00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world By The
00:00:05 → 00:00:10 Voice กระดูกบางกระดูกพุนกระดูกหักส่งผล
00:00:10 → 00:00:13 เป็นอย่างหนักให้กับคุณภาพชีวิตเราเถึง
00:00:13 → 00:00:15 ว่าเวลาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเนี่ยเรา
00:00:15 → 00:00:18 ก็จะต้องตรวจค่าความหนาแน่นของกระดูกอ
00:00:18 → 00:00:21 ซึ่งมันจะช่วยในการประเมินความแข็งแรงของ
00:00:21 → 00:00:25 กระดูกว่ามีค่าโบน mineral density หรือ
00:00:25 → 00:00:28 bmd เนี่ยมากน้อยแค่ไหนไอ้มวลกระดูกของ
00:00:28 → 00:00:30 เราเนี่ยครับมันจะพีคเลยเนี่ยจะอยู่ที่
00:00:30 → 00:00:33 อายุประมาณ 30 ปีแล้วหลังจากนั้นเนี่ยการ
00:00:33 → 00:00:35 ดูดซึมแคลเซียมของร่างกายเนี่ยจะลดลงทุก
00:00:35 → 00:00:38 ปีผู้หญิงเข้าสู่วัยทองลังไข่ฟอรไปแล้ว
00:00:38 → 00:00:41 เอสโตรเจนดรอปไปแล้วมันก็มีผลทำให้มวล
00:00:41 → 00:00:46 กระดูกเนี่ยลดลงกระดูกก็จะบางลงบางลงบาง
00:00:46 → 00:00:50 ลงฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:50 → 00:00:54 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:54 → 00:00:57 This Is tha PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:58 → 00:01:00 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:00 → 00:01:03 ของการกินดีกินให้ถูกนะกระดูกเราจะได้ไม่
00:01:03 → 00:01:06 พรุนนะคะเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้พรุนไปขนาด
00:01:06 → 00:01:08 ไหนขนาดไหนแล้วเหมือนกันเดี๋ยวคุยกับผู้
00:01:08 → 00:01:11 ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจาก
00:01:11 → 00:01:13 วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัย
00:01:13 → 00:01:16 ธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขาครับ
00:01:16 → 00:01:19 สวัสดีครับผมโอยไม่รู้กระดูกพุนไปถึงไหน
00:01:19 → 00:01:22 แล้วค่ะอาจารย์เดี๋ยวก็ปวดเขาอ๊อดๆแอ๊ดๆ
00:01:22 → 00:01:26 นะคะเดินลงขึ้นลงบันไดโอหยเสียสีปึ๊บเอา
00:01:26 → 00:01:29 แป๊บเดียวได้เรื่องและมันจะเกี่ยวกับ
00:01:29 → 00:01:31 กระดูกพุนไม่หรือว่าบางทีกลัวล้มแล้วก็
00:01:32 → 00:01:34 เดี๋ยวจะแบบเอ๊ะกระดูกเราบางหรือเปล่าล้ม
00:01:34 → 00:01:36 แล้วจะยังไงจะมีอะไหล่ซ่อมหรือเปล่า
00:01:36 → 00:01:38 สารพันธ์เรื่องเลยทีเดียวรุ่นนี้แล้วใช่
00:01:38 → 00:01:41 มยครับรุ่นนี้แล้วค่ะเออเซียงกงก็ไม่น่า
00:01:41 → 00:01:45 จะมีอะไรนะต้องเปลี่ยนรุ่นนะคะอ่าถ้าี้
00:01:45 → 00:01:48 เราจะต้องแบบกินอะไรยังไงคือเราเราจะไล่
00:01:48 → 00:01:51 ระดับเลยมั้ยคะว่าตั้งแต่สมัยแบบเด็กๆมา
00:01:51 → 00:01:54 หนุ่มสาวมาผู้สูงอายุเอ้ยยังทันมั้ยอะไร
00:01:54 → 00:01:56 อย่างเงี้ค่ะอาจารย์จริงๆแล้วเนี่ยเอ่อ
00:01:57 → 00:02:00 การดูแลสุขภาพเนาะต้องบอกว่ายิ่งดูแล
00:02:00 → 00:02:06 เร็วได้ยิ่งดีเนาะเพราะว่าเอ่อเราแก่ตั้ง
00:02:06 → 00:02:09 แต่เราเกิดเดี๋ยวถูกมยเกิดเกิดแล้วก็แก่
00:02:09 → 00:02:12 เลย่ะค่ะถูกต้องเพราะว่าทุกวันนี้มันผ่าน
00:02:12 → 00:02:15 ไปแต่ละวันแต่ละวันแต่ละวันค่ะอ่าอายุเรา
00:02:15 → 00:02:18 ก็เพิ่มขึ้นไงครับทุกๆวันงั้นเราแก่ตั้ง
00:02:18 → 00:02:20 แต่เรา
00:02:20 → 00:02:25 เกิด้าแล้วยิ่งเราดูแลได้เร็วก็ยิ่งดีโดย
00:02:25 → 00:02:28 เฉพาะในเรื่องของปัญหากระดูกครับกระดูก
00:02:28 → 00:02:34 บางกระดูกพุนกระดูกหักซึ่งจะส่งผลนะเป็น
00:02:35 → 00:02:39 อย่างหนักให้กับคุณภาพชีวิตเราลดลงอ่าบาง
00:02:39 → 00:02:41 คนเนี่ยปัญหาเรื่องของกระดูกเนี่ยอาจารย์
00:02:41 → 00:02:46 บอกเลยว่าเฮ้ยไม่ค่อยตระหนักนะเพราะว่า
00:02:46 → 00:02:48 มันอยู่ภายในร่างกายครับมันมองไม่เห็นค่ะ
00:02:48 → 00:02:51 อฮอ่างั้นแล้วเนี่ยบางทีแบบเฮ้ยเรามี
00:02:51 → 00:02:54 อาหารบำรุงกระดูกนะเรามีวิตามินบำรุง
00:02:54 → 00:02:57 กระดูกนะนะกับอาหารที่แบบเอ้ยเพื่อความ
00:02:57 → 00:03:00 งามผิวพรรณเปงปังสวยงามค่ะคนก็จะเลือกไป
00:03:00 → 00:03:04 ทางสวยงามเพราะมันเห็นสวยงามชัดข้างนอก
00:03:05 → 00:03:08 ภายนอกทั้งๆที่กระดูกเองเนี่ยมีความสำคัญ
00:03:08 → 00:03:11 กับสุขภาพร่างกายและคุณภาพชีวิตเราอย่าง
00:03:11 → 00:03:15 มากแต่คนเนี่ยไม่ค่อยใส่ใจอืนะแล้ววันดี
00:03:15 → 00:03:18 คืนร้ายต้องบอกวันดีคืนร้ายเกิดล้มขึ้นมา
00:03:18 → 00:03:22 อย่างที่คุณรีบอกค่ะอ่าแล้วกระดูกหักเอ
00:03:22 → 00:03:27 เดินไม่ได้เข้าห้องน้ำลำบากค่ะอาบน้ำเอง
00:03:27 → 00:03:30 ไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรือต้องพัก
00:03:30 → 00:03:33 ต้องอยู่นิ่งๆอือนอนเป็นผักเหี่ยวอยู่บน
00:03:33 → 00:03:36 เตียงเห็นมั้ยครับแล้วคุณภาพชีวิตเราลดลง
00:03:36 → 00:03:40 เลยนะใช่แล้วเป็นภาระให้กับลูกหลานคนที่
00:03:40 → 00:03:43 ต้องมาดูแลเราอแล้วเรื่องของความแข็งแรง
00:03:43 → 00:03:47 ของกระดูกเนี่ยมีความสำคัญมากอาจารย์ขอ
00:03:47 → 00:03:52 อนุญาตเล่าเคสใกล้ตัวเลยคือคุณพ่ออาจารย์
00:03:52 → 00:03:53 นะครับคุณพ่ออาจารย์ก็อยู่ต่างจังหวัด
00:03:53 → 00:03:57 เนาะอายุแบบจะ 70 แล้วแหละนะเมื่อประมาณ 2
00:03:57 → 00:04:01 ปีที่แล้วนะ 2 ปีกว่าแลคุณพ่อตกต้น
00:04:01 → 00:04:04 ทุเรียนโอปีต้นทุนตกต้นทุเรียนสูงกว่า 6
00:04:04 → 00:04:08 เมตสูงกว่าตึก 3 ชั้นครับเผอิญไปแต่งลูก
00:04:08 → 00:04:11 ทุเรียนมันดกไงก็ต้องตัดออกเพื่อให้เอ่อ
00:04:11 → 00:04:13 สารอาหารมันไปหล่อเลี้ยงได้โตเต็มที่ก็
00:04:13 → 00:04:16 ต้องเอาออกบ้างเพราะมันดกเกินออ่าก็ตัด
00:04:16 → 00:04:19 แต่งปุ๊บเผอิญพกมือถือขึ้นไปด้วยแล้วมือ
00:04:19 → 00:04:23 ถืออ่ะไปสปารกันกับไฟแรงสูงค่ะอ่าเพราะ
00:04:23 → 00:04:27 มันอยู่ริมสวนเลยที่มีสายไฟแรงสูงอยู่สาย
00:04:27 → 00:04:32 ไฟอ๋อแกก็กำลังตัดอยู่นี่แหละคือแบบปึ๊บ
00:04:32 → 00:04:36 ไฟชอร์ตออุ้ยตกลงมาตุ๊บดีนะไม่ค้างถ้า
00:04:36 → 00:04:40 ค้างคือไม่รอดครับก็คือมันก็ยังไฟกระแส
00:04:40 → 00:04:44 มันไลตลอดใช่นี่แกกลิ้งตกลงมาเราก็นึกว่า
00:04:44 → 00:04:47 กระดูกหักแล้วว่าผู้สูงอายุอ่ะ 3 ชั้นอาร
00:04:47 → 00:04:49 อายุแบบเกิน 65 แล้วอ่ะก็ถือว่าเป็นผู้
00:04:49 → 00:04:54 สูงอายุแล้วตกมาเดชบุญครับกระดูกไม่หักโห
00:04:54 → 00:04:58 อก็โชคดีไปก็ยังแบบเดินเหินได้ตอนนั้น
00:04:58 → 00:05:01 แอดมินสังเกตอาการที่ ICU 1 คืนแล้วก็
00:05:01 → 00:05:05 ออกปกติได้ยังโชคดีที่ไม่หักเอออ่าเห็น
00:05:05 → 00:05:07 มั้ยครับแต่ถ้าหักไปนี่โอ้โหคุณภาพชีวิต
00:05:07 → 00:05:12 ลดลงส่วนไหนอีกล่ะใช่เออคุณย่าอาจารย์อ่ะ
00:05:12 → 00:05:15 คุณพ่อเดชบุญโชคดีไปไม่ห่าคุณย่าอาจารย์
00:05:15 → 00:05:20 เผอิญอายุ 104 โอ้โห 104 ปีนะแต่เสียไป
00:05:20 → 00:05:24 แล้วเสียไปแล้วประมาณ 2-3 ปีก่อนซึ่งคุณ
00:05:24 → 00:05:27 ย่าอาจารย์เนี่ยล้มปกติก็ยังเดินเินได้
00:05:27 → 00:05:31 แบบใช้เอ่อวอลเกอร์ใช้ไม้เท้าพยุงบ้าง
00:05:31 → 00:05:33 อะไรบ้างนะแต่ว่ายังเดินได้นะเครื่องใน
00:05:33 → 00:05:36 เนี่ยไปหาหมอหมอบอกเครื่องในยังดีคุณย่า
00:05:36 → 00:05:39 ยังอยู่ได้อีกนานในอายุ 104 ปีแล้วนะครับ
00:05:39 → 00:05:42 สุดยอดมากเออแล้วเผอิญแบบเล่นกับสุนัขค่ะ
00:05:42 → 00:05:47 มันพันแข้งพันขาอ๋อล้มครับโธ่พอล้มปุ๊บ
00:05:47 → 00:05:51 เนี่ยกระดูกหักแล้วอายุ 104 ปีอ่ะคิดดู
00:05:51 → 00:05:54 ว่ามันก็ไม่มีแบบอะไหล่จะซ่อมอย่างที่บอก
00:05:54 → 00:05:58 แล้วก็การหายของกระดูกก็จะไม่เหมือนกับ
00:05:58 → 00:06:01 วัยรุ่นหนุ่มสาวและค่ะอ่าฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:06:01 → 00:06:03 คุณย่าก็กลายเป็นแบบเฮ้ยติดเตียงต้องคอย
00:06:03 → 00:06:08 ทำกายภาพอะไรไปจนท้ายที่สุดก็อค่อยๆหมด
00:06:08 → 00:06:13 สิ้นลมไปค่ะอ่าตอนเช้าตื่นมาอาบน้เอ่อคน
00:06:13 → 00:06:16 ดูแลก็ช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวปะแป้งกินข้าว
00:06:16 → 00:06:18 เสร็จแล้วก็หลับไปเลยนี่ถ้าเกิดว่าไม่
00:06:18 → 00:06:22 กระดูกหักนะคุณย่ายังอยู่ได้อีกนานอือ
00:06:22 → 00:06:24 เพราะว่าเขายังเดินเหินไปไหนมาไหนได้นี่
00:06:24 → 00:06:27 ก็นอนไปอย่างเดียวกล้ามเนื้อมันก็ไม่ค่อย
00:06:27 → 00:06:30 ได้เคลื่อนไหวนะก็จะเกิดปัญหากล้ามเนื้อ
00:06:30 → 00:06:33 เหียวลีฟีฟอีกอืจริงนะแล้วคุณภาพชีวิตก็
00:06:33 → 00:06:36 ลดลงต้องมีคนคอยมาดูแลอเนี่ยคุณพ่อ
00:06:36 → 00:06:37 อาจารย์คุณย่าอาจารย์หรือแม้กระทั่งเคส
00:06:37 → 00:06:40 อีกเคสนึงโอหมีหลายเคสมากเรื่องของกระดูก
00:06:40 → 00:06:43 เนี่ยแช์ให้ฟังอันนี้อายุแค่ 48 ยังไม่
00:06:43 → 00:06:46 ได้เข้าสู่วัยทองเลยนะอ่าแต่คงเกือบและ
00:06:46 → 00:06:49 กระดูกก็คงเริ่มบางไม่สนใจแบบสนใจแต่หนัง
00:06:49 → 00:06:53 หน้าเคสนี้ไปคลินิกกายภาพบำบัดอืเพื่อน
00:06:53 → 00:06:57 อาจารย์คือขึ้นเครื่องแล้วบังเอิญของตก
00:06:57 → 00:07:01 รีบก้มไปเก็บเพราะเเครื่องบินกำลังจะขึ้น
00:07:01 → 00:07:04 อ่าอ๋อคือนั่งอยู่กับซีดเกอนั่งอยู่กับ
00:07:04 → 00:07:08 ซีดแล้วแล้วก็รีบก้มลงไปเก็บนะซี่โครง
00:07:08 → 00:07:12 กระแทกกับไอ้พนัไอ้เท้าแขนเท้าแขนที่เท้า
00:07:12 → 00:07:15 แขนเออที่เท้าแขนอาฮะซี่โครงกระดูกซี่
00:07:15 → 00:07:19 โครงเนี่ยร้าวเลยเฮ้ยเ้าแบบหายใจแล้วทำไม
00:07:19 → 00:07:23 เจ็บๆอ่าก็ไม่ได้คิดอะไรคือคือไอพนักเท้า
00:07:23 → 00:07:26 แขนบนเครื่องบินค่ะมันมันจะเป็นเหมือน
00:07:26 → 00:07:28 เป็นเบาะเป็นนิ่มๆอ่ะนะมันไม่ได้ถึงขนาด
00:07:28 → 00:07:32 แบบแขงนั้นกระดูกเ้าบางไงครับโอกระแทก
00:07:32 → 00:07:34 กระดูกบางแล้วก็รีบก้มเก็บลงไปกระแทกเห็น
00:07:35 → 00:07:37 มั้ยครับอืก็กลายเป็นแบบเยกระดูกหักดีนะ
00:07:37 → 00:07:40 มันไม่ทิ่มโป่งทิ่มปอดอะไรไปค่ะอันตราย
00:07:40 → 00:07:43 มากเลยอันตรายแล้วทุกอย่างอ่ะของเรา
00:07:43 → 00:07:45 อวัยวะไหนก็ตามแต่เราก็ไม่อยากที่จะหัก
00:07:45 → 00:07:48 นึกออกมั้ยครับเกิดแบบแขนหักโอ้โหก็ใช้
00:07:48 → 00:07:51 ไม่ได้แล้วข้างนึงขาหักอ้าเดินไม่ได้เห็น
00:07:51 → 00:07:54 มั้ยครับสะโพกหักกระดูกสิโอโหคือทุกอย่าง
00:07:54 → 00:07:57 นี่แหละเป็นเรื่องใหญ่เลยฉะนั้นแล้วการดู
00:07:57 → 00:07:59 แลสุขภาพกระดูกเนี่ยเป็นสำคัญเลยใหเถึง
00:07:59 → 00:08:02 ว่าเวลาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเนี่ยเรา
00:08:02 → 00:08:05 ก็จะต้องตรวจค่าความหนาแน่นของกระดูกอ
00:08:05 → 00:08:08 ซึ่งมันจะช่วยในการประเมินความแข็งแรงของ
00:08:08 → 00:08:11 กระดูกว่ามีค่าโน mineral density หรือ
00:08:11 → 00:08:14 bmd เนี่ยมากน้อยแค่ไหนอุ๊ยเดี๋ยวต้อง
00:08:14 → 00:08:17 กลับไปดูใหม่ละ bmd bmd ครับแต่มันไม่
00:08:18 → 00:08:21 ได้เจาะเลือดตรวจนะคุณรีมันต้องไปตรวจค่า
00:08:21 → 00:08:23 B mineral density เนี่ยบางทีถ้า
00:08:23 → 00:08:26 สแตนดาร์ดเลยคือ dexa เป็นเครื่องที่แบบ
00:08:26 → 00:08:30 ตรวจเหมือนนอนเฉพาะเข้าเฉพาอ๋ออตรวจสแกน
00:08:30 → 00:08:32 เลยอ้าอย่างงี้ตรวจสุขภาพประจำปีที่เรา
00:08:32 → 00:08:36 ได้ส่งได้สิทธิ์อะไรแบบว่าบางคนเนี่ยคือ
00:08:36 → 00:08:39 มันไม่ได้มีต้องรคสเพิ่มถ้าเข้าสู่วัยทอง
00:08:39 → 00:08:42 แล้วอายุเพิ่มมากขึ้นเนี่ยมักที่จะอต้อง
00:08:42 → 00:08:45 ตรวจมวลกระดูกออ่าอย่างน้อยแบบเฮ้ยอายุ
00:08:45 → 00:08:49 เอ่อัก 50 ปีก็ได้อืนะแต่ถ้าตรวจเร็วได้
00:08:49 → 00:08:52 ก็ยิ่งดีครับเพราะรู้แล้วตัวเองกระดูกบาง
00:08:52 → 00:08:55 นะอ่าใช่อ่าเพราะกระดูกบางปุ๊บเนี่ยเราก็
00:08:55 → 00:09:00 จะต้องสรรหาอาหารและซึ่งไอ้มวลกระดูกของ
00:09:00 → 00:09:03 เราเนี่ยครับมันจะพีคเลยเนี่ยโบน mas
00:09:03 → 00:09:06 เนี่ยจะอยู่ที่อายุประมาณ 30 ปีคือเรา
00:09:06 → 00:09:09 สะสมตั้งแต่เด็กอ่ะค่ะอะไรถึงบอกเอ้ยเรา
00:09:09 → 00:09:13 ต้องสะสมนะอ่าค่อยๆสะสมสะสมสะสมนะตั้งแต่
00:09:13 → 00:09:15 เด็กไปแล้วพีคสุด 30 ปีแล้วหลังจากนั้น
00:09:15 → 00:09:18 เนี่ยการดูซึมแคลเซียมของร่างกายเนี่ยจะ
00:09:18 → 00:09:21 ลดลงทุกปีทุกปีทุกปีแล้วถ้าใครผู้หญิง
00:09:21 → 00:09:24 เข้าสู่วัยทองอ่าไวทองไวแพลตตินัมบอน
00:09:25 → 00:09:27 แพตตินั่มรังไข่ฟอไปแล้วเอสโตรเจนดรอปไป
00:09:27 → 00:09:29 แล้วอุตส่าห์ได้อยู่แพลตตินั่มนี่นะจะแบบ
00:09:29 → 00:09:34 ว่าระดับสูงสุดนะเวล High wid เลยนะไป
00:09:34 → 00:09:36 ไกลแล้วทำไมทำไมมันเป็นอย่างงั้นมันกลาย
00:09:36 → 00:09:39 เป็นว่าดรอปลงดรอปลงดรลงดรลงะแล้วเนี่ย
00:09:39 → 00:09:43 ยิ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนดรอปลงมันก็มีผลทำ
00:09:43 → 00:09:48 ให้มวลกระดูกเนี่ยลดลงลดลงลลงอือ่าแล้ว
00:09:48 → 00:09:53 กระดูกก็จะค่อยๆบางลงบางลงบางลงนะกะเพราะ
00:09:53 → 00:09:55 การดูดซึมแล้วก็ลดลงด้วยแล้วยิ่งผู้หญิง
00:09:55 → 00:09:58 เนี่ยยิ่งมีอภิสิทธิ์เหนือระดับอย่างที่
00:09:58 → 00:09:59 บอก
00:09:59 → 00:10:02 ยิ่งแบบฮอร์โมนเพศลดลงก็เข้าสู่ไบทอง
00:10:02 → 00:10:07 กระดูกก็จะบางลงบางลงบางลงเอออ่ามันก็จะ
00:10:07 → 00:10:10 หักง่ายค่ะอ่าเปราะง่ายแต่เราเราไม่
00:10:10 → 00:10:12 คอนเซิร์นเพราะว่าเรายังแบบเฮ้ยยังคิดว่า
00:10:12 → 00:10:14 แบบเอ้ยไม่เห็นเป็นไรเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:10:14 → 00:10:18 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณล้มอ่านี่แหละคุณ
00:10:18 → 00:10:22 คุณสะสมกรรมเก่ามาดีมากน้อยแค่ไหนคือสะสม
00:10:22 → 00:10:25 ไอ้ตัวแควซงแคลเซียมแร่ธาตุทั้งหลายแหละ
00:10:25 → 00:10:27 ที่เป็นส่วนประกอบของกระดูกนะทั้ง
00:10:27 → 00:10:31 แคลเซียมแมกนีเซียมนะครับเอ่อส่วนประกอบ
00:10:31 → 00:10:34 ของกระดูกเนี่ยมันไม่ใช่มีแค่แคลเซียมนะ
00:10:34 → 00:10:37 มันยังมีแร่ธาตุหลายตัวที่มันยึดเกาะนะ
00:10:37 → 00:10:41 70% เนี่ยประมาณเอ่อ 70% จะเป็นพวกแร่
00:10:41 → 00:10:44 ธาตุพวกแคลเซียมและมิเนอรัลต่างๆแล้วก็
00:10:44 → 00:10:48 อีก 30% คือคอลลาเจนอืก็คือเหมือนโปรตีน
00:10:48 → 00:10:50 นี่แหละนะครับที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเลย
00:10:50 → 00:10:54 ของกระดูกอ่านะแล้วเราก็ต้องดูแลสุขภาพ
00:10:54 → 00:10:57 กระดูกของเราให้ดีนะครับโดยปกติแล้วเนี่ย
00:10:57 → 00:11:02 ถ้าทางการแพทย์เนี่ยเขาจะมีเซลล์นะที่ทำ
00:11:02 → 00:11:06 งานในการสร้างกระดูกกัสลายกระดูกค่ะซึ่ง
00:11:06 → 00:11:08 กระบวนการสร้างกัสลเราเกิดขึ้นอยู่ตลอด
00:11:08 → 00:11:11 เวลานะครับอือ่าเซลล์ที่สร้างกระดูกเนี่ย
00:11:11 → 00:11:15 เขาเรียกออสเตสเซลล์อ่าสร้างกระดูกส่วน
00:11:15 → 00:11:19 ออสเตคาสเซลล์คือเซลล์ที่สลายกระดูกค่ะนะ
00:11:19 → 00:11:22 ซึ่งจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเอ้าอาจารย์แล้ว
00:11:22 → 00:11:24 มันจะสร้างมันจะสลายเกิดขึ้นมันขึ้นอยู่
00:11:24 → 00:11:27 กับอะไรล่ะอะไรเป็นตัวกำหนดค่ะแคลเซียม
00:11:27 → 00:11:30 จากอาหารที่เรากินอืถ้าคุลีกินแคลเซียม
00:11:30 → 00:11:35 จากอาหารน้อยไม่เพียงพอค่ะแคลเซียมใน
00:11:35 → 00:11:39 เลือดก็จะน้อยมันก็จะกระตุ้นให้ฮอร์โมน
00:11:39 → 00:11:43 บางตัวทำงานเพิ่มมากขึ้นแล้วไปมีผลนะสลาย
00:11:43 → 00:11:47 แคลเซียมจากกระดูกค่ะออกมารักษาสมดุล
00:11:47 → 00:11:49 แคลเซียมในเลือดอืั้นแล้วถ้าเรากิน
00:11:49 → 00:11:53 แคลเซียมจากอาหารต่ำค่ะแคลเซียมในเลือดก็
00:11:53 → 00:11:56 น้อยอ่าพอแคลเซียมในเลือดมันน้อยปุ๊บร่าง
00:11:56 → 00:12:00 กายก็ต้องไปเป็นไงครับสลายไอ้ออสตาเซลล์
00:12:00 → 00:12:03 ก็จะไปกัดกินไปสลายนะออสอคัสเซลล์กัดกิน
00:12:04 → 00:12:06 สลายให้แคลเซียมจากกระดูกเนี่ยออกมาสู่
00:12:06 → 00:12:09 กระแสเลือดซะเพื่อรักษาอืสมดุลแคลเซียมใน
00:12:09 → 00:12:12 เลือดมันก็เลยแบบว่าทำงานกันตลอดเวลาใช่
00:12:12 → 00:12:14 ทำงานตลอดเวลาเมื่อไหร่ก็ตามวันนี้คุณลี
00:12:14 → 00:12:16 กินแคลเซียมอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียม
00:12:16 → 00:12:19 พอมั้ยอืกินไปแล้วเนี่ย 2 มื้อไม่พอมีม
00:12:19 → 00:12:22 ครับไม่มีอะไรรู้สึกว่าไม่มีเลยเนี่ยก็ทำ
00:12:22 → 00:12:25 ให้ตอนเคุณลีนั่งสลายแคลเซียมจากกระดูก
00:12:25 → 00:12:28 ออกมาเล่นนะไม่สลายเล่นแล้วสลายจริงเลย
00:12:28 → 00:12:31 นี่ขนานั่งสลแคลเซียมกันอยู่นะถ้าเรากิน
00:12:31 → 00:12:33 แคลเซียมจากอาหารไม่พอแคลเซียมในเลือดต่ำ
00:12:33 → 00:12:36 ร่างกายก็ต้องสลแคลเซียมจากกระดูกออกมา
00:12:36 → 00:12:39 เพื่อรักษาแคลเซียมในเลือดขณะเดียวกันบาง
00:12:39 → 00:12:46 คนชอบกินอาหารนะบางชนิดที่มีผลนะหรือเรา
00:12:46 → 00:12:48 เรียกว่าปัจจัยที่มีผลทำให้ร่างกายเนี่ย
00:12:48 → 00:12:51 สูญเสียแคลเซียมจากกระดูกค่ะนะฮะหลาย
00:12:51 → 00:12:53 อย่างเลยเช่นฉาก
00:12:53 → 00:12:58 กาแฟกินทุกวันทุกวันเลยอ่ามีคาเฟอีนมันมี
00:12:58 → 00:13:04 ความเป็นกรดมันก็จะสลายแคลเซียมอืจาก
00:13:04 → 00:13:07 กระดูกเข้ามาสะเทิ้นความเป็นกรดเห็นมั้ย
00:13:07 → 00:13:09 แค่กินชากาแฟเนี่ยมีความเป็นกรดและแล้วชา
00:13:09 → 00:13:14 กาแฟมีผลในการขับน้ำขับโซเดียมออกไปค่ะ
00:13:14 → 00:13:18 งั้นแล้วเนี่ยแค่กินชากาแฟกระดูกก็บางนะ
00:13:18 → 00:13:21 วายอ่าแต่มันไม่ใช่ว่าไม่ดีนะไอ้ยดีส่วน
00:13:21 → 00:13:25 ดีอ่าอาจารยกำลังจะบอกว่าดีส่วนดีอ่าชั่ว
00:13:26 → 00:13:28 ส่วนชั่วไม่สามารถรับลบลบล้างกันได้กรรม
00:13:28 → 00:13:31 ดีส่วนกรดีกรชั่วส่วนกรรมชั่วไอ้ที่ว่าดี
00:13:31 → 00:13:34 มันก็ดีไปเว้ยในชามีคาเฟอีนมีสารแอนตี้
00:13:34 → 00:13:38 ออกซินออ่าในกาแฟก็มีอะไรอย่าเงี้ยเคือ
00:13:38 → 00:13:41 ประโยชน์เขาก็มีอแต่ส่วนที่มันเป็นสิ่ง
00:13:41 → 00:13:44 ที่เป็นอีกด้านนึงคือพ่อพึงระวังเราก็
00:13:44 → 00:13:46 ต้องระวังเยเรารู้แล้วว่าอยพฤติกรรมเรา
00:13:46 → 00:13:49 กินช้ากาแฟวันละหลายแก้วกระดูกเราบางเรา
00:13:49 → 00:13:51 ก็ต้องกินเน้นย้ำอาหารที่เสริมสร้าง
00:13:51 → 00:13:54 กระดูกหรือบางคนเงี้ยชอบกินน้ำอัดลมอ่า
00:13:54 → 00:13:58 อ่าพวกน้ำอัดลมก็มีผลนะทั้งตัวคาเฟอีนเอง
00:13:58 → 00:14:01 ทั้งตัวกรดที่อยู่ในน้ำอัลมที่จะไปสลาย
00:14:01 → 00:14:04 แคลเซียมที่กระดูกอืเห็นมั้ยครับแล้วคน
00:14:04 → 00:14:08 กินชากาแฟน้ำอัลมน้ำอลมอ่าหรือน้ำ RO ที่
00:14:08 → 00:14:12 เป็นรวสออมิสนั่นก็มีความเป็นกรดนะอ้าว
00:14:12 → 00:14:14 แต่มันไม่ใช่ว่าเฮ้ยเรากินเข้าไปแล้ว
00:14:14 → 00:14:18 เลือกเป็นกรดไม่ใช่มันจะไปทำให้เอ่อความ
00:14:18 → 00:14:20 เป็นกรดเนี้ยมันก็จะไปมีผลทำให้ร่างกาย
00:14:20 → 00:14:24 เราอ่ะไปปรับสมดุลอืให้มีความเป็นด่าง
00:14:24 → 00:14:27 ซึ่งค่าพีในเลือดของเราเนี่ยปกติจะอยู่
00:14:27 → 00:14:30 ที่ประมาณ 7.3 7.4 างอ่อนๆงั้นแล้วเรา
00:14:30 → 00:14:33 กินกรดเข้าไปไม่ใช่พอในเลือดจะเป็นกรดแต่
00:14:33 → 00:14:36 ร่างกายของเรามันมีบัฟเฟอร์คือก็ต้องไป
00:14:36 → 00:14:39 สลายแคลเซียมจากกระดูกแลกข้าจากกระดูก
00:14:39 → 00:14:42 เพื่อปรับไอ้กรดที่เรากินเข้าไปนี่แหละ
00:14:42 → 00:14:45 ทำไมฟังแล้วมันมีแต่เสียอย่างเดียว
00:14:45 → 00:14:47 เลยมันไม่เห็นมีอะไรที่แบบเพิ่มขึ้นมาแบบ
00:14:47 → 00:14:50 ว่าเพิ่มขึ้นมาได้อันเนี้ยคือจะต้องพึ
00:14:50 → 00:14:52 ต้องระวังไงครับอย่างที่บอกว่าอาหารที่
00:14:52 → 00:14:54 เรากินก่อนน้อยในขณะเดียวกันเราก็กิน
00:14:55 → 00:14:57 อาหารที่ไปสลายแคลเซียมจากกระดูกเพื่อ
00:14:57 → 00:15:00 ปรับสมดุลกดด่างชากกาแฟน้ำอัดลมน้ำอาโอ
00:15:00 → 00:15:03 บางคนชอบกินเหล้าสปายไวเบียร์แอลกอฮอล์มี
00:15:03 → 00:15:06 ผลเช่นเดียวกันครับเอก็เนี่ยเราหาเงิน
00:15:06 → 00:15:09 เพื่อมากินพวกนี้ให้มันบันเทิงอาจารย์หา
00:15:09 → 00:15:11 เงินมาซื้อกาแฟเพื่อให้อาจารย์ชอบอาจารย์
00:15:11 → 00:15:14 ชอบคำนึงคำว่าบันเทิงบันเทิงคือ
00:15:14 → 00:15:18 Entertainment ใช่รนมเนี่ยอเราเเตอร์ทุก
00:15:18 → 00:15:21 วันมั้ยครับไม่นะอแต่บางคนทุกวันนะ
00:15:21 → 00:15:24 อาจารย์เเตนทุกวันนี่คือเราจะแบบชีวิตเรา
00:15:24 → 00:15:27 เนี่ยมันก็จะต้องมีหลายองค์ประกอบบางคน
00:15:28 → 00:15:30 อยากกินเพื่อเตรนเช่นวันเนี้ฉันจะไปกิน
00:15:30 → 00:15:35 ช็อกโกแลตวชิบูย่าันนี้ชานมไข่มุกแบบอนาน
00:15:35 → 00:15:38 ๆทีได้เถึงบอกว่าอ้ามีชีส Day บ้าง
00:15:38 → 00:15:40 บันเทิงบ้างเหมือนเราไปดูหนังอ่ะเราไปดู
00:15:40 → 00:15:42 หนังโรงภาพยนตร์อ่ะครับใครจะไป
00:15:42 → 00:15:44 Entertainment ดูเข้าโรงภาพยนตร์ทุกวัน
00:15:44 → 00:15:47 ทุกวันทุกวันทุกวันอันนี้ก็เหมือนกันอ
00:15:47 → 00:15:50 เพื่อความเอนเตอร์เทนเราก็กินบ้างหรือเรา
00:15:50 → 00:15:53 ก็รู้แล้วว่าเฮ้ยไอ้ชากาแฟเนี่ยไอดีก็ดี
00:15:53 → 00:15:57 มีนะแต่จุดบอดของมันคือเรื่องอะไรเราก็จะ
00:15:57 → 00:16:01 ได้ไปแก้ตรงจวดส่วนนั้นได้อืที่แล้วไอน้ำ
00:16:01 → 00:16:04 โซดาน้ำสน้ำทั้งหมดเหมือนกันหรือแม
00:16:04 → 00:16:07 กระทั่งคนที่ชอบกนโปรตีนเยอะๆค่ะมีผลนะ
00:16:07 → 00:16:10 ครับ High โปรตีน intake กินเนื้อสัตว์
00:16:10 → 00:16:13 มากๆเรือดเป็นกรดสูงโปรตีนมากๆมีผลทำให้
00:16:13 → 00:16:17 การขับแคลเซียมออกมากขึ้นโอ๊ยอาจารย์ฟัง
00:16:17 → 00:16:20 อย่างงี้แล้วดูใช้ชีวิตลำบากอ่ะลากลำบาก
00:16:20 → 00:16:22 เลยเพราะว่าแต่ละอย่างเนี่ยมันก็คือสิ่ง
00:16:22 → 00:16:24 ที่เรากินอยู่ทุกวันด้วยนะปริมาณมากน้อย
00:16:24 → 00:16:27 ไงอ่าอาจารย์ไม่เคยบอกว่าไม่ให้กินอยาก
00:16:27 → 00:16:29 กินต้องได้กินแต่ขึ้นอยู่กับปริมาณความ
00:16:29 → 00:16:32 ถี่และช่วงเวลาที่กินบริบทในวันนั้นที่
00:16:32 → 00:16:34 กินเห็นมั้ยแล้วอย่าลืมคอนเซปต์อาจารย์
00:16:34 → 00:16:37 เอกราชอยากกินต้องได้กินต้องได้กินยังมี
00:16:37 → 00:16:40 ช่องว่างให้เราได้แบบว่าอ๋อไม่เกินไปใช่
00:16:40 → 00:16:42 ถูกต้องครับไม่ใช่ว่าไอ้นู่นก็กินไม่ได้
00:16:42 → 00:16:44 ไอ้นี่ก็กินไม่ได้ที่อาจารย์พูดเสมอเลย
00:16:44 → 00:16:47 ว่าอุ้ยบางคนแบบเฮ้ยจะกินแป้งก็กลัว
00:16:47 → 00:16:51 เดี๋ยวแบบอ้วนเกินนะคาร์โบไฮเดรตสูงนะ
00:16:51 → 00:16:54 เดี๋ยวเดี๋ยวฉันจะอ้วนนะจะกินไขมันันก็
00:16:54 → 00:16:56 กลัวไขมันในเลือดสูงเดี๋ยวเสี่ยงต่อโรค
00:16:56 → 00:16:58 หัวใจันจะกินโปรตีนเดี๋ยวมันไปเลี้ยงเซล
00:16:58 → 00:17:01 เมล็กจะกินผลไม้เดี๋ยวฉันจะเป็นเบาหวานนะ
00:17:01 → 00:17:04 น้ำตาลสูงโอโหชีวิตนี้ไม่ต้องกินอะไรกัน
00:17:04 → 00:17:06 มันไม่ใช่ถูกมั้ยมันก็กินได้ขึ้นอยู่กับ
00:17:06 → 00:17:09 ปริมาณความถี่อย่างเงี้ยแล้วเนี่ยไอ้
00:17:09 → 00:17:11 ปัจจัยเหล่านี้ที่จะบอกโดยเฉพาะอาหารการ
00:17:11 → 00:17:13 กินเนี่ยเราก็พยายามลดละเลี่ยงแต่ไม่ถึง
00:17:13 → 00:17:14 กับเลิกอย่างเงี้ยหวานอย่างเงี้ยก็หัด
00:17:14 → 00:17:18 อ่อนหวานอืหัดเป็นคนอ่อนหวานกินน้ำตาลสูง
00:17:18 → 00:17:21 สัมพันธ์กับกระดูกที่บางนะครับรู้มั้ครับ
00:17:21 → 00:17:24 กินหวานไปเค็มไปอย่างเงี้ยล้วนมีผลหมดเลย
00:17:24 → 00:17:26 หรือแม้กระทั่งยาลดกรดเพราะมันลดความเป็น
00:17:26 → 00:17:29 กรดทำให้การแตกตัวของแคลเซียมแลดูดซึม
00:17:29 → 00:17:32 เข้าสู่ร่างกายเอาไปใช้ได้น้อยลงครับไอ้
00:17:32 → 00:17:35 ยาลดกดที่ชอบกินกันกินกันบางคนกินเป็นแบ
00:17:35 → 00:17:38 ใช่แล้วเนี่ยคือปัจจัยภายนอกที่เราได้รับ
00:17:39 → 00:17:42 แล้วมีผลอทำให้การดูซึมแคลเซียมลดน้อยลง
00:17:42 → 00:17:44 หรือร่างกายสูญเสียแคลเซียมมากขึ้นขณะ
00:17:44 → 00:17:46 เดียวกันไอ้ตัวเราเองก็กินอาหารที่ที่
00:17:46 → 00:17:49 เป็นแหล่งของแคลเซียมน้อยลงกระดูกเราก็
00:17:49 → 00:17:51 เลยพุนกระดูกเราก็เลยบางโอถ้างั้นต้อง
00:17:51 → 00:17:54 เติมล่ะค่ะอาจารย์ต้องเติมเพราะว่าเราสูญ
00:17:54 → 00:17:56 เสียทั้งสตางค์ที่ไปซื้ออะไรที่มันทำให้
00:17:56 → 00:18:00 แคลเซียมมันน้อยลงช้ากาแฟแก้วหลายสู
00:18:00 → 00:18:03 บุหรี่ก็เหมือนกันคนสูบบุหรี่อ่ะไอ้สาร
00:18:03 → 00:18:05 นิโคตินสารพิษทั้งหลายแหละที่อยู่ในตัว
00:18:05 → 00:18:07 บุหรี่เองที่สูบแล้วได้รับเข้าไปนะครับ
00:18:07 → 00:18:10 คุณลีมันมีผลทำให้กระดูกบางนะครับอไม่
00:18:10 → 00:18:13 เห็นคนเหล่านี้เป็นอะไรสักอย่างนึงเห็นเา
00:18:13 → 00:18:17 สูบกันจังเลยเอ๊สงสัยมันเหมือนหนังนึกถึง
00:18:17 → 00:18:20 หนังจีนสมัยก่อนเนี่ยจำได้เลยมันมีชื่อ
00:18:20 → 00:18:23 เรื่องอันนึงหลิวโต้หัวเล่นกระดูกบางตาย
00:18:23 → 00:18:25 ช้ากระดูกหนาตายก่อนเคยได้ยินมั้ยครับเออ
00:18:25 → 00:18:28 เราน่าจะตายก่อนไม่เอาจริงๆนะคือแบบบางที
00:18:28 → 00:18:30 ก็ฟังมาตตลอดอ่ะเออไม่เห็นคนสูบจะเป็น
00:18:30 → 00:18:34 อะไรเลยก็เขายังไม่เป็นไงครับรอเป็นก่อนอ
00:18:34 → 00:18:37 รอ่อนส่วนไอ้คนที่เป็นเร็วแล้วแบบเอ๊ยก็
00:18:37 → 00:18:39 เห็นดูแลตัวเองดีอ่ะทำไมเป็นเร็วเราไม่
00:18:39 → 00:18:42 รู้ว่าเขามีภัยเงียบแฝงอะไรที่อยู่ภายใน
00:18:42 → 00:18:45 เพราะพวกเมันเป็นัิ factorial มันติคือ
00:18:45 → 00:18:48 มันหลายหลายๆแฟกเตอร์เราไม่รู้หรอก
00:18:48 → 00:18:51 แฟกเตอร์ไหนอะไรอยู่ภายในร่างกายเราก็
00:18:51 → 00:18:55 พยายามที่จะไปลดไอ้ปัจจัยเหล่านั้นน่ะที่
00:18:55 → 00:18:59 มันมารบกวนการทำงานรบกวนสุขภาพที่เราควร
00:18:59 → 00:19:02 ที่จะมีสุขภาพดีอือ่าเดี๋ยวบอกไว้ก่อนนะ
00:19:02 → 00:19:04 เมื่อกี้ไม่ได้แช่งนะคะคนสูบุหรี่ไม่ได้
00:19:04 → 00:19:07 บอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าแช่งนะไม่ใช่นะแต่
00:19:07 → 00:19:09 หมายถึงว่าอยากให้ลดละเลิกบุหรี่เพราะมัน
00:19:09 → 00:19:12 ไม่ดีในทุกๆอย่างเลยต้องถูกต้องแบบที่เขา
00:19:12 → 00:19:14 รนลลงกันนี่แหละครับอ่าทีนี้อาหารที่เป็น
00:19:14 → 00:19:17 แหล่งของแคลเซียมอ่าที่ช่วยเรื่องของ
00:19:17 → 00:19:20 กระดูกเนี่ยหนีไม่พ้นอย่างแรกเลยคนก็จะ
00:19:20 → 00:19:23 นึกถึงกันก็คือเรื่องของนมใช่อ่าในนมเอง
00:19:23 → 00:19:27 เนี่ยนะก็จะมีสารพัดนมเนาะอย่างนมวัว
00:19:27 → 00:19:29 อย่างเงี้ยก็จะให้แคลเซียมเนี่ยประมาณ 1
00:19:30 → 00:19:34 มิลลิกรัมต่อนม 1 ซีซหรือ 1 ML อแล้วนม
00:19:34 → 00:19:37 ถ้าคุลีกินนม 1 กล่อง200ซีซีสมมุตินะครับ
00:19:37 → 00:19:42 โดยประมาณแคลเซียมก็ประมาณ 200 มิลลิกรัม
00:19:42 → 00:19:44 ค่ะวันนึงเนี่ยเราต้องการแคลเซียมวันละ
00:19:44 → 00:19:47 800 มิลลิกรัมอ่านะแล้วนมก็เป็นแหล่งอัน
00:19:47 → 00:19:50 นึงที่ดี 4 กล่องไปเลยอ่ะอจะก็ถ้ากินไหว
00:19:50 → 00:19:53 ก็แต่ประเด็นปัญหาที่พี่ไทยเผชิญกันเยอะ
00:19:53 → 00:19:56 ก็คือมีปัญหาเรื่องของภาวะนะที่เราเรียก
00:19:56 → 00:19:59 ว่า lactose int
00:19:59 → 00:20:02 ก็คือไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตสซึ่งเป็นน้ำตาล
00:20:02 → 00:20:04 ที่อยู่ในนมนะแล้วเวลากินนมเข้าไปเนี่ย
00:20:04 → 00:20:08 มันมวนท้องมันเอ่อเสียดท้องปวดท้องบางคน
00:20:08 → 00:20:11 ท้องเสียถ่ายท้องอ่าเพราะว่าเกิดภาวะ
00:20:11 → 00:20:14 lactose intolerance ก็คือไม่ทนต่อน้ำ
00:20:14 → 00:20:16 ตาลแลคโตสฉันไม่ทนเธอนะั้แล้วเธอเข้ามาใน
00:20:16 → 00:20:19 ร่างกายฉันฉันเป็นไงครับกำจัดวดออกไปเลย
00:20:19 → 00:20:22 ถูกต้องครับกำจัดเลยเพราะฉันไม่ทนเธอนี่
00:20:22 → 00:20:24 คือภาวะ lactose intolerance ซึ่งคนไทย
00:20:24 → 00:20:27 ส่วนใหญ่จะเป็นกันเยอะมากกินนมวัวแล้ว
00:20:27 → 00:20:30 ท้องเสียตอนเด็กๆกินน่ะไม่เป็นไรเลยนะ
00:20:30 → 00:20:32 เพราะโตมาแล้วเป็นอ่ะอ่าน้ำย่อยครับ
00:20:32 → 00:20:37 เอนไซม์ที่ใช้ย่อยซึ่งเราไม่มีอ๋อหรือมี
00:20:37 → 00:20:39 อยู่น้อยมากงั้นแล้วเราอาจจะต้องค่อยๆ
00:20:39 → 00:20:42 induce นะแต่บางคนเนี่ยโอ้โหมันขุ่นไม่
00:20:42 → 00:20:46 ขึ้นนึกออกมั้ยมันก็มันก็มีวิธีการเช่น
00:20:46 → 00:20:51 กินโยเกิร์ตแทนอืเพราะโยเกิร์ตมันคือนม
00:20:51 → 00:20:54 ที่มีการเติมโปรไบโอติกะแล้วพอมันเติม
00:20:54 → 00:20:56 โปรไบโอติกเข้าไปปุ๊บโปรไบโอติกเนี่ยมัน
00:20:56 → 00:20:59 มีเอนไซม์แลคเตสมาย่อยแลคโตสค่ะแล้วเราจะ
00:20:59 → 00:21:02 กินโยเกิร์ตก็ได้อ่าบางคนผู้สูงอายุเนี่ย
00:21:02 → 00:21:06 จะมีปัญหาแลสอนเยอะนะอันนี้คือเป็นปัญหา
00:21:06 → 00:21:09 ที่ไม่ใช่แพ้นะถ้าแพ้เนี่ยคือแพ้โปรตีนใน
00:21:09 → 00:21:12 นมแต่อันนี้คือฉันไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส
00:21:12 → 00:21:14 ที่เป็นน้ำตาลในนมซึ่งปัจจุบันมันก็จะมี
00:21:15 → 00:21:20 เอ่อแลคโตสฟรีอ่าก็คือเขาเอาเอนไซม์มาตัด
00:21:20 → 00:21:23 แล้วแหละอ่าแต่ก็ต้องสังเกตปริมาณน้ำตาล
00:21:23 → 00:21:26 ว่าไม่ให้สูงเกินอ่านอกจากในนมวัวแล้ว
00:21:26 → 00:21:30 ปัจจุบันก็มีนมแพ้อือ่าแต่แลคโตสก็เอ่อ
00:21:30 → 00:21:33 ใกล้เคียงนะน้อยกว่านมวัวหน่อยนะครับแต่
00:21:33 → 00:21:36 มันจะมีโปรตีนที่ว่าเฮ้ยคนส่วนใหญ่บางที
00:21:36 → 00:21:39 ท้องอื่นย่อยยากที่ต่างจากในนมวัวเาเรียก
00:21:39 → 00:21:43 เคซีนโปรตีนในนมแพะเนี่ยจะเป็น A2 นะแล้ว
00:21:43 → 00:21:45 ปัจจุบันเนี้ยถ้าคุณผู้ฟังไปดู
00:21:45 → 00:21:48 ซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านสะดวกซื้ออ่านม
00:21:48 → 00:21:51 บางยี่ห้อมันจะเขียน A2 นั่นคือเป็นโครง
00:21:51 → 00:21:53 สร้างโมเลกุลของเคซีนที่ย่อยได้ง่ายขึ้น
00:21:53 → 00:21:56 อ่าควันนมวัวแต่บางคนก็กลิ่นรสอาจจะไม่
00:21:56 → 00:22:00 ชอบเออกลิมันขาวๆแปลกๆแต่บางคนรับได้มัน
00:22:00 → 00:22:03 ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตของเขและอ่าเยใน
00:22:03 → 00:22:07 นมแพะนมบัวเอ่อโยเกิร์ตนะครับหรือนมพืช
00:22:07 → 00:22:10 แต่นมพืชที่มีแคลเซียมสูงหน่อยก็คือนม
00:22:10 → 00:22:13 โอ๊ตอือ่าถ้านมถั่วเหลืองเนี่ยแคลเซียม
00:22:13 → 00:22:15 แทบไม่มีเลยนะของมีประโยชน์ไม่ค่อยอร่อย
00:22:15 → 00:22:18 สำหรับเราโปรตีนสูงแต่แคลเซียมไม่มีนะ
00:22:18 → 00:22:21 ครับงั้นแล้วในนมพืชหรือแม้กระทั่งไอ้นม
00:22:21 → 00:22:23 เปรี้ยวอาจารย์ไม่ค่อยอยากจะแนะนำเพราะ
00:22:24 → 00:22:26 น้ำตาลมันสูงอย่างเงี้ยนมเปรี้ยวแต่ง
00:22:26 → 00:22:29 กลิ่นแต่งอะไรกุ้งแห้งมีแคลเซียมสูงแต่
00:22:29 → 00:22:33 โซเดียมสูงด้วยอ่ะเลือกอเราก็แบบเฮยมัน
00:22:33 → 00:22:36 ได้ไม่คุ้มเสียอ่าแล้วก็ผักใบเขียวที่มี
00:22:36 → 00:22:40 แคลเซียมนะมีตัวนึงที่แคลเซียมสูงมากเลย
00:22:40 → 00:22:44 คือใบยอแต่คุณผู้ฟังเบรคไว้ก่อนกำลังจะ
00:22:44 → 00:22:48 ต่อเลยอาจารย์บอกแตกใบยอเนี่ย 1 ขีดมี
00:22:48 → 00:22:52 แคลเซียมถึง 800 1 ขีดนะแคลเซียม 800 ม
00:22:52 → 00:22:55 ถูกต้องครับแต่ในใบอเองเนี่ยมีแคลเซียม
00:22:55 → 00:22:58 ที่อยู่ในรูปของแคลเซียมออกซาเลต
00:22:58 → 00:23:02 ซึ่งมันจับอยู่กับไอ้เจ้ากดออกซาเลตซึ่ง
00:23:02 → 00:23:05 ร่างกายของเราเนี่ยดูดซึมแล้วเอาไปใช้ไม่
00:23:05 → 00:23:10 ได้อือ่าแล้วถ้าเรากินเข้าไปเยอะค่ะเกิด
00:23:10 → 00:23:13 นิ่วเอ้าที่ไต่เห็นมั้ยครับอแล้วเนี่ย
00:23:14 → 00:23:17 แคลเซียมสูงก็จริงแต่ร่างกายดูดซึมและเอา
00:23:17 → 00:23:21 ไปใช้ได้น้อยแต่บางคนคุณผู้ฟังฟังแล้วแบบ
00:23:21 → 00:23:23 อุ๊ยอาจารย์งั้นไม่กล้ากินแล้วห่อหมกไปยอ
00:23:23 → 00:23:26 ไม่เป็นไรครับข่าวดีก็คือเวลาเราเอาไป
00:23:26 → 00:23:28 นึ่งไปผ่านความร้อนออกซาเลตจะถูกสลายลง
00:23:28 → 00:23:31 ให้ลดลงอืแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่แนะนำ
00:23:31 → 00:23:34 อยู่ดีนะเพราะว่ามันก็ยังคงมีเหลืออยู่
00:23:34 → 00:23:36 แต่ถ้าเรากินแบบอาจารย์ชอบนะห่อหมกใบยอ
00:23:36 → 00:23:39 เนี่ยลองกระทงนิดๆหน่อยๆอะไรอย่างเงี้ย
00:23:39 → 00:23:43 ไม่ต้องกังวลครับเราไม่ได้กินเยอะมากแล้ว
00:23:43 → 00:23:46 ไม่ได้กินสดด้วยใช่อันเนี้ยก็จะเป็นอาหาร
00:23:46 → 00:23:48 ของแหล่งของแคลเซียมหรือแม้กระทั่งงาดำก็
00:23:48 → 00:23:51 มีแคลเซียมสูงนะแต่เราก็ไม่ได้กินเยอะใน
00:23:51 → 00:23:54 ปริมาณหลายช่อนโต๊ะนะปลาเล็กปลาน้อยส่วน
00:23:54 → 00:23:58 ใหญ่อาจารย์จะแนะนำปลาอะไรนะชิ้งชิ้งฉา
00:23:58 → 00:24:03 อ่าชุงชิงจุอะไอันเนี้ยโอเคเลยอ๋อกินเล่น
00:24:03 → 00:24:06 ได้แคลเซียมสูงนะหรือปลากระป๋องแต่อย่า
00:24:06 → 00:24:08 เอาน้ำเยอะเรากินก้างได้นั่นน่ะเป็น
00:24:08 → 00:24:11 แคลเซียมอ้าปลากระป๋องอรอก็แต่บางทีก็
00:24:11 → 00:24:13 เผลอกินไปแบบว่าไม่รู้เหมือนกันไม่ต้องซด
00:24:13 → 00:24:17 เอ่อตักแต่ตัวปลาเออก็ระวังเรื่องของ
00:24:17 → 00:24:19 โซเดียมอ่ะแล้วเนี่ยมันก็จะมีพวกกลุ่มของ
00:24:19 → 00:24:23 โยเกิร์ตปลาเล็กปลาน้อยปลากระป๋องซารีน
00:24:23 → 00:24:25 ผักใบเขียวพวกนี้ก็จะเป็นแหล่งของ
00:24:25 → 00:24:28 แคลเซียมอ่าทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่แค่สาร
00:24:28 → 00:24:31 อาหารแคลเซียมอย่างเดียววิตามินนะวิตามิน
00:24:31 → 00:24:34 D3 ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมก็สำคัญ
00:24:34 → 00:24:37 ค่ะแดดบ้าอ่าถูกต้องแล้วก็วิตามิน K2
00:24:37 → 00:24:41 เป็นคีย์ที่สำคัญเลยหรือเป็นตัวกลางสำคัญ
00:24:41 → 00:24:43 เลยอาจารย์จะบอกว่าแคลเซียมเวลาเรากิน
00:24:43 → 00:24:45 เข้าไปมันอยู่ทางเดินอาหารใช่มั้ยครับ
00:24:45 → 00:24:49 วิตามินดีจะช่วยดูซึมแคลเซียมจากทางเดิน
00:24:49 → 00:24:51 อาหารคือลำไส้เราเข้าสู่กระแสเลือดค่ะ
00:24:51 → 00:24:54 แล้วจากเลือดเนี่ยมันจะเอาเข้าสู่กระดูก
00:24:54 → 00:24:58 ได้เนี่ยมันต้องอาศัยวิตามิน K2 อือซึ่ง
00:24:58 → 00:25:00 วิตามิน K2 เนี่ยมันจะเอาแคลเซียมจาก
00:25:00 → 00:25:04 กระแสเลือดไปแปะไว้ที่กระดูกค่ะถ้าเกิด
00:25:04 → 00:25:07 ว่าเราวิตามิน K2 หรือขาดวิตามิน K2
00:25:07 → 00:25:11 แคลเซียมจะตกเป็นตะกันที่ผนังหลอดเลือดออ
00:25:11 → 00:25:13 เหมือนที่เราไปตรวจแคลเซียมสกออ่ะว่าถ้า
00:25:13 → 00:25:16 สูงๆแล้วเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอ่ะอือ
00:25:16 → 00:25:18 เพราะมันเป็นตะกันของหินปูนอ่ามันแข็ง
00:25:18 → 00:25:20 ด้วยนะที่ผนักรอดเลือดก็มันเกิดจากบางที
00:25:21 → 00:25:22 เรากินแคลเซียมเสริมไปบ้างอะไรบ้างแล้ว
00:25:22 → 00:25:26 วิตามิน K2 เราได้รับน้อยซึ่ง K2 เนี่ย
00:25:26 → 00:25:29 ร่างกายสร้างขึ้นโดยจุลินทีย์ที่ลำไส้พวก
00:25:29 → 00:25:31 โปรไบโอติกสร้างเห็นมั้ยครับแล้ว
00:25:31 → 00:25:34 โปรไบโอติกอ่ะมีประโยชน์เยอะมากค่ะไม่ใช่
00:25:34 → 00:25:36 แค่แบบเรื่องภูมิคุ้มกันขับถ่ายอย่าง
00:25:36 → 00:25:39 เดียวแต่มันยังสร้างวิตามิน K2 ที่ช่วยใน
00:25:39 → 00:25:42 การนำแคลเซียมจากกระแสเลือดเอาเข้าไปสู่
00:25:42 → 00:25:45 กระดูกทำให้มวลกระดูกแข็งแรงเราก็ลดความ
00:25:45 → 00:25:49 เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรนได้อ่าเห็น
00:25:49 → 00:25:52 มั้ครับกินโยเกิร์ตกันกินโยเกิร์ตกันง่าย
00:25:52 → 00:25:54 ๆเลยโยเกิร์ตอ่ะเพราะได้ทั้งโปรไบโอติก
00:25:54 → 00:25:57 ที่สังเคราะห์วิตามิน K2 ใช่ไงและได้ทั้ง
00:25:57 → 00:26:01 แคลเซียมและได้ทั้งโปรตีนเออครอ่าใครแพ้
00:26:01 → 00:26:06 นมวัวปัจจุบันมีโยเกิร์ตที่เป็นนมพืช
00:26:06 → 00:26:10 อืืดื่มแบบเป็นแบบดื่มก็มีมีครับเป็นแบบ
00:26:10 → 00:26:13 ว่าเอ่อนมโยเกิร์ตที่มาจากนมถั่วเหลืองนม
00:26:13 → 00:26:18 อโอ๊สนมพิตาชิโอโอโหสเต็มไปหมดเลยก็ดูริ
00:26:18 → 00:26:22 น้ำตาลน้อยอ่าเลือกน้ำตาลต่ำนะมีโปรตีน
00:26:22 → 00:26:25 สูงแคลเซียมสูงเงี้ยแล้วมีโปรไบโอติกนี่
00:26:25 → 00:26:29 แหละจะช่วยทำให้เราเนี่ยกระดูกแข็งแรง
00:26:29 → 00:26:32 แล้วมันส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราให้ดี
00:26:32 → 00:26:34 ขึ้นได้ได้ติ่งนิดนึงค่ะอาจารย์กินตอนไหน
00:26:34 → 00:26:37 ดีกินตอนไหนกินตอนไหนดีใช่มั้ยครับกินตอน
00:26:37 → 00:26:38 ที่เขาให้
00:26:38 → 00:26:42 กินมนุษย์เราอ่ะเขาให้กินเช้ากลางวันเย็น
00:26:42 → 00:26:45 อย่าไปกินตอนกลางคืนนึกออกมั้ยอาจารย์ถึง
00:26:45 → 00:26:47 พูดเสมอไงคนเราไม่กินตามนาฬิกาชีวิตชอบ
00:26:47 → 00:26:50 กินสวนทางนาฬิกาชีวิตเวลากินกลับนอนตื่น
00:26:50 → 00:26:54 เช้ามากินอาหารเช้าค่ะไม่ันเลือกนอนต่ออื
00:26:54 → 00:26:56 อ่ามีเวลาครึ่งชั่วโมงฉันขอนอนต่อตื่นมา
00:26:56 → 00:26:59 กินเหรอฉันไม่กินเวลานอนนอนล่ะเให้นอนได้
00:26:59 → 00:27:02 แล้วนะ 21:00 น 22:00 นเข้านอนแล้วไม่ฉัน
00:27:02 → 00:27:05 เลือกกินเห็นมั้ยแล้วสวนทางนาฬิกาชีวิต
00:27:05 → 00:27:08 งั้นแล้วชีวิตมันเลยไม่เป็นชีวิตไงมันก็
00:27:08 → 00:27:13 เลยมันก็เลยไม่มีชีวาแล้วเนี่ยกินได้เลย
00:27:13 → 00:27:17 เช้ากลางวันเย็นกินได้หมดออ่าขอให้เลือก
00:27:17 → 00:27:20 น้ำตาลน้ำตาลตำนะเป็นสำคัญอันนี้ก็จะเป็น
00:27:21 → 00:27:24 เอ่อเทคนิคนึงหรือเคล็ดลับง่ายๆที่ทำให้
00:27:24 → 00:27:27 เราเนี่ยมีสุขภาพกระดูกที่ดีนะครับอย่าง
00:27:27 → 00:27:29 ที่บอกเราก็จะทำให้เอ่อมีคุณภาพชีวิตที่
00:27:29 → 00:27:32 ดีเพราะเราเราอาจจะยังมองไม่เห็นเพราะมัน
00:27:32 → 00:27:34 อยู่ตรงเนี้ยแต่เราไม่รู้หรอกมันช่วย
00:27:34 → 00:27:36 ซัพพอร์ตการเคลื่อนไหวร่างกายของเรานะค่ะ
00:27:36 → 00:27:39 อ่าไอ้ตัวโครงร่างของกระดูกของเรานี่แหละ
00:27:39 → 00:27:44 เนาะยังไงก็ฝากไว้นะครับให้กินอาหารที่
00:27:44 → 00:27:47 เป็นแหล่งของแคลเซียมและวิตามิน D3 และ K2
00:27:47 → 00:27:51 เยค่ะขอบคุณค่ะอาจารย์ขาสวัสดีค่ะหมดเวลา
00:27:51 → 00:27:52 แล้วค่ะคุณผู้ฟังพ้อบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
00:27:52 → 00:27:54 วันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:27:54 → 00:27:58 ค่ะ This Is Thai PBS podcast ฝ้า
00:27:58 → 00:28:00 หนึ่งในโรคผิวหนังที่รักษาไม่หายทำได้
00:28:00 → 00:28:03 เพียงแค่จางกับปัญหาสินค้าหลอกให้ข้อมูล
00:28:03 → 00:28:06 ลวงว่ารักษาหายขาดแพทยหญิงสรวลัยรักชาติ
00:28:06 → 00:28:08 สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยมาบอกให้
00:28:08 → 00:28:13 รู้ครับ้าก็เหมือนโรคผิวหนังอันนึงนะคะ
00:28:13 → 00:28:16 ที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเนาะมัน
00:28:16 → 00:28:20 สร้างเม็ดสีเข้มขึ้นมานะคะแล้วก็ปัจจุบัน
00:28:20 → 00:28:23 เนี่ยมันก็มีงานวิจัยออกมาเรื่อยๆว่ามัน
00:28:23 → 00:28:25 ไม่ใช่แค่เรื่องของเม็ดสีแล้วนะมันเป็น
00:28:25 → 00:28:28 เรื่องของสารเคมีในผิวที่มันทำให้เกิดการ
00:28:28 → 00:28:31 อักเสบหรือว่าเป็นเรื่องของหลอดเลือดก็มี
00:28:31 → 00:28:35 นะคะก็จะเห็นว่าลักษณะของฝ้าเนี่ยมันจะ
00:28:35 → 00:28:39 เหมือนตาข่ายสีน้ำตาลน้ำตาลอยู่บนใบหน้า
00:28:39 → 00:28:42 ใช่มยคะไม่อยากจะบอกให้เสียกำลังใจนะแต่
00:28:42 → 00:28:45 ฝ้าเนี่ยเป็นแล้วแบบมันไม่หายอ่ะการรักษา
00:28:45 → 00:28:49 ที่จะดีที่สุดคือพยายามทำให้สีมันจางแล้ว
00:28:49 → 00:28:53 ก็จางนานที่สุดค่ะแต่บางคนอ่ะจะหายอยู่ดี
00:28:53 → 00:28:56 ๆมันหายเองเออหมดประจำเดือนแล้วหายอะไร
00:28:56 → 00:28:59 อย่างเงี้ยหรือบางคฝ้าตอนท้องอ่ะอันนี้
00:28:59 → 00:29:02 อาจจะดีนิดนึงเป็นฝ้าตอนท้องฝ้าดำขึ้นแต่
00:29:02 → 00:29:06 พอคลอดเสร็จฮอร์โมนอะไรมันลงเรียบร้อยละ
00:29:06 → 00:29:09 ก็เออฝ้าหายอะไรอย่างเงี้ยค่ะครีมทาฝ้า
00:29:09 → 00:29:13 เนี่ยถ้าถ้าพวกมีอยก็ยังรู้สึกว่าโล่งใจ
00:29:13 → 00:29:16 ว่าแบบอ่ามันยังพอแบบเชื่อถือได้ใช่มั้ย
00:29:16 → 00:29:19 คะแต่ว่าถ้าครีมที่แบบเมื่อก่อนที่เขาบอก
00:29:19 → 00:29:22 ว่าซื้อตามตลาดนัดหรือว่าไม่มีอยกวนเอง
00:29:22 → 00:29:24 หลังบ้านอะไรอย่างเงี้ยพวกเต้องระวังเลย
00:29:24 → 00:29:27 นะคะเพราะว่าเขาอ่ะอยากจะทำครีมที่เหมือน
00:29:27 → 00:29:31 ทแล้วมัน 7 วันเห็นผลจริงๆอะไรแบบนี้ขาว
00:29:31 → 00:29:34 ไวเพราะฉะนั้นเขาจะใส่สารที่มันค่อนข้าง
00:29:34 → 00:29:37 อันตรายแหละค่ะยกตัวอย่างเช่นใส่สารปลอด
00:29:37 → 00:29:40 อย่างเงี้ยอคือทาแล้วมันขาวจริงนะแต่ว่า
00:29:40 → 00:29:42 มันขาวเป็นเหมือนแบบเม็ดสีตายอย่างงั้น
00:29:42 → 00:29:45 น่ะค่ะขาวแบบซีดเป็นเหมือนด่างขาวไปเลย
00:29:45 → 00:29:48 อย่างเงี้ยมันก็ไม่สวยอยู่
00:29:48 → 00:29:53 ดี This Is Thai PBS
00:29:53 → 00:29:56 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:56 → 00:29:58 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:58 → 00:30:13 www.thaipbs.or.th
00:30:13 → 00:30:16 [เพลง]