00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับเราก็ได้พูดถึงเรื่องของชาไทย
00:00:02 → 00:00:05 กันไปแล้วนะครับวันนี้ครับผมก็ยังอยากจะ
00:00:05 → 00:00:07 อยู่ในหัวข้อของชาเหมือนเดิมแต่ว่าจะพูด
00:00:07 → 00:00:10 เรื่องเกี่ยวข้องกับมัจฉะนั่นเองนะครับ
00:00:10 → 00:00:13 มัจฉะเนี่ยปัจจุบันเป็นที่สนใจในสาย
00:00:13 → 00:00:15 สุขภาพเป็นอย่างมากเลยนะครับแล้วก็มัน
00:00:15 → 00:00:19 เริ่มขาดตลาดและราคาก็แพงเสียด้วยผมก็เลย
00:00:19 → 00:00:21 อยากจะมาเล่าเรื่องของมัจฉะให้ฟังว่ามัน
00:00:21 → 00:00:24 มีดียังไงทำไมมันถึงแพงแล้วมันขาดตลาด
00:00:24 → 00:00:27 เพราะว่าอะไรกันแน่ที่สำคัญกินแล้วมันมี
00:00:27 → 00:00:29 ปัญหาอะไรไหเดี๋ยววันนี้ลองฟังกันดูนะ
00:00:29 → 00:00:32 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวันเป็น
00:00:32 → 00:00:34 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:00:34 → 00:00:36 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกไถยปอดและวิกฤต
00:00:36 → 00:00:39 บำบัดนะครับเรื่องของชานะครับเราอาจจะเคย
00:00:39 → 00:00:44 ได้ยินชาขาวชาเหลืองชาเขียวชาแดงชาดำต้อง
00:00:44 → 00:00:46 บอกว่าชาทั้งหมดเนี่ยมันไม่ใช่คนละต้นนะ
00:00:46 → 00:00:49 ครับมันก็มาจากไอ้ชาต้นเดียวกันนั่นแหละ
00:00:49 → 00:00:52 นะครับคือชาที่เราเรียกว่า camelia
00:00:52 → 00:00:55 sinensis นะครับแต่ว่ามันมี 2 พันุ์หลัก
00:00:55 → 00:00:58 ๆนั่นก็คือ camil sinensis Variety
00:00:58 → 00:01:00 sinensis ซึ่งมาจากจีนนะครับแล้วก็อีก
00:01:00 → 00:01:03 อันนึงคือ camil sasis Variety
00:01:03 → 00:01:06 assamica ก็คือชาอัสัมนั่นเองนะครับทั้ง
00:01:06 → 00:01:08 หมดเนี่ยทำไมมันออกมาเป็นชาที่สีไม่
00:01:09 → 00:01:11 เหมือนกันก็มันขึ้นอยู่กับว่าเกิด
00:01:11 → 00:01:14 ปฏิกิริยาออกซิเดชันมากแค่ไหนนะครับถ้า
00:01:14 → 00:01:17 มันเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันมากๆมันก็จะ
00:01:17 → 00:01:20 ออกสีเหลืองสีดำนะครับนี่เป็นต้นนะฮะแต่
00:01:20 → 00:01:23 ถ้าเกิดว่ามันไม่มีปฏิกิริยาออกซิเดชัน
00:01:23 → 00:01:25 อะไรเลยเนี่ยมันจะออกมาเป็นชาขาวกับชา
00:01:25 → 00:01:30 เขียวนะครับนี่คือที่มาแล้วชาเขียวกับ
00:01:30 → 00:01:34 มัจฉะต้องบอกว่ามันคล้ายกันแต่มันไม่ใช่
00:01:34 → 00:01:37 อย่างเดียวกันครับมันไม่ใช่อย่างเดียวกัน
00:01:37 → 00:01:40 ชาเขียวเนี่ยขั้นตอนในการทำของเขาอ่ะคือ
00:01:40 → 00:01:43 ทำไมมันถึงสีเขียวนักหนาบางคนก็เริ่ม
00:01:43 → 00:01:46 กังวลเอ๊ะเมื่อวานผมเล่าเรื่องของชาไทย
00:01:46 → 00:01:48 มันมีสีผสมอาหารอยู่ในนั้นแล้วมันเป็น
00:01:48 → 00:01:51 อันตรายแล้วไอ้ชาเขียวที่สีมันเขียวปี๋
00:01:51 → 00:01:54 เลยเนี่ยมันมีสีผสมอาหารอะไรอยู่ในนั้นมย
00:01:54 → 00:01:57 ก็ต้องบอกอย่างนี้ครับว่าถ้าเป็นชาเขียว
00:01:57 → 00:02:00 ที่เป็นเกรดดีๆจริงๆแล้วเนี่ยสีเขเขียว
00:02:00 → 00:02:03 ที่มันเขียวจัดๆเลยนะครับมาจากสีของ
00:02:03 → 00:02:06 คลอโรฟิลไม่ได้เป็นสีผสมอาหารแต่อย่างใด
00:02:06 → 00:02:09 ดังนั้นไม่ต้องกังวลใจครับมันไม่ได้มีสี
00:02:09 → 00:02:11 ผสมอาหารปนอยู่ในนั้นมันเป็นสีของใบชา
00:02:11 → 00:02:12 จริงๆ
00:02:12 → 00:02:17 ครับชาเขียวกับมัจฉะมันมีความแตกต่างกัน
00:02:17 → 00:02:20 อย่างไรในเมื่อมันก็มาจากต้นเดียวกันเออ
00:02:20 → 00:02:22 มันไปมันไปแยกเป็นมัจฉะตรงไหนนะครับก็
00:02:22 → 00:02:25 ต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่าเวลาที่เขาปลูกชา
00:02:25 → 00:02:28 เนี่ยนะครับตอนมันเริ่มจะออกดอกตูมๆมา
00:02:28 → 00:02:30 แล้วตอนนั้นเนี่ยถ้าเป็นกระบวนการการผลิต
00:02:30 → 00:02:32 มัจฉะหรือชาเขียวที่มีคุณภาพเนี่ยเขาจะ
00:02:32 → 00:02:35 เอามันไปไว้ในร่มครับเอามันไปไว้ในร่ม
00:02:35 → 00:02:38 เพื่อให้มันผลิตคลอโรฟิลซึ่งมันมีสีเขียว
00:02:38 → 00:02:41 เยอะๆเลยนะครับต้องการให้สีมันเข้มๆก็
00:02:41 → 00:02:44 ต้องเอามันไปไว้ในที่มืดๆถามว่าทำไมเอาไป
00:02:44 → 00:02:47 ไว้ในที่มืดหรือที่ที่ไม่ค่อยมีแสงแดด
00:02:47 → 00:02:50 แล้วคลอโรฟิลมันถึงเพิ่มขึ้นก็ต้องบอกว่า
00:02:50 → 00:02:54 มันเป็นกลไกของต้นไม้ในการมีชีวิตรอดครับ
00:02:54 → 00:02:56 เพราะว่าต้นไม้ต้องใช้คลอโรฟิลในการ
00:02:56 → 00:02:59 สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างพลังงานให้กับตัว
00:02:59 → 00:03:01 เซลล์ของต้นตไ้ถูกมั้ยครับทีนี้พอแสงมัน
00:03:01 → 00:03:03 ไม่ค่อยมีแล้วล่ะก็มันก็เลยต้องรีบสร้าง
00:03:03 → 00:03:06 คลอโรฟิลขึ้นมามหาศาลเลยทีเดียวเพื่อที่
00:03:06 → 00:03:08 จะยังคงสร้างพลังงานให้กับต้นไม้ได้อยู่
00:03:08 → 00:03:12 ดีนี่จึงเป็นที่มาของการที่เอาไปไว้ในที่
00:03:12 → 00:03:14 มันไม่โดนแดดปุ๊บเนี่ยคลอโรฟิวมันจะสร้าง
00:03:14 → 00:03:16 ขึ้นเยอะแล้วก็ได้ซ้าเขียวที่มันเขียว
00:03:16 → 00:03:20 คุณภาพจริงๆเค้าก็จะเอาไปอยู่ในที่มืด
00:03:20 → 00:03:23 เนี่ยประมาณซัก 20 วันถึง 30 วันแล้วหลัง
00:03:23 → 00:03:26 จากนั้นก็จะเริ่มมีการเก็บเฉพาะยอดชาเก็บ
00:03:26 → 00:03:29 มาเสร็จปุ๊บเนี่ยถ้าวางทิ้งไว้นะครับมัน
00:03:29 → 00:03:31 จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันแล้วมันจะเริ่ม
00:03:31 → 00:03:34 กลายไปเป็นเ่อใบที่มันออกสีน้ำตาลหน่อยนะ
00:03:34 → 00:03:37 ครับทางผู้ผลิตเนี่ยเขาคก็จะพยายามไม่ให้
00:03:37 → 00:03:39 เกิดปฏิกิริยานี้ขึ้นโดยการเอามันไปนึ่ง
00:03:39 → 00:03:42 เลยทันทีให้มันเจอความร้อนเลยนะครับมันก็
00:03:42 → 00:03:44 จะเป็นใบเขียวสดอยู่อย่างนั้นน่ะนะหลัง
00:03:44 → 00:03:46 จากนั้นพอมันนึ่งเสร็จปุ๊บหยุดปฏิกิริยา
00:03:46 → 00:03:49 หยุดเอนไซม์ที่ทำให้เกิดออกซิเดชันเค้าก็
00:03:49 → 00:03:51 จะเอามันไปตากแห้งครับแล้วก็เอาพวกก้าน
00:03:52 → 00:03:54 ออกหมดเลยถ้าถึงตอนเนี้ยมันเป็นใบๆ
00:03:54 → 00:03:57 อันเนี้ยเอาไปทำชาเขียวได้ครับก็คือมัน
00:03:57 → 00:04:01 เป็นใบชาทั้งใบนะฮะใส่เข้าไปในแก้วแล้ว
00:04:01 → 00:04:04 เราเติมน้ำเข้าไปนะครับชาส่วนที่ใสๆนั่น
00:04:04 → 00:04:08 ก็คือชาเขียวแต่ว่ามัจฉะเนี่ยมันไม่จบแค่
00:04:08 → 00:04:11 นี้มัจฉะเนี่ยก็จะเอาไอ้ใบตัวเนี้ยไปบด
00:04:11 → 00:04:15 ให้มันเป็นผงเลยนะครับบดให้มันเป็นผงแล้ว
00:04:15 → 00:04:17 ขั้นตอนการบดเนี่ยมันลำบากมากคือใน
00:04:17 → 00:04:20 ญี่ปุ่นสมัยก่อนเนี่ยเอ่อต้องบอกก่อนว่า
00:04:20 → 00:04:23 จริงๆชาเขียวไอ้การบดเป็นผงเนี่ยกำเนิดมา
00:04:23 → 00:04:26 จากจีนนะแต่ว่าที่ญี่ปุ่นเนี่ยเค้าเอามา
00:04:26 → 00:04:29 ทำให้มันเป็นคุณภาพแบบของเขาคแล้วมันดี
00:04:29 → 00:04:31 ขึ้นจนจนกระทั่งดังมาจนถึงตอนนี้นะครับ
00:04:31 → 00:04:33 เค้าก็จะใช้ตัวโม่ที่มันเป็นหินแกิเนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 ค่อยๆโม่ไอ้ใบพวกนี้ไปเรื่อยๆนะครับจะโม่
00:04:36 → 00:04:38 เร็วก็ไม่ได้เพราะมันเกิดความร้อนแล้ว
00:04:38 → 00:04:41 เดี๋ยวมันจะเสียก็ต้องโม่ช้าๆไอ้ช้านี่
00:04:41 → 00:04:43 ช้าแค่ไหนก็ต้องบอกว่าชั่วโมงนึงเนี่ยออก
00:04:43 → 00:04:46 ได้ออกมาได้แค่ประมาณ 3040 กรัมเท่านั้น
00:04:46 → 00:04:49 เองก็นิดเดียวมากเลยอ่ะนะครับนี่คือ 1
00:04:49 → 00:04:52 ชมงนะต่อ 1 การโม่ก็คือมันต้องมีไอ้
00:04:52 → 00:04:54 เครื่องโม่อย่างเงี้ยเยอะๆแล้วในญี่ปุ่น
00:04:54 → 00:04:57 เนี่ยนะครับเค้ามักจะเป็นกิจการของ
00:04:57 → 00:05:00 ครอบครัวเล็กๆในการโม่พวกเนี้ยมันไม่ใช่
00:05:01 → 00:05:03 กิจการแบบใหญ่ๆเหมือนเครื่องจักรต่างๆดัง
00:05:03 → 00:05:08 นั้นมันจึงผลิตได้น้อยทีนี้พอผลิตได้น้อย
00:05:08 → 00:05:11 แล้วคนมันต้องการเยอะเนื่องจากว่าไปฟังมา
00:05:11 → 00:05:14 ว่าชามัจฉะเนี่ยมันมีคุณสมบัติดีมากๆเลย
00:05:14 → 00:05:18 เดี๋ยวเราจะพูดกันว่ามันดียังไงนะความ
00:05:18 → 00:05:23 ต้องการกับการผลิตมันไม่สมดุลกันราคามัน
00:05:23 → 00:05:25 จึงแพงมากขนาดนี้นี่แหละ
00:05:25 → 00:05:30 ครับถามว่าแล้วชาเขียวอ่ะมัน
00:05:30 → 00:05:33 มันต่างกับมัจฉะแค่ตรงนี้เหรอต้องบอกว่า
00:05:33 → 00:05:37 ใช่ครับคือมัจฉะเนี่ยนะครับมันมีความเข้ม
00:05:37 → 00:05:39 ข้นสูงมากเนื่องจากว่ามันเอาใบทั้งใบ
00:05:39 → 00:05:42 เนี่ยบดจนมันเป็นผงเลยอ่ะก็คือเวลาที่เรา
00:05:42 → 00:05:45 กินเข้าไปจะไม่ใช่กินแค่น้ำที่มันออกมา
00:05:45 → 00:05:47 จากใบอย่างเดียวแต่จะกินเข้าไปทั้งใบเลย
00:05:47 → 00:05:49 นะครับแล้วการที่ใบพวกนี้ถูกบดเป็นผงมัน
00:05:50 → 00:05:52 จะทำให้สารที่อยู่ในใบพวกเนี้ยออกมาหมด
00:05:52 → 00:05:56 เลยออกมาทั้งหมดแล้วเราก็กินเข้าไปดูดซึม
00:05:56 → 00:05:58 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นแต่ถ้ามันเป็นชา
00:05:58 → 00:06:02 เขียวเนี่ยมันเป็นใบแล้วโดนน้ำร้อนเรากิน
00:06:02 → 00:06:04 แต่ส่วนที่เป็นน้ำร้อนส่วนที่อยู่ในใบ
00:06:04 → 00:06:06 เนี่ยมันยังออกมาไม่หมดเราก็จะได้
00:06:06 → 00:06:09 ประโยชน์ไม่เต็มที่นะครับไอ้มัจฉะที่มัน
00:06:09 → 00:06:14 เป็นผงเนี่ยนะครับก็มีเกรดต่างๆมากมายนะ
00:06:14 → 00:06:18 ฮะแล้วก็มีความเข้มข้นแต่ละแบบกันในใบ
00:06:18 → 00:06:20 เขียวของมัจฉะที่ทำมาเป็นผงเนี่ยสิ่งที่
00:06:21 → 00:06:24 มันมีข้อดีเลยนะครับข้อแรกมีสารกลุ่มที่
00:06:24 → 00:06:28 เรียกว่าคาชินครับคาชินเนี่ยมันเป็นสาร
00:06:28 → 00:06:31 ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีมากๆเลยของชา
00:06:31 → 00:06:35 แล้วมันจะอยู่เยอะในชามัจฉะหรือชาเขียวนะ
00:06:35 → 00:06:37 ครับมัจฉะนี่เยอะที่สุดชาเขียวมันก็คือ
00:06:37 → 00:06:40 คล้ายๆกันแต่น้อยลงมาหน่อยแต่ถ้าเราปล่อย
00:06:40 → 00:06:42 ให้ใบชามันโดนออกซิเดชั่นจนกลายเป็นเป็น
00:06:42 → 00:06:46 ชาดำไปแล้วเนี่ยคาเทชินไม่มีแล้วฮะมีก็
00:06:46 → 00:06:48 น้อยมากนะครับแล้วสารตัวนี้แหละครับเป็น
00:06:48 → 00:06:51 สารที่เป็นตัวชูโรงของชาเขียวเลยทีเดียว
00:06:51 → 00:06:54 สารกลุ่มคาเทชินเนี่ยมันมีหลายตัวนะครับ
00:06:54 → 00:06:57 แต่ตัวที่มันมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
00:06:57 → 00:07:01 สูงที่สุดก็คือสารที่เรียกว่า Epic carin
00:07:01 → 00:07:05 Gage นะครับ egcg นั่นเองตัวนี้เนี่ยจะ
00:07:05 → 00:07:10 มีปริมาณสูงมากในมัจฉะเมื่อเทียบกับชา
00:07:10 → 00:07:13 เขียวสูงกว่าประมาณ 140 เท่าเลยทีเดียว
00:07:13 → 00:07:16 สูงเยอะมากเลยนะครับแล้วไอ้สารตัวนี้นี่
00:07:16 → 00:07:20 แหละคือมันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมี
00:07:20 → 00:07:23 การตรวจดูแล้วว่ามันอาจจะช่วยยับยั้ง
00:07:23 → 00:07:25 มะเร็งบางอย่างได้แค่อาจจะนะครับทำในหลอด
00:07:25 → 00:07:28 ทดลองไม่ได้ทำในขนนะครับก็ต้องฟังหูไอ้หู
00:07:28 → 00:07:30 ตรงนี้หน่อยนะครับครับอาจจะช่วยยับยั้ง
00:07:30 → 00:07:34 มะเร็งได้ช่วยเรื่องของการเผาผลาญไขมัน
00:07:35 → 00:07:39 ต่างๆนะครับแล้วก็ลดการอักเสบนะก็เลยมีคน
00:07:39 → 00:07:42 เอาไปคิดต่อว่าตัวนี้นี่แหละมันอาจจะช่วย
00:07:42 → 00:07:44 ทำให้เรามีอายุที่ยืนยาวถ้าเราดื่มมัน
00:07:44 → 00:07:49 เป็นประจำนี่สารตัวเนี้ยเจอดีมากๆเลยนะ
00:07:49 → 00:07:52 ครับในชาเขียวแต่ถามว่าข้อเสียมันมีมั้ย
00:07:52 → 00:07:53 มี
00:07:53 → 00:07:56 ครับไอ้ตัวเนี้ยในมัจฉะกับชาเขียวถ้ามัน
00:07:56 → 00:07:59 มีเยอะๆเนี่ยมันจะไปลดการดูซึมธาตุเหล็ก
00:08:00 → 00:08:02 ของเราได้ด้วยนะดังนั้นคนไหนที่เป็นโลหิต
00:08:02 → 00:08:04 จานจากการขาดธาตุเหล็กถ้าดื่มชาเขียวไป
00:08:04 → 00:08:07 เยอะๆมันอาจจะมีปัญหาก็ได้นะครับอ่ะนี่
00:08:07 → 00:08:11 คือสาร egcg ซึ่งเป็นสารตัวชูโรงของชา
00:08:11 → 00:08:14 เขียวเลยนะครับที่มีผลดีต่อสุขภาพและหลาย
00:08:14 → 00:08:18 ๆคนให้ความสนใจตัวนี้แหละครับต่อมาปริมาณ
00:08:18 → 00:08:21 คาเฟอีนครับปริมาณคาเฟอีนเนี่ยมันก็จะ
00:08:21 → 00:08:25 ค่อนข้างสูงด้วยนะครับถ้าเราเอาใบชาเนี่ย
00:08:25 → 00:08:28 ไว้อยู่ในที่มืดปริมาณคาเฟอีนมันจะสูงตาม
00:08:28 → 00:08:30 ดังนั้นคาเฟอีนในชาเขียวเนี่ยจะค่อนข้าง
00:08:30 → 00:08:34 สูงหน่อยอยู่ที่ประมาณ 35-70 มกรต่อ 1
00:08:34 → 00:08:37 กรัมที่เรากินเข้าไปถ้าเราใส่เข้าไปหลายๆ
00:08:37 → 00:08:40 ช้อนโอเคมันก็เยอะตามนั้นแต่คาเฟอีนในชา
00:08:40 → 00:08:42 เขียวเนี่ยมันทำงานร่วมกับสารอีกอย่าง
00:08:43 → 00:08:46 หนึ่งชื่อว่าแอลที 2 ตัวเนี้ยพอทำงานร่วม
00:08:46 → 00:08:49 กันเนี่ยจะดีกว่ากาแฟอย่างนึงกาแฟหลายคน
00:08:49 → 00:08:52 ที่กินเข้าไปน่ะถ้ากินเยอะเกินจะเริ่มรู้
00:08:52 → 00:08:56 สึกใจสั่นนะครับใจสั่นแล้วพอมันจะมี
00:08:56 → 00:08:59 คาเฟอีนแครชคือเมื่อคาเฟอีนหายไปจากร่าง
00:08:59 → 00:09:00 กายเนี่ยเนี่ยเราจะรู้สึกโหมดแรงไม่มี
00:09:00 → 00:09:04 อะไรไม่มีแรงเลยรืมเพลียนะครับแต่ชาเขียว
00:09:04 → 00:09:06 มันไม่เป็นแบบนั้นเนื่องจากว่าคาเฟอีนใน
00:09:06 → 00:09:08 ชาเขียวเมันทำงานร่วมกับกรดอมิโนตัวนึง
00:09:08 → 00:09:12 ชื่อว่าแอลทีผลของมันในการทำงานร่วมกัน
00:09:12 → 00:09:16 เนี่ยจะทำให้เราตื่นตัวแต่ไม่ถึงขั้นใจ
00:09:16 → 00:09:19 สั่นมือสั่นอย่างเงี้ไม่เป็นนะครับแล้วจะ
00:09:19 → 00:09:23 เป็นการตื่นตัวที่นิ่งๆนะนิ่งๆสบายๆแล้ว
00:09:23 → 00:09:26 ไม่มีช่วงที่มันตกเร็วๆนะครับอ่านี้ก็เลย
00:09:26 → 00:09:30 เป็นคุณสมบัติหนึ่งของชาเขียวที่คล้ายๆ
00:09:30 → 00:09:32 กับมัจฉะถ้ามัจฉะโอเคมีคาเฟอีนมีอะไรเยอะ
00:09:32 → 00:09:35 กว่าชาเขียวแต่ถ้ามัจฉะเนี่ยมันจะชัดเจน
00:09:35 → 00:09:37 กว่าในเรื่องนี้นะครับดังนั้นคนก็เลยให้
00:09:37 → 00:09:40 ความสำคัญถ้าไม่อยากจะกินกาแฟเพราะมันกิน
00:09:40 → 00:09:43 แล้วใจสั่นมากินมัดฉะแทนนะครับมันจะได้ผล
00:09:43 → 00:09:48 ตรงนี้มากขึ้นนะครับอย่างไรก็ตามถึงแม้
00:09:48 → 00:09:52 ว่ามันจะมีแอลทีสูงก็จริงในมัจฉะแต่มันก็
00:09:52 → 00:09:55 มีคาเฟอีนสูงถ้าคุณกินเข้าไปหลายๆแก้ว
00:09:55 → 00:09:59 เนี่ยคาเฟอีนเยอะเกินยังไงผลของแทีมันก็
00:09:59 → 00:10:02 เอาไม่อยู่ยังไงถ้าเกินเนี่ยคุณก็นอนไม่
00:10:02 → 00:10:04 หลับนะบางคนใจสัขึ้นมาก็มีได้เหมือนกัน
00:10:05 → 00:10:07 เพราะว่าถ้าคุณรับแก้ว 2 แก้วไม่เกิดอะไร
00:10:07 → 00:10:09 ขึ้นถ้าเกิดเอาไปเยอะกว่านั้นก็มีปัญหา
00:10:09 → 00:10:11 ได้ตรงนี้ก็ต้องระวังในคนที่มีปัญหา
00:10:11 → 00:10:14 เรื่องการนอนหลับนะครับถ้าไปกินช่วงบ่าย
00:10:14 → 00:10:17 แล้วเรานอนไม่หลับก็อาจจะต้องลดการกิน
00:10:17 → 00:10:20 มัจฉะนะครับไปกินก่อนเที่ยงนะครับจะได้
00:10:20 → 00:10:23 ไม่เป็นแบบนี้นะฮะอ่าเราพูดถึงสารไปทั้ง
00:10:24 → 00:10:27 หมด 3 ตัวและมีอีกตัวนึงครับเด่นๆเลยตัว
00:10:27 → 00:10:31 ที่ทำให้มันมีสีเขียวคลอโรฟิลครับ
00:10:31 → 00:10:33 คลอโรฟิลเนี่ยมันมีข้อดีหลายอย่างมากเลย
00:10:33 → 00:10:37 นะฮะแล้วจะเปรียบเทียบให้นะครับคลอโรฟิล
00:10:37 → 00:10:40 เนี่ยมันคล้ายกับสิ่งหนึ่งในร่างกายของ
00:10:40 → 00:10:44 เราสิ่งนั้นก็คือฮีโมโกลบิน
00:10:44 → 00:10:47 อ่าฮีโมโกลบินที่ทำให้เม็ดเลือดของเรามี
00:10:47 → 00:10:50 สีแดงแต่ว่าโมเลกุลของฮีโมโกลบินกับ
00:10:50 → 00:10:53 โมเลกุลของคลอโรฟิลมันต่างกันนิดเดียวเลย
00:10:53 → 00:10:55 คลอโรฟิลมี
00:10:55 → 00:10:58 แมกนีเซียมฮีโมโกลบินมีธาตุ
00:10:58 → 00:11:01 เหล็กต่างกันนิดเดียวเลยนะฮะแล้วมี
00:11:01 → 00:11:04 คุณสมบัติที่แตกต่างกันไปเยอะเลยคือไอ้
00:11:04 → 00:11:06 ตัวแมกนีเซียมอยู่ตรงกลางรอบๆมันจะเป็นวง
00:11:06 → 00:11:10 แหวนชื่อว่าพินนะครับพินไอ้ฮีโมโกลบินก็
00:11:10 → 00:11:12 เหมือนกันรอบๆตัวเป็นพินแต่ตรงกลางเป็น
00:11:12 → 00:11:16 ธาตุเหล็กนะนี่เป็นอะไรที่คล้ายกับคนเรา
00:11:16 → 00:11:17 เหมือนกันนะทีนี้ถ้าเกิดว่าคุณกิน
00:11:18 → 00:11:22 คลอโรฟิลเข้าไปเนี่ยอะไรที่เป็นข้อดี
00:11:22 → 00:11:24 คลอโรฟิลเนี่ยนะครับมันก็เป็นสารที่เอา
00:11:24 → 00:11:26 ไว้ต้านอนุมูลอิสระได้ค่อนข้างที่จะดี
00:11:26 → 00:11:29 เหมือนกันนะครับแล้วที่สำคัญคือมันสามารถ
00:11:29 → 00:11:32 จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษเดี๋ยวเนี้ยเวลา
00:11:32 → 00:11:34 เรากินอาหารอะไรต่างๆเข้าไปเราก็กังวลว่า
00:11:34 → 00:11:37 มันจะมีโลหะหนักในนั้นมคลอโรฟิลถ้าเรา
00:11:37 → 00:11:39 ดื่มเข้าไปปุ๊บเนี่ยมันก็จะไปจับกับพวก
00:11:39 → 00:11:41 โลหะหนักพวกนั้นทำให้ไม่ดูดซึมเข้าสู่
00:11:41 → 00:11:44 ร่างกายของเรานะครับแล้วก็จะขับออกมาทาง
00:11:44 → 00:11:48 อุจจาระนะฮะคลอโรฟิลบางส่วนซึ่งเป็นส่วน
00:11:48 → 00:11:51 น้อยจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของคนเรานะ
00:11:51 → 00:11:55 ครับแล้วมันมีหลักฐานทางวิชาการว่าสามารถ
00:11:55 → 00:11:59 เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ตับบางตัวได้แล้ว
00:11:59 → 00:12:02 ก็ก็เพิ่มการทำงานของกลูต้าไทโอนได้ซึ่ง
00:12:02 → 00:12:05 ทั้งหมดพวกนี้คืออะไรนะครับกลูต้าไทโอน
00:12:05 → 00:12:07 เนี่ยมันเป็นสารที่เอาไว้จัดการกับพิษ
00:12:07 → 00:12:11 ต่างๆในร่างกายนะครับแล้วก็การเพิ่มการทำ
00:12:11 → 00:12:13 งานของเอนไซม์ตับบางชนิดเนี่ยนะครับมัน
00:12:13 → 00:12:16 สามารถทำให้กระบวนการขับสารพิษของตับทำ
00:12:16 → 00:12:19 งานได้ดีขึ้นบางคนฟังตรงนี้อาจจะตกใจเฮ้ย
00:12:19 → 00:12:22 มันไปเพิ่มเอ่อเอนไซม์ตับทำให้เอนไซม์ตับ
00:12:22 → 00:12:24 สูงขึ้นหรือเปล่าไม่ใช่ครับอันนั้นไม่
00:12:24 → 00:12:26 เกี่ยวกันเอนไซม์ตับที่ผมพูดเนี่ยคนละ
00:12:26 → 00:12:28 อย่างกันนะครับมันจะมีเอนไซม์ตับที่เวลา
00:12:28 → 00:12:31 เราเจาะเลือดแล้วตรวจอ่า as alt หรือที่
00:12:32 → 00:12:35 ชื่อเก่าเรียกว่า sgot sgpt นะครับนั่น
00:12:35 → 00:12:39 เป็นชื่อเก่านะก็อันนั้นเป็นตัวที่บ่งบอก
00:12:39 → 00:12:42 ว่าถ้ามันสูงแสดงว่ามีการบาดเจ็บต่อเซลล์
00:12:42 → 00:12:44 ของตับแต่เอนไซม์ที่ผมกำลังพูดถึงเนี่ย
00:12:44 → 00:12:47 ไม่ใช่ไอ้ 2 ตัวนั้นนะครับมันเป็นเอนไซม
00:12:47 → 00:12:51 กลุ่มที่เราเรียกว่าตัวเอาไว้ทำกคชนะครับ
00:12:51 → 00:12:54 กคชพวกนี้ก็คือเป็นการที่ถ้าเรามีสารพิษ
00:12:54 → 00:12:57 ตัวนึงเอนไซม์ตัวเนี้ยมันจะทำกระบวนการ
00:12:57 → 00:13:00 กคชให้เกิดขึ้นคือเอาหมู่ซักหมู่เนี่ยไป
00:13:00 → 00:13:03 แปะกับสารพิษตัวนี้ทำให้มันสามารถขับออก
00:13:03 → 00:13:07 มาจากร่างกายได้นะครับคลอโรฟิลเนี่ยไปทำ
00:13:07 → 00:13:09 ให้ไอ้เอนไซม์พวกเนี้ยทำงานได้ดีขึ้นนะ
00:13:09 → 00:13:12 ครับปัญหามันอยู่ตรงนี้คลอโรฟิลเนี่ยมัน
00:13:13 → 00:13:16 ดูดซึมเข้าไปในร่างกายเราได้น้อยมากเลย
00:13:16 → 00:13:19 ถ้าเราอยากจะให้มันดูดซึมได้ดีขึ้นมีวิธี
00:13:19 → 00:13:21 ครับคลอโรฟิลเนี่ยมันดูดซึมได้น้อยเพราะ
00:13:21 → 00:13:26 ว่ามันละลายในน้ำไม่ค่อยได้แต่มันละลายใน
00:13:26 → 00:13:30 ไขมันได้หมายความว่าถ้าเรากินพร้อมกับไข
00:13:30 → 00:13:33 มันดีเช่นอะโวคาโดน้ำมันมะกอกหรืออะไรพวก
00:13:33 → 00:13:36 เนี้ยนะครับมันจะสามารถดูดึมคลอโรฟิลได้
00:13:36 → 00:13:40 ดีขึ้นครับแล้วคุณก็จะได้ความมีประโยชน์
00:13:40 → 00:13:43 จากคลอโรฟิลมากขึ้นดังนั้นถ้าเกิดว่าใคร
00:13:43 → 00:13:47 อยากจะกินพวกนี้เข้าไปนะครับก็ใช้ไขมันดี
00:13:47 → 00:13:50 ช่วยในการดูดซึมเข้าไปนะครับนี่คือเรื่อง
00:13:50 → 00:13:53 ของคลอโรฟิล 4 สารเนี่ยก็เป็นตัวหลักๆเลย
00:13:53 → 00:13:56 มีคาเฟอีนนะครับกลุ่มคาเทชิน
00:13:56 → 00:14:00 แทนีคลอโรฟิลแต่ตัวอื่นๆก็ยังมีอีกเยอะ
00:14:00 → 00:14:03 แยะนะครับเช่นสารกลุ่มฟลาโวนอยด์นะครับก็
00:14:03 → 00:14:08 จะมีพวกสารโพลีฟีนอลก็มีฟลาโวนอยด์เซติน
00:14:08 → 00:14:11 นะครับมีสารรูตินพวกเนี้ยก็จะมีผลต่อระบบ
00:14:11 → 00:14:14 หลอดเลือดนะฮะแล้วก็ตาอนุมูลอิสระเช่นกัน
00:14:14 → 00:14:19 นะฮะที่เหลือมีอย่างหนึซึ่งบางคนต้อง
00:14:19 → 00:14:22 ระวังนั่นก็คือชาเขียวกับมัจฉะโดยเฉพาะ
00:14:22 → 00:14:25 มัจฉะเนี่ยมันจะมีวิตามิน K เยอะดังนั้น
00:14:25 → 00:14:29 คนไหนที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือด
00:14:29 → 00:14:32 วาฟารินอยู่ต้องระวังการกินมัจฉะนะครับ
00:14:32 → 00:14:35 กินแล้วยาเนี่ยยมันอาจจะไม่ค่อยได้ผลหรือ
00:14:35 → 00:14:38 ได้ผลน้อยลงดังนั้นก็เป็นข้อควรระวังของ
00:14:38 → 00:14:40 คนที่กินยาวาฟารินเพื่อป้องกันการเกิด
00:14:40 → 00:14:42 ลิ่มเลือดขึ้นมาในร่างกายถ้าเกิดคุณไปกิน
00:14:42 → 00:14:47 มัจฉะก็อาจจะมีปัญหาได้นะครับมัจฉะยังมี
00:14:47 → 00:14:49 ไฟเบอร์เยอะเพราะว่าคุณกินเข้าไปทั้งใบ
00:14:50 → 00:14:52 เลยครับจริงมั้ยเพราะคุณเอาไปบดละเอียดจน
00:14:52 → 00:14:54 มามันเป็นผงผงพวกนี้ก็คือมัจฉะที่มันเป็น
00:14:55 → 00:14:57 ไฟเบอร์ด้วยคุณก็จะกินไฟเบอร์เข้าไปใน
00:14:57 → 00:15:01 ร่างกายด้วยดังนั้นผลรวมของการดื่มมัจฉะ
00:15:01 → 00:15:05 นะครับก็จะได้สารต้านอนุมูลอิสระนะครับลด
00:15:05 → 00:15:08 การอักเสบต่างๆนะฮะทำให้ตื่นตัวโดยที่เรา
00:15:08 → 00:15:11 ไม่ตื่นเต้นไม่ไม่ใจสั่นมือสั่นมากจนเกิน
00:15:11 → 00:15:15 ไปนะครับพวกนี้คือผลดีของมันนะผลเสียมีม
00:15:15 → 00:15:19 ของการกินมัจฉะเมื่อกี้เราบอกไปและถ้าคุณ
00:15:19 → 00:15:22 กินเยอะๆคุณจะได้คาเฟอีนเยอะแล้วยังไงก็
00:15:22 → 00:15:25 จะมีคาเฟอีนเกินนอนไม่หลับอันที่ 2 ก็คือ
00:15:25 → 00:15:29 เรื่องของโลหะหนักครับเนื่องจากว่ามมัจฉะ
00:15:29 → 00:15:31 เนี่ยเรากินมันเข้าไปทั้งใบเลยถ้าเกิด
00:15:31 → 00:15:35 เค้าปลูกมัจฉะเนี่ยในบริเวณที่มีโลหะหนัก
00:15:35 → 00:15:39 ปนเปื้นเช่นแคปเตอร์หลอดหรืออะไรก็แล้ว
00:15:39 → 00:15:42 แต่คุณได้ไปเต็มๆเลยครับได้เยอะกว่าชา
00:15:42 → 00:15:48 อื่นๆซะอีกดังนั้นเนี่ยจะเลือกกินฉะดู
00:15:48 → 00:15:51 แหล่งของมันซะก่อนว่าผลิตมาจากที่
00:15:51 → 00:15:54 ไหนบอกไว้นะครับถ้าผลิตจากญี่ปุ่นเนี่ย
00:15:54 → 00:15:57 ค่อนข้างที่จะปลอดภัยเพราะว่าเค้าเนี่ยมี
00:15:57 → 00:16:01 การดูแลรักษาทุกๆอย่างค่อนข้างดีมี
00:16:01 → 00:16:03 มาตรการในการทดสอบดีแต่ถ้ามันมาจากประเทศ
00:16:04 → 00:16:07 อื่นแล้วล่ะก็คิดเอาเองแล้วกันนะครับผมจะ
00:16:07 → 00:16:09 ไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากประเทศไหนนะ
00:16:09 → 00:16:13 คุณอาจจะพอเดาได้ว่ามันมาจากประเทศไหนถ้า
00:16:13 → 00:16:15 ประเทศนั้นไม่มีการควบคุมดูแลที่ดีแล้วมี
00:16:16 → 00:16:18 โลหะหนักอยู่ในบริเวณดินที่ปลูกมัจฉะแล้ว
00:16:18 → 00:16:22 ล่ะก็พอมาตำเป็นผงคุณก็ได้โลหะหนักเข้าไป
00:16:22 → 00:16:25 มหาศาลถึงแม้ว่าคลอโรฟิลเนี่ยนั้นมันจะ
00:16:25 → 00:16:28 สามารถจับกับโลหะหนักได้แต่ถ้าโลหะหนัก
00:16:28 → 00:16:30 มันเยอะมันก็จับไม่หมดคุณก็ดูดซึมเข้าไป
00:16:30 → 00:16:32 อยู่ดีนั่นแหละครับโดยเฉพาะถ้าเกิดคุณกิน
00:16:32 → 00:16:34 เป็นประจำแล้วหวังว่าจะดูแลสุขภาพร่างกาย
00:16:34 → 00:16:38 ลดโรคต่างๆลดคอเลสเตอรอลชะลอไวคุณอาจจะ
00:16:38 → 00:16:40 ได้โลฮาหนักเข้าไปในร่างกายเกิดปัญหาก็
00:16:40 → 00:16:43 ได้นะครับดังนั้นดูแหล่งการผลิตให้ดีนะ
00:16:43 → 00:16:48 ครับสาร egcg Epic calin gallet ตัว
00:16:48 → 00:16:52 เนี้ยโดยทั่วไปนะครับในชาที่เราชงเนี่ยนะ
00:16:52 → 00:16:57 ฮะมันจะมีพอสมควรสักประมาณ 100-200 มกร
00:16:57 → 00:16:59 ถ้าเกิดคุณกินเข้าไปเกิน 800 เกิน 1,000
00:16:59 → 00:17:02 มิลลิกรัมเนี่ยมันเคยมีรายงานว่าเกิดตับ
00:17:02 → 00:17:06 อักเสบขึ้นมาได้ครับแต่แน่นอนถ้าคุณไม่
00:17:06 → 00:17:08 ได้กินวันละเป็น 7-8 แก้ว 10 แก้วอย่าง
00:17:08 → 00:17:11 เงี้ยก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้นะฮะไม่
00:17:11 → 00:17:13 ต้องกังวลในเรื่องนี้งั้นมีเรื่องของโลหะ
00:17:13 → 00:17:16 หนักเรื่องของคาเฟอีนเรื่องของการกินเยอะ
00:17:16 → 00:17:19 จนเกินไปมันก็จะทำให้เกิดปัญหาได้นะครับ
00:17:19 → 00:17:21 ตรงนี้คือสิ่งที่น่าจะต้องรู้เกี่ยวกับ
00:17:21 → 00:17:27 มัจฉะนะครับมัจฉะเนี่ยมันมีวิธีในการชง
00:17:27 → 00:17:30 แล้วก็มีเกรดของมันด้วยนะครับเกรดของมัน
00:17:30 → 00:17:32 ที่ดีที่สุดเนี่ยเราเรียกว่า ceremonial
00:17:32 → 00:17:35 เดคือเกรดแบบเอาไว้ใช้ในพิธีต่างๆนะครับ
00:17:35 → 00:17:39 พวกเก็จะเขียวเขียวมรกดเลยอสวยงามมาก
00:17:39 → 00:17:42 เขียวเข้มนะฮะอันนี้ก็จะเป็นมัชฉะที่เกรด
00:17:42 → 00:17:44 ดีที่สุดกระบวนการเก็บก็ต้องแบบมีความ
00:17:44 → 00:17:47 พิถีพิถันสูงขึ้นนะครับรองลงมาก็เป็น
00:17:47 → 00:17:50 พรีเมี่ยมนะครับแน่นอนมันก็จะไม่แพงเท่า
00:17:50 → 00:17:52 ceremonial Grade นะครับหลังจากนั้นก็
00:17:52 → 00:17:54 เป็นพวก culinary Grade ก็คือเอาไว้ทำ
00:17:54 → 00:17:57 อาหารพวกทำเค้กทำอะไรพวกเนี้ยสุดท้ายก็
00:17:57 → 00:17:59 คือเป็น Industrial Grade ก็คือหัวป่วย
00:17:59 → 00:18:01 สุดนั่นเองนะพวกนี้ก็เอาไว้ทำพวกขนมเล็กๆ
00:18:01 → 00:18:04 น้อยๆเ่อเอาไว้ทำอะไรที่มันทำทีเดียวเยอะ
00:18:04 → 00:18:07 ๆนะครับขนมใส่ชาเขียวช็อกโกแลตชาเขียว
00:18:07 → 00:18:08 อะไรพวกเนี้ยก็จะอยู่ในกลุ่มพวก
00:18:08 → 00:18:10 Industrial Grade นะครับถ้าเราจะเอามา
00:18:10 → 00:18:15 กินเนี่ยก็มันมีวิธีการชงอยู่ 2 แบบหลักๆ
00:18:15 → 00:18:18 นะครับแบบแรกคืออุซุคือไม่ค่อยเข้มเท่า
00:18:18 → 00:18:21 ไหร่นะครับกับแบบที่ 2 คือโคชะอันเนี้ย
00:18:21 → 00:18:25 คือจะเข้มหน่อยนะครับถ้าชงแล้วใครไม่เคย
00:18:25 → 00:18:28 กินมัจฉะมาก่อนในชีวิตเนี่ยถึงแม้ว่าจะชง
00:18:28 → 00:18:32 ให้มันไม่เข้มแบบอุซะบางคนก็จะบอกว่ามัน
00:18:32 → 00:18:34 เข้มไปอยู่ดีมันขมหรือมันอะไรอย่างเงี้ย
00:18:34 → 00:18:36 มันมันหนักเกินอ่ะเออจริงๆต้องบอกว่าไม่
00:18:36 → 00:18:39 ขมคือชาเขียวที่ดีมันไม่ควรจะข่มนะครับ
00:18:39 → 00:18:42 มันควรจะมีรถที่เขาเรียกว่าอุมิซึ่ง
00:18:42 → 00:18:44 อธิบายไม่ได้เหมือนกันนะว่ามันคือรถ
00:18:44 → 00:18:47 ประมาณไหนต้องไปลองเอาเองนะครับคือตัว
00:18:47 → 00:18:50 อูซูเนี่ยเวลาที่เขาทำนะครับเขาคก็จะใส่
00:18:50 → 00:18:55 ชาเขียวเอ้ยชามัจฉะตัวเนี้ยประมาณซัก 1-2
00:18:55 → 00:18:58 กรัมโดยโดยเฉลี่ยนะครับ 1-2 กรัมก็คือไอ้
00:18:58 → 00:19:01 ช้อนเล็กเล็กเนี่ยประมาณช้อน 2 ช้อนแล้ว
00:19:01 → 00:19:03 ก็เติมน้ำเข้าไปประมาณ 60 ซีซีนะครับน้ำ
00:19:03 → 00:19:06 ถ้าถ้าใครที่แบบชอบชงชาก็อยู่ที่ความร้อน
00:19:06 → 00:19:09 ประมาณ 85 องศเซซแล้วมันก็จะมีไอ้ตัวที่
00:19:09 → 00:19:12 มันใช้ใช้ชงผมก็ไม่รู้เหมือนกันเรียกอะไร
00:19:12 → 00:19:14 นะผมก็มีอยู่ที่บ้านเหมือนกันเอามาเล่นนะ
00:19:14 → 00:19:18 ครับก็ตีจนกระทั่งมันเป็นฟองบางๆขึ้นมา
00:19:18 → 00:19:20 ข้างบนนี่คืออุซุนะมันจะไม่ค่อยเข้มเท่า
00:19:20 → 00:19:22 ไหร่แต่สำหรับคนที่ไม่เคยกินแนะนำว่ากิน
00:19:22 → 00:19:25 เป็นมัชฉะลาเต้ดีกว่าครับมันจะได้จางกว่า
00:19:25 → 00:19:28 นั้นก็เออมันจะได้กินเป็นนะครับเดี๋ยวไม่
00:19:28 → 00:19:31 งั้นถ้าเรากินมัจฉาครั้งแรกอไม่อร่อยเลย
00:19:31 → 00:19:33 ทำไมคนเกินกันเนอาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่
00:19:33 → 00:19:36 เคยกินมาก่อนนะครับมัชฉาลาเต้ก็คือมันมี
00:19:36 → 00:19:38 นมด้วยมันก็เลยจะเจือจางมากกว่านั้นกิน
00:19:38 → 00:19:42 ง่ายหน่อยนะครับแต่สำหรับคนที่แบบเป็นคอ
00:19:42 → 00:19:45 ชาเขียวอยากจะได้ประโยชน์แบบสุดๆของชา
00:19:45 → 00:19:48 เขียวที่ทำเป็นเกรดแบบมัดฉะออกมาเลยเนี่ย
00:19:48 → 00:19:51 ทำไงก็ต้องไปกินแบบโคยฉะครับโคยฉะนี่คือ
00:19:51 → 00:19:54 จะเข้มปี๋เลยคือใส่เข้าไปอ่ะ 2 ช้อนเป็น
00:19:54 → 00:19:57 อย่างน้อยแล้วน้ำแทนที่จะให้ 60 ซีซใช่
00:19:57 → 00:20:00 มั้ยครับเราใช้แค่ครึ่งนึงของมัน 30 ซีซ
00:20:00 → 00:20:05 ก็คือเข้มข้นแบบมากกว่าปกติอ่ะ 4 เท่าอ่ะ
00:20:05 → 00:20:09 นะมากกว่าไอ้ตัวอ่าอุซุ 4 เช่านะครับเยอะ
00:20:09 → 00:20:11 ๆเลยคือเข้มออกมาเขียวปีมันจะเหมือน
00:20:11 → 00:20:14 เหมือนแบบนัวๆมันๆนะครับอันนั้นก็คือ
00:20:14 → 00:20:17 สำหรับคนที่กินมาจนชินแล้วแล้วอยากจะได้
00:20:17 → 00:20:21 รถแบบเต็มๆนะครับกับผลประโยชน์จากชามัจฉะ
00:20:21 → 00:20:25 เต็มๆก็เลือกในการกินแบบนี้แต่แน่นอนครับ
00:20:25 → 00:20:27 ที่พูดไปทั้งหมดเนี่ยเนื่องจากว่ามันมี
00:20:27 → 00:20:30 ข้อดีค่อนข้างที่จะเยอะนะฮะทำให้เราตื่น
00:20:30 → 00:20:32 ได้โดยที่เราไม่แบบใจสั่นมากเหมือนกับการ
00:20:32 → 00:20:35 กินกาแฟหรือคาเฟอีนตัวอื่นๆเข้าไปนะครับ
00:20:35 → 00:20:39 แล้วที่สำคัญคือกระบวนการผลิตของมันมันทำ
00:20:39 → 00:20:42 ได้ยากยิ่งมากๆนะครับแล้วก็ที่ญี่ปุ่น
00:20:42 → 00:20:43 เวลาเา้าผลิตเนี่ยเค้าไม่ได้ใช้
00:20:43 → 00:20:46 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในการผลิตดังนั้นแล้ว
00:20:46 → 00:20:50 เนี่ยมันจึงมีราคาแพงมากครับ ceremonial
00:20:50 → 00:20:53 เดเนี่ยบางทีถ้าเกิดคุณไปซื้ออ่ะอืมก็
00:20:53 → 00:20:55 เป็นหลักหมื่นได้เลยนะครับโดยเฉพาะถ้าเรา
00:20:55 → 00:20:58 ซื้อทีเดียวมาเยอะๆมาชงเองที่บ้านนะครับ
00:20:58 → 00:21:00 อ่ะวันนี้ผมก็หวังว่าเราจะได้ความรู้
00:21:00 → 00:21:03 เกี่ยวข้องกับชามมัจฉะไปไม่มากก็น้อยนะ
00:21:03 → 00:21:07 ครับอย่าลืมนะครับถ้าจะกินให้ปลอดภัยจริง
00:21:07 → 00:21:10 ๆวันละประมาณ 1-2 แก้วก็พอนะครับกินก่อน
00:21:10 → 00:21:12 เที่ยงจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องของการนอน
00:21:12 → 00:21:15 หลับถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องของธาตุเหล็ก
00:21:15 → 00:21:18 นะฮะที่ขาดธาตุเหล็กโลหิตจางมากๆอย่ากิน
00:21:18 → 00:21:20 เยอะแล้วกันนะครับกินพอประมาณแล้วกันถ้า
00:21:20 → 00:21:23 กินเยอะมันอาจจะไปขัดขวางการดุซึมของธาตุ
00:21:23 → 00:21:26 เหล็กดูแหล่งที่มาด้วยว่ามันมาจากไหนนะ
00:21:26 → 00:21:29 ครับถ้าแหล่งที่มามันเป็นประเทศที่ไม่ใช่
00:21:29 → 00:21:31 ญี่ปุ่นก็ดูดีๆหน่อยแล้วกันว่าแถวนั้นมี
00:21:31 → 00:21:33 เรื่องของการตรวจโลหะหนักมยเพราะถ้ามันมี
00:21:34 → 00:21:37 โลหะหนักเข้ามาในชาเยอะๆคุณก็ได้รับเข้า
00:21:37 → 00:21:40 ไปเต็มๆมากกว่าชาชนิดอื่นนะครับโอเควัน
00:21:40 → 00:21:42 นี้ก็เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับขอบคุณ
00:21:42 → 00:21:45 มากครับสวัสดีครับ