00:00:00 → 00:00:05 เลิกน้ำตาลที่ต้นตอทำยังไงดีสวัสดีค่ะทุก
00:00:05 → 00:00:08 คนวันนี้เราก็จะมาเล่าให้ฟังนะคะถึงปัญหา
00:00:08 → 00:00:11 ที่หลายๆคนคงรู้ว่าการกินน้ำตาลเนี่ยมัน
00:00:11 → 00:00:14 เพิ่มโรคมากมายไม่ว่าจะเป็นเบาหวานโรคไข
00:00:14 → 00:00:16 มันนะคะหรือปัจจุบันเราพบโรคของเส้นเลือด
00:00:16 → 00:00:20 ต่างๆมากขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดจากน้ำตาลนะ
00:00:20 → 00:00:23 คะแต่หลายๆคนหยุดไม่ได้นะวันนี้หมอจะมา
00:00:23 → 00:00:26 แนะนำวิธีว่าเราควรจะทำยังไงดีสวัสดีค่ะ
00:00:26 → 00:00:29 หมอเนแพทย์หญิงนัชพรนพเคราะห์เป็น
00:00:29 → 00:00:32 อายุแพทย์แล้วก็หมออยุธแพทย์โรคระบบทาง
00:00:32 → 00:00:34 อาหารค่ะสำหรับวันนี้เราก็จะมาเล่า
00:00:34 → 00:00:36 ประเด็นที่สำคัญมากๆคือเรื่องของการกิน
00:00:36 → 00:00:39 น้ำตาลนะคะหลายๆคนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็น
00:00:39 → 00:00:42 คนติดหวานนะกินอะไรก็ต้องเติมน้ำตาลตลอด
00:00:42 → 00:00:46 นะคะแต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะคะที่ทำให้มีผล
00:00:46 → 00:00:50 กับระดับน้ำตาลได้นะคะบางคนยังไม่รู้ตัว
00:00:50 → 00:00:52 เลยนะคะว่าตัวเองติดหวาดนะคะอย่างเช่นยัง
00:00:52 → 00:00:55 ไงบ้างนะคะบางคนแบบเวลาจะกินอะไรอย่าง
00:00:55 → 00:00:57 เงี้ยต้องใส่น้ำจิ้มตลอดเลยนะคะแต่ว่าลืม
00:00:57 → 00:01:00 นึกไปว่าในน้ำจิ้มเนี่ยมันมีน้ำตาลขึ้น
00:01:00 → 00:01:04 เยอะมากนะคะอย่างหมอดูแลคนไข้เนี่ยที่
00:01:04 → 00:01:08 เป็นเบาหวานบางครั้งเราก็แบบบอกว่าเอ้ย
00:01:08 → 00:01:10 ทำไมเบาหวานไม่ลงเลยคุณก็แบบไม่กินอะไร
00:01:10 → 00:01:14 เลยหมอแต่พอให้จดหรือถ่ายรูปมาดูจริงๆนะ
00:01:14 → 00:01:17 คะเราก็เห็นเลยว่าเจออาหารที่เป็นน้ำตาล
00:01:17 → 00:01:20 แฝกเยอะมากนะคะไม่ว่าจะเป็นแบบเครื่อง
00:01:20 → 00:01:23 ดื่มที่เรากินนะคะที่บอกว่าหวานน้อยแต่
00:01:23 → 00:01:25 จริงๆแล้วพวกหวานน้อยเนี่ยมันหวานเยอะมาก
00:01:25 → 00:01:28 ๆนะคะอาจจะใส่น้ำตาลถึง 2-3 ช้อนเลยโดย
00:01:28 → 00:01:31 ที่เราไม่รู้ตัวนะคะหรือว่าเป็นแบบเอ่อ
00:01:31 → 00:01:34 น้ำจิ้มเนาะหรือว่าน้ำผลไม้ต่างๆพวกนี้ก็
00:01:35 → 00:01:38 เป็นสาเหตุเหมือนกันนะคะหนูจะบอกว่า
00:01:38 → 00:01:41 เรื่องลำไส้เนี่ยเกี่ยวกับเรื่องความอยาก
00:01:41 → 00:01:44 หวานได้ด้วยนะคะมันเกี่ยวยังไงหมอมันดู
00:01:44 → 00:01:47 ไม่น่าเกี่ยวนะคะหลายๆครั้งเนี่ยหมอก็ได้
00:01:47 → 00:01:49 พูดถึงเรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้เข้ามา
00:01:49 → 00:01:52 นะคะว่าเฮ้ยจุลินทรีย์ในลำไส้เราอ่ะมี
00:01:52 → 00:01:54 เป็นร้อยล้านล้านตัวเลยนะคะเรายังไม่
00:01:54 → 00:01:57 สามารถรู้จักมันได้หมดทุกตัวนะคะปัจจุบัน
00:01:57 → 00:01:59 นี้เนี่ยเราก็ก็ยังไม่สามารถรู้ได้หมดเลย
00:01:59 → 00:02:02 นะคะว่าจุลินทรีย์ในร่างกายเนี่ยเทำหน้า
00:02:02 → 00:02:05 ที่ต่างกันยังไงนะคะเพราะว่าเวลาเราเอา
00:02:05 → 00:02:07 DNA ไปตรวจมันเยอะมากนะคะเราก็ยังไม่
00:02:07 → 00:02:12 สามารถรู้จักมันได้หมดเนาะแต่ว่าปัจจุบัน
00:02:12 → 00:02:15 เรามีการศึกษาพบว่าเวลาเรากินหวานนะคะ
00:02:15 → 00:02:18 จุลินทรีย์บางตัวที่อยู่ในร่างกายเราค่ะ
00:02:18 → 00:02:21 มันจะสร้างสารสืบประสาทขึ้นมานะคะโดย
00:02:21 → 00:02:23 เฉพาะสารที่ชื่อว่าโดปัมนนะก็เป็นสารที่
00:02:23 → 00:02:27 ทำให้เรารู้สึกว่าโอหแบบเราแบบฟูฟิลเรา
00:02:27 → 00:02:30 รู้สึกโอ้ยโอ้แฮปปี้จังเลยนะคะกลุ่มนี้
00:02:30 → 00:02:34 เนาะทำให้แบบจุลินทรีย์เนี่ยพอมันสร้าง
00:02:34 → 00:02:37 ปุ๊บสมองเราก็รู้สึกว่าเออเราต้องกินหวาน
00:02:37 → 00:02:41 แล้วเรารู้สึกดีมากนะคะแต่ยิ่งไปกว่านั้น
00:02:41 → 00:02:44 ค่ะพอเรากินหวานบ่อยๆนะจุลินทรีย์พวก
00:02:44 → 00:02:46 เนี้ยมันก็จะโตขึ้นเยอะนะเพราะอาหารของ
00:02:46 → 00:02:49 มันเยอะไงคะของมันคือน้ำตาลที่เรากินเข้า
00:02:49 → 00:02:53 ไปเนาะพอมันกินเข้าไปเยอะๆปุ๊บมันก็บอก
00:02:53 → 00:02:55 จุลินทรีย์มันก็กระตุ้นร่างกายเรากลับมา
00:02:55 → 00:02:57 อีกว่าให้กินเข้าไปอีกนะเพราะจุลินทรีย์
00:02:57 → 00:02:59 มันเยอะแล้วนะคะเพราะฉะนั้นบางครั้งเนี่ย
00:02:59 → 00:03:02 เราอาจจะอ้วนนะคะพวกว่าจุลินทรีย์ก็ได้นะ
00:03:02 → 00:03:07 คะเป็นคำที่หมอพูดบ่อยๆเลยนะคะแล้วก็สิ่ง
00:03:07 → 00:03:09 ที่สำคัญที่อาจจะต้องรู้จักอีกอย่างนึงนะ
00:03:09 → 00:03:13 คะการที่เราติดหวานส่วนใหญ่มันไม่ใช่ติด
00:03:13 → 00:03:16 เพราะว่าเราอ่ะอยากติดเนาะต้องบอกอย่างี้
00:03:16 → 00:03:21 ก่อนค่ะหมออยากให้แยกคำว่าความรู้สึกหิว
00:03:21 → 00:03:24 เนาะหลายๆคนก็บอกว่าก็หิวก็ไปกินไงหมอไม่
00:03:24 → 00:03:27 เห็นยากเลยใช่มั้ยคะแต่จริงๆแล้วอ่ะค่ะ
00:03:27 → 00:03:31 ความหิวมันมีหลายแบบนะคะทำให้เรารู้สึก
00:03:31 → 00:03:35 ว่าอันเนี้ยคือการหิวแล้วสิ่งแรกเลยค่ะ
00:03:35 → 00:03:37 คือการหิวน้ำธรรมดานี่แหละค่ะบางครั้งที่
00:03:37 → 00:03:41 เรากินน้ำน้อยนะมันก็จะรู้สึกว่าหิวร่าง
00:03:41 → 00:03:45 กายเรียนรู้ว่ามันหิวทำให้เราอ่ะต้องไปหา
00:03:45 → 00:03:48 ข้าวกินทั้งๆที่จริงๆถ้าเราดื่มน้ำเราก็
00:03:48 → 00:03:50 หายหิวแล้วนะคะแต่ในจังหวะนั้นสิ่งที่คุณ
00:03:50 → 00:03:53 จะหยิบขึ้นมากินก็คือน้ำหวานค่ะเพื่อทำ
00:03:54 → 00:03:58 ให้รู้สึกสดชื่นที่สุด 2 คือพาภาวะหิวจาก
00:03:58 → 00:04:02 อารมณ์ค่ะหลายๆคนก็หิวจากอารมณ์คืออะไร
00:04:02 → 00:04:06 จริงๆหมอคิดว่าคุณผู้หญิงหลายๆคนคงรู้สึก
00:04:06 → 00:04:09 นะคะอย่างเช่นบางทีเราเครียดเรื่องงาน
00:04:09 → 00:04:13 เลิกกับแฟนนะคะแบบจะต้องซื้อขนมมาตุนไว้
00:04:13 → 00:04:16 เยอะๆนะคะกินแล้วพอกินเสร็จก็รู้สึกดีนะ
00:04:16 → 00:04:20 คะเพราะว่าเวลาเรากินเข้าไปเนี่ยฮอร์โมน
00:04:20 → 00:04:23 โดพามีนมันถูกกระตุ้นขึ้นมานะคะทำให้เรา
00:04:23 → 00:04:27 รู้สึกสุขแล้วเราก็จะลืมช่วงเรื่องที่เรา
00:04:27 → 00:04:30 เครียดไปเลยนะคะทำให้เราเสพติดความหวาน
00:04:30 → 00:04:34 โดยไม่รู้ตัวค่ะนอกจากนั้นนะยังมีการ
00:04:34 → 00:04:39 ศึกษาบอกว่าบางคนเนี่ยยึดสิ่งของบางอย่าง
00:04:39 → 00:04:42 ที่มีรสชาติหวานนะคะกับอารมณ์บางอย่าง
00:04:42 → 00:04:46 อย่างเช่นบางคนแบบตอนเด็กๆเนาะไปโรงเรียน
00:04:46 → 00:04:51 คุณพ่อคุณแม่ก็เอ่อซื้อไอศครีมให้กินใช่
00:04:51 → 00:04:54 มยเวลากลับมาจากโรงเรียนรู้สึกว่าแบบโอ๊ย
00:04:54 → 00:04:57 เหนื่อยได้กินไอศครีมปุ๊บอ่ะแล้วคุณพ่อ
00:04:58 → 00:05:02 หรือคุณแม่ก็กอดใช่มยพอกอดปุ๊บเวลาที่เรา
00:05:02 → 00:05:04 รู้สึกว่าเราต้องการการเติมเต็มนะคะหรือ
00:05:04 → 00:05:06 ว่ารู้สึกขาดความอบอุ่นเนาะเราก็จะต้อง
00:05:06 → 00:05:09 นึกถึงไอศครีมใช่ป่ะเหมือนกับบางครั้งอ่ะ
00:05:10 → 00:05:13 ค่ะเอ่อเวลาที่มันคล้ายๆกับการสั่น
00:05:13 → 00:05:16 กระดิ่งเนาะที่บอกว่าเวลาแบบเรียกหมามา
00:05:16 → 00:05:18 กินข้าวใช่ป่ะพอสั่นกระดิ่งแล้วให้ข้าว
00:05:18 → 00:05:21 กินพอสั่นกระดิ่งปุ๊บมันก็จะหิวทันทีนะคะ
00:05:21 → 00:05:24 อันนั้นก็เป็นสิ่งที่คล้ายๆกันเนาะเพราะ
00:05:24 → 00:05:26 ฉะนั้นเนี่ยต้องแยกให้ออกว่า 1 หิวน้ำ
00:05:26 → 00:05:31 หรือเปล่า 2 หิวจากอารมณ์หรือเปล่า 3 การ
00:05:31 → 00:05:34 ที่กระเพาะอาหารมันหมดค่ะเวลาเรากินอาหาร
00:05:35 → 00:05:39 เข้าไปเนาะกินๆเข้าไปอาหารจะไปอยู่ที่
00:05:39 → 00:05:43 กระเพาะของเราเนาะโดยปกติอ่ะค่ะอาหารจะ
00:05:43 → 00:05:47 อยู่ในกระเพาะได้ประมาณ 3 ชมงมันก็จะออก
00:05:47 → 00:05:50 ไปในลำไส้หมดเลยนะคะกระเพาะเป็นตัวเหมือน
00:05:50 → 00:05:53 เก็บอาหารเอาไว้ส่วนนึงเพื่อค่อยๆปล่อย
00:05:53 → 00:05:57 ออกไปในลำไส้เล็กนะคะแต่ว่าบางคนเนาะเคย
00:05:57 → 00:06:00 ได้ยินกระเพาะคลากเนาะกินทั้งวันกินจน
00:06:00 → 00:06:03 กระเพาะใหญ่ปกติกระเพาะจะสามารถยืดกลับ
00:06:03 → 00:06:07 ได้นะคะแต่ในบางครั้งเนี่ยพอกระเพาะมัน
00:06:07 → 00:06:11 หมดนะคะมันทำให้เรารู้สึกหิวขึ้นมาค่ะแต่
00:06:11 → 00:06:14 จริงๆแล้วอ่ะมันอาจจะไม่ใช่ความหิวจริงๆ
00:06:14 → 00:06:19 ก็ได้นะคะหรือความหิวอย่างสุดท้ายนะคะคือ
00:06:19 → 00:06:21 ความหิวที่เกิดจากการขาดสารอาหารที่
00:06:21 → 00:06:25 จำเป็นจริงๆนะคะอาหารที่จำเป็นไม่ว่าจะ
00:06:25 → 00:06:28 เป็นเอ่อโปรตีนนะคะส่วนใหญ่จะขาดโปรตีน
00:06:28 → 00:06:32 เนาะอ่าคาร์โบไฮเดรตหรือว่าไขมันหรือเป็น
00:06:32 → 00:06:35 พวกสารอาหารเล็กๆน้อยๆนะคะอย่างเช่น
00:06:35 → 00:06:39 วิตามินเกลือแร่บางชนิดก็ได้เพราะฉะนั้น
00:06:39 → 00:06:44 นะคะถ้าเรากินแต่อาหารที่มันมีแต่พลังงาน
00:06:44 → 00:06:47 แต่ไม่มีสารอาหารอย่างเช่นกินน้ำตาลกิน
00:06:47 → 00:06:51 แป้งนะคะมันได้พลังงานจริงค่ะแต่มันไม่มี
00:06:51 → 00:06:54 สารอาหารนะคะการที่เรากินอาหารกลุ่มนี้
00:06:54 → 00:06:58 บ่อยๆมันก็จะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกว่า
00:06:58 → 00:07:02 เฮ้ยฉันยังไม่ได้กินอาหารเลยต้องกระตุ้น
00:07:02 → 00:07:04 ให้มันหิวอีกมันจะได้กินเยอะๆนะคะอันนี้
00:07:04 → 00:07:08 เป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องดูจริงๆนะคะว่า
00:07:09 → 00:07:12 คุณมีภาวะอย่างนั้นหรือเปล่านะคะเพราะ
00:07:12 → 00:07:15 ฉะนั้นเนาะวันนี้นะคะเราก็สำรวจดีๆถ้า
00:07:16 → 00:07:18 เป็นความหิวจริงๆส่วนใหญ่มันจะไม่หิวทัน
00:07:18 → 00:07:22 ทีและไม่ได้หิวอยากกินอะไรเฉพาะนะคะพวก
00:07:22 → 00:07:25 นี้มันจะค่อยๆเกิดขึ้นนะคะแล้วก็รู้สึก
00:07:25 → 00:07:28 ว่าทนได้นะคะมันจะสัมพันธ์กับมันอาจจะ
00:07:28 → 00:07:31 เป็นเวลาเดียวกันทุกวันนะคะมันก็เป็น
00:07:31 → 00:07:34 สัญญาณธรรมชาติบอกว่าเออให้เรากินมากขึ้น
00:07:34 → 00:07:36 ได้นะคะ
00:07:36 → 00:07:41 เพราะฉะนั้นถ้าเราแบบเพิ่งกินข้าวไป 1-2
00:07:41 → 00:07:43 ชั่วโมงเนี่ยก็ไม่น่าจะเป็นหิวจริงใช่
00:07:43 → 00:07:48 มั้ยคะหรือว่าบางครั้งเนี่ยบางคนเนาะกิน
00:07:48 → 00:07:51 น้ำหวานอันนี้หมอลืมพูดไปตะกี้เนาะกินน้ำ
00:07:51 → 00:07:53 หวานเนี่ยมันจะทำให้น้ำตาลตาลในเลือดอ่ะ
00:07:53 → 00:07:56 มันสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็วนะคะพอระดับน้ำ
00:07:56 → 00:07:59 ตาลในเลือดมันดรอปลงนิดเดียวนะคะหมายถึง
00:07:59 → 00:08:02 ว่าพลังงานบรรทุกย่อยหมดแป๊บเดียวนะคะมัน
00:08:02 → 00:08:04 ก็จะหิวอีกได้เหมือนกันอันนี้ไม่ใช่เกิด
00:08:04 → 00:08:08 จากร่างกายนะคะแต่มันเกิดจากสิ่งที่เรา
00:08:08 → 00:08:11 กินก่อนหน้านั้นมันกระตุ้นฮอร์โมนที่ชื่อ
00:08:11 → 00:08:14 ว่าอินซูลินนะคะมาดูรูปกราฟที่หมอแนบมา
00:08:14 → 00:08:17 ให้ดูนะคะคำว่าไฮจอก็คือน้ำตาลที่ดูดซึม
00:08:17 → 00:08:20 เร็วอย่างเช่นน้ำหวานนะพอกินเข้าไปนะคะ
00:08:20 → 00:08:23 ระดับน้ำตาลในเลือดมันจะสูงขึ้นปรี๊ดเลย
00:08:23 → 00:08:26 นะคะแล้วไม่นานนะไม่เกินชั่วโมงระดับน้ำ
00:08:26 → 00:08:29 ตาลในเลือดมันก็ดรอปลงมาเลยนะคะพอระดับ
00:08:29 → 00:08:31 น้ำตาลในเลือดมันดรอปอย่างเงี้ยนะคะดูที่
00:08:31 → 00:08:35 เลข 60 เราก็จะรู้สึกว่าเราหิวใหม่ได้อีก
00:08:35 → 00:08:38 ครั้งนึงเลยนะคะหมอเคยพูดเกี่ยวกับเรื่อง
00:08:39 → 00:08:41 ฮอร์โมนอินซูลินไว้นะคะในเรื่องของอาหาร
00:08:41 → 00:08:46 เช้าไปลองดูวีดีโอได้นะคะอ่ะแล้วนอกจาก
00:08:46 → 00:08:49 นั้นนะคะวิธีการตอบสนองต่างๆของเราเนี่ย
00:08:50 → 00:08:53 เราควรจะทำยังไงดีนะคะว่าแบบนี้มันหิวทัน
00:08:54 → 00:08:57 ทีหรือเปล่านะหรือว่าเราจะแก้ปัญหาการ
00:08:57 → 00:09:01 อยากน้ำตาลได้ยังไงดีนะคะสิ่งแรกที่ควร
00:09:01 → 00:09:05 ต้องทำเลยค่ะเราจะต้องมีสติก่อนเมื่อเรา
00:09:05 → 00:09:08 รู้สึกหิวหรือว่าอยากกินน้ำตาลนะคะสิ่ง
00:09:08 → 00:09:12 แรกที่ควรทำคือควรจะดื่มน้ำเปล่าก่อนโดย
00:09:12 → 00:09:16 ทั่วไปแล้วนะคะเราควรดื่มน้ำให้ได้วันละ
00:09:16 → 00:09:19 6-8 แก้วอยู่แล้วนะคะเพื่อช่วยในการทำ
00:09:19 → 00:09:22 งานของระบบต่างๆของร่างร่างกายได้อย่าง
00:09:22 → 00:09:26 สมดุลนะคะแต่ในบางภาวะที่ร่างกายมีการขาด
00:09:26 → 00:09:28 น้ำมากอย่างเช่นไปยืนกลางแดดอะไรอย่าง
00:09:28 → 00:09:30 เงี้ยนะคะที่ทำให้เหงื่อเราออกหรือว่า
00:09:30 → 00:09:34 ท้องเสียคุณก็ต้องดื่มน้ำให้เพียงพออาจจะ
00:09:34 → 00:09:37 ต้องดื่มมากกว่า 6-8 แก้วนะคะกรณีที่เรา
00:09:37 → 00:09:40 รู้สึกอยากหวานนะคะสิ่งแรกให้กินน้ำก่อน
00:09:40 → 00:09:45 เลยค่ะข้อที่ 2 นะคะคือเวลาเราเริ่มต้น
00:09:45 → 00:09:49 วันใหม่นะคะเอ่อเราควรจะเริ่มให้ดีนะคะ
00:09:49 → 00:09:52 ถ้าเราเริ่มดีนะคะวันนั้นทั้งวันของเราจะ
00:09:52 → 00:09:57 ดีไปหมดนะคะเราควรจะกินอาหารที่ไม่ใช่
00:09:57 → 00:10:01 อาหารหวานจัดหรือว่ามีแป้งขัดขาวเยอะๆค่ะ
00:10:01 → 00:10:04 เพราะว่ามันมีผลกับฮอร์โมนอินซูลินนะคะพอ
00:10:04 → 00:10:07 มีผลกับฮอร์โมนอินซูลินเนี่ยมันจะทำให้
00:10:07 → 00:10:10 น้ำตาลเราร่วงลงอย่างรวดเร็วนะคะพอน้ำตาล
00:10:10 → 00:10:12 มันดรอปลงอย่างรวดเร็วเนี่ยจะทำให้รู้สึก
00:10:12 → 00:10:14 ว่าเราต้องกินเข้าไปอีกแล้วสิ่งที่เรา
00:10:14 → 00:10:18 อยากกินก็คืออาหารหวานคะมันก็จะทำให้เรา
00:10:18 → 00:10:21 ได้พลังงานโดยไม่จำเป็นและเกิดโรคโรคร้าย
00:10:21 → 00:10:24 ตามมาด้วยเพราะฉะนั้นตอนเช้าเราควรเริ่ม
00:10:24 → 00:10:26 จากอาหารที่มีประโยชน์ค่ะอย่างเช่นอาหาร
00:10:26 → 00:10:29 ที่มีโปรตีนเพียงพอนะคะไม่ว่าจะเป็นเนื้อ
00:10:29 → 00:10:33 สัตว์นะคะไข่ต้มอย่างี้ก็ได้นะคะหรือว่า
00:10:33 → 00:10:36 บางคนเนี่ยหมอก็จะแนะนำให้กินแบบข้าวโอ๊ต
00:10:36 → 00:10:41 ที่มันทำให้อิ่มมากขึ้นนะคะสำหรับข้อที่ 3
00:10:41 → 00:10:45 แล้วนะคะคือจริงๆนอกจากการกินโปรตีนที่มี
00:10:45 → 00:10:48 ประโยชน์แบบที่ตะกี้ได้พูดไปแล้วนะคะสิ่ง
00:10:48 → 00:10:52 ที่จำเป็นจริงๆก็คือการกินผักนะคะคือการ
00:10:52 → 00:10:55 กินไฟเบอร์ให้เพียงพอนะคะผักผลไม้นะเพราะ
00:10:55 → 00:10:58 ว่าไฟเบอร์จากผักผลไม้เนี่ยแหละค่ะเป็น
00:10:58 → 00:11:02 ตัวการสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มด้วยนะ
00:11:02 → 00:11:04 แล้วทางเดินอาหารมันจะบีบตัวช้าทำให้เรา
00:11:04 → 00:11:07 อิ่มเร็วและทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เราได้
00:11:07 → 00:11:10 รับการเติมเต็มนะคะพอจุลินทรีย์ในลำไส้
00:11:10 → 00:11:13 ได้รับการเติมเต็มว่าสารอาหารเพียงพอแล้ว
00:11:13 → 00:11:16 นะคะจุลินทรีย์ในลำไส้เราก็จะไม่กระตุ้น
00:11:16 → 00:11:19 ให้เราอยากกินอะไรเยอะนะคะเพราะฉะนั้นอัน
00:11:19 → 00:11:23 นี้เป็นสิ่งที่ควรดูเลยการเริ่มต้นวัน
00:11:23 → 00:11:27 ด้วยผักเลยนะคะหรือใส่เมล็ดธัญพืชบางชนิด
00:11:27 → 00:11:31 อย่างเช่นเมล็ดเจียร์ลงไปนะคะอย่างหมอ
00:11:31 → 00:11:35 อย่างเงี้ยนะคะหมอก็จะปั่นผักนะคะเอาผัก
00:11:35 → 00:11:39 ประมาณ 4-5 อย่างค่ะมารวมกันค่ะเพื่อให้
00:11:39 → 00:11:42 เราได้แบบสารอาหารเต็มที่เลยนะอันนี้เป็น
00:11:42 → 00:11:45 สิ่งที่สำหรับหมอเองหมอเริ่มมื้อเช้าด้วย
00:11:45 → 00:11:49 ผักปั่นทุกวันนะคะตอนนี้ก็ทำมาได้แบบหลาย
00:11:49 → 00:11:52 เดือนแล้วนะคะมันก็จะทำให้ความอยากน้ำตาล
00:11:52 → 00:11:56 เราลดลงนะคะถามว่าแล้วกินไฟเบอร์เสริมได้
00:11:56 → 00:12:00 มยกินอย่างอื่นที่มันมีอย่างเช่น
00:12:00 → 00:12:03 พรีไบโอติกได้มยหมอก็ต้องตอบว่าจริงๆก็
00:12:03 → 00:12:05 ได้นะคะแต่ไฟเบอร์เสริมมันก็คือสิ่งที่
00:12:05 → 00:12:09 สกัดมานะคะไม่มีทางเทียบเท่าธรรมชาติได้
00:12:09 → 00:12:12 นะพรีไบโอติกก็เหมือนกันนะคะอาหารที่มี
00:12:12 → 00:12:14 พรีไบโอติกเยอะๆก็อย่างเช่นหอมกระเทียม
00:12:14 → 00:12:18 อย่างเงี้ยนะคะกล้วยก็มีไฟเบอร์เอ้ยขอโทษ
00:12:18 → 00:12:20 ค่ะมีพีดีไบโอติกอย่างเช่นกล้วยดิบนะคะ
00:12:20 → 00:12:24 ที่บางคนบอกไปกินสมุนไพรเนาะเพราะฉะนั้น
00:12:24 → 00:12:28 กินอาหารธรรมชาติก่อนดีกว่านะคะ 3 ค่ะการ
00:12:28 → 00:12:31 คุยกับตัวเองค่ะการเติมรางวัลทางใจค่ะบาง
00:12:31 → 00:12:35 ครั้งที่เรารู้สึกอยากเนี่ยลองสังเกตความ
00:12:35 → 00:12:38 คิดที่อยู่ในหัวเราดีๆว่าสิ่งที่มันขึ้น
00:12:38 → 00:12:41 มาคืออะไรนะคะบางครั้งสิ่งที่เราขึ้นมา
00:12:41 → 00:12:44 เนี่ยคือแบบเฮ้ยฉันอยากกินเพราะว่าวัน
00:12:44 → 00:12:47 เนี้ยฉันให้รางวัลตัวเองอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:12:47 → 00:12:50 คะอันเนี้ยต้องดูดีๆหรือว่ากินไปเถอะไม่
00:12:50 → 00:12:53 เป็นไรหรอกกินแค่ครั้งเดียวเองอะไรอย่าง
00:12:53 → 00:12:55 เงี้ยอันนี้เราก็ต้องดูสิ่งที่มันขึ้นมา
00:12:56 → 00:13:00 ในหัวเรานะคะเพราะฉะนั้นการกินเราก็ต้อง
00:13:00 → 00:13:06 มีสติมากๆเลยนะคะอ่ะสำหรับ
00:13:06 → 00:13:10 ข้อต่อไปนะคะคือเราต้องดูว่าเราหิวจริง
00:13:10 → 00:13:14 หรือเปล่านะเออคล้ายๆข้อตะกี้นะคะแต่ว่า
00:13:14 → 00:13:18 ส่วนใหญ่เนี่ยหมอจะแนะนำว่าไม่ควรให้หิว
00:13:18 → 00:13:22 หิวแบบจริงจังนานเกินไปนะคะเพราะเวลาที่
00:13:22 → 00:13:24 เราหิวเยอะๆเนี่ยมันจะกระตุ้นให้เราแบบ
00:13:24 → 00:13:27 อยากกินเละเทะไปหมดเลยนะคะแบบกินทุกอย่าง
00:13:27 → 00:13:30 ที่ขวางหน้ากินแบบไม่รู้ตัวกินทุกอย่างไป
00:13:30 → 00:13:34 หมดนะคะเพราะฉะนั้นอันเนี้ยก็ต้องระวัง
00:13:34 → 00:13:38 นิดนึงค่ะสำหรับข้อต่อไปอีกนะคะเราก็ต้อง
00:13:38 → 00:13:42 ดูว่าเอ่อเราทำได้ขนาดไหนวันแรกเราอาจจะ
00:13:42 → 00:13:45 เริ่มน้อยๆก่อนอย่างเช่นไม่กินน้ำหวานไม่
00:13:45 → 00:13:48 ใส่น้ำตาลนะต่อไปก็เริ่มเป็นไม่ใช้น้ำ
00:13:48 → 00:13:52 จิ้มได้มยทนไหวหรือเปล่านะคะแล้วก็เริ่ม
00:13:52 → 00:13:56 เอ่อมีตรวจบทสนทนากับตัวเองนะคะอย่างเช่น
00:13:56 → 00:13:59 เฮ้วันนี้เราอยากกินหนมเพราะว่าอะไรน้า
00:13:59 → 00:14:01 อะไรอย่างเงี้ยนะคะอันนี้เป็นสิ่งที่
00:14:01 → 00:14:05 สำคัญมากเลยนะเพราะหลายๆคนเนี่ยเริ่มที่
00:14:05 → 00:14:09 จะลดหวานได้นะคะพอเราเจอความหวานนิดเดียว
00:14:09 → 00:14:12 เราจะรู้สึกว่าแบบกินไม่ได้แล้วอ่ะมัน
00:14:12 → 00:14:15 เลี่ยนนะคะแล้วการที่เราหยุดหวานหยุดน้ำ
00:14:15 → 00:14:18 ตาลไปเนาะน้ำตาลเนี่ยจิจริงๆแล้วมันเป็น
00:14:18 → 00:14:21 สารสักขอที่ไม่มีอยู่ในธรรมชาติเนาะการ
00:14:21 → 00:14:24 ที่เรากินน้ำตาลเยอะๆเพิ่มความเสี่ยงเยอะ
00:14:24 → 00:14:27 มากนะคะไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานความดันไข
00:14:27 → 00:14:30 มันโรคมะเร็งต่างๆนะมะเร็งลำไส้เนี่ยข้อ
00:14:30 → 00:14:33 มูลเยอะมากนะคะสำหรับเรื่องน้ำตาลว่า
00:14:33 → 00:14:35 เพิ่มทั้งติ่งเนื้อเพิ่มทั้งมะเร็งลำไส้
00:14:35 → 00:14:38 เลยแล้วถ้าเราหยุดหวานนะคะสิ่งที่หายไป
00:14:38 → 00:14:41 เนี่ยมันไม่ใช่แค่น้ำหนักนะคะแต่ว่ามันทำ
00:14:41 → 00:14:44 ให้สุขภาพโดยรวมเราดีขึ้นอารมณ์ดีขึ้น
00:14:44 → 00:14:47 สมองปอดโปร่งแจ่มใสไม่รู้สึกรู้สึก
00:14:47 → 00:14:50 เหนื่อยง่ายไม่รู้สึกมึนบ่อยนั่นเองนะคะ
00:14:50 → 00:14:53 ถ้าใครคิดว่าคเทนนี้ดีมีประโยชน์ก็อย่า
00:14:53 → 00:14:57 ลืมกด Subscribe ให้หมอนะคะแล้วก็กดไลค์
00:14:57 → 00:15:00 ให้หมอด้วยนะคะมีคลิปต่อๆไปอย่าลืมดูนะ
00:15:00 → 00:15:03 Ja.