00:00:14 → 00:00:16 สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:00:16 → 00:00:20 กลับมาพบกับรายการ Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี
00:00:20 → 00:00:25 กับผมหมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ
00:00:25 → 00:00:29 อาทิตย์นี้ครับเราจะมาคุยกันถึงชื่อตอนที่ว่า
00:00:29 → 00:00:34 กลูเตน แป้งสาลี ข้อควรรู้แป้งยอดนิยม
00:00:34 → 00:00:38 เราจะมาคุยกันครับถึงสิ่งที่เรียกว่ากลูเตน
00:00:38 → 00:00:40 G-L-U-T-E-N
00:00:40 → 00:00:44 หลายท่านเคยได้ยินบางท่านไม่เคยได้ยิน
00:00:44 → 00:00:49 กลูเตนครับเป็นคำที่มีรากภาษามาจากภาษาละติน
00:00:49 → 00:00:53 ที่แปลว่า Glue ครับหรือแปลว่ากาว หรือแปลว่าเหนียวนั่นเอง
00:00:53 → 00:00:56 เพราะฉะนั้นครับเจ้ากลูเตนนี่แหละครับ
00:00:56 → 00:00:58 เป็นไกลโคโปรตีน (Glycoprotein) ชนิดหนึ่ง
00:00:58 → 00:01:00 เรียกว่าเป็นโปรตีนแล้วกันนะครับ
00:01:00 → 00:01:03 ที่พบในส่วนเอนโดสเปิร์ม (Endosperm) ของธัญพืช
00:01:03 → 00:01:07 การรวมกันครับระหว่าง โพรลามินโปรตีน (Prolamin Protein)
00:01:07 → 00:01:11 ก็คือโปรตีนนะครับ บวกกับกลูเตนิน
00:01:11 → 00:01:14 G-L-U-T-E-N-I-N
00:01:14 → 00:01:16 แล้วก็บวกกับไกลอะดิน
00:01:16 → 00:01:19 G-L-I-A-D-I-N
00:01:19 → 00:01:23 3 ตัวนี้ล่ะครับบวกกันเนี่ยเรียกว่า กลูเตน
00:01:23 → 00:01:24 เริ่มใหม่นะครับ
00:01:24 → 00:01:29 โพรลามินโปรตีน บวกกลูเตนิน บวกไกลอะดินนะครับ
00:01:29 → 00:01:34 รวมกันแล้วเนี่ยเป็นเจ้าความเหนียวที่พบในแป้งต่างๆ นี่แหละ
00:01:34 → 00:01:37 เรียกว่าเป็นไกลโคโปรตีนชนิดหนึ่ง
00:01:37 → 00:01:42 เจ้าไกลอะดินนะครับ ก็ยังมีส่วนประกอบเพิ่มเติมเป็นหลายชนิด
00:01:42 → 00:01:47 ไม่ว่าจะเป็นชนิด Alpha Gliadin, Gamma Gliadin นะครับ
00:01:47 → 00:01:50 Beta Gliadin แล้วก็ Omega Gliadin
00:01:50 → 00:01:53 ทั้ง 3-4 ตัวนี้นะครับพอรวมกันแล้วเนี่ย
00:01:53 → 00:01:56 เชื่อมกันด้วยพันธะไดซัลไฟด์ (Disulfied Bond)
00:01:56 → 00:01:57 อันนี้เป็นทฤษฎี
00:01:57 → 00:02:00 ประโยชน์ของเจ้ากลูเตนเนี่ยนะครับก็จะมี
00:02:00 → 00:02:05 ใครหลายท่านที่เคยทานพวกสปาเก็ตตี้, พาสต้านะครับ
00:02:05 → 00:02:08 พิซซ่านะครับ ขนมปังต่างๆ เนี่ย
00:02:08 → 00:02:11 เราจะมีรสชาติหนึ่งใช่ไหมครับที่เราคุ้นเคยครับ
00:02:11 → 00:02:13 ก็คือความหนึบ ความเหนียว
00:02:13 → 00:02:16 ความอร่อยที่เราต้องเคี้ยวเข้าไปเนี่ย
00:02:16 → 00:02:19 เจ้าความอร่อยความเหนียวหนึบนี่แหละครับ
00:02:19 → 00:02:21 คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากกลูเตน
00:02:21 → 00:02:24 ประโยชน์อีกส่วนหนึ่งก็คือช่วยให้นะครับ
00:02:24 → 00:02:28 เวลาขนมหรือว่าแป้งต่างๆ เนี่ย แป้งขนมปังเนี่ย
00:02:28 → 00:02:33 พอมีสารกลูเตนเนี่ย เวลาไปอบครับเขาจะฟูและเขาก็จะเนื้อนุ่ม
00:02:33 → 00:02:35 มีความหนึบ มีความเหนียว
00:02:35 → 00:02:37 ตัวอย่างกลูเตนในแป้งสาลีครับ
00:02:37 → 00:02:43 แป้งสาลี 1 ขีดจะมีโปรตีนกลูเตนเนี่ยถึงประมาณ 13.2 กรัม
00:02:43 → 00:02:44 ซึ่งก็ถือว่าเยอะ
00:02:44 → 00:02:47 นี่ก็คือเป็นประโยชน์นะครับและความอร่อยนะครับ
00:02:47 → 00:02:51 และก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนเนี่ยติดใจนะครับ
00:02:51 → 00:02:52 แล้วก็รับประทานอยู่เสมอ
00:02:52 → 00:02:55 วันนี้ที่หมอแอมป์มาเล่าให้ฟังครับเพราะว่า
00:02:55 → 00:02:59 ในเมืองนอกนะครับมีการพูดถึงเจ้าสารกลูเตนนะครับ
00:02:59 → 00:03:03 หรือว่าเจ้าโปรตีนกลูเตนนะครับ หรือว่าตัวไกลโคโปรตีนเนี้ย
00:03:03 → 00:03:05 แพร่หลายขึ้นมากขึ้น
00:03:05 → 00:03:08 เนื่องด้วยครับเมื่อก่อนเนี่ยคนเราก็กินกันไป
00:03:08 → 00:03:10 ส่วนใหญ่จะทานอาหารตามภูมิภาค
00:03:10 → 00:03:13 หรือว่าสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอยู่อาศัย
00:03:13 → 00:03:15 พอโลกใบนี้เองเปิดกว้างขึ้นครับ
00:03:15 → 00:03:18 มีเครื่องบิน มีการเดินทาง มีการย้ายถิ่นฐาน
00:03:18 → 00:03:20 มีการไปทำงานต่างประเทศ
00:03:20 → 00:03:23 คนเอเชียบางทีไปอยู่ในยุโรป
00:03:23 → 00:03:24 คนยุโรปมาอยู่ที่เอเชีย
00:03:24 → 00:03:29 มีการกินอาหารบางอย่างที่ผิดจากบรรพบุรุษตัวเองทาน
00:03:29 → 00:03:32 ก็เกิดสิ่งต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
00:03:32 → 00:03:35 จนมามีการวินิจฉัยมากขึ้นครับในยุคปัจจุบันว่า
00:03:35 → 00:03:39 ถ้าเรากินอาหารผิดจากพันธุกรรมตัวเรา
00:03:39 → 00:03:42 ผิดจากบรรพบุรุษตัวเราเนี่ย
00:03:42 → 00:03:46 บางอย่างกินได้ บางอย่างอาจเกิดอาการแพ้ครับ
00:03:46 → 00:03:50 ก็เลยมีที่มาครับว่า การแพ้อาหารต่างๆ เนี่ย
00:03:50 → 00:03:52 ก็เกิดได้รับความสนใจมากขึ้น
00:03:52 → 00:03:55 ในหมู่นักวิทยาศาสตร์แล้วก็แพทย์
00:03:55 → 00:03:58 ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่แพ้น้ำตาลแลคโตสในนมนะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ภาวะแพ้แป้งกลูเตนนี่แหละครับ
00:04:01 → 00:04:04 ภาวะแพ้ถั่วนะครับ แพ้อาหารทะเล
00:04:04 → 00:04:06 วันนี้ครับหมอก็เลยต้องเอาเรื่องกลูเตน
00:04:06 → 00:04:10 หรือว่าส่วนใหญ่ที่เจอในแป้งสาลีเนี่ยมาเล่าให้ฟังนะครับ
00:04:10 → 00:04:14 ว่ามีรายละเอียดที่น่าสนใจมากทีเดียว
00:04:14 → 00:04:15 ไปต่อครับ
00:04:15 → 00:04:19 กลูเตนนะครับ ส่วนใหญ่จะพบในธัญพืชต่างๆ
00:04:19 → 00:04:22 มักจะเป็นธัญพืชที่ขึ้นในเมืองหนาว
00:04:22 → 00:04:25 หรือแถบประเทศที่อากาศเย็นนะครับ
00:04:25 → 00:04:29 ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีนะครับ หรือภาษาอังกฤษเรียก Wheat
00:04:29 → 00:04:31 W-H-E-A-T
00:04:31 → 00:04:33 ตัวนี้ก็มีกลูเตนเป็นองค์ประกอบเยอะ
00:04:33 → 00:04:35 ข้าวไรย์ครับ
00:04:35 → 00:04:36 R-Y-E
00:04:36 → 00:04:38 มีองค์ประกอบเป็นกลูเตนเยอะ
00:04:38 → 00:04:40 ข้าวบาร์เลย์
00:04:40 → 00:04:42 B-A-R-L-E-Y
00:04:42 → 00:04:45 ทริทิเคลี่ (Triticale) ครับ ตัวนี้เป็นลูกผสมนะครับ
00:04:45 → 00:04:49 ระหว่างข้าวสาลีกับข้าวไรย์ อันนี้ก็มีกลูเตนเยอะนะครับ
00:04:49 → 00:04:53 ที่หมอแอมกำลังพูดถึงชื่อแป้งต่างๆ เนี่ย
00:04:53 → 00:04:57 จะได้ทราบว่ากลูเตนเนี่ยอยู่ในพืชชนิดไหนบ้างนะครับ
00:04:57 → 00:04:59 อยู่ในแป้งชนิดไหนบ้าง
00:04:59 → 00:05:02 ตัวต่อไปที่มีกลูเตนเยอะครับก็คือแป้งสเปลท์ครับ
00:05:02 → 00:05:05 S-P-E-L-T
00:05:05 → 00:05:09 คล้ายๆ กับข้าวสาลีแหละครับ แต่เขาเรียกว่าแป้งสเปลท์
00:05:09 → 00:05:10 หรือว่าข้าวสเปลท์
00:05:10 → 00:05:13 ตัวต่อไปครับ ข้าวสาลีสายพันธุ์โบราณนะครับ
00:05:13 → 00:05:18 ชื่อภาษาอังกฤษว่า Kamut บางครั้งเรียก Khorasan นะครับ
00:05:18 → 00:05:26 K-A-M-U-T ครับแล้วก็ K-H-O-R-A-S-A-N
00:05:26 → 00:05:29 พวกนี้เป็นข้าวสาลีโบราณครับ
00:05:29 → 00:05:32 ปลูกในอียิปต์ประมาณ 5000 กว่าปีที่แล้ว
00:05:32 → 00:05:36 อีกหนึ่งตัวที่มีความสับสนเยอะนะครับก็คือข้าวโอ้ตครับ
00:05:36 → 00:05:39 หลายท่านบอก เอ๊ ข้าวโอ๊ตเนี่ยมีกลูเตนนะ
00:05:39 → 00:05:42 บางครั้งก็บอกข้าวโอ๊ตแบบไม่มีกลูเตนนะ
00:05:42 → 00:05:47 ก็เลยมาสรุปให้ฟังว่า จริงๆ ข้าวโอ๊ตเนี่ยไม่มีกลูเตนนะครับ
00:05:47 → 00:05:50 แต่กระบวนการขัดสีหรือกระบวนการขัดเนี่ย
00:05:50 → 00:05:55 โรงงานส่วนใหญ่ที่ขัดข้าวโอ๊ตนะครับก็จะรับขัดข้าวสาลีด้วย
00:05:55 → 00:06:00 ก็เลยทำให้ เจ้าข้าวโอ๊ตเนี่ยมีการปนเปื้อนกลูเตนบ่อยครั้งไป
00:06:00 → 00:06:05 แต่ถ้าเราไปซื้อนะครับแล้วก็เขียนว่า โอ๊ตแบบ Gluten Free
00:06:05 → 00:06:09 คือเป็นข้าวโอ๊ตที่ไม่มีกลูเตน ก็คือเขาคุมการขัดอย่างดีแล้ว
00:06:09 → 00:06:11 อย่างนี้ก็รับประทานได้นะครับ
00:06:11 → 00:06:13 อันนี้คือคร่าวๆ นะครับว่า
00:06:13 → 00:06:17 แป้งส่วนใหญ่ที่บางคนอาจจะไม่คุ้นเคยนะครับว่า
00:06:17 → 00:06:20 เป็นแป้งส่วนใหญ่เนี่ยเขาจะเอามาทำแล้ว
00:06:20 → 00:06:22 เราก็จะเห็นเป็นรูปแบบตอนทำเสร็จครับ
00:06:22 → 00:06:25 ไม่ว่าจะพวกขนมปังนะครับ พวกพาสต้านะครับ
00:06:25 → 00:06:28 มักกะโรนีนะครับ เส้นสปาเก็ตตี้นะครับ
00:06:28 → 00:06:31 ถ้าในแป้งที่เราคุ้นเคยในเอเชีย
00:06:31 → 00:06:35 แป้งสาลีก็จะเป็นพวกแป้งซาลาเปา แป้งห่อเกี๊ยวนะครับ
00:06:35 → 00:06:36 ก็จะมีกลูเตน
00:06:36 → 00:06:41 อันนี้ก็คือสิ่งสำคัญว่า หมอกำลังจะพาเดินไปต่อนะครับว่า
00:06:41 → 00:06:44 ให้เรารู้ก่อนว่าเจ้ากลูเตนเนี่ยมันอยู่รอบตัวเรา
00:06:44 → 00:06:47 แป้งชนิดไหนที่ไม่มีกลูเตนนะครับ
00:06:47 → 00:06:49 ก็จะเป็นแป้งส่วนใหญ่ที่พบในบ้านเรานี่แหละครับ
00:06:49 → 00:06:50 จะไม่มีกลูเตนนะครับ
00:06:50 → 00:06:53 เป็นแป้งเมืองร้อน หรือว่าเป็นพืชเมืองร้อนเนี่ย
00:06:53 → 00:06:58 ข้าวเจ้านี่ไม่มี ข้าวกล้องนี่ไม่มี ข้าวสวยเนี่ยไม่มีนะครับ
00:06:58 → 00:07:02 เรากินเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ ทานวุ้นเส้นเนี่ยไม่มีกลูเตน
00:07:02 → 00:07:04 เดี๋ยวกลับมาเรื่องอาหาร
00:07:04 → 00:07:08 เราไปดูกันต่อว่าเมื่อกี้เราพูดถึงประโยชน์ของกลูเตนไปแล้ว
00:07:08 → 00:07:12 คราวนี้เจ้ากลูเตนเองเนี่ยมีข้อเสียอะไรบ้าง
00:07:12 → 00:07:15 ภาวะแพ้กลูเตนครับหรือว่าร่างกายไม่ย่อยกลูเตนเนี่ย
00:07:15 → 00:07:18 แบ่งออกได้เป็นหลายชนิดนะครับ
00:07:18 → 00:07:21 คือมี Subset เรียกว่ามีองค์ประกอบด้วย
00:07:21 → 00:07:24 ตาม Definition หรือคำจำกัดความนะครับ
00:07:24 → 00:07:28 จากวารสารการวิจัย Nutrients นะครับในปีค.ศ. 2016 ครับว่า
00:07:28 → 00:07:32 มนุษย์นะครับ ที่มีภาวะแพ้หรือว่าไม่ย่อยกลูเตนเนี่ย
00:07:32 → 00:07:36 แบ่งออกได้เป็น 3 โรคนะครับ ประกอบไปด้วย
00:07:36 → 00:07:38 1. ครับ Autoimmune Celiac Disease
00:07:38 → 00:07:40 ขอขยายโรคนี้หน่อยนะครับ
00:07:40 → 00:07:48 C-E-L-I-A-C นะครับ หรือบางครั้งเขียน C-O-E-L-I-A-C
00:07:48 → 00:07:52 Autoimmune Celiac Disease นี่เป็นหนึ่งองค์ประกอบโรค
00:07:52 → 00:07:54 เกี่ยวกับเรื่องของภาวะ Sensitive กับกลูเตน
00:07:54 → 00:08:00 2. เป็นภาวะ Allergic to Wheat ก็คือ แพ้แป้งสาลีครับ
00:08:00 → 00:08:04 แล้วก็ 3. ครับ Gluten Sensitivity นะครับ
00:08:04 → 00:08:07 หรือบางครั้งเรียก Gluten Intolerance นะครับ
00:08:07 → 00:08:14 หรืออีกชื่อหนึ่งที่ชื่อว่า Non-celiac Gluten Sensitivity หรือ NCGS
00:08:14 → 00:08:15 ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ครับ
00:08:15 → 00:08:21 เป็นภาวะที่ร่างกายเนี่ยไม่สามารถที่จะย่อยกลูเตนได้นะครับ
00:08:21 → 00:08:23 อาการหลายๆ อย่างนี้คล้ายกันนะครับ
00:08:23 → 00:08:25 แต่ก็แบ่งออกเป็น Subset สัก 3 อัน
00:08:25 → 00:08:28 เพื่อแยกลงไปลึกว่าแพ้กลูเตนระดับไหนนะครับ
00:08:28 → 00:08:29 เรามาดูกัน
00:08:29 → 00:08:33 เจ้ากลูเตนโปรตีนนี่แหละครับจะถูกย่อยยากมากในลำไส้มนุษย์
00:08:33 → 00:08:38 นั่นคือเหตุผลครับว่า ในคนที่สามารถย่อยกลูเตนได้เนี่ย
00:08:38 → 00:08:41 ก็จะทานอาหารจำพวกแป้งเหล่านี้แล้วไม่เป็นไร
00:08:41 → 00:08:43 เกิดประโยชน์กับร่างกาย
00:08:43 → 00:08:45 แต่ในคนที่ย่อยไม่ได้ครับ
00:08:45 → 00:08:47 เพราะว่ากลูเตนเนี่ยบางครั้งใหญ่พันธุกรรมเรา
00:08:47 → 00:08:49 ไม่สามารถสร้างน้ำย่อยออกมาย่อยได้เนี่ย
00:08:49 → 00:08:53 เมื่อเจ้าความเหนียวหนึบเหล่าเนี่ยย่อยยากครับ
00:08:53 → 00:08:55 ก็จะก่อให้เกิดแก๊สเยอะในลำไส้
00:08:55 → 00:08:59 บางคนลมในท้องเยอะ บางคนรู้สึกผายลมมาก
00:08:59 → 00:09:02 มีอาการท้องเสีย เป็นคนปวดท้อง บางคนท้องผูก
00:09:02 → 00:09:04 บางคนกระสับกระส่าย
00:09:04 → 00:09:06 เราไปดู Subset หรือว่าองค์ประกอบโรคกัน
00:09:06 → 00:09:12 อันที่ 1 ครับ เป็นโรคที่แพร่หลายได้ยินบ่อยในเมืองนอกนะครับ
00:09:12 → 00:09:15 แล้วก็เมืองไทยก็เริ่มที่จะได้รับความสนใจ
00:09:15 → 00:09:18 หรือว่ามีคนที่สนใจสุขภาพเนี่ย
00:09:18 → 00:09:21 ดูแลตัวเองหรือว่าสังเกตอาการตัวเองมากขึ้น
00:09:21 → 00:09:25 Celiac Disease ครับเป็น Autoimmune Disease
00:09:25 → 00:09:27 หรือที่เขาเรียกว่าโรคภูมิแพ้ตัวเองครับ
00:09:27 → 00:09:30 ก็คือร่างกายตัวเองแพ้ภูมิตัวเอง
00:09:30 → 00:09:34 Celiac Disease พบเจอในมนุษย์เราเนี่ยประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์
00:09:34 → 00:09:37 จะถือว่ามากไหมก็ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย
00:09:37 → 00:09:39 สาเหตุส่วนใหญ่ครับ
00:09:39 → 00:09:42 ในอดีตเราต้องดูอาการนะครับว่าอาการนี่เข้ากับโรคนี้ไหม
00:09:42 → 00:09:47 แล้วการวินิจฉัยเนี่ยจำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อนะครับ
00:09:47 → 00:09:49 ก็จะรู้สึกว่าเริ่มหวาดเสียวใช่ไหมครับว่า
00:09:49 → 00:09:51 ใครอยากจะทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้หรือเปล่าเนี่ย
00:09:51 → 00:09:54 ในอดีตเนี่ยก็ต้องเข้าไปนะครับ
00:09:54 → 00:09:57 ส่องกล้องก็ไปแล้วก็ตัดผนังลำไส้มาดู
00:09:57 → 00:10:00 ส่งไปตรวจในแลปครับว่าเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง
00:10:00 → 00:10:03 ในผนังลำไส้หรือที่เรียกว่า Celiac Disease หรือเปล่า
00:10:03 → 00:10:04 ปัจจุบันครับ
00:10:04 → 00:10:08 ในยุคสมัยที่เราสามารถตรวจรหัสพันธุกรรมเราได้เนี่ย
00:10:08 → 00:10:12 ทำให้เรารู้ว่า Celiac Disease หรือโรค Celiac เนี่ย
00:10:12 → 00:10:13 เราเป็นหรือเปล่า
00:10:13 → 00:10:17 รหัสพันธุกรรมครับ ที่เป็นตัวบ่งบอกว่า
00:10:17 → 00:10:20 คนไหนมีโรค Celiac Disease
00:10:20 → 00:10:22 คนไหนไม่มีโรค Celiac Disease นะครับ
00:10:22 → 00:10:25 ก็จะมีการกลายพันธุ์ในยีนเหล่านี้ครับ
00:10:25 → 00:10:26 จดชื่อไว้หน่อยก็ดี
00:10:26 → 00:10:29 ยีนส์ตัวที่ 1 กับที่เกี่ยวกับโรค Celiac Disease
00:10:29 → 00:10:33 ก็คือยีนที่ชื่อว่า HLA-DQA2
00:10:33 → 00:10:38 ตัวต่อไปครับ HLA-DQA1
00:10:38 → 00:10:42 ตัวต่อไปครับ HLA-DRA
00:10:42 → 00:10:46 แล้วก็ตัวสุดท้ายครับ HLA-DQB
00:10:46 → 00:10:49 4 รหัสพันธุกรรมนี้เป็นตัวที่กำหนดกับว่า
00:10:49 → 00:10:53 เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค Celiac Disease หรือว่าไม่มี
00:10:53 → 00:10:54 มีการวิจัยครับว่า
00:10:54 → 00:10:59 แม้ว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเนี่ยจะมี Celiac Disease ประมาณ 1%
00:10:59 → 00:11:02 แต่จะมีบางประเทศกลับมีมากกว่าประเทศอื่นเช่นนะครับ
00:11:02 → 00:11:05 ประเทศฟินแลนด์ครับ ประเทศเม็กซิโกครับ
00:11:05 → 00:11:08 มีคนเป็นโรคนี้ประมาณ 2-5 เปอร์เซ็นต์ครับ
00:11:08 → 00:11:09 เพราะฉะนั้นโรคนี้ครับ
00:11:09 → 00:11:12 เป็นโรคที่เกี่ยวกับเรื่องของผนังลำไส้
00:11:12 → 00:11:14 แล้วก็การย่อยอาหารอย่างชัดเจน
00:11:14 → 00:11:18 เพราะฉะนั้นเวลาคนที่ไม่สามารถย่อยกลูเตนได้ครับ
00:11:18 → 00:11:22 เจ้ากลูเตนเนี้ยก็จะทำให้ผนังลำไส้อักเสบ
00:11:22 → 00:11:27 แล้วก็ไปทำลายผนังเซลล์ลำไส้แล้วครับ ที่มีชื่อว่า Enterocyte
00:11:27 → 00:11:29 เพราะฉะนั้นเวลาผนังลำไส้อักเสบครับ
00:11:29 → 00:11:34 ก็จะเกิดการรั่วครับ หรือที่เขาเรียกว่าลำไส้รั่ว
00:11:34 → 00:11:36 ภาษาอังกฤษเรียก Leaky Gut Syndrome
00:11:36 → 00:11:39 L E A K Y แปลว่ารั่ว
00:11:39 → 00:11:43 G U T แปลว่าระบบย่อยอาหารนะครับ
00:11:43 → 00:11:46 Syndrome ก็คือภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น
00:11:46 → 00:11:48 แสดงว่าโรค Celiac Disease ครับ
00:11:48 → 00:11:50 ต้องเกิดขึ้นมาจาก
00:11:50 → 00:11:55 1. ร่างกายไม่สามารถสร้างน้ำย่อยออกมาย่อยกลูเตนได้
00:11:55 → 00:11:58 2. สารกลูเตนก็ก่อให้เกิดการอักเสบ เพราะย่อยไม่ได้นะครับ
00:11:58 → 00:12:00 มีเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กัน
00:12:00 → 00:12:04 ก่อให้เกิดภูมิเริ่มกำเริบมาต่อสู้กับกลูเตน
00:12:04 → 00:12:07 พอต่อสู้ต่อไปต่อมานานๆ เข้า
00:12:07 → 00:12:10 ผนังลำไส้ก็เริ่มอักเสบ เริ่มถูกทำลาย
00:12:10 → 00:12:13 เริ่มเป็นรู เริ่มรั่วครับ
00:12:13 → 00:12:16 สารอาหารก็จะเริ่มรั่วออกไปจากลำไส้
00:12:16 → 00:12:20 ของดีๆ เริ่มรั่วออกไป ของไม่ดีเริ่มรั่วเข้ามา
00:12:20 → 00:12:22 เวลามีปัญหานะครับ
00:12:22 → 00:12:25 หรือที่เรียกว่า Leaky Gut Syndrome เนี่ย
00:12:25 → 00:12:27 ผนังนะครับ ส่วนที่ชื่อว่าวิลไล (Villi)
00:12:27 → 00:12:30 ก็คือเป็นคล้ายๆ กับเส้นๆ นะครับ ไว้ดูด
00:12:30 → 00:12:32 คล้ายๆ กับดอกไม้ทะเลแบบนั้น
00:12:32 → 00:12:34 ถูกทำลายหมดก็ไม่มีตัวดูดแล้ว
00:12:34 → 00:12:35 สารอาหารก็รั่วสิครับ
00:12:35 → 00:12:39 ต่อมาเขาเรียกว่าเกิดภาวะ Malabsorption นะครับ
00:12:39 → 00:12:43 ก็คือ วิตามินและแร่ธาตุเริ่มออกไปจากร่างกาย
00:12:43 → 00:12:45 หรือว่าไม่ดูดซึมเข้ามา
00:12:45 → 00:12:47 ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนมากมายทีเดียว
00:12:47 → 00:12:49 เราไปดูครับว่า
00:12:49 → 00:12:53 อาการแบบไหนที่อาจจะทำให้เราต้องคิดถึงว่า
00:12:53 → 00:12:57 ร่างกายเรามีความเสี่ยงเป็นโรค Celiac หรือเปล่า
00:12:57 → 00:13:01 1. เวลาที่เราเกิดภาวะแพ้ ก็เกิดโรคผิวหนังอังเสบ
00:13:01 → 00:13:06 หรือว่าคันผิวหนัง หรือว่าผิวหนังเป็นผื่น แดง แล้วก็ร้อน
00:13:06 → 00:13:09 แล้วอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังต่อมา
00:13:09 → 00:13:15 เช่น โรคผิวหนังที่ชื่อว่า DH หรือ Dermatitis Herpetiformis
00:13:15 → 00:13:18 อีกโรคหนึ่งครับเป็นโรคผิวหนังที่ชื่อว่า
00:13:18 → 00:13:21 KP หรือ Keratosis Pilaris นะครับ
00:13:21 → 00:13:26 2 โรคนี้ก็อาจจะเกิดมาจาก ร่างกายไวต่อภูมิตนเอง
00:13:26 → 00:13:31 เวลาเจอกลูเตนปุ๊บ ภูมิเริ่มตีกันก็เกิดโรคผิวหนังขึ้นมา
00:13:31 → 00:13:35 อาการต่อไปครับ ที่อาจจะเกิดจาก Celiac Disease ก็คือ
00:13:35 → 00:13:38 โลหิตจาง มีภาวะอ่อนเพลียนะครับ
00:13:38 → 00:13:41 บางคนปวดกล้ามเนื้อ บางคนปวดกระดูกนะครับ
00:13:41 → 00:13:45 มีภาวะโครนิกไฟโบรมัยอัลเจีย (Chronic Fibromyalgia)
00:13:45 → 00:13:47 หรือว่าปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
00:13:47 → 00:13:49 ก็อาจจะคิดถึงโรคนี้ได้
00:13:49 → 00:13:51 โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทครับ
00:13:51 → 00:13:54 อาจจะทำให้วิตกกังวลนะครับ
00:13:54 → 00:13:58 หรือบางคนเนี่ย ปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
00:13:58 → 00:14:00 ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อกี๊หมอกล่าวไปแล้วเนอะ
00:14:00 → 00:14:07 บางครับนี่ลามไปถึงการทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก หรือ Infertility
00:14:07 → 00:14:09 ประจำเดือนผิดปกตินี่ก็น่าสงสัย
00:14:09 → 00:14:11 แก๊สเยอะ ปวดท้อง ท้องเสีย
00:14:11 → 00:14:16 อันนี้ก็คืออาการคร่าวๆ ครับของโรค Celiac Disease
00:14:16 → 00:14:17 ไปต่อครับ
00:14:17 → 00:14:22 ภาวะที่ 2 ครับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการแพ้แป้งกลูเตน
00:14:22 → 00:14:27 ก็คือ Wheat Allergy หรือที่เรียกว่าแพ้แป้งสาลี
00:14:27 → 00:14:29 การแพ้เนี่ยจะมีหลายรูปแบบ
00:14:29 → 00:14:33 คือบางครั้งเราเรียกว่าแพ้หมดแหละเวลาเราคุยกับคนไข้
00:14:33 → 00:14:38 แต่จริงๆ แล้วกระบวนการการสร้างอาการแพ้นี้มีหลายรูปแบบ
00:14:38 → 00:14:41 อย่าง Celiac Disease เนี่ยเกิดมาจาก ไม่ย่อย
00:14:41 → 00:14:46 แล้วก็แพ้ระหว่างอาหารที่ย่อยไม่ได้กับเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กัน
00:14:46 → 00:14:48 ต่อต้านกันว่าเป็นคนแปลกหน้า
00:14:48 → 00:14:53 เกิดอาการในระยะยาว ยิ่งนานๆ เข้ายิ่งอาการเยอะขึ้น
00:14:53 → 00:14:58 แต่ตัวต่อไปอย่างแพ้แป้งสาลีเนี่ย อาการระยะยาวจะไม่มาก
00:14:58 → 00:15:00 แต่อาการระยะสั้นเนี่ยจะเยอะ
00:15:00 → 00:15:03 ก็คือกินปุ๊บก็รู้เลยว่ามีอาการแหละครับ
00:15:03 → 00:15:05 การแพ้แป้งสาลี เกิดมาจาก
00:15:05 → 00:15:09 การที่ร่างกายแพ้จากสารที่อยู่ในแป้งสาลี
00:15:09 → 00:15:14 อาการก็เริ่มตั้งแต่น้อยๆ นะครับ อาจจะแค่คัน แค่เป็นผื่น
00:15:14 → 00:15:19 ไปจนถึงบางครั้ง หลอดลมบวมแดง หายใจไม่ออก
00:15:19 → 00:15:23 แพ้มากนะครับ จนอาจจะถึงแก่ชีวิตได้
00:15:23 → 00:15:26 หรือที่เขาเรียกว่า Anaphylaxis นะครับ
00:15:26 → 00:15:29 ก็คือแพ้เจ้าสารนี้มากๆ จนหายใจไม่ออก
00:15:29 → 00:15:34 หลอดลมบวมแดง หน้าเขียว แล้วก็เสียชีวิตไป
00:15:34 → 00:15:37 แต่จะไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องระบบย่อยอาหาร
00:15:37 → 00:15:39 การตรวจภาวะแพ้แป้งสาลีนะครับ
00:15:39 → 00:15:43 สามารถทำได้โดยการทำ Skin Prick Test นะครับ
00:15:43 → 00:15:46 หรือว่าตรวจภูมิแพ้ผ่านการใช้เข็มนะครับ
00:15:46 → 00:15:49 แล้วเอาอาหารที่แพ้มาจิ้มบนผิวหนัง
00:15:49 → 00:15:52 แล้วดูสิว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร
00:15:52 → 00:15:55 ในกรณีที่ใครสงสัยภาวะนี้ก็ต้อง
00:15:55 → 00:15:58 ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังนะครับ
00:15:58 → 00:16:01 คุณหมอผิวหนังเขาสามารถที่จะตรวจได้ว่า
00:16:01 → 00:16:03 เราแพ้แป้งสาลีหรือเปล่า
00:16:03 → 00:16:05 มาถึงภาวะที่ 3 ครับ
00:16:05 → 00:16:10 เป็นภาวะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเลย ก็คือคนเป็นเยอะครับ
00:16:10 → 00:16:14 บางครั้งเนี่ยไม่ได้เยอะหรือมากขนาด Celiac Disease
00:16:14 → 00:16:17 คือภูมิเริ่มตีตัวเองเลย
00:16:17 → 00:16:22 แต่เป็นการเริ่มจากร่างกายไม่ค่อยย่อย หรือย่อยสารกลูเตนยาก
00:16:22 → 00:16:26 โรคที่ 3 เลยเรียกว่า Gluten Sensitivity
00:16:26 → 00:16:30 หรือว่าภูมิต้านทานไวต่อสารกลูเตน
00:16:30 → 00:16:33 หรือที่เรียกว่า Gluten Intolerance นะครับ
00:16:33 → 00:16:36 คือร่างกายไม่ย่อยกลูเตน
00:16:36 → 00:16:41 หรือชื่ออีกชื่อหนึ่งของเขาครับ Non-celiac Gluten Sensitivity
00:16:41 → 00:16:45 ก็คือภาวะร่างกายไม่ย่อยกลูเตนแต่อาการไม่สูง
00:16:45 → 00:16:48 ไม่เยอะ จนถึงโรค Celiac แต่ก็คล้ายๆ กันแหละครับ
00:16:48 → 00:16:50 เพราะฉะนั้นเราไปดูอาการหน่อยครับว่า
00:16:50 → 00:16:56 โรค Gluten Intolerance หรือว่า NCGS เนี่ยมีอะไรบ้าง
00:16:56 → 00:17:00 เวลาร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยกลูเตนได้
00:17:00 → 00:17:03 ก็จะเกิดอาการแก๊สเยอะครับ
00:17:03 → 00:17:06 บางท่านที่รู้สึกกินแป้งเหล่านี้เข้าไป
00:17:06 → 00:17:08 เมื่อก่อนไม่ค่อยได้สังเกต
00:17:08 → 00:17:12 พอมาสังเกตปุ๊บเนี่ยรู้สึกว่า ทำไมแก๊สเยอะ
00:17:12 → 00:17:15 ผายลมบ่อยนะครับ อุจจาระกลิ่นแรง
00:17:15 → 00:17:19 หรือบางคนนะครับพอทานแป้งเหล่านี้ก็ไปแล้ว
00:17:19 → 00:17:21 พอเราไปสังเกตเนี่ย อาจจะมีอาการปวดหัว
00:17:21 → 00:17:26 บางทีปวดไมเกรน หรือไมเกรนกำเริบบ่อยๆ โดยไม่รู้สาเหตุ
00:17:26 → 00:17:31 บางคนครับแพ้กลูเตนครับ มีอาการอ่อนเพลียนะครับ
00:17:31 → 00:17:35 หมดแรงนะครับ ปวดตามข้อต่างๆ ของร่างกาย นี่ก็คิดถึงได้นะ
00:17:35 → 00:17:39 ปวดกล้ามเนื้อครับ ท้องเสียก็มีนะครับ ท้องผูกก็มี
00:17:39 → 00:17:41 เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
00:17:41 → 00:17:43 นี่ก็อาจจะทำให้คิดถึงภาวะนี้ได้
00:17:43 → 00:17:45 หรือว่าร่างกายไม่ย่อยกลูเตนเนี่ย
00:17:45 → 00:17:48 บางคนครับเป็นผื่นแพ้ที่ผิวหนังครับ
00:17:48 → 00:17:51 ผิวหนังอักเสบครับ รอยสิวหายยาก
00:17:51 → 00:17:54 รอยดำหายาก รอยยุงกัดหายยาก
00:17:54 → 00:17:57 ผมร่วง ผมบาง นี่ก็เกี่ยวข้อง
00:17:57 → 00:18:01 บางครั้งครับ มีผลจนถึงสุขภาพจิตเลยนะครับ
00:18:01 → 00:18:03 ไม่ว่าจะเป็นวิตกกังวลขึ้นไหมนะครับ
00:18:03 → 00:18:06 ซึมเศร้ามากขึ้นนะครับ อารมณ์แปรปรวนนะครับ
00:18:06 → 00:18:10 ขาดสมาธิ น้ำหนักลดนี้ก็จดได้นะครับ
00:18:10 → 00:18:12 ทำลายแบคทีเรียดีในลำไส้ครับ
00:18:12 → 00:18:15 เวลาพอร่างกายไม่ย่อยกลูเตนเนี่ย
00:18:15 → 00:18:19 แบคทีเรียในลำไส้ที่เป็นคนดีหรือโปรไบโอติกเนี่ย
00:18:19 → 00:18:22 ก็จะถูกทำลาย ทำให้ระบบภูมิต้านทานเราตกลงด้วย
00:18:22 → 00:18:24 แสดงว่าถ้าเราไม่ทราบ
00:18:24 → 00:18:27 พอไปกินอาหารที่เราแพ้นานๆ อาการไม่ได้เยอะขึ้นมาก
00:18:27 → 00:18:31 เราก็นึกว่าไม่มีอะไร กินไปเรื่อยๆ เนี่ย ภูมิต้านทานก็ตก
00:18:31 → 00:18:33 โรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ ก็มา
00:18:33 → 00:18:38 บางครั้งครับพอลำไส้รั่วครับ ดูดซึมธาตุเหล็กไม่ได้
00:18:38 → 00:18:41 ก็เกิดภาวะ Iron Deficiency หรือว่าขาดธาตุเหล็ก
00:18:41 → 00:18:43 ก็เกิดโรคโลหิตจางไปอีก
00:18:43 → 00:18:46 บางคนเป็น Gluten Sensitivity
00:18:46 → 00:18:48 หรือภาวะร่างกายไม่ย่อยกลูเตนนานๆ เข้าเนี่ย
00:18:48 → 00:18:52 ก็จะทำให้ไหลไปสู่ภาวะเป็นโรค Celiac Disease ในที่สุด
00:18:52 → 00:18:56 ก็คือโรคภูมิแพ้ตัวเอง อันนี้ก็น่ากลัว
00:18:56 → 00:18:59 แล้วก็มีการวิจัยไว้ครับว่าในเด็กๆ ครับ
00:18:59 → 00:19:01 การที่ร่างกายไม่ย่อยกลูเตนครับ
00:19:01 → 00:19:03 มีผลกับการเจริญเติบโตของสมอง
00:19:03 → 00:19:05 บางคนครับ ผู้ปกครองสังเกตดู
00:19:05 → 00:19:09 ทำไมลูกหลานเรียนสมาธิสั้นนะครับ
00:19:09 → 00:19:11 ชอบกรี๊ดนะครับ เอาแต่ใจนะครับ
00:19:11 → 00:19:14 นั่นแหละครับอาจจะต้องมาคำนึงถึงภาวะนี้ด้วย
00:19:14 → 00:19:18 เพราะว่าเรื่องกลูเตนเนี่ยเป็นเรื่องใหม่ แล้วก็เป็นเรื่องใหญ่
00:19:18 → 00:19:21 หลายๆ อย่างทั้งหมดที่หมอกล่าวมานะครับ
00:19:21 → 00:19:23 เดี๋ยวทีมงานจะเอา Reference นะครับ
00:19:23 → 00:19:26 หรือว่าบทความวิจัยแปะไว้ข้างล่างนะครับ
00:19:26 → 00:19:27 ใครอยากไปอ่านเพิ่มเติมเนี่ย
00:19:27 → 00:19:29 สามารถกดอ่านได้เยอะทีเดียวนะครับ
00:19:29 → 00:19:33 จากบทความวิจัยหลายอันมากที่หมอสรุปมาให้
00:19:33 → 00:19:34 ไปดูกันนิดนึงก็ดีครับ
00:19:34 → 00:19:36 มีการวิจัยไว้ครับใน
00:19:36 → 00:19:40 Journal of Alimentary Pharmacology & Therapeutics
00:19:40 → 00:19:41 ในปี ค.ศ. 2005 ครับ
00:19:41 → 00:19:45 โดยคณะคุณหมอ Molina-Infante วิจัยไว้ครับว่า
00:19:45 → 00:19:49 ภาวะคนที่มี Gluten Intolerance นะครับ
00:19:49 → 00:19:51 หรือว่าร่างกายไม่ย่อยกลูเตนเนี่ย
00:19:51 → 00:19:55 ทั่วโลกเนี่ยมีประมาณ 0.5-13 เปอร์เซ็นต์
00:19:55 → 00:19:58 อันนี้ของคณะของ Dr. Molina-Infante
00:19:58 → 00:20:03 การวิจัยต่อไปครับใน Journal of Gastroenterology
00:20:03 → 00:20:04 ในปี ค.ศ. 2015 ครับ
00:20:04 → 00:20:07 อันนี้เป็นของคณะคุณหมอ Fasano นะครับว่า
00:20:07 → 00:20:13 ชาวอเมริกัน มีภาวะ Gluten Intolerance ประมาณ 6% ครับ
00:20:13 → 00:20:16 หรือประมาณ 18 ล้านคน อันนี้ปี 2015
00:20:16 → 00:20:20 หรืออีกหนึ่งงานวิจัยครับของ Dr. Kenneth Fine
00:20:20 → 00:20:21 จาก EnteroLab
00:20:21 → 00:20:22 วิจัยว่า
00:20:22 → 00:20:28 อาจจะมีคนในโลกเนี้ยเป็น Gluten Intolerance ถึง 30%
00:20:28 → 00:20:32 จะเห็นว่าพอทุกคนเริ่มวิจัยครับ ตัวเลขก็เริ่มมามากขึ้น
00:20:32 → 00:20:34 บางท่านว่า 10 บางท่านว่า 30
00:20:34 → 00:20:36 แต่เอาเป็นว่า หมอว่าไม่น้อยแน่นอน
00:20:36 → 00:20:42 ไม่แน่นอนกับภาวะที่บางคนเนี่ยมีร่างกายที่ไม่ค่อยย่อยกลูเตน
00:20:42 → 00:20:44 แล้วมันก็อร่อยเสียด้วยสิครับ
00:20:44 → 00:20:46 สารต่างๆ ที่มีกลูเตนเนี่ย
00:20:46 → 00:20:48 พออร่อยปุ๊บเราไม่ทราบเราก็ทานเข้าไป
00:20:48 → 00:20:53 พอเกิดภาวะผิดปกติถ้าไม่มาชี้ให้สังเกตกันหน่อยเนี่
00:20:53 → 00:20:55 อาจจะไม่เห็นเลยนะครับ
00:20:55 → 00:21:00 การตรวจว่าคนคนไหนมีภาวะ Gluten Intolerance หรือเปล่า
00:21:00 → 00:21:04 หรือว่าภาวะร่างกายหรือว่าภูมิไว้กับกลูเตนนะครับ
00:21:04 → 00:21:09 ก็ต้องตรวจจาก Lab Test หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
00:21:09 → 00:21:15 การตรวจภาวะนี้ครับเขาจะเรียกกันว่า IgG4 Food Intolerance
00:21:15 → 00:21:19 หรือว่าตรวจเลือดนี่แหละครับ ดูว่าร่างกายมนุษย์คนนั้นเนี่ย
00:21:19 → 00:21:22 สามารถย่อยสารที่เป็นกลูเตนได้หรือเปล่า
00:21:22 → 00:21:26 วิธีการรักษาทั้ง 3 อย่าง 3 ภาวะที่หมอกล่าวมานี้
00:21:26 → 00:21:27 เหมือนกันหมดครับ
00:21:27 → 00:21:31 ก็คือไม่มียาวิเศษครับ ต้องลด ละ เลิก เท่านั้นนะครับ
00:21:31 → 00:21:35 ก็คือต้องหยุดทุกอาหารที่มีองค์ประกอบของกลูเตน
00:21:35 → 00:21:37 แล้วเราก็ต้องสังเกตดูครับว่า
00:21:37 → 00:21:41 เราเนี่ยอาการต่างๆ ที่เราจดไว้เนี่ยดีขึ้นไหม
00:21:41 → 00:21:44 ใน 1 อาทิตย์แรกที่เราหยุดทุกอย่างที่มีกลูเตนที่เราสงสัย
00:21:44 → 00:21:47 พอ 2 อาทิตย์อาการอะไรดีขึ้นบ้าง
00:21:47 → 00:21:50 ถ้าเราทดสอบดูแล้วอาการดีขึ้นเยอะ ก็แสดงว่าใช่
00:21:50 → 00:21:53 เช่น สาวๆนะครับมีสิวขึ้นเยอะจัง
00:21:53 → 00:21:56 เป็นผื่นเล็กๆ เป็นผดเล็กๆ เต็มหน้า
00:21:56 → 00:21:59 รู้สึกรูขุมขนทำไมไม่กระชับเลยนะครับ
00:21:59 → 00:22:01 แต่สิวก็ไม่ใช่เม็ดใหญ่ เม็ดโต
00:22:01 → 00:22:04 แต่รอยดำเวลาบีบเสร็จหายยากเหลือเกิน
00:22:04 → 00:22:06 ลองหยุดอาหารที่มีกลูเตนนะครับ
00:22:06 → 00:22:10 แล้วดูสัก 1-2 อาทิตย์ ถ้าดีขึ้นก็อาจจะใช่
00:22:10 → 00:22:12 อีกหนึ่งส่วนครับ
00:22:12 → 00:22:15 โรค Celiac Disease กับ Gluten Intolerance นี่คล้ายกันมาก
00:22:15 → 00:22:18 ก็มีการวิจัยไว้เล็กน้อยนะครับว่า
00:22:18 → 00:22:20 มีภาวะอะไรที่พอจะแยกกันได้ไหม
00:22:20 → 00:22:24 พอมีบ้างที่โรค Celiac Disease เนี่ยมี
00:22:24 → 00:22:26 แต่ว่า Gluten Intolerance ไม่ค่อยพบ
00:22:26 → 00:22:31 ก็คือเรื่องแผลพุพองในปาก โรคลมชัก แล้วก็คันตามผิวหนัง
00:22:31 → 00:22:34 ถ้าเป็นโรค Celiac เนี่ยจะมีอาการเหล่านี้
00:22:34 → 00:22:37 สำหรับหมอหมอว่า Celiac ก็คืออาการตอนเป็น
00:22:37 → 00:22:39 Gluten Intolerance เยอะๆ แล้วล่ะครับ
00:22:39 → 00:22:40 อาการก็เลยมากขึ้น
00:22:40 → 00:22:45 คราวนี้ เรามาสู่ช่วงสุดท้ายหรือส่วนสุดท้ายของคลิปในวันนี้
00:22:45 → 00:22:47 รายการอาหารครับว่า
00:22:47 → 00:22:49 ถ้าใครฟังมาถึงตรงนี้แล้วนะครับ
00:22:49 → 00:22:53 ก็จะเห็นว่า ตัวเองมีอาการเข้าเค้า บ้างหรือเปล่า
00:22:53 → 00:22:55 หมอก็เลยจะมาชี้ให้เห็นครับว่า
00:22:55 → 00:22:59 อาหารประเภทไหนที่มีกลูเตนอยู่เยอะ
00:22:59 → 00:23:01 เราจะได้สังเกตตัวเอง
00:23:01 → 00:23:05 หรือถ้าใครที่ที่ตรวจแล้วปรึกษาแพทย์แล้ว ปรึกษาคุณหมอแล้ว
00:23:05 → 00:23:08 ว่าเราจะหยุดอาหารที่ประกอบไปด้วยกลูเตนนะครับ
00:23:08 → 00:23:10 ก็มีรายการดังต่อไปนี้ครับ
00:23:10 → 00:23:14 1. ครับ ไล่ไปเลยนะ มีหลายอย่างมากเลยที่หมอสรุปมาให้
00:23:14 → 00:23:15 อาจจะไม่ครบนะครับ
00:23:15 → 00:23:19 ถ้าใครไปเจอเพิ่มเติมทีหลังก็ฝากไว้ในคอมเมนท์นะครับ
00:23:19 → 00:23:22 เราจะได้ร่วมสร้างสังคมสุขภาพดีไปด้วยกันนะครับ
00:23:22 → 00:23:26 เอาข้อมูลมาช่วยกันก็จะทำให้รายละเอียดเยอะขึ้น
00:23:26 → 00:23:31 แป้งสาลีครับผลิตภัณฑ์ที่มีแป้งสาลีทุกชนิดเนี่ยมีกลูเตนหมด
00:23:31 → 00:23:34 ไม่ว่าจะเป็นขนมปังนะครับ เส้นพาสต้านะครับ
00:23:34 → 00:23:38 เส้นสปาเก็ตตี้นะครับ เส้นมักกะโรนีต่างๆ นะครับ
00:23:38 → 00:23:42 บะหมี่สำเร็จรูปนี้ก็เป็นแป้งกลูเตนนะครับแป้งสาลี
00:23:42 → 00:23:44 ซุปก้อนนะครับ ซุปสำเร็จรูปนะครับ
00:23:44 → 00:23:48 ลองอ่านดูข้างๆ ด้วยว่าส่วนผสมเนี่ยมีแป้งสาลีหรือเปล่า
00:23:48 → 00:23:52 ในแอลกอฮอล์นะครับ เบียร์เนี่ยจะมีข้าวสาลีเยอะสุด
00:23:52 → 00:23:56 โดยเฉพาะพวกเบียร์ที่ทำมาจาก Wheat นะครับ
00:23:56 → 00:23:58 หรือว่าข้าวสาลีเนี่ย โอ้โห กลูเตนเยอะ
00:23:58 → 00:24:00 แต่เบียร์บางอย่างก็อาจจะไม่เยอะเท่านะครับ
00:24:00 → 00:24:03 ต้องเลือกแล้วต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วย
00:24:03 → 00:24:07 อย่าง Lager อาจจะน้อยกว่าแต่ก็มีนะครับ บางยี่ห้อก็ไม่มี
00:24:07 → 00:24:12 ในซีอิ๊วครับ ในซอสเทอริยากิครับ ในซอสบาร์บีคิวครับ
00:24:12 → 00:24:16 บางยี่ห้อนี้จะมีสารประกอบแป้งสาลีหรือกลูเตนอยู่
00:24:16 → 00:24:19 หลายๆ ยี่ห้อครับในปัจจุบันดีมากเลยก็คือ
00:24:19 → 00:24:21 เขียนมาให้ชัดเจนเลยครับว่า
00:24:21 → 00:24:23 ขวดนี้ไม่มีกลูเตนนะครับ
00:24:23 → 00:24:26 ใครที่แพ้เนี่ยเลือกซื้อก็จะสบายใจขึ้น
00:24:26 → 00:24:30 ชีสบางชนิดเนี่ยมีกลูเตน เช่น บลูชีสนะครับ
00:24:30 → 00:24:34 บลูชีสเนี่ยใช้เอนไซม์หรือน้ำย่อยจาก Penicillium Spore ครับ
00:24:34 → 00:24:37 ก็เลยทำให้มีกลูเตนอยู่ในนั้นด้วย
00:24:37 → 00:24:42 ลิปสติกนะครับ บางยี่ห้อนะครับเป็นสูตร Long-lasting
00:24:42 → 00:24:43 หรืออยู่ได้นานเนี่ย
00:24:43 → 00:24:45 ก็อาจจะผสมกลูเตนด้วย
00:24:45 → 00:24:47 ถ้าใครที่ Sensitive มากๆ เนี่ย
00:24:47 → 00:24:49 ต้องดูไปจนถึงเรื่องเครื่องสำอางด้วยนะครับ
00:24:49 → 00:24:54 ขนมขบเคี้ยว ขนมกรอบบางยี่ห้อเนี่ย ต้องอ่านฉลากนะครับ
00:24:54 → 00:24:56 ว่าจะมีแป้งสาลีปนเปื้อน
00:24:56 → 00:24:58 น้ำสลัดบางชนิดก็จะมี
00:24:58 → 00:25:01 เนื้อแปรรูปนี้ก็มีกลูเตนเยอะนะครับ
00:25:01 → 00:25:02 เช่น ไส้กรอกนะครับ
00:25:02 → 00:25:06 เช่น พวกไก่ที่เอามาทำเป็นสำเร็จรูปแล้วก็ทอดเนี่ย
00:25:06 → 00:25:08 ก็ต้องระวังเรื่องกลูเตนด้วย
00:25:08 → 00:25:12 ในเบเกอรี่นี่เยอะครับ หรือขนมปังใช่ไหมครับ
00:25:12 → 00:25:14 ไม่ว่าจะเป็นพาย เป็นพัฟนะครับ
00:25:14 → 00:25:19 เป็นโดนัท เป็นครัวซอง เป็นเค้กต่างๆ มีกลูเตนผสมแน่นอน
00:25:19 → 00:25:21 หรือยกเว้นบางยี่ห้อครับ
00:25:21 → 00:25:22 ที่ในปัจจุบันครับ
00:25:22 → 00:25:26 ผู้ประกอบการหลายเจ้าก็มีการปรับตัว และแปะไว้เลยนะครับ
00:25:26 → 00:25:29 หมอไปเดินในห้างสรรพสินค้าก็เห็นนะครับ
00:25:29 → 00:25:31 เขียนไว้เลยว่ากลูเตนฟรี (Gluten Free) นะครับ
00:25:31 → 00:25:35 เขาก็ใช้แป้งอย่างอื่นทำมา คือแป้งที่ไม่มีกลูเตน
00:25:35 → 00:25:37 ใน Cereal ต่างๆ หรือ Corn flakes เนี่ย
00:25:37 → 00:25:39 ก็จะมีกลูเตนเป็นองค์ประกอบเยอะ
00:25:39 → 00:25:42 โปรตีนเกษตร ปูอัด มีกลูเตนนะครับ
00:25:42 → 00:25:46 แป้งพิซซ่า แป้งซาลาเปานะครับ แป้งขนมจีบนะครับ
00:25:46 → 00:25:50 แป้งห่อเกี๊ยวนะครับ แป้งคูสคูส (Couscous) นะครับ คร่าวๆ
00:25:50 → 00:25:54 ทั้งหมดเนี่ยคือที่ทีมงานหมอแอมเนี่ยสรุปมาให้ว่า
00:25:54 → 00:25:57 น่าจะต้องดูโดยละเอียดนะครับว่า
00:25:57 → 00:25:59 มีกลูเตนเนี่ยเป็นองค์ประกอบ
00:25:59 → 00:26:04 แต่ไม่ได้แปลว่าอาหารชนิดไหนที่แปะว่า Gluten Free
00:26:04 → 00:26:08 หรือว่าไม่มี Gluten เนี่ยแปลว่าดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่ประเด็นนั้นนะ
00:26:08 → 00:26:10 หมอกำลังจะสื่อว่า
00:26:10 → 00:26:13 ใครก็ตามที่ทานแล้วไม่มีปัญหา อันนี้ก็ทานต่อได้
00:26:13 → 00:26:16 แต่ใครที่มีอาการที่แปลกๆ หาไม่เจอ
00:26:16 → 00:26:19 เราเลยเอาเรื่องนี้มาฝากเป็นความรู้นะครับว่า
00:26:19 → 00:26:24 ลองสังเกตดู ถ้ารู้สึกว่าใช่ ใกล้เคียง ปรึกษาแพทย์นะครับ
00:26:24 → 00:26:26 ถ้าได้รับการวินิจฉัยเมื่อไหร่เนี่ย
00:26:26 → 00:26:29 อาจจะช่วยกับสุขภาพเราได้มากนะครับ
00:26:29 → 00:26:31 เพราะว่าอาหารกลูเตนฟรีบางอย่างก็ดี
00:26:31 → 00:26:35 บางอย่างก็ยังมีน้ำตาลนะครับ ยังมีไขมันนะครับ
00:26:35 → 00:26:38 ไม่ได้แปลว่ากลูเตนฟรีแล้วกินแล้วดีต่อสุขภาพนะครับ
00:26:38 → 00:26:42 ต้องดูในเรื่องน้ำตาลด้วย ดูในเรื่องไขมันด้วย
00:26:42 → 00:26:45 อาหารแนะนำครับ สำหรับคนที่แพ้กลูเตน
00:26:45 → 00:26:47 ก็จะเป็นส่วนสุดท้ายของรายการในวันนี้
00:26:47 → 00:26:50 หมอก็มีข้อมูลเรื่องการตลาด เรื่องธุรกิจมาฝาก
00:26:50 → 00:26:52 เล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน
00:26:52 → 00:26:56 เผื่อจะสามารถทำให้ผู้ฟังหลายท่าน หรือผู้ฟังบางคนเนี่ย
00:26:56 → 00:26:59 เอาไปต่อยอดธุรกิจได้ ช่วยเหลือครอบครัว
00:26:59 → 00:27:02 ก็จะดีกับสุขภาพคนอื่นด้วย
00:27:02 → 00:27:04 Gluten-Free Diet นะครับหรือว่าตลาดของ
00:27:04 → 00:27:08 อาหารที่ปราศจากกลูเตนเนี่ยโตมากนะครับ
00:27:08 → 00:27:15 ในปีพ.ศ. 2556-2558 เนี่ยมีอัตราการเติบโตถึง 136%
00:27:15 → 00:27:19 หรือประมาณ 11,600 ล้านเหรียญสหรัฐเลยนะครับ
00:27:19 → 00:27:24 มีการคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ. 2563 คือปีนี้แหละครับ
00:27:24 → 00:27:27 ตลาดอาหารที่ปลอดกลูเตนนะครับทั่วโลกนะครับ
00:27:27 → 00:27:33 จะมีมูลค่าสูงถึง 23,900 ล้านเหรียญสหรัฐเชียวนะครับ
00:27:33 → 00:27:34 เยอะมากนะครับ
00:27:34 → 00:27:37 แล้วก็เป็นโอกาสกับประเทศไทยด้วยนะครับว่า
00:27:37 → 00:27:39 แป้งที่ไม่มีกลูเตนส่วนใหญ่เนี่ย
00:27:39 → 00:27:42 ถ้าเราอยู่ในเมืองนอกเนี่ย เราจะหาทดแทนยาก
00:27:42 → 00:27:46 เนื่องด้วยแป้งหลายๆ ชนิดที่ขึ้นในประเทศเมืองหนาวเนี่ย
00:27:46 → 00:27:47 มีกลูเตนเยอะ
00:27:47 → 00:27:51 แต่แป้งที่ขึ้นในเมืองไทยเนี่ย ไม่มีกลูเตนอยู่แล้วนะครับ
00:27:51 → 00:27:54 ไม่ว่าจะเป็นข้าวนี่ก็ไม่มีกลูเตนนะครับ
00:27:54 → 00:27:55 เดี๋ยวหมอพาไปดูดีกว่านะครับว่า
00:27:55 → 00:27:58 อาหารประเภทไหนครับ อาหารประเภทไหนคะ
00:27:58 → 00:28:01 ที่ปราศจากกลูเตน คือกินแล้วไม่มีสารกลูเตน
00:28:01 → 00:28:03 ไม่แพ้ แล้วก็ดีต่อสุขภาพ
00:28:03 → 00:28:07 1. ครับข้าวต่างๆ เนี่ยไม่มีกลูเตนนะครับ
00:28:07 → 00:28:10 ข้าวกล้องนี่ไม่มี ข้าวขาวนี้ไม่มี
00:28:10 → 00:28:12 ข้าวเหนียวก็ไม่มี ข้าวเจ้าก็ไม่มี
00:28:12 → 00:28:14 มันสำปะหลังนี่ไม่มีกลูเตน
00:28:14 → 00:28:18 ข้าวโพดไม่มีกลูเตน ข้าวฟ่างนี่ไม่มีกลูเตน
00:28:18 → 00:28:22 ลูกเดือยก็ไม่มีกลูเตน ข้าวโอ๊ตก็ไม่มีกลูเตน
00:28:22 → 00:28:25 ตัวต่อไปที่ไม่มีกลูเตนนะครับ แป้งเมล็ดผักโขมครับ
00:28:25 → 00:28:28 เขาเรียกว่าอะมาแรนธ์
00:28:28 → 00:28:30 A-M-A-R-A-N-T-H
00:28:30 → 00:28:33 ก็คือแป้งเมล็ดผักโขม มีโปรตีนเยอะ
00:28:33 → 00:28:34 แป้งควินัว (Quinoa) ครับ
00:28:34 → 00:28:37 หลายๆ ท่านในสายรักสุขภาพเริ่มรู้จักนะครับ
00:28:37 → 00:28:42 ควินัวเป็นธัญพืชครับ ที่มีวิตามินเยอะ อันนี้ก็ไม่มีกลูเตน
00:28:42 → 00:28:46 แป้งบัควีท (Buckwheat) ครับ ทำเส้นโซบะ อันนี้ก็ไม่มีกลูเตน
00:28:46 → 00:28:49 ผลไม้ต่างๆ นานาชนิดเนี่ย ไม่มีกลูเตน
00:28:49 → 00:28:52 ถั่วนานาชนิดก็ไม่มีนะครับ
00:28:52 → 00:28:55 ถั่วนานาชนิดก็ไม่มีนะครับ ผักใบเขียว ผักต่างๆ เป็นต้น
00:28:55 → 00:28:57 แล้วก็อีกตัวนึงอ่ะทันสมัยหน่อยนะครับ
00:28:57 → 00:28:59 ก็คือเริ่มมีนำมาขายในบ้านเรา
00:28:59 → 00:29:00 เช่น แป้งเทฟฟ์ ครับ
00:29:00 → 00:29:03 T E F F จากเอธิโอเปีย
00:29:03 → 00:29:04 อันนี้ก็คือเป็นสรุปครับ
00:29:04 → 00:29:07 ในวันนี้ที่ว่ากลูเตนเนี่ย
00:29:07 → 00:29:10 จะเรียกว่าดีหรือไม่ดีก็คงยังสรุปให้ไม่ได้
00:29:10 → 00:29:14 สำหรับคนที่ย่อยได้ทานแล้วร่างกายนำไปใช้ประโยชน์
00:29:14 → 00:29:16 ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบดี
00:29:16 → 00:29:20 สำหรับท่านที่ทานเข้าไปแล้วไม่มีน้ำย่อยนะครับ
00:29:20 → 00:29:23 หรือเจาะรหัสพันธุกรรมแล้วว่าร่างกายเราไม่สามารถย่อยได้
00:29:23 → 00:29:25 ก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสีย
00:29:25 → 00:29:27 ทั้งนี้ทั้งนั้นครับ
00:29:27 → 00:29:32 เราก็ต้องอ่านเยอะ ทำวิจัยกับตัวเราเอง สังเกตอาการตัวเราเอง
00:29:32 → 00:29:35 วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อครับที่ถามกันเข้ามาเยอะ
00:29:35 → 00:29:39 เรื่องแป้งสาลี เรื่องกลูเตนว่าคืออะไรนะครับ
00:29:39 → 00:29:44 หมอก็เลยย่อยข้อมูลเยอะๆ เนี่ยมาให้ฟังเพราะเป็นสังเขป
00:29:44 → 00:29:47 หวังว่าจะทำให้ท่านผู้ฟังเนี่ยก่อให้เกิดประโยชน์บ้าง
00:29:47 → 00:29:49 ไม่มากก็น้อย
00:29:49 → 00:29:52 หมอแอมป์ก็จะขอลาไปก่อน
00:29:52 → 00:29:53 พบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ
00:29:53 → 00:29:56 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีเช่นเคยนะครับ
00:29:56 → 00:30:00 ดีทั้งกาย ทั้งใจ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
00:30:00 → 00:30:02 ต่อสู้กับวิกฤตไปด้วยกันนะครับ
00:30:02 → 00:30:06 ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเชื้อไวรัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจนะครับ
00:30:06 → 00:30:08 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวนะครับ
00:30:08 → 00:30:10 ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังไว้ทุกท่าน
00:30:10 → 00:30:12 แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า
00:30:12 → 00:30:14 สวัสดีครับ ขอบคุณครับ