00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:05 แล้วเรามาดูรูปนี้กันครับทุกคนจะเห็นว่า
00:00:06 → 00:00:10 รูปขนมครัวซองเบเกอรี่คุกกี้เฟรนฟายหรือ
00:00:10 → 00:00:14 แม้กระทั่งพิษทรงพิซซ่าที่ปัจจุบันนี้มี
00:00:14 → 00:00:18 การดัมราคาแข่งกันนะทุกคนก็จะอาหารประเภท
00:00:18 → 00:00:21 กลุ่มนี้คืออาหารที่เราเรียกว่าเป็น Ultra
00:00:21 → 00:00:24 process Food นะครับเหนือกว่า process
00:00:24 → 00:00:26 Food ไปอีกคำว่า Ultra process Food
00:00:26 → 00:00:30 ก็คืออาหารที่มี High แอีแต่ว่า low นียน
00:00:30 → 00:00:34 ครับแครี่จากอะไรเอ่ยจากแป้งจากน้ำตาลจาก
00:00:34 → 00:00:36 พวกกลุ่มน้ำมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกลุ่ม
00:00:36 → 00:00:39 เอ่อน้ำมันพืชนะครับซึ่งอุดมไปด้วย
00:00:39 → 00:00:43 โอเมก้า 6 หรือว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิง
00:00:43 → 00:00:47 ซ้อนนะครับจะเห็นว่าถ้าเรารับประทานหรือ
00:00:47 → 00:00:50 ว่ากินอาหารเหล่านี้เข้ามามากขึ้นแปลว่า
00:00:50 → 00:00:52 เราได้อะไรเยอะเอ่ยเราได้ทั้งปริมาณ
00:00:52 → 00:00:55 คาร์โบไฮเดรตนะฮะแล้วก็ได้ทั้งปริมาณเอ่อ
00:00:55 → 00:00:59 แฟตเข้ามาเยอะเวลาแฟตกับขาบเข้ามาในร่าง
00:00:59 → 00:01:02 กายเยอะจะเกิดอะไรขึ้นอทุกคนจะเกิดอะไร
00:01:02 → 00:01:07 ขึ้นถ้าใน Text ตรงนี้จะบอกว่าเวลาที่ขาบ
00:01:07 → 00:01:11 combination กับ Fat มันจะ bast เดี๋ยว
00:01:11 → 00:01:13 มันจะ wck นะครับซึ่งแต่วงเล็บไว้อีกนึง
00:01:13 → 00:01:15 นะมันอร่อยถูกมั้ยฮะเพราะว่ามันอะไรมันไป
00:01:16 → 00:01:19 ทริกเกอร์สมองส่วนหิวของเรานะครับให้เกิด
00:01:19 → 00:01:22 การ Addict กับ Addict นะกับอาหารประเภท
00:01:22 → 00:01:24 กลุ่มนี้ตรงนี้เราเรียก pass Way ว่า
00:01:24 → 00:01:27 เป็น honic Hunger หรือว่าความอยากกินนะ
00:01:27 → 00:01:30 ทุกคนจะเห็นว่าเอ้ยบางทีเรากินอาหารปกติ
00:01:30 → 00:01:33 ตามมื้อของเราแบบอิ่มแล้วแต่ทำไมเราถึงมี
00:01:34 → 00:01:37 ความหิวก๊อก 2 นะมากินของหวานมากินขนมมา
00:01:37 → 00:01:40 กินไอติมได้เพราะว่าเรามี honic hanger
00:01:40 → 00:01:44 พวอยู่นั่นเองนะครับเวลาที่ Fat เจอข่าว
00:01:44 → 00:01:47 จะเกิดอะไรขึ้นจะเป็นสัญญาณไปกระตุ้น
00:01:47 → 00:01:51 อินซูลินทำให้มีการเิลแปลว่ามีการสร้างไข
00:01:51 → 00:01:55 มันสะสมในร่างกายมากขึ้นนะฮะถามว่าตรงนี้
00:01:55 → 00:01:59 มีคำอธิบายยมีแน่นอนครับอ่าคำอธิบายตรง
00:01:59 → 00:02:02 นี้นะครับมาจาก hypothesis นึงนะครับที่
00:02:02 → 00:02:05 มีการ propose กันตั้งแต่ปี 1963 นะครับ
00:02:05 → 00:02:10 โดยดร Philips rendel นะครับอ่าหลายๆคน
00:02:10 → 00:02:13 คงเคยได้ยินคำว่า rend เอ่อ Cycle นะครับ
00:02:13 → 00:02:15 คำว่า rendel Cycle นะครับหมายถึงอะไร
00:02:16 → 00:02:19 หมายถึงการที่ร่างกายนะครับมีการเลือกนะ
00:02:19 → 00:02:22 ครับมีการเลือกเผาผลา substrate
00:02:22 → 00:02:25 substrate ที่แข่งกันนะครับใน่าในการ
00:02:25 → 00:02:28 กระบวนการที่ร่างกายเลือกนำมาเผาผลาญก็
00:02:28 → 00:02:31 คือกลูโคสกับไขมันนั่นเองคราวนี้จะพาทุก
00:02:31 → 00:02:36 คนมารีวิวข้อมูลนะครับนี้กันในรูปนี้อ่า
00:02:36 → 00:02:39 เราจะเห็นว่าเรามองในรูปของคุณผู้หญิงที่
00:02:39 → 00:02:43 ทานแฮมเบอร์เกอร์นะที่มีปริมาณแป้งหรือ
00:02:43 → 00:02:46 ขาบค่อนข้างเยอะนะครับร่างกายก็จะมีอะไร
00:02:46 → 00:02:48 เอ่ยก็จะได้รับปริมาณน้ำตาลเข้ามาเยอะนะ
00:02:48 → 00:02:51 ครับปริมาณกลูโคสที่เข้ามาเยอะนะร่างกาย
00:02:52 → 00:02:55 ก็จะมีการดึงเอาเข้ามาใช้ในเซลล์จำกระบวน
00:02:55 → 00:02:57 การเผาผลาในช่วงแรกที่หมออธิบายได้เนาะ
00:02:57 → 00:03:01 อ่ากลูโคสนะครับกรุดโฟก็จะเป็นประตูที่
00:03:01 → 00:03:04 เปิดรับกลูโคสเข้ามาในเซลล์ผ่านกระบวนการ
00:03:04 → 00:03:07 ไกลโคไลซิสซึ่งอยู่บริเวณไซโตพลาสซึมหรือ
00:03:07 → 00:03:11 อยู่ในอเรียสีส้มๆตรงนี้นะครับเป็นบริเวณ
00:03:11 → 00:03:14 ที่อยู่ในเอ่ออยู่นอกเอ่ออยู่นอก
00:03:14 → 00:03:17 ไมโทคอนเดรียนะครับกระบวนการไกลโคไลซิส
00:03:17 → 00:03:20 ตรงนี้พวกเราเคยเรียนแล้วเนาะในชีววิทยา
00:03:20 → 00:03:22 ก็จะมีการสร้าง ATP ได้บ้างเล็กน้อยนะ
00:03:22 → 00:03:26 ครับแต่ความสำคัญก็คือน้ำตาลกลูโคสที่
00:03:26 → 00:03:28 ผ่านไกลโคไลซิสนั้นจะได้สารที่ชื่อว่า
00:03:28 → 00:03:32 ไพรูเวทนะครับไพรูเวทจะถูกลำเลียงเข้ามา
00:03:32 → 00:03:36 อ่าเข้ามาในไมโตคอนเดรียไมโตคอนเดรียก็จะ
00:03:36 → 00:03:40 มีการสร้างสารต่างๆนะครับข้างในมากขึ้น
00:03:40 → 00:03:43 ผ่านกระบวนการ cave Cycle เนาะ cave
00:03:43 → 00:03:46 Cycle เนาะใน CP Cycle นั้นจะได้สารที่
00:03:46 → 00:03:50 ชื่อว่าิิ co a ออกมาครับซึ่งิิ co a
00:03:50 → 00:03:53 ก็จะถูกนำเข้าเฟ cave Cycle ได้เป็นกด
00:03:53 → 00:03:56 ซิตริกหรือซิตอ่าตรงนี้จำไม่ได้ไม่เป็นไร
00:03:56 → 00:04:00 ฟังที่หมออธิบายนะครับไปทีละสเต็ปซิเหรือ
00:04:00 → 00:04:02 ซิตริกที่มากขึ้นเวลาที่เราได้รับน้ำตาล
00:04:03 → 00:04:06 กลูโคสเข้ามาเ้าจะมีการย้อนกลับนะครับ
00:04:06 → 00:04:09 ย้อนกลับออกมาบริเวณที่ไมโทคอนเดรียเนาะ
00:04:09 → 00:04:12 ซึ่งก็จะถูกกระตุ้นอ่านะครับให้มีการ
00:04:13 → 00:04:16 สร้างผ่านผ่านกระบวนการต่างๆนะครับให้มี
00:04:16 → 00:04:19 การสร้างสารถัดมาตัวที่ชื่อว่า maron co
00:04:19 → 00:04:21 เอมากขึ้นซึ่ง maron โอต้องบอกว่าตัวนี้
00:04:21 → 00:04:25 เ้าเป็นตัวที่มีความสำคัญครับที่เขาจะทำ
00:04:25 → 00:04:29 หน้าที่ยับยั้งกระบวนการดึงเอาแฟตมาสลาย
00:04:29 → 00:04:32 ในในร่างในเซลล์หรือพูดง่ายๆว่าเมื่อไหร่
00:04:32 → 00:04:35 ก็ตามที่เซลล์นะครับของเราภายในเซลล์ของ
00:04:35 → 00:04:40 เรามีสารมานิ coa มากขึ้นเขาจะยับยั้งการ
00:04:40 → 00:04:44 สลายกรดไขมันที่เราได้รับเข้ามานะจากตรง
00:04:44 → 00:04:46 นี้เราจะเห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามี
00:04:46 → 00:04:49 เอ่อชูการหรือกลูโคสที่ dominance นะครับ
00:04:49 → 00:04:52 หรือว่ามีปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่โหลดเข้า
00:04:52 → 00:04:55 มาร่างกายก็เลือกที่จะใช้กลูโคสก่อนแล้ว
00:04:55 → 00:04:58 ก็บล็อกการสลายไขมันเพราะฉะนั้นในรูปนี้
00:04:58 → 00:05:00 ทุกคนจะเห็นว่า้าถ้าเรากินอาหารประเภท
00:05:00 → 00:05:03 Ultra pate Food ไม่ว่าจะเป็นกินขาบ
00:05:03 → 00:05:07 เยอะพร้อมแฟตเยอะเป็นยังไงเอ่ยเราก็จะใช้
00:05:07 → 00:05:10 กลูโคสก่อนนะครับอ่าแล้วก็สิ่งที่สำคัญ
00:05:10 → 00:05:13 ปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่มากขึ้นมันมาพร้อม
00:05:13 → 00:05:15 กับอินซูลินที่ถูกกระตุ้นออกมาเยอะเขาก็
00:05:16 → 00:05:21 จะทำให้มาิโอสูงขึ้นแล้วก็จะบล็อกการสใช้
00:05:21 → 00:05:24 ไขมันเป็นพลังงานนะครับแฟตเข้าเซลล์ไม่
00:05:24 → 00:05:27 ได้เข้าเ่อไมโตคอนเดรียไม่ได้ก็จะทำให้
00:05:27 → 00:05:30 ฟอร์มเป็นไตรกีซาไลน์มากขึ้นอ่าอันนี้ก็
00:05:30 → 00:05:33 เป็นคำอธิบายว่าทำไมปัจจุบันนี้อาหารพวก
00:05:33 → 00:05:36 process Food ต่างๆนะครับหรือพวกกลุ่ม
00:05:36 → 00:05:38 Ultra process Food อาหาร Fast Food
00:05:38 → 00:05:40 จัง Food ทำให้เราอ้วนง่ายขึ้นเพราะว่า
00:05:40 → 00:05:43 อะไรเพราะว่า 1 กระตุ้นอินซูลินเนาะอย่าง
00:05:43 → 00:05:46 ที่ 2 มี High Fat ร่วมด้วยอ่าเวลาที่
00:05:46 → 00:05:49 เจอ High ขาคู่กับ High Fat ร่างกายของ
00:05:49 → 00:05:51 เราก็เลือกที่จะบ็อก Fat ไม่ให้ใช้เป็น
00:05:51 → 00:05:54 Energy นะครับแล้วก็ทำให้เราเกน Fat
00:05:54 → 00:05:58 ง่ายขึ้นเมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลินนะครับ
00:05:58 → 00:06:00 มีการกระตุ้น
00:06:00 → 00:06:03 ให้มีกระบวนการหลังอินซูลินออกมานานๆมาก
00:06:03 → 00:06:06 ขึ้นร่างกายก็จะค่อยๆเกิดภาวะดื้อ
00:06:06 → 00:06:08 อินซูลินแล้วก็ทำให้เรามีเรื่องของการ
00:06:08 → 00:06:11 เก็บเอ่อน้ำตาลสะสมน้ำตาลสะสมที่มากขึ้น
00:06:11 → 00:06:14 ก็เปลี่ยนเป็นแฟตได้เช่นกันนะครับโอเคใน
00:06:14 → 00:06:17 อีกโมเดลนึงครับคราวนี้เราลองมาดูว่าใน
00:06:17 → 00:06:19 inc กรณีที่เรากินอาหาร High Fat บ้าง
00:06:20 → 00:06:23 อ่านะครับใน rend Cycle เขาก็มีการพูด
00:06:23 → 00:06:26 ถึงเนาะว่ากรณีที่เรามีการทาน long chain
00:06:26 → 00:06:29 fy Acid เข้ามาร่างกายของเราก็จะมีการ
00:06:29 → 00:06:32 ดึงเอากรดไขมันเหล่านี้เข้ามาเผาผ่านใน
00:06:32 → 00:06:35 ไมโทคอนเดรียนะครับอ่าในไมโทคอนเดรียตรง
00:06:35 → 00:06:37 นี้เนาะเกิดเป็นอะไรเอ่ยเกิดเป็นสารตัว
00:06:37 → 00:06:40 กลางเหมือนเดิมที่ชื่ออิค a แล้วก็ได้ตัว
00:06:40 → 00:06:44 ิตหรือว่า citc Acid ออกมานอกเซลล์นะ
00:06:44 → 00:06:46 ครับคราวนี้บทบาทสำคัญของเจ้าซิตริกที่
00:06:46 → 00:06:50 ผลิตออกมาเยอะแล้วก็ถูกเอ่อมีการเอ่อเา้า
00:06:50 → 00:06:53 เรียกว่ามี Le ออกมาจากไมโตคอนเดรียนั้น
00:06:53 → 00:06:57 นะครับเขาก็จะทำหน้าที่ในการบล็อกการดึง
00:06:57 → 00:07:00 น้ำตาลกลูโคสเข้ามาเผาผๆเห็นมั้ยฮะว่า
00:07:00 → 00:07:03 เมื่อกี้ High Sugar High กลูโคสบล็อก
00:07:03 → 00:07:06 การใช้แฟตคราวเนี้ย High Fat ก็จะบล็อก
00:07:06 → 00:07:09 กลูโคสเช่นกันตรงเนี้ยเป็นกระบวนการของ
00:07:09 → 00:07:14 ร่างกายนะครับกรณีที่เรากินปริมาณเอ่อน้ำ
00:07:14 → 00:07:17 ตาลไม่ได้เยอะมากอย่างเช่นในอาหารทั่วๆไป
00:07:17 → 00:07:20 อาหารที่เรากินตามปกตินะครับไม่ได้มีทั้ง
00:07:20 → 00:07:23 High Fat แล้วก็ High ขาบนะน้ำตาลที่
00:07:23 → 00:07:26 ดึงเข้ามาใช้ในเซลล์ไม่ได้ก็จะไม่ได้สูง
00:07:26 → 00:07:28 ในเลือดมากตรงนี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นปัญหา
00:07:28 → 00:07:31 แต่ว่าปัจจุบันนี้เรากินอาหารประเภท Ultra
00:07:31 → 00:07:33 process Food process Food อาหาร High
00:07:34 → 00:07:36 ขับ High Fat สิ่งที่เราจะเกิดขึ้นคือ
00:07:36 → 00:07:39 อะไรครับน้ำตาลก็จะล้นออกนอกเซลล์มากขึ้น
00:07:39 → 00:07:43 บางท่านที่เอ่อกล้ามเนื้อหรืออวัยวะต่างๆ
00:07:43 → 00:07:46 เริ่มมีกระบวนการนี้เสียไปนะครับก็จะดึง
00:07:46 → 00:07:48 เอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้ก็อาจจะเกิดเป็นโรค
00:07:48 → 00:07:52 เบาหวานเกิดเป็นเรื่องของเอ่อมีการเก็บ
00:07:52 → 00:07:55 สะสมนะครับน้ำตาลในเซลล์ไขมันมากขึ้น
00:07:55 → 00:07:57 เปลี่ยนน้ำตาลนั้นให้เป็นตัวแฟตเซลล์มาก
00:07:57 → 00:08:00 ขึ้นนะครับก็จากตรงนี้ก็จะเห็นว่าในช่วง
00:08:00 → 00:08:03 แรกเค้าก็จะมีการเก็บน้ำตาลในรูปของเ่อ
00:08:03 → 00:08:06 เค้าเรียกเป็นมีการเปลี่ยนไม่บล็อกไม่ให้
00:08:06 → 00:08:08 น้ำตาลกูโค้ดเข้า
00:08:08 → 00:08:14 มาเขาก็จะมีการ ose ให้เป็นตัวสารตัวกลาง
00:08:14 → 00:08:17 ในเอ่อการเผาผลาญที่ไมโตคอนเดรียรวมถึง
00:08:17 → 00:08:20 สร้างไกลโคเจนมากขึ้นเอาล่ะก็ให้ทุกคน
00:08:20 → 00:08:23 เห็นครับว่าความมหัศจรรย์ของระบบเผาผลาน
00:08:23 → 00:08:25 ร่างกายของเราอธิบายผ่าน rend Cycle
00:08:25 → 00:08:29 เนี่ยก็ทำให้เราเห็นภาพว่าปัญหาของการกิน
00:08:29 → 00:08:31 ในปัจจุบันนี้ที่เรากินอาหารประเภท
00:08:31 → 00:08:34 process Food High C High Fat มัน
00:08:34 → 00:08:36 ทำให้เราไม่สามารถจัดการพลังงานได้สิ่ง
00:08:37 → 00:08:39 ที่จะเกิดขึ้นก็คือทำให้เซลล์หรือ
00:08:39 → 00:08:43 ไมโตคอนเดรียของเราทำงานได้ไม่ดีจนนำไป
00:08:43 → 00:08:45 ซึ่งเอ่อปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่าเป็น
00:08:45 → 00:08:48 ไมโทคอนเดรียฟังก์ชันนะครับหรือว่าเซลล์
00:08:48 → 00:08:51 เสื่อมนั่นเองนะพอไมโทคอนเดรียเสื่อมสิ่ง
00:08:51 → 00:08:54 ที่จะเกิดคืออะไรอ่าทางบ้านนึกออกมย
00:08:54 → 00:08:57 ไมโทคอนเดรียเป็นแหล่งในการสร้าง
00:08:57 → 00:09:01 ATP เยอะเลยนะ 1 กลูโคสได้ ATP เท่าไหร่
00:09:01 → 00:09:04 เอ่ยเกือบ 32 ใช่ไหมยครับถ้าไมโทคอนเดีย
00:09:04 → 00:09:07 เราพังทำงานได้ไม่ดีเราจะเป็นคนเสมือน
00:09:07 → 00:09:11 หนึ่งไม่มี Energy เหนื่อยง่ายแรงตกนะ
00:09:11 → 00:09:14 ครับแล้วก็จะหาอะไรที่แบบฟีดตัวเองให้ได้
00:09:14 → 00:09:17 มีพลังงานเร็วๆเยอะๆนะครับก็ส่วนใหญ่มัก
00:09:17 → 00:09:22 จะเป็นน้ำตาลกลูโคสนั่นเอง
00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:05 แล้วเรามาดูรูปนี้กันครับทุกคนจะเห็นว่า
00:00:06 → 00:00:10 รูปขนมครัวซองเบเกอรี่คุกกี้เฟรนฟายหรือ
00:00:10 → 00:00:14 แม้กระทั่งพิษทรงพิซซ่าที่ปัจจุบันนี้มี
00:00:14 → 00:00:18 การดัมราคาแข่งกันนะทุกคนก็จะอาหารประเภท
00:00:18 → 00:00:21 กลุ่มนี้คืออาหารที่เราเรียกว่าเป็น Ultra
00:00:21 → 00:00:24 process Food นะครับเหนือกว่า process
00:00:24 → 00:00:26 Food ไปอีกคำว่า Ultra process Food
00:00:26 → 00:00:30 ก็คืออาหารที่มี High แอีแต่ว่า low นียน
00:00:30 → 00:00:34 ครับแครี่จากอะไรเอ่ยจากแป้งจากน้ำตาลจาก
00:00:34 → 00:00:36 พวกกลุ่มน้ำมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกลุ่ม
00:00:36 → 00:00:39 เอ่อน้ำมันพืชนะครับซึ่งอุดมไปด้วย
00:00:39 → 00:00:43 โอเมก้า 6 หรือว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิง
00:00:43 → 00:00:47 ซ้อนนะครับจะเห็นว่าถ้าเรารับประทานหรือ
00:00:47 → 00:00:50 ว่ากินอาหารเหล่านี้เข้ามามากขึ้นแปลว่า
00:00:50 → 00:00:52 เราได้อะไรเยอะเอ่ยเราได้ทั้งปริมาณ
00:00:52 → 00:00:55 คาร์โบไฮเดรตนะฮะแล้วก็ได้ทั้งปริมาณเอ่อ
00:00:55 → 00:00:59 แฟตเข้ามาเยอะเวลาแฟตกับขาบเข้ามาในร่าง
00:00:59 → 00:01:02 กายเยอะจะเกิดอะไรขึ้นอทุกคนจะเกิดอะไร
00:01:02 → 00:01:07 ขึ้นถ้าใน Text ตรงนี้จะบอกว่าเวลาที่ขาบ
00:01:07 → 00:01:11 combination กับ Fat มันจะ bast เดี๋ยว
00:01:11 → 00:01:13 มันจะ wck นะครับซึ่งแต่วงเล็บไว้อีกนึง
00:01:13 → 00:01:15 นะมันอร่อยถูกมั้ยฮะเพราะว่ามันอะไรมันไป
00:01:16 → 00:01:19 ทริกเกอร์สมองส่วนหิวของเรานะครับให้เกิด
00:01:19 → 00:01:22 การ Addict กับ Addict นะกับอาหารประเภท
00:01:22 → 00:01:24 กลุ่มนี้ตรงนี้เราเรียก pass Way ว่า
00:01:24 → 00:01:27 เป็น honic Hunger หรือว่าความอยากกินนะ
00:01:27 → 00:01:30 ทุกคนจะเห็นว่าเอ้ยบางทีเรากินอาหารปกติ
00:01:30 → 00:01:33 ตามมื้อของเราแบบอิ่มแล้วแต่ทำไมเราถึงมี
00:01:34 → 00:01:37 ความหิวก๊อก 2 นะมากินของหวานมากินขนมมา
00:01:37 → 00:01:40 กินไอติมได้เพราะว่าเรามี honic hanger
00:01:40 → 00:01:44 พวอยู่นั่นเองนะครับเวลาที่ Fat เจอข่าว
00:01:44 → 00:01:47 จะเกิดอะไรขึ้นจะเป็นสัญญาณไปกระตุ้น
00:01:47 → 00:01:51 อินซูลินทำให้มีการเิลแปลว่ามีการสร้างไข
00:01:51 → 00:01:55 มันสะสมในร่างกายมากขึ้นนะฮะถามว่าตรงนี้
00:01:55 → 00:01:59 มีคำอธิบายยมีแน่นอนครับอ่าคำอธิบายตรง
00:01:59 → 00:02:02 นี้นะครับมาจาก hypothesis นึงนะครับที่
00:02:02 → 00:02:05 มีการ propose กันตั้งแต่ปี 1963 นะครับ
00:02:05 → 00:02:10 โดยดร Philips rendel นะครับอ่าหลายๆคน
00:02:10 → 00:02:13 คงเคยได้ยินคำว่า rend เอ่อ Cycle นะครับ
00:02:13 → 00:02:15 คำว่า rendel Cycle นะครับหมายถึงอะไร
00:02:16 → 00:02:19 หมายถึงการที่ร่างกายนะครับมีการเลือกนะ
00:02:19 → 00:02:22 ครับมีการเลือกเผาผลา substrate
00:02:22 → 00:02:25 substrate ที่แข่งกันนะครับใน่าในการ
00:02:25 → 00:02:28 กระบวนการที่ร่างกายเลือกนำมาเผาผลาญก็
00:02:28 → 00:02:31 คือกลูโคสกับไขมันนั่นเองคราวนี้จะพาทุก
00:02:31 → 00:02:36 คนมารีวิวข้อมูลนะครับนี้กันในรูปนี้อ่า
00:02:36 → 00:02:39 เราจะเห็นว่าเรามองในรูปของคุณผู้หญิงที่
00:02:39 → 00:02:43 ทานแฮมเบอร์เกอร์นะที่มีปริมาณแป้งหรือ
00:02:43 → 00:02:46 ขาบค่อนข้างเยอะนะครับร่างกายก็จะมีอะไร
00:02:46 → 00:02:48 เอ่ยก็จะได้รับปริมาณน้ำตาลเข้ามาเยอะนะ
00:02:48 → 00:02:51 ครับปริมาณกลูโคสที่เข้ามาเยอะนะร่างกาย
00:02:52 → 00:02:55 ก็จะมีการดึงเอาเข้ามาใช้ในเซลล์จำกระบวน
00:02:55 → 00:02:57 การเผาผลาในช่วงแรกที่หมออธิบายได้เนาะ
00:02:57 → 00:03:01 อ่ากลูโคสนะครับกรุดโฟก็จะเป็นประตูที่
00:03:01 → 00:03:04 เปิดรับกลูโคสเข้ามาในเซลล์ผ่านกระบวนการ
00:03:04 → 00:03:07 ไกลโคไลซิสซึ่งอยู่บริเวณไซโตพลาสซึมหรือ
00:03:07 → 00:03:11 อยู่ในอเรียสีส้มๆตรงนี้นะครับเป็นบริเวณ
00:03:11 → 00:03:14 ที่อยู่ในเอ่ออยู่นอกเอ่ออยู่นอก
00:03:14 → 00:03:17 ไมโทคอนเดรียนะครับกระบวนการไกลโคไลซิส
00:03:17 → 00:03:20 ตรงนี้พวกเราเคยเรียนแล้วเนาะในชีววิทยา
00:03:20 → 00:03:22 ก็จะมีการสร้าง ATP ได้บ้างเล็กน้อยนะ
00:03:22 → 00:03:26 ครับแต่ความสำคัญก็คือน้ำตาลกลูโคสที่
00:03:26 → 00:03:28 ผ่านไกลโคไลซิสนั้นจะได้สารที่ชื่อว่า
00:03:28 → 00:03:32 ไพรูเวทนะครับไพรูเวทจะถูกลำเลียงเข้ามา
00:03:32 → 00:03:36 อ่าเข้ามาในไมโตคอนเดรียไมโตคอนเดรียก็จะ
00:03:36 → 00:03:40 มีการสร้างสารต่างๆนะครับข้างในมากขึ้น
00:03:40 → 00:03:43 ผ่านกระบวนการ cave Cycle เนาะ cave
00:03:43 → 00:03:46 Cycle เนาะใน CP Cycle นั้นจะได้สารที่
00:03:46 → 00:03:50 ชื่อว่าิิ co a ออกมาครับซึ่งิิ co a
00:03:50 → 00:03:53 ก็จะถูกนำเข้าเฟ cave Cycle ได้เป็นกด
00:03:53 → 00:03:56 ซิตริกหรือซิตอ่าตรงนี้จำไม่ได้ไม่เป็นไร
00:03:56 → 00:04:00 ฟังที่หมออธิบายนะครับไปทีละสเต็ปซิเหรือ
00:04:00 → 00:04:02 ซิตริกที่มากขึ้นเวลาที่เราได้รับน้ำตาล
00:04:03 → 00:04:06 กลูโคสเข้ามาเ้าจะมีการย้อนกลับนะครับ
00:04:06 → 00:04:09 ย้อนกลับออกมาบริเวณที่ไมโทคอนเดรียเนาะ
00:04:09 → 00:04:12 ซึ่งก็จะถูกกระตุ้นอ่านะครับให้มีการ
00:04:13 → 00:04:16 สร้างผ่านผ่านกระบวนการต่างๆนะครับให้มี
00:04:16 → 00:04:19 การสร้างสารถัดมาตัวที่ชื่อว่า maron co
00:04:19 → 00:04:21 เอมากขึ้นซึ่ง maron โอต้องบอกว่าตัวนี้
00:04:21 → 00:04:25 เ้าเป็นตัวที่มีความสำคัญครับที่เขาจะทำ
00:04:25 → 00:04:29 หน้าที่ยับยั้งกระบวนการดึงเอาแฟตมาสลาย
00:04:29 → 00:04:32 ในในร่างในเซลล์หรือพูดง่ายๆว่าเมื่อไหร่
00:04:32 → 00:04:35 ก็ตามที่เซลล์นะครับของเราภายในเซลล์ของ
00:04:35 → 00:04:40 เรามีสารมานิ coa มากขึ้นเขาจะยับยั้งการ
00:04:40 → 00:04:44 สลายกรดไขมันที่เราได้รับเข้ามานะจากตรง
00:04:44 → 00:04:46 นี้เราจะเห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามี
00:04:46 → 00:04:49 เอ่อชูการหรือกลูโคสที่ dominance นะครับ
00:04:49 → 00:04:52 หรือว่ามีปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่โหลดเข้า
00:04:52 → 00:04:55 มาร่างกายก็เลือกที่จะใช้กลูโคสก่อนแล้ว
00:04:55 → 00:04:58 ก็บล็อกการสลายไขมันเพราะฉะนั้นในรูปนี้
00:04:58 → 00:05:00 ทุกคนจะเห็นว่า้าถ้าเรากินอาหารประเภท
00:05:00 → 00:05:03 Ultra pate Food ไม่ว่าจะเป็นกินขาบ
00:05:03 → 00:05:07 เยอะพร้อมแฟตเยอะเป็นยังไงเอ่ยเราก็จะใช้
00:05:07 → 00:05:10 กลูโคสก่อนนะครับอ่าแล้วก็สิ่งที่สำคัญ
00:05:10 → 00:05:13 ปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่มากขึ้นมันมาพร้อม
00:05:13 → 00:05:15 กับอินซูลินที่ถูกกระตุ้นออกมาเยอะเขาก็
00:05:16 → 00:05:21 จะทำให้มาิโอสูงขึ้นแล้วก็จะบล็อกการสใช้
00:05:21 → 00:05:24 ไขมันเป็นพลังงานนะครับแฟตเข้าเซลล์ไม่
00:05:24 → 00:05:27 ได้เข้าเ่อไมโตคอนเดรียไม่ได้ก็จะทำให้
00:05:27 → 00:05:30 ฟอร์มเป็นไตรกีซาไลน์มากขึ้นอ่าอันนี้ก็
00:05:30 → 00:05:33 เป็นคำอธิบายว่าทำไมปัจจุบันนี้อาหารพวก
00:05:33 → 00:05:36 process Food ต่างๆนะครับหรือพวกกลุ่ม
00:05:36 → 00:05:38 Ultra process Food อาหาร Fast Food
00:05:38 → 00:05:40 จัง Food ทำให้เราอ้วนง่ายขึ้นเพราะว่า
00:05:40 → 00:05:43 อะไรเพราะว่า 1 กระตุ้นอินซูลินเนาะอย่าง
00:05:43 → 00:05:46 ที่ 2 มี High Fat ร่วมด้วยอ่าเวลาที่
00:05:46 → 00:05:49 เจอ High ขาคู่กับ High Fat ร่างกายของ
00:05:49 → 00:05:51 เราก็เลือกที่จะบ็อก Fat ไม่ให้ใช้เป็น
00:05:51 → 00:05:54 Energy นะครับแล้วก็ทำให้เราเกน Fat
00:05:54 → 00:05:58 ง่ายขึ้นเมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลินนะครับ
00:05:58 → 00:06:00 มีการกระตุ้น
00:06:00 → 00:06:03 ให้มีกระบวนการหลังอินซูลินออกมานานๆมาก
00:06:03 → 00:06:06 ขึ้นร่างกายก็จะค่อยๆเกิดภาวะดื้อ
00:06:06 → 00:06:08 อินซูลินแล้วก็ทำให้เรามีเรื่องของการ
00:06:08 → 00:06:11 เก็บเอ่อน้ำตาลสะสมน้ำตาลสะสมที่มากขึ้น
00:06:11 → 00:06:14 ก็เปลี่ยนเป็นแฟตได้เช่นกันนะครับโอเคใน
00:06:14 → 00:06:17 อีกโมเดลนึงครับคราวนี้เราลองมาดูว่าใน
00:06:17 → 00:06:19 inc กรณีที่เรากินอาหาร High Fat บ้าง
00:06:20 → 00:06:23 อ่านะครับใน rend Cycle เขาก็มีการพูด
00:06:23 → 00:06:26 ถึงเนาะว่ากรณีที่เรามีการทาน long chain
00:06:26 → 00:06:29 fy Acid เข้ามาร่างกายของเราก็จะมีการ
00:06:29 → 00:06:32 ดึงเอากรดไขมันเหล่านี้เข้ามาเผาผ่านใน
00:06:32 → 00:06:35 ไมโทคอนเดรียนะครับอ่าในไมโทคอนเดรียตรง
00:06:35 → 00:06:37 นี้เนาะเกิดเป็นอะไรเอ่ยเกิดเป็นสารตัว
00:06:37 → 00:06:40 กลางเหมือนเดิมที่ชื่ออิค a แล้วก็ได้ตัว
00:06:40 → 00:06:44 ิตหรือว่า citc Acid ออกมานอกเซลล์นะ
00:06:44 → 00:06:46 ครับคราวนี้บทบาทสำคัญของเจ้าซิตริกที่
00:06:46 → 00:06:50 ผลิตออกมาเยอะแล้วก็ถูกเอ่อมีการเอ่อเา้า
00:06:50 → 00:06:53 เรียกว่ามี Le ออกมาจากไมโตคอนเดรียนั้น
00:06:53 → 00:06:57 นะครับเขาก็จะทำหน้าที่ในการบล็อกการดึง
00:06:57 → 00:07:00 น้ำตาลกลูโคสเข้ามาเผาผๆเห็นมั้ยฮะว่า
00:07:00 → 00:07:03 เมื่อกี้ High Sugar High กลูโคสบล็อก
00:07:03 → 00:07:06 การใช้แฟตคราวเนี้ย High Fat ก็จะบล็อก
00:07:06 → 00:07:09 กลูโคสเช่นกันตรงเนี้ยเป็นกระบวนการของ
00:07:09 → 00:07:14 ร่างกายนะครับกรณีที่เรากินปริมาณเอ่อน้ำ
00:07:14 → 00:07:17 ตาลไม่ได้เยอะมากอย่างเช่นในอาหารทั่วๆไป
00:07:17 → 00:07:20 อาหารที่เรากินตามปกตินะครับไม่ได้มีทั้ง
00:07:20 → 00:07:23 High Fat แล้วก็ High ขาบนะน้ำตาลที่
00:07:23 → 00:07:26 ดึงเข้ามาใช้ในเซลล์ไม่ได้ก็จะไม่ได้สูง
00:07:26 → 00:07:28 ในเลือดมากตรงนี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นปัญหา
00:07:28 → 00:07:31 แต่ว่าปัจจุบันนี้เรากินอาหารประเภท Ultra
00:07:31 → 00:07:33 process Food process Food อาหาร High
00:07:34 → 00:07:36 ขับ High Fat สิ่งที่เราจะเกิดขึ้นคือ
00:07:36 → 00:07:39 อะไรครับน้ำตาลก็จะล้นออกนอกเซลล์มากขึ้น
00:07:39 → 00:07:43 บางท่านที่เอ่อกล้ามเนื้อหรืออวัยวะต่างๆ
00:07:43 → 00:07:46 เริ่มมีกระบวนการนี้เสียไปนะครับก็จะดึง
00:07:46 → 00:07:48 เอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้ก็อาจจะเกิดเป็นโรค
00:07:48 → 00:07:52 เบาหวานเกิดเป็นเรื่องของเอ่อมีการเก็บ
00:07:52 → 00:07:55 สะสมนะครับน้ำตาลในเซลล์ไขมันมากขึ้น
00:07:55 → 00:07:57 เปลี่ยนน้ำตาลนั้นให้เป็นตัวแฟตเซลล์มาก
00:07:57 → 00:08:00 ขึ้นนะครับก็จากตรงนี้ก็จะเห็นว่าในช่วง
00:08:00 → 00:08:03 แรกเค้าก็จะมีการเก็บน้ำตาลในรูปของเ่อ
00:08:03 → 00:08:06 เค้าเรียกเป็นมีการเปลี่ยนไม่บล็อกไม่ให้
00:08:06 → 00:08:08 น้ำตาลกูโค้ดเข้า
00:08:08 → 00:08:14 มาเขาก็จะมีการ ose ให้เป็นตัวสารตัวกลาง
00:08:14 → 00:08:17 ในเอ่อการเผาผลาญที่ไมโตคอนเดรียรวมถึง
00:08:17 → 00:08:20 สร้างไกลโคเจนมากขึ้นเอาล่ะก็ให้ทุกคน
00:08:20 → 00:08:23 เห็นครับว่าความมหัศจรรย์ของระบบเผาผลาน
00:08:23 → 00:08:25 ร่างกายของเราอธิบายผ่าน rend Cycle
00:08:25 → 00:08:29 เนี่ยก็ทำให้เราเห็นภาพว่าปัญหาของการกิน
00:08:29 → 00:08:31 ในปัจจุบันนี้ที่เรากินอาหารประเภท
00:08:31 → 00:08:34 process Food High C High Fat มัน
00:08:34 → 00:08:36 ทำให้เราไม่สามารถจัดการพลังงานได้สิ่ง
00:08:37 → 00:08:39 ที่จะเกิดขึ้นก็คือทำให้เซลล์หรือ
00:08:39 → 00:08:43 ไมโตคอนเดรียของเราทำงานได้ไม่ดีจนนำไป
00:08:43 → 00:08:45 ซึ่งเอ่อปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่าเป็น
00:08:45 → 00:08:48 ไมโทคอนเดรียฟังก์ชันนะครับหรือว่าเซลล์
00:08:48 → 00:08:51 เสื่อมนั่นเองนะพอไมโทคอนเดรียเสื่อมสิ่ง
00:08:51 → 00:08:54 ที่จะเกิดคืออะไรอ่าทางบ้านนึกออกมย
00:08:54 → 00:08:57 ไมโทคอนเดรียเป็นแหล่งในการสร้าง
00:08:57 → 00:09:01 ATP เยอะเลยนะ 1 กลูโคสได้ ATP เท่าไหร่
00:09:01 → 00:09:04 เอ่ยเกือบ 32 ใช่ไหมยครับถ้าไมโทคอนเดีย
00:09:04 → 00:09:07 เราพังทำงานได้ไม่ดีเราจะเป็นคนเสมือน
00:09:07 → 00:09:11 หนึ่งไม่มี Energy เหนื่อยง่ายแรงตกนะ
00:09:11 → 00:09:14 ครับแล้วก็จะหาอะไรที่แบบฟีดตัวเองให้ได้
00:09:14 → 00:09:17 มีพลังงานเร็วๆเยอะๆนะครับก็ส่วนใหญ่มัก
00:09:17 → 00:09:22 จะเป็นน้ำตาลกลูโคสนั่นเอง