00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:07 Voice การนอนอย่างมีคุณภาพเนี่ยจริงๆ
00:00:08 → 00:00:10 แล้วมันมีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างอันแรก
00:00:10 → 00:00:13 สุดคือระยะเวลาการนอนต้องได้อันที่ 2 คือ
00:00:13 → 00:00:16 คุณภาพในลักษณะของการนอนหลับในแต่ละระยะ
00:00:16 → 00:00:18 เนี่ยต้องได้ตามที่ควรจะเป็นอีกประเด็น
00:00:18 → 00:00:20 หนึงครับที่สำคัญมากๆเเรียกว่านาฬิกา
00:00:20 → 00:00:23 ชีวิตหรือนาฬิกาชีวภาพร่างกายมนุษย์เองนะ
00:00:23 → 00:00:25 ครับไม่ว่าจะเป็นตัวสมองหรืออวยวะต่างๆ
00:00:25 → 00:00:28 เนี่ยมันมีรอบการทำงานของมันเพราะฉะนั้น
00:00:28 → 00:00:31 ถ้าเกิดรอบการทำงานตรงนี้เนี่ยมันเกิดการ
00:00:31 → 00:00:34 รวนโดยเฉพาะคนที่นอนดึกบ่อยๆต่อให้เขานอน
00:00:34 → 00:00:37 ได้ดีนอนดึกนอนได้เข้าระยะหลับลึกได้ทุก
00:00:37 → 00:00:39 อย่างแต่มันไม่ตรงรอบไปนอนตอนเช้าอย่าง
00:00:39 → 00:00:42 นี้เนี่ยมันก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย
00:00:42 → 00:00:47 ได้ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:47 → 00:00:50 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:50 → 00:00:52 This Is to PBS
00:00:52 → 00:00:55 podcast วันนี้นะคะคุณผู้ฟังคะเราจะคุย
00:00:55 → 00:00:59 กันถึงเรื่องของคุณภาพการนอนนะคะนอนยังไง
00:00:59 → 00:01:01 ให้มีคุณภคภาพนอนอย่างที่เรานอนกันอยู่
00:01:01 → 00:01:04 ทุกวันนี้เพียงพอแล้วหรือเปล่ามีคุณภาพ
00:01:04 → 00:01:06 คุณภาพแล้วหรือยังนะคะเดี๋ยวคุยกับรอง
00:01:06 → 00:01:09 ศาสตราจารย์ดรนายแพทย์วรสิทธิ์สิริพร
00:01:09 → 00:01:12 พาณิชย์ศูนย์วิจัยปราสาทวิทยาศาสตร์
00:01:12 → 00:01:15 สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุลมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีครับค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 อาจารย์คะคุยกันถึงเรื่องของการนอนนะคะ
00:01:21 → 00:01:23 จริงๆถ้าเกิดว่านอนหลับพักผ่อนเพียงพอก็
00:01:23 → 00:01:25 ไม่รู้คำว่าเพียงพอเนี่ยมันต้องเพียงพอ
00:01:25 → 00:01:28 แค่ไหนในระดับไหนนะคะแต่ว่าสิ่งที่เราจะ
00:01:28 → 00:01:31 คุยกันในวันนี้มันเป็นเรื่องของการนอน
00:01:31 → 00:01:33 อย่างมีคุณภาพนอนยังไงให้มีคุณภาพถาม
00:01:33 → 00:01:35 อาจารย์อย่างงี้ก่อนเลยค่ะเอ่อเรื่องของ
00:01:36 → 00:01:38 การนอนนอนยังไงให้มีคุณภาพแล้วมันสำคัญ
00:01:38 → 00:01:41 ยังไงบ้างคะอาจารย์ครับขอบคุณครับเรื่อง
00:01:41 → 00:01:43 ของการนอนอย่างมีคุณภาพเนี่ยจริงๆแล้วมัน
00:01:43 → 00:01:46 มีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างอันแรกสุดคือ
00:01:46 → 00:01:49 ระยะเวลาการนอนระยะเวลาการนอนเนี่ยต้อง
00:01:49 → 00:01:51 ต้องได้อย่างที่พวกเราชอบรู้จักกันว่าผู้
00:01:51 → 00:01:54 ใหญ่นอน 8 ชมนะครับจริงๆไม่ใช่ 8 ชั่วโมง
00:01:54 → 00:01:57 เป๊ะนะครับจริงๆมันคือ 7-9 ชมอาจจะมีบาง
00:01:57 → 00:02:00 คนนอน 7 ช่มได้บางคนนอน 9 ช่มได้อันนี้
00:02:00 → 00:02:02 แล้วแต่บุคคลนะครับส่วนเด็กอาจจะต้องการ
00:02:02 → 00:02:05 การนอนที่นานขึ้นกว่าผู้ใหญ่อย่างวัยรุ่น
00:02:05 → 00:02:07 เนี่ยประมาณ 9 ช่วโมงเด็กประถมก็อาจจะ
00:02:07 → 00:02:09 ประมาณสัก 10 ช่วโมงเครับก็จะมากขึ้นไป
00:02:09 → 00:02:12 ส่วนคนผู้สูงวัยเนี่ยอาจจะนอนเหลือประมาณ
00:02:12 → 00:02:15 เฉลี่ยประมาณ 7 ชมงนะครับนั้นอันดับแรก
00:02:15 → 00:02:19 ของคุณภาพคือปริมาณก่อนปริมาณต้องได้อัน
00:02:19 → 00:02:22 ที่ 2 คือคุณภาพในเชิงของลักษณะของการนอน
00:02:22 → 00:02:25 หลับในแต่ละระยะเนี่ยต้องได้ตามที่ควรจะ
00:02:25 → 00:02:28 เป็นอคือหลายๆคนบอกว่านอนไปต้อง 8-9
00:02:28 → 00:02:31 ช่วโมงแล้วรู้สึกว่ายังไม่ค่อยสดชื่นตื่น
00:02:31 → 00:02:34 มาแล้วยังหัวยังมึนๆนั่นแสดงว่าปริมาณได้
00:02:34 → 00:02:37 แต่ว่าตัวคุณภาพหรือระยะการนอนต่างๆเนี่ย
00:02:37 → 00:02:39 ได้ไม่ถึงอย่างที่ควรจะเป็นอ๋อนะครับ
00:02:39 → 00:02:42 เพราะบางคนมีลักษณะของการนอนที่ผิดปกติ
00:02:42 → 00:02:45 ครับอย่างเช่นนอนไปแล้วเหมมีนอนกรนรุนแรง
00:02:45 → 00:02:48 แล้วก็มีหยุดหายใจนะครับเกิดขึ้นทำให้
00:02:48 → 00:02:50 ร่างกายเนี่ยตื่นเป็นระยะๆะในระหว่างการ
00:02:50 → 00:02:53 นอนกลายเป็นว่าเข้าระยะการหลับลึกไม่ได้
00:02:53 → 00:02:56 ซึ่งพอเข้าระยะหลักลึกไม่ได้ปุ๊บเนี่ยมัน
00:02:56 → 00:02:58 นอนก็เหมือนกับไม่ค่อยได้นอนก็เลยแว่า
00:02:58 → 00:03:00 ตื่นมาตอนเช้าต่อให้นับชั่วโมงการนอนได้
00:03:01 → 00:03:03 89 ชั่วโมงกลายเป็นว่าตื่นแล้วก็ไม่สดสด
00:03:03 → 00:03:07 ชื่นก็คือคุณภาพไม่ได้นะครับเพราะฉะนั้น
00:03:07 → 00:03:10 นอกจากเรื่องของปริมาณพอนะครับลักษณะ
00:03:10 → 00:03:12 คุณภาพการนอนคือการนอนในแต่ละระยะก็ต้อง
00:03:12 → 00:03:15 ได้ตามที่ควรจะเป็นค่ะอีกประเด็นหนึงครับ
00:03:15 → 00:03:19 ที่สำคัญมากๆก็คือเรื่องของนาฬิกาเเรียก
00:03:19 → 00:03:22 ว่านาฬิกาชีวิตหรือนาฬิกาชีวภาพครับเอ่อ
00:03:22 → 00:03:24 สมัยก่อนเราก็ไม่ได้สนใจตรงนี้มากนักนะ
00:03:24 → 00:03:26 ครับเพราะว่าทางวิทยาศาสตร์เองก็อาจจะยัง
00:03:26 → 00:03:29 ไม่ได้ศึกษาตรงนี้มากแต่ปัจจุบันเราเราพบ
00:03:29 → 00:03:31 ว่าว่าร่างกายมนุษย์เองเนี่ยครับไม่ว่าจะ
00:03:31 → 00:03:34 เป็นตัวสมองหรืออวยวะต่างๆเนี่ยมันมีรอบ
00:03:34 → 00:03:37 การทำงานของมันอืค่ะเพราะฉะนั้นถ้าเกิด
00:03:37 → 00:03:41 รอบการทำงานตรงนี้เนี่ยมันเกิดการรวนโดย
00:03:41 → 00:03:44 เฉพาะคนที่นอนดึกบ่อยๆต่อให้เขานอนได้ดี
00:03:44 → 00:03:47 นะครับคือนอนดึกแต่นอน 8-9 ช่วโมงนะครับ
00:03:47 → 00:03:50 นอนดึกนอนได้เข้าระยะหลับลึกได้ทุกอย่าง
00:03:50 → 00:03:52 แต่มันไม่ตรงรอไปนอนตอนเช้าอย่างนี้เนี่ย
00:03:52 → 00:03:55 มันก็ส่งผลเสียต่อร่างกายได้นะครับซึ่ง
00:03:55 → 00:03:57 ตรงนี้เองเนี่ยมันเป็นสิ่งนึงที่ทางนัก
00:03:57 → 00:04:00 วิทยาศาสตร์เองสนใจมากๆเพราะว่าเราเคยรู้
00:04:00 → 00:04:02 สึกว่าทำไมเ่อสภาวะบางอย่างเนี่ยมันจะ
00:04:02 → 00:04:05 เกิดขึ้นในบางช่วงเวลาอ่ะยกตัวอย่างเช่น
00:04:05 → 00:04:07 คนที่ปวดท้องจากเรื่องของโรคกระเพาะเนี่ย
00:04:07 → 00:04:10 จะชอบปวดดึกๆทั้งๆที่เขาไม่ได้กินข้าวเอา
00:04:10 → 00:04:12 ว่ามันเป็นช่วงของการที่มันมีการปรับของ
00:04:12 → 00:04:14 ร่างกายมีการหลั่งกรดในเวลานั้นอย่างนั้น
00:04:14 → 00:04:17 เป็นต้นนะฮะเพราะฉะนั้นในเรื่องของการนอน
00:04:17 → 00:04:19 เนี่ยนะครับปัจจุบันเองจึงต้องมาโฟกัสอีก
00:04:19 → 00:04:22 เรื่องนึงคือควรจะนอนตรงรอบหมายความว่า
00:04:22 → 00:04:24 เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่นอนตอนกลางคืนเราก็
00:04:24 → 00:04:26 ควรจะนอนตอนกลางคืนถ้าเรามานอนในเวลาที่
00:04:26 → 00:04:28 เปลี่นไปเนี่ยนะครับมันก็ทำให้มันไม่ตรง
00:04:29 → 00:04:30 รอบแล้วทำให้เสียการทำงานของร่างกายไป
00:04:31 → 00:04:35 ครับอ๋อกำลังนึกถึงตัวเองด้วยนะคะแล้วคุณ
00:04:35 → 00:04:37 ผู้ฟังนึกถึงตัวเองบ้างมั้ยคะแต่ในว่าใน
00:04:37 → 00:04:39 คุณภาพการนอนที่ผ่านมาเป็นยังไงเพราะว่า
00:04:39 → 00:04:42 พออาจารย์บอกแบบนี้ปึ๊บนี่ฉูกคิดขึ้นมา
00:04:42 → 00:04:46 ได้เลยว่านอนดึกก็จริงแต่ว่าเราก็รู้สึก
00:04:46 → 00:04:49 ว่านอนได้อย่างเต็มที่ 8-9 ช่วโมงนะคะแต่
00:04:49 → 00:04:52 ปรากฏว่าอ้ามันไม่ได้คุณภาพมันไม่ได้วง
00:04:52 → 00:04:56 รอบของนาฬิกาชีวิตมันมันมันเลยเวลาไปหลาย
00:04:56 → 00:04:58 ชั่วโมงอยู่เหมือนกันเพราะมันมีระยะเวลา
00:04:58 → 00:05:00 อย่างนี้ใช่มั้ยคะอาจารย์ว่าเอ่อในช่วง
00:05:00 → 00:05:03 เวลากี่ทุ่มเอ่อกี่ทุ่มเป็นต้นไปอวัยวะ
00:05:04 → 00:05:06 ส่วนไหนทำงานหรืออะไรอย่างงี้ด้วยใช่มั้
00:05:06 → 00:05:08 คะอย่างที่เคยได้ได้ยินมาเกี่ยวกับเรื่อง
00:05:08 → 00:05:10 ของนาฬิกาชีวิตใช่ครับคือเมื่อก่อนเราก็
00:05:10 → 00:05:12 เข้าใจแค่ว่าตัวนาฬิกาชีวิตเนี่ยเป็นแค่
00:05:12 → 00:05:15 ลักษณะว่ามีการหลั่งของตัวเมลาตินออกมา
00:05:15 → 00:05:18 แล้วเรารู้สึกพร้อมจะเข้านอนแล้วก็ทำให้
00:05:18 → 00:05:20 เกิดการนอนหลับต่อไปแต่ปัจจุบันเราพบว่า
00:05:20 → 00:05:23 ไอ้ตัววงจรตรงเครับเกี่ยวกับตัวเมลาตัว
00:05:23 → 00:05:25 เนี่ยมันไปคอนโทรลนาฬิกาชีวิตของแต่ละ
00:05:25 → 00:05:28 เซลล์ในแต่ละอวัยวะให้มีการทำงานเป็นรอบ
00:05:28 → 00:05:31 นะครับจังหวะขึ้นมาซึ่งึต้องเรียนว่าตรง
00:05:31 → 00:05:33 นี้เองเนี่ยทางนักวิทยาศาสตร์เองเขคกำลัง
00:05:33 → 00:05:35 ศึกษาวิจัยกันอยู่ข้อมูลเองอาจจะยังไม่
00:05:35 → 00:05:38 ได้มีชัดมากแต่ที่แน่นอนคือร่างกายของ
00:05:38 → 00:05:41 มนุษย์เองเนี่ยมันมีลักษณะของวงรอบถ้าเรา
00:05:41 → 00:05:42 สังเกตเนี่ยเราจะอยู่ในลักษณะของการที่
00:05:42 → 00:05:44 มันเป็นรอบยกตัวอย่างเช่นของของคุณผู้
00:05:44 → 00:05:47 หญิงก็มีลักษณะของรอบเดือนหรือแม้แต่การ
00:05:47 → 00:05:50 นอนหลับใน 1 คืนเองเนี่ยก็มีวงจรหรือเป็น
00:05:50 → 00:05:52 รอบของการนอนหลับเกิดขึ้นประมาณ 4-6 รอบ
00:05:52 → 00:05:55 ต่อคืนทุกๆอย่างของร่างกายมนุษย์เนี่ยมัน
00:05:55 → 00:05:57 จะเป็นรอบเพราะฉะนั้นถ้าเราทำทุกอย่างตาม
00:05:57 → 00:05:59 รอบเนี่ยทุกอย่างมันจะโอเคหมดแต่ถ้าเกิด
00:05:59 → 00:06:01 เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปฝืนกับรอบที่มัน
00:06:01 → 00:06:03 ควรจะเป็นนะครับอ่าโอเคอาจจะเป็นชั่วคราว
00:06:04 → 00:06:06 อาจจะไม่เป็นไรแต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:06:06 → 00:06:08 เป็นระยะยาวเนี่ยอันนี้ส่งผลเสียแน่นอนฮะ
00:06:08 → 00:06:10 ค่ะแล้วถ้างานตามรอบเนี่ยมันต้องเป็นรอบ
00:06:10 → 00:06:13 แบบไหนเวลาไหนอะไรยังไงบ้างคะอาจารย์คะ
00:06:13 → 00:06:15 ถ้าเป็นลักษณะของการนอนหลับเครับปกติแล้ว
00:06:15 → 00:06:17 เนี่ยตัวร่างกายของเราเองเนี่ยจะเริ่ม
00:06:17 → 00:06:20 ง่วงเมื่อแสงแสงอาทิตย์มันลดลงนะครับ
00:06:20 → 00:06:22 เพราะว่าตัวแสงเนี่ยจะเป็นตัวคอนโทรลนะ
00:06:23 → 00:06:25 ครับเรื่องของการเข้าสู่ระยะการนอนของ
00:06:25 → 00:06:27 มนุษย์นะครับที่อันนี้เป็นตัวที่สำคัญมาก
00:06:27 → 00:06:30 ๆนะครับเมื่อแสงลดลงเนี่ยนะครับร่างกาย
00:06:30 → 00:06:32 เราเนี่ยก็จะเข้าสู่ช่วงของการที่เริ่ม
00:06:32 → 00:06:34 รู้สึกง่วงนะครับมีเรื่องของการหลั่ง
00:06:34 → 00:06:37 ฮอร์โมนออกมาที่ทำให้ร่างกายเนี่ยเรา
00:06:37 → 00:06:39 พร้อมจะเข้าสู่การนอนหลับนะครับแล้วหลัง
00:06:39 → 00:06:41 จากนั้นเราก็นอนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมา
00:06:41 → 00:06:44 อีกทีในช่วงของเช้าในแต่ละวันประเด็นคือ
00:06:44 → 00:06:47 มนุษย์ปัจจุบันเนี่ยมีการสร้างแสกเทียม
00:06:47 → 00:06:49 ขึ้นมาครับคือไม่ใช่แสงอาทิตย์แต่เป็นแสง
00:06:49 → 00:06:52 จากไฟฟ้าอืทำให้ร่างกายของเราเนี่ยทำงาน
00:06:52 → 00:06:55 ได้ยาวขึ้นแต่ข้อเสียคือเมื่อแสงตรงนี้มี
00:06:55 → 00:06:58 มาปุ๊บเนี่ยมันก็จะไปรบกวนนะครับกระบวน
00:06:58 → 00:07:00 การในการที่เราเข้าสู่การนอนหลับปกติทำ
00:07:00 → 00:07:03 ให้มนุษย์ปัจจุบันเองเนี่ยเราง่วงนอนช้า
00:07:03 → 00:07:06 ลงจากการที่เรามีแสงค่ะถ้าเราลองสังเกตดู
00:07:06 → 00:07:08 นะครับอย่างเวลาเราไปเที่ยวต่างจังหวัด
00:07:08 → 00:07:10 ไกลๆเนี่ยครับเราจะเห็นว่าเอ่อคนพื้นที่
00:07:10 → 00:07:13 นะครับชาวบ้านเนี่ยนะครับประมาณ 19 20:00
00:07:13 → 00:07:15 นเขก็หลับกันละค่ะใช่นะครับในเมืองใหญ่ๆ
00:07:16 → 00:07:18 นะครับที่เราอยู่กันนะครับเรา 19 20:00
00:07:18 → 00:07:20 นนี่โอ้โหเป็นช่วงเวลาที่แอคทีฟมากนะครับ
00:07:20 → 00:07:23 ในการช้อปปิ้งในการต่อคิวกินอาหารชีวิต
00:07:23 → 00:07:25 มันเปลี่ยนไปเลยครับแล้วงงนี้เนี่ยมัน
00:07:25 → 00:07:27 กลายเป็นผลกระทบในระยะยาวที่ที่ไม่ดี
00:07:27 → 00:07:30 เพราะว่าเรานอนดึกกว่าที่ควรจะเป็นนะครับ
00:07:30 → 00:07:32 โดยโดยปัญหาหลักๆที่ปัจจุบันเราคอนเซิร์น
00:07:32 → 00:07:35 มากๆคือเรื่องของแสงไฟนะครับซึ่งมาจากไอ้
00:07:35 → 00:07:38 ตัวไฟฟ้าและที่สำคัญมากๆกับแสงไฟจาก
00:07:38 → 00:07:40 อุปกรณ์ไอทีซึ่งไอ้แสงตรงนี้นะครับที่เขา
00:07:40 → 00:07:42 พูดกันถึงเรื่องของแสงสีฟ้าเนี่ยคือตัว
00:07:42 → 00:07:44 ที่มันยับยั้งการหลังของตัวฮอร์โมนเกี่ยว
00:07:44 → 00:07:48 ข้องกับการนอนหลับโดยตรงเลยฮะค่ะอืแต่เรา
00:07:48 → 00:07:52 ติดไปแล้วค่ะอาจารย์กับแสงต่างๆเหล่านี้
00:07:52 → 00:07:55 นะคะแล้วก็แบบเอ่อต้องติดตามโซเชียลหรือ
00:07:55 → 00:07:58 ว่าดูนั่นดูนี่กันตลอดเลยอ่ะมันโหได้
00:07:58 → 00:08:02 อย่างงี้เราจะวางมันลงได้ยังไงคะเราจะ
00:08:02 → 00:08:05 ปรับตัวได้มั้ยคะเนี่ยครับครับเข้าใจนะ
00:08:05 → 00:08:06 ครับเพราะว่าจริงๆก็ต้องบอกว่าเราไม่
00:08:06 → 00:08:09 สามารถปฏิเสธเทคโนโลยีที่เข้ามาได้แต่เรา
00:08:09 → 00:08:12 ต้องปรับตัวให้อยู่กับมันได้นะครับหลายๆ
00:08:12 → 00:08:15 คนบอกว่าเราต้องใช้เทคโนโลยีไม่ใช่ตนี้มา
00:08:15 → 00:08:17 ใช้เราแน่นอนครับเราต้องใช้อุปกรณ์เหล่า
00:08:17 → 00:08:19 นี้ครับปฏิเสธไม่ได้หรอกครับยุคนี้ถ้าไม่
00:08:19 → 00:08:22 ได้ใช้เนี่ยเราก็จะเสียโอกาสหลายๆอย่าง
00:08:22 → 00:08:24 แต่อย่างน้อยนะครับก่อนเข้านอนเนี่ยเอา
00:08:24 → 00:08:27 ประมาณสักครึ่ง - 1 ชั่วโมงวางลงแล้วก็
00:08:27 → 00:08:29 ทำจิตใจให้สบายพร้อมเข้าน
00:08:29 → 00:08:31 คือถ้าเกิดเราติดตามในเรื่องของ
00:08:31 → 00:08:33 โซเชียลมีเดียเนี่ยเราจะพบว่าหลักการของ
00:08:33 → 00:08:36 อุปกรณ์เหล่านี้เนี่ยมันเร้าอารแล้วมัน
00:08:36 → 00:08:39 กระตุ้นให้เราสนใจอยู่ตลอดเวลาอเพราะ
00:08:39 → 00:08:41 ฉะนั้นถ้าเกิดเรายังใช้อุปกรณ์เหล่านี้
00:08:41 → 00:08:43 เพื่อเตรียมเข้านอนเนี่ยมันจะนอนไม่ได้ผม
00:08:43 → 00:08:45 เชื่อว่าทุกคนก็เป็นครับผมก็เป็นถ้าเรา
00:08:45 → 00:08:47 เปิดอุปกรณ์ไอทีเหล่าเนี้หรือเข้าโซเชียล
00:08:47 → 00:08:50 เเยเนี่ยนะครับมันจะพาเราไหลไปเรื่อยๆ
00:08:50 → 00:08:52 ครับเราก็จะไถหน้าจอไปเรื่อยๆมันจะดึงเรา
00:08:52 → 00:08:54 ไปเรื่อยๆแล้วสุดท้ายเราก็ไม่ง่วงแล้วเรา
00:08:54 → 00:08:57 ก็ไม่นอนค่ะนะครับเพราะฉะนั้นก่อนจะนอนเ
00:08:57 → 00:08:59 ครับสมมุติว่าท่านตวางแผนว่าจะเข้านอน
00:08:59 → 00:09:01 ประมาณสัก 22005 นเอาสัก 3-3 22:00 น
00:09:01 → 00:09:04 เนี่ยก็ควรจะลดอุปกรณ์เหล่านี้ลงแล้วครับ
00:09:04 → 00:09:07 อ๋อนะเอาวางลงนะครับจริงๆไม่แนะนำให้อยู่
00:09:07 → 00:09:09 ในห้องนอนนะครับแยกออกไปข้างนอกยกเว้นว่า
00:09:10 → 00:09:12 บุคลากรที่อาจจะต้องทำงานในเวลากลางคืน
00:09:12 → 00:09:14 เช่นคนที่ต้องถูกตามกลางคืนอาจจะไว้ใน
00:09:14 → 00:09:16 ห้องได้แต่ถ้าท่านไม่ไม่ได้ทำงานลักษณะ
00:09:16 → 00:09:18 แบบนั้นเนี่ยแนะนำอุปกรณ์เหล่านี้ออกจาก
00:09:18 → 00:09:19 ห้องเถอะครับเพราะว่ามันจะได้ไม่ไปรบกวน
00:09:20 → 00:09:22 การนอนของท่านนะครับแล้วก่อนนอนเนี่ยทำ
00:09:22 → 00:09:25 เป็นเวลาสบายบายนะครับอาจจะบางคนใช้การ
00:09:25 → 00:09:28 นั่งสมาธิสวดมนต์หรืออ่านหนังสือเบาๆครับ
00:09:28 → 00:09:31 ของเนนะครับให้ร่างกายรู้ว่าเนี่ยคือการ
00:09:31 → 00:09:33 ที่จะเข้านอนคือเรื่องของการนอนเนี่ยมัน
00:09:33 → 00:09:35 เป็นเรื่องที่ยากนิดนึงตรงที่ว่าถ้าเรา
00:09:35 → 00:09:38 ตั้งใจจะนอนเราจะนอนไม่ได้ฮะอ้าทำมัน
00:09:38 → 00:09:40 เหมือนกับการทำงานการทำงานเราต้องตั้งใจ
00:09:40 → 00:09:43 ค่ะใช่แต่การนอนนี่ตั้งใจไม่ได้ครับถ้า
00:09:43 → 00:09:45 คุณตั้งใจจะนอนมันเป็นการบังคับให้สมอง
00:09:46 → 00:09:48 ส่วนของความตั้งใจเมันทำงานซึ่งถ้าสมอง
00:09:48 → 00:09:51 ส่วนนี้ทำงานเนี่ยเราจะไม่ง่วงเอ้าเพราะ
00:09:51 → 00:09:52 ฉะนั้นการนอนเนี่ยต้องเป็นลักษณะของการ
00:09:52 → 00:09:54 ผ่อนคลาย
00:09:54 → 00:09:56 อืครับคำว่าผ่อนคลายหมายความว่าเราต้อง
00:09:56 → 00:09:59 พยายามหลอกร่างกายว่าอันเนี้ยไม่ไม่ได้
00:09:59 → 00:10:01 เราไม่ได้ตั้งใจจะนอนนะแต่เราทำให้ร่าง
00:10:01 → 00:10:03 กายรู้ทางอ้อมว่าเรากำลังจะนอนเช่นก่อนจะ
00:10:03 → 00:10:06 นอนหลายๆคนใช้การสวดมนต์ใช้การใช้การแปรง
00:10:06 → 00:10:09 ฟันนะครับหรือการทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง
00:10:09 → 00:10:11 เพื่อจะบอกเหือจที่เราฝึกเด็กๆว่าก่อน
00:10:11 → 00:10:14 เข้านอนต้องทำ 1 2 3 4 นะอ่ะไปแปรงฟัน
00:10:14 → 00:10:17 อ่ะไปบ้วนปากนะอ่าสวดมนต์ไหว้พระนะครับ
00:10:17 → 00:10:19 หรือทำตามศาสนาที่ท่านนับถืออยู่แล้วก็
00:10:19 → 00:10:21 เข้านอนมันเป็นการเซตโดยอรมณ์นะครับเป็น
00:10:21 → 00:10:23 การสร้างรูทีนของการเข้านอนทำให้ร่างกาย
00:10:23 → 00:10:25 รู้ว่านี้จะนอนโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือ
00:10:25 → 00:10:28 สั่งมันเข้านอนเพราะถ้าสั่งจะทำไม่ได้เรา
00:10:28 → 00:10:30 จะกลายเป็นตตืขึ้นมาทันทียิ่งพยายามจะนอน
00:10:30 → 00:10:32 แล้วเรายิ่งนอนไม่ได้ครับมันเป็นกระบวน
00:10:32 → 00:10:34 การแบบเมันตลกนิดนึงตของการนอนหลักคือ
00:10:35 → 00:10:37 ต้องผ่อนคลายถึงจะนอนได้จริงค่ะอาจารย์
00:10:37 → 00:10:39 เพราะว่าพยายามเดี๋ว่าบางทีคือเอาแหละ
00:10:39 → 00:10:42 เอ่อบางทีนะคะบอกว่าเราอยากจะนอนเร็วแหละ
00:10:42 → 00:10:45 วันเนี้ยนะคะตั้งใจละไม่หลับจริงๆด้วย
00:10:45 → 00:10:47 อาจารย์มันเป็นกลไกของสมองที่เราสั่งมัน
00:10:47 → 00:10:51 เป็นเอ่อทำให้เราตื่นบอกจะหลับแต่กลาย
00:10:51 → 00:10:54 เป็นว่าตื่นซะอย่างนั้นเลยอ๋อเป็นแบบนี้
00:10:54 → 00:10:57 นี่เองแปลกมากค่ะอาจารย์อ้าแล้วอย่างงี้
00:10:57 → 00:11:01 คือเราจะใช้วิธีแบบไหนคะคืออ่ะผ่อนคลายไป
00:11:01 → 00:11:04 จัดสถานที่หรือสิ่งที่มันจะทำให้เราอยู่
00:11:04 → 00:11:07 กับเ่อใจโจดใจจอกกับโซเชียลมีเดียหรือมือ
00:11:07 → 00:11:11 ถือโทรทัศน์เนี่ยอ่ะอยู่ข้างนอกและภาย
00:11:11 → 00:11:13 บรรยากาศภายในห้องนอนเราก็ต้องมีการจัด
00:11:13 → 00:11:16 สรรด้วยใช่มยคะอาจารย์เพื่อให้แบบเออรู้
00:11:16 → 00:11:19 สึกว่าร่างกายเราตอนเมันเป็นช่วงกลางคืน
00:11:19 → 00:11:21 แล้วนะมันมืดแล้วนะต้องนอนแล้วนะอย่างงี้
00:11:21 → 00:11:23 ด้วยหรือเปล่าคะคือเรื่องของการเตรียม
00:11:24 → 00:11:26 เข้านอนนะครับมันจะมีสิ่งที่เราเรียกว่า
00:11:26 → 00:11:28 สุขอนามัยการนอนหลับอยู่ซึ่งก็ก็จะมีคำ
00:11:28 → 00:11:31 แนะนำในการที่เราจะปรับตัวนะครับในการ
00:11:31 → 00:11:33 เข้านอนไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของการเตรียม
00:11:33 → 00:11:36 ตัวก่อนเข้านอนนะครับเป็นเรื่องของการที่
00:11:36 → 00:11:39 ปรับสภาพห้องนอนแล้วก็เวลาตื่นนอนนะครับ
00:11:39 → 00:11:43 เอ่ออง่ายๆนะครับก็คือในลักษณะที่ว่าตัว
00:11:43 → 00:11:45 ก่อนเข้านอนเนี่ยจะอย่างที่ผมได้ได้เรียน
00:11:45 → 00:11:47 ทุกท่านไปคือเรื่องของการผ่อนคลายนะครับ
00:11:47 → 00:11:50 หลายๆคนก็อาจจะบอกว่าก่อนเข้านอนจะต้อง
00:11:50 → 00:11:54 เอ่อมีเอ่อต้องมีการกินนมก่อนนอนอันนี้
00:11:54 → 00:11:56 อันนี้ไม่เห็นด้วยครับจริงๆก่อนเข้า
00:11:56 → 00:11:58 นอนนี่อยากให้ท้องว่างๆครับเพราะถ้ากิน
00:11:58 → 00:12:01 อะไรเข้าไปเในช่วงเวลาก่อนเขนอนหรือบางคน
00:12:01 → 00:12:05 เนี่ยนะครับไปสังสรรคฮะก็อาจจะเป็นหมู
00:12:05 → 00:12:07 กระทะครับกลับมาก็นอนไม่ได้อันนั้นไม่
00:12:07 → 00:12:09 แปลกเลยครับเพราะท้องแน่นขนาดนั้นนอนไม่
00:12:09 → 00:12:11 ได้อยู่แล้วงั้นอาหารหมือหลักเนี่ยควรจะ
00:12:11 → 00:12:14 ห่างกับเวลานอนประมาณ 2-3 ชั่วโมงนะครับ
00:12:14 → 00:12:16 เพื่อทำให้ร่างกายมันย่อยในบางส่วนแล้ว
00:12:16 → 00:12:18 เราไม่แน่นท้องเกินไปไม่งั้นเราเราก็จะ
00:12:18 → 00:12:21 แน่นท้อนหรือบางคนก็เป็นกรดไหลย้อนขึ้นมา
00:12:21 → 00:12:23 อะไรแบบนี้นะครับเพราะฉะนั้นก่อนเข้านอน
00:12:23 → 00:12:26 เนี่ยผ่อนคลายหลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่นะ
00:12:26 → 00:12:28 ครับออกกำลังกายดีนะครับดีกับสุขภาพแต่
00:12:28 → 00:12:30 อย่าออกกำลังกายใกล้เวลานอนครับเพราะออก
00:12:30 → 00:12:32 กำลังกายคือการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว
00:12:32 → 00:12:35 อืออกกำลังกายเนี่ยควรจะไปทำตั้งแต่ช่วง
00:12:35 → 00:12:37 เย็นๆฮะหรือถ้าจริงๆเนี่ยออกกำลังกายดี
00:12:37 → 00:12:40 เนี่ยคือตอนเช้าค่ะอ๋อตอนเช้าครับมันจะ
00:12:40 → 00:12:42 ไม่ค่อยรบกวนเรื่องของการนอนหลับมากนักนะ
00:12:43 → 00:12:46 ครับค่ะเอ่อทีนี้เรื่องของอันนี้คือ
00:12:46 → 00:12:48 เรื่องของการเตรียมก่อนเข้านอนครับเน้น
00:12:48 → 00:12:50 ผ่อนคลายหลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่หลีก
00:12:50 → 00:12:52 เลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนเข้านอนค่ะ
00:12:52 → 00:12:54 ทีนี้สภาพห้องนอนนี่เป็นเรื่องที่สำคัญ
00:12:54 → 00:12:57 มากๆครับผมเข้าใจว่าหลายๆท่านเองอาจจะมี
00:12:57 → 00:13:00 เอ่อข้อจำกัดนะครับในในการปรับห้องนอนนะ
00:13:00 → 00:13:02 ครับแต่อย่างน้อยที่สุดเนี่ยขอ 3 อย่าง
00:13:02 → 00:13:04 อันที่ 1 ก็คือแสงแสงในห้องนอนเนี่ยเอา
00:13:05 → 00:13:06 น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยครับหรือ
00:13:06 → 00:13:09 ถ้าปิดได้มืดสนิทเนี่ยยิ่งดีมากๆเพราะ
00:13:09 → 00:13:11 อย่างที่ย้ำมาตลอดครับตัวฮอร์โมนที่ควบ
00:13:11 → 00:13:13 คุมเรื่องของเอ่อการเข้าสู่ระยะการนอน
00:13:13 → 00:13:16 หลับเนี่ยมันกลัวแสงครับถ้าแสงอยู่เนี่ย
00:13:16 → 00:13:19 มันจะไม่ค่อยหลั่งค่ะอ่าเพราะฉะนั้นตัวใน
00:13:19 → 00:13:22 ห้องนอนเราต้องมืดครับอ่าอันที่ 2 ก็คือ
00:13:23 → 00:13:25 เสียงนะครับเราพบว่าเสียงเนี่ยมันกระตุ้น
00:13:25 → 00:13:28 สมองได้บางครั้งเราอาจจะไม่ตื่นครับแต่
00:13:28 → 00:13:30 สมองเราตื่นขึ้นมาเป็นระยะระะจากเสียงนะ
00:13:30 → 00:13:32 ครับเพราะฉะนั้นในห้องนอนควรจะเป็นสถาน
00:13:32 → 00:13:35 ที่ที่เงียบนะครับซึ่งอันนี้ก็เห็นใจหลาย
00:13:35 → 00:13:38 ๆท่านว่าถ้าเกิดบ้านอยู่ติดกับถนนใหญ่
00:13:38 → 00:13:40 เนี่ยนะครับบางทีอาจจะมีเสียงดังอันนี้ก็
00:13:40 → 00:13:42 อาจจะต้องใช้กระบวนการอื่นๆเช่นอาจจะต้อง
00:13:42 → 00:13:45 ปิดหน้าต่างหรือใช้ม่านใหญ่ๆในการบลดล
00:13:45 → 00:13:48 เสียงเท่าที่จำเป็นนะครับแล้วอันที่ 3
00:13:48 → 00:13:50 เองนะครับที่ที่ที่เกี่ยวข้องนะครับนอก
00:13:50 → 00:13:53 เหนือจากเรื่องของตัวแสงแล้วก็เสียงแล้ว
00:13:53 → 00:13:55 ตรงนี้เนี่ยครับก็คงจะไปเน้นเกี่ยวกับ
00:13:55 → 00:13:57 เรื่องของตัวที่ไม่ควรอยู่ในห้องนอนก็คือ
00:13:57 → 00:13:59 อุปกรณ์ไอทีทั้งหลายเนี่ยนะครับวดควรจะนำ
00:13:59 → 00:14:01 ออกไปเพราะมันมาได้ทั้งแสนและเสียงอยู่
00:14:01 → 00:14:05 ตรงตรงนั้นเลยอค่ะนะครับค่ะอันสุดท้าย
00:14:05 → 00:14:08 ครับคือเวลาตื่นนอนผมไม่ทราบว่าทางเอ่อ
00:14:08 → 00:14:10 หลายๆท่านเองเนี่ยจะมีลักษณะนี้ึเปล่า
00:14:10 → 00:14:12 ครับว่าถ้าเป็นวันหยุดเนี่ยจะต้องมีการ
00:14:12 → 00:14:18 นอนชดเชยน่าจะน่าจะนะคะคือจริงๆแล้วหลัก
00:14:18 → 00:14:20 การคือเราอยากให้ตื่นในเวลาเดียวกันครับ
00:14:20 → 00:14:23 อืคือไม่ว่าจะวันอะไรเนี่ยอยากให้ต่างกัน
00:14:23 → 00:14:25 มากเกินกว่า 1 ชั่วโมงเพราะมันเป็นการ
00:14:25 → 00:14:27 เทรนร่างกายครับเราลองสังเกตดูนะครับถ้า
00:14:27 → 00:14:29 เกิดเราเอ่ออย่างตัวผมเองอย่างเงี้ยครับ
00:14:30 → 00:14:32 ต้องต้องไปต้องไปส่งลูกในวันปกติตื่นกัน
00:14:32 → 00:14:34 ประมาณ 5:00 นกว่าๆอย่างเงี้ยนะครับวัน
00:14:34 → 00:14:36 วันเสาร์อาทิตย์เนี่ยช่วงหลังๆก็ตื่นเ
00:14:36 → 00:14:38 ครับประมาณ 18:00 นก็ตื่นละนะครับมันก็
00:14:38 → 00:14:39 เป็นลักษณะที่ร่างกายเนี่ยถ้าเกิดเราตื่น
00:14:39 → 00:14:41 ในเวลาใดเวลาหนึ่งเนี่ยมันจะพยายามเซตให้
00:14:41 → 00:14:44 คงที่ประเด็นของสำคัญในยุคนี้คือว่าเราไป
00:14:44 → 00:14:47 นอนเยอะหรือไปนอนชดเชยในช่วงของวันหยุด
00:14:47 → 00:14:50 แล้ววันหยุดเนี่ยเราเข้านอนดึกด้วยค่ะมัน
00:14:50 → 00:14:52 เลยทำให้คืนวันคืนวันอาทิตย์เนี่ยเป็นวัน
00:14:52 → 00:14:55 ที่มีปัญหาเพราะว่าบางทีเราตื่นมาตอน
00:14:55 → 00:14:58 เที่ยนอความง่วงเนี่ยมันต้องสะสมมันทั้ง
00:14:58 → 00:15:00 วันครับแต่เราบังคับให้ตัวเองนอนตอนนอน
00:15:00 → 00:15:03 ตอน 21:00 นถ้าเที่ยนถึง 21:00 น 9 ชมใน
00:15:04 → 00:15:06 การสะสมความง่วงมันไม่ง่วงหรอกครับมันก็
00:15:06 → 00:15:08 กลายเป็นคืนนั้นนอนไม่ได้แต่ตอนเช้าต้อง
00:15:08 → 00:15:10 ตื่น 5:00 นต้องตื่น 18:00 นอ้ามีปัญหา
00:15:10 → 00:15:14 ทันทีนอนไม่พอมันก็จะรวมในแบบนี้เพราะ
00:15:14 → 00:15:15 ฉะนั้นเรื่องของเวลานอนในแต่ละวันเนี่ย
00:15:15 → 00:15:18 อยากให้เซตให้ในให้พอดีแล้วก็ใกล้เคียง
00:15:18 → 00:15:20 กันในแต่ละวันครับเพื่อทำให้ร่างกายของ
00:15:20 → 00:15:22 เราเนี่ยชินเพราะปัจจุบันร่างกายมนุษย์งง
00:15:22 → 00:15:25 ฮะคือวันวันบางวันก็ทำไมเอทำไมวันนี้ให้
00:15:25 → 00:15:27 ฉันนอนเยอะจังเลยทำไมวันนี้ปูฉันตั้งแต่
00:15:27 → 00:15:29 เช้าอย่างงี้พะเป็นแบบนี้บ่อยๆเนี่ยมันก็
00:15:29 → 00:15:33 จะรวนแลทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาอืปัญหา
00:15:33 → 00:15:36 ที่ว่าตามมาเนี่ยค่ะอาจารย์มีอะไรบ้างคะ
00:15:36 → 00:15:39 คืออ่ะทั้งที่การนอนไม่พอนอนไม่มีคุณภาพ
00:15:39 → 00:15:41 8-9 ชั่วโมงก็จริงแต่มันก็ไม่ได้หลับลึก
00:15:41 → 00:15:44 จริงๆไม่ได้หลับแบบตื่นมาแล้วเราสดชื่นก็
00:15:44 → 00:15:47 ยังงวงเงียอยู่หรือว่าการนอนชดเชยมันก็มี
00:15:47 → 00:15:50 ผลต่อเราเช่นเดียวกันมันมีผลกระทบยังไง
00:15:50 → 00:15:52 หรือว่ามันส่งผลเสียยังไงบ้างคะอาจารย์คะ
00:15:52 → 00:15:54 เราจะมีคอนเซปต์กันอย่างงี้ว่าการนอนหลับ
00:15:54 → 00:15:56 คือการพักผ่อนอันนี้ถูกต้องครับผมไม่ไม่
00:15:56 → 00:15:58 ได้เถียงตรงนี้เลยเพียงแต่ว่าว่าอาจจะ
00:15:58 → 00:16:00 ต้องขออนุญาตเสริมด้วยนอกจากการพักผ่อน
00:16:01 → 00:16:03 แล้วการนอนหลับเนี่ยเป็นหน้าที่ของร่าง
00:16:03 → 00:16:06 กายมนุษย์หมายความว่ามันจะมีกระบวนการ
00:16:06 → 00:16:09 หลายๆอย่างที่มันเกิดขึ้นเฉพาะนะครับหรือ
00:16:09 → 00:16:12 เกิดขึ้นเด่นในระหว่างการนอนลับนะครับอัน
00:16:12 → 00:16:14 ที่สำคัญมากๆถ้าเป็นกรณีของเด็กคือ
00:16:14 → 00:16:17 ฮอร์โมนของการเติบโตที่หลั่งออกมาในช่วง
00:16:17 → 00:16:19 ของการหลับลึกสมัยก่อนเี่อาจจะมีคุณปู่
00:16:19 → 00:16:22 คุณย่าคุณตาคุณยายจะบอกว่ากินเยอะๆนอน
00:16:22 → 00:16:26 เยอะๆจะได้โตไวๆใช่อันนี้อันนี้ไม่ผิดเลย
00:16:26 → 00:16:29 ฮะคุณปู่คุณย่าตยายเนี่ยพูดตามตามหลักของ
00:16:29 → 00:16:31 ของวิทยาศาสตร์เลยครับเพราะว่าตอนที่กิน
00:16:31 → 00:16:34 เยอะๆเป็นการให้วัตถุดิบเข้าไปนอนเยอะๆ
00:16:34 → 00:16:36 ฮอร์โมนเติบโตหลังออกมาร่างกายเจริญเติบ
00:16:37 → 00:16:40 โตอันนี้ดีอันนี้ตรงไปตรงมาเลยนะครับถาม
00:16:40 → 00:16:43 ว่าไม่นอนมันหลังมมันก็ไม่หลังครับมัน
00:16:43 → 00:16:45 หลังตอนที่เรานอนหลับหเรื่องของภูมิคุ้ม
00:16:45 → 00:16:47 กันครับภูมคุ้มกันของร่างกายเนี่ยมันถูก
00:16:47 → 00:16:50 กระตุ้นนะครับให้มีการทำงานเยอะนะครับใน
00:16:50 → 00:16:53 ช่วงของการนอนหลับค่ะเพฉะนั้นเราลอง
00:16:53 → 00:16:55 สังเกตนะครับช่วงที่เราไม่สบายเนี่ยเราจะ
00:16:55 → 00:16:58 หลับเยอะเพราะว่าไอ้สารของต่างๆที่มัน
00:16:58 → 00:17:00 เกี่ยวข้องกับการออกมาสู้กับเชื้อโรค
00:17:00 → 00:17:02 เนี่ยมันมีฤทธิ์ทำให้เราง่วงนอนพอเราง่วง
00:17:02 → 00:17:04 นอนเราหลับเนี่ยมันเป็นการกระตุ้นภูมิพุม
00:17:04 → 00:17:07 กันค่ะการตรวจสอบร่างกายครับการเช็คเซลล์
00:17:07 → 00:17:09 แปลกๆโดยเฉพาะเรื่องของเซลล์มะเร็งอนะ
00:17:09 → 00:17:11 ครับเอ้ยเจอเซลล์แปลกๆทำลายเลยอย่างงี้
00:17:12 → 00:17:13 เนี่ยอันเนี้ยก็เกิดขึ้นในช่วงของการนอน
00:17:13 → 00:17:16 หลับเพราะฉะนั้นเราเจอครับว่ามะเร็งบาง
00:17:16 → 00:17:18 ชนิดเนี่ยสัมพันธ์กับการนอนหลับที่ไม่ดี
00:17:18 → 00:17:21 ค่ะอืครับเพราะฉะนั้นเรื่องของของการนอน
00:17:21 → 00:17:23 หลับเองเนี่ยไม่ใช่แค่พักแล้วนะครับมัน
00:17:23 → 00:17:26 เป็นหน้าที่ของร่างกายที่ทำอีกเรื่องนึง
00:17:26 → 00:17:27 ครับอันนี้เกี่ยวข้องกับคนวัยทำงานเลย
00:17:27 → 00:17:29 ครับเรื่องความ
00:17:29 → 00:17:32 จำความจำระยะยาวเนี่ยไม่ได้สร้างตอนที่
00:17:32 → 00:17:35 เรากำลังทำกิจกรรมนั้นอยู่แต่ความจำระยะ
00:17:35 → 00:17:37 ยาวของมนุษย์เนี่ยสร้างตอนที่เรากำลัง
00:17:37 → 00:17:40 หลับอยู่เพราะฉะนั้นถ้าเรานอนหลับไม่ดี
00:17:40 → 00:17:43 ความจำระยะาสร้างไม่ได้ปัญหาก็คือมันทำ
00:17:43 → 00:17:45 ให้เราทำงานได้แย่ลงเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะ
00:17:45 → 00:17:47 เรื่องของการเติบโตเรื่องของภูมิคุ้มกัน
00:17:47 → 00:17:49 เรื่องของการกำจัดเซลล์แปลกปลอมพวกเซลล์
00:17:49 → 00:17:51 มะเร็งหรือเรื่องของความจำระยะยาวเนี่ย
00:17:51 → 00:17:54 คือกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนใน
00:17:54 → 00:17:57 ช่วงของการนอนหลับถ้านอนหลับไม่ดีกระบวน
00:17:57 → 00:17:59 การเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ดีมันส่งผลเสียต่อ
00:17:59 → 00:18:02 ร่างกายลสังเกตนะครับถ้าเกิดเราช่วงไหน
00:18:02 → 00:18:04 เรานอนเรานอนน้อยเนี่ยอันดับแรกที่จะมา
00:18:04 → 00:18:07 เตือนคือแผลร้อนในฮออจริงๆใช่รู้สึกจะ
00:18:08 → 00:18:10 ร้อนอยู่ข้างในเลยจะเป็นเร่เป็นหวัดครับ
00:18:10 → 00:18:12 เราก็จะเป็นหวัดง่ายติดหวัดง่ายเพราะว่า
00:18:12 → 00:18:14 ภูมิเราไม่ดีแล้วมันจะติดเชื้อโรคง่าย
00:18:14 → 00:18:18 ขึ้นค่ะอือแสดงว่าอันนั้นคือเป็นการ
00:18:18 → 00:18:21 สัญญาณบ่งบอกะเราต้องเปลี่ยนตัวเองและถ้า
00:18:21 → 00:18:23 งั้นเอาาใช้วิธีแบบทางลัดได้มั้ยคะ
00:18:23 → 00:18:25 อาจารย์เพราะว่าถ้าเกิดว่าจะแบบให้นอนแบบ
00:18:25 → 00:18:27 ที่อาจารย์บอกอย่างมีคุณภาพเลยเนี่ยปรับ
00:18:27 → 00:18:30 สิ่งแวดหรือใดๆก็แล้วแต่เนี่ยมันอาจจะแบบ
00:18:30 → 00:18:33 อืมันต้องใช้ระยะเวลาให้ร่างกายปรับตัว
00:18:33 → 00:18:35 หรือเปล่าเอาเป็นว่าเดี๋ยวนี้มันมีตัว
00:18:35 → 00:18:38 ช่วยค่ะอาจารย์อาหารเสริมช่วยให้นอนหลับ
00:18:38 → 00:18:41 ขึ้นขายตามร้านสะดวกซื้อเต็มไปหมดเลยใน
00:18:41 → 00:18:43 โซเชียลอีกต่างหากด้วยเนี่ยพวกเนี้ยมัน
00:18:43 → 00:18:45 ช่วยได้จริงหรือเปล่าคะหรือว่าแบบเราเรา
00:18:45 → 00:18:48 ควรจะใช้มันมยครับก็ในส่วนของอาหารเสริม
00:18:48 → 00:18:51 กับวิตามินเนี่ยมีหลายๆท่านสนใจก็มาสอบ
00:18:51 → 00:18:54 ถามกันอยู่เรื่อยๆนะครับเรียนอย่างงี้
00:18:54 → 00:18:57 ครับโดยโดยหลักการของตัวเอวิตามินก่อน
00:18:57 → 00:18:59 วิตามินเนี่ยครับส่วนใหญ่แล้วมันเป็นตัว
00:18:59 → 00:19:02 ที่มีบทบาทในการสร้างพวกสารสื่อประสาทใน
00:19:02 → 00:19:05 สมองค่ะคือมันเป็นตัวชั่วยในการสร้าง
00:19:05 → 00:19:08 ประเด็นคือถ้าเรามีวิตามินพอจากอาหารแล้ว
00:19:08 → 00:19:10 เสริมมามันไม่ได้ทำให้ช่วยสร้างได้มาก
00:19:10 → 00:19:14 ขึ้นเพราะฉะนั้นแปลว่าเราอาจถ้าเราเป็นคน
00:19:14 → 00:19:16 ที่กินอาหารครบหมู่อยู่แล้วกินได้ทุก
00:19:16 → 00:19:18 อย่างครบถ้วนอยู่แล้วเนี่ยมันไม่ได้
00:19:18 → 00:19:21 จำเป็นเพราะมันกมันก็มีอัตราในการสร้าง
00:19:21 → 00:19:23 เท่าเนี้ยครับเราเพิ่มไอ้ตัวช่วยสร้าง
00:19:23 → 00:19:25 ขึ้นมาเท่านี้มันก็ไม่ได้สร้างเพิ่มขึ้น
00:19:25 → 00:19:27 เพราะว่าอัตราการสร้างมันไว้มีอยู่ประมาณ
00:19:27 → 00:19:30 นั้นอันที่ 2 ครับก็เกี่ยวข้องกับพวกสาร
00:19:30 → 00:19:33 ที่อาจจะกินแล้วทำให้ง่วงนอนก็ต้องเรียน
00:19:33 → 00:19:35 ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยนะครับที่เป็นตัว
00:19:35 → 00:19:38 ผลิตภัณฑ์ที่บอกว่ากินแล้วง่วงนอนเนี่ยก็
00:19:38 → 00:19:42 มีงานวิจัยออกมาบ้างนะครับหรือว่าอาจจะมี
00:19:42 → 00:19:45 เรื่องของเอ่อการการศึกษาบ้างนะครับก็โดย
00:19:45 → 00:19:48 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดกินเป็นในกรณีของเอ่อ
00:19:48 → 00:19:50 ผมยกตัวอย่างเลยก็แล้วกันนะครับอย่างเช่น
00:19:50 → 00:19:53 ตัวฮอร์โมนเมลานินเอาว่ากันตรงๆตัวที่คน
00:19:53 → 00:19:55 มีการกินเนี่ยจริงๆแล้วตัวมันในแง่ของการ
00:19:55 → 00:19:57 ทำให้นอนหลับเนี่ยฤทธิ์มันไม่ค่อยแรงเท่า
00:19:57 → 00:19:59 ไหร่ส่วนใหญ่แล้วเมลาตัวนี้เนี่ยจะเหมาะ
00:19:59 → 00:20:01 มากในการเซตเวลานอนคือหมายความว่าถ้าเกิด
00:20:01 → 00:20:03 ท่านต้องเดินทางไปยุโรปไปอเมริกาอย่าง
00:20:03 → 00:20:05 เงี้ยแล้วท่านจะเปลี่ยนเวลานอนของท่านให้
00:20:05 → 00:20:07 รอบเนี่ยมันเปลี่ยนไปจากเดิมเพื่อทำให้
00:20:07 → 00:20:09 ท่านสามารถใช้ชีวิตที่ประเทศใหม่ได้ได้ดี
00:20:10 → 00:20:11 ขึ้นเนี่ยอันเนี้ยจะเหมาะมากๆในการใช้
00:20:11 → 00:20:14 เมลาตัวนี้เป็นตัวเซตเวลานะครับแต่ใน
00:20:14 → 00:20:16 เรื่องของการนอนหลับเองเนี่ยอาจจะมีผลไม่
00:20:16 → 00:20:19 ได้แรงมากนักเพราะฉะนั้นตัวของการที่กิน
00:20:19 → 00:20:21 ลักษณะของพวกเมลาโทนินอย่างนี้เองเนี่ย
00:20:21 → 00:20:23 ระหว่างให้นอนเนี่ยโอเคถ้าท่านไม่ได้กิน
00:20:23 → 00:20:25 บ่อยเนี่ยท่านอาจจะพอนอนหลับได้แต่ถ้า
00:20:25 → 00:20:27 เกิดท่านเป็นลักษณะโรคนอนไม่หลับนะครับ
00:20:27 → 00:20:29 อันเนี้ยเป็นโรคนอนไม่หลับเนี่ยมันมักจะ
00:20:29 → 00:20:31 ไม่ค่อยได้ผลพอพูดถึงตรงนี้ก็จะมาเรื่อง
00:20:31 → 00:20:32 เรื่องยาเลยครับก็จะมีคนบอกว่าถ้างั้น
00:20:32 → 00:20:34 ต้องกินยานอนหลับใช่มั้ยจริงๆแล้วการ
00:20:34 → 00:20:37 รักษาภาวะนอนไม่หลับหรือโรคนอนไม่หลับ
00:20:37 → 00:20:40 เนี่ยนะครับการใช้ยาเนี่ยไม่ใช่ตัวรักษา
00:20:40 → 00:20:42 หลักนะครับแต่การรักษาหลักเนี่ยจริงๆแล้ว
00:20:42 → 00:20:44 มันจะย้อนกลับไปเรื่องของการหาสาเหตุของ
00:20:45 → 00:20:47 การนอนไม่หลับแล้วก็ไปปรับเรื่องของสุขอ
00:20:47 → 00:20:50 เอามาในการนอนหลับครับเพียงแต่ในช่วงแรกๆ
00:20:50 → 00:20:52 ที่อยู่ในระหว่างของการปรับเนี่ยนะครับ
00:20:52 → 00:20:55 อาจต้องมีการให้ยาเข้ามาช่วยนะครับเพื่อ
00:20:55 → 00:20:57 ทำให้สามารถหลับได้เพื่อทำให้คนนั้นรู้
00:20:57 → 00:20:59 สึกผ่อนคลายว่าฉันก็หลับได้นะเพราะคนที่
00:20:59 → 00:21:01 นอนไม่หลับเรือรังเนี่ยมันกลายเป็นว่าการ
00:21:01 → 00:21:04 นอนหลับเนี่ยเป็นความเครียดบางคนกลัวการ
00:21:04 → 00:21:06 นอนหลับกลัวเวลากลางคืนเพราะกลัวว่านอน
00:21:06 → 00:21:08 ไม่หลับแล้วจะเป็นนู่นเป็นนี่ก็ต้องเข้า
00:21:08 → 00:21:11 มาคุยกันต้องมาปรับเปลี่ยนความคิดกัน
00:21:11 → 00:21:13 เพื่อทำให้กระบวนการตรงนี้เนี่ยกลับไปสู่
00:21:13 → 00:21:16 ปกติโดยเร็วเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยถ้า
00:21:16 → 00:21:17 เกิดสมมุติว่ามีปัญหาเรื่องการนอนเนี่ย
00:21:18 → 00:21:20 แนะนำว่ามาปรึกษาแพทย์ดีกว่าครับเพราะว่า
00:21:20 → 00:21:22 ตัวลักษณะของแต่ละคนที่ต้องการการช่วย
00:21:22 → 00:21:25 เหลือเนี่ยมันมีความแตกต่างกันบางคนนอน
00:21:25 → 00:21:27 ไม่หลับนะครับอาจจะเป็นปัญหาเรื่องของโรค
00:21:27 → 00:21:29 เรื้อรังบางอย่างทำให้มีอาการปวดเมื่อย
00:21:29 → 00:21:31 ตามตัวก็ต้องไปแก้ที่การปวดบางคนนอนไม่
00:21:31 → 00:21:34 หลับเนี่ยกลายเป็นจากเลิกซึมเศร้านะครับ
00:21:34 → 00:21:36 กินยานอนหลับให้ตายก็ไม่ได้ช่วยมากนักนะ
00:21:36 → 00:21:38 ครับต้องไปแก้โรคซุมเศร้าบางคนนอนไม่หลับ
00:21:39 → 00:21:41 จากเรื่องของการงานจะต้องไปถูกสอนเรื่อง
00:21:41 → 00:21:43 ของวิธีการผ่อนคลายการปล่อยวางในลักษณะ
00:21:43 → 00:21:46 แบบนี้แต่ละคนจะมีการจัดการที่ไม่เหมือน
00:21:46 → 00:21:48 กันครับเพราะฉะนั้นลักษณะที่ไปกินเอ่อมา
00:21:48 → 00:21:51 แล้วก็บอกว่าเอ่อได้ผลเนี่ยนะครับผมใช้คำ
00:21:51 → 00:21:53 ว่าอาจจะเป็นเฉพาะบางรายนะครับแต่ในคน
00:21:53 → 00:21:55 ส่วนใหญ่แล้วแนะนำว่าควรจะมาหาสาเหตุที่
00:21:55 → 00:21:57 ตรงและทำให้เกิดการนอนหลับนอนไม่หลับขึ้น
00:21:57 → 00:21:59 มามามากกว่านะครับเราจะได้แก้ปัญหาตรง
00:22:00 → 00:22:02 นั้นได้ตรงจุดมากขึ้นครับอค่ะอันนี้ก็คือ
00:22:02 → 00:22:04 เป็นเป็นแนวทางให้สำหรับคุณผู้ฟังนะคะ
00:22:04 → 00:22:06 เพราะว่าเดี๋ยวนี้เห็นข่ากันเยอะมากซึ่ง
00:22:06 → 00:22:10 ถ้าเกิดว่าจริงๆเรากินอาหารครบ 5 หมู่ก็
00:22:10 → 00:22:12 สามารถช่วยละนะคะไม่ไม่ได้หมายความว่าเรา
00:22:13 → 00:22:14 จะต้องไปกินอาหารเสริมหรืออะไรพวกนี้
00:22:14 → 00:22:16 เพื่อให้เรานอนหลับหรือไปกินยานอนหลับมัน
00:22:16 → 00:22:18 อาจจะแก้ไม่ได้ตรงจุดนะคะอย่างงี้ได้มั้ย
00:22:18 → 00:22:22 คะอาจารย์ถ้าเกิดแบบคนที่เอ่อไม่ได้นอน
00:22:22 → 00:22:24 อย่างมีคุณภาพมานานมากอนะคะเราก็จะรู้ตัว
00:22:24 → 00:22:27 เองกันอยู่แล้วเนาะเอ่อนอนดึกบ้างนะคะ
00:22:27 → 00:22:30 กว่าจะมาหลับก็โอ้เอาและโลเสล่ในช่วงเช้า
00:22:30 → 00:22:33 แล้วน่ะนะคะหรือการติดโซเชียลมีเดียใน
00:22:33 → 00:22:35 ช่วงกลางคืนหรือดูหนังอะไรก็แล้วแต่อะไร
00:22:35 → 00:22:38 พวกเนี้ยเราจะสามารถปรับตัวเองยังไงให้
00:22:38 → 00:22:41 กลับมานอนอย่างมีคุณภาพได้แบบเอ่อในระยะ
00:22:41 → 00:22:44 เวลาที่ไม่ได้ใช้เวลานานมากเกินไปในการ
00:22:44 → 00:22:46 ที่จะปรับตัวเราเรายังพอมีเวลาสามารถกลับ
00:22:46 → 00:22:49 มานอนอย่างมีคุณภาพได้ใช่มั้ยคะอาจารย์ผม
00:22:49 → 00:22:51 เรียนอย่างนี้นะครับว่าถ้าเกิดในกรณีของ
00:22:51 → 00:22:54 ของเราเองเนี่ยไม่ได้เป็นลักษณะของคนที่
00:22:54 → 00:22:57 มีเอ่อรอบการนอนหลับที่มันเอ่อแปลกไปจาก
00:22:57 → 00:23:00 แต่ปกติมากนักมันจะมีบางคนจริงๆครับที่
00:23:00 → 00:23:04 เขาเข้าสู่ระยะการนอนหลับในในช่วงที่ดึก
00:23:04 → 00:23:07 มากๆเช่นประมาณ 3:00 น4แล้วไปตื่นตอน
00:23:07 → 00:23:09 เที่ยงนะครับแต่ต้องเรียนว่าลักษณะที่ผิด
00:23:10 → 00:23:12 ปกติแบบนี้หรือที่เบี่ยงเบมาจากปกติแบบ
00:23:12 → 00:23:14 นี้เนี่ยเจอค่อนข้างน้อยไม่ได้ไม่ได้เจอ
00:23:14 → 00:23:16 เยอะปัจจุบันเนี่ยที่เรานอนดึกเนี่ยส่วน
00:23:16 → 00:23:18 ใหญ่เป็นจากไลฟ์สไตล์เพราะฉะนั้นถ้าเกิด
00:23:18 → 00:23:20 เราไม่ได้เป็นลักษณะของคนที่มีรอบการนอน
00:23:20 → 00:23:23 ที่ดึกมากๆหรือว่านอนตั้งแต่ตอนเย็นอะไร
00:23:23 → 00:23:25 อย่างนี้เลยเนี่ยนะครับส่วนใหญ่แล้วไม่
00:23:25 → 00:23:28 ได้ยากครับเพราะร่างกายพร้อมที่จะนอนใน
00:23:28 → 00:23:30 เวลาที่ควรจะเป็นอยู่แล้วเพียงแต่เราต้อง
00:23:30 → 00:23:32 เข้าใจหลักการในการที่ร่างกายจะเข้าสู่
00:23:32 → 00:23:35 การนอนหลับแล้วนำไปปรับอย่างเหมาะสมนะ
00:23:35 → 00:23:37 ครับอย่างที่ผมได้เรียนเอาไว้ครับตัวที่
00:23:37 → 00:23:39 เป็นปัญหาปัจจุบันและทำให้เราเข้านอนดึก
00:23:39 → 00:23:42 คือเรื่องของแสงค่ะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรา
00:23:42 → 00:23:45 จัดการเรื่องของแสงได้ก็คือนะครับในช่วง
00:23:45 → 00:23:48 เวลากลางคืนนะครับห้องนอนเราเราเราเงียบ
00:23:48 → 00:23:50 นะครับแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเนี่ยเรามี
00:23:50 → 00:23:53 การเอ่อใช้ไฟเท่าที่จำเป็นนะครับเราไม่
00:23:53 → 00:23:55 ไม่แนะนำให้ดูอุปกรณ์ไอทีในห้องมืดนะฮอัน
00:23:55 → 00:23:58 นี้อันนี้เป็นผลเสียกตานะครับว่าถ้าเกิด
00:23:58 → 00:24:00 ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ก็เปิดไฟให้เต็ม
00:24:00 → 00:24:02 ที่แต่ก็ต้องรู้ิตัวเองว่าควรจะหยุดตรง
00:24:02 → 00:24:05 ไหนนะครับแล้วในช่วงที่ก่อนที่จะเข้านอน
00:24:05 → 00:24:08 เนี่ยก็ลดไฟลงนะครับเพื่อทำให้ร่างกายรับ
00:24:08 → 00:24:10 รู้ว่านี่กำลังจะเข้าสู่ระยะการนอนหลับ
00:24:10 → 00:24:13 แล้วจำลองช่วงเวลาหัวค่ำโพลเพขึ้นมาใหม่
00:24:13 → 00:24:15 นะครับพอร่างกายรู้ตรงนี้เมันจะเริ่ม
00:24:15 → 00:24:17 หลั่งฮอร์โมนของการนอนหลับเวลาตัวนินออก
00:24:17 → 00:24:19 มาพอมันเริ่มหลั่งตรงนี้ออกมาปุ๊บเราจะ
00:24:19 → 00:24:22 เข้าสู่การนอนหลับได้ครับอือฮึคงต้องใช้
00:24:22 → 00:24:24 วิธีของการปรับสภาพแวดล้อมทั่วๆไปในราย
00:24:25 → 00:24:27 ที่ปรับแล้วไม่ได้ผลก็อาจจะต้องแนะนำมา
00:24:27 → 00:24:29 ว่าอาจจะจำเป็นต้องให้ยาช่วยเบื้องต้น
00:24:29 → 00:24:31 ด้วยหรือเปล่านะครับอันนี้ต้องมาปรึกษา
00:24:31 → 00:24:33 แพรเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วยานอนหลับเอง
00:24:33 → 00:24:35 เนี่ยเราเราซื้อไม่ได้ทีนี้ก็จะมีหลายๆ
00:24:35 → 00:24:38 ท่านครับก็ต้องยอมรับว่าเก่งคือรู้ว่ายา
00:24:38 → 00:24:40 บางตัวนะครับที่รักษาโรคอื่นนะครับเอาตัว
00:24:40 → 00:24:43 อย่างตรงๆอย่างพวกยาแก้หวัดนะครับมันมีิ
00:24:43 → 00:24:46 ่วงก็เอามากินนะครับในการทำให้หลับนะครับ
00:24:46 → 00:24:49 ถามว่าทำได้มั้ยนะครับถ้าเอาฤทธิ์ทำให้
00:24:49 → 00:24:52 หลับเนี่ยนะครับมันพอได้แต่กินระยะยาวไม่
00:24:52 → 00:24:55 ดีแน่ๆนะครับต้องย้ำเลยว่าการกินยาอื่นๆ
00:24:55 → 00:24:58 ที่ไม่ใช่ยานอนหลับโดยตรงนะครับครับเพื่อ
00:24:58 → 00:24:59 ทำให้เรามีฤทธของการนอนหลับเนี่ยในระยะ
00:24:59 → 00:25:02 ยาวไม่ดีเหตุผลเพราะว่าไอ้พวกสารสื่อ
00:25:02 → 00:25:04 ประสาทที่มันเกี่ยวข้องกับไอ้ยาพวกที่พวก
00:25:04 → 00:25:06 นี้มันไปออกฤทธิ์เนี่ยมันไปเกี่ยวข้องกับ
00:25:06 → 00:25:08 กลไกอื่นๆของร่างกายด้วยนะครับเพราะ
00:25:08 → 00:25:10 ฉะนั้นไม่ไม่ไม่ได้แนะนำว่าในการที่เราจะ
00:25:11 → 00:25:13 ไปกินยาแก้หวัดเพื่อทำให้นอนหลับอย่างนี้
00:25:13 → 00:25:15 เนี่ยนะครับถ้าต้องทำระยะยาวเนี่ยอันนี้
00:25:15 → 00:25:17 ต้องไปดูแล้วล่ะครับว่านอนไม่หลับจากอะไร
00:25:17 → 00:25:19 แล้วแก้ให้ตรงจุดมากกว่าเพราจะส่งผลเสีย
00:25:19 → 00:25:21 ต่อร่างกายมากกว่าครับอือฮึอันนี้ก็เป็น
00:25:21 → 00:25:24 สิ่งที่คุณหมอเอ่ออาจารย์ฝากคุณผู้ฟังไว้
00:25:24 → 00:25:27 ด้วยนะคะแล้วก็ได้ปรับเปลี่ยนวิถีในการ
00:25:27 → 00:25:30 นอนนะคะแบบง่ายๆเลยไม่ได้ยุ่งยากอะไรเรา
00:25:30 → 00:25:32 ไม่ต้องไปเสียสตางค์อะไรเยอะแยะมากมายนะ
00:25:32 → 00:25:34 คะแค่ปรับสภาพแวดล้อมในการนอนแล้วก็
00:25:34 → 00:25:36 เหมือนกับเป็นการบอกตัวเองว่าเออช่วงนี้
00:25:36 → 00:25:38 ค่ำแล้วเพราะเฮร่างกายมันเป็นธรรมชาติ
00:25:38 → 00:25:41 อยู่แล้วนะคะแล้วก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์
00:25:41 → 00:25:44 มากพอช่วงแสงน้อยปึ๊บเนี่ยร่างกายเราจะมี
00:25:44 → 00:25:46 กลไกในการที่จะให้เรารู้สึกง่วงนอนได้ก็
00:25:46 → 00:25:49 ค่อยๆปรับไปนะคะอันนี้แล้วก็ถ้าเกิดมันมี
00:25:49 → 00:25:52 ปัญหาจริงๆก็ไปปรึกษาแพทย์นะคะเพื่อที่จะ
00:25:52 → 00:25:54 ได้มีคุณภาพในการนอนที่ดีขึ้นจริงๆมีอีก
00:25:54 → 00:25:56 หลายเรื่องนะคะที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
00:25:56 → 00:25:58 ก็อยากคุยกับอาจารย์ต่อเดี๋ยวเดี๋ยวไว้
00:25:58 → 00:25:59 โอกาสหน้าเดี๋ยวจะได้คุยกับอาจารย์ต่อไป
00:25:59 → 00:26:03 ด้วยนะคะวันนี้ขอบคุณอ่ารองศาตราจารย์รอง
00:26:03 → 00:26:05 ศาสตราจารย์ดรนายแพทยวรสิทธิ์นะคะที่มา
00:26:05 → 00:26:07 ร่วมพูดคุยในรายการโรงมของเราด้วยนะคะ
00:26:07 → 00:26:09 ขอบคุณค่ะอาจารย์ขาขอบคุณครับคุณสิริพร
00:26:09 → 00:26:11 ครับแล้วขอบคุณท่านผู้ฟังทุกท่านด้วยครับ
00:26:11 → 00:26:13 สวัสดีครับสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟัง
00:26:13 → 00:26:15 หมดเวลาแล้วนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับราย
00:26:15 → 00:26:18 การโรงหมอทางไย PBS podcast ค่ะวันนี้ลา
00:26:18 → 00:26:21 ไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is tha PBS
00:26:21 → 00:26:24 podcast การอยู่ในสภาพหรือสถานการณ์ที่
00:26:24 → 00:26:26 ไม่พร้อมจะฟังเรื่องราวของใครผลลัพธ์สุด
00:26:26 → 00:26:29 ท้ายที่คนฟังจะต้องยอมรับมักมีผลเป็น
00:26:29 → 00:26:31 อย่างไรดรสุววุฒิวงษ์ทางสวัสดิ์นัก
00:26:31 → 00:26:35 จิตวิทยาการปรึกษามาเล่าให้ฟังครับผมว่า
00:26:35 → 00:26:38 หลายๆคนเจอเจออยู่แล้วบางทีเราไม่รู้ว่า
00:26:38 → 00:26:40 เราพังได้ยังไงอย่างแรกคือตัวเราอ่ะครับ
00:26:40 → 00:26:43 ฟังโดยที่เราไม่ได้พร้อมทั้งเรื่องของ
00:26:43 → 00:26:46 เวลาแล้วก็พลังงานเราด้วยผมว่าหลายๆคนเจอ
00:26:46 → 00:26:49 เช่นแบบดึกๆละ 22005 นกำลังจะนอนเอาละมี
00:26:49 → 00:26:52 สายโทรเข้ามาเพื่อนโทรมาร้องไห้อร้องไห้
00:26:52 → 00:26:57 ปั๊บรู้เลยยาวยาวไม่ได้พร้อมหรือหรือเรา
00:26:57 → 00:26:59 อาจจะกำลังเหนื่อยกับงานหนักๆมาเลยแล้ว
00:26:59 → 00:27:01 จู่ๆก็มีใครสักคนเดินมาแบบจู่ๆก็พ่นๆๆ
00:27:01 → 00:27:03 ระบายใส่เราเลยอย่าเงี้ยฮะอไอ้พวกเนี้ยก็
00:27:03 → 00:27:06 เป็นสิ่งที่ทำให้เราคล้ายๆเราก็อ่อนล้า
00:27:06 → 00:27:09 ตัวเราก็ไม่ได้พร้อมทางใจเพราะคนที่จะฟัง
00:27:09 → 00:27:12 ปัญหาคนอื่นได้ครับคือใจมันต้องแบบมีมี
00:27:12 → 00:27:14 ความมั่นคงประมาณนึงก่อนอแต่ถ้าเกิดตอน
00:27:14 → 00:27:17 นั้นเวลาเราก็ปั่นป่วดแล้วโอ้โหเร่งพรุ่ง
00:27:17 → 00:27:20 นี้ต้องรีบไปทำงานแล้วพอเราถูกเบียดบาง
00:27:20 → 00:27:21 เวลาสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความหงุดหงิด
00:27:22 → 00:27:25 จริงมั้ยครับหงุดหงิดแล้วก็จะเร่งเราก็จะ
00:27:25 → 00:27:27 เริ่มแบบทำไมไม่เข้าใจสักทีวะอะไรเงี้ย
00:27:27 → 00:27:30 หรือแม้กระพอเราเหนื่อยล้าความรู้สึก
00:27:30 → 00:27:32 พร้อมจะแบกรับน้ำหนักหรือโฟกัสหรือการให้
00:27:32 → 00:27:34 สมาธิอย่างเงี้ยครับให้แบบความสนใจอ่ะมัน
00:27:34 → 00:27:36 จะน้อยลงไปด้วยเพราะงั้นอันเนี้ยเรื่อง
00:27:36 → 00:27:39 แรกคือต้องประเมินความพร้อมตัวเองก่อนอัน
00:27:39 → 00:27:40 นี้ไม่ใช่แค่คนทั่วไปนะแม้กระทั่งผมเป็น
00:27:40 → 00:27:43 นักจิตวิทยาอย่างเงี้ยครับยังต้องถามตัว
00:27:43 → 00:27:45 เองเลยว่าการจะรับเคสนี้จะรับนัดหมาย
00:27:45 → 00:27:47 อันเนี้ยสุขภาพผมพร้อมมเวลาผมได้หรือ
00:27:47 → 00:27:51 เปล่าเพราะถ้าไม่ได้ต่อให้แบบไม่ใช่คน
00:27:51 → 00:27:53 ธรรมดาเป็นนักจิตวิทยาเองค่ะก็ไม่ได้มี
00:27:53 → 00:27:56 คุณภาพเหมือนกันถ้าการที่เราคล้ายๆเจียด
00:27:56 → 00:27:59 พลังงานเจียดเวลาเราไปบ้างแต่เรารู้สึก
00:27:59 → 00:28:01 ว่าการเจียดพลังงานเจียดเวลาตรงเนี้ย
00:28:01 → 00:28:04 สามารถรักษาชีวิตคนๆนึงไว้ได้ต่อให้งาน
00:28:04 → 00:28:06 เราพังไม่เป็นไรแต่คนๆนี้ไม่ควรเสียชีวิต
00:28:06 → 00:28:08 ถ้าเรารู้สึกว่าชีวิตคนๆนี้สำคัญกว่าเรา
00:28:09 → 00:28:11 อาจจะต้องยอมเสียงานก็ได้แต่จะเป็นการ
00:28:11 → 00:28:14 เสียงานที่อาจจะรู้สึกตึงๆอึดอัดบ้างแต่
00:28:14 → 00:28:17 มันจะไม่รู้สึกผิดติดทางไปในใจตรงนี้ผม
00:28:17 → 00:28:20 ใช้คำนี้เนาะทุกคนมีสิทธิ์ในการจะเลือก
00:28:20 → 00:28:23 ว่าจะช่างน้ำหนักยังไงและให้ความสำคัญกับ
00:28:23 → 00:28:26 อะไรค่ะแต่ทุกๆการชั่งทุกๆการเลือกจะมีผล
00:28:26 → 00:28:29 ย้อนมาหาตัวเราเสมอทีนี้เมื่อมันมีผลย้อน
00:28:29 → 00:28:31 มาหาตัวเราอ่ะครับตัวเราต้องเป็นผู้เลือก
00:28:31 → 00:28:34 เองว่าเราพร้อมจะน้อมรับผลลัพธ์ที่ย้อนมา
00:28:34 → 00:28:36 หาเราอ่ะแบบ
00:28:36 → 00:28:41 ไหน This Is Toy PBS
00:28:41 → 00:28:44 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:28:44 → 00:28:47 Application ของ thi PBS podcast
00:28:47 → 00:28:50 spotify South Cloud Google podcast
00:28:50 → 00:28:53 Apple podcast และ YouTube Channel
00:28:53 → 00:28:57 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:28:57 → 00:29:00 View the world via The
00:29:00 → 00:29:09 [เพลง]
00:29:09 → 00:29:12 Voice