00:00:00 → 00:00:04 ไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพ ที่หลาย ๆ คนเลือกรับประทาน
00:00:04 → 00:00:06 แต่มีหลาย ๆ คนก็กังวลใจในเรื่องคอเลสเตอรอล
00:00:06 → 00:00:09 จึงเลือกที่จะกินแต่ไข่ขาว และเขี่ยไข่แดงทิ้งไป
00:00:09 → 00:00:13 แต่จริง ๆ แล้ว ไข่แดงและไข่ขาว มีประโยชน์แตกต่างกันออกไป
00:00:13 → 00:00:15 จึงเป็นที่สงสัยว่า
00:00:15 → 00:00:18 ไข่แดงและไข่ขาวมีความแตกต่างกันอย่างไร
00:00:18 → 00:00:20 และเราควรจะเลือกกินแบบไหนกันแน่
00:00:20 → 00:00:25 [เสียงดนตรี]
00:00:25 → 00:00:29 สำหรับไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 50 กรัม
00:00:29 → 00:00:31 ประมาณ 30% จะเป็นไข่แดง
00:00:31 → 00:00:34 อีก 70% จะเป็นไข่ขาวค่ะ
00:00:34 → 00:00:37 สำหรับไข่แดงและไข่ขาว ถ้าพูดถึงเรื่องโปรตีนก่อน
00:00:37 → 00:00:39 จะมีปริมาณโปรตีนใกล้เคียงกัน
00:00:39 → 00:00:43 โดยไข่แดง 1 ฟอง จะมีโปรตีน 3 กรัม
00:00:43 → 00:00:45 ส่วนไข่ขาว 1 ฟอง จะมีโปรตีน 4 กรัม
00:00:45 → 00:00:47 ซึ่งโปรตีนที่ได้จากไข่
00:00:47 → 00:00:51 ก็จะมีประโยชน์ในเรื่องของ เสริมสร้างภูมิต้านของร่างกาย
00:00:51 → 00:00:53 สร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
00:00:54 → 00:00:55 นอกจากนี้ ในส่วนของพลังงาน
00:00:55 → 00:00:59 พลังงานจากไข่แดงจะมีปริมาณที่มากกว่าไข่ขาว
00:00:59 → 00:01:02 โดยไข่แดงมีพลังงาน 55 กิโลแคลอรี
00:01:02 → 00:01:05 ส่วนไข่ขาวจะมีพลังงานเพียงแค่ 17 กิโลแคลอรี
00:01:05 → 00:01:09 เนื่องจากตัวไข่แดง จะมีในส่วนของไขมันอยู่ 5 กรัม ต่อ 1 ฟอง
00:01:10 → 00:01:12 ส่วนไข่ขาว ไขมันนี่อาจจะเป็น 0 เลย
00:01:12 → 00:01:17 [เสียงดนตรี]
00:01:18 → 00:01:20 สำหรับความโดดเด่นในเรื่องของสารอาหาร
00:01:20 → 00:01:26 สำหรับไข่แดงจะมีในส่วนของ กรดไขมัน EPA DHA เลซิติน และโคลีน
00:01:26 → 00:01:29 ซึ่งจะช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท
00:01:29 → 00:01:32 สำหรับไข่แดงยังมีธาตุเหล็กสูง
00:01:32 → 00:01:35 ซึ่งจะช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง
00:01:35 → 00:01:38 และมีลูทีน ซีแซนทีน
00:01:38 → 00:01:41 ซึ่งจะช่วยดูแลในเรื่องของสุขภาพดวงตา
00:01:41 → 00:01:43 ป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตา
00:01:43 → 00:01:46 ไข่แดงยังมีแร่ธาตุฟอสฟอรัสและวิตามินดี
00:01:46 → 00:01:49 ช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน
00:01:49 → 00:01:53 นอกจากนี้ ไข่แดงยังมีแร่ธาตุสังกะสีและซีลีเนียม
00:01:53 → 00:01:55 ช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ให้กับร่างกายได้ค่ะ
00:01:55 → 00:01:58 [เสียงดนตรี]
00:01:58 → 00:02:00 สำหรับความโดดเด่นของไข่ขาว
00:02:00 → 00:02:02 จะมี Branched-chain amino acid
00:02:02 → 00:02:06 ซึ่งกรดอะมิโนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ ช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อได้ดี
00:02:06 → 00:02:09 และไข่ขาวยังมีแมกนีเซียม โพแทสเซียม ที่สูงกว่าไข่แดง
00:02:09 → 00:02:14 จะเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการของกล้ามเนื้อ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อหัวใจ
00:02:15 → 00:02:16 ช่วยลดความดันโลหิตได้ค่ะ
00:02:16 → 00:02:21 [เสียงดนตรี]
00:02:21 → 00:02:24 ถ้าถามว่า ไข่แดงสามารถรับประทานได้ในช่วงวัยไหน
00:02:25 → 00:02:29 ต้องตอบเลยว่า รับประทานได้ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน ผู้สูงอายุ
00:02:29 → 00:02:32 แต่ก็มีข้อควรระวัง สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
00:02:33 → 00:02:36 เนื่องจากไข่แดงจะเป็นแหล่งที่มีฟอสฟอรัสสูง
00:02:36 → 00:02:38 ถ้าหากเราต้องการเพิ่มปริมาณโปรตีน
00:02:38 → 00:02:42 สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต
00:02:42 → 00:02:45 ไม่แนะนำให้เป็นแหล่งโปรตีนหลัก ที่ต้องการเสริมโปรตีน
00:02:45 → 00:02:49 และในกลุ่มที่มีปัญหาในเรื่องคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือดสูง
00:02:49 → 00:02:51 ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน
00:02:51 → 00:02:53 ยังสามารถรับประทานไข่แดงได้ค่ะ
00:02:53 → 00:02:54 เพียงแต่ว่าใน 1 สัปดาห์
00:02:54 → 00:02:57 ไม่ควรรับประทานไข่แดงเกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์
00:02:57 → 00:03:00 เพื่อป้องกันการมีระดับ LDL คอเลสเตอรอลที่เพิ่มสูงขึ้น
00:03:00 → 00:03:04 ทำให้เพิ่มปัจจัยเสี่ยง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคดังกล่าวได้ค่ะ
00:03:04 → 00:03:07 สำหรับไข่ขาว สามารถรับประทานได้ทุกช่วงวัยเลยค่ะ
00:03:07 → 00:03:10 จะมีข้อนิดนึงสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโปรตีน
00:03:11 → 00:03:13 ในไข่ขาวและไข่แดง จะเห็นว่า
00:03:13 → 00:03:15 มีประโยชน์ในเรื่องของโปรตีนที่ใกล้เคียงกัน
00:03:15 → 00:03:17 ดังนั้น ถ้าต้องการเสริมโปรตีน
00:03:17 → 00:03:20 สามารถเสริมได้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง
00:03:20 → 00:03:21 ไม่จำเป็นต้องเป็นไข่ขาวเท่านั้นค่ะ
00:03:21 → 00:03:27 [เสียงดนตรี]
00:03:27 → 00:03:31 จริง ๆ แล้ว เราบริโภคไข่ ที่ระดับความสุกหลากหลายกันไป
00:03:31 → 00:03:34 ไม่ว่าจะเป็นไข่ลวก ไข่ยางมะตูม หรือไข่สุก
00:03:34 → 00:03:39 แต่การปรุงประกอบไข่แบบไหนที่จะทำให้ ร่างกายได้รับประโยชน์จากไข่มากที่สุด
00:03:39 → 00:03:41 ขอแนะนำเป็นไข่ต้มหรือไข่ตุ๋นค่ะ
00:03:41 → 00:03:44 เพราะไข่ขาวที่ดิบจะมีสารอะวิดิน
00:03:44 → 00:03:48 ซึ่งขัดขวางการดูดซึมไบโอติน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง
00:03:48 → 00:03:54 ที่มีส่วนในการเสริมสร้างสุขภาพของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง รวมถึงระบบประสาท
00:03:54 → 00:03:58 การรับประทานไข่ดิบทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อ การได้รับเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลา
00:03:58 → 00:04:01 ซึ่งเป็นแบคทีเรีย กลุ่มที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ
00:04:01 → 00:04:04 ทำให้เกิดท้องร่วง ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียนได้
00:04:04 → 00:04:07 รวมถึงทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้
00:04:07 → 00:04:10 และแนะนำเป็นการปรุงประกอบแบบไม่ใช้น้ำมัน
00:04:10 → 00:04:12 เนื่องจากตัวน้ำมันที่ทอดหรือเจียว
00:04:12 → 00:04:15 จะใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวที่สูง
00:04:15 → 00:04:19 ซึ่งจะมีผลทำให้ระดับ LDL คอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ค่ะ
00:04:19 → 00:04:22 [เสียงดนตรี]
00:04:22 → 00:04:25 จะเห็นว่าทั้งไข่แดงและไข่ขาว มีประโยชน์ทั้งคู่
00:04:25 → 00:04:27 เราไม่จำเป็นจะต้องแยกรับประทาน
00:04:27 → 00:04:32 เพียงแต่ว่าปริมาณสำหรับคนที่มีสุขภาพดี แนะนำที่ 1 ฟองต่อวัน
00:04:32 → 00:04:34 แต่สำหรับคนที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง
00:04:34 → 00:04:38 แนะนำให้ทานไข่แดงไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ค่ะ
00:04:38 → 00:04:40 หากเราเลือกรับประทานไข่ในปริมาณที่เหมาะสม
00:04:40 → 00:04:43 เราก็จะได้รับประโยชน์จากไข่ได้อย่างเต็มที่
00:04:43 → 00:04:48 [เสียงดนตรี]