00:00:00 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:16 สวัสดีครับพี่หมอสวัสดีครับทุกคนครับ
00:00:16 → 00:00:20 สวัสดีครับครับสวัสดีครับคุณหมอสวัสดี
00:00:20 → 00:00:23 ครับสวัสดีครับคุณหมอครับสวัสดีครับทุกคน
00:00:23 → 00:00:28 ครับโอเควันเนี้ยเรา 4 คนพร้อมเพียงกันนะ
00:00:28 → 00:00:32 ฮะวันนี้หมอมีืเรื่องเก่าๆเ่าที่จะมา
00:00:32 → 00:00:35 Lecture ต้องใช้คำว่า Lecture นะฮะเพราะ
00:00:35 → 00:00:38 ฉะนั้นใครที่ฟังคลิปนี้นะถ้าเป็นไปได้
00:00:38 → 00:00:41 ตั้งต้นเนี่ยเตรียมสมุดปากกาแล้วเลคชอร์
00:00:41 → 00:00:47 ไปพร้อมๆกันนะฮะนะเอ่อวันเนี้ยหมอจะพูด
00:00:47 → 00:00:50 ถึงหัวใจของ low C High Fat ที่เป็น
00:00:50 → 00:00:54 basic ที่สุดนะฮะเบสิที่สุดของเรื่องของ
00:00:54 → 00:00:57 low C High Good Fat เนี่ยก็คือ
00:00:57 → 00:01:00 เรื่องของอินซูลิน
00:01:00 → 00:01:04 กับเรื่องของพลังงานนะฮะทำไมถึงอยากจะพูด
00:01:04 → 00:01:07 ใน 2 เรื่องเนี่ยเพราะเท่าที่สังเกตนะ
00:01:07 → 00:01:10 สังเกตของการที่คนเข้าสู่
00:01:10 → 00:01:15 เอ่อเรื่องของโภชนาการคาฟต่ำ ow คฟหรือ
00:01:15 → 00:01:18 แบบอื่นๆอะไรก็ตามเนี่ยนะฮะความเข้าใจใน
00:01:18 → 00:01:21 เรื่องของอาหารการปฏิบัติตัวในเรื่องของ
00:01:21 → 00:01:25 อาหารนะแล้วก็ผลที่เกิดขึ้นนะไม่ว่าจะ
00:01:25 → 00:01:28 เป็นการประเมินทางกายภาพประเมินทาง
00:01:28 → 00:01:30 ฟิสิกส์หรือประเมินทางเมีโดยการเจาะเลือด
00:01:30 → 00:01:35 อะไรก็ตามนะฮะหลายคนก็ยังมีความไม่ได้ผล
00:01:35 → 00:01:38 เต็มเม็ดเต็มหน่วยอ่ะนะฮะคือไม่ได้เป้า
00:01:38 → 00:01:43 หมายอ่าในแง่ที่การเข้ามาในโภชนาการรูป
00:01:43 → 00:01:47 แบบใหม่นี้นะก็เลยมาเกิดปัญหาเกิดความไม่
00:01:47 → 00:01:52 สบายใจแล้วก็เกิดความคาแคงใจนะรวมทั้งใน
00:01:52 → 00:01:56 หลายๆเพจก็จะเห็นว่ามีกระทู้เ่อโพสต์ถาม
00:01:56 → 00:01:58 กันถึงเรื่องว่าจะต้องกินอย่างนี้ไปตลอด
00:01:58 → 00:02:01 ชีวิตมยกินแล้วมันจะเป็นอะไรมั้ยมันจะ
00:02:01 → 00:02:05 เป็นอันตรายมั้ยนะฮะนะก็มีวิวาทะกันใน
00:02:05 → 00:02:10 หลายๆเพจนะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้นะฮะ
00:02:10 → 00:02:13 คือเข้าไปดูแล้วเนี่ยก็คิดว่าถ้าเราเป็น
00:02:13 → 00:02:19 ส่วนนึงนะของการที่จะแนะนำองค์ความรู้ใน
00:02:19 → 00:02:23 เชิงลึกให้คนเข้าใจของโภชนาการคาต่ำเนี่ย
00:02:23 → 00:02:27 นะฮะหมอคิดว่าเอ่อ 2 ประเด็นเนี้ยมันเป็น
00:02:27 → 00:02:32 2 ประเด็นที่น่าจะเป็นอ่าน่าจะเป็นใจ
00:02:32 → 00:02:35 ความสำคัญแล้วล่ะนะฮะที่คนจะต้องมาคิด
00:02:35 → 00:02:40 แล้วมาปรับอ่าว่ามันมันมันเป็นยังไงอ่ะนะ
00:02:40 → 00:02:43 กับตัวเราแล้วก็การนำไปแก้นะฮะนะก็คือ
00:02:43 → 00:02:46 อยากจะพูดใน 2 เรื่องนี้นะฮะเรื่องแรกจะ
00:02:46 → 00:02:48 เป็นเรื่องของอินซูลินนะฮะอย่างในภาพที่
00:02:49 → 00:02:52 เราโชว์ในในไลฟเนี่ยนะฮะเรื่องของ
00:02:52 → 00:02:54 อินซูลินเปลี่ยนแปลงโดยอะไรเนี่ยภาพนี้ก็
00:02:55 → 00:02:58 เคยฉายมาหลายครั้งแล้วนะฮะก็เรารู้แล้ว
00:02:58 → 00:03:01 ว่าอินซูลินเนี่ยไม่ได้ถูกคอนโทรลที่สมอง
00:03:01 → 00:03:06 นะฮะเขาถูกคอนโทรลอ่าที่อาหารแล้วเถูกยก
00:03:06 → 00:03:10 ย่องเป็น King of ฮอร์โมนนะฮะนะโดยบทบาท
00:03:10 → 00:03:13 สำคัญที่สุดนะและเราถูกยกย่องให้เป็น
00:03:13 → 00:03:17 ฮอร์โมนที่มีความสำคัญสูงสุดของมนุษย์เรา
00:03:17 → 00:03:21 นะฮะเอ่ออินซูลินเนี่ยเา depend on Food
00:03:21 → 00:03:25 นะฮะนะแต่ก็ต้องเป็น Good Food นะฮะก็
00:03:25 → 00:03:28 คือเป็นเร Food นั่นเองนะฮะอันนี้พื้นๆ
00:03:28 → 00:03:32 สุดเลยนะินสร้างจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน
00:03:32 → 00:03:35 ซึ่งวิวัฒนาการของคนเราเนี่ยก็ไม่ได้ว่า
00:03:35 → 00:03:39 จะมีเอ่อการทำงานของตัวเบต้าเซลล์นะหรือ
00:03:39 → 00:03:42 การสร้างอินซูลินเนี่ยมากมายอะไรนะนะฮะ
00:03:42 → 00:03:46 ฟังก์ชันของตับอ่อนน่ะทั้งตับอ่อนเลยนะ
00:03:46 → 00:03:48 ที่มันมีส่วนเนื้อเยื่อเบต้าเซลล์และ
00:03:48 → 00:03:51 สร้างอินซูลินเนี่ยมันมีแค่ประมาณ 1% นะ
00:03:51 → 00:03:55 ฮะ 1% นะฮะนะแล้วก็อีกประมาณไม่ถึง 1%
00:03:55 → 00:03:58 เนี่ยนะฮะก็จะเป็นพวกแอลฟ่าเซลล์นะที่เขา
00:03:58 → 00:04:02 จะสร้างกูก้อนมา Counter Balance กับตัว
00:04:02 → 00:04:06 อินซูลินนะฮะนะแล้วก็ 2 ส่วนเนี้ยนะ 2
00:04:06 → 00:04:09 เรื่องเนี้ยนะฮะอินซูลินกับกลูคากอนเนี่ย
00:04:09 → 00:04:13 ก็จะเป็นส่วนสำคัญนะที่ตับอ่อนที่เหลือใน
00:04:13 → 00:04:17 โครงสร้างตับอ่อนประมาณ 98 - 99% เนี่ย
00:04:17 → 00:04:20 มันจะเป็นเรื่องของการสร้างเอนไซม์มาช่วย
00:04:20 → 00:04:23 ในการย่อยอาหารนะเอ่อเพราะฉะนั้นอินซูลิน
00:04:23 → 00:04:28 เนี่ยแม้ว่าจะเป็นส่วนที่มีน้อยก็จริงนะ
00:04:28 → 00:04:32 ฮะแต่ก็จะมีคววามสำคัญยิ่งๆยิ่งกว่านะฮะ
00:04:32 → 00:04:35 มันถึงได้ถูกยกย่องให้เป็นเรื่องของ King
00:04:35 → 00:04:39 of รมนในการคอนโรลทุกสิ่งทุกอย่างและที่
00:04:39 → 00:04:43 สำคัญเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสั่งการนะ
00:04:43 → 00:04:49 ของสมองเลยนะฮะเป็นฮอร์โมนอ่าตัวตัวนึง
00:04:49 → 00:04:53 อ่ะนะฮะนะที่เป็นลักษณะแบบนี้นะแต่ตัว
00:04:53 → 00:04:56 อื่นๆนะฮะจะเป็นคอร์ติซอลเป็นเอสโตรเจน
00:04:56 → 00:04:59 หรือว่าจะเป็นเ่อลูกๆเทพอะไรต่างๆที่เคย
00:04:59 → 00:05:01 พูดพูดกันไปเนี่ยพวกนี้ยังขึ้นอยู่กับ
00:05:01 → 00:05:06 สมองนะฮะนะยอยู่ภายใต้การคอนโทรลของตัว
00:05:06 → 00:05:10 สมองอ๋อครับแล้วทีนี้อ่าอินซูลินเนี่ยมัน
00:05:10 → 00:05:12 ขึ้นอยู่กับอาหารนะเพราะฉะนั้นเราก็ต้อง
00:05:12 → 00:05:15 มาดูเรื่องอาหารที่กระตุ้นและไม่กระตุ้น
00:05:15 → 00:05:18 อินซูลินนะฮะเขาก็จะเรียงลำดับนะอาหาร
00:05:18 → 00:05:21 หลักๆของเราก็ 3 กลุ่มคาร์โบไฮเดรตโปรตีน
00:05:21 → 00:05:24 ไขมันเหล่านี้มีผลยังไงบ้างกับอินซูลินนะ
00:05:24 → 00:05:28 ก็เราก็มองเห็นแล้วนะฮะในรูปเนี้ยนะฮะ
00:05:28 → 00:05:32 อย่างคาฟโดยทั่วไปอันนี้คาฟนะเฉพาะเอ่อ
00:05:32 → 00:05:35 กลุ่มคาฟอย่างเดียวไม่ปนเปยอย่างอื่นนะฮะ
00:05:35 → 00:05:39 กระตุ้นอินซูลินเพิ่มขึ้นจากเซอเลเวล
00:05:39 → 00:05:42 เนี่ยประมาณ 10 เท่านะฮะแต่ถ้าเป็นโปรตีน
00:05:42 → 00:05:45 อย่างเดียวก็ 3 เท่านะจริงๆ 3 -5 เท่า
00:05:45 → 00:05:48 น่ะแหละนะฮะถ้าเป็นไขมันอย่างเดียวก็
00:05:48 → 00:05:52 ประมาณ 0.5 -1 เท่านะฮะทีนี้ถ้าเป็นราย
00:05:52 → 00:05:55 ละเอียดเนี่ยรายละเอียดในทางการกินอาหาร
00:05:55 → 00:05:58 เข้าไปเลยเนี่ยเราก็จะเห็นว่าเอ่อกลุ่ม
00:05:58 → 00:06:02 ที่เป็นเอ่อโมเลกุลค่อนข้างเดี่ยวหรือว่า
00:06:02 → 00:06:05 ไม่ซับซ้อนมากเนี่ยจะกระตุ้นเยอะนะฮะนะ
00:06:05 → 00:06:07 เนี่ยน้ำตาลกลูโคสแป้งน้ำตาลเทียมอันนี้
00:06:07 → 00:06:12 กระตุ้นเยอะนะฮะนะโปรตีนรองลงมาไขมันพราน
00:06:12 → 00:06:16 นะฮะนะแล้วก็พวกอะไรน้ำมันพืชแปรรูกนะ
00:06:16 → 00:06:19 หรือเป็นไขมันเนี่ยที่มีความการเสียสภาพ
00:06:19 → 00:06:23 โดยความร้อนนะฮะนะรวมทั้งโปรตีนด้วยนะฮะ
00:06:23 → 00:06:25 พวกนี้ก็กระตุ้นอินซูลินหนักนะฮะแต่ในแง่
00:06:25 → 00:06:29 ของไขมันดีเนี่ยก็กระตุ้นน้อยนะฮะกระตุ้น
00:06:29 → 00:06:33 น้อยน้อยนะไขมันดีก็ที่เอามาทำน้ำมันสกัด
00:06:33 → 00:06:37 เย็นหรือน้ำสลัดตีออยอะไรต่างๆเนี่ยพวก
00:06:37 → 00:06:40 นี้จะกระตุ้นน้อยมากนะฮะนะอ่ะนะเราก็รู้
00:06:41 → 00:06:44 หลักๆอย่างนี้นะฮะทีนี้โดยทั่วไปอ่ะที่
00:06:44 → 00:06:49 เราเอ่ออยู่ในวงการของเ่อโภชนาการสมัย
00:06:49 → 00:06:51 ใหม่มาเนี่ยเราก็คงพอทราบคร่าวๆในเรื่อง
00:06:51 → 00:06:55 ว่าอินซูลินเนี่ยเอ่อมันถูกกระตุ้นด้วย
00:06:55 → 00:06:59 อาหารอะไรนะแล้วเสร็จแล้วเนี่ยมันก็ไปมีผ
00:06:59 → 00:07:03 ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินนะเราคิดแต่ใน
00:07:03 → 00:07:06 เรื่องเดียวอ่ะในหนทางเดียวว่าเออการดื้อ
00:07:06 → 00:07:08 อินซูลินเนี่ยเพราะอินซูลินถูกกระตุ้นออก
00:07:08 → 00:07:11 มาเยอะๆเยอะๆนะฮะแล้วมันขี้เกียจมันไม่ทำ
00:07:11 → 00:07:15 งานในการเก็บกักสะสมไอ้พวกสารอาหารหรือ
00:07:15 → 00:07:17 พลังงานต่างๆ
00:07:17 → 00:07:22 นะก็เลยทำให้เกิดการดื้อนะแต่อีกส่วน
00:07:23 → 00:07:25 หนึ่งเนี่ยการดื้ออินซูลินเนี่ยก็ไม่ได้
00:07:25 → 00:07:28 เป็นผลโดยตรงมาจากตัวอินซูลินนะฮะใน
00:07:28 → 00:07:31 ปัจจุบันที่มีงานวิจัยรองรับกันเนี่ยก็
00:07:31 → 00:07:35 คือมันเป็นเรื่องของตัวเซลล์ต่างๆนะที่
00:07:35 → 00:07:38 มันไม่เปิดประตูนะฮะนะประตูรับอินซูลิน
00:07:38 → 00:07:41 เนี่ยเชื่อกัดโฟนะก็ไม่เปิดประตูอันเนี้ย
00:07:41 → 00:07:44 นะฮะเพราะฉะนั้นอินซูลินก็พาเอาของดีๆเอา
00:07:44 → 00:07:47 สารอาหารเอาพลังงานอะไรต่างๆเอาแร่ธาตุ
00:07:47 → 00:07:51 เอาวิตามินนะเข้าสู่เซลล์ไม่ได้นะแต่ทั้ง
00:07:51 → 00:07:54 หมดเนี่ยเราก็รู้จักกันในนามภาวะดื้อ
00:07:54 → 00:07:58 อินซูลินหรืออูน resistance นะฮะแต่ทีนี้
00:07:58 → 00:08:02 ในพื้นฐานเบสิคจริงๆของ low C High Fat
00:08:02 → 00:08:05 เนี่ยนะเขาไม่ได้เขาก็พูดถึงอินซูลินในใน
00:08:05 → 00:08:09 แนวทางแบบเนะแต่จะมีอีกทิศทางนึงที่เขา
00:08:09 → 00:08:12 พูดถึงนะโดยเขาแปลคำว่า insulin
00:08:12 → 00:08:14 resistance เนี่ยนะถ้าเป็นภาษาไทยเนี่ย
00:08:14 → 00:08:18 ก็คืออินซูลินที่ก้าวร้าวนะฮะเขาใช้คำว่า
00:08:18 → 00:08:20 aggressive นะฮะนะเป็นอินซูลินที่ก้าว
00:08:20 → 00:08:25 ร้าววันนี้นะฮะหมอจะมาให้รายละเอียดของ
00:08:25 → 00:08:29 ภาวะอินซูลินที่ก้าวร้าวเนี่ยมันมีอยู่ 8
00:08:29 → 00:08:33 8 ปม 8 ปมนะของภาวะดื้ออินซูลินหรือ
00:08:33 → 00:08:37 อินซูลิน้าร้าวเนี่ยนะว่าเกิดจากอะไรเรา
00:08:37 → 00:08:41 ให้พวกเราเนี่ยจำสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ดีนะ
00:08:41 → 00:08:46 เอ่อมันเป็นเหตุนะฮะซึ่งถ้าจะแก้ภาวะดื้อ
00:08:46 → 00:08:49 อินซูลินนะก็จะต้องคิดถึง 8 เรื่องเนี้ย
00:08:49 → 00:08:53 นะฮะแล้วจะไปจัดการยังไงจะไปปรับยังไงนะ
00:08:53 → 00:08:57 ฮะรวมทั้งถ้ามีตัวชี้วัดต่างๆที่มันมี
00:08:57 → 00:09:01 ความผิดปกติอะไรต่างๆถ้าคิดว่านะมันต้อง
00:09:02 → 00:09:03 อธิบายหรือมันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:09:03 → 00:09:07 อินซูลินนะฮะก็ให้ดู 1 2 3 4 5 6 7
00:09:07 → 00:09:11 8 นะว่ามันอยู่ในประเด็นไหนนะฮะให้คิด
00:09:11 → 00:09:15 ถึงอันนี้ก่อนนะฮะอ่าหมอเริ่มข้อแรกเลยนะ
00:09:15 → 00:09:19 ฮะเขาบอกว่าอินซูลินมันก้าวร้าวเพราะ
00:09:19 → 00:09:23 เพราะว่าสิ่งที่กินมันไม่ใช่คาฟตรงๆอ่ะนะ
00:09:23 → 00:09:28 มันเป็นคาฟแปรรูปนะโดยแปรรูปคาฟออกมาเป็น
00:09:28 → 00:09:32 อะไรนะก็คือเป็นเป็นน้ำตาลนแหละหลักๆก็
00:09:32 → 00:09:34 คือเป็นน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาล 3 ตัวหลักนะ
00:09:35 → 00:09:41 ฮะก็คือกลูโคสฟลุกโตสนะกาแลคโตสนะฮะส่วน
00:09:41 → 00:09:45 น้ำตาลโมเลกุลคู่นะฮะหรือเชิงซ้อนอะไร
00:09:45 → 00:09:49 ต่างๆนะที่มันมาจับจับๆพันธะมันมาจับๆกัน
00:09:49 → 00:09:52 ซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆเนี่ยทุกอย่างนะที่
00:09:53 → 00:09:58 เป็นคาฟเนี่ยนะฮะมีผลต่ออินซูลินยิ่งแปร
00:09:58 → 00:09:59 รูปมากเท่าไหร่
00:09:59 → 00:10:03 ยิ่งเป็นโมเลกุลที่ถูกตัดทอนลงเล็กลงเล็ก
00:10:03 → 00:10:07 ลงมากเท่าไหร่นะฮะนะการเกิดสภาวะที่เรียก
00:10:07 → 00:10:09 ว่าอินซูลินก้าวร้าวมันก็จะยิ่งมากขึ้น
00:10:09 → 00:10:12 มากขึ้นนะฮะอันนี้นะฮะอันนี้ประเด็นข้อ
00:10:12 → 00:10:16 ที่ 1 นะฮข้อที่ 2 นะเขาใช้คำว่า hidden
00:10:17 → 00:10:20 Sugar นะฮะ hidden Sugar แต่ hidden
00:10:20 → 00:10:22 Sugar เนี่ยมันจะมีหลากหลายความหมายความ
00:10:22 → 00:10:24 หมายในข้อที่ 2 เนี่ยส่วนใหญ่เราหมายถึง
00:10:24 → 00:10:29 แป้งนะฮะหรือสัชนะฮะนะตัวแป้งนะนะที่จะ
00:10:29 → 00:10:34 เป็นเ่อเป็นตัวแป้งโดยตรงก็ดีอนะหรือเป็น
00:10:34 → 00:10:36 ตัวที่มีน้ำตาล
00:10:36 → 00:10:40 เอ่อรวมอยู่เป็นส่วนผสมอยู่นะฮะนะส่วน
00:10:40 → 00:10:44 ใหญ่เนี่ยก็จะอยู่ในรูปของอาหารแปรรูปไป
00:10:44 → 00:10:48 นะฮะนะแล้วแป้งต่างๆพวกเนี้ยนะถ้ามันอยู่
00:10:48 → 00:10:52 ในอาหารปกติเนี่ยอย่างเช่นเมล็ดพืชเมล็ด
00:10:52 → 00:10:56 ธัญพืชอะไรต่างๆนะฮะนะพวกนี้เราถือว่า
00:10:56 → 00:10:59 เป็นตัวที่ในที่สุดเนี่ยมันก็จะถูกร่าง
00:10:59 → 00:11:02 กายเปลี่ยนแปลงไปเป็นโมเลกุลที่เป็นน้ำ
00:11:02 → 00:11:05 ตาลอยู่ดีนะเพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่จะ
00:11:05 → 00:11:08 กระตุ้นอ่าเรื่องของอินซูลินจะมากจะน้อย
00:11:08 → 00:11:11 จะชูดแค่ไหนอะไรอย่างงั้นนะฮะแต่กลุ่ม
00:11:11 → 00:11:16 เมล็ดพืชเนี่ยอ่าจะมีส่วนอย่างนึงอ่ะนะ
00:11:17 → 00:11:20 ที่จะมีตัวแถมขึ้นมาเ้าเรียกกลูเต้นนะฮะ
00:11:20 → 00:11:24 กลูเต้นมันก็เป็นโปรตีนน่ะนะฮะนะแต่เมื่อ
00:11:24 → 00:11:28 มันเป็นโปรตีนกลูเต้นที่อยู่กับคาฟหรือ
00:11:28 → 00:11:33 น้ำตาลก็ตามนะฮะพวกนี้มีมีแนวโน้มในการ
00:11:33 → 00:11:35 กระตุ้นอินซูลินที่ทำให้เกิดภาวะอินซูลิน
00:11:35 → 00:11:39 ก้าวร้าวนะค่อนข้างแรงค่อนข้างแรงนะฮะนะ
00:11:40 → 00:11:44 อีกอันนึงก็คือแป้งที่อยู่กับไขมันนะฮะนะ
00:11:44 → 00:11:46 อันนี้เราก็รู้ปฏิกิริยาของ rand
00:11:46 → 00:11:49 reaction หรือ randle Cycle อยู่แล้วนะ
00:11:49 → 00:11:53 ฮะว่าเขามีส่วนที่กระตุ้นอินซูลินค่อน
00:11:53 → 00:11:55 ข้างแรงค่อนข้างแรงแล้วเป็นการกระตุ้นแบบ
00:11:55 → 00:12:00 อินซูลินก้าวร้าวอ่ะนะฮะอื
00:12:00 → 00:12:02 ในกลุ่มของเมล็ดพืชเนี่ยที่มีผลในการ
00:12:02 → 00:12:07 กระตุ้นเอ่อไม่เยอะนะฮะไม่เยอะนะเอ่อก็จะ
00:12:07 → 00:12:10 เป็นพวกข้าวลายแล้วก็ข้าวเจ้านะฮะนะถ้า
00:12:10 → 00:12:15 เป็นเมล็ดพืชนะฮะนะพวกนี้ไม่มีกลูเต้นนะ
00:12:15 → 00:12:19 นะแล้วก็โอกาสในการเกิดภาวะอินซูลินก้าว
00:12:19 → 00:12:22 ร้าวจะน้อยลงนะฮะคือหมอจะใช้คำนี้นะฮะนะ
00:12:22 → 00:12:26 คิดว่ามันน่าจะดูดเด็ดเผ็ดมันนะมากกว่านะ
00:12:26 → 00:12:30 เรื่องของอินซูลินดื้ออินซูลินเฉยๆนะฮะ
00:12:30 → 00:12:33 อีกอย่างนึงก็คือกลุ่มผลไม้เราถือว่า
00:12:33 → 00:12:36 ผลไม้ทุกอย่างมีเรื่องของ hien Sugar
00:12:36 → 00:12:42 อยู่นะฮะยกเว้นผลไม้ที่นับพลังงานนะอ่า
00:12:42 → 00:12:45 หรือนับพลังงานและสารอาหารน่ะในรูปของไข
00:12:45 → 00:12:48 มันนะฮะก็มีอยู่ 3-4 ตัวนะก็มีมะพร้าว
00:12:48 → 00:12:52 อะโวคาโดมะกอกนะฮะนะทนี้ผลไม้ที่ไม่ได้
00:12:52 → 00:12:56 นับพลังงานนะฮะนะเป็นผลไม้ที่ไม่ได้กิน
00:12:56 → 00:12:59 เยอะแล้วเราอนุโลมว่าถือว่าไม่มีพลังงาน
00:12:59 → 00:13:03 นะก็คือมะนาวนะฮะนะกินวันละ 1-2 ผลอีก
00:13:03 → 00:13:06 กลุ่มนึงเนี่ยก็ถือว่าเป็นพลังงานประเภท
00:13:06 → 00:13:10 าฟแต่กินน้อยๆได้นะแล้วก็เามีสารพรึกษา
00:13:10 → 00:13:14 เคมีกับตัวแอนตี้ออกซินที่ดีต่อร่างกายก็
00:13:14 → 00:13:17 คือพวกตระกูลเบอร์รี่นะฮะนะแต่พวกเนี้ย
00:13:17 → 00:13:21 ต้องกินน้้อยๆนะกินในปริมาณเน็ตาฟแค่
00:13:21 → 00:13:26 ประมาณ 5-10 กรัมนะฮะไม่เกินนี้
00:13:26 → 00:13:30 นะทีนี้พวกัวต่างๆอ่ะที่เราเคยไร้กันไป
00:13:30 → 00:13:33 แล้วเนี่ยถั่วเนี่ยเราถือว่าเป็นกลุกแป้ง
00:13:33 → 00:13:36 เป็นหลักละนะฮะนะแต่ก็จะมีโปรตีนมีไขมัน
00:13:36 → 00:13:38 เนี่ยอันนั้นมันก็จะยิบย่อยแล้วมันเป็น
00:13:38 → 00:13:41 ส่วนน้อยนะฮถั่วส่วนใหญ่ก็เป็นแป้งนะฮะ
00:13:41 → 00:13:43 ถั่วในที่นี้ส่วนใหญ่ก็คือบีนหรือถั่ว
00:13:43 → 00:13:47 เมล็ดแห้งที่เป็นถั่วฝักนะฮะพวกนี้เราถือ
00:13:47 → 00:13:51 ว่ามี iden ชูการสูงนะถ้ากินเยอะก็มี
00:13:51 → 00:13:54 โอกาสในการกระตุ้นอินซูลินที่จะเกิดการ
00:13:54 → 00:13:58 ก้าวร้าวขึ้นมานะฮะนะก็มีถั่วชนิดนึงนะนะ
00:13:58 → 00:14:02 ฮะไม่รู้พวกเราพอรู้จักมั้ยนะถั่วอันนี้
00:14:02 → 00:14:05 เนี่ยกระตุ้นอินซูลินน้อยที่สุดนะฮะนะแต่
00:14:05 → 00:14:08 ว่าไม่ได้อยู่ในแถบเอเซียหรือเขตเส้น
00:14:08 → 00:14:11 ศูนย์สูตรเป็นถั่วในเขตอบอุ่นนะฮะเ้า
00:14:11 → 00:14:16 เรียกว่ากิมัสนะฮะกิมัสนะฮะอันนี้กระตุ้น
00:14:16 → 00:14:22 กระตุ้นอินซูลินน้อยสุดในโลกนะฮะิัิั H
00:14:22 → 00:14:27 ms นะฮะนะแต่ถั่วพวกนี้ก็มีขายใน shopee
00:14:27 → 00:14:32 Lazada นะฮะนะถ้าใครจะลองซื้อมามากินนะ
00:14:32 → 00:14:36 อ่ายังอยู่กันมย 2 ข้อแล้วนะฮะทีนี้ข้อ
00:14:36 → 00:14:41 ที่ 3 นะข้อที่ 3 ก็คือการกินคาฟร่วมกับ
00:14:41 → 00:14:46 โปรตีนนะโดยมีการกินแบบเป็นร่ำเป็นสันน่ะ
00:14:46 → 00:14:50 คือกินบ่อยๆนะฮะกินถี่ๆกินบ่อยๆเกินกันไป
00:14:50 → 00:14:54 นานๆกินกันเป็นชีวิตประจำวันนะฮะ
00:14:54 → 00:14:59 นะอันนี้เนี่ยโดยทั่วไปนะฮะนะถ้าเกิดว่า
00:14:59 → 00:15:01 เรากินคาฟอย่างเดียวเนี่ยมันกระตุ้น
00:15:01 → 00:15:05 อินซูลินประมาณ 10 เท่าใช่มนะนะแต่ถ้า
00:15:05 → 00:15:11 เมื่อไหร่นะมีการกินคาฟบวกโปรตีนนะฮะนะ
00:15:11 → 00:15:13 พวกนี้มันจะเพิ่มการกระตุ้นอินซูลินขึ้น
00:15:13 → 00:15:18 ไปนะเป็น 200% น่ะก็คือเป็นประมาณ 20
00:15:18 → 00:15:19 เท่านะ
00:15:19 → 00:15:23 ฮะแล้วก็ความหมายส่วนใหญ่เจะหมายถึงกลุ่ม
00:15:24 → 00:15:27 นะอาหารที่ค่อนข้างไปทางแปรรูปหรือจัง
00:15:27 → 00:15:30 Food ถ้าเป็นส่วนใหญ่นะฮะก็ได้แก่การกิน
00:15:30 → 00:15:34 พวกแฮมเบอร์เกอร์ฮอตดอกนะเบอร์เกอร์ใน
00:15:34 → 00:15:38 ร้านสะดวกซื้อต่างๆนะฮะนะมีพวกข้าวเหนียว
00:15:38 → 00:15:43 หมูทอดข้าวเหนียวไก่ย่างขนมปังไข่นะฮะพวก
00:15:43 → 00:15:48 นี้แซนวิชนะขนมปังปิ้งบาร์บีคิวนะฮะนะ
00:15:48 → 00:15:50 อย่างข้าวเหนียวหมูปิ้งเนี่ยเค้าเรียก
00:15:50 → 00:15:53 แฮมเบอร์เกอร์เมืองไทยเนาะอันนี้เราเคย
00:15:53 → 00:15:57 รู้กันมั้ยอไม่เคยเลยครับพี่หมอนี้เนี่ย
00:15:57 → 00:16:01 นะปฏิกิริยาการดื้ออินซูลินนะฮะหรือภาวะ
00:16:01 → 00:16:03 อินซูลินก้าวร้าวเนี่ยมันจะเพิ่มมากขึ้น
00:16:03 → 00:16:06 นะฮะนะครับก็คือเป็นการ combine ระหว่าง
00:16:06 → 00:16:11 คาฟกับโปรตีนนั่นเองนะอือันนี้ถือว่าไม่
00:16:11 → 00:16:15 ปลอดภัยนะฮะนะในยุคอสนี้ด้วยนะฮะที่พื้น
00:16:15 → 00:16:18 ฐานของคนทั่วไปส่วนใหญ่เราจะมีภาวะดื้อ
00:16:18 → 00:16:21 อินซูลินน้อยมากก็แล้วแต่
00:16:21 → 00:16:25 อืหมูเนี่ยนะครับพี่หมอหมูหมหมูปิ้งเนี่ย
00:16:25 → 00:16:29 นะด้วยฮะหมูปิ้งนี่คือเค้าเรียกว่าอะไรนะ
00:16:30 → 00:16:32 หมูปิ้งเนี่ยคุณปิ้งเป็นยังไงไก่ย่างไก่
00:16:32 → 00:16:35 ทอดอหมูหวานหมูหวานเดี๋ยวนี้หมูหวานแล้ว
00:16:35 → 00:16:39 ปิ้งๆอ๋อไปตลาดเช้าเนี่ยก็เห็นที่เขาขายๆ
00:16:39 → 00:16:42 กันเนี่ยนะฮะเราไปถามว่าอันไหนหวานน้อย
00:16:42 → 00:16:46 ที่สุดนะฮะนะแต่หวานน้อยที่สุดก็คือหวาน
00:16:46 → 00:16:49 นั่นแหละก็ยังก็มีการใส่อยู่ดีอ่ะนะฮะพี่
00:16:49 → 00:16:52 หมอเมื่อเมื่อวานเนี่ยผมเห็นโพสต์นึงมัน
00:16:52 → 00:16:55 เป็นสูตรข้าวขาหมูอ่ะพี่หมอเใส่โอตินเข้า
00:16:55 → 00:16:58 ไปด้วยนะก็นอันนั้นไม่ได้ฮะไม่ได้เพราะ
00:16:58 → 00:17:00 ว่าโปรตีนเสียสภาพโดยความร้อนจากการต้ม
00:17:01 → 00:17:05 หมดแล้วเออ๋เดี๋ยวในเยจะบอกหมดเลยเนี่ย
00:17:05 → 00:17:07 เค้ากินไปเ้าก็เกิดภาวะอินซูลินก้าวร้าว
00:17:08 → 00:17:11 นะฮะนะอินซูลินก้าวร้าวอินซูลินก้าวร้าว
00:17:11 → 00:17:14 คืออะไรอ่ะก็คืออินซูลินมันเหวี่ยงมันวีน
00:17:14 → 00:17:19 นะฮะมันพุ่งนะฮะแล้วมันเค้าเรียกมันสวิง
00:17:19 → 00:17:22 อ่ะมันสวิงแล้วก็มันไป sustain นะฮะนะ
00:17:22 → 00:17:24 อันเนี้ยก็คืออินซูลินก้าว้ามันจะเป็น
00:17:24 → 00:17:27 ความหมายเนี้ยมันไม่ลดลงนะฮะแล้วมันก็จะ
00:17:27 → 00:17:31 สเตยอเป็นนานๆชั่วโมงอย่างเงี้ยนะฮะก็
00:17:31 → 00:17:35 เกิดจากปัจจัย 8 อย่างนี่แหละฮะนะทีนี้
00:17:35 → 00:17:38 อย่างคำถามเนี่ยว่าเออเนี่ยหมอคนนี้มาบอก
00:17:38 → 00:17:42 ว่าเออกินแป้งกับโปรตีนจะเกิดการกระตุ้น
00:17:42 → 00:17:46 อินซูลินที่ไม่ดีเลยนะฮะถามว่าแล้วถ้าคุณ
00:17:46 → 00:17:49 จะกินโปรตีนกับคาฟเนี่ยต้องกินยังไงถึงจะ
00:17:49 → 00:17:53 ดีและกระตุ้นอินซูลินน้อยที่สุดนะฮะตรง
00:17:53 → 00:17:58 นี้โน้ตไว้เลยนะฮะว่าโปรตีนจะต้องไปกับค
00:17:58 → 00:18:02 คาฟประเภทไฟเบอร์เท่านั้นนะฮะโปรตีนต้อง
00:18:02 → 00:18:05 ไปกับคาฟประเภทไฟเบอร์นะฮะเพราะฉะนั้น
00:18:05 → 00:18:11 โปรตีนนะเอ่อที่เป็นที่โปรตีนต่างๆเนี่ย
00:18:11 → 00:18:14 นะฮะถ้าจะกินร่วมกับคาฟคาฟนั้นก็จะต้อง
00:18:14 → 00:18:18 เป็นลักษณะผักใบกับผักหัวนะแล้วก็ผักดอง
00:18:19 → 00:18:24 นะฮะนะ 3 เรื่องนี้เนี่ยนะโอเคนะยังทำให้
00:18:24 → 00:18:27 อินซูลินเนี่ยเขาเป็นมิตรอยู่นะฮะอ่าเขา
00:18:27 → 00:18:31 ไม่เหวี่ยงไม่วีอ่าไม่ก้าวร้าวไม่ดุนะฮะ
00:18:31 → 00:18:35 นะอันนี้คือคำตอบนะฮะนะก็โน้ตไว้แล้วกัน
00:18:35 → 00:18:38 นะฮะเอ่อโปรตีนคู่กับคฟได้มั้ยได้แต่ต้อง
00:18:38 → 00:18:41 เป็นลักษณะที่หมอว่าเนี่ยนะนะถ้าพ้นจาก
00:18:41 → 00:18:47 นี้นะโดยเฉพาะแบบที่พูดๆมาทั้งหมดนะฮะนะ
00:18:47 → 00:18:51 อย่างกินไข่อ่ะแต่ว่าเป็นแบบอยู่ในแซนวิช
00:18:51 → 00:18:53 อย่างเงี้ยนะแล้วก็ไปราดน้ำอะไรตอะไรดู
00:18:54 → 00:18:57 ถึงไม่ราดน้ำก็เถอะนะฮะนะอันนี้ก็ถือว่า
00:18:57 → 00:18:59 ไม่ผ่านนะฮะเพราะเหล่านี้กระตุ้นอินซูลิน
00:18:59 → 00:19:03 นะแล้วอินซูลินเนี่ยมันไวนะฮะนะที่จะ
00:19:03 → 00:19:06 เรียกเขาออกมาในมื้อที่ไม่สมควรนะหรือไม่
00:19:07 → 00:19:12 ตามธรรมชาตินาฬิกาเ่าชีวิตเค้านักนะครับๆ
00:19:12 → 00:19:16 อันนี้ข้อ 3 นะฮะข้อ 4 นะข้อ 4 คือข้อ 4
00:19:16 → 00:19:20 เนี่ยมันก็จะเป็นเรื่องของคล้ายๆกับาฟ
00:19:20 → 00:19:23 ประเภทนึงอ่ะนะฮะอันนี้เเรียกว่า Modify
00:19:23 → 00:19:27 ST นะฮะนะ Modify ST นะก็คือเหมือนแป้ง
00:19:27 → 00:19:30 แปรรูปน่ะซึ่งแป้งก็เป็นาฟนะแต่ว่าจะจัด
00:19:30 → 00:19:33 อยู่ในเป็นลักษณะ Hi Sugar ก็ได้นะฮะนะ
00:19:33 → 00:19:37 อันนี้คืออะไรนะฮะอันนี้ก็คือผลิตภัณฑ์นะ
00:19:37 → 00:19:41 เ่อแต่งเติมอาหารต่างๆนะที่เราใช้กันมาก
00:19:41 → 00:19:46 เลยโดยเฉพาะในสังคมประเทศไทยเรานะฮะเก็มี
00:19:46 → 00:19:50 อะไรอ่ะชูรสรถดีคะนออร่อยชัวซื่อสัตย์
00:19:50 → 00:19:56 ขั้นเทพฟ้าไทยมันมันจ่งขึ้นไปมั้ยเนี่ยนะ
00:19:56 → 00:20:00 พวกนี้หลักๆก็คือคือเขาเป็นแป้งกับโปรตีน
00:20:00 → 00:20:04 เนี่ยผสมกันนะฮะนะแล้วพีคในการกระตุ้น
00:20:04 → 00:20:09 อินซูลินเนี่ยนะชูตขึ้นไปถึง 300% นะฮะนะ
00:20:09 → 00:20:13 250 - 300% นะฮะซึ่งมันก็จะแรงกว่าข้อ
00:20:13 → 00:20:18 3 เนะฮะเอเห็นนะนะพวกนี้ก็คือเราต้อง
00:20:18 → 00:20:23 เลือกอ่ะนะฮะนะสารแต่งเติมพวกนี้นะมัน
00:20:23 → 00:20:26 อยู่ที่วิจารณญาณและอยู่ที่การมีสติของ
00:20:26 → 00:20:30 แต่ละคนนะที่จะควบคุมนะฮะเออเพราะฉะนั้น
00:20:30 → 00:20:35 กินโดยปุงเองที่บ้านดีที่สุด
00:20:35 → 00:20:38 เนาะมีใครยังใช้อยู่มั้ยล่ะครับผมครับ
00:20:38 → 00:20:43 โอ้ยเลิกแล้วครับผมโอเคนะครับก็ตามที่หมอ
00:20:43 → 00:20:46 เคยบอกอ่ะบ้านใครมีไอ้กระปุกกระปุกระป๋อง
00:20:46 → 00:20:50 กระป๋องปรุงๆพวกเนี้ยนะเกิน 3 กระปุกขึ้น
00:20:50 → 00:20:54 ไปก็มีโรค 1 โรคของสสมาชิกคนใดคนหนึ่งใน
00:20:54 → 00:20:58 ครอบครัวไม่น้อยกว่า 1 คนนะถ้ามัน + 4 +
00:20:58 → 00:21:02 5 + 6 + 7 8 90 เนี่ยมันก็บวกๆโลก
00:21:02 → 00:21:04 ขึึ้นไปอ่ะนะ
00:21:04 → 00:21:08 ฮะข้อ 5 นะฮะข้อ 5 ก็คือกลุ่มศารทดแทน
00:21:08 → 00:21:13 ความหวานซึ่งในปัจจุบันเนี่ยนะเราเค้า
00:21:13 → 00:21:18 กากบาทมาแล้วนะฮะนะว่าใช้ไม่ได้นะฮะนะไม่
00:21:18 → 00:21:21 ต้องมาอะไรอาวรณ์หรือต่อรองนะว่าใช้อย่าง
00:21:21 → 00:21:24 งั้นอย่างนี้อย่างโง้นนะฮะนะอันนี้ถือว่า
00:21:24 → 00:21:27 คือจุดประสงค์เค้าออกมาเนี่ยเค้าก็อยากจะ
00:21:27 → 00:21:30 ให้คนเนี่ยที่ยังติดอยู่กับความหวานต่างๆ
00:21:30 → 00:21:35 อ่ะนะได้มีการลิ้มรสนะอ่อที่ผ่อนจากหนัก
00:21:35 → 00:21:39 เป็นเบาอ่ะแต่ไปๆมาๆตามสถิติที่ารพวกนี้
00:21:39 → 00:21:42 ออกมาแล้วเนี่ยนะกลับกลายเป็นว่าอุบัติ
00:21:42 → 00:21:44 การณ์ของการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
00:21:44 → 00:21:48 เพิ่มขึ้นนะฮะตั้งแต่ยุคอะไรอ่ะอ่ายุค
00:21:48 → 00:21:53 ประเภทที่ที่อะไรนะเรียกอะไรที่มันเป็น
00:21:53 → 00:21:55 เครื่องดื่ม
00:21:55 → 00:22:00 ที่เ้าเรียกอะไรอ่ะเอ่อเซี่แกอะไรโค้ก
00:22:00 → 00:22:03 ซีโร่อะไรพวกเนี้ยนะฮะนั่นแหละตั้งแต่
00:22:03 → 00:22:07 นั้นมาเลยนะฮะนะในที่สุดเนี่ยคนเปลี่ยน
00:22:07 → 00:22:11 การกินหวานจากพวกน้ำตาลธรรมชาติมากินสาร
00:22:11 → 00:22:14 ทดแทนความหวานซึ่งเป็นความหวานที่แปรรูป
00:22:14 → 00:22:17 นะฮะมันก็เลยป่วยมากขึ้นเข้าไปอีกนะฮะ
00:22:17 → 00:22:20 เพราะฉะนั้นข้อ 5 เนี่ยไม่ผ่านนะฮะใช้ไม่
00:22:20 → 00:22:24 ได้เลยนะฮะให้ตัดออกให้หมดนะฮะนะทีนี้ข้อ
00:22:24 → 00:22:28 ต่อมาก็คือคันนี้เป็นโปรตีนละนะฮะนะเมื่อ
00:22:28 → 00:22:32 กี้เราบอกแล้วว่าเอ่อโปรตีนเนี่ยเขาถ้า
00:22:32 → 00:22:34 เป็นโปรตีนธรรมดาเลยนะฮะแล้วเป็นโปรตีน
00:22:34 → 00:22:37 ธรรมชาติทั่วไปเเขากระตุ้นอินซูลินประมาณ
00:22:37 → 00:22:42 3 ถึงไม่เกิน 5 เท่าจากเซอ Level นะฮะนะ
00:22:42 → 00:22:46 แต่โปรตีนโดยทั่วไปนะฮะที่เรากินเข้าร่าง
00:22:46 → 00:22:49 กายเราในยุคปัจจุบันเนี่ยยก็มักจะเป็นแป
00:22:49 → 00:22:53 โปรตีนแปรรูปปรุงแต่งนะฮะเราจะถือว่านะ
00:22:54 → 00:22:57 โปรตีนเนี่ยต้องมากับไขมันและโปรตีนเจับ
00:22:57 → 00:23:01 คู่กับไขมันที่ดีที่สุดก็คือโปรตีนที่มี
00:23:01 → 00:23:05 ไขมันสูงกับโปรตีนที่มีไขมันปานกลางนะอัน
00:23:05 → 00:23:09 นี้การกระตุ้นอินซูลินจะน้อยนะและอยู่ใน
00:23:09 → 00:23:12 ร่องในรอยและอินซูลินที่ออกมามักจะยังมี
00:23:12 → 00:23:16 ความเป็นมิตรดีอยู่นะฮะเมื่อไหร่นะฮะที่
00:23:16 → 00:23:21 โปรตีนมันปรับไปอีกเอ่อเลเวลนึงนะฮะก็
00:23:21 → 00:23:25 เช่นโปรตีนไขมันต่ำถึงต่ำมากนะเอ่ารวม
00:23:25 → 00:23:29 ทั้งโปรตีนที่เป็นลีนโปรตีนโปรตีนไร้มัน
00:23:29 → 00:23:33 นะฮะนะและโปรตีนแปรรูปต่างๆทั้งพืชทั้ง
00:23:33 → 00:23:37 สัตว์เหล่านี้ให้ทราบว่าเกิดการกระตุ้น
00:23:37 → 00:23:41 อินซูลินแบบเอ่ออินซูลินก้าวร้าวนะฮะนะ
00:23:41 → 00:23:45 คือจริงๆพวกเนี้ยเามีขั้นตอนอยู่ 2 2
00:23:45 → 00:23:48 ขั้นนะฮะขั้นแรกเนี่ยมันจะเป็นการกระตุ้น
00:23:48 → 00:23:50 เรื่องของคอร์ติซอลฮอร์โมนตัวแม่ออกมา
00:23:50 → 00:23:54 ก่อนนะฮะนะแล้วออกมาปุ๊บเนี่ยมันก็มีการ
00:23:54 → 00:23:59 ปรับเปลี่ยนนะกลายเป็นจากโปรตีนล้นเกิน
00:23:59 → 00:24:02 กลายเป็นน้ำตาลนะฮะแล้วหลังจากนั้นเนี่ย
00:24:02 → 00:24:05 นะตัวน้ำตาลเนี่ยถูกอินซูลินเพราะระดับ
00:24:05 → 00:24:07 น้ำตาลมันสูงขึ้นมันก็กระตุ้นอินซูลินน่ะ
00:24:08 → 00:24:11 อินซูลินมาปุ๊บก็จะมาเปลี่ยนน้ำตาลกลาย
00:24:11 → 00:24:14 เป็นไขมันอิ่มตัวนะแล้วก็ไปสะสมเป็น
00:24:14 → 00:24:17 ไตรกีซาไลน์นี่แหละนะฮะนะมันก็เป็น 2
00:24:17 → 00:24:20 เด้งนะฮะนะเพราะฉะนั้นในกลุ่มโปรตีนเนี่ย
00:24:20 → 00:24:24 ที่จะมีผลในการกระตุ้นอินซูลิน
00:24:24 → 00:24:29 โดยกระตุ้นแบบก้าวร้าวที่หมอบอกเนี่ยนะฮะ
00:24:29 → 00:24:32 ก็เช่นโปรตีนไขมันต่ำเอ่อโปรตีนไขมันต่ำ
00:24:32 → 00:24:36 ก็มักจะอยู่ในพวกสัตว์ปีกที่เป็นไม่ติด
00:24:36 → 00:24:40 หนังนะที่เป็นลีนโปรตีนโดยเฉพาะอกไก่นะ
00:24:40 → 00:24:44 หรือเนื้อไก่นะที่ไม่เต็มรูป
00:24:44 → 00:24:48 นะอีกอันนึงก็คือพวกสัตว์น้ำนะฮะสัตว์น้ำ
00:24:48 → 00:24:54 ก็เป็นกุ้งปูปลาหอยนะฮะโดยเฉพาะถ้าเอ่อ
00:24:54 → 00:25:00 อยู่ในน้ำน้ำจืดทั่วไปอ่ะนะฮะที่เค้าอ่า
00:25:00 → 00:25:04 หามาแล้วก็มาขายให้เราบริโภคน่ะนะนะพวก
00:25:04 → 00:25:08 นี้ก็จะมีไขมันที่ต่ำมากๆนะฮะนะแล้ว
00:25:08 → 00:25:13 ระหว่างปลาปูพุงหอยปลาโดยเฉพาะปลาตัวเล็ก
00:25:13 → 00:25:18 ไขมันต่ำสุดนะฮะนะงั้นโปรตีนไขมันต่ำสุด
00:25:18 → 00:25:22 ก็จะกระตุ้นอินซูลินสูงสุดนะและมักจะเป็น
00:25:22 → 00:25:24 การกระตุ้นแบบไม่ตรงไปตรงมาเ้าเรียกว่า
00:25:24 → 00:25:27 กระตุ้นอินซูลินแบบก้าวร้าวนะฮะเพราะ
00:25:27 → 00:25:30 ฉะนั้นใครที่เป็นเมนูในการกินสัตว์ประเภท
00:25:30 → 00:25:35 เหล่านี้บ่อยๆคือไม่ใช่กินไม่ได้กินได้นะ
00:25:35 → 00:25:38 ฮะแต่ก็ต้องเลือกกินให้เป็นนะแต่ไม่ใช่
00:25:38 → 00:25:42 กินเป็นหลักหรือกินบ่อยๆทั้งเช้าเที่ยง
00:25:42 → 00:25:45 เย็นอะไรอย่างนั้นนะออันนี้ก็เคยบอกไป
00:25:45 → 00:25:48 แล้วนะฮะพวกนี้เนี่ยเวลาปรุงอาหารมาแล้ว
00:25:48 → 00:25:52 เนี่ยนะเขาจะวัดที่ค่าระดับอินซูลิน index
00:25:52 → 00:25:57 นะมันจะสูงนะฮะมันจะสูงนะโปรตีนไร้ไขมัน
00:25:57 → 00:26:02 ก็เช่นเชไข่ขาวถั่วเหลืองหรือเวนะฮะนะพวก
00:26:02 → 00:26:05 เนี้ยก็เหมือนกันนะฮะก็ไม่ใช่ว่ากินไม่
00:26:05 → 00:26:08 ได้นะก็สามารถกินเป็นตัวแถมหรือเป็นตัว
00:26:08 → 00:26:12 แทรกได้ในบางสภาวะนะโดยเฉพาะการสร้าง
00:26:12 → 00:26:17 กล้ามเนื้อการออกแรงออกกำลังค่อนข้างเยอะ
00:26:17 → 00:26:22 นะหรือในกลุ่มคนบางบอ type นะโดยเฉพาะสาย
00:26:22 → 00:26:26 แป้งนะนะเอเอาเรามาเสริมได้แต่ว่าเราก็จะ
00:26:26 → 00:26:29 ต้องกินโปรตีนที่เป็นโปรตีนไขมันสูงกับไข
00:26:29 → 00:26:31 มันปานกลางเนี่ยเป็นหลักไว้ก่อนนะฮะ
00:26:31 → 00:26:34 เปอร์เซ็นต์พวกเนี้ยไม่ต้องเสริมเข้าไป
00:26:34 → 00:26:37 ให้มันมากมายหรือเป็นหลักนะฮะเราคือคือ
00:26:37 → 00:26:41 อย่าไปกินผิด่ะนะนะถ้ากินผิดปุ๊บอืโอกาส
00:26:41 → 00:26:47 หายดื้ออินซูลินมันจะยากนะคือโปรตีนที่มี
00:26:47 → 00:26:51 ลักษณะไขมันต่ำเนี่ยนะฮะเค้าเรียกว่าเวลา
00:26:51 → 00:26:54 กินแล้วเนี่ยมันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณ
00:26:54 → 00:26:57 แบบด่วนๆเลยให้อินซูลินออกมารีบจจัดการ
00:26:58 → 00:27:01 กักเก็บตัวเนะฮะถ้ามันเยอะล้นเกินเนี่ยนะ
00:27:02 → 00:27:04 ฮะเพราะพอเยอะล้นเกินเคอร์ติซอลก็เปลี่ยน
00:27:04 → 00:27:08 เป็นน้ำตาลนะแล้วน้ำตาลก็กระตุ้นอินซูลิน
00:27:08 → 00:27:10 ให้มารีบเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็น
00:27:10 → 00:27:13 ไตรกีสไลแล้วรีบเอาไปสะสมนะฮะเพราะ
00:27:13 → 00:27:17 อินซูลินเเป็นฮอร์โมนเก็บกักสะสมนะฮะแต่
00:27:17 → 00:27:20 ถ้าโปรตีนเหล่าเนี้ยนะฮะมันอยู่ในรูปแบบ
00:27:20 → 00:27:24 ของเ่อการที่เป็นโปรตีนไขมันสูงหรือไขมัน
00:27:24 → 00:27:27 ปานกลางเนี่ยนะฮะไอ้ตัวไขมันเนี่ยมันเป็น
00:27:27 → 00:27:31 เกาะที่จะมาหุ้มไอ้ตัวก้อนอาหารโปรตีนอัน
00:27:31 → 00:27:35 นี้ไว้นะฮะเพราะฉะนั้นอินซูลินเขาคก็อาจ
00:27:35 → 00:27:40 จะออกมาแต่เขาจะออกมาแบบช้าๆนะนะแบบช้าๆ
00:27:40 → 00:27:43 แบบที่ไม่รีบร้อนนะแล้วก็ไม่ได้เยอะแยะ
00:27:43 → 00:27:47 อะไรนะพอที่จะจัดการปรับเปลี่ยนเอาเก็บ
00:27:47 → 00:27:50 เข้าเซลล์อะไรต่างๆแล้วความเป็นไขมันที่
00:27:50 → 00:27:55 มันสูงๆพวกนี้เราจะอิ่มเร็วและอิ่มนานอ่า
00:27:55 → 00:27:59 มันต่างกับพวกไขมันต่ำต่ำนะฮะอันนี้ก็จะ
00:27:59 → 00:28:02 เป็นรายละเอียดที่มันมันมีความต่างๆกัน
00:28:02 → 00:28:06 น่ะซึ่งเราจะต้องรู้ในแง่ของเรื่องของ
00:28:06 → 00:28:07 อินซูลินนะ
00:28:07 → 00:28:11 ฮะนี้อันต่อมาเนี่ยนะข้อ 7 ก็เป็นเรื่อง
00:28:11 → 00:28:15 โปรตีนอีกนั่นแหละนะฮะนะเขาบอกว่าโปรตีน
00:28:15 → 00:28:18 เนี่ยมันเป็นสารอาหารที่มีช่องว่างนะช่อง
00:28:18 → 00:28:22 ว่างนะช่องว่างในการบริโภคนะช่องว่าง
00:28:22 → 00:28:26 เนี่ยหมายถึงปริมาณในการบริโภคต่อมื้อ
00:28:26 → 00:28:30 หรือต่อวันนะฮะต่อมื้อหรือต่อวันนะเนื่อง
00:28:30 → 00:28:32 จากว่า
00:28:32 → 00:28:36 เอ่อคือโปรตีนเนี่ยยังไงเสียเนี่ยการที่
00:28:36 → 00:28:40 จะสะสมไปเป็นพลังงานหรือการที่จะนำคือนำ
00:28:40 → 00:28:43 ไปเก็บหรือนำไปใช้เป็นพลังงานเนี่ยนะมัน
00:28:43 → 00:28:48 เป็นสิ่งที่ร่างกายเขาไม่ไม่ไม่ได้ใช้แนว
00:28:48 → 00:28:52 ทางไปในลักษณะนี้นะฮะนะเพราะว่าโปรตีนมัน
00:28:52 → 00:28:55 เป็นเรื่องของสารอาหารที่ร่างกายจะใช้ใน
00:28:55 → 00:28:58 การเป็นโครงสร้างอ่ะจะไปซ่อมแซมจะไปสร้าง
00:28:58 → 00:29:00 ใหม่อะไรก็ตามนะฮะเพราฉะนั้นแนวโน้มของ
00:29:00 → 00:29:03 การที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเคให้เป็นพลัง
00:29:03 → 00:29:06 งานเอาไปใช้และเอาไปสะสมเนี่ยมันมันไม่
00:29:06 → 00:29:08 ใช่สิ่งที่ร่างกายเขาจะกระทำอ่ะนะฮะเพราะ
00:29:08 → 00:29:12 ฉะนั้นช่องว่างอันเนี้ยก็คือก็คือการที่
00:29:12 → 00:29:15 จะเป็นตัวกำหนดว่าโปรตีนอทคในแต่ละวัน
00:29:15 → 00:29:18 หรือแต่ละมื้อเนี่ยควรจะอยู่ในตัวเลข
00:29:18 → 00:29:21 ประมาณเท่าไหร่นะซึ่งในสูตรของโคฟ High
00:29:21 → 00:29:24 Fat ของคนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยเนะตัว
00:29:24 → 00:29:27 โปรตีนก็จะอยู่ในช่วงประมาณ 20% นะเมื่อ
00:29:27 → 00:29:32 เทียบกับพลังงานทั้งหมดในแต่ละวันนะฮะคาฟ
00:29:32 → 00:29:34 โปรตีนจะพอๆกัน 1 ต1คือ
00:29:34 → 00:29:39 20:20 แล้วตัวไขมันก็จะประมาณ 60% เพราะ
00:29:39 → 00:29:43 ว่าไขมันจะต้องมากกว่าคาฟบวกโปรตีนนะฮะใน
00:29:43 → 00:29:46 การกินแบบโลค High Fat นะซึ่งสิ่งเนี้ย
00:29:46 → 00:29:52 ก็จะทำให้เราได้เอ่อผลตามเป้านะตามเป้าก็
00:29:52 → 00:29:55 คือคือการลดการเดื้ออินซูลินการควบคุม
00:29:55 → 00:29:59 อินซูลินแล้วก็การใช้พลังงานจากไขมันแล้ว
00:29:59 → 00:30:03 เกิดคีโตนอะไรอย่างนี้นะฮะงั้นตัวโปรตีน
00:30:03 → 00:30:06 เนี่ยนะส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในช่วงประมาณนี้
00:30:06 → 00:30:11 แหละนะฮะก็คือ 15 -20% นะฮะถ้าจะมีการ
00:30:11 → 00:30:15 ออกแรงออกกำลังเยอะๆจะสร้างก้ามนะหรือจะ
00:30:15 → 00:30:18 ว่าเอ่อเป็น Body Builder เป็นเนอรอะไร
00:30:18 → 00:30:22 ต่างๆนะพวกนี้สามารถจะอัพ Level จากปกติ
00:30:22 → 00:30:26 ขึ้นไปได้อีก 5-10 per นะก็กลายเป็นส่วน
00:30:26 → 00:30:30 ใหญ่ก็คือ 25 ถึง 30% จะไม่เกินนี้นะฮะ
00:30:30 → 00:30:34 เพราะเพบแล้วว่าถึงถ้าเกินนี้เนี่ยเกิน
00:30:34 → 00:30:39 นี้เนี่ยนะฮะนะประโยชน์ของตัวโปรตีนเนี่ย
00:30:39 → 00:30:42 นะฮะมันมันไม่ได้เกิดเพิ่มขึ้นนะฮะตามการ
00:30:42 → 00:30:45 เพิ่มของปริมาณโปรตีนนะเพราะงั้นกระบวน
00:30:45 → 00:30:49 การซ่อมแซมก็ดีกระบวนการเอ่อที่จะเอาไป
00:30:49 → 00:30:52 สร้างเซลล์ใหม่สร้างอวัยวะใหม่อะไรต่างๆ
00:30:52 → 00:30:54 เนี่ยนะสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มอะไรต่างๆมัน
00:30:54 → 00:30:58 ก็ไม่เพิ่มอ่ะนะถ้าคุณคุณคุณอัพมันไปมากๆ
00:30:58 → 00:31:02 นะฮะนะอีกอย่างนึงก็คือมันจะเกิดอ่าการ
00:31:02 → 00:31:05 เปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลเป็นไตกีสรายรวม
00:31:06 → 00:31:09 ทั้งมันจะต้องอ่าขับทิ้งอ่ะในรูปแบบของ
00:31:09 → 00:31:13 ของเสียที่เป็นแอมโมเนียยูเรียนะเป็นภาระ
00:31:13 → 00:31:15 การทำงานของตับของไตนะอันนี้เราก็พอรู้
00:31:15 → 00:31:16 แล้ว
00:31:16 → 00:31:21 เนาะเพราะฉะนั้นนะตัวโปรตีนเนี่ยนะฮะ
00:31:21 → 00:31:25 โปรตีนเนี่ยก็จะมีช่วงในการที่ควรจะรับ
00:31:25 → 00:31:29 เข้าสู่ร่างกายให้ถูกต้องนะฮะถูกต้องอ
00:31:29 → 00:31:32 ส่วนหนึ่งของโปรตีนเนี่ยร่างกายจะต้องเอา
00:31:32 → 00:31:36 ไปใช้ในการสร้างฮอร์โมนเผาผลาญพลังงานนะ
00:31:36 → 00:31:40 ฮะนะฮอร์โมนลูกเทพของเราทั้ง 6 ตัวนะฮะ
00:31:40 → 00:31:44 ที่ต้องพึ่งอินซูลินเยอะๆเลยนะก็มีตัวโด
00:31:44 → 00:31:47 ฮอร์โมนอันนี้อันดับ 1 เลยนะฮะนะกลูคากอน
00:31:47 → 00:31:54 ไทรรอยด์นะฮะแล้วก็ตัวเอ่อฟินนะฮะหรือคือ
00:31:54 → 00:31:57 ตัวตัวแนีนั่นแหละนะฮะนะพวกนี้โครงสร้าง
00:31:57 → 00:32:00 ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนประกอบที่เป็นโปรตีนนะ
00:32:00 → 00:32:03 แต่ถ้าเป็นโปรเจสเตอโรนเทสโทสเตอโรนอะไร
00:32:03 → 00:32:07 พวกนี้นะพวกนี้ก็จะเป็นเรื่องของไขมันนะ
00:32:07 → 00:32:08 ฮะเป็น
00:32:08 → 00:32:13 หลักเขาบอกว่าโปรตีนเนี่ยถ้าเราใส่เข้าไป
00:32:13 → 00:32:17 เยอะๆนะใส่เกินอ่าเอ่อช่องว่างที่หมอบอก
00:32:17 → 00:32:21 ไปเมื่อกี้เนี่ยนะฮะเอ่อส่วนใหญ่มันจะไป
00:32:21 → 00:32:24 ยับยั้งนะโดยเฉพาะอ่าที่มีงานวิจัยรองนับ
00:32:24 → 00:32:28 ก็คือกินโปรตีนเยอะๆโกดฮอร์โมนไม่ได้เยอะ
00:32:28 → 00:32:31 ตามนะฮะนะกลับไป inhibit เลเวลของโด
00:32:31 → 00:32:35 ฮอร์โมนที่จะถูกกระตุ้นออกมาอีก
00:32:35 → 00:32:40 นะทีนี้มันก็มีการพูดกันน่ะว่าแล้วนะ
00:32:40 → 00:32:44 ปริมาณโปรตีนเนี่ยควรต่อมื้อหรือต่อวันนะ
00:32:44 → 00:32:48 นะควรจะถือเกณฑ์อันไหนนะฮะหลักๆโดยทั่วไป
00:32:48 → 00:32:53 เนี่ยเรายังถือเกณฑ์โปรตีนต่อวันนะฮะว่า
00:32:53 → 00:32:58 ควรจะได้อ่าเท่าไหร่นะหรือสามารถเพิ่มไป
00:32:58 → 00:33:02 ได้อีกนิดๆหน่อยๆนะประมาณ 5-10 เดังที่
00:33:02 → 00:33:07 บอกนะฮะนะส่วนหลังๆเนี่ยก็จะมีคนพูดถึง
00:33:07 → 00:33:12 เรื่องโปรตีนต่อมื้อนะฮะเอ่อต่อมื้อว่า
00:33:12 → 00:33:15 ถ้าเกิดต่อมื้อเนี่ยกินเกินนะฮะนะตัวเลข
00:33:15 → 00:33:18 ที่เขาให้ไว้ก็คือเน็ตโปรตีนเนี่ยประมาณ
00:33:18 → 00:33:23 30-35 กรัมต่อมื้อถ้าเกินนี้นะฮะเขาจะ
00:33:23 → 00:33:25 ถือว่ามันจะกลายเป็น West product คือ
00:33:25 → 00:33:29 ร่างกายมันเอาไปใช้ใช้อะไรต่อไม่ได้นะ
00:33:29 → 00:33:34 แล้วมันก็จะกลายเป็นน้ำตาลส่วนนึงนะกับ
00:33:34 → 00:33:37 เป็นภาระที่ตับไตอ่ะจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน
00:33:37 → 00:33:41 นะให้เสียเพื่อขับออกพี่หมอพี่หมอครับมี
00:33:41 → 00:33:44 มีหน้าจอขึ้นมาครับเออหน้าจอเป็นกุ้น
00:33:44 → 00:33:46 เชี้ยง
00:33:46 → 00:33:51 อ่ะคมีโฆษณาด้วย
00:33:51 → 00:33:57 เออไอ้พวกนี้กินไม่ได้นะอินซูลินอินซูลิน
00:33:57 → 00:34:00 โมโหโกโมโหน่าดูเลยใช่ก็เป็นโปรตีนแปรรูป
00:34:00 → 00:34:05 นะฮะแล้วก็มีปรุงแต่งด้วยนะครับอ่าเพราะ
00:34:05 → 00:34:08 ฉะนั้นเนี่ยโปรตีนเนี่ยต่อมื้อหรือต่อวัน
00:34:08 → 00:34:13 นะฮะนะเอ่ออย่างเมื่อกี้ที่บอกไป่ะว่าต่อ
00:34:13 → 00:34:17 มื้อก็คือเน็ตโปรตีน 30-35 กรัมถ้าเทียบ
00:34:17 → 00:34:21 นะเป็นน้ำหนักก็จะอยู่ในช่วงนะฮะเนื้อ
00:34:21 → 00:34:24 สัตว์เนี่ยประมาณ 3-6 ออนก็คือ 1-2 ขีด
00:34:25 → 00:34:28 น่ะ 100-200 กรัมนะฮะเนี่ยร่างกายไม่ควร
00:34:28 → 00:34:33 จะรับได้เกินกว่านี้นะฮะนะแต่ว่าอันนี้
00:34:33 → 00:34:35 เนี่ยนะฮะอันนี้เนี่ยก็แล้วแต่นะฮะแล้ว
00:34:35 → 00:34:40 แต่ก็ยังมีมีคนออกมาค้านหรือว่ายังมีน้ำ
00:34:40 → 00:34:44 หนักของงานวิจัยที่ที่แล้วแต่คนจะเชื่อ
00:34:44 → 00:34:47 ไม่เชื่อนะฮะนะแต่ว่าเราก็สามารถพิสูจน์
00:34:47 → 00:34:50 ได้ด้วยตัวเราเองนะฮโดยเฉพาะถ้าเรากิน
00:34:50 → 00:34:53 น้อยมื้อหรือกินแบบ omas เนี่ยนะฮะถ้า
00:34:53 → 00:34:57 ปริมาณโปรตีนเนี่ยเ่อมันมากเกินไปนะฮะมัน
00:34:57 → 00:34:59 จะมีผลยังไงเนี่ยค่าแลบมันก็จะฟ้องขึ้นมา
00:34:59 → 00:35:01 นะ
00:35:01 → 00:35:07 อืนะเพราะฉะนั้นการโหลดนะฮะนะอัน
00:35:08 → 00:35:13 นี้ต้องยึดหลักต่อวันไว้ก่อนนะฮะส่วนต่อ
00:35:13 → 00:35:17 มื้อก็ดูเป็นคนๆไปนะฮะถ้าค่าแลบเราผิด
00:35:17 → 00:35:22 ปกตินะแล้วเราเออต่อวันเนี่ยเราก็ไม่
00:35:22 → 00:35:26 โอเวอร์นี่หว่านะก็มาดูต่อมื้อแล้วกันนะ
00:35:26 → 00:35:29 แล้วก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนมื้ออาหารอ่า
00:35:29 → 00:35:34 ซอยมื้ออาหารหรือปรับเป็นมื้อเบรกเป็นสนค
00:35:34 → 00:35:40 นะแล้วใช้โปรตีนเป็นหลักนะ
00:35:40 → 00:35:46 กันก็อันนี้น่าจะพอเข้าใจนะฮะนะคือมีการ
00:35:46 → 00:35:49 เพียบนะฮะขนาดหรือปริมาณโปรตีนที่พอเหมาะ
00:35:49 → 00:35:52 เนี่ยฮะตัวเลขที่เราเคยทราบกันอยู่ตลอด
00:35:52 → 00:35:57 เลยก็คือ 1 กรัมโปรตีน 1 กรัมนะฮะนะต่อ
00:35:57 → 00:36:00 น้ำหนักตัวที่เป็นีน body weight เนี่ย
00:36:00 → 00:36:04 นะฮะ 1 กกซึ่งอันนี้จะเทียบเท่านะฮะกับ
00:36:04 → 00:36:08 การได้โปรตีนเนี่ยประมาณ 15% ของพลังงาน
00:36:08 → 00:36:12 รวมนะฮะของพลังงานรวมอันนี้ก็คือเป็นการ
00:36:12 → 00:36:17 ยึดหลักทั่วๆไปนะตามเกณฑ basal metabolic
00:36:17 → 00:36:21 Rate ของคนที่ทั่วๆไปนะฮะนะที่ไม่ได้ว่า
00:36:21 → 00:36:25 เอ่อออกแรงออกกำลังอะไรมากมายนะฮะนะแค่
00:36:25 → 00:36:30 เดินๆนั่งๆนิดๆหน่อยๆนะฮะแล้วก็กินกระจาย
00:36:30 → 00:36:33 มากกว่ากินกระจุก
00:36:33 → 00:36:38 อือว่าอย่างงั้นอืสุดท้ายนะข้อที่ 8 นะฮะ
00:36:38 → 00:36:42 ข้อที่ 8 เนี่ยนะก็คือเรื่องความถี่บ่อย
00:36:42 → 00:36:45 ในการกินอาหารยิ่งกินถี่เท่าไหร่ก็ยิ่ง
00:36:45 → 00:36:50 กระตุ้นอินซูลินมาสะสมนะแล้วถ้าสิ่งนี้
00:36:50 → 00:36:55 เนี่ยเกิดนะเกิดแบบนานๆขึ้นไปเรื่อยๆ
00:36:55 → 00:36:58 เนี่ยนะนะอ่าตอนแรกๆเนี่ยมันกระตุ้นแบบ
00:36:58 → 00:37:01 ปริมาณอินซูลินเท่านั้นแหละนะฮะแต่ถ้าใน
00:37:01 → 00:37:06 ระยะยาวมันจะเกิดภาวะเเรียกออินซูลิน
00:37:06 → 00:37:09 multiply คืออินซูลินมันจะเป็นแบบยก
00:37:09 → 00:37:13 กำลังอ่ะนะฮะนะแรกๆเนี่ยมันเป็นแค่แค่บวก
00:37:13 → 00:37:19 ๆบวนะนะแ on บวกๆนะฮะนะแต่ถ้านานๆเข้า
00:37:19 → 00:37:23 เนี่ยเอ่ออินซูลินจะปรับตัวเป็นแบบ
00:37:23 → 00:37:27 multiply หรือเป็นยกกำลังเป็นยกกำลังนะ
00:37:27 → 00:37:30 ก็คือถ้าเป็น 10 ยกกำลัง 2 ก็เป็น 100
00:37:30 → 00:37:33 แต่ถ้า 10 + 10 มันได้แค่ 20 นะฮะอัน
00:37:33 → 00:37:36 นี้มันเกิดจากปัญหาเรื่อง frequency หรือ
00:37:36 → 00:37:41 ความถี่บ่อยในการกินนะฮะในการกินเ่อนะ
00:37:41 → 00:37:45 อาหารทุกอย่างเนี่ยนะฮะเขาถือว่าถ้ามันมี
00:37:45 → 00:37:49 พลังงานนะมันมีพลังงานมันจะเป็นการเรียก
00:37:49 → 00:37:52 อินซูลินมาในทุกๆครั้งนะฮะเพราะฉะนั้น
00:37:52 → 00:37:55 ยิ่งกินถี่บ่อยเท่าไหร่นะฮะก็จะทำให้
00:37:55 → 00:38:00 อินซูลินเนี่ยเค้าเค้าเเก็โมโหอ่ะเค้าก็
00:38:01 → 00:38:05 โมโหเค้าก็ดุเค้าก็เคก็แบบคือไปเรียกเ้า
00:38:05 → 00:38:07 บ่อยๆเรียกคนมาทำงานทำนู่นทำนี่ทำ
00:38:07 → 00:38:09 กระจุ๊กกระจิ๊กบ่อยๆอะไรต่างๆคนก็
00:38:09 → 00:38:14 หงุดหงิดนะฮะเหมือนกันนะแต่ถ้าน้ำเปล่า
00:38:14 → 00:38:16 น้ำเปล่านี่ไม่กระตุ้นอินซูลินนะฮะไม่
00:38:16 → 00:38:20 กระตุ้นอินซูลินนะอาหารใดๆนะทุกอย่างนะ
00:38:20 → 00:38:24 กระตุ้นหมดนะอาหารที่ไม่ใช่น้ำหรือมีน้ำ
00:38:24 → 00:38:28 ปนแต่ก็มีเนื้อด้วยนะเออเพราะฉะนั้นพวก
00:38:28 → 00:38:31 นี้ก็จะเรียกอินซูลินมาตลอดแต่ถ้าน้ำ
00:38:31 → 00:38:34 เปล่าไม่เรียกน้ำเปล่าเท่านั้น
00:38:34 → 00:38:35 นะ
00:38:35 → 00:38:40 ก็ก็จะเป็นอย่างนี้นะฮะนะเป็น 8 เรื่องนะ
00:38:40 → 00:38:44 ฮะที่เราต้องทราบและต้องยึดเป็นเกณฑ์เข้า
00:38:44 → 00:38:50 ไว้ว่าถ้าพูดถึงภาวะดื้ออินซูลินนะ
00:38:50 → 00:38:53 เนี่ยสิ่งต่างๆทั้ง 8 อย่างเหล่าเนี้ยเรา
00:38:53 → 00:38:59 ได้เอ่อแก้ไขหรือได้ปรับนะหรือยังนะฮะคือ
00:38:59 → 00:39:02 ไม่ได้ดูแต่เรื่องของคาฟอย่างเดียวนะฮะนะ
00:39:02 → 00:39:08 ตัวโปรตีนนะอ่าแล้วก็อะไรต่างๆเที่พูดกัน
00:39:08 → 00:39:15 ไปนะเออันนี้ก็จบเรื่อง 8 อย่างนี้นะอ่ะ
00:39:15 → 00:39:19 พอเข้าใจมั้ยฮะอันนี้เป็นหัวใจอย่างนึง
00:39:19 → 00:39:25 เลยเเรียกภาวะอินซูลินก้าว
00:39:25 → 00:39:30 ร้าวก็เป็นยังไงอ่ะนะชตโนตกันไปได้มยพอ
00:39:30 → 00:39:34 ได้มฮะอย่าง 8 ข้อนี่ถือว่าเรียงลำดับ
00:39:34 → 00:39:38 ความสำคัญกันเลยมครับเออไม่ถึงขนาดนั้นนะ
00:39:38 → 00:39:41 เพราะว่ามันมีการแี่ในแต่ละบุคคลค่อนข้าง
00:39:41 → 00:39:47 เยอะนะแต่มันก็จะเป็นแบบรวมๆกันอย่างนี้
00:39:47 → 00:39:52 เลยนะฮะคือคือที่ต้องเอามาบอกแยกแยกแยะ
00:39:52 → 00:39:55 เป็น 8 เรื่องเนี่ยก็เพราะว่าส่วนหนึ่งก็
00:39:55 → 00:39:59 คือคนมันจะโฟกัสแต่เรื่องคาฟไงนะฮะแต่ไอ้
00:39:59 → 00:40:04 ตัวคาฟซ่อนเล้นคาฟแอบแฝงนะฮะหรือคาฟปน
00:40:04 → 00:40:07 เปื้อนอะไรต่างๆรวมทั้งตัวโปรตีนเนี่ยนะ
00:40:07 → 00:40:11 ฮะมันก็ต้องดูไส้ในที่เป็นรายละเอียดเข้า
00:40:11 → 00:40:15 ไปด้วยนะโดยเฉพาะโปรตีนนะฮะนะเพราะฉะนั้น
00:40:15 → 00:40:18 ทั้งคาฟทั้งโปรตีนก็กระตุ้นอินซูลินน่ะนะ
00:40:18 → 00:40:22 ถึงคาฟจะมากกว่าเนี่ยแต่ถ้าโปรตีนเนี่ย
00:40:23 → 00:40:28 เอ่อไปอยู่ผิดที่ผิดผิดทางหรือหรือมีราย
00:40:28 → 00:40:31 ละเอียดในการใส่เข้าร่างเนี่ยไม่ถูกเนี่ย
00:40:32 → 00:40:35 นะมันก็เหมือนกันแล้วแหละนะฮะนะอินซูลิน
00:40:35 → 00:40:39 มันจะมันจะไม่เปลี่ยนนะพอิซูลินอูน
00:40:39 → 00:40:42 resistance ต่างๆนะมันก็ยังคาคาอยู่
00:40:42 → 00:40:45 เงี้ยนั้นเป้าหมายต่างๆเที่เราหวังผลว่า
00:40:45 → 00:40:48 เออเดี๋ยวเราหายดื้ออินซูลินแล้วอ่าน้ำ
00:40:48 → 00:40:55 หนักจะลดนะไอ้ค่าบเอยหรือการอักเสบนะ
00:40:55 → 00:40:58 เนี่ยอะไรต่างตๆที่เราหวังว่ามันจะได้ผล
00:40:58 → 00:41:02 ดีอ่ะมันก็ไม่ดีอนะฮะน้ำหน่งน้ำหนักมันก็
00:41:02 → 00:41:05 ค้างค่าแลบตัวนั้นตัวนี้นะเอยังไม่
00:41:05 → 00:41:07 เปลี่ยนไปทาง
00:41:07 → 00:41:12 ไหนการอักเสบก็ยังมีความดอนตัวโรคไขมัน
00:41:12 → 00:41:16 น้ำตาลเอนไซม์ตับนะการทำงานของไตอะไรอย่า
00:41:16 → 00:41:19 เงี้ยนะฮะก็ยังไม่ลด
00:41:19 → 00:41:23 อพี่หมอไอคำว่าอินซูลินก้าราวนี่ภาษา
00:41:23 → 00:41:26 อังกฤษว่าอะไรครับจริงๆก็คือ inulin
00:41:26 → 00:41:29 resistance นั่นแหละนะฮะอ๋อออแต่เป็น
00:41:30 → 00:41:32 ประเภทของไม่ได้แปลว่าดื้ออินซูลินเพราะ
00:41:32 → 00:41:36 ว่าเอ่ออินซูลิน resistance แปลตรงตัวก็
00:41:36 → 00:41:40 คือการดือินซูลินนะฮะนะแต่ที่เา้าเอามา
00:41:40 → 00:41:45 พูดกันในในฝั่งทางด้าน ow C แบบเชิงลึก
00:41:45 → 00:41:49 ที่จะมาแตกออกเป็น 8 ข้อเนี่ยยเเเรียกว่า
00:41:49 → 00:41:53 อินซูลินก้าวร้าวไปเลยนะอืคือถ้าดื้อ
00:41:53 → 00:41:55 อินซูลินเนี่ยความหมายส่วนใหญ่มันก็หมาย
00:41:55 → 00:41:58 ถึงว่าอินซูลินมันออกมาเยอะๆแต่มันก็ยัง
00:41:58 → 00:42:02 ทำหน้าที่ได้ตามปกตินะแล้วมันมาแล้วมันก็
00:42:02 → 00:42:06 อ่าพอไม่กินมันก็ลดลงไปอะไรต่างๆก็คือแบบ
00:42:06 → 00:42:10 ซื่อๆตรงๆอ่ะนะฮะแต่ถ้าอินซูลินก้าวร้าว
00:42:10 → 00:42:13 เนี่ยก็คืออินซูลินมันโมโหมันเหวี่ยงนะ
00:42:13 → 00:42:15 มันหงุดหงิด
00:42:15 → 00:42:20 เอมันอะไรอ่ะมันดุอ่าเนี่ยอืเพราะฉะนั้น
00:42:20 → 00:42:25 ก็คำพวกเนี้ยหมอก็เคยพูดอยู่บ่อยๆอ่ะนะฮะ
00:42:25 → 00:42:29 แต่เพจอื่นๆอะไรเขาก็ไม่ไม่ได้พูดกันให้
00:42:29 → 00:42:33 ถึงผู้ถึงเอ้ยให้ให้ถึงลูกถึงคนใส่อารมณ์
00:42:33 → 00:42:36 แบบนี้ใช่มั้ยล่ะ
00:42:36 → 00:42:40 เออเนี่ยเราก็มีคำรวมๆอ่ะอินซูลินโมโห
00:42:40 → 00:42:45 อินซูลินก้าร้าวเอออืมันก็จะได้รู้ไปอ่ะ
00:42:45 → 00:42:49 นะฮะว่าเวลาที่คุณจะไปสืบสาวเราเรื่องอ่ะ
00:42:49 → 00:42:53 ว่าเออทำไมไม่ดีอ่ะทำไมกินก็แล้ว
00:42:53 → 00:42:56 เอ่อคือคือในทางปฏิบัติที่ที่มันไม่ดี
00:42:56 → 00:43:00 เนี่ยก็เออ 1 เป็นยังไง 2 3 4 5 6 7
00:43:00 → 00:43:03 8 9 อะไรเอ้ย 8 อะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:43:03 → 00:43:06 เนี่ยฮะมันก็คือมันเหมือนเติมให้มัน
00:43:06 → 00:43:09 ละเอียดขึ้นไปนะทนี้เราก็ไม่ต้องหวังว่า
00:43:09 → 00:43:13 จะต้องไปเจอหมอคนไหนหรือมาหามาถามหมอหรอก
00:43:13 → 00:43:16 นะฮะคุณก็พิจารณาเลยนะฮะฟังอันนี้แล้วชต
00:43:16 → 00:43:19 โนตไปแล้วเนี่ยนะมันมีอะไรบ้างหรรือเปล่า
00:43:19 → 00:43:24 มีกี่ข้อเออนะใช่รึเปล่า่ะอะไรอย่าเงี้ย
00:43:24 → 00:43:31 อืๆๆอืๆอ่าทีนี้เรามาถึงเรื่องต่อไปอ่ะนะ
00:43:32 → 00:43:36 ฮะก็คือถ้าเราจัดการกับ 8 ข้อนี้ได้เนี่ย
00:43:36 → 00:43:41 นะพวดอินซูลินหรืออินซูลินที่มันมันมี
00:43:41 → 00:43:44 ลักษณะก้าวล้าวแบบนี้เนี่ยนะฮะนะมันจะลด
00:43:44 → 00:43:51 ลาวาศอกลงนะและนะโฆษณามาครับเออจะควบคุม
00:43:52 → 00:43:54 มันมาเยอะเนอะมันมาบ่อย
00:43:54 → 00:43:58 ด้วย 9 ลาวแล้วครับมันเริ่มก้าวลาวไม่รู้
00:43:58 → 00:44:02 กาเทศะใชเถูกเปิดเผยความจริง
00:44:03 → 00:44:05 ไงมีน้ำ
00:44:05 → 00:44:11 โหส่งส่งคุนเชียงมาส่งโปรตีนเช็คมาใช่มา
00:44:11 → 00:44:14 ล่อล่อตาล่อ
00:44:14 → 00:44:16 ใจ
00:44:16 → 00:44:23 แหครับทีนี้เนี่ยนะอันนี้เนี่ยถ้าเราเข้า
00:44:23 → 00:44:26 ใจเรื่อง 8 ข้อแล้วเราปรับไอ้้ 8 ข้อนี้
00:44:26 → 00:44:31 ได้เนี่ยเราก็จะบรรลุนะข้อแรกเลยนะของหน
00:44:31 → 00:44:33 ทางที่เราจะแก้ไขเรื่องของการดื้อ
00:44:33 → 00:44:37 อินซูลินและเราจะไปแล้วที่จะเอ่อเกิดการ
00:44:37 → 00:44:40 เปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆที่เราคาดหวังผล
00:44:40 → 00:44:44 เนี่ยนะฮะนะเพราะฉะนั้นคุม 8 ข้อนี้ได้ก็
00:44:44 → 00:44:47 คือคุมอินซูลินได้นะคุมอินซูลินได้
00:44:47 → 00:44:50 อินซูลินจะมาแบบเป็นมิตรนะคือเขาต้องมานะ
00:44:50 → 00:44:55 ฮะไม่ใช่เป็นศูนะฮะนะและจะมาแบบระดับเซอ
00:44:55 → 00:44:56 อินซูลิน
00:44:56 → 00:44:59 หรืออินซูลินเลเวลตรวจแล้วเนี่ยก็อยู่ใน
00:44:59 → 00:45:04 ช่วงประมาณ 2 อ่าถึง 6 ถึง 5 -6 หรืออัพ
00:45:04 → 00:45:07 ขึ้นมาอีกนิดนึงก็ไม่เกิน 10 นะฮะนะถ้า
00:45:07 → 00:45:09 ถ้าเกิน 10 ไปหรือเป็นเลข 2 หน่วยเี่ไม่
00:45:09 → 00:45:13 ค่อยจะดีนักนะนะถ้าอินซูลินมาในระดับนี้
00:45:13 → 00:45:17 นะมาในระดับนี้นะแล้วก็มาแบบเป็นมิตรน่ะ
00:45:17 → 00:45:21 ก็คือทำงานแบบอ่าขยันขันแข็งไม่ขี้เกียจ
00:45:21 → 00:45:25 อะไรต่างๆอันเนี้ยคืออินซูลินในฝันนะหรือ
00:45:25 → 00:45:29 เป็น King of ฮอร์โมนที่เค้าเคทำหน้าที่
00:45:30 → 00:45:34 ได้เ่อสมศักดิ์ศรีอ่ะนะฮะนะไอ้ที่เขาจะ
00:45:34 → 00:45:38 เหวี่ยงจะโมโหจะดุอะไรต่างๆเนี่ยก็เป็น
00:45:38 → 00:45:40 เพราะว่าตัวเรานี่แหละที่มีกิเลสตัณหา
00:45:40 → 00:45:45 อุปทานเนี่ยไปอยากได้อยากดีอยากกินชอบอ่า
00:45:45 → 00:45:49 ีนิ eatting อะไรต่างๆที่จะไปอไปปลุกเร้า
00:45:49 → 00:45:53 เ้าอ่ะในในแนวทางที่ไม่ถูกต้องนะฮะนะเก็
00:45:53 → 00:45:57 เลยเป็นอย่างนั้นขึ้นมานะฮะนี้อ้าด่านแรก
00:45:57 → 00:45:59 ผ่านไปแล้วนะฮะนี้นี้ด่านสำคัญต่อมาเนี่ย
00:45:59 → 00:46:03 นะฮะก็คือเมื่อเราควบคุมอินซูลินเมื่อเรา
00:46:03 → 00:46:08 ควบคุมาฟนะในระดับที่ดีแล้วเนี่ยพลังงาน
00:46:08 → 00:46:12 เนี่ยนะมันจะต้องมีการที่จะมาเสริมมาเติม
00:46:12 → 00:46:16 หรือมาปรับนะนะแล้วพลังงานเนี่ยอ่า
00:46:16 → 00:46:18 อินซูลินเข้ามาก็มาจัดการกับพลังงานโดย
00:46:18 → 00:46:22 พลังงานเนี่ยจะมาในถ้าเป็นถ้าเป็นส่วน
00:46:22 → 00:46:25 ใหญ่ก็คือเป็นคาฟแล้วก็เป็นไขมันนะแล้ว
00:46:25 → 00:46:28 ลองมาสุดท้ายถึงจะเป็นโปรตีนนะฮะนะ
00:46:28 → 00:46:30 อินซูลินต้องจัดการกับไขมันอยู่แล้วนะฮะ
00:46:31 → 00:46:34 ถ้าเกิดควบคุมอินซูลินอย่างงนี้แล้วต้อง
00:46:34 → 00:46:36 จัดพลังงานเขาให้ถูกต้องอ่ะนะแล้ว
00:46:36 → 00:46:39 อินซูลินเขถึงจะเป็นมิตรที่แบบสมบูรณ์แบบ
00:46:39 → 00:46:43 เลยนะฮะนะไม่ครึ่งๆกางกลางนะฮะไม่ขึ่ง
00:46:43 → 00:46:46 กลางกางนะถ้าเมื่อไหร่นะฮะพลังงานเนี่ย
00:46:46 → 00:46:52 จัดการไม่ดีไม่สมบูรณ์แบบนะฮะนะอินซูลิน
00:46:52 → 00:46:56 เนี่ยเขาก็จะเพี้ยนนะแต่เขาก็ก็ก็ก็
00:46:56 → 00:46:59 เพี้ยนในในในระดับนึงอ่ะนะฮะนะแต่มันจะมี
00:46:59 → 00:47:03 อีกตัวนึงเนี่ยนะที่มันจะดุขึ้นมาแล้วมัน
00:47:03 → 00:47:07 ก็จะต้องออกมามาวุ่นวายอ่ะนะเอยู่ไม่สุข
00:47:07 → 00:47:11 หรอกนะฮะที่จะจะต้องมาควบคุมพลังงานเคู่
00:47:11 → 00:47:13 กับฮอร์โมนตัวพ่ออินซูลินก็คือตัวแม่
00:47:13 → 00:47:16 คอร์ติซอลนั่นเองนะฮะเพราะฉะนั้นในเรื่อง
00:47:16 → 00:47:20 ของภาวะดือินซูลินเนี่ยนะหรือการกินการ
00:47:20 → 00:47:24 ปฏิบัติในแนวโชการ ow คาฟหรือคาฟต่ำเนี่ย
00:47:24 → 00:47:26 ส่วนหนึ่งเนี่ยก็คือส่วนในเรื่องของพลัง
00:47:26 → 00:47:31 งานนี่แหละฮะนะที่คนเไม่เข้าใจนะอ่าพลัง
00:47:31 → 00:47:34 งานเกินพลังงานขาดพลังงานดีไม่ดีอะไรต่าง
00:47:34 → 00:47:38 ๆนะเหล่าเนี้ยมันมันมีความหมายที่เราจะ
00:47:38 → 00:47:42 ต้องทำความเข้าใจและเราจะต้องเอ่อเหมือน
00:47:42 → 00:47:44 เห็นพร้องต้องกันในแนวทางเดียวกันน่ะว่า
00:47:44 → 00:47:48 มันแปลว่าอย่างนี้นะนะคำว่า lack of
00:47:48 → 00:47:51 Energy เนี่ยนะฮะนะ lack of Energy ใน
00:47:51 → 00:47:54 ฝั่งของ low C High Good Fat เนี่ย
00:47:54 → 00:48:03 ครับส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเราจะหมายถึงพลัง
00:48:03 → 00:48:09 งานอหลักๆที่มาจากไขมันนั่น
00:48:09 → 00:48:11 เองเพราะเรา
00:48:11 → 00:48:16 กินนะเราลดพลังงานจากคไปนะเราต้องมีพลัง
00:48:17 → 00:48:20 งานหลักจากไข
00:48:20 → 00:48:24 [เพลง]
00:48:24 → 00:48:28 โดย
00:48:28 → 00:48:30 เพื่อความเข้า
00:48:30 → 00:48:32 ใจนี้
00:48:33 → 00:48:35 หลของอาหาร
00:48:35 → 00:48:40 และพังงานทั่วๆไปในวิชา L High Good
00:48:40 → 00:48:44 Fat เนี่ยนะในคนที่อยากมีสุขภาพดีเนี่ยเ
00:48:44 → 00:48:48 เจะเขจัดการยังไงนะฮะนะก็คือมันมีสูตรนะ
00:48:49 → 00:48:51 ที่มันเป็นกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างตายตัว
00:48:51 → 00:48:57 สำหรับคนปกตินะฮะว่านะเอ่อสัดส่วนนะฮะของ
00:48:57 → 00:49:00 สารอาหารหลักและพลังงานหลักเนี่ยก็คือค้า
00:49:00 → 00:49:04 โปรตีนไขมันนะที่ดีที่สุดนะก็คือเนี่ยฮะ
00:49:04 → 00:49:08 คาฟไม่เกิน 20% นะฮะโปรตีนนะก็อยู่ใน
00:49:08 → 00:49:11 ระดับพื้นฐานคือ 20% แต่สามารถปรับ
00:49:11 → 00:49:16 เปลี่ยนนะฮะอ่าอีก 5 -10% ได้นะส่วนาฟ
00:49:16 → 00:49:19 เนี่ยต้องไม่เกิน 20% นะบางครั้งเนี่ยอาจ
00:49:19 → 00:49:23 จะปรับอยู่ที่ประมาณ 5-10 เนะแล้วเอาส่วน
00:49:23 → 00:49:26 อ่าต่างเนี่ยมาเติมลงไปในส่วนที่เป็นของ
00:49:26 → 00:49:31 โปรตีนกับไขมันโดยหลักการของไขมันที่เป็น
00:49:31 → 00:49:35 พลังงานหลักเลยจะต้องมากกว่า 60% งั้นตัว
00:49:35 → 00:49:39 เลข 20 20 60 เนี่ยนะมันไม่ได้เป็นตัว
00:49:39 → 00:49:42 เลขที่ิกนะฮะนะในวิชา l c High Fat
00:49:42 → 00:49:45 มันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน metabolism หรือ
00:49:45 → 00:49:50 metabolic นะ Healthy ของแต่ละคนเนี่ยนะ
00:49:50 → 00:49:54 ว่าจะต้องใช้อัตราส่วนไหนสัดส่วนเท่าไหร่
00:49:54 → 00:49:58 นะสมมุติว่าเราดื้ออินซูลินเนี่ยเราดื้อ
00:49:58 → 00:50:02 อินซูลินเราก็ต้องลดคาฟลงมาอาจจะเหลือ 10%
00:50:02 → 00:50:06 นะฮะนะโปรตีนก็คงที่ 20% แล้วอาจจะไป
00:50:06 → 00:50:10 เพิ่มแฟตจาก 60 เป็น 70 อย่างเงี้ยครับ
00:50:10 → 00:50:13 แต่ถ้าเราป่วยเราเป็นเบาหวานนะเราเป็นเบา
00:50:13 → 00:50:17 หวานความดันไขมันพอกตับนะเอ่อมีเก๊าทมี
00:50:17 → 00:50:20 ไทรงไทรอยด์อะไหลๆอย่างปริมาณคาฟอาจจะ
00:50:20 → 00:50:24 ต้องลดเหลือแค่ 5% น่ะนะฮะ 5% อาจจะไป
00:50:24 → 00:50:28 เพิ่มอเป็น 20-25 แฟชอาจจะเพิ่มเป็นที่
00:50:28 → 00:50:32 เนี่ย 65 70% นะครับหรือบางคนเนี่ยก็
00:50:33 → 00:50:37 ต้องไปเพิ่ม High fash ไปถึง 80% ก็มี
00:50:37 → 00:50:42 นะก็แล้วแต่ในแต่ละช่วงด้วยนะแล้วแต่แต่
00:50:42 → 00:50:46 ละคนนะเหล่านี้เป็นเรื่องของเอ่อ
00:50:46 → 00:50:50 individual นะฮะของแต่ละบุคคลนะฮะเหตุผล
00:50:50 → 00:50:54 ก็เพราะว่าตัวเลขที่มันอยู่ในขนาด 20 20
00:50:54 → 00:50:59 60 เนี่ยเนะฮะนะมันจะทำให้ 2 เรื่องนะฮะ
00:50:59 → 00:51:03 2 เรื่องก็คือเรื่องที่ 1 ก็คืออินซูลิน
00:51:03 → 00:51:10 จะถูกควบคุมนะและไม่ออกมามากมายนะรวมทั้ง
00:51:10 → 00:51:13 เรื่องของความดุความก้าวร้าการทำงานผิด
00:51:13 → 00:51:16 เพี้ยนอะไรต่างๆนะจะเกิดน้อยมากหรือไม่
00:51:17 → 00:51:20 เกิดครับนี้เป็นผลดีอย่างนึงต่ออินซูลิน
00:51:20 → 00:51:24 ผลดีอย่างที่ 2 เนี่ยก็คือพลังงานที่ใส่
00:51:24 → 00:51:26 เข้าไปอย่างถูกต้องเนี่ยพลังงานที่ใส่
00:51:26 → 00:51:32 เข้าไปนะอย่างถูกต้องเหมาะสมนะมันจะไปทำ
00:51:32 → 00:51:37 ให้เกิดการเผาผลาญพลังงานนะฮะนะที่เป็น
00:51:37 → 00:51:42 ภาวะปกติของร่างกายโดยเขาจะเผาทั้งไขมัน
00:51:42 → 00:51:45 ที่ใส่เข้าไปรวมทั้งไขมันที่ร่างกายเก็บ
00:51:45 → 00:51:49 สะสมอยู่ครับเขาจะทำหน้าที่ 2 อย่างนี้ไป
00:51:49 → 00:51:54 พร้อมๆกันนะฮะนะไม่ได้เผาแต่เฉพาะพลังงาน
00:51:54 → 00:51:57 จากไขมันที่กกินเข้าไปอย่างเดียวนะถ้าเรา
00:51:57 → 00:52:01 มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่นะเขาก็จะเผาไป
00:52:01 → 00:52:04 ด้วยนะฮะเพราะว่าร่างกายของคนๆนั้นเนี่ย
00:52:04 → 00:52:09 มันจะเข้าสู่ภาวะคีโตซีสที่ค่อนข้างยาวนะ
00:52:09 → 00:52:12 ไปเกือบทั้งวันเป็นหลักนะ
00:52:12 → 00:52:17 ฮะเนี่ยเพราะฉะนั้นแหล่งพลังงานนะทั้งจาก
00:52:17 → 00:52:20 ที่กินเข้าไปในสัดส่วนนะของแต่ละคนน่ะที่
00:52:21 → 00:52:24 ว่าเออต้องเป็นแฟต 60% เนี่ยนะกับที่มี
00:52:24 → 00:52:28 สะสมอยู่ไม่ว่าจะอ้วนเท่าไหร่ก็ตามนะจะ
00:52:28 → 00:52:32 ได้รับการเผาผลาญควบคู่กันไปตามหลักของ
00:52:32 → 00:52:36 สูตรอาหารนี้นะฮะ
00:52:36 → 00:52:40 นะอันนี้ก็คือเรื่องของพลังงานหรือกรอบ
00:52:40 → 00:52:44 ของพลังงานที่เราจะต้องไม่หลงทางไม่หลง
00:52:44 → 00:52:49 ทางนะแล้วก็ที่หมอเคยบอกไปว่าสูตรของโคฟ
00:52:49 → 00:52:50 High Fat เนี่ยค่อนข้างจะเป็นสูตรที่
00:52:50 → 00:52:55 ตายตัวตั้งแต่แรกและยาวไปยาวไปนะฮะเราเรา
00:52:55 → 00:52:58 ก็ไม่ต้องมาปรับเปลี่ยนอะไรให้วุ่นวายมาก
00:52:58 → 00:53:02 มายเลยนะนะฮะเราก็สามารถจะใช้สูตรของเรา
00:53:02 → 00:53:06 ที่มันลงตัวในสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของอ่าคา
00:53:06 → 00:53:10 โปรตีนไขมันเท่าเนี้ยนะไปได้ยาวๆนะฮะ
00:53:10 → 00:53:15 เพราะว่าทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องนะฮะ
00:53:15 → 00:53:22 นะนะโอเคนะฮะก็หลักๆก็คือเราต้องรู้จัก
00:53:22 → 00:53:27 กรอบพลังงานของแต่ละคนนะฮะฮะนะนะในเบื้อง
00:53:27 → 00:53:30 ต้นเนี่ยนะฮะนะทีนี้กรอบพลังงานที่ว่า
00:53:30 → 00:53:35 เนี้ยนะฮะเอ่อก็จะมาจากสูตรนะฮะนะของอะไร
00:53:35 → 00:53:39 น้ำหนักตัวเพศความสูงและกิจกรรมในชีวิต
00:53:39 → 00:53:44 ประจำวันนะฮะทีนี้ตัวปัจจัยที่มีผลมากที่
00:53:44 → 00:53:48 สุดต่อกอบพลังงานคือความสูงนะฮะนะอืในโลก
00:53:48 → 00:53:52 นี้เนี่ยพลังงานแคลอรี่ของแต่ละคนนะ
00:53:52 → 00:53:55 depend on นะฮะสิ่งสำคัญที่สุดคือคือ
00:53:55 → 00:53:59 ความสูงความสูงนะฮะซึ่งเกณฑ์เฉลี่ยความ
00:53:59 → 00:54:03 สูงของคนทั่วไปก็ประมาณ 150 - 180 นะฮะ
00:54:03 → 00:54:05 ครับซึ่งเกณฑ์เฉลี่ยของน้ำหนักจะอยู่ที่
00:54:05 → 00:54:11 ประมาณ 45 -75 กลนะฮะนะทั้งหมดเนี่ยหมาย
00:54:11 → 00:54:16 ถึงเอ่อเป็นีน Body เทด้วยนะฮะนะน้ำหนัก
00:54:16 → 00:54:19 ที่ว่านี้นะนะแต่ว่าบางครั้งเนี่ยเราก็
00:54:19 → 00:54:24 อาจจะอ้วนไปผอมไปหรือมีการมีบอดี้ type
00:54:24 → 00:54:28 อะไรต่างๆที่ไปสะสมพลังงานแล้วก็ฮอร์โมน
00:54:28 → 00:54:31 อบานอะไรต่างๆเนี่ยนะฮะเราก็ต้องถือเกณฑ์
00:54:31 → 00:54:36 ความสูงน่ะเอามาเป็นตัวเป็นตัวหาไปที่ตัว
00:54:36 → 00:54:40 กรอบพลังงานที่เราควรจะได้รับ
00:54:40 → 00:54:44 นะทีนี้พอเรารู้กรอบพลังงานต่อวันที่เรา
00:54:44 → 00:54:47 ได้แล้วเนี่ยนะครับกรอบพลังงานเนี่ยยนะ
00:54:47 → 00:54:52 เราจะมาใช้ในการแจกแจงหรือในการแยกแยะสาร
00:54:52 → 00:54:55 อาหารหลักที่กินในชีวิตประจำวันก็คือ
00:54:55 → 00:55:00 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันนะฮะโดยจะต้องนะ
00:55:00 → 00:55:05 เอ่อใช้กรอบพลังงานเป็นตัวนะลงลึกเข้าไป
00:55:05 → 00:55:10 ในส่วนกรัมของอาหารนะหรือน้ำหนักของอาหาร
00:55:10 → 00:55:14 ที่ควรจะใส่เข้าร่างนะฮะเราไม่ได้ใช้
00:55:15 → 00:55:19 แคลอรี่จากอาหารนะมาบวกๆมาลบมาบวกอะไร
00:55:19 → 00:55:23 ต่างๆแล้วจัดเป็นตามกรอบพลังงานที่ควรจะ
00:55:23 → 00:55:26 ได้รับอันนั้นเค้าเรียกวิชาแอินแ Out ไม่
00:55:26 → 00:55:31 เหมือนกันนะฮะนะแต่โลคไ Fat เรามีเรื่อง
00:55:31 → 00:55:35 ของการคำนวณกรอบพลังงานนะแต่กรอบพลังงาน
00:55:35 → 00:55:40 ที่ว่าเนี้ยเราจะนำไปสู่นะตัวอาหารที่มี
00:55:40 → 00:55:43 ลักษณะว่าโปรตีนต้องกี่กรัมคาร์โบไฮเดรต
00:55:43 → 00:55:47 ต้องกี่กรัมไขมันต้องกี่กรัมครับแล้วก็
00:55:47 → 00:55:52 สู่นะการปฏิบัติในการหามาซึ่งตัวน้ำหนัก
00:55:52 → 00:55:56 อาหารต่อวันต่อมื้ออ่าที่เราจะเอามาใช้
00:55:56 → 00:56:01 ปรุงแล้วกินเข้าไปอืๆอันนี้นี้พอเข้าใจนะ
00:56:01 → 00:56:05 ไม่เหมือนกับแควอินแคว Out นับแควนะฮะคน
00:56:05 → 00:56:09 ละอย่างนะฮะทีนี้คือสารอาหารเนี่ยมันก็มี
00:56:09 → 00:56:12 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันนะแล้วตัว
00:56:12 → 00:56:15 คาร์โบไฮเดรตเนี่ยมักจะเป็นตัวฟิกนะฮะนะ
00:56:15 → 00:56:19 หลักเกณฑ์พื้นฐานของโลคไ Fat เขาิกตัว
00:56:19 → 00:56:22 เน็ตคาร์โบไฮเดรตที่ 100 กรัม per Day
00:56:22 → 00:56:26 ฮะครับอันนี้หมายถึงคนทั่วๆไปที่แข็งแรง
00:56:26 → 00:56:31 Healthy ดีดีๆนะฮะนะเขาก็จะฟิกที่ประมาณ
00:56:31 → 00:56:35 นี้นะฮะแต่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันเนี่ยเ่อ
00:56:35 → 00:56:37 มันไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์แล้วล่ะนะฮะนะที่
00:56:37 → 00:56:40 มันมีภาวะดื้ออินซูลินจะมากจะน้อยอะไร
00:56:40 → 00:56:42 ต่างๆเพราะฉะนั้นถ้าเดื้ออินซูลินเนี่ย
00:56:42 → 00:56:45 ตัวเลขของเน็ตคาฟจึงถูกปรับลงเหลือที่
00:56:45 → 00:56:50 ครึ่งนึงคือ 50 กรัมนะไม่เกิน 60 กรัม
00:56:50 → 00:56:53 ประมาณ 50 กรัมนะฮะนะโดยทั่วไปเราก็จะใช้
00:56:53 → 00:56:56 ตัวเลขเนี้ยที่ที่เรารับรู้กันมานะฮะแต่
00:56:56 → 00:57:00 ถ้าเราเจ็บป่วยนะหรือมีภาวะดื้ออินซูลิน
00:57:00 → 00:57:04 ที่ค่อนข้างหนักหรืออ้วนมากๆอะไรก็ตามนะ
00:57:04 → 00:57:09 เราจะต้องลดนะเอ่อการโหลดคาฟที่เน็ตคาฟ 50
00:57:09 → 00:57:13 กรัลงไปอีกครึ่งนึงก็ให้เหลือที่ประมาณ
00:57:13 → 00:57:19 20-25 กรัมนะอันนี้เพราะฉะนั้นตัวเลขนะ
00:57:19 → 00:57:24 ฮะของเน็ตาฟนะที่จะไปเปลี่ยนเป็นน้ำหนัก
00:57:24 → 00:57:27 อาหารเนี่ยเนี่ยในแง่ของคาฟเราก็พอรู้
00:57:27 → 00:57:30 แล้วล่ะว่าต่อวันเนี่ยนะเราจะต้องกินเท่า
00:57:30 → 00:57:34 ไหร่เท่าไหร่นะแล้วไปหาจากชนิดของอาหาร
00:57:34 → 00:57:37 และน้ำหนักอาหารนะอันนี้หมอก็จะไม่พูดต่อ
00:57:37 → 00:57:43 เพราะว่าก็เคยไรฟไปแล้ว
00:57:43 → 00:57:47 เนาะทีนี้อันต่อมาก็คือเรื่องของเอ่อ
00:57:47 → 00:57:49 โปรตีนนะฮะโปรตีน
00:57:49 → 00:57:54 นะตัวโปรตีนเนี่ยมันก็อยู่ในช่วง 15 -20%
00:57:54 → 00:58:01 นะฮะนะก็ถ้าจะเป็นสูตรคำนวณออกมาเลยนะฮะ
00:58:01 → 00:58:04 ในในปัจจุบันของภาวะคนที่ดื้ออินซูลิน
00:58:04 → 00:58:08 แล้วช่วงของโปรตีนที่เหมาะสมนะฮะในผู้
00:58:08 → 00:58:13 หญิงก็คือ 1 -1.5 กรัมเปอรกิโล Lean
00:58:13 → 00:58:17 Body เทในผู้ชายก็คือ 1.2 - 1.6 กรัมเ
00:58:17 → 00:58:23 กิโลีน body weight ต่อวันต่อวันนะฮะนะ
00:58:23 → 00:58:27 โปรตีนก็จะอยู่อยู่ในช่วงประมาณนี้นะซึ่ง
00:58:27 → 00:58:31 มันจะเทียบเท่าประมาณ 25 -20% แต่ถ้าคุณ
00:58:31 → 00:58:33 จะซ่อมแซมคุณจะสร้างข้ามอะไรต่างๆคุณก็
00:58:33 → 00:58:38 เพิ่มโปรตีนขึ้นไปอีกนะ 5 -10% นะฮะก็
00:58:38 → 00:58:43 อันเนี้ยได้เนได้เพราะโปรตีนนี่อย่าให้
00:58:43 → 00:58:50 ขาดนะนะขาดไปจะไม่ดีกว่านะฮะเกินไปนะถ้า
00:58:50 → 00:58:54 เกินไม่มากนะก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเกินมากๆนะ
00:58:54 → 00:58:57 นะก็ต้องดูค่าแลบแล้วล่ะนะฮะถ้าวอร์
00:58:57 → 00:59:03 โปรตีนนะแบบที่อธิบายไปเมื่อกี้นี้
00:59:03 → 00:59:08 นะก็อันเนี้ยนะเรื่องคาฟกับโปรตีนใน
00:59:08 → 00:59:12 เรื่องของพลังงานเนี่ยนะนะก็จะต้องได้
00:59:12 → 00:59:16 อยู่ประมาณนี้นะฮะเป็นหลักเลยนะแล้วตัว
00:59:16 → 00:59:20 อินซูลินนะเขาก็ยังจะทำงานอยู่ในกฎใน
00:59:21 → 00:59:24 เกณฑ์ในความเป็นมิตรดีต่อร่างกายของเรานะ
00:59:24 → 00:59:25 ฮะ
00:59:25 → 00:59:29 อืต่อไปเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็คือเรื่องไข
00:59:29 → 00:59:33 มันนะฮะที่บอกว่ามันจะต้อง 60% ขึ้นไปถ้า
00:59:33 → 00:59:37 จะกินแบบ High Good Fat นะฮะหลักเกณฑ์
00:59:37 → 00:59:40 ของไขมันมี 3 ข้อนะฮะมี 3 ข้อซึ่ง
00:59:40 → 00:59:45 อันเนี้ยต้องต้องเข้าใจให้ดีๆนะฮะนะข้อ
00:59:45 → 00:59:50 ที่ 1 นะฮะข้อที่ 1 ก็คือต้องเป็น Good
00:59:50 → 00:59:54 Healthy Fat นะนะคือต้องเป็นไขมันดีเ
00:59:54 → 00:59:58 เท่านั้นถึงจะไปสยบอ่าเรื่องของอินซูลิน
00:59:58 → 01:00:03 ที่มันก้าวร้าวได้นะฮะอืทีนี้ไขมันที่ดี
01:00:03 → 01:00:06 ไขมันที่ดีเนี่ยนะฮะมันมีคุณสมบัติอยู่ 3
01:00:06 → 01:00:09 ข้อนะฮะเอา
01:00:09 → 01:00:13 นะอันที่ 1 ก็คือนะเรื่อง
01:00:13 → 01:00:18 ของเรื่องของการแปรรูปของมันนะฮะ
01:00:18 → 01:00:23 นะเราเนี่ยจะต้องได้แหล่งไขมันดีหลักๆที่
01:00:23 → 01:00:26 เราพูดกันเก็คือน้ำมันสกัดเย็นอันนี้เรา
01:00:26 → 01:00:28 ก็พอรู้แล้วนะฮะ
01:00:29 → 01:00:34 แต่ไขมันอีกหลายๆส่วนนะฮะนะที่ในชีวิต
01:00:34 → 01:00:37 ประจำวันของเราเนี่ยมันเป็นไขมันที่มากับ
01:00:37 → 01:00:40 ความร้อนน่ะนะที่มากับความร้อนนะฮะเพราะ
01:00:40 → 01:00:43 ฉะนั้นนะถ้าเป็นไขมันอุตสาหกรรมไขมันแปร
01:00:43 → 01:00:47 รูปไขมันที่เป็นเอ่อโสอะไรต่างๆเหล่าเเรา
01:00:47 → 01:00:51 ไม่เอาอยู่แล้วนะฮนะเรามาดูเรื่องไขมัน
01:00:51 → 01:00:53 ที่ไปโดนความร้อนในชีวิตประจำวันในการ
01:00:53 → 01:00:56 ปรุงอาหารเนี่ยนะฮะ
01:00:56 → 01:01:00 อืโดยทั่วไปเนี่ยไขมันของคนเราเนี่ยมันจะ
01:01:00 → 01:01:05 อยู่กับโปรตีนใช่มั้ยฮะนะนะในอาหารทั่วๆ
01:01:05 → 01:01:07 ไปถ้าไม่นับน้ำมันสกัดเย็นนะน้ำมันสกัด
01:01:07 → 01:01:10 เย็นคุณก็กินให้ถูกต้องแล้วก็กินในรูปของ
01:01:10 → 01:01:13 น้ำสลัดทีออยอะไรไปนะฮะไอ้ไขมันอีกส่วน
01:01:13 → 01:01:15 หนึ่งเนี่ยที่เป็นคล้ายๆไขมันคงรูปนี่
01:01:15 → 01:01:19 แหละนะฮะที่เราจะกินเข้าไปเนี่ยไขมันนี้
01:01:19 → 01:01:22 เนี่ยมันเป็นไขมันสูงไขมันปานกลางไขมัน
01:01:22 → 01:01:25 ต่ำถึงต่ำมากอะไรต่างๆนะพวกเนี้ยมันก็จะ
01:01:25 → 01:01:31 ไปอยู่กับโปรตีนนะฮะเวลาเรากินโปรตีนที่
01:01:31 → 01:01:34 ผ่านความร้อนแรงๆนะทั้งตัวโปรตีนและตัวไข
01:01:34 → 01:01:37 มันเนี่ยนะโครงสร้างเหล่านี้เปลี่ยนแปลง
01:01:37 → 01:01:40 หมดเลยเมื่อมันเปลี่ยนแปลงหมดเลยเนี่ยพวก
01:01:40 → 01:01:42 นี้มันกระตุ้นทั้งอินซูลินทั้งคอร์ติซอล
01:01:42 → 01:01:48 นะฮะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยคำว่าไขมันดีนะโดย
01:01:48 → 01:01:51 คุณสมบัติอันดับแรกเลยเนี่ยก็คือการใช้
01:01:51 → 01:01:55 ความร้อนหรืออุณหภูมิที่ดีนะฮะอันนี้เรา
01:01:55 → 01:01:58 ต้องเข้าใจให้ดีในเรื่องของการประกอบ
01:01:58 → 01:02:03 อาหารนะครับผ่านความร้อนได้นะแต่หลักการ
01:02:03 → 01:02:06 ของความร้อนเนี่ยของไขมันและโปรตีนที่มัน
01:02:06 → 01:02:09 อยู่รวมกันเนี่ยก็จะต้องเป็นความร้อน
01:02:09 → 01:02:10 ประเภท
01:02:10 → 01:02:14 ที่ที่ไม่แรงไม่ไม่มากเกินไปไม่มากกว่า
01:02:14 → 01:02:19 จุดเกิดกวันน่ะหรือจุดเดือดนะนะของของ
01:02:19 → 01:02:22 เค้า่ะนะฮะซึ่งอันเนี้ยเดี๋ยวจะมีรูปใน
01:02:22 → 01:02:25 ไลฟ์นะให้เห็นนะ
01:02:25 → 01:02:30 ฮะส่วนถ้าเป็นแหล่งของเอ่อไขมันสกัดเย็น
01:02:30 → 01:02:34 อันนี้เนี่ยมันโอเคอยู่แล้วนะฮะที่เราเรา
01:02:34 → 01:02:38 เราจะต้องใช้ในการยึดเป็นตัวพลังงานหลัก
01:02:38 → 01:02:41 นะในการกินเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้ร่างกาย
01:02:41 → 01:02:45 ใช้เป็นพลังงานนะฮะเพราะว่าครฟ High Fat
01:02:45 → 01:02:48 เราก็ตัดคาฟเราก็ต้องใช้พลังงานจากแฟตนี่
01:02:48 → 01:02:52 แหละนะฮะนะแล้วพลังงานในมื้อแรกนะที่จะ
01:02:52 → 01:02:55 เอาไปทำกิจกรรมอะไรต่างๆนะฮะเราอยู่ในรูป
01:02:55 → 01:02:58 ของน้ำมันสกัดเย็นและเราปรุงเป็นอาหาร
01:02:59 → 01:03:02 เป็นน้ำสลัดทีออยเราไม่ได้กรอกน้ำมันนะฮะ
01:03:02 → 01:03:06 แต่มื้อแรกเนี่ยเรามีการกินไขมันที่อยู่
01:03:06 → 01:03:09 ในรูปของไขมันคงรูปที่มันปนมาอยู่กับ
01:03:09 → 01:03:11 เนื้อสัตว์นะฮะแต่เรานับสารอาหารเป็น
01:03:12 → 01:03:16 โปรตีนนะฮะนะเพียงแต่ว่าตัวโครงสร้างของ
01:03:16 → 01:03:19 เนื้อสัตว์หรือโปรตีนกับไขมันที่มันอยู่
01:03:19 → 01:03:23 ด้วยกันปะปนกันอยู่เนี่ยนะฮะมันจะเพี้ยน
01:03:23 → 01:03:27 ไปขนาดไหนจากการใช้อุณหภูมิและความร้อนใน
01:03:27 → 01:03:31 การปรุงให้สุกนะฮะอันนี้ต้องระวังให้ดีนะ
01:03:31 → 01:03:34 เอ่อเพราะไม่งั้นแล้วเนี่ยมันก็จะเป็นการ
01:03:34 → 01:03:37 กระตุ้นอ่าเรื่องของอินซูลินกับคอร์ติซอล
01:03:37 → 01:03:42 แล้วก็ไม่หายดื้ออินซูลินสักกระทีนะ
01:03:42 → 01:03:47 ฮะนะเรื่องของจุดเกิดกวันจุดเดือดนะฮะอ่า
01:03:47 → 01:03:51 อันนี้เดี๋ยวมีรูปนะฮะนะแหล่งที่มาของไข
01:03:51 → 01:03:55 มันนะฮะนะหลักการของของไขมันที่เราใช้ใน
01:03:55 → 01:03:59 เรื่องของโลคาฟ High Fat เนี่ยไขมันหลัก
01:03:59 → 01:04:02 เราเอามาเป็นพลังงานในมื้อแรกเพื่อดำเนิน
01:04:02 → 01:04:05 กิจวัตประจำวันนั้นไขมันนี้จะต้องมาจาก
01:04:05 → 01:04:09 พืชอ่า 80% นะฮะจึงต้องอยู่ในรูปของน้ำ
01:04:09 → 01:04:14 มันสกัดเย็นนะฮะไขมันจากสัตว์เนี่ย
01:04:14 → 01:04:19 อ่าเราจะใช้เป็นพลังงานค่อนข้างน้อยนะฮะ
01:04:19 → 01:04:22 ค่อนข้างน้อยนะเหตุผลก็เพราะว่าในไขมัน
01:04:23 → 01:04:29 พืชนะนะเขามีสารพรึกษาเคมีนะรวมทั้งการ
01:04:29 → 01:04:33 สกัดแบบเย็นไม่โดนความร้อนเนี่ยนะฮะทำให้
01:04:33 → 01:04:37 เา้าได้เปรียบนะที่จะมาเปลี่ยนเป็นอาหาร
01:04:37 → 01:04:41 เข้าสู่ร่างเราก็ทำในรูปของน้ำสลัดนะส่วน
01:04:41 → 01:04:44 ไขมันคือคือหลายคนเนี่ยหมอก็พอทราบ่ะว่า
01:04:44 → 01:04:47 เาไม่ได้รู้จักในเรื่องของการกินอ่าน้ำ
01:04:47 → 01:04:50 มันสกัดเย็นหรือน้ำสลัดทีออยอะไรพวกเนี้ย
01:04:50 → 01:04:55 นะฮะเาก็คิดว่าเวลาที่เาใช้ผลจการโลคไ Fat
01:04:55 → 01:04:58 เนี่ยเค้าก็กินโปรตีนที่มีไขมันนะเป็น
01:04:58 → 01:05:02 เนื้อติดมันเนื้อติดหนังนะฮะนะหรือเป็น
01:05:02 → 01:05:05 มันอะไรต่างๆนะแบบกินข้าวขาหมูเงี้ยนะ
01:05:05 → 01:05:09 เค้าก็ได้แล้วทั้งโปรตีนทั้งไขมันคือไข
01:05:09 → 01:05:13 มันเหล่านี้เนี่ยนะดีมั้ยนะฮะดีมยเนี่ย
01:05:13 → 01:05:17 อืมก็ตอบยากล่ะนะฮะแต่โปรตีนกับไขมัน
01:05:17 → 01:05:19 เหล่าเนี้ยที่เราคิดว่าไขมันเดี๋ยวไปเป็น
01:05:19 → 01:05:23 พลังงานแล้วโปรตีนไปเป็นสารอาหารเนี่ยนะ
01:05:23 → 01:05:26 มันมันไปผ่านความร้อนเนี่ยมันกลายเป็นของ
01:05:26 → 01:05:30 ที่ถ้าถ้าผ่านความร้อนที่ไม่ถูกต้องเนี่ย
01:05:30 → 01:05:32 นะฮะนะทั้งผัดทั้งทอดทั้งปิ้งทั้งย่าง
01:05:32 → 01:05:36 อะไรต่างๆทั้งอบไฟแรงอะไรพวกเนี้ยนะฮะนะ
01:05:37 → 01:05:40 พวกนี้มันไม่ไม่มันร่างกายมันก็มันก็ตี
01:05:40 → 01:05:42 ออกมาเป็นอะไรเป็นโปรตีนนะมันก็มีการ
01:05:42 → 01:05:46 กระตุ้นอินซูลินค่อนข้างเยอะนะแล้วถ้าได้
01:05:46 → 01:05:48 ในรูปแบบของโปรตีนและไขมันผ่านความร้อน
01:05:48 → 01:05:51 แล้วมันไม่ดีอ่ะนะเพราะฉะนั้นโปรตีนเอย
01:05:51 → 01:05:54 เอ้ยโทษทีคอร์ติซอลเอยอินซูลินเลยก็ยิ่ง
01:05:54 → 01:05:57 กูกาวกันออกมาเต็มไปหมดนะฮะเพราะฉะนั้น
01:05:58 → 01:06:00 เนี่ยเราก็ังไม่หายด้วยอินซูลินนะครับ
01:06:00 → 01:06:03 เพราะว่าเรื่องของการปรุงแต่งอาหารในการ
01:06:03 → 01:06:07 กินนี่ก็สำคัญยิ่งยวดเลยนะฮะอันนี้ก็พูด
01:06:07 → 01:06:11 ในประเด็นนี้แะนะฮะนะ
01:06:11 → 01:06:15 เอคือถ้าพลังงานเราถึงจากน้ำมันสกัดเย็น
01:06:15 → 01:06:19 เนี่ยนะฮะความหิวความอิ่มมันจะลดลงเพราะ
01:06:19 → 01:06:22 ฉะนั้นปริมาณ low หรือ very low C ก็ดี
01:06:23 → 01:06:27 นะปริมาณของโปรตีนอะไรต่างๆที่กินบอกว่า
01:06:27 → 01:06:29 ควรจะประมาณสัก 20 ไม่เกิน 25% อะไรอย่าง
01:06:29 → 01:06:33 เงี้ยนะฮะพวกนี้เราก็จะอิ่มนะฮะนะแล้วก็
01:06:33 → 01:06:36 เป็นอิ่มแบบเ่อพลังงานถึงสารอาหารถึงอยู่
01:06:36 → 01:06:40 แล้วนะฮะแล้วก็การเกิด hedonic eatting
01:06:40 → 01:06:43 คือกินเพราะความอยากที่มันไม่ใช่หิวจริง
01:06:43 → 01:06:47 เนี่ยนะฮะมันก็จะไม่เกิดนะนะเพราะว่าพอ
01:06:47 → 01:06:51 ร่างกายมันมีคีโตนเนี่ยนะนะพอคีโตนออกมา
01:06:51 → 01:06:55 เนี่ยนะมันมันมันโอกาสเกิดหิวแปลกๆหรือ
01:06:56 → 01:06:59 หิวแบบเสพติดอาหารคือคีโตนเนี่ยมันเหนือ
01:06:59 → 01:07:02 ไอ้พวกอะไรอ่ะพวกฮอร์โมนฟินๆต่างๆ
01:07:02 → 01:07:06 เอ็นโดฟินเอ่อซีโรโทนินเ่อโดปามีนอะไร
01:07:06 → 01:07:11 ต่างๆเนี่ยคีีคีโตนเคุมอยู่หมดนะ
01:07:11 → 01:07:16 ฮะอันที่ 2 เนี่ยนะฮะก็คือสัดส่วนของไข
01:07:16 → 01:07:20 มันที่เราจะต้องกินเข้าล่างนะฮะ
01:07:20 → 01:07:25 นะก็อันนี้เราเราก็รู้อยู่แล้วนะฮะในแง่
01:07:25 → 01:07:29 ของตัวอ่าไขมันอิ่มตัวไม่อิ่มตัวเชิง
01:07:30 → 01:07:33 เดี่ยวไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนนะฮะนะเราต้อง
01:07:33 → 01:07:39 กินในสัดส่วน 30 50 20 นะฮะนะเหตุผลก็
01:07:39 → 01:07:43 เพราะเพราะว่าร่างกายเรามีการเก็บนะสะสม
01:07:44 → 01:07:49 ไขมันตามสัดส่วนที่เป็นเรื่องของไขมัน
01:07:49 → 01:07:51 อิ่มตัวไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวไม่อิ่มตัว
01:07:51 → 01:07:56 เชิงซ้อนตามตัวเลขที่ที่บอกนะฮะอันนี้ก็
01:07:56 → 01:07:58 มีงานวิจัยมีเรื่องของ
01:07:58 → 01:08:03 เอ่อเอ่อการใช้นะเป็นแนวทางอาหารประเภท
01:08:03 → 01:08:08 นี้นะฮะนะว่าอ่ามันจะทำให้เซลล์ของเรา
01:08:08 → 01:08:12 แข็งแรงที่สุดเตี้มากที่สุดนะฮะแล้วก็
01:08:12 → 01:08:17 ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นนะเอ่อจากการอะไร
01:08:17 → 01:08:21 อ่ะมีไขมันเกินมีน้ำหนักเยอะน้ำหนักค้าง
01:08:21 → 01:08:26 นะมีการอักเสบนะมีค่าแลบที่เปลี่ยนไปเ่า
01:08:26 → 01:08:30 มีเรื่องของปัญหาโรคไไข้เจ็บเรื้อรังอยู่
01:08:30 → 01:08:35 นะถ้าเซลล์แข็งแรงในลักษณะอ่าของสารอาหาร
01:08:35 → 01:08:37 ที่ถูกต้องแบบเนี้ยนะฮะนะเราก็จะค่อยๆ
01:08:38 → 01:08:44 ปรับตัวดีขึ้นดีขึ้นดีขึ้นแล้วก็หายได้
01:08:44 → 01:08:50 นะทนี้ก็มีอีกเรื่องนึงเนะฮะนะจากสูตรของ
01:08:50 → 01:08:54 อิ่มเดี่ยวซ้อนที่เป็น 30 50 20 10
01:08:54 → 01:08:57 เนี่ยนะฮะในช่วงแรกๆนะฮะ
01:08:57 → 01:09:01 นะของการปรับตัวของการกินโภชนาการ low C
01:09:01 → 01:09:06 High fash เนี่ยนะเขาบอกว่าไอ้ตัวไขมัน
01:09:06 → 01:09:11 อิ่มตัวเนี่ยคุณสามารถที่จะอัพเลเวลขึ้น
01:09:11 → 01:09:14 ไปจนถึง 50 ก็ได้นะฮะนะ
01:09:14 → 01:09:19 นะแต่ส่วนอีก 20% ที่จะเพิ่มขึ้นเนี่ย
01:09:19 → 01:09:22 เป็นจาก 30 เป็น 50 เนี่ยต้องเพิ่มในรูป
01:09:22 → 01:09:28 แบบของนะ mct medium CH นะต้องเพิ่มใน
01:09:28 → 01:09:32 รูปแบบนี้นะซึ่งส่วนมากเราจะใช้ในช่วงแรก
01:09:32 → 01:09:35 ๆนะฮะช่วงแรกๆเนี่ยเรื่องของไขมันอิ่มตัว
01:09:35 → 01:09:39 เอาจจะปรับไปถึง 50 แล้วลดไม่อิ่มตัวเชิง
01:09:39 → 01:09:43 เดี่ยวหรือมูฟ่าลงมาจาก 50 เหลือ 30 ส่วน
01:09:43 → 01:09:46 เชิงซ้อนก็ 20 เท่าเดิมนะ
01:09:47 → 01:09:52 ฮะคือช่วงแรกๆเนี่ยที่เราปรับไอ้ตัว mct
01:09:52 → 01:09:55 Oil เข้าไปอีก 20 เปอร์เซ็นแล้วลดน้ำมัน
01:09:55 → 01:10:00 มะกอกลงเหลือ 30% เนี่ยนะเพราะว่าตัว mct
01:10:00 → 01:10:05 เนี่ยมันจะเป็นตัวที่จะไปบูสในการเกิดไป
01:10:05 → 01:10:09 บูสตับเนี่ยในการสร้างคีโตนเนี่ยได้เร็ว
01:10:09 → 01:10:12 ได้ไวนะแล้วก็สมองเนี่ยมันสามารถที่จะมี
01:10:12 → 01:10:16 แหล่งพลังงานอ่าตัวคีโตนเนี่ยใช้ได้ดี
01:10:16 → 01:10:20 ขึ้นนะฮะเพราะฉะนั้นในช่วงแรกๆเนี่ยเรา
01:10:20 → 01:10:23 อาจจะใช้สูตรนี้นะฮะนะก็คือการปรับตัวของ
01:10:23 → 01:10:27 medium Chin ไอ้ไกินในรูปของ mct Oil
01:10:27 → 01:10:34 เนี่ยเพิ่มได้นะ
01:10:34 → 01:10:38 ฮะก็ถ้าตามเกณฑ์แบบเนี้ยนะอันเนี้ยเราจะ
01:10:38 → 01:10:43 ไม่มีปัญหานะเราจะไม่มีปัญหาหรือเบอกว่า
01:10:43 → 01:10:46 ใครก็ตามเนี่ยนะฮะที่กิน low cf High
01:10:46 → 01:10:50 Fat ไปสักช่วงนึงแล้วเนี่ยปรากฏว่า
01:10:50 → 01:10:53 เอ่อก็ตัวสูตน้ำมันเนี่ยนะฮะมันก็คือคือ
01:10:53 → 01:10:57 อิ่มเดี่ยวซ้อน 30 50 20 นะฮะนะแล้วก็
01:10:57 → 01:11:02 เกิดอ่าปัญหาเช่นน้ำหนักไม่ลงนะหรือร่าง
01:11:02 → 01:11:06 กายเกิดการอักเสบขึ้นมาหรือมีค่าแลบอะไร
01:11:06 → 01:11:10 ต่างๆที่มันมันเปลี่ยนแปลงอ่ะนะมีไตกิส
01:11:10 → 01:11:13 ลายเพิ่มขึ้นเนี่ยนะเราก็มาปรับเป็นอัน
01:11:13 → 01:11:17 นี้ละฮะนะก็คือลดน้ำมันมะกอกหรือไม่อิตัว
01:11:17 → 01:11:21 เชิงเดี่ยวลงนะแล้วมาเพิ่มอิ่มตัวขึ้นไป
01:11:21 → 01:11:26 โดยเพิ่มในส่วนที่เป็นไอ้ตัว
01:11:26 → 01:11:30 mct สุดท้ายเลยนะของเรื่องไขมันเนี่ยที่
01:11:30 → 01:11:34 จะต้องที่จะต้องมีเ่ะนะฮะนะในการกิน OC
01:11:34 → 01:11:37 High fash ก็คือตัวเร่งเผาผลาญไขมันนะ
01:11:37 → 01:11:40 คือแม้ว่าเราจะกิน loc High Fat ถูก
01:11:40 → 01:11:43 ต้องนะฮะถูกต้องหมดเลยนะ
01:11:43 → 01:11:47 เอ่อแล้วเราก็คิดว่าไอ้ตัวฮอร์โมนลูกเทพ
01:11:47 → 01:11:50 อ่ะนะเค้าก็จะออกมาแล้วก็เกิดการเผาผลาญ
01:11:50 → 01:11:54 พลังงานของเรานะฮะนะแต่ว่าบางครั้งเนี่ย
01:11:54 → 01:11:57 ไอ้สิ่งเหล่าเนี้มันในบางคนมันจะเป็นไป
01:11:57 → 01:12:01 ได้ช้าก็เลยต้องมีตัวบสตในการอ่าช่วยการ
01:12:01 → 01:12:05 ทำงานของอ่าตัวเบนิฮอร์โมนนะฮะในการเผา
01:12:06 → 01:12:10 ผลาญไขมันนะเอ่อตัวการเผาผลาไขมันเนี่ย
01:12:10 → 01:12:13 ส่วนใหญ่เนี่ยมันก็เกิดที่ตับนะนะรวมทั้ง
01:12:13 → 01:12:16 ตัวตับเองเนี่ยถ้าเกิดตับก็มีไขมันพอกตับ
01:12:16 → 01:12:21 หรือมีมีมีมีพลังงานเกินที่สะสมอยู่เนี่ย
01:12:21 → 01:12:25 นะฮะแล้วค่าเอนไซม์อะไรต่างๆมันไม่ลด
01:12:25 → 01:12:29 เนี่ยอันเนี้ยเราจะต้องมีการให้ความสำคัญ
01:12:29 → 01:12:32 กับตัวเร่งตัวเร่งพลังงานนะฮะครับเอเพราะ
01:12:32 → 01:12:37 ฉะนั้นเอ่อพลังงานที่สะสมก็ดีหรือหรือ
01:12:37 → 01:12:41 พลังงานที่เรากินเข้าไปจากภายนอกในสูตร
01:12:41 → 01:12:45 อ่าอิ่มเดี่ยวซ้อนน้ำสลัดทีออยอะไรก็ดี
01:12:45 → 01:12:49 เนี่ยนะฮะการมีตัวเร่งนะจะช่วยได้เยอะนะ
01:12:49 → 01:12:54 ฮะนะแต่ช่วงที่เรามี mct เนี่ยนะฮะ mct
01:12:54 → 01:12:55 เนี่ยเค้าไม่ค่อยต้องการตัวเร่งหรอกเพราะ
01:12:55 → 01:12:59 mct เนี่ยเา้าเป็นตัวออโต้เลยนะที่เขาจะ
01:12:59 → 01:13:03 ปรับตัวเเองอ่ะนะในการอ่าให้ตับเปลี่ยน
01:13:03 → 01:13:06 เป็นคีโตนได้เร็วมากนะก็คือไม่ต้องมีเค้า
01:13:06 → 01:13:10 เรียกไม่ต้องมีตัวแคลทนะฮะนะทีนี้ตัวเร่ง
01:13:10 → 01:13:13 ในกลุ่มน้ำมันแบบอื่นๆเนี่ยนะเอเราจะใช้
01:13:13 → 01:13:16 อะไรส่วนใหญ่ก็คือเป็นพืชผักนะฮะเป็นพืช
01:13:16 → 01:13:19 ผักพืชผักอะไรบ้างที่เป็นตัวเร่งในการเผา
01:13:19 → 01:13:23 ผลาไขมันของตับนะฮะก็จะมีกระเทียมมีหอม
01:13:23 → 01:13:29 ขิงข่าขมิ้นนะผักตระกูลคะน้านะฮะแล้วก็
01:13:29 → 01:13:34 ผักหัวที่มีสีเข้มๆนะฮะนะที่มีสีเข้มๆเ
01:13:34 → 01:13:39 เนี่ย R เนี่ยคล้ายๆไอ้คล้ายๆบีดเี่คล้าย
01:13:39 → 01:13:44 ๆบีดนะฮะนะเนอกจากนี้ยังต้องมีโคลีนนะฮะ
01:13:44 → 01:13:48 โคลีนโคลีนนี่มันเป็นตัวเร่งเอ่อการ
01:13:48 → 01:13:52 กระตุ้นน้ำดีนะที่ตับนะเร่นการกระตุ้นการ
01:13:52 → 01:13:54 สร้างน้ำดีที่ตับนะฮะโคลีนมันก็คือ
01:13:54 → 01:13:59 วิตามิน B4 นะฮะอันนี้มันอยู่ในไข่แดงอ่า
01:13:59 → 01:14:02 เพราะฉะนั้นจะเร่งการเผาผลาญพลังงานต้อง
01:14:02 → 01:14:06 กินไข่แดงนะฮะนะโดยเฉพาะในมื้อแรกนะฮะนะ
01:14:06 → 01:14:09 ตัวโคลีนเนี่ยนอกจากไข่แดงแล้วก็มีในจมูก
01:14:09 → 01:14:13 ข้าวสาลีนะฮะผักตระกูลคะน้าก็มีโคลีนพวก
01:14:13 → 01:14:17 แขนงพวกบล็อกโคลี่นะอาหารทะเลก็มีโคลีนนะ
01:14:17 → 01:14:23 ฮะนะโดยพืชผักเหล่าเนี้ยนะฮะนะต้องต้อง
01:14:23 → 01:14:27 กินประมาณนะฮะประมาณ 4-5 ขีดต่อวันนะแล้ว
01:14:28 → 01:14:32 เฉลี่ยเฉลี่ยก็สัก 10 ชนิดขึ้นไปนะแล้วก็
01:14:32 → 01:14:35 มีส่วนนึงที่ต้องเป็นผักดองกับน้ำผักดอง
01:14:35 → 01:14:38 นะซึ่งอันเนี้ยก็จะครบชุดเลยนะฮะในการ
01:14:39 → 01:14:44 เป็นตัวเล่นการเผาผาญไขมาเพราะว่าโดยทั่ว
01:14:44 → 01:14:46 ไปแล้ว
01:14:46 → 01:14:51 เนี่ยเอ่อการเาผลาไขมันเนี่ยมันจะถูกเร่ง
01:14:51 → 01:14:55 จากไอ้ตัวประเภทผักดองนี่แหละนะฮะนะเพราะ
01:14:55 → 01:14:58 ฉนั้นผักดองต้องกินทุกมื้อนะส่วนผักอื่นๆ
01:14:58 → 01:15:03 ก็เลือกเอานะฮะเพราะว่าเอ่อตัวโคลีนเมัน
01:15:03 → 01:15:07 เป็นส่วนประกอบในตัวเอนไซม์กูต้าไทโอนนะ
01:15:07 → 01:15:11 ฮะที่ต่ำนะที่จะเกิดการขจัดพิษนะรวมทั้ง
01:15:11 → 01:15:15 การเป็นตัวแคตระบบการเผ่าผลนพลังงานเนี่ย
01:15:15 → 01:15:19 ทั้งหมดทั้งหมดก็ก็เป็นเรื่องของพลังงาน
01:15:19 → 01:15:24 นะโดยเฉพาะแหล่งพลังงานสำคัญก็คือไขมันนะ
01:15:24 → 01:15:30 ฮะนะการกินไขมันต้องกินให้ถูกนะฮะนะถ้า
01:15:30 → 01:15:34 กินไม่ถูกนะก็แปลว่าคุณยังขาดพลังงานอยู่
01:15:34 → 01:15:38 นะเพราะพลังงานหลักของเราก็คือต้องเป็น
01:15:38 → 01:15:41 พลังงานจากแฟตแฟตๆนี่แหละ
01:15:41 → 01:15:46 ฮะแล้วพลังงานหลักส่วนใหญ่ส่วนใหญ่นะส่วน
01:15:46 → 01:15:52 ใหญ่นะมันก็คือพืชนะไขมันพืชนะไขมันพืชจะ
01:15:52 → 01:15:56 ต้องมากมากที่สุดนะการที่เราจัดไปอยู่ใน
01:15:56 → 01:15:59 ลำดับแรกเลยก็คือกินในรูปน้ำสลัดทีออยอ่ะ
01:16:00 → 01:16:04 นะฮะก็เป็นการเนี่ยใช้ไขมันเป็นพลังงาน
01:16:04 → 01:16:12 เป็นหลักในช่วงแรกมื้อแรกของวันน่ะนะ
01:16:12 → 01:16:18 ฮะคือพลังงานจากไขมันเนี่ยนะฮะตัวทำงาน
01:16:18 → 01:16:23 จริงๆในการสลายเผาผลาญเอ่อต่างๆเนี่ยเออ
01:16:23 → 01:16:28 คือไขมันมันมีอิ่มเดี่ยวซ้อนเออถ้าหมอถาม
01:16:28 → 01:16:32 ว่าแล้วไขมันกลุ่มไหนอิ่มตัวหรือไม่อิ่ม
01:16:33 → 01:16:35 ตัวเชิงเดี่ยวไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนตัวไหน
01:16:35 → 01:16:40 ที่เป็นตัวแอคชั่นในการในการเผาผลาญพลัง
01:16:40 → 01:16:45 งานลองตอบซิอยู่กันเปล่าอยู่ครับพี่หมอ
01:16:45 → 01:16:49 อิ่มครับอิ่มครับเออนะนะมันต้องเผาถึงมัน
01:16:49 → 01:16:52 จะอิ่มนี่พี่หมอคือจริงๆเนี่ยอิ่มตัว
01:16:52 → 01:16:55 เนี่ยเนี่ยหลักๆมันก็มี 30% น่ะใช่มั้ยฮะ
01:16:55 → 01:16:58 อืแต่ไขมันอิ่มตัวเนี่ยมันเป็นไขมันที่
01:16:58 → 01:17:02 สำคัญที่สุดในกลุ่มอิ่มเดี่ยวซ้อนนะฮะ
01:17:02 → 01:17:05 สำคัญในแง่ที่ว่าเวลาเร่างกายเจะแอชอะไร
01:17:05 → 01:17:08 ตับจะแอชอะไรต่างๆเนี่ยเขาก็จะเอาชนิด
01:17:08 → 01:17:12 อิ่มตัวนี่แหละมาแอคชั่นจะมาเผาผลาญจะไป
01:17:12 → 01:17:14 สร้างโน่นสร้างนี่ไปสร้างน้ำดีก็ไขมัน
01:17:14 → 01:17:18 อิ่มตัวนะฮะนะครับเนี่ยอันเนี้ยจะเป็นตัว
01:17:18 → 01:17:22 หลักเลยในเรื่องของเอ่อการจัดการพลังงาน
01:17:22 → 01:17:26 น่ะนะฮะนอกจากนี้การสร้างคอเลสเตอรอลเตับ
01:17:26 → 01:17:28 จะสร้างคอเลสเตอรอลเขาก็ใช้ไขมันอิ่มตัว
01:17:28 → 01:17:32 นี่แหละมาสร้างนะฮะถ้าเป็นไขมันอิ่มตัว
01:17:32 → 01:17:37 ที่ดีนะจากพืชนะนะครับมันก็จะสร้างเป็น
01:17:37 → 01:17:41 คอเลสเตอรอลที่ดีแต่ถ้าคุณกินไขมันอิ่ม
01:17:41 → 01:17:46 ตัวโดยไม่ได้กินจากพืชเลยนะฮะคุณไปกินจาก
01:17:46 → 01:17:49 แหล่งโปรตีนเนี่ยที่มันมีไขมันอิ่มตัวสูง
01:17:49 → 01:17:53 เยอะๆนะครับอ่าพวกนี้มันก็เป็นไขมันอิ่ม
01:17:53 → 01:17:56 ตัวแต่เป็นไขมันอิ่มตัวที่มาจากสัตว์และ
01:17:56 → 01:17:59 ผลิตภัณฑ์ของสัตว์นะฮะอืในที่สุดแล้ว
01:17:59 → 01:18:03 เนี่ยมันจะเป็นคอเลสเตอรอลที่ดีก็ได้ไม่
01:18:03 → 01:18:08 ดีก็ได้อ่าๆมันแล้วแต่การตอบสนองของ
01:18:08 → 01:18:12 ฮอร์โมนนะและรูปร่างของร่างกายของคุณอะไร
01:18:12 → 01:18:16 ต่างๆมันยังมีหลายแฟกเตอร์นะฮะอืเพราะ
01:18:16 → 01:18:18 ฉะนั้นตรงเยก็สำคัญเพราะฉะนั้นถ้าอยากได้
01:18:18 → 01:18:24 ของดีก็กินสินะไขมันอิ่มตัวดีดีๆนะจากพืช
01:18:24 → 01:18:27 เป็นหลักนะฮะนะจะมีจากสัตว์ก็เป็นพวกอะไร
01:18:28 → 01:18:31 อ่ะเป็นพวกมะพร้าวกะทิเอ่อน้ำมันมะพร้าว
01:18:31 → 01:18:36 mct ออยเป็นเนยบัตเตอร์เป็นกีอะไรอย่าง
01:18:36 → 01:18:41 เงี้ยนะครับเอ่อหรือโกโก้เนี่ยถั่วพิรัส
01:18:41 → 01:18:44 เนี่ยไขมัน 1 ตัวทั้งนั้นเลยอืๆเพราะ
01:18:44 → 01:18:47 ฉะนั้นจากคำถามเนี่ยนะฮะว่าองค์ประกอบไข
01:18:47 → 01:18:51 มันอิ่มเดี่ยวซ้อนเนี่ยตัวที่มีบทบาทใน
01:18:51 → 01:18:53 เรื่องการแอคชั่นของของร่างกายเนี่ยคือ
01:18:53 → 01:18:57 อิ่มนะฮะนี้คำถามต่อมาก็คืออิ่มเดี่ยว
01:18:57 → 01:19:01 ซ้อนเนี่ยร่างกายชอบสะสมไขมันในรูปแบบไหน
01:19:02 → 01:19:02 มากที่
01:19:02 → 01:19:05 สุด
01:19:05 → 01:19:08 อ่า 2 อีก 2 คนบอกมาสิ
01:19:08 → 01:19:13 ครับ 2 คนเงียบเลยครับร่างกายเนี่ยเชอบ
01:19:13 → 01:19:17 สะสมพลังงานนะในรูปแบบไหนมากที่สุดอิ่ม
01:19:17 → 01:19:21 ตัวนะหรือไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวไม่อิมตัว
01:19:21 → 01:19:26 เชิงซ้อนนะฮะคำตอบคือไม่ไม่มีตัวชงเดียว
01:19:26 → 01:19:31 ครับผมใช่ครับผมเขาชอบสะสมพลังงานในรูป
01:19:31 → 01:19:35 อ่าของไขมันไม่ตัวเชิงเดี่ยวนะฮะหรือ
01:19:35 → 01:19:39 มูฟ่ามูฟ่านะแต่เวลาเอาไปใช้เนี่ยไม่อิ่ม
01:19:39 → 01:19:42 ตัวเชิงเดี่ยวมันจะแปรรูปเป็นไม่อิ่มเป็น
01:19:42 → 01:19:46 อิ่มตัวแล้วร่างกายก็เอาไปใช้นะเพราะ
01:19:46 → 01:19:50 ฉะนั้นอิ่มตัวเชิงไขมันอิ่มตัวกับไม่อิ่ม
01:19:50 → 01:19:53 ตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยนะอันอันนี้เนี่ยมัน
01:19:53 → 01:19:57 เป็นไขมันที่ไม่จำเป็นเพราะร่างกายเขาจะ
01:19:57 → 01:20:00 สร้างได้เองแล้วเก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
01:20:00 → 01:20:04 เพียงแต่ว่าเวลาเแอคชั่นนะเขาจะใช้อิ่ม
01:20:04 → 01:20:09 ตัวแต่เวลาเสะสมเขาจะสะสมในรูปของไม่อิ่ม
01:20:09 → 01:20:13 ตัวแต่ทีนี้เนี่ยมันก็มีปัญหาในในช่องทาง
01:20:13 → 01:20:19 เข้าน่ะนะฮะว่าแล้วเวลาคุณกินไขมันเข้าไป
01:20:19 → 01:20:22 เนี่ยคุณกินไขมันประเภทไหนเข้าไปสะสมล่ะ
01:20:22 → 01:20:27 นะฮะถ้าคุณกินไขมันอิ่มตัวเข้าไปอ่ะเช่น
01:20:27 → 01:20:29 คุณกินโปรตีนแล้วก็โปรตีนนั้นน่ะเป็น
01:20:29 → 01:20:33 โปรตีนที่มีมีไขมันอิ่มตัวด้วยเยอะๆนะโดย
01:20:33 → 01:20:37 เฉพาะถ้าเป็นชนิดพติก c16 เนี่ยร่างกาย
01:20:37 → 01:20:42 คุณก็จะสะสมเป็นไขมันอิ่มตัวเยอะนะครับ
01:20:42 → 01:20:45 เนี่ยมันก็จะเป็นแทนที่ว่าธรรมชาติเนี่ย
01:20:45 → 01:20:50 นะเคชอบสะสมแบบไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวนะแต่
01:20:50 → 01:20:54 เขาจำเป็นหรือเขาถูกกดดันที่ต้องไปสะสม
01:20:54 → 01:20:57 เป็นแบบอิ่มตัวเนี่ยนะฮะนะแต่ในที่สุด
01:20:57 → 01:21:00 เนี่ยถ้าเกิดต้องมีการใช้พลังงานเ่ะเค้า
01:21:00 → 01:21:03 ก็จะเอาประเภทไขมันอิ่มตัวที่ถูกสะสมอยู่
01:21:03 → 01:21:07 เนี่ยมาใช้อ่ะนะเค้าก็เาก็อาจจะมี
01:21:07 → 01:21:11 ปฏิกิริยาที่ที่ค่อนข้างสสหน่อยหรือ
01:21:11 → 01:21:14 เครียดหน่อยในการใช้อ่าพวกอิ่มตัวพวก
01:21:14 → 01:21:17 เนี้ยนะ
01:21:17 → 01:21:22 ฮะทีนี้การสะสมไขมันอย่างนึงเนี่ยที่มัน
01:21:22 → 01:21:26 ค่อนข้างไม่ดีนะที่เราเรียกว่าไม่ดีเลย
01:21:26 → 01:21:31 อ่ะนะฮะก็คือการสะสมไขมันอิ่มตัวที่แปร
01:21:31 → 01:21:37 สภาพมาจากคาฟต่างๆอืๆๆๆเอนะอันนี้มันก็จะ
01:21:37 → 01:21:43 ต่างกันนะฮะมันต่างกันอะไรอ่ะก็คือไขมัน
01:21:43 → 01:21:48 อิ่มตัวเนี่ยนะถ้ามันมาจากคาฟนะมันจะถูก
01:21:48 → 01:21:52 แปลงสภาพถ้ามันเกินนะแปลงสภาพเป็นไขมัน
01:21:52 → 01:21:53 ตัวชื่อคือ
01:21:53 → 01:21:58 พิโออิแอซิดนะแล้วเคก็สะสม
01:21:58 → 01:22:04 นะพอเค้าสะสมเป็นไขมันอิ่มตัวแล้วเนี่ยนะ
01:22:04 → 01:22:07 มันคือต้นทางเนี่ยมันเป็นคาฟมันมี
01:22:07 → 01:22:10 อินซูลินไอ้สิ่งนี้แหละในการสะสมเป็นไข
01:22:10 → 01:22:15 มันอิ่มตัวพิติแอซิดเนี่ยนะบทบาทของของ
01:22:15 → 01:22:19 ตัวต้นทางเคือคือทั้งน้ำตาลทั้งอินซูลิน
01:22:19 → 01:22:22 เนี่ยมันจะทำให้พิติแอซิดเนี่ยมี
01:22:22 → 01:22:26 คุณสมบัติที่ที่ค่อนข้างดื้อด้านน่ะก็คือ
01:22:26 → 01:22:30 มันเป็น ER reversible นะตัว saturated
01:22:30 → 01:22:34 Fat คือเป็นไขมันอิ่มตัวที่จะไม่ย้อน
01:22:34 → 01:22:38 กลับนะคือเวลาเสะสมแล้วเนี่ยเค้าก็จะสะสม
01:22:39 → 01:22:42 เป็นไขมันอิ่มตัวสายยาวยาวๆๆๆาๆขึ้นไปที่
01:22:42 → 01:22:45 คุณหมอเรียกว่าปฏิกิริยา elongation นะ
01:22:45 → 01:22:50 แล้วพวกนี้จะไม่มีการสลายย้อนกลับมานะฮะ
01:22:50 → 01:22:55 สมมุติว่าเสะสมเป็น C 20 นะนะแล้วก็ยัง
01:22:55 → 01:22:58 มีมาสะสมต่อไปอีกนะด้วยอิทธิพลของ
01:22:58 → 01:23:00 อินซูลินกับน้ำตาลเนี่ยเค้าก็จะบวกขึ้นไป
01:23:00 → 01:23:04 เป็น C 22 24 อะไรไปเรื่อยๆอย่างเงี้ย
01:23:04 → 01:23:07 นะฮะครับซึ่งในลักษณะนี้เนี่ยมันจะไม่
01:23:07 → 01:23:10 เกิดการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับจาก 24 มาเป็น
01:23:10 → 01:23:14 22 22 มาเป็นเนี่ยมาเป็นอะไรอ่ะมาเป็น
01:23:14 → 01:23:17 20 นะแล้วเกิดการสลายตัวหรือเผาผลาญไป
01:23:17 → 01:23:21 ได้เพราะฉะนั้นหลายคนเนี่ยสะสมสิ่งนี้มา
01:23:21 → 01:23:23 ตั้งแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่อายุยังน้อยๆหรือ
01:23:23 → 01:23:26 ตั้งแต่เด็กหรือตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ครับ
01:23:26 → 01:23:28 เพราะฉะนั้นเนี่ยนะมันก็ขึ้นอยู่กับว่า
01:23:28 → 01:23:32 ต้นทางของไขมันอิ่มตัวคุณเนี่ยมันเกิดมา
01:23:32 → 01:23:36 จากอะไรแล้วมันก็สะสมมาอย่างไงเอ่าแล้ว
01:23:36 → 01:23:39 เสร็จแล้วเนี่ยถ้ามันเอ reversible เนี่ย
01:23:39 → 01:23:42 เวลาคุณ ow C High Fat หรือคุณจะทำ If
01:23:43 → 01:23:45 หรือคุณจะต้องการเอาไขมันที่สะสมมาใช้
01:23:45 → 01:23:49 เนี่ยแล้วมันจะเอามาใช้ได้มั้ยล่ะเออ
01:23:49 → 01:23:51 เพราะว่ามันมีปฏิกิริยา elongation เป็น
01:23:51 → 01:23:55 ตัว 5 ห้ามอยู่นะถึงคุณจะ ow คาฟคุณจะ
01:23:55 → 01:23:58 จำกัดอินซูลินคุณจะตัดอินซูลินเท่าไหร่
01:23:58 → 01:24:01 เนี่ยนะแต่มันถ้ามันเอามาใช้ไม่ได้มันมัน
01:24:01 → 01:24:05 เอ reversible ไปแล้วอ่ะครับเนี่ยมันก็จะ
01:24:05 → 01:24:08 ยากนะเพราะฉะนั้นประชากรที่อ้วนๆนในโลก
01:24:09 → 01:24:12 นี้หลายคนแล้วมันก็น้ำหนักค้างน้ำหนักตัน
01:24:12 → 01:24:14 น้ำหนักลดต่อไม่ได้เนี่ยส่วนหนึ่งก็จะ
01:24:14 → 01:24:18 เป็นเรื่องนี้นะฮะเรื่องนี้นะฮะเนี่ยเป็น
01:24:18 → 01:24:21 อธิบายกันอย่างนี้อจุดจุดที่อยู่ล่ะครับ
01:24:21 → 01:24:23 พี่หมอมันมีจุดเฉพาะมยหรือว่ากระจายไป
01:24:23 → 01:24:27 ทั่วร่างกายจุดที่สะสมอ๋อก็จริงๆแล้ว
01:24:27 → 01:24:30 เนี่ยอินซูลินเนี่ยเวลาเสะสมเนี่ยเค้าก็
01:24:30 → 01:24:35 จะสะสมตามศัพ์คทนทิชชูคือเขาจะสะสมที่ตับ
01:24:35 → 01:24:37 ที่ตับเนี่ยเป็นหลักก่อนละนะฮะเป็นไขมัน
01:24:37 → 01:24:40 พอกตับแล้วก็มาที่เนื้อเยื่อใต้ผิวผิว
01:24:40 → 01:24:46 หนังนะฮะครับยกเว้นว่ามันหมดที่สะสมแล้ว
01:24:46 → 01:24:51 มันก็เลยเอาไปสะสมที่ visceral Fat นะก็
01:24:51 → 01:24:53 คือเาสะสมไปได้ทั่วรอฮะถ้าเป็นบทบาท
01:24:53 → 01:24:56 อินซูลินนะแต่ถ้าเป็นบทบาทของคอร์ติซอล
01:24:56 → 01:25:00 ที่เขาจะสะสมไขมันเนี่ยส่วนใหญ่พวกนี้เข
01:25:00 → 01:25:03 ไปสะสมที่ viser ออร์แกนเป็น visceral
01:25:03 → 01:25:09 Fat เลยเขาไม่สะสมที่ับคิทนะฮะอืเพราะ
01:25:09 → 01:25:14 ว่าถ้าแม่มาแล้วสะสมพลังงานเนี่ยเขาจะไป
01:25:14 → 01:25:18 สะสมไอ้ที่มันจะเกิดการเกิดความร้ายแรง
01:25:18 → 01:25:21 เลยล่ะก็คือ visceral
01:25:21 → 01:25:24 fat ถึงเรียกตรงนี้ว่าอะไรนะพุงเครียด
01:25:24 → 01:25:26 อ่ะนะพี่หมอนะเออนั่นแหละเออ
01:25:26 → 01:25:30 เอ่าแต่ยังไงก็ตามนะถ้ามันอยู่ที่กินนี่
01:25:30 → 01:25:34 แหละนะถ้ากินแบบเบรกไม่อยู่แล้วเนี่ยทั้ง
01:25:34 → 01:25:37 อินซูลินทั้งคอร์ติซอลเค้าก็ช่วยๆกันสะสม
01:25:37 → 01:25:42 ฮทงป่วยหนักเลยนั่นแหละนะฮะอืทีนี้ย้อน
01:25:42 → 01:25:45 กลับมาเนี่ยถ้าเกิดต้นทางเนี่ยคุณมีความ
01:25:45 → 01:25:49 รู้เช่นมีความรู้ว่าเออครับกินแล้วเดี๋ยว
01:25:49 → 01:25:51 มันจะไปเปลี่ยนเป็นไขมันอิ่มตัวแล้วมันจะ
01:25:51 → 01:25:55 เกิดเออ reversible นะย้อนกลับมาเผาผลาญ
01:25:55 → 01:25:59 ต่อไม่ได้เออคุณก็เลือกคุณก็ยังกินกินไข
01:25:59 → 01:26:02 มันน่ะฮแต่คุณก็ไปกินไขมันอิ่มตัวหรืออาจ
01:26:02 → 01:26:06 จะไปกินอ่าน้ำมันในรูปแบบต่างๆที่ไม่ได้
01:26:06 → 01:26:09 ทำเป็นน้ำสลงน้ำสลัดเนี่ยฮะครับนะทั้งน้ำ
01:26:10 → 01:26:12 มันทั้งไขมันอิ่มตัวไม่อิ่มตัวเชิงเหนียว
01:26:12 → 01:26:15 ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนอะไรต่างๆเนี่ยนะฮะเออ
01:26:15 → 01:26:21 พวกนี้เนี่ยนะก็ก็อาจจะมีการสะสมน่ะก็มี
01:26:21 → 01:26:23 การสะสมแต่แต่การสะสมส่วนใหญ่มันเป็นการ
01:26:23 → 01:26:28 สะสมของฮอร์โมนเครียดคอซอเป็นหล่าอ่าๆๆๆๆ
01:26:28 → 01:26:32 แต่เวลาจะถูกนำมาใช้เนี่ยเขาไม่ได้มี
01:26:32 → 01:26:35 เรื่องของ reversible Process นะเขา
01:26:35 → 01:26:40 reversible ได้นะงั้นเมื่อเขา rever
01:26:40 → 01:26:44 rever ได้เนี่ยเ่อคุณกิน low C very
01:26:44 → 01:26:47 low C คุณทำ High Fat คุณกิน CD kcd
01:26:47 → 01:26:50 เนี่ยเอร่างกายเขาก็จะใช้ของพวกเนะฮะที่
01:26:50 → 01:26:53 มัน reversible ได้เอมันก็ใช้ไปใช้ไปใช้
01:26:53 → 01:26:57 ไปอืเพราะฉะนั้นเนี่ยคือข้ออธิบายว่าแล้ว
01:26:57 → 01:27:01 เวลาคุณสะสมเนี่ยคุณสะสมมาจากที่ไหนอ่ะ
01:27:01 → 01:27:04 ต้นทางอ่ะมันเป็นอะไรเอ่อเนี่ยมันก็จะ
01:27:04 → 01:27:10 ต่างกันในลักษณะนี้ด้วยฮะครับอืคือบางที
01:27:10 → 01:27:13 เราเนี่ยก็ควบคุมความหิวความอิ่มค่อนข้าง
01:27:13 → 01:27:16 ยากนะโดยเฉพาะไอ้ปัญหาเเรียกีิ eating
01:27:16 → 01:27:19 เนี่ยนะมันกินเพราะความอยากเพราะความรื่น
01:27:19 → 01:27:21 ลงเพราะความเป็นสุขเพราะเหมือนเป็นรางวัล
01:27:21 → 01:27:24 อะไรเงี้นะฮะนี่แหละนะแล้วคุณเลือกกิน
01:27:24 → 01:27:28 อะไรเข้าไปอ่ะถ้าคุณเลือกกินแฟตๆๆนะนะ
01:27:28 → 01:27:30 หรือโปรตีนที่มีแฟตนะอย่างโง้นอย่างงี้
01:27:30 → 01:27:34 อะไรต่างๆแล้วคุณไม่ค่อยกินคาฟเนี่ยนะเออ
01:27:34 → 01:27:36 พวกนี้มันก็เป็นไขมันสะสมที่มัน
01:27:36 → 01:27:39 reversible ได้แล้วร่างกายยังนำมาใช้ได้
01:27:39 → 01:27:42 ฮอร์โมนลูกเทพเออกมาปุ๊บเก็จับอีพวกนี้มา
01:27:42 → 01:27:45 เผาผลาญได้แล้วอืแต่ถ้าต้นทางเนี่ยคุณไป
01:27:45 → 01:27:48 กินแต่ High Bad C อะไรต่างๆเหล่าเนี้ย
01:27:48 → 01:27:51 ตัวมันก็ยากมันก็
01:27:51 → 01:27:55 ยากเออนี้น่าจะพอเข้าใจอันนี้คือเรื่อง
01:27:55 → 01:27:58 ของไขมันอิ่มตัวเนี่ยที่อยากจะอยากจะบอก
01:27:58 → 01:28:02 ถึงถึงถึงลักษณะของเขาอ่ะนะฮะนะว่า 1
01:28:02 → 01:28:06 เนี่ยนะร่างกายเใช้ไขมันตัวเป็นตัวแอชใน
01:28:06 → 01:28:09 รูปแบบต่างๆแล้วก็ 2 ในเรื่องของการสะสม
01:28:09 → 01:28:14 เนี่ยนะฮะเนี่ยเอยากสะสมในรูปแบบของตัว
01:28:14 → 01:28:18 ไม่มีตัวเชิงเดี่ยวนะะนะแล้วเวลาเขาจะเอา
01:28:18 → 01:28:20 มาใช้เป็นพลังงานไม่เป็นตัวเชิงเดี่ยวมัน
01:28:20 → 01:28:24 ก็จะเปลี่ยนเป็นอ่อไขมันอิ่มตัวก่อนนะ
01:28:24 → 01:28:27 แล้วมันก็ถ้าเป็นประเภทไขมันอิ่มตัวที่เอ
01:28:27 → 01:28:30 ที่ไม่ ER reversible เนี่ยเค้าก็จะถูก
01:28:30 → 01:28:33 ฮอร์โมนไอ้ตัวไลโปโปรตีนไลเปสเนี่ยสลายมา
01:28:33 → 01:28:35 เป็นพลังงานอืตามขั้นตอนของเขาตาม
01:28:35 → 01:28:39 metabolism ของเขาครับ
01:28:39 → 01:28:43 อ่ะทีนี้เมื่อกี้นี้หมอบอกไปอย่างนึงว่า
01:28:43 → 01:28:46 ตัวไขมันอิ่มตัวกับไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
01:28:46 → 01:28:48 เนี่ยมันไม่
01:28:48 → 01:28:52 จำเป็นเราไม่ต้องกินเข้าไปก็ได้นะฮะฮะนะ
01:28:52 → 01:28:55 คือตัวที่จำเป็นคือไม่ิตัวเชิงซ้อนใช่
01:28:55 → 01:28:59 มั้ยฮะนะไม่ิตัวเชิงซ้อนนะฮะทีนี้ไม่อิ
01:28:59 → 01:29:01 ตัวเชิงซ้อนเนี่ยเมื่อกี้หมอพูดสัดส่วนไป
01:29:01 → 01:29:06 หรือยังนะรู้สึกจะข้ามไปนะครับคุณสมบัติ
01:29:06 → 01:29:09 อย่างนึงของไขมันดีก็คือคือในส่วนที่เป็น
01:29:09 → 01:29:12 ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนเนี่ยนะฮะโอเมก้า 6
01:29:12 → 01:29:16 ต่อโอเมก้า 3 ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีนะฮะ
01:29:16 → 01:29:18 ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีนะเกณฑ์ที่ดีในที่
01:29:19 → 01:29:22 นี้หมายถึงโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 สัด
01:29:22 → 01:29:26 ส่วนคือ 1:1 ถึงไม่เกิน 1:10 นะฮะดีที่
01:29:26 → 01:29:32 สุดก็คือ 1 ต 1 ไม่เกิน 1:4 นะแต่ไม่เกิน
01:29:32 → 01:29:36 1:10 เนี่ยก็ก็หายากอยู่แล้วล่ะนะฮะนะ
01:29:36 → 01:29:39 ครับเอ่อแต่เกณฑ์ก็คือเนี่ย 1:1 ถึงไม่
01:29:39 → 01:29:42 เกิน 1:10 นะฮะอันนี้เป็นเรื่องของไอ้ตัว
01:29:42 → 01:29:46 เฉพาะตัวไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนนะฮะที่ 20%
01:29:46 → 01:29:48 นะฮะ
01:29:48 → 01:29:52 เนี่ยแล้วก็อันเนี้ยนะเอ่อ
01:29:52 → 01:29:56 ถ้าถ้าตัวโอเมก้า 3 ต่อโอเมก้า 6 เนี่ย
01:29:56 → 01:29:59 มันเกินเยอะๆอ่ะนะไม่ว่าจะมาจากแหล่งพืช
01:29:59 → 01:30:03 แหล่งสัตว์อะไรก็ตามนะฮะนะพวกนี้เนี่ยมัน
01:30:03 → 01:30:08 จะถูกอินซูลินจะถูกกระตุ้นมากนะฮะนะแล้ว
01:30:08 → 01:30:10 มันก็จะเกิดการไม่หายของภาวะดื้ออินซูลิน
01:30:10 → 01:30:15 นะบางส่วนมาจากเรื่องของโอเมก้า 6 นะที่
01:30:15 → 01:30:19 มีอิทธิพลนะฮะเพราะเราบานจุดนี้ไม่ได้นะ
01:30:19 → 01:30:20 ไม่
01:30:20 → 01:30:22 ได้
01:30:22 → 01:30:26 ทีนี้ก็วคกลับมานิดนึงที่บอกว่าไขมันอิ่ม
01:30:26 → 01:30:29 ตัวกับไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยนะไม่
01:30:29 → 01:30:33 จำเป็นไม่จำเป็นนะฮะอ่าแต่เนื่องจากว่า
01:30:33 → 01:30:37 แอชเี่ของการทำงานของไขมันเนี่ยร่างกายจะ
01:30:37 → 01:30:40 ใช้อิ่มตัวนะเพราะฉะนั้นร่างกายก็จะต้อง
01:30:40 → 01:30:44 มีอิ่มตัวนี่แหละนะฮะนะแต่ทีนี้ไม่อิ่ม
01:30:44 → 01:30:47 ตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยไม่กินได้มั้ยเออไม่
01:30:47 → 01:30:51 กินได้มยครับคือร่างกายเสะสมเนี่ยแต่ฉัน
01:30:51 → 01:30:54 ก็ไม่อยากให้เค้าสะสมเนี่ยนะเอ่อก็เลยไม่
01:30:54 → 01:30:56 อยากจะกินไอ้พวกมะกรอกน้้ำมันมะกอก
01:30:56 → 01:31:01 อโวกาโดอะไรอย่าเงี้ยนะอืๆเออนะเรารู้ว่า
01:31:01 → 01:31:05 โอ้โหเ้าสะสมเก่งอ่ะนะถ้าสัดส่วนที่ดีๆ
01:31:05 → 01:31:08 เลยของเซลล์เนี่ยมันสะสมอยู่ในสัดส่วนของ
01:31:08 → 01:31:13 ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 50% นะฮะครับ
01:31:13 → 01:31:17 เออไม่ได้นะฮะเราต้องกินด้วยเหตุผล 3
01:31:17 → 01:31:22 อย่างอันนี้จดไปเลยนะนะครับคือไขมันไม่
01:31:22 → 01:31:25 ตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยมีเหตุผล 3 อย่างที่
01:31:25 → 01:31:28 เราจะต้องใส่เข้าไปจากภายนอกทั้งๆที่เรา
01:31:28 → 01:31:33 รู้ว่าร่างกายเสร้างได้นะฮะนะครับก็คือ 1
01:31:33 → 01:31:35 นะ
01:31:35 → 01:31:42 ฮะเป็นไขมันตัวหลักเลยที่จะทำให้
01:31:43 → 01:31:48 hdl สูงขึ้น ldl ลดลงอืนี่คุณสมบัติอัน
01:31:48 → 01:31:52 แรกนะฮะนะเพราะฉะนั้นตรงเนี้ยใครฟังแล้ว
01:31:52 → 01:31:56 เนี่ยถ้าอยากลด hdl นะต้องให้ความสัมคัญ
01:31:56 → 01:31:59 กับเรื่อง mufa นะฮะนะลด H ลด ldl หรือ
01:31:59 → 01:32:03 เปล่าครับพี่หมอลด ldl เพิ่ม hdl นะฮะอ
01:32:03 → 01:32:06 อ่าๆโอเคนะเพราะฉะนั้นก็จะทำให้ไอ้เรื่อง
01:32:06 → 01:32:10 ความเสี่ยง as cvd มันลดลงนะฮะครับครับ
01:32:10 → 01:32:15 อันที่ 2 คือ mfa เป็น Bin Energy นะ
01:32:15 → 01:32:19 เอ่อเป็น Booster Energy of Brain นะ
01:32:19 → 01:32:25 ฮะนะก็คือสมองเนี่ยนะสมองเนี่ยนะ
01:32:25 → 01:32:28 เขาเขาจะใช้ไอ้ตัวไขมันไม่เป็นตัวเชิง
01:32:28 → 01:32:33 เดี่ยวเนี่ยเป็นพลังงานหลักเลยนะในเบอิ
01:32:33 → 01:32:36 ของเซลล์สมองนะฮะนะเพราะฉะนั้นเเรียกว่า
01:32:36 → 01:32:40 Brain Energy นะฮะนะเพราะฉะนั้นความจำ
01:32:40 → 01:32:44 นะฮะเอ่อการใช้สมองต่างๆสมาธิต่างๆอารมณ์
01:32:44 → 01:32:49 ต่างๆนะเอ่อถ้าเกิดได้มูฟ่าเข้าไปเป็น
01:32:49 → 01:32:52 พลังงานหลักนะฮะถ้าสมองได้ได้สัดส่วนอัน
01:32:52 → 01:32:57 นี้นะนะเรื่องการทำงานของสมองจะดีจะดีเพ
01:32:57 → 01:33:00 งั้นใครก็ตามที่มีปัญหาสมองเสื่อมที่มี
01:33:00 → 01:33:04 โรคทางสมองที่เป็นกลุ่มโรคสมองตีบแตกตัน
01:33:04 → 01:33:06 สมองเดี้ยงไปบ้างอะไรแล้วเนี่ยต้องเห็น
01:33:06 → 01:33:10 ความสำคัญของการใส่เรื่องของมูฟ่าไม่เป็น
01:33:10 → 01:33:14 ตัวเชิงเดี่ยวในรูปแบบต่างๆเข้าไปนะฮะอ่า
01:33:14 → 01:33:18 อันที่ 2 อันที่ 3 เนี่ยนะฮะครับไอ้ตัว
01:33:18 → 01:33:21 มูฟ่าเนี่ยไม่มีตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยเขามี
01:33:21 → 01:33:27 คุณสมบัติไปลดการสะสมไขมันอิ่มตัวสายยาว
01:33:27 → 01:33:34 ที่สมองได้นะฮะอืเอซึ่งจะลดโอกาสหรือริส
01:33:34 → 01:33:38 ของการเป็นอัลไซเมอร์นะฮะนะนะอก็คือตัว
01:33:38 → 01:33:42 อัลไซเมอร์เนี่ยนะมันมีสาเหตุส่วนหนึ่งมา
01:33:42 → 01:33:46 จากเรื่องของไขมันอิ่มตัวสายยาวองเน fatty
01:33:46 → 01:33:49 Acid เนี่ยซึ่งเป็นตัวไตคีสลายจากไขมนะ
01:33:49 → 01:33:54 ฮะอ่าอ่าอันเนี้ยมันจะไปทำให้มีปัญหาอ่า
01:33:54 → 01:33:59 ของของของความจำเสื่อมแบบอัลไซเมอร์นะฮะ
01:33:59 → 01:34:01 นะซึ่งอันนี้มันมีรายงานยืนยันมีเปอร์รับ
01:34:01 → 01:34:06 รองนะฮะแต่ตัวฟ่าเนี่ยมันมีสารอ่าพฤกษา
01:34:06 → 01:34:10 เคมีตัวนึงที่ตัวเด่นเลยก็ชื่อ elusive
01:34:10 → 01:34:16 Acid E Ru C I C แล้วก็ Acid นะฮะ
01:34:16 → 01:34:19 คือกฎอลูเนี่ยนะก็จะเป็นกฎที่เป็นส่วน
01:34:19 → 01:34:25 ประกอบของไขมันเอ่อมูฟ่าหรือโอเมก้า 9
01:34:25 → 01:34:27 เนี่ยนะฮะโอเมก้า 9 มันชื่อโออิ Acid
01:34:28 → 01:34:35 เนี่ยอืๆๆๆแต่ตัวเนี้ยมันจะมีเฉพาะ
01:34:35 → 01:34:37 ใน
01:34:37 → 01:34:42 ในในอะไรในน้ำมันมาสตานะฮะนะน้ำมันมาสตา
01:34:42 → 01:34:45 เนี่ยเป็นไขมันไม่มีตัวเชิงเดี่ยวอย่าง
01:34:45 → 01:34:49 นึงนะฮะนะที่มีผลดีมากๆต่อสมองนะฮะเพราะ
01:34:49 → 01:34:52 งั้นใครที่มีปัญหาต่อสมองให้ให้พยายามหา
01:34:52 → 01:34:55 น้ำมันสสตน้ำมันมาตารสกัดเย็นนะฮะไม่มี
01:34:55 → 01:34:59 สกัดร้อนนะค่อนข้างแพงนะฮะแต่ใน Lazada
01:34:59 → 01:35:03 ใน shopee ก็มีนะฮะนะอันนี้เอามาใช้ได้ฮะ
01:35:03 → 01:35:08 เอามาใช้ได้นะเพราะเขาจะมีเ่อโอเมก้า 99
01:35:08 → 01:35:13 หรือโอเลอิกนะที่มีสารพรึกษาเคมีอิแิดสูง
01:35:13 → 01:35:19 สุดนะฮะนะแล้วตัวนี้จะเป็นแอนติดดนะของไข
01:35:20 → 01:35:25 มันอิ่มตัวสายดาวที่จะไปทำให้สมองมีภาวะ
01:35:25 → 01:35:30 สมองเสื่อมอัลไซเมอร์นะฮะอืๆๆๆย้อนกลับไป
01:35:30 → 01:35:34 อันที่ 2 หมอพูดคำว่า Brain Energy
01:35:34 → 01:35:39 Booster นะตรงนี้มีความหมายนะฮะตรงนี้มี
01:35:39 → 01:35:42 ความหมายอันนี้หมอพูดตรงนี้เลยก็ได้นะฮะ
01:35:42 → 01:35:45 ครับครับร่างกายเรามี
01:35:45 → 01:35:50 กายมีกายหยาบกายเนื้อมีกายละเอียดอมีกาย
01:35:50 → 01:35:55 ละเอียดนะครับครับกายหยาบกายเนื้อเราใช้
01:35:55 → 01:35:58 ตัวสารอาหารต่างๆเป็นตัวบำรุงหล่อเลี้ยง
01:35:58 → 01:36:02 เป็นตัวซ่อมแตมเป็นตัวสร้างกายเนื้อนะ
01:36:02 → 01:36:06 ซึ่งเป็นกายหยานะฮะในส่วนของกายละเอียดนะ
01:36:06 → 01:36:11 ฮะหรือกายแห่งจิตก็คือสภาพจิตใจนะรวมทั้ง
01:36:11 → 01:36:15 อารมณ์รวมทั้งสติสมาธินะที่เราเรียกว่า
01:36:15 → 01:36:18 กายละเอียดกายละเอียดเนี่ยนะครับเอ่อกาย
01:36:18 → 01:36:22 ละเอียดเนี่ยจะเป็นเรื่องของพลังงานไม่
01:36:22 → 01:36:25 ใช่สารอาหารนะจะเป็นเรื่องของพลังงานนะ
01:36:25 → 01:36:30 แล้วพลังงานนะที่สำคัญนะกายละเอียดของคน
01:36:30 → 01:36:36 เราอ่ะนะศูนย์บัญชาการอยู่ที่สมองนะอยู่
01:36:36 → 01:36:40 ที่สมองนะฮะครับเมื่อกี้พูดไปแล้วว่าตัว
01:36:40 → 01:36:44 มูฟ่ามีความสำคัญต่อการเป็น Brain
01:36:44 → 01:36:49 Energy ครับเพราะฉะนั้นนี่แหละคือคำตอบ
01:36:49 → 01:36:51 ที่ชัดเจนที่สุดว่า
01:36:51 → 01:36:55 นะถึงแม้ร่างกายจะสร้างได้แต่ก็ต้องกินอ
01:36:55 → 01:37:00 นะเพราะว่าเราจะให้เป็นพลังงานของกาย
01:37:00 → 01:37:06 ละเอียดครับเออกายละเอียดมันอยู่ได้ด้วย
01:37:06 → 01:37:09 พลังงานมันต้องถึงนะฮะเพราะฉะนั้นด้วย
01:37:09 → 01:37:12 เหตุนี้นะที่บอกว่า lack of Energy
01:37:12 → 01:37:15 พลังงานไม่ถึงเนี่ยมันก็มีผลกระทบต่อสมอง
01:37:15 → 01:37:19 ด้วยแล้วเวลาพลังงานไม่ถึงมีผลกระทบต่อ
01:37:19 → 01:37:24 กายละเอียดต่อสมองนะกายละเอียดนะมัน
01:37:24 → 01:37:28 สัมพันธ์กับฮอร์โมนอะไร
01:37:28 → 01:37:32 นะคืออินซูลินเนี่ยไม่เกี่ยวแล้วล่ะเค้า
01:37:32 → 01:37:36 เค depend on Food หรืออาหารแต่ตัวอื่น
01:37:36 → 01:37:39 ๆเนี่ยจะเกี่ยวกับสมองหมดเลย
01:37:39 → 01:37:43 นะแล้วก็ตัวฮอร์โมนที่ควบคุมกายละเอียด
01:37:43 → 01:37:46 หรือจะมีหรือกายละเอียดมีผลมากต่อฮอร์โมน
01:37:46 → 01:37:49 ตัวเนี้ยนะฮะเคใช้ฮอร์โมนตัวเนี้ยเป็นตัว
01:37:49 → 01:37:53 สื่อสารน่ะนะว่าว่าพลังงานพอไม่พอเฮ้ยนะ
01:37:53 → 01:37:57 ไม่ไหวแล้วอย่างโง้นอย่างงี้ครับให้ปวดหง
01:37:57 → 01:38:01 ปวดหัวทำให้อารมณ์ไม่ดีทำให้เป็นโรค
01:38:01 → 01:38:03 จิตเวชเยอะแยะไป
01:38:03 → 01:38:06 หมดก็คือฮอร์โมน
01:38:06 → 01:38:11 คอตเออนั่นแหละเพราะฉะนั้นพอกระจ่างอะไร
01:38:11 → 01:38:15 บ้างหรรือยังในแง่ของพลังงงพลังงานกาย
01:38:15 → 01:38:18 หยาบกายละเอียดอะไรต่างๆพวกเนี้ยครับคุณ
01:38:18 → 01:38:20 หมอบอกว่าศูนยบัญชาการของกายละเอียดก็คือ
01:38:20 → 01:38:25 สมองใช่มั้ยฮะใช่จิตใจไจิตใจเราไขมัน
01:38:25 → 01:38:27 เนี่ยมันก็จะไปมีผลต่อสมองมั้ยส่วนเนี้ย
01:38:27 → 01:38:33 ครับใช่ฮะนะด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงต้องใช้
01:38:33 → 01:38:36 ไขมันเป็นพลังงานหลักไงฮะ
01:38:36 → 01:38:41 นะซึ่งร่างกายเนี่ยเส่งสัญญาณส่งอะไรมา
01:38:41 → 01:38:44 บอกเรานักก็ไม่ได้เราต้องเรียนรู้และต้อง
01:38:44 → 01:38:48 ทำความเข้าใจแล้วก็ขยายความเข้าใจเป็น
01:38:48 → 01:38:51 องค์ความรู้ในเชิงลึกๆเข้าไปเรื่อยๆนะฮะ
01:38:51 → 01:38:57 อืๆการที่คุณกินไขมันดีอย่างถูกต้องเนี่ย
01:38:57 → 01:39:02 ครับนะในที่สุดแล้วเนี่ยสติสมาธิสมองกาย
01:39:02 → 01:39:04 ละเอียดของคุณเนี่ยมันก็จะฟังก์ชันได้
01:39:04 → 01:39:07 ค่อนข้างดี
01:39:07 → 01:39:12 ครับแล้วก็ที่หมอบอกว่าเรื่องอาหารเนี่ย
01:39:12 → 01:39:16 ร่างกายเนี่ยจะเกิดการรับรู้ตัดสินดีไม่
01:39:16 → 01:39:19 ดีพอไม่พอใช่ไม่ใช่อ่ะอันดับแรกเลยเนี่ย
01:39:19 → 01:39:23 ก็คือพลังงานฮะก็คือตัวกายละเอียดนะและ
01:39:23 → 01:39:27 ฮอร์โมนคอร์ติซอลนี่แหละพอมยพอมนะถึงมถึง
01:39:27 → 01:39:33 มนะนี่แหละนะถ้าไม่ถึงอะไรต่างๆเนี่ยก็
01:39:33 → 01:39:36 เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออะไรตามมาี้
01:39:36 → 01:39:40 แหละครับด้วยอิทธิพลของคอร์ติซอลใช่่มฮะ
01:39:40 → 01:39:43 ใช่นะแล้วก็กายละเอียดแล้วก็ความสำคัญของ
01:39:43 → 01:39:47 พลังงานเเขาต้องเอาเรื่องพลังงานเป็นหลัก
01:39:47 → 01:39:50 ก่อนถึงจะไปจัดการเรื่องสารอาหารนะให้กาย
01:39:51 → 01:39:53 เลยอยากให้กายหยาบเนี่ยได้ซ่อมแซมได้
01:39:53 → 01:39:59 เจริญเติบโตได้อยู่ดีมีสุขนะเออก็คำถาม
01:39:59 → 01:40:02 เดิมแล้วพี่หมออ่าถ้าเราเรากินแบบธรรมดา
01:40:02 → 01:40:05 ไปเนี่ยกินๆๆอย่างเงี้ยวันละมื้อกินโลขาบ
01:40:05 → 01:40:10 กินอะไรพวกเยครับอืมันมีโอกาสที่ที่พลัง
01:40:10 → 01:40:13 งานส่วนที่การละเอียดนี้มันจะจะจะเพียงพอ
01:40:13 → 01:40:16 มั้ยพี่หมอ
01:40:16 → 01:40:19 อ๋อคือถ้าเราไม่กินน้ำมันน่ะไม่ไม่ไม่ไม่
01:40:19 → 01:40:22 กินในรูปเอ่อน้ำสลัดทีออยเงี้ยเสริมเข้า
01:40:22 → 01:40:26 ไปเงี้อ๋อบางวันก็พอบางวันก็ไม่พอคือมัน
01:40:26 → 01:40:29 ไม่แน่ไม่นอนไงมันไม่แน่ไม่นอน
01:40:29 → 01:40:33 เอ่อก็ไม่รู้ว่าวันนี้กินอะไรแล้วในส่วน
01:40:33 → 01:40:36 ประกอบหรือในรายละเอียดไส้ในของอาหารที่
01:40:36 → 01:40:41 กินเนี่ยนะมันพอมนะแล้วการมชในส่วนของสาร
01:40:41 → 01:40:45 อาหารและพลังงานของร่างกายทุกๆ 8-10 วัน
01:40:45 → 01:40:48 เนี่ยนะครับมันได้เกณฑ์เฉลี่ยแค่ไหนนะทุก
01:40:48 → 01:40:51 อย่างเป็นตัวเลขหมดที่ร่างกายจะจะบันทึก
01:40:51 → 01:40:56 ไว้และร่างกายจะเกิดการตอบสนองนะอืเออ
01:40:57 → 01:40:59 เพราะว่าร่างกายเนี้ยเป็นวิทยาศาสตร์บวก
01:40:59 → 01:41:01 คณิตศาสตร์
01:41:02 → 01:41:06 นะอวิทยาศาสตร์คือความเป็นชีววิทยานะ
01:41:06 → 01:41:10 คณิตศาสตร์ก็คือตัวเลขต่างๆนะที่ร่างกาย
01:41:10 → 01:41:15 เนี่ยโดยอ่ากายหยาบนะฮะหรือกายที่เต้อง
01:41:15 → 01:41:19 พึ่งสารอาหารเนี่ยเขาจะเป็นตัวเรคคอร์ดนะ
01:41:19 → 01:41:25 ตัวเลขว่าว่าถ้าคุณกินอาหารสารอาหารคำ
01:41:25 → 01:41:29 ข้าวเนี้ยจานเนี้ยมื้อเนี้ยเข้าไปนะฮะนะ
01:41:29 → 01:41:32 แล้วเจะตีออกมาเป็นแฟตเท่าไหร่ไขมันเท่า
01:41:32 → 01:41:35 ไหร่โปรตีนเท่าไหร่แล้วเขาจะเอาตัวสื่อ
01:41:35 → 01:41:39 สารนะหรือฮอร์โมนน่ะออกมาตอบสนองเป็นแบบ
01:41:39 → 01:41:44 ไหนเป็นฝั่งสะสมหรือสลายเผาผลาญพลังงาน
01:41:44 → 01:41:47 เป็นอินซูลินเป็นคอร์ติซอลหรือเป็นกลู
01:41:47 → 01:41:49 คารอนเป็นโกสฮอร์โมนเป็นไทรรอยด์เป็นลูก
01:41:49 → 01:41:53 เทพอะไรอย่างงี้อืแล้วหลังจากนั้นเนี่ยจะ
01:41:53 → 01:41:57 เกิดการทำงานของระบบอัตโนมัติต่างๆนะของ
01:41:57 → 01:42:01 ร่างกายนะเอ่อแล้วก็เกิดความสมดุลหรือไม่
01:42:01 → 01:42:03 สมดุลนะ
01:42:03 → 01:42:07 ฮะคือถ้ามันไม่สมดุลเนี่ยนะฮะถ้ามันไม่
01:42:07 → 01:42:10 สมดุลเนี่ยนะถ้ามันสมดุลเนี่ยเขาคก็เรียก
01:42:10 → 01:42:14 ว่าร่างกายมันเกิดภาวะโฮมสเต sis แต่ถ้า
01:42:14 → 01:42:18 มันไม่สมดุลเนี่ยร่างกายมันจะเกิดภาวะฮอม
01:42:18 → 01:42:23 มิสอือฮึอือฮึิิเนี่ยก็คือเป็นเรื่องอะไร
01:42:23 → 01:42:26 อสมมุติอย่างงนี้นะเราเเราสูบบุหรี่อย่าง
01:42:26 → 01:42:29 เงี้ยครับเราก็สูบบุหรี่มาทุกวี่ทุกวัน
01:42:29 → 01:42:33 เป็นปีๆอย่างเงี้ยหรือเรากินผิดๆเนี่ยนะ
01:42:33 → 01:42:37 หรือเรากินคฟ High Bad คฟนะเรากินแฟต
01:42:37 → 01:42:40 เอ่ออุตสาหกรรมแฟตแปรรูปเรากินอาหารแปร
01:42:40 → 01:42:43 รูปอะไรต่างๆถามว่าเรากินเข้าไปเราใส่
01:42:43 → 01:42:46 เข้าไปในร่างเนี้ยร่างกายรับได้มั้ยรับ
01:42:46 → 01:42:50 ได้หมดละฮะร่างกายไม่รับเไม่ไม่ปฏิเสธไม่
01:42:50 → 01:42:54 อ้วกแตกไม่ไม่เกิดอะไรอย่างเงี้ยนะเคก็
01:42:54 → 01:42:57 รับๆๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเรับไปหมดเลย
01:42:57 → 01:43:01 ฮะพอเรับเข้าไปแล้วเนี่ยเนี่ยเขาจะสมดุล
01:43:01 → 01:43:05 ไม่สมดุลเขาจะโฮมสเตสิสเขาจะฮิสอะไรต่างๆ
01:43:05 → 01:43:09 นะครับแล้วเขาก็จะตอบโต้ยังไงแล้วก็ตอบ
01:43:09 → 01:43:12 โต้ไม่ไหวก็เกิดอักเสบเกิดเจ็บเกิดป่วย
01:43:12 → 01:43:16 อะไรอย่างเงี้ยนะมันก็อยู่ในสภาวะใน 2
01:43:16 → 01:43:21 แนวทางพวกนี้ทั้งนั้นเลยอ่ะนะอันนี้เโปรด
01:43:21 → 01:43:24 เข้าใจร่างกายหน่อยนะฮะนะถ้าอยากให้เดี
01:43:24 → 01:43:29 เนี่ยก็ก็หาสิ่งที่ดีๆนะหาความรู้ต่างๆมา
01:43:29 → 01:43:34 เป็นองค์ประกอบที่จะป้อนอ่าสิ่งดีๆเข้า
01:43:34 → 01:43:38 ร่างให้ถูกอ่ะนะฮะครับแต่คนละอย่างกับแค
01:43:38 → 01:43:40 in แ Out ป่าฮะคุณหออาคนละอย่างกันคนละ
01:43:40 → 01:43:43 เรื่องกันเลยเพราะว่าอันนี้ยังอธิบายเข้า
01:43:43 → 01:43:46 ไปลึกๆลๆๆอันนี้ขั้นกว่านะคนโลคาทั่วไป
01:43:46 → 01:43:48 ยังไม่เข้าใจเลยนะพี่หมอไอพอมาเรื่องก
01:43:49 → 01:43:53 ละเอียดอ่ะกายละเอียดมันไม่เคยมีใครพูด
01:43:53 → 01:43:57 ไงแล้วก็คือเค้าจะไม่พูดทางมิติเดียวอ่ะ
01:43:57 → 01:44:00 นะฮะเพราะว่าร่างกายมันมี 2 ร่างมันมี 2
01:44:00 → 01:44:05 ระบบมันมี 2 2 2 2 2 คู่กันไปนะฮะอืๆ
01:44:05 → 01:44:11 ๆโอติยังมีฮิสเลยนะฮะครับมิิเนี่ยมันเป็น
01:44:11 → 01:44:15 ความท้าทายไงนะแต่ทุกอย่างมันต้องบาลาน
01:44:15 → 01:44:17 อยู่ใน 2 แนวทางเนี้ยคุณจะสมดุลอย่าง
01:44:17 → 01:44:21 เดียวไม่ได้หรอกนะอ่าแล้วเดี๋ยวพอดีคุณไป
01:44:21 → 01:44:23 เจอเหตุการณ์อะไรเสือจะมากินแล้วคุณไม่มี
01:44:23 → 01:44:29 ห้อมมีสิทธิที่จะอ่าอย่างโงนที่คือคุณน่ะ
01:44:29 → 01:44:32 ต้องต้องมีพิษด้วยอ่ะมันถึงมีกฎ 80 20
01:44:32 → 01:44:36 ไงฮะนะอไปกินอะไรต่างงบริสุทธิ์ผุดผ่องไป
01:44:36 → 01:44:38 อย่างเดียวไม่ได้พอไปเจออะไรพิษทีนึงคุณ
01:44:38 → 01:44:43 ก็เดี้ยงเงี้ยเหรอไม่เป็นเออเออก็จริงนะ
01:44:43 → 01:44:46 เออมันก็ต้องมีพิษเข้าไปให้ให้ร่างกายมัน
01:44:46 → 01:44:49 เรียนรู้ว่าเออนี่พิษนะเออแล้วแกก็เรียน
01:44:49 → 01:44:51 รู้ไปสิพิษเนี่ยเนี่ยเป็นอย่างงี้แกก็
01:44:51 → 01:44:54 เป็นโน่นเป็นนี่ไปนิดๆหน่อยๆแล้วแกก็
01:44:54 → 01:44:58 พยายามเอ่อสร้างกลไกมาขับพิษอบาลานซ์พิษ
01:44:58 → 01:45:01 หรือขับพิษหรือสะสมพิษอะไรอย่างงี้ก็อ่าๆ
01:45:01 → 01:45:06 ๆก็ทำไปก็อยู่ไปนะไม่ต้อง 100% ไม่ต้องดี
01:45:06 → 01:45:09 100% ชั่ว 100% น่ะจริงๆมันก็เหมือนหยิน
01:45:09 → 01:45:13 หยางอนะพี่หมอนะก็ประมาณนั้นนะอืๆๆๆอยู่
01:45:13 → 01:45:16 ที่ว่าจะจะให้ขาวมากหรือดำมากเออเราไม่
01:45:16 → 01:45:20 ได้ไปพูดทางมิติเดียวเท่านั้นนะฮะนะนะ
01:45:20 → 01:45:24 แล้วก็ครับอย่างอะไรครับพี่หมอเอ่ออย่าง
01:45:24 → 01:45:27 อะไรฮอร์โมนเนี่ยมันก็ยังมี 2 ฝั่งอ่าอือ
01:45:27 → 01:45:30 ๆๆๆในแต่ละฝั่งน่ะถึงจะเป็นสะสมพลังงานก็
01:45:30 → 01:45:34 เหอะนะอินซูลินกับคอร์ติซอลเองเนี่ยก็ไม่
01:45:34 → 01:45:38 ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งๆที่เ้าก็
01:45:38 → 01:45:43 เป็นสะสมพลังงานนะคือกันนะสมกันไม่ได้
01:45:43 → 01:45:45 เป็นแนวทางเดียวกันคือยังไงเค้าก็ยังมา
01:45:45 → 01:45:50 ต้องมาเคาเตอรแกันไงนะฮะอืก็คืออินซูลิน
01:45:50 → 01:45:54 เนี่ยเเอาน้ำตาลไปเก็บนะแต่คอร์ติซอล
01:45:54 → 01:45:58 เนี่ยเคเอาเคสร้างพลังงานเป็นน้ำตาลออกมา
01:45:58 → 01:46:03 ให้ร่างกายใช้อ๋ออ๋อโอเคทำงานเป็น
01:46:03 → 01:46:06 เป็นโอเคครับไอ้ฝั่งนี้ก็เก็บคอร์ติซอล
01:46:06 → 01:46:09 เนี่ยคอร์ติซอลเค้าก็เก็บสะสมพลังงานได้
01:46:09 → 01:46:13 นะฮะนะอืแล้วคอร์ติซอลสะสมพลังงานนี่สะสม
01:46:13 → 01:46:17 อะไรนะฮะครับเค้าก็สะสมไอ้ตัวไขมันกับ
01:46:17 → 01:46:21 โปรตีนที่ไม่ดีนี่ไงนะฮะนะคือเวลาที่
01:46:21 → 01:46:24 สมมุติว่าอ่าเรากินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
01:46:24 → 01:46:27 เงี้ยนะฮะครับเอาละเราไม่กินข้าวเหนียวอ
01:46:27 → 01:46:30 เรากินหมูโป้งหมูปิ้งอะไรต่างๆนะกินเยอะๆ
01:46:30 → 01:46:35 เลยนะนะเนี่ยมันก็เป็นโปรตีนกับไขมันนะ
01:46:35 → 01:46:38 ที่โดนความร้อนจะจนเกรียมเลยอะไรอย่าง
01:46:38 → 01:46:40 เงี้ยนะฮะครับนะพวกนี้ก็คือทั้งโปรตีน
01:46:40 → 01:46:43 ทั้งไขมันเสียสภาพหมดแล้วนะเพราะฉะนั้น
01:46:43 → 01:46:46 พวกนี้ร่างกายก็จะเกิดความตึงเครียดน่ะมี
01:46:46 → 01:46:50 คอร์ติซอลออกมานะคือหมูหรือการปิ้งการโดน
01:46:50 → 01:46:52 ความร้อนกันอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยก็ไม่ได้
01:46:52 → 01:46:55 กระตุ้นอินซูลินมากนักหรอกนะแต่ว่ามันจะ
01:46:55 → 01:46:59 กระตุ้นคอร์ติซอลมาก่อนอืแล้วคอร์ติซอลก็
01:46:59 → 01:47:02 เฮ้ยจะจัดการยังไงกับของไม่ๆเกรียมๆของ
01:47:02 → 01:47:08 ไม่ดีพวกเนี้ยนะฮะครับนี่แหละนะมันอาจจะ
01:47:08 → 01:47:11 ต้องยังอยู่ในรูปของความเป็นไขมันเ่ะนะ
01:47:11 → 01:47:14 ที่ไม่ดีอ่ะเป็นไขมันอิ่มตัวที่ไม่ดีค่อน
01:47:14 → 01:47:17 ข้างมากนะเ่าเสร็จแล้วเนี่ยคอร์ติซอลเบอก
01:47:17 → 01:47:21 ให้อินซูลินน่ะเอาไปสะสม
01:47:21 → 01:47:24 คือทั้งคอร์ติซอลกับอินซูลินเก็ทำงานร่วม
01:47:24 → 01:47:27 กันว่าเออใช้ไม่ได้หรอกเพราะว่าไขมันอิ่ม
01:47:27 → 01:47:30 ตัวเนี่ยยมันโดนความร้อนะจนแบบเสียสภาพ
01:47:30 → 01:47:33 เสียโครงสร้างกลายเป็นทานแฟตหมดแล้วนะอือ
01:47:33 → 01:47:37 ๆเอาไปเก็บเหอะนะเก็บๆไว้ก่อนเพราะว่าไม่
01:47:37 → 01:47:39 รู้ว่าตอนเจะเกิดปฏิกิริยาดีท็อกซิฟาย
01:47:40 → 01:47:43 ทำลายมันแล้วขับออกเป็นยังไงนะยังหาไอ้
01:47:43 → 01:47:47 กลไกหาตัวแคตตาลหาเอนไซม์หาสารอะไรต่างๆ
01:47:47 → 01:47:50 อ่ามาไม่ได้เก็บไว้ก่อนเก็บไว้ก่อนนะอือ
01:47:50 → 01:47:55 ก็เอาไปเก็บเป็น viser Fat อืๆๆๆหรือ
01:47:55 → 01:47:58 โปรตีนที่เสียสภาพพวกเนี้ยนะนะก็อาจจะถูก
01:47:58 → 01:48:02 เปลี่ยนเอ่ออาจจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหรือ
01:48:02 → 01:48:04 เปลี่ยนเป็นไขมันที่ไม่ดีอะไรอย่างเงี้ย
01:48:04 → 01:48:07 ครับครับเนี่ยอันนี้ก็คือคอร์ติซอลเนี่ย
01:48:08 → 01:48:11 เขาก็มีบทบาทในทางการสะสม
01:48:11 → 01:48:15 ด้วยก็คือคอร์ติซอลมัน 2 แนวทางอยู่แล้ว
01:48:15 → 01:48:19 อันนี้เคยไลฟไปหรือยอ่าแล้วก็เมื่อวันวัน
01:48:19 → 01:48:21 นี้ผมเพิ่งคิดเขียนเรื่องเี่ยกับไขมัน
01:48:21 → 01:48:23 อิ่มตัวครับพี่หมอวันนี้มาฟังเรื่อง
01:48:23 → 01:48:26 เรื่องของไขมันไม่อิ่มตัวที่มันถ่าไอ้ที่
01:48:26 → 01:48:29 มันเทิร์นมาเป็นไขมันอิ่มตัวได้นะครับอืไ
01:48:29 → 01:48:32 ไอ้นี่ก็เป็นเหตุผลนึงหรือเปล่าที่หมอ
01:48:32 → 01:48:35 ทั่วไปเขาถึงแบบว่าให้เลี่ยงไขมันอิ่มตัว
01:48:35 → 01:48:37 เพราะว่าเามองว่ามันไม่จำเป็นหรรือเปล่า
01:48:37 → 01:48:39 เพราะว่ายังไงมันก็ถูกเทิร์นมาจากไขมัน
01:48:39 → 01:48:42 ไม่อิ่มตัวได้อะไรอย่างเงี้ยครับอันนี้ก็
01:48:42 → 01:48:46 มีคนคิดน้อยไม่เยอะหรอกนะเขาไม่ได้คิดถึง
01:48:46 → 01:48:49 ขั้นนี้ฮะเขาไม่ได้คิดถึงขั้นนี้นะฮะเหรอ
01:48:49 → 01:48:53 ครับอ๋อคือเเแค่ให้เลี่ยงไปเลยอย่างงี้
01:48:53 → 01:48:57 ใช่ั้เคให้เลี่ยงตัวเนี่ยเพราะว่าเพราะ
01:48:57 → 01:48:59 ว่าส่วนนึงของไขิมตัวคือการนำไปสร้าง
01:48:59 → 01:49:02 คอเลสเตอรอล
01:49:02 → 01:49:08 อ๋อครับผมคือคือคือตับเนี่ยนะเวลาที่ไข
01:49:08 → 01:49:11 มันอิ่มตัวเนี่ยนะจะดีหรือไม่ดีอะไรก็ตาม
01:49:11 → 01:49:16 นะไปที่ตับแล้วเนี่ยนะตับเนี่ยจะจะ
01:49:16 → 01:49:18 เปลี่ยนแปลงไอ้ตัวไขมันอิ่มตัวชนิดเนี้ย
01:49:18 → 01:49:20 เป็นคอเลสเตอรอล
01:49:20 → 01:49:24 เป็นนะถ้าเป็นไขมันอิ่มตัวนะที่ตับ
01:49:24 → 01:49:27 แพ็คเกจมาจากคาร์โบไฮเดรตและมีอินซูลิน
01:49:27 → 01:49:31 อยู่นะเขาก็จะเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลที่
01:49:31 → 01:49:34 เป็น type B นะเป็น ldl type B ในที่
01:49:34 → 01:49:38 สุดเป็นคอเลสเตอรอลไม่ดีนะฮะแต่ถ้าเป็นไข
01:49:38 → 01:49:43 มันอิ่มตัวเอ่อที่ดีที่ดีอ่าเป็น mct
01:49:43 → 01:49:46 เป็นน้ำมันมะพร้าสกัดเย็นเป็นเ่อน้ำมัน
01:49:46 → 01:49:49 ปาล์มที่สกัดเย็นอะไรต่างๆเนี่ยหรือเป็น
01:49:49 → 01:49:54 กะทิเป็นเนยเป็นกีอะไรต่างๆเนี่ยนะอ่าถ้า
01:49:54 → 01:49:56 เป็นเป็นแบบเนี้ยเป็นแบบที่ดีพวกเนี้ยนะ
01:49:56 → 01:50:01 เออเาก็เขาก็จะเอาไปสร้างเป็นเป็น
01:50:01 → 01:50:03 คอเลสเตอรอล type
01:50:03 → 01:50:06 a
01:50:06 → 01:50:09 อ๋อคือตับเนี่ยมันจะต้องมีการสร้าง
01:50:09 → 01:50:14 คอเลสเตอรอลด้วยนะอยู่ในช่วงอ่า
01:50:14 → 01:50:19 ประมาณ15ถ 40% นะฮะ
01:50:19 → 01:50:24 อ๋อ 5-40 per อือๆเพราะว่าหมอหมอทั่วไปเ
01:50:24 → 01:50:28 ยังมีเยังกลัวคอเลสเตอรอลอยู่อ่ะนะครับอื
01:50:28 → 01:50:30 ทุกอย่างเลยก็อะไรที่ทำให้เกิด
01:50:30 → 01:50:33 คอเลสเตอรอลนี่กูให้เลี่ยงให้หมดคือทฤษฎี
01:50:33 → 01:50:37 เก่าอ่ะที่พูดถึงการเป็นคอเลสเตอรอลจากไข
01:50:37 → 01:50:40 มันอิ่มตัวอะไรต่างๆเนี่ยมันค่อนข้างตื้น
01:50:40 → 01:50:45 เกินไปนะมันไม่อธิบายรายละเอียดอะไรลงลึก
01:50:45 → 01:50:50 ไปหรอกคือเราก็ต้องไปของเราแล้วล่ะเรารอ
01:50:50 → 01:50:54 ใครไม่ได้แล้วล่ะนะเคจะเรียกก็เหอะนะ
01:50:54 → 01:50:57 ก็ขอขอมุ่ง
01:50:57 → 01:51:02 หน้าสู่จุดหมายปลายทางก่อนนะต้องบอกคนคน
01:51:02 → 01:51:05 ฟังคนฟังด้วยว่าแบบข้อมูลพวกนี้มันมันต่อ
01:51:05 → 01:51:08 ยอดมาแล้วนะมันเชิงลึกะเออมันมันไม่ได้
01:51:09 → 01:51:12 แบบว่าไทำยังไงงที่พี่หมอบอกอ่ะนะเออไอ้
01:51:12 → 01:51:16 นี่กินได้หรือว่าขณะฟาสติ้งนี่กินอะไรได้
01:51:16 → 01:51:16 บ้าง
01:51:16 → 01:51:18 [เสียงหัวเราะ]
01:51:18 → 01:51:23 เงี้ยพี่หมอแล้วอเรื่องน้ำมันพืชขเย็นนะ
01:51:23 → 01:51:27 ครับอ่าฮหมอจะขอสรุปเรื่องไขมันก่อนนะฮะ
01:51:27 → 01:51:31 ้อนกลับไปดูเลคเชอร์สรุปนิดเดียวนะฮะว่า
01:51:31 → 01:51:36 ว่าเอ่อกิน ow C High Fat แล้วแล้วจะ
01:51:36 → 01:51:40 ต้องกินไขมันให้ถูกให้เป็นเนี่ยนะเอ่อ
01:51:40 → 01:51:44 คุณสมบัติของไขมันนั้นเนี่ยมันจะต้องมี
01:51:44 → 01:51:49 อะไรบ้างอันนี้สรุปนะนะซึ่งถ้าถ้าเป็นไข
01:51:49 → 01:51:54 มันที่ดีนะที่กินที่ถูกต้องและกินเป็นใน
01:51:54 → 01:51:57 ในรูปแบบที่เราพูดๆคุยๆกันมาตั้งหลายไลย
01:51:57 → 01:52:01 แล้วเนี่ยนะครับคุณก็จะได้นะการเผาผลาญ
01:52:01 → 01:52:06 พลังงานไขมันนะที่จะได้สารคีโตนและได้
01:52:06 → 01:52:10 คอเลสเตอรอลนะที่อยู่ในเรือ ldl ที่เป็น
01:52:10 → 01:52:15 type a นะฮะ type a นะแล้วคุณก็จะได้
01:52:15 → 01:52:18 คีโตนเหนืออื่นใดคือคุณจะได้คีโตนนะครับ
01:52:19 → 01:52:20 นะ
01:52:20 → 01:52:24 แล้วทั้งคีโตนทั้งคอเลสเตอรอลเนี่ยนะร่าง
01:52:24 → 01:52:29 กายจะเอาไปในการไปปรับอ่าความผิดปกติใน
01:52:29 → 01:52:33 ระบบพลังงานนะครับหรือระบบเมตาบอลิกของ
01:52:33 → 01:52:37 คุณเนี่ยที่ว่าคุณอ้วนเกินไปอักเสบมากไป
01:52:37 → 01:52:42 ค่าแลบไม่ดีเอ่อเป็นโรคนู่นโรคนี่ ncd
01:52:42 → 01:52:46 ต่างๆและแพ็คเกจของมันอะไรอย่างเงี้ยนะอื
01:52:46 → 01:52:50 อันนี้นะฮะนะทีนี้คุณสมบัติของไขมันที่
01:52:50 → 01:52:54 ว่าเนี่ย 1 1 ต้องเป็นไขมันดีนะ 1 ต้อง
01:52:54 → 01:52:59 เป็นไขมันดีนะข้อย่อยของไขมันดีก็คือนะฮะ
01:52:59 → 01:53:02 ให้ดูที่เรื่องของเอ่อความร้อนกับ
01:53:02 → 01:53:07 อุณหภูมิที่ดีนะในการปรุงไขมันนั้นนะฮะ
01:53:07 → 01:53:12 ครับอันที่ 2 แหล่งที่มาต้องเป็นไขมันจาก
01:53:12 → 01:53:16 พืชมากกว่าสัตว์เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงาน
01:53:16 → 01:53:21 นะฮะนะก็ต้องพืชถึง 80% น่ะนะฮะครับเพื่อ
01:53:21 → 01:53:25 นำมาใช้เป็นพลังงานนะฮะนะเป็นพลังงานหลัก
01:53:25 → 01:53:27 ในมื้อแรกะนะอันที่ 2 นี่แหลงที่มาอันที่
01:53:27 → 01:53:32 3 คือสัดส่วนของไขมันเนี่ยนะฮะนะต้องมี
01:53:32 → 01:53:37 เรื่องของโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 ที่ที่
01:53:37 → 01:53:41 บาานน่ะนะที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนะฮะก็คือ 1
01:53:41 → 01:53:46 ต1ถึงไม่เกิน 1:10 นะฮะครับนะนะเนี่ยเอัน
01:53:46 → 01:53:49 นี้ถึงจะเรียกว่าเป็น Good Healthy Fat
01:53:49 → 01:53:54 นะนะฮะนะทีนี้อันต่อมาอันที่ 2 ก็คือสัด
01:53:54 → 01:53:58 ส่วนของไขมันนะที่ถูกต้องเนี่ยนะฮะจะต้อง
01:53:58 → 01:54:05 เป็นอิ่มเดี่ยวซ้อน 30 50 อ่า 20 นะ
01:54:05 → 01:54:10 นะอันนี้ตามอะไรก็ตามสภาพธรรมชาติของร่าง
01:54:10 → 01:54:16 กายในการสะสมไขมันของเซลล์นะซึ่งจะเป็น
01:54:16 → 01:54:20 ลักษณะเซลล์สะสมไขมันนะที่ดีที่สุดที่
01:54:20 → 01:54:24 Healthy ที่สุดน่ะนะฮะนะมันจะต้องเป็น
01:54:24 → 01:54:29 แบบนี้ออิ่มเดี่ยวซ้อนนะโดยมีไขมันอิ่ม
01:54:30 → 01:54:32 ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยนะฮะมากที่สุด
01:54:32 → 01:54:38 เพราะร่างกายชอบไขมันชนิดนี้มากที่สุดนะ
01:54:38 → 01:54:42 แต่ไขมันที่เอาไปปฏิบัติงานนะคือไขมัน
01:54:42 → 01:54:48 อิ่มตัวอิ่มตัวนะอืๆๆๆๆแล้ว
01:54:48 → 01:54:50 ก็
01:54:50 → 01:54:54 มีข้อยกเว้นว่าในระยะแรกๆเนี่ยเราอาจจะ
01:54:54 → 01:54:58 เพิ่มปริมาณไขมันอิ่มตัวในรูปแบบของ
01:54:59 → 01:55:03 medium Chin ไกิลหรือ mct Oil นะอัพ
01:55:03 → 01:55:07 ขึ้นไปจนถึง 50% โดยลดไอ้ตัวไม่ตัวเชิง
01:55:07 → 01:55:11 เดี่ยวลงเหลือ 30 นะฮะครับเพื่อเพื่อที่
01:55:11 → 01:55:15 จะเค้าเรียก Activate ตับเนี่ยอ่าให้
01:55:15 → 01:55:19 สร้างคีโตนและให้สมองได้ใช้คีโตนเป็นพลัง
01:55:19 → 01:55:22 งานอ่าในการปรับตัวของร่างกายช่วงแรกของ
01:55:22 → 01:55:27 การกิน ow C High Fat นะฮะและสุดท้าย
01:55:27 → 01:55:31 ไขมันที่ว่าในการกินแบบโลคไ Fat ต้องมี
01:55:31 → 01:55:36 ตัวกระตุ้นนะโดยแอชการเผาผลาพลังงานของไข
01:55:36 → 01:55:39 มันที่ว่าเนี้ยอยู่ที่ตับเป็นส่วนใหญ่
01:55:39 → 01:55:42 เพราะฉะนั้นตัวกระตุ้นเนี้ยจะต้องเป็นพืช
01:55:42 → 01:55:48 ผักหรือประเภทเฮิบนะฮะนะครับที่มันมีตัว
01:55:48 → 01:55:52 ที่ช่วยการทำงานของตับหรือเอนไซม์ของตับ
01:55:52 → 01:55:55 เนี่ยนะในการออกฤทธิ์เรื่องการเผาผลาญ
01:55:55 → 01:55:59 พลังงานอันนี้คือข้อสรุปของไขมันในการกิน
01:55:59 → 01:56:04 แบบ ow C High Fat ครับคำถามก็คือคุณ
01:56:04 → 01:56:10 กิน ow C คุณกินโปรตีนและคุณกินไขมันดี
01:56:10 → 01:56:14 ที่ว่าเนี่ยถูกต้องแบบนี้หรือเปล่าล่ะถ้า
01:56:14 → 01:56:18 ถูกต้องแบบนี้เนี่ยนะร่างกายก็จะ
01:56:18 → 01:56:23 อ่าเป็น Fat เบอร์เนอร์ที่ดีมีภาวะ
01:56:23 → 01:56:29 คีโตซีสมีคีโตนนะอ่าแล้วก็มีการที่จะ
01:56:29 → 01:56:33 เปลี่ยนแปลงปัญหาต่างๆทางบ้านทางด้าน
01:56:33 → 01:56:38 เมตาบอลิกของคุณอ่าได้อย่างดีในระยะยาวๆ
01:56:38 → 01:56:43 รวมทั้งคุณจะมีชีวิตที่สุขสงบสบายนะยาวๆ
01:56:43 → 01:56:48 ไปตลอด
01:56:48 → 01:56:52 อืมอันนี้ก็หมดเลคเชอร์แล้ว
01:56:52 → 01:56:54 อ๋ออ๋อเพิ่งหมดใช่มั้ย
01:56:54 → 01:56:59 ครับอ่ะมันเมื่อกี้ที่ที่ผมจะถามอ่ะครับ
01:56:59 → 01:57:04 พี่หมออก็คือว่าทำไมเราเราต้องกินในรูป
01:57:04 → 01:57:07 แบบน้ำมันสกัดเย็นเราเราทำไมต้องเราต้อง
01:57:07 → 01:57:10 กินจากพืชทำไมกินจากสัตว์ได้มยในสัตว์
01:57:10 → 01:57:14 ส่วนนี้อืแล้วถ้ากินจากพืชเนี่ยไอ้ๆ
01:57:14 → 01:57:15 ไฟโตสเตอรอล
01:57:15 → 01:57:21 มีผลอะไรมยอะไรอย่างเงี้ยครับออ
01:57:21 → 01:57:26 คือเหตุผลเนี่ยพลังงานของคนเราเนี่ยต้อง
01:57:26 → 01:57:30 พึ่งพลังงานอ่าหลักนะในรูปแบบของไขมันที่
01:57:30 → 01:57:35 มาจากพืชนะฮะเพราะว่าพืชเนี่ยเวลาเอามา
01:57:35 → 01:57:37 แปลง
01:57:37 → 01:57:41 เป็นเป็นไขมันดีเนี่ยมามันมันทำได้ง่าย
01:57:41 → 01:57:45 กว่าสัตว์นะแล้วตัวพืชเมันมีปริมาณเยอะ
01:57:45 → 01:57:49 กว่าอแล้วก็คุณสมบัติเด่นเลยเนี่ยของการ
01:57:49 → 01:57:52 ที่ที่จะต้องเป็นไขมันจากพืชเนี่ยก็เพราะ
01:57:52 → 01:57:56 ว่ามีสารพฤกษาเคมีซึ่งในสัตว์ไม่มีนะครับ
01:57:56 → 01:58:01 แล้วคุณจะมาทำให้มันเข้มข้นขนาดไหนก็ได้
01:58:01 → 01:58:06 นะฮะนะก็คือไอ้ตัวไอ้น้ำมันสกัดเย็นเนี่ย
01:58:06 → 01:58:10 มันจะมีความเข้มข้นของไขมันมันจะมีความ
01:58:10 → 01:58:13 เข้มข้นของสารพฤกษาเคมีซึ่งเราเทียบเท่า
01:58:13 → 01:58:18 กับยาแล้วคุณก็แบ่งมาในสัดส่วนที่ไม่ได้
01:58:18 → 01:58:22 เยอะนะเพื่อเอามาใส่เข้าไปในร่างกายของ
01:58:22 → 01:58:26 คุณนะเพื่อจะได้เป็นพลังงานและเป็นยาใน
01:58:26 → 01:58:30 การดูแลรักษาตัวคุณนะฮะครับแต่วิธีการใส่
01:58:30 → 01:58:33 คุณก็จะต้องไปทำเป็นในรูปของอาหารแล้วใส่
01:58:33 → 01:58:39 เข้าไปไม่ได้กรอกๆๆนะใส่เข้าไปงับๆๆนะอ่า
01:58:39 → 01:58:43 ใส่เข้าไปไม่ได้นะฮะนะครับๆคุณก็ต้องเอา
01:58:43 → 01:58:46 เค้าอ่ะไปอยู่ในรูปแบบของอาหารเี่ที่จะตี
01:58:46 → 01:58:50 เค้าอ่ะนะให้อยู่ในโมเลกุลหรือในส่วนที่
01:58:50 → 01:58:56 เป็นมิกตัวมิกของอาหารเหล่านั้นเลยนะฮะ
01:58:56 → 01:59:00 ซึ่งเราก็มีวิธีการทำที่เคยแนะนำไปนะพอ
01:59:00 → 01:59:02 มันอยู่ในอาหารแล้วเนี่ยเ่อคุณก็จะกินได้
01:59:02 → 01:59:06 สะดวกนะฮะนะเพราะถ้าเขาอยู่ในรูปแบบของ
01:59:06 → 01:59:09 อาหารเนี่ยเขาคืออาหารก็เหมือนคุณกิน
01:59:09 → 01:59:14 อาหารที่มีที่มีไขมันสูงสุดตามเกณฑ์ที่
01:59:14 → 01:59:18 คุณต้องการเนี่ยนะฮะทีนี้ถ้าเกิดถามว่า
01:59:18 → 01:59:23 เฮ้ยแล้วไม่กินพืชอ่ะเออจะกินโปรตีนสัตว์
01:59:23 → 01:59:26 แล้วมีไขมันอิ่มเดี่ยวซ้อนในสัตว์เนี่ย
01:59:26 → 01:59:34 ครับเอ่อได้มยได้มเหรอนะก็ได้ก็ได้แต่คุณ
01:59:34 → 01:59:38 จะไม่ได้บรรลุวัตถุประสงค์แบบที่หมอแจ้ง
01:59:38 → 01:59:42 ไปตั้งแต่เมื่อกี้เนี้ยเพราะอะไรเพราะว่า
01:59:42 → 01:59:46 1 ในไขมันสัตว์เนี่ยนะฮะในไขมันสัตว์
01:59:46 → 01:59:50 เนี่ยเราจะเอามาแยกเเป็นตัวตัวๆนะเหมือน
01:59:50 → 01:59:54 กับไขมันพืชน่ะไม่ได้อนะคุณจะเอาหมูเอา
01:59:54 → 01:59:58 ไก่เอาวัวอะไรต่างๆแล้วคุณก็จะมาแยกเป็น
01:59:58 → 02:00:02 แบบอิ่มตัวนะเอ่อไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวไม่
02:00:02 → 02:00:04 อิ่มตัวเชิงซ้อนอะไรอย่างเงี้ยนะฮะเออ
02:00:04 → 02:00:08 นั่นสินั่นสิอันนี้มันมันแยกได้มั้ยแยก
02:00:08 → 02:00:12 ได้แต่มันยากมันยากนะฮะมันยากอืแล้วอัน
02:00:12 → 02:00:15 ที่ 2 ก็คือ
02:00:15 → 02:00:19 เอ่อคือมันไม่มีสารพฤกษาเคมี
02:00:19 → 02:00:24 นะฮะมันไม่มียาเมันไม่มียานะถ้าจะแยกเ้า
02:00:24 → 02:00:26 ออกมาเป็นน้ำมันหมูน้ำมันหนังไก่มันก็
02:00:26 → 02:00:31 เป็นเพียวเพียวแฟตเนี่ยนะก็เพียวแฟตทั้ง
02:00:31 → 02:00:34 นั้นน่ะนะฮะแล้วก็ไขมันจากสัตว์เนี่ยเวลา
02:00:34 → 02:00:37 เราจะแยกเข้ามาเราต้องใช้ความร้อนนะซึ่ง
02:00:37 → 02:00:40 มักจะต้องเป็นความร้อนที่เกินจุดเดือด
02:00:40 → 02:00:46 หรือเกินจุดเกิดวันนะฮะนะซึ่งน้ำมันนะ
02:00:46 → 02:00:49 เหล่านั้นน่ะที่ได้มันเสียสภาพหมดแล้วมัน
02:00:50 → 02:00:53 กลายเป็นทราน Fat หมดแล้วแล้วทราน Fat
02:00:53 → 02:00:57 เขาก็จะไปกระตุ้นคอร์ติซอลกับอินซูลินฮ
02:00:57 → 02:00:59 เพียงเพียงแต่ว่าจะเป็นซาแฟตมากน้อยเท่า
02:00:59 → 02:01:02 ไหร่ใช่มยฮะใช่คือถ้าโดนความร้อนนี่ยังไง
02:01:02 → 02:01:06 มันเปลี่ยนสภาพอยู่แล้วใช่มมครับใช่นะ
02:01:06 → 02:01:10 อ๋อมันพี่หมอมันไม่มีน้ำมันหมูสกัดเย็น
02:01:10 → 02:01:12 ขายเหรอไม่
02:01:12 → 02:01:16 มีมันก็ยังทำไม่ได้อาจจะมีก็ลองหาใครมาทำ
02:01:16 → 02:01:18 ดู
02:01:18 → 02:01:19 หน่อย
02:01:19 → 02:01:23 เออคือสัตว์เนี่ยที่เขไปสกัดเย็นเนี่ยก็
02:01:23 → 02:01:27 คือเเอานมไงฮะแล้วก็ไปทำเป็นบัตเตอร์แล้ว
02:01:27 → 02:01:32 ก็ไปทำเป็นกีไงฮะเนยใสอนะอ๋ออันนี้สกัด
02:01:32 → 02:01:36 เย็นได้สกัดจากนมเออสกัดน้ำมันไขมันสัตว์
02:01:36 → 02:01:38 ที่มาสกัดเย็นเนี่ยเา้าก็ยังทำในรูปของ
02:01:38 → 02:01:43 บัตเตอร์กับกีซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนใน
02:01:43 → 02:01:47 เขตอบอุ่นนะฮะอือันนี้ถือเป็นน้ำมันสัตว์
02:01:47 → 02:01:51 สกัดเย็นนะฮะนะอืเพราะว่าอุณหภูมิเนี่ย
02:01:51 → 02:01:54 ที่เมาทำพวกเนี้ยส่วนใหญ่ไม่เกิน 65 องศา
02:01:54 → 02:01:59 นะฮะครับนะแต่มันทำเป็นแบบอุตสาหกรรมนัก
02:02:00 → 02:02:03 ไม่ได้นะเพราะถ้าอุตสาหกรรมเนี่ยเค้าต้อง
02:02:03 → 02:02:08 เต้องการเยอะๆนะเคต้องการเยอะๆนะอือๆ
02:02:08 → 02:02:10 อย่างถั่วเหลืองอ่ะเมล็ดพืชอะไรอย่าง
02:02:10 → 02:02:13 เงี้ยนะครับเวลาไปเข้าระบบอุตสาหกรรม
02:02:13 → 02:02:16 เนี่ยนะแล้วเอามาขายขวดละ 70 บาทอย่า
02:02:16 → 02:02:19 เงี้ยครับคุณเอาเงิน 70 บาทไปซื้อถั่ว
02:02:19 → 02:02:21 เหลืองมา 70 บาทแล้วคุณเอาถั่วเหลือง 70
02:02:21 → 02:02:24 บาทเนี่ยมากลั่นเป็นน้ำมันซิมันจะได้ถึง
02:02:24 → 02:02:29 ช้อนโต๊ะนึงนะมอืมไม่ถึงหรอกนะแล้วทำไมมา
02:02:29 → 02:02:33 ขายคุณตั้งขวดนึงตั้งลิตรนึงหรือ 94 ซีซี
02:02:33 → 02:02:37 อ่ะออ่าๆมันก็มีแต่ความร้อนมีแต่สารเคมี
02:02:37 → 02:02:42 มีแต่ขบวนการผลิตอย่างแยบยนต์นั่นแหละนะอ
02:02:42 → 02:02:45 อืมันไม่ปาณีปาใสัหรอกสิ่งเหล่านั้นมัน
02:02:45 → 02:02:50 ขยายตัวได้มันกลั่นมันอะไรต่างๆนะเคก็
02:02:50 → 02:02:53 เค้าก็ต้องการเงินนั่นแหละนะเราก็ไม่ไป
02:02:53 → 02:02:59 ยุ่งกับเค้าเอเไม่ยุ่งนานแล้วครับพี่หมอ
02:03:00 → 02:03:05 เออคือจากสัตว์เนี่ยมันก็ได้แต่มันมันได้
02:03:05 → 02:03:08 ไม่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอ่ะมันได้ไม่มี
02:03:08 → 02:03:12 ประสิทธิภาพนักล่ะฮะนะ
02:03:12 → 02:03:15 อืใช่พี่หมอเคยบอกว่าถ้ากินอาหารเป็นยา
02:03:15 → 02:03:19 เนี่ยยาก็ต้องมีโดสใช่มั้ยใช่ไม่ใช่ว่า
02:03:19 → 02:03:22 สักแต่ว่ากินนแล้วใช่แล้วถ้าถ้าบอกว่า
02:03:22 → 02:03:24 อิ่นเดี่ยวซ้อนในในในสัดส่วนเท่านี้เท่า
02:03:24 → 02:03:29 นี้เนี่ยถ้ากินจากอาหารที่เป็นอาหารเร
02:03:29 → 02:03:32 Food ทั่วไปอย่างเงี้ยมันคำนวณโดสยากใช่
02:03:32 → 02:03:36 มั้ยครับอืส่วนมากจะขาดนะผมว่าเพราะว่า
02:03:36 → 02:03:38 โอกาสไอมันอิ่มตัวนะไม่ค่อยขาดหรอกแต่ว่า
02:03:38 → 02:03:41 ไอ้เดี่ยวกว่าซ้อนนี่
02:03:41 → 02:03:45 สิทีนี้อีกเรื่องนึงเนี่ยเวลาที่เรากิน
02:03:45 → 02:03:48 เอ่ออยู่ในรูปของความเป็นเนื้อสัตว์เนี่ย
02:03:48 → 02:03:50 เราแล้วเราจะไปปรุงแต่งยังไงให้สุกอ่ะจะ
02:03:50 → 02:03:55 ต้องุ่งลวกอบทอดผัดอะไรก็ตามนะฮะนะถึงเขา
02:03:55 → 02:03:59 จะมีความเป็นน้ำมันออกมานะหรือเป็นอาหาร
02:03:59 → 02:04:02 ที่มีความมันๆอยู่อ่ะสิ่งเหล่านั้นร่าง
02:04:02 → 02:04:06 กายอ่ะหรือกายหยาบเนี่ยเายังนับว่ามันคือ
02:04:06 → 02:04:11 โปรตีนนะฮะเพราะฉะนั้นเมื่อกายหยาบเนี่ย
02:04:11 → 02:04:14 นับสิ่งเหล่านี้เ้าไม่ได้นับเป็นแฟตโดย
02:04:14 → 02:04:17 ตรงเนี่ยนะถ้าเค้ายังนับเป็นโปรตีนอยู่
02:04:17 → 02:04:20 แต่ว่ามันเป็นโปรตีนที่อยู่ในรูปของเ่อ
02:04:20 → 02:04:23 ความเป็นของแข็งหรือของเหลวอะไรปนกันอะไร
02:04:23 → 02:04:25 อย่างเงี้ยนะฮะการตอบสนองของความเป็น
02:04:25 → 02:04:28 โปรตีนเนี่ยนะสมมุติถ้าเขาจะกระตุ้น
02:04:28 → 02:04:32 อินซูลินเนี่ยนะอินซูลินก็ออกมา 3-5 เท่า
02:04:32 → 02:04:37 ฮะนะอส่วนใหญ่จะไม่ 3 เท่าด้วยอนะฮะเพราะ
02:04:37 → 02:04:40 ว่าเขาแปลรูปไปแล้วด้วยจากความร้อนเนี่ย
02:04:40 → 02:04:43 นะมันก็จะเกิน 5 เท่าขึ้นไป
02:04:43 → 02:04:47 อีกอือื
02:04:47 → 02:04:53 ๆอืมันต้องดูรายละเอียดเชิงลึกให้ออกพอ
02:04:53 → 02:04:55 ประมาณพอ
02:04:55 → 02:04:57 ประมาณ
02:04:57 → 02:05:04 อืก็อืหลายคนก็ฟังไปฟังมาแล้วก็ก็คือมัน
02:05:04 → 02:05:09 เหมือนอยู่ยากยุ่งยากอ่าๆๆๆ
02:05:09 → 02:05:13 เออต้องคิด
02:05:13 → 02:05:16 ลึกแต่ว่าเราทำจริงๆมันก็ไม่ได้ยากนะพี่
02:05:16 → 02:05:22 หมอคือถ้าเรายอมทนนะยอมทำความเข้าใจยอม
02:05:22 → 02:05:26 ช้าๆเพื่อให้ได้รายละเอียดที่เป็นตัวของ
02:05:26 → 02:05:29 ตัวเราน่ะแล้วเราก็ทำสิ่งเนี้ยไปใช้ได้
02:05:29 → 02:05:34 ระยะยาวไปเลยฮออืๆ
02:05:34 → 02:05:37 ๆอย่างน้ำมันก็กินกินกินให้ถูกกินในรูป
02:05:37 → 02:05:40 แบบอาหารเนี่ยไม่ใช่กรอกเหมือนแต่เดิมอะ
02:05:40 → 02:05:45 นะครับอือมันก็ไม่ได้ยากอะไรผสมผสมคุกๆๆๆ
02:05:45 → 02:05:47 กินจบอื
02:05:47 → 02:05:53 อืมคือคนหัววัยใจสู้เนี่ยนะมันพอมันได้
02:05:53 → 02:05:56 แล้วมันก็ได้เลยแล้วมันก็ไปโลดเลยแล้วก็เ
02:05:56 → 02:06:01 บอกกูไปต่อไม่รอแล้วนะ
02:06:01 → 02:06:04 เออมันจะเริ่มคุยกับคนไม่รู้เรื่องดีพี่
02:06:04 → 02:06:08 หมอประมาณนั้น
02:06:08 → 02:06:12 แหละอืๆๆเรื่องฮอร์โมนแค่เรื่องฮอร์โมน
02:06:12 → 02:06:15 นี่ก็คุยยากละแค่แค่คติซอกับอินซูลินนี่
02:06:15 → 02:06:18 ก็ซับซ้อนแล้วนะพี่หมอเพราะฉะนั้นวันนี้
02:06:18 → 02:06:22 เนี่ยก็เลยอยากจะให้ทำความเข้าใจในเรื่อง
02:06:22 → 02:06:26 ของอินซูลินนะใน 8 หัวข้อนะฮะส่วนใน
02:06:26 → 02:06:29 เรื่องของพลังงานเนี่ยนะอันเนี้ย
02:06:30 → 02:06:33 ก็อยากให้ฟังให้ดีๆ
02:06:33 → 02:06:38 อ่าอืเมีรายละเอียดอยู่นะฮะนะเพราะว่า
02:06:38 → 02:06:45 อาหารจะว่าง่ายก็ง่ายยากก็ยากนะอืเพราะ
02:06:45 → 02:06:49 ว่าเกหอยังแยกแยะอาหารไม่ได้ที่ที่เรื่อง
02:06:49 → 02:06:52 ไฟโตสเตอรอลอ่ะครับพี่หมอมันมันมีอยู่ใน
02:06:52 → 02:06:56 น้ำมันพวกนี้ด้วยใช่มั้ยครับมีฮะนะในพืช
02:06:56 → 02:07:01 เนี่ยในพืชนะถึงแม้จะเป็นรูปของเพียวออย
02:07:01 → 02:07:05 เพียวแฟตนะแต่ว่าองค์ประกอบเนี่ยเขาคก็
02:07:05 → 02:07:11 ยังมีตัวไสตออยู่นะฮะอือ
02:07:11 → 02:07:15 ฮึแต่ไฟซอลเนี่ยร่างกายเรา
02:07:15 → 02:07:21 ก็มันคือไอ้ตัวเทรซเนี่ยนะเขาก็จะมีตัว
02:07:21 → 02:07:26 อ่าตัวตัวโปรตีนที่จะควบคุมการเข้าออกเขา
02:07:26 → 02:07:29 อยู่แล้วอ่ะคือมนุษย์เป็นสัตว์เนี่ยนะฮะ
02:07:29 → 02:07:32 เพราะฉะนั้นไอ้ตัวคอเลสเตอรอลจากพืชอะไร
02:07:32 → 02:07:36 ต่างๆเนี่ยก็จะถูกเบรกถูกควบคุมอยู่แล้ว
02:07:36 → 02:07:40 นะมันมันเข้ายากอยู่หรือเข้าไปเดี๋ยวมัน
02:07:40 → 02:07:41 ก็ถูกผลัก
02:07:41 → 02:07:47 ออกอืๆเมันก็จะไม่ค่อยมีความหมายนักนะแต่
02:07:47 → 02:07:49 แล้วที่เราต้องการจรงคือพรึกษาเคมีข้างใน
02:07:49 → 02:07:53 ใช่มั้ยครับใช่ยายามันคือยาใช่มั้ยคุณหมอ
02:07:53 → 02:07:57 เออที่สำคัญก็คือเราต้องการพลังงานนะที่
02:07:57 → 02:08:01 เขาจะไปเปลี่ยนเป็นคีโตนนะฮะนะออืๆแล้ว
02:08:01 → 02:08:05 พลังงานเนี่ยนะเนี่ยที่จะไปถูกเปลี่ยน
02:08:05 → 02:08:11 เป็นคีโตนเนี่ยนะฮะก็คือตัวไขมันอิ่มตัว
02:08:11 → 02:08:16 กับไอ้ตัวไม่อมตัวเชิงเดี่ยวนี่แหละอัน
02:08:16 → 02:08:19 นี้ตัวสำคัญเลยนะเพราะก็เปลี่ยนไปเปลี่ยน
02:08:19 → 02:08:23 มานะแล้วในที่สุดนะร่างกายก็จะเปลี่ยนอี
02:08:23 → 02:08:27 ตรงอิ่มตัวเนี่ยให้เป็นคีโตนนะตับจะทำ
02:08:27 → 02:08:34 หน้าที่นี้ครับอืถามไปก็เดี๋ยวจะยาวสนไม่
02:08:34 → 02:08:37 อิมตัวเชิงซ้อนเนี่ยที่เป็น 20% เนี่ยนะ
02:08:37 → 02:08:41 ในรูปแบบของพลังงานเนี่ยนะฮะนะเขาคก็จะมี
02:08:41 → 02:08:45 บทบาทอ่าในเรื่องของ
02:08:45 → 02:08:49 เอ่อในเรื่องของเ้าเรียกว่า protective
02:08:50 → 02:08:53 เป็นพลังงานในแง่ที่จะทำให้ร่างกายเนี่ย
02:08:53 → 02:08:57 เกิดการหมุนเวียนเลือดเกิดการ
02:08:57 → 02:09:03 เอ่อเกิดการมีการซ่อมแซมอะไรต่างๆอืๆๆอ่า
02:09:03 → 02:09:05 ที่มันเสียหายหรือเกิดการอักเสบอะไรพวก
02:09:06 → 02:09:08 เนี้ยนะฮะนะอันเนี้ยอันนี้เป็น
02:09:08 → 02:09:10 คุณสมบัติ
02:09:10 → 02:09:15 ของของตัวโอเมก้า 3 กับโอเมก้า 6 นะในรูป
02:09:15 → 02:09:19 แบบของความเป็นพลังงานอ
02:09:19 → 02:09:22 อ๋อซึ่งอันนี้กินแบบเม็ดไม่พอใช่มั้ยพี่
02:09:22 → 02:09:25 หมอที่ขายๆกันไม่พอไม่พอแบบเม็ดนี่ก็ไม่
02:09:25 → 02:09:29 ใช่ไม่ใช่คือของเราต้องกินเร Food นะฮะ
02:09:29 → 02:09:32 หลักการอาหารเบื้องต้นเลยทุกอย่างต้อง
02:09:32 → 02:09:35 อยู่ในรูปแบบของความเป็นเร Food ก่อนนะ
02:09:35 → 02:09:39 อือถ้าจะเป็นแปรรูปที่ยอมรับกันได้ก็คือ
02:09:39 → 02:09:43 น้ำมันสกัดเย็นเราถือว่าเป็นอาหารแปรรูป
02:09:43 → 02:09:45 ที่ดีที่สุดใน
02:09:45 → 02:09:48 โลกเพราะว่าขบวนการแปรรูปเคไม่ได้เป็น
02:09:48 → 02:09:54 ขบวนการเชิงเคมีหรือระบบอุตสาหกรรมการค้า
02:09:54 → 02:10:00 แต่ยังเป็นขบวนการแปรรูปในทางกายภาพนะ
02:10:00 → 02:10:02 เพียงแต่ว่าอาจจะมีตัวความร้อนเข้าไป
02:10:02 → 02:10:06 เกี่ยวข้องในระดับนึงนะแต่ประสิทธิภาพ
02:10:06 → 02:10:10 คุณภาพของสิ่งที่เป็นน้ำมันสกัดเย็นแบบ
02:10:10 → 02:10:14 นี้ก็ยังใช้ได้กับร่างกายเราแล้วก็เหนือ
02:10:14 → 02:10:19 อืในเมีสารศึกษาเคมีที่มีความเป็นตัวยา
02:10:19 → 02:10:22 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้ากินน้ำมันมะกอก
02:10:22 → 02:10:24 กินน้ำมันอะโวคาโดกินน้ำมันแมคคาเดเมีย
02:10:24 → 02:10:27 อะไรพวกเนี้ยนะฮะมันก็เป็นไม่อิ่มตัวเชิง
02:10:27 → 02:10:32 เดี่ยวนะฮะซึ่งมันก็จะมีตัวสารศึกษาเคมี
02:10:32 → 02:10:37 ที่เรียกว่าอูแิดอที่จะไปช่วยเรื่องของ
02:10:37 → 02:10:38 สมอง
02:10:38 → 02:10:41 เรา
02:10:41 → 02:10:45 อืเป็นพลังงานที่สมองต้องการแลก็เป็นตัว
02:10:45 → 02:10:49 ป้องกันภาวะสมองเสื่อม
02:10:49 → 02:10:53 คุณสมบัติเก็ครบคันพี่หมอบอกว่าการการถ้า
02:10:53 → 02:10:55 กินน้ำมันสกัดเย็นเป็นนี่มีผลต่อคีโตน AD
02:10:55 → 02:10:59 แดปด้วยใช่มั้ฮะพี่หมอให้ร่างกายใช้
02:10:59 → 02:11:02 คีโตนคือคนเราจะคีโตน adap เนี่ยที่สำคัญ
02:11:02 → 02:11:07 ก็คืออินซูลินจะต้องต่ำนะต้องต่ำแต่ไม่
02:11:07 → 02:11:11 หายไปนะฮะต่ำต่ำอยู่ในเป็น low Normal
02:11:11 → 02:11:15 นะฮะก็คืออยู่ในระดับประมาณ 2-3 และมี
02:11:15 → 02:11:18 ประสิทธิภาพด้วยเออแต่เป็นอินซูลินที่ยัง
02:11:18 → 02:11:24 ขยันนะแล้วก็ยังคือคือยังเก่งอนะฮะยัง
02:11:24 → 02:11:28 เก่งอยู่นะอืเก่งที่จะเอาสารอาหารอะไร
02:11:28 → 02:11:32 ต่างๆเข้าเซลล์อ่ะแม้ว่าจะน้อยนิดก็ตามนะ
02:11:32 → 02:11:36 ไม่ใช่มีอินซูลินเยอะๆนะนะแล้วก็ขี้เกียจ
02:11:36 → 02:11:43 หรือว่างอแงไม่ทำงานอะไรอย่าง
02:11:43 → 02:11:46 งี้เนี่ยแล้วก็การจะเกิดคีโตนเนี่ยนอกจาก
02:11:46 → 02:11:52 อินซูลินต่ำแล้วเนี่ยอๆตับต้องสะอาดนะตับ
02:11:52 → 02:11:57 นะต้องมีความสะอาดนะแล้วก็พลังงานที่จะมา
02:11:57 → 02:11:59 ให้เซลล์ตับที่สะอาดๆาหรือไมโตคอนเดรีย
02:11:59 → 02:12:03 ของตับเนี่ยเปลี่ยนเป็นคีโตนเนี่ยนะก็จะ
02:12:03 → 02:12:06 ต้องเป็นไขมันดีตามกฎเกณฑ์ที่พูดกันไป
02:12:06 → 02:12:10 เมื่อกี้นี้ตับสะอาดนี่นี่มันต้องสมมุติ
02:12:10 → 02:12:11 ค่าแลบมันต้องประมาณไหนอ่ะครับพี่หมอตับ
02:12:11 → 02:12:16 สะอาดเอนไซม์ตับก็อยู่ในเกณฑ์ 2 หน่วยต้น
02:12:16 → 02:12:21 ๆหรือต่ำกว่า 2 หน่วยตัว sgpt หรือ alt
02:12:21 → 02:12:24 นะแล้วก็เปอร์เซ็นต์แฟตที่สะสมในตับไม่
02:12:25 → 02:12:28 เกิน 5% อ่าทำไมต้องสะอาด่ะครับพี่หมอถ้า
02:12:28 → 02:12:32 ไม่สะอาดมันจะเกิดอะไรข้ถ้าไม่สะอาดส่วน
02:12:32 → 02:12:33 ใหญ่ตับเนี่ยมันเป็นแหล่งของการกักเก็บ
02:12:33 → 02:12:38 พิษนะฮะนะอ๋อการเก็บพิษเก็บท็อกซินอะไร
02:12:38 → 02:12:42 ต่างๆนะฮะครับคือคือร่างกายเนี่ยเวลารับ
02:12:42 → 02:12:45 สิ่งเหล่านี้จากอาหารเข้าไปเนี่ยอ่าไอ้
02:12:45 → 02:12:48 โรงงานแรกเลยที่สิ่งเหล่านี้มันจะไปก็คือ
02:12:48 → 02:12:51 ตับนะแล้วก็ตับจะต้องเสียสละตัวเองในการ
02:12:51 → 02:12:54 เก็บกักไว้ก่อน
02:12:54 → 02:12:57 อืคือคนเราอ่ะแรกๆถ้ากินลค High Fat
02:12:57 → 02:13:01 เนี่ยนะในช่วงที่ตับยังเป็นเ่า Sugar
02:13:01 → 02:13:05 เนอรยังไม่สะอาดยังอักเสบยังมีไขมันเกิน
02:13:05 → 02:13:07 อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยยนะครับเอ่อเราก็กิน
02:13:07 → 02:13:11 โคฟ High Fat ไปอ่ะนะแล้วเดี๋ยวไอ้ไอ้
02:13:11 → 02:13:14 คุณสมบัติต่างๆจากอาหารแบบโ C High Fat
02:13:14 → 02:13:17 เนี่ยเขาจะค่อยๆไปจูนไปปรับไอ้เรื่องการ
02:13:18 → 02:13:20 ทำงานของตับและประสิทธิภาพของไอ้ตัวเซลล์
02:13:20 → 02:13:24 ตับเนี่ยขึ้นมาเองนะฮะไม่ต้องกลัวนะคือ
02:13:24 → 02:13:28 เราต้องพยายามยืนกรานนะแล้วก็แน่วแน่แล้ว
02:13:28 → 02:13:32 ก็ตั้งใจมั่นนะนะแล้วก็มี mindset อย่าง
02:13:32 → 02:13:37 แรงกล้าที่จะอยู่ในแนวทางนี้นะเ่อไประยะ
02:13:37 → 02:13:40 นึงจริงๆระยะนึงอ่ะเกณฑ์เฉลี่ยก็คือ
02:13:40 → 02:13:44 ประมาณ 3 สัปดาห์นี่แหละนะฮะแค่เนี้ยยมัน
02:13:44 → 02:13:48 ก็เคลียร์อะไรต่างๆไปได้เยอะแต่แต่แต่ถ้า
02:13:48 → 02:13:51 กินไม่เป็นนี่ค่าตับค่าตายขึ้นนะพี่หมอก็
02:13:51 → 02:13:55 ใช่ถ้ากินไม่เป็นค่าโปรตีนไม่ถูกไขมันไม่
02:13:56 → 02:14:01 ไม่รู้นะคาฟแฝงเฝิงอะไรต่างๆนี่ไงดูดู
02:14:01 → 02:14:05 หลายคนพูดพูดรายละเอียดแบบเนี้ยนะไอ้สิ่ง
02:14:05 → 02:14:07 ที่คุณจะกินไม่เป็นก็คือคุณกินอะไรไม่
02:14:07 → 02:14:11 เป็นน่ะคุณกินคาฟคือคุณไม่รู้จักคาฟที่
02:14:11 → 02:14:14 ที่ดีอ่ะคุณไม่รู้จักคาฟคุณไม่รู้จัก
02:14:14 → 02:14:17 โปรตีนคุณไม่รู้จักไขมันโดยเฉพาะอีไขมัน
02:14:17 → 02:14:20 นี่แหละนะครับมันมันรู้จักยากเย็นเข็นใจ
02:14:21 → 02:14:23 เหลือเกินนะฮโหหลาย Episode นะพี่หมอที่
02:14:23 → 02:14:26 เราคุยกันเรื่องไขมันน่ะเออแค่อิมตัวนี้
02:14:26 → 02:14:30 รู้ยังอ่ะเออก็น่าจะต้องรู้อ่ะนะฮะนะรู้
02:14:30 → 02:14:32 รู้แล้วก็มาปรับมากิน
02:14:32 → 02:14:36 อ่าให้มันเป็นให้มันถูกแล้วค่อยวัดกันว่า
02:14:37 → 02:14:40 เออผลที่ออกมาดีไม่ดีอะไรอย่างงี้เ่อใช่
02:14:40 → 02:14:44 ไม่ใช่ถูกต้องมั้ยกับการที่จะมากินแนวทาง
02:14:44 → 02:14:48 นี้อืถ้าไม่ถูกต้องก็เอ่อก็ต้องเปลี่ยน
02:14:48 → 02:14:53 ต้องไปอีกในกลุ่มอื่นแนวทางอื่นก็ว่าไป
02:14:53 → 02:14:56 ครับเมื่อกี้อ่ามีเรื่องของตับต้องสะอาด
02:14:56 → 02:15:02 อินซูลินต่ำเออเรื่องคีโตนอะดอ่ะครับอ๋อ
02:15:02 → 02:15:06 แล้วก็พลังงานต้องถูกต้องก็คือไขมัน
02:15:06 → 02:15:10 อ๋อไขมันเพราะว่าไมโตคอนเดรียเนี่ยเขา
02:15:10 → 02:15:12 อยากจะเผาไข
02:15:12 → 02:15:18 มันอื้ออือเอ่ออย่างงี้นะจะมีคำว่าเบ Bal
02:15:18 → 02:15:22 metabolic Rate นะฮะครับ Bal metabolic
02:15:22 → 02:15:25 ถามว่า Bal metabolic Rate เนี่ยนะมัน
02:15:25 → 02:15:27 ก็คือภาวะที่เราอยู่นิ่งๆเหมือนนอนติด
02:15:27 → 02:15:31 เตียงอ่ะนะฮะแล้วเราก็ต้องการพลังงานนะฮะ
02:15:31 → 02:15:34 นะแล้วพลังงานจากเซอ metabolic Rate
02:15:34 → 02:15:39 เนี่ยนะหลักๆเลยนะผู้ที่จะเป็นตัวเผาผลาญ
02:15:39 → 02:15:41 พลังงานอะไรต่างๆเนี่ยนะก็คือ
02:15:41 → 02:15:42 ไมโตคอนเดรีย
02:15:42 → 02:15:44 ไมโทคอนเดรีย
02:15:44 → 02:15:48 ครับเอ่อไ bmr ใช่ม bmr ที่เราพูดๆกัน
02:15:48 → 02:15:51 เนี่ยฮะใช่ฮะนะอ๋อไมโทคอนเดรียแล้ว
02:15:51 → 02:15:56 ไมโตคอนเดรียที่ไหนนะที่จะเป็นตัวหลักเลย
02:15:56 → 02:16:00 ในการเ่อเผาผลาพลังงานให้ได้ในระดับเซอก็
02:16:00 → 02:16:02 คือตับตับ
02:16:02 → 02:16:07 อือตับนี่แหละจะเป็นเป็นอวัยวะหลักเลยนะ
02:16:07 → 02:16:11 ฮะครับแล้วทีนี้ไมโตคอนเดรียเนี่ยในการจะ
02:16:11 → 02:16:16 เผาผลาญพลังงานเนี่ยนะเค้าเจะทำงานได้ดีๆ
02:16:16 → 02:16:21 ได้เก่งๆอ่ะนะนะพลังงานที่ว่าเนี่ยนะก็
02:16:21 → 02:16:24 คือคีโตนนะ
02:16:24 → 02:16:28 คีโตนเพราะฉะนั้นไตคอนเดี่จะเผาผลาญพลัง
02:16:28 → 02:16:33 งานให้ได้คีโตนอันที่ 1 นะก็คือต้องมี
02:16:33 → 02:16:37 ออกซิเจนต้องมีออกซิเจนไปให้เค้านะฮะ
02:16:37 → 02:16:39 เพราะกระบวนการเผ่าผลนพลังงานมันต้องใช้
02:16:39 → 02:16:42 ออกซิเจนปฏิกิริยาอ่าเบตาออกซิเดชันเนี่ย
02:16:42 → 02:16:45 มันต้องใช้ออกซิเจนนะอันที่ 1 อันที่ 2
02:16:45 → 02:16:50 ถ้าเตาเผาอ่ะมันมีเยอะๆนะมันมีจำนวนมันมี
02:16:50 → 02:16:54 ปริมาณไมโทคอนเดรียเยอะๆนะมันก็เผาผลาญ
02:16:54 → 02:16:59 ได้ดีอ่ะใช่มล่ะนะครับอันที่ 3 นะมันต้อง
02:16:59 → 02:17:02 มีตัวพลังงานไปให้เขาเผาก็คือเป็นไขมัน
02:17:02 → 02:17:09 ที่ดีออ๋ออันที่ 4 มันต้องมีตัวฮอร์โมนนะ
02:17:09 → 02:17:13 ที่จะไปทำงานนะในการเผาก็คือไทรรอยด์
02:17:13 → 02:17:18 ไทรอยดมันจะต้องมี 4 ประสานนี้นะฮะ
02:17:18 → 02:17:22 อันที่ 1 มีออกซิเจนอันที่ 2 เอ่อมีจำนวน
02:17:22 → 02:17:26 หรือปริมาณเตาเผาไตคเดี่ยเยอะๆอ่าๆๆที่มี
02:17:26 → 02:17:29 ประสิทธิภาพนะมันจะมีประสิทธิภาพได้เนี่ย
02:17:29 → 02:17:35 นะมันก็จะต้องอะไรอ่ะสะอาดนะแล้วก็อ่า
02:17:35 → 02:17:38 พื้นที่อ่ะนะมันจะต้องไม่มีไขมันมาสะสม
02:17:38 → 02:17:43 เกะกะมากมายจนเกินไปนักนะแล้วก็มันไม่มี
02:17:43 → 02:17:46 กระบวนการอะไรอักเสบจากอะไรก็ไม่รู้อ่ะ
02:17:46 → 02:17:50 จากท็อกซินกินจากอาหารเสริมจากกินโน่นนี่
02:17:50 → 02:17:54 อะไรอย่างเงี้ยอ่าๆๆๆๆๆเอ่านั้นเป็นราย
02:17:54 → 02:17:56 ละเอียดนะฮะนะแล้วอันต่อมาก็คือต้องมี
02:17:56 → 02:18:00 พลังงานคือต้องใส่พลังงานไปให้เเผานะเค้า
02:18:00 → 02:18:04 ก็อยากได้พลังงานแบบที่เซลล์ร่างกายสะสม
02:18:04 → 02:18:08 นี่แหละก็คืออิ่มเดี่ยวซ้อน 30 50 20
02:18:08 → 02:18:12 นะหรือในช่วงแรกๆเนี่ยถ้าจะให้เค้าลดภาระ
02:18:12 → 02:18:15 การทำงานในการเผาเนี่ยคุณก็ส่งอันนี้เข้า
02:18:15 → 02:18:20 ไปเลยนะฮะส่งไอ้ตัว mct อ่ะไปให้เค้าเป็น
02:18:20 → 02:18:24 พลังงานเชื้อเพลิงเลยนะเเผาทันทีทันใดอ่ะ
02:18:24 → 02:18:27 เไม่ต้องการตัวแคตตาลไม่ต้องการตัวมัน
02:18:27 → 02:18:31 โน่นนี่นั่นมาอะไรนะเข้าไปปุ๊บก็เผาเลย 15
02:18:31 → 02:18:35 นาทีก็เผาก็รร้อนแล้วนะฮะอย่างเงี้ยออกมา
02:18:35 → 02:18:38 เป็นคีโตนอันต่อมาก็คืออ่าฮอร์โมน
02:18:38 → 02:18:42 ไทรรอยด์เนี่ยนะต้องมีนะทั้งกลางวันหรือ
02:18:42 → 02:18:45 กลางคืนนะอย่าเดี้ยงอย่าเดี้ยง
02:18:45 → 02:18:51 อไทลอยจะต้องเ่อไม่งอแงจะต้องเอ่อเ่อชอบ
02:18:51 → 02:18:55 ที่อยากจะทำงานขยันยอะไอย่าเงี้ยอืๆอือ
02:18:55 → 02:18:57 เดี๋ยวต้องมาลงลึกเรื่องฮอร์โมนอีกทีนึง
02:18:57 → 02:18:58 นะพี่
02:18:58 → 02:19:02 หมอก็มีเ metab Rate เนี่ยมันก็อาศัย 4
02:19:02 → 02:19:06 เรื่องเนี่ยฮะอืแต่ถาม
02:19:06 → 02:19:10 ว่าเรื่องเหล่าเนี้ยเรื่องเหล่าเนี้ยนะฮะ
02:19:10 → 02:19:13 อ่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือพลังงานพลัง
02:19:13 → 02:19:16 งานนะฮะหัวข้อที่ 3 เนี่ยพลังงานเนี่ยก็
02:19:16 → 02:19:18 คือ High Good Fat เนี่ยเสำคัญมากที่
02:19:18 → 02:19:20 สุด
02:19:20 → 02:19:24 อืส่วนเรื่องออกซิเจนเนี่ยอือๆๆๆๆๆ
02:19:25 → 02:19:27 ออกซิเจนเนี่ยมันก็เกี่ยวข้องกับเรื่อง
02:19:27 → 02:19:31 ของกลไกการหายจงหายใจอะไรต่างๆเนี่ยก็คือ
02:19:31 → 02:19:35 คุณต้องหายใจเป็นหายใจถูกอะไรอย่างเงี้ย
02:19:35 → 02:19:40 นะเก็บอกว่าอ่าร่างกายอ่ะจะมีธาตุ
02:19:40 → 02:19:44 ออกซิเจนน่ะเข้าไปได้เนี่ยร่างกายเนี่ยก็
02:19:44 → 02:19:48 จะต้องจะต้อง was Out คาร์บอนออกมาให้
02:19:48 → 02:19:51 เยอะครับนะถ้าเกิดมีการสร้าง
02:19:51 → 02:19:55 คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเยอะๆนะนะ
02:19:55 → 02:19:57 คาร์บอนไดออกไซด์ที่ข้างข้าเนี่ยจะถูก
02:19:57 → 02:20:02 กลไกการหายใจอ่ะนะหายใจออกเอพอหายใจออก
02:20:02 → 02:20:06 เยอะๆดีฟๆมันก็จะสูดออกซิเจนเข้าไปคือมัน
02:20:06 → 02:20:09 เป็น 2 แนวทางอ่ะพอออกแล้วมันก็ต้องเข้า
02:20:09 → 02:20:12 ไอ้ตัวออกคือคาร์บอนไดออกไซด์ไอ้ตัวเข้า
02:20:12 → 02:20:13 คือ
02:20:13 → 02:20:16 ออกซิเจนนะแล้วออกซิเจนเยอะๆไมโตคอนเ
02:20:16 → 02:20:21 เหยี่ก็จะเผาได้เยอะๆอไมโตคอนเดรียมันเผา
02:20:21 → 02:20:24 เยอะๆมันก็จะได้คำไดออกไซด์เยอะๆนะแล้ว
02:20:24 → 02:20:27 มันก็ไปแลกเปลี่ยนกับออกซิเจนเข้าออกเยอะ
02:20:27 → 02:20:29 ๆอัน
02:20:29 → 02:20:33 เนี้ยอืเอ่อแล้วไมโตคอนเดรียที่จะเพิ่ม
02:20:33 → 02:20:37 ขึ้นเนี่ยนะยิ่งถ้าเกิดมันมีวัตถุดิบน่ะ
02:20:37 → 02:20:40 ทั้งออกซิเจนทั้งพลังงานทั้งไทรรอยด์อ่ะ
02:20:40 → 02:20:43 ครับมันก็จะเป็นธรรมชาติเลยอ่ะที่ว่าไอ้
02:20:43 → 02:20:47 ตัวเตาเผา่ะมันจะถูกสร้างขึ้นมาเยอะๆถ้า
02:20:47 → 02:20:50 มันมีแหล่งอ่าทั้งพลังงานทั้งออกซิเจน
02:20:51 → 02:20:56 ทั้งฮอร์โมนพร้อมแล้วนะอืก็จะเป็นโยงกัน
02:20:56 → 02:20:59 ไปโยงกันมาอย่างเงี้ยครับนะเพราะฉะนั้น
02:20:59 → 02:21:03 อย่างเนี้ย Bal metabolic Rate คุณก็จะ
02:21:03 → 02:21:07 มีประสิทธิภาพถ้ามีประสิทธิภาพร่างกายคุณ
02:21:07 → 02:21:13 ก็จะอยู่ได้นะฮะทนี้ถ้าเกิดว่าคุณ
02:21:13 → 02:21:16 เอ่อมี activity มีอะไรตอะไรอย่างเงี้ยนะ
02:21:16 → 02:21:17 ฮะ
02:21:17 → 02:21:22 นะคุณก็จะเพิ่มอ่าพลังงานน่ะที่จะใส่เข้า
02:21:22 → 02:21:28 ไปให้ได้มากขึ้นนะครับจะเพิ่มคาฟนะเพิ่ม
02:21:28 → 02:21:32 โปรตีนเพิ่มไขมันอะไรเงี้ยก็บวกๆๆเข้าไป
02:21:32 → 02:21:36 อืแต่ในเบื้องต้นเนี่ยนะเอาเรื่องของ Bal
02:21:36 → 02:21:37 metabolic Rate ให้ผ่าน
02:21:37 → 02:21:40 ก่อนครับ
02:21:40 → 02:21:43 เอ่อมีอีกเรื่องนึงสุดท้ายเนี่ยก็คือ
02:21:43 → 02:21:45 เรื่องว่าที่
02:21:45 → 02:21:48 ว่าถ้าถอย่างนี้
02:21:48 → 02:21:53 เนี่ยเราสามารถตัดไขมันออกไปได้มยนะฮะอื
02:21:53 → 02:21:56 ก็อันนี้เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วนะนะก็มี
02:21:56 → 02:22:00 ทั้งตัดออกไปได้กับตัดออกไปไม่ได้นะฮะถ้า
02:22:00 → 02:22:04 เกิดจะต้องมีการลดเรื่องของไขมันเนี่ยนะ
02:22:04 → 02:22:07 ฮะคือเราก็รู้แล้วว่าไอ้ไขมันที่หมอบอกไป
02:22:07 → 02:22:11 ทั้งหมดเนี่ยนะตามคุณสมบัติเนี่ยมันดี
02:22:11 → 02:22:14 ขนาดไหนนะแล้วก็มันเป็นความสำคัญที่
02:22:14 → 02:22:19 ไมโตคอนเดรียเจะต้องเอาไปเป็นตัวเผาอ่ะนะ
02:22:19 → 02:22:22 แต่ทีนี้ว่าเอ้อ
02:22:22 → 02:22:26 เนี่ยแล้วยังไงอ่ะแล้วจะจะจะลดหรือจะไม่
02:22:26 → 02:22:30 โหลดไขมันเนี่ยจะได้ในกรณีไหนหรือไม่ได้
02:22:30 → 02:22:35 ในกรณีไหนนะฮะนะอือๆๆคืออย่างงี้การคำนวณ
02:22:35 → 02:22:39 ของของตัวพลังงานหรือกรอบของไขมันเนี่ยนะ
02:22:39 → 02:22:43 ในเบื้องต้นเนี่ยถ้าคุณเป็นคนอ้วนมีไขมัน
02:22:43 → 02:22:47 สะสมอยู่แล้วเนี่ยให้คุณคำนวณเกณฑ์ของไข
02:22:48 → 02:22:52 มันในระดับแค่ bmr พอนะฮะแล้วคุณก็ไปจัด
02:22:52 → 02:22:55 หาไขมันเนี่ยในรูปแบบของน้ำมันสกัดเย็น
02:22:55 → 02:22:58 อิ่มเด๋ยวซ้อนอะไรเงี้ยมาทำน้ำสลัด TE
02:22:58 → 02:23:03 Oil เนี่ยก็แค่ในในปริมาณเท่ากับ basal
02:23:03 → 02:23:08 metabolic Rate นะแล้วหลังจากนั้นเนี่ย
02:23:08 → 02:23:12 ไอ้ตัวเนี้ยไอ้ nutritional เอ่อคีโตสิส
02:23:12 → 02:23:14 ที่มันจะเกิดจากอาหารที่คุณกิน
02:23:14 → 02:23:18 เนี่ยมันจะเริ่มขึ้นมันจะเริ่มวงจรการ
02:23:18 → 02:23:21 สร้างคีโตนการเผาผลาญพลังงานก่อนโดยใใช้
02:23:21 → 02:23:25 ไขมันที่ว่าเนี่ยยแล้วหลังจากนั้นเนี่ย
02:23:25 → 02:23:28 ไอ้ตัวภาวะคีโตสิสที่มันสเตย์ออนน่ะไป
02:23:28 → 02:23:32 เรื่อยๆอ่ะอืนะมันถึงจะเอาไขมันที่อยู่ใน
02:23:32 → 02:23:36 ในร่างกายสะสมเนี่ยมาเผาต่อ
02:23:36 → 02:23:41 ครับแต่ถ้าคุณเนี่ยน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์พอ
02:23:42 → 02:23:45 ดีสมส่วนหรือสมส่วนค่อนผอมหรือผอมไปแล้ว
02:23:45 → 02:23:48 อ่ะน้ำหนักตกสเไปแล้วเนี่ยครับอันเนี้ย
02:23:48 → 02:23:54 ไม่แนะนำนะฮะนะคุณจะต้องได้ระดับกรอบพลัง
02:23:54 → 02:23:59 งานจากไขมันอือๆเท่ากับ Bal metabolic
02:23:59 → 02:24:03 Rate บวก activity อาฮะหรือถ้าคุณยิ่งจะ
02:24:03 → 02:24:06 ต้องซ่อมสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นไปอีก
02:24:06 → 02:24:10 เนี่ยคุณก็จะต้องอัพ Level ขึ้นไปอีกอ่ะ
02:24:10 → 02:24:14 นะคำนวณยังไงพี่หมอคำเอาคำนวณเท่ากับเซอ
02:24:14 → 02:24:19 เนี่ยเอาเอางเซอ met ง่ายที่สุดเลยนะฮะ
02:24:19 → 02:24:24 คุณเอาความสูงตั้งลบด้วย 105 จะเป็นน้ำ
02:24:24 → 02:24:28 หนักค่ากลางอ้าสุทัศน์สูงเท่าไหร่ 100
02:24:28 → 02:24:31 180 อ่า 180 ครับอ 180 ก็ - 105 เพราะ
02:24:31 → 02:24:35 ฉะนั้นน้ำหนักค่ากลางของสุทัศน์คือ 75
02:24:35 → 02:24:41 กอือฮึเนี่ยฮะ 75 กเนี่ยนะครับเอามาคำนวณ
02:24:41 → 02:24:44 พลังงานพลังงานที่เป็น basal metabolic
02:24:44 → 02:24:50 Rate ทั่วไปเลยของคนทุกคนเลยเลยก็คือคูณ
02:24:50 → 02:24:55 20 20 20 กิลแคลอรี่อื
02:24:55 → 02:24:57 นะต่อ 1
02:24:57 → 02:25:04 กลก็ลองคูณสิ 20 * 75 ได้เท่าไหร่นะก็
02:25:04 → 02:25:05 ประมาณ
02:25:05 → 02:25:08 1,500 เพราะฉะนั้น
02:25:08 → 02:25:14 เบเออๆๆของสุทัศน์เนี่ยเอ่อวันๆนึง
02:25:14 → 02:25:18 สุทัศน์กินแล้วนอนนะนอนลาบอยู่เฉยๆเป็น
02:25:18 → 02:25:24 ติดเตียงเงี้ย 1 1,500 เออแต่อี 1,500
02:25:24 → 02:25:27 เนี่ยสุทัศนจะกินคาฟเท่าไหร่อ่ะ
02:25:27 → 02:25:33 อ่าจะกินคาฟ 50 กรัมนะอ่า 50 กรัมมันก็
02:25:33 → 02:25:39 200 แควใช่มอือ่า 200 แควนะ 200 แควก็
02:25:39 → 02:25:43 เ้าเหลือเท่าไหร่เหลือ 1,300 แล้วจะกิน
02:25:43 → 02:25:45 โปรตีนเท่าไหร่อ่ะ
02:25:45 → 02:25:51 เออจะกินโปรตีนอีกซัก 20% นะ
02:25:51 → 02:25:56 อ 20% ก็เท่าไหร่
02:25:56 → 02:26:03 อ่ะ 20% เนี่ยก็ประมาณ 400 แควครับนะเอ่อ
02:26:03 → 02:26:09 คาฟ 200 โปรตีน 400 นะโปรตีน 400 เป็น 600
02:26:09 → 02:26:14 เพราะฉะนั้นก็เหลือไขมันที่ต้องกิน 900
02:26:14 → 02:26:19 กิโลแคลอรี่อืๆๆๆ 900 กิโลแคลอรีนะฮะนะไข
02:26:19 → 02:26:23 มันจากน้ำมันสกัดเย็นเนี่ย 10 กรัมเนี่ย
02:26:23 → 02:26:28 นะก็ได้แล้ว 90 กิโลแคลอรีนะอืๆๆเพราะ
02:26:28 → 02:26:31 ฉะนั้นถ้ากินจากน้ำมันสกัดเย็นอย่างเดียว
02:26:31 → 02:26:32 เลยน่ะ
02:26:32 → 02:26:35 นะก็จะกิน
02:26:35 → 02:26:38 ประมาณ 100 100
02:26:38 → 02:26:40 กรัม
02:26:40 → 02:26:43 ครับ 100 กรัมนี่ตีเป็น
02:26:43 → 02:26:48 ช้อน 100 กรัมนี่ก็เท่าไหร่อ่ะก็ประมาณ
02:26:48 → 02:26:51 เกือบ 7 ช้อนน่ะนะอ๋อเพราะว่าที่ผมกินทุก
02:26:51 → 02:26:55 วันนี้ก็แค่เท่ากับเ่าเซอ bmr เท่านั้น
02:26:55 → 02:26:58 เองใช่นะก็ 7 ช้อนประมาณ 7 ช้อน 7 ช้อน
02:26:58 → 02:27:02 ได้ 105 กรัมอ
02:27:02 → 02:27:05 นะอืมแล้วที่ออกบอกว่าคำนวณ activity
02:27:05 → 02:27:08 เข้าไปแล้วครับคำนวณ activity เข้าไปก็
02:27:08 → 02:27:14 แล้วแต่อ่ะว่าถ้ายืนๆเดินๆก็คูณ 25 นะถ้า
02:27:14 → 02:27:21 มีการออกแรงออกกำลังนะก็คูณ 30 นะถ้าออก
02:27:21 → 02:27:24 กำลังกายหนักๆเลยไปวิ่งไปอะไรต่างๆเหล
02:27:24 → 02:27:30 เนี้ยก็คูณ 35 35 อือๆๆๆๆก็ก็แล้วแต่คุณ
02:27:30 → 02:27:34 จะคูณเข้าไปอ่ะนะแล้วแต่วันนั้นว่าจะพัก
02:27:34 → 02:27:38 หรือจะออกแรงออกกำลังหนักขนาดไหนอเดี๋ยว
02:27:38 → 02:27:40 ทำ x สูตเซลดี
02:27:40 → 02:27:45 กว่าอันนี้ก็คร่าวๆคือหลักของข้าเนี่ยก็
02:27:45 → 02:27:48 คร่าวๆในเรื่องของนี่แหละฮะเบอ metabolic
02:27:48 → 02:27:52 Rate ก่อนนะอ่าๆๆๆแต่เวลาเรากินเนี่ยมัน
02:27:52 → 02:27:56 จะมีมีของแถมมาอยู่เรื่อยๆแหละมันมันไม่
02:27:56 → 02:27:59 ได้เป๊ะอ่ะเนาะเออไม่ได้เป๊ะหรอกองั้นของ
02:27:59 → 02:28:03 แถมเนี่ยมันก็มาเกลี่ยกับ activity อ่ะนะ
02:28:03 → 02:28:06 ที่เราจะลุกจะนั่งจะยืนจะเดินจะแบกจะหาม
02:28:06 → 02:28:10 จะวิ่งจะออกแรงออกกำลังจะไปตีแบตจะเล่น
02:28:10 → 02:28:14 กีฬาอะไอืๆๆแต่อย่างน้อยให้มันเท่ากับ bmr
02:28:14 → 02:28:17 ก่อนเอออย่างน้อยให้มันได้ bmr ก่อนอ่าๆ
02:28:17 → 02:28:20 อย่างน้อยเอ่อติดเตียงมาไม่ตายโดที่สูตร
02:28:20 → 02:28:23 อ่าสูตรที่เข้าเบียมาเนี่ยก็จะต้องมีคาฟ
02:28:24 → 02:28:28 นะเนี่ยไม่เกิน 20% มีโปรตีนไม่เกิน 20%
02:28:28 → 02:28:30 มีไขมันอ่าประมาณ
02:28:30 → 02:28:38 60% อืมมันก็จะได้มาตามสุดเนี่ยอืๆๆ
02:28:38 → 02:28:44 ๆเชงพอสมควร
02:28:44 → 02:28:47 เออโอเค
02:28:47 → 02:28:51 ก็คืออยากจะบอกว่าไม่ต้องไปตัดไขมงไขมัน
02:28:51 → 02:28:56 นะอันนี้นะฮะนะเรารักษา
02:28:56 → 02:28:59 อ่อความเสถียรของความเป็น low C High
02:28:59 → 02:29:04 Fat อ่ายาวๆไปอ่ะนะฮะนะปฏิกิริยาต่างๆ
02:29:04 → 02:29:08 ของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นเนี่ยนะเขาจะมาลดมา
02:29:08 → 02:29:13 เพิ่มมาปรับอะไรต่างๆนะได้ไปเรื่อยๆ
02:29:13 → 02:29:16 เรื่อยๆๆๆในระยะยาวแล้วก็การกินแบบแบบ
02:29:16 → 02:29:20 เนี้ยเราก็น่าจะพอมีความสุขอยู่พอสมควร
02:29:20 → 02:29:22 น่ะนะเพราะว่ามันได้ทั้งคาฟทั้งโปรตีน
02:29:22 → 02:29:26 ทั้งแฟตนะฮะนะพี่หมอถ้าเราไม่ตัดไขมันน่ะ
02:29:27 → 02:29:31 แล้วแล้วร่างกายมันจะดึงเอามาไขมันในตัวเ
02:29:31 → 02:29:34 มาใช้พอหรอเราอยากโฟกัสที่ไขมันในตัวครับ
02:29:35 → 02:29:38 คือเวลาที่เราเป็น ow C High Fat นะใน
02:29:38 → 02:29:43 ระยะยาวๆหรือเราค่อนข้างเสถียรแล้วเนี่ย
02:29:43 → 02:29:46 เราจะอยู่ในภาวะคีโตซิส
02:29:46 → 02:29:50 เอ่อมากกว่ามากกว่าช่วงที่อินซูลินออกมา
02:29:50 → 02:29:54 แล้วกลายเป็นชูการเบอร์เนอร์นะฮะอ๋อไอ้
02:29:54 → 02:29:57 ภาวะที่เราอยู่ในคีโตสิสเหล่าเนี้ยนะร่าง
02:29:57 → 02:30:01 กายเนี่ยเขาคก็จะเผาไขมันที่มันสะสมอยู่
02:30:01 → 02:30:04 อ่ะนะอยู่เรื่อยๆเรื่อยๆๆๆอ่ะไม่ต้องกลัว
02:30:04 → 02:30:08 หรอกนะฮะอืคือเราอ่ะมีหน้าที่ที่จะต้อง
02:30:08 → 02:30:15 รักษาสภาวะเอ่อความสเตอคีโตซิสน่ะให้มัน
02:30:15 → 02:30:18 ให้มันยาวๆอให้มันยาวๆนะแต่อาจจะมีบาง
02:30:18 → 02:30:24 ช่วงของวันนะที่เราจะที่เราจะปรับมาเป็น
02:30:24 → 02:30:26 เรื่องของการให้ความสำคัญกับอินซูลินโดย
02:30:26 → 02:30:30 เฉพาะในมื้อเย็นน่ะนะที่จะต้องเป็นารเนอร
02:30:30 → 02:30:37 ที่ดีนะอืไม่ไม่ไม่ไม่ไม่สตอคีโตสิสยาวไป
02:30:37 → 02:30:42 ตลอดแบบนั้นนะฮะ
02:30:42 → 02:30:47 อือืภาวคีโตซิสเนี่ยที่มันดำเนินไปทั้ง
02:30:47 → 02:30:52 วันทั้งคืนเนี่ยนะฮะนะหรือเวลาร่างกายมัน
02:30:52 → 02:30:55 หลุดจากคีโตสิสไปเป็น Sugar burner
02:30:55 → 02:30:58 เนี่ยครับมันก็จะเป็น Sugar burner ใน
02:30:58 → 02:31:03 ช่วงที่เราเติมคาฟและอินซูลินมานะอือืพอ
02:31:03 → 02:31:05 หลังจากมันหมดเรื่องของคาฟอินซูอินซูลิน
02:31:05 → 02:31:09 ขึ้นมาพีค 2 ชั่วโมงแล้วลงไปพักผ่อนแล้ว
02:31:09 → 02:31:13 เนี่ยมันก็จะมาเข้าคีโตสิสเนี่ยนะฮะนะถ้า
02:31:13 → 02:31:17 เราเป็นคนที่อ่าอะไรทั้งทำงานทั้งออกแรง
02:31:17 → 02:31:23 ออกกำลังทั้ง If เอ่อแบบมีวิถีอ่าใน
02:31:23 → 02:31:25 เรื่องของการ If ที่แบบมั่นคงอะไรอย่าง
02:31:26 → 02:31:29 เงี้ยครับเอ่อไม่มีอะไรที่จะไปกระตุ้น
02:31:29 → 02:31:33 อินซูลินหรือกระตุ้นให้มีการที่จะต้องแวบ
02:31:33 → 02:31:36 ใชอะไรอย่างเงี้ยนะฮเอืๆๆเพราะฉะนั้นไข
02:31:36 → 02:31:38 มันเนี่ยที่มันสะสมอยู่เนี่ยเดี๋ยวมันก็
02:31:38 → 02:31:41 จะจะถูก Cut Off อ่ะจะถูกมาเผาผลาญไป
02:31:41 → 02:31:45 เรื่อยๆอ่ะอืมพูดใช้คำนี้ได้มั้ยพี่หมอ
02:31:45 → 02:31:49 มันจะเผาไขมันได้เก่งขึ้นกว่าเดิม
02:31:49 → 02:31:55 เอ่อส่วนใหญ่ก็ใช่นะฮะนะมันจะเป็นการเผา
02:31:55 → 02:31:58 แต่การเผาของมันเนี่ยมันจะเผามากในตอน
02:31:58 → 02:32:02 กลางคืนอ๋อคือตอนกลางวันเนี่ยพืแรกเนี่ย
02:32:02 → 02:32:04 เรากิน High Good Fat ใช่มั้ยล่ะแล้ว
02:32:04 → 02:32:06 ร่างกายเนี่ยก็จะเป็น nutritional
02:32:07 → 02:32:10 ketosis ซึ่งมันจะเผาไขมันจากน้ำมันสกัด
02:32:10 → 02:32:14 เย็นหรือน้ำสลัดทออยเนี่ยนะเป็นหลักนะจน
02:32:14 → 02:32:17 กระทั่งมาถึงตอนเย็นนะที่เราจะกินมื้อ
02:32:17 → 02:32:21 เย็นแล้วกินคาฟอินซูลินมาอันนี้มันจะคั
02:32:21 → 02:32:26 Off อ่าอืแล้วหลังจากนั้นเนี่ยเ่ามันก็
02:32:26 → 02:32:32 จะเ่อเผาโดยการใช้ชูก้าน้ำตาลเชิงซ้อน
02:32:32 → 02:32:35 เนี่ยอยู่ช่วงนึงนะครับแล้วพอประมาณสัก
02:32:35 → 02:32:37 กี่ชั่วโมงอ่ะครับพี่หมอหลังจากกินมื้อ
02:32:37 → 02:32:39 เย็นอยู่นะส่วนใหญ่มันจะเผาประมาณ 2-4
02:32:39 → 02:32:44 ชั่มฮะนะพอสัก 22:00 นไทรรอยด์มาแล้วไตคิ
02:32:44 → 02:32:48 สไลดอ่ามาไทรรอยด์มาเนี่ยไทรรอยด์ก็จะเผา
02:32:48 → 02:32:52 ไตกีสไลด์ต่ออาฮะโดยเป็นไตกีสไลด์จากไข
02:32:52 → 02:32:57 มันอิ่มตัวที่เราสะสมไว้อฮะครับเออเนี่ย
02:32:57 → 02:32:59 ไทรอยดก็จะเผาต่อในช่วง 22:00 นเนี่ยก็
02:32:59 → 02:33:04 เผาไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงตอนเช้าอืแล้ว
02:33:04 → 02:33:08 มื้อเช้าเนี่ยก็ยังเว้นไปสคิปไปจนกระทั่ง
02:33:08 → 02:33:11 ถึงเที่ยงนอ่ะนะแล้วค่อยมาเริ่มมื้อแรก
02:33:11 → 02:33:13 เงี้ยแล้วยิ่งถ้าออกกำลังกายช่วงนั้นด้วย
02:33:13 → 02:33:20 โอ้โหเออรู้เรื่องเลยนะเออมันก็เผาๆๆเผๆ
02:33:20 → 02:33:24 ๆคือเค้าจะเผาแบบเราไม่รู้ตัวเฮะนะทั้ง
02:33:24 → 02:33:27 เผาทั้งเป็นเอ่อ Fat adap ทั้งเป็นคีน
02:33:27 → 02:33:31 adap แบบที่มันกลมกลืนกันไปอ่ะนะส่วนเรา
02:33:31 → 02:33:36 ก็มีหน้าที่นะคงระดับของวิถีชีวิตแบบ
02:33:36 → 02:33:39 เนี้ยนะให้มันดีที่สุดน่ะนะฮะแล้วก็เราจะ
02:33:39 → 02:33:43 ทำมาหากินทำงานทำการมีกิจกรรมมี activity
02:33:43 → 02:33:50 อะไรเราก็มีไปนะอือๆอือๆๆอือซึ่งเค้าก็จะ
02:33:50 → 02:33:54 พยายามอ่าปรับนะไอ้ส่วนที่มันเกินส่วนที่
02:33:54 → 02:33:59 มันสะสมนะฮะนะหรืออาจจะไปสร้าง
02:33:59 → 02:34:02 อ่าส่วนที่มันต้องซ่อมแซมส่วนที่มันบก
02:34:02 → 02:34:07 พร่องนะเปลี่ยนจากไขมันนะให้ลดลงนะสร้าง
02:34:07 → 02:34:10 กล้ามเนื้อมากขึ้นอะไรต่างๆแล้วเราก็ค่อย
02:34:10 → 02:34:14 วัดด้วยตัวชี้วัดต่างๆเป็นช่วงๆอ่ะอ่าน้ำ
02:34:14 → 02:34:16 หนักเป็นไงเปอร์เซ็นต์ไขมันเป็นไง
02:34:16 → 02:34:18 เปอร์เซ็นต์มวลกล้ามเนื้อเป็นยังไงค่าแลบ
02:34:18 → 02:34:19 เป็นยัง
02:34:19 → 02:34:23 ไงอืๆๆคือเราต้องวัดไปด้วยนะฮะไม่ใช่ทำ
02:34:23 → 02:34:26 เพลินแล้วก็ไม่วัดอะไรเลยอย่างเงี้ยมันก็
02:34:26 → 02:34:31 ไม่ได้อือๆๆไม่ไม่จะเหมือนผมเหมือนผมคือ
02:34:31 → 02:34:34 เผาเยอะไปคอร์ติซอลทำ
02:34:35 → 02:34:37 งานไขมันตก
02:34:37 → 02:34:43 เกณฑเราก็ต้องวัดไปด้วยนะคอนโทรลไปด้วยอ
02:34:43 → 02:34:46 นะอมีตัวชี้วัด 1 2 3 3 อะไรอย่าง
02:34:46 → 02:34:51 เงี้ยนะฮะแต่ตามที่หมอเคยบอกไปอ่ะว่าไอ้
02:34:51 → 02:34:55 ตัวเครื่องมือที่จะต้องวัดอะไรนะวัดมวลม
02:34:55 → 02:34:59 ร่างกายฮะเออมวลน่ะมวลไขมันอ่ากับมวล
02:34:59 → 02:35:01 กล้ามเนื้อเนี่ยอันเนี้ยมันต้องเป็นค่า
02:35:01 → 02:35:05 ที่ต้องนำมาใช้อ่ะอืลองลงมาก็คือ visceral
02:35:05 → 02:35:10 Fat นะฮะอือืๆๆอือเพราะอันเนี้ยมันคือ
02:35:10 → 02:35:14 มันจะคือค่อนข้างรทกับความเป็นจริงอ่ะเออ
02:35:14 → 02:35:16 ไขมันลดลงมั้ยกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมั้ยนะ
02:35:17 → 02:35:22 ฮะอืคุณหมอเอาเอาิอออกที่มันอองตคือมัน
02:35:22 → 02:35:25 ต่อสายเขไปในท้องเนี่ย
02:35:25 → 02:35:30 อือครับเอาอุหมาน้อยเนี่ยใช่ๆเพราะพี่หมอ
02:35:30 → 02:35:34 บอกว่ามันมันมันมันย่อยยากมันมันอิอะไรนะ
02:35:34 → 02:35:36 อรองคือตัวที่จะเอาออกมีอย่างเดียวคือ
02:35:36 → 02:35:40 คีโตนนะฮะนะตัวที่จะไปผาตัดตัวเนี้ยนะฮะ
02:35:40 → 02:35:44 นะอ่าๆๆๆเอเช่นอย่างงี้ฮะอย่างงี้คนไข้มี
02:35:44 → 02:35:47 หมอก็มีคนไข้อเนี่ยที่เป็นเค้าเรียกแนม
02:35:48 → 02:35:52 เอ่อเป็นก้อนของต่อมไทรรอยด์นะนะเป็นซีส
02:35:52 → 02:35:56 ที่ปีกมะลูกอ่ะนะเป็นช็อกโกแลตซีสนะฮะนะอ
02:35:56 → 02:35:59 อ่าหรือว่าเป็นก้อนที่ตัวมดลูกอ่ะแต่มัน
02:35:59 → 02:36:02 ไม่ใหญ่มันประมาณประมาณ 2-3 เซมอะไรต่างๆ
02:36:02 → 02:36:06 นะหรือว่าเป็นซีสที่ตับนะฮะเป็นซีสที่ถุง
02:36:06 → 02:36:12 น้ำดีเอ่อเป็นเ่อเป็นซีสที่ที่ที่ในลำไส้
02:36:12 → 02:36:15 ใหญ่อะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะอ่าหรือว่าเป็น
02:36:15 → 02:36:18 เป็นเป็นก้อนที่เต้านมอะไรอย่างเงี้ยนะ
02:36:18 → 02:36:22 พวกเนี้ยเเรียกว่าเราผ่าตัดโดยเราใช้
02:36:22 → 02:36:26 คีโตนแล้วคุณเนี่ยเข้าคีโตสิสแล้วสร้าง
02:36:26 → 02:36:30 คีโตนได้มั้ยล่ะถ้าคุณสร้างคีโตนได้เนี่ย
02:36:30 → 02:36:33 เวลา foll up อะไรต่างๆพวกเนี้ยมันจะหาย
02:36:33 → 02:36:37 ไปนะแล้วมันก็จะโยงมาที่คำตอบว่านะไอ้ตัว
02:36:37 → 02:36:40 visceral Fat เนี่ยมันจะหายเร็วหายช้า
02:36:40 → 02:36:43 เนี่ยหรือว่าคหมอบอกว่ามันเป็นไขมันอิ่ม
02:36:43 → 02:36:47 ตัวพิติพิติแิดที่มันเกิดจากขบวนการ
02:36:47 → 02:36:50 elongation เนี่ยนะฮะคืออะไรต่างๆเนี่ย
02:36:50 → 02:36:55 ฮะนะอ่ามันจะเสร็จคีโตนหมดเลยนะคุณต้อง
02:36:55 → 02:36:58 สร้างคีโตนออกมาให้ได้นะฮะนะนะถ้าสร้าง
02:36:58 → 02:37:02 คีโตนได้เนี่ยอ่าไอ้ตัว visceral Fat
02:37:02 → 02:37:05 มันก็ไปด้วยอ่ะนะไม่ต้องกลัวหรอกว่ามันจะ
02:37:05 → 02:37:09 มาจากทิศทางไหนออ๋อ visceral นี่มันจัด
02:37:09 → 02:37:12 การด้วยคีโตนเนาะเออนะออันนี้พี่หมอยัง
02:37:12 → 02:37:16 ไม่เคยบอกผมนะเนี่ยคหมาน้อยอ่ะอ่าๆๆพุง
02:37:16 → 02:37:18 หมาน้อยอ่ะที่มาจากคอร์ติซอลอ่ะแล้วก็
02:37:18 → 02:37:23 พรุงมันห้อยอ่ะนะอันเนี้ยนะเอ่อถ้าคุณน่ะ
02:37:23 → 02:37:26 Fat adapt จนกระทั่งถึงคีน adapt ได้นะ
02:37:26 → 02:37:31 ฮะ Fat burner ถึงคีน adapt ได้เนะเอิ
02:37:31 → 02:37:34 เดี๋ยวมันก็มันก็ไปเอ๊ะไรไอ้ไอปกติ
02:37:34 → 02:37:36 ฮอร์โมนที่ไปสลายไขมันนี่คือไอ้
02:37:36 → 02:37:41 ไลโปโปรตีนไลเปสป่ะพี่หมอเอ่อเอนไซม์ใช่ๆ
02:37:41 → 02:37:43 เอนไซม์ใช่มั้ยเอนไซม์ไอ้ตัวเนี้ยมันจัด
02:37:43 → 02:37:48 การกับมันไม่สามารถสลายอีไอ้อองตไขมันพวก
02:37:48 → 02:37:51 นี้ได้ใช่มั้ครับอ๋อมันไม่ได้ต้องเป็น
02:37:52 → 02:37:54 ต้องเป็นคีโตนเท่านั้นมันได้แต่มันได้ไม่
02:37:54 → 02:37:56 ดีมันได้ไม่ดี
02:37:56 → 02:37:58 [เพลง]
02:37:58 → 02:38:04 อืเหมือนมันถักปมมาแน่นเลยอ่ะเนาะเออ
02:38:04 → 02:38:09 ออก็คือคีโตนเนี่ยเาเป็น Miracle
02:38:09 → 02:38:11 substance นะฮะเป็นสารมหัศจรรย์เนี่ยที่
02:38:11 → 02:38:14 เไปเปลี่ยนในระดับยีน
02:38:14 → 02:38:18 เอออืเค้าไปเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างใน
02:38:18 → 02:38:23 ระดับกลไกข้างในเลยคือยีนนะครับเพราะ
02:38:23 → 02:38:26 ฉะนั้นคีโตนเนี่ยมันก็คือ
02:38:26 → 02:38:30 คือก็คือพระเอกอันนี้หมอเฉลยแล้วนะคือพระ
02:38:30 → 02:38:35 เอกตัวจริงของบ้านแห่งนี้นะฮะนะซึ่งเ้า
02:38:35 → 02:38:39 ซ่อนตัวอยู่นะฮะเขาจะเป็นร์มสไปเดอร์แมน
02:38:39 → 02:38:45 เป็นอะไรก็ตามเถอะนะฮะคุณต้องนะมีวิถีทาง
02:38:45 → 02:38:48 หรือมีกระบวนการหรือมีการจัดดสรรต่างๆนะ
02:38:48 → 02:38:52 ให้เขาออกมาให้ได้นะแล้วโรคภัยไข้เจ็บ
02:38:52 → 02:38:55 หรืออะไรต่างๆเที่คุณวาดหวังไว้หรือคุณ
02:38:56 → 02:38:59 ต้องการหรือความปรารถนายิ่งยวดเนี่ยก็จะ
02:38:59 → 02:39:05 สำเร็จนะเขาคือพระเอกของ House of รมน
02:39:05 → 02:39:10 หมอเฉลยแล้วนะอุทัเมาบีบบังคับหมอเฉลย
02:39:10 → 02:39:13 เนี่ยผมก็ตะล่อมไปเรื่อยๆ่ะครับพี่
02:39:13 → 02:39:17 หมอผมก็ตะล่อมไปเรื่อยๆเอแต่ผมเพิ่งรู้นะ
02:39:17 → 02:39:20 ว่าคีโตนเอามาสลายพวกนี้ไอ้ไอไอ้ไอ้ไขมัน
02:39:21 → 02:39:23 ในวิอได้เพราะว่าพี่หมอตอนนั้นบอกว่าให้
02:39:23 → 02:39:26 อะไรนะต้องใช้วิธีนวดใช่มั้ยหรือใช้รังสี
02:39:26 → 02:39:30 อาเตเหรอใช้อะไรนะแสงสีแดงใช่มั้ย Red
02:39:30 → 02:39:35 Light อ่ะเออแต่ถ้าคีโตนออกมาได้เนี่ย
02:39:35 → 02:39:39 คีโตนนี่เหนือยานะฮะเหนือสารพรึกษาเคมีนะ
02:39:39 → 02:39:42 ฮะนะสารพรึกษาเคมีสู้ไม่ได้ก็คือคีโตนน่ะ
02:39:42 → 02:39:48 ฮะอืมีคนอยากถามแน่อืครับ
02:39:48 → 02:39:53 ผมครับพี่โลดเอาเลยครับก็มันต้องแว่ามัน
02:39:53 → 02:39:56 ต้องมีความพร้อมของตับหรือว่าขั้นตอนอะไร
02:39:56 → 02:39:58 ที่ที่ที่เราพูดไปก่อนหน้านี้ก็คือตับ
02:39:58 → 02:40:02 ต้องพร้อมอินซูลินต้องต่ำหน่อยนึงใช่อะไร
02:40:02 → 02:40:05 พวกเนี้ยใช่มครับใช่ๆแล้วแต่แต่ผมก็ยัง
02:40:05 → 02:40:07 สงสัยอยู่ว่าแล้วคีโตเนี่ยมันเป็นสะกิด
02:40:07 → 02:40:10 elongation นี่ยังไงหรือว่าเป็นเกิด
02:40:10 → 02:40:13 กระบวนการที่ว่าจริงๆแล้วร่างกายไปดึงอกช
02:40:13 → 02:40:16 มาซ่าที่ตับอย่างเงี้ยผมผมไม่เข้าใจตรง
02:40:16 → 02:40:19 เนี้ยครับ
02:40:19 → 02:40:25 เอ่อคือจริงๆในเซลล์ต่างๆเหล่าเนี้ยมันก็
02:40:25 → 02:40:26 มี
02:40:26 → 02:40:31 กลไกกลไกการเปลี่ยนแปลงของตัวมันน่ะนะฮะ
02:40:31 → 02:40:34 ครับอย่างไอ้ตัวตัวเซลล์ไขมันต่างๆที่
02:40:34 → 02:40:39 อยู่สับกิเนียก็ดีนะหรือเซลล์ไขมันที่
02:40:39 → 02:40:42 อยู่ในตัว viser ต่างๆเหล่าเนี้ยนะ
02:40:42 → 02:40:46 ฮะคือคือความเป็นเซลล์ของเค้าคือคีโตน
02:40:46 → 02:40:49 เนี่ยคีเอ้ยเดี๋ยวนะคีโตนเนี่ยอ่ามันเป็น
02:40:50 → 02:40:53 อะไรที่อยู่ในระดับของไมโทคอนเดรีย
02:40:53 → 02:40:58 อ่าเดี๋ยวนะเซลล์เนี่ยมันมีนิวเคลียสนะฮะ
02:40:58 → 02:41:02 นะแล้วก็อ่ามันมีไซโตพลาสซึมนะฮะใน
02:41:02 → 02:41:06 ไซโตพลาสซึมมีไมโทคอนเดรียนะฮะเนี่ยเซลล์
02:41:06 → 02:41:09 บางอย่างก็ไม่มีนิวเคลียสนะแต่มันมี
02:41:09 → 02:41:14 ไมโทคอนเดรียนะฮะซึ่งไอ้ตัวไมโทคอนเดรีย
02:41:14 → 02:41:19 นี่แหละนะจะเป็นมีจะเป็นแหล่งที่ที่ที่
02:41:19 → 02:41:25 ใช้ในการผลิตคีโตนแล้วคีโตนเนี่ยที่ที่
02:41:25 → 02:41:28 ที่ถูกผลิตอย่างถูกต้องที่ตับฟังตรงเนี้ย
02:41:28 → 02:41:31 นะฮะที่ถูกผลิตอย่างถูกต้องที่ลับเนี่ย
02:41:31 → 02:41:34 เค้าก็จะมีสารสื่อประสาทนะฮะนะเค้าเรียก
02:41:35 → 02:41:35 ว่า
02:41:35 → 02:41:41 อ่าอะไรเก็คือไม่ใช่สารเค้าเรียกว่าสื่อ
02:41:41 → 02:41:46 สารเมีเมีตัวตัวสื่อสืแกวอ่า signaling
02:41:46 → 02:41:50 ฮะเค้ามี signaling โมเลกุลนะฮะครับที่
02:41:50 → 02:41:54 ที่จะไปเหนี่ยวนำเซลล์ไหนๆอ่ะที่มันมี
02:41:54 → 02:41:58 ไมโตคอนเดรียเนี่ยนะให้ให้มีกระบวนการ
02:41:58 → 02:42:00 เคมีแบบเดียว
02:42:00 → 02:42:04 กันอืเพราะฉะนั้นเนี่ยก้อนก็ดีซีสก็ดี
02:42:04 → 02:42:08 มะเร็งก็ดีเอ่อแฟตก็ดีนะทุกอย่างอ่ะที่
02:42:08 → 02:42:11 มันเพี้ยนไปผิดไปมันดื้อไปมันอะไรไปเนี่ย
02:42:11 → 02:42:16 นะเอ่อมันมันมันมันเกิดคีโตนเนี่ยมันคือ
02:42:16 → 02:42:20 สารที่ที่มีที่เป็น signaling โมเลกุล
02:42:20 → 02:42:22 เนี่ยที่ไปทำให้เกิด
02:42:22 → 02:42:26 เนี่ยเหมือนกับ Domino อะไรประมาณนั้นเออ
02:42:26 → 02:42:29 เนี่ยมันคือ signaling ลกุ
02:42:29 → 02:42:34 ครับอืเดี๋ยวหมอจะแชร์ข้อมูลตรงเนี้ยไป
02:42:34 → 02:42:37 ให้เดี๋ยวจะแชร์ไว้ในเพจ longevity แล้ว
02:42:37 → 02:42:40 กันนะฮะเรื่องของการคุณสมบัติการเป็น
02:42:40 → 02:42:45 signaling โมเลกุลของคีโตนในร่างกายนะ
02:42:45 → 02:42:48 ที่เสูมาได้เ่าผมอยากรู้เรื่องพระเอกมาก
02:42:49 → 02:42:53 เลยมันจะดีามกันนะแล้วครับแล้วมันจะต้อง
02:42:53 → 02:42:57 มีจุดเริ่มต้นก่อนนะฮะที่ตับนะฮะนะครับ
02:42:57 → 02:43:00 ตับเนี่ยเป็นหัวใจสำคัญเลยของการสร้าง
02:43:00 → 02:43:04 คีโตนนะเพราะฉะนั้นเนี่ยตับกับระบบพลัง
02:43:04 → 02:43:08 งานเนี่ยคุณจะต้องทำยังไงก็ตามที่ให้ตับ
02:43:08 → 02:43:11 เนี่ยสร้างคีตนให้ได้นะฮะแต่ถึงเขาจะ
02:43:11 → 02:43:17 สร้างไม่ได้ก็ให้เขาเผาผลาญไขมันนะเผาผัน
02:43:18 → 02:43:23 ไขมันให้ได้นะเออืครับพอไปถึงระยะนึง
02:43:23 → 02:43:26 เนี่ยนะพอคุณจัดสรรโน่นนี่นั่นลงตัวเหล่า
02:43:26 → 02:43:29 เนี้ยนะเขาจะค่อยๆสร้างคีโตนขึ้นมาได้นะ
02:43:29 → 02:43:32 ฮะบางทีก็ไม่ต้องไปรีบไปเครียดที่จะต้อง
02:43:32 → 02:43:34 มึงต้องสร้างมึงต้องสร้างมึงไม่สร้างไม่
02:43:34 → 02:43:36 ได้มึงต้องสร้างอะไรอย่าเงี้ยอืครับ
02:43:36 → 02:43:44 เครียดเกินไปอือๆครับโอเคครับขอบคุณมาก
02:43:44 → 02:43:47 ครับพี่เนสพี่เนสมีคำำถามอะไรมพี่เนสพี่
02:43:47 → 02:43:52 เนสเงียบ
02:43:52 → 02:43:56 เลยโอเคอุยมาเรื่องคตนใชวันเราก็เลยยัง
02:43:57 → 02:44:00 ไม่ได้พูดกันถึงเรื่องอะไรอ่ะถึงเรื่อง
02:44:00 → 02:44:04 ตัวอย่างเคสอ่าๆๆๆตัวอย่างเคสมีเยอะั้ย
02:44:04 → 02:44:08 ครับพี่หมอก็เยอะนะเยอะเยอะนะเราตัดเรา
02:44:08 → 02:44:12 ตัดไปอีกตอนนึงมั้ยครับตัดอีกตอนนึงตัดอี
02:44:12 → 02:44:15 อีกตอนนึงเพราะว่าตอนนี้มันมัน 3 ช่วโมง 2
02:44:15 → 02:44:18 ช 3 ชเออค่อนข้างเป็นทฤษฎีแต่ก็น่าจะได้
02:44:18 → 02:44:23 เนื้อหาสาระนะฮะโอนะครับอุถ้าถ้าไม่ได้
02:44:23 → 02:44:25 เนื้อหาก็คงจบไปนานแล้วพี่
02:44:26 → 02:44:30 หอนี่ผมยังไม่อยากวางอ
02:44:30 → 02:44:36 เนี่ยเออเอ้ยที่วางโทรศัพท์มาแล้วพี่
02:44:36 → 02:44:40 หมอเหมือนอืเหมือนต้องมีต่อว่าคีโตนมัน
02:44:40 → 02:44:44 เป็นยังไงใช่เพราะว่าถ้าพูดตอนนี้ก็คือ
02:44:44 → 02:44:46 เราก็ยังไม่เข้าใจเรกซอ
02:44:46 → 02:44:50 ครับใช่คือตอนเรู้รู้แค่ว่ามันมีประโยชน์
02:44:50 → 02:44:53 ครับมันซ่อมแซมได้แต่ว่าเราไม่รู้ว่ามัน
02:44:53 → 02:44:57 ไปทำอะไรได้บ้างไงมันเป็นตัวที่สุดที่สุด
02:44:57 → 02:45:01 แล้วนะของอืของธรรมชาติของระบบเผ่าผัน
02:45:01 → 02:45:06 พลังงานของร่างกายแล้วสิ่งที่คีโตนเแอช
02:45:06 → 02:45:09 อะไรต่างๆเนี่ยเขาจะแก้ปัญหาได้เกือบหมด
02:45:09 → 02:45:12 อืในสิ่งที่เราต้องการน่ะนะเช่นเรา
02:45:12 → 02:45:17 ต้องการการชะลอวัยลอง activity อายุยืน
02:45:17 → 02:45:21 ยาวหน้าเด็กเอ่อการรักษาการเจ็บป่วยนะการ
02:45:21 → 02:45:25 เพิ่มพลังงานในระดับเซลล์การบูสอะไรต่างๆ
02:45:25 → 02:45:29 ขึ้นมาอการรักษาการอักเสบอะไรอย่างเงี้ย
02:45:29 → 02:45:33 นะอืซึ่งยากนะการจะมีคีโตนได้มันต้อง
02:45:33 → 02:45:36 อย่างที่บอก 4 ปัจจัยที่พี่หมอบอกมานะอืๆ
02:45:36 → 02:45:40 อืนั่นแอืมีทุกอย่างแต่ตับไม่สะอาดมันก็
02:45:40 → 02:45:41 ออกมาน้อย
02:45:41 → 02:45:47 อีกแล้วก็ตัวที่เบรคคีโตนที่สำคัญเลยครับ
02:45:47 → 02:45:51 ก็คือก็คือตัวพ่อตัวแม่นี่แหละนะฮะนะก็
02:45:51 → 02:45:56 คืออินซูลินกับคอซอโดยเฉพาะอินซูลินนะอ่า
02:45:56 → 02:45:59 เอแล้วอ่าพี่นั่นแหละเดี๋ยวค่อยเข้า
02:45:59 → 02:46:01 เรื่องคีโตนก็ได้นะพี่หมอเพราะว่าคีโตน
02:46:01 → 02:46:04 ผลิตออกมาที่แบอกมันมีทั้งดีและไม่ดีอ่ะ
02:46:04 → 02:46:07 อ๋อเออไอ้นั่นไนั่นเป็นรายละเอียดราย
02:46:07 → 02:46:09 ละเอียดนะเดี๋ยวลงลงเรื่องคีโตอีกทีนึงนะ
02:46:09 → 02:46:10 พี่
02:46:10 → 02:46:16 หมอนะก็จะมีทั้งอ่าแอลฟ่าเบต้าแกมม่าอ่าๆ
02:46:16 → 02:46:20 หยอดหยอดไว้ก่อนหยอดไว้ก่อนเยอะยาวไปหมด
02:46:20 → 02:46:23 เลยเออไม่ไม่ใช่ว่าเออผลิตออกมาแล้วบางคน
02:46:23 → 02:46:26 คิดว่าเอ้ยนี่ไงออกมากับฉี่แล้วออกมากับ
02:46:26 → 02:46:30 นี่แล้วแต่ว่ามันก็ยังไม่ใช่คีโตน adap
02:46:30 → 02:46:34 ใช่มั้ยเออยังออก็คือสร้างคีโตนได้แต่
02:46:34 → 02:46:39 เซลล์ใช้ได้มั้ยนะฮะอืๆบางบางคนอาจจะมี
02:46:39 → 02:46:43 อะไรนะไมโตคอนเดรียเยอะแบบกล้ามเนื้อเยอะ
02:46:43 → 02:46:44 หรือว่าเป็นนักนักกีฬาอะไรอย่างเงี้ใช่
02:46:44 → 02:46:47 มั้ยฮพี่หมออ๋อแต่ว่าถ้าป้อนพลังงานไม่
02:46:47 → 02:46:49 ถูกอะไรอย่างงี้มันก็มันก็ออกมายากเหมือน
02:46:49 → 02:46:51 กันใช่มั้ย
02:46:51 → 02:46:58 ใช่อืมไม่มีใครบอกมาก่อนเลยว่ามันมีอย่าง
02:46:58 → 02:47:02 งี้โอเคพี่หมองั้นก็วันนี้แค่นี้ก่อน
02:47:02 → 02:47:06 เดี๋ยวมันจะยาวไปเกือบ 3 ชั่วโมงอเนอะวัน
02:47:06 → 02:47:10 นี้ไม่เป็นไรผมจัดรายการตามใจ
02:47:10 → 02:47:15 ผมไม่สนใจใครเออวันนี้ือสนุก
02:47:15 → 02:47:19 โอเคงั้นขอบคุณทุกคนเลยนะครับเดี๋ยวตาม
02:47:19 → 02:47:22 ติดตามกันคร่าวต่อไปนะครับครับครับผมครับ
02:47:22 → 02:47:25 ครับขอบคุณครับพี่หมอขอบคุณครับทุกคนครับ
02:47:25 → 02:47:27 ครับขอบคุณพี่หมอมากครับขอบคุณครับทั
02:47:27 → 02:47:31 ขอบคุณครับเนสสวัสดีครับ
02:47:31 → 02:47:40 [เพลง]
02:47:40 → 02:47:40 [ปรบมือ]
02:47:40 → 02:47:43 [เพลง]
02:47:43 → 02:47:51 อ
02:47:51 → 02:48:02 [เพลง]
02:48:02 → 02:48:05 เ