00:00:00 → 00:00:01 a
00:00:01 → 00:00:05 Single Being พอดแคสต์ about letting
00:00:05 → 00:00:09 you Face Single Line โดยหมอผิงแพทย์
00:00:09 → 00:00:11 หญิงที่นากานต์รุจิพัฒนกุล
00:00:11 → 00:00:14 ดีที่อยู่เดียว
00:00:14 → 00:00:18 พรีเซนเตอร์ควายให้ประกันชีวิตเพื่อให้
00:00:18 → 00:00:22 ชีวิตคุณฟิตได้ครบรอบด้านอาจารย์ได้
00:00:22 → 00:00:24 ฟอร์เวิร์ดเมล์ Forward ลายที่บอกว่าตัว
00:00:24 → 00:00:27 ผู้ทำลายสมองอาจารย์คือเนื้อหานะกลัวมาก
00:00:27 → 00:00:30 ได้รับไหมคะถ้าก็จริงได้ได้อ่านมาสักพัก
00:00:30 → 00:00:33 ใหญ่ๆแล้วอ่ะสรุปว่าณปัจจุบันจากข้อมูล
00:00:33 → 00:00:35 ทางที่สาดเนี่ยอาหารในกลุ่มถั่วเหลือง
00:00:35 → 00:00:37 หรือว่าจะเป็นที่เรารูดหรือนมถั่วเหลือง
00:00:37 → 00:00:40 แล้วได้ข้ามเนี่ยมันมีผลยังไงต่อสมองค่ะ
00:00:40 → 00:00:42 ทรายก็เป็นการศึกษาทำที่อินโดนีเซียค่ะก็
00:00:42 → 00:00:45 บอกว่า into เรื่องมากเรื่องจะสู้เต้าหู้
00:00:45 → 00:00:47 มากกลายเป็นว่าความจำของที่ติดฟังก์ชัน
00:00:47 → 00:00:51 มันแย่ลงแต่ก็อยากฟังแค่นี้หรอก็มีการรวบ
00:00:51 → 00:00:54 รวมงานวิจัยรู้สึกการศึกษาเลยนะคะเขาทำใน
00:00:54 → 00:00:56 หญิงหมดประจำเดือนนะคะเขาดูในเรื่องของ
00:00:56 → 00:00:59 การรับประทานเอาพูดถั่วเหลืองนะคะบอกว่า
00:00:59 → 00:01:02 ของโปรโมชั่นเนี่ยก็ดีขึ้นอ้า Water ลง
00:01:02 → 00:01:04 มันดีหรือไม่ดีนะคะ
00:01:04 → 00:01:09 [เพลง]
00:01:09 → 00:01:11 สวัสดีคะยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่
00:01:11 → 00:01:14 Singer Being พอดแคสต์ที่จะนำให้คุณ
00:01:14 → 00:01:16 สนุกและก็มีความสุขกับการอยู่ตัวคนเดียว
00:01:16 → 00:01:19 มากขึ้นค่ะเมื่อคืนทางพอดแคสต์จบพิสูจน์
00:01:19 → 00:01:22 คุณจะรู้สึกว่าดีที่อยู่เดียวกับหมอผิง
00:01:22 → 00:01:25 แพทย์หญิงธิดากานต์รุจิพัฒนกุลค่ะผู้ฟัง
00:01:25 → 00:01:28 คะปกติเนี่ยคุณก็ใช้ลายน้อหมอก็จะใช้ลาย
00:01:28 → 00:01:32 เช็คนู่นนี่ข่าวสารเราก็จะได้รับตัว
00:01:32 → 00:01:34 Forward อันนึงมาทาง LINE เนี่ยซึ่งจริง
00:01:34 → 00:01:37 ๆฟอร์เวิร์ดเนี้ยหมอเคยแรกเมื่อหลายเดือน
00:01:37 → 00:01:40 ก่อนนะแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะสุ่มเป็น
00:01:40 → 00:01:42 ข้อมูลที่แบบมันไม่ใช่นะคะมันคือเรื่อง
00:01:42 → 00:01:45 เกี่ยวกับฝ้าเต้าหู้กินแล้วทำลายสมองให้
00:01:45 → 00:01:48 หยุดกินเต้าหู้มันอันตรายมากนู่นนี่นั่น
00:01:49 → 00:01:51 แล้วก็แบบมีผลถึงต่อมไทรอยด์มะเร็งอะไร
00:01:51 → 00:01:54 ต่างๆบอกก็ไม่ได้สนใจที่จะทำคนที่เหลือ
00:01:54 → 00:01:56 อะไรเพราะคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นข้อมูลที่
00:01:56 → 00:01:58 เจ้าสนใจอะไรจนกระทั่งเมื่อไม่นานมาเนี้ย
00:01:58 → 00:02:01 ก็ได้รับคอม e mail เนี้ยซ้ำอีกรอบนึง
00:02:01 → 00:02:04 ค่ะคือ I Forward ตามลายนี่มันไม่เคยหาย
00:02:04 → 00:02:07 ไปไหนนะมันก็จะวนเวียนไปเรื่อยๆซึ่งการ
00:02:07 → 00:02:09 นี้ก็มาจากรุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิทพี่เขา
00:02:09 → 00:02:11 ก็บอกว่าให้แน่จริงหรือเปล่ากังวลว่าจะ
00:02:11 → 00:02:13 ไม่กินเต้าหู้แล้วไม่กินถั่วเหลืองแล้ว
00:02:13 → 00:02:16 เขาก็เลยรู้สึกว่า a.i. ประเด็นเรื่อง
00:02:16 → 00:02:19 เกี่ยวกับเต้าหู้ทำลายสมองหรือว่าความ
00:02:19 → 00:02:22 กลัวในการกินถั่วเหลืองเนี่ยมันยังวน
00:02:22 → 00:02:26 เวียนวนเวียนไปมาเนาะซึ่งจริงๆเองก็มีข้อ
00:02:26 → 00:02:29 มูลแหละว่ามันเป็นยังไงแต่ว่าบอกว่ากิน
00:02:29 → 00:02:32 แรงคนอื่นดีกว่าไม่ใช่หรอว่าเชิญคุณที่
00:02:32 → 00:02:36 แบบเป็นวิทยากรที่มีความรู้นะคะในด้าน
00:02:36 → 00:02:39 โภชนาการมาสายตรงเนี่ยมาคุยกันดีกว่า
00:02:39 → 00:02:42 เพราะว่าหมอเชื่อว่าความเข้าใจของการท่าน
00:02:42 → 00:02:44 นี้ก็น่าจะเป็นแนวทางเดียวกับหมอซึ่งเป็น
00:02:44 → 00:02:47 แนวทางที่แพทย์หรือว่านักวิชาการเกี่ยว
00:02:47 → 00:02:49 กับด้านโภชนาการทั่วโลกเนี่ยมีความคิดตรง
00:02:49 → 00:02:51 กันในเรื่องของเต้าหู้ในประเด็นต่างๆนะคะ
00:02:51 → 00:02:54 ก็เลยเป็นที่มาของ EP นี้จะคุยกันใน
00:02:54 → 00:02:57 เรื่องของวิวเต้าหู้นะคะกับแขกรับเชิญที่
00:02:57 → 00:03:00 เป็นอาจารย์ทางด้านโภชนาการจริงก็ขอต้อน
00:03:00 → 00:03:03 รับอาจารย์ x Doctor วรรณพรทองโฉม
00:03:03 → 00:03:06 อาจารย์กลุ่มสาขาวิชาโภชนศาสตร์คณะ
00:03:06 → 00:03:09 แพทยศาสตร์รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:03:09 → 00:03:13 สวัสดีค่ะอาจารย์ X5 สวัสดีค่ะคุณหมอผิง
00:03:13 → 00:03:15 เจอกันอีกแล้วก็ได้แล้วขอบคุณอาจารย์เอง
00:03:15 → 00:03:18 ข้างมากเลยนะคะที่อะนะเวลามาคือตัว E P
00:03:18 → 00:03:22 แล้วคนฟังชอบกันเยอะมากค่ะตอนนี้เมตรค่า
00:03:22 → 00:03:25 ขอบคุณมากเลยค่ะพอดีวันนี้ก็จะก็จะคุยกัน
00:03:25 → 00:03:28 ถึงเรื่องนึงซึ่งมันก็เป็นมิตรที่แบบ
00:03:28 → 00:03:30 Forward กันมาใน LINE เยอะพอสมควรก็คือ
00:03:30 → 00:03:33 เรื่องเกี่ยวกับเต้าหู้นะคะอาจารย์สุดก็
00:03:33 → 00:03:36 เลยจะได้ขั้นต้องผู้ไหมอ่ะโหทางคะชอบทาน
00:03:36 → 00:03:40 ด้วยอาจารย์ยังกล้าทานอยู่ OK แสดงว่า
00:03:40 → 00:03:43 อาจารย์ได้ฟอร์เวิร์ดเมล์ Forward ลายที่
00:03:43 → 00:03:46 บอกว่าไอ้ตัวผู้ทำลายสมองอาจารย์คือเนื้อ
00:03:46 → 00:03:49 หานะกลัวมากอาจารย์ได้รับไหมคะค่ะก็จริง
00:03:49 → 00:03:52 ได้ได้อ่านมาสักพักใหญ่ๆแล้วอ่ะก็เป็น
00:03:52 → 00:03:56 จริงๆแล้วมันก็เป็นการศึกษาที่มันทำให้คน
00:03:56 → 00:03:59 กินและก็ยังงงแล้วค่อยๆกับเรื่องไข่หรอ
00:03:59 → 00:04:02 ที่จะมีเพื่อนจะออกมาว่าเป็นคนก็ไม่กล้า
00:04:02 → 00:04:05 กินอะไรออกมาอีกทีก็เอ้ยกินได้เอาหูก็
00:04:05 → 00:04:08 เหมือนกันที่มันจะมีสิ่งที่ออกมาทำให้โลก
00:04:08 → 00:04:11 ออนไลน์ปั่นป่วนเหมือนกันนะคะตกลงไปเจอดี
00:04:11 → 00:04:14 หรือไม่ดีนะคะซึ่งตรงนี้เนี่ยจริงๆแล้ว
00:04:14 → 00:04:16 เนี่ยที่ออกมาก็น่ากลัวอยู่ที่คุณหมอผิด
00:04:16 → 00:04:19 บอกนะว่ากินแล้วสมองเสื่อมไม่เป็นโรคพาร์
00:04:19 → 00:04:22 กินสันขาทำให้ยิ่งผู้สูงอายุอ้าวก็นึกว่า
00:04:22 → 00:04:24 เป็นดีแล้วสุขภาพก็กลายเป็นว่าลังเลที่จะ
00:04:25 → 00:04:28 กินใช่เข้าใจเลยนะเพราะว่าแบบเป็นแบบคน
00:04:28 → 00:04:30 ทั่วไปอ่านก็จะต้องตกใจกับสิ่งเหล่านี้
00:04:30 → 00:04:33 ใช่ไหมคะทานเงี้ยโดยทั่วไปเนี่ยจริงๆว่า
00:04:33 → 00:04:35 เราอาจจะต้องเริ่มปูพื้นมันก่อนแล้วว่า
00:04:35 → 00:04:38 คือเวลาเราพูดถึงว่างานวิจัยงานวิจัย
00:04:38 → 00:04:41 เนี่ยจริงๆคือในฐานะที่จะเล็กเป็นนัก
00:04:41 → 00:04:43 วิจัยใช่ไหมครับคืองานวิจัยวันนี้หลาย
00:04:43 → 00:04:45 ประเภทหลายระดับในเรื่องของความน่าเชื่อ
00:04:45 → 00:04:49 ถืออะไรต่างๆใช่ไหมคะใจค่ะค่ะจริงๆแล้วใน
00:04:49 → 00:04:52 การอ่านงานวิจัยเนี่ยเวลาเขาพูดแบบสั้นๆ
00:04:52 → 00:04:55 หรอว่าข้อมูลจากงานวิจัยผ้าลงไปในราย
00:04:55 → 00:04:57 ละเอียดจริงๆเนี่ยงานวิจัยเนี่ยมันก็จะมี
00:04:57 → 00:05:00 ความน่าเชื่อถือแตกต่างกันเหมือนกันติด
00:05:00 → 00:05:03 ตามอะไรบ้างนะคะอันอย่างแรกเลยถ้าเอาง่าย
00:05:03 → 00:05:06 ๆคือขนาดกลุ่มตัวอย่างก็เป็นอีกปัจจัย
00:05:06 → 00:05:09 หนึ่งนะที่ว่าเราจะเชื่อถือผลงานวิจัยได้
00:05:09 → 00:05:11 มากมายแค่ไหนถ้าเอาง่ายๆคือถ้าขนาดกลุ่ม
00:05:11 → 00:05:14 ตัวอย่างที่มันเล็กเกินไปถ้าเป็นการดู
00:05:14 → 00:05:16 ง่ายๆคือถ้ามันน้อยกว่า 30 คนในการศึกษา
00:05:16 → 00:05:20 นั้นเนี่ยก็เป็นการ at ซูมได้ว่าผลการศาล
00:05:20 → 00:05:22 อาจจะต้องมีการชั่งใจนิดนึงในการที่จะเอา
00:05:22 → 00:05:25 มาขยายผลค่ะเพราะว่าขนาดกลุ่มตัวอย่างที่
00:05:25 → 00:05:27 เล็กเกินไปเนี่ยเขาเรียกว่าอำนาจการทำนาย
00:05:27 → 00:05:30 ผลที่ได้เนี่ยมันก็จะต่ำเพราะว่ามันอาจจะ
00:05:30 → 00:05:32 ไม่ได้สะท้อนผลที่แท้ที่ออกมานะคะบางที
00:05:32 → 00:05:35 เนี่ยผลที่ออกมาอย่างเช่นการเป็นโรคเนี่ย
00:05:35 → 00:05:37 มันเกิดเป็นโรคแล้วแต่ขนาดกลุ่มตัวอย่าง
00:05:37 → 00:05:39 มันเล็กเกินไปทำให้การวิเคราะห์ทางสถิติ
00:05:39 → 00:05:42 มันไม่เห็นผลตรงนี้ก็จะเป็นอีกประเด็นนึง
00:05:42 → 00:05:45 ถ้าเกิดเราจะเอาข้อมูลงานวิจัยมานำมาใช้
00:05:45 → 00:05:47 เนี่ยเราต้องรู้ว่าขนาดคุณโดยการที่เล็ก
00:05:47 → 00:05:49 ก็มีผลอาจจะไม่ได้เธอถือมากนักแล้วก็อีก
00:05:49 → 00:05:51 ประเด็นหนึ่งคือเขารู้ว่า study Design
00:05:51 → 00:05:55 นะคะรูปแบบการศึกษาเอาง่ายสำหรับผู้ฟัง
00:05:55 → 00:05:57 ที่จะได้จับต้องได้ง่ายเนาะอาจจะแบ่งเป็น
00:05:57 → 00:06:01 การศึกษาแบบสังเกตกับการเนื้อหาแบบการทด
00:06:01 → 00:06:04 ลองนะคะการศึกษาแบบสังเกตก็คือถ้าเคยชิน
00:06:04 → 00:06:07 กับคำว่าระบาดวิทยาหรือเก่าโทรม Channel
00:06:07 → 00:06:09 study พรุ่งนี้นะคะคือผลการศึกษาเนี่ย
00:06:09 → 00:06:12 มันจะไม่ได้เป็นการบอกเหตุกับผลที่ชัดเจน
00:06:12 → 00:06:15 มากนะครับเพราะว่ามันเป็นลักษณะของความ
00:06:15 → 00:06:18 สัมพันธ์เป็นการที่มันไม่ได้ให้เติม n
00:06:18 → 00:06:20 ชั่นหรือไม่ได้การทดลองอะไรเพื่อให้ดูว่า
00:06:20 → 00:06:22 ให้อันนี้เราจะเกิดอันนี้นะคะยังไงการ
00:06:22 → 00:06:25 ศึกษาในเชิงสังเกตหรือธนบัตรที่ยาเนี่ย
00:06:25 → 00:06:28 มันมีปัจจัยหลายอย่างที่มันจะมารบกวนผล
00:06:28 → 00:06:31 ที่เราคาดว่าจะอยากศึกษาดังนั้นเนี่ยข้อ
00:06:31 → 00:06:34 มูลทางระบาดวิทยาหรือการศึกษาทางการ
00:06:34 → 00:06:36 สังเกตเนี่ยก็อาจจะต้องระมัดระวังในการ
00:06:36 → 00:06:39 ที่สะอาดเหมือนกันเพราะว่าบางครั้งความ
00:06:39 → 00:06:41 สัมพันธ์เกิดขึ้นจริงแต่มันอาจจะไม่ได้
00:06:41 → 00:06:44 เป็นเหตุและผลที่แท้จริงก็ได้เช่นเราจะ
00:06:44 → 00:06:48 แค่สังเกตดูสมมติเรากับสังเกตด้วยแฟนเรา
00:06:48 → 00:06:51 ช่วงนี้เช็คโทรศัพท์บ่อยๆพอลองเกินไปถึง
00:06:51 → 00:06:54 ก็รีบแบบปิดโทรศัพท์วางเลยชายนั่นแค่การ
00:06:54 → 00:06:57 สังเกตการแสวงหาว่าเอชจะมีกิ๊กหรือเปล่า
00:06:57 → 00:07:01 อันนี้สังเกตทั้งหน้าก็ได้ค่ะหรือว่าเรา
00:07:01 → 00:07:03 ไปจับความสำคัญว่าการเกิดโรคนี้เกิดจาก
00:07:03 → 00:07:05 ปัจจัยเรื่องนี้ซึ่งจึงอาจจะไม่ได้เป็น
00:07:06 → 00:07:08 ปัจจัยที่แท้จริงอาจจะเป็นบังเอิญก็ได้
00:07:08 → 00:07:11 บังเอิญอ่ะแตกผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือ
00:07:11 → 00:07:14 ที่สุดคือเป็นการศึกษาแบบลักษณะของการทด
00:07:14 → 00:07:17 ลองมีการให้อินโดนชั่นนะคะเหมือนที่เราสน
00:07:17 → 00:07:20 ใจเรื่องการกินต้องพูดออกการเกิดภาวะสมอง
00:07:20 → 00:07:22 เสื่อมหรือว่าเกิดโรคต่างๆที่เราสนใจ
00:07:22 → 00:07:25 เนี่ยเราก็ควรจะมีการเค้ารู้ว่า Random
00:07:25 → 00:07:28 นั้นด้อมคือ 2 หรือ 3 กลุ่มแล้วแต่เรา
00:07:28 → 00:07:30 อยากจะแบ่งเป็นกี่กลุ่มแต่ว่าเป็นการ
00:07:30 → 00:07:32 Random ใส่ปัจจัยที่เราสนใจกับอีกกลุ่ม
00:07:32 → 00:07:34 ไม่ได้มีปัจจัยที่เราสนใจและดูผลที่เกิด
00:07:34 → 00:07:37 ขึ้นค่ะตรงนี้น่าจะเป็นการศึกษานะที่มิ้น
00:07:37 → 00:07:40 น่าเชื่อถือกว่านะเพราะว่ามันจะเป็นการ
00:07:40 → 00:07:43 ศึกษาที่รู้ว่าสาเหตุอันนี้เราเกิดผลอัน
00:07:43 → 00:07:46 นี้ที่แท้จริงอีกประเด็นหนึ่งคือการศึกษา
00:07:46 → 00:07:49 เนี่ยต้องมีการควบคุมปัจจัยรบกวนหรือว่า
00:07:49 → 00:07:52 ค่อน faulting Factor นะคะเพราะว่าบาง
00:07:52 → 00:07:54 โรคหรือบางภาวะที่เราสนใจเดิมอาจจะมี
00:07:54 → 00:07:57 ปัจจัยอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องอาหารที่เรา
00:07:57 → 00:08:00 สนใจอยู่ก็ควรจะมีการควบคุมด้วยดังนี้มี
00:08:00 → 00:08:03 งานวิจัยเดี๋ยวไม่ใช่เขาว่างานวิจัยจะให้
00:08:03 → 00:08:06 ผลที่ถูกต้องทุกงานวิจัยต้องดูรายละเอียด
00:08:06 → 00:08:09 เหมือนด้วยค่ะเยอะมากเลยค่ะแล้วก็รวมถึง
00:08:09 → 00:08:12 ดูแหล่งที่มาว่ามีอ่าอ้างอิงหรือเปล่า
00:08:12 → 00:08:15 ด้วยน้องใช่พูดใหญ่โตแต่ว่าพอมันไม่มีอ่ะ
00:08:15 → 00:08:18 อ้างอิงอยู่เราตามไปหาว่าเอ๊ะไอ้ที่ว่า
00:08:18 → 00:08:20 หน้าที่ใจเรานี่มันอยู่ตรงไหนมันก็ไม่มี
00:08:20 → 00:08:23 ใครซึ่งเยอะมากเลยนะคะจะอยู่ในออนไลน์ดิ
00:08:23 → 00:08:28 หาแหล่งที่มาของข้อมูลได้ยากมากันฮ่าๆก็
00:08:28 → 00:08:30 นั้นโอเคถ้างั้นเรามาลงเลยถึงเรื่องของ
00:08:30 → 00:08:33 ตัวเต้าหู้แล้วก็ผลิตภัณฑ์อาหารในกลุ่ม
00:08:33 → 00:08:36 ถั่วเหลืองดีกว่าค่ะจากตรงประเด็นเลยสรุป
00:08:36 → 00:08:37 ว่าณปัจจุบันจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
00:08:38 → 00:08:40 เนี่ยอาหารในกลุ่มถั่วเหลืองไม่ว่าจะเป็น
00:08:40 → 00:08:44 รู้หรือนมถั่วเหลืองและข้ามเนี่ยมันมีผล
00:08:44 → 00:08:46 ยังไงต่อสมองคะอาจารย์อาจจะต้องพูดเท้า
00:08:46 → 00:08:49 ความไปนิดนึงว่าพี่ทำไมมันถึงมีความเชื่อ
00:08:49 → 00:08:51 ที่มันขัดแย้งกับข้อมูลที่เราเคยได้รับ
00:08:51 → 00:08:53 ว่าเต้าหู้หรือว่าอาหารจากถั่วเหลือง
00:08:53 → 00:08:56 เนี้ยหรือว่าเป็นโปรตีนจากพืชนะคะแล้วก็
00:08:56 → 00:08:59 มีสารสำคัญอย่างพูดไอโซฟลาโวนต่างๆที่น่า
00:08:59 → 00:09:01 จะติดต่อสุขภาพรับสั่งทำรับรู้แล้วเห้ย
00:09:01 → 00:09:04 กินเต้าหู้เนี่ยเหลือเฟือแต่สู่เรื่อง
00:09:04 → 00:09:06 เนี้ยช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดพวกโรค
00:09:06 → 00:09:09 ความเสื่อมของสมองได้แต่ก็มีการศึกษาอีก
00:09:09 → 00:09:13 อันหนึ่งขึ้นมาล่ะแต่ก็ก็ให้ข้อมูลว่าการ
00:09:13 → 00:09:15 ศึกษาเนี่ยเป็นการศึกษาอย่างที่บอกไปทาง
00:09:15 → 00:09:17 ระบาดวิทยาเชิงสังเกตในการเก็บข้อมูล
00:09:18 → 00:09:21 อาหารแบบการสอบถามนะคะการสอบถามข้อมูลการ
00:09:21 → 00:09:23 กินอาหารเท่านั้นแล้วก็สอบถามว่าแต่
00:09:23 → 00:09:26 เรื่องของความจำนะคะแล้วมาหาความสัมพันธ์
00:09:26 → 00:09:29 กันก็เป็นนักศึกษาทำที่อินโดนีเซียค่ะก็
00:09:29 → 00:09:31 บอกว่ายินถั่วเหลืองมากเรื่องจะถูกต้องหู
00:09:31 → 00:09:34 มากกลายเป็นว่าความจำของที่ติดฟังก์ชัน
00:09:34 → 00:09:37 มันแย่ลงแต่ก็อยากฟังแค่นี้หรอพอเมื่อทำ
00:09:37 → 00:09:39 การศึกษาต่อมาในกลุ่มเดิมเหมือนกันนะคะก็
00:09:39 → 00:09:42 พวกว่าผลการศึกษามาได้เป็นอย่างนั้นตรง
00:09:42 → 00:09:45 นี้เนี่ยก็ต้องมาดูว่าการศึกษานั้นอื่น
00:09:45 → 00:09:47 มันมีการศึกษาที่น่าเชื่อถือว่าดีไหมนั่น
00:09:47 → 00:09:49 ก็แปลว่าจะทำซ้ำครั้งที่ 2 อ่ะมันไม่ได้
00:09:49 → 00:09:52 แบบครั้งแรกในชายด้วยงั้นก็แปลว่าครั้ง
00:09:52 → 00:09:54 แรกมันอาจจะไม่ได้เชื่อถือได้ก็ได้เพราะ
00:09:54 → 00:09:56 ว่าข้อมูลทำซ้ำ 2 ครั้งไม่เหมือนกันถูก
00:09:56 → 00:09:59 ใช่ถูกต้องค่ะ 1 นะเนี่ยเราก็ต้องมาหาว่า
00:09:59 → 00:10:01 ในถ้าต้องการศึกษาวิจัยที่มันน่าเชื่อถือ
00:10:01 → 00:10:04 กว่าเดิมนะคะก็มีการรวบรวมงานวิจัยอย่าง
00:10:04 → 00:10:07 เป็นระบบเป็นงานวิจัยทางด้านเป็นการให้
00:10:07 → 00:10:09 อินเตอร์เวนชั่นนะคะก็รวบรวมถึง 10 การ
00:10:09 → 00:10:11 ศึกษาเลยนะที่เป็นเรื่องของ mind Control
00:10:11 → 00:10:16 ทายก็พบว่าเขาทำในหญิงหมดประจำเดือนนะคะ
00:10:16 → 00:10:18 เค้าดูในเรื่องของการรับประทานเอาหูถั่ว
00:10:18 → 00:10:21 เหลืองนะคะบอกว่าของที่ฟังก์ชันเนี่ยก็ดี
00:10:21 → 00:10:24 ขึ้นซึ่งตรงนี้เนี่ยก็อาจจะเป็นข้อมูลอัน
00:10:24 → 00:10:27 นึงว่า xe การศึกษาหนึ่งที่มันมีความน่า
00:10:27 → 00:10:29 เชื่อถือมากกว่ามันกลับได้ผลในชั้นป้อง
00:10:29 → 00:10:32 กันก็มีการศึกษาต่อใหม่เหมือนกันนะคะว่า
00:10:32 → 00:10:35 มันน่าจะดีต่อผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมออก
00:10:35 → 00:10:38 เป็นการให้ไอโซฟลาโวนในกลุ่มที่เพราะว่า
00:10:38 → 00:10:41 เป็นอะว่าสมองเสือเราก็บอกว่าผลกลุ่มที่
00:10:41 → 00:10:44 ให้กับมาให้กลับไม่ได้แตกต่างกันตรงนี้ก็
00:10:44 → 00:10:47 อ้าวอ๋อตกลงมันดีหรือไม่ดีนะคะแต่ตรงนี้
00:10:47 → 00:10:50 มันก็เป็นข้อมูลอันนึงนะที่บอกว่าคนเสีย
00:10:50 → 00:10:53 เนี่ยไม่ได้เกิดขึ้นจริงนะฮะแต่คนดีจะดี
00:10:53 → 00:10:56 ได้มากอย่างที่ตั้งไว้มั้ยเนี่ยนะการ
00:10:56 → 00:10:58 ศึกษาปัจจุบันไม่ได้บอกได้ฟังธงขนาดนั้น
00:10:58 → 00:11:01 นะคะว่าดีผลมีสมองแต่ตัวนี้ก็ให้ข้อมูล
00:11:01 → 00:11:04 นิดนึงว่าในเรื่องของอาว่าสมองเสื่อมในก็
00:11:04 → 00:11:07 มีแบบแผนอีกแบบหนึ่งที่ให้ความสนใจคือ My
00:11:07 → 00:11:10 Diet My Diet คือเมดิเตอร์เรเนียนกับ
00:11:10 → 00:11:13 That Drive S นะคะคือ 2 แบบแผนเนี่ย
00:11:13 → 00:11:16 ควบคู่กันพบว่ามันช่วยป้องกันโรค
00:11:16 → 00:11:19 อัลไซเมอร์ได้ตรงนี้เนี่ยไม่ได้เอ็ดก็ถือ
00:11:19 → 00:11:21 ว่าเป็นแบบแผนที่เน้นในการรับประทานพวก
00:11:21 → 00:11:24 พืชก็จะผักผลไม้หรือว่าเนี่ยพวกถั่ว
00:11:24 → 00:11:27 เปลือกแข็งถั่วเมล็ดแห้งต่างๆรวมถึงในพวก
00:11:27 → 00:11:29 กลุ่มเต้าหู้ก็เป็นเช่นนั้นด้วยนะทั้ง
00:11:29 → 00:11:32 นั้นเนี่ยการศึกษาในแนวว่ามีผลประโยชน์
00:11:32 → 00:11:34 ต่อสมองเนี่ยจะดูจะมีน้ำหนักมากกว่าที่จะ
00:11:34 → 00:11:37 เป็นโทษค่ะในเรื่องของสมองเนี่ยขออนุญาต
00:11:37 → 00:11:41 สรุปฟันธงว่าโอเคไอ้ตัวแทนวิจัยที่ for
00:11:41 → 00:11:43 First กันมาเนี่ยมันเป็นงานวิจัยเชิง
00:11:43 → 00:11:46 สังเกตการณ์ชายค่ะแล้วก็มีการทำ 2 ครั้ง
00:11:46 → 00:11:48 เนี่ยผมไม่เหมือนกันดังนั้นก่อนที่สุดโรง
00:11:48 → 00:11:51 งานวิจัยนะเนี่ยตกลงไปในขณะที่รีวิวงาน
00:11:51 → 00:11:54 วิจัยหลายๆสิบงานวิจัยชื่ออะไรค่ะอ๋อมัน
00:11:54 → 00:11:56 ก็จะทำให้ความเชื่อถือให้มากกว่าก็พบว่า
00:11:56 → 00:11:59 ตัวถั่วเหลืองเนี่ยไม่ได้มีอันตรายต่อ
00:11:59 → 00:12:00 สมอง
00:12:00 → 00:12:02 แอบถ่ายนักส่วนของว่าเอ๊ะกินแล้วมันจะแบบ
00:12:02 → 00:12:04 ประโยชน์เลยต่างๆอันนี้ต้องรอดูกันต่อไป
00:12:04 → 00:12:07 เลยค่ะถูกเอาทั่วไปเนี่ยเรื่องของ
00:12:07 → 00:12:10 อาร์นินจาสมองในเรื่องของ Pattern ภาพรวม
00:12:10 → 00:12:13 อย่างไรครับว่าก็คือเรื่องของการกินแบบ
00:12:13 → 00:12:15 เมดิเตอร์เรเนียนหรือ Dash คือภาพรวมมาก
00:12:15 → 00:12:17 กว่ากัน Focus ที่ตัวใดตัวเน็ตทั่วไปไร
00:12:17 → 00:12:22 ค่ะชายเลยค่ะโอเคไปเลี้ยงสมองตกไปนะคะที่
00:12:22 → 00:12:24 2 ในประเด็นนี้วิ่งจริงประเด็นเก่าๆ
00:12:24 → 00:12:27 อาจารย์คือเรื่องมะเร็งคือมันกับนานวัน
00:12:27 → 00:12:30 นี้เราอยากกินถั่วเหลืองเยอะไม่ดีจะเป็น
00:12:30 → 00:12:34 มะเร็งเต้านมไม่งั้นหรือว่าอะไรคือสืบ
00:12:34 → 00:12:36 พันธุ์สตรีไม่ว่าจะมดลูกรังไข่อะไรอ่ะค่ะ
00:12:36 → 00:12:39 ก็เป็นความเชื่อที่ฝังรากมานานพอสมควร
00:12:39 → 00:12:42 อาจารย์จะเห็นว่าจะมีเรื่องนี้คือค่ะ
00:12:42 → 00:12:44 สำหรับในเรื่องของถั่วเหลืองกับมะเร็ง
00:12:44 → 00:12:47 เต้านมมะเร็งรังขายหรือว่าจะเลยไปถึง
00:12:47 → 00:12:50 มะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายด้วยการนะคะ
00:12:50 → 00:12:53 จริงแล้วการศึกษาณปัจจุบันเนี่ยพบในเชิง
00:12:53 → 00:12:56 ป้องกันซะมากกว่านะคะซึ่งก็จะมีสมาคม
00:12:56 → 00:12:59 ทวิจัยทั้งนั้นโรคมะเร็งนะคะก็ขอคำแนะนำ
00:12:59 → 00:13:01 มาด้วยซ้ำขอแนะนำให้รับประทานในกลุ่มของ
00:13:01 → 00:13:03 เต้าหู้ถั่วเหลืองที่ทางจากถั่วเหลือง
00:13:03 → 00:13:06 เพราะว่าพบปัจจัยในเชิงป้องกันไม่ว่าจะ
00:13:06 → 00:13:09 เป็นมะเร็งเต้านมมะเร็งรังไข่ว่ามะเร็ง
00:13:09 → 00:13:12 ต่อมลูกหมากแต่อาจจะให้ข้อมูลละเอียดว่า
00:13:12 → 00:13:14 ความเชื่อหรือว่าข้อมูลที่ว่าให้กินมาก
00:13:14 → 00:13:16 แล้วมันจะเป็นมะเร็งเนี่ยมันเกิดมาได้ยัง
00:13:16 → 00:13:19 ไงอ่ะจะได้เข้าใจไปทุกด้านว่ามันมีสาเหตุ
00:13:19 → 00:13:22 จากอะไรค่ะอย่างที่บอกไปว่าบางข้อมูลทาง
00:13:22 → 00:13:24 การศึกษาวิจัยเนี่ยมันจะมีอำการศึกษา
00:13:24 → 00:13:27 วิจัยในสัตว์ทดลองเนาะในหลอดทดลองแล้วก็
00:13:27 → 00:13:30 ในคนฮะซึ่งข้อมูลในเรื่องของการเกิด
00:13:30 → 00:13:33 มะเร็งเต้านมเนี่ยที่มันเกิดขึ้นเนื่อง
00:13:33 → 00:13:35 จากมันเป็นการศึกษาในสัตว์ทดลองในหนูนะคะ
00:13:35 → 00:13:39 ไอ้หนูที่เป็นมะเร็งนะที่ไวต่อพวกตัวล่ะ
00:13:39 → 00:13:41 ไปตัวเองเช่นต่างๆนะครับพบว่าเมื่อรับ
00:13:41 → 00:13:45 ประทานให้พวกสารในตัวนึงของไฟล์ Word and
00:13:45 → 00:13:47 S in นะคะเพราะว่าการ์ตูนถ้าไม่เจอ
00:13:47 → 00:13:50 มะเร็งมันเจริญเติบโตมากขึ้นแต่ก็ให้เน้น
00:13:50 → 00:13:53 ย้ำว่ามันเป็นหนูถ้าซึ่งในหนูกับในคน
00:13:53 → 00:13:55 เนี่ยไม่ต้องซื้อของไอโซฟลาโวนเนี่ยที่
00:13:55 → 00:13:58 เป็นสารที่เขาให้ความสนใจว่าอาจจะเกิด
00:13:58 → 00:14:00 มะเร็งเนี่ยมันแตกต่างกันฮะซึ่งไม่เหมือน
00:14:00 → 00:14:03 กันเลยแล้วก็ในตัวไอโซฟลาโวนเนี่ยที่มัน
00:14:03 → 00:14:06 มีฤทธิ์คล้ายๆ EXO เจ้นเนี่ยฤทธิ์คล้าย
00:14:06 → 00:14:08 แต่ไม่เหมือนนะคะก็คือไม่ได้มีความแรง
00:14:08 → 00:14:11 เหมือนกับการให้เอสโซ่เจนแบบสังเคราะห์
00:14:11 → 00:14:14 ที่ในรถสูงๆนะคะดังนั้นเนี่ยการรับประทาน
00:14:14 → 00:14:17 ในถั่วเหลืองนะคะถึงมีไอโซฟลาโวนนะคะพบ
00:14:17 → 00:14:20 ว่าเป็นปัจจัยป้องกันนะในการเกิดโรค
00:14:20 → 00:14:23 มะเร็งเต้านมมะเร็งรังไข่มะเร็งต่อมลูก
00:14:23 → 00:14:25 หมากในเนี่ยไม่ต้องกังวลเลยค่ะที่จะรับ
00:14:25 → 00:14:27 ประทานก็สรุปว่าในเรื่องของมะเร็งถ้ารับ
00:14:27 → 00:14:30 ประทานจากอาหารตามธรรมชาติต่างๆไม่ต้อง
00:14:30 → 00:14:32 กังวลอะไรเลยใช่ค่ะยาจะมีพูดถึงเรื่อง
00:14:32 → 00:14:36 สุขภาพหัวใจนิดนึงตอนต้นสนใจหุ้นส่วน
00:14:36 → 00:14:38 เหลืองกับสุขภาพหัวใจเป็นยังไงบ้างคะ
00:14:38 → 00:14:40 อาจารย์ขาวสำหรับเรื่องถั่วเหลืองกับสุข
00:14:40 → 00:14:43 ว่าหัวใจจริงๆแล้วมันเป็นประโยชน์อันแรก
00:14:43 → 00:14:45 เลยนะคะที่เจอนะคะก็เพราะว่าการรับประทาน
00:14:45 → 00:14:48 ถั่วเหลืองนะคะหรือต้องพูดเนื่องจากถั่ว
00:14:48 → 00:14:51 เหลืองเนี่ยกูว่ามันจะช่วยลดเรื่องของ ldl
00:14:51 → 00:14:54 คอเลสเตอรอลนะคะหรือว่าพวกไขมันที่ไม่ดี
00:14:54 → 00:14:57 ลงได้นะคะอีกอันนึงก็คือตัวการรับประทาน
00:14:57 → 00:15:00 ถั่วเหลืองที่ทำจากถั่วเหลืองหรือต้องปู
00:15:00 → 00:15:02 อันนี้เนี่ยก็จะช่วยในเรื่องของการลดความ
00:15:02 → 00:15:04 ดันลงได้ซึ่งตรงนี้สองปัจจัยเนี่ยถ้า
00:15:04 → 00:15:06 อย่างที่ทราบกันดีว่ามันจะเป็นปัจจัยถ้า
00:15:06 → 00:15:08 เกิดเราก็คุมให้อยู่ในรับไม่ให้มากผิด
00:15:08 → 00:15:10 ปกติเนี่ยมันจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและ
00:15:10 → 00:15:13 หลอดเลือดได้แล้วก็จะมีบางการศึกษาก็
00:15:13 → 00:15:15 เพราะว่าในการรับประทานพวกถั่วเหลือง
00:15:15 → 00:15:18 เนี่ยก็จะช่วยเรื่องของการป้องกันการแข็ง
00:15:18 → 00:15:20 ตัวของหลอดเลือดแดงและก็ช่วยเรื่องของการ
00:15:20 → 00:15:23 ทำงานของผนังหลอดเลือดเนี่ยทำมันได้ดี
00:15:23 → 00:15:25 ขึ้นและอาจจะช่วยในเรื่องของรถพวกปัจจัย
00:15:25 → 00:15:27 เรื่องการอักเสบต่างๆที่อยากจะทำอันตราย
00:15:27 → 00:15:30 ต่อหลอดเลือดและได้นะเนี่ยการรับประทาน
00:15:30 → 00:15:32 เต้าหู้มาแล้วจากถั่วเหลืองเนี่ยก็ยัง
00:15:32 → 00:15:35 เป็นการศึกษาที่เป็นไปในทางเดียวกันนะคะ
00:15:35 → 00:15:37 ว่าช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดรวม
00:15:37 → 00:15:39 ทั้งหลอดเลือดสมองได้ด้วยค่ะเต้าหู้กับ
00:15:39 → 00:15:42 หัวใจเนี่ยบวกแน่นอนอันนี้ไม่ต้องห่วงกัน
00:15:42 → 00:15:46 ได้เลยนะคะท้ายด้วยคำมาถึงอีกประเด็นนึง
00:15:46 → 00:15:48 ค่ะซึ่งก็มีมาบ้างเหมือนกันก็คือไทรอยด์
00:15:48 → 00:15:51 ซึ่งคำไทรอยด์นอนหลายคนพอฟังแล้วก็กลัว
00:15:51 → 00:15:54 ว่าเองจะต้องใช้รอยฉันทำงานไม่ดีแล้วจะ
00:15:54 → 00:15:57 แบบมีปัญหาอะไรยังไงจริงๆที่มันมีข้อเท็จ
00:15:57 → 00:15:59 จริงมากน้อยแค่ไหนค่ะอาจารย์อันนี้จริงๆ
00:15:59 → 00:16:01 ก็คล้ายๆเล่นเพลงเต้านมเหมือนกันนะคะ
00:16:01 → 00:16:04 เพราะว่าไอ้ผลที่เขามีการพูดถึงเว็บ
00:16:04 → 00:16:06 อร์เฟคที่มันเกิดขึ้นจากการทำอาหารพวก
00:16:06 → 00:16:08 ถั่วเหลืองนะคะเขาจะมุ่งนี้มาถึงไอโซฟลา
00:16:08 → 00:16:12 โวนมากกว่านะคะว่ามันอาจจะไปยับยั้งตัว
00:16:12 → 00:16:15 เอนไซม์นะที่ช่วยในการสังเคราะห์ไทยรัฐ
00:16:15 → 00:16:18 ฮอร์โมนนะคะหรือว่าจะไปช่วยไปแย่งจับ
00:16:18 → 00:16:20 ไอโอดีนที่ใช้ในการสังเคราะห์ถ้าเรา
00:16:20 → 00:16:23 ฮอร์โมนซึ่งตรงนี้จะเป็นการศึกษาในสัตว์
00:16:23 → 00:16:25 ทดลองนะคะถามว่าแล้วมันจะเป็นอย่างนั้น
00:16:25 → 00:16:27 มนุษย์ไหมนะคะก็มีการศึกษาในมนุษย์เหมือน
00:16:27 → 00:16:30 กันนะคะก็พบว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
00:16:30 → 00:16:33 แถมแย่งเป็นปัจจัยเชิงป้องกันในการป้อง
00:16:33 → 00:16:35 กันพวกโรคไทรอยด์ต่างๆด้วยดังนั้นเนี่ยจะ
00:16:35 → 00:16:37 ข้อมูลตรงนี้เนี่ยให้ข้อมูลนึกว่าการอ่าน
00:16:37 → 00:16:39 งานวิจัยเนี่ยถ้าเราไม่รู้ระดับงานวิจัย
00:16:39 → 00:16:42 เนี่ยผลมันก็มีความหมายเหมือนกันว่าสิ่ง
00:16:42 → 00:16:45 ที่เราเชื่ออยู่ในมันถูกต้องแค่ไหนแต่ก็
00:16:45 → 00:16:47 อาจจะให้ข้อมูลนึงว่าสำหรับคนที่เป็น
00:16:47 → 00:16:50 ไฮโปไทรอยด์นะคะที่ได้รับยาพวกข้อมูลนี้
00:16:50 → 00:16:53 อยู่นะคะการรับประทานถั่วเหลืองในให้แยก
00:16:53 → 00:16:55 จากการรับประทานยานะคะแต่จริงไม่ได้
00:16:55 → 00:16:57 จำเป็นต้องเป็นถั่วเหลืองหรือเต้าหู้
00:16:57 → 00:17:00 อย่างเดียวอะไรต่างๆที่มันมีพวกไฟเบอร์มี
00:17:00 → 00:17:02 นะครับป้องกันบอกฤทธิ์ของยาเนี่ยก็ควรจะ
00:17:02 → 00:17:05 แยกรับประทานกับตัวยาที่รักษาโรคให้ร้อย
00:17:05 → 00:17:08 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะคะหลายๆงานวิจัยจะ
00:17:08 → 00:17:10 เห็นได้เลยว่าต้องทีนี้มันเป็นงานวิจัย
00:17:10 → 00:17:13 จากในหนูเนาะซึ่งมันก็เรียงต่างอะไรคนดัง
00:17:13 → 00:17:15 นั้นแล้วก็จะต้องตามไปดูว่าอันนี้มันใน
00:17:15 → 00:17:19 หนูหรือบางทีในแมลงวันมันยังมาไม่ถึงในคน
00:17:19 → 00:17:22 หรือถ้ามันเป็นคนแล้วก็คงต้องดูว่าอย่าง
00:17:22 → 00:17:24 ที่อาจารย์ว่าเป็นเชิงสังเกตการณ์หรือ
00:17:24 → 00:17:26 เป็นแบบนี้อินเตอร์เน็นชาติลองแล้วก็
00:17:26 → 00:17:29 กลุ่มตัวอย่างมากน้อยแค่ไหนดังนั้นก็พอ
00:17:29 → 00:17:31 ได้รับอะไรมาก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปใช่ไหมคะ
00:17:31 → 00:17:35 นายเลยว่าจะสรุปว่าสรุปว่าเราควรจะคิด
00:17:35 → 00:17:38 เต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองหรืออาหารจากถั่ว
00:17:38 → 00:17:41 เหลืองอื่นๆต่อไปหรือเปล่าคะอาจารย์คืน
00:17:41 → 00:17:44 ค่ะจากข้อมูลณปัจจุบันที่มีอยู่นะคะซึ่ง
00:17:44 → 00:17:47 จากงานวิจัยที่เขาได้ทำมาทั้งมีทั้งการ
00:17:47 → 00:17:51 สังเกตมีทั้งการทดลองในมนุษย์ห่างคืนเขา
00:17:51 → 00:17:55 ท้ายต่างๆรวมถึงก็จะมีองค์การนะที่ดูใน
00:17:55 → 00:17:56 เรื่องของลิเวอร์พูล Safety นะคะว่าการ
00:17:56 → 00:17:59 ได้รับผู้ไอโซฟลาโวนจากอาหารจากถั่ว
00:17:59 → 00:18:02 เหลืองเนี่ยมีอะไรไหมก็เพราะว่ายังไม่ผู้
00:18:02 → 00:18:04 ว่าจะมีอะไรต่อมนุษย์ถ้าจะรับประทานนะคะ
00:18:04 → 00:18:06 ดังนั้นเนี่ยจริงๆแล้วเราสามารถรับประทาน
00:18:06 → 00:18:09 เต้าหู้น้ำเต้าหู้หรือเรียนจากถั่วเหลือง
00:18:09 → 00:18:14 ได้ตามปกติถ้าไม่ว่าเราจะมีสุขภาพดีหรือ
00:18:14 → 00:18:16 ว่าเราจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือว่าเราจะมี
00:18:16 → 00:18:19 ภาวะอ่าบกพร่องต่างๆที่เราจะกลัวเรื่อง
00:18:19 → 00:18:21 ของการรับประทานถั่วเหลืองณปัจจุบันเนี่ย
00:18:21 → 00:18:24 ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรนะคะที่จะรับ
00:18:24 → 00:18:26 ประทานถั่วเหลืองแถมในเรื่องของการรับ
00:18:26 → 00:18:28 ประทานหรือวันจากถั่วเหลืองต่างๆเนี่ยมัน
00:18:28 → 00:18:30 มีข้อดีมากมายนะคะเพราะว่าเต้าหู้เนี่ย
00:18:30 → 00:18:33 ถือว่าเป็นโปรตีนจากพืชนะคะก็เทียบกับตัว
00:18:33 → 00:18:36 นะสัตว์เนี่ยก็ถือว่าเป็นกลุ่มพืชที่มีกฎ
00:18:36 → 00:18:38 ว่าจำเป็นของถ้วนก็ถือว่าเป็นพืชที่สู่สิ
00:18:38 → 00:18:41 ครับโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ได้เลยนะ
00:18:41 → 00:18:43 แถมยังมีใครมาอีกตัวที่ต่ำด้วยนะคะเพราะ
00:18:44 → 00:18:46 ว่าเป็นโปรตีนจากพืชแล้วก็มีกรดไขมันที่
00:18:46 → 00:18:49 จำเป็นนะคะ Omega ซิกมาก้าทรีนะคะที่
00:18:49 → 00:18:52 เพียงพอกับความต้องการของร่างกายแล้วก็
00:18:52 → 00:18:54 การรับประทานพรุ่งนี้เนี่ยไม่ว่าจะพูด
00:18:54 → 00:18:56 เรื่องเต้าหู้นะคะแต่จริงๆแบบแผนการกิน
00:18:56 → 00:18:58 อาหารเนี่ยมันไม่ใช่ว่าเรารับรู้ว่าอัน
00:18:58 → 00:19:00 นี้ดีแล้วก็จะกินมุ่งเน้นก็จะมีอย่าง
00:19:00 → 00:19:02 เดียวนะคะการรับประทานอาหารเนี่ยค่า
00:19:02 → 00:19:05 ปัจจุบันจะเห็นว่าการศึกษาณปัจจุบันมักจะ
00:19:05 → 00:19:08 ศึกษาเป็นคะหรือว่า Pattern อาหารมันกว่า
00:19:08 → 00:19:11 กรวมเลยจ้างเพราะว่าการรับรู้อะไรที่มัน
00:19:11 → 00:19:14 เป็นแค่ทหารตัวเดียวหรือว่าอาหารตัวใดตัว
00:19:14 → 00:19:16 หนึ่งเท่านั้นเนี่ยมันไม่ได้มีเอฟเฟคขนาด
00:19:16 → 00:19:18 นั้นนี้ไม่ร่างกายเราแข็งแรงแล้วต้องเป็น
00:19:18 → 00:19:21 ภาพรวมความครบถ้วนของอาหารความสมดุลของ
00:19:21 → 00:19:24 อาหารก็จะเป็นคำตอบที่สุดอะว่าจะทำให้เรา
00:19:24 → 00:19:26 มีสุขภาพดีได้อังวะมากๆเลยค่ะเห็นด้วย
00:19:26 → 00:19:28 กระจายมากเลยว่าจริงแล้วอาหารไปจะไม่ได้
00:19:28 → 00:19:31 มีตัวไหนที่เป็นพระเอกจริงๆหรือผู้ร้าย
00:19:31 → 00:19:33 จริงๆกับใครเลยค่ะเป็นภาคใหญ่คือต้องมอง
00:19:33 → 00:19:37 ภาพใหญ่ของการเป็นคณะทหารเวียดกินขณะนี้
00:19:37 → 00:19:41 ถูกต้องกว่าอะไรต่างๆนะคะถ้านักก็สรุปว่า
00:19:41 → 00:19:43 อาจารย์เอ๊ะก็ยังกินเต้าหู้อยู่หมอก็กิน
00:19:43 → 00:19:46 เต้าหู้เหมือนกับชายเลยค่ะอย่างที่ได้รับ
00:19:46 → 00:19:49 เมล์แล้วไม่สบายใจอะไรต่างๆก็ไม่ต้องคิด
00:19:49 → 00:19:53 มากนะคะก็ทานได้จะนำเต้าหู้เต้าหู้นมถั่ว
00:19:53 → 00:19:56 เหลืองอะไรก็ตามพวกนี้ก็เป็นแหล่งโปรตีน
00:19:56 → 00:19:59 ดีที่ราคาไม่แพงแล้วก็คุ้นเคยสำหรับคนไทย
00:19:59 → 00:20:02 ได้ไหมคะก็ได้เลยค่ะก็ EP นะคะอาจารย์ x
00:20:02 → 00:20:04 ก็ได้มาตอบคำถามครบถ้วนเลยเกี่ยวกับ
00:20:04 → 00:20:06 เรื่องของเต้าหู้นะคะหวังว่าคุณฟังเนี่ย
00:20:06 → 00:20:09 ก็จะทานเต้าหู้กันต่อไปได้อย่างสบายใจ
00:20:09 → 00:20:12 แล้วนะคะวันนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณมากๆเลย
00:20:12 → 00:20:14 ค่ะอาจารย์ x Doctor ว่านครทองโฉม
00:20:14 → 00:20:18 อาจารย์กลุ่มสาขาวิชาโภชนศาสตร์คณะ
00:20:18 → 00:20:20 แพทยศาสตร์รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
00:20:20 → 00:20:24 ขอบคุณค่าอาจารย์พรายนี้คะสวัสดีคะสวัสดี
00:20:24 → 00:20:27 เค้า
00:20:27 → 00:20:30 ก่อนจากกันไปวันนี้นะคะหมอก็ขอฝากอีก
00:20:30 → 00:20:33 หนึ่งช่องทางการทางปลอดแคชก็คือไลน์แอด
00:20:33 → 00:20:36 Singer Being ค่ะแอดกันไว้นะคะใครอยาก
00:20:36 → 00:20:39 คุยกับหมอปรึกษาปัญหาเรื่องสุขภาพอ่าน
00:20:39 → 00:20:41 สาระน่ารู้เรื่องราวต่างๆที่หมอนำมาเล่า
00:20:41 → 00:20:44 นำมาแชร์หรือว่าไม่อยากพลาดการฟัง
00:20:44 → 00:20:46 พอดแคสต์ EP ใหม่ๆก็มาเป็นเพื่อนกันได้
00:20:46 → 00:20:49 เลยนะคะง่ายๆเลยค่ะหรือว่าจะเข้าไปที่เพจ
00:20:49 → 00:20:51 feet Health บุ๊คนะคะเพื่อสแกน QR Code
00:20:51 → 00:20:55 ก็จะสามารถ Add มาได้เช่นกันค่ะหมอรอมา
00:20:55 → 00:20:57 เป็นเพื่อนกันแล้วก็มาเติมเต็มความฟิตให้
00:20:57 → 00:20:59 ชีวิตครบทุกรอบด้านไปที่การอยู่นะคะ
00:20:59 → 00:21:01 สวัสดีค่ะแต่ถ้า
00:21:01 → 00:21:08 [เพลง]
00:21:08 → 00:21:13 สิงโต B พอดแคสต์ about Living usc ก็
00:21:13 → 00:21:16 ไลน์โดยหมอผิงแพทย์หญิงที่นาดาล
00:21:16 → 00:21:18 รุจิพัฒนกุล
00:21:18 → 00:21:21 ดีที่อยู่เดียว
00:21:21 → 00:21:24 พรีเซนเตอร์ควายไทยประกันชีวิตคิดเคียง
00:21:24 → 00:21:26 ข้างทุกชีวิต
00:21:26 → 00:21:34 [เพลง]