แครอทควรปรุงสุกหรือกินดิบเพื่อได้ประโยชน์สูงสุด

EP155 : ผัก 5 ชนิดที่ปรุงสุกมีประโยชน์สุดๆ

จากช่อง : Doctor Top


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:02 ผักปรุงสุก 5 ชนิดครับ

00:00:0200:00:07 ที่จะมีประโยชน์สุดๆ เมื่อเทียบกับไม่ปรุงสุกครับ

00:00:1500:00:16 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ

00:00:1600:00:18 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel

00:00:1800:00:21 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ

00:00:2200:00:24 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง ผัก

00:00:2400:00:27 ผักปรุงสุก 5 ชนิดครับ

00:00:2700:00:32 ที่จะมีประโยชน์สุดๆ เมื่อเทียบกับไม่ปรุงสุกครับ

00:00:3200:00:34 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share

00:00:3400:00:37 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ

00:00:3700:00:40 สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย

00:00:4000:00:43 ผมขออนุญาตให้ข้ามไปที่ 3 นาทีสุดท้าย

00:00:4300:00:45 ผมสรุปให้เรียบร้อยแล้วนะครับ

00:00:4500:00:47 แล้วเมื่อท่านมีเวลาให้ย้อนกลับมาฟังใหม่

00:00:4700:00:50 เพื่อลงรายละเอียด เวลาเราลงละเอียด

00:00:5000:00:51 เราจะได้อะไรมากกว่าเดิมเยอะเลยครับ

00:00:5100:00:54 สำหรับท่านที่พร้อมแล้ว เราไปพร้อมๆ กันเลยครับ

00:00:5400:00:58 ก็ต้องบอกว่าโดยปกติแล้วผักสดๆ

00:00:5800:01:04 มักจะมีวิตามินซี วิตามินบี ที่สูงกว่านักปรุงสุกอย่างชัดเจน

00:01:0400:01:06 เพราะว่าวิตามินซีและวิตามินบี

00:01:0600:01:09 มักจะโดนความร้อนทำลายได้โดยง่าย

00:01:0900:01:14 ยิ่งใช้ความร้อนมากวิตามินซีและวิตามินบีก็จะยิ่งหายไปมาก

00:01:1400:01:17 แล้วก็จริงแบบมักจะได้ยินบอกว่าให้ทานผักสดๆ สิ

00:01:1700:01:19 จะได้วิตามินเยอะๆ ใช่ไหม อย่าไปปรุง

00:01:1900:01:21 เพียงแต่ว่าการปรุงสุกบางอย่างเนี่ย

00:01:2100:01:24 มันก็จะได้ผลดีกว่านะครับ เราลองไปดูกัน

00:01:2400:01:27 ก็มาดูกันว่าผักอะไรบ้างนะครับ

00:01:2700:01:30 ผักชนิดแรกก็คือมะเขือเทศนั่นเองครับ

00:01:3000:01:33 มะเขือเทศ วิธีการทำเพื่อให้ได้ประโยชน์เนี่ย

00:01:3300:01:37 มีหลากหลาย เช่น มะเขือเทศบด ซอสมะเขือเทศ

00:01:3700:01:39 หรือกระทั่งการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

00:01:3900:01:41 เราทำแบบนี้เพื่ออะไร

00:01:4100:01:45 หรือว่าเรานำไปผัด เรานำไปต้ม เพื่ออะไรครับ

00:01:4600:01:51 ก็เพื่อทำให้เราดูดซึมสารที่ชื่อว่าไลโคปีนได้ง่ายๆ

00:01:5100:01:56 เจ้าไลโคปีนเนี่ยเป็นสารที่จะเกาะอยู่ที่เส้นใยนะครับ

00:01:5600:02:00 มันเกาะอยู่ที่ผนังเซลล์บริเวณเส้นใยของมะเขือเทศ

00:02:0100:02:05 ซึ่งเส้นใยพวกนี้ร่างกายเราจะย่อยได้ลำบาก ดูดซึมได้ลำบาก

00:02:0500:02:08 เพราะฉะนั้นถ้าเราทำให้เส้นใยพวกนี้มันอ่อนแรงลง

00:02:0800:02:13 เช่น เราเป็นสับมัน ไปบดมัน ไปต้มมันอย่างนี้ครับ

00:02:1300:02:17 พวกเส้นใยพวกนี้ก็จะอ่อนแอลง

00:02:1700:02:22 เราก็สามารถย่อยได้ แล้วเราก็จะสามารถดูดซึมสารนี้ได้มากขึ้น

00:02:2200:02:27 ซึ่งไอ้ตัวสารไลโคปีนมันเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์อย่างนึงเลย

00:02:2700:02:33 ซึ่งมันจะทำให้แบบร่างกายเราได้รับประโยชน์มากๆ เลย

00:02:3300:02:37 มะเขือเทศที่โดนความร้อน หรือผ่านการบด

00:02:3700:02:40 หรือผ่านการหั่น หรือทำเป็นน้ำมะเขือเทศนะครับ

00:02:4000:02:48 จะได้ไลโคปีน สารตัวนี้มากกว่าเดิม 5 ถึง 20 เท่าครับ

00:02:4800:02:49 โอ้โห เยอะมากๆ นะครับ

00:02:4900:02:52 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยมะเขือเทศนะครับ

00:02:5200:02:56 ไม่ได้บอกว่ามะเขือเทศสดไม่ดี มะเขือเทศสดก็ดี

00:02:5600:02:59 ก็จะมีพวกวิตามินบี วิตามินซีอะไรอย่างเงี้ยสอดแทรกอยู่

00:02:5900:03:04 ซึ่งผมแนะนำให้กินทั้งมะเขือเทศสดและมะเขือเทศที่ปรุงสุก

00:03:0400:03:07 แต่ท่านบอกว่าอย่าไปกินซับซ้อนเลย

00:03:0700:03:11 ผมแนะนำให้กินมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ครับ

00:03:1100:03:14 เช่น พวกมะเขือเทศที่นำมาทำซอสซัลซ่าอะไรอย่างนี้

00:03:1400:03:16 ผมว่ามันก็อร่อยดีนะ ก็ลองทานกันดูได้นะครับ

00:03:1600:03:20 ก็ถือว่าเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์มากเลย

00:03:2000:03:23 ซัลซ่าซอสแล้วก็ไปจิ้มกับมันฝรั่งแผ่น

00:03:2300:03:25 ที่แบบเป็นอบไม่ใช่ทอดเนี่ย

00:03:2500:03:27 ก็ถือเป็นอาหารลดน้ำหนักได้ดีอย่างหนึ่ง

00:03:2700:03:31 ทั้งยังทำให้หน้าใส ตามองเห็นชัดเจน ผิวสวยเปล่งปลั่ง

00:03:3100:03:33 เหมือนลูกมะเขือเทศครับ

00:03:3300:03:35 และนี่ก็คืออาหารชนิดแรกหรือผักชนิดแรก

00:03:3500:03:40 ที่ปรุงสุกแล้วก็ได้ผลประโยชน์หรือว่าประโยชน์ที่ดีสุดๆ ครับ

00:03:4100:03:45 มาดูครับ ผักชนิดที่ 2 ที่ปรุงสุกแล้วมันเจ๋งกว่าเดิมครับ

00:03:4500:03:48 นั่นก็คือแครอทนั่นเองครับ

00:03:4800:03:51 แครอทมีสารเบต้าแคโรทีนเยอะมากๆ

00:03:5100:03:56 ซึ่งสารเบต้าแคโรทีนมันก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง

00:03:5600:04:00 ทำให้ท่านหน้าใส หน้าเด็ก เยาว์วัย

00:04:0000:04:03 ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งโน่นนี่เยอะแยะนะครับ

00:04:0300:04:05 แต่เมื่อสารเบต้าแคโรทีนเนี่ย

00:04:0500:04:10 เมื่อนำไปผ่านความร้อนจะทำให้ดูดซึมได้ดีมากขึ้นครับ

00:04:1000:04:12 จะทำให้ดูดซึมสารตัวนี้ได้ดีมากขึ้น

00:04:1200:04:16 เมื่อเรานำแครอทไปผ่านความร้อนนะครับ

00:04:1600:04:18 การผ่านความร้อนเนี่ยบอกเลยว่า

00:04:1900:04:24 ทำให้ตัวแครอทให้สารเบต้าแคโรทีนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า

00:04:2400:04:28 ใช้คำว่าเราดูดซึมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่ามากกว่า

00:04:2800:04:31 และอันที่ 2 น้ำแครอทเนี่ย

00:04:3100:04:37 ก็จะทำให้สารเบต้าแคโรทีนสูงขึ้นมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า

00:04:3700:04:41 เมื่อเรานำแครอทไปทำเป็นน้ำแครอทครับ

00:04:4100:04:43 เพราะถ้าเรากินได้ถูกต้อง

00:04:4300:04:45 สารเบต้าแคโรทีนที่เราอยากได้จากแครอทเนี่ย

00:04:4500:04:48 ก็จะเพิ่มมากกว่าเดิม 2 ถึง 4 เท่าเลยครับ

00:04:4800:04:51 ทั้งๆ ที่เรากินปริมาณแครอทเท่าเดิมนั่นเองครับ

00:04:5200:04:56 มาต่อกันที่ผักชนิดที่ 3 ที่ปรุงสุกแล้วได้ประโยชน์สุดๆ

00:04:5600:05:02 ก็คือในกลุ่มบร็อคโคลี่หรือว่าผักในตระกูลกะหล่ำ

00:05:0200:05:04 กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำพวกนี้นะครับ

00:05:0400:05:08 คือผักกลุ่มนี้นะครับ เขาจะมีสารต้านไทรอยด์ฮอร์โมนอยู่

00:05:0800:05:13 ซึ่งเป็นสารต้านไทรอยด์ฮอร์โมนมันจะอยู่ในผักพวกนี้ถ้ามันดิบ

00:05:1300:05:16 แต่ถ้ามันสุกสารพวกนี้มันจะลดลง มันจะหายไป

00:05:1600:05:18 ถามว่าแล้วมีสารต้านไทรอยด์แล้วยังไง

00:05:1900:05:21 คือสำหรับคนปกติผมบอกเลยว่าไม่มีปัญหา

00:05:2100:05:22 ท่านกินไปเลยครับ

00:05:2200:05:25 ท่านทานบร็อคโคลี่ดิบ ท่านทานกะหล่ำปลีดิบ

00:05:2500:05:27 ท่านทานดอกกะหล่ำดิบ ทานได้ไม่มีปัญหา

00:05:2700:05:32 ล้างให้สะอาดแล้วกันไม่งั้นเดี๋ยวมันจะมีพวกสารเคมีตกค้าง

00:05:3200:05:36 แต่ถ้าผู้ป่วยที่มีภาวะไฮโปไทรอยด์นะครับ

00:05:3600:05:39 หรือมีภาวะไทรอยด์ต่ำเนี่ย

00:05:3900:05:43 ยิ่งจะทำให้ตัวสารไทรอยด์ในร่างกายเรา

00:05:4300:05:46 ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายเราต่ำลงไปอีกนะครับ

00:05:4600:05:49 ก็จะทำให้อาการเป็นหนักเป็นมากขึ้น

00:05:4900:05:55 เพราะฉะนั้นแล้วการนำบร็อคโคลี่ นำกะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ

00:05:5500:06:01 ไปปรุงสุกหรือผ่านความร้อน สารพวกนี้ก็จะหายไปจะลดน้อยลง

00:06:0100:06:08 ก็ทำให้ภาวะความเสี่ยงในการมีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำลดลงไปด้วย

00:06:0800:06:13 เพราะฉะนั้นเนี่ยสำคัญมากๆ สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไฮโปไทรอยด์

00:06:1300:06:16 หรือว่าภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำนั่นเองนะครับ

00:06:1600:06:19 อันนี้ก็ขอเน้นย้ำสำหรับผู้ป่วย

00:06:1900:06:21 สำหรับคนธรรมดาสามารถทานได้

00:06:2100:06:23 เพราะผมก็ทานครับ แต่อย่าลืมล้างให้สะอาด

00:06:2300:06:26 เพราะว่ายาฆ่าแมลงเอย อย่างอื่นเอย

00:06:2600:06:29 เยอะแยะไปหมดก็ต้องระมัดระวังตัวด้วย

00:06:2900:06:34 มาดูกันที่ผักชนิดที่ 4 ที่ปรุงสุกแล้วปลอดภัยและได้ประโยชน์

00:06:3400:06:36 นั่นก็คือผักโขมนั่นเองครับ

00:06:3600:06:41 ผักโขมนี่มีสารออกซาเลตสูงมากเลย โดยเฉพาะผักโขมที่ดิบ

00:06:4100:06:47 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันปรุงสุกตัวออกซาเลตก็จะลดลงอย่างชัดเจน

00:06:4700:06:49 ตัวออกซาเลตที่สูงมีผลเสียอย่างไร

00:06:4900:06:54 ออกซาเลตที่สูงจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมของเราลดต่ำลง

00:06:5400:06:59 จะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กของเราลดต่ำลงนะครับ

00:06:5900:07:03 ดูดซึมแคลเซียมลดต่ำลงเกิดอะไรขึ้น กระดูกพรุน กระดูกหัก

00:07:0300:07:04 เดินไปชนอะไรนิดนึงกระดูกหัก

00:07:0400:07:07 ยิ่งเราอายุเยอะๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

00:07:0700:07:11 ร่างกายเราก็ยิ่งต้องการแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูก

00:07:1100:07:15 ตามอายุขึ้นไป แต่อันนี้มันเป็นการขัดขวางนะครับ

00:07:1500:07:19 ยิ่งแย่เลย เพราะฉะนั้นแนะนำให้ปรุงสุกดีกว่านะครับ

00:07:1900:07:22 ส่วนธาตุเหล็ก ถ้าท่านขาดธาตุเหล็กโดนสารตัวนี้

00:07:2200:07:25 ไปยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กจะเกิดอะไรขึ้น

00:07:2500:07:28 ก็จะเกิดภาวะโลหิตจางเนื่องจากการขาดธาตุเหล็ก

00:07:2800:07:30 โลหิตจางเนี่ยทำให้เกิดได้หลายอย่างนะครับ

00:07:3000:07:34 ถ้าจางมากๆ เนี่ยหน้ามืด เวียนหัว เป็นลม

00:07:3400:07:37 จากเดินได้ 100 เมตร อาจจะได้ 50 เมตร

00:07:3700:07:39 จากเดินขึ้นบันไดได้ 2 ชั้น อาจจะเดินเหลือชั้นเดียว

00:07:3900:07:43 อันตรายมากๆ สำหรับภาวะโรคโลหิตจางครับ

00:07:4300:07:47 มาต่อกันที่อาหารหรือว่าผักชนิดที่ 5 ครับ

00:07:4800:07:54 ผักชนิดที่ 5 ที่แนะนำให้ปรุงสุกก็คือถั่วฝักยาวนั่นเองครับ

00:07:5400:07:59 สำหรับถั่วฝักยาวแล้วเป็นผักที่คนไทยทานกันเยอะมาก

00:07:5900:08:01 ผมก็ชอบทานนะครับ

00:08:0100:08:04 ซึ่งก็จะมีทั้งทานแบบสุกแล้วก็ทานแบบดิบ

00:08:0400:08:08 ก็คือแบบครึ่งๆ เลย สุกก็ทานกันเยอะ ดิบก็ทานกันเยอะ

00:08:0800:08:13 คือถามว่าโดยตัวมันไม่ได้อันตรายร้ายแรงอะไรมากมายนะครับ

00:08:1300:08:18 ตัวถั่วฝักยาวเนี่ยเป็นพืชผักที่มีใยอาหารสูงมากๆ สุดยอด

00:08:1800:08:21 ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยมนะครับ

00:08:2100:08:24 ทั้งยังมีแคลเซียมเสริมสร้างกระดูก มีฟอสฟอรัส

00:08:2400:08:27 มีวิตามินซีเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย

00:08:2700:08:30 มีโปรตีนด้วยนะ เป็นผักที่มีโปรตีน

00:08:3000:08:33 และยังมีธาตุเหล็กอีกต่างหาก ป้องกันโลหิตจางได้สุดยอดมากๆ

00:08:3300:08:35 สำหรับผักชนิดนี้แนะนำให้ทานนะครับ

00:08:3500:08:37 แต่ประเด็นก็คือถั่วฝักยาว

00:08:3700:08:41 โดยเฉพาะถั่วฝักยาวที่อวบ สวย อ้วนดูดีเนี่ย

00:08:4100:08:46 ที่เราทานกันอยู่เนี่ยมักจะมียาฆ่าแมลงเยอะมาก

00:08:4600:08:48 จากการเก็บข้อมูลอะไรต่างๆ มาแล้ว

00:08:4800:08:50 ถั่วฝักยาวมียาฆ่าแมลงเยอะมากนะครับ

00:08:5000:08:54 ถ้าล้างไม่สะอาด หรือว่าถ้าเก็บได้ไม่ดี หรือไม่ปรุงสุก

00:08:5400:08:57 สารพิษตกค้างค่อนข้างเยอะนะครับ

00:08:5700:09:00 ก็จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน

00:09:0000:09:01 เกิดจากพิษของยาฆ่าแมลง

00:09:0100:09:05 อันนี้ก็แนะนำว่าจะทาน ทานดิบได้ไหม? ทานได้

00:09:0500:09:07 แต่อยากให้ล้างให้สะอาดนะครับ

00:09:0700:09:12 หรือถ้าเกิดสมมุติว่าเราไปทานถั่วฝักยาวดิบตามร้านค้าต่างๆ

00:09:1200:09:13 ซึ่งบางทีเขาก็จะมีให้ทานใช่ไหม

00:09:1300:09:17 พวกถั่วฝักยาวดิบคู่กับน้ำพริกบ้าง

00:09:1700:09:20 ถั่วฝักยาวดิบคู่กับขนมจีนบ้างอะไรแบบนี้

00:09:2000:09:25 ก็ให้เลือกร้านที่สะอาด ดูปลอดภัย เราไปทานบ่อยนะครับ

00:09:2500:09:27 ก็จะได้ปลอดภัยจากกลุ่มพวกนี้

00:09:2700:09:29 แล้วยังไม่พอครับ

00:09:2900:09:33 ไอ้ถั่วฝักยาวดิบ ถ้าเรากินดิบๆ เข้าไป

00:09:3300:09:35 เวลาร่างกายเราย่อยแบคทีเรียชนิดดีเนี่ย

00:09:3500:09:40 มันก็จะไปย่อยพวกเปลือกถั่วฝักยาว เม็ดถั่วฝักยาว

00:09:4000:09:44 ซึ่งกระบวนการการย่อยนี้จะเกิดสารหลายตัวครับ

00:09:4400:09:50 เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน หรือว่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์

00:09:5000:09:53 สารกลุ่มพวกนี้จะทำให้ท่านท้องอืดมากกว่าเดิม

00:09:5300:09:56 เมื่อท่านท้องอืดมากกว่าเดิม มันก็อึดอัดน่ารำคาญนะครับ

00:09:5600:09:58 ถ้ามันเป็นแค่นั้นก็ไม่เป็นไร

00:09:5800:10:00 แต่ถ้าท่านเป็นกรดไหลย้อนอยู่อันนี้งานเข้าครับ

00:10:0000:10:02 เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ทำเท่านั้นเป็นกรดไหลย้อน

00:10:0200:10:06 แล้วมีภาวะท้องอืดท้องเฟ้อ อาการกรดไหลย้อนก็จะเป็นมากขึ้น

00:10:0600:10:08 เพราะฉะนั้นในผู้ป่วยกรดไหลย้อน

00:10:0800:10:11 ก็อาจจะให้เพลาๆ เรื่องของถั่วฝักยาวดิบไว้สักนิดนึงนะครับ

00:10:1100:10:15 ถ้าใครเป็นกรดไหลย้อนทานถั่วฝักยาวแล้วมีอาการมากขึ้น

00:10:1500:10:17 ก็แนะนำให้ทานแบบสุกก็จะดีกว่าครับ

00:10:1700:10:22 และนี่ก็คือ 5 ชนิดที่ปรุงสุกแล้วมีประโยชน์สุดครับผม

00:10:2200:10:25 โอเคครับ วันนี้ผมขออนุญาตสรุปครับ

00:10:2500:10:30 ผัก 5 ชนิดที่ปรุงสุกแล้วมีประโยชน์สุดๆ ครับ

00:10:3000:10:34 สำหรับชนิดแรกก็คือมะเขือเทศนั่นเองครับ

00:10:3400:10:40 มะเขือเทศเนี่ยมีสารที่ชื่อว่าไลโคปีนสูงมากๆ

00:10:4000:10:47 และไอ้ไลโคปีนเนี่ยมันเกาะอยู่ที่เส้นใยผนังเซลล์

00:10:4700:10:49 ของตัวมะเขือเทศ

00:10:4900:10:52 และไอ้เส้นใยเนี่ยมันย่อยยากเหลือเกินนะครับ

00:10:5200:10:55 มันย่อยยาก ร่างกายเราย่อยอาจจะย่อยไม่ได้แค่บางส่วน

00:10:5500:10:57 แล้วก็ดูดซึมไลโคปีนได้บางส่วน

00:10:5700:11:01 และไลโคปีนเป็นสารที่เราค่อนข้างจะต้องการจากมะเขือเทศ

00:11:0100:11:03 มันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง

00:11:0300:11:07 ทำให้ผิวพรรณเราดี เราผุดผ่อง ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

00:11:0700:11:10 ต้านมะเร็งนู่นนี่นั่นเยอะแยะนะครับ

00:11:1000:11:12 เพราะฉะนั้นเราอยากได้สารตัวนี้เยอะใช่ไหมครับ

00:11:1200:11:15 เราจะต้องมีวิธีเอามันมาครับ

00:11:1500:11:19 มีวิธีหลากหลายเลยจะทำเป็นมะเขือเทศบดก็ได้

00:11:1900:11:22 จะทำเป็นซอสมะเขือเทศก็ได้ หรือจะทำการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ได้

00:11:2200:11:24 หรือจะผ่านความร้อนก็ได้

00:11:2400:11:28 กระบวนการทุกอย่างนี้จะทำให้เส้นใหญ่พวกนี้อ่อนแรงลง

00:11:2800:11:29 ทำให้เราดูดซึมได้ง่ายขึ้น

00:11:2900:11:32 เมื่อดูดซึมพวกเส้นใหญ่นี้ได้ขึ้นง่ายขึ้น

00:11:3200:11:35 ก็ทำให้ดูดซึมไลโคปีนได้ง่ายขึ้น

00:11:3500:11:37 ก็คือสารที่เราต้องการนั่นเองนะครับ

00:11:3700:11:40 มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนนะครับ

00:11:4000:11:43 หรือบดแล้ว หรือว่าเป็นน้ำมะเขือเทศเนี่ย

00:11:4300:11:48 เราจะได้ไลโคปีนมากกว่าเดิม 5 ถึง 20 เท่าครับ

00:11:4800:11:53 โอ้โห สุดยอดจริงๆ สำหรับมะเขือเทศก็แนะนำนะครับ

00:11:5300:11:57 มาดูอาหารชนิดที่ 2 ที่ปรุงสุกแล้วได้ประโยชน์สุดๆ

00:11:5700:12:00 ผักชนิดที่ 2 นี้ก็คือแครอทนั่นเองครับ

00:12:0000:12:04 ตัวแครอทให้มีเบต้าแคโรทีนสูงมากๆ เลยครับ

00:12:0400:12:08 และเมื่อไหร่ก็ตามที่นำแครอทไปผ่านความร้อนเนี่ย

00:12:0800:12:13 เบต้าแคโรทีนสามารถดูดซึมเข้ามาในร่างกายได้ง่ายขึ้น

00:12:1400:12:16 เมื่อไหร่ก็ตามที่นำแครอทไปผ่านความร้อน

00:12:1600:12:21 ก็จะให้เบต้าแคโรทีนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า

00:12:2100:12:25 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่นำแครอทไปทำเป็นน้ำแครอทนะครับ

00:12:2500:12:29 ก็จะให้สารเบต้าแคโรทีนมากกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกัน

00:12:2900:12:33 แต่น้ำแครอทเนี่ยพยายามอย่าใส่น้ำตาลมากนะครับ

00:12:3300:12:36 ถ้าใช้น้ำตาลมากแล้วเนี่ยมันก็จะมีผลเสียเหมือนกัน

00:12:3600:12:38 ก็ควรจะเป็นน้ำแครอทที่สดนะครับ

00:12:3800:12:41 ก็จะได้เบต้าแคโรทีนซึ่งเบต้าแคโรทีนเนี้ย

00:12:4100:12:44 ก็จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวนึง

00:12:4400:12:46 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากๆ ครับ

00:12:4700:12:49 คราวนี้มาดูผักชนิดที่ 3 ครับ

00:12:4900:12:51 ผักชนิดที่ 3 ที่ปรุงสุกแล้วได้ประโยชน์

00:12:5100:12:55 นั่นก็คือกลุ่มบร็อคโคลี่หรือกะหล่ำปลีหรือดอกกะหล่ำ

00:12:5500:12:58 คือบร็อคโคลี่กะหล่ำปลีหรือดอกกะหล่ำ

00:12:5800:13:01 ผักกลุ่มนี้มีสารต้านไทรอยด์อยู่

00:13:0100:13:04 ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามถ้าท่านมีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ

00:13:0400:13:08 หรือเป็นโรคที่เรียกว่าภาวะไฮโปไทรอยด์

00:13:0900:13:11 การที่เรากินผักพวกนี้แบบดิบๆ เข้าไปเนี่ย

00:13:1100:13:14 ก็จะยิ่งทำให้ไทรอยด์ฮอร์โมนในร่างกายเรายิ่งต่ำลง

00:13:1400:13:19 ก็เกิดภาวะไฮโปไทรอยด์มากขึ้นนะครับ

00:13:1900:13:22 ก็ทำให้อาการแย่ลง แต่สำหรับคนที่

00:13:2200:13:26 ปกติไม่ได้เป็นโรคไทรอยด์ต่ำเนี่ยก็สามารถทานได้ตามสะดวก

00:13:2600:13:29 ซึ่งผมก็ทานนะครับ แต่อย่างไรก็ดีนะครับ

00:13:2900:13:30 ผักดิบก็ควรจะล้างให้สะอาด

00:13:3000:13:33 เพราะว่ามันจะมีความปนเปื้อนหรือความสกปรก

00:13:3300:13:36 จากพวกยาฆ่าแมลงหรือว่าพวกเชื้อโรคได้ค่อนข้างมาก

00:13:3600:13:39 เพราะฉะนั้นเน้นความสะอาดเป็นหลักนะครับ

00:13:3900:13:43 ต่อมาครับผักชนิดที่ 4 ที่แนะนำให้ปรุงสุก

00:13:4300:13:46 ก็คือผักโขมนั่นเองครับ

00:13:4600:13:50 ผักโขมเนี่ยมีสารออกซาเลตที่สูงนะครับ

00:13:5000:13:56 ซึ่งตัวออกซาเลตที่สูงมีผลทำให้ดูดซึมแคลเซียมได้ลดลงมากเลย

00:13:5600:13:59 แล้วก็ดูดซึมเหล็กได้ลดลงมากๆ

00:13:5900:14:01 การดูดซึมแคลเซียมได้ลดลงมาก

00:14:0100:14:04 ก็จะทำให้เราเกิดภาวะกระดูกพรุนนั่นเองครับ

00:14:0400:14:08 เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องระมัดระวังในการกินผักโขมแบบดิบ

00:14:0800:14:12 ยิ่งท่านเริ่มอายุเยอะๆ เรายิ่งเก็บแคลเซียมในร่างกายได้น้อย

00:14:1200:14:14 มันสูญเสียไปทุกวัน

00:14:1400:14:18 เพราะฉะนั้นเรายิ่งไปขัดขวางการดูดซึมอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่

00:14:1800:14:22 ส่วนธาตุเหล็ก ถ้าเราโดนขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กเนี่ย

00:14:2200:14:26 ก็จะเกิดภาวะที่เรียกว่าโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กครับ

00:14:2600:14:29 ซึ่งจะทำให้เราอ่อนเพลีย เวียนหัวง่าย ไม่มีแรง

00:14:2900:14:32 บางทีเนี่ยปกติเดินขึ้นบันไดได้ 3-4 ชั้น

00:14:3200:14:35 ถ้าขาดธาตุเหล็กจนเป็นโรคโลหิตจางเดินชั้นเดียวยังไม่ไหวเลย

00:14:3500:14:38 เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังตัวนะครับ

00:14:3800:14:41 มาต่อกันที่ผักชนิดที่ 5 ที่แนะนำให้ปรุงสุก

00:14:4100:14:44 ก็คือถั่วฝักยาวนั่นเองครับ

00:14:4400:14:50 ตัวถั่วฝักยาวจริงๆ แล้วในตัวมันไม่ได้มีโทษอะไรมากมาย

00:14:5000:14:54 ซึ่งคนไทยเนี่ยก็กินทั้งสุกและก็กินทั้งดิบนะครับ

00:14:5400:14:57 ประโยชน์ของมันเพียบเลย ใยอาหารที่สูงสุดๆ

00:14:5700:15:01 มีสารแคลเซียม มีทั้งโปรตีน มีทั้งวิตามินซี

00:15:0100:15:04 คือยอดเยี่ยมมากๆ กินสุกก็ได้ กินดิบก็ดี

00:15:0400:15:06 เพียงแต่มันมีปัญหาอย่างนึงครับว่า

00:15:0600:15:10 ถั่วฝักยาวที่ดูค่อนข้างสวยงาม ที่ตัวอวบอ้วนเนี่ย

00:15:1000:15:12 มักจะมียาฆ่าแมลงเยอะมากเลยครับ

00:15:1200:15:14 จากการเก็บข้อมูลต่างๆ หลายๆ อย่าง

00:15:1400:15:18 เพราะฉะนั้นแล้วแนะนำให้ล้างถั่วฝักยาวอย่างสะอาด

00:15:1800:15:20 ก่อนที่จะทานดิบนะครับผม

00:15:2000:15:23 และถ้าท่านทานถั่วฝักยาวดิบที่ร้านค้าข้างนอก

00:15:2300:15:26 ซึ่งส่วนใหญ่เนี่ยก็มักจะมีให้ทานนะครับ

00:15:2600:15:30 เช่น ถ้าไปร้านอาหารบางร้านก็จะมีถั่วฝักยาวมีน้ำพริกให้

00:15:3000:15:35 บางร้านก็จะมีถั่วฝักยาวแล้วก็มีขนมจีนอะไรอย่างนี้แถมให้

00:15:3500:15:40 ก็ให้เลือกร้านที่เราไปทานบ่อย ไม่ค่อยมีปัญหา แล้วก็สะอาด

00:15:4000:15:41 อันนี้ก็แนะนำ

00:15:4200:15:43 ยังไม่พอครับ

00:15:4300:15:45 ถั่วฝักยาวดิบเนี่ยเมื่อเข้ากระบวนการการย่อย

00:15:4500:15:48 โดยแบคทีเรียในร่างกายแล้วเนี่ยนะครับ

00:15:4800:15:51 เมื่อย่อยตรงเปลือก ย่อยตรงเม็ดของมัน

00:15:5100:15:54 ก็จะเกิดแก๊สขึ้นนะครับ ซึ่งแก๊สต่างๆ

00:15:5400:15:58 เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สมีเทนอะไรต่างๆ

00:15:5800:16:00 มันเกิดขึ้นทำให้ท้องเราอืด

00:16:0000:16:02 ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้บ่อยๆ

00:16:0200:16:04 พวกที่ทานแล้วท้องอืดบ่อยๆ

00:16:0400:16:07 ก็แนะนำให้ทานแบบสุกมากกว่าทานแบบดิบนะครับ

00:16:0700:16:10 โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนแล้วมีอาการท้องอืด

00:16:1000:16:13 จะทำให้กรดไหลย้อนของท่านเป็นมากขึ้นครับ

00:16:1300:16:15 และนี่ก็คือ 5 ชนิดครับ

00:16:1500:16:18 ที่แนะนำให้ปรุงสุกแล้วได้ประโยชน์สูงสุดๆ ครับ

00:16:1800:16:21 ก็ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงทุกๆ คนครับ

00:16:2100:16:22 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share

00:16:2200:16:25 กด Subscribe และกดกระดิ่ง สวัสดีครับ