00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:22 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:22 → 00:00:26 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:27 → 00:00:29 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:29 → 00:00:33 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:33 → 00:00:37 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:37 → 00:00:39 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:40 → 00:00:44 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:44 → 00:00:47 [เสียงดนตรี]
00:00:48 → 00:00:50 สวัสดีค่ะ แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:50 → 00:00:53 มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับรายการ Food Choice
00:00:53 → 00:00:56 กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋นะคะ
00:00:56 → 00:01:01 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
00:01:01 → 00:01:04 แบคทีเรียที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้
00:01:04 → 00:01:08 เราคงเคยได้ยินกันมาตลอดเลยใช่ไหมคะ สำหรับชื่อพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
00:01:08 → 00:01:11 อะไรหว่า อะไรพรี ๆ อะไรโพร ๆ
00:01:11 → 00:01:16 เดี๋ยววันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันนะคะ สำหรับชื่อพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์
00:01:16 → 00:01:18 เราจะมีการเลือกอย่างไร
00:01:18 → 00:01:21 แล้วเราจะเรียกยังไงว่าอะไรคืออะไร
00:01:21 → 00:01:23 แล้วมีประโยชน์อย่างไรกับร่างกายค่ะ
00:01:23 → 00:01:26 [เสียงดนตรี]
00:01:26 → 00:01:29 เราจะเริ่มต้นกันที่พรีไบโอติกส์ก่อนนะคะ
00:01:29 → 00:01:31 พรี (Pre) แปลว่า ก่อน
00:01:31 → 00:01:34 เพราะฉะนั้น ง่าย ๆ เลยถ้าจะจำ พรีไบโอติกส์นี่
00:01:34 → 00:01:37 ก็คือสารอาหารที่จะช่วยในเรื่องของ
00:01:37 → 00:01:41 การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ในลำไส้
00:01:41 → 00:01:46 ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วนะคะ ว่าในลำไส้ของเราจะมีจุลินทรีย์อยู่มากมาย
00:01:46 → 00:01:48 จริง ๆ จุลินทรีย์มีหลากหลายชนิดเลยค่ะ
00:01:48 → 00:01:52 มีทั้งตัวที่มีประโยชน์กับร่างกาย แล้วก็ตัวที่มีโทษกับร่างกาย
00:01:52 → 00:01:54 ในคนที่สุขภาพดีนี่
00:01:54 → 00:01:56 จะมีความหลากหลายของจุลินทรีย์อยู่
00:01:56 → 00:01:59 แล้วก็จะมีตัวที่มีประโยชน์อยู่เป็นปริมาณมาก
00:01:59 → 00:02:03 ทีนี้ถามว่าจุลินทรีย์เขาก็ต้องอยู่ได้ เขาก็ต้องมีอาหารเนอะ
00:02:03 → 00:02:07 อาหารที่เข้าไป แล้วช่วยในการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
00:02:07 → 00:02:09 โดยเฉพาะจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
00:02:09 → 00:02:11 อันนี้เราเรียกว่า พรีไบโอติกส์
00:02:11 → 00:02:14 ถามว่าพรีไบโอติกส์คืออะไรหรือ ฟังดูยากจังเลย
00:02:14 → 00:02:17 ถ้าใครฟังโฆษณาเคยได้ยินคำว่า อินนูลิน
00:02:17 → 00:02:21 เคยได้ยิน เอฟโอเอส ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ หรืออะไรอย่างนี้
00:02:21 → 00:02:24 อันนี้ค่ะ เป็นตัวอย่างหนึ่งของพรีไบโอติกส์
00:02:24 → 00:02:26 เอาง่าย ๆ เวลาที่เรากินอาหารเข้าไป
00:02:26 → 00:02:29 ร่างกายเราไม่สามารถที่จะ ดูดซึมสารอาหารได้หมด
00:02:29 → 00:02:32 โดยเฉพาะจะเป็นกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต หรือกลุ่มที่มีไฟเบอร์นี่
00:02:32 → 00:02:36 มันก็จะผ่านลงมา แล้วจะไปสู่ลำไส้ใหญ่
00:02:36 → 00:02:40 จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ ก็จะมีการ metabolize
00:02:40 → 00:02:43 หรือว่าเอาอาหารพวกนี้ไปจัดการ
00:02:43 → 00:02:47 มันก็จะเกิดสารตัวหนึ่งขึ้นมา ซึ่งตัวนั้นจะเป็นพลังงาน
00:02:47 → 00:02:51 หรือว่าจะเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ ที่อยู่ในลำไส้เรา
00:02:51 → 00:02:54 สามารถจะเจริญเติบโตอย่างเป็นปกติ
00:02:54 → 00:02:57 อันนี้เราก็จะเรียกว่าเป็นพรีไบโอติกส์
00:02:57 → 00:02:59 ทีนี้ประโยชน์ของพรีไบโอติกส์
00:02:59 → 00:03:03 นอกจากพอกินเข้าไป หรือว่าเข้าไปในร่างกายเราแล้วนี่
00:03:03 → 00:03:07 จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต ของตัวจุลินทรีย์ที่ดีแล้วนี่
00:03:07 → 00:03:11 มันยังทำให้ระบบเรื่องของ ภูมิคุ้มกันในร่างกายดีขึ้นด้วย
00:03:11 → 00:03:15 เนื่องจากว่าที่ลำไส้เรานี่ ถือว่าเป็นระบบภูมิคุ้มกันระบบใหญ่เลย
00:03:15 → 00:03:21 ก็จะช่วยทำให้จุลินทรีย์ที่ อาจจะทำอันตรายกับร่างกายเรา ลดน้อยลง
00:03:21 → 00:03:23 ระบบภูมิคุ้มกันหรือการทำงานในร่างกายดีขึ้น
00:03:23 → 00:03:27 ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ มากมาย
00:03:27 → 00:03:30 ถัดมาเราก็จะไม่รู้จักกับคำว่า โพรไบโอติกส์
00:03:30 → 00:03:34 โพรไบโอติกส์คือจุลินทรีย์ หรือว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในลำไส้เรา
00:03:34 → 00:03:38 เวลาที่เราจะให้คำจำกัดความ ของคำว่าโพรไบโอติกส์
00:03:38 → 00:03:41 อันแรกเลยก็คือจะต้องเป็น จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
00:03:41 → 00:03:46 คือว่าเขาจะต้องมีข้อมูลงานวิจัยสนับสนุน ว่าอันนี้มีประโยชน์กับร่างกาย
00:03:46 → 00:03:50 อันที่ 2 จะต้องมีปริมาณของจุลินทรีย์ ที่มากพอด้วย
00:03:50 → 00:03:53 เพราะฉะนั้น เวลาที่เราจะขึ้นทะเบียน หรือจะเรียกอะไรสักอย่างหนึ่ง
00:03:53 → 00:03:55 ว่ามันเป็นโพรไบโอติกส์นี่
00:03:55 → 00:03:58 เราจะต้องบอกว่ามีจุลินทรีย์ที่ดี และมีปริมาณมากพอ
00:03:58 → 00:04:01 ซึ่งมากพอในที่นี้คือเกิดประโยชน์กับร่างกาย
00:04:01 → 00:04:04 อันนี้ถึงจะสามารถเรียกมันว่าเป็น โพรไบโอติกส์ได้
00:04:05 → 00:04:07 อย่างเช่นบางอย่างนี่ เรากินเข้าไปนี่
00:04:07 → 00:04:10 มันอาจจะมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต แต่ปริมาณไม่มากพอ
00:04:10 → 00:04:12 เวลาที่เขาบอกก็คือผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น
00:04:12 → 00:04:15 ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
00:04:15 → 00:04:17 แต่เขาจะไม่เรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
00:04:17 → 00:04:21 ถ้าจะเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์ จะต้องมีแบคทีเรียที่ดี
00:04:21 → 00:04:23 และก็มีปริมาณที่เพียงพอนะคะ
00:04:23 → 00:04:26 ทีนี้ในส่วนของโพรไบโอติกส์นี่ เวลาที่เราพูดกันนี่
00:04:26 → 00:04:30 เราจะคิดถึงว่ามันมีแบคทีเรีย หรือมีจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้
00:04:30 → 00:04:34 จริง ๆ แล้วนอกเหนือจากลำไส้ ยังมีอีกที่หนึ่งที่มีโพรไบโอติกส์อยู่
00:04:34 → 00:04:36 ก็คือในช่องคลอดของผู้หญิง
00:04:36 → 00:04:38 ตรงนี้ก็จะมีโพรไบโอติกส์อยู่เหมือนกันนะคะ
00:04:38 → 00:04:43 เพราะฉะนั้น ในแง่ของการทำงาน ของระบบต่าง ๆ นี่
00:04:43 → 00:04:45 ตรงนี้ก็จะมีความสำคัญเหมือนกัน
00:04:45 → 00:04:49 ดังนั้นในผู้หญิงบางคน ที่จะมีปัญหาเรื่องของตกขาว
00:04:49 → 00:04:52 คันบริเวณของช่องคลอด หรือว่ามีเชื้อรานี่
00:04:52 → 00:04:54 บางครั้งบางทีนี่ การรักษานี่
00:04:54 → 00:04:58 คุณหมอบางคนก็อาจจะให้ พวกของโพรไบโอติกส์เข้าไป
00:04:58 → 00:05:00 ในแง่ของการเหน็บช่องคลอดนะคะ
00:05:00 → 00:05:02 เพื่อจะช่วยปรับสมดุลตรงนั้น
00:05:02 → 00:05:06 แล้วทำให้เรื่องของอาการผิดปกติ บริเวณช่องคลอดดีขึ้นก็มีนะคะ
00:05:07 → 00:05:09 เพราะฉะนั้น มีในร่างกาย 2 จุด ที่จะมีโพรไบโอติกส์
00:05:09 → 00:05:11 อันที่ 1 ก็คือในลำไส้ของเรา
00:05:11 → 00:05:13 อันที่ 2 ก็คือบริเวณของช่องคลอดค่ะ
00:05:13 → 00:05:17 สำหรับโรคที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์
00:05:17 → 00:05:19 ขอพูดในภาพรวมแล้วกันนะคะ
00:05:19 → 00:05:23 เพราะพรีไบโอติกส์ก็คืออาหาร ที่จะทำให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดีขึ้น
00:05:23 → 00:05:26 โพรไบโอติกส์ก็คือตัวจุลินทรีย์เองนะคะ
00:05:27 → 00:05:29 ทีนี้เวลาที่มันทำงานได้สมดุล
00:05:29 → 00:05:30 สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
00:05:30 → 00:05:34 การทำงานของระบบของลำไส้เราจะทำงานได้ดี
00:05:34 → 00:05:39 ก็จะช่วยลดอาการเรื่องของลำไส้อักเสบ ท้องผูก ท้องเสีย ที่เราเคยเห็น
00:05:39 → 00:05:40 แล้วก็ได้ยินกันมาตลอด
00:05:40 → 00:05:43 หรือบางคนก็จะไปผูกกับเรื่องของลำไส้แปรปรวน
00:05:43 → 00:05:47 นอกเหนือจากอาการของระบบทางเดินอาหาร หรือว่าทางระบบลำไส้แล้วนี่
00:05:47 → 00:05:51 อันที่ 2 ที่เกี่ยวข้องก็คือ เรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน
00:05:51 → 00:05:52 ถ้าการทำงานอันนี้ไม่สมดุล
00:05:52 → 00:05:54 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:05:54 → 00:05:58 ลองนึกภาพนะคะ จุลินทรีย์หรือแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้เรานี่
00:05:58 → 00:06:02 สามารถที่จะรุกล้ำเข้าไปในเซลล์ของเรา แล้วเข้าไปในกระแสเลือด
00:06:02 → 00:06:04 อันนี้มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อ
00:06:04 → 00:06:08 หรือทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราทำงานหนักขึ้น
00:06:08 → 00:06:12 ดังนั้น การที่มีสมดุลของแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ในลำไส้เรานี่
00:06:12 → 00:06:16 จะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ทำงานได้ดีขึ้นค่ะ
00:06:16 → 00:06:19 [เสียงดนตรี]
00:06:19 → 00:06:21 จริง ๆ ต้องบอกว่าในลำไส้เรานะคะ
00:06:21 → 00:06:24 ทุกคนก็ทราบว่ามีจุลินทรีย์ หรือว่ามีแบคทีเรียอยู่
00:06:24 → 00:06:25 ถามว่าแล้วเราอยู่กันอย่างไร
00:06:26 → 00:06:29 ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว ทุกคนมีแบคทีเรียอยู่กับตัวตลอดเวลาเลย
00:06:29 → 00:06:33 แต่เราไม่เคยมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ตลอดเวลาถูกไหมคะ
00:06:33 → 00:06:36 เพราะว่าร่างกายเรานี่มีการทำงานที่ดี
00:06:36 → 00:06:38 มีการแยกกันได้ชัดเจน
00:06:38 → 00:06:42 ดังนั้น ในลำไส้เรานี่ จะมีระบบภูมิคุ้มกันอันหนึ่ง
00:06:42 → 00:06:43 ที่ช่วยป้องกันไว้
00:06:43 → 00:06:46 ด่านแรกก็คือเซลล์ของลำไส้นะคะ
00:06:46 → 00:06:48 เวลาที่มันมีอาหาร ทำงานได้เต็มที่
00:06:48 → 00:06:51 เซลล์ลำไส้เจริญเติบโตเหมือนเป็นรั้วที่ดี
00:06:51 → 00:06:55 ทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์อยู่นอกรั้ว ไม่เข้ามาในบ้านเรา
00:06:55 → 00:06:58 ทีนี้ตัวเม็ดเลือดขาวซึ่งอยู่ในรั้ว
00:06:58 → 00:07:01 อันนี้จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่คอยป้องกัน
00:07:01 → 00:07:04 ไม่ให้จุลินทรีย์หรือแบคทีเรีย รุกล้ำเข้ามาในบ้านเรา
00:07:04 → 00:07:08 ในกรณีที่คน ๆ หนึ่งขาดสารอาหาร ไม่รับประทานอาหารเลย
00:07:08 → 00:07:10 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:07:10 → 00:07:11 สารอาหารได้รับลดลงเนอะ
00:07:11 → 00:07:14 ตัวรั้วมันก็จะมีการผุพัง
00:07:14 → 00:07:18 แบคทีเรียอันนี้ ก็จะสามารถผ่านเข้ามาได้ง่ายขึ้นนะคะ
00:07:18 → 00:07:22 แล้วยิ่งถ้าทำให้ตัวเม็ดเลือดขาว ทำงานได้น้อยลง
00:07:22 → 00:07:24 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:07:24 → 00:07:28 แบคทีเรียหรือว่าตัวจุลินทรีย์ ที่มีอยู่ในลำไส้เรานี่
00:07:28 → 00:07:30 สามารถจะรุกล้ำเข้ามา แล้วก็เข้าไปสู่กระแสเลือด
00:07:31 → 00:07:33 อาจจะทำให้เกิดเรื่องของ การติดเชื้อในกระแสเลือดได้
00:07:33 → 00:07:36 ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้แปลว่าอะไร
00:07:36 → 00:07:40 แปลว่าจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดโทษแก่ร่างกาย มันเยอะขึ้น
00:07:40 → 00:07:41 ถ้ามันเข้าสู่ร่างกาย
00:07:42 → 00:07:46 อันนี้ก็จะทำให้มีการติดเชื้อ มีการอักเสบ หรืออะไรเกิดขึ้นได้
00:07:46 → 00:07:50 ถ้าสมมุติว่า ความสมดุลของจุลินทรีย์ดี ใช่ไหมคะ
00:07:50 → 00:07:53 จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ เขาก็จะไปกดไว้
00:07:53 → 00:07:57 หรือไปทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ ที่เป็นโทษลดจำนวนลง
00:07:57 → 00:07:59 อยู่ควบคุมเขาเอาไว้
00:07:59 → 00:08:02 ทำให้เขาไม่รุกล้ำเข้ามาในตัวเรา
00:08:02 → 00:08:06 ทำให้สมดุลของสภาพแวดล้อมในลำไส้เราดีนะคะ
00:08:06 → 00:08:09 อันนี้ก็จะทำให้เรื่องของการขับถ่าย
00:08:09 → 00:08:13 ที่บางคนอาจจะมีท้องผูก บางคนอาจจะมีท้องเสีย หรือทำให้เกิดลำไส้อักเสบ
00:08:13 → 00:08:14 พวกนี้ก็จะดีขึ้น
00:08:14 → 00:08:17 นอกเหนือจากลำไส้เมื่อกี้ ช่องคลอดก็เช่นเดียวกัน
00:08:17 → 00:08:21 เพราะว่าจะมีเรื่องของตัวโพรไบโอติกส์ หรือว่าตัวจุลินทรีย์อยู่
00:08:21 → 00:08:23 นอกจากนี้ที่สำคัญเลยก็คือ
00:08:23 → 00:08:28 เป็นตัวที่จะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ทำงานได้ดีขึ้น
00:08:28 → 00:08:32 อันนี้คือข้อดีของพรีไบโอติกส์และ โพรไบโอติกส์ที่มีอยู่ที่มีอยู่ในร่างกายเรา
00:08:32 → 00:08:35 ทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราพูดว่า โอเค เราให้อันแรก
00:08:35 → 00:08:39 เราให้เป็นพรีไบโอติกส์ ก็คือเป็นอาหารของจุลินทรีย์นะคะ
00:08:39 → 00:08:41 อันที่ 2 เราให้เป็นลักษณะของโพรไบโอติกส์
00:08:41 → 00:08:44 ก็คือเป็นลักษณะของตัวจุลินทรีย์
00:08:44 → 00:08:45 เวลาที่เราจะเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
00:08:45 → 00:08:48 ก็คือเป็นจุลินทรีย์ที่ดีและปริมาณที่เหมาะสม
00:08:48 → 00:08:53 สมมุติว่าถ้ามันมีอาหารบางอย่าง ให้ทั้ง พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์ไปร่วมกันเลย
00:08:53 → 00:08:55 เราจะเรียกว่าเป็นซินไบโอติกส์
00:08:55 → 00:08:58 ซึ่งอันนี้เวลาที่เราเห็นในหนังสือ หรือว่าเราเห็นในอินเทอร์เน็ต
00:08:58 → 00:09:01 หรือว่าเห็นในสื่อทั้งหลายว่า เอ๊ะ อันนี้คืออะไร
00:09:01 → 00:09:05 พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ แล้วก็สุดท้ายคือซินไบโอติกส์ค่ะ
00:09:05 → 00:09:09 [เสียงดนตรี]
00:09:09 → 00:09:14 ทีนี้มันมีความสำคัญนิดนึงเนื่องจากว่า โพรไบโอติกส์คือจุลินทรีย์
00:09:14 → 00:09:17 เพราะฉะนั้น บางทีเวลาผ่านกระเพาะเราไปนี่
00:09:17 → 00:09:18 ซึ่งเป็นภาวะที่มีกรดเยอะ ๆ
00:09:18 → 00:09:21 บางตัวก็จะตายไปใช่ไหมคะ
00:09:21 → 00:09:25 เขาอาจจะไม่ได้เหมาะที่จะอยู่ได้ ในภาวะที่มันเป็นกรดรุนแรงหรือเป็นด่างรุนแรง
00:09:25 → 00:09:27 นั่นคือเหตุผลที่บอกว่า
00:09:27 → 00:09:33 ถ้าเราจะขึ้นทะเบียนหรือเรียกสารตัวหนึ่ง หรืออาหารชนิดหนึ่งว่ามีโพรไบโอติกส์นี่
00:09:33 → 00:09:37 มันจะต้องมีจุลินทรีย์มากพอ ที่จะลงไปจนถึงลำไส้
00:09:37 → 00:09:40 ไม่งั้นถ้ามันมีน้อย เป็นไงคะ มันก็จะตายหมด
00:09:40 → 00:09:42 อันที่ 2 ถ้าสังเกตเนอะ
00:09:42 → 00:09:45 อะไรก็ตามที่มันจะเป็นพวกของโพรไบโอติกส์
00:09:45 → 00:09:49 มักจะอยู่ในตู้เย็นหรืออุณหภูมิที่ไม่ร้อน
00:09:49 → 00:09:50 ถ้าเราไปทำให้มันสุก
00:09:50 → 00:09:53 ส่วนใหญ่แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์พวกนี้จะตาย
00:09:53 → 00:09:55 เพราะฉะนั้นมันก็จะไม่ได้ประโยชน์แล้ว
00:09:55 → 00:09:57 เพราะว่าเรากินของที่มันตายแล้ว
00:09:57 → 00:10:00 แต่สิ่งที่เราอยากได้ คือเราอยากได้จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
00:10:00 → 00:10:04 เพราะฉะนั้น เราอาจจะต้องเลือกนิดนึงนะคะ ปริมาณที่กินนะคะ
00:10:04 → 00:10:08 แล้วก็ในขณะที่กินนี่ กินตอนท้องว่าง กินระหว่างมื้อ
00:10:08 → 00:10:11 เพื่อลดเรื่องของการหลั่งน้ำย่อย หลังจากที่กินอาหาร
00:10:11 → 00:10:16 จะได้ทำให้ปริมาณของจุลินทรีย์ เหลือมากพอที่จะไปถึงลำไส้ใหญ่ของเราค่ะ
00:10:16 → 00:10:19 ทีนี้ถ้าเราถามว่า แล้วเราจะต้องกินโพรไบโอติกส์เท่าไร
00:10:19 → 00:10:21 ถึงจะได้ประโยชน์
00:10:21 → 00:10:24 จริง ๆ ต้องบอกว่าเวลาที่เราจะขึ้นทะเบียน กับ อย. ว่า
00:10:24 → 00:10:26 ช่วงระยะเวลาของการเก็บรักษา
00:10:26 → 00:10:30 จะต้องมีตัวของจุลินทรีย์ ตามชนิดที่เขากำหนดไว้
00:10:30 → 00:10:31 เขาจะมีกำหนดไว้ค่ะ
00:10:31 → 00:10:33 ตอนนี้น่าจะสักประมาณ 23 ตัว
00:10:33 → 00:10:35 ว่าถ้าเป็นหนึ่งใน 23 ตัวนี้
00:10:35 → 00:10:39 เก็บรักษาเอาไว้แล้ว ปริมาณของจุลินทรีย์ยังมีมากพอ
00:10:39 → 00:10:43 มากพอในที่นี้คือ 10 กำลัง 6 ต่อ 1 กรัมของอาหาร
00:10:43 → 00:10:45 อันนี้ค่ะเขาถึงจะยอม
00:10:45 → 00:10:47 ไม่ใช่หมายความว่าเรากิน 10 กำลัง 6 นะ
00:10:47 → 00:10:50 แต่หมายความว่า ถ้าเรากินอาหารชนิดนั้นเข้าไป 1 กรัม
00:10:50 → 00:10:52 แล้วมีจุลินทรีย์อันนี้มากกว่า 10 กำลัง 6
00:10:53 → 00:10:55 เราจะขึ้นทะเบียน หรือเราจะเรียกมันว่าเป็นโพรไบโอติกส์ได้
00:10:56 → 00:10:59 ทีนี้ถามว่า แล้วโพรไบโอติกส์นี่จะมีปัญหาไหม
00:10:59 → 00:11:01 เมื่อกี้เราบอกว่า เรากินพรีไบโอติกส์มากเกินไป
00:11:01 → 00:11:05 ก็อาจจะทำให้มีท้องอืด มีท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะใช่ไหมคะ
00:11:05 → 00:11:08 ทีนี้ถ้าโพรไบโอติกส์ มันคือจุลินทรีย์เนอะ
00:11:08 → 00:11:10 ถามว่ากินมากเกินไปจะมีปัญหาไหม
00:11:10 → 00:11:12 ส่วนใหญ่ต้องบอกว่า ข้อแรกก่อน
00:11:13 → 00:11:17 เรามักจะเลือกจุลินทรีย์ที่เราคิดว่า เขาได้ประโยชน์กับร่างกายเรานะคะ
00:11:17 → 00:11:20 คนกลุ่มหนึ่งที่อาจจะ
00:11:20 → 00:11:24 ใช้คำว่าอาจจะนะคะ มีปัญหากับการกินพวกของโพรไบโอติกส์
00:11:24 → 00:11:27 ก็คือคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ยกตัวอย่างเช่น
00:11:27 → 00:11:30 คนไข้อาจจะได้รับเคมีบำบัด
00:11:30 → 00:11:31 แล้วได้รับยากดภูมิ
00:11:32 → 00:11:35 แล้วปรากฏว่าภูมิคุ้มกันต่ำมากตอนนี้ ภูมิคุ้มกันต่ำมากเลย
00:11:35 → 00:11:38 เพราะฉะนั้นนี่ ภูมิคุ้มกันเขาต่ำ
00:11:38 → 00:11:40 แค่แบคทีเรียในลำไส้ของเขา
00:11:40 → 00:11:43 ก็มีโอกาสที่จะลุกลามเข้ามาได้อยู่แล้ว นึกออกไหมคะ
00:11:43 → 00:11:45 แล้วเราไปเติมแบคทีเรียเข้าไปอีก
00:11:45 → 00:11:48 อันนี้ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
00:11:48 → 00:11:53 ดังนั้น โดยทั่วไปนะคะ เวลาที่คนไข้ได้รับยาเคมีบำบัดในระดับสูง ๆ
00:11:53 → 00:11:57 หรือมีการกดไขกระดูก มีการกดภูมิคุ้มกันเยอะ ๆ
00:11:57 → 00:12:01 อันนี้เราไม่แนะนำ ที่จะให้รับประทานกลุ่มที่เป็นโพรไบโอติกส์
00:12:02 → 00:12:06 แต่ถ้าหลังจากนั้น แล้วกลับมาเป็นปกติ ภูมิคุ้มกันโอเคแล้ว
00:12:07 → 00:12:09 อยากจะกิน อันนี้ก็ยังโอเคนะคะ ไม่ได้มีปัญหา
00:12:10 → 00:12:13 [เสียงดนตรี]
00:12:13 → 00:12:14 สำหรับอาหารนะคะ
00:12:14 → 00:12:17 เราจะมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในอาหาร กลุ่มไหนบ้าง
00:12:17 → 00:12:23 อันแรกเลยที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ โยเกิร์ตปกติก็ได้หรือกรีกโยเกิร์ตก็ได้
00:12:23 → 00:12:25 ก็จะมีจุลินทรีย์อยู่
00:12:25 → 00:12:27 อันที่สอง ถ้าเป็นกรณีของนมเปรี้ยว
00:12:27 → 00:12:29 นมเปรี้ยวนี่ หลาย ๆ ชนิดต้องไปดูนิดนึง
00:12:30 → 00:12:32 เขาจะบอกว่ามีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตนะคะ
00:12:32 → 00:12:37 แต่ว่าถ้าไปดูในตัวของ นมเปรี้ยวหลาย ๆ ยี่ห้อในเมืองไทย
00:12:37 → 00:12:40 ปรากฏว่าจุลินทรีย์ที่มี
00:12:40 → 00:12:44 มันไม่ใช่ตัวที่ถูกขึ้นทะเบียน ว่าเป็นโพรไบโอติกส์
00:12:44 → 00:12:46 เพราะฉะนั้น เวลาที่กินเข้าไปนี่
00:12:46 → 00:12:49 เขาก็อาจจะไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
00:12:49 → 00:12:52 อีกอันหนึ่งที่จะมีเรื่องของโพรไบโอติกส์
00:12:52 → 00:12:55 ก็จะมีนัตโตะ พวกของเทมเป้
00:12:55 → 00:12:58 แล้วก็จะมีพวกของมิโซะใช่ไหมคะ ที่เราจะได้ยินบ่อย ๆ
00:12:58 → 00:13:00 ถั่วเน่าด้วยอะไรอย่างนี้นะคะ
00:13:00 → 00:13:03 แล้วก็จะมีพวกของตัวชีสนะคะ
00:13:03 → 00:13:07 แอปเปิลไซเดอร์ก็จะมีบ้าง แต่ว่าปริมาณมันอาจจะไม่ได้เยอะมาก
00:13:07 → 00:13:10 อีกอันหนึ่งก็คือจะเป็นพวกของผักดอง หรือว่าของหมักดอง
00:13:11 → 00:13:13 จริง ๆ เวลาที่เราหมักของพวกนี้ค่ะ
00:13:13 → 00:13:15 มันก็จะมีจุลินทรีย์เกิดขึ้น
00:13:15 → 00:13:16 แต่คำถามคือ
00:13:16 → 00:13:21 มันไม่ได้ของหมักดองทุกชนิดที่จะเกิด จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ นึกภาพออกใช่ไหมคะ
00:13:21 → 00:13:22 เพราะฉะนั้นนี่ ถ้าเรารู้ว่า
00:13:23 → 00:13:26 อันนี้คือของที่จะทำให้เกิด จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
00:13:26 → 00:13:29 อันนี้ค่ะ เราถึงจะเรียกมันว่าเป็น เรื่องของโพรไบโอติกส์
00:13:29 → 00:13:33 เพราะฉะนั้นนี่ ในแง่ของของหมักดอง อาจจะต้องระมัดระวังนิดนึง
00:13:33 → 00:13:34 ถามว่าเราจะรู้ได้อย่างไร
00:13:34 → 00:13:37 มันก็ขึ้นกับวัตถุดิบในการที่เราจะเอามาหมัก
00:13:37 → 00:13:40 ว่ามันจะคืออะไร แล้วมันจะกลายไปเป็นอะไรนะคะ
00:13:40 → 00:13:42 ซึ่งอันนี้มันจะมีรายละเอียดนิดนึง
00:13:42 → 00:13:44 ถ้าอย่างนั้นนี่ ถ้าจะกิน ถ้าจะใช้พวกนี้
00:13:44 → 00:13:47 อาจจะต้องระมัดระวัง แล้วก็ไปศึกษาเพิ่มเติมว่า
00:13:48 → 00:13:50 เราจะใช้อะไรเป็นตัวเริ่มต้น
00:13:50 → 00:13:53 แล้วที่สำคัญคือความสะอาดในแง่ของการผลิต
00:13:53 → 00:13:55 ไม่งั้นนี่มันจะมีการปนเปื้อน
00:13:55 → 00:14:00 แล้วจะกลายเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มีประโยชน์ หรือจุลินทรีย์ที่มีโทษเจริญเติบโตมากขึ้น
00:14:00 → 00:14:02 อันนี้ก็อาจจะทำให้ท้องเสียได้ค่ะ
00:14:02 → 00:14:05 [เสียงดนตรี]
00:14:05 → 00:14:09 สำหรับอาหารที่จะไปเพิ่ม ในกลุ่มที่เป็นพรีไบโอติกส์
00:14:09 → 00:14:12 หลัก ๆ เลยก็จะมาจากพวกของไฟเบอร์นะคะ
00:14:12 → 00:14:15 หรือว่าพวกที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนะคะ
00:14:15 → 00:14:20 ฉะนั้น ถ้าในรูปแบบของอาหาร ก็คือเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชนะคะ
00:14:20 → 00:14:22 หรือว่ารวมถึงพวกสมุนไพรด้วย
00:14:22 → 00:14:27 กลุ่มนี้ก็จะให้ในส่วนที่จะเป็น เรื่องของพรีไบโอติกส์นะคะ
00:14:27 → 00:14:29 หลัก ๆ นะคะ เวลาที่เราจะเลือกรับประทานก่อน
00:14:29 → 00:14:31 อันที่หนึ่งก่อน พรีไบโอติกส์เนอะ
00:14:31 → 00:14:33 ในส่วนของพรีไบโอติกส์นะคะ
00:14:33 → 00:14:36 ก็จะเป็นกลุ่มของอาหารที่มันจะเป็น พวกไฟเบอร์แล้วกันเนอะ
00:14:36 → 00:14:39 จะเป็นกลุ่มที่มาจากพวกของคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นเชิงซ้อน
00:14:39 → 00:14:41 ร่างกายเราก็จะย่อย แล้วก็ดูดซึม
00:14:41 → 00:14:43 ทีนี้บางส่วนค่ะ มันดูดซึมไม่หมด
00:14:43 → 00:14:45 มันก็จะไหลผ่านลงมา
00:14:45 → 00:14:49 เอามาให้จุลินทรีย์ที่ลำไส้ใหญ่นี่ มีการ metabolize
00:14:49 → 00:14:51 แล้วหลังจากนั้นนี่ ก็เอามาใช้งาน
00:14:51 → 00:14:53 แล้วก็เกิดเป็นอาหาร
00:14:53 → 00:14:57 หรือเป็นพลังงานให้กับแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ที่บริเวณของลำไส้ใหญ่
00:14:57 → 00:15:00 ดังนั้น หลัก ๆ ของกลุ่มที่จะเป็น พรีไบโอติกส์นี่
00:15:01 → 00:15:04 จะได้มาจากอาหารกลุ่มที่เป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
00:15:04 → 00:15:07 หรือว่ากลุ่มที่มีไฟเบอร์เยอะ
00:15:07 → 00:15:12 ทีนี้ในบางราย ต้องใช้ในบางรายนะคะ ที่อาจจะมีลำไส้แปรปรวนหรืออะไรก็ตาม
00:15:12 → 00:15:17 แล้วเราเลือกชนิดของตัวคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือว่าเราเลือกไฟเบอร์ได้ไม่ได้ดีนัก
00:15:17 → 00:15:20 สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นคือ อาจจะมีปัญหาเรื่องของท้องอืด
00:15:20 → 00:15:23 หรืออาจจะมีแก๊สในกระเพาะเยอะขึ้น
00:15:23 → 00:15:24 หรืออาจจะทำให้ถ่ายเยอะขึ้นได้
00:15:24 → 00:15:27 ถ้าเรารับในปริมาณที่มากเกินไป
00:15:27 → 00:15:30 ลองนึกภาพว่ามันเป็นอาหารที่โหลดเข้าไปเยอะ ๆ
00:15:30 → 00:15:32 แล้วแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์เราเต็มไปหมดเลย
00:15:32 → 00:15:34 ทุกครั้งที่เขาเอาอาหารไปใช้ค่ะ
00:15:35 → 00:15:37 มันจะเกิดแก๊สขึ้นมา เป็นคาร์บอนไดออกไซด์
00:15:37 → 00:15:38 จะเกิดน้ำขึ้นมา
00:15:38 → 00:15:41 เพราะฉะนั้นนี่ มันอาจจะมากเกินไป
00:15:41 → 00:15:43 เวลาที่เราพูดคำว่าพรีไบโอติกส์
00:15:43 → 00:15:45 ไม่ได้หมายความว่าทุกคนกินแล้วจะได้ประโยชน์
00:15:45 → 00:15:48 แต่ละคนจะมีปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง
00:15:48 → 00:15:50 จะรู้ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ดีเลยค่ะ
00:15:50 → 00:15:54 เราไม่สามารถจะไปวัดได้ว่า แต่ละคนมีแบคทีเรียอะไร มากแค่ไหน
00:15:54 → 00:15:55 ให้สังเกตค่ะ
00:15:55 → 00:15:59 ถ้าสมมุติว่าเรากินเป็นผักเข้าไป หรือว่าเป็นพวกของธัญพืช
00:15:59 → 00:16:01 หรือว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
00:16:01 → 00:16:05 พอกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มันแบบ... ท้องอืดมากเลย มีแก๊สมากเลย
00:16:05 → 00:16:06 อันนี้เราต้องลดลง
00:16:06 → 00:16:10 อีกวิธีหนึ่ง เราก็อาจจะต้องปรับในเรื่องของชนิด
00:16:10 → 00:16:11 เพื่อจะหวังว่า
00:16:11 → 00:16:14 โอเค อาจจะให้ได้ตัวนี้น้อยลง ตัวนั้นมากขึ้น อะไรอย่างนี้
00:16:14 → 00:16:16 เราจะมีการปรับเปลี่ยน แล้วก็เลือกเอา
00:16:16 → 00:16:20 อันแรกเราอาจจะปรับปริมาณก่อน อย่ากินครั้งนึงเยอะมาก ๆ
00:16:20 → 00:16:22 แต่ให้กระจายมื้อ กินให้เยอะขึ้น
00:16:22 → 00:16:24 กินทุก ๆ มื้อ ให้ร่างกายมีการปรับตัว
00:16:25 → 00:16:26 อันนี้น่าจะดีขึ้นมากกว่าค่ะ
00:16:27 → 00:16:29 กินในรูปแบบที่เป็นของสดเนอะ
00:16:29 → 00:16:31 อย่าพยายามต้ม หรือว่าอย่าพยายามผ่านความร้อน
00:16:31 → 00:16:34 เพื่อจะให้ได้วิตามิน แล้วก็เกลือแร่ครบถ้วนด้วย
00:16:34 → 00:16:35 เช่น เป็นพวกอะไรได้บ้างเอ่ย
00:16:35 → 00:16:38 หัวหอมก็ได้นะคะ หรือว่าจะเป็นหน่อไม้ฝรั่ง
00:16:38 → 00:16:42 เป็นมะเขือเทศนะคะ ต้นหอมญี่ปุ่น พวกผักกาดทั้งหลาย
00:16:42 → 00:16:46 อันนี้ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีพรีไบโอติกส์
00:16:46 → 00:16:50 กลุ่มที่สองค่ะ ก็จะเป็นพวกของผลไม้ อันนี้ง่ายเลยเนอะ
00:16:50 → 00:16:52 กล้วย แอปเปิล ส้ม
00:16:52 → 00:16:54 พวกสตรอว์เบอร์รี เบอร์รีได้หมดนะคะ
00:16:54 → 00:16:57 พวกนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่มีเรื่องของไฟเบอร์
00:16:57 → 00:16:59 แล้วก็มีเรื่องของพรีไบโอติกส์นะคะ
00:16:59 → 00:17:02 อันที่สาม ก็จะเป็นพวกธัญพืชนะคะ
00:17:02 → 00:17:08 ยกตัวอย่างเช่น เป็นพวกของกลุ่มข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต หรือว่าข้าวสาลีนะคะ
00:17:08 → 00:17:10 ถั่วเมล็ดแห้งด้วยก็ได้นะคะ
00:17:10 → 00:17:13 หรือว่าจะเป็นพวกของลูกเดือย หรืออะไรอย่างนี้ก็ได้ค่ะ
00:17:13 → 00:17:18 กลุ่มนี้นี่เป็นกลุ่มที่เป็นธัญพืชนี่ ก็จะมีเรื่องของพรีไบโอติกส์ด้วยเช่นกัน
00:17:18 → 00:17:23 เพราะฉะนั้น เลือกกินอาหารกลุ่มนี้ ให้มีความหลากหลาย กระจายในทุก ๆ มื้อ
00:17:23 → 00:17:25 เพื่อจะช่วยทำให้เป็นประโยชน์
00:17:25 → 00:17:28 หรือว่าไปเป็นอาหาร สำหรับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ค่ะ
00:17:28 → 00:17:31 แต่อย่างไรก็ตาม เหมือนที่บอกค่ะ ให้สังเกตนิดนึง
00:17:31 → 00:17:34 ถ้าสมมุติว่าเรากินของ ที่เราเรียกว่าเป็นพรีไบโอติกส์แล้ว
00:17:34 → 00:17:37 มันอาจจะตอบสนองกับร่างกายไม่เหมือนกัน
00:17:37 → 00:17:41 เนื่องจากว่าแบคทีเรียในตัวเรา หรือจุลินทรีย์ในตัวเรานี่มีไม่เท่ากัน
00:17:41 → 00:17:44 ถ้าเรากินแล้ว แล้วเรารู้สึกว่า มันอาจจะท้องอืดมากขึ้น
00:17:44 → 00:17:45 หรือมันท้องเสียมากขึ้น
00:17:45 → 00:17:47 ให้เราหยุดหรือลดปริมาณลง
00:17:47 → 00:17:50 กระจายการกินพวกของไฟเบอร์ หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนี้
00:17:50 → 00:17:52 ให้มันเป็นหลาย ๆ มื้อ
00:17:52 → 00:17:54 แต่ละมื้อ ปริมาณไม่มาก
00:17:54 → 00:17:58 อันนี้ก็จะสามารถช่วยในเรื่องของ ระบบทางเดินอาหารที่ผิดปกตินะคะ
00:17:59 → 00:18:00 อีกอันหนึ่งค่ะ
00:18:00 → 00:18:03 บางคนบอกว่าถ้าเอาไปต้มให้สุกหรือว่าทำให้สุก
00:18:03 → 00:18:04 แทนที่จะกินสดนี่
00:18:04 → 00:18:07 มันจะช่วยลดอาการของทางเดินอาหารได้
00:18:07 → 00:18:08 อันนี้อาจจะถูกต้อง
00:18:08 → 00:18:10 ถามว่าพรีไบโอติกส์หายไหม
00:18:10 → 00:18:11 พรีไบโอติกส์อาจจะไม่หาย
00:18:11 → 00:18:15 แต่สิ่งที่หายก็อาจจะเป็นพวกของวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายน้ำ
00:18:15 → 00:18:17 ที่อาจจะลดลงนะคะ
00:18:17 → 00:18:19 เพราะฉะนั้น ลองปรับดูนะคะ ในส่วนของพรีไบโอติกส์
00:18:20 → 00:18:21 ว่าอันไหนที่เหมาะกับเรา
00:18:21 → 00:18:23 แล้วก็พยายามเลือกกินให้หลากหลาย
00:18:23 → 00:18:26 แล้วก็ในแต่ละวัน กินกระจายทุก ๆ มื้อค่ะ
00:18:26 → 00:18:30 [เสียงดนตรี]
00:18:30 → 00:18:34 อันสุดท้าย สำหรับคนที่กำลังจะเลือกรับประทานอาหาร
00:18:34 → 00:18:39 หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ถูกขึ้นทะเบียน ว่าเป็นพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
00:18:39 → 00:18:41 จะมีข้อควรระวังอย่างไร
00:18:41 → 00:18:43 อันที่หนึ่ง ถ้ารับประทานจากอาหาร
00:18:43 → 00:18:46 อันนี้ไม่ได้มีข้อควรระวังอะไรเยอะมากนะคะ
00:18:46 → 00:18:47 ก็คือแค่กินตามปกติ
00:18:47 → 00:18:51 โดยทั่วไป มักจะไม่ค่อยทำให้เกิดอันตรายกับสุขภาพ
00:18:51 → 00:18:55 เราเอาเข้ามารวมในอาหารปกติที่เรากิน
00:18:55 → 00:18:59 แล้วก็ในคนที่มีปัญหา จะเป็นเรื่องของกลุ่มลำไส้แปรปรวน
00:18:59 → 00:19:03 อาจจะพิจารณาปริมาณ และชนิดของตัวไฟเบอร์ที่กินนิดนึง
00:19:03 → 00:19:08 ในกรณีของการที่คนบางคน จะขอเลือกใช้เป็น Supplement ได้ไหม
00:19:08 → 00:19:09 เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ไหม
00:19:09 → 00:19:13 อันที่หนึ่งก่อน เราดูก่อนว่าอันนี้มันเหมาะสมไหม
00:19:13 → 00:19:16 ก็คือตอนที่เขาขึ้นทะเบียนนะคะ
00:19:16 → 00:19:18 เวลาขึ้นทะเบียนนี่ ถ้าเกิด อย. ให้ขึ้นทะเบียน
00:19:18 → 00:19:19 แสดงว่าผ่านแล้ว
00:19:19 → 00:19:21 อันแรกก็คือชนิดของแบคทีเรียที่ดี
00:19:21 → 00:19:24 อันที่สองคือปริมาณของแบคทีเรียมีมากพอ
00:19:24 → 00:19:26 อันที่สาม เวลาที่เราจะดู
00:19:26 → 00:19:29 ถามตัวเองก่อนว่า เราเป็นกลุ่มที่มี ภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเปล่า
00:19:29 → 00:19:32 ถ้าตอนนี้ต้องได้ยากดภูมิเยอะแยะเลยนะคะ
00:19:32 → 00:19:35 หรือว่าเป็นคนไข้มะเร็งที่ต้องได้ยาเคมีบำบัด
00:19:36 → 00:19:39 หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ ภูมิคุ้มกันในร่างกายเราต่ำมาก ๆ
00:19:39 → 00:19:42 อันนี้เลี่ยงก่อนนะคะ อย่าเพิ่งกินในช่วงนี้
00:19:43 → 00:19:45 เดี๋ยวรอให้ภูมิคุ้มกันในชีวิตเราดีขึ้น
00:19:45 → 00:19:47 แล้วเราถึงจะค่อยพิจารณาว่าเราจะกิน
00:19:47 → 00:19:50 ที่สำคัญค่ะ เวลาที่เราจะกิน ถามตัวเองก่อนเนอะ
00:19:50 → 00:19:51 จะไปซื้ออะไรพวกนี้มากิน
00:19:52 → 00:19:54 เรากินเพราะอะไร กินเพื่ออะไร
00:19:54 → 00:19:55 ต้องให้ได้ประโยชน์ก่อน
00:19:55 → 00:19:57 แล้วมาดูซิว่ามันมีโทษไหม
00:19:57 → 00:20:00 ถ้ามันไม่มีประโยชน์ ต่อให้มันไม่มีโทษ อันนี้ขึ้นกับคุณ
00:20:00 → 00:20:03 แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ประโยชน์ แล้วอาจจะมีโทษด้วย
00:20:03 → 00:20:05 กรุณาอย่าซื้อมากินนะคะ
00:20:06 → 00:20:10 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:20:10 → 00:20:12 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:20:12 → 00:20:14 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:20:14 → 00:20:17 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:20:17 → 00:20:19 YouTube Mahidol Channel
00:20:19 → 00:20:20 Apple Podcasts
00:20:20 → 00:20:21 Spotify
00:20:21 → 00:20:22 Anchor
00:20:22 → 00:20:23 Joox
00:20:23 → 00:20:29 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:20:29 → 00:20:32 [เสียงดนตรี]
00:20:32 → 00:20:36 Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้