00:00:00 → 00:00:06 5 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ท่านยิ่งทานผลไม้แล้วยิ่งอ้วน
00:00:06 → 00:00:09 แล้วก็เสี่ยงต่อการมีสุขภาพไม่ดีมากๆ ครับ
00:00:17 → 00:00:19 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:19 → 00:00:20 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:20 → 00:00:24 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:25 → 00:00:28 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องผลไม้กันบ้างครับ
00:00:28 → 00:00:33 5 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ท่านยิ่งทานผลไม้แล้วยิ่งอ้วน
00:00:33 → 00:00:36 แล้วก็เสี่ยงต่อการมีสุขภาพไม่ดีมากๆ ครับ
00:00:36 → 00:00:38 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:38 → 00:00:40 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ
00:00:41 → 00:00:42 สำหรับท่านที่มีเวลาน้อยนะครับ
00:00:42 → 00:00:45 ขอให้ข้ามไปที่ 3 นาทีหลังก่อน มีสรุปไว้ให้เรียบร้อย
00:00:45 → 00:00:47 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านมีเวลา
00:00:47 → 00:00:50 ค่อยข้ามกลับมาดูตั้งแต่แรกแล้วลงรายละเอียด
00:00:50 → 00:00:53 ส่วนท่านที่พร้อมแล้ว ไปพร้อมๆ กันครับ
00:00:53 → 00:00:55 สำหรับ 5 ความเชื่อผิดๆ นี้เนี่ย
00:00:55 → 00:00:59 เป็นความเชื่อที่ทำให้เราอุตส่าห์ทานผลไม้
00:00:59 → 00:01:03 อุตส่าห์รักษาสุขภาพแต่กลับมีความอ้วนมากขึ้น
00:01:03 → 00:01:05 หรือว่าทำให้สุขภาพแย่มากขึ้นนะครับ
00:01:05 → 00:01:06 มีอะไรบ้างไปดูกันครับ
00:01:06 → 00:01:11 สำหรับข้อแรก กินผลไม้แทนข้าวได้เลย
00:01:11 → 00:01:14 แล้วก็สามารถที่จะลดน้ำหนักได้ดีนะครับ
00:01:14 → 00:01:16 กินผลไม้แทนข้าวสามารถลดน้ำหนักได้ดี
00:01:16 → 00:01:19 ไอการกินผลไม้แทนข้าวก็หมายความว่า
00:01:19 → 00:01:22 ท่านทานผลไม้หมดเลยทั้ง 3 มือ ข้าวไม่ทานเลย
00:01:22 → 00:01:26 แบบทุบหม้อข้าวเลย อยากจะผอมภายใน 3 วัน 5 วัน
00:01:26 → 00:01:27 ผมบอกงี้เลยครับว่า
00:01:27 → 00:01:29 เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านทานผลไม้อย่างเดียว 3 มื้อ
00:01:29 → 00:01:32 แล้วไม่ทานข้าวเลย ไม่ทานอย่าอื่นเลย ทานแต่ผลไม้อย่างเดียว
00:01:32 → 00:01:36 ผมบอกเลยเดือนแรกเนี่ยลดไปเลย 5 กิโลกรัม
00:01:36 → 00:01:38 10 กิโลเนี่ยต้องมีน้ำหนักลดนะครับ
00:01:38 → 00:01:41 และหลังจากนั้นนรกมาเยือนจะไม่ลดอีกแล้ว
00:01:41 → 00:01:43 แล้วถ้าจะทานผลไม้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ
00:01:43 → 00:01:45 ก็ไม่ใช่ไหมครับ ท่านก็ต้องกลับมากินข้าว
00:01:45 → 00:01:48 แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ ท่านจะเพิ่มขึ้นมาอีก 20 กิโล
00:01:48 → 00:01:50 เป็นโยโย่เอฟเฟคอย่างรุนแรงนะครับ
00:01:50 → 00:01:51 ถามว่าเพราะอะไรครับ
00:01:51 → 00:01:54 เพราะว่าเวลาเราทานผลไม้เข้าไปเนี่ย
00:01:54 → 00:01:59 ร่างกายเราในตอนแรก เราก็จะขาดทั้งโปรตีนขาดทั้งไขมัน
00:01:59 → 00:02:02 สิ่งต่างๆ น้ำหนักต่างๆ กล้ามเนื้อต่างๆ จะสลายไปหมด
00:02:02 → 00:02:04 น้ำหนักท่านก็ลดลงไปเหมือนเดิม
00:02:04 → 00:02:08 แต่ตัวไขมันที่สะสมอยู่เนี่ยไม่ลดลง
00:02:08 → 00:02:11 เพราะว่าน้ำตาลที่ท่านกินเข้าไปมันอยู่ในผลไม้นั่นแหละครับ
00:02:11 → 00:02:13 มันก็เปลี่ยนเป็นไขมัน
00:02:13 → 00:02:16 แต่มันไม่ได้ไปเสริมสร้างกล้ามเนื้ออะไรท่านมากมายนะครับ
00:02:16 → 00:02:19 เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านมีกล้ามเนื้อเยอะ มันเหมือนการฝากครับ
00:02:19 → 00:02:20 กล้ามเนื้อที่เป็นการฝาก
00:02:20 → 00:02:23 สามารถที่จะทำให้ร่างกายในใช้พลังงานในการเผาผลาญ
00:02:23 → 00:02:25 คือนั่งเฉยๆ คนมีกล้ามเนื้อเยอะๆ เนี่ย
00:02:25 → 00:02:28 ก็เผาผลาญได้ดีกว่าคนไม่มีกล้ามเนื้อและ
00:02:28 → 00:02:30 เพราะฉะนั้นถ้ากล้ามเนื้อท่านสลายเนี่ย
00:02:30 → 00:02:31 เพราะว่าท่านทานแต่คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว
00:02:31 → 00:02:34 ไม่ทานโปรตีน ไม่ทานไขมันอย่างนี้
00:02:34 → 00:02:37 ก็จะทำให้น้ำหนักกลับมาอ้วนได้เร็ว
00:02:37 → 00:02:39 แล้วก็สุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สมบูรณ์เลยนะครับ
00:02:39 → 00:02:41 อันตรายมากๆ เลย
00:02:41 → 00:02:44 สำหรับการทานแต่ผลไม้เพียงอย่างเดียวนะครับ
00:02:44 → 00:02:47 โดยไม่ทานอาหารอะไรเลย ลดแบบโหดร้ายมากๆ
00:02:47 → 00:02:50 ลดน้ำหนักแบบโหดร้ายมากๆ แบบนี้ไม่แนะนำ
00:02:50 → 00:02:51 แล้วก็สุขภาพไม่ดีเลยนะครับ
00:02:51 → 00:02:55 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 2 ครับ
00:02:55 → 00:02:57 ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 2 นี้ก็คือว่า
00:02:57 → 00:03:00 ผลไม้ทานเท่าไหร่ก็ได้ไม่อ้วนนะครับ
00:03:01 → 00:03:03 ต้องบอกตามตรงเลยว่าผลไม้เนี่ย
00:03:03 → 00:03:05 ไม่ใช่ทานเท่าไหร่ก็ได้ไม่อ้วนครับ
00:03:05 → 00:03:07 มันมีลิมิตของมัน
00:03:07 → 00:03:11 ตัวผลไม้แต่ละอย่างก็มีจำนวนแคลอรี่ของมันนะครับ
00:03:11 → 00:03:14 มีทั้งที่ผลไม้ที่มีแคลอรี่สูงหรือผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ
00:03:14 → 00:03:18 ถึงท่านจะทานผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ
00:03:18 → 00:03:21 แต่ท่านทานเยอะมากๆ แบบนี้ก็อ้วนเหมือนกัน
00:03:21 → 00:03:25 เพราะสุดท้ายแล้วการลดน้ำหนักก็คือกินให้น้อยกว่าใช้
00:03:25 → 00:03:26 มันมีอยู่แค่นี้เอง
00:03:27 → 00:03:29 ท่านจะทานอาหารที่ดียอดเยี่ยมอย่างไรก็ตาม
00:03:29 → 00:03:32 แต่แคลอรี่ยังเยอะกว่าที่ท่านใช้ออกยังไงท่านก็อ้วน
00:03:32 → 00:03:35 เพราะฉะนั้นการทานผลไม้เท่าไหร่ก็ได้
00:03:35 → 00:03:37 แล้วก็บอกว่า เฮ้ย มันมีดีต่อสุขภาพ
00:03:37 → 00:03:39 มันไม่อ้วนอย่างนี้ไม่จริงครับ
00:03:39 → 00:03:44 บางท่านนี่ โอ้โห ทานผลไม้ทีมีแบบเยอะมหาศาลมากเลย
00:03:44 → 00:03:47 อย่าลืมครับ ผลไม้เนี่ยมีน้ำตาลเยอะมากๆ
00:03:47 → 00:03:52 แล้วก็จะทำให้ร่างกายชินกับการได้รับคาร์โบไฮเดรต
00:03:52 → 00:03:54 หรือน้ำตาลที่เยอะจนเกินไป
00:03:54 → 00:03:57 อันนี้ก็เป็นข้อควรระวังข้อที่ 2 ครับ
00:03:57 → 00:04:01 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 3 บ้างครับ
00:04:01 → 00:04:05 นั่นก็คือว่าผลไม้คั้นแบบน้ำได้วิตามินเยอะ
00:04:06 → 00:04:08 ได้ประโยชน์มากกว่าผลไม้แบบปกติ
00:04:09 → 00:04:10 ต้องบอกงี้ครับบอกว่า
00:04:10 → 00:04:14 เวลาลูกกินทีนึงเนี่ยถ้าเราคั้นน้ำผลไม้มาแก้วนึง
00:04:14 → 00:04:16 ก็ต้องบอกว่าวิตามินเขาสูงจริงครับ
00:04:16 → 00:04:19 อาจจะสูงกว่า เช่น น้ำส้มคั้น 1 แก้วนะ
00:04:19 → 00:04:22 มีวิตามินสูงกว่าส้ม 1 ลูกแน่นอน
00:04:22 → 00:04:27 เพราะน้ำส้ม 1 แก้ว ใช้ส้มอย่างน้อยเนี่ย 10 ลูกนะครับ
00:04:27 → 00:04:32 วิตามินสูงกว่า แต่สิ่งที่ตามมาคืออะไร น้ำตาลล้วนๆ ครับ
00:04:32 → 00:04:34 น้ำตาลล้วนๆ
00:04:34 → 00:04:38 เมื่อท่านพยายามทานน้ำผลไม้เยอะจนเกินไป
00:04:38 → 00:04:41 สิ่งที่ท่านได้มาอาจจะเป็นวิตามินที่เยอะ
00:04:41 → 00:04:44 แต่วิตามินเนี่ยร่างกายของเรา
00:04:44 → 00:04:48 ถ้ามันเยอะเกินไป มันก็ขับทิ้ง มันเกินเหตุการณ์นะครับ
00:04:48 → 00:04:51 แต่ถ้าเกิดน้ำตาลเนี่ยได้มาร่างกายเราไม่ขับทิ้ง
00:04:51 → 00:04:56 มันมาเปลี่ยนเป็นไขมัน พอกตัวเราจนอ้วนหน้ากลมเลย
00:04:56 → 00:05:00 มีเคสหลายๆ เคสที่พยายามลดความอ้วน
00:05:00 → 00:05:03 แล้วไม่ทราบ ไปกินน้ำผลไม้แทน
00:05:03 → 00:05:06 ออกกำลังกายตั้งเยอะ ทำไมไม่ลดน้ำหนักเลย
00:05:06 → 00:05:12 ก็ไปถามดูว่าทานน้ำผลไม้วันละ 1-2 ลิตร แทนข้าว
00:05:12 → 00:05:14 อย่างนี้ โอ้โห ได้จากคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ เลย
00:05:14 → 00:05:16 เหมือนกินข้าวขาวเยอะๆ ครับ
00:05:16 → 00:05:18 เพราะว่าสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นน้ำตาลเหมือนกัน
00:05:18 → 00:05:24 อันนี้อันตรายมากๆ เรื่องการกินน้ำผลไม้แทนผลไม้ที่เป็นผล
00:05:24 → 00:05:28 เพราะผลไม้ที่เป็นผลจะมีกากใยแล้วก็จะทำให้อิ่ม
00:05:28 → 00:05:31 แล้วกากใยที่เราทานพร้อมผลไม้เข้าไปเนี่ย
00:05:31 → 00:05:35 จะขัดขวางการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลได้ส่วนหนึ่ง
00:05:35 → 00:05:37 แต่ถ้าท่านทานน้ำผลไม้เพียวๆ เลยเนี่ย
00:05:37 → 00:05:39 มันเป็นคาร์โบไฮเดรตเพียวๆ ครับ
00:05:39 → 00:05:42 มันก็จะดูดซึมได้เกือบ 100% แบบนี้ก็จะอ้วนได้ง่ายกว่าครับ
00:05:42 → 00:05:46 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าให้ผมแนะนำน้ำผลไม้ทานได้ครับ
00:05:46 → 00:05:48 ผมก็ทานวันละ 1 แก้วพอ
00:05:48 → 00:05:51 หลังจากนั้นเนี่ยให้ทานเป็นผลไม้ที่เป็นลูกดีกว่า
00:05:51 → 00:05:54 แล้วก็เลือกผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำมีน้ำตาลต่ำ
00:05:54 → 00:05:56 ก็จะสุขภาพดีไปตลอดชีวิตนะครับ
00:05:57 → 00:06:00 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 4 กันบ้างครับ
00:06:00 → 00:06:04 ผลไม้ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็เหมือนกันนั่นแหละ
00:06:04 → 00:06:09 ก็ต้องบอกว่าสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคอะไรนะครับ
00:06:09 → 00:06:13 การจะทานก่อนหรือทานหลังอาหารคงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
00:06:13 → 00:06:18 แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานแนะนำให้ทานหลังอาหารดีกว่า
00:06:18 → 00:06:22 เพราะว่าการทานก่อนอาหารจะได้รับน้ำตาลค่อนข้างสูง
00:06:22 → 00:06:26 และจะทำให้น้ำตาลค่อนข้างสวิงขึ้นสวิงลงรวดเร็วจนเกินไป
00:06:26 → 00:06:30 ซึ่งจะเป็นผลที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานมากนัก
00:06:30 → 00:06:33 การควบคุมน้ำตาลจะไม่ค่อยดีนะครับ
00:06:33 → 00:06:36 เพราะฉะนั้นแนะนำให้กินทีหลังดีกว่า
00:06:36 → 00:06:41 รวมทั้งเวลาเราทานอาหารพวกหวานๆ หรือคาร์โบไฮเดรตสูงๆ
00:06:41 → 00:06:46 ถ้าเราทานพร้อมกับหรือทานหลังจากที่เราทานอาหาร
00:06:46 → 00:06:48 พวกโปรตีนหรือไขมันไปแล้วเนี่ย
00:06:48 → 00:06:52 การดูดซึมคาร์โบไฮเดรตจะลดลงกว่าเดิมพอสมควรเลย
00:06:52 → 00:06:55 อาจจะ 10 20 30% ก็แล้วแต่นะครับ
00:06:55 → 00:06:59 แบบนี้ก็จะทำให้การได้รับน้ำตาของเราเนี่ยลดลง
00:06:59 → 00:07:02 ก็ถือว่าเป็นการควบคุมน้ำตาลได้ดีอย่างหนึ่งเลย
00:07:02 → 00:07:05 แล้วก็ยังทำให้ควบคุมน้ำหนักได้อย่างดีด้วยครับ
00:07:05 → 00:07:08 และนี่ก็คือความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 4 ครับ
00:07:08 → 00:07:11 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อสุดท้ายข้อที่ 5 ครับ
00:07:11 → 00:07:14 ผลไม้แบบไหนมันก็เหมือนกันแหละ
00:07:14 → 00:07:16 มันไม่เหมือนกันครับ
00:07:16 → 00:07:19 คราวนี้ผมจะอธิบายให้คร่าวๆ เลยครับว่า
00:07:19 → 00:07:23 ผลไม้บางอย่างเนี่ยนับว่าเป็นผลไม้แห่งความอ้วนเลยก็ได้
00:07:23 → 00:07:26 บางอย่างท่านอาจจะคิดไม่ถึงเลยว่ามันอ้วนได้ขนาดนี้
00:07:26 → 00:07:30 อย่างเช่น ทุเรียน ทุเรียน 1 เม็ดได้ 160 kcal
00:07:30 → 00:07:34 ท่านกินทุเรียน 3 เม็ด ก็ข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวนะครับ
00:07:34 → 00:07:40 กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ 100 กรัม 150 kcal นะครับ
00:07:40 → 00:07:43 ท่านกิน 3-4 ลูกเนี่ยเหมือนกินข้าวจานใหญ่ๆ เลย
00:07:43 → 00:07:49 มังคุด 4 ลูก ได้ประมาณซัก 80 kcal ประมาณนี้
00:07:49 → 00:07:54 ท่านกิน 10 ลูก ก็ 250 kcal ข้าวครึ่งจานไม่น้อยนะครับ
00:07:54 → 00:07:56 มะม่วงงี้นะครับ
00:07:56 → 00:07:58 ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงดิบ มะม่วงสุก มะม่วงมัน
00:07:58 → 00:08:00 แคลอรี่ก็สูงเท่านั้นนะครับ
00:08:00 → 00:08:04 อย่างเช่น มะม่วงดิบ 100 กรัม ก็มี 60-70 kcal
00:08:04 → 00:08:08 มะม่วงสุก 100 กรัม มี 80-90 มะม่วงมันนี่เยอะสุด
00:08:08 → 00:08:12 เยอะกว่ามะม่วงสุกอีกมี 100 kcal/100 กรัม
00:08:13 → 00:08:15 แถมมะม่วงดิบท่านบอกแคลอรี่น้อยกินมะม่วงดิบแล้วกัน
00:08:15 → 00:08:20 ท่านไปจิ้มน้ำปลาหวาน มันก็หนัก มันก็อ้วน
00:08:20 → 00:08:22 เพราะฉะนั้นระมัดระวังนะครับ
00:08:22 → 00:08:25 เงาะก็เหมือนกัน 100 กรัม มี 75 kcal
00:08:25 → 00:08:29 เพราะฉะนั้นนี่คือความเชื่อผิดๆ ว่าผลไม้แบบไหนก็เหมือนกัน
00:08:29 → 00:08:33 ไม่จริงครับ ผลไม้มีทั้งอ้วนแล้วก็คุมน้ำหนักได้ดีนะครับ
00:08:33 → 00:08:35 และนี่ก็คือความเชื่อผิดๆ 5 ข้อ
00:08:35 → 00:08:39 ที่จะทำให้ท่านยิ่งทานผลไม้แล้วยิ่งอ้วนสุขภาพไม่ดีครับ
00:08:39 → 00:08:41 คราวนี้ผมขออนุญาตสรุปครับ
00:08:41 → 00:08:47 5 ความเชื่อผิดๆ ที่จะทำให้ท่านยิ่งทานผลไม้แล้วยิ่งอ้วนครับ
00:08:47 → 00:08:50 โดยปกติเราทานผลไม้ เราก็ควรจะต้องสุขภาพดีต้องผอมใช่ไหมครับ
00:08:50 → 00:08:52 หน้าตาต้องสดใสใช่ไหมครับ
00:08:52 → 00:08:56 แต่ 5 ความเชื่อผิดๆ นี้แหละจะทำให้ท่านยิ่งอ้วนกว่าเดิม
00:08:56 → 00:09:00 ความเชื่อแรกคือทานผลไม้แทนข้าวไปเลย 3 มื้อ
00:09:00 → 00:09:04 แล้วสุขภาพจะดี น้ำหนักจะลด ไม่ใช่ครับบอกเลย
00:09:04 → 00:09:08 น้ำหนักท่านอาจจะลดภายในเดือนแรกเนี่ย 5-10 กิโลกรัมเลย
00:09:08 → 00:09:12 ลดแบบเร็วๆ มากๆ นั่นก็เพราะว่าท่านสูญเสียกล้ามเนื้อ
00:09:12 → 00:09:14 การที่ท่านไม่ทานโปรตีน ไม่ทานไขมันเลยเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 ท่านจะสูญเสียกล้ามเนื้อออกไปจากร่างกาย
00:09:17 → 00:09:19 แรกๆ ดูเหมือนน้ำหนักจะลดเร็วนะครับ
00:09:19 → 00:09:21 แต่ว่าปริมาณไขมันไม่ได้ลดลงเลย
00:09:21 → 00:09:23 เพราะว่าในผลไม้ก็มีคาร์โบไฮเดรต
00:09:23 → 00:09:25 ซึ่งเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลนะครับ
00:09:25 → 00:09:28 แล้วก็กลายเป็นไขมันเวลาเข้าสู่ในร่างกายของเรา
00:09:28 → 00:09:31 เก็บเป็นไขมันก็อ้วนเลย แถมไม่แข็งแรงอีกต่างหาก
00:09:32 → 00:09:35 รวมทั้งพอผ่านไปเดือน 2 เดือน ท่านก็ไม่สามารถอดทนแล้วแหละ
00:09:35 → 00:09:38 มนุษย์อะไรจะกินผลไม้อย่างเดียวไปตลอดชีวิตใช่ไหมครับ
00:09:38 → 00:09:41 มันก็ต้องกินอย่างอื่นบ้าง พอท่านเริ่มกลับมากินปุ๊บ
00:09:41 → 00:09:44 ระบบเผาผลาญพังกลับมาอ้วนหนักเลยนะครับ
00:09:44 → 00:09:45 อันนี้ก็เป็นข้อแรกครับ
00:09:45 → 00:09:48 เป็นความเชื่อผิดๆ ว่าการทานผลไม้เพียงอย่างเดียว
00:09:48 → 00:09:51 ทดแทนข้าวจะทำให้สามารถลดความอ้วนได้ครับ
00:09:52 → 00:09:54 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 2 ครับ
00:09:54 → 00:09:58 นั่นก็คือผลไม้ทานได้เท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
00:09:58 → 00:09:59 อันนี้ไม่จริงอยู่แล้วนะครับ
00:09:59 → 00:10:02 เพราะว่าแม้จะเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่น้อยๆ
00:10:02 → 00:10:05 ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง
00:10:05 → 00:10:09 ไม่ว่าจะเป็นไรก็ตาม ถ้าท่านทานเยอะมากจนเกินไป
00:10:09 → 00:10:12 เช่น ท่านปกติเนี่ยท่านทานอาหาร
00:10:12 → 00:10:16 วันนึงสมมุติว่าท่านต้องการประมาณ 2,000 kcal
00:10:16 → 00:10:19 ท่านทานอาหารไปแล้ว 2,000 kcal แล้วท่านทานผลไม้เพิ่ม
00:10:19 → 00:10:22 เพิ่มอีกเยอะเลย ประมาณ 500 kcal
00:10:23 → 00:10:25 ไอ้ 500 ที่เกินมามันจะทำให้อ้วนอยู่ดีครับ
00:10:25 → 00:10:28 เพราะฉะนั้นเนี่ยการทานผลไม้การทานอาหาร
00:10:28 → 00:10:30 ในที่สุดแล้วก็ต้องควบคุมแคลอรี่
00:10:30 → 00:10:33 ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เลยกับที่ท่านใช้
00:10:33 → 00:10:35 หลักการลดความอ้วนมีแค่ง่ายๆ ครับ
00:10:36 → 00:10:39 ใช้ให้มากกว่ากิน ยังไงก็อย่างงี้ครับ
00:10:39 → 00:10:43 ไม่ว่าผลไม้จะดีจะแพงแค่ไหน ไม่ว่าใครมันจะดีจะแพงแค่ไหน
00:10:43 → 00:10:45 โปรตีนจะดีจะแพงแค่ไหน
00:10:45 → 00:10:49 ถ้าท่านกินมากกว่าใช้ยังไงก็อ้วนครับ
00:10:49 → 00:10:51 มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ครับ
00:10:51 → 00:10:57 คั้นแบบน้ำได้วิตามินสูงกว่าได้ประโยชน์สูงกว่าการกินแบบผล
00:10:57 → 00:10:59 ต้องบอกว่าไม่จริงครับ
00:10:59 → 00:11:03 คือถ้าจะเทียบกันง่ายๆ ก็อาจจะบอกว่าจริงบางส่วน
00:11:03 → 00:11:10 ก็คือว่าสมมุติว่าท่านกินน้ำส้มแก้วหนึ่งเทียบกับส้มผลหนึ่ง
00:11:10 → 00:11:12 ไอ้น้ำส้มแก้วหนึ่งมีวิตามินซีเยอะกว่าเยอะอยู่แล้ว
00:11:13 → 00:11:17 เพราะว่าไอ้ส้มแก้วนึงอ่ะ มันใช้ส้ม 10 ผล เป็นอย่างต่ำ
00:11:17 → 00:11:18 ในการที่จะคั้นออกมา
00:11:18 → 00:11:21 แต่ท่านไม่ใช่ได้แค่วิตามินซีไงครับ
00:11:21 → 00:11:22 ท่านได้อย่างอื่นๆ อีกเพียบเลย
00:11:22 → 00:11:26 และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือน้ำตาลซึ่งทำให้อ้วนมากๆ
00:11:26 → 00:11:29 มีหลายๆ คนเลยพยายามจะลดน้ำหนักด้วยการทานน้ำผลไม้
00:11:29 → 00:11:33 แล้วก็ต้องเศร้าครับ เพราะว่ายิ่งทานยิ่งอ้วนครับ
00:11:33 → 00:11:36 แนะนำเลยว่าให้ทานเป็นผลไม้ปกติดีกว่า
00:11:36 → 00:11:41 เพราะผลไม้เนี่ยหนึ่งก็คือมีกากใยทำให้ท่านอิ่มยาวนาน
00:11:41 → 00:11:44 รวมทั้งเวลาท่านกินกากใยพร้อมกับคาร์โบไฮเดรตต่างๆ
00:11:44 → 00:11:48 เช่น น้ำตาลจากผลไม้ มันจะดูดซึมได้น้อยกว่าปกติ
00:11:48 → 00:11:51 ถ้าท่านทานน้ำผลไม้อย่างเดียวจะดูดซึมเร็วมากนะครับ
00:11:51 → 00:11:54 และทำให้อินซูลินในร่างกายของท่านขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
00:11:55 → 00:11:58 ทำให้การควบคุมน้ำหนักเนี่ยยิ่งยากขึ้นไปอีกนะครับ
00:11:58 → 00:12:01 อันนี้ก็คือความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 3 นั่นเองครับ
00:12:01 → 00:12:04 มาต่อกันที่ความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 4 บ้างครับ
00:12:04 → 00:12:08 นั่นก็คือผลไม้จะกินก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็ได้
00:12:08 → 00:12:11 ก็ต้องบอกงี้ครับว่าสำหรับคนทั่วไปแล้วเนี่ย
00:12:11 → 00:12:12 ท่านจะกินก่อนอาหารหรือหลังอาหาร
00:12:12 → 00:12:15 ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักครับ
00:12:15 → 00:12:17 แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเนี่ย
00:12:17 → 00:12:21 ถ้ากินผลไม้ก่อนอาหารนานๆ แบบนี้ไม่ค่อยแนะนำ
00:12:21 → 00:12:23 แนะนำให้ทานหลังอาหารมากกว่าเพราะว่าอะไร
00:12:24 → 00:12:27 เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านทานผลไม้ก่อนอาหารนานๆ
00:12:27 → 00:12:30 ท่านจะได้รับน้ำตาลเข้าไปเต็มๆ เลยนะครับ
00:12:30 → 00:12:32 แล้วก็ดูดซึมเข้าไป 100% เลย
00:12:32 → 00:12:35 จะทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วมากนะครับ
00:12:35 → 00:12:38 ควบคุมน้ำตาลได้ยากมาก แต่ถ้าทานหลังอาหารเนี่ย
00:12:38 → 00:12:41 ท่านได้ทานอาหารเข้าไปแล้วมีโปรตีนมีไขมัน
00:12:41 → 00:12:43 มันจะยับยั้งการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต
00:12:43 → 00:12:45 หรือน้ำตาลจากผลไม้ได้ในส่วนหนึ่ง
00:12:45 → 00:12:49 ก็จะทำให้การควบคุมอาหารเนี่ยดีขึ้นนั่นเองครับ
00:12:49 → 00:12:52 ควบคุมน้ำตาลก็ยอมขึ้นนั่นเองครับ
00:12:52 → 00:12:54 คราวนี้มาต่อความเชื่อผิดๆ ข้อที่ 5 บ้างครับ
00:12:54 → 00:12:58 นั่นก็คือผลไม้แบบไหนก็เหมือนๆ กันแหละ
00:12:58 → 00:12:59 ต้องบอกว่าไม่เหมือนครับ
00:12:59 → 00:13:03 ผลไม้เนี่ยมีผลไม้ที่ทำให้อ้วนมากๆ สุดๆ
00:13:03 → 00:13:05 แล้วก็ผลไม้ที่ควบคุมน้ำหนักครับ
00:13:05 → 00:13:07 ผลไม้ที่อ้วนมากๆ ก็เช่น ทุเรียน
00:13:07 → 00:13:11 1 เม็ด 160 kcal 3 เม็ด กระเพราไก่ไข่ดาวนะครับ
00:13:11 → 00:13:15 กล้วยน้ำว้า 100 กรัม 150 kcal
00:13:15 → 00:13:18 3-4 ลูก กระเพราไก่ไข่ดาวเช่นกันนะครับ
00:13:18 → 00:13:22 มังคุด มะม่วง เงาะ อันตรายกิน แต่พอเพียงนะครับ
00:13:22 → 00:13:25 เพราะฉะนั้นเลือกทานอย่างถูกต้องเพื่อสุขภาพที่ดีครับ
00:13:25 → 00:13:27 และนี่ก็คือ 5 ความเชื่อผิดๆ
00:13:27 → 00:13:30 ที่จะทำให้ท่านยิ่งทานผลไม้และยิ่งอ้วนครับ
00:13:30 → 00:13:31 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:13:31 → 00:13:34 กด Subscribe และกดกระดิ่ง สวัสดีครับ