00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> สวัสดีครับเคยมีความรู้สึกแบบนี้กันมั้
00:00:08 → 00:00:11 ครับที่แบบอยากจะลองผลักดันตัวเองให้สุดๆ
00:00:11 → 00:00:14 ไปเลยอยากจะทลายขีดจำกัดของร่างกายดูสัก
00:00:14 → 00:00:18 ตั้งวันนี้เราจะมาคุยกันครับว่าจริงๆแล้ว
00:00:18 → 00:00:21 ใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกมในร่างกายของเรา
00:00:21 → 00:00:25 อยู่ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนโอ้โหหรือ
00:00:25 → 00:00:28 ไปไกลถึงขั้น Ultra Iron Man เลยหรือ
00:00:29 → 00:00:32 แม้แต่การไดเอตแบบสุดโหดเนี่ยนะเป้าหมาย
00:00:32 → 00:00:35 พวกนี้เนี่ยมันสุดยอดมากเลยนะครับคือมัน
00:00:35 → 00:00:39 เป็นแรงผลักดันที่แบบน่าทึ่งจริงๆทีนี้คำ
00:00:39 → 00:00:42 ถามก็คือแล้วร่างกายของเราล่ะมันรับมือ
00:00:43 → 00:00:46 กับเรื่องพวกนี้ไหวมั้ยคำตอบคือไหวสิครับ
00:00:46 → 00:00:49 ทำได้หมดเลยแหละเพราะว่าร่างกายเราเนี่ย
00:00:49 → 00:00:52 นะถูกสร้างมาให้มีความสามารถที่มันแบบ
00:00:52 → 00:00:56 มหัศจรรย์มากๆเลยแต่เดี๋ยวก่อนนะครับถึง
00:00:56 → 00:00:59 จะบอกว่าทำได้ก็จริงนะแต่ว่ามันมีจุดหัก
00:00:59 → 00:01:03 มุมที่สำคัญมากๆอยู่อย่างนึงก็คือว่าคน
00:01:03 → 00:01:06 ที่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆว่าจะให้เราไปต่อ
00:01:06 → 00:01:09 หรือให้พอแค่นี้เนี่ยดันไม่ใช่ตัวเราเอง
00:01:09 → 00:01:13 ซะงั้นอ้าวแล้วใครกันล่ะที่เป็นคนคุมเกม
00:01:13 → 00:01:16 ตัวจริงเอาล่ะครับมาทำความรู้จักกับบอส
00:01:16 → 00:01:18 ใหญ่ตัวจริงกันดีกว่าต้องเข้าใจอย่างนี้
00:01:18 → 00:01:21 ก่อนนะครับว่าร่างกายของเราเนี่ยมันไม่
00:01:21 → 00:01:23 ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายการแข่งขัน
00:01:24 → 00:01:26 หรือเพื่อความสวยงามเป็นหลักนะแต่มันคือ
00:01:26 → 00:01:28 สุดยอดระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งเดียว
00:01:28 → 00:01:31 เลยครับนั่นก็คือการอยู่รอดอันนี้ต้องมา
00:01:31 → 00:01:34 ก่อนเป็นอันดับแรกเสมอและคนที่คอยคุม
00:01:34 → 00:01:38 เรื่องการอยู่รอดนี่แหละครับก็คือคอร์ติ
00:01:38 → 00:01:40 นั่นเองซึ่งบอกเลยว่ามันไม่ใช่ฮอร์โมน
00:01:41 → 00:01:44 ธรรมดานะครับแต่มันคือฮอร์โมนตัวแม่เลย
00:01:44 → 00:01:47 เป็นบอสใหญ่ที่คอยสั่งการทุกอย่างเพื่อ
00:01:47 → 00:01:51 ให้เราเนี่ยรอดคือไม่ว่าเราจะตั้งใจแค่
00:01:51 → 00:01:54 ไหนเป้าหมายจะโหดหินท้าทายขนาดไหนก็ตามนะ
00:01:54 → 00:01:57 คะสุดท้ายแล้วมันก็ต้องมีการขออนุญาตกัน
00:01:57 → 00:02:00 ก่อนและคนที่กุมอำนาจการตัดสินใจขั้นสุด
00:02:00 → 00:02:03 ท้ายว่าจะให้ไปต่อหรือว่าต้องหยุดมีคน
00:02:03 → 00:02:06 เดียวเท่านั้นครับนั่นก็คือตัวแม่คอิซอล
00:02:06 → 00:02:10 นี่แหละแล้วถ้าเราไม่ฟังล่ะถ้าเราดื้อล่ะ
00:02:10 → 00:02:13 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความตั้งใจของเรา
00:02:13 → 00:02:16 เนี่ยมันดันไปขัดกับคำสั่งของบอสเนี่ย
00:02:16 → 00:02:19 แหละครับคือจุดเริ่มต้นของสงครามภายใน
00:02:19 → 00:02:23 ร่างกายเราเลยคือถึงแม้ว่าบอสจะส่งสัญญาณ
00:02:23 → 00:02:27 เตือนมาแล้วนะแต่ถามว่าเราฝืนต่อได้มยก็
00:02:27 → 00:02:31 ได้อ่ะยังไปต่อได้แต่ผลที่ตามมาก็คือ
00:02:31 → 00:02:34 อย่างที่เขาว่าเลยครับเรากับตัวแม่จะ
00:02:34 → 00:02:36 เริ่มผิดใจกันแล้วมันก็จะเป็นจุดเริ่มต้น
00:02:36 → 00:02:39 ของความขัดแย้งที่มันจะค่อยๆรุนแรงขึ้น
00:02:39 → 00:02:42 รุนแรงขึ้นเรื่อยๆพอเราเริ่มดื้อใช่ไหม
00:02:42 → 00:02:44 ครับบอสใหญ่หรือว่าคอร์ดิซอเนี่ยก็จะ
00:02:44 → 00:02:48 เริ่มออกอาการแล้วจากที่เคยเตือนกันดีๆก็
00:02:48 → 00:02:51 จะเริ่มโมโหเริ่มหงุดหงิดแล้วก็จะเริ่ม
00:02:51 → 00:02:53 ใช้ไม้แข็งใช้มาตรการที่มันรุนแรงขึ้น
00:02:53 → 00:02:56 เรื่อยๆเพื่อจะบังคับให้เราหยุดให้ได้
00:02:56 → 00:02:59 แล้วพอแม่เอาจริงขึ้นมาเท่านั้นแหละครับ
00:02:59 → 00:03:02 ระบบต่างๆในร่างกายก็จะเริ่มรวนเริ่มพัง
00:03:02 → 00:03:06 เป็นโดมิโนเลยตัวแรกเลยนะที่แบบเปราะบาง
00:03:06 → 00:03:10 สุดใจเสาะสุดไปก่อนเพื่อนเลยก็คือไทรอยด์
00:03:10 → 00:03:12 พอไทรอยด์ไปปุ๊บระดับอินซูลินก็จะเริ่ม
00:03:12 → 00:03:16 เพี้ยนแล้วสุดท้ายไต่กับตับก็จะค่อยๆเสีย
00:03:16 → 00:03:19 หายตามกันไปเนี่ยแหละครับผลของการแข่งข้อ
00:03:19 → 00:03:23 กับบอสทีนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าราคา
00:03:23 → 00:03:26 ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายของการแข่งข้อเนี่ย
00:03:26 → 00:03:29 มันหนักหนาสัสาหัสขนาดไหนซึ่งผมบอกเลยว่า
00:03:29 → 00:03:32 ผลลัพธ์ของมันเนี่ยอาจจะน่าตกใจและสวนทาง
00:03:32 → 00:03:35 กับสิ่งที่เราพยายามทำมาทั้งหมดแบบคนละ
00:03:35 → 00:03:38 เรื่องเลยและนี่คือพอย์ที่พีคที่สุดเลย
00:03:38 → 00:03:42 ครับสำหรับคนที่เป็นสายแคทีจ๋าเลยนะหรือ
00:03:42 → 00:03:45 คนที่ยิ่งดูภายนอกแล้วฟิตมากยิ่งผอมยิ่ง
00:03:45 → 00:03:49 ลีนเท่าไหร่ร่างกายจะยิ่งพังเร็วขึ้นแบบ
00:03:49 → 00:03:52 เหมือนติดเทอร์โบเลยนะทำไมน่ะเหรอครับก็
00:03:52 → 00:03:54 เพราะว่ามันไม่มีไขมันสำรองมาเป็นเหมือน
00:03:54 → 00:03:57 กันชนน่ะสิทีเนี้ยร่างกายมันก็จะเริ่มเผา
00:03:57 → 00:04:01 ทำลายตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่นมากๆเลยดัง
00:04:01 → 00:04:04 นั้นเนี่ยสำหรับใครที่ยังคิดว่าเอ้ยไม่
00:04:04 → 00:04:06 เป็นไรหรอกยังไหวอยู่แล้วก็ยังฝืนไม่กิน
00:04:06 → 00:04:09 ค้าเข้าไปอีกนะก็เหมือนกับการเร่งให้ตัว
00:04:09 → 00:04:11 เองไปเจอผลลัพธ์ของการพังเนี่ยเร็วขึ้นไป
00:04:11 → 00:04:16 อีกก็แค่นั้นเองโอเคครับพอเห็นด้านมืดของ
00:04:16 → 00:04:19 การแข็งข้อไปแล้วทีนี้เรามาดูทางสว่างกัน
00:04:19 → 00:04:22 บ้างดีกว่ามาดูหลักการง่ายๆที่จะช่วยให้
00:04:22 → 00:04:25 เราทำงานร่วมกับบอสใหญ่ในร่างกายของเรา
00:04:25 → 00:04:28 ได้อย่างสันติและราราบรื่นกันดีกว่าสิ่ง
00:04:28 → 00:04:31 ที่ต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะครับก็คืออำนาจ
00:04:31 → 00:04:34 ของคอร์ติเนี่ยมันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากๆ
00:04:34 → 00:04:38 คือบอสสามารถสั่งการได้ทุกอย่างจริงๆทุก
00:04:38 → 00:04:41 ระบบในร่างกายไม่ว่าจะเป็นอวัยวะสมองความ
00:04:41 → 00:04:44 คิดหรือแม้กระทั่งความฝันของเราเลยนะทุก
00:04:45 → 00:04:48 อย่างอยู่ในกำมือของบอสบอเลยและทั้งหมด
00:04:48 → 00:04:50 นี้แหละครับนำมาสู่กฎเหล็กข้อสุดท้ายที่
00:04:50 → 00:04:54 สำคัญที่สุดเลยนั่นก็คือเก่งกับใครก็ได้
00:04:54 → 00:04:56 แต่อย่าเก่งกว่าแม่มันคือการยอมรับความ
00:04:56 → 00:04:59 จริงง่ายๆเลยครับว่าไม่ว่าเราจะมีความรู้
00:04:59 → 00:05:02 เยอะแค่ไหนเทคนิคจะดีเลิศยังไงหรือความ
00:05:02 → 00:05:04 ตั้งใจจะแรงกล้าขนาดไหนก็ตามแต่สุดท้าย
00:05:04 → 00:05:07 แล้วสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของร่างกายที่
00:05:07 → 00:05:10 คอร์ดีซอลเป็นคนคุมเนี่ยคือสิ่งที่อยู่
00:05:10 → 00:05:12 เหนือทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราต้องเคารพและ
00:05:12 → 00:05:16 ห้ามไปงัดข้อด้วยเด็ดขาดดังนั้นก่อนที่จะ
00:05:16 → 00:05:18 เริ่มโปรเจคสุดโหดท้าทายร่างกายครั้งต่อ
00:05:19 → 00:05:21 ไปเนี่ยบางทีคำถามที่สำคัญที่สุดที่เรา
00:05:21 → 00:05:25 ต้องถามตัวเองอาจจะไม่ใช่เราทำไหวมแต่
00:05:25 → 00:05:27 เป็นคำถามที่เราเราต้องหันกลับไปถามบอส
00:05:27 → 00:05:30 ใหญ่ในร่างกายเราก่อนว่าแม่อนุญาตหรือ
00:05:30 → 00:05:33 เปล่า
00:05:33 → 00:05:35 >> สวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่การพูดคุย
00:05:35 → 00:05:38 เจาะลึกกันอีกครั้งนะครับวันนี้เรามี
00:05:38 → 00:05:41 เรื่องน่าสนใจมากๆเอ่อเกี่ยวกับฮอร์โมน
00:05:41 → 00:05:44 ตัวนึงที่ในเนื้อหาที่เราได้มาเนี่ยเขา
00:05:44 → 00:05:46 เรียกว่าเป็นตัวแม่เลยครับ
00:05:46 → 00:05:47 >> ค่ะสวัสดีค่ะ
00:05:47 → 00:05:50 >> ครับผมซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีบทบาทสำคัญมากๆ
00:05:50 → 00:05:54 นะครับในการควบคุมกลไกการทำงานของร่างกาย
00:05:54 → 00:05:57 โดยเฉพาะเวลาที่เราเจอเรื่องท้าทายต่างๆ
00:05:57 → 00:05:59 >> ใช่ค่ะเนื้อหาที่เราจะมาคุยกันวันนี้มา
00:05:59 → 00:06:03 จากข้อเขียนที่เอ่อเขาเน้นเลยนะคะถึงความ
00:06:03 → 00:06:06 สำคัญของฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอรtisซอลค่ะ
00:06:06 → 00:06:07 >> คอิซอล
00:06:07 → 00:06:10 >> ค่ะซึ่งผู้เขียนเขาใช้คำเปรียบเปลยได้แบบ
00:06:10 → 00:06:12 อืมเห็นภาพชัดมากเลยนะคะ
00:06:12 → 00:06:15 >> ครับผมเป้าหมายวันนี้ของเราก็คือจะมาทำ
00:06:15 → 00:06:18 ความเข้าใจกันว่าทำไมถึงเรียกว่าตัวแม่
00:06:18 → 00:06:21 แล้วการการฟังสัญญาณจากฮอร์โมนตัวนี้
00:06:21 → 00:06:24 เนี่ยมันสำคัญกับสุขภาพยังไงอือ
00:06:24 → 00:06:24 >> ฮึ
00:06:24 → 00:06:27 >> โดยเฉพาะเลยนะครับสำหรับคนที่แบบใช้ร่าง
00:06:27 → 00:06:30 กายหนักๆหรือว่ากำลังคุมอาหารแบบเข้มข้น
00:06:30 → 00:06:33 มากๆเอาล่ะครับเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
00:06:33 → 00:06:34 >> ได้เลยค่ะ
00:06:34 → 00:06:38 >> จุดแรกที่ผมว่าเอ่อน่าสนใจมากเลยจากในข้อ
00:06:38 → 00:06:41 เขียนนี้นะครับคือเขาบอกว่าร่างกายเรา
00:06:41 → 00:06:43 เนี่ยไม่ใช่แค่เคลื่อนจากที่แบบคอยนับ
00:06:43 → 00:06:45 แคลอรี่เฉยๆ
00:06:45 → 00:06:45 >> ค่ะ
00:06:45 → 00:06:48 >> แต่เป็นเหมือนระบบอัจฉริยะเลยที่ถูกออก
00:06:48 → 00:06:51 แบบมาเพื่อการเอาตัวรอด
00:06:51 → 00:06:55 >> ใช่ค่ะคำนี้สำคัญมากเลยนะคะการเอาตัวรอด
00:06:55 → 00:06:58 มันทำให้เรามองภาพใหญ่ขึ้นเยอะเลย
00:06:58 → 00:07:01 >> ครับคือไม่ใช่แค่เผาผลาญพลังงานไปวันๆ
00:07:01 → 00:07:03 >> ถูกต้องค่ะมันเป็นเรื่องของกลไกการปรับ
00:07:04 → 00:07:07 ตัวการจัดการทรัพยากรในร่างกายซึ่งซับ
00:07:07 → 00:07:09 ซ้อนกว่าที่เราคิดเยอะเลยค่ะ
00:07:09 → 00:07:11 >> แล้วในระบบที่ว่าเนี่ยนะครับข้อเขียนก็
00:07:11 → 00:07:14 ชี้ไปเลยว่ามีผู้ควบคุมหลักอยู่คนหนึ่งก็
00:07:14 → 00:07:18 คือฮอร์โมนคอรตีซ่อหรือที่เขาเรียกว่าตัว
00:07:18 → 00:07:19 แม่เนี่ยแหละครับ
00:07:19 → 00:07:22 >> อืมการใช้คำว่าตัวแม่นี่คือสะท้อนบทบาท
00:07:22 → 00:07:23 ได้ดีมากเลยนะคะ
00:07:23 → 00:07:27 >> ครับผมยังไงครับช่วยขยายความนิดนึงครับ
00:07:27 → 00:07:30 >> คือในทางสรีรวิทยานะคะคอร์ติซอเนี่ยเป็น
00:07:30 → 00:07:33 ฮอร์โมนกลุ่มสเตรอยด์ที่ต่อมหมวกไตเขา
00:07:33 → 00:07:36 สร้างขึ้นมาหน้าที่หลักๆเลยก็คือช่วยให้
00:07:36 → 00:07:37 ร่างกายรับมือกับสิ่งที่เรียกว่าความ
00:07:38 → 00:07:39 เครียดน่ะค่ะ
00:07:39 → 00:07:41 >> ความเครียดนี่หมายถึงแค่เรื่องงานเรื่อง
00:07:41 → 00:07:43 คิดมากหรือเปล่าครับหรือว่า
00:07:43 → 00:07:47 >> อ๋อไม่ใช่แค่นั้นค่ะคือคำว่าความเครียดใน
00:07:47 → 00:07:50 ที่นี้มันกว้างมากค่ะมันรวมถึงความเครียด
00:07:50 → 00:07:53 ทางกายภาพด้วยอย่างเช่นเอ่อออกกำลังกาย
00:07:53 → 00:07:55 หนักๆอออ๋อครับ
00:07:55 → 00:07:58 >> การอดอาหารการติดเชื้อหรือแม้แต่ตอนเรา
00:07:58 → 00:08:00 บาดเจ็บร่างกายก็มองว่าเป็นความเครียด
00:08:00 → 00:08:01 เหมือนกันหมดเลยค่ะ
00:08:01 → 00:08:03 >> แสดงว่าไม่ว่าจะเครียดเรื่องส่วนตัวหรือ
00:08:03 → 00:08:06 เครียดจากการวิ่งมาราธอนหนักๆเนี่ยร่าง
00:08:06 → 00:08:07 กายมองเหมือนกันเลย
00:08:07 → 00:08:10 >> ใช่ค่ะใช่แล้วคอร์ตินี่แหละค่ะคือตัวจัด
00:08:10 → 00:08:13 การหลักเลยมันจะส่งสัญญาณไปทั่วร่างกาย
00:08:13 → 00:08:15 เลยนะคะเพื่อปรับการทำงานส่วนต่างๆให้
00:08:15 → 00:08:16 พร้อมรับมือ
00:08:16 → 00:08:18 >> ปรับยังไงบ้างครับพ่อจะยกตัวอย่างได้มั้
00:08:18 → 00:08:19 ครับ
00:08:19 → 00:08:22 >> ก็อย่างเช่นสั่งให้สลายพลังงานสำรองออกมา
00:08:22 → 00:08:24 ใช้ไม่ว่าจะเป็นใกล้โคตหรือไขมันเพื่อให้
00:08:24 → 00:08:26 มีพลังงานทันที
00:08:26 → 00:08:26 >> ครับ
00:08:26 → 00:08:28 >> เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อให้สมองกับ
00:08:28 → 00:08:31 กล้ามเนื้อมีเชื้อเพลิงพอใช้แล้วก็อาจจะ
00:08:31 → 00:08:34 ไปเอ่อชะลอการทำงานของระบบอื่นๆที่ยังไม่
00:08:34 → 00:08:36 จำเป็นเร่งด่วนในตอนนั้น
00:08:36 → 00:08:37 >> อ๋อเช่น
00:08:37 → 00:08:40 >> เช่นระบบย่อยอาหารหรือระบบภูมิคุ้มกันบาง
00:08:40 → 00:08:43 ส่วนเพื่อเก็บแรงไว้จัดการกับปัญหาเฉพาะ
00:08:43 → 00:08:45 หน้าก่อนหรือที่เรียกว่าสู้หรือหนี Fight
00:08:45 → 00:08:46 or Flight นะคะ
00:08:46 → 00:08:49 >> เข้าใจแล้วครับที่เรียกว่าตัวแม่ก็เพราะ
00:08:49 → 00:08:53 เหมือนเป็นคนคอยตัดสินใจคอยจัดสรรพพยากร
00:08:53 → 00:08:55 ของร่างกายนี่เอง
00:08:55 → 00:08:58 >> ถูกต้องเป๊ะเลยค่ะว่าจะจัดสรรไปทางไหนจะ
00:08:58 → 00:09:01 รับมือไหวแค่ไหนอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ
00:09:01 → 00:09:04 >> ชัดเจนเลยครับทีนี้ทีนี้ในข้อเขียนเขาก็
00:09:04 → 00:09:07 ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่โหดๆกับร่างกาย
00:09:07 → 00:09:11 หน่อยนะครับอย่างเช่นวิงมาราธอนอัลตราธอน
00:09:11 → 00:09:13 ไตรกีลา
00:09:13 → 00:09:15 >> ค่ะกิจกรรมหนักๆทั้งนั้นเลย
00:09:15 → 00:09:19 >> ใช่ครับหรือแม้แต่การอดอาหารนานๆการกิน
00:09:19 → 00:09:23 แบบจำกัดมากๆเช่นกินวันละมื้อหรือกินวัน
00:09:23 → 00:09:24 เว้นวันอะไรแบบเนี้ย
00:09:24 → 00:09:25 >> อือฮึ
00:09:25 → 00:09:27 >> ผู้เขียนเขาบอกไว้น่าสนใจมากครับเขาบอก
00:09:27 → 00:09:31 ว่าเราทำได้หมดนั่นแหละแต่มีดอกจันทร์ตัว
00:09:31 → 00:09:32 ใหญ่ๆว่า
00:09:32 → 00:09:33 >> ว่า
00:09:33 → 00:09:38 >> ถ้าเขายอมให้ทำเราก็ทำได้ซึ่งเค้าที่ว่า
00:09:38 → 00:09:41 เนี่ยก็คือตัวแม่หรือคอร์ตินี่เอง
00:09:41 → 00:09:45 >> ค่ะประโยคนี้สำคัญมากเลยนะคะถ้าเขายอมให้
00:09:45 → 00:09:46 ทำ
00:09:46 → 00:09:49 >> ครับมันหมายถึงอะไรครับในทางเอ่อทางร่าง
00:09:49 → 00:09:51 กายทางชีววิทยา
00:09:51 → 00:09:55 >> ในทางสรีรวิทยายานะคะก็หมายถึงว่าถ้าความ
00:09:55 → 00:09:57 เครียดที่ร่างกายเจอน่ะค่ะมันยังอยู่ใน
00:09:57 → 00:10:02 ระดับที่ระบบของเราเอ่อจัดการได้หรือที่
00:10:02 → 00:10:04 เรียกว่าเป็นความเครียดที่ช่วยให้ปรับตัว
00:10:04 → 00:10:06 Adaptive Stress นะคะ
00:10:06 → 00:10:07 >> ครับผม
00:10:07 → 00:10:10 >> แล้วก็สำคัญคือต้องมีช่วงเวลาพักฟื้นที่
00:10:10 → 00:10:13 พอด้วยนะคะถ้าเป็นแบบนี้คอร์ติซอลก็จะทำ
00:10:13 → 00:10:17 งานตามปกติช่วยให้เราปรับตัวแล้วก็อาจจะ
00:10:17 → 00:10:18 แข็งแรงขึ้นด้วยซ้ำ
00:10:18 → 00:10:21 >> อ๋อเหมือนฝึกแล้วได้ผลดี
00:10:21 → 00:10:25 >> ใช่ค่ะแต่ถ้าเราฝืนร่างกายเกินไปซ้ำๆหรือ
00:10:25 → 00:10:28 ว่าเครียดนานๆต่อเนื่องแบบไม่มีเวลาพัก
00:10:28 → 00:10:31 เลยอันเนี้ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะที่เรียก
00:10:31 → 00:10:34 ว่าเครียดเรือรั่ง cronic strสหรือที่บาง
00:10:34 → 00:10:36 ทีก็เรียกว่า overload หรือ burn out
00:10:36 → 00:10:37 ได้เลยค่ะ
00:10:37 → 00:10:41 >> นั่นสินะครับงั้นการยอมให้ทำก็คือร่างกาย
00:10:41 → 00:10:45 อย่างโอเคยังปรับตัวได้แต่ถ้าเราไม่ฟัง
00:10:45 → 00:10:48 ล่ะครับฝืนไปเรื่อยๆทั้งที่เริ่มมีสัญญาณ
00:10:48 → 00:10:51 เตือนแล้วข้อเขียนนี้เ้าเปรียบเทียบได้
00:10:51 → 00:10:52 เห็นภาพเลยนะครับ
00:10:52 → 00:10:53 >> ว่ายังไงคะ
00:10:53 → 00:10:57 >> เาค้าบอกว่าถ้าเค้าไม่ยอมให้ทำเราก็ยังทำ
00:10:57 → 00:10:57 ได้อยู่ดี
00:10:57 → 00:10:59 >> อ้าวทำได้เหรอคะ
00:10:59 → 00:11:02 >> เรากับแม่จะเริ่มผิดใจกันแม่จะเริ่มดื้อ
00:11:02 → 00:11:06 เริ่มโมโหหงุดหงิดและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย
00:11:06 → 00:11:09 ๆหูฟังดูเหมือนความสัมพันธ์กำลังแย่เลยนะ
00:11:09 → 00:11:10 ครับ
00:11:10 → 00:11:14 >> ใช่ค่ะเป็นการเปรียบเปลยที่คือมันตรงมาก
00:11:14 → 00:11:18 เลยค่ะการผิดใจกับแม่หรือการที่เราไม่สน
00:11:18 → 00:11:20 ใจสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาผ่าน
00:11:20 → 00:11:23 คอร์ติซอลนี่แหละค่ะคือจุดเปลี่ยนเลย
00:11:23 → 00:11:25 >> ครับจุดเปลี่ยนยังไงครับ
00:11:25 → 00:11:28 >> คือพอคอร์ติมันถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมา
00:11:28 → 00:11:31 เยอะๆนานๆติดต่อกันหรือรูปแบบการหลั่งใน
00:11:31 → 00:11:35 แต่ละวันเพี้ยนไปเช่นสูงตลอดหรือดันมาสูง
00:11:35 → 00:11:37 ตอนกลางคืนที่ควรจะต่ำอือฮึ
00:11:37 → 00:11:40 >> ทีนี้ล่ะค่ะแทนที่มันจะช่วยมันจะเริ่ม
00:11:40 → 00:11:42 สร้างปัญหาให้กับระบบต่างๆทั่วร่างกายเลย
00:11:42 → 00:11:42 ค่ะ
00:11:42 → 00:11:47 >> ผลกระทบที่ตามมานี่อืมในข้อเขียนบอกไว้
00:11:47 → 00:11:48 ค่อนข้างน่ากังวลเลยนะครับ
00:11:48 → 00:11:51 >> ใช่ค่ะใช่เค้าเขียนไว้ค่อนข้างเอ่อแรง
00:11:51 → 00:11:52 เหมือนกันนะคะ
00:11:52 → 00:11:53 >> ครับ
00:11:53 → 00:11:56 >> เบอกว่าผลที่ตามมาคือความไม่สมดุลของ
00:11:56 → 00:11:59 ฮอร์โมนตัวอื่นๆอย่างแรกเลยที่เขาพูดถึง
00:11:59 → 00:12:02 คือไทรอยด์ไปก่อนเลยเพราะใจเสาะสุด
00:12:02 → 00:12:03 >> โหไทรอยด์เลยเหรอครับ
00:12:03 → 00:12:07 >> ค่ะแล้วก็ตามด้วยอินซูลินแล้วภาระมันก็จะ
00:12:07 → 00:12:11 ไปตกหนักที่อวัยวะอื่นๆอย่างไตตับก็จะ
00:12:11 → 00:12:14 ค่อยๆตามไปจนอาจจะไปถึงจุดที่เขาเรียกว่า
00:12:14 → 00:12:16 เผาร่างกายตัวเองเลยค่ะ
00:12:16 → 00:12:19 >> คำว่าเผาร่างกายตัวเองนี่ฟังดูหน้ากลัว
00:12:19 → 00:12:22 มากเลยครับมันหมายความว่าอะไรในทางกลไก
00:12:22 → 00:12:25 ครับทำไมการผิดใจกับคอรtisซอลถึงถึงไปถึง
00:12:25 → 00:12:26 จุดนั้นได้
00:12:26 → 00:12:29 >> คือภาวะเครียดเรื้อรังที่ทำให้คอร์ติซอล
00:12:29 → 00:12:33 ทำงานผิดปกตินะค่ะมันส่งผลต่อกันเป็นทอด
00:12:33 → 00:12:36 เลยอย่างเช่นคอร์ติโซที่สูงนานๆเนี่ยมัน
00:12:36 → 00:12:39 สามารถไปกดการทำงานของแกนควบคุมฮอร์โมน
00:12:39 → 00:12:40 ไทรรอยด์ได้ค่ะ
00:12:40 → 00:12:41 >> อ๋อครับ
00:12:41 → 00:12:43 >> ให้การเปลี่ยนฮอร์โมนไทรอยด์ตัวที่ไม่
00:12:43 → 00:12:47 ค่อยทำงาน T4 ไปเป็นตัวที่ทำงาน T3 มันลด
00:12:47 → 00:12:52 ลงผลก็คือระบบเผาผลานเราก็จะช้าลงรู้สึก
00:12:52 → 00:12:55 เหนื่อยง่ายอ่อนเพลียบางทีก็ทนหนาวไม่
00:12:55 → 00:12:55 ห้อยได้
00:12:55 → 00:12:56 >> ครับผม
00:12:56 → 00:12:59 >> นอกจากนั้นนะคะคอร์ติที่สูงๆเนี่ยยังไป
00:12:59 → 00:13:02 ขัดขวางการทำงานของอินซูลินด้วยทำให้
00:13:02 → 00:13:05 เซลล์เราตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี
00:13:05 → 00:13:08 เหมือนเดิมหรือที่เรียกว่าภาวะดื้อ
00:13:08 → 00:13:10 อินซูลินอซูลิน resistance นะค่ะ
00:13:10 → 00:13:12 >> ซึ่งอันนี้ก็เสี่ยงต่อเบาหวาน
00:13:12 → 00:13:16 >> ใช่ค่ะเสี่ยงต่อเบาหวานชนิดที่ 2 แล้วพอ
00:13:16 → 00:13:18 ฮอร์โมนหลักๆมันเริ่มรวนแบบเนี้ยร่างร่าง
00:13:18 → 00:13:22 กายก็ต้องพยายามปรับตัวชดเชยซึ่งมันก็ไป
00:13:22 → 00:13:25 เพิ่มภาระให้อวัยวะสำคัญอย่างตับที่ต้อง
00:13:25 → 00:13:28 จัดการเรื่องน้ำตาลเรื่องการเผาผลาญต่างๆ
00:13:28 → 00:13:31 หรือไตที่ต้องคุมสมดุลของเหลวกับเกลือแร่
00:13:31 → 00:13:32 >> ครับ
00:13:32 → 00:13:35 >> คำว่าเผาร่างกายตัวเองมันก็เลยเหมือนการ
00:13:35 → 00:13:37 เปรียบเปลยถึงสภาวะที่เอ่อกระบวนการใน
00:13:37 → 00:13:40 ร่างกายมันเริ่มทำร้ายตัวเองจากผลของความ
00:13:40 → 00:13:43 เครียดสะสมที่มันเกินจะรับไหวแล้วนะค่ะ
00:13:43 → 00:13:46 >> โหมันเป็นลูกโซ่จริงๆนะครับจากเครียดไป
00:13:46 → 00:13:49 ฮอร์โมนแล้วก็ไปอวัยวะทีนี้มีคำเตือนที่
00:13:49 → 00:13:53 เจาะจงมาเลยนะครับถึงกลุ่มสายแรงขาแรง
00:13:53 → 00:13:54 Active
00:13:54 → 00:13:54 >> ค่ะ
00:13:54 → 00:13:55 >> กลุ่มออกกำลังกายหนักๆ
00:13:55 → 00:13:56 >> ใช่ค่ะ
00:13:56 → 00:13:59 >> กลุ่มนี้เนี่ยข้อเขียนบอกว่ายิ่งต้องเข้า
00:13:59 → 00:14:02 ใจเรื่องคอรซิซอให้ดีเลยแล้วก็มีข้อ
00:14:02 → 00:14:05 สังเกตที่ผมว่าน่าสนใจมากคือยิ่งผอมยิ่ง
00:14:05 → 00:14:08 พังเร็วเหมือนติดเทอร์โบทำไมล่ะครับทำไม
00:14:08 → 00:14:11 คนผอมถึงเสี่ยงกว่า
00:14:11 → 00:14:14 >> อืมข้อสังเกตเรื่องคนผอมอาจจะพังเร็วกว่า
00:14:14 → 00:14:16 เนี่ยก็น่าจะมาจากหลายๆอย่างประกอบกันนะ
00:14:16 → 00:14:19 คะอย่างแรกเลยคนที่เปอร์เซ็นต์ไขมันใน
00:14:19 → 00:14:21 ร่างกายน้อยมากๆค่ะ
00:14:21 → 00:14:25 >> ก็อาจจะมีพลังงานสำรองน้อยกว่าพอเจอกับ
00:14:25 → 00:14:27 ความเครียดทางกายหนักๆนานๆอย่างออกกำลัง
00:14:27 → 00:14:30 กายหนักต่อเนื่องร่างกายก็อาจจะเหมือนไม่
00:14:31 → 00:14:33 มีบัฟเฟอร์หรือไม่มีแหล่งพลังงานสำรองพอ
00:14:33 → 00:14:37 ทำให้ระบบมันเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้เร็วกว่า
00:14:37 → 00:14:40 >> อ๋อเหมือนเหมือนไม่มีคลังเสบียงเท่าคน
00:14:40 → 00:14:41 อื่น
00:14:41 → 00:14:45 >> ประมาณนั้นค่ะแล้วก็อย่างที่ 2 นะคะไขมัน
00:14:45 → 00:14:47 ในร่างกายเราเนี่ยไม่ได้มีไว้แค่เก็บพลัง
00:14:47 → 00:14:49 พลังงานอย่างเดียวนะคะมันมีส่วนในการ
00:14:49 → 00:14:52 สร้างฮอร์โมนบางตัวด้วยอย่างเล็บินหรือ
00:14:52 → 00:14:55 ช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมนเพศ
00:14:55 → 00:14:55 >> ครับผม
00:14:55 → 00:14:58 >> การที่ไขมันน้อยเกินไปมากๆเนี่ยมันก็อาจ
00:14:58 → 00:15:01 จะกระทบสมดุลฮอร์โมนโดยรวมอยู่แล้วพอมา
00:15:01 → 00:15:04 เจอความเครียดหนักๆจากกิจกรรมเข้าไปอีกก็
00:15:04 → 00:15:06 เลยอาจจะทำให้ระบบมันเสียสมดุลได้ง่าย
00:15:06 → 00:15:08 กว่าเร็วกว่าค่ะ
00:15:08 → 00:15:11 >> เข้าใจเลยครับเหมือนเกราะป้องกันหรือแทบ
00:15:11 → 00:15:14 ทรัพย์พยากรสำรองน้อยกว่าแล้วก็มีอีก
00:15:14 → 00:15:17 ประเด็นที่ต้องพูดถึงเหมือนกันคือน้ำ
00:15:17 → 00:15:21 เสียงในข้อเขียนช่วงนึงที่ค่อนข้างจะ
00:15:21 → 00:15:23 เรียกว่าเหน็บแนมนิดๆก็ได้ครับ
00:15:23 → 00:15:24 >> ค่ะตรงไหนคะ
00:15:24 → 00:15:27 >> ตรงที่พูดถึงพวกปากดีบอกว่าไม่เห็นเป็นไร
00:15:27 → 00:15:31 เลยขาบก็ไม่กินด้วยแล้วก็เสริมแบบคล้ายๆ
00:15:31 → 00:15:34 ประชดว่าสนับสนุนไปให้สุดทางจะได้เจอผล
00:15:34 → 00:15:36 ลัพธ์ที่ว่าเร็วๆ
00:15:36 → 00:15:38 >> อ๋อค่ะ
00:15:38 → 00:15:41 >> ตรงนี้ผมขอย้ำกับคุณผู้ฟังอีกทีนะครับว่า
00:15:41 → 00:15:43 เราแค่นำเสนอเนื้อหาและมุมมองจากข้อเขียน
00:15:43 → 00:15:46 ที่ได้มานะครับไม่ได้มีเจตนาจะสนับสนุน
00:15:46 → 00:15:48 หรือต่อต้านแนวทางสุขภาพใดๆเป็นการส่วน
00:15:48 → 00:15:49 ตัวนะครับ
00:15:49 → 00:15:52 >> ถูกต้องเลยค่ะการวางตัวเป็นกลางในการนำ
00:15:52 → 00:15:54 เสนอข้อมูลแบบนี้สำคัญมากค่ะสิ่งที่ข้อ
00:15:54 → 00:15:57 เขียนนี้น่าจะอยากสื่อผ่านน้ำเสียงแบบ
00:15:57 → 00:16:00 นั้นนะคะคืออาจจะอยากกระตุ้นให้เราฉุกคิด
00:16:00 → 00:16:04 ถึงแนวโน้มที่บางคนอาจจะเอ่อผลักดันร่าง
00:16:04 → 00:16:06 กายไปสุดขั้วเกินไป
00:16:06 → 00:16:06 >> ครับผม
00:16:06 → 00:16:10 >> โดยเฉพาะการทำอะไรที่มันหนักๆพร้อมๆกัน
00:16:10 → 00:16:14 อย่างเช่นออกกำลังกายหนักมากๆบวกกับจำกัด
00:16:14 → 00:16:16 สารอาหารบางอย่างมากๆอย่างในที่นี้คือ
00:16:16 → 00:16:18 คาร์โบไฮเดรต
00:16:18 → 00:16:21 >> ครับซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้มันก็เพิ่มความ
00:16:21 → 00:16:22 เครียดให้ร่างกายอยู่แล้ว
00:16:22 → 00:16:24 >> ใช่ค่ะทั้งคู่เลยต่างก็กระตุ้นการหลั่ง
00:16:24 → 00:16:28 คอร์ติได้พอทำพร้อมกันโดยอาจจะยังไม่เข้า
00:16:28 → 00:16:31 ใจกลไกหรือไม่มีการจัดการที่ดีพอมันก็อาจ
00:16:31 → 00:16:34 จะเหมือนเร่งให้เกิดผลเสียเร็วขึ้นโดยมี
00:16:34 → 00:16:37 คอร์ติซอลไปเหมือนศูนย์กลางของปฏิกิริยา
00:16:37 → 00:16:38 นี้น่ะค่ะ
00:16:38 → 00:16:41 >> ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มันก็วนกลับมาที่
00:16:41 → 00:16:44 ประเด็นหลักคือการเข้าใจขีดจำกัดของร่าง
00:16:44 → 00:16:48 กายตัวเองแล้วก็การหัดฟังเสียงเตือนที่
00:16:48 → 00:16:49 ร่างกายส่งมาใช่มั้ยครับ
00:16:49 → 00:16:53 >> ใช่เลยค่ะมันคือการย้ำเตือนให้เราระลึก
00:16:53 → 00:16:56 อยู่เสมอว่าร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:16:56 → 00:16:59 จริงๆนะคะสิ่งที่คนนึงทำได้อีกคนอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:01 ไม่ได้หรือไม่เหมาะก็ได้
00:17:01 → 00:17:01 >> ครับ
00:17:01 → 00:17:04 >> การทำตามกันไปหรือเชื่ออะไรโดยไม่ได้ดู
00:17:04 → 00:17:07 สัญญาณจากร่างกายตัวเองเลยเนี่ยมันอาจจะ
00:17:07 → 00:17:10 นำไปสู่ผลเสียระยะยาวได้คอร์ติซอลก็
00:17:10 → 00:17:13 เหมือนเหมือนเป็นทูตคอยส่งข่าวจากข้างใน
00:17:13 → 00:17:14 ร่างกายเราเนี่ยแหละค่ะ
00:17:14 → 00:17:15 >> ครับผม
00:17:15 → 00:17:19 >> แล้วอย่างที่ข้อเขียนเสรุปไว้นะคะคือมัน
00:17:19 → 00:17:21 ทรงพลังมากจริงๆอิทธิพลของคอร์ติซอลเนี่ย
00:17:21 → 00:17:22 กว้างขวางมาก
00:17:22 → 00:17:23 >> ประโยคไหนครับ
00:17:24 → 00:17:27 >> ที่เขาบอกว่าแม่สั่งได้ทุกระบบในร่างกาย
00:17:27 → 00:17:29 ยันสมองไปถึงความคิดความฝัน
00:17:29 → 00:17:32 >> โหประโยคนี้มันสะท้อนความสำคัญของ
00:17:32 → 00:17:35 คอร์ติซอลได้ครอบคลุมจริงๆนะครับสั่งได้
00:17:35 → 00:17:39 ยันสมองไปถึงความคิดความฝันนี่คือมันไม่
00:17:39 → 00:17:42 ใช่แค่เรื่องกายภาพหรือระบบเผาผลานแล้วสิ
00:17:42 → 00:17:42 ครับ
00:17:42 → 00:17:45 >> แน่นอนค่ะคือคอร์ติเนี่ยเนี่ยมันมีตัวรับ
00:17:45 → 00:17:48 สัญญาณอยู่ในสมองหลายส่วนเลยนะคะโดยเฉพาะ
00:17:49 → 00:17:52 ส่วนที่เกี่ยวกับความจำการตัดสินใจแล้วก็
00:17:52 → 00:17:53 อารมณ์
00:17:53 → 00:17:53 >> ครับ
00:17:53 → 00:17:56 >> การที่คอร์ดิเซอลมันสูงค้างนานๆนะคะมัน
00:17:57 → 00:18:00 ส่งผลต่อการทำงานของสมองส่วนพวกนี้ได้อาจ
00:18:00 → 00:18:03 จะทำให้เรามีปัญหาเรื่องสมาธิความจำการ
00:18:03 → 00:18:07 ตัดสินใจหรือรู้สึกวิตกกังวลหงุดหงิดง่าย
00:18:07 → 00:18:09 หรืออาจจะมีภาวะซึมเศร้าได้เลย
00:18:09 → 00:18:09 >> อืม
00:18:10 → 00:18:13 >> รวมทั้งไปรบกวนการนอนด้วยค่ะทำให้หลับยาก
00:18:13 → 00:18:14 หรือหลับไม่สนิท
00:18:14 → 00:18:17 ซึ่งพอเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งย้อนกลับมา
00:18:17 → 00:18:19 เพิ่มความเครียดให้ร่างกายอีกเป็นวงจรที่
00:18:19 → 00:18:20 ไม่ดีเลยค่ะ
00:18:20 → 00:18:23 >> เพราะฉะนั้นคำแนะนำสุดท้ายที่มาจากข้อ
00:18:23 → 00:18:26 เขียนนี้ก็เลยเอ้อสมเหตุสมผลมากเลยครับ
00:18:26 → 00:18:30 เขาบอกว่าก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรที่
00:18:30 → 00:18:35 มันท้าทายร่างกายมากๆหรือจะโอดอาหารคุม
00:18:35 → 00:18:36 อาหารแบบสุดโต่งเนี่ย
00:18:36 → 00:18:37 >> ค่ะ
00:18:37 → 00:18:39 >> คำถามสำคัญที่เราต้องถามไม่ใช่ไปถาม
00:18:39 → 00:18:42 เทรนเนอร์ไม่ใช่ถามเพื่อนไม่ใช่ถามกูรู
00:18:42 → 00:18:45 ที่ไหนแต่ต้องไปถามถามตัวแม่นะว่าได้ไหม
00:18:45 → 00:18:47 >> อื
00:18:47 → 00:18:49 >> ซึ่งก็หมายถึงการกลับมาฟังเสียงร่างกาย
00:18:49 → 00:18:52 ตัวเองสังเกตสัญญาณต่างๆที่คอร์ติซอลอาจ
00:18:52 → 00:18:54 จะกำลังส่งมาให้เรานี่เอง
00:18:54 → 00:18:58 >> ใช่เลยค่ะเป็นบทสรุปที่นำไปใช้ได้จริงมาก
00:18:58 → 00:19:01 ๆค่ะเพราะสุดท้ายแล้วไม่มีใครรู้จักร่าง
00:19:01 → 00:19:05 กายเราณตอนนั้นได้ดีเท่าตัวเราเองจริงๆ
00:19:05 → 00:19:05 >> ครับ
00:19:05 → 00:19:09 >> การเรียนรู้ที่จะฟังฟังเสียงเหล่านั้นไม่
00:19:09 → 00:19:13 ว่าจะเป็นความเหนื่อยการนอนอารมณ์ความ
00:19:13 → 00:19:15 อยากอาหารหรือแม้แต่ประสิทธิภาพตอนออก
00:19:15 → 00:19:18 กำลังกายแล้วก็เคารพสัญญาณเตือนเหล่านั้น
00:19:18 → 00:19:21 เนี่ยแหละค่ะคือกุญแจสำคัญของการรักษา
00:19:21 → 00:19:24 สมดุลแล้วก็สุขภาพที่ดีในระยะยาวค่ะ
00:19:24 → 00:19:28 >> ครับผมเราก็ได้เจาะลึกกันมาพอสมควรแล้วนะ
00:19:28 → 00:19:31 ครับกับเรื่องราวของคอทิซอลฮอร์โมนที่
00:19:31 → 00:19:34 เปรียบเหมือนตัวแม่ของร่างกายเรานะครับ
00:19:34 → 00:19:37 สรุปสั้นๆก็คือคอทิซอลเนี่ยสำคัญมากในการ
00:19:38 → 00:19:40 ช่วยให้เราปรับตัวรับมือกับความเครียด
00:19:40 → 00:19:41 ต่างๆ
00:19:41 → 00:19:41 >> ค่ะ
00:19:41 → 00:19:43 >> จำเป็นต่อการอยู่รอดเลย
00:19:43 → 00:19:48 >> ใช่ค่ะแต่ว่าการฝื่นร่างกายเกินไปซ้ำๆ
00:19:48 → 00:19:51 หรือไม่สนใจสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมา
00:19:51 → 00:19:53 ผ่านฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันอาจจะนำไปสู่
00:19:53 → 00:19:55 ภาวะเครียดเรื้อรังได้
00:19:55 → 00:19:56 >> อือฮึ
00:19:56 → 00:19:58 >> ซึ่งสมผลกระทบเป็นวงกว้างเลยนะคะ
00:19:58 → 00:20:02 >> ครับตั้งแต่ฮอร์โมนตัวอื่นระบบเผาผลาญไป
00:20:02 → 00:20:05 จนถึงอวัยวะสำคัญแล้วก็สภาพจิตใจด้วย
00:20:05 → 00:20:07 >> เรียกว่าเราต้องกลัวความเครียดหรือหลีก
00:20:07 → 00:20:09 เลี่ยงความท้าทายไปซะหมดนะคะ
00:20:09 → 00:20:09 >> ครับ
00:20:09 → 00:20:12 >> แต่มันคือการทำความเข้าใจกลไกของร่างกาย
00:20:12 → 00:20:16 เราเองโดยเฉพาะบทบาทของคอร์ติซอลแล้วก็
00:20:16 → 00:20:20 พยายามหาสมดุลที่มันพอดีๆนะคะระหว่างการ
00:20:20 → 00:20:22 ใช้งานร่างกายกับการดูแลและฟื้นฟูร่างกาย
00:20:22 → 00:20:23 ให้เพียงพอ
00:20:23 → 00:20:26 >> เพื่อให้ตัวแม่ทำงานได้ดีไม่โกรธเราว่า
00:20:26 → 00:20:27 งั้นเหรอครับ
00:20:27 → 00:20:30 >> ใช่ค่ะใช่ไม่เกิดภาวะผิดใจกันหรือทำงาน
00:20:30 → 00:20:33 หนักเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมใน
00:20:33 → 00:20:34 ระยะยาวค่ะ
00:20:34 → 00:20:37 >> เป็นมุมมองที่ช่วยให้เราดูแลตัวเองได้ดี
00:20:37 → 00:20:39 ขึ้นจริงๆครับก่อนจะจบกันไปวันนี้นะครับ
00:20:40 → 00:20:44 ผมมีคำถามนึงที่อยากจะฝากไว้ให้ลองคิดตาม
00:20:44 → 00:20:45 กันดูเล่นๆนะครับ
00:20:45 → 00:20:46 >> ค่ะเชิญเลยค่ะ
00:20:46 → 00:20:50 >> คือในเมื่อเราเห็นแล้วว่าข้อเขียนนี้เขา
00:20:50 → 00:20:52 ชี้ให้เห็นอิทธิพลของคอร์ติซอลที่มัน
00:20:52 → 00:20:56 กว้างมากถึงขนาดว่าสั่งได้ยันสมองไปถึง
00:20:56 → 00:20:57 ความคิดความฝัน
00:20:57 → 00:20:57 >> ค่ะ
00:20:57 → 00:21:02 >> มันก็แน่คิดต่อนะครับว่าถ้าเราปล่อยให้
00:21:02 → 00:21:05 ตัวเองอยู่ในภาวะเครียดเหลือรังนานๆไม่
00:21:05 → 00:21:08 ว่าจะเครียดจากเรื่องงานเรื่องส่วนตัว
00:21:08 → 00:21:11 หรือเครียดจากการใช้ร่างกายหนักๆโดยที่
00:21:11 → 00:21:14 เราอาจจะไม่รู้ตัวหรือเพิกเฉยสัญญาณเล็กๆ
00:21:14 → 00:21:16 น้อยๆที่ร่างกายพยายามบอกมาเรื่อยๆ
00:21:17 → 00:21:17 >> อือฮึ
00:21:17 → 00:21:21 >> ผลกระทบที่มันเกิดขึ้นกับวิธีคิดของเรา
00:21:21 → 00:21:24 การมองโลกของเราหรือแม้กระทั่งการตัดสิน
00:21:24 → 00:21:27 ใจในเรื่องสำคัญๆคัญในชีวิตประจำวันเนี่ย
00:21:27 → 00:21:29 มันอาจจะเกิดขึ้นแบบเงียบๆโดยที่เราไม่
00:21:29 → 00:21:32 เคยรู้ตัวหรือไม่เคยไม่เคยโยงกลับไปที่
00:21:33 → 00:21:36 ต้นตอคือความเครียดที่เราเจออยู่เลยก็ได้
00:21:36 → 00:21:39 >> โอ้โหเป็นคำถามที่ชวนคิดมากเลยค่ะ
00:21:39 → 00:21:43 >> น่าสนใจนะครับลองเก็บไปพิจารณากันดูครับ
00:21:43 → 00:21:45 สำหรับวันนี้ขอบคุณมากสำหรับการติดตาม
00:21:45 → 00:21:46 ครับผม
00:21:46 → 00:21:49 >> ขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ
00:21:49 → 00:22:06 [เพลง]