ
00:18:05 → 00:18:07 index ต่ำๆเช่นพวกข้าวกขอ 43 หรือข้าว
00:18:07 → 00:18:11 ไรเบอร์รี่นะถ้าท่านทานได้ตามนี้แล้ว
00:18:11 → 00:18:15 เนี่ยสามารถลดความอ้วนและลดเบาหวานได้นะ
00:18:15 → 00:18:18 รถเบาหวานคือเอาง่ายๆก็คือท่านสามารถคุม
00:18:18 → 00:18:21 น้ำตาลในกระแสเลือดได้ง่ายขึ้นแล้วก็ไม่
00:18:21 → 00:18:25 ต้องไปซื้อคอร์สนะการซื้อคอร์สเพื่อลด
00:18:25 → 00:18:28 ความอ้วนเนี่ยมันเป็นการซื้อคอร์สเพื่อ
00:18:28 → 00:18:31 ให้คนอื่นมาบังคับให้ท่านลดความอ้วนนะ
00:18:31 → 00:18:35 หลักๆของการลดความอ้วนง่ายๆเลยก็คือกิน
00:18:35 → 00:18:39 ให้มันน้อยกว่าที่มันออกเข้าใจป่ะแค่นั้น
00:18:39 → 00:18:43 เองนะกินให้น้อยกว่าที่จะออกควบคุม
00:18:43 → 00:18:47 แคลอรี่ให้เหลือแค่ 2 ใน 3 ของแคลอรี่ที่
00:18:47 → 00:18:51 ต้องการทั้งหมดสาละความรู้ดีๆจากเพจหมอ
00:18:51 → 00:18:52 เฉพาะทางบาทเดียวและ YouTube Channel
00:18:52 → 00:18:54 หมอเฉพาะทางบาดเดียวนะครับขอบคุณครับ
00:18:54 → 00:18:57 สวัสดีครับ