00:00:00 → 00:00:02 อืมงั้นก็แสดงว่าที่เราเข้าใจกันมาตลอด
00:00:02 → 00:00:04 หรือว่าคนทั่วไปคิดว่าการเลี้ยงไก่มีการ
00:00:04 → 00:00:06 ฉีดฮอร์โมนก็คือไม่เป็นความจริงเดี๋ยวนี้
00:00:06 → 00:00:09 ไม่มีแล้วค่ะแล้วการที่ไก่มันโตเร็วขึ้น
00:00:09 → 00:00:11 กว่าสมัยก่อนเนี่ยครับมันส่งผลอะไรต่อ
00:00:11 → 00:00:14 เนื้อไก่ที่เรารับประทานมยครับเป็นปัญหา
00:00:14 → 00:00:17 ใหญ่มากที่ 10 ปีแล้วยังแก้ไม่ได้ใน
00:00:17 → 00:00:20 อุตสาหกรรมไก่ถ้าเกิดเอาไก่ดิบมาแล้วก็
00:00:20 → 00:00:23 เฉือนนะแล้วพอเปิดเขาออกอ่ะตัวเส้นใย
00:00:23 → 00:00:25 กล้ามเนื้อไก่มันจะไม่ติดกันมันจะหลุดออก
00:00:25 → 00:00:27 มาเป็นเส้นๆเหมือนสปาเกตตี้เลยไก่ที่ตัว
00:00:27 → 00:00:30 เล็กกว่าเพื่อนอร่อยกว่าอ้าเหรอวิธีการ
00:00:30 → 00:00:33 ถ้าเกิดว่าคุณกินเยอะๆพร้อมๆกันน่ะแทนที่
00:00:33 → 00:00:34 คุณจะได้ประโยชน์จากโปรตีนน่ะเหมือนคุณ
00:00:34 → 00:00:37 จ่ายตังค์ 100 นซื้อโปรตีน 100 กรัมเนาะ
00:00:37 → 00:00:39 แต่ว่าร่างกายเราใช้ไม่ทันคือถ้ากินมาก
00:00:39 → 00:00:42 เกินไปใน 1 มื้อมันกลายเป็นว่าไอ้ 100
00:00:42 → 00:00:44 เนี่ยคุณอาจจะได้แค่ 50 บาท 50 กรัมของ
00:00:44 → 00:00:48 โปรตีนอรออะไรใช่มเออขยายยทำไมทำไมถึง
00:00:48 → 00:00:50 เป็นแบบนั้น This is the Standard
00:00:50 → 00:00:53 podcast ey Opening for your
00:00:53 → 00:00:57 ears Top to podcast สุขภาพที่ใช้
00:00:57 → 00:01:01 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:01 → 00:01:04 เท้าไก่เนี่ยนะครับคือหนึ่งในเนื้อสัตว์
00:01:04 → 00:01:07 ที่เรากินมากที่สุดตั้งแต่ตอนที่เราเป็น
00:01:07 → 00:01:09 เด็กโตมาแล้วก็เป็นวัยผู้ใหญ่เลยเนาะเด็ก
00:01:09 → 00:01:12 ๆเนี่ยชอบกินไก่ทอดโตขึ้นมาเนี่ยใครที่
00:01:12 → 00:01:15 ออกกำลังกายก็จะกินไก่เพื่อให้สร้างกล้าม
00:01:15 → 00:01:17 เนื้อได้ดีนะครับถึงแม้ว่าเราจะกินไก่
00:01:17 → 00:01:19 เยอะมากในชีวิตประจำวันนะครับแต่เชื่อว่า
00:01:19 → 00:01:22 มีหลายๆคำถามที่อยู่ในใจของทุกคนว่าไก่
00:01:22 → 00:01:25 เนี่ยกินเยอะไปแล้วมันอันตรายหรือเปล่า
00:01:25 → 00:01:27 หรือว่าเคยได้ยินมาแต่เด็กว่าเค้าเลี้ยง
00:01:27 → 00:01:29 ไก่กันเนี่ยต้องใช้ฮอร์โมนมันจริงมยแล้ว
00:01:29 → 00:01:32 มันส่งผลอะไรต่อสุขภาพของเรามยแล้ววันนี้
00:01:32 → 00:01:34 นะครับผมอยู่กับรุ่นพี่ที่เป็นนัก
00:01:34 → 00:01:36 วิทยาศาสตร์ทางด้าน Food scientist นะ
00:01:36 → 00:01:38 ครับที่ทำงานคลุกคลีกับเนื้อไก่เรียกได้
00:01:38 → 00:01:41 ว่าผ่านเนื้อไก่มาเป็นพันๆหมื่นๆชิ้นแล้ว
00:01:41 → 00:01:44 อยู่กับดรยุวเรศครับขอเรียกว่าพี่ยุแล้ว
00:01:44 → 00:01:46 กันเนาะค่ะหวัดดีค่ะข้าวมันมีคำถามนึงที่
00:01:46 → 00:01:48 ข้าวสงสัยมาตั้งแต่เด็กหพี่ยุเพราะข้าว
00:01:48 → 00:01:51 ชอบกินไก่ใช่มยพ่อแม่ชอบบอกว่าอุ้ยกินไก่
00:01:51 → 00:01:54 เนี่ยกินแล้วนมโตนมแหลมนะเพราะว่าเขาฉีด
00:01:54 → 00:01:56 ฮอร์โมนเข้าไปในไก่อันนี้จริงไมครับคือ
00:01:56 → 00:01:58 เมื่อก่อนอ่ะค่ะมันจะมีคนที่เขาเชื่อว่า
00:01:58 → 00:02:02 กินไก่แล้วนมโตนมแหลมแล้วก็สัมพันธ์กับ
00:02:02 → 00:02:04 การที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วผิดปกติเนาะ
00:02:04 → 00:02:06 เมื่อก่อนเนี่ยมันอาจจะมี Practice มัน
00:02:07 → 00:02:09 อาจจะมีการฉีดฮอร์โมนเข้าไปในไก่จริงแต่
00:02:09 → 00:02:12 มันเป็นการทำไก่ตอนโดยการที่ฉีดฮอร์โมน
00:02:12 → 00:02:15 ให้ฮอร์โมนเพศชายในไก่อ่ะมันหยุดการทำงาน
00:02:15 → 00:02:17 พอไก่มันหยุดการทำงานแบบฮอร์โมนเพศชาย
00:02:17 → 00:02:20 เนาะมันก็จะสะสมไขมันแล้วตัวไก่ก็จะใหญ่
00:02:20 → 00:02:22 มันเป็นข้าวมันไก่ตอนที่เราเคยกินอแต่ว่า
00:02:22 → 00:02:25 ปัจจุบันเนี้ยเขาไม่ทำแล้วเพราะว่า 1 มัน
00:02:25 → 00:02:27 ถูกจำกัดด้วยกฎหมาย 2 คือถ้ามันมีสารตก
00:02:28 → 00:02:30 คามก็จะอันตรายเนาะเขาก็เลยไม่ให้ทำแล้ว
00:02:30 → 00:02:32 ปัจจุบันเนี่ยด้วยวิธีการเลี้ยงด้วยอะไร
00:02:32 → 00:02:34 อย่างเงี้ยค่ะมันสามารถจะทำให้ไก่ตัวใหญ่
00:02:34 → 00:02:38 ได้ตามที่ที่ต้องการอยู่แล้วทีนี้ถ้าพูด
00:02:38 → 00:02:41 ถึงเรื่องของกินไก่แล้วนมแหลมจริงมก็จะ
00:02:41 → 00:02:44 ต้องไปดูว่าตัวไก่อ่ะมันมีคุณค่าทางอาหาร
00:02:44 → 00:02:47 ที่สูงนะมันเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีตัว
00:02:47 → 00:02:50 โปรตีนก็สูงโปรตีนย่อยง่ายแล้วก็ร่างกาย
00:02:50 → 00:02:54 เนี่ยสามารถนำไปใช้ได้เพราะฉะนั้นถ้าจะดู
00:02:54 → 00:02:56 ตัวเสริมสร้างกล้ามเนื้อตัวโตขึ้นแล้วก็
00:02:57 → 00:03:00 แบบหน้าอกใหญ่ขึ้นมันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร
00:03:00 → 00:03:02 เพียงแต่มันก็จะต้องมีเรื่องของ activity
00:03:02 → 00:03:04 คือเรื่องของกิจกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
00:03:04 → 00:03:06 อืมงั้นก็แสดงว่าที่เราเข้าใจกันมาตลอด
00:03:06 → 00:03:08 หรือว่าคนทั่วไปคิดว่าการเลี้ยงไก่มีการ
00:03:08 → 00:03:11 ฉีดฮอร์โมนก็คือไม่เป็นความจริงเดี๋ยวนี้
00:03:11 → 00:03:13 ไม่มีแล้วค่ะจริงๆไม่เป็นความจริงตั้งแต่
00:03:13 → 00:03:16 สมัยอดีตด้วยใช่มั้ยครับนานพอสมควรแล้ว
00:03:16 → 00:03:17 ล่ะแล้วทำไมเมื่อกี้พี่ยุบอกว่าเดี๋ยวนี้
00:03:17 → 00:03:20 เขามีวิธีการในการเลี้ยงไก่ให้มันตัวใหญ่
00:03:20 → 00:03:22 ขึ้นนะครับคือในอุตสาหกรรมตอนเนี้ยเขมี
00:03:22 → 00:03:24 วิธีการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ปรับปรุงสาย
00:03:24 → 00:03:26 พันธุ์ของไก่นะไม่ได้ทำ genetic
00:03:26 → 00:03:29 modification คือไม่ได้ตัดต่อยีนแต่เขา
00:03:29 → 00:03:32 ใช้เรื่องของการคัดเลือกสายพันธุ์ถ้าพ่อ
00:03:32 → 00:03:34 พันธุ์ตัวไหนที่โตเร็วแม่พันธุ์ตัวไหนที่
00:03:34 → 00:03:36 โตเร็วเขาคก็จับมาผสมกันเนาะแล้วก็คัด
00:03:36 → 00:03:39 เลือกแบบนี้มาเป็นรุ่นๆรุ่นๆุ่นๆมาก็เลย
00:03:39 → 00:03:41 ทำให้ได้ไก่สายพันธุ์ที่เป็นเขาเรียกว่า
00:03:41 → 00:03:44 ไก่เนื้อไก่เนื้อเนี่ยก็จะโตเร็วมากตอน
00:03:44 → 00:03:47 นี้เนี่ยประมาณ 38 วันหรือ 42 วันเราก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 เลี้ยงไก่ได้น้ำหนักประมาณ 2.7 - 3 ก
00:03:50 → 00:03:53 บางครั้งก็ 3 กกว่าขึ้นอยู่กับว่าเรา
00:03:53 → 00:03:56 เลี้ยงเดีขนาดไหนเพราะฉะนั้นเดี๋ยวเนี้ย
00:03:56 → 00:03:58 ไม่ต้องฉีดฮอร์โมนหรอกแค่สายพันธุ์ไก่ที่
00:03:58 → 00:04:01 เขาปรับปรุงกันมามันก็ได้ไก่ที่แบบผลผลิต
00:04:02 → 00:04:04 มากที่ตามที่เขาต้องการแล้วอ่ะค่ะแล้วก็
00:04:04 → 00:04:07 ส่วนที่ข้าวบอกว่าข้าวกินเป็นตัวส่วนอก
00:04:07 → 00:04:09 เนาะเขาคก็ปรับปรุงสายพันธุ์ของไก่เนี่ย
00:04:09 → 00:04:11 ให้เนื้ออกกับเนื้อน่องเนี่ยใหญ่ขึ้น
00:04:11 → 00:04:14 เมื่อก่อนไก่ตัวนึงเนี่ยอาจจะให้เนื้ออก
00:04:14 → 00:04:17 น้ำหนักประมาณ 12% จากน้ำหนักของมันทั้ง
00:04:18 → 00:04:20 ตัวเดี๋ยวเนี้ยถ้าไปลองดูอ่ะน้ำหนักของ
00:04:20 → 00:04:23 ส่วนอกอ่ะมันประมาณ 25% ของน้ำหนักไก่
00:04:23 → 00:04:26 ทั้งตัวเวลาเดินทีก็เหมือนน้องไก่นมย้อย
00:04:26 → 00:04:29 อ่ะเดินๆไปอย่างเงี้ยแสดงว่า Industry เ
00:04:29 → 00:04:30 เนี่ยก็รู้ว่าว่าผู้บริโภคเนี่ยต้องการ
00:04:31 → 00:04:33 กินไก่ลักษณะไหนแล้วก็พยายามปรับปรุง
00:04:33 → 00:04:35 produc ให้ตอบโจทย์ถูกมั้ยครับโดยทำแค่
00:04:35 → 00:04:38 เรื่องของ breeding หรือการขัดเลือกสาย
00:04:38 → 00:04:40 พันธุ์เท่านั้นถูกต้องมั้ยครับมี 2 ส่วน
00:04:40 → 00:04:42 ที่เขาทำด้วยกันเนาะก็คือปรับปรุงสาย
00:04:42 → 00:04:44 พันธุ์ให้ได้ไก่ที่โตเร็วเขเรียกว่าให้
00:04:44 → 00:04:46 ยิวเยอะก็คือให้เนื้อเยอะอืออย่างที่ 2
00:04:47 → 00:04:50 ก็คือเขาก็ออกแบบวิธีการเลี้ยงไก่ให้
00:04:50 → 00:04:54 เหมาะสมที่สุดควรจะเลี้ยงไก่ที่จำนวนกี่
00:04:54 → 00:04:57 ตัวต่อในพื้นที่เท่านี้ตารางเมตควรจะมี
00:04:57 → 00:05:01 การใส่ลมขนาดไหนมีการส่องไฟเาขนาดไหนมี
00:05:01 → 00:05:03 ความรู้สึกว่าเออเขาถูกกระตุ้นให้โตได้
00:05:03 → 00:05:05 เร็วขึ้นถ้าพูดภาษาอังกฤษก็คือเป็น cost
00:05:05 → 00:05:07 effective เนาะก็คือทางอุตสาหกรรมเาก็จะ
00:05:07 → 00:05:10 รู้สึกว่าคุ้มต้นทุนเขามากที่สุดอืแล้ว
00:05:10 → 00:05:13 การที่ไก่มันโตเร็วขึ้นกว่าสมัยก่อนเนี่ย
00:05:13 → 00:05:15 ครับมันส่งผลอะไรต่อเนื้อไก่ที่เรารับ
00:05:15 → 00:05:17 ประทานมั้ยครับพี่ยุอันเนี้ยเป็นอะไรที่
00:05:17 → 00:05:20 น่าสนใจมากเพราะว่าอย่างที่คุยกันเมื่อ
00:05:20 → 00:05:22 กี้เลยว่าอุตสาหกรรมหรือผู้ผลิตพันธุ์ไก่
00:05:22 → 00:05:24 อ่ะเขาก็ผลิตพันธุ์ไก่ให้ตัวใหญ่ที่สุด
00:05:24 → 00:05:26 ยิ่งโตเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดีเนาะมีอยู่
00:05:27 → 00:05:29 ช่วงนึงเขาพูดแม้กระทั่งว่า 35 วันให้ได้
00:05:29 → 00:05:33 ไก่น้ำหนัก 3 กถ 4 กซึ่งในฐานะของคนผลิต
00:05:33 → 00:05:36 อ่ะโปรดิวเซอร์เขาคก็ก็จริงแหละคือยิ่ง
00:05:36 → 00:05:38 ไก่โตเร็วเท่าไหร่กินน้อยเท่าไหร่เนี่ย
00:05:38 → 00:05:41 เขาก็ได้กำไรมากขึ้นเท่านั้นเนาะแต่ว่าใน
00:05:41 → 00:05:45 มุมของวิทยาศาสตร์ทางอาหารเราเนี่ยเอาที่
00:05:45 → 00:05:48 ตัวไก่ก่อนพอไก่เขาแบบโตเร็วขึ้นเท่าไหร่
00:05:48 → 00:05:51 เนี่ยสิ่งที่เราเจอก็คือไก่เขาเนี่ยน้ำ
00:05:51 → 00:05:54 หนักเยอะเขาจะไม่ค่อยเริ่มมีกิจกรรมละเ
00:05:54 → 00:05:56 ไม่ค่อยเริ่มเดินเไม่ค่อยเริ่มมี Exercise
00:05:56 → 00:06:01 ละเขก็นั่งๆนอนๆวันๆนั่งๆนอนๆเท้าแปรกลาย
00:06:01 → 00:06:04 เป็นว่าเกิดปัญหาเรื่องของสวัสดิภาพสัตว์
00:06:04 → 00:06:07 เนาะเพราะว่าเราบรีดเขาขึ้นมาเราคัดเลือก
00:06:07 → 00:06:10 พันเขาขึ้นมาแล้วกลายเป็นว่าเขามีสุขภาพ
00:06:10 → 00:06:13 ที่ไม่ดีมันก็เลยเป็นที่มาของบางคนพยายาม
00:06:13 → 00:06:15 จะบอกว่าเขาก็เลี้ยงไก่แบบปล่อยแบบฟี
00:06:15 → 00:06:16 Range ให้มันวิ่งเล่นในทุ่งอะไรอย่าง
00:06:17 → 00:06:20 เงี้ยอืออีกอย่างนึงที่เกิดขึ้นก็คือพอ
00:06:20 → 00:06:22 ทุกอย่างมันมุ่งไปที่กล้ามเนื้อต้องการ
00:06:22 → 00:06:24 ให้กล้ามเนื้อไก่มันใหญ่ที่สุดเท่าที่จะ
00:06:24 → 00:06:27 เป็นไปได้กลายเป็นว่าด้วย Muscle ไฟเบอร์
00:06:27 → 00:06:28 หรือว่าเส้นใยกล้ามเนื้อที่ใหญ่มากๆอ่ะ
00:06:29 → 00:06:32 ค่ะมันไปบดบังไม่ให้พวกเส้นเลือดฝอยเนี่ย
00:06:32 → 00:06:34 เข้าไปถึงตัวเส้นใย่กล้ามเนื้อไก่มันก็
00:06:34 → 00:06:38 เลยมีปัญหาของพวกคุณภาพเนื้อตามมาคุณภาพ
00:06:38 → 00:06:40 เนื้อในที่นี้ที่เห็นเนี่ยโดยมากมันจะ
00:06:40 → 00:06:44 เป็นตำหนิคือสิ่งที่ไม่สวยทางสายตาอืมาก
00:06:44 → 00:06:48 กว่าที่จะเป็นเรื่องของสุขภาพเนาะอย่าง
00:06:48 → 00:06:51 เช่นตัวไก่เนี่ยถ้าเอามาผ่าตรงกลางผ่าน
00:06:51 → 00:06:53 หน้าอกเนี่ยเห็นเลยว่าสันในไก่เป็นสี
00:06:53 → 00:06:57 เขียวอือันเนี้ยมันเกิดจากการที่กล้าม
00:06:57 → 00:06:59 เนื้อคือตรงอกไก่อ่ะมันใหญ่มากจนมันทำให้
00:06:59 → 00:07:02 แบบแบบมันไปเบียดตัวสันในแล้วสันในมันก็
00:07:02 → 00:07:05 เลยเหมือนบาดเจ็บเหมือนเวลาเราช้ำเลือด
00:07:05 → 00:07:07 ช้ำหนองอ่ะแล้วกลายเป็นแบบสีม่วงสีเขียว
00:07:07 → 00:07:10 อ่ะอันนั้นน่ะก็คือเกิดขึ้นกับสันนไก่อัน
00:07:10 → 00:07:11 นั้นน่ะเป็นอันแรกที่เขาสังเกตเห็นแต่ว่า
00:07:11 → 00:07:14 มันพบไม่บ่อยประมาณแค่ 1% หรือน้อยกว่า
00:07:14 → 00:07:17 นั้นน่ะค่ะในอุตสาหกรรมที่พบกันอันถัดมา
00:07:17 → 00:07:20 ที่เจอกันในช่วงประมาณกลางๆของอุตสาหกรรม
00:07:20 → 00:07:22 ที่แบบเริ่มพัฒนาสายพันธุ์ไก่ได้แล้วเนาะ
00:07:22 → 00:07:25 ก็คือเจอเรื่องของปัญหาที่เขาเรียกว่า p
00:07:25 → 00:07:29 Soft exudative P ก็คือสีมันซีดซอฟก็
00:07:29 → 00:07:32 คือเนื้อมันเละนิ่มเละ exudative ก็คือมี
00:07:32 → 00:07:35 น้ำอ่ะเยิ้มๆอยู่ที่ผิวอันเนี้ยก็เกิดจาก
00:07:35 → 00:07:37 การที่ว่าพอไก่มันตัวใหญ่แล้วอ่ะอะไรสัก
00:07:38 → 00:07:40 อย่างนึงอ่ะมันทำให้ตอนที่ไก่มันถูกเชือด
00:07:40 → 00:07:44 แล้วอ่ะโปรตีนมันเสียสภาพโปรตีนมันมันถูก
00:07:44 → 00:07:47 ความร้อนในตัวไก่ที่สะสมอ่ะเพราะว่าตัว
00:07:47 → 00:07:49 มันใหญ่เนาะโปรตีนคุณภาพดีๆอ่ะมันกลาย
00:07:49 → 00:07:52 เป็นคุณภาพที่ไม่ดีมันก็เลยทำให้มัน
00:07:52 → 00:07:55 เหมือนกับไม่สามารถจะอุ้มน้ำไว้ได้มันก็
00:07:55 → 00:07:58 เลยทำให้ตัวเนื้อไก่อ่ะมันผลักน้ำออกมา
00:07:58 → 00:08:02 จากตัวมันอืก็เลยกลายเป็นน้ำแฉะๆอยู่ที่
00:08:02 → 00:08:05 ผิวถามว่ามีปัญหากับสุขภาพมั้ยไม่มีแค่
00:08:05 → 00:08:07 หน้าตาไม่สวยส่วนตัวเวลาไป
00:08:07 → 00:08:10 ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วต้องไปเลือกชิ้นอก
00:08:10 → 00:08:12 ไก่มาทำกับข้าวเงี้ยครับก็จะเห็นว่าหน้า
00:08:12 → 00:08:15 ตาของมันน่ะไม่เหมือนกันบางตัวดูแบบไม่
00:08:15 → 00:08:19 ค่อยน่ากินเลยอะไรเงี้ยแต่ว่าในเชิงรส
00:08:19 → 00:08:22 ชาติในเชิงของสารอาหารคือมันแตกต่างกันม
00:08:22 → 00:08:25 ครับไอ้อกไก่ที่มันใหญ่มากเกินไปหรือเกิด
00:08:25 → 00:08:27 จากไก่ที่ตัวเร็วมากเกินไปมีค่ะอันเมื่อ
00:08:27 → 00:08:29 กี้พี่เพิ่งพูดถึงปัญหา 2 แบบเนาะเนื้อ
00:08:29 → 00:08:31 ไก่สีเขียวเขาเรียกว่า Green Muscle อีก
00:08:31 → 00:08:33 อันนึงก็คือ pof exudative เมื่อกี้แต่
00:08:33 → 00:08:36 ว่าสิ่งที่ข้าวเจอที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตอน
00:08:36 → 00:08:39 นี้ค่ะเป็นปัญหาใหญ่มากที่ 10 ปีแล้วยัง
00:08:39 → 00:08:42 แก้ไม่ได้ในอุตสาหกรรมไก่ก็คือเขาเรียก
00:08:42 → 00:08:44 ว่าเป็น Growth related myopathy หรือ
00:08:44 → 00:08:47 ว่าเป็นความผิดปกติที่เกี่ยวเนื่องจากการ
00:08:47 → 00:08:49 ที่ไก่มันโตเร็วเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นที่
00:08:49 → 00:08:51 ข้าวเห็นเนาะว่าหน้าตามันไม่เหมือนกันน่ะ
00:08:52 → 00:08:54 โดยเฉพาะอกไก่เนาะบางชิ้นน่ะมันก็จะมี
00:08:54 → 00:08:57 เส้นสีขาวๆพาดๆอยู่ใช่มั้ยใช่บางชิ้นก็
00:08:57 → 00:09:00 พาดเยอะบางชิ้นก็พาดน้อยแล้วก็ก็บางชิ้น
00:09:00 → 00:09:03 น่ะค่ะก็มีลักษณะแบบเหมือนนูนๆถูกมะเนื้อ
00:09:03 → 00:09:05 อกไก่เนาะเป็นอย่างเงี้ยนูนขึ้นมาแล้วก็
00:09:05 → 00:09:08 มีติ่งๆอยู่ตรงปลายอะไรอย่างงี้ใช่มยบาง
00:09:08 → 00:09:10 อันก็ดูแบบเป็นขาวๆเป็นน้ำใสๆเยิ้มๆอยู่
00:09:11 → 00:09:14 ข้างบนอันนี้คือ Grow related myopathy
00:09:14 → 00:09:16 ซึ่งมันจะมี 3 แบบอันที่น่ารักที่สุดอ่ะ
00:09:16 → 00:09:19 ที่พี่ชอบแล้วพี่จำชื่อได้แบบแม่นเลยชื่อ
00:09:19 → 00:09:22 สปาตี้ Meat อืสปาเกตตี้เป็นเส้นๆอย่าง
00:09:23 → 00:09:25 เงี้เป็นเส้นเส้นแต่ว่าข้าวอ่ะไม่เห็น
00:09:25 → 00:09:27 หรอกถ้าเกิดไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอ่ะ
00:09:27 → 00:09:29 ค่ะเพราะว่ามันจะอยู่ใต้ผิวถ้าเกิดเอาก
00:09:29 → 00:09:33 ไก่ดิบมาแล้วก็เฉือนนะแล้วพอเปิดเขาออก
00:09:33 → 00:09:35 อ่ะตัวเส้นใยกล้ามเนื้อไก่มันจะไม่มันจะ
00:09:35 → 00:09:38 ไม่ติดกันมันจะหลุดออกมาเป็นเ้นเป็นเส้นๆ
00:09:38 → 00:09:40 เหมือนสปาเกตตี้เลยเหมือนเวลาเราหัดแล้ว
00:09:40 → 00:09:42 เคยเห็นแล้วเนื้อมันจะร่อนออกมาคืออันนี้
00:09:42 → 00:09:46 เหรอใช่ใช่ค่ะอันเนี้ยคนที่ค้นพบแล้วตั้ง
00:09:46 → 00:09:49 ชื่อคือคนเดาได้มยอิตาเลียนใช่ค่ะเป็นทีม
00:09:49 → 00:09:51 ของอิตาเลียนเขาก็เลยตั้งชื่อว่าสปาตี้
00:09:51 → 00:09:53 Meat ฟังดูแล้วมันน่ารักเนาะฟังดูแล้ว
00:09:53 → 00:09:56 มันตลกเนาะแต่จริงๆอ่ะมันทำให้อุตสาหกรรม
00:09:56 → 00:09:59 อ่ะเสียเงินที่เขาเคยคำนวณเอาไว้นะปีนึง
00:09:59 → 00:10:04 อ่ะปีนึงนะ 200 ล้านดอลลาร์ US ทำไมถึงจะ
00:10:04 → 00:10:06 เสียเยอะขนาดนั้นน่ะในเมื่อผู้ผลิตอ่ะ
00:10:06 → 00:10:08 เขาคก็สามารถที่จะเอาอกไก่ที่เขาหั่นมา
00:10:08 → 00:10:11 ส่งขายได้ผู้บริโภคอย่างเราอ่ะก็ไม่รู้
00:10:11 → 00:10:13 หรอกซื้อไปแล้วเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามัน
00:10:13 → 00:10:15 เกิดปัญหานี้ที่เราเห็นน่ะที่ขายอยู่ทุก
00:10:15 → 00:10:17 วันเนี้ยมันคือเป็นไม่หนักเป็นแบบไม่
00:10:17 → 00:10:21 รุนแรงมากหน้าตาเรายังรู้สึกว่าเออรับได้
00:10:21 → 00:10:23 มันดูไม่ใช่แบบไม่สวยมากอะไรอย่าเงี้ยเขา
00:10:23 → 00:10:26 ก็เอามาขายเนาะเป็นปกติแต่ว่าสิ่งที่เกิด
00:10:26 → 00:10:29 ขึ้นก็คือมันมีความผิดปกติไก่บางตัวมัน
00:10:29 → 00:10:32 เป็นแบบรุนแรงหนักมากหน้าตาไม่สวยเลยแทบ
00:10:32 → 00:10:34 จะแบบเหมือนช้ำเลือดช้ำหนองอยู่บนอกอย่าง
00:10:34 → 00:10:37 เงี้ยสิ่งที่เขาทำได้ก็คือเาก็จะต้องแบบ
00:10:37 → 00:10:40 คัดออกคัดออกไม่ได้คัดทิ้งแต่ว่าคัดออก
00:10:40 → 00:10:43 เอาไปใช้ทำผลิตภัณฑ์พวกแบบเป็น process
00:10:43 → 00:10:46 Meat อืเอาไปเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำพวก
00:10:46 → 00:10:49 เนื้อสัตว์แปรรูปซึ่งจริงๆตรงนั้นน่ะเขา
00:10:49 → 00:10:51 เรียกว่าเป็นการดาวเกรดก็คือแทนที่เขาจะ
00:10:51 → 00:10:53 ขายเนื้อสดที่ได้ราคาดีที่สุดเนาะเกลับไป
00:10:54 → 00:10:56 ต้องไปขายเป็นเนื้อที่แบบเอาไปแปรรูปแล้ว
00:10:56 → 00:10:59 เพราะฉะนั้นกำไรเาอ่ะก็จะลดลงความโหดร้าย
00:10:59 → 00:11:02 ของสปาตี้ Meat ก็คืออย่างที่พี่บอกว่า
00:11:02 → 00:11:05 มันมองไม่เห็นได้ด้วยตามันจะต้องแบบผ่า
00:11:05 → 00:11:08 ออกไปก่อนเพราะฉะนั้นเวลาที่เขาเอาตัว
00:11:08 → 00:11:11 เนี้ยเอาสปาตี้ me อ่ะค่ะไปขายอย่างที่
00:11:11 → 00:11:13 ต่างประเทศบ้านเราเป็นผู้ส่งออกไก่แบบ
00:11:13 → 00:11:16 อันดับ 5 ของโลกเนาะเราส่งออกไปที่
00:11:16 → 00:11:20 ญี่ปุ่นกับยุโรปเยอะที่ยุโรปชอบกินอะไร
00:11:20 → 00:11:23 ชอบเอาไก่ไปต้มไปนึ่งให้สุกใช่มั้คะแล้ว
00:11:23 → 00:11:27 ก็หั่นแฉลบสไลด์ใช่สไลด์แล้วก็ขายเป็น
00:11:27 → 00:11:30 เป็นชิ้นสไลด์แบบสุกแบบนั้นน่ะในกล่องถาด
00:11:30 → 00:11:33 อือพอมันเป็นสปาตี้ Meat ที่พี่บอกว่ามัน
00:11:33 → 00:11:35 ไม่ติดกันน่ะเส้นใยมันหลุดๆออกจากกันเวลา
00:11:35 → 00:11:38 ที่เราหั่นปุ๊บมันก็ขาดหั่นปุ๊บมันก็ขาด
00:11:38 → 00:11:41 เขาก็ขายเป็นชิ้นๆที่สวยๆไม่ได้ไอ้เศษ
00:11:41 → 00:11:44 ลุ่ยๆพวกนั้นน่ะเงินทั้งนั้นเลยที่ทิ้งไป
00:11:44 → 00:11:47 เพราะว่าของพวกนี้มันขายเป็นน้ำหนักอือื
00:11:47 → 00:11:49 ตัวไก่สดเองที่เข้าซื้อที่
00:11:49 → 00:11:51 ซุปเปอร์มาร์เก็ตอ่ะค่ะโดยมากมันก็จะต้อง
00:11:51 → 00:11:54 แช่แข็งมาพอแช่แข็งปุ๊บพอละลายน้ำแข็ง
00:11:54 → 00:11:57 โปรตีนในเนื้อไก่พวกเนี้ยมันจับน้ำไว้ไม่
00:11:57 → 00:12:00 ค่อยอยู่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพอน้ำแข็ง
00:12:00 → 00:12:03 ละลายน้ำมันเสียไปเยอะกว่าปกติก็น้ำหนัก
00:12:03 → 00:12:05 อีกเหมือนกันที่หายไปเนี่ยคือกำไรทั้ง
00:12:05 → 00:12:08 นั้นที่อุตสาหกรรมไก่อ่ะสูญเสียไปนอกจาก
00:12:09 → 00:12:11 ที่เห็นเป็นเส้นๆน่ะประสบการณ์ส่วนตัวคือ
00:12:11 → 00:12:14 ไก่เวลาจับอกไก่ที่ซื้อมาบางทีมันเจอส่วน
00:12:14 → 00:12:16 ที่มันแข็งๆอ่ะมันคืออะไรอ่ะอันนั้นเป็น
00:12:16 → 00:12:18 อยู่ในกลุ่มของ Growth related myopathy
00:12:18 → 00:12:20 นี่แหละแต่เขาเรียกว่า wooden breast ก็
00:12:20 → 00:12:22 คือเนื้อไม้ wooden ที่แปลว่าไม้เนาะทั้ง
00:12:22 → 00:12:25 3 สาเหตุเขาคิดว่ามันเกิดมาจากสิ่งใกล้ๆ
00:12:25 → 00:12:27 กันก็คือไก่มันโตเร็วเกินไปแล้วทีนี้
00:12:28 → 00:12:31 เนี่ยในตัวกล้ามเนื้อไกลอ่ะค่ะมันเกิดการ
00:12:31 → 00:12:34 สะสมของคอลลาเจนเหมือนมันเสียหายเนาะ
00:12:34 → 00:12:37 เหมือนมันเกิดแบบบาดเจ็บแล้วพอมันบาดเจ็บ
00:12:37 → 00:12:40 ปุ๊บมันก็พยายามซ่อมแซมตัวเองแต่มันก็บาด
00:12:40 → 00:12:43 เจ็บซ้ำอีกซ้ำอีกเพราะว่าชิ้นของตัวกล้าม
00:12:43 → 00:12:46 เนื้อที่มันใหญ่มากมันเหมือนเกิดเป็นแผล
00:12:46 → 00:12:49 เป้แล้วเป็นสการใช่ใช่เกิดเป็นแผลเป็นที่
00:12:49 → 00:12:53 เป็นสการแทรกอยู่ข้างในนั้นมันก็เลยทำให้
00:12:53 → 00:12:56 เนื้อจะแข็งมากผิดปกติซึ่งจริงๆแล้วมัน
00:12:56 → 00:12:59 ไม่ได้ส่งผลต่อนิวทริถึงคนกินเลยถูกมยอัน
00:12:59 → 00:13:02 นี้เนี่ยถ้าเกิดพูดกันตามหลักที่หลายๆงาน
00:13:02 → 00:13:04 วิจัยเขาทำมาเนาะรวมทั้งงานวิจัยของพี่
00:13:04 → 00:13:07 สิ่งที่เขาเจอคล้ายๆกันหมดก็คือในอกไก่ 1
00:13:07 → 00:13:10 ชิ้นเนาะสมมุติ 200 กรัมที่ที่ข้าวกิน
00:13:10 → 00:13:13 เมื่อก่อนเนี่ยมันให้ไขมันแค่ 1% อือพอ
00:13:13 → 00:13:16 มันเกิดความผิดปกติพวกเยขึ้นมาสิ่งที่มัน
00:13:16 → 00:13:19 เกิดขึ้นก็คือสัดส่วนของโปรตีนมันลดลงมัน
00:13:19 → 00:13:21 ลดลงไม่เยอะหรอกแต่สัดส่วนของไขมันมัน
00:13:21 → 00:13:24 เพิ่มขึ้นจาก 1 หรือ 3% กลายเป็น 5% หรือ
00:13:24 → 00:13:27 10% อ้าอย่างงี้ที่คนที่อยากเพิ่มกล้าม
00:13:27 → 00:13:30 เนื้อแล้วคิดว่าิกนเแบชอกไก่เนี่ยมันคือ
00:13:30 → 00:13:35 ีนมีดมันก็อาจจะมีแฟตซ่อนอยู่ที่เราไม่
00:13:35 → 00:13:37 รู้ตัวสิใช่ค่ะมันอาจจะมีแฟตซ่อนอยู่โดย
00:13:37 → 00:13:41 ที่ไม่รู้ตัวหรือหรือคุณภาพของโปรตีนที่
00:13:41 → 00:13:43 กินไปแทนที่มันจะเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ
00:13:43 → 00:13:46 ล้วนๆมันก็อาจจะมีพวกของแบบสกาเนาะแผล
00:13:46 → 00:13:48 เป็นพวกนั้นน่ะซ่อนอยู่ด้วยเหมือนกัน
00:13:48 → 00:13:52 ประเด็นของตัวตำหนิเรื่องของโส myopathy
00:13:52 → 00:13:54 ที่พี่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ค่ะมันมีอีก
00:13:54 → 00:13:57 อย่างนึงที่ผู้บริโภคอ่ะเจอแต่ว่าเราอาจ
00:13:57 → 00:14:01 จะไม่รู้ตัวก็คือพี่เคยไปทดสอบตลาดเนาะก็
00:14:01 → 00:14:04 คือไปเดินๆดูว่ามันมีตำหนิเยอะมากน้อยแค่
00:14:04 → 00:14:06 ไหนในซุปเปอร์มาร์เก็ตนี่แหละเสร็จแล้วก็
00:14:06 → 00:14:08 ผ่านกระบะนึงเราก็กำลังเลือกไก่ดูอยู่ว่า
00:14:08 → 00:14:11 แบบนับตำหนิอยู่ว่ามันมีมากหรือน้อยแค่
00:14:11 → 00:14:14 ไหนคุณป้าที่อยู่กระบะข้างๆก็เดินมาสะกิด
00:14:14 → 00:14:15 เพราะว่าเขาเห็นว่าพี่พยายามจะหยิบไก่
00:14:15 → 00:14:19 ชิ้นใหญ่ๆเขาก็บอกเลยว่าหนูอย่าเลือกไก่
00:14:19 → 00:14:22 ชิ้นใหญ่เพราะว่าเนื้อมันฟ่ามสุกแล้วมัน
00:14:22 → 00:14:25 ฟ้ามมันไม่อร่อยฟ้ามคืออะไรอ่ะก็คือ
00:14:25 → 00:14:28 เหมือนกับเวลากัดเข้าไปแล้วอ่ะมันไม่สมูท
00:14:28 → 00:14:30 มันไม่แบบรู้สึกว่าแบบโอ้โหเรียบเนียน
00:14:30 → 00:14:32 นุ่มนวลอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าในขณะเดียว
00:14:32 → 00:14:34 กันพอกลับไปแล้วมันรู้สึกเหมือนมีเส้นใย
00:14:34 → 00:14:37 มันรู้สึกเส้นใยก็หักๆแบบแทงๆปากแล้วก็
00:14:37 → 00:14:41 ไม่มีรสชาติแบบจืดๆอะไรประมาณเนี้ยซึ่ง
00:14:41 → 00:14:44 อันนี้พูดเองในฐานะว่าคำว่าฟ้ามที่คุณป้า
00:14:44 → 00:14:46 พูดอ่ะน่าจะหมายความว่าอย่างนี้นะเพราะ
00:14:46 → 00:14:49 ว่าอันเนี้ยมันตรงกับสิ่งที่พบว่ามันเกิด
00:14:49 → 00:14:52 ขึ้นกับงานวิจัยถ้าไก่มีตำหนิมากก็จะมี
00:14:52 → 00:14:55 ลักษณะเป็นแบบนั้นแต่ที่พี่ชอบประเด็นตรง
00:14:55 → 00:14:59 เก็คือว่าจริงๆผู้บริโภคอ่ะรู้แต่เขาไม่
00:14:59 → 00:15:02 รู้จักว่ามันเกิดขึ้นจากเพราะอะไรอืแล้ว
00:15:03 → 00:15:05 อย่างงี้เวลาที่เิดข้าวจะไปซื้อเนื้อไก่
00:15:05 → 00:15:07 ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอ่ะพี่อยู่ข้าวควรจะ
00:15:07 → 00:15:10 เลือกอกไก่หรืออะไรเงี้ยเลือกยังไงดีที่
00:15:10 → 00:15:13 จะได้ชิ้นที่อร่อยจูซี่เวลาไปทำกับข้าว
00:15:13 → 00:15:16 แล้วมันแบบอร่อยที่สุดอ่ะตอนนี้ข้าวเลือก
00:15:16 → 00:15:19 จากอะไรคะก็อย่างแรกคือก็เลือกจากสีก่อน
00:15:19 → 00:15:23 สีที่มันแบบชมพูไม่ไม่ไม่ดูซีดไม่ดูฝ้า
00:15:23 → 00:15:25 ไม่ดูอะไรเงี้ยแล้วก็พยายามดูว่ามันไม่มี
00:15:25 → 00:15:29 แผลแล้วก็เลือกชิ้นที่รู้สึกว่าไม่ใหญ่จน
00:15:29 → 00:15:32 เกินไปเพราะรู้สึกว่าถ้าเกิดไก่ที่มัน
00:15:32 → 00:15:34 ใหญ่ไปก็คิดว่ามาเป็นไก่แก่แล้วเนื้อมัน
00:15:34 → 00:15:36 จะเหนียวอ่ะวิธีการที่เข้าวเลือกอ่ะคาถูก
00:15:36 → 00:15:38 แล้วก็คือเลือกชิ้นที่เป็นสีชมพูเนาะไม่
00:15:38 → 00:15:42 มีลายไม่มีรอยช้ำๆไม่มีรอยจ้ำๆไม่มีเมือก
00:15:42 → 00:15:44 อะไรขาวๆที่แบบคลุมอย่างเงี้ยอร่อยที่สุด
00:15:44 → 00:15:46 ดีที่สุดก็คือไม่เป็นตำหนิพวกนั้นไม่เป็น
00:15:46 → 00:15:48 wooden breast ไม่เป็นสปาตี้ Meat ไม่
00:15:48 → 00:15:50 เป็น White striping ที่พี่พูดถึงเมื่อ
00:15:50 → 00:15:54 กี้แต่ว่าตอนเนี้ยความโหดร้ายมันคือ White
00:15:54 → 00:15:57 striping แทบจะเป็นนมน norm ก็คือเป็น
00:15:57 → 00:15:59 เหมือนพบประมาณ 90
00:15:59 → 00:16:01 ของไก่ทั่วโลกแล้วแหละเพราะฉะนั้นก็เลือก
00:16:01 → 00:16:04 ไ striping ให้ให้น้อยที่สุดก็คือมีเส้น
00:16:04 → 00:16:06 สีขาวๆอ่ะให้น้อยที่สุดยังเห็นเป็นสีชมพู
00:16:06 → 00:16:09 มากที่สุดอือทีนี้สิ่งต่อมาถ้าเกิดจะบอก
00:16:09 → 00:16:11 ว่าเออเราเราเลือกซื้อได้แบบนี้แล้วแหละ
00:16:12 → 00:16:15 แล้วคงกลับไปที่ไก่แบบตัวน้อยๆคือไก่ชิ้น
00:16:15 → 00:16:17 เล็กๆอ่ะมันมักจะเป็นตำหนิพวกนี้น้อยกว่า
00:16:17 → 00:16:19 นะเอาจริงๆเพราะฉะนั้นถ้าเกิดสามารถจะ
00:16:19 → 00:16:22 เลือกไก่ชิ้นเล็กได้โอกาสที่จะเจอตำหนิจะ
00:16:22 → 00:16:25 น้อยกว่าก็คือไก่ที่โตช้ากว่าเพื่อนอร่อย
00:16:25 → 00:16:27 กว่าอย่างงี้เหรอไก่ที่โตเล็กกว่าเพื่อน
00:16:27 → 00:16:29 อร่อยกว่าอ้าเหรอเรานึกว่าพยายามจะกิน
00:16:29 → 00:16:32 อยากได้เนื้อไก่ที่มันแบบอัดแน่นไปด้วย
00:16:32 → 00:16:34 คุณค่าทางอาหารก็น่าจะเลือกไก่ที่แข็งแรง
00:16:35 → 00:16:37 แต่กลายเป็นว่าไก่ที่แบบดูจะแข็งแรงน้อย
00:16:37 → 00:16:41 โตช้ากลายเป็น Muscle ของมันแบบดีกว่า
00:16:41 → 00:16:43 อย่างงี้เข้าใจถูกมั้ยเข้าใจถูกในแง่ว่า
00:16:43 → 00:16:45 มันไม่เป็นตำหนิพวกนี้เนาะแล้วมันก็ให้
00:16:45 → 00:16:49 สัดส่วนของโปรตีนเต็มที่ 100% ของมันแต่
00:16:49 → 00:16:52 ที่บอกว่ามันแข็งแรงกว่าเพื่อนน่ะเอาจริง
00:16:52 → 00:16:54 ๆอ่ะไม่ใช่เพราะว่ามันน่ะมันอยู่ในฝูง
00:16:54 → 00:16:56 แล้วมันน่ะอ่อนแอสุดมันก็เลยแย่งกินอาหาร
00:16:56 → 00:16:59 ได้หน้อยที่สุดมันก็เลยโตช้าอ๋อแต่ไก่ที่
00:16:59 → 00:17:01 โตช้าแล้วชิ้นเล็กเนี่ยมีแนวโน้มที่จะ
00:17:01 → 00:17:03 อร่อยกว่าไก่ชิ้นใหญ่ใช่มั้ยใช่ถูกต้อง
00:17:03 → 00:17:05 ค่ะต่อไปจะได้เก็บไว้เป็นทริกในการไป
00:17:05 → 00:17:08 ช้อปปิ้งแต่ทีเนี้ยถ้าสมมุติว่าข้าวไป
00:17:08 → 00:17:11 ซื้อมาแล้วเนาะแล้วในกระบะที่ไปเลือกมา
00:17:11 → 00:17:14 ค่ะไม่มีแบบที่เราพูดกันเมื่อกี้เนาะทุก
00:17:14 → 00:17:17 ชิ้นเป็นชิ้นใหญ่ๆแล้วมีโหนกมีนูนมีรอย
00:17:17 → 00:17:20 แบบอย่างงี้หมดเลยอ่ะคือพวกเจะอร่อยสุด
00:17:20 → 00:17:23 อ่ะก็อาจจะต้องหมักใช้การหมักเกลือเข้ามา
00:17:23 → 00:17:26 ช่วยขยำเกลือสักหน่อยนึงแต่ไม่ต้องเยอะ
00:17:26 → 00:17:29 แล้วก็แชกน้ำเขไว้สักหน่อยนไม่ต้องน้ำ
00:17:29 → 00:17:31 ท่วมแบบเยอะๆนะเอาแค่แบบเหมือนให้มันมี
00:17:32 → 00:17:34 น้ำให้เขาได้แสอบน้ำเข้าไปให้เขาดูดน้ำ
00:17:34 → 00:17:36 เข้าไปในชิ้นไก่สักหน่อยแล้วก็เวลา
00:17:36 → 00:17:39 คุกกิ้งที่อร่อยที่สุดก็คือต้มไฟอ่อนๆอื
00:17:39 → 00:17:42 จนกว่าเขาจะสุกใส่เขาไปกับน้ำน้ำเย็น
00:17:42 → 00:17:44 หน่อยนั่นแหละแล้วก็ปิดฝาแล้วก็ต้มไฟอ่อน
00:17:44 → 00:17:46 ๆให้เขาสุกถ้าเกิดว่าโดนความร้อนที่
00:17:46 → 00:17:48 รุนแรงอ่ะเส้นใยกล้ามเนื้อเขาาจะหดชิดกัน
00:17:48 → 00:17:50 เข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้เขาผลักน้ำออกไป
00:17:50 → 00:17:53 มันก็เลยไม่รู้สึกว่ามันชุ่มฉ่ำจูซี่ใช่
00:17:53 → 00:17:56 แต่ถ้าเกิดทำให้เขาสุกช้าๆเขาจะยังเหมือน
00:17:56 → 00:17:59 โฮน้ำเขายังเก็บน้ำเอาไว้ได้ถึงว่าร้าน
00:17:59 → 00:18:02 ข้าวมันไก่หลายๆร้านอ่ะเขาใช้เทคนิคแบบ
00:18:02 → 00:18:04 อารมณ์แบบซูวีหรือว่า low เจอรแล้วก็คลุก
00:18:05 → 00:18:07 ให้นานขึ้นเพื่อเก็บความชุ่มฉ่ำเอาไว้มัน
00:18:07 → 00:18:10 ไม่ใช่เป็นแฟกแค่กับไก่เนาะเนื้อสัตว์ทุก
00:18:10 → 00:18:13 ชนิดเนี่ยคุกกิ้งประมาณเนี้ยก็ได้ด้วย
00:18:13 → 00:18:16 ความที่ไก่มันก็มีหลายแบบมีไก่บ้านใช่มย
00:18:16 → 00:18:20 มีไก่เนื้อไก่ไข่อะไรเงี้ยมีไก่ตอนอิกแต่
00:18:20 → 00:18:22 ละแบบมันต่างกันยังไงแล้วสารอาหารมันแตก
00:18:22 → 00:18:24 ต่างกันมยพี่ยุถ้าบอกว่าทั้งหมดเป็นไก่
00:18:24 → 00:18:28 อ่ะค่ะมันก็คือเป็นโปรตีนไก่เหมือนกันหมด
00:18:28 → 00:18:30 ไก่แต่ละแบบต่างกันยังไงเนาะถ้าเป็นไก่
00:18:30 → 00:18:31 เนื้อก็คือไก่ที่เา้าปรับปรุงสายพันธุ์
00:18:31 → 00:18:34 เพื่อให้เนื้อที่เราคุยกันถึงเมื่อกี้ไก่
00:18:34 → 00:18:36 ไข่ก็คือเา้าปรับปรุงเพื่อให้ไข่ตัวเขาค
00:18:36 → 00:18:38 ก็จะเล็กเพราะว่าเขาก็ต้องใช้พลังงาน
00:18:38 → 00:18:40 ทรัพยากรในร่างกายเขาทั้งหมดอ่ะไปออกไข่
00:18:40 → 00:18:43 ให้เรากินแม่ไก่ออกไข่วันละฟองเนาะแบบนี้
00:18:43 → 00:18:46 ไปเรื่อยๆถ้าเป็นไก่บ้านก็คือเป็นโดยมาก
00:18:46 → 00:18:48 จะเรียกว่าเป็นไก่พันธุ์พื้นเมืองก็คือ
00:18:48 → 00:18:51 ไก่ที่ไม่ใช่เป็นสายพันธุ์นำเข้าชาวบ้าน
00:18:51 → 00:18:53 เราก็คือพบในท้องถิ่นเลี้ยงกันอยู่แล้วที
00:18:53 → 00:18:56 นี้เนี่ยไก่บ้านด้วยความที่มันไม่ได้ถูก
00:18:56 → 00:18:58 คัดเลือกให้เนื้อใหญ่ชิ้นใหญ่เพะเพราะ
00:18:58 → 00:19:01 ฉะนั้นเขาก็จะโตช้าตัวเล็กแต่เนื้อของเขา
00:19:01 → 00:19:03 เนี่ยจะแน่นถามว่าอร่อยกว่ายบางคนก็จะบอก
00:19:03 → 00:19:05 ว่าอร่อยเพราะเวลากัดกินแล้วมันจะรู้สึก
00:19:05 → 00:19:08 ว่าหนึบความนุ่มอ่ะอาจจะไม่เท่ากับไก่ไก่
00:19:08 → 00:19:10 เนื้อแล้วแต่เทสของแต่ละคนว่าชอบแบบไหน
00:19:10 → 00:19:14 ใช่มีไก่ตอนไก่ตอนถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คือ
00:19:14 → 00:19:18 เขาใช้ในเรื่องของการปรับปรุงฮอร์โมนเนาะ
00:19:18 → 00:19:20 ให้ฮอร์โมนเพศชายมันลดลงเพราะว่าไก่มันจะ
00:19:20 → 00:19:24 ได้เหมือนแบบคือผู้ชายเนาะไก่ตัวผู้มันก็
00:19:24 → 00:19:26 จะต้องแบบไปตีต่อยตีกับคนอื่นเนาะแบบตื่น
00:19:26 → 00:19:29 เต้นตลอดเวลาพอแบบเค้ารู้สึกว่าแบบเออ
00:19:29 → 00:19:32 ฮอร์โมนเพศชายเลดลงเขาก็จะแบบเริ่มเป็น
00:19:32 → 00:19:35 อาเสี่ยเดินน้อยลงอยู่นิ่งๆมากขึ้นเก็
00:19:35 → 00:19:38 สะสมไขมันมากขึ้นก็ทำให้ตัวเขาเนี่ยมีมี
00:19:38 → 00:19:41 ไขมันแทรกบ้างแล้วก็แบบเหมือนตัวใหญ่เขา
00:19:41 → 00:19:44 ก็จะแบบมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลกว่านี่
00:19:44 → 00:19:46 เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมันมีร้านข้าวมันไก่
00:19:46 → 00:19:49 ตอนหรือเปล่าใช่คือต้องใช้ไก่ที่ไก่่ตัว
00:19:49 → 00:19:51 ใหญ่ตอนมาแล้วแต่ว่าปัจจุบันเค่ะเขาไม่
00:19:51 → 00:19:55 ได้ใช้การตอนจริงๆบางที่ก็ยังใช้การตอน
00:19:55 → 00:19:59 อยู่ก็คือตัดแบบเหมือนใช้การตัดต่อม
00:19:59 → 00:20:01 ฮอร์โมนแต่ว่าบางที่เขาใช้เรื่องของอ่า
00:20:01 → 00:20:03 การปรับปรุงอาหารไก่เพื่อให้ไก่อ่ะตัว
00:20:04 → 00:20:07 ใหญ่แล้วก็มีการสะสมไขมันการสะสมสารอาหาร
00:20:07 → 00:20:09 อย่างที่เขาต้องการเพื่อให้ตัวใหญ่นั่น
00:20:09 → 00:20:12 แหละฟังมาเนี่ยแสดงว่าไก่แต่ละแบบไม่ว่า
00:20:12 → 00:20:14 จะไก่แบบไหนเนี่ยก็คือได้นิวตริที่เป็น
00:20:14 → 00:20:16 โปรตีนที่เราต้องการให้ร่างกายไปใช้อไม่
00:20:16 → 00:20:19 ต่างกันอยู่ที่ว่าเราชอบกิน Texture
00:20:19 → 00:20:23 เนื้อไก่แบบไหนจะนุ่มจะเหนียวจะแน่นอะไร
00:20:23 → 00:20:25 อยู่ที่เราเลยถูกมยเลือกได้ตามใจชอบใช่
00:20:25 → 00:20:29 ค่ะอืแต่ทีนี้มีนิดนึงตรงที่ว่าเมื่อกี้
00:20:29 → 00:20:32 พี่พูดถึงเรื่องของไก่เนื้อเนาะที่มี
00:20:33 → 00:20:37 ตำหนิแบบต่างๆ 3 แบบเมื่อกี้สิ่งที่เรา
00:20:37 → 00:20:40 เจอก็คือว่าคือไก่พวกเนี้ยด้วยความที่ตัว
00:20:40 → 00:20:44 มันใหญ่แล้วก็เส้นเลือดฝอยมันน้อยเพราะ
00:20:44 → 00:20:46 ฉะนั้นการแลกเปลี่ยนกาสออกซิเจนหรือการ
00:20:46 → 00:20:48 แลกเปลี่ยนแบบของเสียในกล้ามเนื้อเขาอ
00:20:48 → 00:20:52 น้อยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเขาอ่ะจะมีความ
00:20:52 → 00:20:55 เครียดบางอย่างสะสมคือมีอนุมูลอิสระบาง
00:20:55 → 00:20:58 อย่างสะสมไว้ในกล้ามเนื้ออือค่อนข้างเยอะ
00:20:58 → 00:21:02 ทีนี้มันกลายเป็นว่าตัวเค้าอ่ะยิ่งเป็น
00:21:02 → 00:21:06 ยิ่งเป็นแบบตำหนิรุนแรงขึ้นออกซิเดชันน่ะ
00:21:06 → 00:21:08 ก็จะเกิดขึ้นเยอะแล้วมันมีงานวิจัยบาง
00:21:08 → 00:21:11 อย่างที่บอกว่าการที่เรากินอาหารที่มี
00:21:11 → 00:21:13 ออกซิเดชันหรือออกซิไดซ์โปรตีนออกซิไดซ์
00:21:13 → 00:21:16 ไขมันเนี่ยเยอะมีโอกาสที่มันจะเหนี่ยวนำ
00:21:16 → 00:21:19 ร่างกายของเราอ่ะให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น
00:21:19 → 00:21:23 ด้วยแสดงว่าเราเลือกไก่ที่มีตำหนิน้อยก็
00:21:23 → 00:21:26 จะทำให้มีโอกาสที่จะได้รับพวกี ral ออก
00:21:26 → 00:21:29 เออพวกอนุมูลอิสระพวกนั้นร่างกายน้อยเฮ้ย
00:21:29 → 00:21:31 มันซีเรียสอยู่นะมันไม่ใช่ประเด็นเล็กๆ
00:21:31 → 00:21:34 เลยนะเรื่องเนี้ยเท่าที่พี่วิเคราะห์มา
00:21:34 → 00:21:36 ค่ะออกซิไดซ์โปรตีนออกซิไดลิปิดพวกนั้น
00:21:36 → 00:21:38 เนาะสารอนุมูลอิสระเหล่านั้นน่ะมันไม่ได้
00:21:38 → 00:21:41 เยอะอมันไม่ได้เยอะมากผู้บริโภคทั่วไปที่
00:21:41 → 00:21:44 กินน่ะกินเข้าไปในอัตราส่วนที่มันไม่ได้
00:21:44 → 00:21:48 แบบเวอร์วังแบบกินไก่เป็นฝูงทั้งทั้งหมด
00:21:48 → 00:21:50 ฝูงในวันเดียวอะไรอย่างเงี้ยอือโอกาสที่
00:21:50 → 00:21:53 จะสะสมอ่ะมันก็ไม่เยอะหรอกเพราะร่างกาย
00:21:53 → 00:21:56 เราก็จะมีกระบวนการในการขับออกเนาะแต่ถ้า
00:21:56 → 00:21:59 เกิดว่าคนที่กินไก่เยอะเยนักกล้ามหรือว่า
00:21:59 → 00:22:02 แบบผู้ป่วยที่เขาต้องแบบเหมือนไม่รู้จะ
00:22:02 → 00:22:04 กินโปรตีนอะไรเขต้องกินแต่โปรตีนไก่อ่ะ
00:22:04 → 00:22:05 กินอย่างเงี้ยทุกวันทุกวันทุกวันอะไร
00:22:05 → 00:22:08 อย่างเงี้ยค่ะโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนเป็น
00:22:08 → 00:22:10 แหล่งของโปรตีนเป็นอย่างอื่นน่ะก็มีโอกาส
00:22:10 → 00:22:13 ว่าร่างกายจะกำจัดสารอนุมติอิสระเหล่า
00:22:13 → 00:22:16 นั้นน่ะค่ะไม่ทันเมื่อกี้พี่ยูพูดว่ากิน
00:22:16 → 00:22:19 เยอะกินไก่เยอะใช่มยรู้สึกว่าเข้าตัวเลย
00:22:19 → 00:22:21 เพราะว่าทุกวันนี้กินไก่เยอะมากแล้วเชื่อ
00:22:21 → 00:22:24 ว่ามีหลายคนที่ออกกำลังกายต้องกินไก่อ่ะ
00:22:24 → 00:22:26 ยังไงเราต้องกินไก่เนาะแค่ไหนถึงเยอะถ้า
00:22:26 → 00:22:29 เอาตามหลักการทั่วไปของการกินอาหารก่อน
00:22:29 → 00:22:32 เนาะอือตามหลักการของนิวตริแล้วเนี่ยวัน
00:22:32 → 00:22:35 นึงอ่ะเราควรจะได้พลังงานจากโปรตีนประมาณ
00:22:35 → 00:22:38 20% ของพลังงานที่ร่างกายเราควรจะได้ต่อ
00:22:38 → 00:22:41 วันอือแต่ถ้าเป็นสายออกกำลังกายสัดส่วน
00:22:41 → 00:22:44 ของโปรตีนก็อาจจะเยอะหน่อยแต่ถ้าตราบใด
00:22:44 → 00:22:47 ที่ไม่ใช่ว่า 100% ทั้งหมดมาจากโปรตีนที่
00:22:47 → 00:22:50 เป็นออกซิไดซ์โปรตีนพี่ว่ายังโอเคเวลาเรา
00:22:50 → 00:22:53 พูดถึงการกินโปรตีนเรามักจะพูดเป็นหน่วย
00:22:53 → 00:22:56 อันเนี้ยพีุ่กรัมต่อน้ำหนักตัวของเราค่ะ
00:22:56 → 00:23:00 แล้วอ่าคนทั่วๆไปโดยพื้นฐานให้มีชีวิตรอบ
00:23:00 → 00:23:02 มันจะอยู่ที่ประมาณ 1 ใช่มั้ย 1 กรัมต่อ
00:23:02 → 00:23:06 น้ำหนักตัว 1 กกอ่ะขอแชร์ในฐานะต้องออก
00:23:06 → 00:23:09 กำลังกายเราก็จะเพิ่มตัวเลขนี้ขึ้นไปถึง
00:23:09 → 00:23:13 แตะไปที่ 2 หรือ 2 กว่าหรือบางคน 3 อะไร
00:23:13 → 00:23:15 เงี้ยในมุมของฟ scientist คิดว่าตัวเลข
00:23:15 → 00:23:18 ประมาณนี้เป็นยังไงครับถ้าถามพี่นะคะจาก
00:23:18 → 00:23:21 งานวิจัยที่เขาเก็บข้อมูลมานะ Maximum
00:23:21 → 00:23:24 ที่สุดที่กินแล้วก็ยังโอเคอยู่อ่ะก็คือ
00:23:24 → 00:23:27 ประมาณ 4 กรัต่อน้ำหนักตัวเนาะอือเอ่อ 1
00:23:27 → 00:23:31 กกต่อวันยังกินได้เพียงแต่ว่าวิธีการกิน
00:23:31 → 00:23:35 ถ้าเกิดว่าคุณกินเยอะๆพร้อมๆกันน่ะแทนที่
00:23:35 → 00:23:37 คุณจะได้ประโยชน์จากโปรตีนน่ะเหมือนคุณ
00:23:37 → 00:23:39 จ่ายตังค์ 100 นซื้อโปรตีน 100 กรัมเนาะ
00:23:39 → 00:23:42 แต่ว่าร่างกายเราใช้ไม่ทันอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:42 → 00:23:45 คือถ้ากินมากเกินไปใน 1 มื้อมันกลายเป็น
00:23:45 → 00:23:47 ว่าไอ้ 100 เนี่ยเราคุณอาจจะได้แค่ 50
00:23:47 → 00:23:50 บาท 50 กรัมของโปรตีนเพราะอะไรใช่มั้ยเออ
00:23:50 → 00:23:52 ขยายๆทำไมทำไมถึงเป็นแบบนั้นเพราะว่าถ้า
00:23:52 → 00:23:55 เรากินโปรตีนที่ย่อยง่ายและย่อยเร็วเนาะ
00:23:55 → 00:23:58 ใน 1 มื้ออ่ะเยอะเกินไปสิ่งที่ที่เกิด
00:23:58 → 00:24:00 ขึ้นก็คือโปรตีนเมื่อถูกดุดซึมเข้าไปใน
00:24:00 → 00:24:02 กระแสเลือดอ่ะค่ะบางส่วนถ้าเกิดว่าร่าง
00:24:02 → 00:24:05 กายเราเอาไปใช้ไม่ทันมันจะถูกออกซิเดชั่น
00:24:05 → 00:24:07 มันจะเกิดออกซิไดน่ะก็คือหมายความว่ามัน
00:24:07 → 00:24:09 จะเปลี่ยนรูปร่างไปพอมันเปลี่ยนรูปร่างไป
00:24:10 → 00:24:11 เสร็จแล้วเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร่าง
00:24:11 → 00:24:14 กายเราอ่ะอาจจะจำไม่ได้แล้วก็อยู่ในฟอร์ม
00:24:14 → 00:24:18 ที่ใช้ไม่ได้เขาก็ต้องถูกกำจัดทิ้งออือื
00:24:18 → 00:24:21 ก็กลายเป็นว่าคุณกินโหลดโปรตีนเข้าไปเยอะ
00:24:21 → 00:24:24 ๆใน 1 มื้ออ่ะคุณก็ใช้จริงๆได้ไม่ไม่ทั้ง
00:24:24 → 00:24:26 หมดที่คุณกินเข้าไปแสดงว่าเวลาเราไปกิน
00:24:26 → 00:24:29 บุฟเฟ่ต์แล้วเราจะยัดโปรตีนเอาอีกนี่คือ
00:24:29 → 00:24:31 ร่างกายไปใช้ไม่ได้เงี้เหรอยัดเอาคุ้มยัด
00:24:31 → 00:24:34 เอาคุ้มไม่ได้ยัดเอาอิไม่ได้ไม่ได้ยัดเอา
00:24:34 → 00:24:36 คุณภาพของโปรตีนเลยใช่อแล้วอย่างงี้ถ้า
00:24:36 → 00:24:38 เราอยากจะให้เงินทุกบาททุกสตางค์เราซื้อ
00:24:38 → 00:24:41 โปรตีนเพราะโปรตีนมันแพงนะแพงแล้วอยากให้
00:24:41 → 00:24:43 มันคุ้มอ่ะที่สุดเราควรจะต้องทำยังไงครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตอนนี้นะคะที่ที่แบบดีที่สุดเนาะเาแนะนำ
00:24:46 → 00:24:48 ว่าใน 1 วันน่ะให้เราดูว่าเราอยากจะได้
00:24:48 → 00:24:51 โปรตีนประมาณกี่กรัมแล้วก็ให้แบ่งออกเป็น
00:24:51 → 00:24:54 สัดส่วนที่เท่าๆกันทั้งหมด 4 พชั่นก็คือ 4
00:24:54 → 00:24:57 ส่วนที่เท่าๆกันเนาะแล้วก็ค่อยๆกินระยะ
00:24:57 → 00:25:00 ห่าง 4 ส่วนเนี้ยพอเราแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
00:25:00 → 00:25:02 เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพอร่างกายเรา
00:25:02 → 00:25:04 กินเข้าไปดูดซึมเข้าไปแล้วเนี่ยเขาก็จะ
00:25:04 → 00:25:08 ใช้หมดพอดีแล้วก็เหมือนพอเรากินเสริมใน
00:25:08 → 00:25:11 มื้อถัดไปเนี่ยร่างกายก็นำไปใช้ได้ใหม่ก็
00:25:11 → 00:25:16 คือค่อยๆโหลดเข้าไปตามเป็น interval อือ 4
00:25:16 → 00:25:19 ส่วนเนี่ยดีที่สุด 6 ส่วนก็ได้แต่ว่าไม่
00:25:19 → 00:25:23 ได้แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญละทีนี้อีก
00:25:23 → 00:25:25 ทริกนึงที่เขาบอกว่าดีก็คือถ้าเรากิน
00:25:25 → 00:25:29 โปรตีนที่มันย่อยเร็วอย่างพวกเวข้าวกินเว
00:25:29 → 00:25:32 ใช่มคะกินครับเวเนี่ยย่อยเร็วถ้าเกิดว่า
00:25:32 → 00:25:35 กินกินพวกเวโปรตีนหรือโปรตีนที่ย่อยเร็ว
00:25:35 → 00:25:37 เนี่ยร่างกายก็จะย่อยและดูดซึมไปเร็วที
00:25:37 → 00:25:40 เนี้ยมันก็ไปอยู่ในกระแสเลือดทั้งหมดถ้า
00:25:40 → 00:25:43 เกิดว่าใช้ไม่ทันจับไม่ทันก็ออกซิไดซ์อือ
00:25:43 → 00:25:45 สิ่งที่อีกแบบนึงที่ทำได้ก็คือกินสาร
00:25:45 → 00:25:47 อาหารอย่างอื่นอย่างเช่นคาร์โบไฮเดรตหรือ
00:25:47 → 00:25:51 ไขมันลงไปให้ไปช่วยชะลอการย่อยให้มันช้า
00:25:51 → 00:25:54 ลงพอมันช้าลงปุ๊บมันก็ค่อยๆถูกปลดปล่อย
00:25:54 → 00:25:56 อมิโนแอซิดถูกค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
00:25:56 → 00:25:58 ร่างกายก็ค่อยๆดูดซึมเข้าไปร่างกายก็จะ
00:25:58 → 00:26:01 เอาไปใช้ทันละหรืออีกแบบนึงก็คือกิน slow
00:26:01 → 00:26:03 digested โปนอย่างเช่นพวก Plant โปตีน
00:26:03 → 00:26:07 บ้างผสมกันไปแต่ไม่ใช่ว่ากิน Plant
00:26:07 → 00:26:09 โปรตีนทั้งหมดเพราะว่าแพลนโปรตีนเขาก็จะ
00:26:09 → 00:26:12 มีความสามารถในการย่อยและการดูดซึมเนี่ย
00:26:12 → 00:26:15 ได้ไม่ดีเท่ากับเวโปรตีนแล้วอกไก่ปั่นนี่
00:26:15 → 00:26:19 ดีมกินได้มั้อกไก่ปั่นนี่ถ้าเกิดว่านับ
00:26:19 → 00:26:21 ตามนิวตริถือว่าดีเพราะว่าอย่างที่คุยกัน
00:26:21 → 00:26:24 เมื่อกี้ว่าไก่จริงๆเนาะถึงแม้ว่าตอนนี้
00:26:24 → 00:26:27 มันจะมีตำหนิเนาะมันก็มีไขมันไม่เกิน 5-10
00:26:27 → 00:26:29 per คือถ้าเวลาเราพูดว่าโปรตีนเนี่ยดี
00:26:29 → 00:26:32 ไหมเราจะต้องดูถึง Content ก็คือปริมาณ
00:26:32 → 00:26:36 โปรตีนที่เราได้เราพูดถึงคุณภาพว่าเาย่อย
00:26:36 → 00:26:39 ดีไหมเขาถูกดูดซึมดีไหมแล้วเขาถูกร่างกาย
00:26:39 → 00:26:42 นำไปใช้ได้ดีไหมอกไก่เมื่อกี้คุยกันว่า
00:26:42 → 00:26:44 ปริมาณโปรตีนสูงเนาะอกไก่นชิ้นถ้าเป็นอก
00:26:44 → 00:26:49 ไก่ดิบน้ำประมาณ 70% เป็นโปรตีนประมาณ 20%
00:26:49 → 00:26:53 ถึง 30% เลยทีเดียวก็คือแทบจะทั้งหมดอ่ะ
00:26:53 → 00:26:55 ที่ไม่ใช่น้ำอ่ะก็คือโปรตีนทั้งหมดแล้ว
00:26:55 → 00:26:59 อ่ะค่ะก็แปลว่าคนสูงก็ดีกรดอะมิโนจำเป็น
00:26:59 → 00:27:02 ก็ครบถ้วนเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ถือว่าเป็น
00:27:02 → 00:27:04 โปรตีนที่มีคุณภาพดีด้วยย่อยง่ายดูดซึม
00:27:04 → 00:27:08 ได้ง่ายแล้วก็ด้วยความที่เขามีอมิโนแอซิด
00:27:08 → 00:27:11 ที่ครบถ้วนเนี่ยพอกินเข้าไปแล้วเนี่ยร่าง
00:27:11 → 00:27:13 กายล่ะเขาจะ recognize ก็คือเขาจะจำได้
00:27:13 → 00:27:16 ว่ามีอมิโนแอซิดตัวที่ 1 2 3 4 5 6
00:27:16 → 00:27:19 7 8 9 10 แล้วเขาก็ดูดซึมเข้ามาที่
00:27:19 → 00:27:22 เขาบอกว่าพวกโปรตีนพืชบางตัวอาจจะยังดี
00:27:22 → 00:27:25 สู้โปรตีนไก่หรือโปรตีนเนื้อสัตว์ไม่ได้
00:27:25 → 00:27:29 เนี่ยก็คือบางครั้งเนี่ยโปรตีนพืชบางตัว
00:27:29 → 00:27:32 เนี่ยเขาจะมีอมิโนแอซิดจำเป็นน่ะไม่ครบ
00:27:33 → 00:27:35 มันก็เลยทำให้บางทีอร่างกายเวลาที่มันจะ
00:27:35 → 00:27:39 ดูดอมิโนแอซิดไปใช้อ่ะเขาจะต้องการตัว
00:27:39 → 00:27:41 เนี้ยตัวเนี้ตัวเนี้ยถ้าเกิดว่ามันมีไม่
00:27:41 → 00:27:44 ครบเพื่อนน่ะเขาก็จะเอาไปใช้ไม่ได้อื
00:27:44 → 00:27:46 โปรตีนเนื้อสัตว์อ่ะโอเคหมดเลยที่ไก่
00:27:46 → 00:27:48 เหมือนจะดีกว่าหมูเนาะเหมือนจะดีกว่า
00:27:48 → 00:27:51 เนื้อวัวเพราะว่าเนื้ออกไก่เนื้อเยื่อ
00:27:51 → 00:27:53 เกี่ยวพันธุ์จะน้อยพอเนื้อเยื่อเกี่ยว
00:27:53 → 00:27:56 พันธุ์น้อยก็คือเราอ่ะเคี้ยวได้ละเอียดพอ
00:27:56 → 00:27:59 มันไปถึงกระเพาะพอมันถึงลำไส้เนี่ยมันก็
00:27:59 → 00:28:02 เลยสามารถจะย่อยออกไปได้เกือบ 100% เรา
00:28:02 → 00:28:06 พูดแต่อกไก่แต่จริงๆอ่ะมันมีหลายส่วนมาก
00:28:06 → 00:28:09 เลยของไก่ที่มันอร่อยอ่ะอย่างปีกไก่น่อง
00:28:09 → 00:28:13 ไก่สะโพกไก่ไม่นับอกเนาะไอ้ส่วนอื่นๆน่ะ
00:28:13 → 00:28:17 มันมีคุณค่ารอาหารที่ดีเหมือนกันมั้ยถ้า
00:28:17 → 00:28:20 ในแง่ว่าคุณภาพของโปรตีนเนาะก็ดีหมดแต่
00:28:20 → 00:28:23 สิ่งที่เวลาเขามักจะเปรียบเทียบอกไก่กับ
00:28:23 → 00:28:27 ส่วนอื่นๆของไก่เาเปรียบเทียบกันว่าอกไก่
00:28:27 → 00:28:29 เป็นเเเรียกไ Meat ก็คือเหมือนแบบเป็น
00:28:29 → 00:28:33 เนื้อขาวอืแล้วก็ถ้าเกิดเนื้อสะโพกน่อง
00:28:33 → 00:28:35 พวกเนี้ยเขาจะเรียกว่า Red Meat หรือว่า
00:28:35 → 00:28:38 เนื้อแดงเนื้อขาวก็คือมันเป็นโปรตีนเยอะ
00:28:38 → 00:28:40 ถ้าเกิดว่าเนื้อแดงอ่ะจริงๆก็คือมันเป็น
00:28:40 → 00:28:43 เนื้อส่วนที่เวลาที่เขาเป็นกล้ามเนื้อ
00:28:43 → 00:28:45 อยู่อ่ะเขาจะต้องการออกซิเจนเยอะเพราะ
00:28:45 → 00:28:48 ฉะนั้นเนี่ยเขาก็เลยจะต้องมีรงควัตถุที่
00:28:48 → 00:28:50 จับออกซิเจนเนี่ยค่อนข้างเยอะซึ่ง
00:28:50 → 00:28:52 รงควัตถุพวกนั้นน่ะมันเป็นสีแดงแต่ว่า
00:28:52 → 00:28:55 สิ่งที่ตามมาก็คือเขามักจะมีไขมันสะสม
00:28:55 → 00:28:58 อยู่ด้วยเราก็เลยมีความรู้สึกว่าเออมัน
00:28:58 → 00:29:01 ซี่กว่ามันอร่อยกว่าแล้วตัวรงเวัตถุจริงๆ
00:29:01 → 00:29:03 อ่ะมันก็คือช่วย develop กลิ่นรสด้วยพี่
00:29:03 → 00:29:06 นะรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าใช่ผมก็ข้าวก็ชอบ
00:29:06 → 00:29:08 มันอร่อยกว่าแน่นอนนอกจากเมื่อกี้พูดถึง
00:29:08 → 00:29:12 อกไก่ปั่นไปใช่ป่ะเดี๋ยวนี้เห็นมีคนเอา
00:29:12 → 00:29:15 เนื้อไก่มักจะเป็นส่วนอกนี่แหละเอามา
00:29:15 → 00:29:17 process ต่อให้กลายเป็นเหมือนกับขนมอก
00:29:17 → 00:29:21 ไก่อ่ะเออโดยผ่านการอบลมร้อนไม่ได้ผ่าน
00:29:21 → 00:29:23 การทอดด้วยนะเลยอยากรู้ว่าเมื่ออกไก่ไป
00:29:23 → 00:29:26 ผ่านกระบวนการแบบนั้นแล้วครับแล้วกินไป
00:29:26 → 00:29:29 อ่ะนริมันยังอยู่มมพินิวตริยังอยู่ไหมถ้า
00:29:29 → 00:29:33 เกิดว่าบนซองอาหารเนาะทุกชนิดอ่ะค่ะ
00:29:33 → 00:29:36 ปริมาณโปรตีนน่ะเขาใช้วิธีการวิเคราะห์
00:29:36 → 00:29:39 ปริมาณโปรตีนเพราะฉะนั้นในแง่ของปริมาณ
00:29:40 → 00:29:42 น่ะของโปรตีนก็ยังอยู่แหละเพียงแต่ว่า
00:29:42 → 00:29:44 เรื่องของความสามารถในการย่อยได้และการ
00:29:45 → 00:29:47 หยุดดูดซึมได้เนี่ยมันก็อาจจะเปลี่ยนไป
00:29:47 → 00:29:51 เพราะว่าเนื้ออกไก่ที่ไปถ้าข้าบอกว่า
00:29:51 → 00:29:54 สไลซ์เป็นชิ้นชิ้นแล้วก็ไปอบรมร้อนสิ่ง
00:29:54 → 00:29:57 ที่ตามขึ้นมาก็คือด้วยความร้อนพวกนั้นน่ะ
00:29:57 → 00:30:01 มันอาจอาจะทำให้ตัวเนื้อไก่เนี่ยที่มัน
00:30:01 → 00:30:05 กรอบๆแห้งๆเนี่ยอาจจะย่อยยากขึ้นเ้าหรอ
00:30:05 → 00:30:08 เพราะว่าซิไฟเบอร์ของเขาตัวไฟเบอร์ก็คือ
00:30:08 → 00:30:11 เส้นใยกล้ามเนื้อของเขามันชิดกันมากขึ้น
00:30:11 → 00:30:14 ถ้าเราสามารถจะเคี้ยวได้ละเอียดเพื่อให้
00:30:14 → 00:30:16 เขาถูกเอนไซม์ในกระเพาะอาหารเราย่อยได้
00:30:16 → 00:30:19 ครบเนาะได้หมดถูกเอนไซม์ในตัวลำไส้เล็ก
00:30:19 → 00:30:21 ของเราย่อยได้หมดก็มีโอกาสดูดซึมได้เยอะ
00:30:21 → 00:30:24 แต่ก็มีโอกาสที่ว่าของพวกเนี้ยพอมันผ่าน
00:30:25 → 00:30:27 กระบวนการที่ความร้อนสูงอ่ะค่ะตัวัก
00:30:27 → 00:30:29 ลักษณะโปรตีนของเขาคอ่ะอาจจะเปลี่ยนหน้า
00:30:29 → 00:30:31 ตาเปลี่ยนฟอร์มเปลี่ยนลักษณะไปซึ่งบาง
00:30:31 → 00:30:34 ครั้งตัวน้ำย่อยในกระเพาะเอนไซม์ใน
00:30:34 → 00:30:36 กระเพาะหรือว่าในลำไส้เราอ่ะจำไม่ได้แล้ว
00:30:36 → 00:30:38 ก็เลยอาจจะถูกย่อยไม่หมดแต่ถ้าเกิดว่า
00:30:38 → 00:30:43 เปรียบเทียบว่าเรากินอกไก่อบกรอบกับแป้ง
00:30:43 → 00:30:46 ทอดเนาะก็แน่นอนว่าในเชิงคุณค่าทางอาหาร
00:30:46 → 00:30:49 ที่เป็นปริมาณโปรตีนน่ะอกไก่อบกรอบก็ต้อง
00:30:49 → 00:30:51 ได้เยอะกว่าแป้งทอดน้ำมันเยิ้มอยู่แล้ว
00:30:52 → 00:30:53 อย่างงี้กินหนังไก่ทอดเนี่ยก็ได้คุณค่า
00:30:53 → 00:30:56 ทางอาหารมากกว่าแป้งทอดหรือเปล่าถ้าในแง่
00:30:56 → 00:30:59 ของโปรตีนก็น่าจะใช่
00:30:59 → 00:31:02 แต่ถ้าในแง่ของไขมันน่ะไม่น่าจะต่างกัน
00:31:02 → 00:31:04 แล้วเดี๋ยวนี้เขามีเทคโนโลยีในการปั่นให้
00:31:04 → 00:31:06 น้ำมันมันหายไปสะเด็ดน้ำมันมากเลยนะพี่ยุ
00:31:06 → 00:31:08 แป้งทอดน้ำมันเยอะมันก็ปั่นได้เหมือนกัน
00:31:08 → 00:31:12 นะคือสิ่งที่หนังไก่ทอดอ่ะค่ะอาจจะต้อง
00:31:12 → 00:31:14 ระวังก็คืออย่างแรกอย่างที่คุยกันเมื่อ
00:31:14 → 00:31:17 กี้เนาะก็คือพอไปทอดแล้วอ่ะมันเป็นเรื่อง
00:31:17 → 00:31:19 ของไขมันและปริมาณไขมันคือ Fat Content
00:31:19 → 00:31:22 และมันเยอะมันเหลือเยอะเหลือน้อยแค่ไหน 2
00:31:22 → 00:31:24 ก็คือในการทอดเนี่ยน้ำมันมันถูกใช้ไป
00:31:24 → 00:31:27 เรื่อยๆเนาะมันก็อาจจะเกิดอนุมูลอิสระใน
00:31:27 → 00:31:30 น้ำมันที่ที่ติดมากับไก่ 3 ก็คือคล้ายกับ
00:31:30 → 00:31:33 ไก่อบกรอบเมื่อกี้เลยว่าตัวโปรตีนที่อยู่
00:31:33 → 00:31:36 ที่หนังไก่อ่ะเมื่อมันโดนความร้อนสูงขนาด
00:31:36 → 00:31:38 นั้นแล้วอ่ะมันมีการเปลี่ยนฟอร์มเปลี่ยน
00:31:38 → 00:31:40 สภาพอะไรหรือเปล่าที่ทำให้เอนไซม์หรือน้ำ
00:31:40 → 00:31:42 ย่อยในร่างกายเราอ่ะมันย่อยไม่ได้ 100%
00:31:42 → 00:31:45 อืออือีกอย่างนึงก็คือตัวหนังไก่อ่ะมันก็
00:31:45 → 00:31:48 เป็นส่วนของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธุความ
00:31:48 → 00:31:51 สามารถในการย่อยได้ของมันน่ะก็จะน้อยกว่า
00:31:51 → 00:31:54 ตัวเนื้ออกอยู่แล้วไอ้เนื้อเยื่อเกี่ยว
00:31:54 → 00:31:56 พันธุ์ที่ว่านี่คือมันคือคอลลาเจนมั้ยมัน
00:31:56 → 00:32:00 ก็เป็นกลุ่มของคอลลาเจนเจนที่เรียงตัวไม่
00:32:00 → 00:32:02 เหมือนกันน่ะคือคำว่าคอลลาเจนที่เรารู้
00:32:02 → 00:32:06 จักกันน่ะค่ะมันมันกว้างมากเลยคอลลาเจน
00:32:06 → 00:32:09 จริงๆมันมีหลายไทปมากแล้วเวลาที่มันจัด
00:32:09 → 00:32:11 เรียงตัวไม่เหมือนกันมันก็ให้ของออกมา
00:32:11 → 00:32:13 หน้าตาไม่เหมือนกันทำหน้าที่ออกมาไม่
00:32:13 → 00:32:15 เหมือนกันเลยหนังไก่มันก็มีการเรียงตัว
00:32:15 → 00:32:17 ของคอลลาเจนแบบนึงเนาะพี่ก็ไม่รู้เหมือน
00:32:17 → 00:32:19 กันว่ามันย่อยง่ายหรือย่อยยากเพราะว่าไม่
00:32:19 → 00:32:21 เคยมีใครทำสักทีว่าตกลงอีหนังไก่เมันย่อย
00:32:21 → 00:32:24 ง่ายหรือย่อยยากอืน่าสนใจแต่ที่แรู้ว่า
00:32:24 → 00:32:27 อร่อยจริงอันนี้การที่เรากินไก่เยอะ
00:32:27 → 00:32:30 สมมุติกินไก่เยอะตั้งแต่เนี่ยช่วงผู้วัย
00:32:30 → 00:32:32 ผู้ใหญ่แล้วไปจนถึงเราอายุมากขึ้นจนเป็น
00:32:32 → 00:32:36 วัยสูงอายุแล้วอ่ะมันจะเสี่ยงที่เราจะ
00:32:36 → 00:32:37 เป็นโรคอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมั้ยอย่าง
00:32:37 → 00:32:39 เช่นคนมักพูดแบบว่ากินไก่เยอะเป็นเก๊าอ่ะ
00:32:39 → 00:32:43 จริงมยอ่ะก็มีโอกาสคือคำว่ากินไก่เยอะ
00:32:43 → 00:32:45 เป็นเก๊ามั้ยเนี่ยมันเลี่ยงไม่ได้เลยที่
00:32:45 → 00:32:47 บอกว่าเป็นเก๊าทหรือว่ามีอาการของเก๊าท
00:32:47 → 00:32:50 แล้วเนี่ยเขาจะให้แบบลดปริมาณการกินไก่
00:32:50 → 00:32:53 เนาะจริงๆก็คือให้ลดปริมาณของการกินอาหาร
00:32:53 → 00:32:57 ที่มีพิวรีนหรือให้ยูริกสูงคือพวกเนื้อก
00:32:57 → 00:33:00 ไก่หรือว่าแบบสัตว์เนื้อแดงอ่ะค่ะมันก็
00:33:00 → 00:33:03 ให้ตัวพิวรีนให้ยูริกเหมือนกันเพราะ
00:33:03 → 00:33:07 ฉะนั้นเนี่ยถ้าจะบอกว่าไก่กินไก่เยอะๆทำ
00:33:07 → 00:33:11 ให้เป็นเก๊าทจริงมจริงในแง่นึงแต่ว่ามัน
00:33:11 → 00:33:14 ก็จะมีแฟกเตอร์อื่นๆที่มาเกี่ยวข้องด้วย
00:33:14 → 00:33:16 กินอาหารอย่างอื่นที่มีพิวรีนสูงที่ให้
00:33:16 → 00:33:19 ยูริกสูงก็มีโอกาสที่ทำให้เกิดเกาได้
00:33:19 → 00:33:22 เหมือนกันพิวรีนกับยูริกมันต่างกันยังไง
00:33:22 → 00:33:23 หรือมันสัมพันธ์กันยังไงครับหน้าในร่าง
00:33:23 → 00:33:26 กายเราอ่ะค่ะตัวพิวรีนน่ะมันจะถูกเปลี่ยน
00:33:26 → 00:33:29 ไปเป็นยูริกซึ่งก็คือเป็นตัวที่ถูกสะสม
00:33:29 → 00:33:31 ตามข้อหรือตามอะไรอย่างเงี้ยแล้วทำให้
00:33:31 → 00:33:34 เกิดอาการปวดเป็นเก๊าเนาะอ๋อเป็นที่มาว่า
00:33:34 → 00:33:36 เนื้อไก่มีพิวรีน่ากินเข้าไปเยอะร่างกาย
00:33:36 → 00:33:39 ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นยูริกได้เยอะแล้วเนื้อ
00:33:39 → 00:33:41 สัตว์อย่างอื่นมีพิวรีนเหมือนไก่มยเนื้อ
00:33:41 → 00:33:43 สัตว์อย่างอื่นก็มีพิวรีนเมื่อกี้ที่บอก
00:33:43 → 00:33:46 ว่าเนื้อแดงเนาะก็เป็นแหล่งของพิวรีน
00:33:46 → 00:33:49 เหมือนกันโหวันนี้คือได้เรียนรู้อะไร
00:33:49 → 00:33:51 เกี่ยวกับไก่เยอะมากขึ้นเลยอ่ะพี่ยุคิด
00:33:51 → 00:33:54 ว่าต่อไปเนี้ยเวลาที่ข้าวกินไก่อ่ะมันคง
00:33:54 → 00:33:57 จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปอ่ะในเชิงบวกด้วย
00:33:57 → 00:34:01 นะเพราะรู้สึกว่าเราน่าจะเลือกซื้อไก่ที่
00:34:01 → 00:34:03 ตอบโจทย์เรามากขึ้นทั้งในเชิงนิวทริทั้ง
00:34:03 → 00:34:06 ในเชิงแบบเงินที่เราต้องเสียไปอ่ะสำหรับ
00:34:06 → 00:34:08 คุณผู้ชมนะครับก็คิดว่าวันนี้น่าจะได้
00:34:08 → 00:34:10 เทคนิคหลายๆอย่างไปเยอะเลยส่วนตัวเนี่ย
00:34:10 → 00:34:12 ที่เชอที่ข้าวแบบจำได้แล้วตั้งใจจะไปทำ
00:34:12 → 00:34:15 เลยคืออย่างแรกคือคงซื้อไก่ที่มีขนาดเล็ก
00:34:15 → 00:34:18 ลงเพราะเนื้อมันน่าจะแน่นขึ้นแล้วก็ตำหนิ
00:34:18 → 00:34:21 อาจจะน้อยเนาะอย่างที่ 2 ต่อไปเวลาที่ข้า
00:34:21 → 00:34:25 ซื้อไก่ไปทำอาหารเนี่ยก็จะใช้ไฟที่มันเบา
00:34:25 → 00:34:28 น้อยลง slow คุกมากขึ้นเพื่อคุมแล้วก็คง
00:34:28 → 00:34:31 ความ juy ความชุ่มฉ่ำของเนื้อไก่ใช่มย
00:34:31 → 00:34:33 แล้วก็โอ้นี่สำคัญอย่างที่ 3 เนี่ยคงจะ
00:34:33 → 00:34:36 ไม่ตะบี้ตะบันกินเนื้อไก่เข้าไปทีละเยอะๆ
00:34:36 → 00:34:38 หรือกินโปรตีนเข้าไปทีละเยอะๆแหละแบบ
00:34:38 → 00:34:40 บุฟเฟ่ต์เนี่ยไม่ต้องเอาคุ้มก็ได้เพราะ
00:34:40 → 00:34:44 ว่ากินมากไปร่างกายก็คงดูดซึมไม่ทันแล้ว
00:34:44 → 00:34:46 ก็กลายเป็นเปลี่ยนสภาพโปรตีนจนร่างกาย
00:34:46 → 00:34:48 ต้องกำจัดทิ้งไปก็คือเหมือนกับจ่ายเงิน
00:34:49 → 00:34:50 ซื้อโปรตีนแพงๆโดยที่ร่างกายไม่ได้เอาไป
00:34:50 → 00:34:55 ใช้ถูกไหมมครับค่ะงั้นสุดท้ายอยากให้พี่
00:34:55 → 00:34:59 ยุฝากถึงคนดูนิดนึงว่าในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
00:34:59 → 00:35:02 เรื่องเนื้อไก่อยากจะส่ง Message ไให้กับ
00:35:02 → 00:35:05 คนดูท็อทุทครับในฐานะที่ทำงานวิจัยทาง
00:35:05 → 00:35:08 ด้านไก่เนาะแล้วก็เป็น Food scientist ะ
00:35:08 → 00:35:10 กันก็คือที่คุยวันเค่ะพี่ไม่ได้อยากให้
00:35:10 → 00:35:13 ทุกคนกลัวการกินไก่เนาะไก่ก็ยังเป็นแหล่ง
00:35:13 → 00:35:16 ของโปรตีนที่ดีแม้ว่ามันจะมีตำหนิเกิด
00:35:16 → 00:35:18 ขึ้นบ้างแต่ถ้าเกิดว่าเรากินอย่างที่เรา
00:35:18 → 00:35:21 คุยกันเมื่อกี้ก็คือเราไม่ได้กินเยอะมาก
00:35:21 → 00:35:24 เกินไปเรากินอย่างพอดีเรากินให้มันมี
00:35:24 → 00:35:27 moderation น่ะมีความพอดีอ่ะค่ะร่างกาย
00:35:27 → 00:35:30 เราก็สามารถจะกำจัดแล้วก็เอาประโยชน์ไป
00:35:30 → 00:35:33 ใช้ได้เนาะโดยที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายกับ
00:35:33 → 00:35:35 สุขภาพแล้วก็อีกอย่างนึงที่หลักการของ
00:35:35 → 00:35:37 Food scientist แล้วก็ nutritionist
00:35:37 → 00:35:40 เนี่ยชอบพูดกันก็คือว่านอกจากจะกินให้มัน
00:35:40 → 00:35:42 พอดี moderation แล้วก็กินให้หลากหลาย
00:35:42 → 00:35:45 ด้วยเพราะว่าการได้โปรตีนจากไก่อย่าง
00:35:45 → 00:35:47 เดียวทุกวันทุกวันน่ะก็อาจจะไม่สามารถจะ
00:35:47 → 00:35:50 ตอบโจทย์ของร่างกายได้ดีเท่ากับการกิน
00:35:50 → 00:35:52 อาหารที่หลากหลายด้วยเหมือน
00:35:52 → 00:35:57 กัน Top to Toe The Standard podcast
00:35:57 → 00:36:01 I Opening for your ears