00:00:00 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:14 [ปรบมือ]
00:00:14 → 00:00:24 สวัสดีครับพี่หมอครับสวัสดีครับ
00:00:24 → 00:00:27 พ่อเมื่อวานนี้เราสิ้นสุดที่สไลด์ใน
00:00:27 → 00:00:30 เรื่อง 4 หลักของการปรับสมดุลฮอร์โมน
00:00:30 → 00:00:35 เราต้องรู้อะไรมากที่เราจะปรับสมดุลของ
00:00:35 → 00:00:37 ฮอร์โมนให้มันเกิด
00:00:37 → 00:00:45 ความเป็นปกติหรือว่า
00:00:45 → 00:00:54 หลักการของพลังงานสะสม
00:00:54 → 00:00:57 และอีกอย่างหนึ่งก็เป็นหลัก 4r ในแง่ของ
00:00:57 → 00:00:59 การ
00:00:59 → 00:01:05 จะเป็นเรื่องกว้างๆในการ
00:01:05 → 00:01:11 ทดแทนสารเสริมอาหารมีการซ่อมแซมมีการปรับ
00:01:11 → 00:01:13 สมดุลอะไรอย่างนี้
00:01:13 → 00:01:15 เมื่อวานพูดไปแล้ว
00:01:15 → 00:01:20 สำหรับวันนี้หมอจะต่อ
00:01:21 → 00:01:24 วันนี้ขอสรุปตรงนี้ก่อนหน้าที่หลักๆของ
00:01:24 → 00:01:28 อินซูลินที่เราพูดกันไปเมื่อวานนี้นะ
00:01:28 → 00:01:30 ก็อันนี้
00:01:30 → 00:01:33 เมื่อวานนี้ก็มีอยู่แล้ว
00:01:33 → 00:01:37 ที่เราจะเอาเรื่องอินซูลินมาใช้ในการดูแล
00:01:37 → 00:01:40 ทางด้านโภชนาการครับต่ำรวมทั้งค่าผลแลป
00:01:40 → 00:01:44 อะไรต่างๆเราก็จะดูในประเด็นไม่ได้มากมาย
00:01:44 → 00:01:48 พวกนี้เท่านั้นเป็นหลักเลยก็คือเขา
00:01:48 → 00:01:52 อินซูลินเนี่ยมันลดน้ำตาลในเลือดได้อย่าง
00:01:52 → 00:01:55 มีประสิทธิภาพมีคุณภาพหรือปริมาณมันมาก
00:01:55 → 00:01:58 มันน้อยมัน Action ได้ดีขนาดไหนนะ
00:01:58 → 00:02:02 แล้วก็อินซูลินนี่จะเป็นตัวฮอร์โมนตัวนึง
00:02:02 → 00:02:07 ใน 3 ตัวนะที่จะช่วยในการสร้างมัสโซ่แม้
00:02:07 → 00:02:11 สร้างมวลกล้ามเนื้อนะเอาอาหารเข้าไปส่ง
00:02:11 → 00:02:18 ก็จะมีอินซูลินมีไอจี F1 จากโกนฮอร์โมน
00:02:18 → 00:02:21 อันนี้เป็นตัวสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะใน
00:02:21 → 00:02:23 กลุ่มคนที่
00:02:23 → 00:02:26 อ่าสายแป้งหรือว่าค่อนข้างผอมสูงส่วนนะ
00:02:26 → 00:02:29 อันนี้เราต้องอาศัย 3 ตัวเนี้ยฮอร์โมน 3
00:02:29 → 00:02:31 อย่างเนี่ยกับสารอาหารที่สำคัญคือพวก
00:02:31 → 00:02:34 โปรตีนและความครบถ้วนของสารอาหารในมื้อ
00:02:34 → 00:02:37 เย็นในการสร้างกล้ามเนื้อนะ
00:02:38 → 00:02:42 หน้าที่งานอื่นๆก็จะมีตามที่ได้บอกไป
00:02:42 → 00:02:46 อันหนึ่งก็คือความสัมพันธ์ของการทำงานของ
00:02:46 → 00:02:47 ต่อมไทรอยด์
00:02:48 → 00:02:51 ซึ่งจะเป็นปกติหรือไม่ปกติเพราะว่า
00:02:51 → 00:02:54 ไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่มีความ
00:02:54 → 00:02:57 sensitive มากนะต่อเรื่องโภชนาการต่างๆ
00:02:57 → 00:03:01 หรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆในหน้าที่ความผิด
00:03:01 → 00:03:07 ปกติของร่างกายโดยเฉพาะระบบพลังงาน
00:03:07 → 00:03:10 ถ้าเกิดเป็นอวัยวะก็คือไตอันนี้เราก็รู้
00:03:10 → 00:03:13 ไปแล้วนะอีกอันนึงก็คือเรื่องอินซูลิน
00:03:13 → 00:03:16 เนี่ยมีผลต่อ
00:03:16 → 00:03:20 ในการที่จะรับไอ้ตัวคอเลสเตอรอลเนี่ยกลับ
00:03:20 → 00:03:25 เข้าสู่ต่ำ
00:03:25 → 00:03:29 ที่นี้อันนี้นะหน้าที่หมอสรุปนะหน้าที่
00:03:29 → 00:03:32 ของอินซูลินเนี่ยหน้าที่หลักคือการเอาน้ำ
00:03:32 → 00:03:34 ตาลเข้าเซลล์
00:03:34 → 00:03:37 หรือการเปลี่ยนแปลงน้ำตาลที่เหลือให้เป็น
00:03:37 → 00:03:41 พลังงานสะสมในรูปของไตรกลีเซอไรด์แล้วก็
00:03:41 → 00:03:45 เกิดการเก็บสะสมนะถ้าเก็บได้มันก็เก็บตาม
00:03:45 → 00:03:46 อวัยวะที่บอก
00:03:46 → 00:03:49 ถ้าเก็บไม่ได้มันก็ต้องรออยู่ในกระแส
00:03:49 → 00:03:52 เลือดเวลาเราเช็คอัพไลน์ปิดโปรไฟล์
00:03:52 → 00:03:55 ไตรกลีเซอไรด์มันก็ขึ้น
00:03:55 → 00:03:58 หน้าที่รองของอินซูลินก็คือเรื่องของการ
00:03:58 → 00:04:02 เอาโปรตีนกรดอะมิโนในโปรตีนแล้วก็สาร
00:04:02 → 00:04:04 อาหารรองต่างๆพวกเกลือแร่วิตามินเข้าสู่
00:04:04 → 00:04:06 เซลล์
00:04:06 → 00:04:09 อันนี้ก็คือไปสร้างเซลล์ไปซ่อมแซมเซลล์ไป
00:04:09 → 00:04:11 สร้างกล้ามเนื้อ
00:04:11 → 00:04:14 แต่อินซูลินไม่มีหน้าที่ในเรื่องของการ
00:04:14 → 00:04:17 เอาไขมันต่างๆเข้าสู่เซลล์
00:04:17 → 00:04:20 ซึ่งหน้าที่อันนี้มันมีบทบาทน้อยมากนะ
00:04:20 → 00:04:23 เพราะว่าเราก็รู้ว่าไขมันเนี่ยกระตุ้น
00:04:23 → 00:04:27 อินซูลินน้อยใครบ้างก็มีแค่ 0.5 ไม่เกิน 1
00:04:27 → 00:04:31 เท่าของเบโซ่อินซูลินนะ
00:04:31 → 00:04:33 แต่
00:04:33 → 00:04:36 โปรตีนกรดอะมิโนนี้กระตุ้น 3 เท่าในขณะ
00:04:36 → 00:04:40 ที่เรื่องของกราฟกระตุ้นเศรษฐกิจ
00:04:40 → 00:04:43 ก็สรุปไว้อย่างนี้ก่อนครับ
00:04:43 → 00:04:45 ทีนี้ฮอร์โมนอีกตัวนึงที่มีบทบาทไม่แพ้
00:04:45 → 00:04:48 กับอินซูลินเลยก็คือตัวแม่
00:04:48 → 00:04:53 ก็คือตัวคอตีซอลนะฮะนะวันเนี้ยอยากจะให้
00:04:53 → 00:04:59 พวกเรารู้จักคอร์ติซอลใน 10 บทบาทนะตาม
00:04:59 → 00:05:03 เหตุและผลรวมทั้งความสำคัญ
00:05:03 → 00:05:06 หมอก็เลยเจอหัวเอาไว้ตัวเล็กไปนิดนึงแต่
00:05:06 → 00:05:08 พอมองเห็นมั้ง
00:05:08 → 00:05:14 เห็นอยู่ครับผลของฮอร์โมนต่อร่างกายเมื่อ
00:05:14 → 00:05:18 เรามีการใช้โภชนาการแบบคราฟต่ำรวมการทำ
00:05:18 → 00:05:26 iff หรือการออกแรงออกกำลังแล้วก็การนอน
00:05:26 → 00:05:30 มีบทบาทโดยสรุป 10 หัวข้อดังต่อไปนี้นะ
00:05:30 → 00:05:35 สำคัญทุกอย่างเลยนะผมกับความเป็นแม่ที่จะ
00:05:35 → 00:05:39 ต้องมาดูแลลูก
00:05:39 → 00:05:43 แล้วก็การกินการไม่กินก็จะมีผลกระทบต่อ
00:05:43 → 00:05:44 คอร์ติซอล
00:05:44 → 00:05:48 ทั้งทั้งสองทั้งสองเรื่อง
00:05:48 → 00:05:52 อันที่ 1 ก็คือต้องมีบทบาทในการลดการ
00:05:52 → 00:05:54 อักเสบ
00:05:54 → 00:05:58 อันนี้เขาเรียกว่ายาครอบจักรวาล
00:05:58 → 00:06:01 มีการเกษตรเมื่อไหร่ข้อที่ซ่อนก็จะต้อง
00:06:01 → 00:06:01 ออกมา
00:06:01 → 00:06:05 การเกษตรเหมือนจะมาจากทิศทางไหนก็ตามนะ
00:06:05 → 00:06:08 โดยเฉพาะอินซูลินคือตัวสร้างไอ้พวกโคนิค
00:06:09 → 00:06:14 อินเฟรมชันนะหรือการอักเสบแบบแบบเรื้อรัง
00:06:14 → 00:06:18 อ่ะเอออันนี้ปฏิกิริยานี้ก็จะต้องมีการ
00:06:18 → 00:06:20 เรียกให้คอร์ติซอลออกมาหรือเพิ่มขึ้นอยู่
00:06:20 → 00:06:22 เรื่อยๆ
00:06:22 → 00:06:26 อันต่อมาก็คือข้อติซอลเป็นตัวปรับความดัน
00:06:26 → 00:06:28 เลือดให้สูงขึ้น
00:06:28 → 00:06:33 เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง
00:06:33 → 00:06:38 ส่วนใหญ่แล้วมันก็คือบทบาทของ
00:06:38 → 00:06:40 เป็นแค่
00:06:40 → 00:06:44 เป็นแค่ตัวที่ทำให้เกิดปัญหานะมันจะต้อง
00:06:44 → 00:06:48 มีเหตุของเหตุที่ทำให้คอติซอลมันเป็น
00:06:48 → 00:06:52 ปัญหาให้แรงดันมันขึ้นก็แล้วแต่ว่าเกิด
00:06:52 → 00:06:53 จากอะไร
00:06:53 → 00:06:56 อันนี้ต้องไปพิจารณา
00:06:56 → 00:06:58 เหมือนกับว่าน้ำตาลมันสูง
00:06:58 → 00:07:01 เพราะอิทธิพลของฮอร์โมนอินซูลินแต่ทำไม
00:07:01 → 00:07:04 อินซูลินน่ะมันถึงมีแอคชั่นทำให้น้ำตาล
00:07:04 → 00:07:09 สูงมีเหตุเหตุของมันคืออะไรต้องไปแก้ทุน
00:07:09 → 00:07:12 เองดับทุกข์ดับที่เหตุ
00:07:12 → 00:07:16 เขาก็บอกว่าในเรื่องของเอ่อการมีภาวะแรง
00:07:16 → 00:07:19 ดันเลือดเนี่ยนะ
00:07:19 → 00:07:22 อันนี้มันเป็นผงคอสีซอกนะ
00:07:22 → 00:07:24 แต่เขาเรียกว่าเป็นผลจากการปรับตัวของคน
00:07:24 → 00:07:25 เรา
00:07:25 → 00:07:32 เมื่อไหร่คนเรามีการปรับปรุง
00:07:33 → 00:07:35 ฮัลโหล
00:07:35 → 00:07:41 ฮัลโหล 1
00:07:41 → 00:07:45 เปรียบเสมือนแม่บ้านอ๋อครับผมแม่ก็ต้องดู
00:07:45 → 00:07:47 แลบ้านเป็นหลัก
00:07:47 → 00:07:51 แล้วเขาก็จะมีการหวงหาอาทรดูแลลูกดูแล
00:07:51 → 00:07:52 สามี
00:07:52 → 00:07:55 ก็คืออินซูลิน
00:07:55 → 00:07:59 เมื่อบ้านหรือร่างกายคนเราเนี่ยมันมีการ
00:07:59 → 00:08:08 เปลี่ยนแปลงมีการปรับตัวอย่างไรก็ตาม
00:08:08 → 00:08:10 ออกมา
00:08:10 → 00:08:13 คอยดูแลออกมาสังเกต
00:08:13 → 00:08:16 ออกมาคอยระแวก
00:08:16 → 00:08:20 มีใครมาทำอะไรเกิดเกิดขึ้นมาเปลี่ยนแปลง
00:08:20 → 00:08:26 ขึ้นมาแล้วมันดีไม่ดียังไงอะไรอย่างนี้
00:08:26 → 00:08:33 ก็คือหน้าที่ในการปรับแรงดันเลือด
00:08:33 → 00:08:37 สูงความดันมันสูงข้อติ้งก็สูงความหมาย
00:08:37 → 00:08:39 อย่างนี้นะ
00:08:39 → 00:08:42 อันที่ 3 เนี่ยอันนี้ก็หน้าที่สำคัญไม่
00:08:42 → 00:08:45 แพ้กันเลยมีการจัดเตรียมพลังงาน
00:08:45 → 00:08:47 การจัดเตรียมพลังงานของร่างกาย
00:08:47 → 00:08:50 ก็จะเป็นเรื่องของการสลายและเผาผลาญพลัง
00:08:50 → 00:08:52 งาน
00:08:52 → 00:08:53 อันนี้
00:08:53 → 00:08:59 ร่างกายสามารถทำได้ตลอดนะ 24 ชั่วโมงโดย
00:08:59 → 00:09:01 ไม่ต้องกินอะไรเข้าไป
00:09:01 → 00:09:04 ซึ่งหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของข้อที่ 2
00:09:04 → 00:09:08 เขาจะต้องจัดหาพลังงานรีเสิร์ฟให้กับร่าง
00:09:08 → 00:09:12 กายเพื่อให้ร่างกายมีชีวิตรอด
00:09:12 → 00:09:14 แล้วอวัยวะที่เป็นแหล่งของพลังงานที่
00:09:15 → 00:09:17 คอติซอลจะเอามา
00:09:17 → 00:09:19 [เพลง]
00:09:19 → 00:09:22 เปลี่ยนเป็นน้ำตรงน้ำตาลให้กับร่างกายก็
00:09:22 → 00:09:24 มี 3 หน่วยอยู่
00:09:24 → 00:09:26 คืออันที่ 1 คือตอบ
00:09:26 → 00:09:29 นะ
00:09:29 → 00:09:32 [เพลง]
00:09:33 → 00:09:35 ใครคือตับสะสมไว้
00:09:35 → 00:09:39 ก็เป็นตัวเอามาสลายเปลี่ยนแปลงเป็นพลัง
00:09:39 → 00:09:44 งานหรือเป็นน้ำตาลให้กับร่างกายนะอันต่อ
00:09:44 → 00:09:46 มาก็คือกล้ามเนื้อนะซึ่งแหล่งพลังงานจาก
00:09:46 → 00:09:50 กล้ามเนื้อคอจะชอบจะไปเอาโปรตีนในรูปของ
00:09:50 → 00:09:52 กรดอะมิโนแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำตาลให้กับ
00:09:52 → 00:09:54 ร่างกาย
00:09:54 → 00:09:57 แล้วอวัยวะเนี่ยหรือกล้ามเนื้อเนี่ยคือ
00:09:57 → 00:09:59 เป้าสำคัญที่สุดของคอติซอล
00:09:59 → 00:10:02 กล้ามเนื้อนะครับใช่กล้ามเนื้อจะเป็นเป้า
00:10:02 → 00:10:04 สำคัญที่สุด
00:10:04 → 00:10:09 ไกลโคเจนเนี่ยก็จะเป็นพื้นๆของตับนะแต่
00:10:09 → 00:10:11 เมื่อไหร่เป็นการสลายโปรตีน
00:10:11 → 00:10:15 จากกล้ามเนื้อเมื่อไหร่
00:10:15 → 00:10:18 อันนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่โตแล้วก็
00:10:18 → 00:10:19 เป็น
00:10:19 → 00:10:21 เรื่องสำคัญเลยที่คอร์ติซอลเขามุ่ง
00:10:21 → 00:10:24 ประเด็นมุ่งเป้าไป
00:10:24 → 00:10:27 เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มีปัญหาเรื่อง
00:10:27 → 00:10:30 ฮอร์โมนคอร์ติซอลโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น
00:10:30 → 00:10:35 บอดี้ไทด์สายพุงเครียดสายพุ่ม
00:10:35 → 00:10:37 หรือ adminal Type
00:10:37 → 00:10:40 คนพวกนี้นะร่างกายใหญ่โตก็จริงนะแต่มันจะ
00:10:40 → 00:10:41 ใหญ่ส่วนบน
00:10:41 → 00:10:44 นะส่วนล่างบริเวณ
00:10:44 → 00:10:48 ก้นหรือบริเวณขาต้นขา
00:10:48 → 00:10:51 ยึดขาส่วนล่างอะไรต่างๆพวกนี้กล้ามเนื้อ
00:10:51 → 00:10:56 มันจะฟีบเรียวเล็ก
00:10:56 → 00:10:59 เพราะว่าบริเวณเหล่านี้เป็นบริเวณที่มี
00:10:59 → 00:11:04 ตัวรับฮอร์โมนคอร์ติซอลมากที่สุดอ๋อ
00:11:04 → 00:11:07 ที่จะหาพลังงาน
00:11:07 → 00:11:10 เขาก็เลยต้องไปเอาจากโปรตีนในกล้ามเนื้อ
00:11:10 → 00:11:11 พวกนี้
00:11:11 → 00:11:15 รูปร่างร่างกายมันก็เลยออกมาเป็นอย่างนี้
00:11:15 → 00:11:17 แขนขาด
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยถ้าคุณเครียดเนี่ยนะ
00:11:20 → 00:11:22 ข้อที่ 2 เขาก็
00:11:22 → 00:11:28 มุ่งเป้าไปที่กล้ามเนื้อส่วนล่างนั่นแหละ
00:11:28 → 00:11:31 เพราะฉะนั้นในทางกลับกันเนี่ยถ้าเราจะลด
00:11:31 → 00:11:35 ความเครียดเราก็ต้องพยายามนะเคลื่อนไหว
00:11:36 → 00:11:39 ออกแรงออกกำลังแล้วก็นวดๆๆ
00:11:39 → 00:11:42 กล้ามเนื้อช่วงล่างร่างกาย
00:11:42 → 00:11:46 ไล่ตั้งแต่กล้ามเนื้อเรียกพุ่มหมาน้อยใช่
00:11:46 → 00:11:49 ไหมกล้ามเนื้อท้องส่วนล่างใช่ครับแล้วก็
00:11:49 → 00:11:53 มานวดต้นขามันนวดนวดเท้านวดขาเลยต่างๆพวก
00:11:53 → 00:12:02 นี้รถคอร์ติซอลได้หมดเลย
00:12:02 → 00:12:05 สุดท้ายก็คือเนื้อเยื่อไขมันนะอันนี้ก็ใน
00:12:05 → 00:12:09 รูปแบบของกรดไขมัน
00:12:09 → 00:12:13 ตัวอย่างเช่นเนี่ยการทำ If เนี่ยนะฮะโดย
00:12:13 → 00:12:16 เฉพาะ If ที่เราไม่ค่อยมีพลังงาน Research
00:12:16 → 00:12:20 อาจจะเป็นคนค่อนข้างผอมๆหน่อยนะพลังงาน
00:12:21 → 00:12:25 สะสมเราน้อยไขมันสะสมเราน้อยนะ
00:12:25 → 00:12:29 เพราะฉะนั้นถ้าถึงคราวที่เราทำผิดเช่นโปร
00:12:29 → 00:12:34 รองไอเอฟโดยยังไม่เข้าใจเรื่องเรื่องราว
00:12:34 → 00:12:37 ต่างๆแบบลึกซึ้งของ If เนี่ยอ่าครับข้อ
00:12:37 → 00:12:41 ที่ 2 เขาออกมาเนี่ยนะก็แน่นอนล่ะนะ
00:12:41 → 00:12:44 เวลาเรากิน low Craft เราก็ไม่มีครับไม่
00:12:44 → 00:12:46 มีใครคอลเจนเพียงพอให้คอติซอลใช้
00:12:46 → 00:12:49 คอร์ติซอลก็จะต้องใช้พวกโปรตีน
00:12:49 → 00:12:53 สัดส่วนก็ประมาณ 60% แล้วเขาก็จะใช้ไขมัน
00:12:53 → 00:12:57 40%
00:12:57 → 00:12:59 เราจะใช้โปรตีน
00:12:59 → 00:13:03 จากกลายเป็นน้ำตาลกรวดไมโครเป็นน้ำตาลอัน
00:13:03 → 00:13:06 นี้ 60% แล้วก็ใช้เนื้อเยื่อไขมันเป็นแบบ
00:13:06 → 00:13:10 CZ อันนี้ก็ประมาณ 40%
00:13:10 → 00:13:14 แต่ในระยะยาวๆเลยนะที่ความเครียดมัน
00:13:14 → 00:13:17 ดูดื้อเด่น
00:13:17 → 00:13:21 เยอะมากๆเลยเนี่ยสัดส่วนของการสลายโปรตีน
00:13:21 → 00:13:25 จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ
00:13:25 → 00:13:29 อันนี้ข้อต่อมาข้อ 4 นะข้อ 4 เนี่ยนะ
00:13:29 → 00:13:32 ในทางตรงกันข้ามกับข้อ 3 เนี่ยข้อที่เช่า
00:13:32 → 00:13:37 เองก็มีผลต่อการสะสมและกิจการพลังงาน
00:13:37 → 00:13:39 เพราะว่าคอยติซอลเนี่ยเราจัดอยู่ในกลุ่ม
00:13:39 → 00:13:40 ฮอร์โมน
00:13:40 → 00:13:45 สะสมพลังงานก็คืออินซูลิน
00:13:45 → 00:13:49 ข้อที่ซ่อนเนี่ยเวลาเค้าเก็บกลับสะสมพลัง
00:13:49 → 00:13:50 งานเนี่ย
00:13:50 → 00:13:52 ตัวพลังงานส่วนเกินที่เขาจะไปสะสมคือ
00:13:53 → 00:13:58 ไตรกลีเซอไรด์ในทุกรูปคือ
00:13:58 → 00:14:02 จะมีบทบาทที่จะเอาไปสะสมแต่เขาไม่ได้เอา
00:14:02 → 00:14:06 ไปสะสมที่เนื้อเยื่อไขมันเหมือนกับ
00:14:06 → 00:14:08 ไตรกลีเซอไรด์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงมาจาก
00:14:08 → 00:14:11 อินซูลิน
00:14:11 → 00:14:14 ข้อที่ 2 จะเอาไตรกลีเซอไรด์ที่ล้นเกินไป
00:14:14 → 00:14:16 สะสมที่บริเวณ
00:14:16 → 00:14:21 บริเวณหน้าท้องส่วนบนและรอบๆสะดือ
00:14:21 → 00:14:25 เพราะฉะนั้นเวลาไขมันส่วนเกินของพวกที่
00:14:25 → 00:14:41 เครียด
00:14:41 → 00:14:45 มีเรื่องของเอสโตรเจนมาผนัง
00:14:45 → 00:14:49 ทั้งตัวแม่และลูกสาวคนโตเนี่ยแอคชั่นเขา
00:14:49 → 00:14:53 เนี่ยนะเขาก็จะลงมาที่ท้องน้อยส่วนล่าง
00:14:53 → 00:14:59 อ่ะท้องส่วนล่าง
00:14:59 → 00:15:02 แล้วเนี่ยมันจะเกิดอะไรขึ้น
00:15:02 → 00:15:07 นะในขณะที่ขารีบเอาเล็กเอา
00:15:07 → 00:15:12 คือมันเหมือนมันอยู่จะเซจะล้มอ่ะนะ
00:15:12 → 00:15:14 [เพลง]
00:15:14 → 00:15:19 อันต่อมาก็คือที่บริเวณแก้มนะ
00:15:19 → 00:15:24 เนี่ยคนที่แก้มป่องแก้มห้อยย้อยอะไรต่างๆ
00:15:24 → 00:15:27 นะครับก็คือการสะสมของไขมันไตรกลีเซอไรด์
00:15:27 → 00:15:32 จากอิทธิพลของคอร์ติซอลแก้มลำคอนะแล้วก็
00:15:32 → 00:15:37 โหนกหรือหน่อทางด้านหลังส่วนบน
00:15:37 → 00:15:58 บริเวณที่เขาเอาคาดเทียมไฟล์
00:15:58 → 00:16:02 นี้มีความเครียดมีข้อ
00:16:02 → 00:16:05 มันเยอะอ่ะมันเยอะอาจจะเรียกว่า
00:16:05 → 00:16:13 มันเด่นมันดื้อ
00:16:13 → 00:16:17 อ่าๆๆแม่ไม่มีคำว่าแพ้หน้าที่อย่างต่อ
00:16:17 → 00:16:22 เนื่องก็คือการขับโกรธ
00:16:22 → 00:16:27 นะออกนะพร้อมกับแคลเซียมในทางปัสสาวะ
00:16:27 → 00:16:31 เพื่อจะปรับให้เลือดมีสภาพเป็นด่าง
00:16:31 → 00:16:34 คุณเครียดเนี่ยเลือดเป็นด่างนะไม่ได้เป็น
00:16:34 → 00:16:35 กฎ
00:16:35 → 00:16:39 เพราะคอติซอลเนี่ยเขาขับกรดต่างๆคือขับ
00:16:39 → 00:16:43 ไฮโดรเจนไอออนออกพร้อมกับแคลเซียมทาง
00:16:43 → 00:16:44 ปัสสาวะ
00:16:44 → 00:16:46 อันนี้ก็
00:16:46 → 00:16:49 นี่แหละร่างกายก็สูญเสียกฎเพราะฉะนั้น
00:16:49 → 00:16:51 เลือดมันก็เลยมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้น
00:16:51 → 00:16:55 เลือดเป็นด่างนี่ภูมิตกนะ
00:16:55 → 00:16:58 ภูมิไม่ดี
00:16:58 → 00:17:04 ภูมิแพ้ภูมิเพี้ยนภูมิตก
00:17:04 → 00:17:07 คอติซอลฮอร์โมนเครียดเลือดเป็นด่านไม่ได้
00:17:07 → 00:17:10 ดีนะ
00:17:10 → 00:17:13 อันต่อมาก็คือข้อ 6 เนี่ย
00:17:13 → 00:17:18 จะยับยั้งการหลั่งน้ำย่อยจากกระเพาะลำไส้
00:17:18 → 00:17:23 และน้ำดีจากตับรวมทั้งการเก็บน้ำดีหรือ
00:17:23 → 00:17:25 ถูกน้ำดี
00:17:25 → 00:17:30 เซลเยอะเนี่ยนะระบบการย่อยการดูดซึมการ
00:17:30 → 00:17:35 ย่อยสารอาหารอะไรต่างๆเนี่ยมันจะลดลง
00:17:35 → 00:17:38 แล้วจะมีผลเยอะๆเลยต่อการดูดกลับของเกลือ
00:17:38 → 00:17:40 น้ำดีที่ลำไส้เล็ก
00:17:40 → 00:17:43 ต้องย้อนกลับมา 95% แล้วมาสะสมไว้ที่ถูก
00:17:43 → 00:17:56 น้ำดี
00:17:56 → 00:18:04 ทีนี้ข้อ 7
00:18:04 → 00:18:09 ข้อทำหน้าที่ในการปลุกสมองให้ตื่นจาก
00:18:09 → 00:18:10 ภวังค์หลับ
00:18:10 → 00:18:13 พอวางที่เราหลับ
00:18:13 → 00:18:16 แล้วก็คอร์ติซอลจะเริ่มทำงานเมื่อประมาณ
00:18:16 → 00:18:22 ราวๆผ่านช่วงเวลานาฬิกาชีวิตของตับไปแล้ว
00:18:22 → 00:18:25 เป็นช่วงเวลานาฬิกาชีวิตของปอดคือตี 3
00:18:25 → 00:18:26 ถึงตี 5
00:18:27 → 00:18:28 ครับ
00:18:28 → 00:18:32 ก็ประมาณตี 3 ตี 4 ข้อจะเริ่มมา
00:18:32 → 00:18:36 แล้วก็ค่อยๆพีคเพิ่มขึ้นประมาณสักเนี่ย 6
00:18:36 → 00:18:40 โมงหรือ 7 โมงก็จะเริ่มมีการปลุกให้ตื่น
00:18:40 → 00:18:43 แต่ตัวพีคของคอร์ติซอลที่จะเยอะมากที่สุด
00:18:43 → 00:18:47 ก็คือ 8-9 โมงเช้า
00:18:47 → 00:18:49 ตามระบบนาฬิกาชีวิต
00:18:49 → 00:18:51 และอันนี้ก็จะเป็นหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง
00:18:51 → 00:18:54 เลยเพราะคนเราต้องตื่น
00:18:54 → 00:18:58 ไม่มีคอยไม่ได้
00:18:58 → 00:19:00 อันต่อมาก็คือ
00:19:00 → 00:19:04 คอร์ติซอลที่มีมากเกินไปจะลดการสร้าง
00:19:04 → 00:19:07 Growth Hormone นะถ้าแม่มาเนี่ยโกส
00:19:07 → 00:19:09 ฮอร์โมนเนี่ยมาไม่ได้
00:19:09 → 00:19:13 เวลาโทนนินซีโร่
00:19:13 → 00:19:16 เพราะฉะนั้นเนี่ยถึงได้บอกว่าตอนเย็นๆ
00:19:16 → 00:19:18 เนี่ยพออินซูลินมาแล้วเนี่ย
00:19:18 → 00:19:21 นะอย่าไปทำอะไรให้คอร์ติซอลมา
00:19:21 → 00:19:25 เพราะมาประกบอินซูลินมา Balance เมื่อ
00:19:25 → 00:19:27 ไหร่นะเมื่อนั้นเนี่ยฮอร์โมนลูกๆเช่น
00:19:27 → 00:19:34 ไทรอยด์
00:19:34 → 00:19:37 จะทะเลาะกับคอติซอลวนไปเรื่อยๆจนถึงเช้า
00:19:37 → 00:19:43 วันใหม่
00:19:43 → 00:19:45 อีกเรื่องนึงก็คือการยับยั้งการสร้าง
00:19:45 → 00:19:48 ฮอร์โมนไทรอยด์และโปรเจสโตโรล
00:19:48 → 00:19:52 มีผลต่อโปรเจสเตอโรนมากกว่า m07
00:19:52 → 00:19:54 คือแม่กับลูกสาวคนโตเนี่ยมักจะเป็นมิตร
00:19:54 → 00:19:59 กันนะไม่ค่อยจะทำอะไรมากมายนะนะแต่กับลูก
00:19:59 → 00:20:03 สาวคนคนเล็กเนี่ยนะ
00:20:03 → 00:20:09 ข้อที่ 2 นี่อืมเกลียดพูดหรือเปล่าคนกลาง
00:20:09 → 00:20:12 เกลียดลูกสาวคนเล็กแต่ยังชอบลูกสาวคนโต
00:20:12 → 00:20:15 หรือเอสโตรเจนอยู่
00:20:15 → 00:20:19 แล้วก็ลูกชายคนเล็กเทสโตโซโลนดิซอลก็ไม่
00:20:19 → 00:20:26 ได้สว่างนะ
00:20:26 → 00:20:31 ต่อมาข้อสุดท้ายเนี่ยนะ
00:20:31 → 00:20:34 ที่จะมีการร่างกายเขาจะสร้างเพิ่มขึ้นมาก
00:20:34 → 00:20:37 ขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆเพราะมันเป็นปฏิกิริยา
00:20:37 → 00:20:41 การตอบสนองต่อพฤติกรรมต่างๆ
00:20:41 → 00:20:46 ที่เปลี่ยนไปนะอาหารนะถ้าอาหารเปลี่ยนไป
00:20:46 → 00:20:50 สารเคมีมีการได้รับอย่างพวกนี้จะเป็นการ
00:20:50 → 00:20:54 กระตุ้นให้เพิ่มขึ้น
00:20:54 → 00:20:57 เขาเรียกว่ามีการเปลี่ยนแปลงนะหรือมีการ
00:20:57 → 00:20:59 ปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายไปจากเดิมเมื่อ
00:20:59 → 00:21:00 ไหร่
00:21:00 → 00:21:05 พอจึงต้องจะต้องมีการสะสมเด่นดื้อดูนะโดย
00:21:05 → 00:21:11 ที่เรามักจะไม่รู้ตัว
00:21:11 → 00:21:14 จริงๆเนี่ยมันก็มีจุดแยกข้อสิ่งที่สำคัญ
00:21:14 → 00:21:17 นะหมอเน้นนะเพราะว่าเราจะทำอะไรก็ตามที่
00:21:17 → 00:21:22 จะเป็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายของเรา
00:21:22 → 00:21:24 ตัวแม่หรือข้อที่ซ่อนเนี่ยเขาจะกล้ารับ
00:21:24 → 00:21:28 รู้เขาจะต้องมาสังเกตสังกานะก็จะมาน้อยมา
00:21:28 → 00:21:31 มากมายดีมาไม่ดีมา
00:21:31 → 00:21:37 ก็จะต้องมีคอร์ติซอลเอาเป็นหน้าที่ของเขา
00:21:37 → 00:21:38 ทีนี้
00:21:38 → 00:21:42 ถ้าเกิดเราก็ต้องเปลี่ยนนะ
00:21:42 → 00:21:46 มันก็ต้องมีจิตหนึ่งพี่ก็ได้จุดคัดออก
00:21:46 → 00:21:50 ที่ว่าเราจะต้องรู้แล้วว่าเรามีขีดความ
00:21:50 → 00:21:52 สามารถที่จะทำในการปรับเปลี่ยนในการทำ
00:21:52 → 00:21:55 อะไรก็ตามได้ถึงแค่นี้ไม่งั้นแล้วเนี่ย
00:21:55 → 00:21:58 ระดับคอร์ติซอลมันจะมากจนกระทั่งเราจะมี
00:21:58 → 00:22:01 ความผิดปกติแล้วเราจะป่วยจากฮอร์โมน
00:22:01 → 00:22:06 คอร์ติซอลทุกคนยิ่งเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งจะ
00:22:06 → 00:22:10 ทำหน้าที่ผิดผิดเพี้ยนผิดปกติไป
00:22:10 → 00:22:14 เหมือนที่อินซูลินน่ะนะฮะ
00:22:14 → 00:22:19 ส่วนใหญ่ที่คอร์ติซอลมันเด่นหรือว่ามัน
00:22:19 → 00:22:22 นะอันนี้มันจะมีบทบาทกระทบต่อฮอร์โมนอื่น
00:22:22 → 00:22:26 ๆแล้วก็กระทบต่อการทำงานของอัยวะอื่นๆ
00:22:26 → 00:22:28 เยอะแยะไปหมดเลยครับ
00:22:28 → 00:22:31 มันมีเหตุผล
00:22:31 → 00:22:33 เพราะฉะนั้นจุดนึงเนี่ยที่เราต้องรู้อ่ะ
00:22:33 → 00:22:37 ว่าแค่นี้พอแล้วนะก็ต้องรีบกลับ
00:22:37 → 00:22:41 แล้วไปต่อไม่ได้
00:22:41 → 00:22:44 อันนี้สำคัญมากนะฮะในการที่คุณจะดูแลตัว
00:22:44 → 00:22:47 เองแบบ low Cup High Fat หรือทำ is
00:22:47 → 00:22:54 ออกแรงออกกำลังหรือจะนอนให้ถูกให้ดีอ่ะ
00:22:54 → 00:22:57 มีคำอีกคำหนึ่งก็คือความเคยชินเพราะว่าคน
00:22:57 → 00:23:01 เรามันเสียตรงนี้นะกับเรื่องคอร์ติซอลคน
00:23:01 → 00:23:04 เราก็จะใช้ความเคยชิน
00:23:04 → 00:23:07 มาเป็นตัวตัดสิน
00:23:07 → 00:23:09 ก็เหมือนกับว่า
00:23:09 → 00:23:13 รู้ว่าทำเครียดสูบบุหรี่เครียดนอนไม่หลับ
00:23:13 → 00:23:16 ฝืนเขาเรียกว่า
00:23:16 → 00:23:19 ทำงานทำให้มันเสร็จไปนะแต่ร่างกายมันก็
00:23:19 → 00:23:24 เครียดนะฮอร์โมนมันก็เครียดพอ
00:23:24 → 00:23:27 แต่มันกลายเป็นอะไรที่มันกลับมาทำเป็น
00:23:27 → 00:23:29 นิสัยจึงเกิดความชาญ
00:23:29 → 00:23:32 แล้วคุณก็บอกว่า
00:23:32 → 00:23:34 เดี๋ยวร่างกายมันก็ปรับตัวได้แต่จริงๆนะ
00:23:34 → 00:23:37 ไอ้กายเนื้อหรือไก่หยาบเนี่ยเขาก็ไม่ได้
00:23:37 → 00:23:41 ปรับได้อ่ะแบบที่คุณใช้กายละเอียดมาคิดนะ
00:23:41 → 00:23:44 เนี่ยความเคยชินเหล่านี้ทำให้เราเลยเถิด
00:23:44 → 00:23:48 และเราก็จะมีปัญหากับคอติซอลที่เขาเพิ่ม
00:23:48 → 00:23:49 ขึ้น
00:23:50 → 00:23:55 เขาดูเอ่อเค้าอะไรดื้อดุเอ่อเด่นเออผิด
00:23:55 → 00:24:00 ปกติไปโดยที่เราไม่รู้ตัวอ่าๆๆ
00:24:00 → 00:24:03 ตรงเนี้ย
00:24:03 → 00:24:07 เราต้องมีจุดคัด off นะฮะที่จะทำอะไรต่าง
00:24:07 → 00:24:11 ๆนะว่าจะไปต่อได้ไม่ได้ด้วยนะต้องมีความ
00:24:11 → 00:24:13 สังเกต
00:24:13 → 00:24:16 แล้วก็มันจะมีอะไรต่างๆที่เป็นตัวมาบอก
00:24:16 → 00:24:18 อย่างเช่น
00:24:18 → 00:24:23 การนอนไม่หลับกล้ามเนื้อฝ่อลีบผิวผมผม
00:24:23 → 00:24:27 ร่วงผิวพรรณไม่ดี
00:24:27 → 00:24:34 อะไรอ่ะหน้าแก่ไม่ชะลอวัยอะไรอย่างนี้
00:24:34 → 00:24:37 สุดท้ายเนี่ยหมอสรุปเรื่องข้อ Digital
00:24:37 → 00:24:38 ตรงนี้นะ
00:24:38 → 00:24:40 นะอินซูลินเนี่ยก็เป็นฮอร์โมนที่ไม่ได้
00:24:40 → 00:24:43 ขึ้นอยู่กับสมองกับระบบประสาทอัตโนมัติ
00:24:43 → 00:24:46 สมองและระบบประสาทอัตโนมัติสั่งการก็ไม่
00:24:46 → 00:24:48 ได้อินซูลินเนี่ยเขาดีเพ็นอ่อนหรือขึ้น
00:24:48 → 00:24:51 อยู่กับอาหารอย่างเดียว
00:24:51 → 00:24:54 นะเขาเลยเป็นฮอร์โมนตัวพ่อเป็น King of
00:24:54 → 00:24:56 hormone
00:24:56 → 00:24:59 เขาไม่ต้องต้องแคร์อะไรมากมายนะฮะแต่ข้อ
00:24:59 → 00:25:03 ที่ 2 เนี่ยรวมทั้งฮอร์โมนอื่นๆเนี่ยนะฮะ
00:25:03 → 00:25:07 มันๆๆขึ้นอยู่กับอาหารอารมณ์อากาศ
00:25:07 → 00:25:11 คนที่อยู่กับอารมณ์เนี่ยก็แปลว่าคอติซอล
00:25:11 → 00:25:13 ก็เป็นฮอร์โมนที่จะต้อง
00:25:13 → 00:25:16 นะมีการรับรู้มีการสั่งการผ่านสมองและ
00:25:16 → 00:25:18 ระบบประสาทอัตโนมัติ
00:25:18 → 00:25:21 ยิ่งมันก็เหมือนๆกับฮอร์โมนส่วนใหญ่ของ
00:25:21 → 00:25:22 ร่างกาย
00:25:23 → 00:25:25 อันเนี้ยมันแตกต่างจากอินซูลินตรงนี้
00:25:25 → 00:25:29 เพราะฉะนั้นเมื่อใดก็ตามนะที่อาหาร
00:25:29 → 00:25:34 อากาศอารมณ์นะฮะโดยการเปลี่ยนแปลงถูกไม่
00:25:34 → 00:25:37 ถูกมากน้อยขาดเกินอะไรก็ตามสมองระบบ
00:25:37 → 00:25:40 ประสาทอัตโนมัติก็ต้องเสียสมดุลและต้อง
00:25:40 → 00:25:45 ปรับสมดุลซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนทุก
00:25:45 → 00:25:48 ๆอย่างที่มันขึ้นอยู่กับสมองและระบบ
00:25:48 → 00:25:52 ประสาทอัตโนมัติซึ่งไม่ใช่
00:25:52 → 00:25:56 อินซูลินอลและฮอร์โมนลูกๆตัวอื่นได้รับผล
00:25:56 → 00:25:57 กระทบหมดเลย
00:25:57 → 00:26:02 ถ้าแม่นะมีความผิดปกติก็ทายได้เลยว่าลูกๆ
00:26:02 → 00:26:05 ก็ไม่รอดหรอก
00:26:05 → 00:26:09 ลูกๆนี่หมายถึงเอสโตรเจน addinary
00:26:09 → 00:26:15 ไทรอยด์ processories
00:26:15 → 00:26:17 ทั้งหมดเลยเพราะพวกนี้มันก็ขึ้นอยู่กับ
00:26:17 → 00:26:20 สมองกับระบบประสาทส่วนกลาง
00:26:20 → 00:26:22 อย่างนี้ก็จะแตกต่างกัน
00:26:22 → 00:26:28 นะเขาบอกว่าเกิดความผิดปกติแบบโดมิโน
00:26:28 → 00:26:30 พังหมดเป็นนั่นเลยนะอันนี้ก็จะเป็นข้อแตก
00:26:30 → 00:26:32 ต่างนะฮะระหว่างอินซูลินกับขอบที่ซ่อน
00:26:32 → 00:26:36 แล้วก็บทบาทใน 10 เรื่องเนี่ยหมอขอร้อง
00:26:36 → 00:26:40 ว่าให้ทำความเข้าใจนะฮะเพราะเราจะนำมาใช้
00:26:40 → 00:26:43 แล้วมาช่วยในการอธิบาย
00:26:43 → 00:26:47 เรื่องเรื่องความเป็นปกติหรือไม่ปกติของ
00:26:47 → 00:26:51 การใช้โภชนาการครับต่ำทำ If ออกกำลัง
00:26:51 → 00:26:56 กายเวทอ่ารีเซ็ตนิ่งหรือฮิสอะไรต่างๆ
00:26:56 → 00:27:01 เราใช้ 2 ตัวนี้เป็นส่วนที่อธิบาย
00:27:01 → 00:27:04 ทีนี้หมอจะตั้งคำถามอย่างนี้นะ
00:27:04 → 00:27:08 ครับข้อที่ 2 มันจะมาเยอะๆตอนไหน
00:27:08 → 00:27:11 ระหว่าง 3 เรื่องนี้
00:27:11 → 00:27:15 ระหว่างเรากินกับเราไม่กินหรืออดระหว่าง
00:27:15 → 00:27:18 เราสงบนิ่ง
00:27:18 → 00:27:20 เฉยๆ
00:27:20 → 00:27:23 กลับออกแรงออกกำลังระหว่างเราหลับกำลัง
00:27:23 → 00:27:24 ตื่น
00:27:24 → 00:27:30 ฝั่งไหนคอจะเศร้ามาฝั่งไหน
00:27:30 → 00:27:49 ครับ
00:27:49 → 00:27:51 อันนี้ข้อติ้งไม่เป็นทุกข์เป็นร้อยเลยไม่
00:27:51 → 00:27:56 มีแอคชั่นไม่สวิงสวายไม่อะไรมากมายเลย
00:27:56 → 00:27:59 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราโอนนะจะตั้งใจไม่
00:27:59 → 00:28:03 ตั้งใจจะทำไอเอฟอะไรขนาดไหนหรือจะโปรรอง
00:28:03 → 00:28:05 ฟ้าหรือจะใดฟาดอะไรก็ตาม
00:28:05 → 00:28:08 เราออกแรงออกกำลัง
00:28:08 → 00:28:12 เราต้องตื่นที่จะทำมาหากินหรือเคลื่อนไหว
00:28:12 → 00:28:21 ออกอะไรอ่ะ
00:28:21 → 00:28:22 [เพลง]
00:28:22 → 00:28:25 ในขณะนี้เราจะใช้การปรับเปลี่ยนโภชนาการ
00:28:25 → 00:28:29 แบบลูกค้าเราจะทำ If เราจะออกแรงออกกำลัง
00:28:29 → 00:28:34 จะเวทจะยึดนะ
00:28:34 → 00:28:36 อะไรต่างๆ
00:28:36 → 00:28:40 เหล่านี้ขอให้ทราบว่าหรือเรานอนไม่ดีนอน
00:28:40 → 00:28:43 ไม่หลับนอนไม่มีคุณภาพ
00:28:43 → 00:28:45 อันนี้คอติซอลเข้ามานะ
00:28:45 → 00:28:46 เข้ามา
00:28:46 → 00:28:50 จะมาแบบเงียบๆมาแบบจะมีแอคชั่นขนาดไหน
00:28:50 → 00:28:54 อะไรก็แล้วแต่แต่ละบุคคลนะมามากมายน้อยมา
00:28:54 → 00:28:57 เร็วมาช้า
00:28:57 → 00:29:01 ร่างกายจะค่อยๆสะสมความเครียดที่เพิ่ม
00:29:01 → 00:29:05 ขึ้นโดยเราแทบจะไม่รู้ตัว
00:29:05 → 00:29:08 หมอเน้นย้ำตรงนี้ว่าอันนี้เราจะหมายถึง
00:29:08 → 00:29:12 ค่อนข้างหมายถึงในการทำพวกเนี่ยเราทำ
00:29:12 → 00:29:18 ไปนานๆแล้วทำบ่อยๆทำนานๆนะทำแล้วติดใจขอ
00:29:18 → 00:29:20 โปโลฟ้า
00:29:20 → 00:29:25 8 ชมเป็น 5 วันโอเคไหมอะไรอย่างเงี้ย
00:29:25 → 00:29:29 หรือว่าบ้าออกกำลังออกกำลัง
00:29:29 → 00:29:32 ทั้งเวททั้งคาร์ดิโอ
00:29:32 → 00:29:35 ได้ดูขีดความสามารถอะไร
00:29:35 → 00:29:37 อย่างนี้มันจะเลอะเทอะ
00:29:37 → 00:29:40 คือคนเราเนี่ยตามที่หมอบอกเมื่อกี้เนี่ย
00:29:40 → 00:29:45 จากความเคยชินน่ะเราก็ต้องมีจุดคัดออกแต่
00:29:45 → 00:29:47 ไอ้ความเคยชินเนี่ยมันจะทำให้เรามักจะ
00:29:47 → 00:29:49 ค่อนข้างเลยเถิด
00:29:49 → 00:29:52 ใช่ครับมันจะเป็นเลยเถิดแบบไหนใน 4 แบบ
00:29:52 → 00:29:58 เนี่ยนะก็จะมีผลต่อเรื่องของความเครียด
00:29:58 → 00:30:01 ก็เลยย้ำตรงนี้ว่าคุณต้องแยกแยะนะต้องมี
00:30:01 → 00:30:02 ความรู้
00:30:02 → 00:30:06 ขนาดเดียวกันต้องรู้จุดของความเคยชิน
00:30:06 → 00:30:09 เพราะสิ่งที่จะตามมาคือความที่ยังเป็น
00:30:09 → 00:30:13 ปกติดีหรือความที่จะเกิดความผิดปกติจะ
00:30:13 → 00:30:21 เศร้าที่มันดุเด่นดื้อๆๆ
00:30:21 → 00:30:24 เมื่อเวลาผ่านไปนานๆเนี่ยไอ้นี่ก็คือรูป
00:30:24 → 00:30:26 แบบหนึ่งนะฮะนะ
00:30:26 → 00:30:29 คือในแง่ของการทำ low Car เนี่ยนะ
00:30:29 → 00:30:32 จุดใหญ่ใจความเนี่ยที่เราต้องการเนี่ยก็
00:30:32 → 00:30:35 คือภาวะเม็ดกระบด flexity
00:30:35 → 00:30:38 เป็นความยืดหยุ่นในการใช้พลังงานได้ทั้ง
00:30:38 → 00:30:42 Craft ทั้งไขมัน
00:30:42 → 00:30:46 แล้วก็ใช้ได้อย่างดีเหมาะสมมีครับใช้ครับ
00:30:46 → 00:30:49 มีไขมันใช้ไขมัน
00:30:49 → 00:30:53 แต่ถ้าเลือกได้เราก็เลือกไขมันอยู่แล้ว
00:30:53 → 00:30:58 ถ้าเมื่อไหร่เราก้าวถึงจุดเหล่านี้
00:30:58 → 00:31:02 จึงเหล่านี้เนี่ยคือจุดที่พอเพียงแล้วนะ
00:31:02 → 00:31:06 ครับที่เราจะหยุดยั้งแล้วเราอาจจะต้อง
00:31:06 → 00:31:11 ปรับบวกลบนะนิดๆหน่อยๆกับโภชนาการที่เรา
00:31:11 → 00:31:15 ทำมาตลอดโดยเฉพาะโภชนาการครับต่ำขั้นไหน
00:31:15 → 00:31:19 แล้วเราก็จะต้องมีการเขาเรียกว่านี่แหละ
00:31:19 → 00:31:20 ชีวิตจริง
00:31:20 → 00:31:27 ที่พูดไป
00:31:27 → 00:31:30 ก็คือเป็นการ metabolic Festival
00:31:30 → 00:31:33 เหมือนกันนะฮะ
00:31:33 → 00:31:36 คุณทำได้ขนาดไหนเนี่ยเมื่อถึงจุดนึงแล้ว
00:31:36 → 00:31:41 เนี่ยคุณก็ต้องเซอร์คูเลท
00:31:41 → 00:31:44 ปรับเป็นยาวบ้างสั้นบ้างนะ
00:31:44 → 00:31:49 อือปล่อยธรรมดาธรรมดาไม่ไอ้เอฟบ้าง
00:31:49 → 00:31:54 การออกแรงออกกำลังต้องสลับคาร์ดิโอเวทยืด
00:31:54 → 00:31:57 หยุ่นแล้วก็ต้องมีเวลาพัก
00:31:57 → 00:32:01 คือทุกอย่างเนี่ยมันก็ต้องพอดีพอเหมาะนะ
00:32:01 → 00:32:06 ที่เป็นแบบมีการหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยน
00:32:06 → 00:32:10 ส่วนการนอนนี่ก็ขอให้เป็นการ Deep Sleep
00:32:10 → 00:32:16 ให้ดีที่สุดแล้วกัน
00:32:16 → 00:32:20 เพราะว่าอะไรเพราะว่าการที่คุณเนี่ย Stay
00:32:20 → 00:32:23 on หรือว่าอยู่กับสิ่งต่างๆที่มันนาน
00:32:23 → 00:32:26 เกินไปโดยไม่มีการหมุนเวียนปรับเปลี่ยน
00:32:26 → 00:32:31 เหล่านี้อันนี้ข้อที่ 2 ไม่ได้โอเคด้วยนะ
00:32:31 → 00:32:36 แล้วความผิดปกติที่เป็นผลมาจากคอติซอล
00:32:36 → 00:32:41 ร่างกายก็ร่างกายสุดที่จะทานคนได้นะส่ง
00:32:41 → 00:32:44 สัญญาณออกมาเป็นแบบนี้นะ
00:32:44 → 00:32:48 ต่างที่ผิดปกตินะโดยเฉพาะ Lab ทางด้าน
00:32:48 → 00:32:51 พลังงานของน้ำตาลแล้วก็ไขมันเหมือนกล้าม
00:32:51 → 00:32:54 เนื้อลดลงการนอนไม่ดีนอนไม่หลับไม่มี
00:32:54 → 00:32:57 คุณภาพ
00:32:57 → 00:33:00 หรือเกิดภาวะภูมิเพี้ยน
00:33:00 → 00:33:06 ผมร่วงผมหงอก
00:33:06 → 00:33:16 ผมสุขภาพ
00:33:16 → 00:33:20 มีความผิดปกติ
00:33:20 → 00:33:24 มีความแปรปรวนทางด้านอารมณ์และจิตใจ
00:33:24 → 00:33:28 อันนี้มักจะต้องคิดถึงเรื่องของข้อติซอล
00:33:28 → 00:33:29 โดดเด่นดื้อ
00:33:30 → 00:33:34 ครับและสิ่งเหล่านี้ระหว่างคนอ้วนกับคน
00:33:34 → 00:33:36 ผอม
00:33:36 → 00:33:44 ใครมันจะมีผลมากกว่ากัน
00:33:44 → 00:33:48 มันก็จะมีแนวโน้มที่จะเครียด
00:33:48 → 00:33:52 ที่จะมีปฏิกิริยาหรือที่จะเซนซิทีฟต่อไอ้
00:33:52 → 00:33:57 เรื่องฮอร์โมนเครียดกว่า
00:33:57 → 00:33:59 [เพลง]
00:33:59 → 00:34:01 มีอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องอาหารในมื้อ
00:34:01 → 00:34:03 เย็น
00:34:03 → 00:34:06 เป็นอาหารที่มีผล
00:34:06 → 00:34:10 หรือมีบทบาทต่อเรื่องคอติซอลมากที่สุด
00:34:10 → 00:34:14 ก็คืออาหารมื้อแรกเนี่ยเราต้องการพลังงาน
00:34:14 → 00:34:15 ที่เราจะ
00:34:15 → 00:34:18 อ่าให้ร่างกายมันได้รับเรื่องของพลังงาน
00:34:18 → 00:34:21 นะแต่มื้อเย็นเนี่ยให้ได้สารอาหารครบ
00:34:21 → 00:34:26 ถ้าได้ครบแล้วเนี่ยนะข้อที่ 2 ก็จะไม่มา
00:34:26 → 00:34:31 มาเพราะว่าลูกกินอิ่มนี้กี่วันแล้ว
00:34:31 → 00:34:34 ทีนี้มันจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับใน
00:34:34 → 00:34:36 เรื่องการกินมื้อเย็นอยู่ 5 เรื่องนะครับ
00:34:36 → 00:34:38 ที่คนในส่วนใหญ่
00:34:38 → 00:34:42 ก็จะอยู่ในลักษณะ 5 อย่างเนี่ย
00:34:42 → 00:34:47 โดยธรรมชาตินะของเรื่องโภชนาการเราถือว่า
00:34:47 → 00:34:49 มื้อเย็นเนี่ยเป็นอาหารมื้อหลักที่เรา
00:34:49 → 00:34:51 เรียกว่า Big Milk
00:34:51 → 00:34:53 [เพลง]
00:34:53 → 00:34:56 อาหารเป็นมื้ออาหารแห่งความสุขก่อนที่
00:34:56 → 00:34:59 ร่างกายจะได้รับการพักผ่อนแล้วนอนหลับ
00:34:59 → 00:35:02 เพราะฉะนั้นต้องจับให้ฟิน
00:35:02 → 00:35:05 คือจัดให้ได้สารอาหารครบ
00:35:05 → 00:35:08 เพราะว่าศาลทหารเหล่านี้เนี่ยคืออาหารของ
00:35:08 → 00:35:10 กายเนื้อหรือไก่หยาบ
00:35:10 → 00:35:14 หรือเครืออาหารของโครงสร้างร่างกายรวม
00:35:14 → 00:35:17 ทั้งหมดสมองโดยเฉพาะสมองส่วน
00:35:17 → 00:35:20 ส่วนที่จะทำให้เกิดการหลับนะ
00:35:20 → 00:35:22 เค้าเรียกว่าเป็นสมองในส่วนของกายหยาบ
00:35:22 → 00:35:26 หรือกายเนื้อเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกเรา
00:35:26 → 00:35:29 จะหลับได้จิตใต้สำนึกเป็นหลัก
00:35:29 → 00:35:30 เพราะฉะนั้น
00:35:30 → 00:35:34 มื้อนี้ก็ต้องเป็นมื้อสำคัญนะที่จะช่วย
00:35:34 → 00:35:36 ให้เราหลับ
00:35:36 → 00:35:40 คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้มีความคิดเห็นยังไงกับ
00:35:40 → 00:35:43 อาหารมื้อเย็นกระแสสังคมก็ดีกระแสของ
00:35:43 → 00:35:48 อาหารที่เสียสุขภาพต่างๆก็ดีเขาไม่ได้
00:35:48 → 00:35:50 เอื้ออำนวยนะให้คนเราคิดเป็นแบบถูกต้อง
00:35:51 → 00:35:54 ว่ามื้อเย็นคือมื้อมื้อหลักและเป็นมื้อ
00:35:54 → 00:35:57 ที่สำคัญที่เราจะต้องกินอย่างมีความสุข
00:35:57 → 00:36:00 แล้วเราจะได้หลับ
00:36:00 → 00:36:03 หลับก็เพื่อรับอะไรหลับไม่ใช่หลับเพื่อ
00:36:03 → 00:36:06 นอนหลับนะเราหลับเพื่อจะไปซ่อมร่างกายให้
00:36:06 → 00:36:10 กลับคืนมาให้มันดีที่สุด
00:36:10 → 00:36:14 เราหลับที่จุดประสงค์แบบนี้
00:36:14 → 00:36:17 ทีนี้อันที่ 2 เนี่ยการกินมื้อเย็นใน
00:36:17 → 00:36:22 สังคมทั่วไปที่คนยังไม่รู้ลึกๆ
00:36:22 → 00:36:26 นะหรือไม่กินมื้อเย็นนะเพราะว่าพวกนี้เขา
00:36:26 → 00:36:29 มีความหวังเขาคิดว่าร่างกายจะได้เอาพลัง
00:36:30 → 00:36:33 งานต่างๆที่สะสมและทำให้เขาอ้วนหรือทำให้
00:36:33 → 00:36:36 เขาอวบอะไรต่างๆออกมาเผาผลาญเป็นพลังงาน
00:36:36 → 00:36:40 แต่เหตุผลอันนี้มันผิด
00:36:40 → 00:36:43 เพราะธรรมชาติของร่างกายก็ตามที่บอกร่าง
00:36:43 → 00:36:45 กายต้องได้อาหารมื้อเย็นอย่างเต็มอัตรา
00:36:45 → 00:36:50 ศึกแล้วต้องได้พบเพื่อจะเกิดการซ่อมแซม
00:36:50 → 00:36:53 การนอนเนี่ยมันเป็นกลวิธีอย่างหนึ่งของ
00:36:53 → 00:36:56 ร่างกายเท่านั้นที่ร่างกายจะปรับเข้าสู่
00:36:56 → 00:36:59 โหมดของการ Repair นะ
00:36:59 → 00:37:02 หรือรีเจนเนอเรชั่นนะทั้งซ่อมแซมซึ่ง
00:37:02 → 00:37:05 สร้างใหม่โดยเฉพาะกล้ามเนื้อเนี่ยเราก็
00:37:05 → 00:37:08 สามารถที่จะสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ได้
00:37:08 → 00:37:11 เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือสารอาหารหลักต้อง
00:37:11 → 00:37:14 มีครบสารอาหารหลักก็คือคาร์โบไฮเดรต
00:37:14 → 00:37:18 โปรตีนไขมันและต้องเป็นสารอาหารหลักที่
00:37:18 → 00:37:23 เป็น Real Food ให้มากที่สุดนะไม่แปรรูป
00:37:23 → 00:37:27 รวมทั้งพลังงานเนี่ยนะร่างกายต้องการน้อย
00:37:27 → 00:37:30 มากนะเพราะการนอนเราไม่ต้องใช้พลังงาน
00:37:30 → 00:37:33 อะไรเยอะแยะ
00:37:33 → 00:37:37 เราต้องได้เราโฟกัสที่เรื่องศาลทหาร
00:37:37 → 00:37:41 แล้วก็คนยังไม่เข้าใจนะฮะว่าในเรื่องสาร
00:37:41 → 00:37:44 อาหารรองเนี่ยหลายๆตัวนะโดยเฉพาะในกลุ่ม
00:37:44 → 00:37:46 นี้จะมีแร่ธาตุเนี่ยร่างกายไม่ได้เก็บนะ
00:37:46 → 00:37:46 ฮะ
00:37:46 → 00:37:49 ร่างกายไม่ได้มีการเก็บสิ่งเหล่านี้นะ
00:37:49 → 00:37:54 ร่างกายได้มาแล้วใช้ไปวันต่อวัน
00:37:54 → 00:37:58 คุณจะได้สารอาหารครบเพื่อให้หลับและเพื่อ
00:37:58 → 00:38:01 เกิดการซ่อมแซมจุดประสงค์การซ่อมแซมนะ
00:38:01 → 00:38:04 เพราะศาลทหารหลักศาลทหารรองต้องอลังการ
00:38:04 → 00:38:10 ต้องพบต้องพบอ่ะนะฮะ
00:38:10 → 00:38:14 อันที่ 3 เนี่ยนะถ้าข้อ 2 เนี่ยเป็นไปไม่
00:38:14 → 00:38:16 ได้ร่างกายจะซ่อมแซมไม่ได้
00:38:16 → 00:38:19 เมื่อร่างกายซ่อมแซมไม่ได้เนี่ยก็ตาม
00:38:19 → 00:38:21 ธรรมชาติ
00:38:21 → 00:38:26 ของของคนเรานะซ่อมไม่ได้ก็นอนไม่ได้
00:38:26 → 00:38:30 นอนไม่ได้ก็ต้องหิวแล้วก็ถูกปลุกขึ้นมา
00:38:30 → 00:38:33 กิน
00:38:33 → 00:38:34 กินเพื่อให้มันได้
00:38:34 → 00:38:38 ได้แล้วมันจะได้ไปหลับแล้วก็ไปซ่อม
00:38:38 → 00:38:42 ไม่งั้นเราก็จะมีความรู้สึกนอนไม่หลับนะ
00:38:42 → 00:38:44 หรือหลับแล้วต้องตื่นขึ้นมา
00:38:44 → 00:38:46 แต่ก็หาความหมายไม่ได้เหมือนคนตื่นแล้ว
00:38:46 → 00:38:51 หิวคนหิวน้ำตื่นแล้วไปฉี่บางคนตื่นแล้วก็
00:38:51 → 00:38:54 ไม่รู้จะหลับต่อไม่ได้อะไรอย่างเงี้ย
00:38:54 → 00:38:55 [เสียงหัวเราะ]
00:38:55 → 00:38:58 อันนี้ก็ต้องสำรวจตรวจตาอาหารมื้อเย็นล่ะ
00:38:58 → 00:39:01 นะก็เกิดความบกพร่องเกิดการขาดเกินเกิด
00:39:01 → 00:39:04 การทำอะไรผิดๆหรือเปล่าอืม
00:39:04 → 00:39:07 ครับ
00:39:07 → 00:39:11 อันต่อมานะฮะนะเราถ้าเรามีการกินที่มีถูก
00:39:11 → 00:39:16 กินน้อยกินผิด
00:39:16 → 00:39:19 แต่ปรากฏว่าการกระทำแบบนี้นะฮะซึ่งเราเอง
00:39:19 → 00:39:22 ก็ไม่รู้อ่ะว่าถูกหรือผิดแต่เออมันเห็น
00:39:22 → 00:39:26 ได้ผลในแง่ที่ว่าผอมลงน้ำหนักลดนะฮะ
00:39:26 → 00:39:29 ถ้าทำเช่นนี้แล้วเกิดปรากฏการณ์อย่างนี้
00:39:29 → 00:39:34 นะมันจะหมายถึงว่าร่างกายมีฮอร์โมนเครียด
00:39:34 → 00:39:37 คอติจูดที่มาทำให้เกิดเวทร้อนหรือทำให้
00:39:37 → 00:39:39 น้ำหนักลด
00:39:39 → 00:39:45 ซึ่งไม่ใช่หนทางของการมีภาวะสุขภาพที่ดี
00:39:45 → 00:39:49 คือมันลดแต่น้ำหนักแต่ค่าเงินมันจะมีความ
00:39:49 → 00:39:53 ผิดปกติซึ่งเวลาตรวจแลปออกมา
00:39:53 → 00:39:58 มันจะโชว์มาให้เห็นเลยครับแล้วก็อันนี้
00:39:58 → 00:40:01 เนี่ยก็คือเหตุที่ฮอร์โมนเครียดออกมาแล้ว
00:40:01 → 00:40:04 ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องมาจัดหาพลังงานโดย
00:40:04 → 00:40:10 การเผาโปรตีนในกล้ามเนื้อ
00:40:10 → 00:40:13 ที่มันไปแก่
00:40:13 → 00:40:27 ตัว
00:40:27 → 00:40:33 ตัวโตตัวหนาแต่ขาเล็ก
00:40:33 → 00:40:37 สุดท้ายก็คือเราจะเกิดเอาไว้โยโย่
00:40:37 → 00:40:41 แล้วก็เกิดการเจ็บป่วย
00:40:41 → 00:40:43 เพราะว่าการกินมื้อเย็นที่ไม่ถูกต้อง
00:40:43 → 00:40:47 กินไม่ถูกต้องในมื้อเย็นเช่นการกินที่ผิด
00:40:47 → 00:40:49 เวลา
00:40:49 → 00:40:51 หลักการของอาหารมื้อเย็นก็คือให้ห่างจาก
00:40:51 → 00:40:57 ช่วงเวลาที่จะนอนหลับ 3-4 ชั่วโมงครับ
00:40:57 → 00:41:00 แต่คนส่วนใหญ่บางทีก็กินเร็วเกินไป
00:41:00 → 00:41:01 นะ
00:41:01 → 00:41:05 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงไปนอนแล้วนะเพราะว่ามัน
00:41:05 → 00:41:08 จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
00:41:08 → 00:41:10 สิ่งเหล่านี้เราถือว่ากินผิด
00:41:10 → 00:41:19 ก็ไม่หลับ
00:41:19 → 00:41:21 ต่อไปในเรื่องความถูกต้องของตัวอาหารและ
00:41:21 → 00:41:24 ความครบถ้วนของสารอาหารหลักคาร์โบไฮเดรต
00:41:24 → 00:41:28 โปรตีนไขมัน
00:41:28 → 00:41:32 ทุกอย่างต้องเป็นเลี้ยว food
00:41:32 → 00:41:37 อ่า Natural Craft นะต้องมีโปรตีนคุณภาพ
00:41:37 → 00:41:39 ทั้งพืชและสัตว์
00:41:39 → 00:41:43 จะต้องมีไขมันคงรูป
00:41:43 → 00:41:47 อันนี้สมองจะหลับ
00:41:47 → 00:41:51 มื้อเย็นต้องแป้งเชิงซ้อนกับผักหัว
00:41:51 → 00:41:54 แล้วก็มีการจำกัดปริมาณ
00:41:54 → 00:41:56 ไม่ใช่นม
00:41:56 → 00:42:00 น้ำเต้าหู้น้ำตาลแป้งขัดขาวผลไม้น้ำผลไม้
00:42:00 → 00:42:03 โปรตีนผงโปรตีนแปรรูปเวย์
00:42:03 → 00:42:06 อันนี้ไม่ใช่นะ
00:42:06 → 00:42:09 แต่ถ้ามื้อเย็นเนี่ยเรามีอาหารหลักของ
00:42:09 → 00:42:12 มื้อเย็นที่ถูกต้องครบถ้วนแล้วแล้วเราไป
00:42:12 → 00:42:14 ออกแรงออกกำลังมา
00:42:14 → 00:42:18 ของพวกนี้อาจจะกินเติมกินเสริมไปได้
00:42:18 → 00:42:21 อยากสร้างกล้ามเนื้อเราก็มาโฟกัสทางด้าน
00:42:21 → 00:42:26 พวกโปรตีนผงโปรตีนแปรรูปหรือเวย์โปรตีน
00:42:26 → 00:42:32 แต่กินพร้อมกันในเมื่ออาหารนะฮะ
00:42:32 → 00:42:34 หรืออาจจะเติมพวก
00:42:34 → 00:42:38 เชิงเดี่ยวครับเชิงซ้อน
00:42:38 → 00:42:41 หรือจะเป็นผลไม้ก็ได้นะแต่มีความหมายว่า
00:42:42 → 00:42:45 คุณต้องออกแรงออกกำลังกาย
00:42:45 → 00:42:48 ที่ไม่มีการหรือพรรค
00:42:48 → 00:42:51 มีกินไม่ได้นะกินไม่ได้
00:42:51 → 00:42:54 คือไม่ได้ห้ามซะเลยทีเดียว
00:42:54 → 00:42:56 แต่ถ้าใครก็ตามที่ยังดื้ออินซูลินอยู่ยัง
00:42:56 → 00:42:59 เจ็บป่วยอยู่อันนี้ก็ขอให้งดไปเลยตัดไป
00:42:59 → 00:43:03 เลยสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อาหารที่จะเอามากิน
00:43:03 → 00:43:07 กันในมื้อเย็นเช่นหลายคนชอบกินนมอุ่นๆชอบ
00:43:07 → 00:43:11 กินโยเกิร์ตชอบกินน้ำเต้าหู้
00:43:11 → 00:43:17 ชอบกินผลไม้สลัดผลไม้ส้มตำผลไม้
00:43:17 → 00:43:21 เลยพี่หมอเป็นกะละมังเลย
00:43:21 → 00:43:23 อันนี้ให้รู้ไว้
00:43:23 → 00:43:37 เพราะอะไรอ่ะสมมุติเรากินผลไม้อ่ะในผลไม้
00:43:37 → 00:43:40 แต่อินซูลินที่ถูกกระตุ้นออกมาเนี่ย
00:43:40 → 00:43:42 เขาจะทำอะไรก่อนฮะ
00:43:42 → 00:43:45 นะในเมื่อตอนเนี้ยสิ่งที่คุณกินคือผลไม้
00:43:45 → 00:43:49 ซึ่งไม่มีน้ำซุปโต๊ดกับกลูโคสครับเนี่ย
00:43:50 → 00:43:53 เขายังจะทำอะไรกับกูค้นไม่ได้เพราะเขาถือ
00:43:53 → 00:43:57 ว่าโต๊ดเนี่ยมีความเป็นพิษเป็นสิ่งที่ไม่
00:43:57 → 00:43:59 ดีต่อร่างกายมากกว่า
00:43:59 → 00:44:06 อินซูลินก็จะต้องไปบอกตับนะเลวๆๆนะ
00:44:06 → 00:44:09 แกก็รีบเปลี่ยนแปลงเป็นไตรกลีเซอไรด์เอ่อ
00:44:09 → 00:44:12 สะสมไว้ในตัวแกก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยๆ
00:44:12 → 00:44:14 ลำเลียงออกไปที่อื่น
00:44:14 → 00:44:20 เขาจะมาห่วงหาอาทรในการทำหน้าที่แบบนี้นะ
00:44:20 → 00:44:24 ก็รอก่อนรอก่อนฉันมีหน้าที่หลักอันนี้มัน
00:44:24 → 00:44:29 เป็น Emergency มากกว่า
00:44:29 → 00:44:33 สมมุติว่าถ้ากินนม
00:44:33 → 00:44:34 นมมีอะไร
00:44:34 → 00:44:51 และ
00:44:51 → 00:44:53 มันเห็นและโต๊ด
00:44:53 → 00:44:54 โอ้ย
00:44:54 → 00:44:56 กลูโคสหรอก
00:44:56 → 00:44:57 เดี๋ยวจัดการ
00:44:57 → 00:44:59 บริหารจัดการเรื่องและโพสต์ให้เรียบร้อย
00:44:59 → 00:45:12 ก่อน
00:45:12 → 00:45:15 แล้วหลังจากนั้นเจ๊แอ็กชันอะไรต่อไปอ่ะนะ
00:45:15 → 00:45:18 ก็เปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์แล้วก็สาปสม
00:45:18 → 00:45:22 เออหรือจะไปเอาไปให้ใครใช้นะ
00:45:22 → 00:45:24 ไม่มีใครใช้ก็เปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์
00:45:24 → 00:45:29 แล้วก็เอาไปลอยอยู่ในกระแสเลือด
00:45:29 → 00:45:32 ก็คือมื้อเย็นเราไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่า
00:45:32 → 00:45:38 นี้นะครับให้อินซูลินไปทำงานที่ผิดทิศผิด
00:45:38 → 00:45:39 ทาง
00:45:39 → 00:45:42 เราต้องการอินซูลินที่จะมาย่อยแป้งเชิง
00:45:42 → 00:45:47 ซ้อนแบบค่อยเป็นค่อยไปในปริมาณจำกัด
00:45:48 → 00:45:51 อันนี้นะเราไม่ต้องการที่ว่าจะต้องมาจัด
00:45:51 → 00:45:58 การเกี่ยวกับฟรุกโตสกาแลคโตส
00:45:58 → 00:46:01 ก็ต้องเข้าใจ
00:46:01 → 00:46:03 ส่วนโปรตีน
00:46:03 → 00:46:06 ในมื้อเย็นก็คือโปรตีนจากสัตว์ที่มีไขมัน
00:46:06 → 00:46:09 ต่ำถึงต่ำมากเพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เนี่ยเรา
00:46:09 → 00:46:11 จะกินสัตว์ขนาดเล็ก
00:46:11 → 00:46:19 มีมีอะไรอ่ะมีตีนน้อยๆถ้าอยู่บนบกแต่ส่วน
00:46:19 → 00:46:23 ใหญ่เราก็เน้นกินสัตว์น้ำครับ
00:46:23 → 00:46:27 เราไม่ได้ต้องการพลังงานจากไขมันอะไรที่
00:46:27 → 00:46:30 มันเยอะแยะ
00:46:30 → 00:46:33 เดี๋ยวเราก็จะนอนแล้ว
00:46:33 → 00:46:35 แล้วก็กลุ่มสัตว์น้ำก็จะมีคลอเรสเตอรอล
00:46:35 → 00:46:38 เยอะมีโอเมก้า 3 เยอะ
00:46:38 → 00:46:42 เพราะอะไรฮะเพราะพลังงานที่เราต้องการใน
00:46:42 → 00:46:44 การซ่อมแซมที่จะเอาสารอาหารให้พวก
00:46:44 → 00:46:48 คอเลสเตอรอลไอ้พวกโปรตีนพวกนี้ไปซ่อมร่าง
00:46:48 → 00:46:52 กายเนี่ยเราจะใช้พลังงานจากที่เราสะสมไว้
00:46:52 → 00:46:54 คือเราจะให้ตับเนี่ย
00:46:54 → 00:46:59 เกิดการสร้างคีโตนออกมาจากพลังงานที่เรา
00:46:59 → 00:47:01 สะสมไว้ในร่างกาย
00:47:01 → 00:47:05 ในตอนกลางคืนเราจะใช้คีโตนที่จะไปซ่อม
00:47:05 → 00:47:08 ร่างกายเพราะฉะนั้นมื้อเย็นเราไม่ต้องการ
00:47:08 → 00:47:14 พวกน้ำมันนะหรือพลังงานจากไขมันที่มันมัน
00:47:14 → 00:47:18 สูงมันสูงเป็นโปรตีนไขมันสูงนะ
00:47:18 → 00:47:21 นอกจากนี้ก็อาจจะต้องมีโปรตีนจากพืชที่
00:47:21 → 00:47:27 ผ่านการหมักก็แล้วแต่เทมเปญ
00:47:27 → 00:47:31 Balance กับโปรตีนจากสัตว์สำหรับคนบางคน
00:47:31 → 00:47:35 ก็แล้วแต่ Body tight นะฮะแล้วแต่
00:47:35 → 00:47:38 แล้วก็อาจจะต้องมีไขมันคงรูปสักหน่อยนึง
00:47:38 → 00:47:39 นะ
00:47:39 → 00:47:40 อันนี้
00:47:40 → 00:47:48 ครับ
00:47:48 → 00:47:55 เราไม่ใช้น้ำมัน
00:47:55 → 00:48:00 ทีนี้ก็จะจบในเรื่องคอร์ติซอลแล้ว
00:48:00 → 00:48:07 คอติซอลตอนนี้เราก็จะเอามาใช้งานแล้ว
00:48:07 → 00:48:12 ในคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน
00:48:12 → 00:48:16 เข้าสู่วงการ locus High Fat ทำ
00:48:16 → 00:48:20 ออกแทนออกกำลังนอน
00:48:20 → 00:48:22 อย่างดีแล้ว
00:48:22 → 00:48:25 แต่ก็มีปรากฏการณ์หนึ่งที่มักจะเกิดอยู่
00:48:25 → 00:48:26 เสมอ
00:48:27 → 00:48:30 เขาก็เรียกว่าดอนหรือปรากฏการณ์น้ำตาล
00:48:30 → 00:48:33 รุ่งอรุณ
00:48:33 → 00:48:38 เนี่ย High Fast but Sugar
00:48:38 → 00:48:42 สาเหตุก็เป็นไปได้จากเรื่องของฟิสิกส์นะ
00:48:42 → 00:48:42 ฮะ
00:48:42 → 00:48:45 ก็คือดอน effect หรือ Don't dominal อีก
00:48:45 → 00:48:48 อันนึงคือทรงเอฟเฟค
00:48:48 → 00:48:50 อันนี้จะเป็นคนที่ยังต้องมีการใช้ยาอยู่
00:48:50 → 00:48:55 นะมักจะเป็นการใช้ยาแบบออกฤทธิ์ยาวนานนะ
00:48:55 → 00:48:56 ฮะ
00:48:56 → 00:49:02 การใช้ยาตอนเย็นตอนค่ำหรือก่อนว่า
00:49:02 → 00:49:05 มันจะเกิดการดรอป
00:49:05 → 00:49:09 ของน้ำตาล
00:49:09 → 00:49:11 ดรอป
00:49:11 → 00:49:13 ต่ำกว่า
00:49:13 → 00:49:17 เกณฑ์ที่เราจะโอเคเกณฑ์ของน้ำตาลที่ยอม
00:49:18 → 00:49:26 รับได้ก็คือไม่ต่ำกว่า 70 แล้วไม่เกิน
00:49:26 → 00:49:31 ขึ้นมาอันนี้มักจะเป็นผลจากยา
00:49:31 → 00:49:33 ก็มีการปรับยา
00:49:33 → 00:49:37 ส่วนดอนพี่โดมินอลเนี่ยนะส่วนใหญ่มันก็จะ
00:49:37 → 00:49:39 มีการ
00:49:39 → 00:49:41 คือการลดลงของน้ำตาลเนี่ยมันเป็นไปตามที่
00:49:42 → 00:49:45 อยู่แล้วนะฮะอันนี้ไม่มีผ่านหรอกแต่จะมี
00:49:45 → 00:49:51 การพุ่งทะยานขึ้นมาในช่วงเช้ามืดเช้ามืด
00:49:51 → 00:49:54 อันนี้มันมีข้ออธิบายจากอะไรนะฮะ
00:49:54 → 00:49:57 เขาก็บอกว่าบัตร Sugar spike
00:49:57 → 00:50:03 information Morning
00:50:03 → 00:50:07 resis Stand นะฮะอันที่ 2 คำนี้ก็แยก
00:50:07 → 00:50:08 กันนะฮะ
00:50:08 → 00:50:13 ถ้าอ่าอินซูลิน Production ไม่ดีไม่ดี
00:50:13 → 00:50:16 ก็จะหมายถึงเบต้าเซลล์ที่ตับอ่อนมันยัง
00:50:16 → 00:50:21 ฟื้นตัวมาสร้างอินซูลินเพื่อจะมาลดน้ำตาล
00:50:21 → 00:50:25 ในตอนรุ่งอรุณได้ไม่ดีนะเพราะฉะนั้นพวก
00:50:25 → 00:50:28 นี้มันก็จะเกิดจากคนที่เป็นเบาหวาน
00:50:28 → 00:50:31 ที่เป็นนานๆจนกระทั่ง
00:50:31 → 00:50:36 เบต้าเซลล์มันมันฝ่อตัวไปเลยอ่ะมัน
00:50:36 → 00:50:39 ไม่ขึ้นเลย
00:50:39 → 00:50:43 แต่ก็ต้องใช้เวลาต้องใช้เวลา
00:50:43 → 00:50:44 ซึ่ง
00:50:44 → 00:50:47 วิธีแก้ไขส่วนใหญ่เราก็ต้องพูดกันถึง
00:50:47 → 00:50:52 mitoch regeneration ของเบต้าเซลล์
00:50:52 → 00:50:56 ของตัวเซลล์ตับอ่อนแล้วก็ตัวตักช่วยกันนะ
00:50:56 → 00:51:02 เราต้องไปฟื้นฟูในระดับไมโครคอนเดรียครับ
00:51:02 → 00:51:05 อีกอันนึงก็คือการเกิดภาวะอินซูลิน
00:51:05 → 00:51:07 resistance
00:51:07 → 00:51:11 ก็คือยังเป็นผลคืออินซูลินเนี่ยมันดีหมด
00:51:11 → 00:51:14 แล้ว Action ได้อะไรได้
00:51:14 → 00:51:17 แต่ว่าเซลล์เนี่ยฮะมันเป็นปัญหาที่ตัว
00:51:17 → 00:51:19 เซลล์อ่ะเค้าไม่ยอมรับ
00:51:19 → 00:51:22 ไม่ยอมให้อินซูลินเปิดประตูกลับสู่ให้น้ำ
00:51:22 → 00:51:31 ตาลเข้าสิ
00:51:31 → 00:51:34 แต่อันแรกที่หมอพูดว่าอินซูลิน Production
00:51:34 → 00:51:40 ของเบต้าเซลล์ที่ตับอ่อนไม่ค่อยดี
00:51:40 → 00:51:44 แต่ยังไงก็ตามมันเกิดได้ทั้ง 2 รูปแบบ
00:51:44 → 00:51:54 เป็นส่วนใหญ่ส่วนใหญ่เท่าที่สังเกต
00:51:54 → 00:51:59 อะไรมากมายบางคนก็สูงเยอะ 200 กว่าอะไรก็
00:51:59 → 00:52:00 มี
00:52:00 → 00:52:06 แต่ก็ต้องใช้ความเอื้ออาทร
00:52:06 → 00:52:09 อันนี้เป็นในแง่ที่สุรินทร์เนี่ยมันจะมี
00:52:09 → 00:52:13 ลักษณะการแอคชั่นแบบนี้นะฮะ
00:52:13 → 00:52:15 อีกอันนึงก็คือเป็น Action ของฮอร์โมนตัว
00:52:15 → 00:52:19 อื่นนะที่ไม่ใช่อินซูลินโดยตรง
00:52:19 → 00:52:23 ซึ่งอันนี้ก็เป็นผลทั้งคนที่ที่เป็นเบา
00:52:23 → 00:52:25 หวานแล้วเริ่ม remission นี้จะ Recover
00:52:25 → 00:52:30 อ่ะหรือแม้แต่คนปกติ
00:52:30 → 00:52:36 เศร้านะ EP นี้หรือแอดดิน
00:52:36 → 00:52:40 แล้วก็อาจจะมีกลุ่มเขาก้อนมาแจมด้วย
00:52:40 → 00:52:44 ก็คือเป็นฮอร์โมนในฝั่งคอติซอลและตัวลูกๆ
00:52:44 → 00:52:46 ของมัน
00:52:46 → 00:52:51 ที่มันมีการ Action มากเกินไปนะ
00:52:51 → 00:52:54 แล้วก็เลยทำให้เกิดการสลายตัวของน้ำตาล
00:52:54 → 00:52:56 จากตับ
00:52:56 → 00:53:01 ของพลังงานจากตับออกมาเป็นน้ำตาลเยอะนะ
00:53:01 → 00:53:15 ก็คนปกติก็เกิดได้ครับ
00:53:15 → 00:53:39 [เพลง]
00:53:39 → 00:53:45 แต่ว่าอันนี้เป็นๆมันเป็นความรู้เก่านะ
00:53:45 → 00:53:48 ก็อ่านผ่านๆนะ
00:53:48 → 00:53:50 [เพลง]
00:53:50 → 00:53:53 นอกจากตัวอินซูลินแล้วเนี่ยก็จะเป็น
00:53:53 → 00:53:57 เรื่องของตัว addinary หรือalเราโกน
00:53:57 → 00:54:02 ฮอร์โมน
00:54:02 → 00:54:10 ส่วนอันนี้ไม่ค่อยถูกต้องนะ
00:54:10 → 00:54:14 วิธีการแก้เรื่องดอนเมือง
00:54:14 → 00:54:20 เขาก็เขาก็จะให้อะไรนอนเร็วๆนะนอนให้พอ 8
00:54:20 → 00:54:21 ชั่วโมง
00:54:21 → 00:54:25 แล้วก็ให้ลดการกินคาร์โบไฮเดรต
00:54:25 → 00:54:28 ในมื้อเย็นมื้อเย็น
00:54:28 → 00:54:31 ก็ไม่ถึงขนาดนั้นเลย
00:54:31 → 00:54:35 ได้แต่เรากินอยู่ในปริมาณที่ควบคุมและก็
00:54:35 → 00:54:44 ต้องจัดเป็นผักหัวหรือแป้งเชิงซ้อนสุขภาพ
00:54:44 → 00:54:47 และมีการบอกว่าให้อี๊ดดินเนอร์เออดิเออร์
00:54:47 → 00:54:49 ยินดีนะฮะ
00:54:49 → 00:54:53 ก็ให้กินเร็วขึ้นนะเพื่อจะหลีกเลี่ยงเอ่อ
00:54:53 → 00:54:56 การพีคขึ้นของตัวน้ำตาลอันนี้ไม่ใช่ฮะไม่
00:54:56 → 00:54:57 ใช่
00:54:57 → 00:55:01 อันนี้ไม่ต้องไม่ต้องไปดูก็ได้นะมันเป็น
00:55:01 → 00:55:03 มันเป็น
00:55:03 → 00:55:09 องค์ความรู้แบบเก่า
00:55:09 → 00:55:13 แล็บนะ
00:55:13 → 00:55:18 อินซูลินก็เคย 4.1 ดูแล้วมันปกติ
00:55:18 → 00:55:19 นะ
00:55:19 → 00:55:24 ค่าน้ำตาลก่อนอาหารนะค่าน้ำตาลหลังอาหาร
00:55:24 → 00:55:26 นะ
00:55:26 → 00:55:29 ตอนเช้าก่อนอาหาร 166 นะ
00:55:29 → 00:55:30 ปกติเราก็
00:55:30 → 00:55:38 ดูว่าไม่ควรจะเกินอะไร 126 นะ
00:55:38 → 00:55:41 แต่หลังอาหารกับน้อยกว่า
00:55:41 → 00:55:47 เพราะว่าเวลามีอาหารเข้าไปแล้วเนี่ยนะ
00:55:47 → 00:55:51 แต่น้ำตาลของที่อินซูลินเก็บไว้อ่ะนะที่
00:55:51 → 00:55:54 ตับอ่อนมันสีขีดมันผลิตออกมาแล้วเก็บไว้
00:55:54 → 00:55:58 ในแอนนู่ของมันเนี่ยอ่ามันผลิตออกมาไม่
00:55:58 → 00:56:00 ได้
00:56:00 → 00:56:02 ต้องมีการติ๊กก็จากอาหาร
00:56:02 → 00:56:10 นะ
00:56:10 → 00:56:12 สำหรับวันนี้เนี่ยนะฮะนะก็เป็นเรื่องของ
00:56:12 → 00:56:14 ค่าระดับน้ำตาล
00:56:14 → 00:56:19 น้ำตาลหลังตื่นนอนตอนเช้าเกิดจากอะไรบ้าง
00:56:19 → 00:56:23 เกิดจากอะไรบ้าง
00:56:23 → 00:56:25 อันที่ 1 นะ
00:56:25 → 00:56:29 ก็เกิดจาก itf1 จากตับเปลี่ยนไขมันไปเป็น
00:56:29 → 00:56:31 น้ำตาล
00:56:31 → 00:56:33 เกิดจากกลูคากอนจากตับอ่อนเปลี่ยน
00:56:33 → 00:56:37 ไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในตับเป็นน้ำตาลเกิด
00:56:37 → 00:56:39 จากคอติซอล
00:56:39 → 00:56:44 เปลี่ยนกรดอะมิโนจากกล้ามเนื้อเป็นน้ำตาล
00:56:44 → 00:56:48 แต่ทีนี้ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจนิดนึง
00:56:48 → 00:56:52 คือพอมื้อเย็นเนี่ยมื้อเย็นเนี่ยอินซูลิน
00:56:52 → 00:56:56 ไปพักตอน 4 ทุ่มแล้วนะฮะ
00:56:57 → 00:57:02 ตัวฮอร์โมนที่จะทำงานต่อไปคือไทรงาม
00:57:02 → 00:57:06 ลดบทบาทลดหน้าที่ไปแล้วเนี่ยไทรอยด์เขา
00:57:06 → 00:57:07 ออกมา
00:57:07 → 00:57:09 เขาออกมาเนี่ยไทรอยด์เป็นฮอร์โมนเผาผลาญ
00:57:09 → 00:57:12 พลังงานจะออกมาตอนประมาณสัก 4 ทุ่ม 5
00:57:12 → 00:57:14 ทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน
00:57:14 → 00:57:18 ช่วงนี้เนี่ยไทรอยด์จะทำงานโดยการที่จะ
00:57:18 → 00:57:21 เอาไปกฤษณ์มาเผา
00:57:21 → 00:57:23 นะแล้วไตรกลีเซอไรด์ที่เอามาเผาผลาญเนี่ย
00:57:23 → 00:57:27 มันก็จะมีทั้งจีเซอรอลที่จะเปลี่ยนเป็น
00:57:27 → 00:57:30 น้ำตาลแล้วก็มีไตรกลีเซอไรด์ที่เป็นกรดไข
00:57:30 → 00:57:33 มันอิสระก็เปลี่ยนเป็นพลังงาน
00:57:33 → 00:57:36 พื้นร่างกายก็จะมีการใช้พลังงานในช่วงนี้
00:57:36 → 00:57:39 ที่อาจจะนอนแล้วนะแล้วไม่ได้กินอะไรแล้ว
00:57:39 → 00:57:41 ต่อต่อ
00:57:41 → 00:57:44 ด้วยการทำงานของ
00:57:44 → 00:57:48 ของไทรอยด์ประมาณสัก 2-3 ชั่วโมง
00:57:48 → 00:57:50 แต่ว่า
00:57:50 → 00:57:54 พี่ก็อาจจะออกมาช่วยๆไทรอยด์ทำงานด้วยคือ
00:57:54 → 00:58:00 กูขาดก่อนคือกูฆ่าก่อน
00:58:00 → 00:58:03 นะรวมทั้งไขมันด้วย
00:58:03 → 00:58:06 คือเนี่ยเขาไม่ได้ว่ามีบทบาทแค่จะเอา
00:58:06 → 00:58:09 ไกลโคเจนที่ตับมาสลาย
00:58:09 → 00:58:14 กูก็สามารถสลายโปรตีนสลายครับ
00:58:14 → 00:58:18 แล้วก็สลายไขมันได้คล้ายๆกับไอ้ Ghost
00:58:18 → 00:58:19 Hormone เลย
00:58:19 → 00:58:22 นะ
00:58:22 → 00:58:25 ตอนตอนกลางคืน
00:58:25 → 00:58:31 แต่บทบาทดีมากไม่มากเท่ากับตอนกลางวัน
00:58:31 → 00:58:34 พอไทรอยด์เนี่ยเริ่มหมดบทบาทไปตอนสัก
00:58:34 → 00:58:36 เที่ยงคืนหรือเกือบ 1:00 นคราวนี้กด
00:58:36 → 00:58:38 ฮอร์โมนมาทำ
00:58:38 → 00:58:40 แต่ว่า Ghost Hormone เนี่ยแหล่งพลังงาน
00:58:40 → 00:58:43 หลักเนี่ยเขาก็จะเป็นการสลายไอ้ตัว
00:58:43 → 00:58:46 ไตรกลีเซอไรด์ต่อจากไทรอยด์
00:58:46 → 00:58:49 เพราะว่า
00:58:49 → 00:58:51 พนักงานของ Growth Hormone ที่ก็จะมา
00:58:51 → 00:58:53 สลายแล้วเปลี่ยนเป็นคีโตน
00:58:53 → 00:58:56 ก็คือเนี่ยก็คือไตรกลีเซอไรด์ที่เราสะสม
00:58:56 → 00:58:58 อยู่
00:58:58 → 00:59:02 เขาก็จะทำหน้าที่ให้พลังงานกับร่างกายไป
00:59:02 → 00:59:05 จนกระทั่งถึงประมาณตี 3
00:59:05 → 00:59:08 ซึ่งตรงนี้เขาก็จะรู้แล้วว่าเดี๋ยวกู
00:59:08 → 00:59:13 คาก้อนจะมา
00:59:13 → 00:59:18 พอแม่มาเนี่ย
00:59:18 → 00:59:21 สลายไขมันต่อไม่ได้
00:59:21 → 00:59:24 เพราะว่าแม่มาเนี่ยลูกๆต้อง
00:59:24 → 00:59:26 หลบเข้าห้องหมด
00:59:26 → 00:59:31 ครับ
00:59:31 → 00:59:33 เขาก็จะมาเล็งแล้ว
00:59:33 → 00:59:36 ไหนอ่าเดี๋ยวจะต้องตื่นและต้องจัดหาพลัง
00:59:36 → 00:59:39 งานให้กับลูกนะเพื่อจะได้ดำเนินชีวิตใน
00:59:39 → 00:59:43 ตอนกลางวันต่อไป
00:59:43 → 00:59:48 แกมีพลังงานเต็มสะสมไว้เต็มที่เมื่อตอน
00:59:48 → 00:59:56 มื้อเย็นหรือยัง
00:59:56 → 01:00:01 สะสมไก่โคเจนในมื้อเย็นให้เต็มเลยให้ไว้
01:00:01 → 01:00:08 เต็มเลยก็ประมาณนี้ 50 จนถึง 100 กรัม
01:00:09 → 01:00:12 ถ้าตับมีไขโคเจนเต็มเนี่ย
01:00:12 → 01:00:16 Action ของคอร์ติซอลก็จะสลายไกลโคเจน
01:00:16 → 01:00:18 เป็นน้ำตาลให้กับร่างกาย
01:00:18 → 01:00:22 มันก็จะสลายไปเรื่อยๆเลยจนกระทั่งถึงตอน
01:00:22 → 01:00:24 เช้า
01:00:24 → 01:00:32 อันนี้ก็คือที่บอกว่ามีบทบาทนะ
01:00:32 → 01:00:35 อันนี้เป็นบทบาทโดยตรงของคอติซอล
01:00:35 → 01:00:39 ในการสลายไกลโคเจนที่ต่ำเป็นน้ำตาล
01:00:39 → 01:00:43 แล้วไม่มีลูกๆอื่นๆมายุ่งด้วยเพราะว่า
01:00:43 → 01:00:48 เนี่ยเดี๋ยวแม่จะปลูกแม่จะตี
01:00:48 → 01:00:50 ทีนี้พอมาตอนสัก
01:00:50 → 01:00:53 8 โมง 9 โมงเนี่ยคอนติเนลเขาทำงานเต็ม
01:00:53 → 01:00:54 ที่สุดแล้ว
01:00:54 → 01:00:58 เขาก็เหนื่อยละจะไปพัก
01:00:58 → 01:01:02 หลังจากนั้นเนี่ยถ้าเราสามารถ
01:01:02 → 01:01:04 ต่อไปอีก
01:01:04 → 01:01:07 นะก็คือไม่กินอะไรสักชั่วโมงสองชั่วโมง
01:01:07 → 01:01:13 ให้มันทน 10:11:00 นไปครับเราอาจจะเอา
01:01:13 → 01:01:15 Water fasting กินน้ำ
01:01:15 → 01:01:19 หรือเราจะกินกาแฟกินอะไรต่างๆที่เขาบอก
01:01:19 → 01:01:21 ว่ากินได้กินได้
01:01:21 → 01:01:26 แต่ยังไม่ไม่ได้ไม่ได้เบรคเบรคคีโตซีอะไร
01:01:26 → 01:01:28 อย่างนี้
01:01:28 → 01:01:31 ถ้าในสภาวะอย่างนี้นะ
01:01:31 → 01:01:36 ตรงนี้นะฮอร์โมนที่จะออกมาทำงานเนี่ย
01:01:36 → 01:01:38 ก็คือ
01:01:38 → 01:01:43 ก็คือถ้าคุณฟ้า
01:01:43 → 01:01:48 ก้อนมาไทรอยด์แต่ไทรอยด์ที่จะมา Action
01:01:48 → 01:01:49 ตอนเช้าๆเนี่ย
01:01:49 → 01:01:52 เขาบทบาทเขาไม่เด่นเหมือนกับตอนกลางคืน
01:01:52 → 01:01:55 ตอน 4 ทุ่มครับ
01:01:55 → 01:01:58 ก็จะแอคชั่นมากกว่าไทรอยด์
01:01:58 → 01:02:02 แล้วก็ฮอร์โมนเพราะฉะนั้นในช่วงเวลานี้จะ
01:02:02 → 01:02:05 เป็นช่วงเวลาที่ Ghost Hormone กับ
01:02:05 → 01:02:09 กลูคากอนเนี่ยก็จะมีการสลายทั้งไขมันทั้ง
01:02:09 → 01:02:15 น้ำตาที่ยังพอมีเหลืออยู่ต่อไปจากข้อที่ 2
01:02:15 → 01:02:19 เพราะข้อความแล้ว
01:02:19 → 01:02:23 หลังจากนั้นพอไปถึงตอนไหนอ่ะพอไปถึงตอน
01:02:23 → 01:02:27 ประมาณเกือบเที่ยงเราก็เริ่มเบรคฟ้าแล้ว
01:02:27 → 01:02:31 เราก็กินอาหารมื้อใหญ่เป็นโปรตีนกับไขมัน
01:02:31 → 01:02:35 ดีรวมทั้งน้ำมันน้ำสลัดทีออยล์อะไรต่างๆ
01:02:35 → 01:02:39 ที่จะให้พลังงานเข้าไป
01:02:39 → 01:02:41 อันนี้ก็คือจะเป็นการ Action การสร้าง
01:02:41 → 01:02:44 พลังงานให้กับร่างกายต่อจาก Ghost
01:02:44 → 01:02:45 Hormone
01:02:45 → 01:02:52 แล้วก็อุปกรณ์
01:02:52 → 01:02:56 แล้วก็การที่เราใช้น้ำมันสกัดเย็นอะไร
01:02:56 → 01:03:08 ต่างๆนะครับ
01:03:08 → 01:03:10 จนกระทั่งโน้นเนี่ย
01:03:10 → 01:03:13 ไปถึงมื้อเย็น
01:03:13 → 01:03:18 มาก็ค่อยๆกลับมาเติมครับ
01:03:18 → 01:03:30 รอบของ Action ของฮอร์โมนมันก็จะวน 24 ชม
01:03:30 → 01:03:32 ข้างๆหน่อยครับปิด Message อ่ะครับมัน
01:03:32 → 01:03:41 เด้งขึ้นมา
01:03:41 → 01:03:52 ทีนี้ก็แล้วแต่นะว่านะ Action ของดอนบิน
01:03:52 → 01:03:56 การสลายไขมันค่อนข้างเยอะนะ
01:03:56 → 01:03:59 มันก็อาจจะเป็น
01:03:59 → 01:04:05 สูงจากเนี่ยจากการสลายของโกสฮอร์โมนของ
01:04:05 → 01:04:08 มันที่สะสมแล้วกลายเป็นน้ำตาลขึ้นมาตาม
01:04:08 → 01:04:14 ซึ่งอันนี้ตับก็จะเป็นตัวจัดหาพลังงาน
01:04:14 → 01:04:15 หรือ
01:04:15 → 01:04:19 หรืออะไรหรือกูคาก้อนเนี่ยนะมา
01:04:19 → 01:04:23 มาออกจากตับอ่อนแล้วมาเปลี่ยนใจคอลลาเจน
01:04:23 → 01:04:26 ที่ตับให้เป็นน้ำตาล
01:04:26 → 01:04:28 พร้อมกับ
01:04:28 → 01:04:31 แต่ว่าอันเนี้ยส่วนใหญ่แล้วก็คือ Google
01:04:31 → 01:04:36 เป็นตัวเปลี่ยนนะคู่กับไอ้ตัวคอติซอล
01:04:36 → 01:04:38 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพวกนี้มันจะเปลี่ยน
01:04:38 → 01:04:42 แปลงแบบพอดีพอดีนะฮะพอดีพอดีหมายถึงว่า
01:04:42 → 01:04:45 ส่วนใหญ่น้ำตาลเนี่ยมันจะไม่พุ่งสวิงกลาย
01:04:45 → 01:04:49 เป็นดอนเมืองอินโดมินอล
01:04:49 → 01:04:57 ส่วนใหญ่ก็คือคือไม่เกิน 110 70-110
01:04:57 → 01:05:00 แต่ถ้าเรากินไม่ถูกเราไม่เข้าใจเรื่องการ
01:05:00 → 01:05:04 กินมื้อแรกไม่เข้าใจเรื่องการกินมื้อเย็น
01:05:04 → 01:05:08 คราวนี้มันจะเป็น Action เดียวๆเลยของปู
01:05:08 → 01:05:10 คาก้อนอย่างต่อมหมวกไต
01:05:10 → 01:05:12 [เพลง]
01:05:12 → 01:05:16 ซึ่ง Action อันนี้มันเป็น Action ที่มัน
01:05:16 → 01:05:20 รุนแรง
01:05:20 → 01:05:38 มันมักจะรุนแรงแล้วก็เลยเถิด
01:05:38 → 01:05:43 หรือ
01:05:43 → 01:05:46 เขาก็อาจจะโกรธแล้วเขาก็จะไปสลายจากอะไร
01:05:46 → 01:05:50 กฎอะมิโนในกล้ามเนื้อกับไขมันเนาะ 60-40
01:05:50 → 01:05:52 นะ
01:05:52 → 01:05:54 ซึ่งถ้าเป็นเมื่อไหร่ที่เป็น Action ของ
01:05:54 → 01:05:59 เนี่ยนะส่วนใหญ่มันจะเกิดดอนเมือง
01:05:59 → 01:06:01 เพราะฉะนั้น
01:06:01 → 01:06:07 มาจากฮอร์โมนที่หลายๆตัวอ่ะ
01:06:07 → 01:06:12 โกสฮอร์โมนก็ดีนะแต่ส่วนใหญ่นะสำหรับคน
01:06:12 → 01:06:16 ที่ค่อนข้างมีปัญหานะในเรื่องโรคภัยไข้
01:06:16 → 01:06:19 เจ็บมันจะมีบทบาทมาจากคอร์ติซอลเป็นหลัก
01:06:19 → 01:06:25 อ๋อครับ
01:06:25 → 01:06:28 ก็ต้องดู
01:06:28 → 01:06:32 อาจจะเกิดดอนฟีโนมินอลได้แต่เขาเนี่ยมัก
01:06:32 → 01:06:35 จะเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินที่มันยังไม่
01:06:35 → 01:06:37 เคลียร์
01:06:37 → 01:06:45 ที่มันยังไม่ไม่สงบดีนะ
01:06:45 → 01:06:49 ส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องของเซลล์
01:06:49 → 01:06:52 เซลล์ที่มันปิดประตูไม่ยอมเปิดประตูรับ
01:06:52 → 01:06:55 อินซูลินสุรินทร์
01:06:56 → 01:06:59 มีปริมาณเพียงพอแล้วทำงานได้ปกติเวลาจอด
01:07:00 → 01:07:02 อินซูลิน Level เนี่ยมันมันก็ไม่น้อยอ่ะ
01:07:02 → 01:07:05 เอ่อมันก็อยู่ในเกณฑ์ดีอ่ะนะแล้วมันสูง
01:07:05 → 01:07:06 เกินน่ะ
01:07:06 → 01:07:08 แต่มันทำงานไม่ได้ครับเพราะไอ้ตรวจเซลล์
01:07:09 → 01:07:12 ที่มันดื้อของคนอ้วนน่ะมันจะปิดประตูไม่
01:07:12 → 01:07:14 ยอมให้น้ำตาลเข้าเซลล์เพราะฉะนั้นน้ำตาล
01:07:14 → 01:07:17 ตอนเช้ามันก็เลยพุ่ง
01:07:17 → 01:07:22 ในขณะที่ถ้าถ้าเป็นในคนผอมๆคนสมส่วนหรือ
01:07:22 → 01:07:26 คนเจ็บป่วยแบบเรื้อรังอ่านะอันนี้มันมัก
01:07:26 → 01:07:28 จะมีผลมาจากทางด้านคอจะมากกว่าอีก
01:07:28 → 01:07:30 สุรินทร์
01:07:30 → 01:07:34 แล้วถ้ามาจากคอร์ติซอลเนี่ยส่วนใหญ่ก็คือ
01:07:34 → 01:07:40 คอร์ติซอลจะทำงานแบบโมโหแบบดุ
01:07:40 → 01:07:45 จะมีการสลายไกลโคเจนที่สะสมไว้แบบรุนแรง
01:07:45 → 01:07:51 ไปนายแบบกระชากแบบ Swing
01:07:51 → 01:07:55 ไม่พอเพราะว่ากินมื้อเย็นไม่ถูกสะสมไม่
01:07:55 → 01:07:59 ได้น้อยไปนะก็จะไปเอาจากกล้ามเนื้อกับจาก
01:07:59 → 01:08:00 ไขมัน
01:08:00 → 01:08:06 เอามาสลายแต่ก็จะสลายแบบรุนแรง
01:08:06 → 01:08:15 นะอย่างนี้พอเข้าใจเรื่องดอน pinominal
01:08:15 → 01:08:20 อันนี้ก็เป็นตัวอย่างเคสน้ำตาลรุ่งอรุณ
01:08:20 → 01:08:22 ซึ่งอันนี้หมออยากจะให้ดูในเรื่องของ
01:08:22 → 01:08:26 อาหารการกินแล้วก็เหตุผลของการเกิด
01:08:26 → 01:08:29 คือคนส่วนใหญ่
01:08:29 → 01:08:32 ถ้าคุณเจ็บป่วยไปแล้วเนี่ยแล้วเวลาคุณดู
01:08:32 → 01:08:36 แลรักษาตัวเองในแนวของ low
01:08:36 → 01:08:39 ก็พูดยากอ่ะนะเพราะว่าถ้าองค์ความรู้มัน
01:08:39 → 01:08:42 ไม่ถึงนี่มันไม่รอบด้านนะ
01:08:42 → 01:08:45 การที่จะ Recover หรือว่าการที่จะปรับมา
01:08:45 → 01:08:47 เป็นภาวะปกติได้
01:08:47 → 01:08:50 มันก็ลำบากซะหน่อย
01:08:50 → 01:08:53 อย่างคนนี้เขาก็จะมีภาวะน้ำตาลรุ่งอรุณ
01:08:53 → 01:08:57 อยู่นานเลยแม้ว่าเขาจะพยายามปรับอาหาร
01:08:57 → 01:09:01 มื้ออาหารทำ If อะไรก็ตาม
01:09:01 → 01:09:03 แต่เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับไส้ในอาหาร
01:09:03 → 01:09:08 เนี่ยมันยังไม่ถูกเนี่ย
01:09:08 → 01:09:11 ร่างกายมันมีความเครียดนะ
01:09:11 → 01:09:15 ในระยะยาวๆแล้วเนี่ย Action ของข้อที่
01:09:15 → 01:09:17 ซ่อนมันจะเด่นมากกว่าอินซูลิน
01:09:17 → 01:09:22 อย่างดูตัวอย่างนะเนี่ยในวันนี้นะอยู่ใน
01:09:22 → 01:09:23 ช่วง
01:09:23 → 01:09:27 182-188 เขาทำให้ f 8 ชั่วโมง
01:09:27 → 01:09:33 แต่น้ำตาเนี่ยหลังอาหาร 4 ชั่วโมง
01:09:33 → 01:09:35 คือน้ำตาลหลังอาหารมันดีอ่ะแต่น้ำตาลตอน
01:09:35 → 01:09:36 เช้ามันคุมไม่ได้
01:09:36 → 01:09:40 เออเป็นเบาหวานไม่ได้กินยาแล้ว
01:09:40 → 01:09:44 นะแล้วก็กินมื้อเดียวนะกินเกาเหลาไก่
01:09:44 → 01:09:49 นะแล้วก็ MK
01:09:49 → 01:09:52 เรื่องของไขมัน
01:09:52 → 01:09:55 เขาไม่ได้เห็นความสำคัญไขมันเป็นพลังงาน
01:09:55 → 01:10:01 หลักครับเออแต่ว่าอาจจะตัดครับ
01:10:01 → 01:10:04 แล้วก็โปรตีนเยอะนะ
01:10:04 → 01:10:07 แต่ไม่มีอ่ะพอมันไม่มีร่างกายมันก็ยัง
01:10:07 → 01:10:08 เครียดอยู่
01:10:08 → 01:10:12 หรือสารอาหารหรือว่าพลังงานมันไม่ได้
01:10:12 → 01:10:16 แต่เขาไม่บอกรายละเอียดมากกว่านี้นะ
01:10:16 → 01:10:22 หรือวันต่อมาเนี่ยก็ 179 หลังตื่นนอนตอน
01:10:22 → 01:10:24 สายๆนะ
01:10:24 → 01:10:29 นอนดึกตื่นสายน้ำไม่รู้ทรง
01:10:29 → 01:10:33 แบบชูก้าก่อนอาหารมื้อแรกก็ 150 บาทก็คือ
01:10:33 → 01:10:34 เนี่ย
01:10:34 → 01:10:45 แล้วก็มามาก่อนอาหารมื้อแรกตอน 4 โมงเย็น
01:10:45 → 01:10:50 จาก 179 คนลดลงมา
01:10:50 → 01:10:54 แล้วก็หลังอาหารนะหลังอาหาร 1302 หลัง
01:10:54 → 01:10:56 อาหารมื้อแรกคือหลัง
01:10:56 → 01:10:59 16:00 นไป
01:10:59 → 01:11:02 ก็อันนี้หมอก็ไม่รู้อ่ะมาเขาถามมิ่งในการ
01:11:03 → 01:11:07 กินเค้าไม่แน่ไม่โดน
01:11:07 → 01:11:13 ก็มีไก่อบ 3 ชิ้นไข่ต้ม 2 ฟองไม่ได้กิน
01:11:13 → 01:11:15 แล้วก็
01:11:15 → 01:11:18 น้ำตาลหลังอาหารมื้อที่ 2 มีมื้อที่ 2
01:11:18 → 01:11:23 อีกนะ 146 ก็ดูเหมือนจะดีคือน้ำตาลหลัง
01:11:23 → 01:11:24 อาหารไม่มีปัญหา
01:11:24 → 01:11:29 ก็มีปัญหาน้ำตาลในช่วงตื่นนอนนอน
01:11:29 → 01:11:34 ก็กินสะโพกไก่อบไข่ต้ม 1 ฟองแหนมหมู +
01:11:34 → 01:11:39 ผัก
01:11:39 → 01:11:43 ไม่มีน้ำมันไม่มีไม่มีความครบถ้วนในแง่
01:11:43 → 01:11:47 ของคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันตามสัดส่วน
01:11:47 → 01:11:50 ความปริมาณ
01:11:50 → 01:12:00 มันก็ถ้าสูตรนี้ไม่ได้อย่างนี้มันก็กินซะ
01:12:00 → 01:12:04 20 ชม
01:12:04 → 01:12:06 แต่น้ำตาลหลังอาหาร
01:12:06 → 01:12:14 5 ชั่วโมงก่อนจะนอนแล้วนะ
01:12:14 → 01:12:16 คงที่คงทางนะ
01:12:16 → 01:12:20 ไม่ได้กินยาเบาหวานกินสะโพกไก่อบกินผัด
01:12:20 → 01:12:21 แตงกวา
01:12:21 → 01:12:28 ไก่ใส่หมูกินไข่ต้มฟอง
01:12:28 → 01:12:32 คนนี้ก็เหมือนกับเขาทำ If 23/1 สลับกับ
01:12:32 → 01:12:36 อะไรอ่ะ 18-6 2 มื้อ
01:12:36 → 01:12:42 [เพลง]
01:12:42 → 01:12:47 นะในเรื่องอาหารเนี่ยต้องโอเคก่อน
01:12:47 → 01:12:51 ในการพิจารณานะ
01:12:51 → 01:12:53 ไม่รู้ว่าฮอร์โมนเครียดเลยฮอร์โมน
01:12:53 → 01:13:00 อินซูลินเลยอย่างนี้
01:13:00 → 01:13:02 นะ
01:13:02 → 01:13:11 เออ
01:13:11 → 01:13:19 น้ำหนักค่ากลางมีกี่คนเนี่ยน่าจะสัก 65
01:13:19 → 01:13:22 อยู่ระดับดีอ่ะแต่ต่ำ
01:13:22 → 01:13:26 ระดับต่ำคือ 60-70 นะ
01:13:27 → 01:13:34 เป็นเบาหวานไขมันความดันสูงต่อมลูกหมาก
01:13:34 → 01:13:39 โต้งแต่หยุดยามา 4 เดือนแล้วนะกินคีโตมา 6
01:13:39 → 01:13:42 เดือน If 16/8 ออกกำลังกายเดินวิ่งวันละ
01:13:42 → 01:13:49 30 40 นาทีน้ำหนักลดนะ BMI 21.1
01:13:49 → 01:13:51 อันนี้
01:13:51 → 01:13:54 อันนี้ก็คือ 6 เดือนเหรอ
01:13:54 → 01:14:01 6 เดือนก็ 3 เดือนแรกก็ยังดูไม่ดี
01:14:01 → 01:14:06 ขึ้นในช่วง 3 เดือนนี้แต่นะน้ำตาลตอนเช้า
01:14:06 → 01:14:09 ไม่ลดไม่ลดเท่าไหร่
01:14:09 → 01:14:12 แต่ก็ไม่ได้สูงมากไม่ได้สูงมาก
01:14:12 → 01:14:14 อันนี้เขาเพิ่งหยุดยาไปเมื่อวันที่ 23
01:14:14 → 01:14:18 เมษายนช่วงนี้ยังเป็นช่วงกินยาอยู่แต่ก็
01:14:18 → 01:14:20 เหมือนกับเริ่มกินแล้วล่ะเริ่มกินโลคะทำ
01:14:20 → 01:14:25 อะไรแล้ว
01:14:25 → 01:14:31 ก็เป็นเป็นอย่างนี้นะฮะ
01:14:31 → 01:14:36 กินผัดเผ็ด 3 อย่างใช้น้ำมันมะกอกใช้น้ำ
01:14:36 → 01:14:37 มันมะกอกไปผัดนะ
01:14:37 → 01:14:39 เออไม่รู้อ่ะ
01:14:39 → 01:14:43 แล้วก็มีท้องปลาแซลมอนไปถั่ววอลนัทผลไม้
01:14:43 → 01:14:46 อะโวคาโด
01:14:46 → 01:14:50 อะไรก็ไม่รู้อ่ะนะก๊องแก๊งๆอ่ะเออ
01:14:50 → 01:15:00 เนี่ยดูสินะ
01:15:00 → 01:15:02 เห็ดนี่เป็นอะไรฮะ
01:15:02 → 01:15:10 เห็ดไม่ใช่โปรตีนเห็ดเป็น Craft นะ
01:15:10 → 01:15:13 ครับแล้วก็มันมีสารลดความเครียดลด
01:15:13 → 01:15:15 คอร์ติซอลได้
01:15:15 → 01:15:21 เห็ดเป็นอาหารในมื้อเย็นนะ
01:15:21 → 01:15:24 แต่ดูแล้วเนี่ยไม่พอ
01:15:24 → 01:15:28 แล้วคนไข้คนนี้บอกว่าเนี่ยอายุน้ำหนัก 601
01:15:28 → 01:15:32 นะ
01:15:32 → 01:15:38 ครับผมอยากจะทำ If 36/12 นะเออคือ
01:15:38 → 01:15:43 Alternate ช่วยแนะนำหน่อยนะแล้วจะเข้า
01:15:43 → 01:15:46 ฟิตเนสจะไหวไหมเนี่ย
01:15:46 → 01:15:50 นะ 61 กกอ่ะอืมๆ
01:15:51 → 01:15:52 นะ
01:15:52 → 01:15:55 เออก็คืออาหารเนี่ยมันต้องมากมื้อนี้นะ
01:15:55 → 01:15:58 แล้วปริมาณอาหารอาจจะต้องพละอลังการกว่า
01:15:58 → 01:16:00 นี้หน่อย
01:16:00 → 01:16:03 หมอว่ามันเหมือนขาดทั้งพลังงานและศาลทหาร
01:16:03 → 01:16:04 น่ะ
01:16:04 → 01:16:08 เพราะฉะนั้นดอนฟีโนมินอลก็มาจากอะไรอ่ะก็
01:16:08 → 01:16:14 มาจากคอติซอล
01:16:14 → 01:16:18 อย่างคนนี้ก็เป็นอีกเคสนึงนะมี 3 เคส
01:16:18 → 01:16:22 อันนี้ก็เป็นผลแลปนะของคนที่ remission
01:16:22 → 01:16:26 จากเบาหวานแล้วนะ
01:16:26 → 01:16:31 คือภาวะน้ำตาลตอนเช้าเนี่ยมันสูงนะแต่
01:16:31 → 01:16:34 ฮีโมโกลบินเอฟซีน้ำตาลสะสมเนี่ยปกติมาก
01:16:34 → 01:16:38 เลยปกติคือค่าอินซูลินเลเวลเนี่ยอยู่ใน
01:16:38 → 01:16:40 เกณฑ์ปกติหมดเลย
01:16:40 → 01:16:44 ก็ดีหมดเลย 4 กว่าๆไม่เคยถึง 5 เลย
01:16:44 → 01:16:48 แต่ทำไมน้ำตาลตอนเช้ามัน 150 140 1330
01:16:48 → 01:16:54
01:16:54 → 01:16:57 มาจนถึงปี 65
01:16:57 → 01:17:01 อันนี้ก็คือปรากฏการณ์
01:17:01 → 01:17:05 สุรินทร์หายแล้วนะ
01:17:05 → 01:17:07 ก็มีมาสวิงไปทีนึง
01:17:07 → 01:17:09 อีตอนเนี้ย
01:17:09 → 01:17:10 เอ่อ
01:17:10 → 01:17:14 มีนา 65 อันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
01:17:14 → 01:17:16 11 เลยหรอพี่หมอ
01:17:16 → 01:17:21 โอ้จาก 1.5 นะกระโดดเป็น 11 เลยเพราะว่า
01:17:21 → 01:17:24 ตัวเนี้ยไตรกลีเซอไรด์ก็ขึ้น 300 กว่า
01:17:24 → 01:17:26 ไม่ถึง 100
01:17:26 → 01:17:28 ติดไปทำอะไรมา
01:17:28 → 01:17:33 อันนี้
01:17:33 → 01:17:38 แต่คำว่ากดลงนะ
01:17:38 → 01:17:41 สวิงมากเลยเนี่ย
01:17:41 → 01:17:49 ก็อธิบายว่าเป็นเบาหวานมานานๆ
01:17:50 → 01:17:54 ที่จะทำให้อินซูลินหลั่งออกมาเป็นระดับ
01:17:54 → 01:18:05 First state First
01:18:05 → 01:18:08 คนที่เป็นเบาหวานหรือว่าเป็นรายได้หรือ
01:18:08 → 01:18:12 อาจจะเป็นเป็นถึงขั้น DM ไทยใช้วันแล้ว
01:18:12 → 01:18:15 เนี่ยส่วนใหญ่หลักการของตับอ่อนเนี่ยก็
01:18:15 → 01:18:18 คือการฟื้นฟูไมโครคอนเดี่ยว
01:18:18 → 01:18:22 เป็นการฟื้นฟูระดับไปตัวคนเดียว
01:18:22 → 01:18:27 แต่พวกเนี้ยก็จะมีปัญหาเรื่องดอนเมือง
01:18:27 → 01:18:32 เป็นปีๆเลย
01:18:32 → 01:18:35 แล้วก็อาจจะมีเอี่ยวจากเรื่องของ Action
01:18:35 → 01:18:39 ของเนี่ยกูคาก้อนข้อที่ซ่อนโกสฮอร์โมนไอ้
01:18:39 → 01:18:40 นี่
01:18:40 → 01:18:45 คืออยากจะบอกว่าตัวสำคัญคือคอติซอล
01:18:45 → 01:18:50 เพราะว่าถ้าคอยที่ซ่อนเนี่ยมันดุดื้อเด่น
01:18:50 → 01:18:55 จากเหตุผลอะไรต่างๆที่หมอเล่าสาเหตุให้ 10
01:18:55 → 01:18:57 หัวข้อนั้นก็ดี
01:18:57 → 01:19:00 ไอ้ตัวฮอร์โมนอื่นๆเนี่ยก็อยู่ไม่สุขเท่า
01:19:00 → 01:19:13 นั้นแหละไม่ว่าจะเป็นครู
01:19:13 → 01:19:16 ก็ยังไงต้องรอเวลา
01:19:17 → 01:19:21 วันเดือนปีที่จะ reverse
01:19:21 → 01:19:25 เราต้องใช้เวลามันเป็นปีใช่ไหม
01:19:25 → 01:19:29 เนี่ยนะ
01:19:29 → 01:19:32 กับ Second friend creation นะครับคำ
01:19:32 → 01:19:35 ว่า First เนี่ยนะฝรั่งเศสเนี่ยหมายถึง
01:19:35 → 01:19:36 ว่า
01:19:36 → 01:19:40 คือเบต้าเซลล์ตอนที่เขาพักอยู่เนี่ยนะถ้า
01:19:40 → 01:19:44 เกิดเขาทำงานได้ตามปกติตามธรรมชาติของเขา
01:19:44 → 01:19:47 เนี่ยเขาก็จะมีการสร้างโมเลกุลของตัว
01:19:47 → 01:19:50 อินซูลินเนี่ยมาอยู่ใน grando ในกระป๋อง
01:19:50 → 01:19:52 นะฮะนะ
01:19:52 → 01:19:56 เขาจะมีการสร้างหรือเก็บอินซูลินแบบพร้อม
01:19:56 → 01:19:59 ใช้ไว้ใน cc dolly granny
01:19:59 → 01:20:02 แต่มันไม่ได้เยอะแยะอะไรนะมันอยู่ในขนาด
01:20:02 → 01:20:04 เนี่ยนะ
01:20:04 → 01:20:08 0.25-1.5 ที่เรารู้ว่าค่าอินซูลินเนี่ย
01:20:08 → 01:20:12 นะค่าปกติก็คือ
01:20:12 → 01:20:14 2-62-6
01:20:14 → 01:20:19 แต่ว่าอินซูลินที่เป็น First Phase
01:20:19 → 01:20:24 ไม่ได้สร้างแบบทันทีทันใดหน้างานเลยตอน
01:20:24 → 01:20:27 ที่มีพลังงานเข้าไปเขาจะสร้างมาอยู่ใน
01:20:27 → 01:20:33 ระดับ 50% ก็คือเนี่ย 0.25 ถึงไม่ถึงถึง
01:20:33 → 01:20:34 1.5
01:20:34 → 01:20:43 เนี่ย 50% ถ้า 100% ก็คือ 0.5 ถึง 3
01:20:43 → 01:20:47 ในขณะที่ค่าในทางการแพทย์เราเนี่ยนะ
01:20:47 → 01:20:49 เราถือว่า
01:20:49 → 01:20:56 2-6 เป็นค่าปกติของอินซูลิน
01:20:56 → 01:21:01 เนี่ยก็คือถ้ามีเรื่องของพลังงานไม่ว่าจะ
01:21:01 → 01:21:04 กินเข้าไปหรือว่าเป็นดอนฟีโนมินอลที่เป็น
01:21:04 → 01:21:08 ชุดขึ้นมาจากค่าปกติก็จะมี Action ของ
01:21:08 → 01:21:12 อินซูลินในเฟิร์สเฟตต์ออกมาแต่มันก็แค่
01:21:12 → 01:21:16 เนี้ยมันน้อยๆแค่เนี้ยฮะนะ
01:21:16 → 01:21:28 แล้วถ้าเกิดเป็นนานๆเป็นเบาหวานนานๆ
01:21:28 → 01:21:33 เขาก็จะออกมานะออกมาทันทีทันใดเลยนะเขา
01:21:33 → 01:21:38 บอกว่าออกมาในช่วงเท่าไหร่เนี่ย
01:21:38 → 01:21:41 ออกมาอย่างรวดเร็วภายใน 1 นาทีเมื่อมี
01:21:41 → 01:21:44 พลังงานที่เข้าไปกระตุ้น
01:21:44 → 01:21:49 แล้วก็จะพีคสูงสุดที่ระดับ 3-5 นาทีแล้ว
01:21:49 → 01:21:51 ก็อยู่นานถึง 10 นาที
01:21:51 → 01:21:57 หลังจากนั้นก็หมดหมดแล้วแค่นี้
01:21:57 → 01:22:00 ตัวอาหารเนี่ยจะไปกระตุ้นไอ้ตัว
01:22:00 → 01:22:04 เบต้าเซลล์ให้สร้างเฟสของอินซูลิน
01:22:04 → 01:22:06 ซีเคชั่นออกมา
01:22:06 → 01:22:08 อันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะสร้างมากสร้างน้อย
01:22:08 → 01:22:10 สร้างไว้
01:22:10 → 01:22:13 อะไรยังไงก็แล้วแต่
01:22:13 → 01:22:16 นั้น
01:22:17 → 01:22:19 นะ
01:22:19 → 01:22:21 ก็จะ
01:22:21 → 01:22:24 ครับ
01:22:24 → 01:22:26 อันนี้เนี่ยคนปกติทั่วไป
01:22:26 → 01:22:31 แต่ในคนที่เป็นเบาหวานระยะแรกๆเนี่ย
01:22:32 → 01:22:36 ไม่ค่อยมีอินซูลินออกมานะเพราะมันน้อยมาก
01:22:36 → 01:22:41 มันต้องมาสร้างเอาเองในช่วง Second Phase
01:22:41 → 01:22:44 แต่ถ้าเป็นเรท Stage ของ type2
01:22:44 → 01:22:46 ใดไป
01:22:46 → 01:23:02 ระดับอินซูลินไม่มีเลยฮะ
01:23:02 → 01:23:06 ที่เป็นเบาหวานแบบเขี้ยวๆหรือเบาหวานแบบ
01:23:06 → 01:23:10 เป็นนานๆเป็นแบบล้านๆตับอ่อนล้าไปหมดแล้ว
01:23:10 → 01:23:11 เนี่ย
01:23:11 → 01:23:14 เพราะฉะนั้นบางทีก็ต้องฉีดรอง
01:23:14 → 01:23:17 อินซูลินแบบขนาดน้อยๆไปช่วยเขาคือเหมือน
01:23:17 → 01:23:20 ไปเติมอินซูลินน่ะให้มันอยู่ในระดับอย่าง
01:23:20 → 01:23:22 น้อย 2-6
01:23:22 → 01:23:25 หรือไม่เกิน 10 ยูนิตอะไรอย่างเงี้ยครับ
01:23:25 → 01:23:30 เนี่ยเราก็ต้องเลือกชนิดของอินซูลินด้วย
01:23:30 → 01:23:33 นะซึ่งการที่จะเติมมีสุรินทร์เนี่ยเราทาง
01:23:33 → 01:23:37 การแพทย์เราเราจะหวังผลไปในการลดระดับ
01:23:37 → 01:23:39 อินซูลินจากพลังงานหรือจากอาหารที่มา
01:23:39 → 01:23:40 กระตุ้น
01:23:40 → 01:23:43 แต่เราก็ไม่ได้ไปเติมอินซูลินอะไรที่จะ
01:23:43 → 01:23:47 หวังผลในการลดเรื่องดอน pinom
01:23:47 → 01:23:48 ครับ
01:23:48 → 01:23:52 ก็เป็นอย่างนี้
01:23:52 → 01:23:57 ทีนี้เราจะปฏิบัติยังไงที่จะลดภาวะน้ำตาล
01:23:57 → 01:23:59 รุ่งอรุณได้
01:23:59 → 01:24:01 เกณฑ์ในการปฏิบัติเนี่ยเราก็ยึดหลักทั่ว
01:24:01 → 01:24:05 ไปเลยที่คุณหมอเคยให้หลักการไว้ก็คือการ
01:24:05 → 01:24:09 กินอาหารที่ถูกใน 1 วันทั้งมื้อแรกและ
01:24:09 → 01:24:10 มื้อที่ 2
01:24:10 → 01:24:14 มื้อแรกต้องงดและตัดครับให้สำเร็จในมื้อ
01:24:14 → 01:24:18 แรก
01:24:18 → 01:24:22 เพื่อจะไม่มีการกระตุ้นอินซูลินออกมาออก
01:24:22 → 01:24:24 มาซ้ำเติมร่างกาย
01:24:24 → 01:24:27 เพราะฉะนั้นใครที่มีดอน pinominal แล้ว
01:24:27 → 01:24:30 กินอาหารมื้อแรกไม่ถูกยังมีกินครับกิน
01:24:30 → 01:24:34 ผลไม้กินขนมปังกินข้าวต้มกินโจ๊กอะไร
01:24:34 → 01:24:37 อย่างนี้นะอันนี้ยากนะยากเลยยากเย็นเลย
01:24:37 → 01:24:39 ที่จะแก้ไข
01:24:39 → 01:24:43 คุณต้องค่อนข้างเป็น very low cart นะ
01:24:43 → 01:24:45 หรือเป็นซีดีไดเอทไปเลยในมื้อแรกเน้น
01:24:45 → 01:24:51 โฟกัสแต่โปรตีนกับไขมันดีนะ
01:24:51 → 01:24:53 ที่แนะนำไว้
01:24:53 → 01:24:57 อันนี้จะเป็นข้อที่สำคัญมากที่สุดเราจะ
01:24:57 → 01:25:02 ไม่มาพุ่งอินซูลินให้มาผนวกหรือมาบวกกับ
01:25:02 → 01:25:06 อินซูลินจากภาวะดอนฟิโนมินอล
01:25:06 → 01:25:09 ไม่งั้นแล้วเนี่ยอินซูลินก็จะสูงลอยแล้ว
01:25:09 → 01:25:13 ก็ค้างเกือบตลอดทั้งวันคุณจะดื้อสุรินทร์
01:25:13 → 01:25:19 แบบโหดๆนะแล้วก็แก้ไขค่อนข้างยากโดยเฉพาะ
01:25:19 → 01:25:24 การดื้อของเซลล์ตับและกล้ามเนื้อ
01:25:24 → 01:25:27 อันนี้อย่าทำผิดพลาดอย่าทำไม่ถูกต้องนะ
01:25:27 → 01:25:32 เราอาจจะอ่านผลดูนะถ้าเราทำผิดเนี่ยตับก็
01:25:32 → 01:25:35 ดีกล้ามเนื้อก็ดีมันจะ Reverse ยากมากยาก
01:25:35 → 01:25:37 มากๆ
01:25:37 → 01:25:40 นะอาหารมื้อแรกสำคัญมากที่สุด
01:25:40 → 01:25:43 ต่อมาก็คือเรื่องของเนี่ยความเครียด
01:25:43 → 01:25:47 เรื่องของไอ้ตัว Add on วิธีการทางด้าน
01:25:47 → 01:25:50 สุขภาพต่างๆนะฮะ
01:25:50 → 01:25:53 การจัดสรรการนอนนะฮะนะอย่าให้มี
01:25:53 → 01:25:57 เซอร์เดียนเบรคนะฮะเออการออกกำลังกายการ
01:25:57 → 01:26:03 ทำการทำโปรรองฟ้าให้ดูให้เหมาะสมที่สุด
01:26:03 → 01:26:07 โดยเฉพาะคนที่ผมผอมน้ำหนักตัวน้อยๆหรือ
01:26:07 → 01:26:11 แม้แต่คนที่สัดส่วนสมดุลน่ะ
01:26:11 → 01:26:16 เพราะพวกนี้เราก็ต้องลดการกระตุ้น
01:26:16 → 01:26:20 เพราะว่าถ้าเกิดคอร์ติซอลเขาออกมาเยอะๆก็
01:26:20 → 01:26:23 เรียบร้อยเพราะว่าการสร้างน้ำตาลการ
01:26:23 → 01:26:27 กลูโคโน genesis เขามันไม่อยู่ในระดับ
01:26:27 → 01:26:31 Level ที่พอดีพอดีนะ
01:26:31 → 01:26:34 อีกอันนึงเนี่ยอันนี้ก็สำคัญนะคนยังไม่
01:26:34 → 01:26:38 ค่อยรู้ครับก็คือการเพิ่มสิ่งที่จำเป็น
01:26:38 → 01:26:42 กระตุ้นเซลล์นะให้เปิดรับให้เปิดประตูให้
01:26:42 → 01:26:46 เปิดกัดฟูในการที่อินซูลินเขาจะพาน้ำตาล
01:26:46 → 01:26:49 เข้าเซลล์
01:26:49 → 01:26:51 อันนี้มักจะเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่
01:26:51 → 01:26:56 อ้วนๆแต่คนผอมก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันใน
01:26:56 → 01:26:59 แง่บางคนผอมเนี่ยมันขาดสารอาหารเนี่ยเรา
01:26:59 → 01:27:01 ก็ต้องเติมอ่ะนะ
01:27:01 → 01:27:02 แล้วก็
01:27:02 → 01:27:06 หรือว่าด้วยมันไม่ลด
01:27:06 → 01:27:10 ขอให้เห็นความสำคัญของเรื่องการจ่ายไฟฟ้า
01:27:10 → 01:27:12 หลังดายฟาสแล้วก็ Water Fast ต่อด้วยน้ำ
01:27:12 → 01:27:14 อุ่น
01:27:14 → 01:27:22 ไม่ได้ทำทุกวันนะฮะ
01:27:22 → 01:27:26 ไม่กินอะไรเลยกินอากาศอย่างเดียว
01:27:26 → 01:27:34 นะครับ
01:27:34 → 01:27:37 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงพอเราไม่ได้ดายฟ้ากัน
01:27:37 → 01:27:39 เป็นสิบๆชั่วโมง
01:27:39 → 01:27:43 อ๋อ
01:27:43 → 01:27:46 ครับติ้งที่มีประโยชน์มากกว่า
01:27:46 → 01:27:49 ฝ่าชุ่มชุบรูปแบบสักกี่ชั่วโมงละ 2
01:27:49 → 01:27:53 ชั่วโมงจากตื่นแล้วก็ไม่ได้
01:27:53 → 01:27:56 คุณต้อง
01:27:56 → 01:28:15 ขี่ตรงเอ้ย
01:28:15 → 01:28:19 ในช่วงไม่เกิน 2 ชั่วโมง
01:28:19 → 01:28:21 ครับแต่ไฟล์คือไม่กินอะไรเลยไม่กินอะไร
01:28:21 → 01:28:25 เลยน้ำก็ไม่กินเออหายใจหายคอกินอากาศไป
01:28:25 → 01:28:29 ได้อย่างเดียว
01:28:29 → 01:28:32 เอาละมีน้ำอุ่นนะเกลือแร่ชนิดเกลือแร่ที่
01:28:32 → 01:28:35 สำคัญเนี่ยก็คือโพแทสเซียมแมกนีเซียม
01:28:35 → 01:28:39 โซเดียมอ่าแคลเซียมก็อาจจะสำคัญน้อยหน่อย
01:28:39 → 01:28:45 นะ
01:28:45 → 01:28:49 อาหารที่จะมีแร่ธาตุพวกนี้ก็มีอะไร
01:28:49 → 01:28:53 ก็มีพวกเกลือเกลือสีๆเกลือสีๆชมพู่เกลือ
01:28:53 → 01:28:57 ดำอะไรอย่างนี้ผักใบเขียวนะทั้งผักใบผัก
01:28:57 → 01:29:01 หัวถั่วเมล็ดแห้ง
01:29:01 → 01:29:05 แล้วก็เป็นออแกนิคนะธัญพืชท่านสามารถกิน
01:29:05 → 01:29:08 ครับเชิงซ้อนแป้งเชิงซ้อนได้ถั่วเปลือก
01:29:08 → 01:29:11 แข็ง
01:29:11 → 01:29:12 แล้วก็อาจจะเป็น
01:29:12 → 01:29:14 บนบอร์ด
01:29:14 → 01:29:21 ก็มีแมกนีเซียมเยอะ
01:29:21 → 01:29:25 วิตามินดีอยากจะให้ได้จากนิวทริลนะฮะ
01:29:25 → 01:29:27 เพราะนี่เป็นแหล่งวิตามินดีที่สมบูรณ์แบบ
01:29:27 → 01:29:30 นะแล้วก็เซลล์ต้องการมากที่สุดนะแล้ว
01:29:30 → 01:29:34 เซลล์มันได้แบบถึงๆมากที่สุดนะฮะ
01:29:35 → 01:29:38 เค้าเรียกว่าแอดออนเป็นอาหารในมื้อไหนก็
01:29:38 → 01:29:39 ได้
01:29:39 → 01:29:45 ช้อน 1 ถึง 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะช้อนชาโทษที
01:29:45 → 01:29:46 5-10 กรัม
01:29:46 → 01:29:50 เราจะได้ทั้งโปรตีนกับวิตามินดี
01:29:50 → 01:29:54 เราถือว่ายีสต์อันนี้เป็นศัพท์นะฮะเราถือ
01:29:54 → 01:29:55 ว่าเป็น
01:29:55 → 01:29:58 เป็นโปรตีนสัตว์แล้วก็เป็นวิตามินบีที่มา
01:29:58 → 01:30:00 จากสัตว์
01:30:00 → 01:30:03 ส่วนวิตามินซีก็ได้จากพืชผักนะแล้วก็
01:30:03 → 01:30:06 ผลไม้รสเปรี้ยวๆ
01:30:06 → 01:30:08 เพราะว่าสิ่งเหล่านี้นะซึ่งมันจะเป็น
01:30:08 → 01:30:13 วิตามินแร่ธาตุหรือว่าเป็นเป็นน้ำมันจะไป
01:30:13 → 01:30:15 ทำให้
01:30:15 → 01:30:20 ลดการกระตุ้นการบล็อกของตัวรับอินซูลิน
01:30:20 → 01:30:22 ที่เซลล์ต่างๆ
01:30:22 → 01:30:27 คือจะไม่เกิดการบล็อกตัวรับ receptor
01:30:27 → 01:30:30 ของอินซูลินที่จะมาจับแล้วก็พาน้ำตาลเข้า
01:30:30 → 01:30:34 สู่
01:30:34 → 01:30:52 อันนี้หมอก็สรุปไว้
01:30:52 → 01:31:06 [เพลง]
01:31:06 → 01:31:09 ทำให้เกิดภาวะอินซูลิน sensitivity หรือ
01:31:09 → 01:31:11 sensitive นะ
01:31:11 → 01:31:15 ถ้าขาดโพแทสเซียมอินซูลินจะเฉื่อยเหนื่อย
01:31:15 → 01:31:19 ไม่ว่องไวนะแล้วการดื้ออินซูลินจะลดยาก
01:31:19 → 01:31:23 ถ้าโพแทสเซียมไม่ถึงนี่ไม่พอโซเดียมก็
01:31:23 → 01:31:26 เกลือชมพูเกลือดำ
01:31:26 → 01:31:29 น้ำซุปต้มกระดูกก็มีโพแทสเซียมแมกนีเซียม
01:31:29 → 01:31:33 มีที่ Channel ยีสต์วิตามินบีพวกผงผักที่
01:31:33 → 01:31:38 ผ่านการ dry feed
01:31:38 → 01:31:42 พวกนี้ตระกูลกะหล่ำคะน้าที่เขามาทำนะอาจ
01:31:42 → 01:31:47 จะผสมเข้าไปในไอ้พวกอะไรก็ได้น้ำชงน้ำซุป
01:31:47 → 01:31:52 ต้มกระดูกอะไรอย่างนี้ก็ได้
01:31:52 → 01:31:55 โพแทสเซียมแมกนีเซียมโครเมียมวิตามินบี
01:31:55 → 01:31:59 วิตามินซีแล้วก็อีกตัวนึงคือวิตามินดี Dog
01:31:59 → 01:32:03 ครับอันนี้สำคัญมากต่อเอ่ออินซูลิน
01:32:03 → 01:32:05 sensitivity
01:32:05 → 01:32:10 ซึ่งก็จะทำให้ปรากฏการณ์ดีขึ้น
01:32:10 → 01:32:14 ก็ต้องลองดู
01:32:15 → 01:32:18 เซียมมาจากอะไรบ้างนะอันนี้ลองไปอ่านดู
01:32:18 → 01:32:21 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกพืชผักนะไม่ใช่จาก
01:32:21 → 01:32:25 ผลไม้นะฮะไม่ใช่จากผลไม้
01:32:25 → 01:32:27 ทั้งโปแตสเซียมแมกนีเซียม
01:32:27 → 01:32:32 เราเน้นที่พืชผักนะพืชผัก
01:32:32 → 01:32:35 เราไม่เอาจากผลไม้เด็ดขาดเพราะถ้าคุณเอา
01:32:35 → 01:32:39 ผลไม้มาผลไม้มีทั้งฟรุกโตสซึ่งก็ไม่ดี
01:32:39 → 01:32:43 อยู่แล้วแล้วก็มีอะไรกลูโคสนะแล้วกูโคตร
01:32:43 → 01:32:47 เนี่ยมันจะพาอินซูลินมาด้วยแล้วอินซูลิน
01:32:47 → 01:32:50 เขาก็จะมาบอกว่าเฮ้ยโปแตสเซียมวิตามินดี
01:32:50 → 01:33:01 วิตามินซีที่ละลายน้ำรอก่อนรอก่อนอ่า
01:33:01 → 01:33:06 ๆเออมันไม่ได้
01:33:06 → 01:33:09 ซึ่งจริงๆเนี่ยในการกินแบบ low cap High
01:33:09 → 01:33:10 Fat เนี่ยนะฮะ
01:33:10 → 01:33:13 นะไอ้ตัวโปรเซียมเนี่ยเราก็จะได้จากอาหาร
01:33:13 → 01:33:16 คงรูปต่างๆ
01:33:16 → 01:33:18 ที่เรากินอย่างถูกต้องนะไม่ว่าจะเป็นกราฟ
01:33:18 → 01:33:21 ไขมันคงลูกโปรตีน
01:33:21 → 01:33:26 นะรวมทั้งสารอาหารที่จะมาแอดออนในในชีวิต
01:33:26 → 01:33:28 ประจำวันน่ะเช่นมีการกินน้ำซุปต้มกระดูก
01:33:28 → 01:33:32 อ่ามีการกินน้ำส้มสายชูหมักมะพร้าวหมัก
01:33:32 → 01:33:37 แอปเปิ้ลมีการผัดผงใดซี๊ดมีการกินผักดอง
01:33:37 → 01:33:41 ถั่วดาวหรือบางคนกินชาสมุนไพรกินโกโก้ดิบ
01:33:41 → 01:33:43 อะไรอย่างเงี้ย
01:33:43 → 01:33:47 หรือเนยโกโก้หรือกาแฟดีครับ
01:33:47 → 01:33:51 พวกนี้ก็มีสารอาหารมีสารพฤกษาเคมีวิตามิน
01:33:51 → 01:33:53 แร่ธาตุเพียบ
01:33:53 → 01:33:54 [เพลง]
01:33:54 → 01:33:57 ก็อาจจะไม่จำเป็นถึงขนาดต้องไปกินอาหาร
01:33:57 → 01:34:00 เสริมแต่ก็ไม่ขาดเยอะๆเราก็ประเมินดูอ่ะ
01:34:00 → 01:34:07 นะก็กินอาหารเสริมช่วงแรกก็ได้ตามฐานะนะ
01:34:07 → 01:34:13 มีเงินก็ซื้อมากินช่วยๆกันไปเยี่ยม
01:34:13 → 01:34:16 นะเนี่ยมันก็มีอยู่หลากหลายทั้งพืชทั้ง
01:34:16 → 01:34:19 สัตว์นะแต่ในพืชส่วนใหญ่จะเยอะในเมล็ด
01:34:19 → 01:34:21 กัญชา
01:34:21 → 01:34:25 แล้วก็มีเมล็ดฟักทองแต่เมล็ดฟักทองเนี่ย
01:34:25 → 01:34:27 มันจะได้โอเมก้า 6 ด้วย
01:34:27 → 01:34:31 นะเมล็ดกัญชงก็มีโอเมก้า 3
01:34:31 → 01:34:34 แล้วก็มีหมู่ฝ้ามีตัวเชิงเดี่ยว
01:34:34 → 01:34:38 ถ้าผักที่เราจะกินได้ก็คือผักโขม
01:34:38 → 01:34:41 ผักโขมเอามาทอดไข่
01:34:41 → 01:34:47 ใส่เนยใสใส่เกียร์นะฮะอืออร่อย
01:34:47 → 01:34:50 ผมกิน 5 คนนั้นทำอะไรผมไม่ได้แล้วตอน
01:34:50 → 01:34:53 เนี้ยใส่มะระนิดหน่อย
01:34:53 → 01:34:57 ว่า 50 บาท
01:34:57 → 01:35:00 แต่ไม่รู้หิมะอันนี้ก็ไม่ค่อยแนะนำ
01:35:00 → 01:35:04 อัลมอนด์ก็พอสลับได้บ้าง Dark Chocolate
01:35:04 → 01:35:07 นี่โอเคนะฮะได้เลย
01:35:07 → 01:35:10 ต้องเลือกที่ไม่มีน้ำตาลไม่มีนมนะ
01:35:10 → 01:35:20 แมคคาเดเมียนะปลาแซลมอนอะโวคาโด
01:35:20 → 01:35:25 ถ้าคนที่กินแบบอะไรค่อนข้างมาทางซีดี kcd
01:35:25 → 01:35:28 ไอ้พวกนั้นก็อยู่ๆในอะไร
01:35:28 → 01:35:32 ตายแองโชวี่ปลากระป๋องปลาทูน่า
01:35:32 → 01:35:47 ไก่งวงอกไก่อกไก่ก็นะ
01:35:47 → 01:35:50 เมื่อวานนี้นะ
01:35:50 → 01:35:52 เคส
01:35:52 → 01:35:57 ที่ว่าอายุ 32 กิโลครับไม่กินกาแฟกิน
01:35:57 → 01:36:01 ผลไม้นิดหน่อยไม่กินระหว่างมื้อ
01:36:01 → 01:36:04 เขากินอะโวคาโดกินน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ
01:36:04 → 01:36:06 นะ
01:36:06 → 01:36:09 แล้วก็เน้นการทำอาหารด้วยน้ำมันหมูกิน 3
01:36:09 → 01:36:12 มื้อเพราะว่ายังให้นมลูกให้ลูกกินนมแม่
01:36:12 → 01:36:17 อยู่มีการกินน้ำขิงน้ำขิงคือคาร์ฟนะฮะ
01:36:17 → 01:36:23 นะครับจากน้ำขิงนี่เยอะเยอะอยู่นะ
01:36:23 → 01:36:26 กินน้ำขิงเกือบทุกวันนะอาหารเสริมที่กิน
01:36:26 → 01:36:29 ก็มีโปรไบโอติกวิตามินซีน้ำมันปลา
01:36:29 → 01:36:34 แคลเซียมแมกนีเซียม K2 วิตามินรวมครับ
01:36:34 → 01:36:38 หลังจากปรับมาทาน low carp นะ
01:36:38 → 01:36:42 งดผลไม้เกือบทุกชนิดต้องใช้คำนี้
01:36:42 → 01:36:44 อาการภูมิแพ้ที่เป็นมา 20 กว่าปีหายเกือบ
01:36:44 → 01:36:48 100% ไม่เป็นหวัดง่ายไม่คันตามร่างกาย
01:36:48 → 01:36:53 แล้วและไม่หิวบ่อยไม่มีปัญหาสุขภาพใดๆอ่า
01:36:53 → 01:36:58 ปัจจุบันน้ำหนัก 47 สูง 160 น้อง 60
01:36:58 → 01:37:10 เนี่ยน้ำหนักคาดการณ์ก็ 505
01:37:10 → 01:37:14 ก็น่าจะเป็นถ้าเกิดมีภูมิแพ้ด้วยก็น่าจะ
01:37:14 → 01:37:14 เป็นพวก
01:37:14 → 01:37:20 River type นะ
01:37:20 → 01:37:25 คนนี้น้ำตาล 76 ก็คือคนนี้หมอเคยบอกไป
01:37:25 → 01:37:32 แล้วว่าเขาเป็นคีโต
01:37:32 → 01:37:40 สูงกว่า
01:37:40 → 01:37:43 แล้วไตรกลีเซอไรด์มันจะไม่เกิน 88
01:37:43 → 01:37:45 มิลลิกรัม
01:37:45 → 01:37:47 คนนี้ไตรกลีเซอไรด์ก็ค่อนข้างไปทางต่ำ
01:37:48 → 01:37:48 หน่อย
01:37:48 → 01:37:53 29 เอง 29 ต่ำกว่า 40
01:37:53 → 01:37:57 ต่ำกว่า 40 ถือว่าต่ำ
01:37:57 → 01:38:09 ส่วนอย่างอื่นเนี่ยค่าไตค่าไตก็คือ
01:38:09 → 01:38:13 จะเห็นว่าอัตราการเผาผลาญเขาดี
01:38:13 → 01:38:16 อาจจะตัวเล็กด้วยอ่ะนะแต่น่าจะมีการออก
01:38:16 → 01:38:19 แรงออกกำลังหรือว่าน่าจะแบบร่างกาย
01:38:19 → 01:38:21 เคลื่อนไหวอยู่ไม่สุขอ่ะถึงแม้จะเป็นตัว
01:38:21 → 01:38:24 เล็กเพราะว่าให้ลูกกินนมแม่
01:38:24 → 01:38:26 เลี้ยงลูกนี่เหนื่อย
01:38:26 → 01:38:33 ท้าแกยังไม่มีลูกแกมีลูกแล้วจะรู้สึก
01:38:33 → 01:38:36 หลายคนหลายคนก็บอกอย่างนี้เลย
01:38:36 → 01:38:37 [เพลง]
01:38:37 → 01:38:41 คือในทางเอ่อคีโตโร่ครับหรือทางอ่าเรื่อง
01:38:41 → 01:38:43 เมทริกซ์มาร์คเกอร์นะฮะนะ
01:38:43 → 01:38:47 เราถือค่า uric ที่จะต้องต่ำกว่า 5.5 ถ้า
01:38:47 → 01:38:51 เกิน 5.5 เนี่ยเราถือว่าระดับการเผาผลาญ
01:38:51 → 01:38:52 ร่างกาย
01:38:52 → 01:38:56 โตโต้มิสเตอร์บีนเกรดเนี่ยมันลดลงมันลดลง
01:38:56 → 01:39:07 คนนี้ก็ถือว่าไม่ลดนะฮะเพราะว่าเขา 4.9
01:39:07 → 01:39:11 ตับสะอาดนะแล้วแกมม่า GT เนี่ยหมอลืมมาลง
01:39:11 → 01:39:17 แกมม่า GT เนี่ยก็ 9 เองนะครับแจ่มม่า GT
01:39:17 → 01:39:20 ค่าปกติมันจะอยู่ในช่วงประมาณเท่าไหร่
01:39:20 → 01:39:27 ประมาณไม่เกินไม่เกิน 42 หรืออะไรเนี่ย
01:39:27 → 01:39:31 ก็เกือบต่ำ 10 แกรมม่า GT ต่ำกว่า 10
01:39:31 → 01:39:32 ก้าว
01:39:32 → 01:39:41 นะอันนี้ตับเขาดีเลิศประเสริฐศรีเลยนะ
01:39:41 → 01:39:44 Festival จนกระทั่งมีสารคีโตนออกมาเยอะๆ
01:39:44 → 01:39:47 นะ
01:39:47 → 01:39:52 อัตราส่วนเกิน 1 ไปตั้งเยอะนะฮะ
01:39:52 → 01:39:55 แล้วก็รูปแบบของอะไรปิดโปรไฟล์
01:39:55 → 01:39:58 ในลักษณะนี้ก็เป็นลักษณะของคีโต
01:39:58 → 01:40:01 เนี่ยร่างกายมันจะไม่ได้สร้างเรือที่จะ
01:40:01 → 01:40:07 ต้องมาแครี่ไตรกลีเซอไรด์มากมายเลยนะ
01:40:07 → 01:40:09 คุณหมอมีตัวอะไรบ่งชี้บ้างครับจากค่า
01:40:09 → 01:40:13 เลือดตรงนี้ครับที่ๆ
01:40:14 → 01:40:18 เราต้องดูโดยรวมนะ
01:40:18 → 01:40:22 แต่ Picture ของ lybrid Profile เนี่ยนะ
01:40:22 → 01:40:26 ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเกิด
01:40:26 → 01:40:30 โปรไฟล์จะอยู่ในเกณฑ์ปกติของค่าที่ยึดถือ
01:40:30 → 01:40:33 กันในห้องแลปก็คือโตโต้คอเลสเตอรอลไม่
01:40:33 → 01:40:37 เกิน 200 นะแล้วก็ ldl เนี่ย ldl ส่วน
01:40:37 → 01:40:40 ใหญ่ส่วนใหญ่ก็คือไม่เกินร้อย
01:40:40 → 01:40:42 ไม่เกินร้อย
01:40:42 → 01:40:47 แล้วก็ไตรกลีเซอไรด์ก็ไม่เกิน 88
01:40:47 → 01:40:59 ส่วน hdl ก็ไม่เกินร้อย
01:40:59 → 01:41:02 แบบที่หมอบอกเมื่อวานนี้เพียงแต่ว่าหมอ
01:41:02 → 01:41:04 สงสัยในเรื่องไตรกลีเซอไรด์ที่มันต่ำกว่า
01:41:04 → 01:41:07 40 เป็นไปหน่อย
01:41:07 → 01:41:10 แต่ค่าเนี่ยมันเป็นค่าที่มันไม่คงที่อ่ะ
01:41:10 → 01:41:13 นะเจาะวันนี้เป็นอย่างนี้เจาะวันพรุ่งนี้
01:41:13 → 01:41:18 มันอาจจะกระโดดขึ้นไปถึง 60
01:41:18 → 01:41:20 ก็เป็นไปได้ต้องดูที่พี่ป๋อเราต้องดูรวมๆ
01:41:20 → 01:41:23 หลายๆครั้งนะฮะประกอบกัน
01:41:23 → 01:41:30 หมดเลยถึงได้กล้าฟันธงว่าคุณน่ะเสร็จแล้ว
01:41:30 → 01:41:32 เพราะว่า
01:41:32 → 01:41:36 สิ่งต่างๆมันเกินโลกครับแต่แอดไปแล้ว
01:41:36 → 01:41:39 มันก็ไม่เกิน 84
01:41:39 → 01:41:43 ทุกอย่างค่าทุกอย่างมันบอกได้หมดเลยเพียง
01:41:43 → 01:41:45 แต่ว่าเรื่อง creatinine เนี่ยคิดว่า
01:41:45 → 01:41:47 Muscle Mass มันน้อยไปหน่อย
01:41:47 → 01:41:50 นะพวกที่กล้ามเนื้อพอเพียงส่วนใหญ่มักจะ
01:41:50 → 01:41:53 เกิน 0.7
01:41:53 → 01:41:57 แล้วทำไมคน Fat adap บางคนถึง
01:41:57 → 01:42:07 ข้ามมาเป็นคีโตระดับไม่ได้ครับ
01:42:07 → 01:42:11 มันก็ติดตรงอินซูลินกับคอติซอล
01:42:11 → 01:42:19 ให้ 2 ตัวนี้อีกแล้ว
01:42:19 → 01:42:22 ก็คือคือติดเรื่องอะไรที่มันแสงๆมาใน
01:42:22 → 01:42:25 อาหาร
01:42:25 → 01:42:28 มันไม่ต่ำจริงเลยมันไม่ต่ำจริงคือ
01:42:28 → 01:42:29 อินซูลินเนี่ย
01:42:29 → 01:42:33 มันก็ต้องดูเฟสวันเฟสทรูอ่ะนะอย่างเช่น
01:42:33 → 01:42:36 ที่เราเคยดูเคสไปนะครับว่าเขากินโปรตีน
01:42:36 → 01:42:39 เยอะนะแล้วก็ไขมันอาจจะไม่ถูกต้อง
01:42:39 → 01:42:44 มีปัญหาเรื่องของอินซูลินเศษ 2 นะ
01:42:44 → 01:42:47 ซึ่งชุดเจาะน้ำตาลหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
01:42:47 → 01:42:51 เนี่ยมันก็ดี๊ดี 100 ต้นๆ 100 ต้นๆนะ
01:42:51 → 01:42:54 แล้วก็มีเคสที่คุณหมอก็เคยเอามาเนี่ยว่า
01:42:54 → 01:42:57 พอไปเจาะน้ำตาลตอนหลังอาหาร 4 ชั่วโมง
01:42:57 → 01:43:01 เนี่ยมันก็กระโดดขึ้นไป 160 100 อะไร
01:43:01 → 01:43:06 ขึ้นทำไมเขาจอดน้ำตาลนานๆกว่า 2 ชั่วโมง
01:43:06 → 01:43:09 ไปแล้วมันเป็นอย่างนี้
01:43:09 → 01:43:11 มันก็เป็นเรื่องเนี่ยเรื่องของเรื่องของ
01:43:11 → 01:43:14 what to eat เรื่องของการแสงเร้นของ
01:43:14 → 01:43:17 ตัวอินซูลินกับคอติซอล
01:43:17 → 01:43:20 นะที่มากับอาหารหรือมากับพฤติกรรมไม่ว่า
01:43:20 → 01:43:26 จะเป็นเอ่อ
01:43:26 → 01:43:27 ครับ
01:43:27 → 01:43:29 อินซูลินก็มีต่อเทรดนะ
01:43:29 → 01:43:32 ก็มาจังหวะของเขานะ
01:43:32 → 01:43:35 [เพลง]
01:43:35 → 01:43:39 บางทีเราก็อาจจะไม่ต้องไปดูถึงว่าคีโต
01:43:39 → 01:43:43 ได้เนี่ยมันก็น้อยคนแหละแต่มันก็ดีเลิศ
01:43:43 → 01:43:47 ประเสริฐศรีอ่ะแต่ถ้าคุณแค่ Fat เนี่ยมัน
01:43:47 → 01:43:49 ก็อู้ยดีแสนดีแล้ว
01:43:49 → 01:43:53 เพราะว่าฝากคุณจะหลุดจากไอ้ดื้ออินซูลิน
01:43:53 → 01:43:56 ดื้อคอติซอลได้เนี่ยมันไม่ง่ายเนาะ
01:43:56 → 01:43:57 [เพลง]
01:43:57 → 01:44:00 ฮอร์โมนตัวพ่อตัวแม่เนี่ยเวลาเข้ามาจอง
01:44:00 → 01:44:01 อยู่เนี่ย
01:44:01 → 01:44:06 มันถึงได้ป่วยกันเยอะไปหมดเลย
01:44:06 → 01:44:10 แต่มันก็น้อยคนน่ะนะฮะที่จะคีย์ตัว adapt
01:44:10 → 01:44:14 Fat อะแดปได้ง่ายๆนะหรือได้มาแบบไม่รู้
01:44:14 → 01:44:20 ตัวแต่มันอธิบายไม่ได้เหมือนเคสนี้ใช่ๆๆ
01:44:20 → 01:44:24 มันดีเลิศไปหมดเลยมันยากแล้วคุณหมอเพราะ
01:44:24 → 01:44:27 ว่าเราถูกล้อมไว้หมดไงผมพูดอยู่เราถูก
01:44:27 → 01:44:31 ล้อมไว้ด้วยครับแล้วก็รีไฟล์ Free Fire
01:44:31 → 01:44:33 Craft ทั้งนั้นเลย
01:44:33 → 01:44:35 เนี่ยแล้วคนเนี่ยเขาก็ไม่เคยเข้ามาฟังหมอ
01:44:35 → 01:44:38 เขาก็ไม่เคยรู้หลักเกณฑ์หลักการอะไรต่างๆ
01:44:38 → 01:44:40 เนี่ยเขาก็พิจารณามาเนี่ย
01:44:40 → 01:44:43 นะหลุดหลุดมาได้ยังไง
01:44:43 → 01:44:45 แต่เขาก็เป็นไม่ได้มันเป็นบุญน่ะเป็นบุญ
01:44:45 → 01:44:49 เออแต่ระบบการเผาผลาญของเขานี่ชาตินี้
01:44:49 → 01:44:53 นะก็โอเคเลยอ่ะนะฮะแล้ว esr ด้วยการ
01:44:53 → 01:44:56 อักเสบเห็นมั้ย 10 เองอ่ะฮะ 10 10 สุด
01:44:56 → 01:44:57 ยอดมากเลยนะ
01:44:57 → 01:45:00 ก็จะยิ่งต่ำกว่า
01:45:00 → 01:45:03 นั้น
01:45:03 → 01:45:06 เอาไว้คราวหน้าถ้าไม่ลืมนะหมอจะมาไลค์คือ
01:45:06 → 01:45:09 บ่ได้ Paper มาอันนึงในต่างประเทศเนี่ย
01:45:09 → 01:45:12 เขาพูดถึงว่าตอนนี้มันมีใครทีเดียวที่จะ
01:45:12 → 01:45:13 ดูว่าคนเรา
01:45:13 → 01:45:18 อินซูลิน resistance ชัวร์ๆนะแล้วจะมีผล
01:45:18 → 01:45:20 ไม่ดีมี highlis เกิดขึ้น
01:45:20 → 01:45:23 จากอะไรบ้างมันจะมีแล็บอยู่ประมาณ 4-5
01:45:23 → 01:45:24 ตัว
01:45:24 → 01:45:28 หมอประทับใจมากเลยมันเป็นข้อมูลที่ดีๆอ่ะ
01:45:28 → 01:45:31 นะ
01:45:31 → 01:45:34 เดี๋ยวจะมาเขียนเป็นตัวโตๆให้พวกเราฟัง
01:45:34 → 01:45:37 ยอดไว้ก่อนให้ติดตามนะ
01:45:37 → 01:45:42 [เสียงหัวเราะ]
01:45:42 → 01:45:45 สันนิษฐานว่าเป็นคีโต adapt แล้ว
01:45:45 → 01:45:49 จะให้ทำอะไรต่อใช่ไหมที่เขาบอกเนี่ยคือ
01:45:49 → 01:45:52 มันต้องดูประกอบกันเนี่ยๆเห็นไหมภูมิแพ้
01:45:52 → 01:45:56 อะไรต่างๆก็หายไปหมดเลยคันเกินก็ไม่มีไม่
01:45:57 → 01:46:00 เป็นหวัดง่ายๆไม่หิวบ่อยๆไม่หิวบ่อยๆ
01:46:00 → 01:46:02 เพราะอะไร
01:46:02 → 01:46:04 เพราะว่าคีโตอยู่เนี่ย
01:46:04 → 01:46:07 นะอ๋อครับ
01:46:07 → 01:46:11 มีคีโตนออกมาเนี่ยแล้วคุณบอกว่าไม่หิว
01:46:11 → 01:46:14 บ่อยๆเนี่ยแต่ก็อย่าลืมนะครับว่าว่าว่า
01:46:14 → 01:46:18 มันอิ่มทิพย์อ่ะมันอิ่มที่จนลืมการกินลืม
01:46:18 → 01:46:19 ลืมกินจริง
01:46:20 → 01:46:24 คำว่าหิวไม่หิวบ่อยเนี่ยมันคือตอบการตอบ
01:46:24 → 01:46:28 สนองทางด้านกายละเอียดนะฮะทางด้าน fontal
01:46:28 → 01:46:30 cortex ทางด้านสมองส่วนหน้า
01:46:30 → 01:46:33 ส่วนกายหยาบเนี่ยคุณจะมาบอกอย่างนี้ไม่
01:46:33 → 01:46:34 ได้นะ
01:46:34 → 01:46:37 เพราะในกายหยาบเนี่ยเขาต้องการสารอาหาร
01:46:37 → 01:46:41 ส่วนกายละเอียดเนี่ยเขาแค่ต้องการพลังงาน
01:46:41 → 01:46:43 เขาอยู่ได้เพราะพลังงานถ้าพลังงานก็ถึง
01:46:43 → 01:46:45 โดยเฉพาะคีโตนซึ่งเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
01:46:45 → 01:46:49 มากแล้วมันเสถียรตัวมากนะเขาก็บอกไม่หิว
01:46:49 → 01:46:52 ไม่หิวไม่กินเอาไว้ก่อนเอาไว้ก่อน
01:46:52 → 01:46:56 ขอสนุกกับการโปรรองฟาสยาวๆไปก่อน
01:46:57 → 01:47:00 แต่คุณรู้ไหมร้องนั่งร้องไห้น้ำตาก็คือ
01:47:00 → 01:47:06 กายหยาบกายเนื้อเออคนเราไม่มีต้องมีการ
01:47:06 → 01:47:11 พิจารณาไป 2 ช่องทางแบบนี้
01:47:11 → 01:47:12 นะ
01:47:12 → 01:47:13 เออ
01:47:13 → 01:47:15 จริงๆนะ
01:47:15 → 01:47:18 เคยบอกว่าใครยังไม่เคยเข้าใจว่าไอ้อาการ
01:47:18 → 01:47:21 ไม่หิวไม่หิวเนี่ยต้องลองกินน้ำมันสกัด
01:47:21 → 01:47:24 เย็นจริงนะครับคุณหมอเออแต่เข้าใจเลยว่า
01:47:24 → 01:47:27 เวลาเวลามันที่มันอิ่มคลิปแบบพี่หมอบอก
01:47:27 → 01:47:29 อ่ะ
01:47:29 → 01:47:32 ต้องมาบังคับตัวเองให้กินนะ
01:47:32 → 01:47:34 แล้วเนี่ยส่วนนึงเนี่ยหมอก็กลัวว่าเคส
01:47:34 → 01:47:37 เนี่ยนะฮะเขาอายุ 32 ให้นมลูกอยู่ใช่ไหม
01:47:37 → 01:47:41 นะแล้วก็บอกว่าน้ำหนักสูง 160 น่ะ 407
01:47:41 → 01:47:46 เนี่ยแล้วบอกว่าไม่หิวบ่อยๆนะ
01:47:46 → 01:47:48 อันนี้บางทีมันก็ไม่ได้อันนี้คุณต้องเติม
01:47:48 → 01:47:51 แล้วต้องเติมอาหารเติมคุ้มเติมครับแล้วก็
01:47:51 → 01:47:54 ต้องออกจากคีโตน
01:47:54 → 01:47:58 ด้วยด้วยนะคือทุกอย่างมันต้องพอดีคุณจะ
01:47:58 → 01:48:01 คีย์ตัวสี 24 ชั่วโมงนี่คุณจะป่วยนะ
01:48:01 → 01:48:05 มึงจะป่วยไม่ได้ร่างกายมันต้องเม็ดไม่เคย
01:48:05 → 01:48:10 เป็นถึงเวลาต้องกินเออใช้คราฟได้ใช้ไขมัน
01:48:10 → 01:48:11 ได้
01:48:11 → 01:48:24 เพราะต้องมามาแบ่งมาแบ่งโซนนะ
01:48:24 → 01:48:28 สารอาหารขาดพลังงานขาดนะน้ำหนักอ่ะน้ำ
01:48:28 → 01:48:31 หนักมันยังไม่ได้อ่ะน้ำหนักไม่โอเคนะเออ
01:48:31 → 01:48:33 อย่างน้อยน่ะต้องซัก 50 อ่ะยิ่งให้นมลูก
01:48:33 → 01:48:37 ด้วยอย่างเงี้ย 50-50 เลยนะ
01:48:37 → 01:48:40 เออ
01:48:40 → 01:48:42 ใช่ครับ
01:48:42 → 01:48:44 แล้วก็เคสนี้เป็นพุงตับเพราะอะไรครับ
01:48:44 → 01:48:47 เพราะว่าเนี่ยเขาบอกว่าเกือบงดผลไม้ทุก
01:48:47 → 01:48:48 ชนิด
01:48:48 → 01:48:49 นะ
01:48:49 → 01:48:52 คนนี้ก็คือภูมิตับเนี่ยมันชอบหวานชอบ
01:48:52 → 01:48:57 ผลไม้แต่มันจะดื้อ
01:48:57 → 01:49:02 เพราะฉะนั้นเขาจะเขาเรียกว่าอะไร
01:49:02 → 01:49:04 Food Lover Food Lover พวกนี้บ้า
01:49:04 → 01:49:11 คลั่งกินผลไม้
01:49:11 → 01:49:17 ส่วนไทรอยด์นี่ก็สตาร์ท Lover
01:49:17 → 01:49:21 แล้วก็ส่วนอะไรข้อที่เท่าเด่น
01:49:21 → 01:49:23 อะไรนะ
01:49:23 → 01:49:37 เอสโตรเจนเด่นใช่ไหมฮะ
01:49:37 → 01:49:39 แต่ก็ไม่ได้
01:49:39 → 01:49:40 [เพลง]
01:49:40 → 01:49:46 แค่นี้ก็ดีนะ
01:49:46 → 01:49:49 ถ้าเราดูออกอ่ะถ้าเราดูออก
01:49:49 → 01:49:51 การอักเสบไม่มีเลยนะ
01:49:51 → 01:49:59 เออ
01:49:59 → 01:50:00 หมดแล้ว
01:50:00 → 01:50:02 นะโอเค
01:50:02 → 01:50:05 ก็หมอก็หวังว่าทั้งอินซูลินเขาคอยเนี่ย
01:50:05 → 01:50:09 น่าจะพอเป็นข้อมูลที่ใครที่อยากจะรู้เชิง
01:50:09 → 01:50:12 ลึกแล้วก็เอาไปอธิบายอะไรต่างๆโดยเฉพาะ
01:50:12 → 01:50:15 อย่างเช่นตัวอย่างเคสหลังเนี่ยที่เราคุย
01:50:15 → 01:50:19 กันเนี่ยนะฮะนะ
01:50:19 → 01:50:23 อันนี้เป็นขั้นของคีโต
01:50:23 → 01:50:27 ถ้าถามว่าทำไมบางคนที่ว่า Fat adapt แต่
01:50:27 → 01:50:33 ไม่ยอมคีโตใช่ครับมันน้อยไง
01:50:33 → 01:50:36 แต่ส่วนใหญ่คนอยู่ในเรื่องของ Fat adap
01:50:36 → 01:50:37 กลายเป็นส่วนใหญ่สำหรับการเป็น fat
01:50:37 → 01:50:39 burner
01:50:39 → 01:50:41 เพราะว่าเงื่อนไขที่คุณจะคีย์ตัวแอปเนี่ย
01:50:42 → 01:50:44 อันดับ 1 เลยเนี่ยก็คือ
01:50:44 → 01:50:47 ก็คืออินซูลินจะต้องต่ำ
01:50:47 → 01:50:48 แต่ไม่
01:50:48 → 01:50:52 แต่ต่ำแต่ยัง Active อยู่คือต่ำแต่ไม่ได้
01:50:52 → 01:50:55 ฟังก์ชัน
01:50:55 → 01:50:58 สำคัญที่สุดนะครับ
01:50:58 → 01:51:03 แล้วก็คุณจะต้องได้พลังงานที่เสถียร
01:51:03 → 01:51:07 พร้อมกับมียาเข้าไปด้วยก็คือการได้น้ำมัน
01:51:07 → 01:51:09 สกัดเย็น
01:51:09 → 01:51:14 ไปให้ในตัวคนเดียวทั้งใช้เป็นเผาผลาญเป็น
01:51:14 → 01:51:17 พลังงานแล้วก็ซ่อมซ่อมตัวมันเองไปในตัว
01:51:17 → 01:51:22 จากการใช้ตัวยาสารพฤกษศาสตร์เคมีพวกนี้
01:51:22 → 01:51:25 แล้วคุณก็จะต้องมีการปั๊มออกซิเจนนะเข้า
01:51:25 → 01:51:28 เซลล์เข้าไมโครคอน
01:51:29 → 01:51:33 ค่อนข้างดีค่อนข้างดีคือไม่ไม่ให้
01:51:33 → 01:51:37 พร็อกซีเมียไม่มีภาวะแบบขาดออกซิเจนซึ่ง
01:51:37 → 01:51:40 คุณเบื้องต้นอาศัยในเรื่องของการออกแรง
01:51:40 → 01:51:43 ออกกำลัง
01:51:43 → 01:51:45 เพราะว่าหลักการของ
01:51:45 → 01:51:49 ไมโตคอนเดียวรีเจน
01:51:49 → 01:51:52 ก็คือ
01:51:52 → 01:51:55 ก็คือการได้พลังงานที่เสถียร
01:51:55 → 01:51:59 จากไขมันหรือน้ำมันสกัดเย็นที่ดี
01:51:59 → 01:52:03 อันที่ 2 ก็คือการทำฟาสติ้ง
01:52:03 → 01:52:09 ให้เกิดอะไรในตัวคนเดียวออโต้ฟี่
01:52:09 → 01:52:18 มันจะต้องไปอยู่ที่จุดไหนถึงจะดีที่สุด
01:52:18 → 01:52:23 เข้าไปด้วยวิธีการ Exercise
01:52:23 → 01:52:25 ก็มีหลักการ 3 ข้อ
01:52:25 → 01:52:28 ถ้าคุณได้แนวทางเหล่านี้นะ
01:52:28 → 01:52:31 เออระบบเตาเผาพลังงานหรือนายตัวคนเดียว
01:52:31 → 01:52:35 คุณก็จะมีประสิทธิภาพและมันก็จะมากมากมาก
01:52:35 → 01:52:41 ทั้งที่ตามตับอ่อนกล้ามเนื้อแล้วก็เซลล์
01:52:41 → 01:52:47 ทั่วร่างกายสมอง
01:52:47 → 01:52:51 วันนี้ก็ต้องศึกษากันไป
01:52:51 → 01:52:55 ครับพี่หมอหวังว่าคงไม่น่าเบื่อนะ
01:52:55 → 01:53:00 กับองค์ความรู้นะมันอาจจะดูยากแต่ก็ต้อง
01:53:00 → 01:53:06 ค่อยๆทบทวนดูแล้วกันนะถ้าใครอยากรู้
01:53:06 → 01:53:08 ขอบคุณพี่หมอมากเลยนะครับ
01:53:08 → 01:53:15 ต่อไปครับขอบคุณ
01:53:15 → 01:53:37 [เพลง]