โรค NCDs คืออะไร และทำไมถึงเรียกว่าเพชฌฆาตเงียบ

เพชฌฆาตเงียบโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs by หมอแอมป์ [Dr.Amp Podcast] [Sub Thai, Eng]

จากช่อง : DrAmp Team


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0700:00:11 ในปีพุทธศักราช 2563

00:00:1100:00:18 มีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ทั่วโลกสูงถึง 41 ล้านคน

00:00:3100:00:34 สวัสดีครับ พบกับรายการ Dr.Amp Podcast

00:00:3400:00:38 กับผม หมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ นะครับ

00:00:3900:00:42 วันนี้ครับ เราจะมาคุยกันถึงตอนที่ชื่อว่า

00:00:4200:00:50 เพชฌฆาตเงียบ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ป้องกันได้ เริ่มที่ตัวเรา นะครับ

00:00:5000:00:57 อะไรคือกลุ่มโรค NCDs นะครับ หมอเคยพูดให้ฟังมาในตอนอื่น ๆ บ้างนะ

00:00:5700:01:02 แต่ตอนนี้หมอจะมาลงลึก เนื่องจากส่วนตัวนะ หมอมองว่า

00:01:0200:01:06 กลุ่มโรคเหล่านี้เป็นเพชฌฆาตเงียบจริง ๆ แล้วอันตรายนะครับ

00:01:0600:01:12 ทำลายชีวิตทรัพย์สินมนุษย์ไปเยอะมากเลยในปัจจุบัน

00:01:1200:01:16 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนในยุคปัจจุบันเนี่ย

00:01:1600:01:19 เกิดจากบางคนนะ ไม่ใช่ทุกคนนะ

00:01:1900:01:23 คนที่รับประทานได้ดีอยู่แล้วเนี่ย หมอขอชื่นชมนะครับ ให้คะแนนด้วยเลย

00:01:2400:01:28 แต่ยังมีอีกหลายคนนะครับที่ยังอยู่ในภาวะที่

00:01:2800:01:33 รับประทานรสหวานจัด รสเค็มจัด ชอบของมันนะครับ

00:01:3300:01:39 ชอบของทอด เนื้อสัตว์แปรรูปต่าง ๆ ที่อันตรายเนี่ย บางท่านก็ยังชอบกินมากอยู่นะครับ

00:01:3900:01:43 อาหารไขมันสูง ๆ หนังสัตว์เยอะ ๆ นะครับ

00:01:4300:01:47 น้ำตาลหวาน ๆ นะ น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง

00:01:4700:01:52 การดื่มเหล้า การสูบบุหรี่นะครับ PM 2.5 นะครับ

00:01:5200:01:57 ควันพิษต่าง ๆ เนี่ย หรือสารเคมี ที่ปนเปื้อนมาในอาหารในผักผลไม้เนี่ย

00:01:5700:02:02 สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แหละครับ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากน้ำมือเราเองก็ดี

00:02:0200:02:06 ก็คือพฤติกรรมการใช้ชีวิตเรา ที่เราประมาทเลินเล่อไปหน่อยนะครับ

00:02:0700:02:13 หรือมลภาวะที่เป็นพิษมากขึ้นนะครับ ทั้งในอากาศ บนดิน ในน้ำ

00:02:1300:02:17 ในอากาศก็มีมลภาวะฝุ่นควันมากมายนะครับ

00:02:1700:02:19 ในดินก็มีการปนเปื้อน

00:02:1900:02:25 ในน้ำก็พบเจอสารปรอท สารต่าง ๆ ปนเปื้อนมากับสัตว์ทะเล

00:02:2500:02:30 ทำให้กลุ่มเพชฌฆาตเงียบ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs เนี่ย

00:02:3000:02:35 โจมตีมนุษย์เราหนักขึ้น ๆ ทุกปีทุกวัน

00:02:3600:02:38 โรค NCDs คือโรคอะไร

00:02:3900:02:45 คือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ส่วนใหญ่ เกิดจากการใช้ชีวิตผิด หรือไม่ได้ระมัดระวังนะครับ

00:02:4500:02:52 ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเรา เพื่อต่อสู้กับกลุ่มโรคเหล่านี้ได้

00:02:5200:02:58 กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs เกิดจากสาเหตุใหญ่ ๆ หลัก ๆ เนี่ย 2-3 ปัจจัย

00:02:5800:03:01 1 รหัสพันธุกรรม

00:03:0100:03:10 ปัจจุบันมีการตรวจรู้เลยว่า ใครมีความเสี่ยงทางพันธุกรรม โรคต่าง ๆ NCDs เหล่านี้ มากหรือน้อย

00:03:1000:03:15 แต่แน่นอนครับ เรารู้รหัสพันธุกรรมได้แต่เราเปลี่ยนไม่ได้

00:03:1500:03:21 เราใช้ในการวางแผนหนีหรือหลีกเลี่ยงพอจะได้

00:03:2100:03:27 ข้อที่ 2 ที่เป็นต้นกำเนิดของโรค NCDs ก็คือ สิ่งแวดล้อมครับ

00:03:2700:03:32 ไม่ว่าจะเป็นที่หมอกล่าวไปเนี่ย ความสกปรก มลภาวะเป็นพิษนะครับ

00:03:3200:03:36 สิ่งต่าง ๆ เราเปลี่ยนได้ครับ แต่เราเปลี่ยนคนเดียวไม่ไหว

00:03:3600:03:44 การจะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมต้องใช้ทุกอย่าง ทั้งตัวเรา ประชาชนทุกคน นโยบายภาครัฐนะครับ

00:03:4400:03:50 ภาพใหญ่ต่าง ๆ นะต้องลงมาช่วยกันทำ ถึงจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้นะครับ

00:03:5000:03:55 เหมือนกับกระแส Global warming หรือโลกร้อนตอนนี้นะครับ

00:03:5500:04:01 ต้องใช้ความร่วมมือของทุกคนทุกประเทศร่วมกันสู้

00:04:0100:04:06 ข้อที่ 3 พฤติกรรมตัวเรา ข้อนี้สำคัญมากนะครับ

00:04:0700:04:13 เพราะหมอบอกแล้วนะครับ รหัสพันธุกรรม มีประโยชน์ ใช้ในการวางแผน แต่เราเปลี่ยนไม่ได้

00:04:1300:04:17 สิ่งแวดล้อมเราเปลี่ยนคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้ทุกคนร่วมกัน

00:04:1700:04:21 กันข้อที่ใกล้ตัวเราที่สุดก็คือข้อ 3 นี่แหละครับ

00:04:2100:04:27 พฤติกรรมตัวเราครับ วิถีการใช้ชีวิต หรือที่เรียกว่าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle)

00:04:2700:04:32 Lifestyle นะครับ

00:04:3200:04:39 ซึ่งท่านผู้ฟังทุกท่าน สามารถวางแผน กำหนด เพื่อตัวเราเองได้

00:04:3900:04:42 เริ่มปรับได้เลยตั้งแต่วันนี้ที่ตัวเรา

00:04:4200:04:48 เมื่อเราทำได้ดีใช่ไหม คนรอบข้างตัวเรา ก็สามารถที่จะแบ่งปันประสบการณ์

00:04:4800:04:54 ไปดำเนินการปรับ เพื่อสร้างครอบครัวสุขภาพดี ไปจนถึงสังคมสุขภาพดี

00:04:5400:05:01 ไปจนถึงประเทศสุขภาพดี แล้วก็เป็น โลกมนุษย์สุขภาพดีได้ที่สุดในที่สุด

00:05:0100:05:07 กลับมาที่กลุ่มโรค NCDs ครับ เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

00:05:0700:05:12 ไม่สามารถติดต่อจากเราไปสู่เพื่อนเราได้ ใครมีก็เป็นของคนนั้นนะครับ

00:05:1200:05:23 มีการดำเนินของโรคไปอย่างช้า ๆ สะสมทุกวัน เป็นเดือน เป็นปี หลายปี จึงค่อย ๆ ออกอาการมา

00:05:2300:05:29 หรือบางครั้งการโจมตีของโรค NCDs เนี่ย ก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเลยนะครับ

00:05:2900:05:35 โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือโรคหลอดเลือดในสมองแตก หรือที่เราเรียกว่า Stroke

00:05:3500:05:38 อันตรายมาก ทำให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิต

00:05:3800:05:42 หรือถ้ารอดได้เนี่ย ก็อาจจะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

00:05:4200:05:47 เกิดความลำบากทั้งต่อตัวเราเองและต่อครอบครัวที่เรารัก

00:05:4700:05:54 ต่อไปนะครับเราไปดูกันว่า เจ้ากลุ่มโรค NCDs ที่หมอแอมป์กล่าวมาเนี่ย มันมีโรคอะไรบ้าง

00:05:5400:05:58 1. โรคเบาหวาน นี่ก็เป็นโรคทำเองซะก็เยอะนะ

00:05:5800:06:03 แม้ว่าพันธุกรรมจะเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเราไม่ทานซะอย่าง น้ำตาลก็ไม่ขึ้นเยอะนะครับ

00:06:0300:06:09 โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก หรือที่เรียกว่าโรค Stroke นะครับ

00:06:0900:06:13 ในเมืองไทย โรค Stroke เนี่ยโจมตีทำให้เราเสียชีวิต

00:06:1300:06:17 ของกลุ่มโรค NCDs เนี่ย อันดับหนึ่งเลยนะครับ

00:06:1700:06:20 โรคที่ 3 โรคหลอดเลือดหัวใจนะครับ

00:06:2000:06:23 โรคที่ 4 โรคความดันโลหิตสูงครับ

00:06:2300:06:28 โรคที่ 5 โรคระบบทางเดินหายใจแล้วก็ปอดนะครับ

00:06:2800:06:31 โรคที่ 6 โรคมะเร็งหลายชนิด

00:06:3100:06:34 โรคที่ 7 โรคอ้วน

00:06:3400:06:37 โรคที่ 8 โรคเกี่ยวกับสุขภาพทางจิต

00:06:3700:06:41 บางทีเนี่ยเราทำเองนะ บางทีเราเครียดไปอะไรไปเนี่ย

00:06:4100:06:46 7-8 โรคเหล่านี้เกิดจากน้ำมือเราทั้งสิ้นนะครับ

00:06:4600:06:51 เราถึงต้องมองกลับมา มาช่วยกันป้องกันสิ่งเหล่านี้นะครับ

00:06:5100:06:58 ปัจจัยกระตุ้นของโรค NCDs ต่าง ๆ เนี่ย หมอมักจะเรียกว่าเป็นกิเลส

00:06:5800:07:03 เพราะว่าของอร่อยอย่างนี้เนอะ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ทำให้เรานอนน้อย

00:07:0300:07:07 เราไม่อยากจะนอนเลย เราอยากจะดูหนัง เราอยากจะกินของอร่อย

00:07:0700:07:10 ก็จะทำให้เราเจ็บป่วย

00:07:1000:07:14 แล้วพอเวลาเราน้อย เราก็ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ไม่มีเวลาไปคลายเครียดนะครับ

00:07:1400:07:17 ก็เกิดวัฏจักรที่ไม่ดีต่อร่างกายเรา

00:07:1700:07:22 ดังสุภาษิตที่ว่า ตัดไฟเสียแต่ต้นลมนะ

00:07:2200:07:26 หรือกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ เลยเป็นสิ่งที่หมออยากจะมาพูดวันนี้ว่า

00:07:2600:07:31 พวกเราทุกคน อย่างน้อย ๆ เนี่ย คนที่ฟังวันนี้ มาช่วยกันเถอะครับ

00:07:3100:07:36 มาช่วยกันป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ ร่างกายเราไม่ให้เราเจ็บป่วย

00:07:3600:07:42 หรือถ้าเจ็บป่วยเนี่ย เราจะได้ภูมิใจว่า เราทำดีที่สุดแล้ว มันเป็นพันธุกรรม

00:07:4200:07:46 แต่อย่าเพิ่งไปโทษคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่าว่าเป็นพันธุกรรมนะ

00:07:4600:07:50 เกิดจากไขมันสูงแน่เลย พันธุกรรม แต่ตัวเองก็กินขาหมู

00:07:5000:07:54 กินแคบหมู กินของมัน ของทอด หมูกะทะทุกวัน

00:07:5400:07:57 แล้วเราก็ไปโทษพันธุกรรมเนี่ย ไม่ได้นะครับ

00:07:5700:08:00 เราต้องเริ่มต้นจากตัวเราเอง

00:08:0000:08:07 มีงานวิจัย รายงานขององค์การอนามัยโลก หรือที่เรียก WHO พบว่า

00:08:0700:08:18 ในปีพุทธศักราช 2563 มีจำนวนผู้เสียชีวิต จากกลุ่มโรค NCDs ทั่วโลกสูงถึง 41 ล้านคน

00:08:1800:08:23 คิดเป็น 71% ของจำนวนประชากรทั่วโลก สูงมากนะครับ (ข้อมูลล่าสุดปี คศ.2022 = 74%)

00:08:2300:08:27 คิดภาพง่าย ๆ นะครับ ประชากรทั่วโลก 100 คนที่เสียชีวิตเนี่ย

00:08:2700:08:31 71 คนเสียด้วยกลุ่มโรค NCDs เนี่ยนะครับ

00:08:3100:08:33 อันตรายขนาดไหนคิดดูนะ

00:08:3400:08:39 เช่นเดียวกับประเทศไทยนะครับ ข้อมูลในปีพุทธศักราช 2562

00:08:3900:08:49 มีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในประเทศเราสูงถึง 76.58% เกือบ 77% นะครับ

00:08:4900:08:52 ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลกนะครับ

00:08:5200:08:59 คิดเป็นผู้เสียชีวิตประมาณ 351,880 คนต่อปี (ข้อมูลล่าสุดปี พศ.2565 มีผู้เสียชีวิต 380,400 คน/ปี)

00:08:5900:09:04 คิดง่าย ๆ นะครับ เสียชีวิต 44 คนต่อชั่วโมง

00:09:0400:09:10 วันนี้ถ้ารายการเราจัด 1 ชั่วโมงเนี่ย มีผู้เสียชีวิตด้วยโรค NCDs ตั้ง 44 คน

00:09:1000:09:12 น่ากลัวขนาดไหนคิดดูนะครับ

00:09:1200:09:17 โดยสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย ก็คือ โรค Stroke นั่นแหละครับ

00:09:1700:09:23 โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก เป็นภาวะที่น่ากลัวมาก ๆ นะครับ

00:09:2300:09:28 คราวนี้ครับ หมอจะมาเล่าข้อมูลคร่าว ๆ

00:09:2800:09:36 ที่จำเป็นและสำคัญของเจ้ากลุ่มโรค NCDs แต่ละตัวแต่ละโรคให้ท่านผู้ฟังทราบกัน

00:09:3600:09:39 เอาโรคที่ 1 ก่อน โรคเบาหวานครับ

00:09:3900:09:43 เป็นหนึ่งในตัวแสบประจำกลุ่มโรค NCDs

00:09:4300:09:46 โรคเบาหวานหรือที่เรียกว่า Diabetes

00:09:4600:09:55 จากรายงานของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติหรือที่เรียกว่า International Diabetes Federation (IDF) พบว่า

00:09:5500:10:03 ในปี พศ.2564 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 537 ล้านคน

00:10:0300:10:09 และคาดว่าในอีก 24 ปีข้างหน้า ตัวเลขจะสูงถึง 784 ล้านคนนะครับ

00:10:0900:10:15 เช่นเดียวกับเมืองไทยครับ พบว่าผู้ป่วยเบาหวาน มากกว่า 4.8 ล้านคน

00:10:1500:10:20 คิดภาพง่าย ๆ ในคนไทยเดินมา 10 คน จะเป็นเบาหวาน 1 คน

00:10:2000:10:27 และที่น่าตกใจคือ 40% ของกลุ่มผู้ป่วยนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเบาหวานด้วยนะครับ

00:10:2700:10:30 เบาหวานชนิดที่ 2 ครับ หมอเคยเล่าละเอียดในตอนเบาหวาน

00:10:3000:10:36 ท่านผู้ฟังสามารถไปขยายข้อมูลเพิ่มเติม อยู่เยอะมากเลยในตอนเบาหวาน

00:10:3700:10:39 40% นะครับที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเบาหวาน

00:10:4000:10:45 เบาหวานชนิดที่ 2 พบเจอบ่อยที่สุดสูงถึง 90% นะครับ

00:10:4500:10:50 นำไปสู่โรคแทรกซ้อนใช่ไหมครับ เวลาเป็นเบาหวานเนี่ยจะมีโรคอื่น ๆ ตามมาเต็มเลยนะครับ

00:10:5000:10:56 เช่น จอประสาทตาถูกทำลาย Diabetic Retinopathy

00:10:5600:11:02 โรคไตเรื้อรังใช่มั้ยครับ เป็นเบาหวานเยอะเนี่ย ไตก็จะเสื่อม Chronic kidney disease

00:11:0200:11:07 หัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองอุดตัน การเกิดแผล

00:11:0700:11:12 เบาหวานเรื้อรังทั่วร่างกาย แผลกดทับอย่างนี้นะครับ

00:11:1200:11:16 เผลอไปเตะโต๊ะเตะประตูเป็นแผล แล้วไม่หายนะครับ เกิดภาวะเนื้อเน่า

00:11:1600:11:21 ต้องดำเนินการ อาจจะจนถึงต้องตัดแขนตัดขา

00:11:2100:11:28 นี่คือผลข้างเคียงจากระดับน้ำตาลที่สูง ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายเลย

00:11:2800:11:36 มีการวิจัยที่สำคัญมากเลยชื่อว่า Diabetes Prevention Program (DPP)

00:11:3600:11:43 เป็นการวิจัยแบบ Randomized controlled trial หรือที่เรียกว่า RCT เป็นการวิจัยแบบแม่นยำนะครับ

00:11:4300:11:49 เปรียบเทียบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือ Lifestyle Change การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเรา

00:11:4900:11:53 และการใช้ยาที่ชื่อว่า เมทฟอร์มิน (Metformin) หรือยาเบาหวานเนี่ย

00:11:5400:11:57 ในการป้องกันและชะลอการเกิดโรคเบาหวาน

00:11:5700:12:02 ผลวิจัยพบว่าทั้งการใช้ยา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดีทั้งคู่นะครับ

00:12:0200:12:09 แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเรา มีประสิทธิภาพมากกว่าการทานยาเกือบ 2 เท่า

00:12:0900:12:17 เห็นไหมครับว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ Lifestyle Modification หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราเนี่ย

00:12:1700:12:21 มีส่วนช่วยสำคัญมากในการต่อสู้กับกลุ่มโรคเหล่านี้

00:12:2100:12:28 ในอดีต เบาหวานชนิดที่ 2 เคยถูกเข้าใจว่า เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่มีวันรักษาหาย

00:12:2800:12:34 แต่ปัจจุบันได้นิยามการหายของเบาหวานไว้ด้วยนะครับว่า

00:12:3400:12:41 โรคเบาหวาน จะอยู่ในภาวะที่สงบ ระดับน้ำตาลในเลือดต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติ

00:12:4100:12:48 ขณะอดอาหาร เจาะเลือดเนี่ย น้ำตาลควรจะน้อยกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

00:12:4800:12:55 หรือน้ำตาลสะสม Hemoglobin A1C น้อยกว่า 6.5%

00:12:5500:13:00 โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาหรือการรักษาใด ๆ ติดต่อกัน 6 เดือน

00:13:0100:13:04 โดยเป็นผลจากการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย

00:13:0400:13:08 การลดมวลไขมัน การทำหลาย ๆ อย่าง

00:13:0800:13:13 เรียกว่าเบาหวานหายได้นะครับ แต่ต้องใช้วินัย

00:13:1300:13:21 เมื่อเราทำแบบนั้นได้ ส่งผลให้เซลล์ตับและเซลล์ตับอ่อน กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

00:13:2100:13:25 ในการขจัดของเสียจากร่างกาย ในการผลิตอินซูลิน

00:13:2500:13:28 ในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดนะครับ

00:13:2800:13:34 รวมถึงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถกลับมา ตอบสนองต่ออินซูลินได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

00:13:3400:13:37 ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราให้ดีนี่แหละครับ

00:13:3800:13:41 ไปต่อนะครับกลุ่มโรคที่ 2 ที่หมอเอาข้อมูลมาฝาก

00:13:4100:13:44 ก็คือกลุ่มโรคอ้วน

00:13:4400:13:48 เจ้าโรคอ้วนนี้ ทุกท่านไม่ต้องห่วงเลยนะครับ เดี๋ยวหมอจะมีตอนพิเศษนะครับ

00:13:4800:13:52 ต่อสู้เปิดศึกกับโรคอ้วนเต็มที่

00:13:5200:13:54 วันนี้เราไปดูข้อมูลคร่าว ๆ กันก่อนครับ

00:13:5400:13:58 โรคอ้วนหรือที่เรียกว่า Obesity disease

00:13:5800:14:02 ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วน

00:14:0200:14:08 มีรายงานในปีพุทธศักราช 2559 ขององค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า

00:14:0800:14:19 ผู้ใหญ่ 39% หรือมากกว่า 1.9 พันล้านคน หรือ 1,900 ล้านคนทั่วโลก มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

00:14:2000:14:28 เช่นเดียวกับประเทศไทยครับ ข้อมูลจากกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขรายงานไว้ว่า

00:14:2800:14:39 ความชุกของปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนในผู้ใหญ่ ในปีพุทธศักราช 2564 อยู่ที่ 47.2% นะครับ

00:14:3900:14:47 ทั่วโลกเฉลี่ย 39% นะครับ ประเทศไทย คนเป็นโรคอ้วนมากกว่าค่าเฉลี่ยสูงถึง 47.2% นะครับ

00:14:4700:14:51 เกือบครึ่งนึงมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนนะครับ

00:14:5100:14:56 กรุงเทพฯ มีความชุกมากที่สุดนะครับ 56.1%

00:14:5600:15:03 จะเห็นว่ากรุงเทพมหานคร มีคนเป็นโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน มากกว่าครึ่งอีก น่าตกใจมากเลย

00:15:0300:15:08 รองลงมาคือภาคกลางครับ อ้วน 47.3%

00:15:0800:15:11 ภาคใต้อ้วน 42.7%

00:15:1100:15:15 ภาคเหนือ เฉลี่ยอ้วน 38.7%

00:15:1500:15:21 และภาคอีสานหุ่นดีสุดครับ มีโรคอ้วน 28.1%

00:15:2100:15:28 ที่น่าตกใจไม่แพ้กัน เมืองไทยมีเด็กที่พบปัญหา โรคอ้วนและน้ำหนักเกิน

00:15:2800:15:40 ในปี พศ.2564 ประเทศไทยมีโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปีสูงถึง 9.07% นะครับ

00:15:4000:15:46 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกนะครับ เพราะทั้งโลกมีเด็กอ้วนเฉลี่ยแค่ 5.7% นะครับ

00:15:4600:15:52 แสดงว่าเมืองไทย ผู้ใหญ่ก็เป็นโรคอ้วนเยอะ เด็ก ๆ ก็เป็นโรคอ้วนเยอะ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

00:15:5200:15:57 เมืองไทยเนี่ยติดอันดับโรคอ้วน เป็นที่ 2 ของอาเซียน

00:15:5700:16:02 เป็นรองแค่มาเลเซีย แล้วก็มีแนวโน้ม ที่จะแซงได้ด้วยในอนาคต

00:16:0300:16:09 โดยปกติการวินิจฉัยโรคอ้วน สามารถใช้ค่าดัชนีมวลกายหรือที่เรียกว่า BMI นะครับ

00:16:0900:16:14 คำนวณโดยการใช้น้ำหนักหารด้วยส่วนสูง หน่วยเป็นเมตรนะ

00:16:1400:16:20 ถ้า 150 เซน ก็เป็น 1.5 หารด้วยส่วนสูงยกกำลัง 2 นะครับ

00:16:2000:16:29 ถ้าผลที่ได้มีค่าอยู่ในช่วง 25-29.9 กิโลกรัมต่อเมตร จะถือว่ามีน้ำหนักตัวเกิน

00:16:2900:16:33 และถ้า BMI เกิน 30 จะเรียกว่ามีภาวะอ้วน

00:16:3300:16:38 แต่การใช้ BMI อย่างเดียว ผลอาจจะคลาดเคลื่อนได้เหมือนที่หมอเคยกล่าวไป

00:16:3800:16:46 บางคนเป็นนักกีฬาทีมชาติ หนัก 80-90 มีแต่กล้ามเนื้อ พอหารมาเสร็จอาจจะโดนตีว่าเป็นโรคอ้วน

00:16:4600:16:50 ผู้หญิงบางคนหนัก 40 กิโลกรัม นึกว่าตัวเองผอม

00:16:5000:16:55 แต่ไม่เคยออกกำลังกายเลย เต็มไปด้วยไขมัน อาจจะเรียกว่าเป็นโรคอ้วนได้

00:16:5600:17:01 Gold standard ในโลกใบนี้เวลาเขาใช้วัดเนี่ย จะใช้วัดจากเครื่อง DEXA scan

00:17:0100:17:09 เครื่อง DEXA scan สามารถสแกนร่างกายเราได้ทั้งตัว แล้วก็ประเมินว่ามีไขมันอยู่กี่กิโลกรัมกี่เปอร์เซ็น

00:17:0900:17:16 ทั้งตัวเรา 100% เนี่ย ผู้ชายนะครับ หมอแอมป์แนะนำ ไม่ควรมีไขมันเกิน 28%

00:17:1600:17:23 ผู้หญิง ทั้งตัว 100% เนี่ยหนักเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ควรมีไขมันเกิน 32%

00:17:2300:17:27 ถ้าเกินกว่านี้เนี่ย จะถูกจัดอยู่ในภาวะโรคอ้วน

00:17:2700:17:33 แล้วก็จะมีหลายระดับ แต่ละระดับ ก็จะก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้มากมายเหลือเกิน

00:17:3300:17:37 ซึ่งมวลไขมันที่มากเกินไป มักจะสะสมอยู่แถวไหนครับ

00:17:3700:17:41 แถวสะโพก แถวต้นขา แถวต้นแขน

00:17:4100:17:48 และที่สำคัญและอันตรายมาก ๆ ก็คือ ในบริเวณช่องท้อง หรือที่เรียกว่า Visceral Fat นะครับ

00:17:4800:17:53 Visceral Fat คือไขมันในท้อง สามารถเกาะในไส้ แทรกเข้าไปในตับ

00:17:5300:17:59 แทรกเข้าไปในตับอ่อน เกาะอยู่รอบ ๆ หัวใจ เกาะอยู่บริเวณลำคอนะครับ

00:17:5900:18:01 อันตรายเป็นอย่างยิ่ง

00:18:0100:18:09 มันในช่องท้องนี่เองแหละครับที่เป็นส่วนอันตราย เพราะ นำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะ Metabolic Syndrome นะครับ

00:18:0900:18:17 สาเหตุหลัก ๆ ของการก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และกลุ่มโรค NCDs นั่นเอง

00:18:1700:18:23 นี่คือความน่ากลัวของโรคอ้วน นี่ขนาดแค่พอหอมปากหอมคอยังเยอะขนาดนี้นะ

00:18:2300:18:27 เดี๋ยวลงรายละเอียดทั้งตอน จะเห็นเลยว่าน่ากลัวขนาดไหน

00:18:2700:18:33 โรคที่ 3 ที่เป็นสมาชิก ของกลุ่มโรค NCDs เจ้าเพชฌฆาตเงียบ

00:18:3300:18:36 ก็คือโรคความดันโลหิตสูง

00:18:3600:18:42 โรคความดันโลหิตสูงเนี่ย ได้ชื่อว่า น่ากลัว เพราะเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง

00:18:4200:18:49 จำเป็นต้องทำการตรวจวัดความดัน วัดเช้าก็แบบนึง วัดกลางวันแบบนึง วัดเย็นแบบนึง

00:18:4900:18:53 ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาเนี่ย ก็เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน

00:18:5300:18:57 โรคไตอย่างนี้ โรค Stroke หรือหลอดเลือดสมอง

00:18:5700:19:03 โรคเหล่านี้มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม

00:19:0300:19:09 ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกายน้อย

00:19:0900:19:14 ความเครียดเยอะ การนอนไม่เพียงพอ การนอนไม่มีคุณภาพ

00:19:1400:19:17 การหลับดึกเกินไป การหลับแล้วนอนหลับไม่ลึกนะครับ

00:19:1700:19:24 ภาวะโรคอ้วน การรับประทานอาหาร ที่มีโซเดียมสูง อันนี้ก็เป็นประเด็นหลัก

00:19:2400:19:33 องค์การอนามัยโลกหรือ WHO แนะนำให้มนุษย์เรา บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

00:19:3400:19:41 แต่ผลตรวจวิจัยล่าสุดบอกว่า สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และเครือข่ายลดบริโภคเค็ม

00:19:4100:19:49 วิจัยพบว่า คนไทยบริโภคโซเดียม เฉลี่ยนะ สูงถึง 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน

00:19:4900:19:52 สูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ 2 เท่า

00:19:5200:19:59 หรือเทียบเท่ากับเกลือ 1.8 ช้อนชา หรือน้ำปลาประมาณ 10 ช้อนชา เยอะเกิน

00:19:5900:20:03 เป็นผลมาจากกินอาหารนอกบ้านบ้างล่ะ อาหารแปรรูปบ้างล่ะ

00:20:0300:20:06 อาหารที่เราเติมไป เช่นพริกน้ำปลาเป็นต้น

00:20:0600:20:11 การควบคุมโซเดียม เราต้องค่อย ๆ ทยอยลดละเลิก ปรับลิ้นเราครับ

00:20:1100:20:17 จากรสจัดมากรสเค็มมาก ให้เบาลง ๆ ไม่ถึงขนาดจืดเกินไปนะครับ

00:20:1700:20:21 เพราะว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตามค่ามาตรฐานเนี่ย หมอแอมป์ก็วัดดูทุกวันนะ

00:20:2100:20:25 ก็ไม่เกินถ้าเราค่อย ๆ ปรับ และอาหารหมอก็ไม่ได้จืดขนาดนั้น

00:20:2600:20:31 แต่ท่านที่ทานรสจัดเกินจนลิ้นชินแล้วเนี่ย เกินไปเยอะ ก็ต้องระมัดระวัง

00:20:3100:20:35 เพราะฉะนั้น ระวังเรื่องเกลือดี ๆ เรื่องโซเดียมดี ๆ

00:20:3500:20:40 จะมีส่วนช่วยกับไตเรา แล้วก็โรคความดันโลหิตสูงได้ด้วยครับ

00:20:4100:20:46 โรคที่ 4 นะครับก็คือ โรคไขมันในเลือดผิดปกติหรือไขมันสูง

00:20:4600:20:50 ก็เป็นผลพวง ก่อนและหลัง ไม่รู้ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันนะครับ

00:20:5000:20:55 ก็เกิดจากการรับประทานไม่ดีนี่แหละครับ ทำให้ไขมันสูงและเกิดโรคอ้วน

00:20:5600:20:59 มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง

00:20:5900:21:05 เสียชีวิตจากมีหัวใจขาดเลือด หรือที่เรียกว่า Ischemic heart disease

00:21:0500:21:08 และก็โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke

00:21:0900:21:13 และยังเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของความพิการในแต่ละปี

00:21:1300:21:18 ที่มีผู้ป่วยจากโรคสมองเอย โรคหัวใจเอย

00:21:1800:21:24 ต้นเหตุหลัก ๆ ของโรคไขมันในเลือดสูง ก็มีหลายปัจจัยเหมือนที่หมอบอกไป

00:21:2400:21:27 รหัสพันธุกรรมก็เกี่ยวข้อง

00:21:2700:21:31 แต่ที่สำคัญกว่าคือน้ำมือเรานี่แหละครับ ที่เราหยิบใส่ปากเข้าไป

00:21:3200:21:35 การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

00:21:3500:21:39 เช่นของทอด ของมัน หนังสัตว์

00:21:4000:21:43 ชีส เนื้อสัตว์แปรรูปต่าง ๆ

00:21:4300:21:48 ไส้กรอก ลูกชิ้น กุนเชียง เบคอน หมูยอ

00:21:4800:21:51 ซาลามี่ พาร์ม่าแฮมนะครับ

00:21:5100:21:55 หมอก็ไม่อยากจะขนาดที่แบบ ทุกคนมารณรงค์ เราต้องไม่กินเลย

00:21:5500:21:59 ถ้าเรายังทำไม่ได้ 100% เราก็ค่อย ๆ ลดสิ

00:21:5900:22:03 ค่อย ๆ ลด กินเฉพาะวันสำคัญหรือวันพิเศษ

00:22:0300:22:07 วันที่เราอยู่เองเรากินให้ดี กินพืชผักเยอะนะครับ

00:22:0700:22:10 กินธัญพืชเยอะ บำรุงสุขภาพ

00:22:1000:22:15 วันที่เราแบบมีงานเลี้ยงนะ เราจะกินบ้าง หมอแอมป์ก็ทาน

00:22:1500:22:20 หมอพูดไปในตอนเรื่องกินแล้วว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่หมอยังทำไม่ได้ 100%

00:22:2000:22:25 หมอก็จะไม่มาบังคับหรือว่าสั่งให้คนไข้ทำ 100%

00:22:2500:22:28 หมอก็จะรณรงค์ว่า ทำเท่าที่ได้

00:22:2800:22:35 สิ่งสำคัญไม่ใช่กินเท่าไหร่ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า รู้หรือเปล่าว่าอะไรเป็นอันตราย

00:22:3500:22:41 ถ้าเรารู้ว่าอะไรเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และมีอันตรายต่อสุขภาพเราเนี่ย

00:22:4100:22:47 แต่แน่นอนอาหารเหล่านี้ หมอก็ยอมรับว่า รสชาติมักจะอร่อยกว่าอาหารปกติ

00:22:4700:22:54 เราก็พยายาม เราลดได้เราก็ลด เราละได้เราก็ละ เราเลิกได้หมอก็ยินดีด้วย

00:22:5400:22:59 ช่วยกันทำครับ เพราะว่าของเหล่านี้ ถ้าเรารับประทานน้อย

00:22:5900:23:03 หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองเราก็จะแข็งแรงขึ้น

00:23:0300:23:08 รวมถึงอัตราการเกิดมะเร็งเราก็จะต่ำลง

00:23:0800:23:13 การรับประทานพวกข้าวหรือแป้งที่ผ่านการขัดสีเยอะ ๆ

00:23:1300:23:18 น้ำตาลทรายขาว อาหารที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลแปรรูปอย่างนี้

00:23:1800:23:22 เช่นเค้ก เช่นเบเกอรี ต้องทานน้อย ๆ

00:23:2200:23:30 ทานเฉพาะวันพิเศษนะครับ ร่างกายก็จะมีเวลา ในการที่จะบำรุงซ่อมแซมตัวเอง

00:23:3000:23:35 สมาคมโรคหัวใจอเมริกา American Heart Association (AHA)

00:23:3500:23:40 แนะนำให้บริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 11 กรัมต่อวัน

00:23:4000:23:44 เราก็ต้องไปประยุกต์ดูซิว่า วันนึงเนี่ยเรากินเกินหรือเปล่า

00:23:4400:23:47 และให้ทดแทนด้วยการรับประทานไขมันไม่อิ่มตัว

00:23:4700:23:53 เช่น ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช อโวคาโด แทน

00:23:5300:23:57 ก็จะช่วยเรื่องระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

00:23:5800:24:02 ไปต่อโรคที่ 5 โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง

00:24:0200:24:07 แล้วก็เกี่ยวกับโรคปอด รวมจนถึงโรคถุงลมโป่งพอง

00:24:0700:24:11 เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของโลก

00:24:1100:24:15 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเหล่านี้มากกว่า 3 ล้านคน

00:24:1500:24:23 มีอาการไอ หายใจลำบาก ทางเดินหายใจ มีเสมหะ ส่งผลให้เหนื่อยมากขึ้น

00:24:2300:24:28 สาเหตุของโรคเหล่านี้ เกิดจากหลัก ๆ ก็การสูบบุหรี่

00:24:2800:24:32 ควันบุหรี่มือหนึ่งก็ดี มือสองก็ดี

00:24:3200:24:36 ทุกท่านก็ต้องช่วยกันรณรงค์ ลดการสูบบุหรี่

00:24:3600:24:40 มลภาวะทางอากาศ PM 2.5

00:24:4000:24:44 สารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจนะครับ

00:24:4400:24:49 ถ้าเราป้องกัน ใส่แมสก์ ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ

00:24:4900:24:54 คือจริง ๆ ก่อนโควิดเนี่ย เราก็เจอกับ ภาวะอันตรายจากสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว

00:24:5400:25:03 พอโรคระบาดมาแล้วโจมตีปอดด้วย ทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ ทุกคน ต้องมาใส่ใจเรื่องอากาศมากขึ้นเยอะ

00:25:0300:25:07 แต่เรื่องอากาศ ถ้าเป็นสูบบุหรี่เนี่ย เราก็เลิกได้ด้วยน้ำมือเรา

00:25:0700:25:11 แต่ถ้าเป็นมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม เราต้องร่วมมือกัน

00:25:1100:25:16 ทั้งประชาชน ทั้งตัวเรา ทั้งภาครัฐ ทั้งนโยบาย

00:25:1600:25:23 เพราะอะไรครับ เพราะสิ่งแวดล้อมอยู่ไปหมดครับ ควันพิษ ฝุ่นละออง ควันพิษจากรถยนต์จากโรงงานเนี่ย

00:25:2300:25:28 ต้องใช้หลายส่วนมากที่ต้องช่วยกันในการวางแผนแก้ไขนะครับ

00:25:2800:25:33 เพื่อให้อากาศดี ๆ เหล่านี้ อยู่เป็นสมบัติไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

00:25:3300:25:40 ไม่อย่างนั้น แค่ทุกวันนี้เราใส่แมสก์ทุกวัน เรายังอึดอัดเลยใช่ไหมครับ อากาศรู้สึกถ่ายเทไม่ดี

00:25:4000:25:45 ไปต่างจังหวัดอยากจะไปหายใจให้เต็มปอด เป็นความสุขใหม่ที่ใกล้ตัวของมนุษย์

00:25:4500:25:52 ใครจะคิดครับ ว่าการไม่ใส่แมสก์ และได้หายใจเต็มปอด คือความสุขที่อยู่ใกล้ตัวแล้ว

00:25:5200:25:59 ฉะนั้นมลภาวะเหล่านี้ ก่อให้เกิดโรคปอด โรคทางเดินหายใจ มากมาย

00:25:5900:26:05 เราใส่แมสก์ป้องกัน เราติดเครื่องกรอง เราปัดกวาดเช็ดถูดูดฝุ่นในบ้าน

00:26:0500:26:10 ช่วยกันลด ถ้าควันรถยนต์ดำก็ต้องไปเช็คไปตรวจ

00:26:1000:26:17 ใครเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องช่วยกันรณรงค์หน่อย เพื่อประโยชน์ของประเทศและโลกใบนี้

00:26:1800:26:23 โรคต่อไปเป็นกลุ่มโรคมะเร็ง กลุ่มโรคมะเร็งมีหลายชนิด

00:26:2300:26:30 มีรายงานไว้ในปีคริสตศักราช 2020 จาก A Cancer Journal for Clinicians

00:26:3000:26:38 รวบรวมตัวเลขไว้ว่า มีผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก จำนวนถึง 19.3 ล้านคน

00:26:3800:26:42 และผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เป็นจำนวนเกือบ 10 ล้านคน

00:26:4200:26:48 และคาดการณ์ไว้ว่า ในปีคริสตศักราช 2040 อีกไม่ถึง 20 ปีเนี่ย

00:26:4800:26:55 จำนวนผู้ป่วยมะเร็งในโลกใบนี้ จะเพิ่มสูงถึง 28.4 ล้านคน

00:26:5500:26:58 หรือมากขึ้นถึง 47%

00:26:5800:27:05 ประมาณ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเนี่ย มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเสี่ยง จากน้ำมือเรานี่แหละครับ

00:27:0500:27:10 เช่น โรคอ้วน หรือการมีไขมันมากเกินไป

00:27:1000:27:15 การบริโภคผักและผลไม้น้อย การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์

00:27:1500:27:22 การขาดการออกกำลังกาย การนอนหลับสำคัญมาก ที่ไม่มีคุณภาพนะ หลับไม่ดีหลับดึกเนี่ย

00:27:2200:27:25 ส่งผลต่อโรคมะเร็งมาก

00:27:2500:27:29 การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้าแอลกอฮอล์

00:27:2900:27:34 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรค NCDs หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อนี้

00:27:3400:27:38 เจ้ามะเร็งเนี่ยก็เลยมาเป็นตัวหลักสำคัญอีกหนึ่งตัว

00:27:3800:27:41 นอกเหนือจากพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม สารเคมีนะครับ

00:27:4100:27:46 พฤติกรรมตัวเรานี่แหละครับ สามารถช่วยและเริ่มตั้งแต่วันนี้

00:27:4600:27:52 ในการพาเราและครอบครัว หนีจากความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

00:27:5200:27:58 ทั้งหมดนี้ เป็นกลุ่มโรค NCDs เบื้องต้นที่หมอรวบรวมข้อมูลมาให้

00:27:5800:28:04 เป็นโรคที่ถ้าเราทำตัวดี มีสติ วางแผนให้ดี

00:28:0400:28:08 เราสามารถจะทำให้เราป่วยช้า หรือไม่ป่วยได้

00:28:0900:28:14 และสิ่งสำคัญครับ ก่อนที่เราจะเดินหน้าไปสู่การป่วย หรือการทานยาหรือการรักษาโรคเนี่ย

00:28:1400:28:20 ตอนนี้ ใครก็ตาม ผู้ฟังทุกท่านที่ยังไม่ป่วยครับ

00:28:2000:28:26 เราเริ่มต้นได้เลยครับ ดูแลร่างกายตัวเรา เป็นสิ่งที่หมออยากจะฝากทุกคน

00:28:2600:28:33 มาร่วมกันครับ ต่อสู้กับโรค NCDs สร้างสังคมสุขภาพดีไปด้วยกัน

00:28:3300:28:37 ข้อมูลส่วนสุดท้ายที่หมอฝากเอาไว้เนี่ย

00:28:3700:28:43 ในช่วงการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนี่ยหรือโควิดเนี่ย

00:28:4300:28:47 ทำให้เห็นผลกระทบมากเลย ของกลุ่มโรค NCDs

00:28:4700:28:52 องค์การอนามัยโลกหรือ WHO เขามีการรายงานไว้ว่า

00:28:5200:29:04 ผู้ที่มีโรคประจำตัว มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และโอกาสเสียชีวิตเยอะขึ้นจากเจ้าโรคโควิดมากกว่าคนที่ปกติ

00:29:0400:29:07 ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้มีอะไรบ้างไปดูกัน

00:29:0800:29:13 ถ้าคนที่มีโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว

00:29:1300:29:20 เพิ่มโอกาสความเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรง จากโควิด มากกว่าคนปกติ 2.3 เท่า

00:29:2000:29:29 ถ้าคนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มโอกาสการเสียชีวิต และเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 2.9 เท่า

00:29:2900:29:34 ถ้าเป็นโรคเบาหวาน เพิ่มโอกาสความเสี่ยง 3 เท่า

00:29:3400:29:37 ถ้าเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke

00:29:3700:29:44 เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรง มากกว่าปกติ 3.9 เท่า

00:29:4400:29:48 และสุดท้ายครับ แรงที่สุด โรคอ้วน

00:29:4800:29:55 ใครที่มีโรคอ้วน เพิ่มโอกาสการเสียชีวิต และเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าคนปกติ 7 เท่า!

00:29:5500:30:01 นี่แหละครับเห็นภาพหรือยังครับว่า เวลามีเชื้อโรคมารุมมนุษย์ มาโจมตีพวกเราเนี่ย

00:30:0100:30:06 คนที่มีต้นทุนไม่ดี หรือมีโรคภัยไข้เจ็บ อยู่ในตัวทำให้เจ้าเชื้อไวรัสเนี่ย

00:30:0600:30:14 ยิ่งจ้องมอง และโจมตีหนักกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะโรคอ้วนเนี่ย 7 เท่า

00:30:1400:30:18 นั่นคือสิ่งสำคัญที่หมอมีความเป็นห่วง ความกังวล

00:30:1800:30:23 ถึงต้องออกมารณรงค์ให้ท่านผู้ฟังที่รักทุกคนนะครับ

00:30:2300:30:26 เรามาช่วยกันครับ สร้างกันคนละไม้คนละมือ

00:30:2700:30:32 แม้ว่าการต่อสู้กับกิเลสมันจะยากนะครับ หมอเองก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ยากนะ

00:30:3200:30:36 บางครั้งหมอก็ยังอยากจะทานอะไรอร่อย ๆ นะครับ

00:30:3600:30:41 บางครั้งบางทีเราก็มีวันขี้เกียจบ้างนะครับ บางทีเราก็อยากจะนอนดึก

00:30:4200:30:48 แต่ยังไงซะครับ ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้น ให้เตือนใจเสมอ ให้เรามีวินัย

00:30:4800:30:53 เพื่อที่เราจะได้ไม่เจ็บป่วย แล้วอยู่ดูแลคนที่เรารัก

00:30:5300:30:58 สุดท้ายก่อนจะจบครับ หมอขอฝากไว้ 5-6 ข้อ

00:30:5800:31:05 6 ข้อแล้วกัน ที่เป็นเคล็ดลับ ในการดูแลตัวเองต่อสู้กับโรค NCDs

00:31:0500:31:10 1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่

00:31:1000:31:14 ลดของหวาน ลดของมัน ลดของเค็มนะครับ

00:31:1400:31:18 อย่าลืมนะครับ แบ่ง 1 จาน เป็น 4 ส่วน

00:31:1800:31:23 ครึ่งนึงเป็นผัก อีก 25% เป็นโปรตีนนะครับ

00:31:2300:31:26 ถ้าใครทานโปรตีนพืช ธัญพืชได้ ดีมาก

00:31:2600:31:31 ถ้าใครยังไม่ได้นะครับ เน้นเป็นปลา เป็นเนื้อที่ไม่ติดมันติดหนัง

00:31:3100:31:34 และอีก 25% เนี่ยเป็นแป้งไม่ขัดสี

00:31:3400:31:40 เป็นข้าวกล้องก็ดี เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ก็ดี ก็จะช่วยได้

00:31:4000:31:48 ข้อที่ 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยให้ได้วันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์

00:31:4900:31:52 ข้อที่ 3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

00:31:5200:31:57 ต้องนอนนะครับ ถ้าจะให้ดี หมอแอมป์แนะนำมาตลอดขอสักสี่ทุ่ม

00:31:5700:32:00 และให้ได้สัก 8 ชั่วโมงต่อวัน

00:32:0000:32:04 ข้อที่ 4. งดสิ่งอันตราย

00:32:0400:32:07 งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่นะครับ

00:32:0700:32:12 ใส่แมสก์ป้องกัน PM 2.5 ระวังควันพิษต่าง ๆ

00:32:1200:32:17 และข้อสุดท้าย ผ่อนคลายตัวเอง ผ่อนคลายความเครียดครับ

00:32:1700:32:19 นั่งสมาธิ ลองฝึกดู

00:32:1900:32:26 การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรมนะครับ การทำจิตใจให้สงบ

00:32:2600:32:31 ให้สมองสงบไม่ฟุ้งซ่าน ได้พักผ่อน คิดบวกนะครับ

00:32:3100:32:38 5-6 ข้อนี้แหละครับ คือสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เรามีเกราะป้องกันสุขภาพ

00:32:3800:32:45 คนที่ฉลาดที่สุดจะเห็นว่า สมบัติที่สำคัญที่สุดเนี่ยคือสุขภาพดี

00:32:4500:32:48 ไม่มีอะไรมีค่ามากที่สุดเท่าสุขภาพดี

00:32:4800:32:52 นั่นคือสิ่งที่หมออยากจะทิ้งท้ายเอาไว้

00:32:5200:32:56 วันนี้ครับ พอสมควรแก่เวลา หมอขอลาทุกท่านไปก่อน

00:32:5600:32:58 แล้วเดี๋ยวพบกันใหม่ในตอนหน้า ๆ

00:32:5800:33:01 วันนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ฟังกันมาจนจบ

00:33:0100:33:05 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนะครับ

00:33:0500:33:06 ขอบคุณครับ