00:00:30 → 00:00:31 สวัสดีค่ะ
00:00:31 → 00:00:33 ขอต้อนแล้วผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการ
00:00:33 → 00:00:34 คุยกับหมออัจจิมาค่ะ
00:00:34 → 00:00:36 ครึ่งชั่วโมงสำหรับการดูแลสุขภาพ
00:00:37 → 00:00:39 แล้วก็สามารถรับชมกันได้ทุกเพศทุกวัย
00:00:39 → 00:00:40 วันนี้เป็นเรื่องของ
00:00:40 → 00:00:43 ปากท้องพี่น้องคนไทยอีกแล้วคุณหมอขา
00:00:43 → 00:00:45 คุณแนนก็เรื่องกินมันเรื่องสำคัญ
00:00:45 → 00:00:45 ค่ะ
00:00:45 → 00:00:47 วันนี้จะชวนกินอะไรดีคะ
00:00:47 → 00:00:49 กินยังไงถึงจะเปลี่ยนยีน
00:00:49 → 00:00:52 งั้นหมายความว่าถ้ายีนไม่ดีมีความเสี่ยงเป็นโรค
00:00:52 → 00:00:55 แต่ถ้าเรากินดีมันอาจจะเปลี่ยนยีนเราได้
00:00:56 → 00:00:57 นี้เรื่องกินนี่สำคัญจริงๆนะคะ
00:00:58 → 00:01:00 กินก่อให้เกิดโรคแล้วก็
00:01:00 → 00:01:02 กินช่วยรักษาโรคได้หมดเลย
00:01:03 → 00:01:04 งั้นวันนี้เราต้องมา
00:01:04 → 00:01:07 ดูแล้วค่ะว่าพฤติกรรมการกินของเราเนี่ยเป็นยังไง
00:01:16 → 00:01:19 ได้เวลาของหมอชวนคุยในสัปดาห์นี้กันแล้วนะคะ
00:01:19 → 00:01:22 อาทิตย์นี้คุณหมอชวนพวกเราคุยกับเรื่องของการ
00:01:22 → 00:01:23 กินอีกแล้ว
00:01:24 → 00:01:26 เราเนี้ยเคยกินหลายรูปแบบแล้วนะคะคุณหมอขา
00:01:26 → 00:01:27 กินอาหารเป็นยา กินอาหาร
00:01:27 → 00:01:30 ต้านโรค กินอาหารชะลอวัย
00:01:30 → 00:01:31 แต่วันเนี้ย
00:01:31 → 00:01:34 เป็นหัวข้อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับตัวแนนเอง
00:01:34 → 00:01:35 มันเป็นเรื่องใหม่คุณแนน
00:01:36 → 00:01:36 กิน
00:01:36 → 00:01:38 เปลี่ยนยีน
00:01:38 → 00:01:39 หรือจริงๆแล้ว
00:01:39 → 00:01:41 ศึกษายีน
00:01:41 → 00:01:42 เพื่อเอามาเปลี่ยนวิธีการกิน
00:01:43 → 00:01:45 ดูสิคะคุณผู้ชมสมัยนี้เราคุยกัน
00:01:45 → 00:01:45 ลึกถึงระดับ
00:01:45 → 00:01:47 ยีนระดับDNK
00:01:47 → 00:01:48 มันต้องลึกระดับนี้
00:01:49 → 00:01:52 เพราะว่าในแต่ละคนเนี่ยมันมีความแตกต่างกัน
00:01:52 → 00:01:53 ถ้าจะดูแลให้มัน
00:01:53 → 00:01:54 เฉพาะลงไปจริงๆเนี่ย
00:01:55 → 00:01:56 ก็คือต้อง
00:01:56 → 00:01:57 ใช้วิธีนี้เลย
00:01:57 → 00:02:00 งั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า
00:02:00 → 00:02:03 การกินเปลี่ยนยีนนี่มันคืออะไรคะคุณหมอ
00:02:03 → 00:02:05 การกินเปลี่ยนยีนจริงๆแล้วมาจาก
00:02:05 → 00:02:06 คำภาษาอังกฤษว่านิวทริจีโนมิก
00:02:06 → 00:02:10 หรือว่าภาษาไทยก็คือโภชนศาสตร์พันธุกรรม
00:02:11 → 00:02:13 ก็คือการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยี
00:02:13 → 00:02:15 เกี่ยวกับด้านของพันธุกรรมเนี่ยมาศึกษา
00:02:15 → 00:02:18 การแสดงออกของยีนว่าร่างกายเนี่ย
00:02:18 → 00:02:19 ได้รับอิทธิพลจาก
00:02:19 → 00:02:21 สารอาหารจากการกินอาหารเข้าไป
00:02:21 → 00:02:23 แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงของยีนอะไรบ้าง
00:02:24 → 00:02:24 ผลผลิตของยีนเนี่ย
00:02:24 → 00:02:27 จะปฏิสัมพันธ์นะเปลี่ยนไปตามองค์ประกอบ
00:02:27 → 00:02:29 ทางเคมีของอาหารและก็ส่งผล
00:02:30 → 00:02:31 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
00:02:31 → 00:02:33 ของรูปร่างได้ก็คืออาหารเนี่ย
00:02:33 → 00:02:34 สามารถจะทำ
00:02:34 → 00:02:36 ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนในคนได้
00:02:37 → 00:02:38 ในขณะเดียวกันเนี่ย
00:02:38 → 00:02:39 ยีนของเรา
00:02:40 → 00:02:41 ก็จะส่งผลต่อ
00:02:42 → 00:02:43 การรับประทานอาหารได้
00:02:43 → 00:02:44 แล้วเราควรที่จะ
00:02:44 → 00:02:46 รับประทานอาหารแบบ
00:02:46 → 00:02:48 ไหนถึงจะห่างไกลจากการเป็นโรค
00:02:49 → 00:02:50 เนื่องจากว่า
00:02:50 → 00:02:51 สารพันธุกรรมของมนุษย์เนี่ย
00:02:51 → 00:02:52 เหมือนกันนะก็คือ
00:02:52 → 00:02:54 98% เนี่ยมันเหมือนกันหมด
00:02:54 → 00:02:57 แต่มันจะมี 2 เปอร์เซ็นต์ที่มันแตกต่างกัน
00:02:57 → 00:02:59 2% เล็กๆน้อยๆอันนี้เนี่ย
00:02:59 → 00:03:02 มันทำให้เกิดความแตกต่างกันในบุคคลแล้วก็
00:03:02 → 00:03:03 เป็นส่วนที่อาจจะนำไปสู่
00:03:03 → 00:03:05 การเกิดโรคได้
00:03:05 → 00:03:07 ยกตัวอย่างเช่นในกลุ่มของคนไข้บางคน
00:03:07 → 00:03:08 มี
00:03:08 → 00:03:09 ยีนที่ทำให้เรามีความเสี่ยง
00:03:10 → 00:03:11 ของโรคเรื้อรัง
00:03:11 → 00:03:13 อย่างเช่นโรคเบาหวาน
00:03:13 → 00:03:14 นะอย่างที่เรารู้ว่า
00:03:14 → 00:03:15 โอเคถ้าในครอบครัว
00:03:15 → 00:03:17 เรามีเบาหวานเรามีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น
00:03:17 → 00:03:18 หรือโรคหัวใจ
00:03:18 → 00:03:19 ถ้า
00:03:19 → 00:03:20 ครอบครัวเรามีคนที่เป็นโรคหัวใจ
00:03:20 → 00:03:22 มีสโต๊คเรามีความเสี่ยงมากขึ้นนะคะ
00:03:22 → 00:03:23 หรือมะเร็ง
00:03:23 → 00:03:25 ในกลุ่มคนไข้ที่
00:03:25 → 00:03:27 มีความแตกต่างของยีนผิดปกติทีเนี่ยการ
00:03:27 → 00:03:28 ตรวจยีนพวกนี้
00:03:29 → 00:03:30 หรือการตรวจสารพันธุกรรมพวกนี้มันจะ
00:03:30 → 00:03:31 สามารถที่จะบอกได้ว่า
00:03:32 → 00:03:34 เราควรที่จะดูแลสุขภาพยังไง
00:03:34 → 00:03:35 เราควรจะรับประทานอาหารแบบไหน
00:03:35 → 00:03:36 ที่จะช่วยในการ
00:03:37 → 00:03:37 ป้องกัน
00:03:38 → 00:03:38 ไม่ให้
00:03:38 → 00:03:40 เกิดโรคได้ยกตัวอย่างเช่น
00:03:40 → 00:03:42 บางทีเนี่ยร่างกายเราอาจจะ
00:03:42 → 00:03:43 มีการตอบสนอง
00:03:43 → 00:03:45 ต่อเมตาบอลิซึมของคาโบไฮเดรตเร็ว
00:03:45 → 00:03:47 ทำให้เรามีปัญหาของน้ำตาล
00:03:47 → 00:03:48 ขึ้นสูง
00:03:49 → 00:03:50 เพราะฉะนั้นเราก็อาจจะมีความเสี่ยง
00:03:50 → 00:03:52 ในการที่เป็นเบาหวานหรือมีน้ำหนัก
00:03:52 → 00:03:56 ขึ้นง่ายกว่าคนอื่นๆที่คนที่มีการตอบสนองปกติ
00:03:56 → 00:03:58 และในกลุ่มของแต่ละคนเนี่ยเขาก็จะมี
00:03:58 → 00:03:59 ความเสี่ยงในการเกิด
00:03:59 → 00:04:02 โรคที่แตกต่างกันตามสารพันธุกรรมที่ไม่เหมือนกัน
00:04:02 → 00:04:04 เพราะว่าอาหารแต่ละอย่างเนี่ย
00:04:04 → 00:04:07 มันไปเพิ่มความเสี่ยงของยีนบางตัว
00:04:07 → 00:04:08 แล้วทำให้
00:04:08 → 00:04:10 มันไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมากขึ้น
00:04:10 → 00:04:12 อย่างที่บอกว่าในปัจจุบันเนี่ย
00:04:12 → 00:04:15 โรคที่ไม่ติดต่อกับเนี่ยมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
00:04:15 → 00:04:16 คือกลุ่มพวกนี้เป็นโรคอะไรบ้าง
00:04:16 → 00:04:18 ก็โรคเบาหวาน โรคความดัน
00:04:19 → 00:04:20 ไขมันในเลือดสูงนะ
00:04:20 → 00:04:23 สโตร๊กหรือว่าโรคหัวใจหรือกลุ่มของมะเร็ง
00:04:23 → 00:04:26 ในกลุ่มพวกเนี้ยมันมากขึ้นเรื่อยๆเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:04:26 → 00:04:27 เขาพยามหาว่า
00:04:27 → 00:04:29 ปัจจัยอะไรที่มันทำให้เกิด
00:04:29 → 00:04:30 ความเสี่ยง
00:04:30 → 00:04:32 เพิ่มขึ้นทำไม
00:04:32 → 00:04:33 คนนี้ถึงมีความเสี่ยงมากกว่าอีกคนนึง
00:04:33 → 00:04:35 ในขณะที่เรารับประทานอาหารเหมือนกัน
00:04:36 → 00:04:37 ความเสี่ยงที่มากขึ้นมันมาจาก
00:04:37 → 00:04:39 ยีนจากพันธุกรรมที่ไม่เหมือนกัน
00:04:40 → 00:04:41 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:04:41 → 00:04:43 การตรวจมันก็จะเป็นการบอกว่า
00:04:43 → 00:04:45 สายพันธุ์ทางพันธุกรรมของเราเนี่ย
00:04:45 → 00:04:47 ทำให้เกิดการตอบสนอง
00:04:47 → 00:04:50 อะไรที่มันแตกต่างกันไปกับอาหารที่เราบริโภค
00:04:50 → 00:04:53 เพราะฉะนั้นมันเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง
00:04:53 → 00:04:55 โภชนาการอาหารกับ
00:04:56 → 00:04:58 ดูสมรรถภาพของร่างกายในการที่
00:04:58 → 00:04:59 เกิดปฏิสัมพันธ์หรือเกิด
00:04:59 → 00:05:01 การตอบสนองต่ออาหารชนิดนั้นๆ
00:05:01 → 00:05:03 ซึ่งทำให้เราทราบ
00:05:03 → 00:05:04 ความต้องการของสารอาหาร
00:05:04 → 00:05:05 ซึ่งมันจะไปส่ง
00:05:05 → 00:05:07 ผลต่อการดูแลสุขภาพองค์รวมของเรา
00:05:07 → 00:05:08 ยกตัวอย่างเช่น
00:05:08 → 00:05:11 เราอาจจะมียีนที่มีความไวต่ออาหารบางอย่าง
00:05:11 → 00:05:13 หรือเราอาจจะขาดเอนไซม์บางอย่าง
00:05:13 → 00:05:15 ที่ช่วยในการย่อยเรามีการ
00:05:15 → 00:05:16 ขาดเอนไซม์ที่ย่อยนม
00:05:17 → 00:05:20 งั้นการตรวจพวกนี้ก็จะมีส่วนช่วยทำให้
00:05:21 → 00:05:23 อย่างเราก็ไม่ควรจะรับประทานกลุ่มอาหาร
00:05:23 → 00:05:26 ที่เป็นนมหรือเป็นอาหารที่มาจากนม
00:05:26 → 00:05:27 ที่จะทำให้เราเนี่ยไม่ต้องมา
00:05:28 → 00:05:30 เสี่ยงกับการอักเสบจากการที่อาหารไม่ย่อย
00:05:30 → 00:05:32 เพราะว่าพวกนี้มันก็ทำให้การเผาผลาญไม่ดี
00:05:33 → 00:05:35 เสี่ยงต่อการอักเสบที่เพิ่มมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:05:35 → 00:05:36 ต่างๆ
00:05:36 → 00:05:37 นะคะ
00:05:38 → 00:05:40 ที่นี้อย่างงี้ถ้าเราอยากรู้อะค่ะคุณหมอ
00:05:40 → 00:05:42 ยีนแบบเรา พันธุกรรมแบบเรา
00:05:42 → 00:05:45 เราควรมีพฤติกรรมการกินยังไงให้ห่างไกลโรค
00:05:45 → 00:05:47 เค้าต้องทำยังไงบ้างคะคุณหมอ
00:05:47 → 00:05:48 อย่างแรกเราก็ต้องไปตรวจก่อน
00:05:48 → 00:05:50 พอเราตรวจพอเราได้ผลมาแล้วเนี่ย
00:05:50 → 00:05:53 แล้วก็มาปรับการรับประทานอาหารให้ตรงกับ
00:05:53 → 00:05:55 ที่เราตรวจผลกับที่เราตรวจ
00:05:55 → 00:05:58 เพราะจริงๆในแต่ละคนเนี่ยก็จะมีความแตกต่าง
00:05:58 → 00:05:59 กันคือไอ้ตัว
00:05:59 → 00:06:01 พันธุกรรมอันเนี้ยมันเหมือนแมพ
00:06:01 → 00:06:01 ค่ะ
00:06:02 → 00:06:04 ที่จะทำให้เรารู้ว่าเราควรจะเดินไปทางไหน
00:06:04 → 00:06:05 เราถึงจะไม่มีโรค
00:06:05 → 00:06:07 เรามีความไวต่ออะไรมากขึ้น
00:06:07 → 00:06:09 เรามีการเผาผลาญอาหาร
00:06:09 → 00:06:10 ไหนที่มัน
00:06:11 → 00:06:12 ผิดปกติกับออกไป
00:06:12 → 00:06:13 นะยกตัวอย่างเช่น
00:06:14 → 00:06:14 เราอาจจะมี
00:06:14 → 00:06:17 ปัญหาการเผาผลาญเมตตาบอลิซึมของกลุ่มพวก
00:06:17 → 00:06:18 ไขมันหรือคอเลสเตอรอล
00:06:19 → 00:06:21 ซึ่งพวกเนี่ยจะทำให้เรามีความเสี่ยงของการที่มี
00:06:22 → 00:06:25 คอลเลสเตอรอลตัวไม่ดีหรือ ldl สูง
00:06:25 → 00:06:26 ซึ่งเราจะพบว่าบางทีเนี่ย
00:06:27 → 00:06:28 แม้เด็กๆอะคุณแนน
00:06:29 → 00:06:30 คอลเรสตอรอล ldl สูงมากเลย
00:06:31 → 00:06:33 ซึ่งถามว่ามาจากไหนมันมาจากพันธุกรรม
00:06:33 → 00:06:34 และอันนี้ก็คือ
00:06:34 → 00:06:35 ปัญหาของตัวยิงของเขา
00:06:36 → 00:06:38 แต่ว่าพอเราเจาะลึกลงไปมันก็ทำให้เรารู้ว่า
00:06:39 → 00:06:42 เราควรที่จะดูแลโรคอันไหนเป็นพิเศษหรือไม่
00:06:42 → 00:06:43 มันเหมือนกับเป็น
00:06:43 → 00:06:44 เป็นแผนที่ในการ
00:06:45 → 00:06:47 นำทำทาง นำทางให้เราสุขภาพดี
00:06:47 → 00:06:49 การดูพวกยีนพวกเนี้ย
00:06:49 → 00:06:50 มันก็เป็นการดู
00:06:50 → 00:06:51 สุขภาพในองค์รวม
00:06:52 → 00:06:53 ดูความเสี่ยง
00:06:53 → 00:06:55 ต่างๆ ว่าเรามีความเสี่ยงอะไร
00:06:55 → 00:06:57 เพราะว่าอะไรคุณแนนรู้ไหมถ้า
00:06:57 → 00:07:00 ดูเรื่องของการดูแลสุขภาพเนี่ยอาหารกับ
00:07:00 → 00:07:01 การออกกำลังกาย
00:07:01 → 00:07:03 คุณแนนสังเกตุไหมเวลาคุณแนนลดน้ำหนัก
00:07:03 → 00:07:04 คุณแนนรู้สึกว่า
00:07:04 → 00:07:06 อาหารกับการออกกำลังกายอะไรมัน
00:07:06 → 00:07:07 ช่วยทำให้เราลดมากกว่า
00:07:07 → 00:07:10 อาหารค่ะเจอมากับตัวเอง
00:07:10 → 00:07:11 เพราะว่าเนี่ย 80 %
00:07:12 → 00:07:14 แต่ถามว่ากำลังกายจำเป็นไหม จำเป็น
00:07:15 → 00:07:18 แต่ว่าจริงๆนอกเหนือจากการตรวจยีนเนี่ยมันมีการ
00:07:18 → 00:07:18 ตรวจ
00:07:18 → 00:07:20 อีกแบบนึงก็คือเป็นการตรวจอย่างเช่น
00:07:20 → 00:07:23 ความไวต่ออาหาร JIGGนะ
00:07:23 → 00:07:24 การตรวจสุขภาพของระบบ
00:07:25 → 00:07:26 ทางเดินอาหารซึ่งจะดู
00:07:27 → 00:07:29 อาหารประเภทไหนที่เราทานแล้วเรา
00:07:29 → 00:07:31 ถ่ายออกมาแล้วยังมีอาหารประเภทนั้นอยู่คือ
00:07:31 → 00:07:32 ตรวจจากอุจจาระ
00:07:32 → 00:07:32 ค่ะ
00:07:33 → 00:07:33 หรือว่าตรวจดูระดับ
00:07:33 → 00:07:36 แบคทีเรียว่าคุณมีแบคทีเรียดีในระบบ
00:07:36 → 00:07:38 ลำไส้เนี่ยมากน้อยแค่ไหน
00:07:38 → 00:07:40 เหลืออีกกลุ่มนึงก็คือการตรวจดู
00:07:40 → 00:07:43 ระบบเมตาบอลิซึมก็คือให้คล้ายๆกับอันเนี้ย
00:07:43 → 00:07:44 คือมันเป็นการตรวจดู
00:07:44 → 00:07:47 ว่ากลไกการเผาผลาญอาหาร
00:07:47 → 00:07:49 หรือเมตาบอลิซึมในร่างกายของเรา
00:07:49 → 00:07:51 มีกระบวนการอันไหนที่มันผิดปกติไป
00:07:51 → 00:07:52 เพราะว่าบางคนเนี่ย
00:07:52 → 00:07:54 พยายามดูแลสุขภาพยังไงก็ตาม
00:07:54 → 00:07:55 ทั้งไมก็ยังระบบย่อยก็ยังไม่ดี
00:07:56 → 00:07:59 ระบบย่อยยังมีปัญหาอยู่ทำไมถึงมีกลิ่นปาก
00:07:59 → 00:08:01 ทำไมถึงผายลมบ่อย ทำไมถึงมี
00:08:01 → 00:08:02 ปัญหาเรื่องของ
00:08:02 → 00:08:04 ท้องอืดตลอดเวลาหลังจากรับประทานอาหาร
00:08:04 → 00:08:07 นอกเหนือจากการตรวจยีนนะเรายังสามารถตรวจ
00:08:07 → 00:08:08 ผลลัพธ์ของมันได้ก็คือ
00:08:09 → 00:08:11 ว่าร่างกายเนี่ยขนาดนี้มันทำงานยังไง
00:08:12 → 00:08:14 เพราะว่าในกลุ่มของบางคนเนี่ยที่
00:08:14 → 00:08:16 เรารับประทานอาหารไม่ถูกต้องกับ
00:08:16 → 00:08:19 พันธุกรรมของเราหรือเกิดปฏิสัมพันธ์กับอาหาร
00:08:19 → 00:08:21 แล้วทำให้เกิดของเสียในร่างกายมาก
00:08:22 → 00:08:24 ตัวที่ทำหน้าที่กำจัดของเสียก็คือตับ
00:08:24 → 00:08:26 คือคนกลุ่มนี้บางทีเค้าอาจจะมี
00:08:26 → 00:08:28 ปัญหาเรื่องของการทำงานของตับ
00:08:28 → 00:08:29 ที่ไม่สามารถที่จะ
00:08:30 → 00:08:31 จัดการกับ
00:08:31 → 00:08:33 ของเสียที่เกิดขึ้นได้มากเพียงพอ
00:08:33 → 00:08:36 งั้นเวลาตรวจปัสสาวะพวกเนี้ยมันก็จะเจอ
00:08:37 → 00:08:37 ว่า
00:08:37 → 00:08:40 ไซเคิลเนี่ยระบบเนี่ยของร่างกายมีปัญหา
00:08:40 → 00:08:42 คือเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะคุณแนน
00:08:43 → 00:08:44 แต่ว่าเราจะรักษาให้ได้
00:08:44 → 00:08:45 ดีที่สุดคือเราต้องได้
00:08:45 → 00:08:47 ข้อมูลมากที่สุดว่า
00:08:47 → 00:08:51 จริงๆกลไกอะไรเคมีอะไรในร่างกายที่มันผิดปกติ
00:08:51 → 00:08:52 คือจากนี้คือลงลึก
00:08:52 → 00:08:54 ไปถึงเรื่องของพันธุกรรมเรื่องของยีนในร่างกาย
00:08:55 → 00:08:56 เพราะฉะนั้น
00:08:56 → 00:08:57 ถ้าจะ
00:08:58 → 00:08:59 อยากจะให้
00:08:59 → 00:09:01 ดูแลนึกไปถึง
00:09:01 → 00:09:02 ระดับนั้นจริงๆ
00:09:02 → 00:09:03 อันนี้แล้วก็คือ
00:09:03 → 00:09:06 การตรวจอย่างหนึ่งซึ่งจะทำให้เราสามารถมี
00:09:06 → 00:09:07 ข้อมูลได้มาก
00:09:07 → 00:09:08 ในการที่จะดูแล
00:09:08 → 00:09:10 สุขภาพแบบองค์รวม
00:09:10 → 00:09:11 เอาจริงๆแนนฟังแล้วแนนก็รู้สึก
00:09:11 → 00:09:13 สนใจนะคะคุณหมอค่ะแนนว่า
00:09:13 → 00:09:14 เราเหมือนกับ
00:09:14 → 00:09:17 ไม่ต้องไปโยนหินถามทางว่าเราควรจะกินอะไรดี
00:09:17 → 00:09:19 แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
00:09:19 → 00:09:21 ตรวจซะให้มันรู้แล้วรู้แล้วรู้รอดไป
00:09:21 → 00:09:23 แล้วจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วแนว
00:09:23 → 00:09:25 ทางในการรับประทานที่ดีต่อสุขภาพ
00:09:25 → 00:09:27 ที่มันกินแล้วมันตรงกับยีนเราเนี่ย
00:09:27 → 00:09:28 มันคืออะไรนะคะ
00:09:28 → 00:09:31 งั้นเดี๋ยวช่วงหน้าเราจะมาคุยกันต่อผู้ชมว่า
00:09:31 → 00:09:33 การรับประทานอาหารแบบรูปแบบเนี้ย
00:09:33 → 00:09:34 มันจะเหมาะกับ
00:09:34 → 00:09:36 ใครแล้ววิธีการจะเป็นยังไงบ้าง
00:09:36 → 00:09:38 พักสักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันต่อช่วงหน้าค่ะ
00:09:39 → 00:09:41 กลับมาคุยกันต่อในช่วงที่สองของหมอชวนคุย
00:09:41 → 00:09:42 ค่ะคุณผู้ชมขา
00:09:42 → 00:09:44 และช่วงนี้เราสนับสนุนโดย
00:09:44 → 00:09:48 ออลติซินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดูแลรูปร่าง
00:09:48 → 00:09:52 คุณหมอย้ำเสมอว่าเราต้องดูแลรูปร่างให้สมส่วน
00:09:52 → 00:09:52 ค่ะ
00:09:52 → 00:09:55 เพราะถ้าเกิดเราอ้วน อ้วนมันคือโรคนะคะ
00:09:55 → 00:09:55 ใช่แล้ว
00:09:55 → 00:09:56 มันก็บ่งบอกถึงการ
00:09:56 → 00:09:58 มีสุขภาพไม่ดีนั่นเองเพราะฉะนั้น
00:09:58 → 00:10:00 เอาออลติซินไปดูแลค่ะคุณผู้ชม
00:10:00 → 00:10:02 แต่ถ้าเกิดว่าใครอยากจะดูแลสุขภาพ
00:10:02 → 00:10:04 ก็คือการกิน
00:10:04 → 00:10:07 กินเพื่อที่จะแก้ยีนถ้าเราจะอยาก
00:10:08 → 00:10:11 กินในรูปแบบนี้โภชนะพันธุศาสตร์ใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:10:11 → 00:10:13 การกินรูปแบบนี้มันเหมาะกับใครบ้าง
00:10:14 → 00:10:15 จริงๆมันเหมาะกับทุกคนนี่แหละ
00:10:15 → 00:10:17 ที่ต้องการที่จะดูแลสุขภาพ
00:10:17 → 00:10:18 ค่ะ
00:10:18 → 00:10:19 ที่ต้องการที่จะ
00:10:19 → 00:10:23 แข็งแรงอายุยืนฉันจะกินอาหารแบบไหนดี
00:10:23 → 00:10:25 เราควรจะดูแลสุขภาพร่างกายยังไง
00:10:26 → 00:10:27 ควบคู่กับการออกกำลังกาย
00:10:27 → 00:10:29 จริงแล้วมันเป็นการดูแล
00:10:29 → 00:10:30 สุขภาพองค์รวมของเรานี่เอง
00:10:31 → 00:10:33 เพื่อจะให้ดูว่าจริงๆแล้วร่างกายของเราเนี่ย
00:10:33 → 00:10:35 ต้องการอะไรขนาดไหน
00:10:35 → 00:10:38 อะไรที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรรับเข้าไปในร่างกาย
00:10:38 → 00:10:40 ถามว่ากลุ่มคนประเภทไหนบ้างที่
00:10:40 → 00:10:41 ควรหรือว่า
00:10:41 → 00:10:43 ที่ใช้แล้วได้ประโยชน์ดี
00:10:43 → 00:10:44 เราใช้อย่างนี้ดีกว่าคือ
00:10:44 → 00:10:46 ในกลุ่มที่ต้องการให้สุขภาพแข็งแรง
00:10:46 → 00:10:48 เช่นกลุ่มคนที่
00:10:48 → 00:10:49 เป็นนักกีฬา
00:10:50 → 00:10:51 กลุ่มพวกนี้เนี่ย
00:10:51 → 00:10:52 เขาจะมีโปรแกรม
00:10:53 → 00:10:55 ของการรับประทานอาหารทานแบบไหน
00:10:55 → 00:10:56 ซ้อมเวลาไหน
00:10:57 → 00:10:59 ทำไงถึงจะให้ประสิทธิภาพร่างกายทำงาน
00:10:59 → 00:11:00 สูงสุด
00:11:00 → 00:11:01 อันนี้แหละคือเป็นการวางแผน
00:11:02 → 00:11:03 คือเป็นการวางแผนว่า
00:11:03 → 00:11:05 ควรจะรับประทานอาหารแบบไหน
00:11:05 → 00:11:06 อาหารแบบไหนที่ไม่ควรรับประทาน
00:11:07 → 00:11:08 กินยังไงออกกำลังกายยังไง
00:11:09 → 00:11:10 ให้มันดีที่สุด
00:11:10 → 00:11:11 สำหรับภาวะนั้น
00:11:12 → 00:11:13 กับอีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่ม
00:11:13 → 00:11:15 ที่มีปัญหาสุขภาพ
00:11:15 → 00:11:16 ยกตัวอย่างเช่น
00:11:17 → 00:11:18 ครอบครัวของเราเนี่ยเรามี
00:11:19 → 00:11:20 พันธุกรรมอะไรที่
00:11:20 → 00:11:22 เสี่ยงที่ทำให้เป็นโรค
00:11:22 → 00:11:22 ค่ะ
00:11:23 → 00:11:23 งั้นการตรวจ
00:11:24 → 00:11:25 โภชนศาสตร์มันก็จะ
00:11:25 → 00:11:28 เป็นตัวที่สามารถจะวางแผนโภชนาการให้เราได้
00:11:29 → 00:11:31 เพื่อที่จะลดการอักเสบในร่างกาย
00:11:31 → 00:11:32 ยีนบางตัวเนี่ย
00:11:33 → 00:11:35 มันอาจจะทำ ให้เกิดการอักเสบในร่างกายสูง
00:11:36 → 00:11:39 การที่เรารับประทานอาหารที่
00:11:39 → 00:11:39 ไม่ไปทำ
00:11:39 → 00:11:41 ให้เกิดการอักเสบร่างกายมันก็จะทำให้ลด
00:11:42 → 00:11:44 ความเสี่ยงของโรคต่างๆเหล่านี้ได้
00:11:44 → 00:11:46 ประโยชน์ของมันที่ได้มากๆคือ
00:11:46 → 00:11:48 กินอาหารยังไงไม่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ
00:11:49 → 00:11:50 หรือกินอาหาร
00:11:50 → 00:11:52 อย่างไรยกตัวอย่างเช่น
00:11:52 → 00:11:54 ในกลุ่มคนที่ขาดวิตามินดีนะ
00:11:55 → 00:11:57 แล้วพบว่าคนสมัยนี้ขาดวิตามินดีเยอะ
00:11:57 → 00:11:59 แต่วิตามินดีจริงๆอะเรารู้ว่าส่วนหนึ่งได้มาจาก
00:11:59 → 00:12:00 ของการรับประทานอาหาร
00:12:01 → 00:12:02 อีกส่วนนึงได้มาจากแสงแดด
00:12:03 → 00:12:04 แต่เราพบว่า
00:12:04 → 00:12:06 ในกลุ่มของคนบางคนเนี่ยมันขาด
00:12:07 → 00:12:08 เอนไซม์นะ
00:12:08 → 00:12:09 หรือขาดตัว
00:12:09 → 00:12:12 สำคัญที่จะนำเอาไปสร้างวิตามินดี
00:12:12 → 00:12:14 จากการรับประทานอาหาร
00:12:14 → 00:12:15 จากการที่
00:12:15 → 00:12:17 พันธุกรรมบางอย่างเขาเนี่ยมันผิดปกติ
00:12:18 → 00:12:19 เพราะฉะนั้น
00:12:19 → 00:12:22 ถ้าเราได้ข้อมูลแล้วจะอ้อโอเคฉันจะต้องไป
00:12:22 → 00:12:23 ออกแดดนะ
00:12:23 → 00:12:25 เพื่อที่ทำให้ฉันจะได้รับวิตามินดีให้พอ
00:12:25 → 00:12:26 หรือฉันอาจจะต้อง
00:12:27 → 00:12:29 รับประทานอาหารเสริมที่เป็นวิตามินดี
00:12:29 → 00:12:31 เพื่อที่จะช่วยทำให้อยู่ในฟอร์มที่มันนำไปใช้งาน
00:12:32 → 00:12:32 ได้เลย
00:12:33 → 00:12:34 นอกจากนี้แล้วเนี่ย
00:12:35 → 00:12:37 กลุ่มคนทั่วไป
00:12:37 → 00:12:39 ก็สามารถที่จะตรวจได้เอามาปรับ
00:12:39 → 00:12:40 ใช้กับชีวิตประจำวันของเรา
00:12:41 → 00:12:43 เพื่อจะเสริมสุขภาพให้มันดีขึ้น
00:12:43 → 00:12:45 ดูว่าเราควรจะเลือกรับทานอาหารแบบไหน
00:12:45 → 00:12:46 ปริมาณอาหาร
00:12:46 → 00:12:48 แบบไหนที่เราควรจะรับประทาน
00:12:48 → 00:12:50 ก็แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
00:12:50 → 00:12:52 ที่เหมาะกับการรับประทานตามแบบ
00:12:52 → 00:12:53 โภชนศาสตร์พันธุศาสตร์
00:12:53 → 00:12:55 กลุ่มนักกีฬา
00:12:55 → 00:12:57 คนที่มีปัญหาสุขภาพ
00:12:57 → 00:12:59 หรือว่าคนทั่วไปที่รักสุขภาพ
00:12:59 → 00:13:00 เอาจริงสังคมหมอเล่าเนี่ย
00:13:00 → 00:13:02 วันนี้เป็นความรู้ใหม่มากๆนะคะ
00:13:02 → 00:13:05 แต่ว่าแนนว่าหลายๆคนก็จริงๆเนี่ย
00:13:05 → 00:13:08 มันจำเป็นเราควรจะต้องไปตรวจแล้วก็กิน
00:13:08 → 00:13:10 ตามหลักก็โภชนพันธุศาสตร์ไหม
00:13:11 → 00:13:13 คือถามว่ามันก็เป็นทางเลือกอันนึง
00:13:13 → 00:13:14 ที่ทำให้เราเนี่ย
00:13:15 → 00:13:17 รู้จักตัวเราเพราะเราเนี่ยไม่เหมือนใคร
00:13:17 → 00:13:18 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:13:18 → 00:13:21 สารเคมีที่อยู่ในร่างกายของเราหรือว่า
00:13:21 → 00:13:23 พิมพ์เขียวในของแต่ละ
00:13:23 → 00:13:25 คนในร่างกายมนุษย์เนี่ยมันต่างกัน
00:13:25 → 00:13:27 และอันนี้แหละมันคือพิมพ์เขียว
00:13:27 → 00:13:28 ที่จะทำให้เราเนี่ย
00:13:29 → 00:13:31 รู้ว่าเราควรจะรับประทานอาหารอะไร
00:13:31 → 00:13:32 ที่ทานเข้าไปแล้วไม่เกิดการอักเสบ
00:13:33 → 00:13:35 คือเรารู้ว่าเรารับประทานอาหาร
00:13:35 → 00:13:36 ดี
00:13:36 → 00:13:38 มันดีต่อสุขภาพแต่
00:13:38 → 00:13:40 บางทีอาหารดีอันนั้นอาจจะไม่ใช่อาหารที่
00:13:41 → 00:13:42 ดีสำหรับเรา ดีสำหรับตัวเรา
00:13:42 → 00:13:44 ก็ฉะนั้นการที่เรามีพิมพ์เขียว
00:13:44 → 00:13:46 การที่เรามี Blue print ทำให้เรารู้ว่า
00:13:46 → 00:13:48 ไอ้อาหารดีอันเนี้ย
00:13:48 → 00:13:51 มันคืออาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายฉันจริงๆ
00:13:51 → 00:13:53 เนี่ยเท่าที่แนนฟังคุณหมอเนี่ยแนนก็คิด
00:13:53 → 00:13:55 ตามไปเรื่อยๆนะคะสำหรับแนนเนี่ยมองว่า
00:13:55 → 00:13:56 น่าสนใจมาก
00:13:56 → 00:13:59 มันเหมือนกับการซื้อเสื้อผ้าคุณหมอ
00:13:59 → 00:14:01 บางทีเสื้อผ้ายี่ห้อนี้
00:14:01 → 00:14:03 ที่เขาตัดมาสำหรับใครไปซื้อใส่ก็ได้
00:14:03 → 00:14:04 มันก็สวยเราก็ใส่ได้
00:14:05 → 00:14:07 แต่การที่เราไปหาช่างวัดสัดส่วนเป๊ะๆ
00:14:07 → 00:14:10 แล้วตัดเสื้อผ้าที่พอดีกับเราใส่ยังไงก็สวยกว่า
00:14:10 → 00:14:11 อันนี้แหละคือใช่เลย
00:14:11 → 00:14:13 คุณแนนอันนี้มันเป็นการดูเฉพาะตัวจริงๆ
00:14:14 → 00:14:15 เฉพราะตัวเฉพาะเรา
00:14:15 → 00:14:19 ดูสารเคมีในร่างกายของเราดูพิมพ์เขียวของเรา
00:14:19 → 00:14:21 ว่าจริงๆเราจะดูแลสุขภาพยังไงให้
00:14:22 → 00:14:24 ถูกต้องที่สุดเฉพาะที่สุด
00:14:24 → 00:14:25 ค่ะ
00:14:25 → 00:14:26 กับสุขภาพของเรา
00:14:27 → 00:14:29 จะเสริมดูแลสุขภาพยังไงนอกเหนือจากที่เราจะ
00:14:29 → 00:14:32 รับประทานพักผลไม้รับประทานอาหารที่สะอาด
00:14:32 → 00:14:33 ปลอดสารพิษ
00:14:33 → 00:14:37 นะหลีกเลี่ยงพวกแป้งอาหารแปร รูปอาหารอักเสบ
00:14:37 → 00:14:38 จังค์ฟู้ดทั้งหลายน้ำอัดลม
00:14:38 → 00:14:40 อันนี้เรารู้อยู่ละว่าเราไม่ควรทาน
00:14:41 → 00:14:43 เรารู้อยู่แล้วแต่ถ้าเรามี
00:14:43 → 00:14:46 แผนที่ในการเดินที่มันชัดเจน
00:14:46 → 00:14:48 ของฉันต้องแบบนี้ 1 2 3 4
00:14:49 → 00:14:50 มันก็จะช่วยทำให้
00:14:50 → 00:14:54 ประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพของเราเนี่ยมันสูงสุด
00:14:55 → 00:14:58 การดูแลสุขภาพของฉันมีโปรแกรมแบบนี้
00:14:58 → 00:14:59 แล้วก็
00:14:59 → 00:15:00 มันน่าจะส่งผล
00:15:00 → 00:15:01 ต่อ
00:15:01 → 00:15:03 สุขภาพของเราในแนวที่มันดีที่สุด
00:15:03 → 00:15:05 จริงแนนว่าดีมาก
00:15:05 → 00:15:07 คือดูแลสุขภาพพื้นฐานทุกคนทำอยู่แล้ว
00:15:07 → 00:15:09 แต่ดูแลสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจง
00:15:09 → 00:15:11 มันก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน
00:15:11 → 00:15:13 ยิ่งเรารู้ข้อมูลมากเท่าไหร่
00:15:13 → 00:15:14 มันก็เป็นประโยชน์
00:15:15 → 00:15:16 มันเหมือนรู้เขารู้เรา
00:15:17 → 00:15:19 รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง
00:15:20 → 00:15:22 รีบปิดรายการแล้วไปตรวจยีนเลยค่ะ
00:15:22 → 00:15:24 คุณผู้ชมคะน่าสนใจจริงๆวันนี้
00:15:24 → 00:15:27 จะบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นความรู้
00:15:28 → 00:15:30 แล้วทำให้เราสนใจอยากจะศึกษาต่อ
00:15:30 → 00:15:32 ยอดเพิ่มเติมมากๆเพราะว่ากินสามารถ
00:15:32 → 00:15:35 แก้ยีนแล้วก็ให้ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรค
00:15:35 → 00:15:36 ทางพันธุกรรมได้จริงๆ
00:15:37 → 00:15:38 คุณแนนรู้ไหมว่าอเมริกา
00:15:38 → 00:15:41 เนี่ยโอ้โหเนี่ยดังมาหลายปีแล้ว
00:15:41 → 00:15:44 คือเขามีความนิยมกันมาหลายปีแต่เมืองไทยเนี่ย
00:15:44 → 00:15:47 เพิ่งเริ่มๆทำความรู้จักและทำการศึกษาอยู่
00:15:48 → 00:15:50 แต่คุณผู้ชมที่ดูรายการเรารู้ก่อน
00:15:50 → 00:15:52 ปฏิบัติก่อนก็จะได้แข็งแรงกว่า
00:15:52 → 00:15:55 แล้วก็อายุยืนก่อนใครด้วยนะคะ
00:15:55 → 00:15:56 วันนี้ได้ความรู้เยอะเลย
00:15:56 → 00:15:59 อย่าลืมนำไปปรับใช้กับตัวเองกันทุกคนนะคะ
00:16:00 → 00:16:01 ก่อนจะปิดรายการวันนี้ฝาก
00:16:01 → 00:16:04 คุณผู้ชมนะคะแฟนๆรายการกด Subscribe นะคะ
00:16:04 → 00:16:06 เป็นสมาชิกใน YouTube Channel ของเรากัน
00:16:06 → 00:16:07 หน่อยนะคะ
00:16:07 → 00:16:09 ที่ยูทูปแล้วก็จะชื่อรายการ
00:16:09 → 00:16:12 คุยกับหมอจิมาหรือว่าจะติดตามการรับฟัง
00:16:12 → 00:16:13 ผ่านทางพอดแคสต์ก็ได้
00:16:13 → 00:16:15 ทุกช่องทางในการรับฟังเลยนะคะ
00:16:15 → 00:16:16 วันนี้หมดเวลาแล้ว
00:16:16 → 00:16:19 คุณหมอและแนนลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ