00:00:00 → 00:00:03 10 วิธีนะครับลดน้ำหนักลดไขมันในเลือดนะ
00:00:03 → 00:00:06 ครับใครที่พุงใหญ่นะครับตรวจเลือดแล้วน้ำ
00:00:06 → 00:00:08 ตาลในเลือดสูงไขมันในเลือดสูงแล้วก็กังวล
00:00:08 → 00:00:11 ว่าตัวเองเนี่ยจะเส้นเลือดสมองตีบเส้น
00:00:11 → 00:00:13 เลือดหัวใจตีบไม่อยากเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต
00:00:13 → 00:00:16 ในอนาคตนะครับฟังคลิปนี้ให้จบนะเพราะว่า
00:00:16 → 00:00:18 ตั้งแต่วิธีที่ 1 ถึงวิธีที่ 10 อ่ะหมอ
00:00:18 → 00:00:20 หนึ่งเชื่อว่าหลายคนทำไปแค่ 2-3 วิธีเท่า
00:00:20 → 00:00:23 นั้นเองนะครับถ้าทำจนครบจนถึงวิธีที่ 10
00:00:23 → 00:00:26 เนี่ยสุขภาพคุณดีแน่นอนนะครับแล้วก็พุง
00:00:26 → 00:00:28 กระยุบนะครับหุ่นก็ดีขึ้นนะมั่นใจในตัว
00:00:28 → 00:00:31 เองด้วยนะครับสวัสดีครับผมหมอ 1 Healthy
00:00:31 → 00:00:33 ฮีโรนะครับลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิต
00:00:33 → 00:00:35 คิดถึงหมอ 1 Healthy ฮีโร่นะครับคราวนี้
00:00:35 → 00:00:37 สิ่งที่เราจะคุยกันวันนี้นะครับก็คือ
00:00:37 → 00:00:40 เรื่องของ 10 วิธีลดน้ำหนักนะว่าล้างไข
00:00:40 → 00:00:43 มันในเลือดทำยังไงนะครับหลังจากที่หลายๆ
00:00:43 → 00:00:45 คนเนี่ยเอาวิธีของหมอหนึในคลิปนี้เนี่ย
00:00:45 → 00:00:47 หมอหนึ่งจะบอกเนี่ยเอาไปใช้เนาะเป็นไงไกี
00:00:47 → 00:00:52 สไลนจาก 183 เหลือ 100 จาก hdl 46 เพิ่ม
00:00:52 → 00:00:55 มาเป็น 76 เห็นมยไขมันดีขึ้นเลยนะครับ
00:00:55 → 00:00:58 แล้วน้ำหนักเป็นไงน้ำหนักก็ลดด้วยนะหรือ
00:00:58 → 00:01:00 ไขมันที่มันไปพอกอยู่ที่อื่นเลดได้เหมือน
00:01:00 → 00:01:02 กันนะเช่นบางคนเป็นไขมันพอกตับเนี่ยนะ
00:01:02 → 00:01:05 ครับนะหลังจากลดด้วยวิธีหมอ 1 นะจาก 63
00:01:05 → 00:01:08 เอ้ยจาก 60 กลับไปเหลือ 53 ลดไป 7 กกแต่
00:01:08 → 00:01:10 ที่สำคัญคืออัลตร้าซาวด์ช่องท้องแล้วเป็น
00:01:10 → 00:01:13 ไงไม่มีไขมันพอกตับแล้วนะครับเนาะเพราะ
00:01:13 → 00:01:15 ฉะนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่า 10 วิธีมีอะไร
00:01:15 → 00:01:17 บ้างนะแต่ก่อนอื่นหลายคนต้องเข้าใจแบบนี้
00:01:17 → 00:01:20 ก่อนเนาะว่าการที่หลายๆคนอ้วนนะบางคนคำ
00:01:20 → 00:01:22 ว่าอ้วนแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันเนาะแต่
00:01:22 → 00:01:24 ถ้าสมมุติคุณจับไปแล้วคุณยังมีไขมันที่
00:01:24 → 00:01:27 อยู่ตรงหน้าท้องอยู่เยอะๆนะแต่งตัวแล้ว
00:01:27 → 00:01:30 ไม่ค่อยมั่นใจสุขภาพไม่ค่อยดีเนี่ยคุณคุณ
00:01:30 → 00:01:32 มีความเสี่ยงที่จะเป็นเส้นเลือดตีบนะคำ
00:01:32 → 00:01:33 ว่าอันตรายจากเส้นเลือดตีบเนี่ยมัน
00:01:33 → 00:01:35 อันตรายยังไงเดี๋ยวบนึงอธิบายให้ฟังแบบ
00:01:35 → 00:01:37 นี้แล้วกันนะครับเส้นเลือดปกติของคนเรา
00:01:38 → 00:01:40 เนี่ยมันจะไม่มีอะไรมาเกาะตามผนังนะแต่
00:01:40 → 00:01:42 คุณสังเกตนะว่าถ้าสุขภาพคุณเริ่มไม่ดี
00:01:42 → 00:01:44 สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือจะเริ่มมีไขมันมา
00:01:44 → 00:01:47 เกาะอยู่ตามผนังและไขมันที่มาเกาะตามผนัง
00:01:47 → 00:01:50 มันจะเริ่มเกิดสิ่งที่เรียกว่าการอักเสบ
00:01:50 → 00:01:52 อ่าเพราะฉะนั้นสำคัญมากเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:01:52 → 00:01:55 เส้นเลือดของคุณมีการอักเสบใช่มั้ยคุณลอง
00:01:55 → 00:01:57 นึกภาพเวลาแผลที่คุณไปผ่าตัดมามันเริ่ม
00:01:57 → 00:01:59 อักเสบแล้วก็เริ่มมีการซ่อมแซมสุดท้ายมัน
00:01:59 → 00:02:01 จะจะกลายเป็นแผลเป็นไอ้พวกผนังที่มัน
00:02:01 → 00:02:04 เริ่มหนาตัวตรงเนี้ยคือแผลเป็นจากการ
00:02:04 → 00:02:06 อักเสบของหลอดเลือดและในบางคนนะครับที่
00:02:06 → 00:02:09 โอโหปัจจัยการอักเสบเยอะมากเลยนะแล้วก็
00:02:09 → 00:02:12 อ้วนมากๆด้วยลงพุงแต่ไม่ลดน้ำหนักไม่เคย
00:02:12 → 00:02:15 ปรับการกินตัวเองเลยนะครับพอไขมันมัน
00:02:15 → 00:02:17 เริ่มสะสมสะสมสะสมและเกิดการอักเสบแบบนี้
00:02:17 → 00:02:20 สิ่งที่เกิดขึ้นคือสังเกตว่าผนังของหลอด
00:02:20 → 00:02:23 เลือดของคนเราเนี่ยมันจะตีบลงเรื่อยๆๆๆๆๆ
00:02:23 → 00:02:25 นะครับคุณลองนึกภาพเหมือนคุณไปรดน้ำต้น
00:02:25 → 00:02:28 ไม้แล้วเอามือไปอุดสายยางพออุดสายยางรู
00:02:28 → 00:02:31 มันเล็กลงใช่มั้ยอันเนี้ยอันนี้รูก็เล็ก
00:02:31 → 00:02:33 แล้วนะแต่อันเนี้ยรูเล็กกว่าเดิมอีกพอรู
00:02:33 → 00:02:34 เล็กกว่าเดิมเกิดอะไรขึ้นครับน้ำมันก็
00:02:34 → 00:02:37 พุ่งแรงขึ้นน้ำที่พุ่งแรงขึ้นเราเลย
00:02:37 → 00:02:40 สังเกตว่าหลายๆคนที่มีเส้นเลือดตีบแต่อาจ
00:02:40 → 00:02:42 จะไม่รู้ตัวเพราะไม่เคยสแกนหลอดเลือดดู
00:02:42 → 00:02:46 เลยเนี่ยมักจะพบว่ามีสิ่งที่เรียกว่าความ
00:02:46 → 00:02:49 ดันเริ่มสูงอ่าใครที่มีเครื่องวัดความดัน
00:02:49 → 00:02:52 ที่บ้านนะลองวัดดูนะถ้าขณะนั่งพักแล้ว
00:02:52 → 00:02:55 ความดันเกิน 1490 นะแสดงว่าความดันคุณสูง
00:02:56 → 00:02:58 ซึ่งความดันคุณสูงสาเหตุนึงที่เป็นไปได้
00:02:58 → 00:03:01 ก็คือหลอดเลือดคุณเนี่ยมันเริ่มไม่ปกติ
00:03:01 → 00:03:04 แล้วแต่คุณไม่เคยเห็นเท่านั้นเองโอเคมยนะ
00:03:04 → 00:03:05 ครับเพราะฉะนั้นวิธีที่จะทำให้หลอดเลือด
00:03:05 → 00:03:08 คุณกลับมาสุขภาพดีก็ฟังให้ถึงข้อที่ 10
00:03:08 → 00:03:11 แล้วเอาไปปรับใช้เนาะนะครับนะหรือบางคน
00:03:11 → 00:03:13 ที่มีเครื่องวัดความดันที่บ้านจริงๆแล้ว
00:03:13 → 00:03:15 หมอ 1 แนะนำว่ามันไม่ควรเกิน 130 85
00:03:15 → 00:03:18 ด้วยซ้ำนะเวลาวัดนะครับแต่เวลาวัดต้องวัด
00:03:18 → 00:03:20 ให้ถูกวิธีนะคือนั่งพัก 10 นาทีเสร็จปั๊บ
00:03:20 → 00:03:23 ก็ค่อยวัดความดันโอเคมั้ยบางคนไปเดินมา
00:03:23 → 00:03:25 ขึ้นบันได 3 ชั้นแล้วมาวัดบางทีความดัน
00:03:25 → 00:03:28 มันสูงได้นะครับเนาะอ่ะคราวนี้สิ่งที่
00:03:28 → 00:03:30 อันตรายมากๆจากเส้นเลือดเนี่ยนะครับทำไม
00:03:30 → 00:03:32 หมอหนึ่งถึงย้ำแล้วย้ำอีกว่าลดน้ำหนักนะ
00:03:32 → 00:03:34 ลดน้ำหนักนะอันเนี้ยสำคัญมากเลยนะต้องฟัง
00:03:34 → 00:03:37 นะนะครับอันเนี้ยคือสมองเพราะฉะนั้นถ้า
00:03:37 → 00:03:40 สมมุติว่าเส้นเลือดนะครับเส้นเลือดที่ไป
00:03:40 → 00:03:42 สมองเนี่ยมันตีบเนี่ยเกิดภาวะเส้นเลือด
00:03:42 → 00:03:45 สมองตีบหรือที่หลายๆคนได้ยินภาษาอังกฤษ
00:03:45 → 00:03:48 บ่อยๆคือคำว่าสกอ่าคำนี้อาจจะต้องคุ้นหู
00:03:48 → 00:03:51 ไว้นิดนึงนะเฮ้ยเป็นสตกเป็นสตกสตกคือเส้น
00:03:51 → 00:03:54 เลือดสมองตีบถ้าเส้นเลือดสมองตีบจะเกิด
00:03:54 → 00:03:56 อะไรขึ้นเส้นเลือดสมองถ้าตีบเลือดไป
00:03:56 → 00:03:58 เลี้ยงสมองส่วนนั้นไม่ได้สมองส่วนนั้นๆก็
00:03:58 → 00:04:01 จะทำหน้าที่ไม่ได้เช่นไปโดนเส้นเลือดที่
00:04:01 → 00:04:03 เลี้ยงสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนที่
00:04:04 → 00:04:06 เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่อาการที่จะเจอเลยก็
00:04:06 → 00:04:10 คือข้อที่ 1 คืออะไรครับแขนขาเป็นไงแขนขา
00:04:10 → 00:04:13 อ่อนแรงทำไมหมอหนึ่งถึงต้องพูดอันนี้ก่อน
00:04:13 → 00:04:16 เลยบางคนฟังไม่ถึงตอนท้ายแล้วจริงๆโลกนี้
00:04:16 → 00:04:19 เป็นโรคที่ถ้าคุณเส้นเลือดสมองตีบอยู่ดีๆ
00:04:19 → 00:04:22 แขนขาอ่อนแรงแล้วคุณเฮ้ยอาการนี้มันสำคัญ
00:04:22 → 00:04:24 มากเลยนะต้องไปโรงพยาบาลทันทีนะคุณยังมี
00:04:24 → 00:04:27 โอกาสที่จะกลับมาปกตินะเพราะบางทีมันเกิด
00:04:27 → 00:04:29 จากลิ่มเลือดอุตันนะครับการที่ได้ยาละลาย
00:04:29 → 00:04:32 ลิ่มเลือดทันเวลาก็จะทำให้สมองของคุณมัน
00:04:32 → 00:04:35 ยังตายไปไม่เยอะหรือบางทีแค่ขาดเลือดชั่ว
00:04:35 → 00:04:38 คราวพอคุณได้รับยาทันเวลาก็จะทำให้มี
00:04:38 → 00:04:41 โอกาสที่จะสมองฟื้นคืนได้แต่บางคน่ะเฮ้ย
00:04:41 → 00:04:43 แขนขาอ่อนแรงคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเดี๋ยว
00:04:43 → 00:04:46 รอดูอาการสัก 24 ชมงแล้วกันสุดท้ายสมอง
00:04:46 → 00:04:48 มันตายไปแล้วสมองบวมด้วยเนาะเพราะฉะนั้น
00:04:49 → 00:04:52 ถ้ากังวลนะครับมีอาการแปลกๆแบบนี้ไปโรง
00:04:52 → 00:04:55 พยาบาลทันทีคือแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกคำว่า
00:04:55 → 00:04:57 ครึ่งซีกคือแขนซ้ายขาซ้ายอ่อนแรงพร้อมกัน
00:04:58 → 00:05:00 แขนขวาขาขวาอ่อนแรงพร้อมกันเพราะเวลาเป็น
00:05:00 → 00:05:02 มันจะเป็นครึ่งซีกซ้ายกับครึ่งซีกขวาโอเค
00:05:02 → 00:05:06 มยนะครับเนาะข้อที่ 2 บางคนอาจจะแขนขาไม่
00:05:06 → 00:05:08 ได้อ่อนแรงแต่ดั้นไปโดนสมองที่ควบคุม
00:05:08 → 00:05:10 เกี่ยวกับเรื่องของกล้ามเนื้อปากก็จะทำ
00:05:10 → 00:05:14 ให้มีอาการปากเบี้ยวบางคนไม่รู้ตัวหรอก
00:05:14 → 00:05:16 ว่าตัวเองปากเบี้ยวนะครับแต่ปากเบี้ยว
00:05:16 → 00:05:18 ส่วนใหญ่มักจะเป็นไงกินน้ำเสร็จปั๊บน้ำ
00:05:18 → 00:05:21 ไหลมุมปากอ่ามักจะมีอาการแบบเนี้ยนะครับ
00:05:21 → 00:05:23 อันเนี้ยแสดงว่าปากเบี้ยวเพราะกล้ามเนื้อ
00:05:23 → 00:05:26 ปากเราอ่อนแรงไปหรืออาจจะมีอีกอันนึงนะ
00:05:26 → 00:05:29 ครับนะก็คือไปโดนลิ้นนะก็คือเริ่มมีอะไร
00:05:29 → 00:05:33 เริ่มพูดไม่ชัดไปเจอควบคุมสสมองส่วนที่
00:05:33 → 00:05:36 ควบคุมการพูดนะเริ่มพูดไม่ชัดลิ้นแข็งน่า
00:05:36 → 00:05:39 นะครับอันนี้ก็เป็นอาการนึงของเส้นเลือด
00:05:39 → 00:05:41 สมองตีบนะพวกนี้ต้องไปโรงพยาบาลทันทียิ่ง
00:05:41 → 00:05:43 ไปเร็วยิ่งวินิจฉัยได้เร็วมีโอกาสที่สมอง
00:05:43 → 00:05:46 จะไม่ตายนานนะครับเนาะแต่ถ้าสมมุติว่าไป
00:05:46 → 00:05:49 เจออ่าเส้นเลือดหัวใจล่ะเส้นเลือดหัวใจ
00:05:49 → 00:05:53 ตีบก็จะมีอาการอาการของหัวใจขาดเลือด
00:05:53 → 00:05:56 เนี่ยนะครับมักจะแน่นหน้าอกเหมือนของหนัก
00:05:56 → 00:05:58 ทับจำไว้เลยนะเพราะอาการพวกนี้เนี่ยถ้า
00:05:58 → 00:06:01 ปล่อยทิ้งไว้คุณมีโอกาสเสียชีวิตถ้าคนใน
00:06:01 → 00:06:03 ครอบครัวมีอาการแบบเจ็บแน่นหน้าอกแล้ว
00:06:03 → 00:06:06 เหมือนมีช้างมานั่งทับนะแล้วมีอาการปวด
00:06:06 → 00:06:10 ร้าวไปที่กราซ้ายไปที่แขนข้างซ้ายอาการเย
00:06:10 → 00:06:12 เป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดถ้า
00:06:12 → 00:06:15 คุณไปโรงพยาบาลทันเวลาแล้วก็ตรวจคลื่นไฟ
00:06:15 → 00:06:17 ฟ้าหัวใจแล้วคุณพบว่ามีอาการกล้ามเนื้อ
00:06:17 → 00:06:20 หัวใจขาดเลือดเนี่ยคุณสามารถสวนหัวใจได้
00:06:20 → 00:06:23 ทันเวลากล้ามเนื้อหัวใจคุณก็จะไม่ตายโอเค
00:06:23 → 00:06:26 มั้ยหรือตายไปก็ไม่เยอะมีโอกาสคืนได้มาก
00:06:26 → 00:06:28 กว่าการที่คุณปล่อยมันไว้เฉยๆนะครับเนาะ
00:06:28 → 00:06:30 เพราะฉะนั้นอันนี้สำคัญมากนะเพราะฉะนั้น
00:06:30 → 00:06:31 นี่เลยเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำไมหมอถึงต้อง
00:06:31 → 00:06:34 พูดคลิปนี้ว่าลดน้ำหนักนะเสร็จปั๊บลองทำ
00:06:34 → 00:06:36 ตาม 10 ข้อนี้นะไม่ใช่แค่เรื่องอาหารนะ
00:06:36 → 00:06:39 อย่างน้อยเส้นเลือดคุณจะได้สุขภาพดีไปจน
00:06:39 → 00:06:41 ตลอดชีวิตเลยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นข้อที่
00:06:41 → 00:06:43 1 นะหมอ 1 บอกว่าการที่เส้นเลือดคุณจะ
00:06:43 → 00:06:45 สุขภาพดีแลจะผอมได้เนี่ยแต่ก่อนเคยพูดแต่
00:06:45 → 00:06:47 เรื่องอาหารถูกมั้ยแต่จริงๆแล้วมันมีทั้ง
00:06:47 → 00:06:51 หมด 5 ข้อหมอหนึ่งใช้คำว่า 5 อน่า 5 อ
00:06:51 → 00:06:54 อ่างนะครับออที่ 1 นะครับก็คือเรื่องของ
00:06:54 → 00:06:57 อาหารแต่อาหารจะมีหลายข้อหน่อยนะครับนะ
00:06:57 → 00:07:00 เรื่องของอาหารข้อที่ 1 เลยนะถ้าอยากลด
00:07:00 → 00:07:02 น้ำหนักแล้วลดไขมันที่อยู่ในเลือดได้เส้น
00:07:02 → 00:07:05 เลือดไม่อักเสบให้คุณเลี่ยงน้ำตาลนะบอหนึ
00:07:05 → 00:07:07 พูดไปหลายคลิปแล้วถูกมั้ยในแง่ของการลด
00:07:07 → 00:07:09 น้ำหนักเนี่ยน้ำตาลสำคัญมากแต่ก่อนคนจะ
00:07:09 → 00:07:12 เข้าใจว่าเออเราอยากลดน้ำหนักเราต้องงด
00:07:12 → 00:07:15 ของมันของทอดแต่จริงๆไม่ใช่ 30-40 ปีมา
00:07:15 → 00:07:19 แล้วที่ลดไขมันลดของมันของทอดไม่กินอาหาร
00:07:19 → 00:07:22 ที่แฟตสูงคุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อมีแต่
00:07:22 → 00:07:24 อาหาร low Fat แต่ถามว่าผอมมั้ยไม่ผอม
00:07:24 → 00:07:26 เลย 30-40 ปีแล้วเพราะคนไม่เข้าใจเรื่อง
00:07:26 → 00:07:29 ระบบพลังงานว่าระบบพลังงานมี 2 ระบบใครฟ
00:07:29 → 00:07:31 ฟังคลิปอื่นมาจะรู้ว่าหมหนพูดทุกคลิปเลย
00:07:31 → 00:07:33 นะว่าร่างกายของคนเรานะไม่ใช้น้ำตาลกับ
00:07:33 → 00:07:37 แป้งก็ใช้ไขมันนแต่เรากินน้ำตาลน่ะเยอะ
00:07:37 → 00:07:39 เกินไปจนร่างกายมันใช้ไม่หมดสุดท้ายมัน
00:07:40 → 00:07:42 ต้องเอาไปเก็บเก็บในรูปอะไรถ้าเก็บในรูป
00:07:42 → 00:07:44 น้ำตาลในเลือดคุณก็เป็นเบาหวานสิถูกมั้ย
00:07:44 → 00:07:46 แต่มันเอาไปเก็บในรูปของไขมันแทนเพราะ
00:07:46 → 00:07:48 ฉะนั้นมันก็เก็บได้ทั้งไขมันในตับไขมันใน
00:07:48 → 00:07:51 ช่องท้องไขมันใต้ผิวหนังไขมันในเลือดก็มี
00:07:51 → 00:07:54 เพราะฉะนั้นข้อที่ 1 ถ้าอยากล้างไขมันใน
00:07:54 → 00:07:57 เลือดอยากลดน้ำหนักต้องเลี่ยงน้ำตาลไป
00:07:57 → 00:08:00 ก่อนคราวนี้นะครับบางคนอาจจะไม่เคยเข้าใจ
00:08:00 → 00:08:02 ลึกๆว่าเฮ้ยแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าน้ำ
00:08:02 → 00:08:05 ตาลในเลือดของเราเนี่ยมันเยอะหรือมันน้อย
00:08:05 → 00:08:07 เพราะการที่น้ำตาลในเลือดของคุณเยอะๆจะทำ
00:08:07 → 00:08:09 ให้มีโอกาสเส้นเลือดของคุณอักเสบนะใครที่
00:08:09 → 00:08:12 เวลามีแผลแล้วหายช้าหรือคนที่เคยเห็นว่า
00:08:12 → 00:08:15 เบาหวานตัดขาน่ะเพราะว่าเวลาที่เค้าเดิน
00:08:15 → 00:08:17 เตะนู่นนั่นนี่แล้วเ้ามีแผลเนี่ยแผลมัน
00:08:17 → 00:08:19 หายช้าเพราะน้ำตาลในเลือดเขาคเยอะนะครับ
00:08:19 → 00:08:21 วิธีนึงที่จะเช็คได้ว่าคุณเนี่ยหลอดเลือด
00:08:21 → 00:08:23 อักเสบได้มากแค่ไหนโดยที่ไม่ต้องไปเปลือง
00:08:23 → 00:08:25 สตุ้งสตางค์ในการเซเรย์หลอดเลือดแพงๆก็
00:08:25 → 00:08:28 คือการดูน้ำตาลในเลือดนะครับแต่น้ำตาลที่
00:08:28 → 00:08:30 จะดูได้ดีมากกว่านะก็คือน้ำตาลที่เรียก
00:08:30 → 00:08:33 ว่าน้ำตาลสะสมหรือค่าฮีโมโกลบิน
00:08:33 → 00:08:37 a1c อ่าบางคนรู้แค่ว่าฮีโมโกลบิน a1c
00:08:37 → 00:08:39 แต่ไม่รู้ว่าจริงๆมันคืออะไรจริงๆไอ้คำ
00:08:39 → 00:08:43 ว่าฮีโมโกลบินเนี่ยนะครับมันเป็นชื่อของ
00:08:43 → 00:08:46 สารชนิดนึงที่อยู่บนเม็ดเลือดแดงนะครับ
00:08:46 → 00:08:48 เนาะเพราะฉะนั้นความเข้มข้นเลือดของคุณจะ
00:08:48 → 00:08:50 มากหรือน้อยเราดูไอ้คำว่าฮีโมโกบินแหละ
00:08:50 → 00:08:52 แต่ฮีโมโกลบินมีหลายชนิดนะครับจำชื่อไม่
00:08:52 → 00:08:54 ได้ก็ช่างมันแต่ให้รู้ว่าเออถ้านตรวจน้ำ
00:08:54 → 00:08:56 ตาลสะสมคือตัวนี้นะนะครับมันจะมี
00:08:56 → 00:08:59 ฮีโมโกลบินชนิดนึงคือ a1c ซึ่งจะชอบจับ
00:08:59 → 00:09:02 กับน้ำตาลคราวนี้วิธีเช็คง่ายๆนะครับก็
00:09:02 → 00:09:05 คือให้เราดูเจ้าค่าฮีโมโกลบิน a1c เแหละ
00:09:05 → 00:09:06 ถามว่ามันบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับน้ำตาลได้
00:09:06 → 00:09:08 ยังไงนะครับเวลาที่เรากินน้ำตาลเข้าไปมัน
00:09:08 → 00:09:11 จะละลายอยู่ในเลือดถูกมยแล้วไอ้น้ำตาลที่
00:09:11 → 00:09:13 มันละลายในเลือดเนี่ยมันก็จะไปเกาะตาม
00:09:13 → 00:09:15 เม็ดเลือดที่เป็นฮีโมโกลบิน a1c เนี่ย
00:09:15 → 00:09:17 เพราะฉะนั้นถ้าใครที่มีเปอร์เซ็นต์
00:09:17 → 00:09:20 ฮีโมโกลบิน a1c เยอะสันนิษฐานไว้เลยยิ่ง
00:09:20 → 00:09:23 เยอะแล้วก็นานปล่อยไว้นานๆนะเส้นเลือดของ
00:09:23 → 00:09:25 คุณจะอักเสบแล้วก็มีผนังหลอดเลือดเนี่ย
00:09:25 → 00:09:28 ที่มันหนาตัวแบบเแหละเพราะฉะนั้นคนที่
00:09:28 → 00:09:30 เป็นเบาหวานส่วนใหญ่เนี่ยมักจะเจอว่าจะมี
00:09:30 → 00:09:32 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเส้นเลือดสมองตีบ
00:09:32 → 00:09:34 เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เยอะนะครับคราวนี้
00:09:34 → 00:09:36 หลายๆคนอาจจะเคยตรวจค่านี้มาแต่ไม่รู้ว่า
00:09:36 → 00:09:38 ตัวเองเสี่ยงแค่ไหนเนาะเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:09:38 → 00:09:42 ค่าฮีโมโกลบิน a1c เนี่ยครับนะมากกว่า
00:09:42 → 00:09:46 6.5 แสดงว่าคุณเป็นเบาหวานแล้วแล้วก็ถ้า
00:09:46 → 00:09:48 มากกว่า 6.5 นานๆคือคนที่เป็นเบาหวานนานๆ
00:09:48 → 00:09:51 นั่นแหละนะก็จะเสี่ยงในการที่จะเป็นเส้น
00:09:51 → 00:09:54 เลือดหัวใจตีบเส้นเลือดสมองตีบหรือบางคน
00:09:54 → 00:09:57 ที่ค่าอยู่ระหว่าง 5.7 - 6.5 เราเรียก
00:09:57 → 00:10:00 ว่าภาวะก่อนเบาหวานแต่ภาวะก่อนเบาหวานไม่
00:10:00 → 00:10:03 ได้หมายความว่าคุณสุขภาพดีปกตินะคนก็มัก
00:10:03 → 00:10:05 จะบอกว่าเอ้งี้ต้องเริ่มระวังแล้วนะจริงๆ
00:10:05 → 00:10:07 เส้นเลือดคุณมันอาจจะเริ่มเสียไปแล้วก็
00:10:07 → 00:10:11 ได้แต่มันแค่ต้องระวังไงถูกมยเพราะค่า 6.5
00:10:11 → 00:10:13 คือค่าที่หมอจะเริ่มจ่ายยาเบาหวานให้คุณ
00:10:13 → 00:10:16 กินแต่ 5.7 - 6.5 ก็แค่บอกให้ระวังแต่
00:10:16 → 00:10:18 ไอ้คำว่าระวังเนี่ยถ้าปล่อยไว้สัก 20 ปี
00:10:18 → 00:10:21 ค่าอยู่ประมาณ 6.1 6.2 20 ปีเส้นเลือด
00:10:21 → 00:10:22 อาจจะเสียไปแล้วก็ได้เหมือนกันนะครับ
00:10:22 → 00:10:26 เพราะฉะนั้นค่าต่ำกว่า 6 ค่าต่ำกว่า 5.7
00:10:26 → 00:10:28 จะดีที่สุดเนาะนะครับอ่ะเพราะฉะนั้นตรรง
00:10:28 → 00:10:30 นี้เข้าใจตรงกันเนาะว่าอยากรู้ว่าน้ำตาล
00:10:30 → 00:10:33 ในเลือดเรามันมีผลมากแค่ไหนน้ำตาลในเลือด
00:10:33 → 00:10:35 สูงแค่ไหนเส้นเลือดอักเสบแค่ไหนดูจากตัว
00:10:35 → 00:10:37 นี้นะครับเนาะม1ึไม่ค่อยนิยมให้ดูน้ำตาล
00:10:37 → 00:10:39 ปลายนิ้วเท่าไหร่ดูตัวนี้จะจะแม่นยำกว่า
00:10:39 → 00:10:42 นะครับคราวนี้เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะลด
00:10:42 → 00:10:44 น้ำหนักได้แล้วอยากจะลดการอักเสบได้ก็คือ
00:10:44 → 00:10:46 ต้องเรี่ยงน้ำตาลแต่คำว่าเรงน้ำตาลบางคน
00:10:46 → 00:10:48 บอกพูดยากเนาะคุณหมออาหารมันก็ใส่น้ำำตาล
00:10:48 → 00:10:51 หมดง่ายๆให้เริ่มจากเครื่องดื่มกับขนม
00:10:51 → 00:10:53 ก่อนเพราะพวกนี้น้ำตาลเยอะที่สุดนะครับ
00:10:53 → 00:10:55 เครื่องดื่มกับขนมเครื่องดื่มก็เช่นกาแฟ T
00:10:55 → 00:11:00 in one นะชานมไข่มุกน้ำอัดลมน้ำผลไม้
00:11:00 → 00:11:02 เครื่องดื่มอะไรที่มันหวานๆทั้งหลายนะมี
00:11:02 → 00:11:05 น้ำตาลน่ะเลี่ยงไปให้หมดนะแล้วก็พวกขนม
00:11:05 → 00:11:08 โดยเฉพาะขนมแปรรูปทั้งหลายนะขนมปังครัว
00:11:08 → 00:11:12 ซองนะพวกเนี้ยนะครับนะโดนัทพวกเนี้ยไม่ดี
00:11:12 → 00:11:14 ต่อสุขภาพเลยนะครับถ้าไม่อยากให้หลอด
00:11:14 → 00:11:17 เลือดของคุณผิดปกติก็ต้องเรียกน้ำตาลโอเค
00:11:17 → 00:11:19 มยนะครับเนาะส่วนเรื่องอาหารเนี่ยส่วน
00:11:19 → 00:11:21 ใหญ่น้ำตาลที่ใส่ลงไปเยอะๆมันจะไปละลาย
00:11:21 → 00:11:25 อยู่ในส่วนของน้ำเช่นบางคนกินนก๋วยเตี๋ยว
00:11:25 → 00:11:27 เวลาถ้าใส่น้ำตาลงไปมันก็จะไปลายลายอยู่
00:11:27 → 00:11:29 ในน้ำน้ำหรือเอาง่ายๆต้มยำบางทีต้มต้มยำ
00:11:29 → 00:11:32 บางคนกินหวานมากเลยเนาะนะน้ำตาลมันก็จะไป
00:11:32 → 00:11:34 ลายๆอยู่ในส่วนของน้ำน้ำต้มยำก็อย่าไปซด
00:11:34 → 00:11:37 เยอะแค่นั้นเองนะครับชาบูอย่างเงี้ยนะ
00:11:37 → 00:11:41 ครับหรือพวกที่เป็นกับข้าวผัดๆแต่ว่าน้ำ
00:11:41 → 00:11:43 เยอะๆแฉะๆบางร้านน่ะชอบทำกะเพราแฉะมากเลย
00:11:43 → 00:11:46 น้ำแฉะมากชูรสกับน้ำตาลก็ไปละลายอยู่ใน
00:11:46 → 00:11:49 นั้นแหละเพราะฉะนั้นคนที่ชอบราดน้ำลงไป
00:11:49 → 00:11:51 เยอะๆพวกนี้ก็จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
00:11:51 → 00:11:53 อ้วนมั้ยอ้วนเพราะน้ำตาลใช้ไม่หมดก็ไป
00:11:53 → 00:11:55 เก็บเป็นไขมันถามว่าหลอดเลือดอักเสบมย
00:11:55 → 00:11:58 อักเสบเพราะน้ำตาลลอยอยู่ในหลอดเลือดนาน
00:11:58 → 00:12:00 เกิดการอักเสบแล้วสุดท้ายเส้นเลือดก็จะติ
00:12:01 → 00:12:04 นะครับเนาะอันนี้คือข้อที่ 1 เนาะข้อที่ 2
00:12:04 → 00:12:07 ให้ลดปริมาณแป้งลงทำไมต้องลดปริมาณแป้ง
00:12:07 → 00:12:10 เพราะแป้งย่อยเป็นน้ำตาลได้แต่จริงๆแล้ว
00:12:10 → 00:12:12 แป้งมันมีหลายชนิดมากนะหรือที่หลายๆคนบาง
00:12:12 → 00:12:14 คนจะเรียกรวมๆว่าคาร์โบไฮเดรตถูกมั้ครับ
00:12:14 → 00:12:17 นะชนิดของคาร์โบไฮเดรตเดี๋ยวม 1 อธิบาย
00:12:17 → 00:12:19 แบบนี้แล้วกันถ้าใครที่เรียนลดน้ำหนักกับ
00:12:19 → 00:12:22 ม 1 จะรู้ว่ามันแบ่งออกเป็นหมวดๆนะครับคำ
00:12:22 → 00:12:24 ว่าแบ่งออกเป็นหมวดๆก็จะมีอยู่ทั้งหมด 6
00:12:24 → 00:12:28 หมวดอ่าตอนนี้หมอหนึอัปเดตนะครับบทที่ 5
00:12:28 → 00:12:30 เรื่องเกี่ยวกับการนับแป้งแล้วนะนะใครที่
00:12:30 → 00:12:32 ลดน้ำำหนักแล้วอยู่ในกลุ่มเรียน VIP
00:12:32 → 00:12:35 เนี่ยเข้าไปทวนบทที่ 5 นะครับนะหมนึง
00:12:35 → 00:12:37 อัปเดตให้แล้วเพราะบางคนเนี่ยลดน้ำหนัก
00:12:37 → 00:12:39 แล้วไม่เข้าใจไปฟังหมอคนนั้นฟังเทรนเนอร์
00:12:39 → 00:12:42 คนนี้แล้วบอกว่าเฮ้ยบางคนบอกต้องงดแป้งนะ
00:12:42 → 00:12:45 คือพอได้ยินหลายๆคนโดยเฉพาะพวกที่กินคีโต
00:12:45 → 00:12:47 กินแต่เนื้อสหัดกินอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:12:47 → 00:12:49 แล้วเงดแป้งไปเลยเนี่ยข้อเสียคือเวลาที่
00:12:49 → 00:12:52 คุณจะกลับมากินแป้งเนี่ยคุณจะไม่รู้ว่า
00:12:52 → 00:12:54 แป้งปริมาณเท่าไหร่แล้วจะเหมาะสมกับการ
00:12:54 → 00:12:57 ใช้ชีวิตของคุณสุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:12:57 → 00:12:59 คุณกินแป้งเกินคุณก็กลับไปโยโยอีกเพราะ
00:12:59 → 00:13:02 ฉะนั้นวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือคุณจะ
00:13:02 → 00:13:04 ต้องเข้าใจว่าแป้งที่คุณกินน้ำหนักตัว
00:13:04 → 00:13:07 เท่านี้คุณต้องใช้ปริมาณแป้งเท่าไหร่แต่
00:13:07 → 00:13:09 ไม่ใช่ว่าคุณต้องเอาแป้งเอาข้าวไปชั่งน้ำ
00:13:09 → 00:13:10 หนักนะชีวิตมันยุ่งยากนะครับนะใครที่อยู่
00:13:10 → 00:13:12 ในกลุ่มก็ไปทวนบทที่ 5 เนาบ 1 สอนไว้แล้ว
00:13:12 → 00:13:14 เนาะนะครับแต่สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ใน
00:13:14 → 00:13:16 กลุ่มเรียนก็ฟังไว้นะว่าแป้งมันมีทั้งหมด
00:13:16 → 00:13:20 6 หมวดด้วยกันอันที่ 1 คือข้าวอันที่ 2
00:13:20 → 00:13:26 คือเส้นอันที่ 3 คือขนมปังอันที่ 4 คือนม
00:13:26 → 00:13:30 อันที่ 5 คือผักหัวและอันอันสุดท้ายคือ
00:13:30 → 00:13:33 ผลไม้หมอ 1 จะอธิบายอันนี้มากนิดนึงแล้ว
00:13:33 → 00:13:36 กันนะครับคนที่กินแป้งเยอะเกินไปนะเช่น
00:13:36 → 00:13:39 วันนึงกินข้าวไลลายทัพพีบางวันกินผลไม้
00:13:39 → 00:13:41 เป็นกิโลนะครับแป้งเหล่านี้จะเยอะแล้วสุด
00:13:42 → 00:13:44 ท้ายมันจะย่อยแล้วกลายเป็นน้ำตาลอยู่ใน
00:13:44 → 00:13:46 กระแสเลือดถามว่าพอน้ำตาลในกระแสเลือด
00:13:46 → 00:13:49 เยอะเกิดอะไรขึ้นอ้วนมั้ยอ้วนเพราะใช้ไม่
00:13:49 → 00:13:51 หมดก็เก็บเป็นไขมันหลอดเลือดอักเสบม
00:13:51 → 00:13:53 อักเสบเพราะฉะนั้นแป้งที่มากเกินไปเลยไม่
00:13:53 → 00:13:56 ค่อยดีแต่แป้งที่ดีก็มีเหมือนกันนะครับ
00:13:56 → 00:13:59 มันก็จะแบ่งแป้งออกเป็น 2 ชนิดคือแป้ง
00:13:59 → 00:14:01 หรือขาบที่เป็นเชิงเดี่ยวจำชื่อไม่ได้
00:14:01 → 00:14:03 ช่างมันเชิงเดี่ยวเชิงซ้อนอะไรแต่ให้รู้
00:14:03 → 00:14:05 ว่าแป้งมี 2 ชนิดนะนะครับชนิดที่ 1 คือ
00:14:05 → 00:14:08 เป็นแป้งที่ผ่านกระบวนการมาคำว่าผ่าน
00:14:08 → 00:14:11 กระบวนการมาคือในธรรมชาติจริงๆมันไม่มี
00:14:11 → 00:14:13 แต่มันแปรรูปออกมาเป็นแบบนั้นได้เช่นอะไร
00:14:13 → 00:14:16 บ้างข้าวปกติจะมีใยของมันอยู่มีเปลือก
00:14:16 → 00:14:19 หุ้มนะครับแต่ถ้าขัดเอาเปลือกเอาใยอาหาร
00:14:19 → 00:14:21 ออกไปหมดก็จะกลายเป็นข้าวขาวพวกเนี้ยก็จะ
00:14:22 → 00:14:24 กลายเป็นข้าวที่ไม่มียอาหารเลยถ้าไม่มีย
00:14:24 → 00:14:27 อาหารเลยจะเกิดอะไรขึ้นครับร่างกายเรามัน
00:14:27 → 00:14:29 จะดูดซึมแป้งหรือน้ำตาลเหล่านั้นเข้าไป
00:14:29 → 00:14:32 เร็วมากอีกอันนึงที่เป็นอาหารแปรรูปเลยก็
00:14:32 → 00:14:34 คือพวกขนมปังขนมปังเราก็ไม่เคยเห็นใน
00:14:34 → 00:14:37 ธรรมชาติเราไม่เคยเห็นต้นขนมปังถูกมั้ย
00:14:37 → 00:14:39 และยิ่งเป็นขนมปังที่เป็นแป้งสาลีแล้วขาว
00:14:39 → 00:14:44 โพลนจิ้มนมข้นนะทาเนยราดน้ำตาลพวกเนี้ย
00:14:44 → 00:14:47 เป็นพวกแป้งที่ย่อยเร็วแล้วก็ดูดซึมเป็น
00:14:47 → 00:14:50 น้ำตาลเร็วคุณก็จะอ้วนเร็วและหลอดเลือดก็
00:14:50 → 00:14:53 จะอักเสบเร็วด้วยนะครับเพราะฉะนั้นคุณหมอ
00:14:53 → 00:14:55 คะแล้วกินยังไงดีล่ะคะเราถึงจะไม่อ้วน
00:14:55 → 00:14:58 แล้วหลอดเลือดไม่อักเสบง่ายๆครับนะให้ตัด
00:14:58 → 00:15:00 ปริมาณลงขึ้ครึ่งนึงก่อนใครที่ไม่ได้อยู่
00:15:00 → 00:15:02 ในกลุ่มเรียน VIP แล้วนับแป้งไม่เป็นไม่
00:15:02 → 00:15:04 เป็นไรแต่ให้เริ่มต้นจากการลดปริมาณแป้ง
00:15:04 → 00:15:06 ลงครึ่งนึงก่อนหลอดเลือดคุณก็จะสุขภาพดี
00:15:06 → 00:15:09 ขึ้นด้วยนะครับใครที่น้ำตาลสะสมเยอะพอได้
00:15:09 → 00:15:11 แป้งเข้าไปน้อยลงเดี๋ยวน้ำตาลสะสมมันก็ลด
00:15:11 → 00:15:14 ลงถูกมยเพราะฉะนั้นข้อที่ 1 วิธีลดแป้ง
00:15:14 → 00:15:16 คือตัดออกครึ่งนึงเคยกินข้าว 2 ทัพพี
00:15:16 → 00:15:18 เหลือ 1 ทัพพีได้มั้ยเคยกินบะหมี่ 2 ก้อน
00:15:18 → 00:15:21 เหลือ 1 ก้อนได้มยเคยกินขนมปัง 2 แผ่น
00:15:21 → 00:15:23 เหลือ 1 แผ่นได้มยเห็นภาพเป่าหรือบางคน
00:15:23 → 00:15:26 กินผลไม้บางวันนะตอนเย็นกินส้ม 3-4 ลูก
00:15:26 → 00:15:28 อ่ะตัดออกครึ่งนึงได้มยแล้วคุณจะเริ่ม
00:15:28 → 00:15:30 เห็นคามความเปลี่ยนแปลงเลยเมื่อไหร่ก็ตาม
00:15:30 → 00:15:32 ที่น้ำหนักคุณเริ่มลดลงเดี๋ยวสุขภาพหลอด
00:15:32 → 00:15:34 เลือดคุณก็จะดีขึ้นตามลำดับมันลิงกันอยู่
00:15:34 → 00:15:37 นะมันมาด้วยกันโอเคมยนะครับเนาะคราวนี้
00:15:37 → 00:15:39 ที่หมอหนึ่งอยากจะอธิบายเพิ่มอีกนิดนึง
00:15:39 → 00:15:40 แล้วกันเพราะไม่ค่อยได้พูดเนาะก็คือคุณ
00:15:40 → 00:15:43 หมออย่างงี้แสดงว่าพวกผักหัวไม่ควรกินหรอ
00:15:43 → 00:15:45 คะคือเวลาเราเปรียบเทียบเราต้องเลือกใน
00:15:45 → 00:15:48 ปริมาณแป้งที่เรากินเนี่ยอย่างสมมุติหมอ 1
00:15:48 → 00:15:50 บอกว่าเอาข้าวขาวมาตั้งไว้กับเอามันหวาน
00:15:50 → 00:15:53 ญี่ปุ่นมาตั้งไว้หมอ 1 จะเลือกอะไรอ่าคน
00:15:53 → 00:15:55 เราชีวิตมันต้องเลือกถูกมั้ยเรามีความรู้
00:15:55 → 00:15:56 เราจะเลือกเป็นหมอ 1 ก็จะเลือกมันหวาน
00:15:56 → 00:15:58 ญี่ปุ่นเพราะอะไรเพราะมันหวานญี่ปุ่นอยู่
00:15:58 → 00:16:02 ในกลุ่มผักหัวผักหัวเนี่ยมันมีแป้งด้วยก็
00:16:02 → 00:16:05 จริงอ่ะผักหัวมีแป้งด้วยก็จริงแต่มันมี
00:16:05 → 00:16:08 สิ่งที่เรียกว่าใยอาหารด้วยแต่ในขณะที่
00:16:08 → 00:16:11 ข้าวขาวมีใยอาหารมยน้อยมากแต่ถ้าเป็นข้าว
00:16:11 → 00:16:14 กล้องกับมันหวานเอออาจจะพอสูสีกันอยู่
00:16:14 → 00:16:16 เห็นภาพเนาะส่วนผลไม้เนี่ยนะครับไม่ค่อย
00:16:16 → 00:16:19 อยากให้กินเยอะเกินไปนะโดยเฉพาะพวกผลไม้
00:16:19 → 00:16:22 สุกบางคนบอกโหหน้าทุเรียนสุกๆลำไยรองกอง
00:16:22 → 00:16:25 ลิ้นจี่พวกนี้ไขมันพอกตับมากๆแล้วหลอด
00:16:25 → 00:16:27 เลือดอักเสบด้วยนะเพราะอะไรเพราะว่าผลไม้
00:16:27 → 00:16:29 จริงๆแล้วมันประกอบไปด้วย 3 อย่างอย่าง
00:16:29 → 00:16:32 คือ 1 น้ำตาลตามธรรมชาติ 2 นะครับถ้าเป็น
00:16:32 → 00:16:35 ผลไม้ที่ดิบหน่อยก็จะมีแป้งเยอะน้ำตาลไม่
00:16:35 → 00:16:38 เยอะและอันที่ 3 ก็คือมีสิ่งที่เรียกว่า
00:16:38 → 00:16:41 ใยอาหารเพราะฉะนั้นถามว่าผลไม้ไม่ดีใช่
00:16:41 → 00:16:44 ไหมมไม่ใช่ผลไม้กินได้แต่ในปริมาณที่
00:16:44 → 00:16:46 เหมาะสมไม่ใช่ว่ากินเป็นกิโลเลยผลไม้
00:16:46 → 00:16:48 เนี่ยเป็นสิ่งที่กินยังไงก็ไม่อิ่มนะจำ
00:16:48 → 00:16:51 ไว้เลยนะเพราะอะไรเพราะว่าน้ำตาลในผลไม้
00:16:51 → 00:16:53 เนี่ยมันคนละชนิดกับน้ำตาลในเลือดโอเคป่ะ
00:16:54 → 00:16:56 ส่วนใหญ่ถ้าเป็นผลไม้บางชนิดที่น้ำหวานๆ
00:16:56 → 00:16:58 มากๆน่ะมันจะมีน้ำตาลตัวนึงที่ชื่อ
00:16:58 → 00:17:00 ฟรุกโตสนะแต่น้ำตาลที่เราเจาะปลายเลือด
00:17:00 → 00:17:03 มันคือน้ำตาลกลูโคสนะครับพอน้ำตาล
00:17:03 → 00:17:05 ฟรุ๊กโตสเนี่ยกินเข้าไปปั๊บมันจะไม่ได้
00:17:05 → 00:17:07 ส่งสัญญาณไปบอกร่างกายว่าเราอิ่มอ่ะเพราะ
00:17:07 → 00:17:09 ฉะนั้นผลไม้เลยกินเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยอิ่ม
00:17:09 → 00:17:12 เนาะนะครับนะแต่ถามว่าผลไม้โอเคมั้ยโอเค
00:17:12 → 00:17:15 กินได้แต่พยายามอย่ากินแป้งซ้ำซ้อนใน 1
00:17:15 → 00:17:17 วันเช่นถ้ามื้อเย็นคุณจะกินผลไม้ให้ผลไม้
00:17:17 → 00:17:20 ที่ไม่ค่อยมีรสหวานนะแล้วมื้อนั้นก็ไม่
00:17:20 → 00:17:22 กินข้าวนะบางคนมื้อเย็นติดนิสัยกินข้าว
00:17:22 → 00:17:25 เสร็จปั๊บกินขนมปังกินนมแล้วกินผลไม้ด้วย
00:17:25 → 00:17:28 กลายเป็นอะไรกลายเป็นแป้งๆ้ๆๆ้เยอะไปหมด
00:17:28 → 00:17:30 พอแป้งแงเยอะย่อยเป็นน้ำำตาลเยอะน้ำตาลใน
00:17:30 → 00:17:32 เลือดเยอะก็อ้วนอ้วนเสร็จเลือดก็อักเสบ
00:17:33 → 00:17:35 อีกโอเคมั้ยหลอดเลือดก็จะอักเสบด้วยนะ
00:17:35 → 00:17:37 ครับเนาะเพราะฉะนั้นผลไม้จริงๆกินได้แล้ว
00:17:37 → 00:17:40 ก็เพิ่มให้อีกนิดนึงนะผลไม้กินได้แต่น้ำ
00:17:40 → 00:17:42 ผลไม้ไม่ค่อยแนะนำนะเพราะอะไรเพราะผลไม้
00:17:42 → 00:17:45 ประกอบไปด้วยน้ำตาลแป้งใยอาหารแต่น้ำ
00:17:45 → 00:17:49 ผลไม้เนี่ยไม่มีใยอาหารนะพอไม่มีใยอาหาร
00:17:49 → 00:17:51 ก็มีแต่อะไรมีแต่น้ำตาลนนะครับเพราะ
00:17:51 → 00:17:54 ฉะนั้นน้ำผลไม้ไปดูฉลากข้างกล่องเลยนะน้ำ
00:17:54 → 00:17:58 ผลไม้แท้ 100% ใช่มันคั้นมาจากผลไม้ 100%
00:17:58 → 00:18:00 แต่ไอ้ 100 100% ในนั้นน่ะเหลือแต่น้ำ
00:18:00 → 00:18:02 ตาลแล้วเลยไม่เหมาะเท่าไหร่นะครับเนาะนะ
00:18:02 → 00:18:05 อ้าถัดไปนะครับข้อที่ 3 งนี้ยังอยู่ใน
00:18:05 → 00:18:08 เรื่องอออ่างคืออาหารอยู่นะ 10 วิธีลดน้ำ
00:18:08 → 00:18:10 หนักล้างไขมันในเลือดข้อที่ 3 เลี่ยงการ
00:18:10 → 00:18:14 กินไขมันทรานไขมันทรานคืออะไรครับคุณหมอ
00:18:14 → 00:18:17 ไขมันในชีวิตประจำวันของเรามันจะกอบมันจะ
00:18:17 → 00:18:19 ประกอบไปด้วยถ้าใครเคยดูฉลากโภชนาการด้าน
00:18:19 → 00:18:22 หลังนะครับ 1 ไขมันอิ่มตัว 2 ไขมันไม่
00:18:22 → 00:18:25 อิ่มตัว 3 ไขมันทรานคือปัจจุบันจริงๆแล้ว
00:18:25 → 00:18:28 เราพยายามควบคุมพวกไขมันทรานไม่ให้เยอะ
00:18:28 → 00:18:31 เพราะไมันทรานเนี่ยไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ
00:18:31 → 00:18:34 ได้แก่พวกอะไรบ้างอ่ะนี่เลยตามรูปคุณเห็น
00:18:34 → 00:18:39 อะไรบ้างอาหารแปรรูปเอยเบเกอร์รี่เอยพวก
00:18:39 → 00:18:42 ขนมอะไรก็แล้วแต่นะครับพวกเนี้ยเป็นไขมัน
00:18:42 → 00:18:44 ทานหมดเลยถามว่าดีต่อหลอดเลือดมยไม่ค่อย
00:18:44 → 00:18:48 ดีกินได้ไหมนานๆทีกินได้อาหารเป็นเรื่อง
00:18:48 → 00:18:50 ของความสุขในการใช้ชีวิตแต่ถ้ากินทุกวัน
00:18:50 → 00:18:53 หลอดเลือดเสียแน่ๆคุณเลยสังเกตสิว่าคนที่
00:18:53 → 00:18:55 ชอบกินอาหารฟาสฟู้ดชอบกินเบเกอรี่เยอะๆ
00:18:55 → 00:18:58 พวกฝรั่งโซนยุโรปที่เขาอ้วนๆกันมักจะมี
00:18:58 → 00:19:01 อุบัติกาของการเกิดโรคหัวใจเยอะมากเพราะ
00:19:01 → 00:19:04 อะไรเพราะอาหารพวกนี้แหละโอเคมยนะครับ
00:19:04 → 00:19:08 เนาะอ้าข้อที่ 4 ข้อที่ 4 ถ้าอยากลดน้ำ
00:19:08 → 00:19:10 หนักให้กินโปรตีนให้หลากหลายหมอหนึจะพูด
00:19:10 → 00:19:12 ตลอดทุกคลิปเลยถูกมั้ยเพราะว่าอะไรเพราะ
00:19:12 → 00:19:17 ว่าโปรตีนคือสิ่งที่กินแล้วทำให้คุณอิ่ม
00:19:17 → 00:19:20 ไม่ใช่น้ำตาลไม่ใช่แป้งนะพวกนี้ไม่อิ่ม
00:19:20 → 00:19:23 แต่สิ่งที่อิ่มคือโปรตีนและโปรตีนได้แก่
00:19:23 → 00:19:26 อะไรบ้างเนื้อสัตว์นมไข่ถั่วเต้าหู้แต่คำ
00:19:26 → 00:19:29 ว่ากินโปรตีนให้หลากหลายหมายความความว่า
00:19:29 → 00:19:31 อะไรนะครับก่อนหน้านี้เนี่ยมันจะมีคนที่
00:19:31 → 00:19:35 บอกว่าเฮ้ยถ้าอยากสุขภาพดีอ่ะคุณต้องกิน
00:19:35 → 00:19:38 โปรตีนที่เป็นมังสวิรัตนะคุณต้องกิน
00:19:38 → 00:19:40 โปรตีนที่เป็นแพนเบสนะคุณอย่าไปกินนะพวก
00:19:40 → 00:19:43 เนื้อแดงมันไม่ดีนะเพราะฉะนั้นก็จะมี 2
00:19:43 → 00:19:45 ฝั่งสู้กันถูกมยฝั่งนึงก็บอกต้องกินเนื้อ
00:19:45 → 00:19:48 สิกินเนื้อดีอีกฝั่งก็บอกอุ้ยเนื้ออยกิน
00:19:48 → 00:19:51 นะต้องกินแต่พืชสีพืชดีกว่าคำถามคือคุณ
00:19:51 → 00:19:54 คิดมว่าอีก 20 ปีเนี่ยคำแนะนำนี้จะยัง
00:19:54 → 00:19:56 อยู่เหมือนเดิมคนที่เชื่อว่ากินเนื้อดี
00:19:56 → 00:19:58 อาจจะไปเชื่อว่ากินมังสวิรัตดีก็ได้คุณ
00:19:58 → 00:20:01 ที่เชื่อว่ากินมังสวิรัสดีอาจจะกลับไปกิน
00:20:01 → 00:20:03 เนื้อก็ได้เพราะพวกนี้เนี่ยมันวิวัฒนาการ
00:20:03 → 00:20:06 ตามอะไรตามงานวิจัยในแต่ละปีหรือบางคนที่
00:20:06 → 00:20:08 ไปเจาะเลือดมานะครับไกด์ไลน์ในการให้ยาไข
00:20:08 → 00:20:11 มันในเส้นเลือดยังเปลี่ยนทุกปีเลยนะเมื่อ
00:20:11 → 00:20:13 30 ปีที่แล้วเรายังเชื่อว่าไขมันทำให้
00:20:14 → 00:20:16 เราอ้วนอยู่เลยตอนนี้มาเชื่อว่าการกินน้ำ
00:20:16 → 00:20:18 ตาลเยอะทำให้อ้วนเพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว
00:20:18 → 00:20:20 เนี่ยหลายๆอย่างมันก็วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ
00:20:20 → 00:20:22 นะครับเราเลยจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์
00:20:22 → 00:20:24 แล้วก็เอามาปรับใช้กับการใช้ชีวิตประจำ
00:20:24 → 00:20:26 วันของเราเพราะฉะนั้นถ้าถามหมอหนึ่งนะ
00:20:26 → 00:20:28 ครับว่าโปรตีนเรากินแบบไหนดีเราก็ต้องรู้
00:20:28 → 00:20:30 ก่อนว่ากินโปรตีนแบบไหนแล้วให้ประโยชน์
00:20:30 → 00:20:33 อะไรให้โทษอะไรบ้างถูกมยถ้าเป็นโปรตีนนะ
00:20:33 → 00:20:38 ครับถ้าเป็นโปรตีนที่มาจากสัตว์อ่ากับอีก
00:20:38 → 00:20:42 กลุ่มนึงคือโปรตีนที่มาจากพืชโปรตีนที่มา
00:20:42 → 00:20:44 จากสัตว์เช่นอะไรบ้างเนื้อสัตว์นมไข
00:20:44 → 00:20:47 โปรตีนที่มาจากพืชเช่นอะไรบ้างถั่ว
00:20:47 → 00:20:50 เต้าหู้ธัญพืชทั้งหลายโปรตีนที่มาจาก
00:20:50 → 00:20:53 สัตว์ข้อดีคืออะไรสร้างกล้ามเนื้อได้ดี
00:20:53 → 00:20:55 มากเพราะฉะนั้นใครที่อยากจะลดน้ำหนักนะ
00:20:55 → 00:20:58 คุณจำเป็นต้องกินโปรตีนจากสัตว์แต่โปรตีน
00:20:58 → 00:21:00 ตินจากสัตว์ก็จะมีเนื้อสัตว์เนื้อสัตว์ก็
00:21:00 → 00:21:02 จะแยกเป็น 2 ประเภทคือเนื้อขาวกับเนื้อ
00:21:02 → 00:21:06 แดงอ่าบางคนก็จะทำวิจัยแล้วก็บอกว่าการ
00:21:06 → 00:21:07 กินเนื้อแดงเยอะๆทำให้เสี่ยงเป็นโรค
00:21:07 → 00:21:10 มะเร็งเพิ่มขึ้นหลอดเลือดอักเสบเพิ่มขึ้น
00:21:10 → 00:21:13 นะครับซึ่งเขาบอกว่ามันอาจจะเกิดจากธาตุ
00:21:13 → 00:21:16 เหล็กที่อยู่ในเนื้อแดงที่เยอะกว่าปกติ
00:21:16 → 00:21:18 อันนี้ก็เป็นงานวิจัยที่เค้ากำลังทำกัน
00:21:18 → 00:21:21 อยู่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโหมีแค่ขาวกับ
00:21:21 → 00:21:23 ดำกินได้กับกินไม่ได้ไม่ใช่นะครับคนเรา
00:21:23 → 00:21:26 กินเนื้อแดงมาตั้งเยอะแล้วอ่ะนะถามว่าหมอ
00:21:26 → 00:21:28 หนึ่งกินชาบูมั้ยกินบางคนบอกเนื้อแดงคือ
00:21:28 → 00:21:31 อะไรครับคุณหมอเนื้อแดงคือพวกหมูพวกวัว
00:21:31 → 00:21:33 พวกเนี้ยอันนี้คือเนื้อแดงถ้าเนื้อขาวคือ
00:21:33 → 00:21:35 พวกไก่พวกปลานะครับนะแต่ถ้ามีโอกาสมีเวลา
00:21:36 → 00:21:37 เดี๋ยวจะไว้อาจจะอธิบายให้ฟังนะจริงๆเคย
00:21:38 → 00:21:39 ทำคลิปเกี่ยวกับวกกล้ามเนื้อขาวกล้าม
00:21:39 → 00:21:41 เนื้อแดงไว้แล้วมันเป็นเรื่องของการออก
00:21:41 → 00:21:44 แรงนะครับนะคนที่มีกล้ามเนื้อขาวกับกล้าม
00:21:44 → 00:21:47 เนื้อแดงเนี่ยมันจะออกแรงไม่เหมือนกันนะ
00:21:47 → 00:21:49 แค่นั้นเองแล้วกันนะอ่ะเข้าใจแบบนี้ก่อน
00:21:49 → 00:21:51 นะครับเพราะฉะนั้นถามว่าเนื้อแดงกินได้
00:21:51 → 00:21:53 มั้ยกินได้แต่อาจจะไม่ได้กินทุกวันเช่น
00:21:53 → 00:21:56 ไม่ได้กินชาบูทุกวันวันนี้กินหมูพรุ่งนี้
00:21:56 → 00:21:59 กินไก่ลืนกินปลาอีกมากินอาหารทะเลแบบ
00:21:59 → 00:22:01 เนี้ยร่างกายคุณไม่ต้องกังวลเลยว่าสุขภาพ
00:22:01 → 00:22:03 คุณจะเสียเพราะคุณกินอาหารที่หลากหลายมาก
00:22:03 → 00:22:05 ๆหรือบางคนเนี่ยจะลดน้ำหนักแล้วจะกินแต่
00:22:05 → 00:22:08 ไข่อย่างเดียววันนึงจะกินไข่วันละ 10 ฟอง
00:22:08 → 00:22:10 ไม่เหมาะเลยเพราะอะไรเพราะในไข่เนี่ยก็จะ
00:22:10 → 00:22:13 นอกจากโปรตีนและยังมีวิตามินเกินแรกอื่นๆ
00:22:13 → 00:22:16 แต่คุณอาจจะขาดวิตามินเกลือแร่บางตัวที่
00:22:16 → 00:22:18 อยู่ในเนื้อสัตว์ก็ได้ที่อยู่ในนมก็ได้
00:22:19 → 00:22:21 เพราะในไข่อาจจะมีน้อยกว่าถูกมั้ยและถ้า
00:22:21 → 00:22:24 ในไข่นั้นมีสารพิษเช่นมีเชื้อโรคอยู่บาง
00:22:24 → 00:22:27 ทีไปเจอแพ็คไข่ที่มีโมเนลเยอะนะครับเป็น
00:22:27 → 00:22:29 ชื่อเชื้อโรคนะคุณคุณก็จะท้องเสียหนักเลย
00:22:29 → 00:22:31 เพราะกินไป 10 ฟองต่อวันเพราะฉะนั้นดีที่
00:22:31 → 00:22:34 สุดคืออะไรอยากได้สารอาหารครบถ้วนต้องกิน
00:22:34 → 00:22:36 ให้หลากหลายไม่อยากได้สารพิษจากอะไรเยอะ
00:22:36 → 00:22:39 เกินไปก็ต้องกินอาหารให้หลากหลายโอเคเนาะ
00:22:39 → 00:22:41 นะครับเพราะฉะนั้นโปรตีนจากสัตว์เนี่ยจะ
00:22:41 → 00:22:44 สร้างกล้ามเนื้อได้ดีมากเหมาะกับคนลดน้ำ
00:22:44 → 00:22:47 หนักเพราะถ้ากล้ามเนื้อคุณเหมาะสมมวล
00:22:47 → 00:22:49 กล้ามเนื้อคุณแข็งแรงระบบเผาผลาญคุณจะดี
00:22:49 → 00:22:54 นะแต่โปรตีนจากพืชเนี่ยข้อดีคือมีใยอาหาร
00:22:54 → 00:22:56 และใยอาหารตรงนี้แหละที่ทำให้หลอดเลือด
00:22:56 → 00:22:59 ของคุณเนี่ยนะครับนะลดการอักเสบเบได้เยอะ
00:22:59 → 00:23:01 เลยเพราะฉะนั้นใครที่ชอบกินแต่เนื้อสัตว์
00:23:01 → 00:23:03 ไม่ค่อยกินผักไม่ค่อยกินใยอาหารเลยเนี่ย
00:23:03 → 00:23:05 โอกาสที่จะเจ็บป่วยเกี่ยวกับเส้นเลือด
00:23:05 → 00:23:07 เกี่ยวกับมะเร็งจะเยอะเพราะอะไรเพราะใย
00:23:07 → 00:23:09 อาหารน้อยเพราะฉะนั้นถ้าถามหมอ 1 นะครับ
00:23:09 → 00:23:12 คุณควรจะต้องมีการกินผักบ้างโปรตีนจากพืช
00:23:12 → 00:23:15 เช่นเต้าหู้ก็ต้องกินบ้างนะถั่วธัญพืช
00:23:15 → 00:23:19 บ้างเพราะได้สารอาหารที่ครบถ้วนย้ำเลยนะ
00:23:19 → 00:23:21 กินโปรตีนจากสัตว์เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็ง
00:23:21 → 00:23:24 แรงกินโปรตีนจากพืชเพื่อให้ใยอาหาร
00:23:24 → 00:23:26 โอเคเนาะนะครับให้ได้ใหยอาหารถัดมาข้อที่
00:23:26 → 00:23:29 5 นะครับนะบ 1 พูดเรื่องใยอาหารไปถูก
00:23:29 → 00:23:32 มั้ยกินใยอาหารให้เพียงพอแต่ใยอาหารในที่
00:23:32 → 00:23:34 นี้บางคนชอบคิดแค่ว่ามันได้จากผักผลไม้
00:23:34 → 00:23:38 จริงๆไม่ใช่จากโปรตีนได้มยจากโปรตีนก็ได้
00:23:38 → 00:23:40 เหมือนกันนะครับเพราะฉะนั้นไฟเบอร์ที่แท้
00:23:40 → 00:23:43 จริงแล้วอาจจะได้จากอะไรบ้างข้อที่ 1 ได้
00:23:43 → 00:23:49 จากผักใบจำไว้เลยนะผลักใบข้อที่ 2 ได้จาก
00:23:49 → 00:23:53 แป้งเชิงซ้อนแป้งเชิงซ้อนคำว่าแป้งเชิง
00:23:53 → 00:23:56 ซ้อนเช่นอะไรบ้างข้าวกล้องไงถูกมยข้าว
00:23:56 → 00:23:58 เป็นแป้งแต่ว่าเชิงซ้อนเพราะเพราะมีใย
00:23:58 → 00:24:01 อาหารก็คือมีเปลือกมันอยู่ได้จากอะไรได้
00:24:01 → 00:24:04 จากผักหัวไงนะผักหัวมีแป้งเช่นข้าวโพด
00:24:04 → 00:24:07 เผือกมันฟักทองแต่มันมีใยอาหารอยู่นะครับ
00:24:07 → 00:24:11 แล้วก็ข้อที่ 3 ได้จากผลไม้แต่ข้อที่ 3
00:24:11 → 00:24:13 ต้องระวังเพราะผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติ
00:24:13 → 00:24:17 เพราะฉะนั้นคำว่าใยอาหารไม่ใช่เกี่ยวกับ
00:24:17 → 00:24:19 เรื่องของผักอย่างเดียวบางคนไม่ชอบกินผัก
00:24:19 → 00:24:22 คุณอาจจะไปเอาจากพวกผักหัวแป้งเชิงซ้อนก็
00:24:22 → 00:24:25 ได้ไม่จำเป็นต้องเน้นแต่ผักใบเนาะนะครับ
00:24:25 → 00:24:27 ที่พูดมาทั้งหมดคือเรื่องอาหารที่ถ้าคุณ
00:24:27 → 00:24:30 ปรับตามได้นะคุณได้น้ำตาลน้อยลงนะคุณจะ
00:24:30 → 00:24:33 ผอมลงนะเส้นเลือดคุณจะสุขภาพดีนะข้อถัดมา
00:24:33 → 00:24:37 อออ่างตัวที่ 2 นะครับก็คือเรื่องของ
00:24:37 → 00:24:40 อากาศอ่าคือเรื่องของอากาศใครจะไปรู้ว่า
00:24:40 → 00:24:43 อากาศมีผลต่อความอ้วนความผอมและมีผลต่อ
00:24:43 → 00:24:46 เรื่องของหลอดเลือดด้วยนะครับข้อที่ 6
00:24:46 → 00:24:50 ให้หลีกเลี่ยง PM 2.5 เฮ้ย PM 2.5 มีผล
00:24:50 → 00:24:53 ขนาดนั้นเลยหรอนะครับต้องอธิบายว่าเวลา
00:24:53 → 00:24:56 ที่เราพูดถึง PM 2.5 บางคนไม่รู้ว่า 2.5
00:24:56 → 00:25:00 คืออะไรมันคืออนุภาพของฝุ่นเล็กมากๆซึ่ง
00:25:00 → 00:25:03 มันเล็กขนาดที่มันสามารถซึมเข้าไปอยู่ใน
00:25:03 → 00:25:06 หลอดเลือดคุณได้เมีงานวิจัยเลยนะว่าในที่
00:25:06 → 00:25:09 ที่มี PM 2.5 เยอะเนี่ยคนเป็นเส้นเลือด
00:25:09 → 00:25:12 อักเสบเยอะและคนเป็นโรคหัวใจเยอะขึ้น
00:25:12 → 00:25:15 เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยู่ในโซนที่มี PM 2.5
00:25:15 → 00:25:16 เยอะคุณต้องใส่หน้ากากคุณต้องมีเครื่อง
00:25:16 → 00:25:19 ฟอกอากาศหรือถ้าเป็นไปได้ย้ายถิ่นฐานได้
00:25:19 → 00:25:22 เป็นทางออกที่ดีที่สุดเลยเพราะอะไรเพราะ
00:25:22 → 00:25:24 ว่าพวกนี้มีผลในระยะยาวทำให้คุณเป็นโรค
00:25:24 → 00:25:27 หัวใจได้นะนะครับเนาะส่วนควันอื่นๆที่
00:25:27 → 00:25:30 เกี่ยวกับ PM 2.5 นะครับสูดเข้าไปแล้ว
00:25:30 → 00:25:32 เป็นโรคหัวใจเส้นเลือดอักเสบเหมือนกันคือ
00:25:32 → 00:25:36 อันนี้เลยควันบุหรี่ใครที่อยู่ในที่ที่มี
00:25:36 → 00:25:39 ควันบุหรี่สังเกตแม้เราจะไม่ได้สูบนะแต่
00:25:39 → 00:25:42 ควันเนี้ยเข้าไปเสร็จปั๊บมันจะไปเกาะตาม
00:25:42 → 00:25:44 หลอดเลือดทำให้หลอดเลือดคุณอักเสบเหมือน
00:25:44 → 00:25:46 กันเพราะฉะนั้นนึกภาพที่หมอหนึ่งวาดรูป
00:25:46 → 00:25:49 แรกให้ดูก็คือหลอดเลือดของเรามีเม็ดเลือด
00:25:49 → 00:25:52 ลอยอยู่ถูกมยผ่านไปสักแป๊บนึงอยู่ดีๆทำไม
00:25:53 → 00:25:56 มีไขมันพอกขึ้นมานะครับเนี่ยปกติแล้วมัน
00:25:56 → 00:25:59 อาจจะไม่อักเสบก็ได้ไขมันหรือคอเลสเตอรอล
00:25:59 → 00:26:01 ที่ลอยอยู่ในผนังหลอดเลือดอาจจะไม่อักเสบ
00:26:01 → 00:26:03 ก็ได้แต่อยู่ดีๆนะวันนึงได้อะไรได้ควัน
00:26:03 → 00:26:07 บุหรี่เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบใครที่เคย
00:26:07 → 00:26:09 สูดควันบุหรี่ใกล้ๆลองสูดเข้าไปเสร็จปั๊บ
00:26:09 → 00:26:11 สำลักควันเลยเพราะอะไรมันแสบคอมากเส้น
00:26:12 → 00:26:14 เลือดเรามันก็เป็นแบบนี้แหละนะครับเพราะ
00:26:14 → 00:26:17 ฉะนั้นพวกอากาศมีผลกับโรคหลอดเลือดมากๆ
00:26:17 → 00:26:20 เส้นเลือดคุณจะอักเสบมนะครับเซลล์คุณจะ
00:26:20 → 00:26:23 ปกติหรือเปล่าหลีกเลี่ยงควันพวกนี้เนาะนะ
00:26:23 → 00:26:28 ครับนะอ่ะมีอาหารอากาศถัดไปนะครับคือ
00:26:28 → 00:26:33 เรื่องของการออกกำลังกายอ้าออกกำลังกายมี
00:26:33 → 00:26:35 ผลอยู่แล้วแต่หลายคนไม่รู้ว่าเออมันมีผล
00:26:35 → 00:26:37 กับการลดน้ำหนักนะแต่ไม่รู้ว่ามีผลเกี่ยว
00:26:37 → 00:26:40 กับเรื่องไขมันที่ในเลือดและพวกการอักเสบ
00:26:40 → 00:26:42 ของหลอดเลือดด้วยนะครับคราวนี้บางคนพอพูด
00:26:42 → 00:26:44 ถึงออกกำลังกายก็จะบอกว่าคุณหมอคะพี่อย่า
00:26:44 → 00:26:46 ออกกำลังกายมาตั้งเยอะค่ะวิ่งทุกวันแต่
00:26:46 → 00:26:49 ไม่ผอมรู้มั้ยทำไมวิ่งทุกวันแต่ไม่ผอม
00:26:49 → 00:26:51 สาเหตุที่คุณวิ่งทุกวันแต่ไม่ผอมเพราะคุณ
00:26:51 → 00:26:54 ออกกำลังกายไม่ครบทุกแบบนะการออกกำลังกาย
00:26:54 → 00:26:56 จริงๆมันจะมี 2 แบบด้วยกันนะหมอหนึไม่
00:26:56 → 00:26:58 ค่อยได้พูดเรื่องนี้เลยเนาะอันที่ 1 เรา
00:26:58 → 00:27:00 เรียกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
00:27:00 → 00:27:03 คาร์ดิโอเนี่ยแปลว่าหัวใจเพราะฉะนั้นการ
00:27:03 → 00:27:06 ออกแบบคาร์ดิโอคือการออกที่ต่อเนื่องทำ
00:27:06 → 00:27:09 ให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นแล้วก็แรงขึ้น
00:27:09 → 00:27:12 อันเนี้ยจะมีผลดีมากๆเลยกับกับเรื่องของ
00:27:12 → 00:27:16 เส้นเลือดนะแล้วก็เรื่องของความแข็งแรง
00:27:16 → 00:27:20 ของหัวใจแต่อาจจะไม่ได้ช่วยในเรื่องการลด
00:27:20 → 00:27:22 น้ำหนักมากนักเพราะอะไรเพราะบางคนเนี่ย
00:27:22 → 00:27:24 หัวใจเต้นเร็วขึ้นแรงขึ้นแต่ไม่ได้ใช้
00:27:24 → 00:27:26 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆเช่นกล้ามเนื้อสะโพก
00:27:26 → 00:27:28 กล้ามเนื้ออกกล้ามเนื้อหลังเยอะนะครับ
00:27:28 → 00:27:30 เพราะฉะนั้นพวกนี้กล้ามเนื้อหัวใจจะแข็ง
00:27:30 → 00:27:33 แรงหลอดเลือดคุณจะแข็งแรงสุขภาพคุณจะดี
00:27:33 → 00:27:37 แต่ลดน้ำหนักได้ไม่ดีเพราะไม่เคยออกกำลัง
00:27:37 → 00:27:41 กายแบบที่ 2 ที่เรียกว่าการออกแบบ weight
00:27:41 → 00:27:44 Training อ่า weight Training weight
00:27:44 → 00:27:46 แปลว่าน้ำหนัก weight Training คือการ
00:27:46 → 00:27:49 ฝึกที่มีน้ำหนักนะการฝึกที่มีน้ำหนักคือ
00:27:49 → 00:27:51 การฝึกที่เราใช้สิ่งที่เรียกว่ากล้าม
00:27:52 → 00:27:54 เนื้อให้เยอะนะครับเพราะฉะนั้นใครเคยทำ
00:27:54 → 00:27:57 Squad ใครเคยทำ body weight พวกเนี้ยพอ
00:27:57 → 00:27:59 ได้ใช้ใช้กล้ามเนื้อเยอะขึ้นระบบพอผันคุณ
00:28:00 → 00:28:02 จะดีแล้วคุณจะผอมแต่กล้ามเนื้อที่จะได้
00:28:02 → 00:28:04 รับความแข็งแรงเป็นหลักก็จะเป็นกล้าม
00:28:04 → 00:28:06 เนื้อที่อยู่ภายนอกเช่นกล้ามเนื้อแขน
00:28:06 → 00:28:08 กล้ามเนื้อขาพวกนี้เนาะแล้วก็ส่งผลให้หัว
00:28:09 → 00:28:11 ใจคุณแข็งแรงขึ้นด้วยนะแต่ถ้าอยากจะ
00:28:11 → 00:28:13 สุขภาพดีด้วยเนี่ยลดน้ำหนักเน้นเทเทนนิ
00:28:13 → 00:28:15 สุขภาพดีไปเน้นคาร์ดิโอด้วยเพราะฉะนั้น
00:28:15 → 00:28:18 คุณจะทำสลับผสมกันใครที่ชอบวิ่งอย่าวิ่ง
00:28:18 → 00:28:20 อย่างเดียวเพราะสุขภาพคุณจะดีแต่คุณจะไม่
00:28:20 → 00:28:24 ผอมส่วนใครที่เวทชอบเวทชอบออกกำลังกายแบบ
00:28:24 → 00:28:26 ไม่ได้มีเหงื่อเยอะคุณจะกล้ามเนื้อแข็ง
00:28:26 → 00:28:29 แรงระบบเผาผลาญดีคุณจะผอมแต่หัวใจคุณอาจ
00:28:29 → 00:28:31 จะไม่ได้แข็งแรงก็ได้เห็นภาพเนาะนะครับนะ
00:28:32 → 00:28:34 เพราะฉะนั้นออกกำลังกายออกให้ครบทั้ง 2
00:28:34 → 00:28:36 อย่างจะผอมแล้วสุขภาพเส้นเลือดดีด้วยนะ
00:28:36 → 00:28:39 ครับอ่ะถัดไป 8 ข้อแล้วนะข้อที่ 9 ไม่
00:28:39 → 00:28:41 ค่อยได้พูดเรื่องนี้แต่สำคัญมากๆมันคือ
00:28:41 → 00:28:44 เรื่องของการนอนให้มีประสิทธิภาพหลายคน
00:28:44 → 00:28:46 ที่ลดน้ำหนักอยู่แล้วนอนไม่ดีเนี่ยเป็น
00:28:46 → 00:28:48 สาเหตุนึงเล็กๆที่ทำให้คุณลดน้ำหนักช้า
00:28:48 → 00:28:50 ได้นะเพราะอะไรเวลาที่คุณนอนไม่มี
00:28:50 → 00:28:52 ประสิทธิภาพเนี่ยตื่นมาวันรุ่งขึ้น
00:28:52 → 00:28:55 ฮอร์โมนมันจะเปลี่ยนพอฮอร์โมนเปลี่ยนความ
00:28:55 → 00:28:57 หิวคุณก็เปลี่ยนความอยากอาหารคุณก็
00:28:57 → 00:28:59 เปลี่ยนถูกมั้ยเพราะเวลาที่นอนไม่มี
00:28:59 → 00:29:01 ประสิทธิภาพส่วนใหญ่มันมักจะมาพร้อมกับ
00:29:01 → 00:29:02 สิ่งที่เรียกว่าความเครียดอ่ะนะครับเนาะ
00:29:03 → 00:29:05 คราวนี้คำว่านอนให้มีประสิทธิภาพคืออะไร
00:29:05 → 00:29:07 นะครับจริงๆคุณต้องเข้าใจสิ่งนึงที่เรา
00:29:07 → 00:29:09 เรียกว่า
00:29:09 → 00:29:13 นาฬิกาชีวิตนะนาฬิกาชีวิตนาฬิกาชีวิตของ
00:29:13 → 00:29:16 คนเราเนี่ยมันสัมพันธ์กับสิ่งที่เรียกว่า
00:29:16 → 00:29:21 แสงแดดกับความมืดอ่าร่างกายเรามันรู้ได้
00:29:21 → 00:29:23 ยังไงว่าควรจะหลังฮอร์โมนอะไรตอนไหนนะ
00:29:23 → 00:29:26 ครับมันสัมพันธ์กับเรื่องแสงแดดกับความ
00:29:26 → 00:29:29 มืดเนาะเพราะฉะนั้นคนคนที่นอนกลางวันตื่น
00:29:29 → 00:29:33 กลางคืนคือทำงานเป็นกะกับคนที่ทำงานเป็น
00:29:33 → 00:29:36 เวลาแล้วนอนกลางคืนตื่นกลางวันต่อให้นอน
00:29:36 → 00:29:39 ระยะเวลา 7-8 ช่มเท่ากันสุขภาพจะไม่
00:29:39 → 00:29:41 เหมือนกันเพราะฮอร์โมนมันเพี้ยนไปเพราะ
00:29:41 → 00:29:43 ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้จริงๆเขาบอกว่าช่วง
00:29:43 → 00:29:46 เวลาที่นอนที่ดีที่สุดก็คือช่วง 22:00 น
00:29:46 → 00:29:49 แล้วก็ตื่นประมาณ 6:00 นเป็นช่วงที่กำลัง
00:29:49 → 00:29:51 ดีนะครับและระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมจะ
00:29:51 → 00:29:55 อยู่ประมาณ 7-9 ชมงแต่เคยมีคนทำวิจัยนะเ
00:29:55 → 00:29:58 บอกว่าคนอายุยืนเนี่ยมักจะใช้เวลานอน
00:29:58 → 00:30:00 ประมาณ 7 ชมนะก็ถือว่าเป็นเวลาที่กำลัง
00:30:00 → 00:30:02 โอเคกำลังพอดีอาจจะนอนประมาณ 22:30 น
00:30:03 → 00:30:05 23:00 นตื่น 6:00 นอย่างเงี้ยได้นะครับ
00:30:05 → 00:30:07 เนาะแต่ถ้าบางคนนอนเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
00:30:07 → 00:30:10 เนี่ยสังเกตนะใครที่ชอบนอนดึกๆนะมันจะมี
00:30:10 → 00:30:12 ช่วงการหลั่งของฮอร์โมนที่กระตุ้นให้คุณ
00:30:12 → 00:30:14 ตื่นอยู่นะถ้า 22:00 นคุณไม่หลับคุณมักจะ
00:30:15 → 00:30:17 ไปหลับอีกที 2:00 นเพราะอะไรเพราะพอคุณ
00:30:17 → 00:30:19 ไม่หลับตอน 22:00 นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้
00:30:19 → 00:30:21 คุณตื่นตัวมันจะหลั่งออกมาละแล้วมันจะ
00:30:21 → 00:30:23 เริ่มตกลงอีกที 2:00 นถ้า 2:00 นคุณไม่
00:30:23 → 00:30:25 หลับคุณจะมักจะไปหลับอีกทีประมาณ 5:00 น-
00:30:25 → 00:30:28 6:00 นแล้วผมจะเข้าใจเรื่องนี้ดีวเวลา
00:30:28 → 00:30:30 ที่หมอหนึอยู่เวรพวกห้องฉุกเฉินนะโอ้โห
00:30:30 → 00:30:32 ช่วงที่กำลังแบบง่วงสุดๆเลยนะ 2:00 นแต่
00:30:32 → 00:30:34 พอเลย 2:00 นไปแล้วมันจะตื่นแล้วจะไปง่วง
00:30:34 → 00:30:37 อีกทีช่วงประมาณ 5:00 18:00 นอ่ะเพราะ
00:30:37 → 00:30:40 ฉะนั้นเรื่องของการนอนเลยมีผลกับชีวิตมาก
00:30:40 → 00:30:42 ๆเพราะฮอร์โมนมันจะเพี้ยนนะครับนะแล้วใคร
00:30:42 → 00:30:44 ที่ชอบนอนไม่เป็นเวลาเนี่ยมันจะทำให้มีผล
00:30:44 → 00:30:47 กับความหิวคุณก็จะกินเวลาคุณหิวคุณอยาก
00:30:47 → 00:30:49 กินอะไรคุณอยากกินน้ำตาลกับแป้งมันก็จะ
00:30:49 → 00:30:51 กลับไปอ้วนอ้วนไม่พอเส้นเลือดเป็นไงเส้น
00:30:51 → 00:30:53 เลือดเสียอีกมันมาพร้อมกันหมดเลยเห็นภาพ
00:30:53 → 00:30:55 เนาะนะครับเนาะเพราะฉะนั้นอันนี้คือข้อ
00:30:55 → 00:30:57 ที่ 9 คือปลับการนอนนิดนึงต่อให้มีผลไม่
00:30:57 → 00:31:00 มากแต่มีผลกับการใช้ชีวิตและสุขภาพนะครับ
00:31:00 → 00:31:01 และข้อสุดท้ายเมื่อกี้บอกแล้วสิ่งที่มา
00:31:01 → 00:31:04 พร้อมกับการนอนที่ผิดเวลาคืออะไรครับคือ
00:31:04 → 00:31:07 เรื่องของอารมณ์เชื่อมยว่าอารมณ์มีผลกับ
00:31:07 → 00:31:10 สุขภาพมากๆนะครับใครที่ความเครียดสูงความ
00:31:10 → 00:31:12 เครียดจากงานความเครียดจากเรื่องเงินความ
00:31:12 → 00:31:15 เครียดจากเรื่องครอบครัวนะจะส่งผลให้คุณ
00:31:15 → 00:31:17 หิวบ่อยพอหิวบ่อยก็จะอยากกลับไปกินอะไร
00:31:17 → 00:31:22 น้ำตาลกับแป้งตะบะแตกถูกป่ะเพราะฮอร์โมน
00:31:22 → 00:31:23 ที่หลั่งออกมาคือฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือ
00:31:23 → 00:31:25 ฮอร์โมนความเครียดจะกระตุ้นให้คุณอยากกิน
00:31:25 → 00:31:27 น้ำตาลอยากกินแป้งอยู่อย่างเงี้ยนะครับ
00:31:27 → 00:31:30 และและในคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดีนะจะ
00:31:30 → 00:31:33 เกี่ยวกับเรื่องกับความเครียดด้วยนะอย่าง
00:31:33 → 00:31:35 คนที่เป็นมะเร็งบางคนบอกว่าคุณหมอบอกว่า
00:31:35 → 00:31:37 คุณจะอยู่ได้อีก 6 เดือนนะแต่พอเาควบคุม
00:31:38 → 00:31:40 ความเครียดได้ดีระบบฮอร์โมนในร่างกายดี
00:31:40 → 00:31:43 ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายดีบางคนอยู่ได้ 5
00:31:43 → 00:31:46 ปียังไม่เสียชีวิตเลยนะแต่บางคนที่ไม่เคย
00:31:46 → 00:31:48 เป็นภูมิแพ้มาก่อนเลยนะไม่เคยเป็นมะเร็ง
00:31:48 → 00:31:52 มาก่อนเลยแต่ความเครียดสูงมากอยู่ดีๆณวัน
00:31:52 → 00:31:54 นึงตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งบางคนไม่เคย
00:31:54 → 00:31:57 เป็นภูมิแพ้อยู่ดีๆอายุ 20 กว่าๆทำงานหาม
00:31:57 → 00:31:59 รุ่งหามค่ำเป็นภูมิแพ้ซะอย่างงั้นนะครับ
00:31:59 → 00:32:02 เพราะฉะนั้นข้อ 10 เรื่องความเครียดก็เลย
00:32:02 → 00:32:04 สำคัญมากๆนะครับเพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว
00:32:04 → 00:32:07 ชีวิตของคนเราเนี่ยจะลดน้ำหนักเอยจะดูแล
00:32:07 → 00:32:09 สุขภาพเอยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เรื่อง
00:32:09 → 00:32:12 อาหารอย่างเดียวนะเพราะฉะนั้นถ้าพูดง่ายๆ
00:32:12 → 00:32:15 เลย 5 อออ่างจำให้ได้ 1 อาหารเลี่ยงน้ำ
00:32:15 → 00:32:18 ตาลลดแป้งเลี่ยงไขมันไม่ดีไขมันทอดซ้ำๆ
00:32:18 → 00:32:21 หรือพวกที่เป็นไขมันทรานกินใยอาหารให้
00:32:21 → 00:32:23 เพียงพอกินโปรตีนให้หลากหลายอย่าเน้น
00:32:23 → 00:32:26 โปรตีนชนิดใดชนิดหนึงมากเกินไปเรื่อง
00:32:26 → 00:32:29 อากาศหลีกเลี่ยงควันบุรกับ PM 2.5 ออก
00:32:29 → 00:32:31 กำลังกายอย่าเน้นออกอย่างใดอย่างหนึ่งถ้า
00:32:31 → 00:32:34 เน้นคาร์ดิโอมากไปสุขภาพแข็งแรงแต่คุณจะ
00:32:34 → 00:32:36 ไม่ผอมเพราะกล้ามเนื้อมัดใหญ่คุณไม่ได้
00:32:36 → 00:32:38 ใช้แต่ถ้าคุณเน้นลดน้ำหนักอย่างเดียวคุณ
00:32:38 → 00:32:40 เท Training อย่างเดียวแล้วไม่ได้
00:32:40 → 00:32:42 คาร์ดิโอกล้ามเนื้อหัวใจคุณก็จะไม่แข็ง
00:32:42 → 00:32:44 แรงเส้นเลือดคุณก็จะไม่แข็งแรงถูกมยนะ
00:32:44 → 00:32:47 ครับข้อที่ 9 การเอนตัวคือการนอนพยายาม
00:32:47 → 00:32:50 นอนให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด 7-9 ชมม
00:32:50 → 00:32:54 และนอนในช่วงกลางคืนเพราะช่วงกลางคืน
00:32:54 → 00:32:56 เนี่ยพอร่างกายเรารับรู้นะเราปิดไฟทุก
00:32:56 → 00:32:58 อย่างมืดสนิทฮอร์โมนที่มันเกิดการซ่อมแซม
00:32:58 → 00:33:01 เรามันจะหลั่งออกมาที่ชื่อว่าเมลาโทนิน
00:33:01 → 00:33:02 เคยได้ยินใช่มั้ยมันมีพวกอาหารเสริม
00:33:03 → 00:33:05 เมลาโทนินขายกันน่ะจริงๆเมลาโทนินนะแค่
00:33:05 → 00:33:07 คุณนอนให้เป็นเวลาร่างกายมันก็จะหลั่ง
00:33:07 → 00:33:09 เมลาโทนินออกมาเองแล้วมันจะกระตุ้นโกส
00:33:09 → 00:33:12 ฮอร์โมนมาซ่อมแซมร่างกายต่างๆกล้ามเนื้อ
00:33:12 → 00:33:14 ต่างๆของคุณสุขภาพคุณจะดีและสุดท้ายเลย
00:33:14 → 00:33:17 ต่อให้คุณกินอาหารดีอากาศดีออกกำลังกายดี
00:33:17 → 00:33:21 นอนดีแต่อารมณ์คุณไม่ดีความเครียดคุณสูง
00:33:21 → 00:33:24 คุณก็มีโอกาสที่จะเส้นเลือดสมองตีบเส้น
00:33:24 → 00:33:27 เลือดหัวใจตีบได้บางคนเป็นมะเร็งทั้งๆที่
00:33:27 → 00:33:29 อะไรทำดีหมดทุกอย่างเราเคยได้ข่าวถูกมั้ย
00:33:29 → 00:33:31 หลายๆคนที่เป็นมะเร็งเพราะอะไรเพราะว่า
00:33:31 → 00:33:34 ความเครียดมีผลมากๆนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:33:34 → 00:33:37 10 ข้อนี้เอาไปทำให้ครบนะแล้วผอมเป็น
00:33:37 → 00:33:39 เรื่องไม่ยากเลยอย่างนักเรียนหมอ1ึเนี่ย
00:33:39 → 00:33:41 นะครับพอเค้าเจาะลึกทำ 10 ข้อนี้ดีๆนะน้ำ
00:33:41 → 00:33:45 หนักเป็นไงลดใน 3 เดือนนะไขมันในเลือด
00:33:45 → 00:33:47 เป็นไงกลับมาปกติพอไขมันในเลือดกลับมา
00:33:47 → 00:33:50 ปกติน้ำตาลในเลือดกลับมาปกติเส้นเลือดก็
00:33:50 → 00:33:52 ก็ไม่อักเสบพอเส้นเลือดไม่อักเสบตั้งแต่
00:33:52 → 00:33:55 วันนี้เป็นต้นไปในอนาคตคุณก็จะสุขภาพดี
00:33:55 → 00:33:58 โดยที่มีน้ำหนักที่ลดลงความมั่นใจในการ
00:33:58 → 00:34:00 ใส่เสื้อผ้าที่เพิ่มขึ้นเนี่ยเป็นของแถม
00:34:00 → 00:34:02 นะครับแต่สำหรับใครที่ติดตามหมัวหนึ่งมา
00:34:02 → 00:34:05 หลายคลิปแล้วนะแล้วก็มีความเสี่ยงมากๆที่
00:34:05 → 00:34:07 จะเป็นเส้นเลือดสมองตีบเส้นเลือดหัวใจตีบ
00:34:07 → 00:34:09 นะเพราะว่าผลเลือดเริ่มผิดปกติแล้วหรือ
00:34:09 → 00:34:12 บางคนเนี่ยเอาจริงๆอ่ะอยากลดน้ำหนักมากๆ
00:34:12 → 00:34:14 แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงนะครับตั้งใจฟังให้
00:34:14 → 00:34:16 ดีนะหมอหนึพูดเรื่องพีระมิดความผอมเนี่ย
00:34:16 → 00:34:19 หลายรอบมากๆแล้วใครที่อยากเริ่มต้นลดน้ำ
00:34:19 → 00:34:22 หนักก็ถืออากาศตรงนี้นะครับนะฟังซ้ำอีก 1
00:34:22 → 00:34:24 รอบนักเรียนในกลุ่ม VIP ของหมอ 1 อ่ะเค้า
00:34:24 → 00:34:26 ทำตามพีระมิดนี้แหละเคถึงผอมและสุขภาพ
00:34:26 → 00:34:29 กลับไปดีคนเป็นเบาหวานหายความดันหายนะ
00:34:29 → 00:34:31 ครับหลายคนที่ถามหมอ 1 มาตั้งแต่ต้นคลิป
00:34:31 → 00:34:33 ว่านักเรียนของหมอ 1 เค้าเรียนอะไรกัน
00:34:33 → 00:34:35 บ้างจริงๆเนี่ยสุขภาพคุณจะดีคุณเริ่มจาก
00:34:35 → 00:34:37 การลดน้ำหนักก่อนซึ่งลดน้ำหนักเนี่ยมี
00:34:37 → 00:34:41 ง่ายๆเลยกี่ข้อ 5 บรรทัดถูกมั้ย 5 ข้ออัน
00:34:41 → 00:34:44 ที่ 1 คุณต้องเข้าใจเรื่องออ่างที่ 1 คือ
00:34:44 → 00:34:47 เรื่องสารอาหารกินอะไรถึงจะผอมข้อที่ 2
00:34:47 → 00:34:50 ให้จัดเวลาการทานให้ถูกต้องคือทำ If ถูก
00:34:50 → 00:34:54 มยข้อที่ 3 คือการสร้างอะไรสร้างระบบเผา
00:34:54 → 00:34:57 ผลาญหรือออกกำลังกายยังไงแค่ 10-15 นาที
00:34:57 → 00:35:00 ระบบเผผ่านถึงจะดีพอคุณทำ 3 ข้อนี้ได้นะ
00:35:00 → 00:35:02 เดี๋ยวน้ำหนักคุณก็จะลดลงพอน้ำหนักลดลง
00:35:02 → 00:35:04 หมายความว่าน้ำตาลในเลือดคุณก็ไม่เยอะไข
00:35:04 → 00:35:06 มันในเลือดคุณก็ไม่เยอะความเสี่ยงเรื่อง
00:35:06 → 00:35:09 หลอดเลือดเสียหายก็ไม่มีถูกมยแล้วพอน้ำ
00:35:09 → 00:35:13 หนักลดลงเสร็จเจอปัญหาที่เรียกว่าปัญหา
00:35:13 → 00:35:15 น้ำหนักนิ่งเราก็ค่อยๆไปเรียนรู้ว่ามัน
00:35:15 → 00:35:18 แก้ยังไงบางคนตามหมอน1ึมานานแล้วสุขภาพดี
00:35:18 → 00:35:20 ขึ้นเยอะแล้วแต่ติดปัญหาว่าน้ำหนักนิ่ง
00:35:20 → 00:35:23 และแก้ผิดอ่ะนะน่าเสียดายมากๆนะครับแล้ว
00:35:23 → 00:35:25 ก็ข้อที่ 5 คือถ้าสมมุติว่ารดได้จนได้น้ำ
00:35:26 → 00:35:28 หนักที่พอใจแล้วทำยังไงจะไม่กลับไปอ้วน
00:35:28 → 00:35:30 อีกไม่งั้นบางคนเนี่ยไม่เคยกินแป้งมาก่อน
00:35:30 → 00:35:32 เลยลดน้ำหนักด้วยการตัดแป้งพอเสร็จปั๊บ
00:35:32 → 00:35:34 ได้น้ำหนักที่พอใจแล้วกลับไปกินแป้งโดย
00:35:34 → 00:35:37 ที่ไม่รู้ว่าปริมาณเท่าไหร่ถึงพอสุดท้าย
00:35:37 → 00:35:39 กลับไปโยโยแล้วก็กลับไปเส้นเลือดอักเสบ
00:35:39 → 00:35:42 อีกนะครับในอนาคตเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์
00:35:42 → 00:35:44 อัมพาตอีกเพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะลดน้ำ
00:35:44 → 00:35:46 หนักได้คุณต้องเข้าใจพีระมิดนี้เนาะนะ
00:35:46 → 00:35:48 ครับนะในกลุ่มเรียน VIP หมอหนึจะสอน
00:35:48 → 00:35:51 พีระมิดเนี่ยยจนครบเลยเรื่องสารอาหารก็มี
00:35:51 → 00:35:55 ทั้งน้ำตาลโปรตีนแป้งนะครับนะไขมันมีสอน
00:35:55 → 00:35:57 จนครบเลยว่ากินยังไงบ้าง If มีตัวอย่าง
00:35:57 → 00:36:00 ให้ดูทั้งหมดหลายคนเนี่ยรู้ว่าทำไอคืออ๋อ
00:36:00 → 00:36:02 มีช่วงกินช่วงอดแต่ทำผิดวิธีมันก็ไม่ผอม
00:36:02 → 00:36:05 ถูกมั้ยส่วนใหญ่ทำไแต่สารอาหารไม่ดีไม่
00:36:05 → 00:36:07 เคยผอมเลยนะครับระบบเผาผลาญทำยังไงออก
00:36:07 → 00:36:10 กำลังกายไม่ต้องหนักแต่น้ำหนักลดลงได้
00:36:10 → 00:36:12 แล้วกลับมาสุขภาพดีด้วยคาร์ดิโอแบบไหนถึง
00:36:12 → 00:36:15 ดีเทเนิแบบไหนถึงดีนะครับบอ1ึมีตัวอย่าง
00:36:15 → 00:36:18 ให้ดูด้วยซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้จำเป็นต้อง
00:36:18 → 00:36:20 ออกกำลังกายหนักเลยนะถ้าคุณไม่ได้อยากแบบ
00:36:20 → 00:36:23 ขุ่นเป็นเทรนเนอร์มีซิกแพคกล้ามโตๆแต่แค่
00:36:23 → 00:36:25 อยากกลับไปผอมและสุขภาพดีนะคุณใช้เวลา
00:36:25 → 00:36:27 10-15 นาทีต่อวันน่ะถ้าคุณมีเวลา 10 15
00:36:27 → 00:36:30 นาทีต่อวันไถมือถือได้นะคุณมี 10 15
00:36:30 → 00:36:32 นาทีต่อวันดูคลิปผมแล้วเอาไปทำตามอ่ะ
00:36:32 → 00:36:35 สุขภาพดีเลย 7 วันพุงยุบ 1 เดือนกลับไป
00:36:35 → 00:36:38 ใส่เสื้อผ้าสวยได้ 3 เดือนกลับไปตรวจ
00:36:38 → 00:36:40 เลือดสุขภาพดีเลยนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:36:40 → 00:36:42 เนี่ยอันเนี้ยที่หมอหนึ่งสอนในกลุ่มก็จะ
00:36:42 → 00:36:46 ไปสอนเรื่องเทคนิคของการนับแป้งหมอเึงบอก
00:36:46 → 00:36:48 แล้วว่าเรื่องนี้สำคัญมากบางคนตัดน้ำตาล
00:36:48 → 00:36:50 ไปแล้วแต่ไม่ผอมเพราะอะไรสุขภาพไม่ดีไข
00:36:50 → 00:36:52 มันในเลือดยังสูงอยู่เพราะไม่เข้าใจว่า
00:36:52 → 00:36:54 ตัวเองกินแป้งเยอะเกินไปไม่ได้หมายความ
00:36:54 → 00:36:56 ว่าต้องตัดไปเลยแต่ก็ไม่ใช่กินเท่าไหร่ก็
00:36:56 → 00:36:58 ได้นะครับสูตรการนับแป้งอันนี้เป็นสูตร
00:36:58 → 00:37:00 ที่หมอหนึ่งสอนเฉพาะในกลุ่มเรียนเท่านั้น
00:37:00 → 00:37:02 นะใช้เวลาเรียนนิดนึงเพราะจะแบ่งบทให้นะ
00:37:02 → 00:37:05 ครับเรื่องของแป้งอย่างเดียวก็ 3 บทละนะ
00:37:05 → 00:37:07 เพราะฉะนั้นใช้เวลาเรียนนิดนึงแต่คุณเข้า
00:37:07 → 00:37:09 ใจครั้งเดียวนะคุณเอาไปใช้ได้ตลอดชีวิต
00:37:09 → 00:37:12 เลยนะครับว่าเออถ้าเราอยากกินข้าวกินข้าว
00:37:12 → 00:37:15 ปริมาณเท่าไหร่ดีกับหน้าหนักตัวขนมปังนม
00:37:15 → 00:37:19 นะครับผักผลไม้นะโดยเฉพาะบทผลไม้นะสนุก
00:37:19 → 00:37:21 มากเลยโอ๊ยแต่ก่อนกินผลไม้เยอะขนาดนี้เลย
00:37:21 → 00:37:23 เหรอเนี่ยนะทำไมถึงไม่ผอมเพราะแบบนี้นี่
00:37:23 → 00:37:26 เองแต่คุณยังกลับไปกินทุเรียนได้นะแต่ใน
00:37:26 → 00:37:30 ปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวช่วงนั้นๆ
00:37:30 → 00:37:33 โอเคไหนะครับเนาะแล้วก็เนี่ยหลังหลายคน
00:37:33 → 00:37:35 เอาเทคนิคหมอ 1 ไปใช้บางคนเนี่ยลดมาทั้ง
00:37:35 → 00:37:37 ชีวิตเนี่ยไม่เคยลงเลข 7 เลยนะครับจากเลข
00:37:37 → 00:37:40 7 ไม่เคยลงเลยตรงเลดไป 12 กลละจาก 70
00:37:40 → 00:37:44 เหลือ 58 ง่ายๆเลยขอแค่มีความรู้นะครับนะ
00:37:45 → 00:37:47 แล้วก็เทคนิคการนับโปรตีนอันนี้สำคัญมาก
00:37:47 → 00:37:48 เหมือนกันคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ผอมและ
00:37:48 → 00:37:50 สุขภาพไม่ดีเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองกิน
00:37:50 → 00:37:52 โปรตีนน้อยไปแล้วก็คิดว่าตัวเองไม่มี
00:37:52 → 00:37:55 วินัยหิวตะบะแตกอยู่นั่นแหละแต่จริงๆคุณ
00:37:55 → 00:37:57 กินโปรตีนไม่พอถ้าคุณกินโปรตีนจากเนื้อ
00:37:57 → 00:38:00 สัตว์นมไข่ถั่วเต้าหู้เพียงพอนะแล้วมี
00:38:00 → 00:38:03 ความรู้ว่าจะกินอะไรปริมาณเท่าไหร่นะคุณ
00:38:03 → 00:38:05 จะผอมแบบที่ไม่ต้องทรมานเลยกินอิ่มทุก
00:38:05 → 00:38:08 มื้อนะครับซึ่งหมอ 1 ก็จะมีเทคนิคการนับ
00:38:08 → 00:38:10 โปรตีนสอนให้ในทุกหมวดหมู่เลยนะครับเนาะ
00:38:10 → 00:38:12 ซึ่งเป็นสูตรของหมอ1ึเองที่สอนเฉพาะนัก
00:38:12 → 00:38:14 เรียนในกลุ่ม VIP เท่านั้นนะครับนะแล้วก็
00:38:15 → 00:38:17 มีอะไรอีกเนี่ยบางคนบอกว่ามีตารางอาหาร
00:38:17 → 00:38:20 ให้มั้ยคะหมอ 1 ไม่มีตารางอาหารให้นะแต่
00:38:20 → 00:38:23 สิ่งที่หมอ 1 สอนคือสอนให้คุณจัดตาราง
00:38:23 → 00:38:26 อาหารให้ตัวเองเป็นหลายคนชอบหมอ 1 ค้าไม่
00:38:26 → 00:38:29 ทำคอร์สที่แบบเป็นตารางอาหารแจกเลยหรอคะ
00:38:29 → 00:38:31 หลายคนน่าจะเคยเรียนกับหมอหรือเทรนเนอร์
00:38:31 → 00:38:33 ที่เขามีตารางอาหารให้สุดท้ายนะวันนึงถ้า
00:38:33 → 00:38:35 คุณไม่ได้ต่อคอร์สไม่ได้เรียนกับเคแล้ว
00:38:35 → 00:38:37 คุณต้องไปจัดอาหารเองแล้วคุณจัดไม่เป็น
00:38:37 → 00:38:40 สุดท้ายกลับไปอ้วนมยอ้วนแน่นอนถูกมย
00:38:40 → 00:38:41 อารมณ์ไม่ต่างกันกับการที่คุณซื้ออาหาร
00:38:42 → 00:38:44 เสริมซื้อโปรตีนต่างๆมากินหยุดกินปั๊บ
00:38:44 → 00:38:46 กลับไปอ้วนเพราะอะไรอ่ะเพราะไม่รู้ว่า
00:38:46 → 00:38:48 จริงๆแล้วมันแก้ปัญหาจากต้นเหตุยังไงไง
00:38:48 → 00:38:50 เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือผมจะสอนคุณ
00:38:50 → 00:38:52 จัดอาหารให้ตัวเองโดยที่ไม่ต้องทำอาหาร
00:38:53 → 00:38:56 เองซื้ออาหารตามสั่งก็ผอมได้สุขภาพดีได้
00:38:56 → 00:38:59 แต่แต่ต้องเข้าใจปริมาณเท่านั้นเองนะครับ
00:38:59 → 00:39:02 เนาะก็จะมีสอนจัดมื้ออาหารด้วยตัวเองด้วย
00:39:02 → 00:39:05 นะครับเนี่ยพอมีความรู้นะเป็นไงคนเนี้ยเ
00:39:05 → 00:39:07 สมัครมาเรียนแล้วก็เอาไปสอนลูกสาวลูกสาว
00:39:07 → 00:39:10 น้ำหนัก 75 ผ่านไป 6 เดือนลดไปเรื่อยๆ
00:39:10 → 00:39:12 เรื่อยๆๆๆยังไม่โยโยเลยจะครึ่งปีอยู่แล้ว
00:39:12 → 00:39:15 นะลดไป 18 กลจนเหลือ 57 อ่ะบางคนน่ะความ
00:39:15 → 00:39:18 ฝันในชีวิตสูงสุดคือน้ำหนักกลับไปเลข 5
00:39:18 → 00:39:20 แค่นี้พอใจแล้วนะเพราะฉนั้นไม่ยากนัก
00:39:20 → 00:39:22 เรียนหมอ 1 มีแบบนี้เยอะแยะบางคนลดจัก 100
00:39:22 → 00:39:24 กว่ากลอ่ะนะครับเนาะนะแล้วก็มีสอนเกี่ยว
00:39:24 → 00:39:26 กับเรื่องการอ่านฉลากด้วยเรื่องนี้สำคัญ
00:39:26 → 00:39:28 มากคุณจะผอมได้ตลอดตอดชีวิตถ้าคุณไม่มี
00:39:28 → 00:39:30 ความรู้ในการเลือกซื้ออาหารนะจบเลยนะครับ
00:39:30 → 00:39:33 แล้วก็จะมีสอนอ่านฉลากด้วยแล้วก็ If หลาย
00:39:33 → 00:39:35 คนที่ชอบทำผิดๆเนี่ยหมอหนึงมีตัวอย่างให้
00:39:35 → 00:39:37 ดูด้วยนะหมอ 1 มีนักเรียนในกลุ่มประมาณ
00:39:37 → 00:39:39 20,000 กว่าคนนะที่เาเป็นนักเรียนหมอ 1
00:39:39 → 00:39:41 น่ะนะเพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าผมมีตัว
00:39:41 → 00:39:43 อย่างของคนที่ทำ If มาเยอะมากๆไม่ว่าคุณ
00:39:43 → 00:39:45 จะทำงานเป็นเวลาหรือไม่เป็นเวลาแล้วก็จะ
00:39:45 → 00:39:48 ปิดจุดแต่ละจุดให้คุณด้วยว่าที่แต่ก่อน
00:39:48 → 00:39:50 ที่คุณทำ If แล้วไม่ผอมเพราะอะไรนะครับนะ
00:39:50 → 00:39:53 ส่วนใหญ่เกิดจากสารอาหารพูดให้แค่นี้เลย
00:39:53 → 00:39:55 นะเนี่ยอีกคนเเพิ่งเข้ากลุ่มไปเมื่ออะไร
00:39:55 → 00:39:57 ไงเนี่ยอย่างคนเนี้ยติดตามหมอหนึ่งจาก
00:39:57 → 00:39:59 YouTube มาสักพักนึงแล้วนะหลายคนก็ติด
00:39:59 → 00:40:01 ตามหมอหนึมาสักพักนึงแล้วเนี่ยเริ่มต้น
00:40:01 → 00:40:03 น้ำหนัก 84 แล้วก็ทำตามหมอหนึใน YouTube
00:40:03 → 00:40:06 น้ำหนักก็ลดลงแต่พอเริ่มเจอปัญหาว่าตัว
00:40:06 → 00:40:08 เองเริ่มแบบเฮ้ยไปต่อไม่ได้แล้วเเข้า
00:40:08 → 00:40:10 มาเรียนกับผมต่อนะครับนะพอได้เข้าเรียนก็
00:40:10 → 00:40:13 เข้าใจมากขึ้นมีความสุขในการลดน้ำหนักมาก
00:40:13 → 00:40:15 ขึ้นตอนนี้น้ำหนักลดต่อแล้วเหลือเท่าไหร่
00:40:15 → 00:40:17 77 แล้วเห็นมั้ยเพิ่งเข้ามาแป๊บเดียวเอง
00:40:17 → 00:40:20 อ่ะนะครับเพราะฉะนั้นใครที่ดู YouTube มา
00:40:20 → 00:40:22 แล้วดูคลิปหมอหนึ่งจาก Facebook มาแล้ว
00:40:22 → 00:40:24 แล้วน้ำหนักนิ่งหรือติดปัญหาเข้ามาเรียน
00:40:24 → 00:40:26 ในกลุ่ม VIP นะมีวิธีช่วยอีกเยอะเลยนะ
00:40:26 → 00:40:28 ครับเนาะเรียนครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีวิต
00:40:28 → 00:40:31 นะครับซึ่งหลายคนถามว่าเอ้ยแล้วคลิปใน
00:40:31 → 00:40:33 YouTube หมอหนึ่งก็สอนดีมากๆแล้วแล้วใน
00:40:33 → 00:40:35 กลุ่มคลิปมันเหมือนกันมยก็ต้องบอกว่ามัน
00:40:35 → 00:40:36 จะมีสูตรที่หมอหนึ่งไม่เคยสอนใน YouTube
00:40:36 → 00:40:38 เพราะมันต้องใช้เวลาเรียนนะครับก็เข้าไป
00:40:38 → 00:40:40 เรียนในกลุ่ม VIP ได้นะครับโดยเฉพาะสูตร
00:40:40 → 00:40:43 การนับโปรตีนนับแป้งเทคนิคการแก้ปัญหาน้ำ
00:40:43 → 00:40:44 หนักนี่เองเนี่ยไม่เคยสอนที่ไหนนะครับ
00:40:44 → 00:40:46 เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่อยากเข้ามาเรียน
00:40:46 → 00:40:48 กับหมอ 1 นะครับนะเราจะเรียนกันใน
00:40:48 → 00:40:50 Facebook กลุ่มปิดนะครับเรียนเวลาไหนก็
00:40:50 → 00:40:52 ได้เรียนจากที่ไหนบนโลกนี้ก็ได้เพราะว่า
00:40:52 → 00:40:54 พอเข้ากลุ่มไปแล้วหมอหนึ่งเรียงลำดับไว้
00:40:54 → 00:40:56 ให้แล้วว่าวันที่ 1 2 3 4 5 คุณจะ
00:40:56 → 00:41:00 ต้องทำอะไรบ้างบทเรียนหลักมี 21 บทพอจบบท
00:41:00 → 00:41:01 ที่ 1 คุณจะรู้ว่าอ๋อพอเราปรับเครื่อง
00:41:01 → 00:41:03 ดื่มแบบนี้ร่างกายเกิดปัญหาแบบนี้นะอุ้ย
00:41:03 → 00:41:05 มันหิวจังคุณหมอเดี๋ยวบทที่ 2 ที่ 3 จะมา
00:41:05 → 00:41:07 แก้ปัญหาเรื่องหิวให้พอคุณเริ่มกินอิ่ม
00:41:08 → 00:41:09 ปั๊บจะเริ่มเกิดปัญหาว่าเฮ้ยคุณหมอแล้ว
00:41:09 → 00:41:12 แป้งกินยังไงบทที่ 4 56 มันจะเรียงมาแบบ
00:41:12 → 00:41:13 เนี้ยเพราะปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่ล้ดน้ำ
00:41:14 → 00:41:16 หนักไม่ได้เพราะอะไรรู้มั้ยเพราะว่าคุณ
00:41:16 → 00:41:18 ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้างคือพอต้องทำทุก
00:41:18 → 00:41:20 อย่างพร้อมกัน 1 2 3 4 5 6 7 8 9
00:41:20 → 00:41:22 10 เฮ้ยไม่รู้จะทำอะไรดีไม่ทำเลยแล้วกัน
00:41:22 → 00:41:24 เพราะฉนั้นบอ 1 ซอยมาให้แล้วนะครับนะใคร
00:41:24 → 00:41:26 ที่อยู่ในกลุ่มก็ทำตามทีละบทเลยนะครับไม่
00:41:26 → 00:41:28 ต้องไปลองผิดลองถูกเองนะครับเนาะเพราะ
00:41:28 → 00:41:30 ฉะนั้นสำหรับใครที่อยากสมัครเรียนนะครับ
00:41:30 → 00:41:32 เรียนใน Facebook กลุ่มปิดนะเรียนเวลาไหน
00:41:32 → 00:41:34 ก็ได้แล้วถ้าสมัครตอนนี้จะได้อัปเกรดเป็น
00:41:34 → 00:41:36 คอร์สตลอดชีพก็คือเรียนได้จนกว่าคุณจะได้
00:41:36 → 00:41:39 น้ำหนักที่พอใจเลยและถ้ามีปัญหาถามหม 1
00:41:39 → 00:41:41 ในกลุ่มได้เลยนะครับหม 1 จะตอบคำถามอยู่
00:41:41 → 00:41:43 ในกลุ่มด้วยนะครับซึ่งราคาค่าสมัครนะครับ
00:41:43 → 00:41:45 ปกติจะมีค่าสมัครเข้ากลุ่มอยู่ที่ 9,900
00:41:45 → 00:41:47 บาทแต่ถ้าใครสมัครท้ายคลิปนี้นะครับ
00:41:47 → 00:41:50 สามารถสมัครได้ในราคาเพียงแค่ 3,900 บาท
00:41:50 → 00:41:52 เท่านั้นนะครับเป็นค่าสมัครที่อัปเดท
00:41:52 → 00:41:55 คอร์สรน้ำหนักให้ฟรีตลอดชีพเลยนะแต่เชื่อ
00:41:55 → 00:41:57 ผมเถอะหลายคนน่ะเข้ามาเรียนบางคนน่ะ 3 3
00:41:57 → 00:41:59 เดือนผอมจนได้น้ำหนักที่พอใจะบางคน 6
00:41:59 → 00:42:01 เดือนบางคนน้ำหนักเยอะหน่อยนะครับเป็น 100
00:42:01 → 00:42:04 กลอาจจะใช้เวลาประมาณเกือบๆ 1 ปีแต่มัน
00:42:04 → 00:42:07 คุ้มค่าแน่นอนนะเพราะว่าผมเชื่อว่าหลายคน
00:42:07 → 00:42:09 เคยใช้เงินกับการลงทุนเกี่ยวกับการลดน้ำ
00:42:09 → 00:42:11 หนักมาเยอะมากแล้วบางคนเนี่ยลดน้ำหนัก
00:42:11 → 00:42:14 จ่ายค่าอาหารเสริมนะเดือนละ 1,500 2,000
00:42:14 → 00:42:17 บางคนเนี่ยกินโปรตีนเขย่าเป็นหมื่นๆบางคน
00:42:17 → 00:42:20 ซื้อคอร์สลดน้ำหนักนะเป็นหมื่นๆซื้อคอร์ส
00:42:20 → 00:42:23 เทรนเนอร์สมัครสมาชิกยิมแต่ไม่ผอมเลย
00:42:23 → 00:42:25 เพราะอะไรเพราะขาดสิ่งที่เรียกว่าความรู้
00:42:25 → 00:42:27 แค่นั้นเองหรือบางคนเคยเรียนคอร์สกับหมอ
00:42:27 → 00:42:30 ท่านอื่นๆมานะครับแต่ยังจับจุดแล้วไม่
00:42:30 → 00:42:33 สามารถที่จะลงมือทำได้นะครับหมอ 1 อธิบาย
00:42:33 → 00:42:35 ไว้ในละเอียดในคอร์สนี้แล้วนะว่า 12 2 3
00:42:35 → 00:42:37 4 5 ทำอะไรนะครับนักเรียนที่ประสบความ
00:42:37 → 00:42:39 สำเร็จจากผมไปมีเป็นหมื่นคนเลยเพราะ
00:42:39 → 00:42:41 ฉะนั้นมั่นใจได้นะครับเนาะใครที่สนใจ
00:42:41 → 00:42:44 เรียนก็โอนค่าสมัครได้ที่เลขบัญชีนี้นะ
00:42:44 → 00:42:46 ครับแล้วก็ทัก LINE ไปที่ LINE @th Hero
00:42:46 → 00:42:48 นะจะมีทีมงานที่น่ารักนะครับคอยอำนวยความ
00:42:48 → 00:42:49 สะดวกให้นะครับก็เจอกันในกลุ่มเรียนนะ
00:42:50 → 00:42:51 ครับชมคลิปหมอ 1 จบแล้วนะครับอย่าลืมกด
00:42:51 → 00:42:53 ติดตามเพื่อที่จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจาก
00:42:53 → 00:42:55 หมอ 1 นะครับส่วนคลิปอื่นๆที่น่าสนใจกดดู
00:42:55 → 00:42:57 จากทางซ้ายมือได้เลยครับครับส่วนใครที่
00:42:57 → 00:42:59 อยากลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตในกลุ่ม
00:42:59 → 00:43:01 เรียนกับหมอ 1 นะครับกดดูรายละเอียดจาก
00:43:01 → 00:43:02 ทางขวามือหรือดูรายละเอียดจากลิงก์ใน
00:43:02 → 00:43:04 คอมเมนต์ได้เลยนะครับแล้วพบกันในกลุ่ม
00:43:04 → 00:43:07 เรียนนะครับ