00:00:00 → 00:00:07 [เพลง]
00:00:07 → 00:00:10 สวัสดีครับผมนายแพทย์ณฐวุฒิเฮงจีรจรัส
00:00:10 → 00:00:12 เป็นอายุธแพทย์เฉพาะทางโรคเบาหวานต่อมไร้
00:00:12 → 00:00:15 ท่อและเมตาบอลิซึมครับทำงานอยู่ที่ศูนย์
00:00:15 → 00:00:17 วิทยาศาสตร์ผู้สูงอายุศูนย์ความเป็นเลิศ
00:00:17 → 00:00:19 ทางการแพทย์คณะแพทยศาสตร์มหาลัยเชียงใหม่
00:00:19 → 00:00:21 นะครับวันนี้เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับ
00:00:21 → 00:00:24 เรื่องเบาหวานกันนะฮะในหัวข้อที่เรื่อง
00:00:24 → 00:00:27 เราเป็นโรคเบาหวานหรือยังนะนะครับผมได้
00:00:27 → 00:00:30 รับการรับรองจากสมาคมผู้ให้ความรู้โรคเบา
00:00:30 → 00:00:33 หวานนะครับโดยที่วันนี้เนี่ยก็จะมาพูด
00:00:33 → 00:00:36 เกี่ยวกับโรคเบาหวานก่อนนะว่าโรคเบาหวาน
00:00:36 → 00:00:38 เนี่ยเกิดจากอะไรครับก็คือเป็นโรคที่
00:00:38 → 00:00:42 เกี่ยวกับการเผ่าผลาญอาหารแล้วมันผิดปกติ
00:00:42 → 00:00:45 ไปจึงทำให้นำน้ำตาลไปใช้ไม่ได้ครับทำให้
00:00:45 → 00:00:47 ระดับน้ำตาลในเลือดเนี่ยสูงเป็นระยะเวลา
00:00:48 → 00:00:50 นานนะครับซึ่งปกติในร่างกายเราเนี่ยก็จะ
00:00:50 → 00:00:53 มีฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ในการลมน้ำตาลอยู่
00:00:53 → 00:00:55 แล้วซึ่งก็คืออินซูลินนั่นเองนะครับปกติ
00:00:55 → 00:00:58 อินซูลินจะผลิตจากตับอ่อนนะครับซึ่งเมื่อ
00:00:59 → 00:01:01 อินซูลินหลังมาแล้วเนี่ยอินซูลินจะทำให้
00:01:01 → 00:01:04 น้ำน้ำน้ำตาลในร่างกายเนี่ยลดลงครับแต่
00:01:04 → 00:01:07 เมื่อเกิดภาวะผิดกติใดๆก็ตามที่ทำให้ตับ
00:01:07 → 00:01:09 อ่อนเนี่ยผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอหรือ
00:01:09 → 00:01:11 ร่างกายเนี่ยไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของ
00:01:11 → 00:01:14 อินซูลินหรือเลือกเรียกว่าภาวะดื้อต่อ
00:01:14 → 00:01:16 อินซูลินเนี่ยก็จะทำให้ระดับน้ำตาลเนี่ย
00:01:16 → 00:01:19 สูงอยู่นานครับก่อให้เกิดปัญหาและอการมาก
00:01:19 → 00:01:22 มายและเมื่อไม่ได้รับการรักษาเนี่ยจะทำ
00:01:22 → 00:01:25 ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนไปจำนวนมากครับอาการ
00:01:25 → 00:01:28 ของโรคเบาหวานมีอะไรได้บ้างนะครับหลายๆคน
00:01:28 → 00:01:30 อาจจะเคยได้ยินมาแล้วแล้วบ้างไม่ว่าจะ
00:01:30 → 00:01:34 เป็นเรื่องของอ่าปัสสาวะบ่อยมีอ่าน้ำตาล
00:01:34 → 00:01:36 ออกมาจากปัสสาวะแล้วมีมดตอมหลังจาก
00:01:36 → 00:01:39 ปัสสาวะนะฮะซึ่งอาการเหล่านั้นเนี่ยเกิด
00:01:39 → 00:01:41 ขึ้นได้ค่อนข้างช้าแล้วนะครับความน่ากลัว
00:01:41 → 00:01:44 ก็คือเมื่อเบาหวานที่เราเป็นแรกๆเนี่ยจะ
00:01:44 → 00:01:46 ไม่มีอาการเกิดขึ้นเลยตรวจได้จากระดับน้ำ
00:01:47 → 00:01:49 ตาลที่สูงขึ้นเท่านั้นนะครับแต่กว่าเราจะ
00:01:49 → 00:01:52 มีอาการเนี่ยน้ำตาลในเลือดเนี่ยจะต้องสูง
00:01:52 → 00:01:55 เกิน 180 มกต่อเดซิขึ้นไปเท่านั้นถึงจะ
00:01:55 → 00:01:57 เกิดขึ้นมาดังนั้นกว่าคนไข้จะมาหาหมอ
00:01:57 → 00:02:00 เนี่ยก็น้ำตาลสูงเป็นระยะเวลานานแล้วเกิด
00:02:00 → 00:02:02 การทำลายหลอดเลือดทั้งตัวแล้วก็จะเกิด
00:02:02 → 00:02:05 ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานตามมาครับผม
00:02:05 → 00:02:08 เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้คนไข้เนี่ยก็จะมี
00:02:08 → 00:02:11 อาการต่างๆตามมาซึ่งกว่าจะรักษาได้เนี่ย
00:02:11 → 00:02:14 ก็ยากไปแล้วนะครับดังนั้นเนี่ยจะง่ายกว่า
00:02:14 → 00:02:16 มากถ้าเรามีการคัดกรองโรคเบาหวานที่เกิด
00:02:16 → 00:02:19 ขึ้นนะครับอาการของโรคเบาหวานที่เกิดขึ้น
00:02:19 → 00:02:21 ได้เนี่ยจะมีอะไรบ้างนะครับ 1 ก็คือ
00:02:21 → 00:02:24 ปัสสาวะบ่อยนะครับบางครั้งปัสสาวะออกมามี
00:02:24 → 00:02:26 น้ำตาลออกมาด้วยก็จะมีมดตอมปัสสาวะนะครับ
00:02:26 → 00:02:29 ที่เจอได้นะครับ 2 ก็คือเมื่อปัสสาวะเป็น
00:02:29 → 00:02:32 น้ำตาลมากๆก็อาจจะหิวน้ำนะครับก็ต้องดื่ม
00:02:32 → 00:02:35 น้ำเพิ่มขึ้นนะครับหรือว่ากินจุเพิ่มขึ้น
00:02:35 → 00:02:37 แต่แม้จะกินจุและดื่มน้ำเพิ่มขึ้นน้ำหนัก
00:02:37 → 00:02:40 เนี่ยจะลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุครับผมแล้วก็
00:02:40 → 00:02:43 อาจจะเกิดการติดเชื้อต่างๆพกขึ้นแผลหายาก
00:02:43 → 00:02:45 หรืออาจจะมีชาตามปลายมือปลายเท้าได้นะ
00:02:45 → 00:02:47 ครับแต่กว่าอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นก็
00:02:47 → 00:02:49 อย่างที่บอกไปก็คือว่าดำน้ำตาลเนี่ยจะ
00:02:49 → 00:02:51 ต้องสูงเกิน 180 ก่อนนะครับถึงจะเกิด
00:02:51 → 00:02:54 อาการนะครับั้นก็ค่อนข้างช้าแล้วนะครับ
00:02:54 → 00:02:56 ดังนั้นพอคนไข้มาเนี่ยเราจึงต้องคัดกรอง
00:02:56 → 00:02:58 ภาวะแซกซอนเลยเพราะว่าคนไข้อาจจะมีภาวะ
00:02:58 → 00:02:59 แซกซ้อนเกิดขึ้นตั้งแต่แรกละเมื่อ
00:03:00 → 00:03:02 วินิจฉัยเบาหวานเพราะว่าแซกซอนที่มีเนี่ย
00:03:02 → 00:03:04 เราจะแบ่งเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กและหลอด
00:03:04 → 00:03:07 เลือดขนาดใหญ่นะครับจะจำลองเหมือนร่างกาย
00:03:07 → 00:03:09 เนี่ยเป็นเหมือนบ้านหลังนึงอ่ะนะครับแล้ว
00:03:09 → 00:03:11 ก็หลอดเลือดก็เหมือนท่อน้ำในบ้านเนาะท่อ
00:03:11 → 00:03:14 น้ำที่มันจะแตกจะตีบก่อนก็มักจะเป็นท่อ
00:03:14 → 00:03:16 น้ำขนาดเล็กนะครับก็เหมือนหลอดเลือดขนาด
00:03:16 → 00:03:18 เล็กนี่แหละที่เวลามันเกิดอาการเนี่ยก็จะ
00:03:18 → 00:03:20 เกิดได้ไวแต่ว่าไม่รุนแรงเกิดได้ที่
00:03:20 → 00:03:23 บริเวณตาไตและเท้านะครับส่วนหลอดเลือด
00:03:23 → 00:03:25 ขนาดใหญ่เนี่ยก็เหมือนห้อน้ำขนาดใหญ่กว่า
00:03:25 → 00:03:28 จะแตกกว่าจะตีบมันจะช้าแต่เมื่อแตกและตีบ
00:03:28 → 00:03:30 แล้วจะเกิดอาการรุนแรงกว่าอาจจะถึงขั้น
00:03:30 → 00:03:33 เสียชีวิตหรือว่าทุพลภาพได้นะครับเช่นอาจ
00:03:33 → 00:03:35 จะเกิดหลอเลือดสมองตีบลกหัวใจวายหรือว่า
00:03:35 → 00:03:38 หลอดเลือดที่ขาตีบตันได้นะครับผมซึ่งภาวะ
00:03:38 → 00:03:41 แทรกซ้อนเหล่าเนี้ยจะเกิดขึ้นได้ในคนไข้
00:03:41 → 00:03:43 เบาหวานกว่า 94% เลยนะก็เรียกว่าส่วนใหญ่
00:03:43 → 00:03:45 เลยมีเพียงแค่ 6 ใน 100 เท่านั้นเองที่
00:03:45 → 00:03:48 ไม่มีภาวะแทรกซ้อนตลอดชีวิตของเขาและ
00:03:48 → 00:03:50 เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือว่าเกิดโรคนี้
00:03:50 → 00:03:52 ขึ้นเนี่ยอัตราการเสียชีวิตของคนไข้เหล่า
00:03:52 → 00:03:54 นี้เนี่ยจะเป็น 2 เท่าของมันปกติแล้วก็จะ
00:03:54 → 00:03:57 ทำให้อายุสั้นลง 6-8 ปีเลยทีเดียวครับนะ
00:03:57 → 00:03:59 ครับเราจะมาดูแต่ละอันก่อนนะฮะอันดับแรก
00:03:59 → 00:04:02 ก็คือตานะครับตาเนี่ยโรคเบาหวานเนี่ยเรา
00:04:02 → 00:04:05 เจอได้ประมาณ 1 ใน 3 เลยของคนไข้ที่เป็น
00:04:05 → 00:04:07 เบาหวานทำให้เสียการมองเห็นได้ประมาณ 10%
00:04:07 → 00:04:11 แล้วก็ตาบอด 1.5% ผมก็เอารูปมาให้ดูว่า
00:04:11 → 00:04:13 ถ้าเป็นปกติที่คนเรามองเห็นเนี่ยก็จะเป็น
00:04:13 → 00:04:15 ภาพคมชัดอย่างนี้แล้วก็เห็นเต็มภาพอย่าง
00:04:15 → 00:04:17 นี้นะครับแต่คนไข้ที่เป็นเบาหวานเนี่ยจะ
00:04:17 → 00:04:20 เกิดจากการทำลายบริเวณจอประสาทตานะครับทำ
00:04:20 → 00:04:23 ให้การรับภาพเนี่ยเสียไปก็จะมีเหมือนจอ
00:04:23 → 00:04:25 ประสาทตาหลุดลอกออกมาหรือมีเส้นเลือดโป่ง
00:04:25 → 00:04:28 พรองก็จะเกิดเป็นจุดดำๆบังลานสายตาอย่าง
00:04:28 → 00:04:30 นี้นะครับแล้วถ้าเกิดไปเกิดการหลวดรอบ
00:04:30 → 00:04:33 บริเวณที่เป็นจุดรับความคมชัดของภาพเนี่ย
00:04:33 → 00:04:35 ก็จะทำให้มีภาพด้านหลังเนี่ยเบลอด้วยดัง
00:04:36 → 00:04:38 นั้นก็เกิดทั้งเบลอและเกิดอะไรมาบังก็
00:04:38 → 00:04:40 เหมือนกับคนไข้เนี่ยเสียการมองเห็นและสุด
00:04:41 → 00:04:43 ท้ายก็จะจบด้วยการตาบอดถ้าไม่รับการรักษา
00:04:43 → 00:04:46 นะครับต่อมาก็คือไตนะเน่ากลัวมากเพราะว่า
00:04:46 → 00:04:50 โรคไตจากเบาหวานเนี่ยเจอได้ประมาณ 1 ใน 3
00:04:50 → 00:04:52 เลยทีเดียวนะครับและที่น่ากลัวกว่านั้นก็
00:04:52 → 00:04:55 คือในคนไข้ที่ล้างไตหรือบำบัดทดแทนไตทั้ง
00:04:55 → 00:04:57 หมดเนี่ยโรคเบาหวานเนี่ยเป็นสาเหตุอันดับ
00:04:57 → 00:05:00 1 เลยทีเดียวที่ส่งคนไข้ไปล้างไตนะฮะลอง
00:05:00 → 00:05:03 จะลองลงมาก็คือพวกโรคความดันลงหิตสูงหรือ
00:05:03 → 00:05:05 ว่าโรคนิ่วนะครับดังนั้นเนี่ยคนไข้ก็เลย
00:05:05 → 00:05:07 กลัวมากเลยถ้าเกิดเจอภาวะนี้ังนั้นจะต้อง
00:05:07 → 00:05:09 รีบรักษาเบาหวานตั้งแต่แรกเพื่อป้องกัน
00:05:09 → 00:05:11 ภาวะนี้ที่เกิดในอนาคตเนาะเพราะถ้าเกิด
00:05:11 → 00:05:14 ต้องล้างไตบ่อยๆเนี่ยคุณภาพชีวิตก็จะเสีย
00:05:14 → 00:05:16 ไปนะครับต่อมาก็คือที่เท้านะครับสิ่งที่
00:05:16 → 00:05:19 เกิดขึ้นก็คือว่าเอ่อจะเกิดอาการเท้าชา
00:05:19 → 00:05:22 หรือการรับรู้ความรู้สึกที่เท้าเสียไปเจอ
00:05:22 → 00:05:25 ได้ค่อนข้างมากเลย 40 70% แต่พอเราคัด
00:05:25 → 00:05:28 กรองน้อยลงเนี่ยก็อาจจะทำให้พลาดภาวะนี้
00:05:28 → 00:05:30 ไปเนาคนไข้ที่เท้าชาเนี่ยบางทีไปเดินไป
00:05:31 → 00:05:32 เหยียบอะไรก็เกิดแผลที่เท้าขึ้นมาแล้วไม่
00:05:32 → 00:05:35 รู้ว่าเป็นแผลก็เกิดการติดเชื้อตามมาเนาะ
00:05:35 → 00:05:37 เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงก็ไม่ดีอยู่แล้วก็
00:05:38 → 00:05:41 เกิดการฆ่าเชื้อไม่ได้สุดท้ายการติดเชื้อ
00:05:41 → 00:05:44 ก็ลุกลามไปนะก็อาจจะต้องสูญเสียอวัยวะตรง
00:05:44 → 00:05:47 นั้นได้จะได้ประมาณ 10% อันนี้คือแค่เบาะ
00:05:47 → 00:05:49 ๆเนาะตายไตเท้านะครับเกิดเร็วแต่ไม่
00:05:49 → 00:05:52 รุนแรงเนาะต่อมาก็คือที่รุนแรงกว่าก็คือ
00:05:52 → 00:05:54 หลอดเลือดขนาดใหญ่นะครับประกอบไปด้วย 1
00:05:54 → 00:05:57 สมองเนาะก็คือสตกนั่นเองนะครับหลอดเลือด
00:05:57 → 00:06:00 สมองตีบเจอได้ประมาณ 1 นใน 10 นะแต่ว่า
00:06:00 → 00:06:03 มากกว่าคนทั่วไปตั้ง 3-4 เท่าแนนะเกิดที
00:06:03 → 00:06:06 ก็จะเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตตามมาก็แย่เลย
00:06:06 → 00:06:08 คุณภาพชีวิตเสียอาจจะติดเตียงได้แล้วก็
00:06:08 → 00:06:10 กลับไปทำงานได้ไม่เหมือนเดิมที่น่ากลัว
00:06:10 → 00:06:13 ที่สุดก็คือโรคหัวใจนะเกิดภาวะหัวใจวาย
00:06:13 → 00:06:15 ได้ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตดับ 1 ของ
00:06:16 → 00:06:18 ไข้เบาหวาดเลยนะครับเจอได้ประมาณ 1 ใน 4
00:06:18 → 00:06:20 ของคนไข้นะครับแล้วก็จะเจอได้เยอะกว่าคน
00:06:20 → 00:06:23 ทั่วไปตั้ง 3 เท่าแนนะครับแล้วสุดท้ายก็
00:06:23 → 00:06:25 คือหลอดเลือดส่วนปลายบริเวณที่ไปเลี้ยง
00:06:25 → 00:06:28 แขนหรือขาเนี่ยเกิดการอุดตันตามมาจะเกิด
00:06:28 → 00:06:31 วัยขึ้นประมาณ 5 ถึง 10 15 ปีนะครับแล้ว
00:06:31 → 00:06:34 ก็เกิดได้ประมาณร้อยละ 2-4 เนี่ยอาจจะ
00:06:34 → 00:06:37 ต้องถูกตัดขาหรือว่าตัดอ่านิ้วเท้าหรือ
00:06:37 → 00:06:40 เท้าไปเนี่ยก็ทำให้เกิดเป็นความพิการเ
00:06:40 → 00:06:43 เกิดขึ้นนะครับก็จะเห็นได้ว่าภาวะแซกซ้อน
00:06:43 → 00:06:45 เบาหวานเนี่ยค่อนข้างน่ากลัวนะที่น่ากลัว
00:06:45 → 00:06:47 ไปกว่านั้นก็คือเบาหวานเนี่ยเจอได้เยอะ
00:06:47 → 00:06:49 ขึ้นเรื่อยๆด้วยนะเจอได้ทั่วโลกเลยนะครับ
00:06:50 → 00:06:52 จากการเก็บข้อมูลของ International
00:06:52 → 00:06:55 diabetes Foundation นะครับปีค.ศ 2021
00:06:55 → 00:06:58 นะจะเห็นว่าคนไข้เบาหวานทั้งโลกเนี่ยมี
00:06:58 → 00:07:01 ทั้งหมด 537 7 ล้านคนนะครับแนวโน้มเนี่ย
00:07:01 → 00:07:03 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะจากปี 2000 เนี่ยมีแค่
00:07:03 → 00:07:08 151 ล้านกลายมาเป็น 537 ล้านในปีค.ศ 2021
00:07:08 → 00:07:11 จะเห็นได้ว่าเพียงแค่ 21 ปีเนี่ยคนไข้เบา
00:07:11 → 00:07:13 หวานเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเลยทีเดียวนะ
00:07:13 → 00:07:17 ครับแล้วก็มีการคาดการได้ว่าในปี 2045
00:07:17 → 00:07:20 เนี่ยจะเพิ่มเป็น 783 ล้านคนหรือเพิ่ม
00:07:20 → 00:07:23 ขึ้นกว่า 46% เลยทีเดียวนะครับในประเทศ
00:07:23 → 00:07:25 ไทยเนี่ยอยู่ในบริเวณเสินแปซิฟิกนะครับ
00:07:25 → 00:07:28 เป็นอเรียประมาณ 1 ใน 8 เนี่ยแต่เจอคนไข้
00:07:28 → 00:07:31 กว่า 1 ในใน 3 ของทั้งโลกเลยก็คือ 206
00:07:31 → 00:07:34 ล้านคนและมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 260 ล้าน
00:07:34 → 00:07:37 ก็คือเพิ่มขึ้น 27% ในอีก 20 ปีข้างหน้า
00:07:37 → 00:07:40 นะจะเห็นว่าในเมืองไทยเนี่ยอยู่เป็นอเรีย
00:07:40 → 00:07:43 ที่อยู่บริเวณเสเนเิิก็จะชุกชุมไปด้วยคน
00:07:43 → 00:07:44 ไข้เบาหวานทำให้ความชุกและเบาหวานใน
00:07:44 → 00:07:47 ประเทศไทยสูงกว่าที่อื่นและทั่วโลกอย่าง
00:07:47 → 00:07:49 ชัดเจนนะครับข้อมูลในประเทศไทยเนี่ยเก็บ
00:07:49 → 00:07:53 ในปี 2563 จากการตรวจร่างกายของผู้ใหญ่
00:07:53 → 00:07:56 ทั่วประเทศนะนะครับสรุปว่าตอนนี้เนี่ยมี
00:07:56 → 00:07:58 คนไข้เบาหวานประมาณร้อยละ 9.5 เนาะหรือ
00:07:58 → 00:08:00 ประมาณ 1 ใน 10 นะครับที่เป็นเบาหวานนะ
00:08:01 → 00:08:04 ครับเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เจอเพียง 8.9
00:08:05 → 00:08:08 นะครับแล้วก็เมื่อเทียบเนี่ยจะพบว่าในเพศ
00:08:08 → 00:08:11 ชายและเพศหญิงเนี่ยในเพศหญิงเนี่ยพบมาก
00:08:11 → 00:08:14 กว่าเพศชายโดยที่เพศหญิงอ่ะพบประมาณ 10.3
00:08:14 → 00:08:17 นะครับแต่ในเพศชายพบ 8.6 นะครับดังนั้น
00:08:17 → 00:08:20 เฉลี่ยก็เลยเป็น 9.5 เนาะความน่ากลัวกว่า
00:08:20 → 00:08:22 นั้นคือนอกจากที่เป็นบาหวานยังมีภาวะที่
00:08:22 → 00:08:24 เรียกว่าเป็นภาวะก่อนเป็นเบาหวานนะครับ
00:08:24 → 00:08:26 ถ้าไม่สามารถปรับพฤติกรรมได้ก็จะเป็นเบา
00:08:26 → 00:08:29 หวานในอนาคตเนี่ยอีกประมาณร้อยละ 10 จ7
00:08:29 → 00:08:31 เลยทีเดียวซึ่งตรงเนี้ยพบในผู้ชายมากกว่า
00:08:31 → 00:08:34 เพศหญิงคือ 12 เมื่อเทียบกับร้อยละ 9 นะ
00:08:34 → 00:08:36 ครับดังนั้นกลุ่มเนี้ยถ้าเราไม่ได้รับการ
00:08:36 → 00:08:39 รักษาอย่างดีไม่ปรับพิธการดีๆสุดท้ายแล้ว
00:08:39 → 00:08:41 เนี่ยเขาก็จะกลายเป็นเบาหวาดในอนาคต
00:08:41 → 00:08:45 ครับอันนี้เป็นตัวเลขจากการเก็บข้อมูล
00:08:45 → 00:08:47 ครั้งที่ 6 นะครับในปีเดียวกันเนี่ยจะ
00:08:47 → 00:08:50 เห็นได้ว่าคนไข้เบาหวานเนี่ยมีเพิ่มขึ้น
00:08:50 → 00:08:53 นะครับตามอายุนะแกนนอนนี่คือช่วงอายุนะ
00:08:53 → 00:08:55 ตั้งแต่ 15-29 เนี่ยไปเรื่อยๆจนถึงมาก
00:08:55 → 00:08:58 กว่า 80 นะครับจะเห็นได้ว่าเบาหวานเนี่ย
00:08:58 → 00:09:00 ชุกชุมมากบริเวณบรเวณกลุ่มผู้สูงอายุเนาะ
00:09:00 → 00:09:03 ก็คือตั้งแต่ 60 จนถึง 79 ปีนะเจอได้มาก
00:09:03 → 00:09:06 สุดอ้าวแล้วทำไมหลังจากนั้นเนี่ยค่อยๆลด
00:09:06 → 00:09:09 ลงนะเป็นเพราะว่าเขาเสียชีวิตจากภาวะแซก
00:09:09 → 00:09:10 ซ้อนเบาหวานนั่นเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:09:10 → 00:09:12 หัวใจวายหรือว่าอัมพฤษอัมพาที่ได้กล่าวไป
00:09:12 → 00:09:15 ตั้งแต่แรกจึงทำให้ความความช่บของคนไข้
00:09:15 → 00:09:17 เบาหวานเนี่ยลดลงในกลุ่มอายุที่เกิน 80
00:09:17 → 00:09:20 ปีนะครับเช่นเดียวกันภาวะที่เรียกเป็น
00:09:20 → 00:09:22 ภาวะก่อนเบาหวานเมื่อสักครู่เนี่ยก็เพิ่ม
00:09:22 → 00:09:25 ขึ้นตามอายุเหมือนกันเห็นมั้ยครับเนาะอ่า
00:09:25 → 00:09:28 โดยเฉลี่ยก็จะดังในกราฟสุดท้ายี่นะครับ
00:09:28 → 00:09:31 ดังนั้นก็เข้ามาสู่สาเหตุการเสียชีวิตก็
00:09:31 → 00:09:34 อย่างที่พูดไปว่าความชุของโรคเบาหวาด
00:09:34 → 00:09:36 เนี่ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงวัยสูงอายุ
00:09:36 → 00:09:38 เนี่ยสูงที่สุดละนะครับแต่ว่าเมื่ออายุ
00:09:38 → 00:09:40 เพิ่มขึ้นเนี่ยเาเสียชีวิตจากโรคหลอด
00:09:40 → 00:09:42 เลื่องสมองและหลอดเลื่องหัวใจจึงทำให้
00:09:42 → 00:09:44 ความชุกเบาหวานเนี่ยตกลงมานิดนึงนะครับ
00:09:44 → 00:09:47 ไม่ได้หายนะแต่ว่าเสียชีวิตไปแล้วนะ
00:09:47 → 00:09:50 ครับความชุกของโรคเบาหวานนอกจากจะเพิ่ม
00:09:50 → 00:09:52 ขึ้นตามอายุแล้วเนี่ยดังในกราฟด้านซ้าย
00:09:52 → 00:09:55 เนี่ยนะครับมาดูกราฟทางด้านขวาก็คือแนว
00:09:55 → 00:09:57 นอนเนี่ยเป็นดัชนีมนต์ไกเนาะหาด้วยการเอา
00:09:57 → 00:10:00 น้ำหนักตัวหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตยกกำลัง 2
00:10:00 → 00:10:03 นะครับในดัชนีมนต์กลายที่ปกติของคนเอเชีย
00:10:03 → 00:10:06 คือ 18.5 -2 นะครับจะเห็นได้ว่าเมื่อ
00:10:06 → 00:10:08 ดัชนีมนต์กายเพิ่มขึ้นเนี่ยความชุของโรค
00:10:08 → 00:10:11 เบาหวานก็จะเพิ่มตามนะครับดังนั้นจะเห็น
00:10:11 → 00:10:13 ได้ว่าเบาหวานเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้น
00:10:13 → 00:10:16 และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
00:10:16 → 00:10:19 ครับความน่ากลัวอีกอย่างก็คือว่าอย่างที่
00:10:19 → 00:10:21 บอกไปว่ากว่าที่เราจะรู้ว่าเป็นเบาหวานก็
00:10:21 → 00:10:23 ต้องน้ำตาล 180 นู่เนาะกว่าจะเริ่มมี
00:10:23 → 00:10:26 อาการเแต่นั้นจึงมีคนไข้ตั้ง 1 ใน 3 แที่
00:10:26 → 00:10:29 ยังไม่ไม่ถูกวินิจฉัยทั้งที่ที่ตัวเอง
00:10:29 → 00:10:32 เป็นเบาหวานแล้วนะครับดังนั้นเนี่ยกว่า
00:10:32 → 00:10:35 ที่ตัวเองจะรู้เนี่ยก็เป็นเยอะแล้วแล้วก็
00:10:35 → 00:10:38 มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นแล้วเนาะจะเห็นได้
00:10:38 → 00:10:40 ว่าในกราฟเนี่ยในปีพ.ศ
00:10:40 → 00:10:44 2547 52 และ 57 เนี่ยสัดส่วนของคนไข้
00:10:44 → 00:10:46 ที่ไม่ถูกวินิจฉัยเนี่ยเมื่อก่อน 55 นะ
00:10:46 → 00:10:49 ตอนนี้ก็ค่อยๆลดลงเหลือ 40 นะครับยังมีคน
00:10:49 → 00:10:51 ไข้ที่ยังไม่ได้รับการรักษาถึงแม้จะ
00:10:51 → 00:10:53 วินิจฉัยอยู่ะส่วนหนึ่งนะครับประมาณไม่
00:10:53 → 00:10:55 ถึง 5% ก็อยู่ในช่วงปรับพฤติกรรมอยู่นะ
00:10:55 → 00:10:58 ครับแต่คนไข้ 1 ใน 3 เลยเห็นมั้ยครับที่
00:10:58 → 00:11:01 รักษาและยังคคุมโรคไม่ได้เนะครับเปอ
00:11:01 → 00:11:03 ประมาณสัก 30 กว่าเปอร์เซ็นและกลุ่มคนไข้
00:11:03 → 00:11:06 ที่รักษาและคุมโรคน้อยเกิดน้อยมากเลยเจอ
00:11:06 → 00:11:08 ได้ประมาณแค่ 15 -30% เท่านั้นเองนะจาก
00:11:08 → 00:11:12 คนไข้กว่า 100% นจะเห็นได้ว่าที่เรากำลัง
00:11:12 → 00:11:14 ทำอยู่เนี่ยเป็นแค่เหมือนยอดของภูเขาน้ำ
00:11:14 → 00:11:16 แข็งที่มันโผล่พลนามาเท่านั้นเองนะครับ
00:11:16 → 00:11:18 แต่น้ำแข็งอีกก้อนมหึมาที่อยู่ด้านใต้น้ำ
00:11:18 → 00:11:20 เนี่ยที่จะเตรียมเกิดปัญหาในอนาคตเนี่ย
00:11:21 → 00:11:24 ยังมีอีกมากเลยนะครับดังนั้นจึงเป็นที่มา
00:11:24 → 00:11:28 ของการเกิดนโยบายต่างๆของกระทรวงขึ้นมา
00:11:28 → 00:11:30 ซึ่งได้วางว่าตอนนี้เยเรามีโรคไม่ติดต่อ
00:11:30 → 00:11:32 เรื้อรังเนี่ย 5 โรคหรือว่า ncd เนาะ
00:11:33 → 00:11:35 noncommunicable disease เนี่ยนะได้แก่
00:11:35 → 00:11:37 โรคความดันโลหิตสูงหัวใจสลเลือดสมอง
00:11:37 → 00:11:40 มะเร็งและเบาหวานก็เป็นหนึ่งในโรคนั้นนะ
00:11:40 → 00:11:42 ครับกระทรวงสาธารณสุขได้วางนโยบายให้ระบุ
00:11:42 → 00:11:45 โรคเบาหวานเป็นโรคที่ให้ความสำคัญเน้นที่
00:11:45 → 00:11:48 เน้นการป้องกันเป็นหลักนะแล้วตามมาก็ต้อง
00:11:48 → 00:11:51 รักษาให้คุ้มได้นะตามแผนยุทธศาสตร์แห่ง
00:11:51 → 00:11:54 ชาติตลอด 20 ปีนะครับโดยทำโดยสำนักงาน
00:11:54 → 00:11:58 นโยบายแลก็ยุทศาสตร์ในปี 2560 นี้แล้วก็
00:11:58 → 00:12:01 อุอนุมัติให้ทำใน 5 ปีที่ผ่านมาแล้วก็
00:12:01 → 00:12:04 เน้นการบูรณาการของทุกๆภาคส่วนแล้วก็เน้น
00:12:04 → 00:12:06 การป้องกันโรคมากกว่ารักษานะจึงเป็นที่มา
00:12:06 → 00:12:09 ของการพูดในวันนี้นี่แหละว่าแล้วเราจะรู้
00:12:09 → 00:12:11 ได้ไงว่าเราเป็นโรคเบาหวานหรือยังนะครับ
00:12:11 → 00:12:14 อ่าจากแนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน
00:12:14 → 00:12:18 ที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุดในปีที่แล้วเลย 2566
00:12:18 → 00:12:21 นะครับก็แนะนำให้ใช้ 2 แบบประเมินด้วยกัน
00:12:21 → 00:12:23 อย่างแรกก็คือใช้แบบประเมินโดยใช้คะแนน
00:12:23 → 00:12:26 ความเสี่ยงนะครับกับ 2 ก็คือใช้แบบ
00:12:26 → 00:12:28 ประเมินในผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีภาวะ
00:12:28 → 00:12:30 สังเสี่ยงอยู่แล้วแล้วนะครับเพื่อให้เกิด
00:12:30 → 00:12:33 ความง่ายผมจะไปที่ข้อ 1.2 ก่อนะกันว่า
00:12:33 → 00:12:36 ง่ายๆว่าถ้าคุณมีภาวะดังต่อไปนี้เนี่ยคุณ
00:12:36 → 00:12:39 ก็ไปคัดกรองโรคเบาหวานได้เลยนะครับข้อที่
00:12:39 → 00:12:42 1 คือตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไปนะครับ
00:12:42 → 00:12:45 เมื่อถืออายุนี้ต้องคัดกรองเบาหวาน 2 มี
00:12:45 → 00:12:48 ภาวะอ้วนร่วมกับพ่อแม่พี่หรือน้องเป็นโรค
00:12:48 → 00:12:51 เบาหวานคำว่าอ้วนแปลว่าอะไรคำว่าดัชนี
00:12:51 → 00:12:54 มนต์กายเมื่อสักครู่ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป
00:12:54 → 00:12:57 หรือรอบเอวเกิน 90 ซมในผู้ชายหรือ 80 ซม
00:12:57 → 00:13:01 ในผู้หญิงหรือหรือสามารถเอาส่วนสูงนะครับ
00:13:01 → 00:13:04 มาหารด้วย 2 ก็ได้ถ้าเกินตรงเนี้ยจะตี
00:13:04 → 00:13:06 ความว่าอ้วนร่วมกับมีญาสสายตรงเป็นบ่า
00:13:06 → 00:13:09 หวานก็ไปคัดกรองได้หรือมีโรคร่วมต่างๆ
00:13:09 → 00:13:12 เช่นความดันโลหิตสูงกำลังรับประทานยาอยู่
00:13:12 → 00:13:14 หรือไขมันในเลือดผิดปกติที่เป็นตัวไตกี
00:13:14 → 00:13:18 สลายเกิน 250 มกต่อเดซิลิตรและหรือไขมัน
00:13:18 → 00:13:22 ดี hdl เนี่ยต่ำกว่า 35 มัต่อเดซิลิตรนะ
00:13:22 → 00:13:24 ครับในคนที่เคยตั้งครรภ์แล้วเนี่ยอาจจะ
00:13:24 → 00:13:27 เกิดภาวะตั้งครรภ์แล้วมีเบาหวานร่วมด้วย
00:13:27 → 00:13:30 หรืออาจจะเคยคลอดบุตที่มีน้ำหนักตัวเกิน 4
00:13:30 → 00:13:33 กกนะครับภาวะเบาหวานขนาดตั้งครรภ์เนี่ย
00:13:33 → 00:13:34 เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานนะ
00:13:34 → 00:13:37 ครับจะต้องคัดกรองโรคเบาหวานทุกปีแล้วก็
00:13:37 → 00:13:39 เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขนาดตั้ง
00:13:39 → 00:13:42 คันในคันต่อไปด้วยครับคนไข้ที่เคยตรวจ
00:13:42 → 00:13:45 แล้วพบว่าเป็นภาวะก่อนเบาหวานนะครับมี
00:13:45 → 00:13:47 อยู่ 2 ตัวคือ ifg กับ igt เดี๋ยวจะ
00:13:47 → 00:13:51 อธิบายในตารางด้านหลังอีกทีนะครับคมกลุ่ม
00:13:51 → 00:13:53 คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดแล้วก็เป็น
00:13:53 → 00:13:55 หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานเนาะกลุ่ม
00:13:55 → 00:13:58 คนไข้ผู้หญิงนะที่เป็นเรื่องของอ่าถุงน้ำ
00:13:58 → 00:14:01 ในรังไข่หลายใบหรือว่า polycystic
00:14:01 → 00:14:03 ovarian Syndrome พวกเยจะทำให้ดื้อต่อ
00:14:03 → 00:14:06 อินซูลินก็ควรจะคัดกรองครับกลุ่มคนไข้ที่
00:14:06 → 00:14:08 ตรวจร่างกายแล้วเจอว่ามีภาวะดื้อต่อ
00:14:08 → 00:14:11 อินซูลินทำให้อินซูลินออกบดีเช่นอ้วน
00:14:11 → 00:14:14 รุนแรงนะครับหรือว่ามีปื้นดำๆที่คอด้าน
00:14:14 → 00:14:17 หลังนะครับและสุดท้ายก็คือกลุ่มคนไข้ที่
00:14:17 → 00:14:19 ติดเชื้อ hiv หรือว่าเกิดโรคดแล้วนะครับ
00:14:19 → 00:14:21 กลุ่มเหล่านี้ก็ดื้อต่ออินซูลินเหมือนกัน
00:14:21 → 00:14:23 ถ้าคุณมีข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เนี่ย
00:14:24 → 00:14:26 ไม่ต้องรอช้าครับให้รีบไปตรวจระดับน้ำตาล
00:14:26 → 00:14:28 ในเลือดเลย
00:14:28 → 00:14:31 ครับแต่หากคุณไม่มีปัจจัยเสี่ยงเมื่อสัก
00:14:31 → 00:14:34 ครู่นี้ครับสามารถคัดกรองโดยใช้แบบ
00:14:34 → 00:14:36 ประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคบาหวาดใน 10
00:14:36 → 00:14:38 ปีข้างหน้าได้เราเรียกว่าเป็น diabetic
00:14:38 → 00:14:41 risc นะครับซึ่งตรงนี้เนี่ยมาจากข้อมูล
00:14:41 → 00:14:43 การสำรวจสุขภาพคนไทยจากการตรวจร่างกาย
00:14:44 → 00:14:47 ครั้งที่ 4 ในปี 52 นะครับโดยใช้เกณฑ์
00:14:47 → 00:14:50 อายุนะครับดัชนีมวนกายนะครับรอบเอวต่อ
00:14:50 → 00:14:53 ความสูงความดันโลหิตสูงเนาะประวัติเบา
00:14:53 → 00:14:56 หวานในยาสายตรงแล้วก็ถ้ามีระดับน้ำตาลใน
00:14:56 → 00:14:58 เลือดตอนอดอาหารอย่างน้อย 8 ช่วโมงแล้ว
00:14:58 → 00:15:02 เนี่ยก็สามารถที่จะเอามาใช้ได้ครับโดยที่
00:15:02 → 00:15:04 แบ่งเป็น 2 ล็อนะครับกลุ่มแรกก็คือที่ไม่
00:15:05 → 00:15:07 มีการเจาะเลือดนะครับกับที่ 2 ก็คือมีการ
00:15:07 → 00:15:10 จอดเลือกก็ให้คะแนนตามนี้นะครับผมแล้ว
00:15:10 → 00:15:12 เมื่อรวมคะแนนแล้วเนี่ยได้คะแนนความ
00:15:13 → 00:15:16 เสี่ยงเนี่ยน้อยกว่า 8 นะครับก็ถือว่า
00:15:16 → 00:15:18 ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเนาะก็แนะนำให้
00:15:18 → 00:15:21 ประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองเนี่ยทุกๆ 5
00:15:21 → 00:15:24 ปีจนถึงอายุ 35 ก็ต้องเข้าสู่ความเสี่ยง
00:15:24 → 00:15:26 ต้องไปคัดกรองนะครับแต่ถ้าเกิดได้คะแนน
00:15:26 → 00:15:28 ตั้งแต่ 8 ขึ้นไปเนี่ยถือว่าคุณมีความ
00:15:28 → 00:15:31 เสี่ยงแล้วก็แนะนำให้ไปเจาะเลือดตรวจน้ำ
00:15:31 → 00:15:34 ตาลในเลือดได้นะครับ
00:15:34 → 00:15:38 ผมซึ่งก็จะเข้าสู่แผนภูมินี้นะครับถ้า
00:15:38 → 00:15:41 อายุน้อยกว่า 35 ปีเนาะไม่มีความเสี่ยง
00:15:41 → 00:15:45 สักข้อที่บอกไปในข้อ 1.2 ก็คัดกรองแบบคับ
00:15:45 → 00:15:48 กองนั้นเลยนะครับผมถ้าแบบคับกองมันเกิน
00:15:48 → 00:15:50 เนาะหรือว่ามีความเสี่ยงเนี่ยก็แนะนำให้
00:15:50 → 00:15:52 เจาะระดับน้ำตาลนะครับเช่นเดียวกันกับคน
00:15:52 → 00:15:55 ทั่วไปที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปตรงนี้
00:15:55 → 00:15:57 ก็มีความเสี่ยงอยู่แล้วเนาะก็คัดกรองได้
00:15:57 → 00:16:01 เลยนะครับถ้าคัดกรองแล้วเนี่ยจะแบ่งเป็น 2
00:16:01 → 00:16:03 ช่วงด้วยกันครับช่วงแรกก็คือได้ไม่เกิน
00:16:03 → 00:16:06 100 พวกนี้ก็คือปกตินะครับก็ถ้าเจาะ
00:16:06 → 00:16:09 เลือดแล้วปกติก็เจาะซ้ำทุก 3 ปีครับแต่
00:16:09 → 00:16:12 ถ้าเกิดอยู่ในช่วงที่ได้ตั้งแต่
00:16:12 → 00:16:15 100-15 เนี่ยถ้าเราเจาะระดับน้ำตาลปลาย
00:16:15 → 00:16:17 นิ้วเนี่ยเขาจะให้คอนเฟิร์มด้วยการเจาะ
00:16:17 → 00:16:20 น้ำตาลบริเวณหลอดเลือดดำอีกทีนึงนะครับผม
00:16:20 → 00:16:23 ถ้าเกิดเกิน 110 ขึ้นไปจะไปทำเทสพิเศษ
00:16:23 → 00:16:25 แล้วเรียกว่าเป็น oral glos tolerance
00:16:25 → 00:16:29 Test ครับผมนะครับแล้วก็ใช้ผลทั้งการ
00:16:29 → 00:16:32 เจาะน้ำตาลปนิ้วและ oral กลูโคสทนทเนี่ย
00:16:32 → 00:16:34 ในการวินิจฉัยโรคต่อไปนะ
00:16:35 → 00:16:39 ครับอันดับ 1 ก็คือในคนปกติเนี่ยการจะ
00:16:39 → 00:16:42 วินิจฉัยเบาหวานเนี่ยทำได้โดยการเจาะน้ำ
00:16:42 → 00:16:44 ตาลครับไม่ว่าจะเป็นปลายนิ้วหรือบริเวณ
00:16:44 → 00:16:46 หลอดเลือดดำขณะอดอาหารแล้วอย่างน้อย 8
00:16:46 → 00:16:49 ชมงนะครับถ้าได้ไม่เกิน 100 เนี่ยปกติ
00:16:49 → 00:16:53 ครับถ้าได้ตั้งแต่ 126 ขึ้นไปให้เจาะซ้ำ
00:16:53 → 00:16:56 อีก 1 ครั้งนะครับในระยะเวลาห่างกันถ้า
00:16:56 → 00:16:59 ได้ตั้งแต่ 126 ขึ้นไป 2 ครั้งจะเป็นโรค
00:16:59 → 00:17:02 หวานครับแต่ถ้าอยู่ตรงกลางก็คือ 100 ต-
00:17:02 → 00:17:04 125 เนี่ยเราเรียกว่าเป็นภาวะก่อนเบา
00:17:04 → 00:17:07 หวานครับนะครับแต่ถ้าตรงนี้เนี่ยเราได้
00:17:07 → 00:17:10 ตั้งแต่ 110 ขึ้นไปให้ไปทำเทสที่ 2 ก็คือ
00:17:10 → 00:17:13 2 ชมง ogtt oral gland Test ครับทำ
00:17:13 → 00:17:16 ได้ดยการงดอาหารนะครับประมาณ 8-10 ช่ม
00:17:16 → 00:17:19 แล้วให้มากินน้ำตาล 75 กรัมแล้ววัดน้ำตาล
00:17:19 → 00:17:22 ที่ 2 ช่วโมงนะครับคนปกติน้ำตาลจะขึ้นไม่
00:17:22 → 00:17:24 เกิน 140 ครับแต่ในคนไข้เบาหวานเนี่ยจะ
00:17:25 → 00:17:28 ขึ้นตั้งแต่1ถ 200 ขึ้นไปแต่ในคนที่
00:17:28 → 00:17:30 เสี่ยงตตรงกลางก็คือภาวะก่อนเบาหวานน่ะจะ
00:17:30 → 00:17:34 อยู่ที่ 140 -199 ครับในคนไข้บางคนที่มา
00:17:34 → 00:17:37 หาเราช้ามากคืออาการครบเลยนะครับไม่ว่าจะ
00:17:37 → 00:17:39 เป็นดื่มน้ำบ่อยปัสสาวะบ่อยกลางวันกลาง
00:17:40 → 00:17:42 คืนน้ำหนักลดโดยที่ไม่ทราบสาเหตุเนี่ยเรา
00:17:42 → 00:17:44 ไม่ต้องให้เขาอดอาหารนะครับเราเจาะน้ำตาล
00:17:44 → 00:17:47 ได้เลยครับถ้ามีอาการร่วมกับน้ำตาลตั้ง
00:17:47 → 00:17:49 แต่ 200 ขึ้นไปก็วินิจฉัยเบาหวานได้
00:17:49 → 00:17:51 เหมือนกันนะครับและสุดท้ายก็คือการเจาะ
00:17:51 → 00:17:54 ระดับน้ำตาลสะสมหรือว่าฮีโมโกลบิน a1c นะ
00:17:54 → 00:17:56 ครับก็เป็นสัดส่วนของฮีโมโกบินที่มีน้ำ
00:17:56 → 00:17:59 ตาลเกาะนะในคนปกติที่น้ำตาลไม่สูงอ่ะจะพบ
00:17:59 → 00:18:03 น้อยกว่า 5.7 นะครับเปอร์เซ็นแต่คนไข้ที่
00:18:03 → 00:18:07 เป็นเบาหวานเนี่ยจะเจอตั้งแต่ 6.5% ขึ้น
00:18:07 → 00:18:09 ไปครับแต่ภาวะก่อนเบาหวานจะอยู่ในเลขตรง
00:18:10 → 00:18:13 กลางก็คือ 5.7 - 6.4 เพนะครับแต่พึง
00:18:13 → 00:18:17 ระวังไว้สักนิดหน่อยว่าโมบิ a1c เนี่ยใน
00:18:17 → 00:18:20 ที่ที่เจาะได้อจะต้องได้รับการรับรอง
00:18:20 → 00:18:24 มาตรฐานจากแลบสากลก็คือ ngsp ก่อนนะครับ
00:18:24 → 00:18:27 แล้วก็ต้องได้มาตรฐาน dcc ด้วยนะครับซึ่ง
00:18:27 → 00:18:29 เป็นที่โชคดีว่าโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่
00:18:29 → 00:18:31 คณะแพทยศาสตร์มชของเราเนี่ยได้รับการรับ
00:18:32 → 00:18:35 รองแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2566
00:18:35 → 00:18:37 ที่ผ่านมาครับดังนั้นที่ที่ได้รับการรอง
00:18:37 → 00:18:39 ก็สามารถที่จะวินิจฉัยรกเบาหวานโดยใช้ฮิม
00:18:39 → 00:18:42 กวน a1c ได้นะครับดังนั้นท่านก็สามารถที่
00:18:42 → 00:18:45 จะไปตรวจอ่าใกล้บ้านท่านได้นะครับแล้วก็
00:18:45 → 00:18:48 ดูว่าได้เกณฑ์ตามนี้หรือเปล่านะครับท่าน
00:18:48 → 00:18:51 อาจจะอยู่ในกลุ่มที่เป็น
00:18:51 → 00:18:54 อ่าปกติตรงนี้นะครับซึ่งถ้าปกติก็อย่าง
00:18:54 → 00:18:56 ที่บอกก็คือติดตามทุก 3 ปีนะครับถ้าไม่มี
00:18:56 → 00:18:59 ความเสี่ยงนะแต่ถ้าเกิดท่านอยู่ในภาวะ
00:18:59 → 00:19:01 ก่อนเบาหวานเนี่ยท่านต้องปรับพฤติกรรม
00:19:01 → 00:19:04 ชีวิตแล้วก็ต้องจอดน้ำตาลทุกๆ 1 ปีนะครับ
00:19:04 → 00:19:06 แต่เมื่อท่านเข้าสู่เกณฑ์โรคเบาหวานแล้ว
00:19:06 → 00:19:09 แนะนำให้ท่านพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเลย
00:19:09 → 00:19:13 ครับคราวนี้ถ้าท่านเป็นคนไข้ทั่วคนทั่วไป
00:19:13 → 00:19:15 นะครับหรือว่าท่านเป็นภาวะก่อนเบาหวาด
00:19:15 → 00:19:17 เนี่ยท่านจะป้องกันยังไงไม่ให้เป็นโรคเบา
00:19:17 → 00:19:19 หวาดในอนาคตนะครับอันดับแรกง่ายที่สุด
00:19:19 → 00:19:21 อย่างที่บอกก็คือเบาหวาดระยะแรกไม่มี
00:19:21 → 00:19:24 อาการเนาะน้ำตาลตั้งแต่ 126 - 180 ไม่
00:19:24 → 00:19:27 มีอาการกว่าจะมีอาการก็น้ำตาล 180 ขึ้นไป
00:19:27 → 00:19:30 ดังนั้นควรควจะคัดกรองโรคเบาหวานนะครับ
00:19:30 → 00:19:33 ถ้าพบความเสี่ยงก็ตรวจน้ำตาลทันทีหากท่าน
00:19:33 → 00:19:36 มีระดับน้ำน้ำหนักเกินก็แนะนำให้ควบคุม
00:19:36 → 00:19:38 ระดับน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกตินะครับ
00:19:38 → 00:19:43 ก็คือดัชนีมนต์กาย 18.5 -23 กกต่อตรเมต
00:19:43 → 00:19:46 นะครับแนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำ
00:19:46 → 00:19:48 เสมอนะครับผมไม่ควรเว้นเกิน 2 วันนะครับ
00:19:48 → 00:19:52 ลดพฤติกรรมเนยนิ่งก็คืออยู่เฉยๆอะไรเงี้ย
00:19:52 → 00:19:54 ไม่ค่อยขยับอะไรอย่าเงี้ยก็แนะนำให้ขยับ
00:19:54 → 00:19:57 ตัวทุกครึ่งชั่วโมงหรือว่าพยายามใช้แรง
00:19:57 → 00:19:59 กายไม่ว่าจะเป็นการขึ้นบันไดแทนลิฟตครับ
00:19:59 → 00:20:02 การปั่นจักรยานหรือการเดินแทนการใช้รถ
00:20:02 → 00:20:04 ยนต์นะครับทำงานบ้านด้วยตัวเองเงี้ยครับ
00:20:04 → 00:20:07 เป็นต้นนะครับอ่าไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เนาะ
00:20:07 → 00:20:11 หากสูบบุหรี่อยู่ก็งดสูบบุหรี่นะครับนอน
00:20:11 → 00:20:13 หลับก็ควรจะนอนหลับให้เพียงพอนะครับ 6-8
00:20:13 → 00:20:16 ชมการนอนจะต้องมีประสิทธิภาพด้วยแล้วก็มี
00:20:16 → 00:20:18 คุณภาพด้วยก็คือต้องหลับสนิทแล้วก็หลับ
00:20:18 → 00:20:21 ต่อเนื่องนะครับไม่ตื่นบ่อยเนาะถ้าหากมี
00:20:22 → 00:20:24 ความเครียดหรือมีสิ่งรบเราก็ควรจะจัดการ
00:20:24 → 00:20:27 ความเครียดซาแล้วก็ผ่อนคลายนะครับสุดท้าย
00:20:27 → 00:20:29 ก็คือรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่าง
00:20:30 → 00:20:32 หลากหลายนะครับแล้วก็ตามมือและตรงเวลานะ
00:20:32 → 00:20:35 ครับก็เห็นว่าเป็นสิ่งง่ายๆที่เราเจอได้
00:20:35 → 00:20:37 ในชีวิตประจำวันนะครับถ้าท่านทำได้เนี่ย
00:20:37 → 00:20:40 ้าท่านก็จะห่างไกลจากโรคเบาหวานนะครับ
00:20:40 → 00:20:43 คราวนี้ตัวอาหารอะไรบ้างที่สัมพันธ์กับ
00:20:43 → 00:20:46 โรคเบาหวานนะครับก็คือน้ำเบาหวานก็คือน้ำ
00:20:46 → 00:20:48 ตาลเกินถูกมั้ยครับน้ำตาลเนี่ยก็คือถ้า
00:20:48 → 00:20:50 เราเรียนตั้งแต่เด็กก็คืออาหาร 5 หมู่
00:20:50 → 00:20:53 อยู่ในหมวดคาร์โบไฮเดรตด้วยกันนะครับคำ
00:20:53 → 00:20:55 ว่าคาร์โบไฮเดรตก็แตกออกมาเป็น 3 กลุ่ม
00:20:55 → 00:20:59 ง่ายๆนะก็คือข้าวแป้งและน้ำตาลนะครับคำ
00:20:59 → 00:21:01 ว่าข้าวคืออะไรก็คือข้าวทั่วไปไม่ว่าจะ
00:21:01 → 00:21:04 เป็นข้าวต้มข้าวหุงหรือว่าข้าวเหนียวนะ
00:21:04 → 00:21:07 ครับรวมถึงธัญพืชแล้วก็พวกเม็ดสระครูต่าง
00:21:07 → 00:21:10 ๆด้วยนะครับผลิตภัณฑ์จากข้าวก็เจอเช่นกัน
00:21:10 → 00:21:13 เช่นขนมจีนก๋วยเตี๋ยวบะหมี่วุ้นเส้นพวก
00:21:13 → 00:21:16 เนี้ยก็นับว่าเป็นกลุ่มข้าวแป้งหมดนะครับ
00:21:16 → 00:21:20 ตัวแป้งก็ได้แก่อ่าพืชตระกูลหัวเนาะเพเอา
00:21:20 → 00:21:23 ไปทำแป้งได้ไม่ว่าจะเป็นมันเผือกฟักทอง
00:21:23 → 00:21:26 ข้าวโพดข้าวสาลีนะครับรวมถึงเบเกอรี่ต่าง
00:21:26 → 00:21:31 ๆขนมปังเค้กี้ที่ใช้แป้งทำพาสต้าพิซซ่า
00:21:31 → 00:21:34 แล้วก็แป้งโรยต่างๆครับสุดท้ายก็คือกลุ่ม
00:21:34 → 00:21:37 น้ำตาลนะครับน้ำตาลก็ได้แก่ตัวน้ำตาลเอง
00:21:37 → 00:21:40 ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลปี๊บน้ำตาลปึกน้ำตาล
00:21:40 → 00:21:43 ทรายเนาะทรายแดงหรือว่าน้ำตาลขัดสีเนี่ย
00:21:43 → 00:21:46 ก็รวมหมดนะครับรวมถึงลูกอมลูกกวาดด้วยนะ
00:21:46 → 00:21:48 ครับตัวน้ำเชื่อมน้ำผึ้งเองเนี่ยที่เจอ
00:21:48 → 00:21:51 ได้บ่อยๆถ้าคิดว่ามาจากธรรมชาตินี่ก็น้ำ
00:21:51 → 00:21:53 ตาลสุเหมือนกันนะครับก็เป็นน้ำตาลประเภท
00:21:53 → 00:21:55 หนึ่งถึงจะเป็นธรรมชาติก็ทำให้ระดับน้ำ
00:21:55 → 00:21:58 ตาลนี้เลือสูงได้เช่นกันเนาะนมนะครับก็จะ
00:21:58 → 00:22:01 มีน้ำตาลปนเช่นกันถึงแม้จะเป็นนมจืดก็มี
00:22:01 → 00:22:03 น้ำตาลเป็นส่วนประกอบนะครับเครื่องปรุงรส
00:22:03 → 00:22:05 ต่างๆนะครับก็ใส่น้ำตาลเข้าไปในซอสต่างๆ
00:22:05 → 00:22:09 ด้วยผลไม้ทุกชนิดเลยนะไม่ว่าจะเป็นสุก
00:22:09 → 00:22:12 หรือดิบนะครับมีรสจืดรสเปรี้ยวหรือรสหวาน
00:22:12 → 00:22:16 เนี่ยก็เป็นน้ำตาลทั้งสิ้นนะครับผมเพียง
00:22:16 → 00:22:18 แต่ว่าถ้ามันสุกเนี่ยหรือมันมีรสจืดเนี่ย
00:22:18 → 00:22:21 มันเป็นแป้งอยู่ในตัวผลไม้แต่เมื่อมันสุก
00:22:21 → 00:22:23 ขึ้นแป้งเรานั้นก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็
00:22:23 → 00:22:26 จะทำให้มีรสหวานขึ้นดังนั้นถึงแม้เราจะ
00:22:26 → 00:22:28 กินดิบหรือเราจะกินตัวเปรี้ยวเนี่ยเรา
00:22:28 → 00:22:30 แล้วก็ได้ตัวน้ำตาลได้แป้งเข้าไปอยู่ดี
00:22:30 → 00:22:32 ครับแล้วสุดท้ายก็คือแอลกอฮอล์เพราะ
00:22:32 → 00:22:34 แอลกอฮอล์ก็จะถูกเปลี่ยนในร่างกายกลาย
00:22:34 → 00:22:36 เป็นน้ำตาลทั้งหมดเลยนะครับนั้นจะเห็นได้
00:22:36 → 00:22:38 ว่าอาหารทั้งหมดเนี่ยทางขวามือเนี่ยไม่
00:22:39 → 00:22:41 ว่าจะเป็นข้าวแป้งน้ำตาลสุดท้ายแล้วเนี่ย
00:22:41 → 00:22:42 จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายแล้วก็
00:22:42 → 00:22:45 ดูดซุมก็เสรกระแสเลือดทำให้ระดับน้ำตาลใน
00:22:45 → 00:22:47 เลือดสูงขึ้นได้นะครับดังนั้นจึงแนะนำว่า
00:22:47 → 00:22:50 ถ้าเราจะทานเนี่ยเราควรจะทานเป็นกลุ่มคลก
00:22:50 → 00:22:53 คาร์โบไฮเดรตก็คือกลุ่มที่เป็นพวกธัญพืช
00:22:53 → 00:22:56 ฮวีต่างๆเนาะหรือว่าผักต่างๆนะครับเราควร
00:22:56 → 00:23:00 จะหลีกเลี่ยงกลุ่มที่เป็นพวกอ่าพวกขนมของ
00:23:00 → 00:23:02 หวานเครื่องดื่มหวานๆต่างๆหรือพวกฟาสฟู้ด
00:23:02 → 00:23:04 พวกเนี้ยจะทำให้ระดับน้ำตาลมันสูงเร็ว
00:23:05 → 00:23:08 เนาะอินซูลินจะจัดการได้ไม่ดี
00:23:08 → 00:23:11 ครับ 1 ก็คือว่าเราควรจะลดอาหารที่มีรส
00:23:11 → 00:23:13 หวานนะครับแล้วก็ไม่ควรจะปรุงน้ำตาลเพิ่ม
00:23:13 → 00:23:16 นะครับในอาหารต่างๆนะครับควรลดเครื่อง
00:23:16 → 00:23:19 ดื่มที่มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบนะครับเรา
00:23:19 → 00:23:21 สามารถฝึกตัวเองได้โดยการสั่งเป็นแบบหวาน
00:23:21 → 00:23:24 น้อยหรือไม่หวานนะครับลิ้นจะใช้ระยะเวลา
00:23:24 → 00:23:27 ในการปรับตัวนะประมาณ 2-3 สัปดาห์นะครับ
00:23:27 → 00:23:30 เมื่อเราทนผ่านในพีเรียดนี้ไปได้เนี่ย
00:23:30 → 00:23:32 ลิ้นเราก็จะปรับเข้าสู่ภาวะหวานน้อยหรือ
00:23:32 → 00:23:34 หวานคราวนี้เราจะกลับไปกินหวานปกติไม่ได้
00:23:34 → 00:23:38 ละครับก็จะทำให้ดีขึ้นดังนั้นเราจึงไม่
00:23:38 → 00:23:40 แนะนำให้ใช้น้ำตาลเทียมหรือว่าสารให้ความ
00:23:40 → 00:23:42 หวานแทนน้ำตาลเพราะว่ามันก็จะทำให้ลิ้น
00:23:42 → 00:23:44 เราอ่ะชินกับความหวานที่เกิดขึ้นแล้วก็จะ
00:23:44 → 00:23:47 กลายเป็นคนติดหวานแล้วก็เพิ่มโอกาสเกิด
00:23:47 → 00:23:50 เบาหวานในอนาคตได้ครับควรจะเน้นการรับ
00:23:50 → 00:23:53 ประทานคาร์โบไฮเดรตจากผักนะโดยเฉพาะพวก
00:23:53 → 00:23:56 พืชตระกูลถั่วถั่วฝักต่างๆนะธัญพืชต่างๆ
00:23:56 → 00:23:59 ซีเรียลต่างๆเนาผลไม้ไ้นะครับโดยเฉพาะ
00:23:59 → 00:24:02 ผลไม้ที่ไม่มีรสหวานนะครับนมจืดไขมันต่ำ
00:24:02 → 00:24:05 เป็นประจำนะครับเพิ่มการรับประทานอาหาร
00:24:05 → 00:24:07 ที่ไมกากใยสรวงเช่นพวกผักหรือผลไม้หรือ
00:24:07 → 00:24:11 ธัญพืชหรือพวกถั่วพวกเนี้ยจะทำให้การดูด
00:24:11 → 00:24:13 ซึมน้ำตาลเนี่ยลดลงครับอินซูลินก็จะออกฤท
00:24:13 → 00:24:16 ได้ดีขึ้นลดน้ำตน้ำตาลในเลือดลงได้ปกติ
00:24:16 → 00:24:19 ได้ดีขึ้นครับควรเพิ่มการรับประทานอาหาร
00:24:19 → 00:24:23 โปรตีนสูงนะครับแล้วก็ไขมันต่ำเนาะนะครับ
00:24:23 → 00:24:26 โดยที่เน้นเนื้อสัตว์ไขมันต่ำนะเช่นพวกอก
00:24:26 → 00:24:28 ไก่เนื้อสันในอะไรอย่าเงี้ยแทนที่จะเป็น
00:24:28 → 00:24:30 พวกเนื้อสัตว์ติดมันติดหนังนะครับหรือว่า
00:24:30 → 00:24:34 สันนอกนะครับหรือว่าหมูกรอบเบคอนอะไรก็
00:24:34 → 00:24:36 ไม่ควรเนาะไข่ก็หลักๆก็เป็นไข่ขาวถ้า
00:24:36 → 00:24:37 เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไขแดงนะครับเพราะว่า
00:24:37 → 00:24:40 เป็นไขมันสูงแล้วก็เน้นโปรตีนจากพืชพวก
00:24:40 → 00:24:43 ถั่วต่างๆครับลดอาหารแปรรูปต่างๆเพราะ
00:24:43 → 00:24:45 อาหารแปรรูปพวกเนี้ยก็คือมันจะใช้ชิ้น
00:24:45 → 00:24:48 ส่วนต่างๆของเนื้อที่คุณภาพต่ำมาทำเนาะ
00:24:48 → 00:24:51 มันจะปนไขมันสัตว์หนังสัตว์ลงไปได้บ่อยนะ
00:24:51 → 00:24:54 ครับแล้วก็จะมีการปรุงรสก็จะมีเกลือมีอ่า
00:24:54 → 00:24:57 สารปรุงแต่งรูปต่างๆก็จะทำให้สุขภาพไม่ดี
00:24:57 → 00:24:59 เพิ่มไขมันทรานแล้วก็กลุ่มอาหารไขมันสูง
00:24:59 → 00:25:00 ก็ควรจะเลี่ยงนะ
00:25:00 → 00:25:03 ครับทั้งหมดนี้ถ้าทำได้เนี่ยก็จะดียิ่ง
00:25:04 → 00:25:06 ขึ้นนะนอกจากนี้แล้วเนี่ยมันก็มีงานวิจัย
00:25:06 → 00:25:09 ในต่างประเทศที่ทำในหลายๆประเทศนะที่ใช้
00:25:09 → 00:25:12 สำหรับในการป้องกันผู้ที่มีภาวะก่อนเป็น
00:25:12 → 00:25:15 เบาหวานแล้วเนี่ยให้กลับไปเป็นคนปกตินะจะ
00:25:15 → 00:25:18 ได้ไม่เกิดเบาหวานในอนาคตได้นะครับซึ่ง
00:25:18 → 00:25:21 หากเราทำได้ 4-5 ข้อดังต่อไปเนี้ยสามารถ
00:25:21 → 00:25:24 ที่จะลดระยะเวลาการเกิดเบาหวานได้ถึง 4
00:25:24 → 00:25:26 ปีเลยทีเดียวแล้วก็ลดโอกาสเกิดนกเบาหวาน
00:25:26 → 00:25:29 ได้ตั้ง 50% เลยนะครับครับเมื่อเทียบกับ
00:25:29 → 00:25:32 ยาเนาะที่จะมีในข้อเยถ้าใช้ยาเนี่ยจะลด
00:25:33 → 00:25:36 โอกาสเกิดเปาหวานได้แค่ 30% เท่านั้นเอง
00:25:36 → 00:25:38 หรือว่าชะลอการเกิดเบาหวาได้แค่ 2 ปีดัง
00:25:38 → 00:25:40 นั้นการปรับพฤติกรรมอ่ะดีที่สุดนะครับการ
00:25:40 → 00:25:43 ปรับพฤติกรรมควรจะทำอะไร 1 ก็คือคนไข้ที่
00:25:43 → 00:25:46 น้ำหนักเกินเนี่ยก็แนะนำว่าควรจะลดน้ำ
00:25:46 → 00:25:48 หนักตั้งแต่ร้อยละ 7 ของน้ำหนักตัวขึ้นไป
00:25:48 → 00:25:52 นะครับหรือลด 10 กกก็ได้ครับควรออกกำลัง
00:25:52 → 00:25:55 กายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์นะครับ
00:25:55 → 00:25:58 ถ้าง่ายๆก็แนะนำว่า 30 นาทีนะครับครับ 5
00:25:58 → 00:26:01 วันต่อสัปดาห์นะครับไม่ควรจะเว้นเกิน 2
00:26:01 → 00:26:05 วันนะครับแล้วก็สามารถแบ่งออกได้ 30 นาที
00:26:05 → 00:26:07 ไม่จำเป็นต้องติดกันก็อาจจะเป็น 10 นาที
00:26:07 → 00:26:09 เช้าเที่ยงเย็นก็ได้ถ้าเราไม่มีเวลานะ
00:26:09 → 00:26:14 ครับผมควรจะลดการรับประทานอาหารโดยที่
00:26:14 → 00:26:17 คำนวณจากพลังงานนะครับลงอย่างน้อย 450 ก
00:26:17 → 00:26:20 แคลอรีต่อวันถ้าเกิดลดได้ตรงเนี้ยน้ำหนัก
00:26:20 → 00:26:23 เราจะลดลงได้สบายๆเลย 0.5 -1 กกต่อ
00:26:23 → 00:26:27 สัปดาห์นะครับแล้วก็ในคนไข้บางคนที่มีข้อ
00:26:27 → 00:26:30 บ่งชี้เช่นหนักตัวมากๆเคยเป็นเบาหวานขนาด
00:26:30 → 00:26:33 ตั้งครรภ์มาก่อนอายุไม่เกิน 60 ปีนะครับ
00:26:33 → 00:26:36 หรือว่าระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 110 หรือ
00:26:36 → 00:26:39 น้ำตาลสะสมเกิน 6% เนี่ยก็มีข้อบ่งชี้ของ
00:26:39 → 00:26:42 การให้ยากลุ่มเฟินในการป้องกันการเกิด
00:26:42 → 00:26:44 บาวาในอนาคตได้ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์นะ
00:26:45 → 00:26:46 ครับดังนั้นถ้าเราทำได้เนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:26:46 → 00:26:49 การปรับพฤติกรรมชีวิตเนี่ยรวมถึงการใช้ยา
00:26:49 → 00:26:52 เนี่ยก็สามารถลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานหรือ
00:26:52 → 00:26:54 ว่าฉลอกการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตได้นะ
00:26:54 → 00:26:57 ครับทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณหมออยากจะ
00:26:57 → 00:27:00 ฝากเอาไว้สำหรับทุกคนนะครับในการที่จะ
00:27:00 → 00:27:03 ป้องกันโรคเบาหวานที่จะเกิดขึ้นนะครับ
00:27:03 → 00:27:05 อย่างที่เราเกิดพูดเสมอก็คือว่าง่ายที่
00:27:05 → 00:27:08 สุดก็คือการป้องกันดีกว่าการรักษาเนาะดัง
00:27:08 → 00:27:11 นั้นหากท่านเนี่ยมีความเสี่ยงนะครับหรือ
00:27:11 → 00:27:14 ว่าท่านมีอาการที่กล่าวไปอ่ะก็แนะนำให้ไป
00:27:14 → 00:27:17 ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนะครับและหากพบ
00:27:17 → 00:27:20 ความผิดปกติเนี่ยก็รีบให้พบแพทย์เพื่อทำ
00:27:20 → 00:27:22 การรักษาโดยพลันนะครับเพราะว่ายิ่งเรา
00:27:23 → 00:27:26 รักษาเร็วเนี่ยก็จะรักษาโรคคุมโรคได้ง่าย
00:27:26 → 00:27:30 ลดภาวะแทรกซ้อนลดโอกาสเกิดการทุรภาพแล้ว
00:27:30 → 00:27:32 ก็เสียชีวิตได้คุณภาพชีวิตของคุณก็จะดี
00:27:32 → 00:27:37 ยิ่งขึ้นนะครับขอบคุณมาก
00:27:37 → 00:27:40 ครับ