00:00:39 → 00:00:40 สวัสดี
00:00:40 → 00:00:50 ค่ะใครเข้ามาแล้วทักทายกันหน่อยนะ
00:00:50 → 00:00:53 เออวันนี้
00:00:53 → 00:00:58 เดี๋ยวก็เอิ่มหมอจะเปิดไลฟ์ไว้นะคะแล้วก็
00:00:58 → 00:01:01 จะเปิดขับเาไว้ด้วยนะค
00:01:01 → 00:01:06 อ่าสวัสดีนะคะใครเข้ามาแล้วนะไหนลองทัก
00:01:06 → 00:01:09 ทายกันหน่อยซิลองเช็คเสียงให้หน่อยนะคะ
00:01:10 → 00:01:13 อ่าเช็คเสียงเช็คภาพให้นิดนึงเนาะวันนี้
00:01:13 → 00:01:18 เป็นแบบ minimal minimal เป็นสตูดิแบบิอ
00:01:18 → 00:01:23 อ่านะชาวคณะเริ่มเข้ากันมาแล้วนะคะใคร
00:01:23 → 00:01:25 เข้ามาแล้วทักทายหมอเอิ้นหน่อยนะแล้วก็
00:01:25 → 00:01:28 วันนี้นะคะเราคุยกันเรื่องรักตัวเองอย่าง
00:01:28 → 00:01:32 ไรให้ใครๆก็อยากรักนะมันมีที่มาที่ไปแหละ
00:01:32 → 00:01:36 ว่าทำไมมาคุยเรื่องนี้กันวันนี้คุณฉันบู
00:01:36 → 00:01:38 สวัสดีนะคะ
00:01:38 → 00:01:40 อ่า
00:01:40 → 00:01:43 ว้าวันนี้ไม่
00:01:43 → 00:01:50 มีไม่มีเอฟเฟคปรบมือนะอ่าถ้างั้นเนี่ยนะ
00:01:50 → 00:01:53 ในระหว่างรอเพื่อนๆนะคะอ่าอย่าลืมนะ
00:01:53 → 00:01:58 เดี๋ยวลองเช็คให้หน่อยนะคะเสียงเป็นยังไง
00:01:58 → 00:02:02 บ้างนะเสียงชัดดีมยนะคะภาพเป็นยังไง
00:02:02 → 00:02:04 สัญญาณเป็นยังไงนะคะ
00:02:04 → 00:02:10 อ่าลองเช็คให้หน่อย
00:02:10 → 00:02:13 นะคุณหญิงนะ
00:02:13 → 00:02:19 คะสวัสดีนะคะอ่าคุณหญิงเช็คเสียงเช็คภาพ
00:02:19 → 00:02:23 พี่หมอหน่อยสิ
00:02:23 → 00:02:25 นะ
00:02:25 → 00:02:26 [เพลง]
00:02:26 → 00:02:30 อเป็นยังไงบ้างอ้า
00:02:30 → 00:02:34 คุณไทนี่บอก
00:02:34 → 00:02:37 ว่า
00:02:37 → 00:02:43 เสียง
00:02:43 → 00:02:46 อ่าว่า
00:02:46 → 00:02:49 เสียงเสียงชัดนะ
00:02:49 → 00:02:54 คะบางครั้งมีเสียงสะท้อน
00:02:54 → 00:02:55 หรอ
00:02:55 → 00:02:57 ฮัลโหล
00:02:57 → 00:03:00 อ่ะสะท้อนมั้ยเอ่ย
00:03:00 → 00:03:04 อ่ะพี่เหมียวสวัสดีค่ะพี่เหมียวบอกเสียง
00:03:04 → 00:03:10 ใส
00:03:10 → 00:03:13 นะเสียงใสนะคะ
00:03:13 → 00:03:15 อ่า
00:03:15 → 00:03:16 โอเค
00:03:16 → 00:03:22 คุณทิตะพันธ์ใช่มั้ยคะอ่าสวัสดีภาพเสียง
00:03:22 → 00:03:28 ชัดนะคะอ่านี้มาจาก YouTube นะนะคุณธนวัฒ
00:03:28 → 00:03:33 นะคะเอาล่ะสวัสดีทุกคนอย่างเป็นทางการนะ
00:03:33 → 00:03:35 คะแล้วก็
00:03:35 → 00:03:37 เอ่อ
00:03:37 → 00:03:43 สวัสดีชาวคณะที่อยู่ในคลับเฮาส์ด้วยนะวัน
00:03:43 → 00:03:47 นี้มาแปลกๆนิดนึงนะคะเอ่อทุกคนอาจจะแบบ
00:03:47 → 00:03:50 แหมวันนี้อาจจะไม่ได้มาระบายกันจริงๆแล้ว
00:03:50 → 00:03:53 เป็นช่วงเวลาของการมาระบายคลับเฮาส์ใช่มย
00:03:53 → 00:03:57 แต่ว่าพี่โจ้นะคะไม่สบายนะเป็นผู้เข้าวิน
00:03:57 → 00:04:00 ไปแล้วนะคะอย่างเรียบร้อยนะงั้นให้พี่โจ้
00:04:00 → 00:04:03 ได้พักผ่อนนะคะแล้วก็พี่ๆเองช่วงนี้ก็
00:04:03 → 00:04:07 เป็นวันหยุดยาวนะก็เลยเราไม่ได้ประจำกัน
00:04:07 → 00:04:10 นะคะก็เลยทำให้วันนี้นะหมอเอิ้นก็ยังคิด
00:04:10 → 00:04:14 ถึงทุกคนนะคะก็มาไลฟ์นะคะให้ความรู้นะ
00:04:14 → 00:04:17 แล้วก็วันนี้ก็เลยกลับกันนะเป็นช่วงเวลา
00:04:17 → 00:04:21 ของมาลบคับเฮ้าแต่ว่าวันเนี้ยขอไลฟ์ในหมอ
00:04:21 → 00:04:25 เอิ้นพิยดาไลฟ์ในเพจนะคะอ่าเพราะงั้น
00:04:25 → 00:04:28 เนี่ยใครนะอยากเห็นหน้าค่าตาของหมอเอิ้น
00:04:28 → 00:04:33 นะหรือว่าอยากที่จะแชทพูดคุยนะคะก็ขอให้
00:04:33 → 00:04:36 มาในหน้าเพจแล้วกันนะอเพจหมอเอิ้นพดา
00:04:36 → 00:04:38 unlocking Happiness หรือว่าในช่อง
00:04:38 → 00:04:43 YouTube ก็ได้นะคะแล้วก็วันนี้นะเดี๋ยว
00:04:43 → 00:04:47 มาดูว่าเราจะเอ่อตอนท้ายๆเราจะเปิดสาย
00:04:47 → 00:04:50 อะไรยังไงมั้ยนะเออแต่ว่าเอาเป็นว่าใครนะ
00:04:50 → 00:04:54 คะมีคำถามอะไรเนี่ยวันนี้นะเกี่ยวกับใน
00:04:54 → 00:04:57 เรื่องของความรักนี่โดยเฉพาะความรักตัว
00:04:57 → 00:05:01 เองก็ที่ทิ้งคำถามไว้ได้นะเพราะว่าหัวข้อ
00:05:01 → 00:05:05 ในวันนี้ที่เราจะคุยกันก็คือรักตัวเอง
00:05:05 → 00:05:12 อย่างไรให้ใครๆก็อยากรักๆๆๆๆ
00:05:12 → 00:05:19 อ่ารักรักรักมีจริงหรือเปล่าเอ๊นึกถึง
00:05:19 → 00:05:20 เพลงตัวเอง
00:05:20 → 00:05:26 นะทำให้ฉันเคยแตคว้าอ้าใช่หมอเอิ้นเคย
00:05:26 → 00:05:29 แต่งเพลงนี้นะชื่อเพลงความรักครั้งสุดสุด
00:05:29 → 00:05:33 ท้ายอืโอ้โหดูเข้าดูเข้าแต่ว่าเอ่อด้วย
00:05:33 → 00:05:35 ความที่แต่งเพลงเยอะมากนะก็เลยจำไม่ได้
00:05:36 → 00:05:38 เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ชาวคณะก็ลองไปเสิร์ช
00:05:38 → 00:05:41 กันใน YouTube นะคะความรักครั้งสุดท้าย
00:05:41 → 00:05:45 เนาะแต่ว่าเชื่อว่าวันนี้นะคุยกันแล้ว
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยเล่าให้ฟังแล้วเนี่ยคือความรักของ
00:05:48 → 00:05:51 คุณตอนนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอนนะ
00:05:51 → 00:05:53 เพราะว่าจริงๆแล้วก็จะมีความรักเต็มไปหมด
00:05:53 → 00:05:58 เลยนะที่หมุนอยู่รอบตัวเรานี่นะ
00:05:58 → 00:06:03 อ่าอันนี้ก็เอ่อถ้าเกิดใครตามเพจก็จะเห็น
00:06:03 → 00:06:06 ว่าเมื่อประมาณอาทิตย์ที่ผ่านมาเนาะบ
00:06:06 → 00:06:10 เอิ้ลก็ถูกเชิญไปพูดคุยนะคะเป็นสอร์ในงาน
00:06:10 → 00:06:13 ของ Global citizen นะคะซึ่งงานนี้ก็จัด
00:06:14 → 00:06:17 ทุกปีนะคะโดยมูลนิธิไทยคมเนาะแล้ว
00:06:17 → 00:06:21 เอ่อในหลักๆนะคะในเรื่องของการคุยกัน
00:06:21 → 00:06:24 เนี่ยก็คือว่าการที่เราเนี่ยจะเป็น
00:06:24 → 00:06:29 ประชากรของโลกที่ดีนะทำให้โลกใบนี้น่า
00:06:29 → 00:06:35 อยู่ได้อย่างไรรอืมก็เอ่อวิทยากรแต่ละ
00:06:35 → 00:06:38 ท่านนะคะก็โอ้โหต้องบอกว่าเป็นเกียรติมาก
00:06:38 → 00:06:43 ๆเลยนะที่ได้ขึ้นเวทีกับเสอร์นะคะหลายๆ
00:06:43 → 00:06:45 ท่านที่ต้องบอกว่าเป็นไอดอลหรือว่าเป็น
00:06:45 → 00:06:48 แบบคนที่หมอเอิ้นเองก็ชื่นชอบนะอย่างเช่น
00:06:48 → 00:06:52 อาจารย์ชัดชาตินะอ่าหรือน้องเรไรรายวัน
00:06:52 → 00:06:56 อย่างเงี้นะคะก็เมาเป็นสเกอร์ในงานนี้
00:06:56 → 00:06:58 เนาะซึ่งแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนอะไรก็คือว่า
00:06:58 → 00:07:01 มาแลกเปลี่ยนมุมมองนี่แหละว่าทักษะอะไรนะ
00:07:01 → 00:07:06 คะที่เราควรจะมีถ้าเกิดวันนี้นะเราอยาก
00:07:06 → 00:07:11 อยู่บนโลกใบนี้นะและอยากทำให้โลกใบนี้ดี
00:07:11 → 00:07:14 ขึ้นและมีความสุขนะคะ
00:07:14 → 00:07:19 เอ่องั้นหมก็เองก็เลยนะนึกถึงแน่นอนล่ะ
00:07:19 → 00:07:23 แล้วก็นึกถึงในงานที่เราทำอยู่นะคะนั่นก็
00:07:23 → 00:07:28 คือเรื่องของการดูแลจิตใจเนาะงั้นดูแลจิต
00:07:28 → 00:07:34 ใจคนในหลากหลายแง่มุมต่างๆนะคะก็ต้องบอก
00:07:34 → 00:07:38 ว่าไม่ว่าเราเนี่ยจะอยู่ในวัยไหนนะการใช้
00:07:38 → 00:07:42 ชีวิตอยู่ในโลกยุคปัจจุบันเนี่ยก็ต้องบอก
00:07:42 → 00:07:45 ว่าไม่ง่ายจริงๆเพราะว่าเอ่อทุกอย่างนะคะ
00:07:45 → 00:07:49 เรากำลังจะเจอกับปัญหาที่มันค่อนข้างซับ
00:07:49 → 00:07:51 ซ้อนมากขึ้นนะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้น
00:07:52 → 00:07:54 ทั้งที่เราเองก็อาจจะไม่ได้ชอบการเปลี่ยน
00:07:54 → 00:07:57 แปลงกันมากนักอยู่แล้วใช่มยเอ่อแล้วก็นะ
00:07:57 → 00:08:01 ยังต้องบอกว่าคาดการไม่ได้ใช่มอย่างเช่น
00:08:01 → 00:08:03 เจ้าโควิดเนี่ยโอ้โหตอนนี้ก็คาดการ์ไม่
00:08:03 → 00:08:05 ได้นะเหมือนกับจะมาอีกละลอกและนะแล้วก็
00:08:05 → 00:08:09 กลายพันไปเรื่อยๆเลยนะคะตอนนี้ก็ต้องชั่ง
00:08:09 → 00:08:12 ไวรัสมาแล้วเพราะว่าไม่งั้นเนี่ยเราก็จะ
00:08:12 → 00:08:16 เอ่อไม่สามารถมีชีวิตพื้นฐานกันได้เเพราะ
00:08:16 → 00:08:18 งั้นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดนั่นก็คือการ
00:08:19 → 00:08:21 ที่เราทำร่างกายให้แข็งแรงแล้วก็มีภูมิ
00:08:21 → 00:08:26 คุ้มกันดีที่สุดใช่มคะอ่าอันนี้ก็เอ่อนี่
00:08:26 → 00:08:30 ก็คือเป็นในเรื่องของสิ่งนะปัญหาที่มัน
00:08:30 → 00:08:32 รูปแบบมันเปลี่ยนไปใช่มยเปลี่ยนแปลงรวด
00:08:32 → 00:08:36 เร็วมากขึ้นนะเอ่อคาดการณ์ไม่ได้มากขึ้น
00:08:36 → 00:08:41 นะคะรุนแรงมากขึ้นด้วยนะเอ่อคราวนี้เนี่ย
00:08:41 → 00:08:47 พอจะได้มาคุยงานนี้นะเอ่อก็ทำให้นึกถึงคำ
00:08:47 → 00:08:50 ถามของเมทีท่านนึงซึ่งเป็นผู้บริหารนะ
00:08:50 → 00:08:53 แล้วก็ทำธุรกิจนี่แหละก็ถามว่าเออเนี่ยบน
00:08:53 → 00:08:55 โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วแบบเนี้ยแข่งขัน
00:08:55 → 00:08:59 เยอะแบบนี้นะเอ่อรวดเร็วแบบนี้จริงๆรง
00:08:59 → 00:09:03 แล้วอ่ะเราควรจะเร็วตามโลกหรือควรจะช้า
00:09:03 → 00:09:09 กันแน่อืคำถามนี้น่าสนใจมากๆเลยเออแล้ว
00:09:09 → 00:09:12 คิดว่าเป็นคำถามที่ดีมากๆนะงั้นเนี่ยลอง
00:09:12 → 00:09:15 ชวนทุก
00:09:15 → 00:09:20 คนนะคะเอ่อชวนทุกคนลองลอง
00:09:20 → 00:09:25 ตอบเรื่องนี้เนาะว่า
00:09:25 → 00:09:29 เอ่อในโลกที่หมุนเร็วและเปลี่ยนแรงเร็ว
00:09:29 → 00:09:30 แบบ
00:09:30 → 00:09:38 นี้เราควรเร็วตามโลกหรือเราควรจะช้าอ่า
00:09:38 → 00:09:45 ใครนะตอบว่าควรเร็วตามโลกกด 1 เลยอ่าดูซิ
00:09:45 → 00:09:52 กดนึงเลยจ้านะแหมทำเหมือนขายของออนไลน์แห
00:09:52 → 00:09:56 น่าจะเอามาขายด้วยนะน่าจะขายดีอ้าเพลิน
00:09:56 → 00:09:58 ขายเพลินก่อนแล้วกันอ้าไม่ใช่ตรงนี้เอ้ย
00:09:58 → 00:10:03 ไม่ใช่อีกเอ๊ะอ่ะต้องอย่างงี้อ้าใช่และ
00:10:03 → 00:10:08 อ่านะอ่ะกด 1 ถ้าเร็วตามโลกนะกฎ
00:10:08 → 00:10:11 2 ถ้า
00:10:11 → 00:10:18 เกิดช้าอ่ะไม่ต้องเร็วตามโลกนะกฎ 3 นะถ้า
00:10:18 → 00:10:22 คุณตอบว่าคุณไม่แน่ใจอ่ะทวนอีกครั้งนะคำ
00:10:22 → 00:10:28 ถามว่าเมื่อโลกหมุนเร็วเราควรเร็วตามโลก
00:10:28 → 00:10:31 นะหรือควรจะช้ากด
00:10:31 → 00:10:40 1 เร็วตามโลกกด 2 ควรช้านะกด 3 นะไม่แน่
00:10:40 → 00:10:42 ใจ
00:10:42 → 00:10:49 อืโอเคอ่านะมีคนตอบมาแล้วนะมีคนตอบมาแล้ว
00:10:49 → 00:10:52 อ่ะก่อนตอบ
00:10:52 → 00:10:57 ก็อ๋อมีคนตามมาจากงานด้วยนะนะคะขอบคุณคุณ
00:10:57 → 00:11:02 บีสวัสสวัสดีคุณตองด้วยนะคะมีคนกด 1 เยอะ
00:11:02 → 00:11:07 เลยนะคุณจิ๊บนะคะกด 1 คุณเลลี่กด 1 นะคุณ
00:11:07 → 00:11:11 บีกด 2 คุณบีนี้บอกตามมาจากงานเนี่ยแสดง
00:11:11 → 00:11:16 ว่าเราเนี่ยนะรักไก่ได้คำตอบแล้วแน่เลยนะ
00:11:16 → 00:11:24 คุณไทนี่กด 2 นะเอ่าช้าใช่มคุณวอกนะอ่ามี
00:11:24 → 00:11:31 ในใน YouTube เมีกด 1 นะคุณวุฒกด 2 นะคะ
00:11:31 → 00:11:37 คุณกีรติกรบอกสวัสดีค่ะคุณหมอเอิ้นแต่
00:11:37 → 00:11:40 ทำไมง่วงนอนอ่าเอ๊ะแต่ทำไมง่วงนอนนี่คือ
00:11:40 → 00:11:44 ถามหมอหรอคะนะหรือว่าบอกตัวเองนะพี่
00:11:44 → 00:11:49 เหมี่ยวกด 2 นะคะอ่าคุณีนพัฒกด 2 เอ้ยคุณ
00:11:49 → 00:11:53 ตองมี 1.5 ด้วยนะ
00:11:53 → 00:11:58 อืนะเอาล่ะนะเพงั้นเอิ่มไม่ต้องเชื่อนะ
00:11:58 → 00:12:01 ต้องต้องบอกว่าคำตอบเนี้ยก็คงไม่มีผิดไม่
00:12:01 → 00:12:04 ถูกแล้วก็ไม่ได้บอกว่าเอ่อเราต้องเชื่อ
00:12:04 → 00:12:09 หมอเอิ้นนะอืจริงๆอะไรที่เราเราฟังหรือ
00:12:09 → 00:12:11 เราพูดแม้ว่าเเจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรอ่ะ
00:12:11 → 00:12:14 แต่จริงๆอ่ะเราก็ต้องเทียบเคียงกับ
00:12:14 → 00:12:18 ประสบการของเรานะแต่คำตอบของหมอเอิ้นใน
00:12:18 → 00:12:22 วันนั้นนะคะก็คือตอบว่ายิ่งโลกภายนอกหมุน
00:12:22 → 00:12:27 เร็วโลกภายในของเรายิ่งต้องหมุนช้าอ่ะคิด
00:12:27 → 00:12:32 ง่ายๆนะว่ามันเป็นไปได้มั้ยอ่ะที่ถ้าเกิด
00:12:32 → 00:12:37 ว่าเราเนี่ยจะวิ่งตามโลกไปตลอดเวลาเราจะ
00:12:37 → 00:12:42 วิ่งตามมันไปตลอดทั้งชีวิตได้มยแล้วก็ถ้า
00:12:42 → 00:12:45 ไม่ชั้งชีวิตเนี่ยเราจะไปได้นานแค่ไหนนะ
00:12:45 → 00:12:48 มันก็จะเหมือนแมเราก็จะวิ่งมาราธอนไปนะ
00:12:48 → 00:12:51 ไม่มีหยุดพักใช่มั้ยวิ่งมาราธอนเนี่ยบาง
00:12:51 → 00:12:54 ทีวิ่งไปแล้วนะยังมีหยุดพักดื่มน้ำใช่มย
00:12:54 → 00:12:59 ยังมีหยุดเดินบ้างใช่่มั้ยคะอืมแต่ว่าถ้า
00:12:59 → 00:13:02 เกิดเราต้องวิ่งอย่างนั้นน่ะก็แน่นอนนะคะ
00:13:02 → 00:13:05 เราเองก็จะหมดแรงหมดพลังก็จะเหมือนหนูนะ
00:13:05 → 00:13:08 ที่อยู่ในโครงล้อแล้วก็สุดท้ายเนี่ยเราก็
00:13:08 → 00:13:09 จะ
00:13:09 → 00:13:13 เอ่อกลายเป็นหนูที่ตายกลางวงล้อเท่านั้น
00:13:13 → 00:13:16 เองแล้วเนี่ยยิ่งโลกภายนอกหมุนเร็วเท่า
00:13:16 → 00:13:20 ไหร่โลกภายในของเรายิ่งต้องหมุนช้าเท่า
00:13:20 → 00:13:24 นั้นั้นเนี่ยฟังแล้วน่าจะงงนะนั้นหมุนช้า
00:13:24 → 00:13:28 เนี่ยเพื่อทำความอะไรเพื่อทำความเข้าใจ
00:13:28 → 00:13:32 ตัวเองค่ะและสิ่งสำคัญเลยนะเพื่อรักตัว
00:13:32 → 00:13:37 เองเป็นอย่างแท้จริงอืมนะเพื่อรักตัวเอง
00:13:37 → 00:13:39 เป็นอย่างแท้จริงซึ่งวันนี้เนี่ยเราจะมา
00:13:39 → 00:13:42 คุยเรื่องนี้กันแล้วนะว่าเออไอ้ความรัก
00:13:42 → 00:13:46 ตัวเองเนี่ยมันเป็นยังไงกันนะนะคะ
00:13:46 → 00:13:51 อ่าอ้ามีสมาชิกเข้ามาใหม่ด้วย
00:13:51 → 00:13:58 นะโอเคค่ะเอ่อคราวนี้เราก็จะมาคุยกันแล้ว
00:13:58 → 00:13:59 เนาะ
00:14:00 → 00:14:03 อ่ะหลายคนบอกอนี่ยังไม่ได้คุยอีกแล้วหมอ
00:14:03 → 00:14:06 นี่ยังไม่ได้คุยอีกหรอเ่อในคลับเฮาส์ก็
00:14:06 → 00:14:10 อย่างเหงาไปนะจ๊ะเพราะว่าอันนี้ก็พอดีมัน
00:14:10 → 00:14:13 ได้ช่องเดียวนะนี้ก็จะแบบวาง iPad ไว้ตรง
00:14:13 → 00:14:19 นี้นะเดี๋ยวเราอจะกลับมาพูดคุยกันนะคะใน
00:14:19 → 00:14:25 ในในคำเาอีกทีนึงนะอ่าคราวนี้อยากชวนเรา
00:14:25 → 00:14:29 คุยอย่างงี้นะว่าเมื่อกี้บอกว่าเราอ่ะ
00:14:29 → 00:14:34 ควรหยุดนะเพื่อที่จะรักตัวเองให้เป็นอืม
00:14:35 → 00:14:38 แล้วก็วันนั้นน่ะหมอเอิ้นก็เลยนะได้แลก
00:14:38 → 00:14:40 เปลี่ยนเรื่องนี้แหละว่าไอ้ Self Love
00:14:41 → 00:14:43 กับ Self compassion เนี่ยคือการรักแล้ว
00:14:43 → 00:14:47 ก็เมตตากับตัวเองเป็นเนี่ยนะอืมแท้จริง
00:14:47 → 00:14:51 แล้วเนี่ยมันเป็นยังไงซึ่งต้องบอกว่า
00:14:51 → 00:14:54 เนี่ยมันเป็นการถ่ายทอดจากเอ่อประสบการณ์
00:14:54 → 00:14:57 ที่ทั้งของตัวเองนะแล้วก็ทั้งของที่คนมา
00:14:57 → 00:14:59 ปรึกษาเนี่ยแล้วเสร็จแล้วเนี่ยเนี่ยเราก็
00:14:59 → 00:15:04 ลองถอดรหัสนะคะการรักตัวเองเป็นอย่างแท้
00:15:04 → 00:15:07 จริงนะความรักและไม่ตาตัวเองเนี่ยเสร็จ
00:15:07 → 00:15:10 แล้วเนี่ยนะเอ่อมันก็ผ่านกระบวนการว่าเคย
00:15:10 → 00:15:12 ทดลองใช้กระบวนการนี้แล้วมันเวิร์คแฮะมัน
00:15:12 → 00:15:16 ได้ผลแฮะนะคะแล้วสิ่งสำคัญก็คือว่ามันได้
00:15:17 → 00:15:19 มากกว่าการที่เรารักตัวเองซะด้วยเเพราะ
00:15:19 → 00:15:23 ว่ามันได้ความรักจากคนอื่นกลับมาด้วยนี่
00:15:23 → 00:15:26 ก็เลยเป็นหัวข้อวันนี้นะว่ารักตัวเอง
00:15:26 → 00:15:31 อย่างไรให้ใครๆโกอยากรักอืมคราวนี้ถ้า
00:15:31 → 00:15:35 เกิดว่าเรานะเริ่มต้นว่าเราอยากเป็นที่
00:15:35 → 00:15:41 รักของใครสักคนนึงนะอ่ะลองแชร์กันนะคะถ้า
00:15:41 → 00:15:47 เราอยากเป็นที่รักของใครสักคนนึงนะ
00:15:47 → 00:15:52 เอ่อเราก็ควรจะต้องรู้ว่าคนแบบไหนเนี่ย
00:15:52 → 00:15:55 ควรจะได้รับความรักใช่มั้ยอ่าคนแบบไหน
00:15:55 → 00:15:58 เพราะฉะนั้นเนี่ยคือถ้าคนทั่วไปนะเวลาเรา
00:15:58 → 00:16:01 อยากได้ความรักจากใครสักคนนึงวิธีการนะ
00:16:02 → 00:16:06 ซึ่งตัวตัวเอิ้นเองก็เป็นนะไม่ใช่แบบคน
00:16:06 → 00:16:08 ทั่วไปอย่างเงี้คือตัวเอิ้นเองก็เป็นนะก็
00:16:08 → 00:16:13 คือการที่เราเนี่ยพยายามให้คนๆนั้นเนี่ย
00:16:13 → 00:16:19 เค้าพึงพอใจนะไม่ว่าเอ่อจะเราจะต้องทำ
00:16:19 → 00:16:23 อะไรก็ตามเแต่ว่าเราก็จะสนใจว่าเออเค้า
00:16:23 → 00:16:28 พึงพอใจจอะไรเค้าชอบอะไรนะคือสนใจในตัว
00:16:28 → 00:16:32 เขาแล้วก็พยายามนะให้เขาเนี่ยยอมรับในตัว
00:16:32 → 00:16:38 เรานะอันนี้คือวิธีการทั่วๆไปนะแต่ว่าอีก
00:16:38 → 00:16:41 อันนึงนะที่ค้นพบก็คือว่าอีกอันนึงก็คือ
00:16:41 → 00:16:47 ว่าการที่เราเนี่ยนะไม่ต้องไปพยายามที่จะ
00:16:47 → 00:16:48 ไปเป็นคนที่
00:16:48 → 00:16:52 ใช่ของคนที่เราอยากได้ความรักในตอนนั้น
00:16:52 → 00:16:57 แต่คำถามที่ที่ที่ดีแล้วก็เราควรเอามาใช้
00:16:57 → 00:17:01 มากกว่าก็คือว่าแล้วทำไมอ่ะคนๆนั้นเคจึง
00:17:01 → 00:17:07 ต้องรักเราอืมั้นเป็นทางกลับกันนะแล้ว
00:17:07 → 00:17:10 ทำไมคนๆนั้นเจึงต้องรักเราล่ะ
00:17:10 → 00:17:17 อ่างั้นอยากชวนทุกคนนะลองทบทวนดูสิ
00:17:17 → 00:17:23 ว่าทำไมแบบอืมคนอื่นน่ะเอ่อถ้าเกิดว่า
00:17:24 → 00:17:30 เค้าจะมารักเนี่ยมาพอใจในตัวเราเนาะจริงๆ
00:17:30 → 00:17:36 เราเนี่ยนะควรจะต้องมีคุณสมบัติแบบไหน
00:17:36 → 00:17:40 อ่างั้นนะลองแลกเปลี่ยนกันนะอ่ะแล้วลอง
00:17:40 → 00:17:44 พิมพ์มานะเออนะคนแบบไหนอ่ะถึงจะแบบเป็นคน
00:17:44 → 00:17:47 ที่น่าที่จะได้รับความรักอ่าคนแบบไหนที่
00:17:47 → 00:17:53 น่าจะได้รับความรักลองพิมพ์กันเข้ามานะคะ
00:17:53 → 00:17:54 อื
00:17:54 → 00:17:58 อ่ารู้คำถามยากไปหรือเปล่านะคนแบบไหนที่
00:17:58 → 00:18:01 น่าจะได้รับความรัก
00:18:01 → 00:18:07 อ่าลองดูนะพิมพ์กันเข้ามานะคะอ่าออไม่
00:18:07 → 00:18:09 ต้องแย่งกันพิมพ์ขนาด
00:18:09 → 00:18:17 นั้นอ้ามาแล้วนี่นะคนแรกนะบอกว่าอบอุ่น
00:18:17 → 00:18:19 ดั่งพระเอกซีรี
00:18:19 → 00:18:27 โอหอย่างงั้นเลยนะอบอุ่นดังพระเอกซีรี่
00:18:27 → 00:18:30 อ่าโอเคนะ
00:18:30 → 00:18:38 แหอืั้นเนี่ยอ่ะอบอุ่นน่าสนใจนะอ่ะมีอีก
00:18:38 → 00:18:40 มยคะ
00:18:40 → 00:18:45 นะโอเคมีอีกมย
00:18:45 → 00:18:50 นะครานี้
00:18:50 → 00:18:56 อ้ามาอีกแล้วนะคนที่มีน้ำใจ
00:18:56 → 00:19:03 เนี่นะคนที่มีน้ำใจใช่มอืมีอีกมยนะอ่ะส่ง
00:19:03 → 00:19:06 กันเข้ามานะ
00:19:06 → 00:19:08 คะ
00:19:08 → 00:19:13 เออมีพลังบวกอยู่ด้วยแล้วทำให้มีพลังงาน
00:19:13 → 00:19:17 ดีๆไปด้วย
00:19:17 → 00:19:22 เออดีมากเลยนะอบอุ่นนะอ่าไม่ต้องหน้าเอก
00:19:22 → 00:19:25 หน้าตาดีเหมือนพระเอกเกาหลีก็ได้หรือพระ
00:19:25 → 00:19:27 เอกซีรี่ก็ได้นะอ่าแต่ว่าข้างในเป็นคนอบ
00:19:27 → 00:19:31 อุ่นมีน้ำใจใมีพลังบวกมีพลังงานดีๆ
00:19:31 → 00:19:37 อ่าโคนะคะก็หลายคนน่าจะได้คำตอบนะของตัว
00:19:37 → 00:19:40 เองนะคะอ่าคราวนี้
00:19:40 → 00:19:47 เนี่ยเราสังเกตมยนะคะว่าไอ้เจ้า
00:19:47 → 00:19:51 คุณลักษณะเหล่านี้เนี่ยนะอ่ะมีคนมาเพิ่ม
00:19:51 → 00:19:59 ด้วยนะบอกนิ่งสงบเป็นผู้ฟังที่ดีอืมอือือ
00:19:59 → 00:20:05 ฮึโอเคอ่าอัน
00:20:05 → 00:20:10 นี้เมื่อกี้เราชวนทุกคนคิดแล้วล่ะว่าถ้า
00:20:10 → 00:20:12 เราอยากได้ความรักเนี่ยจริงๆแล้วอ่ะการ
00:20:12 → 00:20:18 ที่ไปพยายามเนจะแค่เพียงทำให้ใครคนนึงเข
00:20:18 → 00:20:21 ถูกใจหรือตอบสนองความต้องการของเขาตลอด
00:20:21 → 00:20:24 เวลาเนี่ยโอมันก็เหนื่อยมากนะแต่ขณะเดียว
00:20:25 → 00:20:27 กันเนี่ยเราลองถามตัวเองกลับกันดีกว่าว่า
00:20:27 → 00:20:28 เอ้ยทำไม
00:20:28 → 00:20:33 นะคนๆนั้นเนี่ยเขาถึงควรที่จะรักเราใช่ม
00:20:33 → 00:20:37 อ่าแล้วก็ชวนถามอีกว่าเออแล้วคนแบบไหนล่ะ
00:20:38 → 00:20:42 ถึงจะเป็นคนที่น่ารักนะก็มีคำตอบมาหลาก
00:20:42 → 00:20:49 หลายเลยนะอ่ามาเรียบง่ายสบายๆนะ
00:20:49 → 00:20:54 คะต่อมานะก็เป็นคนมีพลังบวกอืคนพูดถึง
00:20:54 → 00:20:58 พลังบวกกันเยอะเนาะเออคนชอบมาขอพลังบวก
00:20:58 → 00:21:03 อ่าแต่ตัวเองประสบปัญหาเป็นคนพร้อมบวกโอ
00:21:03 → 00:21:07 อันนี้พีคพีคมันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะโอ๊ยชอบๆ
00:21:07 → 00:21:12 ๆนะแหมไม่มีเอฟเฟคปรบมือให้นะอันนี้ชอบ
00:21:12 → 00:21:16 เออโอเคอ่าเราเห็นคุณสมบัติบางอย่างแล้ว
00:21:16 → 00:21:22 ใช่มั้ยคะอืซึ่งจะบอกให้นะความลับก็คือ
00:21:22 → 00:21:26 คุณสมบัติเนี่ยที่พวกเราพูดกันมาทั้งหมด
00:21:26 → 00:21:31 นะไม่ว่าว่าาจะเป็นคนนอบอุ่นมีพลังงานที่
00:21:31 → 00:21:37 ดีมีน้ำใจเรียบง่ายสบายๆนะเอ่อรู้คุณค่า
00:21:37 → 00:21:44 ของตัวเองท่านนึงบอกมาอันเนี้ยมันเป็นผล
00:21:44 → 00:21:50 ข้างเคียงของการที่เราเนี่ยสามารถรักและ
00:21:50 → 00:21:56 เมตตาตัวเองเป็นเออคุณได้ยินไม่ผิดนะงั้น
00:21:56 → 00:21:59 เนี่ยคุณสมบัติเราเหลนี้เนาะก็จะสังเกต
00:21:59 → 00:22:04 ว่าเออมันทั้งการที่เราเนี่ยเนเอ่อมีความ
00:22:04 → 00:22:08 เห็นคุณค่าในตัวเราเองนะเอ่อมี S extrem
00:22:08 → 00:22:13 นะเอ่อเรามีพลังงานชีวิตที่ดีมีความสงบ
00:22:13 → 00:22:16 นิ่งใช่มยอ่ามีรู้จักการฟังรู้จักการทำ
00:22:16 → 00:22:21 ความเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงนะ
00:22:22 → 00:22:26 อเนี่ยเ้าแล้วเราอ่ะจะรักตัวเองยังไงอ่ะ
00:22:26 → 00:22:28 ให้ตัวเรานะ
00:22:28 → 00:22:34 มีผลข้างเคียงแบบนี้นะมีผลข้างเคียงที่ผล
00:22:34 → 00:22:38 ลัพธ์เนี่ยกลายเป็นตัวเราเนี่ยนะเอ่อมี
00:22:38 → 00:22:42 ความมั่นใจมากขึ้นตัวเรามีสุขภาพจิตที่ดี
00:22:42 → 00:22:47 มากขึ้นอ่าตัวเรา
00:22:47 → 00:22:51 เอ่อมีน้ำใจมากขึ้นตัวเรามีการสื่อสารที่
00:22:51 → 00:22:58 ดีมากขึ้นนะคะงั้นงั้นในกระบวนการนะก็
00:22:58 → 00:23:00 ต้องบอกว่า
00:23:00 → 00:23:03 เอ่อกระบวนการของการ
00:23:03 → 00:23:06 เมตตาและการรักตัวเอง
00:23:07 → 00:23:10 เนี่ยจริงๆแล้วถ้าพูดก็คือว่ามันก็เหมือน
00:23:10 → 00:23:15 พรหมวิหาร 4 โอโหอไม่ไม่อยากจะใช้คำศัพท์
00:23:15 → 00:23:19 นะเออนะคือคืออะไรนะอ่า
00:23:20 → 00:23:24 งั้นเริ่มต้นก่อนเลยอันแรกนะอ่าสเต็ปที่ 1
00:23:24 → 00:23:27 นะกระบวนการของการรักแล้วก็เมตตาตัวเองก็
00:23:27 → 00:23:32 คือการที่เราต้องเข้าใจธรรมชาติของชีวิต
00:23:32 → 00:23:36 ค่ะอ่าธรรมชาติของชีวิตข้อสำคัญที่
00:23:36 → 00:23:41 สัมพันธกับความรักและเมตตาตัวเองก็คือโลก
00:23:41 → 00:23:44 นี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบอ่าโลกนี้ไม่มี
00:23:44 → 00:23:49 อะไรสมบแบบเราสามารถมีความสุขในแบบที่
00:23:49 → 00:23:53 เป็นคนธรรมดาได้นะ
00:23:53 → 00:23:59 อ่าเราเอ่อทุกอย่างบนโลกนี้มี 2 ด้านเสมอ
00:23:59 → 00:24:03 เพราะฉะนั้นตัวเราอ่ะมีด้านที่เป็นด้านดี
00:24:03 → 00:24:06 เนาะเราก็มีด้านที่เป็นด้านไม่ดีได้เช่น
00:24:06 → 00:24:14 กันนะอ่างั้นอันเนี้ยคือความจริงนะซึ่งจะ
00:24:14 → 00:24:18 กี่ยุคกี่สมัยนะผ่านไปก็ก็จะเป็นแกนแบบ
00:24:18 → 00:24:22 เนี้ยนะความจริงมักไม่ค่อยเปลี่ยนถูกมนะ
00:24:22 → 00:24:25 และนะเอ่อความจริงที่สัมพันธ์กับความรัก
00:24:25 → 00:24:29 และมาตตาตัวเองเพราะว่าอะไรเพราะว่าเวลา
00:24:29 → 00:24:33 ที่เราเนี่ยนะเผลอที่จะไม่รักแล้วก็ไม่
00:24:33 → 00:24:36 เมตตาตัวเองเนี่ยเราจะใจร้ายกับตัวเองนะ
00:24:36 → 00:24:41 ความใจร้ายสัญญาณก็คือฉันพลาดไม่ได้ฉัน
00:24:41 → 00:24:46 ผิดไม่ได้นะใครว่าฉันเนี่ยฉันด่ากลับเลย
00:24:46 → 00:24:49 อันนี้ก็แสดงว่าเราไม่ได้รักเมตตาตัวเอง
00:24:49 → 00:24:53 นะเออนะเออแล้วเนี่ยเราเไม่รู้จักรักไม่
00:24:54 → 00:24:56 เมตตาตัวเองเราไม่รักแล้วก็ไม่เมตตาคน
00:24:56 → 00:24:59 อื่นด้วยนะฟ้าพาดกลับพร้อมบวกเนี่ยนะคะ
00:24:59 → 00:25:04 แล้วเนี่ยเอ้อเราเนี่ยว่าได้นะเราเนี่ย
00:25:04 → 00:25:08 พลาดได้แต่เราเรียนรู้ในสิ่งที่เราผิดและ
00:25:09 → 00:25:14 เราพลาดได้อันนี้คือสำคัญต่างหากนะคะงั้น
00:25:14 → 00:25:19 เนี่ยถ้าเกิดว่าเรานะมี mindset ตรงนี้นะ
00:25:19 → 00:25:22 ที่ถูกต้องนะสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยเราจะ
00:25:22 → 00:25:25 เริ่มมีความเมตตาให้ตัวเองได้ขึ้นมาเลยน
00:25:25 → 00:25:28 คือเราใจดีกับคนอื่นอื่นนะเราก็สามารถใจ
00:25:28 → 00:25:32 ดีกับตัวเองได้เราอาจจะ
00:25:32 → 00:25:36 เอ่อเกรงใจคนอื่นนะบางครั้งเราเกรงใจตัว
00:25:36 → 00:25:37 เองบ้างก็ได้
00:25:37 → 00:25:39 นะ
00:25:39 → 00:25:44 เราไม่ปฏิเสธคนอื่นบางครั้งเราไม่ปฏิเสธ
00:25:44 → 00:25:48 ความต้องการของตัวเองบ้างก็ได้นะคะอ่า
00:25:48 → 00:25:54 แล้วเนี่ยมันก็จะเกิดนะการที่เราอนุญาต
00:25:54 → 00:25:59 ให้ตัวเองเป็นผู้รับและเป็นเป็นผู้ให้ตาม
00:25:59 → 00:26:04 จังหวะธรรมชาติของชีวิตอ่านี่คือข้อแรก
00:26:04 → 00:26:08 เลยนะกระบวนการแรกเลยคือ mindset นะ
00:26:08 → 00:26:13 mindset ที่จะนำมาซึ่งความเมตตาต่อตัว
00:26:13 → 00:26:20 เองนะคะอ่าต่อมานะ process ที่ 2 นะก็คือ
00:26:20 → 00:26:23 เราอ่ะแค่คิดไม่ได้นะเราแค่คิดไม่ได้
00:26:23 → 00:26:27 อย่างเช่นเอ้ยตอนเเราคือที่ผ่านมาเราทำ
00:26:27 → 00:26:33 งานเหนื่อยมากหนักมากนะแล้วก็ยังมีงานที่
00:26:33 → 00:26:38 ยังรออยู่อีกเยอะเฮ้ยนะฉันพักไม่ได้อ่ะ
00:26:38 → 00:26:43 ฉันหยุดไม่ได้นะเพถ้ายุดฉันหยุดเนี่ยนะ
00:26:43 → 00:26:48 แล้วคนอื่นจะเป็นยังไงนะลูกน้องจะเป็นยัง
00:26:48 → 00:26:51 ไงก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองพักเลยนะมันไม่
00:26:52 → 00:26:54 อนุญาตให้ตัวเองพักเนี่ยนะมาเป็นรูปแบบ
00:26:54 → 00:26:57 ไหนนะส่วนใหญ่แล้วที่หมอเอิ้นเห็นนะมา
00:26:57 → 00:27:02 เป็นในรูปแบบของความคิดนะคิดคิดๆๆๆนะวน
00:27:02 → 00:27:06 คิดย้ำคิดย้ำทำคิดอยู่ตลอดเวลานะเข้าห้อง
00:27:06 → 00:27:10 น้ำก็คิดเรื่องงานนะอยู่กับลูกก็คิด
00:27:10 → 00:27:16 เรื่องงานนะไปเที่ยวนะก็คิดเรื่องงานนะ
00:27:16 → 00:27:19 แต่พออยู่ที่ทำงานคิดเรื่องเที่ยวอย่าง
00:27:19 → 00:27:25 งี้เป็นต้นนะเอออันเนี้ยก็คือเราเนี่ยนะ
00:27:25 → 00:27:30 แค่คิดใช่มแค่คิดนะซึ่งพอแค่คิดเนี่ยนะ
00:27:30 → 00:27:33 ไม่ได้นะการรักตัวเองเนี่ยอย่างที่บอกการ
00:27:33 → 00:27:38 รักตัวเองเพื่อให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง
00:27:38 → 00:27:42 ด้วยเนี่ยเราต้องเน้นที่การลงมือทำแต่
00:27:42 → 00:27:45 เนี่ยยการลงมือทำนะก็เปรียบได้กับความ
00:27:46 → 00:27:50 กรุณานะกรุณาเนี่ยคือการที่เราเนี่ยหาหน
00:27:50 → 00:27:55 ทางหาวิธีช่วยนะซึ่งสิ่งนั้นเนี่ยเราก็นำ
00:27:55 → 00:27:58 มาปฏิบัติกับตัวเองได้เหมือนกันนะไอ้ความ
00:27:58 → 00:28:02 กรุณาการลงมือทำเนี่ยอย่างเช่นนะอนุญาต
00:28:02 → 00:28:03 ให้ตัว
00:28:03 → 00:28:08 เองไม่คิดเรื่องงานในช่วงเวลาที่ไม่ใช่
00:28:08 → 00:28:12 เวลางานบ้างก็ได้ไม่ต้องรู้สึก
00:28:12 → 00:28:16 ผิดนะเพราะมันเป็น here and Now คือ
00:28:16 → 00:28:21 ปัจจุบันนี้คือฉันอยู่บ้านปัจจุบันนี้ฉัน
00:28:21 → 00:28:26 เป็นลูกปัจจุบันนี้วินาทีนี้ฉันเป็นคุณ
00:28:26 → 00:28:28 พ่อคุณแม่
00:28:29 → 00:28:33 อนุญาตให้ตัวเองเนี่ยเไม่ต้องนะมีบทบาท
00:28:33 → 00:28:39 ของงานอยู่ตลอดเวลาบ้างก็ได้ถูกมยอ่าแต่
00:28:39 → 00:28:42 ในขณะเดียวกันนะเวลาที่อยู่ในที่ทำงาน
00:28:43 → 00:28:47 นะก็อนุญาตให้ตัวเองเนี่ยออกมาทำงานบ้าง
00:28:47 → 00:28:51 ก็ได้ไม่ต้องคิดถึงการเป็นลูกที่ดีอยู่
00:28:51 → 00:28:54 ตลอดเวลาหรือพ่อแม่ที่ดีอยู่ตลอดเวลาั้น
00:28:54 → 00:28:57 เราก็จะอยู่กับคนตรงหน้าสถานการณ์การตรง
00:28:57 → 00:29:02 หน้าได้มากขึ้นนะคะเราก็จะมีแอชเนมีพลัง
00:29:02 → 00:29:06 ในการที่จะจัดการอะไรต่างๆตรงหน้าเราได้
00:29:06 → 00:29:10 ดียิ่งขึ้นเนี่ยอันนี้ 1 นะ 2 ก็คือลอง
00:29:10 → 00:29:13 เช็คนะตัวเราเนี่ยลองเช็คนะวันวันนึง
00:29:13 → 00:29:17 เนี่ยนะเราเนี่ย
00:29:17 → 00:29:23 เอ่อเราสมมุติเเรารักลูกเรามากเลยเรารัก
00:29:23 → 00:29:26 คุณพ่อคุณแม่เรามากเลยเราก็อยากให้เขคได้
00:29:26 → 00:29:32 กินดีๆถูกป่ะเอออะไรอร่อยๆอะไรดีๆนะอ่า
00:29:32 → 00:29:35 ซึ่งสิ่งเหล่าเนี้ยจริงๆแล้วเราอ่ะรู้สึก
00:29:35 → 00:29:39 แบบนี้กับตัวเองบ้างก็ได้นะนะเพนั้นเนี่ย
00:29:39 → 00:29:40 เรา
00:29:40 → 00:29:45 ก็สามารถที่จะนะกรุณานะก็คือแอคชั่นใน
00:29:45 → 00:29:48 ความรักกับตัวเองคืออ้าง่ายๆเลยนะกับร่าง
00:29:48 → 00:29:53 กายเนี่ยการกินการนอนการออกกำลังกายใช่มย
00:29:53 → 00:29:57 อ่ะวันนี้เราได้กินอะไรดีๆที่มีประโยชน์
00:29:57 → 00:30:00 ให้กับตัวเองหรือยังนะเราอาจจะพบว่าเฮ้ย
00:30:00 → 00:30:06 ไอ้ของที่ฉันกินแล้วมีความสุขทางใจกับ
00:30:06 → 00:30:09 สิ่งที่ฉันกินแล้วมีประโยชน์ทางกายเนี่ย
00:30:09 → 00:30:14 ต่างกันเหลือเกินใช่มงั้นเนี่ยก็ให้เรา
00:30:14 → 00:30:17 อ่ะนะรู้ไว้เลยว่าชีวิตเป็นของเราเรา
00:30:17 → 00:30:20 เลือกไว้เลยวันนี้เนี่ยมื้อนี้นะมื้อนี้
00:30:20 → 00:30:23 เนี่ยเราจะให้อาหารอะไรมื้อนี้เราจะให้
00:30:23 → 00:30:28 อาหารใจเพรางั้นกินแล้วถ้าเกิดรู้สึกเออ
00:30:28 → 00:30:30 มันอาจจะไม่ดีต่อร่างกายนะแต่กินแล้วสุข
00:30:30 → 00:30:35 เนี่ยก็จงดื่มด่ำกับความสุขนั้นนะ
00:30:35 → 00:30:40 อืมเสร็จแล้ววันนึงมีตั้ง 3 มื้อถูกมะ
00:30:40 → 00:30:46 มื้อถัดไปเนี่ยแสดงว่าได้เวลาเมตตาปราณี
00:30:46 → 00:30:50 ร่างกายบ้างนะให้อาหารใจแล้วนะอ้ามื้อถัด
00:30:50 → 00:30:53 ไปให้อาหารกายบ้างหมายความว่ามื้อถัดไป
00:30:53 → 00:30:57 เนี่ยถ้างั้นเราก็จะได้กินอาหารที่ที่
00:30:57 → 00:30:59 เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรารู้อยู่แล้ว
00:30:59 → 00:31:02 อะไรดีไม่ดีถูกป่ะความรู้เยอะแยะนะเสิร์ช
00:31:02 → 00:31:06 ถามอากู๋ได้หมดนะต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้นะ
00:31:06 → 00:31:09 บางทีเนี่ยคนไข้เนี่ยนะรู้เรื่องโลกรู้
00:31:09 → 00:31:12 เรื่องยามากกว่าหมออีกเออรู้รายละเอียด
00:31:12 → 00:31:15 วิตามินนู่นนั่นนี่ร่างกายเยอะกว่าหมออีก
00:31:15 → 00:31:17 นะเพราะว่าอะไรเพราะว่ามันมีทุกอย่างคือ
00:31:17 → 00:31:20 ข้อมูลมันเยอะแยะเต็มไปหมดนะแต่สิ่งที่คน
00:31:20 → 00:31:22 เราต่างกันเนี่ยมีอยู่อันเดียวนะคือ
00:31:22 → 00:31:26 เรื่องของประสบการณ์นะคะงั้นเนี่ยเอ่อ
00:31:26 → 00:31:29 งั้นเราก็ใช้วิธีการนี้ก็ได้เนาะก็คือการ
00:31:29 → 00:31:33 แอคชั่นกับการรักร่างกายใช่มอ่านอนอย่าง
00:31:33 → 00:31:37 เงี้ยนะโอเค่ออันนี้คือช่วงเวลานี้มัน
00:31:37 → 00:31:41 เป็นช่วงเวลาวิกฤตสำคัญฉันต้องทำงานอ่า
00:31:41 → 00:31:45 เราอาจจะพอเสร็จแล้วเนี่ยนะเรานะว่าจะมอบ
00:31:45 → 00:31:49 ช่วงเวลาการนอนที่ดีหรือให้ความสำคัญกับ
00:31:49 → 00:31:51 สิ่งนี้กับตัวเองได้มอย่างนี้เป็นต้นใช่
00:31:51 → 00:31:56 มั้ยคะนะอันนี้ก็คือการรักตัวเองเรื่อง
00:31:56 → 00:31:57 ของร่างกายเ
00:31:57 → 00:32:01 อันที่ 2 นะก็คือเรื่อง mind ก็คือความ
00:32:01 → 00:32:03 คิดและจิตใจ
00:32:03 → 00:32:08 เอ๊วันนี้เนี่ยนะเราได้รับอาหารสมองหรือ
00:32:08 → 00:32:13 ข้อมูลดีๆเข้ามาในนะความคิดของเราบ้าง
00:32:13 → 00:32:17 แล้วหรือยังนะคะไม่ต้องเยอะนะไม่ต้องเยอะ
00:32:17 → 00:32:21 ต้องแยะแบบโอฟังพคแบบเช้ากลางวันเย็นก่อน
00:32:21 → 00:32:24 นอนจะไม่ถึงขนาดนั้นนะอ่าแต่อาจจะเป็น
00:32:24 → 00:32:28 เอ่ออาจจะเป็นความรู้ใหม่นะอาจจะเป็นสิ่ง
00:32:28 → 00:32:32 ที่ฟังแล้วสบายใจอาจจะเป็นสิ่งที่
00:32:32 → 00:32:37 เอ่อได้ย้ำเตือนหรือได้รีความคิดหรือ
00:32:37 → 00:32:39 ทักษะดีๆของเราอะไรอย่างงี้เป็นต้นนะคะ
00:32:39 → 00:32:43 อ่ะเราจะช่วงมอบช่วงเวลาสั้นๆนะอ่าไม่
00:32:43 → 00:32:45 ต้องเยอะแยะมากมายก็ได้นะคะให้กับตัวเอง
00:32:45 → 00:32:49 บ้างมั้ยนะคะ 5 นาที 10 นาทีจริงๆแล้วก็
00:32:49 → 00:32:56 ได้หมดนะรวมถึงนะคะการที่เราเนี่ยนะ
00:32:56 → 00:33:00 เอ่อกล้าหาญอย่างไม่อายที่จะรู้สึกนะรู้
00:33:00 → 00:33:04 สึกดีกับตัวเองวันนี้นะเราทำอะไรที่ทำให้
00:33:04 → 00:33:08 เรารู้สึกดีกับตัวเองบ้างไหมมนะทั้งหมด
00:33:08 → 00:33:11 เนี่ยเป็น Action ทั้งหมดเลยนะนะร่างกาย
00:33:11 → 00:33:15 Body and mind เนร่างกายความคิดนะคะ
00:33:15 → 00:33:19 อารมณ์ความรู้สึกงั้นถ้าเกิดเรานะย้อนดู
00:33:19 → 00:33:23 จริงๆเนี่ยเราจะพบว่าเวลาเรารักใครสักคน
00:33:23 → 00:33:25 นะปรารถนาดีกับใครสักคนหรือกับคนอื่น
00:33:25 → 00:33:28 เนี่ยนะเราอาจจะมอบสิสินี้ให้เาได้ง่ายๆ
00:33:28 → 00:33:30 เลยนะ
00:33:30 → 00:33:35 เอ่อพูดดีๆกับเาได้ง่ายๆเลยถูกมแต่บางที
00:33:35 → 00:33:38 เราไม่เคยพูดดีๆกับตัวเองอืมนะ
00:33:38 → 00:33:42 เอ่อหาของกินให้เคได้ที่เขาอยากกินได้
00:33:42 → 00:33:45 ง่ายๆเลยนะอืแต่บางทีอ่ะเราอ่ะไม่มีเวลา
00:33:45 → 00:33:48 หาสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับตัวเองได้รับ
00:33:49 → 00:33:53 ประทานเข้าไปนะเอ่องั้นอันนี้นะคะก็เป็น
00:33:53 → 00:33:56 เรื่องของแอคชั่นเนาะงั้นต้องแอคชั่นถึง
00:33:56 → 00:33:59 จะจะบอกว่าเรากำลังรักแล้วก็เมตตากับตัว
00:33:59 → 00:34:01 เอง
00:34:01 → 00:34:05 อ่าอันที่ 3 นะกระบวนการที่ 3 ก็คือ
00:34:05 → 00:34:07 เรื่องของ
00:34:07 → 00:34:09 การรู้
00:34:09 → 00:34:12 จักขอบคุณและยินดี
00:34:12 → 00:34:13 [เพลง]
00:34:13 → 00:34:18 นะนั้นหลายๆครั้งเนี่ยเราเนี่ยใช้เวลามาก
00:34:18 → 00:34:24 มายมหาศาลนะในการพยายามสร้างสิ่งต่างๆภาย
00:34:24 → 00:34:28 นอกตัวเราไม่ว่าจะเป็นวัตถุนะคะไม่ว่าจะ
00:34:28 → 00:34:32 เป็นการที่เราพยายามที่จะทำให้ใครสักคน
00:34:32 → 00:34:36 เค้าพึงพอใจในตัวเราไม่ว่าจะเป็นการแคร์
00:34:36 → 00:34:40 สายตาของคนอื่นเนอะซึ่งึไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ
00:34:40 → 00:34:43 คือดีมันคือการที่เรามี Self awareness
00:34:43 → 00:34:49 แต่ว่าบางทีถ้ามันไม่พอดีอ่ะคนที่ทุกข์
00:34:49 → 00:34:51 เนี่ยก็คือตัวเราเนาะแล้วต้องบอกเลยว่า
00:34:51 → 00:34:56 ความทุกข์ของเราเนี่ยมันก็จะเด้งกลับไป
00:34:56 → 00:35:01 เป็นปฏิกิริยาบางอย่างต่อคนอื่นในแง่ลบ
00:35:01 → 00:35:05 อยู่ดีนะ Action เท่ากับ tion ังนั้น
00:35:06 → 00:35:07 เนี่ย
00:35:07 → 00:35:13 เอ่อการที่เราเองนะลองดูนะที่ผ่านมาเนี่ย
00:35:13 → 00:35:17 เราใช้เวลาเยอะแค่ไหนในการสร้างหรือทำ
00:35:17 → 00:35:21 อะไรสิ่งต่างๆนะเพื่อที่ให้ได้การยอมรับ
00:35:21 → 00:35:25 หรือได้คำชื่นชมหรือคำขอบคุณของผู้คนหรือ
00:35:25 → 00:35:29 บางทีมีมยที่เราทำดีกับใครสักคนะเราก็
00:35:29 → 00:35:32 หวังให้เขาคมองเห็นคุณค่าตรงนั้นแล้วก็
00:35:32 → 00:35:37 กล่าวคำว่าขอบคุณกับเราบ้างเบอกว่ามีหลาย
00:35:37 → 00:35:40 ๆครั้งที่เราจะมีโมเมนนั้นน่ะคือเราแค่
00:35:40 → 00:35:41 อยากได้ยินคำว่า
00:35:41 → 00:35:45 ขอบคุณนะคะงั้นการรักและเมตตาตัวเองเนี่ย
00:35:45 → 00:35:49 หออยากชวนอย่างนี้นะว่าอย่ารอให้ใครมา
00:35:49 → 00:35:52 ขอบคุณเราเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำสิ่งดีๆ
00:35:52 → 00:35:58 ให้กับคนอื่นนะเราจงอกผายอะไลผึ่งนะแล้ว
00:35:58 → 00:36:02 ก็ไม่ต้องเขินอายเลยที่เฮ้ยเราจะขอบคุณ
00:36:02 → 00:36:05 ตัวเองว่าโอ้โหแกช่างเป็นคนดีอย่างงี้นะ
00:36:05 → 00:36:10 งั้นถ้าเราขอบคุณตัวเองได้นะงั้นเราทำดี
00:36:10 → 00:36:13 ไปเรื่อยๆนะเราขอบคุณเรามองเห็นตัวเองได้
00:36:13 → 00:36:16 เรานับถือตัวเองได้นะงั้นสิ่งที่เรียกว่า
00:36:16 → 00:36:19 ความมั่นใจนะสิ่งที่เรียกว่าการเห็นคุณ
00:36:19 → 00:36:23 ค่ามันเกิดขึ้นทันทีเลยปฏิกิริยาที่เป็น
00:36:23 → 00:36:27 ผลข้างเคียงตามมาในเชิงพฤติกรรมก็คือว่า
00:36:27 → 00:36:32 เราจะหยุดเรียกร้องเกินพอดีนะงั้น
00:36:32 → 00:36:37 ปฏิกิริยาหิวแสงจะไม่เกิดขึ้นนะปฏิกิริยา
00:36:37 → 00:36:40 หิวแสงจากคนอื่นจะไม่เกิดขึ้นปฏิกิริยารอ
00:36:40 → 00:36:45 แสงก็จะไม่เกิดขึ้นด้วยนะคะเอองั้นเนี่ย
00:36:45 → 00:36:50 งั้นอย่าลืมนะเราลองสื่อสารกับตัวเองได้
00:36:50 → 00:36:54 นะเราลองขอบคุณตัวเองได้เหมือนที่เรารอ
00:36:54 → 00:36:58 คอยคำขอบคุณจากคนอื่นแล้ววันนึงนะเราจะ
00:36:58 → 00:37:01 เริ่มนับถือตัวเองได้โอพอถึงจุดนั้นนะพอ
00:37:01 → 00:37:05 เราเริ่มนับถือตัวเองได้แต่ต้องบอกว่านับ
00:37:05 → 00:37:09 ถือตัวเองไม่ได้แปลว่าหลงตัวเองนะอืต้อง
00:37:09 → 00:37:13 บอกว่าไอ้คำทางจิตวิทยาเนี่ยนะแบบแบบแหม
00:37:13 → 00:37:16 เราต้องใช้มาให้ดีอ่ะแล้วก็ต้องบอกว่าทุก
00:37:16 → 00:37:20 อย่างมี 2 ด้านเสมออันเนี้ยเรานับถือตัว
00:37:20 → 00:37:23 เองได้นะคือหมายความว่ายังไงหมายความว่า
00:37:23 → 00:37:27 เอ้ยเราเนี่ยมีความสามารถในการมองเห็นตัว
00:37:27 → 00:37:34 เองนะและมองเห็นความดีงามของชีวิตตัวเรา
00:37:34 → 00:37:40 นะคะโดยไม่ต้องมาให้ใครมาตัดสินตัวเรานะ
00:37:40 → 00:37:44 งั้นเนี่ยถ้าเรานับถือตัวเองได้เนี่ย
00:37:44 → 00:37:48 ปฏิกิริยาที่จะตามมาก็คือผลข้างเคียงก็
00:37:48 → 00:37:55 คือเราจะฟังได้เออเนี่ยเดี๋ยวนะหลายคนบอก
00:37:55 → 00:38:00 ว่าเนี่ยคนที่เป็นคนที่ควรรักเนี่ยคือเออ
00:38:00 → 00:38:03 เค้าเป็นคนฟังคนงั้นเค้าจะฟังได้ฟังได้
00:38:03 → 00:38:06 เพราะอะไรเพราะนี่ไงก็คือคุณค่าข้างในมัน
00:38:07 → 00:38:09 เต็มค่ะเพั้นคุณค่าข้างในมันเต็มเนี่ยนะ
00:38:09 → 00:38:12 พอฟังเนี่ยไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่อง
00:38:12 → 00:38:16 ที่มันลบมากๆนะเรื่องที่มันเป็นปัญหาไอ้ย
00:38:16 → 00:38:20 การที่เรานะมีความมั่นใจนะมีสติตรงเนี้ย
00:38:20 → 00:38:24 มันจะทำให้เราเริ่มแยกได้ว่าอะไรนะที่มัน
00:38:24 → 00:38:28 เป็นปัญหาที่มันเป็น Event อันเป็นปัญหา
00:38:28 → 00:38:30 ที่เป็นปัญหาซึ่งอันเนี้ยก็คือต้องใช้
00:38:30 → 00:38:33 problem solving ใช่มยหลักการแก้ปัญหา
00:38:33 → 00:38:37 อะไรต่างๆ steep strategy อะไร sw นะเอา
00:38:37 → 00:38:41 มาใช้ได้หมดเลยนะ to ต่างๆนะกับ
00:38:41 → 00:38:48 นะปัญหาที่เป็นเรื่องของอารมณ์งั้นคนที่
00:38:48 → 00:38:54 คนที่มีความมั่นใจนะเอ่อการเห็นคุณค่าใน
00:38:54 → 00:38:58 ตัวเองนับถือตัวเองได้เนี่ยก็จะไม่เอา
00:38:59 → 00:39:03 อารมณ์นะไปเพิ่มเชื้อไฟของปัญหาดังนั้น
00:39:04 → 00:39:07 เขาจะฟังได้เพราะว่ารู้สึกว่าเฮ้ยปัญหา
00:39:07 → 00:39:09 มันเป็นมันเป็นเรื่องธรรมชาติอ่ะมันเป็น
00:39:09 → 00:39:12 เรื่องง่ายนะเอ้ยปัญหามันต้องเจออยู่แล้ว
00:39:12 → 00:39:17 มันมีมาเเดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะคะอ่าเนี่ย
00:39:17 → 00:39:20 อันเนี้ยคือสิ่งสำคัญเลยนะอ่าใช่มก็ได้ทำ
00:39:20 → 00:39:23 ให้กลายเป็นคนที่ฟังได้แม้ว่าเรื่องที่
00:39:24 → 00:39:27 เป็นปัญหาและพอฟังแล้วเนี่ยก็แก้ปัญหาได้
00:39:27 → 00:39:31 ด้วยและแก้ปัญหาได้ดีตามความเป็นจริงด้วย
00:39:31 → 00:39:36 นะคะอเอาล่ะนะสเต็ปถัดไปนะก็คือ process
00:39:36 → 00:39:41 ถัดไปก็คือว่าเอ่อเรื่องบางเรื่องนะเรา
00:39:41 → 00:39:47 อาจจะต้องช่างบ้านช่างบ้างนะเออ
00:39:47 → 00:39:50 นะคือ
00:39:50 → 00:39:54 เอ่ออย่างที่บอกนะคือบนโลกเยมันมีเรื่อง
00:39:55 → 00:39:57 ที่เราสามารถที่ที่จะควบคุมได้และไม่
00:39:58 → 00:40:01 สามารถที่จะควบคุมได้นะแต่ถามว่าความ
00:40:01 → 00:40:04 ทุกข์แล้วก็ปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
00:40:04 → 00:40:07 เนี่ยรวมทั้งในเรื่องของความรักความ
00:40:07 → 00:40:10 สัมพันธ์เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยเกิดจากอะไรก็
00:40:10 → 00:40:14 เกิดจากการที่แต่ละคนเนี่ยเราไปพยายามควบ
00:40:14 → 00:40:19 คุมในสิ่งที่ควบคุมไม่ค่อยจะได้อ่ะนะงั้น
00:40:19 → 00:40:25 เนี่ยเอ่องั้นสิ่งที่เรานะทำได้นะก็คือ
00:40:25 → 00:40:29 ว่าในสิ่งที่ที่เราควบคุมได้มันก็จะดี
00:40:30 → 00:40:33 ขึ้นได้ด้วยการที่เราแอชถูกมก็กลับไปที่
00:40:33 → 00:40:37 แอชนะคือการลงมือกระทำอยู่ดีใช่ไหมยคะโดย
00:40:37 → 00:40:40 การที่เราต้องมีสติในการทำแต่สิ่งที่เรา
00:40:40 → 00:40:44 ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเช่นความคิดของคน
00:40:44 → 00:40:47 บางคนน่ะที่เขาอาจจะ
00:40:47 → 00:40:52 เอ่อมีมาจากประสบการณ์เดิมของเขาที่ฝัง
00:40:52 → 00:40:57 ลึกแน่นนะแล้วจริงๆแล้วแล้วอ่ะเค้าอาจก็
00:40:57 → 00:41:02 จะไม่ได้มีความสำคัญในขอบเขตของความ
00:41:02 → 00:41:05 สัมพันธ์ของเราเท่าไหร่อ่ะนะคะซึ่ง
00:41:05 → 00:41:08 อันเนี้ยนะเราอ่ะไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยน
00:41:08 → 00:41:14 ความคิดของเขาคได้นะก็ต้องปล่อยนะเอนั้น
00:41:14 → 00:41:17 ความคิดของเขาคเนี่ยมันก็จะสร้าง
00:41:17 → 00:41:22 ปฏิกิริยาและกลไกกับชีวิตของเขาเองเขาคก็
00:41:22 → 00:41:26 จะได้ผลของความคิดที่เขามีชุดความคิดที่
00:41:26 → 00:41:31 เขาเชื่อนะความรู้สึกที่เขาเป็นเองคือเรา
00:41:31 → 00:41:36 ไม่ได้มีหน้าที่ไปพิพากษาตัดสินหรือไป
00:41:36 → 00:41:39 พยายามให้เา้าเปลี่ยนตรงนั้นนะเราต้องบอก
00:41:39 → 00:41:41 ว่าเราไม่ได้มีบทบาทในการที่จะไปเปลี่ยน
00:41:41 → 00:41:45 ชีวิตใครต้องบอกว่าแม้กระทั่งหมอเอิ้นเอง
00:41:45 → 00:41:48 นะที่เราทำหน้าที่ทั้งเป็นทั้งที่ปรึกษา
00:41:48 → 00:41:52 นะะหรือว่าเราเป็นจิตแพทย์นะเราก็ไม่ได้
00:41:52 → 00:41:56 มีหน้าที่เปลี่ยนชีวิตใครนะคะเอ่อเพงั้น
00:41:56 → 00:41:59 สิ่งที่เขาดีขึ้นเนี่ยส่วนใหญ่มันก็คือ
00:41:59 → 00:42:03 เกิดจากกระบวนการคิดของเขาที่ดีขึ้นและ
00:42:03 → 00:42:06 ส่งผลให้อารมณ์เขาดีขึ้นและส่งผลให้
00:42:06 → 00:42:09 พฤติกรรมเขาดีขึ้นนะนั่นคือความจริงนะ
00:42:09 → 00:42:13 งั้นเนี่ยแม้กระทั่งคนที่บอกว่าโอโหเนี่ย
00:42:13 → 00:42:17 คืออาชีพนะที่เปลี่ยนแปลงคนนะก็ต้องบอก
00:42:17 → 00:42:21 ว่าไม่ฉันเราไม่ได้เปลี่ยนเราก็ทำให้คนๆ
00:42:21 → 00:42:23 นึงเขามีสติมากขึ้นแค่นั้นเองแต่กระบวน
00:42:24 → 00:42:26 การเปลี่ยนเนี่ยมันอยู่ที่ตัวเขาเองนะ
00:42:26 → 00:42:28 เพรานั้นฟังอย่างงี้แล้วเนี่ยเราจะเห็นนะ
00:42:28 → 00:42:32 ว่าเออเลิกเสียเวลาเหอะกับการที่จะไป
00:42:32 → 00:42:36 เปลี่ยนคนนั้นไปปรับคนนี้นะอ่าวเนี้ยลอง
00:42:36 → 00:42:41 หันพลังงานที่เราไปใช้กับสิ่งนั้นนะลองมา
00:42:41 → 00:42:46 นี่ Action กับตัวเองนะ Self love and
00:42:46 → 00:42:51 Self compassion นะอ่าั้นทวนอีกครั้งนะ
00:42:51 → 00:42:55 กระบวนการของการเมตตาและการรักตัวเอง
00:42:55 → 00:42:59 เพื่อเพื่อให้ตัวเราเนี่ยได้รับผลข้าง
00:42:59 → 00:43:03 เคียงคือเป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกคนนึง
00:43:03 → 00:43:09 นะก็คือ 1 เริ่มต้นที่ mindset ใช่มยอ่า
00:43:09 → 00:43:14 เข้าใจนะธรรมชาติของชีวิตเราผิดได้ไม่ใช่
00:43:14 → 00:43:18 ผิดไม่ได้เราไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกอย่างบน
00:43:18 → 00:43:23 โลกนี้มี 2 ด้านเสมอนะคะเราควรตระหนักถึง
00:43:23 → 00:43:26 อารมณ์แล้วก็ความคิดของตัวเอง
00:43:26 → 00:43:30 และตื่นได้แล้วนะว่าเราเนี่ยนะเป็นเจ้า
00:43:30 → 00:43:34 ของชีวิตนะคะเราสามารถเลือกได้เมื่อเรา
00:43:34 → 00:43:37 เนี่ยปราศจากการพิพากษาแล้วก็ตัดสินตัว
00:43:37 → 00:43:42 เองอันที่ 2 นะคะก็คือเราต้อง Action นะ
00:43:42 → 00:43:47 ต้องลงมือทำนะทำดีกับตัวเองไม่ว่าจะกาย
00:43:47 → 00:43:53 วาจาใจนะความคิดนะให้คนอื่นแล้วอย่าลืม
00:43:53 → 00:43:57 ให้ตัวเองด้วยนะออาจจะอยากให้คคนอื่นหรือ
00:43:57 → 00:44:00 เราให้คนอื่นมากกว่าก็ได้นะเราให้คนอื่น
00:44:00 → 00:44:05 ซักเอ่อ 70 เให้ตัวเองสัก 30 อโอนะในวัน
00:44:05 → 00:44:10 ที่เรามีกำลังถูกมยแต่ในวันที่เรามอดแบบ
00:44:10 → 00:44:14 หมดไฟห่อเหี่ยวสุดสุดๆ
00:44:14 → 00:44:17 เนี่ยเราก็อนุญาตให้ตัวเองเป็นผู้รับบ้าง
00:44:17 → 00:44:19 ก็ได้นะคะไม่ผิดอะไรนะ
00:44:19 → 00:44:26 อ่าอันที่ 3 นะก็คือการที่เราสื่อสาร
00:44:26 → 00:44:31 และยินดีและขอบคุณกับตัวเองบ้างก็ได้ใน
00:44:31 → 00:44:34 วันที่เราทำอะไรแล้วเป็นสิ่งที่ดีและน่า
00:44:34 → 00:44:38 ภาคภูมิใจโดยไม่ต้องรอหรือร้องขอคำขอบคุณ
00:44:38 → 00:44:43 หรือคำยินดีจากใครนะคะและอันที่ 4 สำคัญ
00:44:43 → 00:44:47 มากๆคือช่างในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
00:44:48 → 00:44:52 มาจัดการในสิ่งที่เราควบคุมได้นะคะและนี่
00:44:52 → 00:44:56 คือกระบวนการนะของ
00:44:56 → 00:44:59 การที่เราจะรักแล้วก็เมตตาตัวเองเพื่อให้
00:44:59 → 00:45:02 ได้ผลข้างเคียงให้เรากลายเป็นคนที่น่ารัก
00:45:02 → 00:45:07 ซึ่งคนที่น่ารักเนี่ยนะมีอยู่ 3 อย่างนะ
00:45:07 → 00:45:10 บอกเพราะว่า 1 ก็คือเฮ้ยมันทำให้เราเนี่ย
00:45:10 → 00:45:15 มี Self esteem ที่ดีคือมีเอ่อความมั่น
00:45:15 → 00:45:20 ใจและการมองเห็นคุณค่าของตัวเองนะตามความ
00:45:20 → 00:45:23 เป็นจริงงั้นทำให้เราเนี่ยนะเรียกร้อง
00:45:23 → 00:45:28 ร้องขอนะหรือว่าอยู่ภายใต้ความกลัวน้อยลง
00:45:28 → 00:45:31 มากนะคะอันที่ 2 ก็คือมันทำให้เรานะคะ
00:45:32 → 00:45:34 เข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วก็ความเข้าใจตัว
00:45:34 → 00:45:38 เองเริ่มทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น
00:45:38 → 00:45:41 เกิดความเห็นอกเห็นใจของคนอื่นได้มากขึ้น
00:45:41 → 00:45:45 นะก็คือ understand empathy เนและอันที่
00:45:45 → 00:45:51 3 นะก็คือเดี๋ยวนะจดไว้ก่อนอันที่ 3 ก็
00:45:51 → 00:45:54 คือมันทำให้เราเป็นผู้
00:45:54 → 00:45:59 ให้อย่างแท้จริงนะแล้วเป็นผู้ให้เป็นผู้
00:45:59 → 00:46:02 สนับสนุนอย่างแท้จริงหมายความว่าอะไรหมาย
00:46:02 → 00:46:05 ความว่าเราเริ่มไม่มีเงื่อนไขแล้วค่ะว่า
00:46:05 → 00:46:10 ถ้าฉันให้ฉันจะได้อะไรบ้างและเนี่ยคือ
00:46:10 → 00:46:14 ความสุขที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตเราแล้วก็คน
00:46:14 → 00:46:18 รอบๆข้างของเราแล้วไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน
00:46:18 → 00:46:24 เราก็สามารถเป็นสุขได้นะคะโอเคจบแล้วโอ
00:46:24 → 00:46:27 หมองเอิน่อยมากเลย
00:46:27 → 00:46:31 นะจบแล้วนะคะนี่
00:46:31 → 00:46:35 ก็ใช้เวลาไป
00:46:35 → 00:46:40 นะ 40 นาทีแล้วนะเอาล่ะนะใครมีคำถามอะไร
00:46:40 → 00:46:43 มยคะใครมีคำถาม
00:46:43 → 00:46:46 อะไร
00:46:46 → 00:46:51 โอเคคุณกีรติกรบอกโอเคโอเคด้วยนะรอเรือ
00:46:51 → 00:46:54 หลายตัวซะด้วยนะ
00:46:54 → 00:46:56 อ่า
00:46:56 → 00:47:02 ใครมีคำถามอะไรยคะนะใครมีคำถามอะไรพิมพ์
00:47:02 → 00:47:06 เข้ามานะคะนะถ้าไม่มีคำถามเนี่ยหมอเอิ้น
00:47:06 → 00:47:10 จะไปอาบน้ำนอนแล้วนะช่วงนี้เป็นการรักตัว
00:47:10 → 00:47:14 เองมากเลยนะคะก็คือนอนเร็วนะตื่นเช้าแล้ว
00:47:14 → 00:47:19 ก็ออกไปวิ่งทุกวันนะคะคุณศุภกิจสวัสดีนะ
00:47:19 → 00:47:24 คะอ่างั้นเดี๋ยวจะรอคำถามตรงนี้เนาะเผื่อ
00:47:24 → 00:47:26 ใครกำลังพิมพ์อยู่นะคะแล้วก็เผื่อ
00:47:27 → 00:47:29 อินเทอร์เน็ตอาจจะใช้เวลาในการส่งนิดนึง
00:47:29 → 00:47:33 ก็
00:47:33 → 00:47:40 เอ่อรอสัก 3 นาทีนะสำหรับคำถามนะคะอ่ะใน
00:47:40 → 00:47:45 ระหว่างนี้ก็อ่อคุณนุชชี่บอก
00:47:45 → 00:47:51 ว่าขอบคุณมากเลยค่ะกำลังต้องการนี่เอาล่ะ
00:47:51 → 00:47:55 ถ้าอย่างงั้นนะคะถ้าเกิดว่าเอ่อแต่ละคนนะ
00:47:55 → 00:47:59 คะชอบชอบใจและคิดว่าได้ประโยชน์นะคะขอ 1
00:47:59 → 00:48:03 ข้อก็ได้นะเออถ้าเกิดเราไม่มีคำถามนะขอ
00:48:03 → 00:48:07 ซัก 1 ข้อคิดก็ได้นะที่เราคิดว่าเราได้
00:48:07 → 00:48:13 ประโยชน์จากการคุยกันวันนี้แหมการคุยกัน
00:48:13 → 00:48:15 หรือเปล่าเนี่ยเหมือนหมอเอิ้นก็ฝอยอยู่คน
00:48:15 → 00:48:19 เดียวนะนะคุยฝอยไปเรื่อยเลยฝอยไป
00:48:19 → 00:48:24 เรื่อยอได้คำตอบอ่าอันนี้คือเอาอย่างงี้
00:48:24 → 00:48:29 เลยหล่ะค่ะบอกได้คำตอบแล้วนะคุณบีลบอกว่า
00:48:29 → 00:48:33 ชอบฟังเสียงหมอเอิ้นค่ะขอบคุณค่ะ
00:48:33 → 00:48:37 อ่าไหนๆยังไม่ได้ทักใครอีกมั้ย
00:48:37 → 00:48:41 คะน่าจะทักทุกคนแล้ว
00:48:41 → 00:48:44 เนาะ
00:48:44 → 00:48:49 อ่าโอเคอ่ะเดี๋ยวรออีก 1 2 นาทีนะคะ
00:48:49 → 00:48:54 เนี่ยมีใครจะถามคำถามอะไรมยนะหรือใครหลับ
00:48:54 → 00:48:58 ไปแล้วบ้างหรือเคหลับไปแล้วบ้าง
00:48:58 → 00:49:03 นะอันนี้จะดีที่สุดเลยนะสำหรับคนที่ฟัง
00:49:03 → 00:49:08 เรื่องราวในวันนี้แล้วก็รู้สึกว่าเอ้อน่า
00:49:08 → 00:49:12 จะได้ประโยชน์นะก็ลองพิมพ์สรุปความเข้าใจ
00:49:12 → 00:49:16 ของตัวเรานะเผื่อนะหมอเอิ้นก็อาจจะได้เ่อ
00:49:16 → 00:49:20 มีโอกาสคอมเมนต์ตอบกลับไปนะคะ
00:49:20 → 00:49:24 อ่าอ่ะคำถามแรกมาแล้ว
00:49:24 → 00:49:31 นะอ่าเพงั้นขอนะข้อคิดของแต่ละคนสักคนละ 1
00:49:31 → 00:49:32 อย่างนะคะ
00:49:32 → 00:49:39 อ่าเอาล่ะคำถามแรกนะคะของคุณศุภกิจนะถาม
00:49:39 → 00:49:44 ว่าจะบอกอย่างไรให้แม่รักตัวเองไม่ต้อง
00:49:44 → 00:49:46 ห่วงลูกๆบ้างครับ
00:49:46 → 00:49:48 นี่
00:49:48 → 00:49:52 นะ
00:49:52 → 00:49:59 อ้าวถ้าฟังให้ดีนะถ้าฟังให้ดีในกระบวนการ
00:49:59 → 00:50:04 ของการรักและเมตตาตัวเองที่หมอเอิ้นถอด
00:50:04 → 00:50:08 รหัสในชีวิตตัวเองนะและในชีวิตของคนที่
00:50:08 → 00:50:12 เคยมาได้รับคำปรึกษาเนี่ยโอเราพบว่าเอ้ย
00:50:12 → 00:50:15 ลองไปใช้แล้วมันก็เวิร์คเนี่ยนะเห็นมยข้อ
00:50:15 → 00:50:19 สุดท้ายอ่ะคุณศุภกิจจำได้มยนะคุณศุภกิจ
00:50:19 → 00:50:23 เมมมาให้หมอเลยนะว่ามันคือข้อว่าอะไรนะ
00:50:23 → 00:50:27 มันบอกว่านะนะช่างในสิ่งที่เราควบคุม
00:50:27 → 00:50:31 ไม่ได้ใช่มยและสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้อ่ะ
00:50:31 → 00:50:35 หนึ่งในตัวอย่างนั่นก็คือความคิดของคน
00:50:35 → 00:50:37 อื่นค่ะ
00:50:37 → 00:50:42 งั้นจริงๆการรักตัวเองในข้อนี้แม่จะเริ่ม
00:50:42 → 00:50:46 รักตัวเองเมื่อเราเริ่มรักตัวเองได้ก่อน
00:50:46 → 00:50:51 นะงั้นเราจะเริ่มรักตัวเองได้ยังไง
00:50:51 → 00:50:56 1 นะหมอคิดว่าข้อแรก
00:50:56 → 00:51:00 กลับมาเลยว่า
00:51:00 → 00:51:05 เอ่อเราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบเพราะ
00:51:05 → 00:51:07 ฉะนั้นตัวเราก็อาจจะไม่ใช่ลูกที่สมบูรณ์
00:51:07 → 00:51:10 แบบเพราะฉะนั้นเนี่ยลูกที่สมบูรณ์แบบของ
00:51:10 → 00:51:12 เราเนี่ยมันจะเป็นยังไงก็คือเฮ้ยเป็นคน
00:51:12 → 00:51:15 ที่เอ่อเป็นลูกที่แม่อยู่แล้วแม่มีความ
00:51:15 → 00:51:19 สุขนะแต่ว่าเอ้ยบางทีแม่ไม่มีความสุข
00:51:19 → 00:51:23 เนี่ยมันไม่ใช่เรื่องของเราซะทีเดียวถูกม
00:51:23 → 00:51:25 แม่อาจจะมีเหตุปัจจัยหลายหลายเรื่องเลย
00:51:26 → 00:51:29 ที่ทำให้แม่ไม่มีความสุขงั้นเราต้องมารีซ
00:51:29 → 00:51:32 ตัวเองตรงนี้ก่อนนะนะงั้นเอ่ออันที่ 2
00:51:32 → 00:51:35 คือเราเนี่ยไม่สามารถเป็นลูกที่สมบูรณ์
00:51:35 → 00:51:38 แบบได้อยู่แล้วแต่ว่าสิ่งที่เราทำได้ดี
00:51:38 → 00:51:43 ที่สุดในฐานะลูกคืออะไรอ่าะนั้นเนี่ยงั้น
00:51:43 → 00:51:46 เราต้องตั้งต้นที่ mindset ก่อนนะงั้นถ้า
00:51:46 → 00:51:49 เราเห็นว่าตัวเองเนี่ยก็อาจจะเป็นลูกที่
00:51:49 → 00:51:51 ไม่สมบูรณ์แบบบ้างก็ได้แล้วแม่ก็อาจจะ
00:51:51 → 00:51:55 เป็นแม่ที่ไม่สมบูรณ์แบบบ้างก็ได้มเราจะ
00:51:55 → 00:51:57 เราเราจะรู้สึกได้เลยว่าไอ้ความสัมพันธ์
00:51:57 → 00:52:01 ของเราอ่ะที่มันแน่นๆๆๆเนี่ยนะเออมันจะ
00:52:01 → 00:52:04 หลวมๆขึ้นมาหน่อยนะมันจะเริ่มมีพื้นที่
00:52:04 → 00:52:07 ของความสัมพันธ์ระหว่างกันคือมันมีพื้น
00:52:07 → 00:52:11 ที่ของฉันก็เป็นตัวฉันแม่ก็เป็นตัวแม่ได้
00:52:11 → 00:52:15 มากขึ้นและทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องสุขตลอด
00:52:15 → 00:52:18 เวลาใช่มเเราไม่สุขตลอดเวลาแสดงว่าเราก็
00:52:18 → 00:52:22 ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลาด้วยเช่นกันนะคะไ้ข้อ
00:52:23 → 00:52:27 ที่ 1 นะที่ที่เอ่อคุณศุภกิจอาจจะต้อง
00:52:27 → 00:52:31 เริ่มต้นไปทบทวนไซตตัวเองนะคะเรื่องนี้นะ
00:52:31 → 00:52:38 อ่าอันที่ 2 นะก็อาจจะต้องคือคำว่า Action
00:52:38 → 00:52:43 Action ในที่นี้คืออะไรก็คือ
00:52:43 → 00:52:48 เอ่อบางทีมันอาจจะแค่เริ่มต้นจากการ
00:52:48 → 00:52:52 ที่เราเองเนี่ยสื่อสารกับตัวเองก็ได้นะ
00:52:52 → 00:52:55 เออจริงๆบางทีตอนเทุกข์เพราะเราเป็นห่วง
00:52:55 → 00:53:00 เป็นห่วงแม่เหลือเกินอืมงั้นเนี่ยเราเรา
00:53:00 → 00:53:03 สื่อสารกับตัวเองที่ทุกข์อยู่เนี่ยเเรา
00:53:03 → 00:53:06 แอชด้วยกันสื่อสารกับความคิดกับอารมณ์ของ
00:53:06 → 00:53:09 ตัวเองเรากำลังคิดอะไรอ่ะกับเรื่องเนี้ย
00:53:09 → 00:53:14 แล้วเรากำลังแบบรู้สึกอะไรอ่ะอ่าโอ้เออ
00:53:14 → 00:53:16 คือเห็นแม่เป็นอย่างงี้เออรู้สึกเป็นห่วง
00:53:16 → 00:53:20 แม่งั้นเราจะเริ่มนะสื่อสารกับตัวเองได้
00:53:20 → 00:53:23 ถูกต้องงั้นสิ่งที่เราต้องการคืออะไรอ่ะ
00:53:23 → 00:53:29 ออ้เราอยากให้แม่มีความสุขไอ้การที่แม่จะ
00:53:30 → 00:53:31 เปลี่ยนจะคิดยังไงเนี่ยอันนั้นมันเป็น
00:53:31 → 00:53:34 กระบวนการนะแต่ Out คจริงๆคือเราอยากให้
00:53:34 → 00:53:37 แม่มีความสุขเพราะเนี่ยถ้าเราเริ่มต้นรัก
00:53:37 → 00:53:38 ตัวเองสื่อสารกับตัวเองอย่างงี้ได้คุณ
00:53:38 → 00:53:42 สุปกิตจะเริ่มสื่อสารกับแม่ได้แล้วว่า
00:53:42 → 00:53:47 เออเออแม่คือแบบเออเนี่ยนะผมเห็นแม่เป็น
00:53:47 → 00:53:51 แบบนี้นะเอ่ออย่างเช่นนะเราจะพูดถึง
00:53:51 → 00:53:55 พฤติกรรมนะพฤติกรรมของแม่เออแม่แบบดูนะ
00:53:55 → 00:53:59 หน้าตาไม่สดชื่นเลยผมดูแล้วผมเป็นห่วงเนา
00:53:59 → 00:54:02 อันนี้ผมเดานะว่าแม่กำลังคิดหรือไม่สบาย
00:54:02 → 00:54:05 ใจเรื่องนี้หรือเปล่าผมอยากให้แม่มีความ
00:54:05 → 00:54:08 สุขนะงั้นแค่ฟังแค่นี้แม่ก็มีความสุขแล้ว
00:54:08 → 00:54:10 ถูกมยเออบางทีแม่ยังไม่ต้องเปลี่ยนความ
00:54:10 → 00:54:14 คิดเลยนะแค่ฟังแค่เนี้ยว่าเราอ่ะนะมีความ
00:54:14 → 00:54:17 รักและความปรารถนาดีกับแม่แม่มีความสุข
00:54:17 → 00:54:21 แล้วงั้นมันต้องแอคชั่นนะงั้นแอคชั่นแล้ว
00:54:21 → 00:54:26 ก็เอ่ออย่างที่บอกอ่ะคือเราอาจจะมีความ
00:54:26 → 00:54:30 รักความปรารถนาดีกับแม่นะบางทีเนี่ยเรา
00:54:30 → 00:54:33 อาจจะแสดงออกแล้วแม่อาจจะไม่ได้ตอบกลับมา
00:54:33 → 00:54:36 ก็ได้แต่ถ้าเกิดเราเห็นว่าสิ่งนั้นน่ะมัน
00:54:36 → 00:54:41 เป็นสิ่งที่ดีนะเอ่อที่เราทำเราขอบคุณตัว
00:54:41 → 00:54:44 เองได้นะเราชื่นชมตัวเองได้นะเออแกเป็น
00:54:44 → 00:54:48 ลูกที่ดีจังเลยเออแกนึกถึงแม่เออแกเห็น
00:54:48 → 00:54:51 อันนี้แล้วแกก็เอ่ออยากให้แม่ได้กินบ้าง
00:54:51 → 00:54:55 งั้นบางทีเราคิดแบบนี้นะเราซื้อของไม่ให้
00:54:55 → 00:54:58 แม่กินเนี่ยแม่บอกซื้อมาทำไมเปลืองเทุก
00:54:58 → 00:55:01 วันนี้บ้านหมอก็เป็นน่ะบ่นทุกอันเนี่ยแต่
00:55:01 → 00:55:05 กินมั้ยกินกินเยอะมั้ยเยอะกินหมดมยหมดไม่
00:55:05 → 00:55:08 เหลือให้ลูกกินเลยนะซื้ออะไรไปเนี่ยบน
00:55:08 → 00:55:13 ตลอดประหยัดบ้างดิอะไรอย่าเงี้นะเออนะคือ
00:55:13 → 00:55:16 มันจริงๆคือมันคือการสื่อสารของของของคน
00:55:16 → 00:55:20 ในยุคนึงอ่ะเออที่ว่าคือดีเนี่ยคือต้อง
00:55:20 → 00:55:22 ประหยัดคือจริงๆอ่ะเขาคก็ห่วงแหละเคพูด
00:55:22 → 00:55:24 อย่างงี้เพราะว่าเคห่วงเราเไม่อยากให้เรา
00:55:24 → 00:55:28 เสียงเงินเยอะถามว่าเค้าชอบมยคือชอบแต่เค
00:55:28 → 00:55:32 พูดว่าชอบมั้ยเค้าไม่พูดถูกมยอ่าั้นเนี่ย
00:55:32 → 00:55:36 เราอ่ะชื่นชมตัวเองได้มงั้นเนี้ยก็ต้องไป
00:55:36 → 00:55:39 เช็คนะถ้าเราบอกเราชื่นชมตัวเองไม่ได้เลย
00:55:39 → 00:55:42 เรานี่แหละต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะคะแล้ว
00:55:42 → 00:55:45 ก็สุดท้ายนะก็คืออันเนี้ยก็คือเป็นเรื่อง
00:55:45 → 00:55:49 ของแม่นะแต่ว่าอันเนี้ยก็คืออันสุดท้าย
00:55:49 → 00:55:52 คือเป็นช่างใช่มยเอออันนี้ก็คือเรา
00:55:52 → 00:55:57 เนี่ยอาจจะต้องต้องบอกว่าคือต้องให้อิสระ
00:55:57 → 00:56:02 อ่ะนะแล้วก็อย่าคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลง
00:56:02 → 00:56:06 ใครโดยเฉพาะพ่อแม่เราเพราะว่าแค่เราคิด
00:56:06 → 00:56:10 ว่าเราจะเปลี่ยนคนอื่นก็ยากแล้วเราบอกเรา
00:56:10 → 00:56:15 จะเปลี่ยนพ่อแม่เราโคตรยากนะโคตรยากเลยนะ
00:56:15 → 00:56:20 งั้นสิ่งที่เราจะทำได้ก็คือเราค่ะทำตัว
00:56:20 → 00:56:23 เองให้เป็น
00:56:23 → 00:56:31 คนที่มีความสุขนะเราทำตัวเองให้เราฝึกใน
00:56:31 → 00:56:35 ที่จะเราจะสื่อสารในสิ่งที่สร้างสรรค์เรา
00:56:35 → 00:56:38 นะฝึกตัวเองให้เราเนี่ยสามารถเป็นผู้ฟัง
00:56:38 → 00:56:44 ที่ดีได้นะแค่นี้นะพอเวลาที่เค้าเห็นความ
00:56:44 → 00:56:47 จริงในตัวเราอ่ะว่าเราทำได้แบบเยเค้าหัน
00:56:47 → 00:56:51 มาเองนะคะแล้วเวลาพ่อแม่เคยอมรับเราเนี่ย
00:56:51 → 00:56:55 แล้วเชื่นชมเรานะในยุคเชื่อว่าคุณพ่อคุณ
00:56:55 → 00:56:59 แม่ของคุณศุภกิจเนี่ยนะอายุเท่าพ่อแม่หมอ
00:56:59 → 00:57:03 แน่ๆเลยนะเค้าไม่ชมแล้วหรอกนะสิ่งสำคัญ
00:57:03 → 00:57:05 คือเราชมตัวเองให้ได้เราภาคภูมิใจในตัว
00:57:05 → 00:57:09 เองให้ได้นะคะโอเคโอ้โหนี่ตอบยาวเลยเนี่ย
00:57:09 → 00:57:13 นะตอบตอบเออทำเหมือนแบบมีคำตอบเดียวนะเลย
00:57:13 → 00:57:18 ตอบยาวไปเลยนะเออโอเคนะคะก็เป็นกำลังใจ
00:57:18 → 00:57:21 ให้นะคะก็ต้องบอกว่าชื่นชมนะแล้วก็
00:57:21 → 00:57:25 เอ่อชื่นชมในมุมของการที่จริงๆแล้วอ่ะที่
00:57:25 → 00:57:28 ถามคำถามเนี้ยก็เพราะว่ารักแลเป็นห่วงคุณ
00:57:28 → 00:57:32 แม่นั่นแหละนะคะเพราะั้นเนี่ยให้เรานะคะ
00:57:32 → 00:57:33 มอง
00:57:33 → 00:57:37 เห็นความหมายภายใต้ความคิดความหงุดหงิด
00:57:37 → 00:57:41 ของเราในตรงนี้นะนะว่าจริงๆแล้วอ่ะมันก็
00:57:41 → 00:57:43 เกิดจากความรักแล้วก็ความห่วงใยที่เรามี
00:57:43 → 00:57:47 ต่อเางั้นเราสามารถสื่อสารหรือกระทำความ
00:57:47 → 00:57:50 รักและความห่วงใยในแบบที่ตรงไปตรงมาได้
00:57:50 → 00:57:53 มากกว่าการหงุดหงิดใจและอยากจะไปปรับไป
00:57:53 → 00:57:55 เปลี่ยนเานะ
00:57:55 → 00:58:00 คะโอเคคุณนุชี่บอกว่าเห็นปัญหาตัวเองค่ะ
00:58:00 → 00:58:06 นะคะคุณเอ่อชลพรบอกว่าสร้างพลังบวกรอบๆ
00:58:06 → 00:58:12 ตัวและคนดีๆเข้ามาหาเราเองอ้าอ้าอัน
00:58:12 → 00:58:17 นี้อันนี้เป็นการส่งการบ้านนี่ของชาวคณะ
00:58:17 → 00:58:20 ของเรานะเป็นการส่งการบ้านใช่มยอ่าคุณ
00:58:20 → 00:58:23 ธีรพรบอกว่าขอบคุณหมอเอิ้นนะที่ทำให้กลับ
00:58:23 → 00:58:27 มารักและเมตตาตัวเองเได้มากขึ้นขอบคุณคุณ
00:58:27 → 00:58:29 ธีรพรด้วยเช่นกันนะ
00:58:29 → 00:58:32 คะ
00:58:32 → 00:58:37 อ่าอันนี้นะมาเป็นภาษาอังกฤษเลยนะเห็น
00:58:37 → 00:58:40 หน้าอย่างงี้เนี่ยนะตกภาษาอังกฤษนะ
00:58:40 → 00:58:45 จ๊ะใช other Over yourself without
00:58:46 → 00:58:48 allowing yourself
00:58:48 → 00:58:53 One อ่าเป็นไงสำเนียงได้
00:58:53 → 00:58:56 ม
00:58:56 → 00:59:02 อ่าอันนี้แลละประโยชน์ที่ได้วันนี้ค่ะ
00:59:02 → 00:59:05 อ๋อประโยคเมื่อกี้ประโยคภาษาอังกฤษเมื่อ
00:59:05 → 00:59:08 กี้นะคะ
00:59:08 → 00:59:12 โอเคเอาล่ะภาษา
00:59:12 → 00:59:16 หอันนี้เข้าใจว่าน่าจะตั้งใจพิมพ์ภาษาไทย
00:59:16 → 00:59:20 แต่ลืมลืมเปลี่ยนแป้นแน่ๆเลยค่ะคุณหญิงนะ
00:59:20 → 00:59:23 คุณหญิงเปลี่ยนแป้นภาษาไทยก่อนนะคะ
00:59:23 → 00:59:30 อ่าออ้าวพี่แนนนะสวัสดีค่ะนะเจ๊เจ๊นอน
00:59:30 → 00:59:34 อยู่นะเอ่อชอบปเอิ้นบอกให้ใจดีกับตัวเอง
00:59:34 → 00:59:38 บ้างนะไม่ใช่แค่ใจดีอยู่แต่ในใจนะอืต้อง
00:59:38 → 00:59:40 ให้รางวัลตัวเองบ้างปฏิบัติกับตัวเองดี
00:59:40 → 00:59:44 บ้างนะคะเอ่อจะจำคำนี้ไว้เตือนตัวเองบ่อย
00:59:44 → 00:59:51 ๆนะคะอ้าปรบมือเป็นกำลังใจให้นะ
00:59:51 → 00:59:57 ค่ะอืคราวนี้กับกับอันนี้เนี่ยทำให้เอ่อ
00:59:57 → 01:00:02 เอิ้นเนี่ยนึกถึงคำถามคำถามหนึงนะจากนัก
01:00:02 → 01:00:09 เรียนขึ้นมานะคะว่าคือเขาคถามว่านะแล้ว
01:00:09 → 01:00:10 เอ่อ
01:00:10 → 01:00:14 เราจะรู้ได้ยังไงอ่ะว่าเรากำลังรักตัวเอง
01:00:14 → 01:00:17 หรือเรากำลังเห็นแก่ตัว
01:00:17 → 01:00:19 เออ
01:00:19 → 01:00:23 นะพอเค้าถามคำถามนี้นะโอ้โหนี่ถามคำถาม
01:00:23 → 01:00:26 นี้ได้เนี่ยแสดงว่าไม่เห็นก่ตัวละนะนั่น
01:00:26 → 01:00:29 หมายความว่าเราเนี่ยมี awareness แล้วเรา
01:00:29 → 01:00:32 ยังนึกถึงคนอื่นอยู่ถูกมยวันนี้ถามคำถาม
01:00:32 → 01:00:35 แบนี้เนี่ยหมายความว่าเราเนี่ยยังมองเห็น
01:00:35 → 01:00:40 คนอื่นอยู่ในลานสายตาของเราอยู่นะคะงั้น
01:00:40 → 01:00:45 อันนี้เป็นสิ่งที่ดีแล้วก็จุดนะต้องบอก
01:00:45 → 01:00:49 ว่าจุดที่จะเป็นจุดสังเกตนะคะก็คือว่า
01:00:49 → 01:00:52 เอ่อเวลาที่เรารักตัวเองเนี่ยมันเหมือน
01:00:52 → 01:00:57 กับว่าเรากลับมาให้ตัวเตัวเองนะงเนี่ยถ้า
01:00:57 → 01:00:59 เกิดเรากลับมาให้ตัวเองเนี่ยแล้วมันยัง
01:00:59 → 01:01:02 เป็นโมเมนของการที่เราอยากกลับไปให้คน
01:01:02 → 01:01:07 อื่นด้วย is โอนะเนี่ยอันนี้มันคือเป็น
01:01:07 → 01:01:10 การรักตัวเองเพื่อที่จะส่งต่อความรักนี้
01:01:10 → 01:01:13 และความสุขนี้ให้กับคนอื่นอยู่มันโอเคนะ
01:01:13 → 01:01:19 คะอันที่ 2 ก็คือว่าบางทีการรักตัวเอง
01:01:19 → 01:01:22 บ้างมันเหมือนกับเป็นการรับกับการให้เนาะ
01:01:22 → 01:01:26 เพราเนี่ยเอ่อบางคนเนี่ยรักตัวเองไม่เป็น
01:01:26 → 01:01:31 ก็คือ 1 ก็คือให้แต่คนอื่นเวลาที่เรา
01:01:31 → 01:01:34 เนี่ยไม่มีอะไรจะให้ละหรือเราเนี่ยอยู่ใน
01:01:34 → 01:01:37 สภาวะของการที่ต้องเป็นผู้รับบ้างหมด
01:01:37 → 01:01:41 กำลังกายหมดกำลังใจเหนื่อยล้าเหลือเกินนะ
01:01:41 → 01:01:43 ต้องการกำลังใจเหลือเกินก็ไม่อนุญาตให้
01:01:43 → 01:01:47 ตัวเองรับนะไม่กล้าที่จะเอ่ยไม่กล้าที่จะ
01:01:47 → 01:01:51 พูดอันนี้ต้องระวังงั้นเนี่ยเอ่อกับอัน
01:01:51 → 01:01:55 ที่ 2 นะก็คือเหมือนให้แต่ตัวเองนะนะแต่
01:01:55 → 01:02:00 ว่าไม่คิดที่จะหรือมองเห็นหรือจะเห็นใจ
01:02:00 → 01:02:02 หรือจะให้คนอื่นอันนี้ก็ต้องระวังเพราะ
01:02:02 → 01:02:06 ฉะนั้นเนี่ยในจุดที่เป็นสังเกตว่าเรา
01:02:06 → 01:02:10 เนี่ยจะเป็นการรักตัวเองหรือการเห็นแก่
01:02:10 → 01:02:14 ตัวก็คือการที่เราสามารถที่จะเต้นรำกับ
01:02:14 → 01:02:17 การเป็นผู้ให้แล้วก็เป็นผู้รับได้อย่าง
01:02:17 → 01:02:22 สมดุลนะคะอันนี้เป็นเป็นจุดสังเกตนะการ
01:02:22 → 01:02:25 ที่เราเต้นรำกับการเป็นผู้ให้และการเป็น
01:02:25 → 01:02:29 ผู้รับได้อย่างสมดุลเพราะนั้นเมื่อไหร่จะ
01:02:29 → 01:02:32 ให้อย่างเดียวระวังเมื่อไหร่จะเอาอย่าง
01:02:32 → 01:02:36 เดียวระวัง
01:02:36 → 01:02:41 นะโคไม่ได้เข้ามาฟังแรกๆครับขออภัยคุณไม่
01:02:41 → 01:02:48 เป็นไรครับอ้อนะคะงั้นต้องบอกว่าคำถามของ
01:02:48 → 01:02:51 คุณสุกิจนะก็เลยทำให้เราเนี่ยได้ใช้โมเดล
01:02:51 → 01:02:56 นี้ในการมองมองเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
01:02:56 → 01:03:01 เลยนะคะก็ต้องขอบคุณมากสำหรับคำถามนะคะ
01:03:01 → 01:03:06 โอเคอ่ะอันนี้บอกว่าถามในส่วนคนที่เป็น
01:03:06 → 01:03:10 แม่นะคะมาละเมื่อกี้นี้เป็นลูกนะอันนี้
01:03:10 → 01:03:14 เป็นแม่นะถามในส่วนของคนที่เป็นแม่นะคะมี
01:03:14 → 01:03:21 ลูกวัยอนุบาลนะถ้าเราเริ่มไม่รักตัว
01:03:21 → 01:03:26 เองโทษตัวเองว่าไม่ตั้งใจเลี้ยงลูกโดยการ
01:03:26 → 01:03:30 เทียบกับทฤษฎีถือว่าเรามีความคาดหวังใช่
01:03:30 → 01:03:35 มั้ยคะตอนนี้เริ่มหมกมุ่นว่าลูกก็คง
01:03:35 → 01:03:40 เหมือนเราวนอยู่อย่างนี้ค่ะ
01:03:40 → 01:03:43 อืมโอเค
01:03:43 → 01:03:46 อ่ะ
01:03:46 → 01:03:52 ก็ต้องบอกว่าอย่างนึงนะจากการอ่านคำถาม
01:03:52 → 01:03:55 เนี้ยนะเพื่อนๆทุกคนได้ยินคำถามเนี่ยไม่
01:03:55 → 01:03:58 รู้รู้สึกเหมือนหมอเอิ้นหรือเปล่านะแต่
01:03:58 → 01:04:03 ที่แน่ๆเนี่ยรู้สึกว่าเอ่อเจ้าของคณคำถาม
01:04:03 → 01:04:10 นะคุณนัดนัดนาถใช่มั้ยคะเรามองเห็นถึง
01:04:10 → 01:04:17 ความรักที่คุณแม่มีต่อลูกนะและเราก็มอง
01:04:17 → 01:04:22 เห็นการที่การที่เราอยากเป็นแม่ที่ดี
01:04:22 → 01:04:24 อ่าเราอยากเป็นแม่
01:04:24 → 01:04:29 ที่สมบูรณ์ให้กับลูกของเรานะคะงเนี่ยอัน
01:04:29 → 01:04:33 นี้มันก็เลยไม่แปลกค่ะที่เราเองเนี่ยก็จะ
01:04:33 → 01:04:37 กลัวเนาะว่าเราเนี่ยจะผิดพลาดนะเราจะทำ
01:04:37 → 01:04:42 อะไรไม่ดีหรือดูแลลูกไม่ดีหรือเปล่านะคะ
01:04:42 → 01:04:46 เราก็พยายามที่จะหาข้อมูลนะหาทฤษฎีอะไร
01:04:46 → 01:04:50 ต่างๆนะคะั้นเนี่ยทุกอย่างเนี่ยมันวาง
01:04:50 → 01:04:54 อยู่บนพื้นฐานของความรักและความปรารถนาดี
01:04:54 → 01:04:58 เนาะแต่ตอนเนี้ยสถานการณ์ก็คือมันแค่ไม่
01:04:58 → 01:05:03 พอดีนะไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะคือมันแค่ไม่พอ
01:05:03 → 01:05:07 ดีไม่พอดียังไงก็คือไม่พอดีคือตอนเคุณแม่
01:05:07 → 01:05:11 เนี่ยเริ่มจะมีความตีกันในหัวะนะว่าทฤษฎี
01:05:11 → 01:05:14 บอกอย่างงี้นะแต่ว่า outcome หรือการ
01:05:14 → 01:05:18 ปฏิบัติจริงของเราเอ๊หรือว่าเราทำเอ่อไม่
01:05:18 → 01:05:22 ดีหรือว่าเอ๊ะมันยังไม่ใช่หรือเนี่ยงั้น
01:05:22 → 01:05:25 ความทุกข์เกิดทททีเลยเนาะความทุกข์เกิด
01:05:25 → 01:05:29 ทันทีจากความลังเลสงสัยเพราะเราอยากให้
01:05:29 → 01:05:34 มันดีใช่มงั้นสภาวะนี้ถามว่าเราจะมีสติ
01:05:34 → 01:05:38 ได้มยากมากนะยากมากนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
01:05:38 → 01:05:41 จะเห็นความจริงของลูกเราได้ไหมก็ยากอีกนะ
01:05:41 → 01:05:46 คะรางั้นเนี่ยอยากแนะนำเนาะให้ใช้ทุก
01:05:46 → 01:05:49 อย่างให้พอดีนะคือ 1 กลับไปที่นี่เลยนะวง
01:05:49 → 01:05:52 กลมนะกระบวนการที่หมอบอก
01:05:52 → 01:05:57 นะเราเราอนุญาตให้บางครั้งเราอาจจะเป็น
01:05:57 → 01:06:00 แม่ที่ทำผิดพลาดได้บ้างก็ได้นะคะไม่มีแม่
01:06:00 → 01:06:05 คนไหนไม่ผิดนะบางคนนะเป็นแม่มา 60 ปีนะ
01:06:05 → 01:06:10 ฉันก็ฉันก็ยังผิดอยู่หมอเชื่อว่ามีคนก็
01:06:10 → 01:06:13 จริงๆนะคือคือคำว่าผิดหรือไม่ผิดเนี่ย
01:06:13 → 01:06:16 จริงๆแล้วอ่ะมันเป็นมุมมองของแต่ละคนซะ
01:06:16 → 01:06:19 ด้วยซ้ำแล้วอาจะบอกว่าเอ้ยไเนี่ยเราไม่
01:06:19 → 01:06:23 ผิดนะลูกอาจจะบอกว่าผิดก็ได้ถูกมอ่าันนี้
01:06:23 → 01:06:25 เนี่ยมันไม่
01:06:25 → 01:06:29 มีช่วงเวลาไหนล่ะค่ะนะคะที่เราจะสมบูรณ์
01:06:29 → 01:06:33 แบบนะอันนี้ก็คือต้องเป็น mindset เนเป็น
01:06:33 → 01:06:36 การปรับความเชื่อนะอันนี้เมื่อกี้นะเราก็
01:06:36 → 01:06:39 คือลงมือทำด้วยกันที่เออเราไปหาทฤษฎีอะไร
01:06:39 → 01:06:42 ต่างๆนะเออแต่ก็กลายเป็นมาเจอข้อขัดแย้ง
01:06:42 → 01:06:46 ว่าเอ้ยบางทีเนี่ยกับผลที่ออกมาเนี่ยมัน
01:06:46 → 01:06:47 ไม่เหมือน
01:06:47 → 01:06:53 ไงสิ่งที่เราควรจะเชื่อที่สุดนะคะคือรูป
01:06:53 → 01:06:56 ไม่ใช่หนังสือือไม่ใช่ตำตาหรือไม่ใช่สิ่ง
01:06:56 → 01:07:02 ที่เราคิดนะแต่คือแววตาของเค้าอ่ะนะรอย
01:07:02 → 01:07:07 ยิ้มของเค้าอ่ะความกล้าของเค้านะที่เขาจะ
01:07:07 → 01:07:11 เปิดเผยความรู้สึกความคิดของตัวเองไม่ว่า
01:07:11 → 01:07:14 มันจะเป็นด้านดีหรือเป็นด้านไม่ดีนะงั้น
01:07:14 → 01:07:17 เนี่ยการที่ลูกแสดงออกแต่ด้านเดียวด้านดี
01:07:17 → 01:07:21 เป็นเด็กดีไม่ได้แปลว่าดีนะเพบเอิ้นเจอ
01:07:21 → 01:07:25 บ่อยมากเลยอ่ะที่นะ
01:07:25 → 01:07:28 น้องเนี่ยนะขอมาปรึกษานะโดยเฉพาะวัยรุ่น
01:07:28 → 01:07:32 นะก็จะพบว่าพ่อแม่เนี่ยรู้จักลูกตัวเอง
01:07:32 → 01:07:36 เนี่ยนะประมาณ 20% น่ะอ่ะบางทีถึงหรือ
01:07:36 → 01:07:40 เปล่าก็ไม่รู้นะเพราะว่าอีก 80% เนี่ยนะ
01:07:40 → 01:07:44 ไม่ถูกอนุญาตให้เค้าเป็นเวลาที่เขาอยู่ใน
01:07:44 → 01:07:46 บ้านเพราะฉะนั้นเนี่ยเขาคก็ต้องไปเป็นนอก
01:07:46 → 01:07:50 บ้านใช่มยอ่ากับเพื่อนที่โรงเรียนบ้างนะ
01:07:50 → 01:07:53 ในห้างนะหรือว่าแม้กระทั่งมาคุยกับหมอ
01:07:53 → 01:07:58 บ้างนะคะงั้นเนี่ยเอ่อเราเราเองนะคะก็
01:07:58 → 01:08:00 ต้องบอกว่าเราต้องดูความเป็นจริงของลูก
01:08:00 → 01:08:04 เนาะแล้วอนุญาตให้เค้าเป็นอะไรก็ได้นะ
01:08:04 → 01:08:07 เพื่ออะไรเพื่อที่ตัวเราเนี่ยจะได้เป็น
01:08:07 → 01:08:11 เค้าเรียกว่าเป็นพี่เลี้ยงนะเป็นโค้ชให้
01:08:11 → 01:08:14 กับลูกของเราให้เขาครู้ว่าอะไรเนี่ยนะอัน
01:08:14 → 01:08:17 นี้คือเป็นสิ่งที่ถ้าลูกทำน่ะแล้วมันจะ
01:08:17 → 01:08:19 เป็นภูมิคุ้มกันกับลูกนะทำแล้วลูกก็จะมี
01:08:19 → 01:08:23 ความสุขทำแล้วลูกก็จะภูมิใจในตัวเองได้ใน
01:08:23 → 01:08:26 อนาคตแล้วลูกจะไม่เสียใจอะไรที่ลูกทำวัน
01:08:26 → 01:08:30 นึงลูกจะกลับมาเสียใจนะคะงั้นเราสามารถจะ
01:08:30 → 01:08:33 เป็นโค้ชให้กับลูกได้นะคะก็แนะนำอย่างงี้
01:08:34 → 01:08:37 เนาะก็คือกลับมาที่ความพอดีการมีสติทำให้
01:08:37 → 01:08:40 เราเห็นความจริงคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ
01:08:40 → 01:08:45 ลูกนะตำรามีไว้แค่ให้รู้แต่ไม่ได้มีไว้
01:08:45 → 01:08:49 ให้เป็นนะคะเพราะคนที่เขียนตำราเค้าก็
01:08:49 → 01:08:53 เป็นในวันที่เขาคเขียนนะวันนี้เนี่ยเคเค
01:08:53 → 01:08:56 อาจจะคิดใหม่ก็ได้็นมแล้วเขาก็อาจจะแบบ
01:08:56 → 01:08:59 เออเอ๊ะวันนั้นทำไมเขียนอย่างงั้นก็ได้นะ
01:08:59 → 01:09:04 คะเอซึ่งเราก็จะเจอนะทฤษฎีต่างๆอืหรือแม้
01:09:04 → 01:09:06 กระทั่งหลักการแพทย์ต่างๆเนี่ยทุกวันนี้
01:09:06 → 01:09:08 ก็ยังเปลี่ยนกันอยู่ทุกปีนะคะอัปเดตกัน
01:09:08 → 01:09:12 อยู่ทุกปีนะคะโอเคนะคะขอบคุณมากสำหรับคำ
01:09:12 → 01:09:15 ถามนะคะ
01:09:15 → 01:09:19 โอนี่กลายเป็นแบบว่าหมอเอินตอบคำถามยาว
01:09:19 → 01:09:27 มากนะเออดูดินะเพื่อนๆนะทนฟังไปก่อนนะอ่า
01:09:27 → 01:09:30 คุณรพรเราทำตัวเองให้มีความสุขคุณแม่จะ
01:09:30 → 01:09:33 สัมผัสได้และมีความสุขร่วมกับเรานะคะอ่า
01:09:33 → 01:09:38 นี้ก็เป็นการเห็นมนะเป็นการแลกเปลี่ยนนะ
01:09:38 → 01:09:42 คะอืมอ่าอีกข้อคิดนะคะคืออยู่กับปัจจุบัน
01:09:42 → 01:09:45 ให้มากที่สุดวางอดีตอย่ากังวลกับอนาคตมาก
01:09:45 → 01:09:47 ไปค่ะอ่าเยี่ยม
01:09:47 → 01:09:52 ยอด
01:09:52 → 01:09:54 อ่า
01:09:54 → 01:09:58 อ่าเอาละหมอเอิ้นครับความรักที่มีต่อตัว
01:09:58 → 01:10:02 เองกับความรักที่มีต่อคนอื่นเช่นคนรักพ่อ
01:10:02 → 01:10:08 แม่เพื่อนต่างกันมั้ยครับอือู้เป็นคำถาม
01:10:08 → 01:10:11 ที่ดีมากไม่เคยคิด
01:10:11 → 01:10:15 เลยอันนี้ตอบจริงๆนะไม่ได้กวนคือเอ้ยไม่
01:10:15 → 01:10:18 เคยคาดคิดมาก่อนเลยแต่ว่าเอ้ยเป็นคำถาม
01:10:18 → 01:10:22 ที่ดีมากๆเลยค่ะอือันนี้เดี๋ยวขออ่านอัน
01:10:22 → 01:10:25 นี้อย่างมีสตินะแล้วก็เดี๋ยวลองพิจารณานะ
01:10:25 → 01:10:28 เออความรักที่เรามีต่อตัวเอง
01:10:28 → 01:10:30 อืโอเค
01:10:30 → 01:10:35 อ่ะงั้นหมอเอิ้นตอบอย่างงี้นะก็คือเหมือน
01:10:35 → 01:10:39 พวกเราอ่ะถามว่าเราเป็นคนเหมือนกันมยก็
01:10:39 → 01:10:42 เป็นคนเหมือนกันนะแต่เหมือนกันมยก็ไม่
01:10:42 → 01:10:45 เหมือนกันนะงง
01:10:45 → 01:10:50 มยอ่ะใครงงกด 1 นะใครงงกว่า 1 นะใครไม่งง
01:10:50 → 01:10:54 กว่า 2 นะเออคือเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่
01:10:54 → 01:10:57 เรียกว่ามนุษย์เหมือนกันเช่นกันค่ะนะคะ
01:10:57 → 01:11:01 ว่าเอ่อความรักนะนั่นก็เป็นสิ่งที่เรียก
01:11:01 → 01:11:04 นิยามมันว่าความรักเหมือนกันนะในความ
01:11:04 → 01:11:10 เหมือนมันก็จะมีองค์ประกอบหลายๆอย่างเลย
01:11:10 → 01:11:16 ที่มันไม่เหมือนกันนะคะงั้นความรักตัวเอง
01:11:16 → 01:11:20 ความรักคนรักความรักของพ่อแม่ของเพื่อน
01:11:20 → 01:11:23 เช่นกันค่ะนะมันก็จะมีองค์ประกอบบางอย่าง
01:11:23 → 01:11:28 ที่ไม่เหมือนกันนะหมอยกตัวอย่างเนี่ยความ
01:11:28 → 01:11:32 รักระหว่างลูกกับพ่อแม่ว่าเนี่ยเป็นความ
01:11:32 → 01:11:35 รักที่เราอยากขาดกันได้มยสมมุติว่าเรา
01:11:35 → 01:11:39 โกรธกันเราเกลียดกันนะเออเราแบบว่าขัด
01:11:40 → 01:11:44 แย้งไม่ถูกใจเราอยากตัดคนนี้ออกจากชีวิต
01:11:44 → 01:11:48 ไม่เจอกันและเป็นไปได้มยมันเป็นไปได้ยาก
01:11:48 → 01:11:53 มากนะคือต่อให้เราอาจจะตัดกันทางด้านร่าง
01:11:53 → 01:11:57 ร่างกายตัดกันทางการสื่อสารนะแต่เชื่อ
01:11:57 → 01:12:01 เหอะแม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายในวันที่เรา
01:12:01 → 01:12:05 จะไปจากโลกนี้นะเราก็จะหวนคิดถึงเขาอยู่
01:12:05 → 01:12:09 ดีอ่ะแต่ในขณะเดียวกันนะอ่ะกลับคนงคนเรา
01:12:09 → 01:12:13 ก็จะเห็นว่าความคนรักนะคู่สามีภรรยาบางที
01:12:13 → 01:12:16 อย่ากันแล้วเลิกกันแล้วก็เป็นคนอื่นอย่าง
01:12:16 → 01:12:21 สมบูรณ์แบบนะเพื่อนนะตัดขาดไม่คบเพื่อน
01:12:21 → 01:12:24 กันแล้วก็เป็นคนไกลอย่างสมบูุแบบเห็นมั้ย
01:12:24 → 01:12:28 คะนะอันนี้ก็คือความเหมือนที่ไม่เหมือนนะ
01:12:28 → 01:12:33 คะแต่ที่แน่ๆก็คือมันทำให้ตัวเราเองนะก็
01:12:33 → 01:12:35 คือแบบเหมือนเป็นอาหารที่หล่อเลี้ยงจิตใจ
01:12:35 → 01:12:39 จิตวิญญาณของเรานะคะก็คือความรัก
01:12:39 → 01:12:43 เนอะโอเคปรบ
01:12:43 → 01:12:47 มือ
01:12:47 → 01:12:49 อ่าหมดยัง
01:12:49 → 01:12:55 เอ่ยอุ้ยตายแล้ว
01:12:55 → 01:12:58 ยาวเลยนะ
01:12:58 → 01:13:03 อ่าบอกออ้พี่หมอหนึบอกว่าเรามองอีกด้าน
01:13:03 → 01:13:07 รักตัวเองอย่างไรให้เพื่อนเกลียด
01:13:07 → 01:13:09 เยี่ยม
01:13:09 → 01:13:14 โอ้อันนี้ฮาอันนี้มาฮานะโอเคโอ้อันนี้ขอ
01:13:14 → 01:13:17 แลกเปลี่ยนนะคุณบีบอกว่าจากวันงาน Global
01:13:18 → 01:13:21 cien โลกนี้เปลี่ยนแปลงเสมอเรามีอารมณ์
01:13:21 → 01:13:26 และความคิดที่รเราไม่สามารถห้ามได้แต่ดู
01:13:26 → 01:13:30 แลได้ชีวิตไม่ได้สมบูรณ์แบบผิดได้พลาดได้
01:13:30 → 01:13:34 ให้อภัยตัวเองได้การรักตัวเองต้องมองโลก
01:13:34 → 01:13:36 ตามความเป็นจริง
01:13:36 → 01:13:43 โอยน้ำตาไหลทตหลอ่ะกดลุกเลยนี่หมอพูดรู้
01:13:43 → 01:13:46 เรื่องขนาดนั้นเลยหรอเนาลงมานี่ยังแบบรู้
01:13:46 → 01:13:51 สึกไม่รู้เรื่องโอยขอบคุณมากนะคะคุณบีให้
01:13:51 → 01:13:56 มีิฮารเลยสุดยอดสุดยอดนะชอบ
01:13:56 → 01:13:58 มาก
01:13:58 → 01:14:03 โคอ่าพี่หนึ่งสรุปให้ว่ารักตัวเองหรือ
01:14:03 → 01:14:07 เห็นแก่ตัวน่าจะโยงไปหา Out mindset มาก
01:14:07 → 01:14:12 กว่า in mindset มองผู้อื่นเป็นคนและให้
01:14:12 → 01:14:15 ความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ของคนอื่น
01:14:15 → 01:14:22 ด้วยนะคะอ่านี้ก็ช่วยเสริมให้เนาะ
01:14:22 → 01:14:26 ออ
01:14:26 → 01:14:33 อ่านะคะอ่าคุณสุบว่าขออนุญาตนะคะคือเคย
01:14:33 → 01:14:37 เคยเห็นหนังสือชื่อ toxic parent เนขอ
01:14:37 → 01:14:40 ความคิดเห็นจากคุณหมอด้วยครับนะคะในสังคม
01:14:40 → 01:14:43 บ้านเรามีจริงหรือและ
01:14:43 → 01:14:48 อ่าและมากน้อยอย่างไรแต่ตอนนี้เข้าใจคุณ
01:14:48 → 01:14:52 แม่ล่ะครับแต่คนตรงข้ามแม่ขออนุญาตไม่
01:14:52 → 01:14:55 เอ่ยครับโอเคค่ะ
01:14:55 → 01:14:57 เอ่อ
01:14:57 → 01:15:01 โอเค
01:15:01 → 01:15:05 คือคือคำว่าจริงๆอ่ะทุก
01:15:05 → 01:15:09 อย่าง toxic นะ People toxic leader
01:15:09 → 01:15:12 toxic parent toxic อะไรที่มัน toxic
01:15:12 → 01:15:17 คือความสามารคือมันมีหมดล่ะค่ะมันมีหมดนะ
01:15:17 → 01:15:22 มันมีหมดมันมีอยู่ในทุกสังคมมันมีอยู่ใน
01:15:22 → 01:15:26 ทุกพื้นที่มันมีคือมันมีหมดแต่ว่าสิ่งที่
01:15:26 → 01:15:29 เราต้องตระหนักก็คือว่าไอ้คำว่าท็อกซิก
01:15:29 → 01:15:33 เนี่ยมันคือใครตัดสินว่าท็อกซิกด้วยนะอื
01:15:33 → 01:15:33 แล้วก็
01:15:33 → 01:15:39 เอ่อตอนนี้นะต้องบอกว่าหลักๆเลยคนที่มี
01:15:39 → 01:15:43 ปัญหาเรื่องของ mental Health อ่ะนะคะ
01:15:43 → 01:15:48 คือส่วนใหญ่เนี่ยก็คือการที่เราเนี่ยนะจะ
01:15:48 → 01:15:53 ฝังใจกับความผิดพลาดบางอย่างซึ่งเป็นอดีต
01:15:53 → 01:15:57 เนี่ยแล้วก็โดยเฉพาะนะความผิดพลาดที่อาจ
01:15:57 → 01:16:01 จะเกิดจากคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเอ่อที่เราบอก
01:16:01 → 01:16:04 ว่าผิดพลาดเนี่ยก็คือว่ามันมันส่งผลกระทบ
01:16:04 → 01:16:08 อ่ะต่อความทรงจำของเราต่อบุคลิกภาพต่อ
01:16:08 → 01:16:11 พื้นฐานต่ออะไรบางอย่างของเราเนาะซึ่ง
01:16:11 → 01:16:15 เอ่อต้องบอกว่าตั้งแต่หมอทำจิตบำบัดนะใน
01:16:15 → 01:16:17 เรื่องนี้มาก็คือวิธีการก็คือว่าส่วนใหญ่
01:16:17 → 01:16:20 เนี่ยหมอก็จะพาทุกคนเนี่ยไปทำความเข้าใจ
01:16:20 → 01:16:25 ของที่มาที่ไปถึงวิธีการคิดบุคลิกภาพนะ
01:16:25 → 01:16:27 หรือว่าการแก้ปัญหาของตัวเองเนี่ยที่มี
01:16:27 → 01:16:31 ต่อปัญหาเมื่อสืบๆๆๆไปเนี่ยก็กลายเป็นว่า
01:16:31 → 01:16:34 เออมันมีอะไรบางอย่างที่มันเป็นความขัด
01:16:34 → 01:16:38 แย้งระหว่างตัวเรานะหรืออาจจะเป็นเรากับ
01:16:38 → 01:16:42 พ่อแม่นะซึ่งเอาจริงๆนะ
01:16:42 → 01:16:46 พอเราเข้าไปดู
01:16:46 → 01:16:50 ถึงถึงบริบทจริงๆอ่ะเอตอนนี้พ่อแม่จำไม่
01:16:50 → 01:16:55 ได้ละนะก็ก็กลายเป็นว่าเพราะเราอ่ะตัดสิน
01:16:55 → 01:16:59 พฤติกรรมพ่อแม่ตอนนั้นและเราก็เอามาฝัง
01:16:59 → 01:17:04 ไว้ในความทรงจำและตัวเราจนถึงปัจจุบัน
01:17:04 → 01:17:09 นี้ซึ่งหมอบอกเลยนะหมอเองเนี่ยก็เคยลกับ
01:17:09 → 01:17:12 ตัวเองและจัดการกับตัวเองในประเด็นนี้
01:17:12 → 01:17:17 เหมือนกันแต่อันนี้กระโดดข่ามาถึงแบบเอา
01:17:17 → 01:17:21 คำสุดท้ายเลยนะที่คนคนนึงอ่ะก็เลยกลับมา
01:17:21 → 01:17:24 มีความสุขรวมทั้งตัวหมอด้วยนะนะก็คือการ
01:17:24 → 01:17:25 ให้
01:17:25 → 01:17:30 อภัยคือพ่อแม่อ่ะเค้าก็ดีที่สุด
01:17:30 → 01:17:34 ได้ในวันนั้นของเค้าอ่ะก็คือแบบนั้นแหละ
01:17:35 → 01:17:38 มันคือดีที่สุดในเหตุปัจจัยตรงนั้น
01:17:38 → 01:17:42 น่ะงั้นอย่างเช่นนะการเกิดอุบัติเหตุ
01:17:43 → 01:17:45 เนี่ยมีใครบ้างอยากให้เกิดอุบัติเหตุไม่
01:17:45 → 01:17:50 มีถูกมยแต่อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นเพราะ
01:17:50 → 01:17:53 เหตุปัจจัยมันมันจะต้องเป็นอย่างนั้นและ
01:17:53 → 01:17:58 ดีที่สุดในตอนนั้นในแบบนั้นนะคะพ่อแม่เอง
01:17:58 → 01:18:00 ก็เหมือนกันเค้าเป็นคนดีที่สุดใน
01:18:00 → 01:18:04 เวอร์ชั่นนั้นของเขาในตอนนั้นนะดังนั้น
01:18:04 → 01:18:09 เนี่ยมันไม่ยุติธรรมกับตัวเองคือตัวเรานะ
01:18:09 → 01:18:13 ในการที่เอาเค้าในวันนั้นมาตัดสินตัวเอง
01:18:13 → 01:18:18 ในวันนี้งั้นวิธีการที่ดีที่สุดไม่ว่าวัน
01:18:18 → 01:18:23 นั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามการให้อภัยอังการ
01:18:23 → 01:18:26 ให้อภัยโดยเฉพาะให้อภัยคนที่ทำให้เราเกิด
01:18:26 → 01:18:30 มาเนี่ยมันก็เหมือนเราได้เกิดใหม่ทางจิต
01:18:30 → 01:18:33 วิญญาณร่างกายเราอาจจะเกิดแค่ครั้งเดียว
01:18:33 → 01:18:36 นะแต่การเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณเนี่ยเรา
01:18:36 → 01:18:40 สามารถเกิดได้ในหลายๆครั้งบางทีเราก็เกิด
01:18:40 → 01:18:43 ได้ในทุกวันแล้วบางครั้งเราก็เกิดได้ใน
01:18:43 → 01:18:48 ทุกนาทีอ้าถ้าเกิดเราอ่ะแค่รู้ทันตัวเอง
01:18:48 → 01:18:53 นะคะอือันนี้ฝากไว้สำหรับทุกคนเลยนะ
01:18:53 → 01:18:56 นะคะ
01:18:56 → 01:19:01 ออมีคนถามว่าน้องอายุ 12 เป็นแดีต้องให้
01:19:01 → 01:19:04 หาหมอยังไงคะโอเคนะ
01:19:04 → 01:19:08 เอ่ออันนี้จริงๆแล้วก็มีหลายโรงพยาบาลนะ
01:19:08 → 01:19:11 คะที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นต้องบอกว่า
01:19:11 → 01:19:14 ในปัญหาแบบนี้ต้องหาจิตแพทย์เด็กและวัย
01:19:14 → 01:19:17 รุ่นเนาะคือถ้าอยู่กรุงเทพฯนะคะก็นี่เลย
01:19:17 → 01:19:20 นะตรงข้ามรามาจริงๆที่รามาก็มีนะคะโรง
01:19:20 → 01:19:23 เรียนแพทย์มีหมดเนาะอันที่ 2 ก็คือเอ่อ
01:19:23 → 01:19:26 ศูนย์สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นอันนี้จะ
01:19:26 → 01:19:29 อยู่ในเครือข่ายของกรมสุขภาพจิตนะคะแล้ว
01:19:30 → 01:19:33 ก็โรงพาบาลเอกชนต้องบอกว่าก็มีบางที่เ
01:19:33 → 01:19:35 อย่างเช่นโรงพยาบาลกรุงเทพฯนะคะโรงพยาบาล
01:19:35 → 01:19:37 พระรามเกล้าเนี่ยที่หมอลงตรวจอยู่ก็มี
01:19:37 → 01:19:42 เช่นกันนะคะอจะโดยส่วนตัวตัวหมอเองไม่ได้
01:19:42 → 01:19:45 ไม่ได้ดูแลเรื่องนี้นะ
01:19:45 → 01:19:50 คะโอเคค่ะคอกดีค่ะตอบยาวๆเหมือนเขย่ความ
01:19:50 → 01:19:54 ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะคะโอเค
01:19:54 → 01:19:56 เ
01:19:56 → 01:20:01 อ่ามุมมองส่วนตัวเอ่อคิดว่าต่างกันขึ้น
01:20:01 → 01:20:05 อยู่บริบท 2 คนนะ
01:20:05 → 01:20:09 อ่าพี่เก่งแอบฟังอยู่นะโอ้โหมีคนมีสปาย
01:20:10 → 01:20:16 บอกด้วยนะเอ่อพี่หนึ่งเหงาแน่ๆนะคะ
01:20:16 → 01:20:21 โอเคเอาล่ะนะคะเรียบร้อยเนาะนะคะวันนี้
01:20:21 → 01:20:25 เราใช้เวลาคุณภาพกันสุดๆเลยนะจริงๆไลฟ์
01:20:25 → 01:20:28 แบบนี้เนี่ยโดยทั่วไปแล้วก็จะคุยกันไม่
01:20:28 → 01:20:32 เกิน 1 ช่วโมงเนาะแต่ว่าวันนี้ต้องขอบคุณ
01:20:32 → 01:20:37 สำหรับคำถามดีๆนะทุกคนนะคะมีส่วนร่วมดี
01:20:37 → 01:20:41 มากๆเลยนะคะก็ต้องบอกว่าชื่นใจเนจริงๆใช่
01:20:41 → 01:20:44 มยถ้าเป็นเวลานี้นะเดี๋ยวนี้หมอเอิ้นหลับ
01:20:44 → 01:20:49 แล้วนะ 4 รูปนี้เตรียมตัวเข้านอนแล้วนะคะ
01:20:49 → 01:20:52 แต่ก็เนี่ยจะพยายามนะมาเจอพวกเรานี่อย่าง
01:20:52 → 01:20:56 น้อยก็อาทิตย์ละ 1 ครั้งนะคะจะมาระบายไม่
01:20:56 → 01:20:59 มาระบายก็ให้เห็นหน้าค่าตากันอย่างนี้
01:20:59 → 01:21:02 เนาะแล้วก็ใครมีคำถามอะไรก็แนะนำให้
01:21:02 → 01:21:06 คอมเมนต์นะคะนะคะไว้ในตัวคอมเมนต์นะถ้า
01:21:06 → 01:21:09 เกิดไม่ได้ตอบนี้ก็จะอ่ามาคอมเมนต์ตอบให้
01:21:09 → 01:21:13 นะแต่ว่าสำหรับใน inbox เองนะคะก็ต้องขอ
01:21:13 → 01:21:17 อนุญาตว่าหมอจะไม่ได้เปิดเลยนะคะก็จะเป็น
01:21:17 → 01:21:20 อัตโนมัติไว้เนาะอันนี้ก็เป็นการรักตัว
01:21:20 → 01:21:24 เองเป็นอย่างนึงของหมอเอิ้นนะจ๊ะนะคะก็ขอ
01:21:24 → 01:21:29 ให้ความรักนะอืมนะรักตัวเองเป็นแล้วักคน
01:21:29 → 01:21:33 อื่นได้แล้วนะคะก็ขอให้ความรักนี้นะคะ
01:21:33 → 01:21:36 สร้างผลข้างเคียงกลายเป็นความสุขแล้วก็
01:21:36 → 01:21:39 ความสำเร็จให้กับชีวิตของเรานะสำหรับวัน
01:21:39 → 01:21:49 นี้หมอเอิ้นไปก่อนนะคะบ๊าย
01:21:49 → 01:21:52 บาย