00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:05 เรื่องของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงโรคหนึ่งมี
00:00:05 → 00:00:08 ชื่อว่า my asen gravis ซึ่งโรคนี้
00:00:08 → 00:00:10 เนี่ยมันเป็นโรคที่คนไทยก็เป็นกันพอสมควร
00:00:10 → 00:00:14 เลยทีเดียวนะครับเลยคิดว่าจะลองเอามาเล่า
00:00:14 → 00:00:17 เพื่อให้ทุกคนทราบว่ามันคือโรคอะไรอาการ
00:00:17 → 00:00:21 เป็นแบบไหนทำไมมันจึงเกิดขึ้นวินิจฉัยแบบ
00:00:21 → 00:00:25 ไหนแล้วเราจะรักษาอย่างไรได้บ้างรวมทั้ง
00:00:25 → 00:00:27 ผลการรักษามันจะเป็นแบบไหนเดี๋ยวลองฟัง
00:00:27 → 00:00:30 กันดูนะครับพบกับผมนะครับนายแพททนี
00:00:30 → 00:00:32 ธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศ
00:00:32 → 00:00:34 สหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่าย
00:00:34 → 00:00:38 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับคำว่า my Asia
00:00:38 → 00:00:43 เนี่ยมันแปลว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงครับไ M
00:00:43 → 00:00:45 เนี่ยแปลว่ากล้ามเนื้อ Asia คืออ่อนแรง
00:00:45 → 00:00:48 ส่วนคำว่า grv เนี่ยคือแปลว่ารุนแรงนะ
00:00:48 → 00:00:51 ครับ My astin gravis แปลรวมๆก็คือ
00:00:51 → 00:00:54 กล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบรุนแรงนั่นเองนะครับ
00:00:54 → 00:00:58 ทีนี้เนี่ยอาการของเา้านะครับที่เจอบ่อยๆ
00:00:58 → 00:01:01 ก็คือหนังตาตกครับครับตอนเช้าตื่นมาไม่
00:01:01 → 00:01:03 เป็นอะไรนะครับแต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ
00:01:03 → 00:01:05 เนี่ยหนังตามันชักจะหนักขึ้นหนักขึ้นหนัก
00:01:06 → 00:01:08 ขึ้นเหมือนคนง่วงนอนนะครับแต่มันไม่ได้
00:01:08 → 00:01:10 ง่วงมันฝืนลืมตาไม่ได้นะครับเราก็จะเห็น
00:01:10 → 00:01:13 เพื่อนของเราเอ๊ะทำไมเค้าเค้าตาเป็นอย่าง
00:01:13 → 00:01:15 นี้ตลอดจะให้เขาคลืมก็ลืมไม่ขึ้นซะทีนะ
00:01:15 → 00:01:18 ครับอาจจะเป็นตาข้างเดียวก่อนหรือเป็น
00:01:18 → 00:01:21 ทั้ง 2 ข้างก็ได้นะครับแล้วบางคนไม่ใช่มี
00:01:21 → 00:01:25 แค่หนังตาตกนะครับแต่มีอาการมองเห็นภาพ
00:01:25 → 00:01:28 ซ้อนด้วยเหตุผลที่มันเป็นแบบนั้นเนี่ยก็
00:01:28 → 00:01:31 เพราะว่ากล้ามเนื้อลูกตาของของเรา 2 ข้าง
00:01:31 → 00:01:34 มันมีความแข็งแรงไม่เท่ากันข้างนึงอ่อน
00:01:34 → 00:01:36 แรงมากเว่าอีกข้างนึงนะครับมันก็เลยทำให้
00:01:36 → 00:01:40 ตา 2 ข้างไม่ได้โฟกัสที่จุดเดียวกันพอไม่
00:01:40 → 00:01:42 โฟกัสที่จุดเดียวกันปุ๊บภาพมันก็จะซ้อน
00:01:42 → 00:01:45 ครับวินิจฉัยง่ายๆก็คือเอามือปิดตาข้าง
00:01:45 → 00:01:47 นึงน่ะเราก็จะเห็นว่าเฮ้ยภาพมันชัดขึ้นมา
00:01:48 → 00:01:50 มันไม่ซ้อนและอันเนี้ยแปลว่ากล้ามเนื้อ
00:01:50 → 00:01:55 ลูกตาของเราอ่อนแรงลงครับแต่มันก็ไม่ได้
00:01:55 → 00:01:58 หยุดแค่เรื่องของลูกตาเท่านั้นนะครับมัน
00:01:58 → 00:02:00 ยังสามารถมีผลต่อกล้ามเนื้อได้ทั้งร่าง
00:02:00 → 00:02:02 กายเลยทีเดียวนะครับกล้ามเนื้ออะไรบ้าง
00:02:03 → 00:02:05 ที่จะโดนทั้งหมดเนี่ยที่โดนมันจะเป็น
00:02:05 → 00:02:07 กล้ามเนื้อลายครับหรือที่เราเรียกว่า
00:02:07 → 00:02:10 stated Muscle มันจะไม่โดนกล้ามเนื้อ
00:02:10 → 00:02:13 เรียบเช่นกล้ามเนื้อพวกลำไส้กล้ามเนื้อ
00:02:13 → 00:02:15 หลอดลมจะไม่โดนนะครับกล้ามเนื้อหลอดเลือด
00:02:15 → 00:02:18 ก็ไม่โดนกล้ามเนื้อหัวใจก็ไม่มีปัญหาแต่
00:02:18 → 00:02:21 กล้ามเนื้อลายทั้งหมดเนี่ยมีโอกาสจะเกิด
00:02:21 → 00:02:23 ปัญหาได้นะครับอาการนอกเหนือจากเรื่องของ
00:02:23 → 00:02:27 ตาเราเนี่ยบางคนจะมีอาการกลืนลำบากครับ
00:02:27 → 00:02:32 กลืนไม่ลงพูดไม่ชัดนะครับครับแล้วก็บางคน
00:02:32 → 00:02:35 แสดงสีหน้าไม่ค่อยได้เพราะว่าการแสดงสี
00:02:35 → 00:02:36 หน้าก็ต้องอาศัยกล้ามเนื้อหน้าซึ่งมัน
00:02:36 → 00:02:40 เป็นกล้ามเนื้อลายนะครับบางคนมีอาการที่
00:02:40 → 00:02:43 แขนขามันอ่อนแรงมันยกไม่ขึ้นนะครับรวม
00:02:43 → 00:02:47 ทั้งถ้ามันรุนแรงมากๆจริงๆเนี่ยจะเกิด
00:02:47 → 00:02:50 ภาวะวิกฤตอันหนึ่งเรียกว่า my asic
00:02:50 → 00:02:54 crisis ซึ่งคนที่เป็นโรคเนี้ย 20% จะ
00:02:54 → 00:02:57 เกิด mias cris ขึ้นมาครั้งหนึ่งในชีวิต
00:02:57 → 00:03:01 นะฮะอาการของเคนะนะครับคือกล้ามเนื้อที่
00:03:01 → 00:03:03 อ่อนแรงเนี่ยคือกล้ามเนื้อในการหายใจครับ
00:03:03 → 00:03:05 มันจะทำให้เค้าหายใจไม่ได้แล้วถ้าไม่รีบ
00:03:05 → 00:03:09 รักษาก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะครับ
00:03:09 → 00:03:13 อาการทั้งหมดที่ว่ามาเนี่นะครับมันจะมี
00:03:13 → 00:03:17 ลักษณะเด่นเฉพาะอย่างหนึ่งคือในตอนเช้า
00:03:17 → 00:03:22 เนี่ยหรือหลังจากที่เรานอนพักมาอาการจะ
00:03:22 → 00:03:25 เป็นน้อยครับอ่าถ้าเรานอนมาทั้งคืนนะครับ
00:03:25 → 00:03:29 เราพักผ่อนมันก็จะไม่ค่อยเป็นแต่พอปล่อย
00:03:29 → 00:03:32 ไประหว่างวันเราใช้ร่างกายเราไปเรื่อยๆ
00:03:32 → 00:03:34 ตอนช่วงบ่ายๆเนี่ยอาการจะเยอะขึ้นแล้ว
00:03:34 → 00:03:36 ครับเยอะขึ้นถ้าเราไปพักปุ๊บอ่ามันก็จะดี
00:03:37 → 00:03:41 ขึ้นมาใหม่นะฮะแต่พอเป็นไปนานเข้านานเข้า
00:03:41 → 00:03:44 มันก็จะเป็นทั้งวันเลยมันจะไม่ไม่ปกติ
00:03:44 → 00:03:47 แล้วครับมันจะมีแค่อ่อนแรงน้อยกับอ่อนแรง
00:03:47 → 00:03:49 มากเท่านั้นในตอนเช้าหรือหลังจากที่เรา
00:03:49 → 00:03:52 นอนพักมามันก็จะอ่อนแรงน้อยหน่อยแต่ถ้า
00:03:52 → 00:03:55 เราใช้ร่างกายมานานๆมันก็จะอ่อนแรงมาก
00:03:55 → 00:03:59 กว่าเวลาอื่นนะครับโดยอาการทั้งหมดเนี่ย
00:03:59 → 00:04:03 หลังจากที่เราวินิจฉัยได้แล้วนะครับมันจะ
00:04:03 → 00:04:06 เป็นมากขึ้นเรื่อยๆถ้าเราไม่รักษาและจะ
00:04:06 → 00:04:09 รุนแรงที่สุดในระยะเวลาประมาณปีถึง 2-3
00:04:10 → 00:04:12 ปีนะครับตอนแรกที่เป็นอาจจะมีแค่หนังตา
00:04:12 → 00:04:16 มันตกเนี่หน่อยเอ้มันมันใช่หรือไม่ใช่นะ
00:04:16 → 00:04:18 ครับแล้วเราไม่ได้สนใจอะไรมันแล้วก็ปล่อย
00:04:18 → 00:04:21 ไว้ก็จะตกมาคืนมาคืนบางคนก็จะเริ่มมีแบบ
00:04:21 → 00:04:24 เฮ้ยทำไมทันพูดไม่ชัดทำไมแขนขาไม่มีแรง
00:04:24 → 00:04:26 อ่ามันก็จะเป็นแบบนั้นนะครับในตอนแรกที่
00:04:26 → 00:04:29 ไปหาหมอเนี่ยเฮ้ยอาการไม่เห็นเป็นเลยนี่
00:04:29 → 00:04:32 อ่าเพราะว่าเราพักมาดีนะครับและอีกอย่าง
00:04:32 → 00:04:35 นึงซึ่งทำให้อาการแย่ลงก็คือความร้อนครับ
00:04:35 → 00:04:38 อากาศประเทศไทยเนี่ยร้อนยิ่งร้อนยิ่ง
00:04:38 → 00:04:40 เหนื่อยเหงื่อออกเยอะๆยิ่งเป็น
00:04:41 → 00:04:45 ครับยิ่งเป็นนะฮะดังนั้นเนี่ยอาการทั้ง
00:04:45 → 00:04:49 หมดนี้ถ้าไม่รักษานะครับมันไม่หายเองครับ
00:04:49 → 00:04:52 มันจะแย่ลงเรื่อยๆและเหตุผลที่อาการทั้ง
00:04:52 → 00:04:54 หมดเนี่ยมันเกิดขึ้นมันเพราะว่าแบบนี้
00:04:54 → 00:04:57 ครับปกติเวลาเราจะเคลื่อนไหวบริเวณใด
00:04:57 → 00:04:59 บริเวณหนึ่งของร่างกายเนี่ยจะต้องมีการ
00:04:59 → 00:05:02 การสั่งการจากสมองไปที่เส้นประสาทแล้ว
00:05:02 → 00:05:04 เส้นประสาทเราเนี้ยมันก็จะไปบอกกล้าม
00:05:05 → 00:05:08 เนื้อว่าเออหดตัวได้แล้วกล้ามเนื้อเราก็
00:05:08 → 00:05:10 จะหดตัวมีการเคลื่อนไหวของอวัยวะเป้าหมาย
00:05:10 → 00:05:14 ของเรานั่นเองนะครับทีนี้นะครับปัญหามัน
00:05:14 → 00:05:16 อยู่ตรงนี้เส้นประสาทของเราเนี่ยมันมาถึง
00:05:16 → 00:05:18 บริเวณกล้ามเนื้อสมมุติตรงนี้เป็นกล้าม
00:05:18 → 00:05:20 เนื้อนี่เป็นเส้นประสาทมันจะไม่ได้เอา
00:05:20 → 00:05:23 เส้นประสาทไปแปะอยู่บนกล้ามเนื้อแต่มันจะ
00:05:23 → 00:05:25 มีช่องว่างเล็กๆนะครับช่องระหว่างตรง
00:05:25 → 00:05:29 เนี้ยเราเรียกว่า neuromuscular จังชันนะ
00:05:29 → 00:05:32 ครับนิโรคือเส้นประสาทมัสคูลคือกล้าม
00:05:32 → 00:05:35 เนื้อจังชันคือไอ้รอยเชื่อมตรงนี้นะครับ
00:05:35 → 00:05:39 รอยตรงนี้เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเส้น
00:05:39 → 00:05:41 ประสาทของเรานะครับจะปล่อยสารสื่อประสาท
00:05:41 → 00:05:44 ตัวหนึ่งเรียกว่าอิิโคลีนปล่อยไปเสร็จ
00:05:44 → 00:05:48 ปุ๊บอ่ากล้ามเนื้อเรามันก็จะมีตัวรับอิคิ
00:05:48 → 00:05:51 receptor พอมันรับสารจากกล้ามจากตัวเส้น
00:05:51 → 00:05:54 ประสาทปุ๊บมันก็รู้แล้วว่าโอเคหดตัวได้
00:05:54 → 00:05:58 มันก็จะทำหน้าที่หดตัวปัญหาของคนที่เป็น
00:05:58 → 00:06:02 โรคไิเวสคือกระบวนการเนี้ยมันทำได้ไม่
00:06:02 → 00:06:07 ค่อยดีนะครับมีเหตุผลต่างๆนานาเช่นตัวลับ
00:06:07 → 00:06:10 ของเค้าเนี่ยเกิดมีแอนติบอดี้หรือโปรตีน
00:06:10 → 00:06:13 ที่มันผิดปกติมาต่อต้านมันทำให้ตัวตัวรับ
00:06:13 → 00:06:17 ของเขาคอ่ะเสียไปหรือมีจำนวนไม่เพียงพอนะ
00:06:17 → 00:06:20 ครับก็เลยทำให้กระบวนการส่งกระแสประสาทไป
00:06:20 → 00:06:23 ยังกล้ามเนื้อทำได้ไม่ค่อยดีและิ่งเรา
00:06:23 → 00:06:25 ปล่อยไว้นานวันนานๆันเข้าเรื่อยๆนะครับ
00:06:25 → 00:06:28 กระบวนการนี้ก็จะแย่ลงแย่ลงแย่ลงจน
00:06:28 → 00:06:30 กระทั่ง
00:06:30 → 00:06:33 ไม่สามารถที่จะทำงานได้เต็มที่นะครับ
00:06:33 → 00:06:37 อันเนี้ยคือปัญหาของโรคไน grv เหตุผลที่
00:06:38 → 00:06:40 มันเกิดขึ้นนะครับบอกเลยว่าไม่เกี่ยวข้อง
00:06:40 → 00:06:43 กับการกินอาหารไม่เกี่ยวข้องกับการใช้
00:06:43 → 00:06:46 ชีวิตและไม่เกี่ยวอะไรกับการฉีดวัคซีนไม่
00:06:46 → 00:06:48 ว่าจะเป็นวัคซีนโควิดหรือวัคซีนอะไรก็ตาม
00:06:48 → 00:06:51 ในโลกนี้มันเป็นของมันเองนะครับเป็นโรค
00:06:52 → 00:06:54 ภูมิต่อต้านตัวเองหรือ autoimmune
00:06:54 → 00:06:59 disease ชนิดหนึ่งนะครับที่สำคัญครับคน
00:06:59 → 00:07:02 ที่เป็นโรคไ gravis เนี่ยมักจะเป็นร่วม
00:07:02 → 00:07:06 กับโรคออโตอิมมูนชนิดอื่นด้วยเช่นโรค
00:07:06 → 00:07:08 ไทรรอยด์ครับไม่ว่าจะเป็นไทรรอยด์เป็นพิษ
00:07:08 → 00:07:11 ชนิด grave disease หรือไทรรอยด์ต่ำนะ
00:07:11 → 00:07:15 ครับชิม thyroiditis จะเป็นโรค sle นะ
00:07:15 → 00:07:18 ครับ systemic lupus erom หรือที่เรา
00:07:18 → 00:07:21 เรียกมันว่าโรคพุ่มพวงโรครูมาตอยอ่าก็
00:07:21 → 00:07:24 สามารถที่จะเจอร่วมกับ myn gravis ได้
00:07:24 → 00:07:27 ดังนั้นคนไหนที่วินิจฉัยโรคนี้ปุ๊บเนี่ย
00:07:27 → 00:07:30 จะต้องหาว่ามีโรคอื่นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
00:07:30 → 00:07:33 กับภูมิมกันร่วมด้วยหรือไม่นะครับโดยโรค
00:07:33 → 00:07:36 ที่ต้องหาแน่ๆก็คือเรื่องของไทรรอยด์ครับ
00:07:36 → 00:07:40 โรคอื่นถ้าไม่มีอาการยังไม่ต้องหาครับที
00:07:40 → 00:07:43 นี้พอเรารู้แล้วว่าอาการมันเป็นแบบไหนมัน
00:07:43 → 00:07:46 รุนแรงได้ยังไงแล้วมันถึงตายได้นะครับต่อ
00:07:46 → 00:07:49 ไปนี้ก็ต้องมารู้ว่าแล้วมันวินิจฉัยยังไง
00:07:49 → 00:07:53 นะฮะวินิจฉัยยังไงเวลาเราไปหาหมอเราเนี่ย
00:07:53 → 00:07:56 นะครับหมอก็จะซักประวัติว่าเอ๊ะถ้าเกิด
00:07:56 → 00:07:58 กล้ามเนื้อของเรามันอ่อนแรงลงเรื่อยๆหลัง
00:07:58 → 00:08:01 จากที่มันถูกใช้งานนะครับเค้าก็จะสงสัย
00:08:01 → 00:08:05 แล้วครับแล้วมันก็จะมีเทสหรือการทดสอบบาง
00:08:05 → 00:08:08 อย่างซึ่งจริงๆผมว่าทำเองที่บ้านก็ได้นะ
00:08:08 → 00:08:11 ครับถ้าคนไหนที่มีหนังตาตกนะครับหลังจาก
00:08:11 → 00:08:14 ที่เราใช้เวลาระหว่างวันไปเรื่อยๆแล้วตอน
00:08:14 → 00:08:16 เช้าหนังตาแล้วก็เป็นเงี้ยเราก็หลับตาลืม
00:08:16 → 00:08:19 ตาได้ปกติแต่พอตอนตกบ่ายมันเป็นอย่าง
00:08:19 → 00:08:21 เงี้ยมันมันลืมยากเหลือเกินมันอย่างเงี้ย
00:08:21 → 00:08:24 แล้วเราก็ไม่ได้ง่วงนอนนะครับเนี่ยเราเทส
00:08:24 → 00:08:27 ได้อย่างนึงคือมันจะมีการทดสอบที่เรียก
00:08:27 → 00:08:31 ว่า Ice pack Test คือเอาน้ำแข็งนะครับ
00:08:31 → 00:08:34 จะใส่ถุงหรือจะเอาแพ็คโคแพคเย็นๆก็ได้นะ
00:08:34 → 00:08:37 ฮะมาแปะไว้บนตาเราเราหลับตาแล้ววางไว้บน
00:08:37 → 00:08:41 นี้ประมาณ 2 นาทีนะครับหลังจากที่เราแปะ
00:08:41 → 00:08:43 ไว้ 2 นาทีปุ๊บเราเอามันออกมาเนี่ยจาก
00:08:43 → 00:08:46 หนังตาตกเมันจะหนังตากลับมาเกือบปกติเลย
00:08:46 → 00:08:50 ครับอันเนี้ยเป็นเทสที่เราใช้กันด้วยนะ
00:08:50 → 00:08:54 ครับมันก็ใช้ในการทดสอบคร่าวๆได้นะฮะตรง
00:08:54 → 00:08:56 นี้เป็นสิ่งซึ่งทางแพทย์ก็จะมีการตรวจสอบ
00:08:57 → 00:08:59 แบบนี้เหมือนกันนะครับอย่าอย่างที่ 2
00:08:59 → 00:09:02 อย่างที่บอกว่ากล้ามเนื้อมีการอ่อนแรงแต่
00:09:02 → 00:09:04 ตรงนี้ต้องแยกให้ชัดเจนนะครับไม่ใช่กล้าม
00:09:04 → 00:09:07 เนื้อล้าไม่ใช่เหนื่อยล้าไม่ใช่เมื่อยไม่
00:09:07 → 00:09:10 ใช่เพลียนะครับบางคนบอกว่าอุ้ยฉันทุกวัน
00:09:10 → 00:09:12 เนี่ยตอนเช้าก็ไม่เป็นไรตอนกลางวันน่ะมัน
00:09:12 → 00:09:15 เมื่อยล้าเหลือเกินมันปวดเมื่อยกล้าม
00:09:15 → 00:09:17 เนื้อไปหมดนะครับมันไม่มีแรงเลยอันเนี้ย
00:09:17 → 00:09:23 ไม่ใช่ครับไม่ไม่ใช่ครับคนที่เป็นโรคใหม่
00:09:23 → 00:09:27 แิเวสเนี่ยคือมันไม่มีกำลังของกล้ามเนื้อ
00:09:27 → 00:09:31 นะครับมันจะไม่ได้ปปวดเมื่อยอ่อนเพลียไม่
00:09:31 → 00:09:34 มีแรงนะครับคือคนเราเนี่ยตอนบ่ายๆจะรู้
00:09:34 → 00:09:36 สึกโอ้เราทำงานมาทั้งวันเราเบื่อเราขี้
00:09:37 → 00:09:39 เกียจเราง่วงนอนมันเพลียจังเลยนะครับแต่
00:09:39 → 00:09:42 พวกเนี้ยถ้าไปทดสอบแรงของเขานะเาจะมีแรง
00:09:42 → 00:09:45 ดีเลยเราให้เขาคต้านแล้วเยกอย่างเงี้ย
00:09:45 → 00:09:47 ต้านกับมือเราได้นะครับแต่ถ้าเกิดคนที่
00:09:47 → 00:09:50 เป็นแ grv เนี่ยให้เขาคต้านแรงเรายกไม่
00:09:50 → 00:09:53 ขึ้นเผลอๆเราจะไม่สามารถที่จะทำให้แขนเรา
00:09:53 → 00:09:56 งอขึ้นมาอย่างนี้ได้ด้วยนะครับนั่นคือ mas
00:09:56 → 00:09:59 gravis แล้วอาการแตกต่างกันแบบนี้ถ้าหมอ
00:09:59 → 00:10:03 เสงสัยสิ่งแรกเลยนะครับที่เขาจะทำคือการ
00:10:03 → 00:10:06 เจาะเลือดครับเเจาะอะไรเาจะเจาะหา
00:10:06 → 00:10:10 แอนติบอดี้ต่ออิิคลีน receptor นะครับ
00:10:10 → 00:10:13 อย่างที่บอกเมื่อกี้เส้นประสาทนะครับส่ง
00:10:13 → 00:10:16 อะซิติลโคลีนวิ่งๆๆไปที่กล้ามเนื้อกล้าม
00:10:16 → 00:10:19 เนื้อก็จะมีตัวรับเรียกว่าอคิน receptor
00:10:19 → 00:10:24 แต่ถ้ารตอหรือตัวรับมันโดนทำลายก็เกิด
00:10:24 → 00:10:27 เรื่องดังนั้นเขาจะตรวจหาแอนติบอดี้ที่ไป
00:10:27 → 00:10:31 ทำลายตัวรับก่อนซึ่งจะพบในคนที่เป็น My
00:10:31 → 00:10:35 gravis ประมาณซัก 7 80% นะครับถ้าตรวจ
00:10:35 → 00:10:38 แล้วมันเป็นบวกปุ๊บเนี่ยเาก็จะไปทำขั้น
00:10:38 → 00:10:39 ตอนต่อไปซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่ามัน
00:10:39 → 00:10:42 คืออะไรนะครับแต่ถ้าเกิดตรวจแล้วมันไม่
00:10:42 → 00:10:46 เจอล่ะถ้าตรวจแล้วมันไม่เจอเนี่ยจะต้องหา
00:10:46 → 00:10:48 แอนติบอดี้ชนิดอื่นครับมันไม่ได้มี
00:10:48 → 00:10:51 แอนติบอดี้ชนิดเดียวครับมันมีแอนติบอดี้
00:10:51 → 00:10:54 หลากหลายชนิดแต่ที่เรามีตรวจกันในห้อง
00:10:54 → 00:10:57 ปฏิบัติการเนี่ยมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน
00:10:57 → 00:11:01 แล้วอาการที่แสดงเนี่ยไม่เหมือนกันเลยการ
00:11:01 → 00:11:03 รักษาก็ดันไม่เหมือนกันอีกการตอบสนองต่อ
00:11:03 → 00:11:06 การรักษาก็ไม่เหมือนกันครับดังนั้นถ้าคน
00:11:06 → 00:11:10 ไหนที่ไม่มีแอนติบอดี้ต่อตัวรับซิคีนและล
00:11:10 → 00:11:12 ก็เราจะหาตัวรับอีกตัวนึงซึ่งมันมี
00:11:12 → 00:11:16 แอนติบอดี้ไปโดนมันก็คือแี้ M usk หรือ
00:11:16 → 00:11:19 musk นะครับ Muscle specific tyrosine
00:11:19 → 00:11:22 kinase antibody แล้วก็อีกตัวนึงซึ่งพบ
00:11:22 → 00:11:27 ได้แต่น้อยกว่าก็คือตัว lrp 4 หรือที่
00:11:27 → 00:11:31 ย่อมาจากเอ่อตัว ldl low density Lip
00:11:31 → 00:11:36 Protein related Protein 4 นะครับ lrp
00:11:36 → 00:11:41 4 นะมีแิอต่อตัวนี้นะครับตัว mus กับ lrp
00:11:41 → 00:11:44 4 เนี่ยถ้ามีแิอไปต่อไปทำอันตรายมาน่ะ
00:11:44 → 00:11:48 สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับคือร่างกายของเรา
00:11:48 → 00:11:50 ตรงบริเวณกล้ามเนื้อเนี่ยจะมีปริมาณของ
00:11:50 → 00:11:54 อิิคีน receptor หรือตัวรับน้อยกว่าปกติ
00:11:54 → 00:11:57 ครับถ้าเกิดใครอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมมัน
00:11:57 → 00:12:00 น้อยมันน้อยได้ยังไงเนี่ยเดี๋ยวไว้ฟังผม
00:12:00 → 00:12:02 ตอนท้ายนะฮะเพราะว่าเดี๋ยวจะลงลึกไปจนถึง
00:12:02 → 00:12:05 ระดับโมเลกุลให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่
00:12:05 → 00:12:08 อันนี้สำหรับคนทั่วไปฟังแล้วกันครับเราก็
00:12:08 → 00:12:11 จะตรวจ 3 ตัวนี้นะโดยเราจะตรวจตัวที่เจอ
00:12:11 → 00:12:13 เยอะสุดก่อนถ้าตัวที่เจอเยอะสุดก็คือิิ
00:12:13 → 00:12:16 chine receptor แิอไม่เจอปุ๊บเราก็จะ
00:12:16 → 00:12:19 ตรวจ 2 ตัวก็คือ Anti MK กับ Anti lrp
00:12:19 → 00:12:24 4 ถ้าตรวจไอ้ 3 ตัวนี้แล้วเนี่ยไม่เจอ
00:12:24 → 00:12:27 อะไรเลยแต่อาการมันเหมือนน่ะมันก็ยัง
00:12:27 → 00:12:31 สามารถตรวจสอบต่อได้ครับคือเป็นการตรวจ
00:12:31 → 00:12:34 ที่ดูการทำงานของเส้นประสาทของเรานะครับ
00:12:34 → 00:12:37 nerve conduction study นะครับ with
00:12:37 → 00:12:41 repetitive stimulation คือเค้าก็จะดู
00:12:41 → 00:12:44 ซิว่าการนำของเส้นประสาทของเราเนี่ยมันนำ
00:12:44 → 00:12:46 ไฟฟ้าได้เร็วแค่ไหนและถ้าไปกระตุ้นมัน
00:12:46 → 00:12:49 บ่อยๆเนี่ยคนที่เป็นโรค My gravis เนี่ย
00:12:49 → 00:12:52 มันจะตอบสนองช้าลงเรื่อยๆนะครับอ่าก็จะ
00:12:52 → 00:12:56 ตรวจอันนี้ตรวจ emg นะครับหรืออิเลกมากม
00:12:56 → 00:12:59 นะครับก็คือเป็นการตรวจดูเรื่องของการทำ
00:12:59 → 00:13:01 งานของกล้ามเนื้อเวลาที่เราให้กระแสไฟฟ้า
00:13:01 → 00:13:04 ไปกระตุ้นนะครับถ้าไวที่สุดและดีที่สุด
00:13:04 → 00:13:06 เนี่ยมันทำยากมากแต่ว่าก็มีการทำเราเรียก
00:13:06 → 00:13:10 ว่า Single Fiber emg เป็นการตรวจกล้าม
00:13:10 → 00:13:13 เนื้อแบบใยไฟเบอร์เดียวเลยนะครับตรวจอัน
00:13:13 → 00:13:16 นี้ปุ๊บเนี่ยถ้ามันจะใช่นะครับมันก็ใช่
00:13:16 → 00:13:19 เลยอันนี้ชัวร์สุดถ้าตรวจมาใช่ก็คือ My
00:13:20 → 00:13:22 gris แต่ถ้าตรวจมาผลเป็นลบคุณต้องไปหา
00:13:22 → 00:13:24 โรคอื่นแล้วครับที่ทำให้มีอาการแบบนั้น
00:13:24 → 00:13:29 ขึ้นมาอ่าดังนั้นการยืนยันว่าเป็นโรคไ grv
00:13:29 → 00:13:31 ทำด้วยดการเจาะเลือดถ้าเจาะเลือดเจอ
00:13:31 → 00:13:34 แอนติบอดี้จบเลยครับใช่แน่ๆแต่ถ้าเจาะ
00:13:34 → 00:13:37 เลือดแล้วไม่เจอแอนติบอดี้ทั้ง 3 ตัวก็
00:13:37 → 00:13:39 ต้องไปทำวิธีเมื่อตะกี้นี้ทำไมเราไม่ทำ
00:13:39 → 00:13:42 วิธีเมื่อกี้นี้ก่อนเพราะว่ามันเอาเข็ม
00:13:42 → 00:13:45 จิ้มเข้ามาในตัวครับเจ็บนะฮะแล้วก็ไม่ได้
00:13:45 → 00:13:47 มีใครเคทำกันได้ตลอดเวลานะครับแต่เจาะ
00:13:47 → 00:13:49 เลื่อนนี่มันเจาะตรงไหนก็ได้ก็ส่งไปห้อง
00:13:49 → 00:13:51 แลบมันก็ง่ายดีดังนั้นเจึงเริ่มอย่างนั้น
00:13:51 → 00:13:55 ก่อนหลังจากวินิจฉัยแล้วยังไงต่ออ่าตรง
00:13:55 → 00:13:56 เนี้ยตรงนี้สำคัญ
00:13:56 → 00:14:02 และในคนที่มีแอนติบอดี้ต่ออิิคน
00:14:02 → 00:14:05 receptor และคนที่ไม่มีแอนติบอดี้ต่อ
00:14:05 → 00:14:09 อะไรเลยสักสักอย่างนะครับ 2 กลุ่มนี้จะ
00:14:09 → 00:14:14 ต้องทำ CT ของสรวงอกตรงนี้เสมอ CT ทั้ง
00:14:14 → 00:14:17 ทั้งนี้เสมอเพราะว่ามันอาจจะเจอปัญหา
00:14:18 → 00:14:22 เนื้องอกของต่อมไทมัสได้ครับต่อมไทมัสเรา
00:14:22 → 00:14:25 เนี่ยมันอยู่ตรงบริเวณเนี้ยนะฮะอยู่ตรง
00:14:25 → 00:14:28 หน้าอกด้านบนนะครับเป็นต่อมที่เกี่ยวข้อง
00:14:28 → 00:14:31 กับการเจริญเติบโตของภูมิคุ้มกันชนิด T
00:14:31 → 00:14:34 ลิมโฟไซต์นะครับเพบว่าในคนที่มีปัญหาตรง
00:14:34 → 00:14:38 นี้เนี่ยมันต้องรีบเอาต่อมออกนะครับต้อง
00:14:38 → 00:14:42 ไปผ่ามันทิ้งนะฮะโดยเฉพาะถ้าเจอเนื้องอก
00:14:42 → 00:14:44 นะครับในคนที่เป็น myn gravis เนี่ยเรา
00:14:44 → 00:14:47 จะเจอเนื้องอกต่อมไทสได้ถ้ามีเนื้องอก
00:14:47 → 00:14:50 ต้องผ่าออกแน่ๆแต่ถ้าไม่มีเนื้องอกอาจจะ
00:14:50 → 00:14:54 ต้องผ่าออกถ้าหลังจากรักษาแล้วอาการมัน
00:14:54 → 00:14:56 ไม่ดีขึ้นหรือคุมได้ยากเดี๋ยวผมจะพูดให้
00:14:56 → 00:14:59 ฟังต่อไปว่าคนไหนที่จะต้องผ่าตัดมันมัน
00:14:59 → 00:15:05 ออกบ้างนะครับแต่แต่ถ้าคุณมีแอนติบอดี้
00:15:05 → 00:15:08 ต่อ M US Muscle specific tyrosine
00:15:08 → 00:15:13 kes ไม่ต้องทำ CT Scan ครับถามว่าทำไม
00:15:13 → 00:15:16 เพราะมันมีการศึกษาว่าคนที่เป็น an M
00:15:16 → 00:15:19 usk เนี่ยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการมี
00:15:19 → 00:15:23 เนื้องอกต่อมไสนะครับและการไปตัดต่อม Time
00:15:23 → 00:15:26 ออกในคนที่มี anty M usk ไม่ได้ทำให้
00:15:26 → 00:15:29 อะไรดีขึ้นเลยไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยสัก
00:15:29 → 00:15:31 นิดเดียวดังนั้นคนที่เป็น Anti M usk
00:15:31 → 00:15:35 ก็ไม่จำเป็นต้องทำครับ Anti L rp4 ก็
00:15:35 → 00:15:37 ไม่ต้องทำเช่นกันนะครับมันไม่ได้มีความ
00:15:37 → 00:15:40 เกี่ยวข้องอะไรกันนะฮะดังนั้นตรงนี้เป็น
00:15:40 → 00:15:44 สิ่งหนึ่งซึ่งเราต้องรู้และไม่ใช่เพียง
00:15:44 → 00:15:46 แค่นั้นครับอย่างที่บอกถ้าเราตรวจเจอ
00:15:46 → 00:15:49 mavis แล้ววินิจฉัยแล้วจะต้องมีการตรวจ
00:15:49 → 00:15:53 หาโรคไทรรอยด์ด้วยนะครับไม่ว่าจะเป็นง
00:15:53 → 00:15:55 ไทรรอยด์ทำงานมากไปไทรรอยด์ทำงานน้อยไป
00:15:55 → 00:15:59 จากการอักเสบนะครับ grave disease ชิไไไ
00:15:59 → 00:16:02 ซึ่งผมพูดทั้ง 2 โรคไปแล้วถ้าใครจำไม่ได้
00:16:02 → 00:16:04 ให้ไปค้นในเรื่องของโรคไทรรอยด์ที่ผมทำไป
00:16:04 → 00:16:09 นะครับแล้วก็โรค sle โรครูมาตอยหรืออื่นๆ
00:16:09 → 00:16:11 ถ้ามีอาการถ้าไม่มีอาการหมอเจะไม่ตรวจนะ
00:16:11 → 00:16:15 ฮะงั้นตรงนี้จบพาร์ทที่เกี่ยวข้องกับการ
00:16:15 → 00:16:21 วินิจฉัยแล้วต่อไปดูแลตัวเองยังไงเออตรง
00:16:21 → 00:16:25 นี้สำคัญผมจะขอเริ่มต้นด้วยการใช้ยาการดู
00:16:25 → 00:16:28 แลตัวเองแบบการออกกำลังกายและการผ่าตัด้า
00:16:28 → 00:16:32 ทำ 3 อย่างนี้นะครับเริ่มแรกก่อนขอเริ่ม
00:16:32 → 00:16:35 ด้วยการดูแลตัวเองโดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับ
00:16:35 → 00:16:37 ยาก่อนนะครับแต่โรคนี้ต้องบอกว่าต้องใช้
00:16:37 → 00:16:40 ยาไม่มีการไม่ใช้ยาไม่ว่าคุณดูแลตัวเองดี
00:16:40 → 00:16:43 ขนาดไหนถ้าไม่ใช้ยามันไม่ได้ครับแต่สิ่ง
00:16:43 → 00:16:45 ที่ต้องทำนะครับประการ
00:16:45 → 00:16:50 แรกพักผ่อนให้พอเพราะว่าโรคพวกเนี้ยถ้า
00:16:50 → 00:16:53 คุณพักผ่อนน้อยอาการจะรุนแรงมากขึ้นข้อ
00:16:53 → 00:16:57 ที่ 2 นะครับอย่าให้ตัวเองร้อนจนเกินไป
00:16:57 → 00:17:01 ถ้าคุณไปออกแดดร้อนๆคุณต้องมีน้ำเย็นๆเอา
00:17:01 → 00:17:04 ไว้กินเพราะถ้ายิ่งร้อนยิ่งเป็นการใช้ผ้า
00:17:04 → 00:17:07 เย็นเจี๊ยบๆเนี่ยแปะไว้ที่หน้าเนี่ยจะทำ
00:17:07 → 00:17:10 ให้อะไรหลายๆอย่างดีขึ้นนะครับดังนั้นรู้
00:17:10 → 00:17:14 เทคนิคอันนี้ไว้อันที่ 3 การออกกำลังกาย
00:17:14 → 00:17:17 เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆเมื่อตะกี้เคงจะ
00:17:17 → 00:17:20 สงสัยเฮ้ยเรายิ่งใช้แรงเรายิ่งอ่อนแรงไม่
00:17:20 → 00:17:23 เฉลิในโรคนี้แล้วทำไมผมถึงให้ออกกำลังกาย
00:17:23 → 00:17:25 การออกกำลังกายเนี่ยมันจะเป็นการทำให้
00:17:25 → 00:17:27 กล้ามเนื้อของเราตอบสนองต่ออสิรินพวก
00:17:28 → 00:17:30 เนี้ยดีมากขึ้นขึ้นมีขนาดใหญ่มากขึ้น
00:17:30 → 00:17:32 โอกาสที่กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงเนี่ยจะยาก
00:17:32 → 00:17:34 มากขึ้นครับดังนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้อง
00:17:34 → 00:17:39 ทำครับจำเป็นต้องทำอย่างไรก็ตามถ้าคุณยัง
00:17:39 → 00:17:43 มีอาการของโรคไ grv รุนแรงหรือเยอะอยู่
00:17:43 → 00:17:47 อย่าเพิ่งออกกำลังกายให้รักษาจนดีก่อน
00:17:47 → 00:17:49 แล้วเดี๋ยวหมอเขจะบอกเองว่าโอเคคุณปลอด
00:17:49 → 00:17:52 ภัยแล้วคุณไปออกกำลังกายได้นะครับอันนี้
00:17:52 → 00:17:55 เป็น 3 อย่างที่ต้องทำแน่ๆอย่างที่ 4 อัน
00:17:55 → 00:18:00 นี้สำคัญสุดยอดมากมันจะมีมีบางอย่างที่ทำ
00:18:00 → 00:18:04 ให้คุณอาการแย่ลงด้วยนอกเหนือจากความร้อน
00:18:04 → 00:18:07 บางคนนะครับตั้งครรภ์ทำให้คุณแย่ลงได้
00:18:07 → 00:18:10 ความเครียดทำให้คุณแย่ลงได้คุณพักผ่อน
00:18:10 → 00:18:14 น้อยคุณก็แย่ลงได้และยาบางตัวครับคุณต้อง
00:18:14 → 00:18:17 รู้ตรงนี้จริงๆเลยคนที่เป็นโรคไ grv จะ
00:18:17 → 00:18:21 ต้องมีลิสของยาไว้กับตัวเองว่าห้ามกินยา
00:18:21 → 00:18:25 พวกนี้ถ้าจะกินต้องไปหาหมอเพราะว่าบางที
00:18:25 → 00:18:28 มันอาจจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลยาตัวไหน
00:18:28 → 00:18:31 บ้างกลุ่มแรกนะครับยาคลายกล้ามเนื้อทุก
00:18:31 → 00:18:35 ชนิดเลยครับทุกชนิดจริงๆบางคนไปหาหมออุ้ย
00:18:35 → 00:18:38 เราปวดเมื่อยตรงนี้ขอยาคายกล้ามเนื้อได้
00:18:38 → 00:18:42 ไมยในโรค My gravis ไม่ได้ครับไม่ได้ยา
00:18:42 → 00:18:46 นอนหลับกลุ่มเซไนนะครับเช่น laur cpam
00:18:46 → 00:18:51 นะ่า cpam พวกเนี้ยระวังให้ดีเพราะว่ามัน
00:18:51 → 00:18:53 ไม่ได้มีฤทธิ์แค่ทำให้คุณนอนหลับแต่มัน
00:18:53 → 00:18:55 เป็นฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อด้วยกล้ามเนื้อ
00:18:56 → 00:18:58 คุณมีปัญหาอยู่แล้วไปคลายมันก็ยิ่งแยกออก
00:18:58 → 00:19:01 ไปกว่าเดิมนะครับอ่าดังนั้นไม่ว่าคุณจะไป
00:19:01 → 00:19:04 หาที่ไหนเป็นยาคลายกล้ามเนื้ออย่ากินนะ
00:19:04 → 00:19:08 ครับอย่ากินเด็ดขาดอันที่ 2 ยาในกลุ่ม
00:19:08 → 00:19:10 เต้า blocker นะครับยาในกลุ่มนี้เช่น
00:19:10 → 00:19:14 antinol metropol Bal carved นะครับ
00:19:14 → 00:19:16 มีอีกเยอะๆเลยนะครับที่มันเป็นเบต้า
00:19:16 → 00:19:19 blocker ซึ่งยาในกลุ่มนี้เนี่ยก็จะมีใช้
00:19:19 → 00:19:22 ในคนที่มีโรคความดันโลหิตสูงคนที่มีโรค
00:19:22 → 00:19:25 หัวใจขาดเลื่อนคนที่มีโรคแพนิคก็อาจจะมี
00:19:25 → 00:19:29 การใช้ยาในกลุ่มนี้ด้วยนะครับอันเนี้ยถ้า
00:19:29 → 00:19:31 จะใช้ก็ต้องมีการปรึกษาคุณหมอที่รักษาโรค
00:19:32 → 00:19:35 ไ grv ของคุณแล้วก็คุณหมอที่เขาจะจ่ายยา
00:19:35 → 00:19:37 ตัวนั้นจะต้องมีการคุยกันมันใช้ได้เหมือน
00:19:38 → 00:19:40 กันนะครับแต่ว่าต้องระวังตัวให้ดีๆเพราะ
00:19:40 → 00:19:45 มันจะทำให้โรคของคุณกำเริบได้นะครับไม่
00:19:45 → 00:19:48 เพียงแค่ยา 2 ตัวนี้ยาในกลุ่มที่ 3 ยาฆ่า
00:19:48 → 00:19:54 เชื้อใน 3 กลุ่มนี้กลุ่มแรกคือกลุ่มที่
00:19:54 → 00:19:56 เราเรียกว่า flu quinone กลุ่มเนี้มีการ
00:19:56 → 00:19:59 จ่ายค่อนข้างบ่อยในเดี๋ยวเนี้ยเช่นอ่า
00:19:59 → 00:20:03 เวฟอกซินนะครับเอาไว้รักษาโรคไซนัสอักเสบ
00:20:03 → 00:20:07 หรือคออักเสบหรือหลอดลมอักเสบนะครับอ่า
00:20:07 → 00:20:10 ฟอกซินหรือที่ประเทศไทยก็ยี่ห้อ cavid
00:20:10 → 00:20:14 นั่นแหละครับนะฮะเต้องระวังตัวดีๆนะฮะยา
00:20:14 → 00:20:18 ฟอกซินนี่ nor floxin เอาไว้เรื่องท้อง
00:20:18 → 00:20:21 เสียใช่มั้ยฮะอ่าเราต้องระวังยาพวกนี้มาก
00:20:21 → 00:20:24 ๆนะครับอะไรที่ลงต้าด้วยฟอกซาซินมันคือยา
00:20:24 → 00:20:26 ในกลุ่ม
00:20:26 → 00:20:30 โคนนห้ามกินไม่ควรกินอย่างยิ่งนะครับถ้า
00:20:30 → 00:20:32 จะกินคุณอาจจะต้องไปนอนโรงพยาบาลแล้วให้
00:20:32 → 00:20:35 ในโรงพยาบาลถ้ามันไม่มียาตัวอื่นใช้ได้ผล
00:20:35 → 00:20:38 แล้วจริงๆยาฆ่าเชื้อในกลุ่มที่ 2 คือยา
00:20:38 → 00:20:42 กลุ่มที่เรียกว่าแมคโครเช่นอีริมิน
00:20:42 → 00:20:48 ซิมินะครับพวกนี้ก็ต้องระวังนะครับผมไม่
00:20:49 → 00:20:51 ได้พูดชื่อยาให้มันครบทุกตัวนะแต่คุณต้อง
00:20:51 → 00:20:53 ระวังไอ้ยากลุ่มพวกนี้อย่างเช่นโคโรนจะมี
00:20:53 → 00:20:55 อีกกลุ่มมีกตัวนึงชื่อว่า moxy floxin
00:20:55 → 00:20:58 คนไทยก็มีการใช้นะครับยาในกลุ่มพวกนี้
00:20:58 → 00:21:00 เนี่ยต้องระวังเพราะว่ามันทำให้โรคกำเริบ
00:21:00 → 00:21:03 ได้ยาในกลุ่มที่ 3 อันเนี้ยจะไม่มีการใช้
00:21:03 → 00:21:06 แบบเอากลับบ้านไปมันไม่ได้เป็นยากินมัน
00:21:06 → 00:21:08 เป็นยาฉีดจะเป็นยาในกลุ่มที่เราเรียกว่า
00:21:08 → 00:21:13 อิโนไกลโคไซด์ครับเช่นยาอิคินะฮะยา
00:21:13 → 00:21:15 เจนตาไมซินพวกนี้จะมีในโรงพยาบาลดังนั้น
00:21:15 → 00:21:17 ยา 3 กลุ่มนี้คุณต้องระวังตัวเป็นอย่าง
00:21:17 → 00:21:19 ยิ่งนะ
00:21:19 → 00:21:24 ครับอันต่อมาคือเวลาที่คุณไปผ่าตัดอะไรก็
00:21:24 → 00:21:28 แล้วแต่ต้องไปโรงพยาบาลที่มีคุณหมอที่เขา
00:21:28 → 00:21:32 ดูแลทางด้าน My gravis เท่านั้นเหตุผล
00:21:32 → 00:21:35 เพราะว่าในขณะที่คุณผ่าตัดเนี่ยยาทั้ง
00:21:35 → 00:21:37 หลายทั้งแหล่ที่เขาใช้เนี่ยจะทำให้คุณมี
00:21:37 → 00:21:40 อาการกำเริบได้ครับแล้วก่อนจะประหาตัด
00:21:40 → 00:21:42 ต้องมีการประเมินจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ
00:21:42 → 00:21:46 ให้แน่ใจก่อนว่าโรคของคุณกำลังสงบอยู่ไม่
00:21:46 → 00:21:48 ได้มีการปะทุแต่อย่างใดเพราะถ้ามันปะทุ
00:21:49 → 00:21:51 อยู่ในขณะนั้นแล้วคุณผ่าตัดนะครับคุณแย่
00:21:51 → 00:21:54 แน่ๆมักจะออกมาแล้วต้องอยู่ ICU ทุกรายนะ
00:21:54 → 00:21:57 ครับในขั้นตอนการผ่าตัดเนี่ยเค้าก็จะมี
00:21:57 → 00:22:00 การให้ยาคลายการเนื้ออ้าวก็แย่ได้ถูกมั้ย
00:22:00 → 00:22:03 ฮะดังนั้นคุณต้องมีวิธีในการแก้ไขนะครับ
00:22:04 → 00:22:06 เรื่องการผ่าสันี่ต้องรู้ดีๆเลยนะครับ
00:22:06 → 00:22:09 เพราะว่ามันจะมีวิธีพิเศษนะฮะหลายๆ
00:22:09 → 00:22:13 อย่างรวมทั้งการผ่าตัดที่ผมจะพูดต่อไปใน
00:22:13 → 00:22:15 ช่วงหลังด้วยก็คือการเอาต่อมไทมัสออกตรง
00:22:15 → 00:22:17 นี้ก็ต้องรู้ว่าต้องระวังตัวยังไงบ้างนะ
00:22:17 → 00:22:20 ครับยาอื่นๆก็มีอ่ะยามาลาเรียนะฮะ
00:22:20 → 00:22:24 คลอโรควินพวกเนี้ยนะฮะกลุ่มยาควินเนี่ยก็
00:22:24 → 00:22:28 ต้องระวังนะฮะแมกนีเซียมอ่านี้อีกตัวนึง
00:22:28 → 00:22:31 แมกนีเซียมแบบที่เรากินเนี่ยมักจะไม่ค่อย
00:22:31 → 00:22:34 มีปัญหายกเว้นถ้าเกิดคุณยังคุมอาการไม่
00:22:34 → 00:22:37 ได้คุณอย่าไปหาแมกนีเซียมมากินบางคนบอก
00:22:37 → 00:22:39 เฮ้ยกินแมกนีเซียมะกล้ามเนื้อมันแข็งแรง
00:22:39 → 00:22:42 คุณอย่ากินเด็ดขาดรอให้อาการของคุณคงที่
00:22:42 → 00:22:45 ก่อนแล้วคุณจะกินก็แล้วแต่นะครับอย่างไร
00:22:45 → 00:22:47 ก็ตามถ้าเกิดคุณไปโรงพยาบาลแล้วเขาจะฉีด
00:22:48 → 00:22:51 แมกนีเซียมเข้าเส้นเลือดของคุณน่ะไม่ได้
00:22:51 → 00:22:54 ครับอันตรายมากในคนที่เป็น myin GIS
00:22:54 → 00:22:56 เพราะมันจะทำให้กล้ามเนืของคุณอ่อนแรง
00:22:56 → 00:22:59 แล้วอาการกำเริบทันที
00:22:59 → 00:23:02 นี่คือกลุ่มยาคร่าวๆที่คุณจะต้องรู้นะฮะ
00:23:02 → 00:23:06 ยาคลายกล้ามเนื้อนะฮะยาฆ่าเชื้อ 3 กลุ่ม
00:23:06 → 00:23:10 เมื่อตะกี้นี้นะยามาลาเรียนะฮะยาเบต้า
00:23:10 → 00:23:12 blocker ซึ่งเป็นยาความดันยาหัวใจยา
00:23:13 → 00:23:15 แพนิคนะฮะ
00:23:15 → 00:23:19 แมกนีเซียมแล้วก็มีอื่นๆอีกนะซึ่งผมคงจะ
00:23:19 → 00:23:21 ครอบคลุมทั้งหมดไม่ได้แต่มันหาได้ใน
00:23:21 → 00:23:23 อินเทอร์เน็ตคุณจะต้องปริ้นเอามาแล้วเก็บ
00:23:23 → 00:23:25 ไว้กับตัวเวลาไปหาหมอที่ไหนก็บอกว่าเนี่ย
00:23:25 → 00:23:27 ห้ามใช้ยาท่วงเนี้ยถ้าใช้ยาก็ต้องไปใช้ใน
00:23:27 → 00:23:30 โรงพยาบาลนะครับครับยาออื่นที่อาจจะมี
00:23:30 → 00:23:34 ปัญหาได้ข้อแรกคือสเตียรอยด์มันใช้ได้
00:23:34 → 00:23:36 เหมือนกันมันใช้ในการรักษาไ gravis ด้วย
00:23:36 → 00:23:39 แต่ว่าต้องมีข้อควรระวังนะครับตัวที่ 2
00:23:39 → 00:23:42 คือยากลุ่มสตินที่เอาไว้ใช้รสไขมันใช้ได้
00:23:42 → 00:23:44 เหมือนกันแต่ต้องระวังถ้ามันจำเป็นต้อง
00:23:44 → 00:23:47 ใช้จะต้องตรวจดูอาการของคุณแล้วต้องเริ่ม
00:23:47 → 00:23:50 ขนาดต่ำๆก่อนนะครับอ่านี้เรื่องยาเรื่อง
00:23:50 → 00:23:53 ที่คุณต้องทำเวลาหมอเรักษาเรักษายังไง
00:23:53 → 00:23:56 บ้างข้อแรกนะครับเขาจะให้ยาในกลุ่มนึง
00:23:56 → 00:23:59 เรียกว่า pid stic me ตัวนี้เนี่ยมันจะ
00:23:59 → 00:24:02 ทำให้ร่างกายของคุณเนี่ยไม่สลายอะซิติล
00:24:02 → 00:24:05 ลอรีนนะครับปกติอ่ะเส้นประสาทกล้ามเนื้อ
00:24:05 → 00:24:08 เส้นประสาทส่งอะซิติลโคลีนมาซตของคุณหรือ
00:24:08 → 00:24:11 ตัวลับมันมีน้อยหรือมันเสียนะครับมันก็มี
00:24:11 → 00:24:13 วิธีถ้าเกิดคุณเพิ่มปริมาณอะซิติลโคลีน
00:24:13 → 00:24:15 ให้มันมีเยอะเยอะแยะมหาศาลมันก็จะมีโอกาส
00:24:15 → 00:24:19 จับได้ดีขึ้นนะครับการที่มันไปป้องกันการ
00:24:19 → 00:24:22 เสื่อมสล่ายของอิิโคลีนเนี่ยก็ใช้ยากลุ่ม
00:24:22 → 00:24:26 ไลดสิมนนะครับหรือยี่ห้อเิอนะฮะตัวนี้
00:24:26 → 00:24:29 เป็นตัวนึงแต่มันไม่ได้รักษาครับมันบันทา
00:24:29 → 00:24:31 อาการถ้ามันคุมอาการไม่อยู่และอาการ
00:24:31 → 00:24:34 รุนแรงก็จะต้องมีการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
00:24:34 → 00:24:39 นะครับเช่นเพนินเป็นต้นโดยการใช้เพิลนนะ
00:24:39 → 00:24:43 ครับจะต้องกินคู่กับยาต้านเชื้อตัวนึง
00:24:43 → 00:24:47 เรียกว่าแทมไม pim ฟาเซนมันเป็นยา 2 ตัว
00:24:47 → 00:24:49 อยู่ด้วยกันเพราะว่าถ้าเกิดคุณกิน
00:24:49 → 00:24:52 สเตียรอยด์ขนาดสูงเป็นเวลานานๆเหตุผลที่
00:24:52 → 00:24:54 ผมต้องกินต้องให้ยาฆ่าเชื้อตัวนี้เพราะ
00:24:54 → 00:24:57 ว่าคุณจะติดเชื้อราที่มันมีอยู่ทั่ว
00:24:57 → 00:25:02 ประเทศได้ดาตัวนี้มีชื่อว่า pisis ovy
00:25:02 → 00:25:05 นิวโมเนียต้องกินกินไปตลอดตราบใดก็ตามที่
00:25:05 → 00:25:08 คุณจะต้องกินสเตียรอยด์เอ่อเพิลนสูงกว่า
00:25:08 → 00:25:11 20 มิลกรัมต่อวันนะครับเวลาเขาให้
00:25:12 → 00:25:13 สเตียรอยด์เนี่ยเขาคจะไม่ให้ขนาดสูงก่อน
00:25:13 → 00:25:15 เพราะถ้าให้ขนาดสูงก่อนคุณจะมีกล้ามเนื้อ
00:25:15 → 00:25:18 อ่อนแรงลงได้หมอเขาจะให้ประมาณสัก 20
00:25:18 → 00:25:21 มิลกรัมต่อวันแล้วประมาณสักปล่อยไว้ 3-5
00:25:21 → 00:25:23 วันเนี่ยเาก็จะค่อยๆเพิ่มข้นไปทีละ 5 ที
00:25:23 → 00:25:26 ละ 5 ไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงประมาณ 60 มกร
00:25:26 → 00:25:29 ต่อวันแล้วหลังจากนั้นก็จะดูการตอบสนอง
00:25:29 → 00:25:31 ซึ่งการตอบสนองต่อสเตียรอยด์เนี่ย
00:25:31 → 00:25:34 อ่ามันจะเริ่มเห็นผลที่ประมาณ 2-3
00:25:34 → 00:25:37 อาทิตย์จะเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
00:25:37 → 00:25:40 คุณจะเห็นผลดีละถ้าคุณตอบสนองดีมากเลยนะ
00:25:40 → 00:25:43 อ่อนแรงหายตาเป็นปกติและเค้าก็จะค่อยๆลดๆ
00:25:43 → 00:25:46 ๆๆลงมาเรื่อยๆนะครับลดให้มันเหลือ 0 เลย
00:25:47 → 00:25:48 เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแต่ถ้ามันลดไม่ได้
00:25:48 → 00:25:52 เช่นแบบลดเสร็จปุ๊บมันยังมันมันตันที่ 20
00:25:52 → 00:25:55 แล้วเนี่ยหมอเขจะให้ยากดภูมิตัวอื่นนะ
00:25:55 → 00:25:58 ครับยากดภูมิเนี่ยก็มีทั้งแบบกินแล้วก็
00:25:58 → 00:26:02 แบบฉีดนะฮะขึ้นกับอาการของคุณนะวันนี้ผม
00:26:02 → 00:26:04 จะไม่ได้ลงรายละเอียดแล้วกันแต่จะพูดชื่อ
00:26:04 → 00:26:08 ให้คุณฟังเล่นๆนะครับเช่นเตนไฟสพวกนี้
00:26:08 → 00:26:11 เป็นต้นเป็นยากินนะครับแต่ถ้าเกิดคุณยา
00:26:11 → 00:26:13 กินแล้วเอาไม่อยู่ก็จะมียาฉีดตัวอื่นๆนะ
00:26:13 → 00:26:15 ครับยาฉีดตัวอื่นถ้าใครอยากรู้มันเป็นยา
00:26:15 → 00:26:18 ขึ้นอยู่กับว่าแิอของคุณเป็นแบบไหนถ้า
00:26:18 → 00:26:22 เป็นยากลุ่ม ative chine receptor แิอ
00:26:22 → 00:26:24 นะในการรักษากลุ่มพวกนี้จะต้องเป็นยาที่
00:26:24 → 00:26:28 ไปต่อต้านคมอ่าหรือยาที่ต่อต้านกลุ่ม T
00:26:28 → 00:26:33 เซลล์เช่น cyclosporin trus นะฮะจะให้
00:26:33 → 00:26:35 คู่ไปกับไมคร phenolate หรือ exin ก็ได้
00:26:35 → 00:26:38 นะครับยาพวกนี้ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยมีผล
00:26:38 → 00:26:41 ข้างเคียงทุกตัวนะแต่จะจำเป็นหรือไม่จะ
00:26:41 → 00:26:43 ต้องคุยกับคุณหมอที่รักษาวันนี้ผมคงไม่ลง
00:26:43 → 00:26:44 รายละเอียดว่าผลข้างเคียงมันคืออะไรบ้าง
00:26:44 → 00:26:49 เพราะมันคงจะไม่น่าจะทันนะครับอ่ายาตัว
00:26:49 → 00:26:51 อื่นที่ให้ได้นะครับก็เป็นยากลุ่มต้าน
00:26:51 → 00:26:53 comp เช่น exis Map อย่างนี้เป็นต้น
00:26:53 → 00:26:56 แล้วก็ยาที่เหลือคือมันจะแพงหมดเลยดัง
00:26:56 → 00:26:58 นั้นเราไม่ลงรายละเอียดแล้วะกันมันก็จะมี
00:26:58 → 00:27:01 ยาบางตัวไปทำลายไอ้ตัว igg ที่ไปเกิดโรค
00:27:02 → 00:27:04 ตรงนี้ได้นะครับอ่ะเราก็ผ่านตรงนั้นไป
00:27:04 → 00:27:09 ก่อนถ้าเป็นคนที่มีแิอต่อ Mask Muscle
00:27:09 → 00:27:13 specific kess พวกนี้นะครับยาที่ได้ผล
00:27:13 → 00:27:17 ดีที่สุดนะฮะคือยาฉีด reax smat ครับอ่า
00:27:17 → 00:27:21 ตัวเนี้ยมันมีจุดเด่นที่ว่าคุณฉีดวันนี้ 1
00:27:21 → 00:27:25 ครั้งแล้ว 2 อาทิตย์ไปฉีดอีกส่วนใหญ่แล้ว
00:27:25 → 00:27:28 นะครับใน 6 เดือนคุณจะตอบสนองดีมากแล้ว
00:27:28 → 00:27:32 มันมักจะหายนะถ้าเป็น Anti M usk นะ
00:27:32 → 00:27:36 ครับยาฉีด reta เยดีที่สุดอาการของคนที่
00:27:36 → 00:27:39 เป็น mus แิอเนี่ยจะไม่เหมือนกับ My asic
00:27:40 → 00:27:43 gravis แบบอื่นคือมันมักจะมาด้วยอาการ
00:27:43 → 00:27:46 แบบโอเคหนังตาตกอาจจะมีบ้างนะครับแต่มัน
00:27:46 → 00:27:48 จะมีพูดไม่ชัดพูดไปเรื่อยๆแล้วก็เริ่มคือ
00:27:48 → 00:27:51 อย่างเงี้ยไม่รู้เรื่องนะครับกลืนไม่ค่อย
00:27:51 → 00:27:54 ได้หรือหน้ามันแสดงออกสีหน้าไม่ค่อยได้
00:27:54 → 00:27:57 เราเรียกว่าอาการของเ่อ bba symptom
00:27:57 → 00:28:00 sual bba นะครับพวกเนี้ยก็จำเป็นต้อง
00:28:00 → 00:28:03 รักษาด้วยยาพิเศษแต่ถ้าตัวนี้มันแพงเกิน
00:28:03 → 00:28:07 ไม่ไหวก็จะมียา aine กับ mfin Late นะ
00:28:07 → 00:28:10 ครับคนที่เป็น mavis เวลาจะตั้งครรภ์ต้อง
00:28:11 → 00:28:14 บอกหมอเสมอต้องบอกหมอเสมอนะครับเพราะว่า
00:28:14 → 00:28:19 ยาพวกนี้บางตัวเช่นไฟตมีผลต่อเด็กในท้อง
00:28:19 → 00:28:22 นะครับแล้วก็ตอนคลอดคุณแม่อาจจะส่ง
00:28:22 → 00:28:26 แอนติบอดี้ผิดปกติไปให้ลูกได้ลูกก็จะเกิด
00:28:27 → 00:28:28 ปัญญหา
00:28:28 → 00:28:31 neonatal My gravis จะอ่อนแรงในช่วง
00:28:31 → 00:28:33 แรกได้อาจจะต้องใช้เครื่องชั่วหายใจเลย
00:28:33 → 00:28:35 สักักพักจนกว่าเขาจะดีแล้วก็เคลียร์แิอ
00:28:35 → 00:28:39 ของแม่ทิ้งแต่แอนติบอดี้มันอยู่ในร่างกาย
00:28:39 → 00:28:42 เราโน่นเลยครับ 3 เดือนกว่าลูกเขจะดีก็
00:28:42 → 00:28:43 ใช้เวลานานเหมือนกันดังนั้นก็ต้องบอกคุณ
00:28:43 → 00:28:46 หมอเเสมอว่าคุมอาการให้ดีก่อนไม่งั้นลูก
00:28:46 → 00:28:49 ออกมาก็อาจจะมีปัญหาได้นะครับอ่านี้คือ
00:28:49 → 00:28:52 คร่าวๆแต่แน่นอนว่ามียาอีกเยอะแยะไปหมดก็
00:28:53 → 00:28:55 แล้วแต่ว่ากรณีแบบไหนจะใช้อะไรนะ
00:28:55 → 00:28:59 ฮะเป้าหมายของยากดภูมิมันก็มีไว้เพื่อที่
00:28:59 → 00:29:02 จะให้เราสามารถลดสเตียรอยด์ลงมาได้นะครับ
00:29:02 → 00:29:05 ถ้าสุดท้ายมันทำไม่ได้เนี่ยก็าจะต้องมี
00:29:05 → 00:29:07 การพูดถึงเรื่องของการผ่าตัดนะฮะผ่าตัด
00:29:07 → 00:29:11 คืออะไรคือการตัดไอ้ต่อมไสออกนะครับคือ
00:29:11 → 00:29:13 ตรงนี้ผมคงจะเล่ายาวนิดนึงไหนๆก็เล่ามา
00:29:13 → 00:29:19 ตรงนี้ละนะฮะคนที่เจอแิอต่อ aic cline
00:29:19 → 00:29:22 receptor และคนที่ไม่มีแิอต่ออะไรเลยที่
00:29:22 → 00:29:25 เราเจอเนี่ยทำ CT สแกนถ้าเจอเนื้องอกต่อม
00:29:25 → 00:29:28 ไสหรือเรียกว่า thoma ต้องผ่าตัดออกทุก
00:29:28 → 00:29:31 รายไม่เกี่ยวข้องกับว่าคุณคุมอาการได้คุณ
00:29:31 → 00:29:34 คุณเป็นไที่คุมได้หรือคุมไม่ได้ต้องเอา
00:29:34 → 00:29:36 ออกเพราะว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งนะครับมี
00:29:36 → 00:29:38 โอกาสเป็นมะเร็ง
00:29:38 → 00:29:43 นะแต่การผ่าตัดเอามันออกเนี่ยคุณไม่ต้อง
00:29:43 → 00:29:47 รีบไม่ต้องรีบนะครับให้คุมอาการไิ grv
00:29:47 → 00:29:49 ให้ดีเสียก่อนเพราะถ้าคุณคุมไม่ดีแล้วรีบ
00:29:49 → 00:29:54 ไปผ่าคุณจะเข้าสู่ไ asic crisis รุนแรง
00:29:54 → 00:29:58 ถึงตายได้ต้องระวังให้ดีนะฮะโดยปกติแล้ว
00:29:58 → 00:30:00 เนี่ยขั้นตอนการผ่าตัดบางงครั้งนะครับเขา
00:30:00 → 00:30:02 จะมีการเอาแอนติบอดี้ออกจากร่ากายโดยการ
00:30:03 → 00:30:07 ทำ plma Exchange หรือเป็นการให้ IV IG
00:30:07 → 00:30:09 นะครับดังนั้นก็ให้คุณหมอที่เขาดูแลเป็น
00:30:09 → 00:30:11 คนบอกแล้วกันว่าต้องทำอะไรนะครับการผ่า
00:30:11 → 00:30:14 ตัดก็มีได้อ่า 3 แบบนะครับแบบแรกก็ผ่าตรง
00:30:14 → 00:30:16 คอตรงเนี้ยแล้วก็ส่องกล้องไปเอาถ่อมไัออก
00:30:16 → 00:30:18 แบบที่ 2 ผ่ากระดูกตรงกลางนะครับเรียกว่า
00:30:18 → 00:30:20 median sternotomy แบบที่ 3 ก็คือเป็น
00:30:20 → 00:30:22 การเจาะเป็นรู 3 รูแล้วเอากล้องเข้าไป
00:30:23 → 00:30:24 ข้างในแล้วก็ไปตัดต่อมไ mas ออกมานะครับ
00:30:24 → 00:30:28 อันนี้จะผ่าแบบไหนก็ต้องแล้วแต่ว่าคุณหมอ
00:30:28 → 00:30:30 ที่เค้าผ่าตัดเราเนี่ยเค้าประเมินว่าของ
00:30:30 → 00:30:33 เราเนี่ยมันเหมาะสมกับวิธีไหนนะครับทีนี้
00:30:33 → 00:30:39 สำหรับคนที่ไม่มีไม่มีไมมไม่มีก้อนเนื้อ
00:30:39 → 00:30:42 งอกที่ต่อมไทมัสแล้วะไทมัสคู้ปกติ 100%
00:30:42 → 00:30:46 เลยอ่ะถามว่าต้องผ่ามั้ยบางคนต้องผ่าครับ
00:30:46 → 00:30:50 ใครบ้างที่ต้องผ่าอ่าตรงนี้สำคัญและคนที่
00:30:50 → 00:30:53 ต้องผ่าเนี่ยก็คือคนที่อาการยังเป็นเยอะ
00:30:53 → 00:30:57 อยู่แม้ว่าจะใช้ยาแล้วก็ตามนะฮะถ้าไทส
00:30:57 → 00:30:59 ปกตินะนะแล้วคุณใช้ยาแล้วคุณยังมีอาการ
00:30:59 → 00:31:01 เยอะอยู่หรือลดยาไม่ได้ลดปุ๊บเป็นปั๊บ
00:31:01 → 00:31:04 อย่างเงี้ยนะฮะแล้วต้องใช้ยาขนาดสูงเยอะๆ
00:31:04 → 00:31:07 พวกเนี้ยสมควรจะต้องผ่านแต่การผ่าพวกนี้
00:31:07 → 00:31:10 นะครับเราจะต้องมาดูกันที่อายุถ้าเกิดคุณ
00:31:11 → 00:31:14 อายุไม่เกิน 50 ปีแล้วอาการคุมไม่ได้ผ่า
00:31:14 → 00:31:18 เสมอครับผ่าเสมอนะฮะเพราะว่าหลังจากผ่า
00:31:18 → 00:31:20 แล้วเนี่ยมันมักจะค่อยๆดีขึ้นแต่ใช้เวลา
00:31:20 → 00:31:22 ประมาณสักปีหนึงไม่ใช่ว่าผ่าปุ๊บหายปั๊บ
00:31:22 → 00:31:25 นะฮะใช้เวลาประมาณปีนึงประมาณสัก 70% ของ
00:31:25 → 00:31:28 คนที่ผ่าไปแล้วเนี่ยจะเริ่มลดยาได้แล้ว
00:31:28 → 00:31:30 บางคนหยุดยาได้ด้วยนะฮะอ่าแต่ที่เหลือคือ
00:31:31 → 00:31:33 มันอาจจะหยุดยาไม่ค่อยได้จะต้องใช้ยาเยอะ
00:31:33 → 00:31:36 อยู่ก็มีเหมือนกันนะครับกลุ่มที่ 2 ถ้า
00:31:36 → 00:31:39 ช่วงอายุคุณคือ 51 -65 อันนี้คุณต้อง
00:31:39 → 00:31:41 ประเมินแล้วว่าอาการของคุณรุนแรงแค่ไหน
00:31:41 → 00:31:44 ถ้าคุรุนแรงมากๆเลยโอเคอาจจะผ่านะครับตรง
00:31:44 → 00:31:47 เจะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่ถ้าเกิดคุณอายุ 65
00:31:47 → 00:31:49 ขึ้นไปแล้วเนี่ยส่วนใหญ่แล้วการผ่าไม่มี
00:31:49 → 00:31:51 ประโยชน์แล้วก็ไม่แนะนำให้ผ่าด้วยนะครับ
00:31:51 → 00:31:54 ยกเว้นว่าคุณเป็นมีก้อนเนื้องอกอันนั้นก็
00:31:54 → 00:31:57 อีกเรื่องหนึ่งนะครับอันนี้คือสิ่งที่คุณ
00:31:57 → 00:32:00 จะต้องรู้เรื่องของการดูแลทั้งหมดนะฮะ
00:32:00 → 00:32:03 หลังจากรักษาไปแล้วนะฮะผ่าตัดอะไรพวกนี้
00:32:03 → 00:32:05 ไปแล้วนะฮะใช้เวลาปีนึงอย่างที่บอกกว่า
00:32:05 → 00:32:08 คุณจะเริ่มดีขึ้นนะก็จะค่อยๆมีการลดยาใน
00:32:08 → 00:32:11 ระหว่างนี้ไปได้นะดังนั้นถ้าเกิดคุณดูแล
00:32:11 → 00:32:13 ตัวเองดีลดความเครียดพักผ่อนเพียงพอไม่ไป
00:32:13 → 00:32:15 อยู่ในที่ร้อนๆถ้าไปข้างนอกก็ต้องมีน้ำ
00:32:15 → 00:32:19 เย็นกินไว้ตลอดเวลานะครับอ่าหลีกเลี่ยงยา
00:32:19 → 00:32:21 ที่เมื่อตะกี้บอกไปรักษาตามที่คุณหมอเข
00:32:21 → 00:32:25 บอกผ่าตัดเมื่อมันมีข้อบ่งชี้อันเนี้ยคุณ
00:32:25 → 00:32:27 ก็จะมีชีวิตอยู่ได้เหมือนกับคนธรรมดาทั่ว
00:32:27 → 00:32:28 ไปนะ
00:32:28 → 00:32:34 ครับของคนปกติจบตรงนี้ครับนะจบตรงนี้แต่
00:32:34 → 00:32:36 สำหรับคนที่ต้องการฟังรายละเอียดว่ามัน
00:32:37 → 00:32:39 เกิดอะไรขึ้นบ้างในระดับโมเลกุลเดี๋ยวผม
00:32:39 → 00:32:42 จะเล่าต่อนะครับคลิปนี้ยาวหน่อยนะครับคือ
00:32:42 → 00:32:44 ต้องบอกอย่างนี้ครับ
00:32:44 → 00:32:47 ว่าเหตุผลที่มันเกิดโรคพวกนี้ขึ้นมานะ
00:32:47 → 00:32:52 ครับมันมีอยู่หลายๆอย่างนะอย่างแรกอิิิน
00:32:52 → 00:32:54 ตรงนี้ขอจะเป็นภาษาทางวิทยาศาสตร์หมดแล้ว
00:32:55 → 00:32:57 นะครับจะลึกนิดนึงถ้าใครที่ฟังมาถึงตรง
00:32:57 → 00:32:59 นี้แล้วไม่อยากฟังต่อไม่เป็นไรครับหยุด
00:32:59 → 00:33:01 แค่นี้สิ่งที่เล่ามาเมื่อกี้เพียงพอ
00:33:01 → 00:33:03 สำหรับการดูแล mic gravis ทั้งหมดแล้วนะ
00:33:03 → 00:33:05 ครับรวมทั้งการไปตรวจโรคอื่นพวกเนี้ยครบะ
00:33:05 → 00:33:09 นะโอเค acy chine
00:33:09 → 00:33:13 receptor นะครับตรงนี้นะแิอต่อ ail clin
00:33:13 → 00:33:16 receptor เนี่ยจะเป็น ig1 กับ
00:33:16 → 00:33:19 ig3 ซึ่งสามารถ Activate complement
00:33:19 → 00:33:23 ได้ดังนั้นการที่เราไปให้ยายับยั้ง
00:33:23 → 00:33:25 complement จะสามารถทำให้ aid chine
00:33:25 → 00:33:28 receptor ตัวเนี้ยไม่ถูกทำลายนะครับครับ
00:33:28 → 00:33:31 เวลาที่มี igg 1 กับ 3 ต่ออคิน receptor
00:33:31 → 00:33:34 สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับมันจะทำให้ไไอ้อคิ
00:33:34 → 00:33:36 receptor มันเกาะกันเกาะกันแล้วเกิด
00:33:37 → 00:33:39 กระบวนการที่เรียกว่า internalization
00:33:39 → 00:33:41 คือมันหายเข้าไปในเซลล์ของกล้ามเนื้อแล้ว
00:33:41 → 00:33:45 มันไม่อยู่บนผิวเซลล์ทำให้ปล่อยไปนานนา
00:33:45 → 00:33:48 เนี่ยคุณจะไม่มีตัวรับเหลือเลยอาการก็จะ
00:33:48 → 00:33:50 รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆนะ
00:33:50 → 00:33:55 ครับแล้ว igg 1 กับ 3 ที่ออกมานี่นะครับ
00:33:55 → 00:33:58 ลักษณะของมันจะไม่เหมือนกันด้วยนะฮะมีไซส
00:33:58 → 00:34:01 Chin ที่อาจจะแตกต่างกันไปมีไ chain ที่
00:34:01 → 00:34:04 ไม่เหมือนกันอีกต่างหากนะครับแปลว่ามันมี
00:34:04 → 00:34:08 เซลล์หลายตัวที่ทำให้เกิดแอนติบอดี้หน้า
00:34:08 → 00:34:12 ตาไม่เหมือนกันแต่ไปต่อต้านบริเวณอิคิ
00:34:12 → 00:34:15 receptor เหมือนกันซึ่งมันก็มีหลายส่วน
00:34:15 → 00:34:18 เนาะก็แล้วแต่ว่าไปส่วนไหนนะครับดังนั้น
00:34:18 → 00:34:22 ไอ้พวกนี้เนี่ยจึงมีความสำคัญแล้วถามว่า
00:34:22 → 00:34:25 การตัดต่อมไัมันไปช่วยอะไรตรงไหนเคเชื่อ
00:34:25 → 00:34:26 ว่าอย่างงี้ครับในต่อมไัเนี่ยมันจะมี
00:34:26 → 00:34:30 เซลล์นึงชื่อชว่าไอยเซลหรือเซลล์ที่คล้าย
00:34:30 → 00:34:32 กล้ามเนื้อบนผิวของมันเนี่ยจะมีการแสดง
00:34:32 → 00:34:37 อิคิ receptor อยู่แล้วก็เป็นการที่มี
00:34:37 → 00:34:39 กระบวนการเรียกว่า persistence of
00:34:39 → 00:34:42 antigen นะครับคือ aid chine receptor
00:34:42 → 00:34:45 เนี่ยอยู่ในไ mas เยอะแยะไปหมดแล้วมันก็
00:34:45 → 00:34:48 แสดงให้ T helper Cell รู้พอ T helper
00:34:48 → 00:34:50 Cell รู้เสร็จปุ๊บ T helper cell มี
00:34:50 → 00:34:53 หน้าที่กระตุ้นทำให้ B เซลลเนี่ยสร้าง
00:34:53 → 00:34:56 แอนติบอดี้มันก็จะเกิดสิ่งนึงซึ่งเรียก
00:34:56 → 00:34:58 ว่า germination Center นะครับ
00:34:58 → 00:35:01 germination Center เนี่ยมันจะเป็น
00:35:01 → 00:35:04 ศูนย์บัญชาการของเมล็ดขาวเลยอยู่ในไทมัส
00:35:04 → 00:35:06 ไปเลยนะครับปกติมันไม่มีที่ไหนนะตรงไหนมี
00:35:06 → 00:35:08 การอักเสบมันจะเข้าไปอยู่ตรงนั้นน่ะเข้า
00:35:08 → 00:35:11 ไปเสร็จปุ๊บจะมีการสร้างบีเซลล์ที่แบบต่อ
00:35:11 → 00:35:13 ต้านอะซิติลลีนนะครับสร้างมาหลายๆตัวเลย
00:35:13 → 00:35:15 สร้างเสร็จปุ๊บบีเซลล์พวกนี้จะแปลงร่างไป
00:35:15 → 00:35:18 เป็นเซลล์ความจำแปลงร่างไปเป็น
00:35:18 → 00:35:20 พลาสมาเซลล์ปล่อยแอนติบอดี้ออกไปจากไทมัส
00:35:20 → 00:35:23 หรือออกไปจากตรงไหนก็ได้ไปจัดการกล้าม
00:35:23 → 00:35:27 เนื้อลายทั้งร่างกายตานะครับคอปากการกลืน
00:35:27 → 00:35:30 หายใจกล้ามเนื้อตัวอะไรเงี้ยทั้งหมดเลยนะ
00:35:30 → 00:35:33 ครับดังนั้นถ้าคุณเอาแอนติเจนตนี้ออกไป
00:35:33 → 00:35:36 เลยอ่ะออกไปทั้งหมดเลยเนี่ยนะครับมันจะ
00:35:36 → 00:35:42 ค่อยๆดีขึ้นครับอ่ามันจะค่อยๆดีขึ้นนะตรง
00:35:42 → 00:35:47 เนี้ยเป็นสิ่งที่ที่สำคัญอันที่ 2 อิิคีน
00:35:47 → 00:35:49 receptor เนี่ยมันไม่ได้อยู่ของมัน
00:35:49 → 00:35:52 เดี่ยวๆครับมันอยู่คู่กับอีกอย่างนึงนะ
00:35:52 → 00:35:55 ตรงนี้แหละที่เป็นเราเรียกว่า mus
00:35:55 → 00:35:57 Complex นะครับ Muscle specific kess
00:35:57 → 00:35:59 Complex Muscle specific kes มันจะ
00:35:59 → 00:36:01 เหมือนเป็นเป็นแท่งอยู่ตรงนี้นะครับแล้ว
00:36:01 → 00:36:05 ตรงกลางจะมีอ่า lrp 4 นะครับ lrp 4
00:36:05 → 00:36:07 เนี่ยจะต้องมีตัวมากระตุ้นกันคือ agin
00:36:07 → 00:36:10 agin เนี่ยพอมันมาจากเส้นประสาทกระตุ้น
00:36:10 → 00:36:13 lrp 4 lrp 4 ก็จะบอกให้ muso
00:36:13 → 00:36:16 specific kese เนี่ยทำงานทำงานอะไรมัน
00:36:16 → 00:36:20 จะเอาอ่าโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อว่า dog 7
00:36:20 → 00:36:23 dook 7 เนี่ยเข้ามาเกาะกับมัน Dog 7
00:36:23 → 00:36:26 ตัวนี้เนี่ยจะทำให้ ay chine receptor
00:36:27 → 00:36:29 มารวมตัวกันอยู่ตรงนั้นโดยผ่านโปรตีนหลาย
00:36:29 → 00:36:31 ตัวมากเลยนะครับหนึ่งในนั้นคือโปรตีนที่
00:36:31 → 00:36:36 ชื่อว่า rapin Rap syn นะครับมันจะทำ
00:36:36 → 00:36:38 งานกันเป็นทอดๆอย่างเงี้ยดังนั้นถ้าเกิด
00:36:38 → 00:36:41 คุณมีแอนติบอดี้ที่ไปทำลายไม่ว่าจะเป็น
00:36:41 → 00:36:44 อะไรซักอย่างในนี้นะฮะจะทำให้กระบวนการ
00:36:44 → 00:36:48 เนี้ยเกิดขึ้นไม่ได้คุณก็จะมีปริมาณซิีน
00:36:48 → 00:36:53 receptor ลดลงน่านะฮะเช่นคุณมีแิอต่อ
00:36:53 → 00:36:59 musk แิอต่ออ่า lrp 4 ต่อ agd นะครับ
00:36:59 → 00:37:02 หรือต่อ racine ต่อ Dog เวพวกกระบวนการ
00:37:02 → 00:37:06 เนี้ยเสียหมดเลยเสียเกลี้ยงเลยปัญหาคือ
00:37:06 → 00:37:09 อย่างี้ครับแิอต่อไพวกเนี้ยมันเป็น
00:37:09 → 00:37:13 igg4 ซึ่งไม่ Activate compliment แปล
00:37:13 → 00:37:17 ว่าอะไรแปลว่าคุณจะใช้ยาต่อต้าน
00:37:17 → 00:37:20 complement ในโรค musk ไม่ได้ครับมันไม่
00:37:20 → 00:37:24 หายคุณต้องไปใช้ยาที่ต่อต้านตัวอื่นนะ
00:37:24 → 00:37:29 ครับแล้วพวกนี้ไม่มีมีปัญหาที่ต่อมไสครับ
00:37:29 → 00:37:33 อ่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ต่อมไัเพราะว่า my
00:37:33 → 00:37:37 Oil Sell ในต่อม thus ไม่ได้แสดง musk
00:37:37 → 00:37:40 ครับไม่ได้แสดง lr p4 แต่มันแสดงอิิ
00:37:40 → 00:37:43 chine receptor คุณไปตัดมันออกไม่เกิด
00:37:43 → 00:37:48 อะไรขึ้นงั้นคนที่มีโรค Anti M โรคแิ lrp
00:37:48 → 00:37:52 4 ตัดต่อมไไม่เกิดอะไรขึ้นครับไม่มีอะไร
00:37:52 → 00:37:54 ด้วยไม่ช่วยด้วยอีกต่างหากนะครับดังนั้น
00:37:54 → 00:37:59 นี่คือเหตุผลนะฮะนอกเหนือจากนี้มันยังมี
00:37:59 → 00:38:01 แอนติบอดี้ต่ออย่างอื่นในกล้ามเนื้ออีก
00:38:01 → 00:38:06 เช่นอ่าแอนติบอดี้ต่อตัว tiin นะครับหรือ
00:38:06 → 00:38:09 ต่ออื่นๆก็จะมีปัญหาหมดนะฮะทีนี้อีกอย่าง
00:38:09 → 00:38:13 นึงซึ่งเสริมให้สรพคลที่ชอบรู้มากๆิิคี
00:38:13 → 00:38:16 recep นะครับมันอยู่คู่กับ mas Complex
00:38:16 → 00:38:19 ในตัว mas Complex เนี่ยมันจะมีหางตัว
00:38:19 → 00:38:25 นึงยื่งงมาหางตัวเนี้ยคือหางของิิคีน
00:38:25 → 00:38:31 เอสอืคุ้นๆนะคุ้นๆละซิคีนเอสเนี่ยมันจะ
00:38:31 → 00:38:33 เป็นเป็นปมอยู่ข้างบนนะครับแล้วมันก็จะมี
00:38:33 → 00:38:36 หางของมันเรียกว่าคอลลาเจน Q นะครับหาง
00:38:36 → 00:38:39 ของมันจะเกาะกับโปรตีนตัวนึงชื่อ peran
00:38:39 → 00:38:41 peran ก็จะมาเกาะกับ mas Complex ถาม
00:38:42 → 00:38:44 ว่ามันอยู่ตรงนั้นทำไมไม่เห็นเกี่ยวอะไร
00:38:44 → 00:38:46 กันเลยเกี่ยวมากเลยครับตัวนี้อิิิ
00:38:46 → 00:38:49 receptor มันรับซิติคินไปแล้วนะครับมัน
00:38:49 → 00:38:51 จะอยู่ตรงนี้ตลอดไปไม่ได้กล้ามเนื้อถูก
00:38:51 → 00:38:54 กระตุ้นตลอดเวลาไม่ได้ตรง mus ตรงเนี้ย
00:38:54 → 00:38:59 มันมีนิคิเอสนะครับมันมาจับแล้วย่อยทิ้ง
00:38:59 → 00:39:02 อ่าพอย่อยเสร็จปุ๊บกล้ามเนื้อก็อ่าตอนนี้
00:39:02 → 00:39:04 ก็ไม่มีสัญญาณมาบอกให้มันต้องหดตัวมันก็
00:39:04 → 00:39:07 จะคลายตัวแล้วครับนะครับดังนั้นกระบวนการ
00:39:08 → 00:39:11 นี้ต้องไปด้วยกันยา P สิมเนี่ยไปทำให้
00:39:11 → 00:39:16 อคีนเอสเนี่ยไม่ทำงานดังนั้นจึงมีปริมาณ
00:39:16 → 00:39:20 ของอคินเยอะขึ้นมีประโยชน์ในคนที่เป็นไ GR
00:39:20 → 00:39:22 เพื่อให้กระตุ้นเยอะๆเลยนะฮะให้กระตุ้น
00:39:22 → 00:39:24 เยอะๆกล้ามื้อมันจะได้มีแรงนะครับถ้าไม่
00:39:24 → 00:39:27 กระตุ้นมันมันไม่มีแรงนะครับอ่าในนี้ก็
00:39:27 → 00:39:31 คือเหตุผลลึกๆของเรื่องของอ่าการทำงาน
00:39:31 → 00:39:33 ระหว่างเส้นประสาทแล้วกล้ามเนื้อนรม
00:39:33 → 00:39:36 muscular จังชันนะครับอันนี้ผมก็เล่าให้
00:39:36 → 00:39:38 ฟังเพียงเท่านี้แล้วกันนะครับถ้าใครอยาก
00:39:38 → 00:39:40 จะรู้ลึกไปกว่านี้อันนี้อาจจะต้องไปหา
00:39:40 → 00:39:43 อ่านเอาเองนะมันมีแอนติบอดี้ต่อ thin แิอ
00:39:43 → 00:39:47 ต่อไโดนแอนติบอดี้ต่อส่วนอื่นๆอีกเยอะแยะ
00:39:47 → 00:39:48 ที่เกี่ยวข้องกับมาส Complex แล้วมันมี
00:39:48 → 00:39:51 โปรตีนอย่าอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตัวแปซิ
00:39:51 → 00:39:53 นะครับถ้าใครอยากรู้เรื่องพวกเนี้ยลองไป
00:39:53 → 00:39:55 อ่านนะครับมีในให้หาในอินเทอร์เน็ตไม่ได้
00:39:55 → 00:39:58 ยากเย็นอะไรนะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าให้
00:39:58 → 00:39:59 ฟังเพียงเท่านี้นะครับถ้าใครสงสัยอะไรก็
00:39:59 → 00:40:04 สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ