00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีค่ะทุกคนกลับมาพบกับฟ้าแล้วก็ช่องู
00:00:02 → 00:00:04 Zone Thailand นะคะสัปดาห์นี้ค่ะฉาก
00:00:04 → 00:00:07 หลังแปลกๆเนี่ยก็แน่นอนว่าเป็น episod
00:00:07 → 00:00:10 พิเศษนะคะเพราะว่าสัปดาห์นี้เราจะมีแขก
00:00:10 → 00:00:12 รับเชิญซึ่งเชื่อว่าหลายคนเนี่ยคุ้นหน้า
00:00:12 → 00:00:16 คุ้นตามากๆแล้วก็หลายคนที่เอ่อ foll ช่อง
00:00:16 → 00:00:18 ของฟ้าอยู่เนี่ยก็ F มาจากช่องทางของเขา
00:00:18 → 00:00:21 นะคะสัปดาห์นี้เราจะมากับบทสัมภาษณ์พิเศษ
00:00:21 → 00:00:24 กับดรแทนนี่ในแพทย์ธนีธนียวันค่ะซึ่งตอน
00:00:24 → 00:00:27 นี้ก็เป็น Health influencer ผู้โด่งดัง
00:00:27 → 00:00:29 คนนึงนะแล้วก็วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก
00:00:29 → 00:00:31 เกี่ยวกับคุณหมอแทมากขึ้นรวมไปถึงเนี่ย
00:00:31 → 00:00:34 ฟ้าแล้วก็ดรแทนนี่เนี่ยก็จะมาคุยกันถึง
00:00:34 → 00:00:37 สารคดีที่เกี่ยวกับชายคนนึงผู้อยากเป็น
00:00:37 → 00:00:39 อมตะนั่นก็คือสารคดี Don't Die ใน
00:00:39 → 00:00:42 netflix ของคุณ bri Johnson นั่นเองค่ะ
00:00:42 → 00:00:45 สวัสดีค่ะสวัสดีครับก็คือสวัสดีอย่างเป็น
00:00:45 → 00:00:48 ทางการก่อนเพราะว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน
00:00:48 → 00:00:51 ก็คือออนไลน์ตอนนั้นแทนยังอยู่ US เรา
00:00:51 → 00:00:53 อยู่ไทยแต่ว่าตอนนี้เราก็ physically
00:00:54 → 00:00:56 อยู่ที่ไทยตัวเป็นๆแต่ว่าก่อนที่ทันจะมา
00:00:56 → 00:00:59 ช่องของเราได้ก็คือจริงๆต้องเดินสายไป
00:00:59 → 00:01:02 หลายรายการอยู่เนาะเรื่อยๆเรื่อยๆโอเคก็
00:01:02 → 00:01:05 เลยขอเริ่มถามคำถามแรกก่อนเลยซึ่งเชื่อ
00:01:05 → 00:01:08 ว่าหลายๆคนน่ะอยากรู้ก็คืออยากรู้ว่าเรา 2
00:01:08 → 00:01:13 คนน่ะรู้จักกันได้ยังไงอืก็จริงๆเจอกัน
00:01:13 → 00:01:16 ตอนปี 1 ที่เข้าคณะแพทย์ที่จูลเนาะก็มอบ
00:01:16 → 00:01:19 ตัวที่เดียวกันแล้วก็บังเอิญมารู้จักว่า
00:01:19 → 00:01:21 พ่อแม่เราก็รู้จักกันก็เป็นเพื่อนกันอีก
00:01:21 → 00:01:23 ใช่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย
00:01:23 → 00:01:26 ก็ยิ่งใกล้กันเข้าไปใหญ่อย่างเงี้ยก็เลย
00:01:26 → 00:01:28 รู้จักกันโดยปริยายตั้งแต่ตอนปี 1 เลย
00:01:28 → 00:01:30 ตั้งแต่ปี 1 ซึ่งก็คือตั้ตั้งแต่เลขรหัส
00:01:30 → 00:01:33 เข้านะคะเพราะว่าอยู่จุฬาคือ 43 43 ปี
00:01:33 → 00:01:36 นี้ก็คือย่างปีที่ 25 ใช่เราก็ต่างจาก
00:01:36 → 00:01:39 รุ่นน้องหลายหลายปีแล้วหลายปีเพราะว่า
00:01:39 → 00:01:42 อย่างล่าสุดแทนก็จะมีอ่ะที่ไปคุยไปไลฟ์
00:01:42 → 00:01:45 กับน้องหมอฟรังน้องหมอฟรังเนี่ยเมื่อเช้า
00:01:45 → 00:01:47 ฟ้าก็เพิ่งเจอพอไปถามไล่รุ่นกันว่าเอ๊ะ
00:01:47 → 00:01:51 น้องอยู่รุ่นไหนบอกอ๋อหนูรุ่น 72 ค่ะแต่
00:01:51 → 00:01:54 เรา 2 คนก็คือเป็นรุ่น 56 ใช่ก็คือห่าง
00:01:54 → 00:01:58 กับน้องเขา 16 ปีออยู่ก็คือนานมากนานมาก
00:01:58 → 00:02:00 จริงๆอีกนิดนึงเราอาจจะเห็นว่า
00:02:00 → 00:02:04 ลูกของเพื่อนเราเป็นรุ่นนองถูกต้องเป็น
00:02:04 → 00:02:06 รุ่นน้องเราที่จุฬารามาหรือว่าศิริรัตก็
00:02:06 → 00:02:11 ได้ใช่แล้วก็แทนเ่ะเป็นคนที่มีความยูนี้
00:02:11 → 00:02:14 แล้วก็มีทาเลนมาตั้งแต่สมัยตอนเรียนแพทย์
00:02:14 → 00:02:16 ะไม่ว่าจะเป็นเรื่องวาดรูปหรือเรื่องความ
00:02:16 → 00:02:18 ชอบในเรื่องออกกำลังกายอันนี้ที่ฟ้าอยาก
00:02:18 → 00:02:21 ถามมากเพราะฟ้าถือว่ายมาก่อนการยุคนั้น
00:02:21 → 00:02:23 ฟ้าว่าคนที่ชอบออกกำลังกายเหมือนแทนน่ะ
00:02:23 → 00:02:26 ไม่เยอะน้อยคือยเป็น rare เคสถ้าเราเทียบ
00:02:26 → 00:02:30 กับเพื่อนหมอส่วนใหญ่ถูกมในช่วงที่ว่าณ
00:02:30 → 00:02:32 ยุคนี้เราก็จะเห็นว่าสิ่งที่ยูชอบอ่ะมัน
00:02:33 → 00:02:35 evidence มันชัดมากว่าเฮ้ยยูต้องออก
00:02:35 → 00:02:37 กำลังกายให้มี Muscle ให้กล้ามเนื้อมัน
00:02:37 → 00:02:40 แข็งแรงสิรู้ถึงจะคุณภาพชีวิตดีตอนนั้นมี
00:02:40 → 00:02:43 อะไรเป็นตัวทริกเกอร์ที่ทำให้เป็นคนมา
00:02:43 → 00:02:46 ก่อนการนั้นจริงๆแค่อยากจะดูดีเฉยๆเพราะ
00:02:46 → 00:02:50 ว่าตั้งแต่ปถมเลยเราอ่ะตัวเล็กสุดคือตัว
00:02:50 → 00:02:53 เล็กสุดมาตลอดเลยคือเข้าแถวไม่เคยคคนที่ 3
00:02:53 → 00:02:56 อ่าๆแล้วก็จะผอมๆเราก็เลยมีความรู้สึกว่า
00:02:56 → 00:02:58 เฮ้ยเรามันมีอะไรที่เราเปลี่ยนแปลงได้มย
00:02:58 → 00:03:00 เพราะเราก็เข้าใจว่าเอ้ยถ้าเข้า
00:03:00 → 00:03:02 มหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยมันสูงอีกได้ไม่เยอะ
00:03:02 → 00:03:05 หรอกมันก็ตัวเท่านี้แหละอแต่ว่ามันก็ต้อง
00:03:05 → 00:03:08 ตัวใหญ่ขึ้นด้วยการที่ไม่ใช่อ้วนขึ้นอ่าๆ
00:03:08 → 00:03:11 ก็เลยเห็นคนที่เขาเล่นเวทก็เลยเออนี่แหละ
00:03:11 → 00:03:13 น่าจะเป็นทางของเราอแต่พอเข้าไปสักพักนึง
00:03:13 → 00:03:16 มันก็รู้สึกว่าเอ้ถ้าเราแข็งแรงแค่กล้าม
00:03:16 → 00:03:19 เนื้ออย่างเดียวอ่ะเราเคยเห็นคนที่เขาออก
00:03:19 → 00:03:21 กำลังกายเยอะๆแล้วออกขึ้นโชว์อย่างเงี้ย
00:03:21 → 00:03:22 มันเบ่งกล้ามแป๊บเดียวมันก็เหนื่อยแล้ว
00:03:22 → 00:03:25 อ่ะคือเราไม่เราไม่อยากเป็นแบบนั้นไงเออๆ
00:03:25 → 00:03:28 ๆเราอยากจะแบบเออวิ่งได้ทำอะไรได้เหมือน
00:03:28 → 00:03:30 กับนักกีฬาทั่วไปแล้วก็เอออุ่นดีด้วยก็
00:03:30 → 00:03:32 เลยเป็นที่มาของการออกกำลังกายตั้งแต่ตอน
00:03:32 → 00:03:35 นั้นมาแล้วตอนออกอ่ะอ่ะเรารู้แล้วว่าแรง
00:03:35 → 00:03:37 บันดาลใจเป็นแบบนี้มีช่วงที่อยากจะเลิก
00:03:37 → 00:03:41 ออกมยไม่มีเลยไม่มีเลยไม่มีเลยสักครั้ง
00:03:41 → 00:03:43 คือมันออกแล้วคมันเป็นเพราะว่ามันได้ผล
00:03:43 → 00:03:45 ลัพธ์อย่างที่ต้องการหรือมันมีเอนดอร์ฟิน
00:03:45 → 00:03:48 หลังจริงๆเหมือนที่เขาบอกอันเนี้ยต้องบอก
00:03:48 → 00:03:51 ว่ามันมีคนคิดอยู่ 2-3 แบบเนาะแบบแรกคือ
00:03:51 → 00:03:54 คนไม่ได้ชอบออกกำลังกายหรอกชอบผลของมัน
00:03:54 → 00:03:56 อ่าคือถ้าเกิดว่าไม่ต้องออกกำลังกายแล้ว
00:03:56 → 00:03:58 อยู่ๆมีกล้ามแล้วก็สามารถทำอะไรก็ได้เลย
00:03:58 → 00:04:01 ไม่แก่เนี้ยอเออคนก็คงจะเลือกทางนั้นอ่ะ
00:04:01 → 00:04:04 ถูกใช่มยแต่ส่วนเราอ่ะเรามีความรู้สึกว่า
00:04:04 → 00:04:08 ขณะที่กำลังทำอ่ะเราชอบในกลไกการที่แบบ
00:04:08 → 00:04:10 เราทำอะไรักอย่างแล้วมันนำไปสู่ผลลัพธ์
00:04:10 → 00:04:12 อ่ะไม่ใช่ได้ชอบที่ผลลัพธ์อย่างเดียวอ
00:04:13 → 00:04:16 โอเคเข้าใจส่วนฟ้าฟ้าชอบเพราะว่าตอนออก
00:04:16 → 00:04:19 สมองจะแล่นกว่าปกติถ้าเออๆถ้ามีถ้ามี
00:04:19 → 00:04:22 เรื่องเครียดก็จะรู้สึกว่ามันเออหาย
00:04:22 → 00:04:25 เครียดอตอนที่ออกจริงแต่ถามว่าวินาทีที่
00:04:25 → 00:04:30 กำลังจะก้าวเข้ายิมอ่ะบางทีเหมือนมีเข
00:04:30 → 00:04:33 เรียกว่ามารอยู่ 2 ตัวนั่งเถียงกันอยู่บน
00:04:33 → 00:04:35 หัวว่าเอ้ยมันจะเข้าดีมไม่เข้าดีมโอนี่
00:04:35 → 00:04:38 เป็นน่าชื่นชมมากเป็นิลมากอ่ะมาจากอันนี้
00:04:38 → 00:04:40 ปุ๊บเป็นการเกริ่นเบื้องต้นว่ารู้จักกัน
00:04:40 → 00:04:43 ได้ยังไงแล้วก็อ่ะมีแบบทั้งเรื่องของคิม
00:04:43 → 00:04:45 ในเรื่องออกกำลังกายอีกอันนึงที่ฟ้าอยาก
00:04:45 → 00:04:48 รู้ก็คือตั้งแต่ตอนเรียนพอเรียนจบหมอแล้ว
00:04:48 → 00:04:51 ก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกาหนทางมัน
00:04:51 → 00:04:53 ก็ไม่ใช่ง่ายหรอกแต่ว่าก็ยังอุตส่าห์
00:04:53 → 00:04:55 เลือกเรียน specialty ซึ่งก็ถือว่าิอีก
00:04:55 → 00:04:58 เหมือนกันก็คือพวกทางัง transplant มันมี
00:04:58 → 00:05:01 ที่มาที่ไปยังไงลองเล่าเผื่อว่าคนนที่ดู
00:05:01 → 00:05:05 อยู่อาจจะแบบสนใจอยากเรียนก็จริงๆต้อง
00:05:05 → 00:05:09 ย้อนไปก่อนว่าเราอ่ะเข้าหมอทำไมอืคือตอนม
00:05:09 → 00:05:12 ปลายอ่ะเราชอบทุกวิชาอืแล้วก็จะมีชอบมากๆ
00:05:12 → 00:05:15 อยู่ก็คือศิลปะซึ่งก็ตรงกับสายสถาปัตย
00:05:15 → 00:05:19 หรือไม่ก็พวกศีลทั่วๆไปใช่มั้ยแล้วก็ชอบ
00:05:19 → 00:05:22 วิศวะกับหมอชอบทั้ง 3 อย่างชอบหมดพูนี้
00:05:22 → 00:05:25 ให้ว่าชอบหมดค่ะใช่ก็คือชอบหมดแล้วก็คิด
00:05:25 → 00:05:28 ว่าเออถ้าอย่างงั้นเนี่ยเราก็ตั้งใจเรียน
00:05:28 → 00:05:31 ไปทั้ง 3 วิชาเราก็ไปลองสสอบดูถ้าสอบแล้ว
00:05:31 → 00:05:33 เนี่ยคะแนนตัวไหนสูงที่สุดก็แปลว่านั่น
00:05:33 → 00:05:35 น่ะน่าจะเป็นทางที่เราควรจะไปเพราะว่านอก
00:05:35 → 00:05:38 จากชอบแล้วเรายังถนัดดูใช่มอ่าเราก็เลยทำ
00:05:38 → 00:05:40 อย่างงั้นแล้วก็สอบหมดเลยสอันประกบมันได้
00:05:40 → 00:05:43 หมดเลยเอ้อแล้วคะแนนมันก็พอๆกันด้วยเราก็
00:05:43 → 00:05:46 อ้าวแยทำยังไงเออๆๆตัดสินใจก็คิดจากการ
00:05:46 → 00:05:49 ที่ตัดสถาปัตออกก่อนเพราะว่าเราเคยได้ยิน
00:05:49 → 00:05:52 รุ่นพี่บอกถ้าสมมุติว่าน้องน่ะวาดรูปเก่ง
00:05:52 → 00:05:55 มากออกแบบเก่งมากแต่ลูกค้าไม่เอาเาก็ให้
00:05:55 → 00:05:58 เราทำใหม่อ่าใช่มมันก็เลยมันเป็นการบอก
00:05:58 → 00:06:00 เฮ้ยเราไม่ได้อยากตตามใจเนะเราอยากจะ
00:06:00 → 00:06:03 สร้างสรรค์ผลงานที่ทำออกมาแล้วดูดีแต่ว่า
00:06:03 → 00:06:06 ทำแล้วมันถ้าดีแล้วเก็ไม่เอาอยู่ดีเรา
00:06:06 → 00:06:09 อย่าดีกว่ามั้ยใช้เป็นงานอดิเรกอ่ะเราก็
00:06:09 → 00:06:13 เลยเปลี่ยนเป็นไม่เหมาะกับวิศวะอ่ะทีนี้
00:06:13 → 00:06:15 พอตอนไปถึงสาพระเกี้ยวที่เราจะยื่นคะแนน
00:06:15 → 00:06:18 สมัยที่ยังเป็นกระดาษอยู่ออือๆๆเราก็รุ่น
00:06:18 → 00:06:22 สุดท้ายก่อนเเปแมแย่แล้วทำยังไงดีเราก็
00:06:22 → 00:06:24 เลยคิดไม่ออกมันมันเหลืออีกประมาณ 5 คิว
00:06:24 → 00:06:26 จะถึงเราแต่ยังไม่ได้เขียนอะไรเลยอ้อเรา
00:06:26 → 00:06:28 ก็เลยโยนเหรียญหัวก้อย
00:06:28 → 00:06:31 เลยโอเคการที่เขาเป็นหมอในวันนี้มาจากการ
00:06:31 → 00:06:34 ยนเหวียนหัวก้อยในวันนั้นโอเคใช่แล้วจริง
00:06:34 → 00:06:36 ๆก็คือเป็นวิธีในการตัดสินใจหลายๆอย่าง
00:06:36 → 00:06:39 ของเรานะคือเราข้อดีข้อเสียเราผ่านมาหมด
00:06:39 → 00:06:41 แล้วเราิสมาหมดเราไปคุยกับคนที่เขาทำงาน
00:06:41 → 00:06:43 ด้านนั้นแล้วอ่ะสุดท้ายมันก็ยังตัดสินใจ
00:06:44 → 00:06:46 ไม่ได้เราก็เลยถ้าเหตุผลตัดสินใจไม่ได้ก็
00:06:46 → 00:06:49 ต้องดวงแล้วแหละแต่ถ้าดวงสมมุติเราโยนมา
00:06:49 → 00:06:51 แล้วอย่างเนี้ยเราได้ก้อยอเราก็บอกเรา
00:06:51 → 00:06:54 เข้าหมอแต่ถ้าตอนนั้นมีวินาทีแวบนึงว่า
00:06:54 → 00:06:57 เฮ้ยแต่วิศวะมันก็ดีนะแปลว่าเราต้องเลือก
00:06:57 → 00:07:00 วิศวะละอแต่มันไม่มีแวบนั้นขึ้นมาก็เลย
00:07:00 → 00:07:02 เลือกหมอซึ่งนี่แล้วค่ะเราเลยได้เป็น
00:07:02 → 00:07:05 เพื่อนกันถ้าเกิดว่าเป็นวิศวะเราก็จะไม่
00:07:05 → 00:07:07 ได้เจอกันนะคะก็จะต้องไปเป็นเพื่อนของ
00:07:07 → 00:07:10 เพื่อนคนอื่นอีกทีนึงใช่ๆอ๋อก็อมาจัก
00:07:10 → 00:07:11 อย่างงั้นอันนี้คือความลำบากของคนเรียน
00:07:11 → 00:07:15 เก่งนะอันนี้ก็มันอาจจะเป็นเพราะว่าค้นพบ
00:07:15 → 00:07:19 วิธีในการเรียนมากกว่าคือสมัยตอนก่อนที่
00:07:19 → 00:07:22 จะถึงมปลายเราก็อยู่เซนต์ดอมินิคตอนนั้น
00:07:22 → 00:07:25 เนี่ยก็ก็เก่งของโรงเรียนและแต่พอย้ายมา
00:07:25 → 00:07:28 ที่เตรียมอุดมอ่ะมันเจอแบบคนที่เก่งคนละ
00:07:28 → 00:07:31 คนละชั้นกับเราไปเลยออ่าเออคือเราก็แบบ
00:07:31 → 00:07:33 เฮ้ยแย่แล้วเข้ามาแล้วเป็นอย่างงี้แล้วก็
00:07:33 → 00:07:36 ปรากฏว่าตอนม 5 เราไปเจอวิธีในการเรียน
00:07:36 → 00:07:40 ส่วนตัวที่แบบทำให้เก่งก็มันเฉยๆเลยๆคือ
00:07:40 → 00:07:42 มันเป็นหนังสือฟิสิกส์เก่าๆเล่มนึงของ
00:07:42 → 00:07:45 สสวทที่คนเขาไม่อ่านกันน่ะคนส่วนใหญ่ก็จะ
00:07:45 → 00:07:48 ไปที่เรียนพิเศษใช่ไปฟังอาจารย์เรียน
00:07:48 → 00:07:50 พิเศษแล้วออ่ะๆมานั่งติวยุคนั้นก็คือ
00:07:50 → 00:07:53 โอ้โหโรงเรียนพิเศษบูมมากอืใช่เราก็เลย
00:07:53 → 00:07:55 เปิดดูวันนั้นไม่มีอะไรทำเพราะว่าก่อน
00:07:55 → 00:07:57 หน้านั้นน่ะเพื่อนพาไปสมัครโรงเรียนพิเศษ
00:07:57 → 00:08:00 แล้วก็สมัครไม่ทันก็เลยไม่ได้เรียนรอบ
00:08:00 → 00:08:02 นั้นเราก็เลยเออช่างมันแล้วไม่สนใจปเปิด
00:08:02 → 00:08:05 หนังสือสสวทแล้วเห็นคนเขียนอ่ะชื่อดรสุธา
00:08:05 → 00:08:08 ยกสร้างเราก็เลยออสงสัยว่าเาคือใครในนั้น
00:08:08 → 00:08:10 มันก็มีประวัติเขียนไว้แบบเฮ้ยประวัตินี้
00:08:10 → 00:08:13 สุดยอดมากเก่งมากออแล้วเราก็มาลองเปิด
00:08:13 → 00:08:17 ประวัติอาจารย์ที่สอนตามที่กวดวิชาต่างๆ
00:08:17 → 00:08:20 นี่มันไม่เจ๋งเท่าคนนี้เลยอ่ะแสดงว่าคน
00:08:20 → 00:08:22 เนี้ยต้องมีอะไรดีๆเาถึงเขียนไปวหนังสือ
00:08:22 → 00:08:25 เล่มนี้แน่ๆเพียงแต่ว่าคนเราอ่ะอาจจะไม่
00:08:25 → 00:08:28 รู้แล้วก็อาจจะคิดว่านกอาบเก่าๆนะไม่น่า
00:08:28 → 00:08:31 อ่านไม่มีวิธีรอะไรเงี้ยอ่าเราก็เลยเริ่ม
00:08:31 → 00:08:34 จากว่ามันต้องมีอะไรดีตั้งใจอ่านแล้วพอ
00:08:34 → 00:08:38 อ่านไปอ่านมาแบบเออมันมันดีจริงแล้วก็ทำ
00:08:38 → 00:08:41 สอบก็ทำได้นี่นาอืมันก็ไม่มีปัญหาเราก็
00:08:41 → 00:08:43 เลยหลังจากนั้นก็เลยรู้วิธีเรียนประหยัด
00:08:43 → 00:08:45 ตังค์มาอีกไม่ต้องไปเสียตังค์ค่าเรียน
00:08:45 → 00:08:48 พิเศษแต่ต้องยอมรับอันนึงว่าที่แทนเล่ามา
00:08:48 → 00:08:51 ณยุคนั้นมันไม่มีอินเทอร์เน็ตเผื่อน้องๆ
00:08:51 → 00:08:52 ไม่รู้มันมันไม่ใช่เหมือนยุคมันไม่ได้
00:08:52 → 00:08:55 เหมือนยุคนี้ที่ Google แล้วแบบเจอเลย
00:08:55 → 00:08:57 พิมพ์ชื่อแล้วมีทุกอย่างแปลว่ายุคนั้นยู
00:08:57 → 00:09:01 ก็ต้องมีความตั้งใจที่จะค้นหาจริงว่าต้อง
00:09:01 → 00:09:04 ไปเปิดดูหนังสือไปดูประวัติหรือเข้าห้อง
00:09:04 → 00:09:06 สมุดเนยุคเรายังเป็นยุคที่ยังจะต้องใช้
00:09:06 → 00:09:09 ห้องสมุดเป็นแหล่งโอยังต้องมานั่งดูเลย
00:09:09 → 00:09:11 หนังสือเล่มนี้อยู่ตรงไหนของห้องสมุดใช่ๆ
00:09:11 → 00:09:14 ซึ่งเด็กสมัยนี้อาจจะไม่ไม่ค่อยได้สัมผัส
00:09:14 → 00:09:15 ประสบการณ์แบบนั้นแล้วเพราะทุกอย่างมันหา
00:09:15 → 00:09:17 ง่ายขึ้นกว่ายุคเราค่อนข้างมากเพราะ
00:09:17 → 00:09:19 ฉะนั้นในยุคนั้นถ้าเกิดทุกคนฟังอยู่โดย
00:09:19 → 00:09:22 เฉพาะรุ่นน้องๆจริงๆอยากให้จินตนาการว่า
00:09:22 → 00:09:24 มันเป็นยุคที่ยไม่มีอินเทอร์เน็ตอยู่ที่
00:09:24 → 00:09:27 finger Tips ไม่มี iPad มือถือยังไม่
00:09:27 → 00:09:30 สามารถจะ Go อะไรได้จริงแล้วก็ยุคนั้นยัง
00:09:30 → 00:09:33 เป็นยุคที่บางทีเรายังใช้ไอ้โทรศัพท์บ้าน
00:09:33 → 00:09:34 pct อะไรอย่างเงี้ยมันไม่ได้เป็น
00:09:35 → 00:09:37 สมาร์ทโฟนเหมือนสมัยนี้แบบว่าการจะค้นหา
00:09:37 → 00:09:40 ข้อมูลอะไรเนี่ยมันต้องตั้งใจอ่ะตั้งตั้ง
00:09:41 → 00:09:44 ใจจริงๆแล้วก็แสดงว่าโหเป็นคนที่นอกจากจะ
00:09:44 → 00:09:46 มีความตั้งใจแล้วก็ต้องฉลาดไว้แหละเพราะ
00:09:46 → 00:09:48 มันการอ่านหนังสือบางคนก็บอกว่าการที่เรา
00:09:48 → 00:09:51 มาเรียนหนังสือคือเหมือนมีคนไกลให้เราอ่ะ
00:09:51 → 00:09:53 ว่าควรจะดูตรงไหนแต่ว่าอยู่ก็คือสามารถ
00:09:54 → 00:09:57 ที่จะตอนนั้นก็จริงๆเหมือนกับเราเริ่ม
00:09:57 → 00:09:59 อ่านหนังสือไปเรื่อยๆแล้วก็อพยายามตั้งคำ
00:10:00 → 00:10:01 ถามว่าไอ้ที่อ่านไปเนี่ยมันเอาไว้ทำอะไร
00:10:01 → 00:10:05 อ่ะอ่าหรือผ่านไปสักพักเราก็บอกว่าถ้าเรา
00:10:05 → 00:10:07 เป็นอาจารย์แล้วเราจะออกข้อสอบอย่างเงี้ย
00:10:07 → 00:10:09 อืให้มันยากมากๆเลยอ่ะมันต้องออกยังไงก็
00:10:10 → 00:10:12 เริ่มจากการคิดโจทย์เองก่อนแล้วพอทำไปทำ
00:10:12 → 00:10:14 มามันก็แบบเฮ้ยอย่างงี้มันคือการเดาข้อ
00:10:14 → 00:10:16 สอบนี่นาถ้าเราไปทำข้อสอบมันก็ต้องออก
00:10:16 → 00:10:18 อย่างนี้นั่นแหละออ่าก็คือเป็นการเก่งข้อ
00:10:18 → 00:10:20 สอบไปตัวอ่ามันก็จะแม่นขึ้นเรื่อยๆเพราะ
00:10:20 → 00:10:23 ว่ามันทำมาตั้งนานแล้วอ่ะอทีนี้พอไปเจอ
00:10:23 → 00:10:25 หนังสือไม่ว่าเรื่องอะไรเราอ่านไปเรื่อยๆ
00:10:25 → 00:10:27 เราก็จะจะสงสัยแล้วถ้าเราเป็นอาจารย์ที่
00:10:27 → 00:10:30 จะอ่านหนังสือเล่มเนี้ยไปออกสอบอจะออกยัง
00:10:30 → 00:10:32 ไงทำเรื่อยๆมันก็ทำให้เราประหยัดเวลาอ่าน
00:10:32 → 00:10:34 หนังสือนะเราไม่ต้องอ่านทั้งเล่มแต่เรา
00:10:34 → 00:10:36 เลือกอ่านที่มันน่าจะออกแค่นเน่าจะออกก็
00:10:36 → 00:10:40 คือเหมือนใช้เค้าเรียกการประมวลผลทีนี้
00:10:40 → 00:10:42 กลับมาสู่อ่ะเรียนหมอและด้วยจันหัวก้อย
00:10:42 → 00:10:46 แล้วตอนที่เลือกเฉพาะทางล่ะก็อย่างที่บอก
00:10:46 → 00:10:49 มันยังเป็นความคิดที่เราชอบทุกอย่างอยู่
00:10:49 → 00:10:52 แล้วก็ติดมาตั้งแต่เด็กว่าสมัยเด็กๆเนี่ย
00:10:52 → 00:10:54 เราหาหมอเราไม่รู้หรอกว่ามีหมอเฉพาะทาง
00:10:54 → 00:10:56 ด้วยแล้วก็คิดว่าก็หมอก็คือหมออือๆเราไม่
00:10:56 → 00:10:59 รู้ว่ามีหมอหัวใจหมอเด็กหมอผ่าตัดหมอสู
00:10:59 → 00:11:01 หมออะไรไม่รู้อรู้แต่ว่าถ้าเราป่วยแล้ว
00:11:01 → 00:11:03 เราไปหาคนๆนึงที่เขาเป็นหมอเน่าจะตอบเรา
00:11:04 → 00:11:06 ได้ทุกอย่างอืเราก็เลยมีความรู้สึกว่า
00:11:06 → 00:11:09 อยากจะเข้าใกล้อะไรที่เป็นแบบนั้นอ่าก็
00:11:09 → 00:11:12 เลยกลายเป็นหมออายุรกรรมอ่ะว่าเอออย่าง
00:11:12 → 00:11:14 น้อยมันก็มีความเกี่ยวข้องกับทุกๆอย่าง
00:11:14 → 00:11:17 ทุกอย่างใช่มั้อือพอหลังจากนั้นเราก็พอจบ
00:11:17 → 00:11:20 อายุรกรรมเสร็จเราก็รู้สึกอืมันน่าจะต้อง
00:11:20 → 00:11:22 ไปต่อในๆๆตอนนั้นเราไปเรียนอายุรกรรมที่
00:11:22 → 00:11:25 อเมริกาะอืพอเรียนเสร็จปุ๊บเราก็อยากจะไป
00:11:25 → 00:11:28 ให้มันไกลกว่านั้นแลอะไรที่มันคล้ายกับ
00:11:28 → 00:11:31 การดูแลครบทุกอย่างก็คือการดูแลใน ICU
00:11:31 → 00:11:33 เพราะว่าถ้าสมมุติว่าพ่อแม่เราป่วยแล้ว
00:11:33 → 00:11:35 อยู่ใน ICU อ่ะเราก็อยากจะดูแลได้เราอยาก
00:11:35 → 00:11:38 จะรู้เรื่องอืเราไม่ได้อยากจะแบบโอเข้า
00:11:38 → 00:11:41 ICU แล้วเออเราทำอะไรไม่เป็นเรากลัวเรา
00:11:41 → 00:11:43 เราต้องให้คนที่เขาเชี่ยวชาญกว่าเราเป็น
00:11:43 → 00:11:46 คนดูอะไรอย่างเงี้ยอ๋ออ่าก็เลยต้องเลือก
00:11:46 → 00:11:48 ไปสายนั้นแล้วบังเอิญสายนั้นมันผูกกับ
00:11:48 → 00:11:50 เรื่องปอดพอดีเพราะมันเรียนคู่กันทั้ง 2
00:11:50 → 00:11:53 วิชาเราก็เลยเออไปทางนั้นละกันออ่าก็เลย
00:11:54 → 00:11:56 เป็นที่มาที่ไปแบบนี้ก็เลยทำให้วันเนี้ย
00:11:56 → 00:11:59 เป็นหนึ่งในหมอคนนึงที่เาเรียกว่าก็รู้
00:11:59 → 00:12:02 รอบรู้รอบแล้วก็สามารถเล่าให้คนอื่นเอ่อ
00:12:02 → 00:12:04 เข้าใจได้ง่ายด้วยเนาะแต่ส่วนอันสุดท้าย
00:12:04 → 00:12:07 นี่จริงๆเป็นความชอบล้วนๆเลยเออเพราะว่า
00:12:07 → 00:12:10 ถ้าเรียนมาจบอ่าจบโรคปอดกับพวกเวทมบัติ
00:12:10 → 00:12:13 วิกฤตก็คือ ICU แล้วเนี่ยอือที่ไทยมันจบ
00:12:13 → 00:12:16 แค่นี้อ่ะแต่ที่เมืองนอกอ่ะมันมีย่อยไป
00:12:16 → 00:12:18 อีกเยอะแยะเลยมีอีกตั้ง 5-6 สาขาที่เราจะ
00:12:18 → 00:12:20 เลือกเรียนหรือว่าบางสาขาเราสามารถสร้าง
00:12:20 → 00:12:23 มันขึ้นมาเองโดยที่คนยังไม่มีเลยก็ได้อออ
00:12:23 → 00:12:26 นะเรียนแบบเรื่องโรคการนอนหลับเรียนการ
00:12:26 → 00:12:28 ผ่าตัดเล็กเกี่ยวข้องกับโรคปอดอะไเงี้ย
00:12:28 → 00:12:31 หรือว่าโรคอหอบขืดเป็นแบบพิเศษหรืออะไรก็
00:12:31 → 00:12:34 แล้วแต่เยอะแยะอืเราก็รู้สึกว่ามันมีโรค
00:12:34 → 00:12:36 อยู่กลุ่มนึงที่ใครรักษาไม่ได้มันต้องทำ
00:12:37 → 00:12:40 วิธีเนี้ยคือการปลูกถ่ายปอดอืเพราะว่ามัน
00:12:40 → 00:12:43 จะมีโรคที่ตอนอยู่ประเทศไทยอ่ะอย่างเช่น
00:12:43 → 00:12:46 เป็นพังผืดปอดหรือว่าเป็นถุงลมโปร่งพอง
00:12:46 → 00:12:49 แล้วมันมันไม่หายอ่ะเรารู้อยู่แล้วว่ามัน
00:12:49 → 00:12:52 มีแต่แย่ลงมันไม่มีแบบดีขึ้นหรอกทำยังไง
00:12:52 → 00:12:54 มันก็ไม่ดีขึ้นก็เลยรู้สึกว่าเฮ้มันน่าจะ
00:12:54 → 00:12:58 มีสายนึงที่ทำการแก้ไขภาวะนี้ได้แล้วเรา
00:12:58 → 00:13:00 บังเอิญก็แบบตอนเรียนอยู่ปีแรกเลยที่เข้า
00:13:01 → 00:13:04 ไปก็เจอว่าเฮ้ยไอ้นี้น่าสนใจมากอ่าแล้ว
00:13:04 → 00:13:06 บังเอิญอาจจะด้วยความบังเอิญหลายอย่าง
00:13:07 → 00:13:09 อย่างแรกก็คือมันเกี่ยวข้องกับระบบภูมิ
00:13:09 → 00:13:13 คุ้มกันเยอะอืแล้วไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร
00:13:13 → 00:13:16 เราชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษอ่ะชอบส่วนตัว
00:13:16 → 00:13:19 ชอบเรื่องยากๆนะเรื่องเรื่องที่มัน
00:13:19 → 00:13:22 คอมเพลกที่เป็นแบบอสารสื่ออะไรเคมีทั้ง
00:13:22 → 00:13:27 หน่อยะไปหมดเอออ่าๆก็ก็เลยเป็นเป็นข้อนึง
00:13:27 → 00:13:29 ที่รู้สึกว่าเออมันชอบอย่าเงี้อย่าเงี้ย
00:13:29 → 00:13:33 อืแล้วก็อาจจะด้วยอีกอย่างนึงน่าจะเป็น
00:13:33 → 00:13:36 ปรมลิขิตอืออันเนี้ยตลกดีคือตอนที่เรา
00:13:36 → 00:13:39 เข้าไปแล้วมันจะผ่านหน่วยโลกปอดครั้งแรก
00:13:39 → 00:13:42 ก็คือตอนเป็นคล้ายๆเราเป็น fow คือเหมือน
00:13:42 → 00:13:44 คล้ายๆปริญญาเอกของสายอื่นเนาะอๆๆตอนเข้า
00:13:44 → 00:13:47 ไปเดือนแรกอ่ะเขาคก็จะให้ไปวนตามที่ต่างๆ
00:13:47 → 00:13:51 แล้วที่ที่นึงที่เราไปก็คือหน่วยปลูกถ่าย
00:13:51 → 00:13:54 ปอดอืพอเข้าไปวันแรกเราก็ต้องรับเวรจาก
00:13:54 → 00:13:57 เพื่อนก่อนว่าเออมีคนไข้แบบนี้เออเราต้อง
00:13:57 → 00:14:00 ทำไงให้เคส่งเวรให้เราออมันมีคนไข้อยู่คน
00:14:00 → 00:14:03 นึงเราติดใจมากคือเพื่อนเราบอกว่าไอ้เคส
00:14:03 → 00:14:07 เนี้ยเป็นคุณลุงอายุ 6 เกือบ 70 ะแล้วเา
00:14:07 → 00:14:10 ก็มาผ่าตัดลุกไทยปอร์ดอ่าแต่หลังจากนั้น
00:14:10 → 00:14:12 เนี่ยทุกอย่างดีหมดแล้วเขาจะให้กลับบ้าน
00:14:12 → 00:14:16 ปรากฏอยู่ๆเดินๆเราก็วูบไปเลยโอเออหายใจ
00:14:16 → 00:14:20 ไม่ออกแล้วก็วูบไปเลยแล้วก็เอาไปเข้า ICU
00:14:20 → 00:14:22 ผ่านไป 6 ช่วโมงดีเหมือนปกติก็ไม่รู้เกิด
00:14:22 → 00:14:24 อะไรขึ้นแล้วเป็นอย่างเงี้ย 4-5 ครั้งใน
00:14:24 → 00:14:27 โรงพยาบาลอืแล้วก็กลับบ้านไม่ได้เพราะว่า
00:14:27 → 00:14:30 ไม่รู้ว่าถ้ากลับบ้านไปแล้ว
00:14:30 → 00:14:32 ถ้าเป็นที่ไทยจะบอกว่าผีเข้าเอ่าจะคิดว่า
00:14:32 → 00:14:35 ผีเข้าเฮ้ยผีส่งมาจากปอกเก่าหรือเปล่าเ
00:14:35 → 00:14:38 ไม่ยอมปล่อยกลับบ้านือเปล่าเออๆใช่แบบแบบ
00:14:38 → 00:14:41 นี้ถ้าเป็นแถวบ้านเราอ่ะนะเวลาเราไปใช่ก็
00:14:41 → 00:14:43 จะเป็นแบบนี้อ่ะแล้วเคนนี้เป็นไงต่อเราก็
00:14:43 → 00:14:46 เลยแล้วเพื่อนก็บอกว่าไม่รู้ไม่รู้ว่า
00:14:46 → 00:14:48 เป็นอะไรเพราะว่าก็ให้อาจารย์ทุกคนที่
00:14:48 → 00:14:51 ผ่านบนมาดูส่งมันทุกอย่างที่เขาจะมีให้
00:14:51 → 00:14:53 ส่งะก็ก็ไม่เจออะไรอไม่รู้ด้วยว่าทำไม
00:14:53 → 00:14:58 เป็นอืเราก็เลยเออว่ะเคสเนี้คงต้องไปคุย
00:14:58 → 00:15:00 น่อะคือเรามองว่าคำตอบเมันไม่น่าจะอยู่
00:15:00 → 00:15:03 ที่การตรวจอะไรแต่มันขึ้นอยู่กับว่าเรา
00:15:03 → 00:15:06 รู้ข้อมูลครบหรือเปล่าอืคือเหมือนถ้าเรา
00:15:06 → 00:15:08 เรียนที่ไทยมาอาจารย์ก็จะสอนให้บอกว่าเรา
00:15:09 → 00:15:12 ควรจะซักประวัติให้มันครบทุกทุกเม็ดอ่ะ
00:15:12 → 00:15:17 วบเบหมดจนกระทั่งเราสามารถสร้างแผนผังได้
00:15:17 → 00:15:19 ว่าเอ๊เรื่องที่เขาเป็นเกี่ยวกอะไรปรากฏ
00:15:19 → 00:15:21 ว่าเราซักไปซักมาเราก็แบเอ๊ทุกครั้งก่อน
00:15:21 → 00:15:26 ที่มันจะเป็นเนี่ยมันไปมันไปกินถั่วอืเออ
00:15:26 → 00:15:29 เราก็คิดเฮ้มันอาจจะเป็นจากแพ้ถั่วก็ได้
00:15:29 → 00:15:32 นะอ่ะแต่บังเอิญน่ะคนไข้มันไม่เคยแพ้มา
00:15:32 → 00:15:34 ก่อนถั่วกินมาทั้งชีวิตอายุจะ 70 อยู่
00:15:34 → 00:15:35 แล้วถ้าไม่เคยกินถั่วนี่ก็ประหลาดแล้วะ
00:15:35 → 00:15:38 จริงถ้ามันจะแพ้มันก็ต้องรู้ะจริงอือ
00:15:38 → 00:15:40 ปรากฏว่าไอ้คนแพ้เนี่ยไม่ใช่เค้าแต่เป็น
00:15:40 → 00:15:44 คนที่ให้ปอดมาให้
00:15:44 → 00:15:47 อ้าคือซักประวัติไม่ได้นะคือเราโทรไปหา
00:15:47 → 00:15:50 ครอบครัวของเขาแล้วก็ปปดว่าเค้าเนี่ยเอ่อ
00:15:50 → 00:15:53 ไม่ค่อยรู้จักกับคนๆนี้เนื่องจากว่ารู้
00:15:53 → 00:15:57 จักกับโดนรมันเาห่างเขาออกจากบ้านมานานละ
00:15:57 → 00:15:59 ก็เลยไม่รู้ประวัติอืออืเราก็เลยบอกว่า
00:15:59 → 00:16:02 เ้าทำงทำยังไงที่จะวินิจฉัยตนี้ได้ก็เลย
00:16:02 → 00:16:05 มีการส่งเลือดของเขาไปตรวจดูว่ามันแพ้
00:16:05 → 00:16:07 หรือเปล่าส่วนนึงอ่ะเราก็แบ่งเลือดเป็น 2
00:16:07 → 00:16:10 ส่วนส่วนนึงคือส่งแลบปกติอีกส่วนนึงด้วย
00:16:10 → 00:16:12 ความตื่นเต้นของตัวเองก็เอาแลบไปที่แลบ
00:16:12 → 00:16:16 ที่ตัวเองทำอยู่ออแล้วไปทดลองเองเออก็ทำ
00:16:16 → 00:16:18 ตอนนั้นน่ะแบบ 22:00 นอ่ะผลออกคือทำเอง
00:16:18 → 00:16:21 ตอนตอน 22:00 นผลออกเราดูดีใจมากเฮ้ยรู้
00:16:21 → 00:16:23 แล้วว่าเป็นอะไรอๆๆๆๆก็เลยโทรไปบอก
00:16:23 → 00:16:26 อาจารย์ตอน 22:00 นอาจารย์ก็บอกตกใจให้
00:16:26 → 00:16:28 ปกติเราไม่เคยโทรมาไม่เคยโทรหาคืออ่า
00:16:28 → 00:16:30 เครียดแล้วมีเรื่องอะไร Emergency เเฮ้ย
00:16:30 → 00:16:32 มีอะไรตกใจรึเปล่าเสียงมันดูตื่นเต้น
00:16:32 → 00:16:34 เหลือเกินอะไรอย่าเงี้ยเราก็บอกเนี่ยเรา
00:16:34 → 00:16:35 รู้แล้วไอ้คนนี้เป็นอะไรเนี่ยแพ้ถั่วก็
00:16:35 → 00:16:39 ถ่ายรูปที่เราทำทดรองไปให้อือืแล้ววัน
00:16:39 → 00:16:42 รุ่งขึ้นก็เอ่อยังผลยังไม่ออกมันต้องอีก
00:16:42 → 00:16:45 วันนึงอ่ะผลออกคอนเฟิร์มเหมือนกัน 2 ที
00:16:45 → 00:16:47 คือที่เราทำกับที่เราส่งไปข้างนอกก็ได้
00:16:47 → 00:16:52 ออก็เป็นเคสที่ถือว่าว้าวเนาะเออแล้วมัน
00:16:52 → 00:16:55 มีมาจากการตั้งคำถามถูกมั้มาจากการที่เรา
00:16:55 → 00:16:58 ตั้งคำถามไม่ได้ไปตามว่าแบบโปโตคอล
00:16:58 → 00:17:01 อทั่วไปก็คืออ่ะการที่เรารู้จักตั้งคำถาม
00:17:01 → 00:17:04 ก็คือเป็นคียนึงเลยที่ทำให้แทนสามารถ
00:17:04 → 00:17:07 รักษาเอ่อคนได้สำเร็จก็เป็นเรื่องราวที่
00:17:07 → 00:17:10 ประทับใจมากเพราะฉะนั้นฟ้าว่ามันก็เป็น
00:17:10 → 00:17:13 อันนึงเลยที่ทำให้แทนสามารถหาคำตอบมาถาม
00:17:13 → 00:17:15 ให้คนที่เป็น follower ของยูอ่ะได้เรื่อย
00:17:15 → 00:17:18 ๆว่าไอ้ปัญหาสุขภาพเหล่าเนี้ยฉันอยากได้
00:17:18 → 00:17:20 คำตอบนะแล้วฟว่าจุดเด่นอันนึงของแทนเลยก็
00:17:20 → 00:17:25 คือแทนกล้าที่จะฟันงให้คำตอบว่ามันควรจะ
00:17:25 → 00:17:29 เป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 เออซึ่งปกติแล้วถ้า
00:17:29 → 00:17:32 แทนสังเกตอย่าแ้แม้แต่ตัวฟ้าเองลักษณะ
00:17:32 → 00:17:36 สไตล์เวลาตอบอ่ะเราจะตอบแบบกลางๆเออมันจะ
00:17:36 → 00:17:40 ไม่ค่อยเจอหมอที่กล้าแบบ 1 สมมุติคนถาม
00:17:40 → 00:17:44 ว่ากินไข่ดีมยเออหมอส่วนใหญ่ก็จะจากงาน
00:17:44 → 00:17:46 วิจัยปีก่อนนู้นแม้แต่ตัวฟ้าเองนะแต่ถ้า
00:17:47 → 00:17:49 อย่างของแทนฟ้าว่าแทนก็จะกล้าให้คำตอบกับ
00:17:49 → 00:17:53 คนที่เขมาถามเลยว่าแทนว่ามันอย่างงี้เป็น
00:17:53 → 00:17:56 แบบเรามองมองตามแบเหตุผลใช่มั้คือบาง
00:17:56 → 00:17:58 อย่างอ่ะเราสามารถคิดตามเหตุผลได้แล้วก็
00:17:58 → 00:18:01 ไปประกอบกับว่าเรามีข้อมูลอะไรแค่ไหนใช่
00:18:01 → 00:18:04 มยแต่ปัญหาคือข้อมูลเนี่ยมันพวกเราอ่ะ
00:18:04 → 00:18:06 อ่านกันเป็นแต่คนเขาอ่านกันไม่เป็นออื
00:18:06 → 00:18:08 ส่วนคนที่อ่านเป็นเนี่ยก็ต้องไปดูอีกที
00:18:08 → 00:18:11 ว่ามันมีข้อจำกัดของข้อมูลนั้นมมันไปตรวจ
00:18:11 → 00:18:14 ในใครเากินไข่จริงหรือเปล่าไข่ใหญ่ไข่
00:18:14 → 00:18:16 เล็กไข่เป็ดไข่ไก่อะไรพวกเนี้ยมันต้องรู้
00:18:16 → 00:18:20 ไงใชจริงจริงแล้วทีนี้พองานข้อมูลมันมี
00:18:20 → 00:18:23 ไม่ครบอ่ะเราก็แบบจะตอบทุกอย่างก็ไม่ได้
00:18:23 → 00:18:26 ก็เลยต้องใช้แบบวิธีเหตุผลวเหตุผลอ้างั้น
00:18:26 → 00:18:29 อ่ะก็จะนำเข้ามาสู่เรื่องนี้ที่ชวนมาคุย
00:18:29 → 00:18:32 นอกจากให้คนอื่นรู้จักแทนมากขึ้นแล้วก็
00:18:32 → 00:18:35 คืออยากจะมาชวนคุยเรื่องสารคดีอันนึงซึ่ง
00:18:35 → 00:18:38 หลังๆคนพูดถึงเยอะมากมีสื่ออาไปทำเยอะมาก
00:18:38 → 00:18:42 ด้วยคือเอ่อคือสารคดีทาง netflix ชื่อดอน
00:18:42 → 00:18:44 ได้อันนี้ไม่ได้ไม่ได้เงินจากเขานะคะแต่
00:18:44 → 00:18:47 เผอิญเห็นว่ามีคนดูเยอะพูดถึงเยอะมันชื่อ
00:18:47 → 00:18:49 Don't Die The Man Who want to
00:18:49 → 00:18:51 live Forever แต่เป็นไทยก็คือสารคดีของ
00:18:51 → 00:18:54 คนที่ไม่อยากตายอ่ะบางคนก็แปลว่าชายผู้
00:18:54 → 00:18:57 อยากอยู่เป็นอมตะก็เป็นเรื่องราวเกี่ยว
00:18:57 → 00:19:00 กับคนๆนึงเป็นผู้ชายคนนึงชื่อคุณ bri
00:19:00 → 00:19:02 Johnson ซึ่งคุณ bri Johnson เนี่ยพอ
00:19:02 → 00:19:04 เราไปดูในสารคดีเนี่ยหรือว่าบางคนถ้ายัง
00:19:04 → 00:19:07 ไม่เคยดูอาจจะเคยได้ยินชื่อเขาเพราะเขา
00:19:07 → 00:19:09 เป็นเจ้าของโปรเจคโปรเจคนึงที่ชื่อว่าเขา
00:19:09 → 00:19:12 ใช้ชื่อว่า blueprint ซึ่งใช้เงินเนี่ยใน
00:19:12 → 00:19:16 การพยายามย้อนไวยของตัวเองด้วยเงิน 2
00:19:16 → 00:19:19 ล้านเหรียญต่อปีเป็นเงินไทยนี่ก็เกือบ 80
00:19:19 → 00:19:22 ล้านบาทเนาะใน 1 ปีในการที่จะพยายามย้อน
00:19:22 → 00:19:24 ไวยของตัวเองมันก็ดูเป็นอะไรที่แบบ
00:19:24 → 00:19:28 Extreme มากอืเขาก็เลยเหมือนคนทำสาคดีก็
00:19:28 → 00:19:31 เลยเอาพอย์เแหละมาทำเป็นสอมาทำเป็นสารคดี
00:19:31 → 00:19:35 ว่าไอ้ที่มาที่ไปเนี่ยเป็นเป็นยังไงก็
00:19:35 → 00:19:37 ความน่าสนใจเพราะว่าพอไปดูก็จะไดู้้ว่า
00:19:37 → 00:19:39 จริงๆแล้วกว่าเขาจะมาถึงจุดที่เขาตัดสิน
00:19:39 → 00:19:41 ใจเป็น blueprint bri Johnson ณ
00:19:41 → 00:19:46 ปัจจุบันเนี่ยคือเขาผ่านช่วงที่ฟ้าว่ามี
00:19:46 → 00:19:49 ภาวะคล้ายๆซึมเศร้ามาก่อนแหละเพราะเขาเคย
00:19:49 → 00:19:52 อยากตายอืมาก่อนณช่วงชีวิตนึงเพราะว่าเขา
00:19:52 → 00:19:56 เป็นคนที่ทำบริษัทชื่อเนทเอ่อเนมที่
00:19:56 → 00:19:59 เกี่ยวกับไอ้เรื่องของตัวการขายเรื่ของ
00:19:59 → 00:20:01 แล้วก็ขายให้ PayPal ไปที่บอกได้ตังค์
00:20:01 → 00:20:04 เยอะๆอ่ะแต่เขาบอกว่าช่วงนั้นน่ะคือเขา
00:20:04 → 00:20:08 อยากตายเหมือนแทบจะไม่ได้นอนเลยแบบทำงาน
00:20:08 → 00:20:09 เกี่ยวกับ Business อย่างเดียวแล้วก็มี
00:20:09 → 00:20:13 ความคิดว่าแบบไม่ไม่แฮปปี้แล้วก็ครอบครัว
00:20:13 → 00:20:15 ก็เหมือนว่ามีปัญหาด้วยเพราะว่าก็ต้อง
00:20:15 → 00:20:19 อยากกับภรรยาแล้วสุดท้ายเหมือนวันนึงเขา
00:20:19 → 00:20:22 ก็เลยตัดสินใจจขาย Brain Tree ให้กับ
00:20:22 → 00:20:26 PayPal ไปแล้วก็เหมือนมีเป็นพอยเป็นคลิก
00:20:26 → 00:20:30 ขึ้นมาว่าเออไม่อยากตายและงั้นจะทำยังไง
00:20:30 → 00:20:32 ก็ได้ให้กลับมาแบบแข็งแรงแล้วก็แฮปปี้
00:20:32 → 00:20:35 เพียงแต่สิ่งที่เขชูออกมาเนี่ยมันก็มี
00:20:35 → 00:20:38 ความ extrem อยู่พอสมควรแล้วพาก็เชื่อว่า
00:20:38 → 00:20:40 บางคนน่ะ
00:20:40 → 00:20:44 ก็อาจจะอยากทำตามเค้าเพราะว่า Data หลายๆ
00:20:44 → 00:20:46 อย่างที่เขาเอาออกมาให้ดูอันเนี้ยเลยอยาก
00:20:46 → 00:20:49 จะชวนแทนมาแชร์ไอเดียในฐานะคุณหมอหรือว่า
00:20:49 → 00:20:53 นักวิทยาศาสตร์ว่าเราควร
00:20:53 → 00:20:58 จะทำตามในประมาณไหนถึงถึงจะเหมาะสมเพราะ
00:20:58 → 00:21:01 ว่าว่าเราเชื่อว่ามันไม่มีอะไรที่คนใดคน
00:21:01 → 00:21:04 นึงทำแล้วมันมนุษย์คนอื่นจะสามารถตามได้
00:21:04 → 00:21:06 หมดแต่เราต้องรู้ว่าไอ้ตัวความที่เขาเป็น
00:21:06 → 00:21:08 เหมือนไออของความที่ want to live
00:21:08 → 00:21:11 Forever ของเขาเนี่ยมันทำให้เกิด
00:21:11 → 00:21:13 movement ขึ้นมาทั่วโลกคือ Don't Die
00:21:13 → 00:21:16 Group ทั่วโลกแม้แต่ในประเทศไทยเนี่ย
00:21:16 → 00:21:20 เอ่อเขามีครั้งแรกคือปีที่แล้วใช่มแทนฟ้า
00:21:20 → 00:21:23 ก็มีโอกาสได้ไปนั่งกินข้าวกับพวกกลุ่มคน
00:21:23 → 00:21:27 ในไทยที่อยากจะ Follow D ด้วยนะซึ่งความ
00:21:27 → 00:21:31 น่าสนใจก็คือส่วนใหญ่ xat เป็นพวกที่แบบ
00:21:31 → 00:21:33 เค้าเรียกว่า Digital nad เอ่อ nad อ่ะ
00:21:33 → 00:21:36 ส่วนใหญ่ก็คือรนซ์ทำงานแบบอะไรพวกเนี้ย
00:21:36 → 00:21:38 แล้วก็อายุส่วนใหญ่อ่ะ
00:21:38 → 00:21:42 20 20 ปลายๆที่ไม่อยากตายจำได้ว่าตอนไป
00:21:42 → 00:21:45 เจออ่ะมัน contrast กับความคิดของของเรา
00:21:45 → 00:21:48 มากก็จริงๆคนที่จะสนใจเรื่องอะไรอย่าง
00:21:48 → 00:21:50 เงี้ยใน Field Anti aging น่าจะเป็น
00:21:50 → 00:21:52 กลุ่มคนที่อายุเยอะหรือเปล่าแต่พอไปเจอ
00:21:52 → 00:21:55 จริงๆปรากฏว่าคนที่เหมือนกับเชื่อแล้วก็
00:21:55 → 00:21:58 อยากตาม bri Johnson กลับเป็นกลุ่มที่
00:21:58 → 00:22:01 อายุน้อยกว่ากว่าที่ฟ้าคิดค่อนข้างมาก
00:22:02 → 00:22:03 แล้วก็ในไทยเนี่ยณปัจจุบันเก็จะมีเป็น
00:22:04 → 00:22:06 กลุ่มของเา WhatsApp ซึ่งตอนนี้มีสมาชิก
00:22:06 → 00:22:08 อยู่ประมาณ 70 คนจะว่าไปจริงๆเรื่องของ
00:22:08 → 00:22:12 Digital No เนี่ยมันเป็นคล้ายๆกับกลุ่ม
00:22:12 → 00:22:14 ที่น่าจะสนใจเรื่องนี้นะอืเพราะว่าข้อแรก
00:22:14 → 00:22:18 เค้ามีเวลาเออชอบคำว่าเค้ามีเวลาเออยังไง
00:22:18 → 00:22:19 ข้อแรกก่อนเลยเพราะว่า Digital nomat
00:22:19 → 00:22:22 เนี่ยคือคือสมมุติว่าเราเป็นอเมริกันอย่า
00:22:22 → 00:22:24 เงี้ยแล้วเรามาประเทศไทยเพื่อมาทำงาน
00:22:24 → 00:22:27 ออนไลน์โดยที่เราจะไปอยู่ทะเลตรงไหนก็ได้
00:22:27 → 00:22:30 เราไม่ได้ทำงานแบบ 9:00 น 9:00 นถึง 17:00
00:22:30 → 00:22:33 นนะเราจะนั่งทำสักชั่วโมงนึงแล้วเราที่
00:22:33 → 00:22:35 เหลือไปเดินเล่นชายหาดอะไรก็มีเวลาเยอะ
00:22:35 → 00:22:38 แยะแต่พวกเนี้ยคือพอทำเสร็จปุ๊บมันก็ต้อง
00:22:38 → 00:22:40 เริ่มหาอะไรที่เอ๊ะมันมีอะไรน่าสนใจใน
00:22:40 → 00:22:44 อินเทอร์เน็ตไมมอออ่าแล้วพอหาไปหามาก็คง
00:22:44 → 00:22:47 เจออันเนี้ยก็เลยชอบเออแล้วก็เลยเป็นว่า
00:22:47 → 00:22:50 กลุ่มเนี้ยเยอะเยอะมากทีนี้อ่ะก็คือให้ดู
00:22:50 → 00:22:52 ว่า br Johnson เนี่ยเขาเป็นบุคคลซึ่งก็
00:22:52 → 00:22:55 จะมีกลุ่มคนที่ทำตามเขาเป็นดนดกรุ๊ปอะไร
00:22:55 → 00:22:58 ของเขาไปทีนี้พอไปดูในสอเนี่ยสิ่งที่เขา
00:22:58 → 00:23:00 เริ่มทำตั้งแต่เช้าเดี๋ยวเราจะให้แทน
00:23:00 → 00:23:03 คอมเมนต์ทีละอันว่าอันไหนโอเคเค้าจะตื่น
00:23:03 → 00:23:06 5:00 นทุกวันซึ่งเา้าก็จะเกือบเป๊ะเลย
00:23:06 → 00:23:08 อ่ะคือประมาณช่วง 5:00 นแล้วก็เวลาเข้า
00:23:08 → 00:23:10 นอนเค้าก็จะเปะเหมือนกันคือประมาณ 21:00
00:23:10 → 00:23:13 น - 22:00 นตื่นมาปุ๊บสิ่งแรกที่เา้าทำ
00:23:13 → 00:23:18 ก็คือเขาจะวัดเค้าเรียกว่าสัญญาณชีวิต
00:23:18 → 00:23:21 ต่างๆก่อนเพราะว่าเขาใส่ไอ้ตัว variable
00:23:21 → 00:23:23 Device อันนึงชื่อว่าสายรัฐที่มันชื่อ
00:23:23 → 00:23:26 ว่า woops เา้าก็จะดู Data ว่าเมื่อคืน
00:23:26 → 00:23:30 เา้าแบบนอนดีมยค่าไอ้อัตราการแปรผันของ
00:23:30 → 00:23:33 กันเ้นของหัวใจตัว HRV อ่ะเท่าไหร่แล้วก็
00:23:33 → 00:23:35 เอาตัวเองไปยืนหน้ากระจกที่จะมีไอ้ตัว
00:23:35 → 00:23:39 Light therapy แผ่นแสงอือสีขาวอยู่ตรง
00:23:39 → 00:23:42 หน้ากระจกเออแทนว่าไอ้เรื่องเอารูีก่อน
00:23:43 → 00:23:46 ของการเข้านอนแล้วก็ตื่นนอนตรงเวลาแล้วก็
00:23:46 → 00:23:48 ตื่นมาแล้วมันมีมาร์เกอร์อะไรเหมือนที่เา
00:23:48 → 00:23:51 วัดมันมีอะไรที่เราน่าจะวัดบ้างหรือจริงๆ
00:23:51 → 00:23:54 แล้วมันอาจจะเวอร์เกินไปเอ่อต้องบอกว่า
00:23:54 → 00:23:57 เราอาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดครบทุกอย่าง
00:23:57 → 00:24:00 ของเเหมือนกับคนที่เขาตามชัดๆเราดูแพ่
00:24:00 → 00:24:04 ผ่านๆเลยแต่การที่นอนหลับแล้วก็ตื่นเป็น
00:24:04 → 00:24:06 เวลาเนี่ยเป็นสิ่งที่เห็นด้วยอือคือร่าง
00:24:06 → 00:24:09 กายของคนเรามันมีนาฬิกาชีวิตอ่ะ cardian
00:24:09 → 00:24:11 rym ของเราเนี่ยคือเราลองคิดง่ายๆก็ได้
00:24:11 → 00:24:13 สมมุติว่าเราย้ายไปอยู่อเมริกาแล้วเรา
00:24:13 → 00:24:16 ข้ามเส้นแบ่งเวลาเนี่ย 3 เส้นเราก็มึน
00:24:16 → 00:24:19 แล้วอ่ะอืเราเราก็ง่วงจะแย่อยู่แล้วเราทำ
00:24:19 → 00:24:22 อะไรไม่ได้ไปอีกตั้งหลายวันใช่มั้ยนี่ก็
00:24:22 → 00:24:24 เหมือนกันคือการที่เราเปลี่ยนวิีเวลาการ
00:24:24 → 00:24:27 นอนการตื่นไปเรื่อยๆร่างกายของเรามันมั่ว
00:24:27 → 00:24:29 อืมั่วไม่ใช่แค่เรื่องของความง่วงนะแต่
00:24:29 → 00:24:32 มันมั่วแบบทุกระบบเลยอ่ะอืการที่ทำให้มัน
00:24:32 → 00:24:34 เหมือนกันทุกวันก็เป็นสิ่งที่เห็นด้วย
00:24:34 → 00:24:37 เห็นด้วยว่าอ่ะคุณจะเป็นรูีอันนี้คือสิ่ง
00:24:37 → 00:24:40 ที่ดีนนี้ตื่นมาปุ๊บเราคิดว่ามนุษย์ทุกคน
00:24:40 → 00:24:44 คงไม่มีใครแบบวัดไสเป็นอย่างแรกตื่นนอนมา
00:24:44 → 00:24:47 แทนคิดว่าอะไรที่วัดสมมุติถ้ามีโอกาสที่
00:24:47 → 00:24:50 วัดได้แล้วน่าจะมีประโยชน์กับคนทั่วไป
00:24:50 → 00:24:53 บ้างแล้วว่าจริงๆนะความรู้สึกของเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:57 สำคัญสุดเลยอืคือถ้าเราตื่นมาแล้วอ่ะเรา
00:24:57 → 00:25:00 รู้สึกดีเรารู้สึกว่าเอ้ยเรานอนพอนะเรา
00:25:00 → 00:25:03 รู้สึกว่าวันนี้มันแจ่มใสจังเลยอ่ะดีแล้ว
00:25:03 → 00:25:06 พอแล้วไม่ต้องวัดอะไรหรอกตัวเลขอ่ะออ่าก็
00:25:06 → 00:25:07 ไม่ต้องมานั่งเป็นมนุษย์เขาเรียกว่าเป็น
00:25:07 → 00:25:10 มนุษย์ Data ที่ตื่นมาปุ๊บแล้วต้องดูว่า
00:25:10 → 00:25:12 อัตราการเต้นหัวใจเท่าไหร่อะไก่อนที่เรา
00:25:12 → 00:25:14 จะใช้ Data หลังไหนจริงๆเราลองตื่นมาแล้ว
00:25:14 → 00:25:17 ถามตัวเองก่อนว่าเออวันนี้ลืมตาตื่นขึ้น
00:25:17 → 00:25:20 มาฉันรู้สึกยังไงบ้างเอเป็นยังไงง่วงมั้ย
00:25:20 → 00:25:22 เรานอนแล้วเราตื่นมาปวดหัวหรือเปล่าอแต่
00:25:22 → 00:25:24 ว่าคนที่เขาอาจจะมีประโยชน์หน่อยก็อย่าง
00:25:24 → 00:25:26 เช่นถ้าเราเป็นโรคความดันสูงอย่างเงี้ย
00:25:26 → 00:25:27 ถ้าตื่นมาแล้ววัดความดันเออมันก็อย่าง
00:25:27 → 00:25:30 น้อยก็ดีดีนะมันจะได้รู้ว่าถ้าเราไม่ได้
00:25:30 → 00:25:32 กินยาอะไรมาทั้งคืนน่ะตอนเช้ามันเป็นไง
00:25:32 → 00:25:34 มันอาจจะสูงเกินไปอาจจะเป็นตัวที่เอาไป
00:25:34 → 00:25:37 บอกหมอว่าเฮ้ยเราคุมไม่ได้นะอ่ะจริงได้
00:25:37 → 00:25:40 ปรับแล้วก็มักจะเป็นตัวเลขที่สำคัญที่สุด
00:25:40 → 00:25:42 ด้วยเพราะว่าเพบว่าตอนนอนกับตอนตื่นตอน
00:25:42 → 00:25:45 เช้าค่ามัน difference คือค่าความต่างอ่ะ
00:25:45 → 00:25:48 มันกุ้มขึ้นเยอะที่สุดถ้าจะารแทคหัวใจวาย
00:25:49 → 00:25:51 ก็จะเป็นช่วงตอนเช้านั่นเองอ่ะนั้นก็พูด
00:25:51 → 00:25:54 ง่ายๆว่าตื่นมาก็เน้นดูที่ความรู้สึกดี
00:25:54 → 00:25:57 กว่าแต่ว่าถ้าใครเป็นมนุษย์ชอบพวก Data
00:25:57 → 00:26:00 ก็เอาต้าไว้แคได้ก็อาจจะใช้เหมือนเ้า
00:26:00 → 00:26:02 เรียกว่าประเมินร่วมกันว่าไอ้วันนี้ความ
00:26:02 → 00:26:04 รู้สึกเราเป็นอย่างงี้ตัวเลขเป็นอย่างง
00:26:04 → 00:26:07 นี้แล้วเราก็ดูเป็นเทรนด์ไปแต่คงไม่ใช่ใน
00:26:07 → 00:26:10 การเอามาวินิจฉัยเนาะแทนเนาะถูกต้องเออที
00:26:10 → 00:26:12 นี้ไอ้เรื่องการใช้แสงเ้าล่ะเรื่องของ
00:26:12 → 00:26:14 Light เปีไอ้เรื่องแสงสีขาวความเข้มข้น
00:26:14 → 00:26:16 10,000 ลักอะไรอย่างเงี้ยมันจำเป็นต้อง
00:26:16 → 00:26:20 ทำทุกวันมั้ยแทนตัวนี้จริงๆเนี่ยเอ่อเรา
00:26:20 → 00:26:23 เอามาที่อเมริกาเเรียก Happy Light อืมี
00:26:23 → 00:26:26 ขายตามร้านทั่วๆไปเลยเออไม่แพงมันเอาไว้
00:26:26 → 00:26:29 ใช้แบบใช้ได้ 2 อย่างอย่างแรกคือคนที่
00:26:29 → 00:26:31 เป็นซึมเศร้าอ่ะเวลาที่หน้าหนาวอเมริกา
00:26:31 → 00:26:34 มันจะมืดเร็วใช่มั้เราเจอแต่ความมืดทั้ง
00:26:34 → 00:26:36 วันตื่นเช้าไปทำงานมันก็มืดอยู่กลับมา
00:26:36 → 00:26:38 บ้านมันก็มืดแล้วเงี้ยคนพวกนี้พอไม่เจอ
00:26:38 → 00:26:41 แสงนานๆมันจะซึมเศร้าก็เลยเป็นเอาเนี้มา
00:26:41 → 00:26:44 ตั้งไว้ข้างหน้าแล้วก็มองมันสัก 20 นาที
00:26:44 → 00:26:47 ครึ่งชั่วโมงเมันช่วยเรื่องของอารมณ์ความ
00:26:47 → 00:26:50 รู้สึกได้ออันที่ 2 คือมันช่วยกระตุ้นทำ
00:26:50 → 00:26:53 ให้เราตื่นตัวอืเพราะว่าแสงเนี่ยที่ความ
00:26:53 → 00:26:55 เข้ม 10,000 ลัมันมันจะเหมือนกับเราไป
00:26:55 → 00:26:57 อยู่ข้างนอกตรงที่มีแสงแดดลงมันจะไปยับ
00:26:57 → 00:27:00 ยั้งการสร้างเมลทคในสมองเราออมันก็เลยทำ
00:27:00 → 00:27:03 ให้เราเฮ้ยไม่ง่วงเป็นการบอกร่างกายเราะ
00:27:03 → 00:27:06 นะว่า cian rit หรือนาฬิกาชีวิตเรามัน
00:27:06 → 00:27:09 มันเช้าแล้วอ่ะเราควรจะตื่นตัวได้แล้วอ่า
00:27:09 → 00:27:11 เพราะว่าต้องบอกว่าเคนของคนน่ะแต่ละคนมัน
00:27:11 → 00:27:13 ไม่เท่ากันถ้าสมมุติไม่มีแสงเลยอ่ะบางคน
00:27:13 → 00:27:16 อาจจะ 24 ชั่วโมเป๊ะแต่บางคนอาจจะ 23 บาง
00:27:16 → 00:27:19 คนอาจจะ 26 อย่างเงี้ยอถูกมันจะทำให้ทุก
00:27:19 → 00:27:21 คนเหมือนกันได้ก็ต้องเป็นแสงอ่ะเป็นตัว
00:27:21 → 00:27:23 เหมือนเป็นตัว signal ที่ทำให้มันสอด
00:27:23 → 00:27:26 คล้องกันเนาอเหมือนเป็นเหมือนเป็นคuของวง
00:27:26 → 00:27:29 ว่าให้ให้เล่นพร้อมๆกันทุกคนอ่าอเพราะ
00:27:29 → 00:27:32 ฉะนั้นเนี่ยถามว่าจำเป็นมยอาจจะไม่จำเป็น
00:27:32 → 00:27:35 แต่ว่าถ้าบางคนตื่นมาแล้วยังรู้สึกไม่
00:27:35 → 00:27:38 ค่อยสดชื่นหรืออาจจะเพิ่งกลับจากเดินทาง
00:27:38 → 00:27:40 หรือว่าาจะรู้สึกแบบฉันซึมเศร้านิดหน่อย
00:27:40 → 00:27:44 จริงๆก็เป็นวิธีที่ลองแล้วโฮเนาะใช่อนี้
00:27:44 → 00:27:47 ก็ไม่ได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรอ่ะถัดมาพอเขา
00:27:47 → 00:27:50 ตื่นเสร็จแปงฟันอะไรล้างหน้ามีแสน 10 หมื
00:27:50 → 00:27:53 ลักเสร็จปุ๊บเขาก็จะไปทานอาหารทีนี้ก่อน
00:27:53 → 00:27:58 เขาจะทานอาหารเนี่ยประเด็นคือเขาชอบทานมน
00:27:58 → 00:28:00 เมื่อเช้าเจะทานซัพพลีเมนท์ทั้งหมด 44
00:28:00 → 00:28:03 เม็ดอยู่อือ่ะทีนี้เราก็จะไม่ลงราย
00:28:03 → 00:28:04 ละเอียดหรอกเนาะว่าซัพพลีเมนท์เ้ามีอะไร
00:28:04 → 00:28:06 บ้างเพราะว่าทั้งวันโทรโทษแล้วทั้งวัน
00:28:06 → 00:28:08 เนี่ยมื้อเช้า 40 กว่าเม็ดมื้อบ่ายมีอีก
00:28:08 → 00:28:11 30 แล้วตอนก่อนนอนก็มีอีกทั้งวันเจะกิน
00:28:11 → 00:28:14 ประมาณ 100 กว่าเม็ดอือฮึอ่ะเอาแค่มื้อ
00:28:14 → 00:28:19 เช้าก่อนในงานวิจัยต่างๆเเท่าที่แทนรู้
00:28:19 → 00:28:21 เนี่ยอยากให้คอมเมนต์ให้คนทางบ้านฟัง
00:28:21 → 00:28:23 หน่อยว่าการกินอาหารเสริม 40 กว่าเม็ด
00:28:24 → 00:28:28 เนี่ยมันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างเอ่อข้อ
00:28:28 → 00:28:32 ข้อเสียก่อนเลยอืมแพงถูกแพงแต่เผอิญเคมี
00:28:32 → 00:28:36 ตังค์แต่ถ้ามีตังค์เก็ก็ลองได้ข้อที่ 2
00:28:36 → 00:28:40 ก็คือมันเยอะอืถ้ามันเยอะเนี่ยแล้วเราลอง
00:28:40 → 00:28:43 คิดดูสมมุติว่าเราไม่นับิิอ nomat ที่
00:28:43 → 00:28:46 อายุน้อยๆแล้วกันเรานับคนที่แบบอายุ 40
00:28:46 → 00:28:50 50 60 ที่แบบว่าอยากจะอยากจะมีชีวิตยืน
00:28:50 → 00:28:52 ยาวแล้วก็ทำตามโปรโตคอลเนี้ยการกินไอ้
00:28:52 → 00:28:55 อาหารเสริมที่เป็นเม็ดเข้าไปเยอะขนาดนั้น
00:28:55 → 00:29:00 นะบางคนสำลักอออ่ะออายเยะยิ่งระวังใหญแบบ
00:29:00 → 00:29:03 ถ้าถ้า 6 60 70 อย่างเงี้ยคือการกลืน
00:29:03 → 00:29:06 มันไม่เหมือนคนอายุน้อยแล้วอ่ะอืคุณจะ
00:29:06 → 00:29:08 นั่งกินทีละเม็ดทีละมิตจนครบ 40 เม็ดมัน
00:29:08 → 00:29:10 ไม่มีใครทำแน่นอนคนที่เขาทำคือใส่ไปใน
00:29:10 → 00:29:13 แก้วแล้วเอาไปทีเดียวแล้วกลืนน้ำตามใช่
00:29:13 → 00:29:15 ป่ะอเหมือน br Johnson เขาก็ทำอย่าง
00:29:15 → 00:29:18 เงี้ยเไม่มานั่งทีละเม็ดอ่ะเขเป็นชยมัน
00:29:18 → 00:29:21 มันทีละเม็ดมันไม่หมดซักทีแล้วการกินเข้า
00:29:21 → 00:29:23 ไปเยอะๆอย่างงั้นน่ะคือถ้ามันลงผิดช่อง
00:29:23 → 00:29:27 เข้าปอดไปอย่าเงี้ยโหยุ่งเสร็จเลยอ่ะอื
00:29:27 → 00:29:31 เออก็คือก็คือมีความอันตรายอยู่ส่วนในของ
00:29:31 → 00:29:34 ทางฟิวฟ้าก็คือจะบอกว่างานวิจัยส่วนใหญ่
00:29:34 → 00:29:37 เพราะว่าด้วยความที่มนหรืออาหารเสริมหลาย
00:29:37 → 00:29:40 ตัวที่คนชอบทานมักจะออกฤทธิ์เาเรียกว่า
00:29:40 → 00:29:43 เป็นแี้ออกซินสารต้านอนุมอิสระอืหลายๆ
00:29:43 → 00:29:46 ครั้งอันนี้ฟ้าฟังมาจากเอ่อดร bri kenedy
00:29:46 → 00:29:49 ก็บอกว่าหลายๆครั้งจริงๆแล้วมัน neutral
00:29:49 → 00:29:52 คือมันต้านฤทธกันเองอใช่ๆๆบางทีมันไม่ได้
00:29:52 → 00:29:55 หมายความว่าอประเด็นไม่ค่อยมีคนพูดถึงเอ
00:29:55 → 00:29:59 แบบกินวิตามินซีดีนะจ๊ะอันอันนี้ก็เรทอก็
00:29:59 → 00:30:02 ดีแต่บางทีเราไม่รู้ว่าวิตามินซีไปเจอกับ
00:30:02 → 00:30:06 เรทอในร่างกายแล้วมันมันจะเสริมกันหรือ
00:30:06 → 00:30:09 ว่าจริงๆแล้วมันอาจจะ neutralise ความแบบ
00:30:09 → 00:30:11 ประโยชน์ที่เราคิดว่ามันจะมีหายว่ามันก็
00:30:11 → 00:30:13 คล้ายๆกับสมมุติเรามีงานอยู่ชิ้นนึงแล้ว
00:30:13 → 00:30:16 มันต่างคนต่างแย่งกันทำมันอาจจะขัดขวาง
00:30:16 → 00:30:18 กันเองก็ได้งานวิเศษซักทีเพราะว่าเฮ้ยฉัน
00:30:18 → 00:30:21 ก็ทำได้ชันก็ทำได้เข้ามาเยอะแยะไปหมดอก็
00:30:21 → 00:30:24 เพว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเป็นแบบนั้นเป็นแบบ
00:30:24 → 00:30:26 นั้นนั้นในเรื่องมนฟ้าคิดว่าเราเห็นตรง
00:30:26 → 00:30:30 กันถึงแม้ว่าความเชี่ยวชาญจะมาคนละสายว่า
00:30:30 → 00:30:33 จริงๆการทานอาหารเสริมเยอะเกินไปเนี่ยอาจ
00:30:33 → 00:30:37 จะไม่ใช่ Option ที่ดีนักสำหรับการที่เรา
00:30:37 → 00:30:40 อยากจะมีอายุยืนยาวแบบคุณภาพดีหรือว่ามี
00:30:40 → 00:30:42 Health span ที่ดีคืออยาก Live Forever
00:30:42 → 00:30:44 เนี่ยคิดว่าไอ้ 44 เม็ดหรือว่าวันละ 100
00:30:44 → 00:30:47 เม็ดเนี่ยอาจจะไม่ใช่ Best Option หรือ
00:30:47 → 00:30:50 อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทางเลือกแรกที่ที่เอ่อ
00:30:50 → 00:30:52 ที่ควรจะปฏิบัติตามเอาอย่างงี้ดีกว่าเนาะ
00:30:52 → 00:30:55 เพราะว่าเรามองว่าถ้าเราจะกินเนี่ยมันควร
00:30:55 → 00:30:57 จะกินเป็นเดี๋ยวนี้ควรจะเป็น pris
00:30:58 → 00:31:00 Medicine individual คือเราขาดอะไรมัน
00:31:00 → 00:31:02 ต้องกินอันนั้นคือเรากับ Brand Johnson
00:31:02 → 00:31:04 น่ะหน้าตาไม่เหมือนกันแล้วอ่ะมันจะทำทุก
00:31:04 → 00:31:06 อย่างเหมือนกันเป็นไปไม่ได้หรอกใช่มั้ต่อ
00:31:07 → 00:31:09 ให้เขาดูแลร่างกายเดียังไงเค้าก็ร่างกาย
00:31:09 → 00:31:12 อาจจะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ไปวิ่งแข่ง
00:31:12 → 00:31:15 แล้วชนะคิปโชเก้ก็ได้ก็จริงใช่มั้ยเคอาจ
00:31:15 → 00:31:17 จะต้องมีอะไรที่ไม่เหมือนเราดังนั้น
00:31:17 → 00:31:19 supplement ของเขาเนี่ยเราต้องรู้ก่อน
00:31:19 → 00:31:22 ว่าดีไซน์มาเพื่อเขาอเพราะถ้าเกิดใครดู
00:31:22 → 00:31:24 ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเอ่ะเมีการจ้างนัก
00:31:24 → 00:31:27 วิทยาศาสตร์เพื่อมาทำการวิจัยทดลองในสิ่ง
00:31:27 → 00:31:30 เเยอะเยอะมากตรวจเยอะมากจริงๆแล้ว
00:31:30 → 00:31:33 คุณสมบัติอันนึงซึ่งเราเห็นว่าคนทุกคนน่า
00:31:33 → 00:31:34 จะรู้ก็คือว่าเค้าไม่ได้จ้างนัก
00:31:34 → 00:31:37 วิทยาศาสตร์ที่เก่งนะใช่แต่เขาต้องตั้ง
00:31:37 → 00:31:39 นักวิทศาสตร์ที่บ้าพอที่จะทำตามทุกอย่าง
00:31:39 → 00:31:44 ที่เขาคิดใช่ๆซึ่งในสารคดีก็คือเลดโดยด OL
00:31:44 → 00:31:48 slan นะคะเออเออซึ่งใช่เขาไม่ได้ High
00:31:48 → 00:31:50 the best in the Field นะเ High คน
00:31:50 → 00:31:54 ที่ยอมที่จะหาข้อมูลแล้วก็เวิร์คไปกับเา
00:31:54 → 00:31:57 จริงๆเพราะว่านนะคือคียที่ที่ทุกคนน่ะจะ
00:31:57 → 00:32:01 ต้องต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่ Best โคอ
00:32:01 → 00:32:04 เพียงแต่ว่าเคอุทิศตัวเองเป็นเหมือนหนูทด
00:32:04 → 00:32:08 ลองอ่ะให้กับข้อมูลที่มันทันสมัยที่สุด
00:32:08 → 00:32:10 เราเราไม่ได้บอกว่ามันคือแม่นยำที่สุดแต่
00:32:10 → 00:32:13 มันคือข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่มีณ
00:32:13 → 00:32:16 ปัจจุบันซึ่งหลายอันที่เาทำเดี๋ยวเรา
00:32:16 → 00:32:19 กำลังจะไปถึงจริงๆมันก็มีงานวิจัยในระดับ
00:32:19 → 00:32:22 สัตว์ทดลองเท่านั้นด้วยแต่เขาก็ยอมที่จะ
00:32:22 → 00:32:25 ที่จะเทสกับร่างกายตัวเองเนาะซึ่งมนบาง
00:32:25 → 00:32:28 ตัวถ้าเราไปดูจริงๆแล้วแปว่าหลายๆอัน
00:32:28 → 00:32:30 เนี่ยมันก็ไม่ได้มีงานวิจัยในคนนะแทนเนาะ
00:32:30 → 00:32:34 หลายตัวที่คนแบบนิยมทานกันอืมอ่ะถัดมา
00:32:34 → 00:32:37 หลังจากกิน
00:32:37 → 00:32:40 ซัพพลีเมนท์
00:32:40 → 00:32:43 เพราะนางเชื่อใน Concept ของ caloric
00:32:43 → 00:32:46 restriction อืเพราะฉะนั้นทั้งนางกับลูก
00:32:46 → 00:32:51 ชายเนี่ยจะทานอาหารแค่วันละ 2,000 กิโล
00:32:51 → 00:32:54 แคลอรีเท่านั้นเท่านั้นแล้วนางก็มีพูด
00:32:54 → 00:32:58 อยู่นะว่ามือลูกชายนางถามนางว่านางหิวม
00:32:58 → 00:33:01 นางก็หัวเราะบอกว่าหิวสีเพราะฉะนั้นคำที่
00:33:01 → 00:33:03 แบบเสียใจที่สุดเลยทุกครั้งของทุกวันคือ
00:33:03 → 00:33:07 คำสุดท้ายที่จะต้องกินข้าวเพราะว่าเขาก็
00:33:07 → 00:33:08 เหมือน implement เรื่องของการ Limit
00:33:08 → 00:33:11 calor กับในเรื่องของการทำ interm
00:33:11 → 00:33:14 fasting เข้าไปในในชีวิตประจำวันด้วย
00:33:14 → 00:33:16 อยากให้แทนแชร์ให้ทุกคนฟังหน่อยว่าใน
00:33:16 → 00:33:19 เรื่องของ caloric restriction กับไอ้
00:33:19 → 00:33:22 ตัว If อ่ะมันมีข้อดีข้อเสียยังไงเราควร
00:33:22 → 00:33:26 จะทำตามแมอืเราว่าโดยส่วนตัวนะคิดว่าการ
00:33:26 → 00:33:29 กินให้สมดุลอ่ะมันดีที่ที่สุดอยู่ะอือแต่
00:33:29 → 00:33:32 ว่าคนเรามันกินไม่สมดุลตั้งแต่แรกซะส่วน
00:33:32 → 00:33:34 ใหญ่้วยเนื่องด้วยอาจจะแบบเอออันนี้อร่อย
00:33:34 → 00:33:37 เรากินเยอะหรือนุ่งด้วยภาระหน้าที่การงาน
00:33:37 → 00:33:40 มันทำให้หาอาหารที่มันสมควรจะกินไม่ได้ก็
00:33:40 → 00:33:42 เลยกินแต่อาหารที่มันมีปัญหาทีนี้พอเรา
00:33:42 → 00:33:45 เจอทางเลือกเช่นทำ intermittent fasting
00:33:45 → 00:33:47 หรือการกินแบบ One me a day calor
00:33:47 → 00:33:49 restriction หรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยมัน
00:33:49 → 00:33:52 ฟังดูแล้วแบบมันเจ๋งไงมันสามารถแก้ปัญหา
00:33:52 → 00:33:54 ได้เร็วเพราะว่าถ้าลองทำดูอ่ะหลายคนจะ
00:33:54 → 00:33:58 เห็นเลยว่ามันเห็นผลอ่ะเร็วมากอืคีโตเจนิ
00:33:58 → 00:34:01 ไดเอตกินแปบเดียวผอมเลยน้ำหนักลงความดัน
00:34:01 → 00:34:04 ลงอมีเสียอย่างเดียวคือ ldl ไขมันขึ้นอื
00:34:05 → 00:34:08 นอกนั้นดีหมดอะไรเงี้ยเขาก็เฮ้ยดีิผอมลง
00:34:08 → 00:34:11 ทุกอย่างดีแต่ปัญหาของมันก็คือเรามองว่า
00:34:11 → 00:34:14 มันมันเหมือนตาช่าง 2 2 ข้างข้างนึง
00:34:14 → 00:34:17 เนี่ยเราทำสุดโต่งมาตลอดและเราจะให้มัน
00:34:17 → 00:34:19 กลับมาสมดุลให้เร็วที่สุดก็ต้องทำวิธีพวก
00:34:19 → 00:34:21 นี้แหละสุดโต่งให้มันพอสมดุลแต่พอมัน
00:34:21 → 00:34:24 สมดุลแล้วแล้วเราทำมันต่อไปอ่ะมันเสีย
00:34:24 → 00:34:28 สมดุลแล้วอ่ะอ่าก็จริงบางทีคำถามคือสมมติ
00:34:28 → 00:34:31 ถ้าเริ่มแล้วเมื่อไหร่ควรจะพอเนาะใช่ซึ่ง
00:34:31 → 00:34:35 มันก็ยังไม่มีตัววัดชัดเจนมยแทนว่าคือ
00:34:35 → 00:34:38 สำหรับเรานะอือคนเราเพิ่งเริ่มรู้จักตัว
00:34:38 → 00:34:41 วัดพวกเนี้ยไม่นานอืตอนเเพิ่งเริ่มรู้จัก
00:34:41 → 00:34:44 ว่ามันไปยุ่งอะไรกับยีนคนก็ไม่นานนี่เอง
00:34:44 → 00:34:48 ก็จริงถูกป่ะแต่ว่าพอเราเข้าไปรู้แล้วมัน
00:34:48 → 00:34:50 เหมือนกับเราเพิ่งเริ่มรู้อะไรบางอย่าง
00:34:50 → 00:34:52 เกี่ยวข้องกับมันแล้วเราถ้าเราทำงานพวก
00:34:52 → 00:34:54 นี้จะรู้ได้ว่ามีอีกหลายอย่างที่เราไม่
00:34:54 → 00:34:58 รู้จริงยิ่งเรียนรู้ยิ่งไม่รู้ถูกยิ่ง
00:34:58 → 00:35:01 เอาไปปุ๊บเนี่ยก็จะบโอเรารู้ทุกอย่างแล้ว
00:35:01 → 00:35:03 เราทำตามนี้มันจะต้องดีแน่นอนแต่จริงๆถ้า
00:35:03 → 00:35:05 ไปถามคนที่เทำเนี่ยเบอกว่ามีตั้งหลาย
00:35:05 → 00:35:08 อย่างที่เราไม่รู้ไม่กล้าตอบด้วยซ้ำไปร
00:35:08 → 00:35:10 เพราะเอาจริงๆตั้งแต่เจอนักวิทยาศาสตร์
00:35:10 → 00:35:13 ที่ทำฟิลเยอะๆเนี่ยอย่าง bri เคนเนดี้เอย
00:35:13 → 00:35:17 อบกเอยก็คือดื่มแอลกอฮอลด้วยทานอาหารก็
00:35:18 → 00:35:20 ไม่ได้เป็น We หรือว่า PL เสนะก็ enjoy
00:35:20 → 00:35:23 eating ปกติแต่ว่าทุกคนเห็นตรงกันว่า
00:35:23 → 00:35:26 Balance Diet การทานอาหารที่มันไม่
00:35:26 → 00:35:31 process ผักผลไม้ถึงแล้วก็แคลอรี่ไม่
00:35:31 → 00:35:35 เกินอ่ะยังไงก็ยั่งยืนที่สุดทุกคนก็เห็นต
00:35:35 → 00:35:38 ว่าเราต้องรักษาตรสมดุลตรงนี้ไว้ให้ได้
00:35:38 → 00:35:40 เช่นสมมุติว่าเราอ้วนมาก่อนแล้วเราทำวิธี
00:35:40 → 00:35:42 อะไรสักอย่างจนน้ำหนักเรามันดีแล้วอ่ะทุก
00:35:42 → 00:35:44 อย่างดีหมดแล้วไอ้ตอนเนี้ยเราต้องค่อยๆ
00:35:44 → 00:35:48 กลับสู่การกินแบบปกติที่มันสมดุลออือถ้า
00:35:48 → 00:35:51 เราปล่อยมันก็ตาช่า่งไปอีกด้านนึงอจริง
00:35:51 → 00:35:53 อย่างเงี้ยแล้วก็แต่ละคนแน่นอนว่าแคลอรี
00:35:53 → 00:35:55 มันเท่ากันไม่ได้อ่ะคือตัวเรามันก็ใหญ่
00:35:55 → 00:35:57 ไม่เท่ากันเนาะอ่าก็จรริงเราก็เลยต้อง
00:35:57 → 00:36:00 เลือกกกรรมก็ไม่เท่ากันด้วยในแต่ละวันั้น
00:36:00 → 00:36:02 จริงๆความน่าสนใจอย่างนึงฟว่าถ้าสมมติ
00:36:02 → 00:36:05 อยากลองอะไรที่มันดู Advance หน่อย Event
00:36:05 → 00:36:07 เสมันมาใหม่หน่อยแบบ R Johnson เ่ะจริงๆ
00:36:07 → 00:36:11 ก็จะต้องมีความสามารถในการเข้าถึงทีมหมอ
00:36:11 → 00:36:14 แบบเขาอ่ะคือถ้ายูอยากจะลองอะไรใหม่ๆ
00:36:14 → 00:36:17 อย่างที่เราเห็นเขาทำอ่ะเราอาจจะไปกอปตาม
00:36:17 → 00:36:19 เขามาแต่สิ่งที่เราไม่ได้ก๊อปตามเขาคือ
00:36:19 → 00:36:21 เขามีทีมที่คอยมอนิเตอรเหมันที่แทนบอก
00:36:21 → 00:36:24 จริงเก็เลยรู้ว่าเมื่อไหร่เควรจะปรับไม่
00:36:24 → 00:36:27 ปรับเอันนี้อันนี้แบบตรงมากเลยฟ้าเราว่า
00:36:27 → 00:36:29 คนส่วนใหญ่เดี๋ยวเนี้ยพอกินอาหารเสริมก็
00:36:29 → 00:36:31 ฟังเพราะว่าเขาบอกว่ากินแล้วดีเออต้าน
00:36:32 → 00:36:35 โน่นต้านนี่ชะลอไวอแต่มันมีใครเคยไปวัด
00:36:35 → 00:36:38 มั้ยว่าไวที่ชะลอมันชะลอไปแค่ไหนแล้วอ่ะ
00:36:38 → 00:36:41 อืจริงซึ่งในขณะที่ไบรอันน่ะเขามีทีมแล้ว
00:36:42 → 00:36:44 ก็แลคถ้าเราไปดูเราจะ aming กับเขามากนะ
00:36:44 → 00:36:48 เขาทำทั้ง WH Body MRI MRI ปีละ 2 หน
00:36:48 → 00:36:52 เจาะเลือดบ่อยมากแบบพระเจ้าอ่ะมนุษย์ปกติ
00:36:52 → 00:36:54 ไม่เหมือนหนูทดลองตัวดึงก็พูดให้ถ้าให้
00:36:54 → 00:36:57 พูดตรงๆซึ่งนั่นเลยอาจจะเป็นสาเหตุนึงว่า
00:36:57 → 00:37:00 ทำทำไมเถึงกล้าทำในบางสิ่งที่ที่เราเห็น
00:37:00 → 00:37:03 แล้วเรารู้สึกว่าเฮ้ยมันไม่ได้ปกตินะที่
00:37:03 → 00:37:06 จะทำนั้นถ้าเกิดว่าคนจะทำตามเราว่าเหมือน
00:37:06 → 00:37:10 เห็นด้วยกับแทนเลยต้องย้ำเอาไว้แน่นๆว่า
00:37:10 → 00:37:14 เราไม่ใช่เคเรากอปตามเ 100% ไม่ได้และถ้า
00:37:14 → 00:37:18 เราอยากลองอะไรใหม่ๆจริงๆก็คงต้องมีคนที่
00:37:18 → 00:37:21 ช่วยมอนิเตอรได้ว่าเมื่อไหร่มันอาจจะ
00:37:21 → 00:37:24 เริ่มเป็นผลเสียกับร่างกายนะูจะได้หยุด
00:37:24 → 00:37:27 ทันเนาะเป็นผลดีอเราไม่กลัวหรอกเออผลดี
00:37:27 → 00:37:29 แล้วก็ดีดีดีเราดีใจด้วยแต่ถ้าเป็นผลเสีย
00:37:29 → 00:37:33 เนี่ยเราก็จะโอไม่ไม่ได้แล้วจริงอ่ะอัน
00:37:33 → 00:37:35 นี้ฟ้าเห็นด้วยถัดมาก่อนที่จะไปเรื่อง
00:37:35 → 00:37:38 แฟนซีที่เขาทำเอาไลฟ์สไตล์เขาก่อนพอเา
00:37:38 → 00:37:40 เริ่มมีเรื่องทานอาหารซึ่งส่วนใหญ่เขาก็
00:37:40 → 00:37:42 จะทานเป็น We นี่แหละก็คือพยายามเลี่ยง
00:37:42 → 00:37:45 เนื้อสัตว์นะคะเขาก็จะออกกำลังกายซึ่ง
00:37:46 → 00:37:47 โปรแกรมออกกำลังกายเพราะว่าอันนี้คงไม่
00:37:48 → 00:37:50 ต้องวิจารณ์เพราะเราเห็นตรงกันว่าการออก
00:37:50 → 00:37:52 กำลังกายมันก็ต้องมีทั้งเหมือนที่แทนบอก
00:37:52 → 00:37:53 คือทำให้หัวใจเราแข็งแรงด้วยเราจะมีแค่
00:37:53 → 00:37:56 กล้ามแต่เราวิ่งไม่ได้เลยก็ไม่มีประโยชน์
00:37:56 → 00:37:58 เพราะฉะนั้นเขาก็ออกททั้ง 2 แบบซึ่งก็
00:37:58 → 00:38:00 เหมือนที่แทนออกก็คือมีทั้งเรื่องของซิ
00:38:00 → 00:38:03 ด้วยมีเรื่องของคาร์ดิโอด้วยเนาะโอเค
00:38:03 → 00:38:05 เพียงแต่ว่าค่าตัววัดอันนึงที่เขาชอบพูด
00:38:05 → 00:38:07 บ่อยๆแล้วก็นักวิทยาศาสตร์คนอื่นอย่าง
00:38:07 → 00:38:09 ปีเตอร์แอเทียชอบพูดถึงอยากให้แทนคอมเม
00:38:09 → 00:38:13 นิดนึงคือค่า vo2 Max อ่าเราจำเป็นต้อง
00:38:13 → 00:38:16 รู้ค่า vo2 Max มยในความรู้สึกอยู่เรา
00:38:16 → 00:38:19 ว่าถ้าคนที่ซีเรียสจริงๆกับเรื่องของการ
00:38:19 → 00:38:22 ออกกำลังกายควรอเพราะว่ามันเป็นตัวชี้วัด
00:38:22 → 00:38:24 ที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดว่าเราจะอายุ
00:38:24 → 00:38:27 ยืนหรือเปล่าออือเป็นตัวเดียวเลยอ่ะจริงๆ
00:38:27 → 00:38:30 แล้วนะที่งานวิจัยเยอะสุดเนาเออที่เยอะ
00:38:30 → 00:38:32 ที่สุดคือถ้าสำหรับคนไม่รู้ว่า vo2 Max
00:38:32 → 00:38:34 คืออะไรมันก็คือการที่ร่างกายเราสามารถ
00:38:34 → 00:38:38 ผลิตพลังงานด้วยเอ่อทรัพยากรที่มีอยู่
00:38:38 → 00:38:40 ก้อนนึงอ่ะได้มากน้อยแค่ไหนถ้าเรามี
00:38:40 → 00:38:43 ทรัพยากรจำกัดแต่เราผลิตพลังงานได้มากมาย
00:38:43 → 00:38:46 มหาศาลเนี่ยเอออันเนี้ยดีจริงก็คือยิ่ง
00:38:46 → 00:38:48 ถ้า vi 2 Max มันสูงมันก็แปลว่าเราอ่ะ
00:38:48 → 00:38:51 ยิ่งสุดยอดแข็งแรงอ่ะทั้งร่างกายพร้อมกัน
00:38:51 → 00:38:53 ดังนั้นมันก็เลยมีคนพยายามจะวัดเอวัดจาก
00:38:53 → 00:38:56 Apple Watch ได้มั้ยวัดจากการคำนวณอะไร
00:38:56 → 00:38:58 ได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าการวัดจริง
00:38:58 → 00:39:02 ๆมันสาหัสนะมันสาหัสมากแล้วก็ส่วนใหญ่ที่
00:39:02 → 00:39:04 เราเราเห็นนะเครื่องที่แบบว่าพร้อมจริงๆ
00:39:04 → 00:39:06 อ่ะมันจะเป็นเครื่องที่เขาชอบเรียกกันว่า
00:39:06 → 00:39:09 ซีเพรอ่ะไ้คาริ pulmonary Exercise Test
00:39:09 → 00:39:12 ซึ่งจริงๆจะต้องมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญคอย
00:39:12 → 00:39:15 ยืนมอนิเตอร์ด้านข้างอันนี้เราก็เคยไปใช่
00:39:15 → 00:39:18 มั้ยคะคือคือคนที่เรียนเรียนเรื่องโรคปอด
00:39:18 → 00:39:20 อ่ะมันต้องทำอย่างเงี้ยทุกคนอืคือเราต้อง
00:39:20 → 00:39:23 อ่านผลเป็นแต่มันก็ไม่ได้ทุกคนจะอ่านผล
00:39:23 → 00:39:26 เป็นตลอดเพราะมันยากมากตอนอ่านอ่าสแล้วก็
00:39:26 → 00:39:29 จะเห็นว่าหมอคนที่เขาเรียกว่าตัวเองอ่าน
00:39:29 → 00:39:31 เป็นเนี่ยหลายครั้งอ่านไม่เป็นนะออ้า
00:39:31 → 00:39:34 เพราะว่าเราเคยตอนที่เราสมัยเราเรียนน่ะ
00:39:34 → 00:39:36 แล้วมีคนไปทำอันเนี้ยจากที่อื่นมาแล้วเอา
00:39:36 → 00:39:39 ผลมาเราอ่านแล้วแบบตรงกันข้ามกับที่หมอ
00:39:39 → 00:39:41 เขาอ่านมาหมดทุกอย่างเลยอออันนี้คือน่า
00:39:41 → 00:39:44 กลัวมากเพราะว่ามันเป็นการทดสอบที่ขั้น
00:39:44 → 00:39:48 สูงแต่ว่าต้องหาคนอ่านเป็นจริงๆแล้วต้อง
00:39:48 → 00:39:51 experience นะคือเรียกว่ามีประสบการณ์
00:39:51 → 00:39:54 คือเจอเคสบ่อยๆเรื่อยๆไม่ใช่แบบอยู่ดีๆ
00:39:54 → 00:39:58 เพิ่งมาลองฝีมือเนาะใชแบบอันนี้เจอบ่อย
00:39:58 → 00:40:00 มากจริงๆแล้วก็เราแต่ทีนี้เราไม่รู้ว่า
00:40:00 → 00:40:02 ที่ประเทศไทยเนี่ยอ่ามันมีแบบนี้หรือ
00:40:02 → 00:40:04 เปล่าแต่ที่อเมริกาเนี่ยมีอือก็คือเจอมา
00:40:04 → 00:40:07 กับตัวเองอยู่เรื่อยๆเลยแบบเออ๋อไปมาจาก
00:40:07 → 00:40:09 แลบนี้ใช่มั้ยโอเคงั้นเดี๋ยวเราอ่านกัน
00:40:09 → 00:40:11 ใหม่นะอะไรเงี้ยหรือทำใหม่เลยก็ได้เพราะ
00:40:11 → 00:40:14 ว่าสิ่งที่เขาทำมามันมันพลาดตรงที่ว่า
00:40:14 → 00:40:17 เอ้ยขั้นตอนมันไอ้ตรงนี้เไม่ได้ทำนี่นา
00:40:17 → 00:40:20 อย่างเงี้ยเราก็ไม่รู้อ่าโอเคของไทย faa
00:40:20 → 00:40:24 มันก็มีการเรียกว่า adopt มาเพื่อให้คน
00:40:24 → 00:40:27 เข้าถึงมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่ช่วง
00:40:27 → 00:40:30 เนี้ยเหมือนที่แทนเห็นหลายคนชอบวิ่งเป็น
00:40:30 → 00:40:32 นักกีฬาวิ่งแลนักวิ่งอ่ะมักจะอยากเทรนให้
00:40:32 → 00:40:36 ตัวเองเพสคือวิ่งได้ไวขึ้นดีขึ้นก็เลยมี
00:40:36 → 00:40:39 ฟ้าคิดว่าเราเรียกมันว่า Gadget แล้วะกัน
00:40:39 → 00:40:42 เอา Gadget มาช่วยวัดแต่ก็ยังคงความ
00:40:42 → 00:40:44 เหนื่อยอยู่ฟว่าก็คือมันเริ่มจากีเพชรคือ
00:40:44 → 00:40:46 Gold Standard เขาเรียกมาตรฐานเลยคือ
00:40:46 → 00:40:49 เป็นเหมือนที่แทนบอกถัดมาเขาอาจจะรู้ว่า
00:40:49 → 00:40:51 หมอหลายคนอาจจะอ่านไม่เหมือนกันก็เลยมี
00:40:51 → 00:40:53 เป็นบางบริษัทเขทำเป็น Gadget ที่ใส่หน้า
00:40:53 → 00:40:56 กากแล้วก็วัดแก๊สแล้วก็ผ่าน alor แล้วก็
00:40:57 → 00:40:59 เป็นเป็นตัวเลข vo2 Max มันมีวิธีง่าย
00:40:59 → 00:41:02 กว่านั้นอีกนะง่ายกว่านั้นก็คือเหมือนที่
00:41:02 → 00:41:05 ฟ้าใช้คือใช้ polar มันก็จะเป็นพวก
00:41:05 → 00:41:08 variable Device ตอนออกกำลังกายซึ่งตัว
00:41:08 → 00:41:11 polar เนี่ยความน่าสนใจคือตัว polar จะ
00:41:11 → 00:41:14 วัดค่า vo2 Max ออกมาตอนเราพักอือฮึซึ่ง
00:41:14 → 00:41:16 มันจะต่างจากไอ้พวก Apple Watch ซึ่งบาง
00:41:16 → 00:41:19 ทีมันได้ตอนที่ฟ้าแทคว่ากำลัง jing หรือ
00:41:19 → 00:41:23 ว่าวิ่งมันก็จะคำนวณให้เอออจริงๆเนี่ยมัน
00:41:23 → 00:41:26 มีสูตรที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน
00:41:26 → 00:41:29 เอ่อเ้าให้เราวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่
00:41:29 → 00:41:33 เท่าที่ทำได้อ่ะเป็นเวลาประมาณ 12 นาที 12
00:41:33 → 00:41:35 นาทีเออแล้วก็เอาไปเข้าสูตรเเราจำสูตไม่
00:41:35 → 00:41:37 ได้นะมันแบ่งเป็นผู้ชายกับผู้หญิง
00:41:37 → 00:41:39 อันเนี้ยค่อนข้างที่จะแม่นที่สุดอ้าถ้า
00:41:40 → 00:41:43 ไม่นับไปตรวจในโรงพยาบาลอ่าๆๆแต่ว่าแต่ก็
00:41:43 → 00:41:46 คือต้องวิ่งได้ 12 นาทีนะใช่คือเราจะวิ่ง
00:41:46 → 00:41:48 ยังไงก็ได้จะช้าจะเร็วยังไงก็ได้แต่ขอให้
00:41:48 → 00:41:50 12 นาทีแบบเต็มที่ของเรายิ่งเราใเข้า
00:41:50 → 00:41:52 ใกล้ความเต็มที่เท่าไหร่มันยิ่งแม่นเท่า
00:41:52 → 00:41:54 นั้นยิ่งแม่นเท่านั้นเพราะตอนซีเพชรที่
00:41:54 → 00:41:56 เราทำอ่ะมันต้องเต็มที่เต็มแรงเหมือนกัน
00:41:56 → 00:41:59 ไม่ไม่งั้นมันจะไม่แม่นก็จริงก็จริง
00:41:59 → 00:42:01 เหมือนกับไอ้ตัวแกดเจ็ตใส่่หน้ากากแหละ
00:42:01 → 00:42:03 ฟ้าก็เลยว่าหลังๆเก็เลยพยายามจะมีนัก
00:42:03 → 00:42:05 วิทยาศาสตร์พยายามจะหาอย่างอื่นมาช่วยทำ
00:42:05 → 00:42:07 ให้มันง่ายขึ้นเพเพราะยกตัวอย่างเกิดเรา
00:42:07 → 00:42:09 จะให้คุณพ่อคุณแม่เราไปวิ่งตอนนี้แบบเต็ม
00:42:09 → 00:42:11 แรงอาจจะไม่ไหวเช่นบางท่านอาจจะมีเรื่อง
00:42:11 → 00:42:14 ข้อเข่านู่นนี่นั่นอะไรอีกหลายอย่างหรือ
00:42:14 → 00:42:16 ว่าโรคหัวใจด้วยอะไรด้วยเนาะใชก็เลย
00:42:16 → 00:42:19 เดี๋ยวนี้ก็อาจจะมีเป็นแหบวัดโปรตีนใน
00:42:19 → 00:42:22 เลือดแล้วก็ไปคำนวณออกมาทั้งนี้ทั้งนั้น
00:42:22 → 00:42:24 มันก็คงไม่ใช่ค่าเเรียกว่าค่าโดยตรงแล้ว
00:42:24 → 00:42:27 แทนเนาะแต่มันเหมือนมาจากงานวิจัยแหละดู
00:42:27 → 00:42:29 ความสัมพันธ์ว่ามีโปรตีนแพทเทิร์นมาแบบ
00:42:29 → 00:42:32 นี้น่าจะ vo2 Max ประมาณนั้นประมาณนี้
00:42:32 → 00:42:34 แต่ก็เอาเป็นว่าก็เป็นค่านึงซึ่งแทนก็
00:42:34 → 00:42:37 เห็นไว้ว่าถ้าเกิดว่าอยากจะดูแลสุขภาพ
00:42:37 → 00:42:41 สามารถวได้รู้ไว้ก็เป็นมาร์เกอร์ตัวนึง
00:42:41 → 00:42:44 ที่ดีรแต่สิ่งนึงซึ่งเรามองว่ามันมันดี
00:42:44 → 00:42:46 กว่านั้นก็คือเราอาจจะไม่ต้องรู้ค่าเป๊ะ
00:42:46 → 00:42:50 ของ Real 2 Max ถูกต้องเป๊ะๆก็ได้แต่ขอ
00:42:50 → 00:42:53 ให้เราดูแนวโน้มอืทีนี้สมมุติว่าเรามี
00:42:53 → 00:42:56 เช่นเราใส่แบบสรวสักยี่ห้อนึงแล้วมันวัด
00:42:56 → 00:42:58 ให้เราเงี้ยเนี่ยเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่
00:42:58 → 00:43:00 ไม่เที่ยงตรงชัวร์อ่ะมันก็ไม่ใช่ตัวเลข
00:43:00 → 00:43:02 เป๊ะๆของไม่ใช่ตัวเลขเป๊ะๆแต่ถ้าเกิดว่า
00:43:02 → 00:43:04 เราเราใช้มันแล้วเราออกกำลังกายเรื่อยๆ
00:43:04 → 00:43:06 แล้วตัวเลขมันสูงขึ้เรื่อยๆอย่างเงี้ยอ่ะ
00:43:06 → 00:43:09 อ่านี้แปลว่าดีถูกทางถูกทางแล้วอย่าเงี้ย
00:43:09 → 00:43:12 อก็จริงไม่ใช่ว่าปรากฏว่าปีถัดมาอ้าวโท
00:43:12 → 00:43:15 Max ต่ำลงถ้าต่ำลงแปลว่าอันนี้เริ่มมี
00:43:15 → 00:43:17 ไซนที่ไม่ดีเนาะมันแต่ฟว่าข้อดีอย่าง
00:43:17 → 00:43:19 หนึ่งของการมีมาร์เกอร์พวกนี้ก็คือบางที
00:43:19 → 00:43:21 สมมุติถ้าเราเห็นต่ำลงมันอาจจะเป็นตัวที่
00:43:21 → 00:43:24 แอบใบ้อะไรสักอย่างเกับสุขภาพเราอืว่า
00:43:24 → 00:43:27 เอ้ยต่อจะให้ยังไม่มีอาการเจ็บนะหน้าอก
00:43:27 → 00:43:29 หรือไม่มีอะไรเลยมันอาจจะเป็นการตัวบอก
00:43:29 → 00:43:31 ว่าเฮ้ยคงต้องไปหาสาเหตุแหละถ้าออกกำลัง
00:43:31 → 00:43:34 กายปกติทำอะไรปกติแต่สมมุติอ่ะเมื่อก่อน
00:43:34 → 00:43:36 จะได้ vo2 Max 50 อยู่ดีๆปีนี้เหลือ 40
00:43:36 → 00:43:39 อย่างเงี้ยใช่อ่ามันก็คงเป็นสัญญาณอะไร
00:43:39 → 00:43:43 บางอย่างที่บอกอ่ะก็น่าสนใจอ่ะถัดมาอีก
00:43:43 → 00:43:45 อันนึงก็คือก่อนเขาจะนอนแต่ตอนบ่ายเพว่า
00:43:46 → 00:43:47 ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะว่าตอน
00:43:47 → 00:43:49 บ่ายก็คือเขาก็จะมีรูทีว่าเขาต้องกินสพม
00:43:49 → 00:43:51 อีกรอบนึงซึ่งเราคุยไปแล้วแล้วเขาก็จะทำ
00:43:51 → 00:43:53 งานเพราะเขารู้สึกว่าช่วงที่เขา
00:43:53 → 00:43:56 productivity มากๆเนี่ยก็มักจะเป็นช่วง
00:43:56 → 00:43:59 ที่สมองเคทำงานได้ค่อนข้างดีแล้วก็เสร็จ
00:43:59 → 00:44:02 ปุ๊บเนี่ยตอนเย็นอ่ะตอนเย็นบางทีเขาคก็จะ
00:44:02 → 00:44:05 มีเป็นพวกเอ่อทรีทเมนอะไรบางอย่างแล้วก็
00:44:05 → 00:44:07 ช่วง windown ซึ่งเขาเชื่อในเรื่องพวก
00:44:07 → 00:44:10 mindfulness Meditation แทนมีความเห็น
00:44:10 → 00:44:12 ยังไงเกี่ยวกับเรื่องของ Meditation หรือ
00:44:12 → 00:44:15 ว่า mindfulness อือันนี้เราคิดว่าทุกคน
00:44:15 → 00:44:17 น่าจะเห็นตรงกันว่ามันดีเนาะใช่เพราะว่า
00:44:17 → 00:44:20 ตอนเนี้ยคือสมองคนเรามันรับข้อมูลขึ้นมา
00:44:20 → 00:44:23 เต็มไปหมดเลยอืแตกต่างจากสมัยพวกเราเด็กๆ
00:44:23 → 00:44:26 เยอะสมัยเด็กๆก็มีแต่ทีวีการ์ตูนก็จบแล้ว
00:44:26 → 00:44:29 อะไรเงี้ยอ่าตอนนี้แบบรับ 24 ชมเลยอ่ะ
00:44:30 → 00:44:32 เปิดมาเมื่อไหร่ก็ดูดูมือถือแล้วดูเฉยๆ
00:44:32 → 00:44:34 อ่ะมันก็ไม่เป็นอะไรหรอกแต่ว่ามันมีข้อ
00:44:34 → 00:44:37 มูลในนั้นไงจริงแล้วเรามักจะมีอารมณ์ร่วม
00:44:37 → 00:44:41 เนาะใช่ไม่ไม่แบบเสียใจโกรธเราก็ต้องอยาก
00:44:41 → 00:44:43 จะคอมเมนต์อะไรสักอย่างหรือบางทีอ่านแล้ว
00:44:43 → 00:44:45 ก็คิดอะไรไปเรื่อยอย่าเงี้ยรมันก็เลยทำ
00:44:45 → 00:44:47 ให้สมองเราเหมือนมันไม่ได้พักอะไรสัก
00:44:47 → 00:44:49 อย่างนไม่ได้พักตลอดเวลาเพรางั้นจริงๆการ
00:44:49 → 00:44:52 ที่เรามีช่วงเ้าเรียกว่า W Down ในภาษา
00:44:52 → 00:44:55 อังกฤษก็คือช่วงทำให้ค่อยๆเหมือนกับผ่อน
00:44:55 → 00:44:58 เครื่องเออฮะพร้อมก่อนที่จะนอนสำคัญ
00:44:58 → 00:45:00 เหมือนกันเนาะแทนคิดว่าคุณจะต้องสัก
00:45:00 → 00:45:03 ประมาณกี่นาทีก่อนที่เราพร้อมจะเข้านอน
00:45:03 → 00:45:07 อีกรอบนึงแล้วว่าถ้าเป็นไปได้อ่ะคือหลัง
00:45:07 → 00:45:09 จากที่เรากินข้าวเย็นเสร็จแล้วเนี่ยมัน
00:45:09 → 00:45:12 ไม่ควรจะต้องทำกิจกรรมอะไรที่มันหนักแล้ว
00:45:12 → 00:45:15 อือมันควรจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเข้าการ
00:45:15 → 00:45:18 นอนแลทำอะไรเบาๆฟังเพลงเบาๆอ่านหนังสือ
00:45:18 → 00:45:20 นิดๆหน่อยๆอย่างเงี้ยไม่ใช่แบบเล่นเกมฆ่า
00:45:20 → 00:45:23 ฟันกันยิงกันอะไรอย่างเงี้ยเอออันนั้นอาจ
00:45:23 → 00:45:26 จะไม่เหมาะสมเนาะก็จริงหรือถ้าคนสมัยก่อน
00:45:26 → 00:45:29 บางคนเออ่าไหว้พระก่อนนอนอ่าแต่เรามองว่า
00:45:29 → 00:45:31 ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือประมาณครึ่ง
00:45:31 → 00:45:34 ชั่วโมงก่อนที่เราจะนอนจริงอือะไรก็ได้
00:45:34 → 00:45:37 ที่มันทำให้ใจเรามันสงบมันก็ทำให้เราหลับ
00:45:37 → 00:45:39 ง่ายหลับลึกอ่ะโดยไม่ต้องตื่นมากลางคืน
00:45:39 → 00:45:43 เพราะว่าเหตุผลอะไรต่างๆนานาก็จริงงั้นก็
00:45:43 → 00:45:45 คีย์เวิร์ดที่เราคิดว่าเป็นอีกอันนึงที่
00:45:45 → 00:45:47 เขาทำแล้วเราคิดว่าก็ดีแล้วก็ทำตามได้ก็
00:45:47 → 00:45:49 คือช่วงที่เา้าเรียกว่าอย่างน้อยสักครึ่ง
00:45:49 → 00:45:53 ชั่วโมงก่อนนอนที่พยายามให้สมองแล้วก็
00:45:53 → 00:45:55 ร่างกายมันได้ผ่อนคลายเต็มที่อ่ะอันนี้
00:45:55 → 00:45:58 คือขั้นแรกที่ไอเทำซึ่งหลายอันก็ต้องนับ
00:45:58 → 00:46:00 ถือเขาะว่าอ่ะก็มีแพทเทิร์นสกเรื่องการ
00:46:00 → 00:46:03 นอนเรื่องแคลอรี่การทานอาหารอะไรว่าไปน
00:46:03 → 00:46:06 สเต็ปที่ 2 ซึ่งสนุกมากขึ้นหน่อยและก็คือ
00:46:06 → 00:46:09 เข้าสู่เรื่องของความที่เขาต้องการอยากจะ
00:46:09 → 00:46:11 ย้อนไวตัวเองนอกจากเรื่องมนที่เราฟังไป
00:46:11 → 00:46:13 แล้วว่า 1 ในรูีชีวิตประจำวันแต่เขาก็จะ
00:46:13 → 00:46:17 มีทำอย่างอื่นด้วยเช่นอันแรกเลยอาบแสงสี
00:46:17 → 00:46:21 แดงอ Red Light therapy ซึ่งหลังๆเนี่ย
00:46:21 → 00:46:24 เอ่อทางต่างประเทศมันจะชอบมีชอบอ้างงาน
00:46:24 → 00:46:26 วิจัยเพต้องพูดอย่างงี้ก่อนซึ่งบางทีพอ
00:46:26 → 00:46:29 เราตามไปดูเนี่ยมันก็ไม่ใช่วิจัยใหญ่โต
00:46:29 → 00:46:32 ใหญญ่ว่ามันจะช่วยลดเรื่องการเจ็บปัวซึ่ง
00:46:32 → 00:46:34 เรารู้อยู่แล้วเพราะว่าเวลาเราเคยเจ็บ
00:46:34 → 00:46:37 นู่นเจ็บนี่หมอกายภาพเาก็จะใช้แสงสีแดง
00:46:37 → 00:46:40 ช่วยลดปวดลดบวมอะไรให้แต่ว่า whole Body
00:46:40 → 00:46:42 Red Light อ่ะแทนแทนคิดเห็นกับมันยังไง
00:46:42 → 00:46:45 บ้างคือตัวนี้เราต้องบอกว่าข้อมูลมันไม่
00:46:45 → 00:46:48 ได้ชัดขนาดนั้นนะแต่ก็ก็มีคนเอามาใช้เยอะ
00:46:48 → 00:46:51 แยะเช่นเราคงเคยเห็นแบบหมวกที่เป็นแสงสี
00:46:51 → 00:46:55 แดงกระตุ้นเสนผมใช่มอ่าเอามาใส่เป็นหน้า
00:46:55 → 00:46:58 อะไรเงี้ยกับคอเพื่อที่จะให้มันไม่เหี่ยว
00:46:58 → 00:47:00 เงี้ยคงมีอ่ะแต่แรน Johnson แคเบอกว่า
00:47:00 → 00:47:02 เฮ้ยหน้ากับหัวมันธรรมดาไปเราต้องทั้งตัว
00:47:03 → 00:47:06 ไปเลยเทำมาเยอะแล้วหัวเออเออเราต้องแบบ
00:47:06 → 00:47:08 ทั้งตัวเลยจะได้แบบย้อนไวทั้งตัวไม่ต้อง
00:47:08 → 00:47:10 เหี่ยวเลยสักที่นึงอะไรอย่าเงี้ยแล้วก็
00:47:10 → 00:47:13 มองว่าส่วนตัวนะมันไม่ได้มันไม่ได้แย่
00:47:13 → 00:47:16 ขนาดนั้นมันไม่ได้แบเมันไม่ได้ารมขนาด
00:47:16 → 00:47:19 นั้นยงเป็น้แบบเออถ้าเอาตาลืมไปตรงแดงๆ
00:47:19 → 00:47:21 มันอาจจะมีปัญหาก็คงจะต้องใส่ที่ปิดอ่าๆ
00:47:21 → 00:47:25 แค่นั้นเองก็เรียกว่าเป็นอันที่อ่ะ No
00:47:25 → 00:47:28 har ถ้าใครอยากลองลองได้แต่นี้ขึ้นอยู่
00:47:28 → 00:47:31 กับกำลังทรัพย์แลใช่เพราะว่าเราก็คงจะเจอ
00:47:31 → 00:47:34 แต่แบบหมวกหรือว่าเ่อหน้ากากกับจริงที่ไข
00:47:34 → 00:47:37 เคยเห็นเรายังไม่เคยเห็นแบบโบจริงๆที่ไทย
00:47:37 → 00:47:39 ยังไม่เคยเห็นส่วนใหญ่จะเห็นแต่ที่ต่าง
00:47:39 → 00:47:42 ประเทศจริงค่ะถัดมาอันที่ 2 ที่เขาทำอัน
00:47:42 → 00:47:45 นี้เขาทำคือเรื่องของเขาเรียกว่าการ
00:47:45 → 00:47:49 เปลี่ยนถ่ายเลือดออกับลูกเกับลูกเก็ภาษา
00:47:49 → 00:47:52 อังกฤษเขาจะเรียกว่าพลาสมา foris ซึ่งพอ
00:47:52 → 00:47:54 เราไปดูในงานวิจัยเราจะเคยเจอแต่ว่าเขาทำ
00:47:54 → 00:47:56 ในหนูที่ผ่าดตัดแล้วต่อเส้นเลือดหนูแกกับ
00:47:56 → 00:48:01 หนูอทำกับลูกเอือยู่คิดเห็นว่ามันเป็นยัง
00:48:01 → 00:48:04 ไงบ้างก็แน่นอนว่ามันต้องเป็นวิธีที่ไม่
00:48:04 → 00:48:08 มีใครเทำได้ไม่มีใครเทำกันเออมันไม่มีใคร
00:48:08 → 00:48:10 เทำกันแล้วมันทำไม่ได้จริงๆะในในชีวิต
00:48:10 → 00:48:13 จริงอ่ะอ่ะคือต้องบอกว่าเควรระวังอะไร
00:48:13 → 00:48:16 บ้างเอาางงี้ก่อนอืออืมจริงๆต้องบอกว่าใน
00:48:16 → 00:48:19 ทางการแพทย์อ่ะเราก็ใช้วิธีนี้ในการรักษา
00:48:19 → 00:48:22 โรคบางโรคนะออือเพราะว่าถ้าเราสมมุติเรา
00:48:22 → 00:48:25 มีแอนติบอดี้ซึ่งเป็นโปรตีนผิดปกติสัก
00:48:25 → 00:48:26 อย่างอยู่ในเลือดแล้วเราต้องการเอามันออก
00:48:26 → 00:48:29 ออกไปอ่ะคือเราเอาเลือดมาปั่นเลือดเฉพาะ
00:48:29 → 00:48:32 พลาสมาที่มันมีโปรตีนเป็นปกติเอามันโยน
00:48:32 → 00:48:35 ทิ้งไปเราก็ต้องหาอะไรใส่เข้าไปอจริงใน
00:48:35 → 00:48:38 ที่นี้ก็คือไม่เป็นอ่าพลาสม่าที่เรามี
00:48:39 → 00:48:41 อยู่ในคลังเลือดก็ต้องเป็นโปรตีนบูมิน
00:48:41 → 00:48:44 อะไรที่เราใส่เข้าไปอแต่นี้เขาเอาพลาสมา
00:48:44 → 00:48:47 ของลูกมาใส่ซึ่งเอ่อแนวคิดก็คือว่าลูก
00:48:47 → 00:48:50 เนี่ยเด็กกว่าเขาน่าจะมีพวก GR Factor
00:48:50 → 00:48:53 เยอะกว่าเขาซึ่งมันก็อยู่ในไอ้น้ำเลือด
00:48:53 → 00:48:57 นี่แหละเราก็เลยเอาของลูกมาใส่เราเลอืมัน
00:48:57 → 00:49:00 ก็จะมีหลายๆอย่างคืออันเนี้ยเป็นคนใน
00:49:00 → 00:49:01 ครอบครัวเราไม่ต้องกลัวเรื่องโรคติดเชื้อ
00:49:01 → 00:49:03 อยู่แล้วก็ก็เรารู้ว่าลูกเราอยู่ตรงไหนอ
00:49:03 → 00:49:05 อะไรอย่าเงี้ยจริงๆอาจจะไม่ก็ได้ไม่รู้ก็
00:49:05 → 00:49:09 ได้นะอรรๆอาจจะไม่ก็ได้เออเออก็ก็คือต้อง
00:49:09 → 00:49:11 ระวังเรื่องการติดเชื้ออนี้แน่ๆอยู่แล้ว
00:49:11 → 00:49:14 ถ้าเราจะทำนะแล้วก็คือโดยทั่วไปมันต้อง
00:49:14 → 00:49:17 ใช้พลาสม่าเยอะพอสมควรอืมันไม่ได้ใช้แค่
00:49:17 → 00:49:20 นิดเดียวอย่างเงี้ยเราก็ไม่รู้ว่าของเขา
00:49:20 → 00:49:23 อ่ะทำมากแค่ไหนอือเพราะว่าในในการไม่ได้
00:49:23 → 00:49:27 บอกหมดรักษาจริงๆอ่ะอเราจะคำคำนวนว่าเรา
00:49:27 → 00:49:30 ทำแบบ WH Body plma 1 1 WH Body
00:49:30 → 00:49:34 plma Volume ซึ่งมันใช้หลายเป็นลิตรอ่ะ
00:49:34 → 00:49:36 ออซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามาจากลูก
00:49:36 → 00:49:38 ลิตร์นึงลิตนึงนี่ก็เยอะเกินแล้วอเดี๋ยว
00:49:38 → 00:49:41 จะตายเดี๋ยวตายก่อนใช่มมีความเสียงทั้งคน
00:49:41 → 00:49:45 ให้และคนรับเนาะเออใช่แล้วก็พวกนี้คือตอน
00:49:45 → 00:49:48 ที่ระหว่างทำบางคนก็ตะคิวกินบางคนก็อ่า
00:49:48 → 00:49:50 แคลเซียมตกหรืออะไรก็แล้วแต่แต่ว่าอัน
00:49:50 → 00:49:52 นั้นคือกรณีที่ทำทีเดียวเยอะๆแต่เราไม่
00:49:53 → 00:49:57 รู้ว่าของเขาอ่ะทำแค่ไหนจริงอือันนี้บอก
00:49:57 → 00:50:00 ยากส่วนตัวลูกเขาเอาพลาสม่าออกไปเยอะๆก็
00:50:00 → 00:50:02 เหมือนคนเราเสียน้ำออกไปเยอะๆอ่ะอ่าตอน
00:50:02 → 00:50:05 ช่วงนั้นก็จะเลือดข้นอืเพราะว่าเลือดเวลา
00:50:05 → 00:50:07 เขาไปแบ่งเป็น 2 ส่วนใช่มั้ยส่วนที่เป็น
00:50:07 → 00:50:09 เซลล์กับส่วนที่เป็นน้ำเเอาส่วนที่เป็น
00:50:09 → 00:50:11 น้ำออกไปออือถ้างั้นก็แปลว่าความเข้มข้น
00:50:12 → 00:50:13 โดยรวมอ่ะมันต้องสูงขึ้นเพราะมันมีแต่
00:50:13 → 00:50:16 เม็ดเลือดแล้วอน้ำไม่ค่อยมีอ่ะออ่ะลูกก็
00:50:16 → 00:50:18 จะเกิดภาวะเลือดข้นได้แต่ข้นแค่ไหนนี่ไม่
00:50:18 → 00:50:20 รู้เหมือนกันไม่รู้อ่ะเพราะเคก็ไม่ได้บอก
00:50:20 → 00:50:24 บดจริงๆงั้นพูดง่ายๆว่าจริงๆก็เป็นหการ
00:50:24 → 00:50:28 ซึ่งอาจจะอยู่ในเค้าเรียกว่าูเจักรวาลของ
00:50:28 → 00:50:31 แี้ aging ที่เราถือว่ายังมีหลักฐานทาง
00:50:31 → 00:50:34 การแพทย์น้อยน้อยมากแล้วก็มีความเสี่ยง
00:50:35 → 00:50:36 อย่างที่แทนบอกเพฉะนั้นถ้าเกิดว่าใคร
00:50:36 → 00:50:39 กำลังคิดว่าจะไปโอ๊เปลี่ยนไถยเลือดกับลูก
00:50:39 → 00:50:43 ชั้นหรือว่าแฟนชันที่เด็กกว่าก็ตอบไปเคจะ
00:50:43 → 00:50:45 ต้องหาโดเนอร์คนใหม่นะเพราะลูกก็จะแกะ
00:50:45 → 00:50:48 ขึ้นทุกวันนี่ไงแล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่า
00:50:48 → 00:50:50 จริงๆแล้วตัวเค้าเรียกว่าเอ่อเค้าเรียก
00:50:51 → 00:50:54 ว่าเกณฑ์อ่ะในการคัดเลือกโดเนอร์อ่ะมัน
00:50:54 → 00:50:57 มันมีอะไรบ้างเรื่องนี้ซับซ้อนพอสมควร
00:50:57 → 00:51:00 เพราะว่าถ้าเกิดสมมุติลูกเก็ทำโปรโตคอล
00:51:00 → 00:51:02 เดียวกับเาด้วยยกเว้นการปลูกการการถ่าย
00:51:02 → 00:51:05 เลือดนะเทำเหมือนกันสมมุตินะอก็แปลว่าลูก
00:51:05 → 00:51:08 เขาอ่ะตอนอายุแบบ 50 ก็น่าจะไม่แก่ก็แปล
00:51:08 → 00:51:12 ว่าพลาสมาเก็น่าจะใช้ได้ถ้ามันทำจริเิอ
00:51:12 → 00:51:14 ถ้าเวิร์คนะก็แปลว่าน่าจะถ่ายเลือกกันไป
00:51:14 → 00:51:18 เรื่อยๆอืหรือไม่งั้นน่ะถ้ามันเวิร์คจริง
00:51:18 → 00:51:21 ๆนะอ brian Johnson ตอนเนี้ยก็ไม่ต้อง
00:51:21 → 00:51:23 จำเป็นต้องถ่ายเลือดแล้วสิเพราะมันย้อนไป
00:51:23 → 00:51:26 เรียบร้อยเย้อนไปแล้วก็พลมของเาก็ดีอยู่
00:51:26 → 00:51:28 แล้วจะไปถ่ายทำไมจะถ่ายทำไมในเมื่อถ่าย
00:51:29 → 00:51:32 กับสิ่งที่เหมือนกันจริงมจริงอ่ะอันนี้
00:51:32 → 00:51:35 น่าคิดถัดมาอันที่ 2 ที่เาทำคุณพูดถึง
00:51:35 → 00:51:39 เยอะเหมือนกันการทำจีนเปีการบำบัดด้วยยีน
00:51:39 → 00:51:41 อืโดยตัวที่เราเรียกว่า
00:51:41 → 00:51:45 ิิซึ่งเขไม่ได้ทำใน US เพราะอเมริกาไม่
00:51:45 → 00:51:48 ให้ทำคุณเธอก็บินไปทำที่ประเทศอื่นค่ะ
00:51:48 → 00:51:52 แล้วก็ฉีดเข้าไปแล้วก็โชว์มาในโปรเจค
00:51:52 → 00:51:54 blueprint ว่าหลังจากฉีดเสร็จนะกล้าม
00:51:54 → 00:51:56 เนื้อเยอะ Muscle mas กล้ามเนื้อเยอะ
00:51:56 → 00:52:00 ขึ้นอ่ะอายุของวัยวะต่างๆมันลดลงแทนคิด
00:52:00 → 00:52:03 เห็นยังไงกับไอ้เรื่องยนเปีหรือว่าไอ้ตัว
00:52:03 → 00:52:06 ิิอืข้อแรกคือเรายังไม่ได้ไปดูว่าไอ้
00:52:06 → 00:52:10 โปรโตคอลของมันน่ะทำอะไรบ้างอือแต่ให้พูด
00:52:10 → 00:52:13 รวมๆนะยนเปีเป็นอะไรที่น่ากลัวมากอืเพราะ
00:52:13 → 00:52:15 ว่าเรากำลังไปยุ่งกับสิ่งที่อาจจะเป็น
00:52:15 → 00:52:19 รหัสพันธุกรรมของมนุษย์อืซึ่งถ้าเกิดว่า
00:52:19 → 00:52:22 ใครเคยเล่นคอมพิวเตอร์อ่ะหรือใครเคยเขียน
00:52:22 → 00:52:24 โค้ดก็ได้เอาง่ายๆเลยอเวลาเราเขียนโค้ด
00:52:24 → 00:52:27 ผิดตัวเดียวอ่ะมันทุกอย่างเจ๊งเจงหมดแล้ว
00:52:27 → 00:52:29 เราหาไม่เจอด้วยว่ามันเจ๊งตรงไหนผิดตรง
00:52:29 → 00:52:31 ไหนออือการยุ่งกับยีนเราอ่ะมันเป็นอย่าง
00:52:31 → 00:52:34 เงี้แหละคือเราไม่มีสิทธิ์รู้เลยนะจริง
00:52:35 → 00:52:38 ั้นพูดง่ายๆว่าเหมือนเราถ้าเรายังไม่รู้
00:52:39 → 00:52:43 360 องศาว่าไอ้ตัวหการเนี้ยที่เราทำไป
00:52:43 → 00:52:46 เพื่อที่จะทำให้เราอายุยืนขึ้นเนี่ย
00:52:46 → 00:52:49 สมมุติอ่ะตัดต่อยีนไป 1 ยีนมันจะส่งผล
00:52:49 → 00:52:52 อะไรบ้างตราบใดที่ยังไม่เห็นภาพรวมก็อาจ
00:52:52 → 00:52:55 จะเสี่ยงเกินไปที่จะที่จะเอาตัวเองไปลอง
00:52:55 → 00:52:57 แบบนั้นก็เลยถึงบอกว่าเป็นอันนึงซึ่งก็
00:52:57 → 00:53:02 ไม่แนะนำให้คนทั่วไปรีบเอ่อรีบทำตามนอก
00:53:02 → 00:53:04 จากจะเสียตังค์แล้วบางทีก็อาจจะกลายเป็น
00:53:04 → 00:53:06 ว่ามีผลเสียอย่างอื่นซึ่งเราไม่รู้ด้วย
00:53:06 → 00:53:10 เราก็ปล่อยให้คุณไันเขาเป็นไลอไปก่อนแล้ว
00:53:10 → 00:53:14 ก็ตามดูเพราะเขมีทีมใช่ทั้งทีมคอยตามเจาะ
00:53:14 → 00:53:17 เลือดแล้วเราต้องลองคิดดูก่อนว่าถ้าเรา
00:53:17 → 00:53:19 ตัวเองเป็นหนู่ทดลองเนี่ยมันมีอยู่ 2
00:53:19 → 00:53:21 อย่างนะอย่างแรกถ้ามันสำเร็จอ่ะเราอาจจะ
00:53:21 → 00:53:25 ได้เป็นคนแรกของโลกที่ทำได้อแต่ถ้าเกิด
00:53:25 → 00:53:27 ว่ามันล้มเหลวเราจะเป็นคนแรกของโลกที่ล้ม
00:53:27 → 00:53:29 เหลวเลยนะก็จริงแล้วทีมพวกเนี้ยก็ต้อง
00:53:29 → 00:53:32 เป็นทีมที่น่าเชื่อถือมากๆที่จะบอกเราว่า
00:53:32 → 00:53:35 เฮ้ยพอได้แล้วถ้ามากกว่าเนี้ยมันจะแย่นะ
00:53:35 → 00:53:37 บอกกล้าที่จะบอกแต่ถ้าเกิดว่าเป็นทีม
00:53:37 → 00:53:40 เชียร์เออดีอยากอยากทดลองเรื่องนี้พอดี
00:53:40 → 00:53:42 เลยเาก็เห็นด้วยใช่มั้ยงั้นลองไปซะเลย
00:53:42 → 00:53:45 เอ้ยทนอีกนิดนึงน่ะอะไรอย่างเงี้ยอ่ายก็
00:53:45 → 00:53:48 น่าคิดน่ากลัวอยู่นะก็กลายเป็นว่าจริงๆใน
00:53:48 → 00:53:51 เจนี่ของการที่เราสมมุติสมมุติว่าเราอยาก
00:53:51 → 00:53:54 จะตามรอยเว่าเราต้องการจะเป็นผู้อยู่อมตะ
00:53:54 → 00:53:56 นอกจากความมุ่งมั่นของตัวเราการมี
00:53:56 → 00:54:00 ทุนทรัพย์ที่พอเรายังต้องมีทีมผู้เชี่ยว
00:54:00 → 00:54:03 ชาญที่จริงใจกับเราพอด้วยนะจริงอันนี้ถูก
00:54:03 → 00:54:06 ต้องเลยเออซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซึ่งก็
00:54:06 → 00:54:08 ไม่ใช่เรื่องง่ายซึ่งก็น่าสนใจว่าเราจะ
00:54:08 → 00:54:10 ต้องตามอะไรเขต่อไปอีกเพราะฟ้าเชื่อว่า
00:54:10 → 00:54:15 เขาพร้อมที่จะทดลองอะไรใหม่ๆเพื่อให้มัน
00:54:15 → 00:54:19 ถึงเป้าของเขางั้นอ่ะเป็น Men เป็นโน้ต
00:54:19 → 00:54:22 อันสุดท้ายทันอยากจะพูดอะไรกับคนที่บอก
00:54:22 → 00:54:24 ว่าฉันอยากจะเนี่ยอยู่เป็นอมตะ Live
00:54:24 → 00:54:28 Forever ที่กำลังหาหาอยู่ว่ามันจะมีอะไร
00:54:28 → 00:54:31 บ้างที่ทำให้ฉันเหมือนที่ฟ้าชอบพูดเกิด
00:54:31 → 00:54:33 แก่แล้วตายเลยแบบไม่ต้องป่วยอ่ะหรือว่า
00:54:33 → 00:54:37 ไม่ต้องตายก็ได้อยากจะฝากอะไรไว้บ้างเรา
00:54:37 → 00:54:40 มองว่าสิ่งหนึซึ่งคนเหล่าเนี้ยจะได้ควรจะ
00:54:40 → 00:54:42 เรียนรู้จาก br Johnson คือข้อแรกเเป็น
00:54:42 → 00:54:45 คนที่มีระเบียบวินัยสูงมากอือจริง
00:54:45 → 00:54:46 อันเนี้ยเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องมีไม่
00:54:47 → 00:54:49 ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่มันทำให้สำเร็จได้ออ
00:54:49 → 00:54:53 อืออันที่ 2 ก็คือนอกเหนือจากพวกเเขายัง
00:54:54 → 00:54:57 หาความรู้เพิ่มอยู่เสมอจริงใช่มยเคมีขนาด
00:54:57 → 00:55:00 ทีมวิจัยของตัวเองเขาคอยติดตามทุกอย่าง
00:55:00 → 00:55:03 ที่มันใหม่อซึ่งนี้ทุกคนควรจะต้องทำตามอื
00:55:03 → 00:55:06 ข้อที่ 3 อย่างน้อยเขาก็มีการครบทั้ง
00:55:06 → 00:55:09 เรื่องของการกินการออกกำลังกายการพักผ่อน
00:55:09 → 00:55:12 อริอืคนเราส่วนใหญ่ที่ไปฟังเรื่องพวกนี้
00:55:12 → 00:55:15 มาจะมองแต่ว่า br Johnson กินอะไรใช้
00:55:15 → 00:55:18 Short Cut รอืกินอะไรแต่ไม่เห็นมีคนพูด
00:55:18 → 00:55:22 เลย br Johnson ออกกำลังกายอะไรอืแล้วก็
00:55:22 → 00:55:25 น้อยมากนะที่เวลามาถามเนี่ยจะรู้ว่า br
00:55:25 → 00:55:29 Johnson ทำทำสมาธิยังไงอืทำนานแค่ไหนทำ
00:55:29 → 00:55:31 ด้วยวิธีอะไรไม่มีใครพูดเลยมีแต่พูดว่า
00:55:31 → 00:55:34 นี่ไงเค้ากินอาหารเสริมแบบมหาศาลเถ่าย
00:55:34 → 00:55:37 พลาสม่าซึ่งมันเป็นวิธีที่ทำไม่ได้อยู่
00:55:37 → 00:55:39 แล้วอ่ะแล้วก็อาจจะมีปัญหาดังนั้นเรามอง
00:55:39 → 00:55:43 ว่าอถ้าใครที่สนใจเรื่องของ Anti aging
00:55:43 → 00:55:45 เนี่ยมีสิ่งบางสิ่งที่เรา 2 คนน่าจะเห็น
00:55:45 → 00:55:47 ด้วยก็คือเรื่องของระเบียบวินัยจริง
00:55:47 → 00:55:51 เรื่องการออกกำลังกายการกินที่มันสมดุลอื
00:55:51 → 00:55:54 เนาะการพักผ่อนที่ต้องใส่เข้าไปแล้วก็อ
00:55:54 → 00:55:57 เนี่ยออกกำลังกายไลฟ์สไตล์รวมถึงเรื่อง
00:55:57 → 00:55:59 การนอนที่แทนบอกว่ามันต้องควรจะต้องเป็น
00:55:59 → 00:56:03 เวลาอืจริงเพราะฉะนั้นก็ฟ้าเห็นด้วยมากๆ
00:56:03 → 00:56:07 แล้วก็ขอบคุณแทนมากๆเชื่อว่าสนุกมากจริงๆ
00:56:07 → 00:56:10 อยากจะคุยต่อแต่ว่าเดี๋ยวตากล้องก็จะจะ
00:56:10 → 00:56:14 บอกว่าเมมหมดอีกแล้วนะคะก็คิดว่าหลายๆคน
00:56:14 → 00:56:16 น่าจะได้ประโยชน์จากการพูดคุยของเราในวัน
00:56:16 → 00:56:20 นี้แล้วฟ้าว่าก็เป็นการเปิดอีกมุมมองนึง
00:56:20 → 00:56:22 ให้ทุกคนได้รู้ว่าจริงๆแล้วอ่ะ bri
00:56:22 → 00:56:24 Johnson ก่อนที่เขาจะสเต็ปไปสเต็ปที่ 2
00:56:24 → 00:56:27 อ่ะในการใช้อะไรเยอะแยะมากมายจริงๆเขา
00:56:27 → 00:56:29 เริ่มเหมือนที่แทนบอกเลยคือเรื่องของการ
00:56:29 → 00:56:33 ใช้ชีวิตเรื่องไลฟ์สไตล์ก่อนและเป็นคนที่
00:56:33 → 00:56:35 มีวินัยมากจริงๆเหมือนกับพี่แทนมีวินัยใน
00:56:35 → 00:56:38 การออกกำลังกายตั้งแต่เด็กๆนั่นเองแล้วก็
00:56:38 → 00:56:41 Last noe สำหรับฟาก็คือฟารู้สึกว่าสิ่ง
00:56:41 → 00:56:43 ที่อยากจะฝากให้ทุกคนที่อาจจะยังไม่ได้ดู
00:56:43 → 00:56:46 หรือว่ากำลังจะไปดูอ่ะค่ะคือเราอย่าเอา
00:56:46 → 00:56:50 บรรทัดฐานเราไปวัดคนอื่นโเพราะเลยหลายๆ
00:56:50 → 00:56:53 ครั้งเลยที่แม้แต่ในสารคดีเขาเปิดมาเลย
00:56:53 → 00:56:56 ว่าการเอ่อเขาเรียกว่าการทดลองกับตัวตัว
00:56:56 → 00:56:58 เองของคุณ bri Johnson จริงๆในทาง
00:56:58 → 00:57:01 โซเชียล Media ค่อนข้างโหดร้ายเหมือนที่
00:57:01 → 00:57:04 ทางโปรดิวเซอร์ของช่องเราเจะบอกว่าจริงๆ
00:57:04 → 00:57:07 แล้วโลกอินเทอร์เน็ตมันเป็นแดนเถื่อนเป็น
00:57:07 → 00:57:09 yy West มันมีคอมเมนต์ที่ค่อนข้างใจ
00:57:09 → 00:57:12 ร้ายกับเราค่อนข้างเยอะซึ่งคุณแฉันเจอ
00:57:12 → 00:57:13 เยอะมากอ่ะ
00:57:13 → 00:57:16 แทนแล้วก็หลายๆคนก็บอกว่าแบบยูเป็นคน
00:57:16 → 00:57:19 ประหลาดไม่น่าจะมีความสุขในชีวิตแต่ว่า
00:57:19 → 00:57:23 สิ้นตอนจบของสารคดีที่ฟ้าค่อนข้างชอบนะเ
00:57:23 → 00:57:25 โชว์ให้ดูว่าแต่เขามีความสุขกับเขาที่
00:57:25 → 00:57:28 เป็นนี้อในวันนี้กับการเลือกใช้เงินของ
00:57:28 → 00:57:31 เขาแบบนี้มากกว่าตอนที่เขาใช้ชีวิตเหมือน
00:57:31 → 00:57:34 คนปกติทั่วไปคือเป็นนักธุรกิจที่ประสบ
00:57:35 → 00:57:37 ความสำเร็จณตอนนั้นเขาอยากฆ่าตัวตายอ่ะ
00:57:37 → 00:57:39 แต่วันนี้เขาเลือกที่จะมีวินัยในการใช้
00:57:39 → 00:57:42 ชีวิตแบบนี้เขาอยากจะลองทดลองหาหนทางที่
00:57:42 → 00:57:45 เขาเชื่อว่าไม่ใช่แค่ดีกับเขาแต่ก็น่าจะ
00:57:45 → 00:57:47 ดีกับลูกเขากับมนุษยชาติว่าทำยังไงถึงจะ
00:57:47 → 00:57:51 ไม่ป่วยเนี่ยเขาแฮปปี้กับทางเลือกอันนี้
00:57:51 → 00:57:53 ของเขามากกว่าแล้วก็เลยคิดว่าบางทีมันก็
00:57:53 → 00:57:55 อีกเป็นอีกจุดนึงเแทนเนาะเหมือนที่เรา
00:57:55 → 00:57:58 นั่งคุยกันไลฟสไตล์ของแทนกับของฟ้าก็ไม่
00:57:58 → 00:58:02 เหมือนกันบางทีสิ่งที่เราเห็นแล้วเราไม่
00:58:02 → 00:58:06 เข้าใจว่าเทำมันไปทำไมเราก็ไม่จำเป็นต้อง
00:58:06 → 00:58:10 เอามาตรฐานเราไปวัดเนะแทนเนาะบางทีเขาก็
00:58:10 → 00:58:12 มีความสุขในแบบของเขาอยู่แล้วอสุดท้ายสุด
00:58:12 → 00:58:14 ท้ายเลยจริงๆอยากให้แฟนฝากอะไรถึงช่อง
00:58:14 → 00:58:17 บลูโซนกับคนที่ตามช่องดรแทนนี่หน่อยค่ะ
00:58:17 → 00:58:19 ว่าจะมีผลงานอะไรมาให้ตามอีกบ้างไช่องนาง
00:58:19 → 00:58:23 ไหนก็ถ้าเป็นช่องทางของเราเราก็มีคลิป
00:58:23 → 00:58:26 พยายามจะโพสต์ทุกวันซึ่งก็ทำมา 4 ปีปีและ
00:58:26 → 00:58:30 โปทุกวันอก็หวังว่าจะทำเป็นห้องสมุดขนาด
00:58:30 → 00:58:33 ใหญ่ที่ใครอยากจะรู้เรื่องอะไรก็มาค้นหา
00:58:33 → 00:58:36 ดูได้ไม่จำเป็นต้องดูมันครบทุกคลิปเพราะ
00:58:36 → 00:58:37 มันเป็นไปไม่ได้เหมือนกับเราไปห้องสมุดจะ
00:58:38 → 00:58:39 อ่านหนังสือทุกเล่มมันทำไม่ได้ต้องเลือก
00:58:39 → 00:58:42 เอาเล่มที่เราอยากจะอ่านมาอ่านก็ออฝากไว้
00:58:42 → 00:58:45 แค่เเนาะแต่ส่วนช่องฟ้าเนี่ยยเราดูเราดู
00:58:46 → 00:58:48 มาตั้งแต่ต้นเลยเอขอบคุณค่ะคือวันวันที่
00:58:48 → 00:58:50 ฟ้าแบบลงคลิปแรกเราเฮ้ยฟ้าลงทางนี้ด้วย
00:58:50 → 00:58:53 เหรอเว้ยเราต้องไปดูแล้วอะไรเงี้ยก็เลยไป
00:58:53 → 00:58:57 ดูปรากฏว่าแบบมันมันเจ็บเว่าเรามองว่าเรา
00:58:57 → 00:59:00 มองว่าฟ้าเนี่ยคืออย่างน้อยๆเป็น Anti
00:59:00 → 00:59:03 aging ที่ใช้หลักฐานทางการแพทย์ที่มัน
00:59:03 → 00:59:06 ถูกห้องตรงไปตรงมาไม่มีแบบเฮ้ยเราจะอย่าง
00:59:06 → 00:59:08 งั้นอย่างงี้ขายของพูดอะไรที่มันมันไม่มี
00:59:08 → 00:59:11 ความจริงอยู่ในนั้นอะไรเงี้ยหรือบางทีเรา
00:59:11 → 00:59:14 เรา Extra pate เยอะเกินไปแล้วเราก็เลย
00:59:14 → 00:59:17 ชอบตรงเยก็เลยคิดว่าแบบเอยากจะถ้าใครที่
00:59:17 → 00:59:19 อยากจะดูอะไรที่แบบตรงๆเป๊ะๆนะน่าจะดู
00:59:19 → 00:59:22 ช่องฟ้านี่แหละโอขอบคุณมากเลยค่ะส่วนทาง
00:59:22 → 00:59:25 นี้ก็ดีใจที่มีเพื่อนแบบแทนแล้วจรริงๆเรา
00:59:25 → 00:59:27 มีเพื่อนๆที่เก่งเกกหลายคนนะแทนเนาะไวก็
00:59:27 → 00:59:30 น่าจะได้มีโอกาสชวนมาถ้าไม่ออกช่องแทนก็
00:59:30 → 00:59:34 ของช่องฝ้าอีกสักรอบนึงนะคะโอเคก็ขอบคุณ
00:59:34 → 00:59:37 มากๆค่ะยินดีครับก็หวังว่าจะเป็น Episode
00:59:37 → 00:59:39 ที่เพื่อนๆทุกคนเนี่ยฟังแล้วก็ได้ความรู้
00:59:39 → 00:59:42 แล้วก็รู้จักกับคุณหมอแทนนี่ดีขึ้นนะคะก็
00:59:42 → 00:59:45 หวังว่าจะเป็นอีก Episode นึงที่ทำให้ทุก
00:59:45 → 00:59:47 คนที่ติดตามช่องของเราเนี่ยแฮปปี้แล้วก็
00:59:47 → 00:59:49 ได้ความรู้ไปพร้อมๆกันสัปดาห์หน้าจะมี
00:59:49 → 00:59:51 เรื่องราวที่น่าสนใจอะไรมาฝากอย่าลืมกด
00:59:51 → 00:59:53 Subscribe นะคะแล้วก็กดไลค์กดแชร์กัน
00:59:53 → 00:59:55 ด้วยค่ะขอบคุณ
00:59:55 → 00:59:59 ค่ะอ