00:00:00 → 00:00:04 บ้านเมืองเราดีขึ้นตึกเราขึ้นสูงขึ้นรถไฟ
00:00:04 → 00:00:09 มากขึ้นสิ่งอำนวยความสะดวกมาถึงหน้าบ้าน
00:00:09 → 00:00:11 ทุกอย่างออนไลน์
00:00:11 → 00:00:14 เหมือนคนจะมีโรงเรียนที่มากขึ้นโรงพยาบาล
00:00:14 → 00:00:19 ใหญ่ๆมากขึ้นนะครับรถลาทุกอย่างดูดีดู
00:00:19 → 00:00:25 เหมือนสังคมจะดีขึ้นนะแต่สวนกระแสทำไม
00:00:25 → 00:00:28 ความสุขเนี่ยมันกลับกลายเป็นเรื่องที่
00:00:28 → 00:00:34 ห่างออกไปเรื่อยเรื่อยๆ
00:00:34 → 00:00:37 คือในชีวิตจริงเนี่ยผมก็
00:00:37 → 00:00:41 มีวัยรุ่นเยอะนะครับที่มารับปรึกษามาด้วย
00:00:41 → 00:00:44 เรื่องไอเรื่องเรื่องปอดนี่แหละแต่พอซัก
00:00:44 → 00:00:48 ไปซักมาให้เวลาเนี่ยสุขภาพจิตเนี่ยไม่คือ
00:00:48 → 00:00:50 คือลำบาก
00:00:50 → 00:00:54 1 เขาไม่รู้หรือ 2 เขารู้แต่เขาก็ไป
00:00:54 → 00:00:58 อาศัยพวกบุหรี่ไฟฟ้าเดี๋ยวนี้ก็กัญชานะ
00:00:58 → 00:00:59 ครับแอลกอฮอล์
00:00:59 → 00:01:02 Friday party Saturday party นะครับ
00:01:02 → 00:01:08 หรือไปใช้บริการพวกเอ่อเซ็ก์นะฮะอ
00:01:08 → 00:01:12 >> คำถามคือเราพลาดตรงไหนครับคุณคิดว่าใน
00:01:12 → 00:01:14 ฐานะวัยรุ่นเนี่ย
00:01:14 → 00:01:18 มันมีอะไรจิ๊กซอที่เราเรากำลังพลาดอยู่
00:01:18 → 00:01:22 วัตถุนิยมเรามากขึ้นเรื่อยๆ
00:01:22 → 00:01:25 แม่กับลูกแทบจะไม่ได้มีเวลานั่งคุยกันก็
00:01:25 → 00:01:27 คือคือเราพลาดตรงไหนทำไมกลายเป็นว่าปัญหา
00:01:27 → 00:01:31 หาความสุขเนี่ยมันต้องเป็นทฤษฎีละ
00:01:31 → 00:01:31 >> อื
00:01:31 → 00:01:34 >> ต้องมานั่งสอนกันแล้วว่าหาความสุขยังไง
00:01:34 → 00:01:35 >> อื
00:01:35 → 00:01:39 >> กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันเนี่ย
00:01:39 → 00:01:41 เราต้องมานั่งคุยเรื่องความสุขมากขึ้น
00:01:41 → 00:01:42 >> อื
00:01:42 → 00:01:43 >> ครับผม
00:01:43 → 00:01:46 >> ปัญหาปัญหาเรื่องความทุกข์อะไรมันก็มีมา
00:01:46 → 00:01:48 นานอยู่ละแล้วก็ช่วงก่อนๆอาจจะแย่กว่า
00:01:48 → 00:01:50 ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามหรือ
00:01:50 → 00:01:53 เรื่องของอะไรอ่ะนะครับซึ่งปัจจุบันก็ยัง
00:01:53 → 00:01:57 มีอยู่แต่ว่าถ้าเราดูอ่ะผมผมได้ยุค 80
00:01:57 → 00:02:00 ปลายๆผมเกิดปี 89 เราก็จะเห็นได้ว่าช่วง
00:02:00 → 00:02:02 90 เนี่ยมันยังเป็นช่วงเวลาที่ว่าเวลา
00:02:02 → 00:02:04 เราจะเล่นกับเพื่อนอะไรเนี่ยเราจะยังไป
00:02:04 → 00:02:08 วิ่งเล่นกันข้างนอกมันยังมีการที่ว่าเรา
00:02:08 → 00:02:10 ได้ไป
00:02:10 → 00:02:13 สั่งสัส้างสรรค์สั่งสรรค์กับสังคมเอง
00:02:13 → 00:02:16 เนี่ยตัวต่อตัวอยู่ด้านนอกเจอกันวิ่งเล่น
00:02:16 → 00:02:19 กันอะไรกันเป็นต้นน่ะครับแต่ว่าพอมัน
00:02:19 → 00:02:22 เริ่มผ่านช่วง Y2K อะไรมาเป็นช่วงของปี
00:02:22 → 00:02:23 2000 อะไรเราก็เห็นเรื่องของ
00:02:24 → 00:02:25 อินเทอร์เน็ตที่ว่ามันบูมขึ้นเรื่อยๆจาก
00:02:25 → 00:02:28 นั้นก็ต่อด้วยโซเชียล media ซึ่งจริงๆ
00:02:28 → 00:02:31 แล้วเนี่ยพอมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่มัน
00:02:31 → 00:02:34 เป็นเทคโนโลขึ้นทำให้ชีวิตเราสะดวกสบาย
00:02:34 → 00:02:36 มากขึ้นน่ะครับเราก็เลยทำให้ว่าเหมือนมัน
00:02:36 → 00:02:39 มีเรื่องของพวก instant gratification
00:02:39 → 00:02:41 >> ก็คือภาษาไทยเรียกว่า
00:02:41 → 00:02:43 >> เหมือนเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรามี
00:02:43 → 00:02:44 ความสุขณเวลานั้นเร็ว
00:02:44 → 00:02:47 >> เร็วที่สุดหาความสุขแบบเร็วกระทัดรัดเร็ว
00:02:47 → 00:02:50 ใช่ครับก็คืออย่างเช่นว่าพอมีโซเชียล
00:02:50 → 00:02:52 medดีiaเราเริ่มทำอะไรเราจะเริ่มโพสต์พอ
00:02:52 → 00:02:55 เริ่มโพสต์ปุ๊บพอมันเริ่มมีไลก์ๆๆมาเรา
00:02:55 → 00:02:57 เริ่มมีความรู้สึกดีดีๆเราเป็นคนที่สังคม
00:02:57 → 00:03:00 ชอบเราเป็นคนที่สังคมดูแลแต่วันไหนที่เรา
00:03:00 → 00:03:02 โพสต์อะไรไปปึ๊บมันไม่มีไลฟ์ไม่มีอะไรมา
00:03:02 → 00:03:05 เราจะแบบเฮ้ยทำไมวันนี้มันไม่มีใครมาชอบ
00:03:05 → 00:03:08 ของเราเลยอ่ะแล้วเราก็จะเริ่ม compare พอ
00:03:08 → 00:03:10 มันเป็น media ปุ๊บเนี่ยเราก็จะเห็น
00:03:10 → 00:03:14 เรื่องการใช้ media อยู่ 2 แบบคือ active
00:03:14 → 00:03:19 user คนที่ใช้เป็นคนโพสเป็นคนโพสเรื่อยๆ
00:03:19 → 00:03:23 หรือเป็น passive user คนที่เรื่อยๆคน
00:03:23 → 00:03:24 ที่เป็น active user ก็อาจจะเป็นคนที่
00:03:24 → 00:03:27 แบบโพสเพื่อต้องการให้คนมาหลงใหลในตัวของ
00:03:27 → 00:03:29 เขามากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆอ่ะครับ
00:03:29 → 00:03:31 แล้ววันไหนที่ว่าความหลงใหลนั้นมันหายไป
00:03:31 → 00:03:34 เขาจะเริ่มมีความเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
00:03:34 → 00:03:36 หรือคนที่เป็นคนเสพก็คือจะเป็นคนที่คอย
00:03:36 → 00:03:40 เสพแล้วก็เป็นคนที่คอยเอาตัวเองไปวัดกับ
00:03:40 → 00:03:44 คนอื่นว่าทำไมเค้ามีบ้านแล้วทำไมเค้ามีรถ
00:03:44 → 00:03:46 แล้วทำไมเค้ามีแฟนแล้วทำไมเค้าแต่งงาน
00:03:46 → 00:03:48 แล้วทำไมเค้ามีลูกแล้วทำไมเค้ามีนั่นมี
00:03:48 → 00:03:51 นี่แล้วแล้วก็เราทำไมถึงยังไม่มีอะไรเลย
00:03:51 → 00:03:52 มันเป็นการที่ว่า
00:03:52 → 00:03:53 >> เปรียบเทียบ
00:03:53 → 00:03:55 >> เป็นการเปรียบเทียบแล้วมันก็สร้างความ
00:03:55 → 00:03:59 ทุกข์ให้กับเราเพราะว่าเราเอาความรู้สึก
00:03:59 → 00:04:03 ที่ดีของเราไปเป็นตัวที่ว่าไปติดไว้อยู่
00:04:03 → 00:04:05 กับสิ่งอื่นๆรอบกายเราที่ไม่ใช่ตัวของตัว
00:04:05 → 00:04:08 เราเองซึ่งคนสมัยใหม่หรือเดี๋ยวเนี้ยครับ
00:04:08 → 00:04:10 ก็คือจะเป็นสิ่งๆนั้นที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ
00:04:10 → 00:04:12 คือความสุขไม่ได้อยู่ที่ตัวความสุขอยู่
00:04:12 → 00:04:14 ที่สิ่งรอบกายเราว่าสิ่งรอบกายนั้นมันให้
00:04:14 → 00:04:16 ความสุขกับเรามากน้อยขนาดไหน
00:04:16 → 00:04:18 >> เราเรียก external validation
00:04:18 → 00:04:20 >> ใช่ครับเราจะไปเน้นเป็น external
00:04:20 → 00:04:22 validation มากกว่า internal validation
00:04:22 → 00:04:25 เพราะเราลืมสะท้อนความรู้สึกของตัวเองไป
00:04:25 → 00:04:28 เรียบร้อยแล้วเราลืมสะท้อนไปแล้วว่าณเวลา
00:04:28 → 00:04:30 นี้เรารู้สึกยังไงเราลืมไปแล้วว่าความรู้
00:04:31 → 00:04:33 สึกแย่มันก็เป็นสิ่งนึงของชีวิตของเราได้
00:04:33 → 00:04:36 เหมือนกันพอเราลืมสิ่งนี้ไปปุ๊บเราจะวิ่ง
00:04:36 → 00:04:38 หาอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆเรๆ
00:04:38 → 00:04:38 ๆๆๆ
00:04:38 → 00:04:42 >> แสดงว่าคุณอมอรกำลังจะบอกว่าปัญหาที่มัน
00:04:42 → 00:04:47 เริ่มพลาดก็คือเราเสพเราเริ่มเสพกับความ
00:04:47 → 00:04:49 สุขที่ได้มาแบบเร็วๆ
00:04:49 → 00:04:50 >> ใช่ครับ
00:04:50 → 00:04:54 >> เสพความสุขที่ได้มาแบบเร็วๆนำไปสู่การ
00:04:54 → 00:04:56 เปรียบเทียบเพราะมันมีตัวให้เทียบ
00:04:56 → 00:04:56 >> ใช่
00:04:57 → 00:04:58 >> คนที่ 1 กับคนที่ 2
00:04:58 → 00:04:59 >> ใช่
00:04:59 → 00:05:01 >> ความสุขคนนี้ได้ 100 ไลก์คนนี้ได้ 3,000
00:05:01 → 00:05:02 ไลก์
00:05:02 → 00:05:02 >> ใช่
00:05:02 → 00:05:04 >> อันที่ 3 พอมันมีการเปรียบเทียบปุ๊บมันยก
00:05:04 → 00:05:06 ระดับละมันไม่ใช่แค่เปรียบเทียบไลก์อย่าง
00:05:06 → 00:05:07 เดียว
00:05:07 → 00:05:07 >> อื
00:05:07 → 00:05:10 >> มันมาเปรียบเทียบสถานที่กินเครื่องดื่ม
00:05:10 → 00:05:12 ท่องเที่ยวนาฬิกา
00:05:12 → 00:05:14 >> หรือว่าอย่างเช่นที่หมอไปพูดตอนว่ามัน
00:05:14 → 00:05:17 เป็นมันเป็นความสุขอย่างด่วนอย่างเช่นถ้า
00:05:17 → 00:05:19 วันนี้กลางคืนเราเครียดบางครั้งอ่ะเราจะ
00:05:20 → 00:05:22 ทำอะไรเราจะเปิด Shopee เราจะเปิด Lazada
00:05:22 → 00:05:24 เพราะว่าเราจะรีบไปสั่งอะไรแล้วเพราะเรา
00:05:24 → 00:05:26 เครียดอยู่แล้วเรารู้ว่าเดี๋พรุ่งนี้มัน
00:05:26 → 00:05:29 ก็มาแล้วพอมันมาเราก็จะมีความสุขแล้วพอ
00:05:29 → 00:05:30 ความสุขนั้นลดไว้ปุ๊บเราก็จะต้องวิ่งหา
00:05:30 → 00:05:32 มันเป็นเหมือนการที่เราจะวิ่งหาโดปามีน
00:05:32 → 00:05:34 ให้มันเยอะขึ้นในในสมองเราเรื่อยๆคือเรา
00:05:34 → 00:05:37 จะต้อง high โดยการrewardวอ์ดตัวเอง
00:05:37 → 00:05:38 เรื่อยๆแล้วการrewardว์ดนี่มันเป็นอะไร
00:05:38 → 00:05:40 ที่เราจะ addict กับมันไปได้เรื่อยๆเลย
00:05:40 → 00:05:43 เป็นการเสฟโซเชียล media จนติดไปเลย
00:05:43 → 00:05:45 ช้อปปิ้งจนมันกลายเป็น addictive
00:05:45 → 00:05:47 behavior ไปเลยหรืออะไรเพราะว่ามันเป็น
00:05:47 → 00:05:50 สิ่งที่เราต้องการเพื่อมีความสุขไปเรียบ
00:05:50 → 00:05:50 ร้อยแล้ว
00:05:50 → 00:05:53 >> ก็คือมันติดกับการที่จะต้องมีความสุข high
00:05:53 → 00:05:56 อยู่ตลอดใช่ใช่ครับแต่ว่าอันนี้อาจจะเป็น
00:05:56 → 00:05:58 แค่ 1 ปัจจัย
00:05:58 → 00:05:58 >> อื
00:05:58 → 00:06:01 >> ปัจจัยที่ 2 ก็อาจจะเป็นเรื่องของว่ามัน
00:06:01 → 00:06:03 มีเรื่องของการต่อสู้กันระหว่าง
00:06:03 → 00:06:05 Generation ค่อนข้างเยอะค่อนข้างสูง
00:06:06 → 00:06:06 >> อื
00:06:06 → 00:06:08 >> โดยเฉพาะความคิดของคนรุ่นใหม่กับความคิด
00:06:08 → 00:06:11 ของคนรุ่นเก่าเพราะว่าณเวลานี้เนี่ยมัน
00:06:11 → 00:06:14 เป็นวงกลม 2 วงกลมที่มันไม่ไขว้กันอยู่
00:06:14 → 00:06:16 มันไม่มีจุดอยู่ตรงกลางพอมันมี Generation
00:06:16 → 00:06:18 Gap ที่ค่อนข้างสูงแล้วมันไม่มีการหา
00:06:18 → 00:06:20 พื้นที่เชื่อมตรงกลางให้ได้อ่ะครับ
00:06:20 → 00:06:21 >> อื
00:06:21 → 00:06:24 >> มันเป็นการต่อสู้เชิงความคิดแล้วพอมัน
00:06:24 → 00:06:27 เป็นการต่อสู้เชิงความคิดแล้วก็เราอยู่ใน
00:06:27 → 00:06:29 eค Chamber ของเราอ่ะพื้นที่ที่ว่ามันจะ
00:06:29 → 00:06:31 มีแต่เสียงสะท้อนที่เป็นเสียงสะท้อนใน
00:06:31 → 00:06:34 ความคิดของเรามันก็จะทำให้เราเห็นความคิด
00:06:34 → 00:06:36 ตรงข้ามเนี่ยมันเป็นสิ่งที่แย่ไปหมดแล้ว
00:06:36 → 00:06:39 พอ E Chamber หลายๆครั้งเนี่ยความคิดที่
00:06:39 → 00:06:40 เป็นความคิดลบอ่ะมันจะดังกว่าความคิดที่
00:06:41 → 00:06:43 เป็นความคิดบวกมันก็เลยจะทำให้เราเห็นทุก
00:06:43 → 00:06:46 สิ่งทุกอย่างนี่แหละแย่ไปหมดเลยถ้าเราไป
00:06:46 → 00:06:49 เปิดโซเชียลมีณเวลานี้เนี่ยเราจะเห็นได้
00:06:49 → 00:06:52 เลยว่าเราจะอินกับข่าวที่เป็นข่าวเชิงลบ
00:06:52 → 00:06:52 อ
00:06:53 → 00:06:55 >> มากกว่าข่าวที่เป็นข่าวเชิงบวกเพราะพอเรา
00:06:55 → 00:06:57 เห็นข่าวเชิงลบปุ๊บเราจะใส่อารมณ์กับมัน
00:06:57 → 00:07:00 มากขึ้นพอเราใส่อารมณ์กับมันมากขึ้นปุ๊บ
00:07:00 → 00:07:02 เราจะมีความอินกับมันมากขึ้นเราอาจจะไป
00:07:02 → 00:07:05 คอมเมนตกับมันมากขึ้นเราจะเห็น aggression
00:07:05 → 00:07:08 ที่มันมาเยอะขึ้นความก้าวร้าวจากการ
00:07:08 → 00:07:10 คอมเมนตที่สูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะ
00:07:10 → 00:07:13 เป็นจากความคิดของคนยุคเก่าหรือความคิด
00:07:13 → 00:07:15 ของคนยุคใหม่มันเลยทำให้ว่าเราอยู่ในวง
00:07:15 → 00:07:18 กลมที่เล็กมากอยู่ในโลกที่กระทัดรัดมากจน
00:07:18 → 00:07:21 ที่ว่าสิ่งเหล่านี้เนี่ยมันฟีดกับความที่
00:07:21 → 00:07:24 เป็นความอยู่ไม่เป็นสุขของเรามากขึ้น
00:07:24 → 00:07:24 เรื่อยๆด้วย
00:07:24 → 00:07:26 >> ก็คือสังคมแบ่งขั้ว
00:07:26 → 00:07:26 >> ใช่ครับ
00:07:26 → 00:07:27 >> เจนเก่ากับเจนใหม่
00:07:27 → 00:07:28 >> ใช่อันที่ 3
00:07:28 → 00:07:30 >> พอมันมีอย่างี้เนี่ยครับมันก็จะเป็นปัญหา
00:07:30 → 00:07:32 อย่างที่ 3 ก็คือจริงๆปัญหาสุขภาพจิตอ่ะ
00:07:32 → 00:07:35 ครับอsตทางด้านปัญหาสุขภาพจิตเลยอย่าง
00:07:35 → 00:07:38 เช่น Depression น่ะมันก็เริ่มต้นตั้งแต่
00:07:38 → 00:07:41 วัย 14-25 ได้ก็คือช่วงที่จะมีการเปลี่ยน
00:07:41 → 00:07:44 แปลงของฮอร์โมนในร่างกายจนกระทั่งช่วงที่
00:07:44 → 00:07:47 เข้าสู่วัยการทำงานนะครับช่วงนี้จะเป็น
00:07:47 → 00:07:50 ช่วงที่มัน sensitive มากๆโดยเฉพาะกับเพศ
00:07:50 → 00:07:52 หญิงเพราะเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงทาง
00:07:52 → 00:07:54 ฮอร์โมนค่อนข้างสูงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:07:54 → 00:07:55 การที่มีเมนmา
00:07:55 → 00:07:58 >> การที่มีเปลี่ยนภาวะทางด้านสังคมการที่มี
00:07:58 → 00:08:01 การที่ว่าอาจจะเป็นกลุ่มที่โดนเรื่องของ
00:08:01 → 00:08:05 การเอ่อprชเชureการกดดันค่อนข้างสูงไม่
00:08:05 → 00:08:07 ว่าจะเป็นเรื่องว่าผู้หญิงจะต้องทำตัวแบบ
00:08:07 → 00:08:10 นี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของว่าจะต้องมีลูก
00:08:10 → 00:08:13 ภายในอายุเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:08:13 → 00:08:15 การแต่งกายการมีเพื่อนการคบเพื่อนการอะไร
00:08:15 → 00:08:18 อย่างเงี้ยครับมันก็จะมีเรื่องของprชure
00:08:18 → 00:08:21 ที่มันค่อนข้างสูงเลยของ depression จริง
00:08:21 → 00:08:23 ๆแล้วเนี่ยมันก็คือ 14-25
00:08:23 → 00:08:26 มันเลยอาจจะเป็นเรื่องปกติที่ว่าเราจะ
00:08:26 → 00:08:29 เห็นคนรุ่นใหม่หรือคนกลุ่มเนี้ยมีความรู้
00:08:29 → 00:08:32 สึกที่เข้าข่ายอาจจะถึงซุมเศร้าหรือเข้า
00:08:32 → 00:08:35 ข่ายทางด้านที่ว่ามันอาจจะมีความรู้สึก
00:08:35 → 00:08:38 ที่ค่อนข้างจะดาวค่อนข้างสูงแล้วอาจจะไม่
00:08:38 → 00:08:40 ได้ถึงกับว่าเป็นภาวะซึมเศร้า
00:08:40 → 00:08:42 >> แต่ว่ามันเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายของของชีวิต
00:08:42 → 00:08:44 เองด้วยอยู่แล้วอ่ะครับผม
00:08:44 → 00:08:49 >> อืก็คือตัวโซเชียล Media
00:08:49 → 00:08:52 การแบ่งแบ่งแยกความคิด
00:08:52 → 00:08:52 >> ใช่
00:08:52 → 00:08:55 >> ของแต่ละเอรชัแล้วก็ช่วงวัยอายุที่มัน
00:08:55 → 00:08:57 พร้อมที่จะมีความเปลี่ยนแปลง
00:08:57 → 00:08:58 >> เออเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
00:08:59 → 00:09:01 >> กายภาพของตัวเราเองอยู่แล้วอ่ะครับ
00:09:01 → 00:09:02 >> ใช่
00:09:02 → 00:09:05 >> สรุปถ้าคิดว่าพลาดก็คือพลาดที่
00:09:05 → 00:09:10 >> ถ้าถ้าให้ผมคิดนะผมว่าเราจะถ้าเราอยากโดย
00:09:10 → 00:09:13 เฉพาะประเทศไทยเราอ่ะครับเราเข้าสู่การ
00:09:13 → 00:09:14 เป็น
00:09:15 → 00:09:18 ผู้วัยเป็นเอ่อสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็ม
00:09:18 → 00:09:21 ตัวแล้วแล้วพอเราเข้าสู่สู่เอ่อสังคมผู้
00:09:21 → 00:09:23 สูงอายุอย่างเต็มตัวแล้วแปลว่าภาระในการ
00:09:23 → 00:09:26 พักดันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศจะตกมา
00:09:26 → 00:09:28 อยู่กับเยาวชนค่อนข้างเยอะ
00:09:28 → 00:09:29 >> อื
00:09:29 → 00:09:32 >> ค่อนข้างเยอะแล้วพอภาระนี้มันตกอยู่กับ
00:09:32 → 00:09:35 เยาวชนแต่เยาวชนไม่มีเสียงในการจะบอกได้
00:09:35 → 00:09:38 ว่าอนาคตของเขาเขาต้องการเป็นแบบไหนมัน
00:09:38 → 00:09:41 สร้างแรงกดดันให้เขาค่อนข้างเยอะเหมือน
00:09:41 → 00:09:43 กันแล้วเขาอาจจะสร้างแรงกดดันในแง่ที่ว่า
00:09:43 → 00:09:45 เค้ามองไม่เห็นอนาคตของเค้า
00:09:45 → 00:09:46 >> อื
00:09:46 → 00:09:47 >> อย่างนึงเลยที่เราจะทำได้คือถ้าอยู่ใน
00:09:47 → 00:09:50 ครอบครัวของเรากันเองเนี่ยเราเราจะสามารถ
00:09:50 → 00:09:52 สร้างพื้นที่รับฟังลูกของเรายังไงได้บ้าง
00:09:52 → 00:09:54 ให้ลูกมีเสียงในครอบครัวด้วยว่าครอบครัว
00:09:54 → 00:09:58 นี้ในอนาคตอยากจะให้เป็นไปในแบบไหนให้ลูก
00:09:58 → 00:10:00 สามารถบอกได้ด้วยว่าความเป็นตัวตนของเขา
00:10:00 → 00:10:04 เนี่ยเป็นยังไงเยอมรับความเชื่อแบบไหนเ
00:10:04 → 00:10:06 ยอมรับว่าตัวเองเป็นเพศสภาพแบบไหนเรามี
00:10:06 → 00:10:08 สร้างพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัวแล้วหรือ
00:10:08 → 00:10:11 ยังมาต่อในสังคมสังคมยอมรับแล้วหรือยัง
00:10:11 → 00:10:14 ว่ามันจะต้องมีความแตกแยกทางความคิดมันจะ
00:10:14 → 00:10:16 ต้องมีความแตกแยกทางเพศมันจะต้องมีความ
00:10:16 → 00:10:19 แตกแยกทางศาสนาและอื่นๆทางวัฒนธรรมด้วย
00:10:19 → 00:10:22 แล้วเราจะสามารถทำให้สังคมเนี่ยมันหลอม
00:10:22 → 00:10:25 รวมเป็นสังคมที่พร้อมเปิดรับทุกสิ่งทุก
00:10:25 → 00:10:27 อย่างยังไงได้บ้างแล้วพอมันเป็นอย่างนั้น
00:10:27 → 00:10:30 ปุ๊บมันก็จะค่อยมาเป็นระดับประเทศต่อว่า
00:10:30 → 00:10:32 นโยบายจะรอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ยังไงด้วย
00:10:32 → 00:10:34 บ้างเพราะว่าปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้เป็นแค่
00:10:34 → 00:10:38 ปัญหาเรื่องของทางด้านที่สาธารณสุขจะต้อง
00:10:38 → 00:10:40 ดูแลปัญหาสุขภาพจิตเป็นทั้งเรื่องของ
00:10:40 → 00:10:44 ปัญหาการคลังปัญหาของระดับประเทศปัญหาของ
00:10:44 → 00:10:47 เทคโนโลยีและปัญหาของทางด้านการศึกษาครับ
00:10:47 → 00:10:49 >> เราจะรวมสิ่งเหล่านี้เข้าไปได้ยังไงก็เลย
00:10:49 → 00:10:52 มันก็จะต้องกลับมาดูที่ทั้งตัวเองและทั้ง
00:10:52 → 00:10:55 ภาพใหญ่ด้วยอ่ะครับอันนี้ก็คือถ้าดูว่า
00:10:55 → 00:10:57 เราผิดตรงไหนจะเป็นการที่ว่าเราไม่มีการ
00:10:57 → 00:10:59 integration ตัว generation gap ที่มัน
00:10:59 → 00:11:01 เกิดขึ้นเรื่อยๆเนี่ยให้มันมีการหลอมรวม
00:11:01 → 00:11:05 ที่ดีมันเลยทำให้มันมีการแบ่งแยกที่สูง
00:11:05 → 00:11:07 ขึ้นแล้วพอแบ่งแยกที่สูงขึ้นปุ๊บมันทำให้
00:11:07 → 00:11:09 ว่าเราอยู่แต่ใน e chamber ของเราเอง
00:11:09 → 00:11:12 ตลอดอ่ะครับ
00:11:12 → 00:11:15 ในมุมมองผมขอเพิ่มก็แล้วกัน
00:11:15 → 00:11:18 อันนี้ที่คุณอมรพูดก็คือระดับมหาภาคเป็น
00:11:18 → 00:11:21 ภาพรวมเลยนะผมเห็นด้วยทุกอย่างเลยนะครับ
00:11:21 → 00:11:23 เพราะมันต่อกันเป็นDomมิโนเลยนะซึ่งกัน
00:11:23 → 00:11:26 และกัน
00:11:26 → 00:11:29 ผมในฐานะที่ดูแลคนไข้เยอะนะวัยรุ่นด้วยก็
00:11:29 → 00:11:32 เหมือนกัน
00:11:32 → 00:11:35 ผมว่ายุคปัจจุบันเนี่ยถ้าผมมองนะก็คือมัน
00:11:35 → 00:11:39 เป็นยุคของคนไม่ยอมนอนไม่ยอมเข้านอนใช้คำ
00:11:39 → 00:11:39 อย่างี้ดีกว่า
00:11:39 → 00:11:40 >> อ
00:11:40 → 00:11:44 >> หลายคนเนี่ยคือถ้ายุคเราเนี่ย
00:11:44 → 00:11:45 ละครจบ
00:11:45 → 00:11:46 >> ก็นอน
00:11:46 → 00:11:47 >> มีข่าวแล้วก็หลัก
00:11:47 → 00:11:48 >> อื
00:11:48 → 00:11:51 แต่ยุคปัจจุบันคนไม่นอนเพราะโซเชียล Media
00:11:51 → 00:11:55 มัน ongoing และยิ่งวัยรุ่นนะมันมีเกม
00:11:55 → 00:11:59 ด้วยมันมีแก๊งอีกบวกกับถ้าเป็นวัยทำงานก็
00:11:59 → 00:12:03 จะต้องมารับงานเสริมขายของออนไลน์โพสต์
00:12:03 → 00:12:04 >> เอ่อไลฟ์
00:12:04 → 00:12:05 >> อื
00:12:05 → 00:12:07 >> มันเป็นยุคที่คนไม่ยอมนอน
00:12:07 → 00:12:08 >> อื
00:12:08 → 00:12:10 >> พอไม่ยอมนอนเนี่ยอันนี้ต้องเข้าใจนะฮะอัน
00:12:10 → 00:12:14 นี้ผมเป็นคนที่อย่างที่บอกพาผ่านภาวะ
00:12:14 → 00:12:18 อารมณ์มาช่วงใหญ่ของชีวิตเพราะ 1 ผมมี
00:12:18 → 00:12:20 ปัญหาการนอนหลับ
00:12:20 → 00:12:20 >> อื
00:12:20 → 00:12:23 >> ผมเป็นคนที่นอนยากเพราะว่ามีปัญหาการหยุด
00:12:23 → 00:12:28 การนอนหลับแล้วผมเข้าใจผมรู้เลยว่าสมอง
00:12:28 → 00:12:32 ขาดโดปามีนแปลว่าอะไรผมรู้ผมค่อนข้างมั่น
00:12:32 → 00:12:34 ใจผมบอกได้เลยว่า
00:12:34 → 00:12:37 >> เนี่ยคือสมองขาดสารความสุขเพราะเราไม่ได้
00:12:37 → 00:12:38 เติมเต็ม
00:12:38 → 00:12:38 >> อือ
00:12:38 → 00:12:41 >> เปรียบเสมือนมือถือมันชาร์จแต่มันชาร์จ
00:12:41 → 00:12:42 ไม่เต็มอ่ะ
00:12:42 → 00:12:44 >> มันก็จะก๊องๆแก๊งๆแฮงๆ
00:12:44 → 00:12:45 >> ใช่
00:12:45 → 00:12:48 >> อันที่ 1 เลยนะครับเติมจากคุณอมอรนะก่อน
00:12:48 → 00:12:51 ที่เราจะข้ามไปถึงระดับกลับมาดูที่ตัวเอง
00:12:51 → 00:12:54 ก่อนเราให้ความสำคัญกับการนอนแค่ไหนอัน
00:12:54 → 00:12:57 ที่ 2 คือมันไม่ใช่ชั่วโมงการนอนมันคือ
00:12:58 → 00:13:01 เวลาที่เราเข้านอนเข้านอนให้ล้อไปกับ
00:13:01 → 00:13:04 ฮอร์โมนร่างกายฮอร์โมนซ่อมแซมอ
00:13:04 → 00:13:08 >> อ่ะสั้นๆนี้ผมเคยพูดในหลายคลิปละอ่อผมย้ำ
00:13:08 → 00:13:12 อีกทีนักกีฬาระดับชาติในอเมริการะดับโลก
00:13:12 → 00:13:14 เนี่ย
00:13:14 → 00:13:17 อย่างนักนักกีฬาบาสนักกีฬา UFC เนี่ยการ
00:13:17 → 00:13:19 นอนเป็นเรื่องที่สำคัญ
00:13:19 → 00:13:23 >> อันดับต้นๆในการซ้อมเลยฮะเพราะการนอนที่
00:13:23 → 00:13:26 ดีมันคือการซ่อมร่างกายแม้กระทั่งซ่อมกาย
00:13:26 → 00:13:28 ซ่อมจิต
00:13:28 → 00:13:30 >> นะฮะอันที่ 3 คือพอเรานอนไม่พอเนี่ยที่ผม
00:13:30 → 00:13:34 มองเราพลาดตรงไหนรู้มั้ยเราพึ่งสารเสพสาร
00:13:34 → 00:13:38 กระตุ้นนะครับไอ้พวกเครื่องดื่ม 10 บาท 12
00:13:38 → 00:13:40 บาทที่เราใช้กันน่ะเครื่องดื่มชูกำลัง
00:13:40 → 00:13:42 กาแฟ
00:13:42 → 00:13:44 >> นะผมขอใช้คำว่ากาแฟเลยนะครับแล้วยิ่ง
00:13:44 → 00:13:47 ปัจจุบันก็ลื่นมาฮะยมงยาม้ายาอี
00:13:47 → 00:13:48 >> อื
00:13:48 → 00:13:49 >> กัญชาอ่ะ
00:13:50 → 00:13:50 >> อือ
00:13:50 → 00:13:53 >> พออะไรฮะสมองเราไม่มีสารที่ทำให้เรามี
00:13:53 → 00:13:57 ความสุขบวกกับเรามีแรงกดดันที่เราจะต้อง
00:13:57 → 00:13:59 ทำงานเราจะต้องเพอร์ฟอร์มเราก็ต้องเฆี่ยน
00:13:59 → 00:14:00 ตัวเอง
00:14:00 → 00:14:00 >> อื
00:14:00 → 00:14:03 >> เยังไงอ่ะตอนเช้าก็เฆี่ยนด้วยพวกเแหละ
00:14:03 → 00:14:07 เครื่องดืชิวกำลังทั้งหลาย 1 ขวดเช้า 1
00:14:07 → 00:14:10 ขวดบ่ายบางคนก็กาแฟเช้ากาแฟบ่าย
00:14:10 → 00:14:10 >> อือ
00:14:10 → 00:14:12 >> ตกกลางคืนเป็นอะไรฮะสมองมันล้ามันไม่มี
00:14:12 → 00:14:13 ความสุข
00:14:13 → 00:14:13 >> อื
00:14:13 → 00:14:15 >> มันเหนื่อยมันไม่มีความสุขมันคุยกับคนรู้
00:14:15 → 00:14:17 สึกอารมณ์ไม่โอเคแล้วทำอะไรฮะ
00:14:17 → 00:14:18 >> อื
00:14:18 → 00:14:21 >> สมัยก่อนก็แอลกอฮอล์จริงมั้ยปัจจุบันผม
00:14:21 → 00:14:22 ว่ากัญชามาแล้ว
00:14:22 → 00:14:22 >> อื
00:14:22 → 00:14:25 >> เต็มซอยเลยกัญชาตอนนี้ไอ้ที่บอกว่าการ
00:14:25 → 00:14:27 แพทย์การแพทย์เดี๋ยวนี้ไม่มีละทุกมุมเลย
00:14:27 → 00:14:28 ฮะ
00:14:28 → 00:14:29 >> อื
00:14:29 → 00:14:32 >> กัญชานี่ซอย 13 นี่เปิดไปแล้ว 6 ที่นะ
00:14:32 → 00:14:33 เท่าที่ผมเห็น
00:14:33 → 00:14:33 >> อ
00:14:33 → 00:14:36 >> เป็นบูทกัญชาเนี่ยก็ก็จะเข้าสู่ยุคที่เรา
00:14:36 → 00:14:37 ต้องพึ่งสารมากขึ้นละ
00:14:37 → 00:14:38 >> อื
00:14:38 → 00:14:40 >> แล้วมันจะหาความสุขยังไงครับ
00:14:40 → 00:14:41 >> อื
00:14:41 → 00:14:43 >> เพราะ 1 เรานอนไม่พอ 2 เราเร่ง 3 เรา
00:14:43 → 00:14:47 เฆี่ยน 4 เราเติมเต็มหาความสุขจากภายนอก
00:14:47 → 00:14:51 พวกนี้มันสั้นๆ 5 ไม่พอเนี่ยเราเข้าสู่วง
00:14:51 → 00:14:52 การอะไรฮะโซเชียล Media
00:14:53 → 00:14:53 >> อื
00:14:53 → 00:14:56 >> โซเชียล Media เนี่ยถ้าใช้ถูกก็ดีนะแต่
00:14:56 → 00:15:00 80% ใช้ผิดก็คือ Scrolling เอาไว้อะไรฮะ
00:15:00 → 00:15:03 เอาไว้ดูคนนู้นถ่ายรูปอะไรเกิดการ compare
00:15:03 → 00:15:06 แล้วเกิดการเปรียบเทียบละไอ้นี่ไปร้าน
00:15:06 → 00:15:08 อาหารนี้ฉันก็ต้องไปบ้าง
00:15:08 → 00:15:08 >> อ
00:15:08 → 00:15:11 >> ไอ้นี้ขับรถอันนี้ฉันก็ไปบ้างแล้วไปตก
00:15:11 → 00:15:14 หลุมพวกอะไรฮะพวกกระแสที่บอกว่ารวยเร็วอื
00:15:14 → 00:15:17 >> เห็นมั้ฮะรวยเร็วจะต้องทำอย่างงี้อวดรวย
00:15:17 → 00:15:20 โดยการมีรถมีบ้านใหญ่เกิดแรงกดดันมากขึ้น
00:15:20 → 00:15:21 เรื่อยๆละ
00:15:21 → 00:15:21 >> อื
00:15:21 → 00:15:23 >> นั่นน่ะงานเข้าละ
00:15:23 → 00:15:23 >> ใช่
00:15:23 → 00:15:27 >> ก็กลายเป็นว่าแทนที่จะทำงานแบบ old
00:15:27 → 00:15:29 school mindset นอนให้เร็วตื่นให้เช้า
00:15:29 → 00:15:34 ขยันทำงานออมคุณภาพชีวิตก็ดีตอนนี้กลาย
00:15:34 → 00:15:34 เปลี่ยน
00:15:34 → 00:15:36 >> อื
00:15:36 → 00:15:38 >> ผมมองว่ามันเริ่มจากตรงนี้
00:15:38 → 00:15:40 >> ใช่ครับเพราะว่าจริงๆแล้วการนอนเนี่ย
00:15:40 → 00:15:43 สำคัญอยู่แล้วเพราะว่าที่หมอพูดก็คือพูด
00:15:43 → 00:15:45 ง่ายๆเลยก็คือว่าเวลาเรานอนน่ะสมองเรามัน
00:15:45 → 00:15:48 กำลังซ่อมแซนตัวเองอยู่พูดง่ายๆก็คือคิด
00:15:48 → 00:15:50 ซะว่าเวลาเราอาบน้ำขัดขี้ไครอ่ะเวลานอนก็
00:15:50 → 00:15:52 คือสมองของเรามันกำลัง
00:15:52 → 00:15:54 >> ขัดขี้ไครในสมองอยู่
00:15:54 → 00:15:56 >> และเอาท็อกซินทั้งหมดที่ว่ามันได้เกิด
00:15:56 → 00:15:57 ขึ้น
00:15:57 → 00:16:00 >> ในทั้งวันมาอ่ะครับเอามันขัดมันออกไปแล้ว
00:16:00 → 00:16:04 ก็คือสมองเราอ่ะมันก็มีฮอร์โมนของมันอยู่
00:16:04 → 00:16:06 แล้วใช่มั้ยอย่างเช่นฮอร์โมนง่ายๆเลยก็
00:16:06 → 00:16:08 คือเวลาเราตื่นมาฮอร์โมนที่สูงที่สุด
00:16:08 → 00:16:11 คอร์ติแล้วก็ระหว่างวันไปปุ๊บอ่ะสิ่งที่
00:16:11 → 00:16:13 ร่างกายเราทำสมองเราทำก็คือปับให้
00:16:13 → 00:16:15 คอร์ดซอลมันต่ำลงเรื่อยๆเพื่อที่ว่าเราจะ
00:16:16 → 00:16:18 ได้พร้อมเข้าสู่การนอน
00:16:18 → 00:16:20 >> แล้วจะได้เป็นการพักสมองแล้วตื่นมาปึ๊บก็
00:16:20 → 00:16:23 ฉูดขึ้นอีกแล้วก็มาแต่ว่า
00:16:23 → 00:16:26 >> ตอนนี้อย่างที่บอกเราเอาการที่จะทำให้เรา
00:16:26 → 00:16:29 รอดฝั่งไปไว้เป็นอยู่ภายนอกหมดมีของภาย
00:16:29 → 00:16:30 นอกเต็มไปหมด
00:16:30 → 00:16:32 >> ที่จะช่วยให้เราได้เราเลยลืมไปว่าลิมิต
00:16:32 → 00:16:35 ของเราเนี่ยมันอยู่ที่ไหนอย่างเช่นเรื่อง
00:16:35 → 00:16:39 การงานเราเซต time ได้มว่าถึง 20:00 น.
00:16:39 → 00:16:41 เราไม่ทำงานละเกินกว่านั้นไปคือถ้ามี
00:16:41 → 00:16:44 อีเมลอะไรเข้ามาเราไม่ตอบ
00:16:44 → 00:16:46 >> ถ้ามีแชทอะไรเกี่ยวกับงานเข้ามาเราไม่ตอบ
00:16:46 → 00:16:48 เราถือว่าสมองเราหยุดเรื่องของการทำงานไป
00:16:48 → 00:16:52 แล้วแต่หลายๆครั้งพอเราเราทำให้สมองเรา
00:16:52 → 00:16:54 เครียดเรื่อยๆกับการงานหรืออะไรครับสิ่ง
00:16:54 → 00:16:57 นึงที่เดี๋ยวนี้มันก็จะมีอาริออกมาเรื่อย
00:16:57 → 00:16:58 ๆเลยก็คือเหมือนกับว่าเป็นการ revenge
00:16:58 → 00:17:02 แก้แค้นเอาเวลาคืนมาให้ได้การแก้แค้นที่
00:17:02 → 00:17:03 ดีที่สุดก็คือการเอาตัวเองไปอยู่ใน
00:17:03 → 00:17:05 โซเชียลมีการดูหนังการดูอะไรกลางคืนแล้ว
00:17:06 → 00:17:11 ก็มันก็ฤทธิรอนเวลาการนอนของเราอื
00:17:11 → 00:17:11 >> อ
00:17:11 → 00:17:13 >> เรายังไม่มีเวลาทำความให้เราเลย
00:17:13 → 00:17:13 >> อร
00:17:13 → 00:17:15 >> แล้วเราก็จะมาหาสิ่งที่ว่ามันให้ความสุข
00:17:15 → 00:17:18 กับเราณเวลาที่มันควรจะเป็นเวลานอนของเรา
00:17:18 → 00:17:19 >> ครับ
00:17:19 → 00:17:20 >> พูดตามผมเองก็ทำ
00:17:20 → 00:17:23 >> จะไม่บอกเลยว่าเราอย่างงั้นคือเราเองก็ทำ
00:17:23 → 00:17:24 แต่
00:17:24 → 00:17:26 >> สิ่งที่เราควรจะทำไม่ได้ก็คือว่าถ้าเรา
00:17:26 → 00:17:29 รู้ว่าเรากำลังทำสิ่งๆนี้อยู่เนี่ยฝึกใน
00:17:29 → 00:17:34 การว่าเฮ้ยไม่ได้อันนี้มันไม่ใช่ตั้งตั้ง
00:17:34 → 00:17:36 boundary ที่ว่ามัน healthy ให้กับตัว
00:17:36 → 00:17:40 เองตั้งขอบเขตที่ว่า
00:17:40 → 00:17:43 มันดีสำหรับตัวเองว่าสิ่งๆนี้คือขอบเขต
00:17:43 → 00:17:45 ของฉันเกินนี้ไปฉันจะไม่ทำมันเป็นสิ่งที่
00:17:45 → 00:17:49 เราจะต้องฝึกกันนะครับทุกคนทั้งทั้งเป็น
00:17:49 → 00:17:52 คน 1 คนหรือว่าเป็นทั้งสังคมเนี่ยเราเรา
00:17:52 → 00:17:54 จะต้องร่วมกันฝึกตรงนี้ครับอย่างที่ 2 ก็
00:17:54 → 00:17:59 คือผมเห็นด้วยเรื่องกัญชากัญชาที่มาเนี่ย
00:17:59 → 00:18:00 คือจริงๆแล้วมันมีรีเสิร์ชอยู่แล้วว่า
00:18:00 → 00:18:02 กัญชาเนี่ยมันช่วยเรื่องของ anxiety
00:18:02 → 00:18:05 เรื่องของ depression ได้แต่ว่าของเราก็
00:18:05 → 00:18:07 คือมันมาด้วยการที่ว่ามันไม่มี regulation
00:18:07 → 00:18:09 มันเป็น recational
00:18:09 → 00:18:11 >> ใช่พอมันไม่มี regulation เนี่ยอย่างเช่น
00:18:11 → 00:18:16 ผมเพิ่งไปเชียงใหม่ไปทำเอ่อไปทำโครงการ
00:18:16 → 00:18:19 กับอีกมนิธินึงที่อำเภอเสมิงอ่ะครับอยู่ๆ
00:18:19 → 00:18:22 อยู่ออกจากตัวเมืองไปอ่ะเราก็เห็นเลยว่า
00:18:22 → 00:18:25 พอมันไม่มีการตั้งกฎกติกาที่ดีอ่ะครับมัน
00:18:25 → 00:18:26 ไปอยู่ในมือเด็ก
00:18:26 → 00:18:27 >> ใช่
00:18:27 → 00:18:29 >> เพราะว่าเด็กที่เขาไปปุ๊บบางครั้งก็เพิ่ง
00:18:29 → 00:18:32 ตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิดอายุ 11-12 อย่าง
00:18:32 → 00:18:33 เงี้ยครับ
00:18:33 → 00:18:33 >> อ
00:18:33 → 00:18:36 >> คือมันไปอยู่ตรงนั้นแล้วก็อยากจะให้เข้า
00:18:36 → 00:18:39 ใจด้วยว่ามันใช่มันมีงานวิจัยแต่ก็ไม่ได้
00:18:39 → 00:18:42 แปลว่ามันใช้ได้กับทุกคนเพราะว่าสมองเรา
00:18:43 → 00:18:46 มันมี receptor ทั้งสำหรับcanนอยู่แล้ว
00:18:46 → 00:18:49 แล้วมันก็ต้องดูด้วยว่าถ้าของคุณเนี่ยมัน
00:18:49 → 00:18:51 sensitive กับ cannabis บางครั้งคุณใช้
00:18:51 → 00:18:55 คุณอาจจะเกิด anxiety ได้แต่ถ้าของคุณมัน
00:18:55 → 00:18:57 ไม่มี receptor ทางด้านนั้นเยอะคุณอาจจะ
00:18:57 → 00:19:00 ต้องใช้โคตรเยอะเพื่อที่ว่าจะให้มันมีผล
00:19:00 → 00:19:02 กระทบสิ่งที่ดีที่สุดก็คืออาจจะไปคลินิก
00:19:03 → 00:19:05 ที่เชี่ยวชาญไปหาหมอที่เชี่ยวชาญทางด้าน
00:19:05 → 00:19:05 นี้
00:19:05 → 00:19:07 >> ใช่สมการมันจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
00:19:07 → 00:19:10 >> เพื่อที่ว่าจะได้เข้าใจก่อนว่ากายภาพของ
00:19:10 → 00:19:12 เราเนี่ยมันต้องการแบบไหนต้องการในสภาพ
00:19:12 → 00:19:15 ไหนต้องการในรูปแบบไหนเพื่อที่ว่าเราจะ
00:19:15 → 00:19:18 ได้ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดด้วยอ่ะครับ
00:19:18 → 00:19:21 >> อ่ะผมยกตัวอย่างขอแทรกตรงนี้เลยผมมีเด็ก
00:19:21 → 00:19:25 วัยรุ่นแม่พามาปรึกษา
00:19:25 → 00:19:28 อารมณ์ก้าวร้าวเดี๋ยวนี้ไม่อยากไปโรง
00:19:28 → 00:19:31 เรียนมาปรึกษาผมทั้งๆที่ผมเป็นหมอปอดหมอ
00:19:31 → 00:19:34 อยุรกรรมเมาปรึกษาในนามอยุรกรรมหรือด้วย
00:19:34 → 00:19:37 เหตุอะไรก็ตามก็มานั่ง
00:19:37 → 00:19:40 คุยๆแม่ก็เผลอถามว่าเนี่ยกำลังคิดอยู่ว่า
00:19:40 → 00:19:42 จะให้เด็กอ่ะหยอดกัญชา
00:19:42 → 00:19:43 >> อื
00:19:43 → 00:19:45 >> มันมาถึงจุดนี้แล้วอ่ะปัจจุบันน่ะ
00:19:45 → 00:19:46 >> อื
00:19:46 → 00:19:49 >> ผมว่าเดี๋ยวๆๆกัญชามันคือ Medical Use
00:19:49 → 00:19:52 ก่อนที่ยูจะไปถึงจุดนั้นยูหาให้ได้ก่อน
00:19:52 → 00:19:56 ว่าลูกยูเนี่ยอารมณ์แปรปรวนหรือขาดความ
00:19:56 → 00:20:00 สุขจากอะไรผมก็ให้คุณดูนะว่าเคสนี้ผมแครก
00:20:00 → 00:20:02 โค้ดยังไงไม่ได้บอกผมเก่งนะแต่เดี๋ยวดูนะ
00:20:02 → 00:20:06 อยากให้สังคมรู้เลยผมเริ่มคุยเลยเด็กโต
00:20:06 → 00:20:10 ยังไงกินอะไรทำอะไรไลฟ์สไตล์นั่งคุยกับ
00:20:10 → 00:20:13 มันตอนมันมานี่มันเอ๋ออย่างเงี้ยตาขอบตา
00:20:13 → 00:20:14 ดำอ่า
00:20:14 → 00:20:17 >> อย่างงี้เลยนะท่านี้เลยนะผมก็มองเอาหน้า
00:20:17 → 00:20:21 กากออกคุยกับพ่อแม่พ่อแม่เค้าลูกคนเดียว
00:20:21 → 00:20:24 ผมว่าเด็กนอนกี่โมง
00:20:24 → 00:20:27 เด็กนอน 2:00 น.
00:20:27 → 00:20:31 2:00 น.ทำอะไรลูกเล่นเกมมีแก๊งเกมอยู่
00:20:31 → 00:20:35 แล้วพ่อแม่คิดให้ทายพ่อแม่ปัจจุบันว่าไง
00:20:35 → 00:20:37 เนี่ยลูกแม่บอกแล้วใช่มั้ยคือพ่อแม่ไม่
00:20:37 → 00:20:40 ค่อยกล้ามีorityเพราะว่ากลัวว่าเมื่อไหร่
00:20:40 → 00:20:43 จะไป authority เด็กหรือจะเกิดแบบว่าแช
00:20:43 → 00:20:44 กัน
00:20:44 → 00:20:46 >> เาก็ไม่กล้าเกลัวว่าเด็กโตแล้วอยากให้ตัด
00:20:46 → 00:20:48 สินเองซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เด็กมันยังไม่
00:20:49 → 00:20:51 มีวุฒิภาวะที่จะควบคุมตัวเองได้
00:20:51 → 00:20:51 >> อือ
00:20:51 → 00:20:54 >> อ่ะไม่เป็นไร 2:00 น.อย่างเงี้ยอ้าแล้ว
00:20:54 → 00:20:57 ตื่นไปโรงเรียนกี่โมงลูกตื่น 5:30 น.
00:20:57 → 00:20:59 เพราะว่ารถโรงเรียนอยู่ฝั่งสาธรต้องนั่ง
00:20:59 → 00:21:00 ในรถ
00:21:00 → 00:21:00 >> อ
00:21:00 → 00:21:03 >> เด็กมันนอน 3:00 น. 2:00 น. 3:00 น.ตื่น
00:21:03 → 00:21:05 5:30 น.นอนวันละ 3 ช่โมง
00:21:05 → 00:21:05 >> อ
00:21:05 → 00:21:08 >> เป็นเวลากี่เดือนครับโอยย 7-8 เดือนแล้ว
00:21:08 → 00:21:11 แล้วพ่อแม่รู้มั้ฮะก็รู้ะ
00:21:11 → 00:21:14 แล้วแล้วหนูทำไงฮะที่โรงเรียนทำไงง่วงไม่
00:21:14 → 00:21:16 ง่วงเหรอไม่ง่วงครับเด็กมันจะง่วงได้ไง
00:21:16 → 00:21:19 อายุนี้มันยังพลังมันยังเต็มร้อยอยู่มัน
00:21:19 → 00:21:21 ไม่มีหรอกคำว่าง่วงก็เตะบอลเล่นแต่มัน
00:21:21 → 00:21:24 เอ๋อไปแล้วอ่ะเอ๋อหมายถึงสมองมันสตั้นอ่ะ
00:21:24 → 00:21:24 >> อื
00:21:24 → 00:21:27 >> เราเรียกทางการแพทย์เราเรียก chronic
00:21:27 → 00:21:28 sleep deprivation
00:21:28 → 00:21:31 >> การอดหลับอดนอนเรื้อรังติดต่อกันเกิน 3
00:21:31 → 00:21:34 เดือนซึ่งมันทำให้เกิดเป็นตัวที่จะ
00:21:34 → 00:21:36 กระตุ้นให้เกิดอารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้า
00:21:36 → 00:21:37 ได้
00:21:37 → 00:21:38 >> อ
00:21:38 → 00:21:42 >> เค้าจะเข้าจิตแพทย์จะเดินสายนี้เดี๋สิยัง
00:21:42 → 00:21:45 ไม่กลับมาที่เบสิคเลยว่าลูกอยู่ขาด
00:21:45 → 00:21:47 >> ความสุขจากไหนก็นี่ฮะ
00:21:47 → 00:21:48 >> อื
00:21:48 → 00:21:50 >> อันดับ 2 พอตรวจร่างกายจมูกบวมตุ่ยเลยฮะ
00:21:50 → 00:21:51 >> อื
00:21:51 → 00:21:55 >> อ้าปากนอนฟันโอ้โหเพดานสูงเลยเราเรียกแบบ
00:21:55 → 00:21:56 typical mouth breeder อ่ะ
00:21:56 → 00:21:58 >> อื
00:21:58 → 00:22:01 >> นี่มันภูมิมันร่วงจนมันแบบภูมิแพ้กำเลิบ
00:22:01 → 00:22:02 เด็กอ้าปากนอน
00:22:02 → 00:22:05 เพดานยูยกสูงฟันเหยินแล้วอ่ะ
00:22:05 → 00:22:05 >> อื
00:22:05 → 00:22:07 >> บอกเฮ้ยยูต้องรักษาแล้วนะ
00:22:07 → 00:22:07 >> อื
00:22:07 → 00:22:11 >> ก็ตัดสินใจรักษาก็ถามมันเอามั้ยถ้าไม่เอา
00:22:11 → 00:22:11 ก็จบนะ
00:22:11 → 00:22:12 >> อื
00:22:12 → 00:22:15 >> เพราะว่าสมองพอมันวัยที่เรากำลังโต
00:22:15 → 00:22:15 >> ใช่
00:22:15 → 00:22:18 >> อยู่ไปเดินสายกัญชงกัญชานี่คือมันจะหา
00:22:18 → 00:22:19 ความสุขเองไม่เป็นละนะอ
00:22:19 → 00:22:21 >> มันจะต้องพึ่งสิ่งภายนอกตลอดนะ
00:22:21 → 00:22:23 >> อื
00:22:23 → 00:22:26 >> ก็เด็กมันยอมก็เลยคุยยอมอ่ะตกลงกันค่อยๆ
00:22:26 → 00:22:29 ขยับเหลือ 23:00 น.เกมยังไงก็ไม่ได้นะลูก
00:22:29 → 00:22:31 23:00 น.นี่คือ Yu นี้ 22:00 น.พี่นอน
00:22:32 → 00:22:32 แล้ว
00:22:32 → 00:22:32 >> อ
00:22:32 → 00:22:35 >> 23:00 น.พี่อนุอนุโรมให้ 23:00 น.แต่ว่า
00:22:35 → 00:22:36 22:00 น.เป็นไปได้
00:22:36 → 00:22:38 >> พ่อเเอาจริงพ่อเปิดอินเทอร์เน็ตเลย 22:00
00:22:38 → 00:22:40 น.อื
00:22:40 → 00:22:43 >> 6 เดือนครับเด็กกลับมาปกติกลับไปเล่นได้
00:22:43 → 00:22:46 ปกติรักษาภูมิแพ้หายเด็กนอนอิ่มตื่นมา
00:22:46 → 00:22:48 ปัจจุบันเป็นนักกีฬาเป็นนักบาส
00:22:48 → 00:22:49 >> อื
00:22:49 → 00:22:53 >> เนี่ยฮะผมกำลังจะยกตัวอย่างขั้นนิดนึงว่า
00:22:53 → 00:22:57 >> เนี่ยคือปัญหาว่าเมื่อเราไปเร่งการสร้าง
00:22:57 → 00:23:00 สรรค์ความสุขให้กับสังคมโดยที่ให้สังคม
00:23:00 → 00:23:01 เป็นคนตัดสินเนี่ย
00:23:01 → 00:23:02 >> อื
00:23:02 → 00:23:04 >> โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นเนี่ยมันจะรู้ได้
00:23:04 → 00:23:05 ยังไง
00:23:05 → 00:23:06 >> อื
00:23:07 → 00:23:10 ผมว่านั่นแหละครับสิ่งสำคัญเลยก็คือเราจะ
00:23:10 → 00:23:13 ต้องกลับมาดูที่ยูนิตของครอบครัวเลยว่า
00:23:13 → 00:23:14 >> อือ
00:23:14 → 00:23:17 >> สิ่งสำคัญของสุขภาพแต่ละคนน่ะครับมันคือ
00:23:17 → 00:23:19 อะไรการนอนเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้วเรารู้
00:23:19 → 00:23:23 เด็กวิวัฒนาการสมองมันเติบโตอยู่เรื่อยๆ
00:23:23 → 00:23:26 แล้วถ้าหากว่าเราทำให้ว่าขาดการนอนไปการ
00:23:26 → 00:23:28 ที่เติบโตของสมองมันก็สตั้น
00:23:28 → 00:23:28 >> ครับ
00:23:28 → 00:23:31 >> ไปด้วยแล้วเราจะทำยังไงให้ว่าทุกคนเข้าใจ
00:23:31 → 00:23:34 ในปัญหานี้ว่าอย่างที่ผมบอกครับว่าทุก
00:23:34 → 00:23:37 ครั้งเนี่ยมันไม่ได้ว่าเราจะต้องวิ่งไป
00:23:37 → 00:23:39 top of อ
00:23:39 → 00:23:41 >> เราค่อยๆเลื่อนขั้นไปดูก่อนว่าปัญหาที่
00:23:41 → 00:23:43 ไหนผมว่าสิ่งที่หมอบิ๊กมาถูกแล้วก็คือ
00:23:43 → 00:23:46 เข้าใจปัญหาก่อนว่าไอ้ไอสิ่งที่มันเกิด
00:23:46 → 00:23:48 ขึ้นน่ะเพราะว่าท้ายที่สุดแล้วส่งไปหา
00:23:48 → 00:23:50 จิตแพทย์ถ้าจิตแพทย์ดีจริงก็ทำpyค
00:23:50 → 00:23:53 analysis ดูว่าไอ้ปัจจัยของปัญหานี้มัน
00:23:53 → 00:23:54 มาที่ไหนแล้วไปแก้ที่
00:23:54 → 00:23:55 >> ปัญหา
00:23:55 → 00:23:57 >> ไม่ได้ไม่ได้ไปแก้ที่ว่าไม่ได้เอา
00:23:58 → 00:24:00 Solution ไป Fit problem แต่หา problem
00:24:00 → 00:24:02 มาแล้วสร้าง Solution ที่ว่าค่อยไปหามัน
00:24:02 → 00:24:04 ได้อย่างงั้นนะครับครับ
00:24:04 → 00:24:06 >> แล้วเราจะทำยังไงให้สิ่งๆนั้นมันเกิดขึ้น
00:24:06 → 00:24:10 แล้วก็ผมว่าถ้าถ้าหากว่าเรามีเหมือน
00:24:10 → 00:24:13 literacy หรือมีการอบรมการสอนสิ่งสำคัญ
00:24:13 → 00:24:15 แต่ละอย่างแต่ละอย่างโดยเฉพาะเรื่องของ
00:24:15 → 00:24:17 วิวัฒนาการทางเด็ดอ่ะครับผมว่ามันเป็น
00:24:17 → 00:24:20 สิ่งสำคัญแต่ว่านั่นไม่ได้บอกว่าไม่ได้
00:24:20 → 00:24:22 ทุกเคสที่จะต้องไปหาจิตแพทย์เด็ก
00:24:22 → 00:24:25 >> เพราะว่ามันก็จะมีเป็นปัญหาจิตเวทที่ว่า
00:24:25 → 00:24:27 มันตรงเฉพาะเด็กด้วยเหมือนกันโดยเฉพาะ
00:24:27 → 00:24:31 เด็กที่เพิ่งเกิดหรือแบบอยู่ในวัย 3-4
00:24:31 → 00:24:33 ขวบ 5 ขวบอย่างี้อย่างเช่น ADHD
00:24:33 → 00:24:36 >> การที่อยู่ไม่ติดกับที่เอ่อ ADD
00:24:36 → 00:24:39 attention Deficit disorder เอ่อหรือ
00:24:39 → 00:24:41 ว่าเอิ่มเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะเป็นเหมือน
00:24:42 → 00:24:44 conduct disorder เป็นเด็กที่ไม่เชื่อ
00:24:44 → 00:24:46 ฟังไม่ฟังอะไรเลยถึงกระทั่งที่ว่ามันเป็น
00:24:46 → 00:24:49 ปัญหาไปแล้วเป็นdisอเดอร์ไปแล้วเรียบร้อย
00:24:49 → 00:24:51 แล้วหรือ autism ซึ่งสิ่งเหล่านี้เนี่ย
00:24:51 → 00:24:54 หรือ dxia สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่
00:24:54 → 00:24:58 พบเห็นว่ามันเกินระยะเวลาที่มันควรแล้ว
00:24:58 → 00:25:01 อ่ะอาจจะต้องไปหาเจตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
00:25:01 → 00:25:04 >> แต่ถ้าหากว่าเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เราดู
00:25:04 → 00:25:05 แล้วว่า
00:25:05 → 00:25:06 >> เหมือนมันเพิ่งเริ่มเป็นแล้วมันยังแก้แก้
00:25:07 → 00:25:08 ไขปัญหาด้วยการที่ว่าอาจจะปรับเปลี่ยน
00:25:08 → 00:25:11 behavior ของเด็กอะไรอ่ะครับมันก็จะต้อง
00:25:11 → 00:25:14 หาวิธีที่ว่าโอเคลองดูซิว่าเราจะทำยังไง
00:25:14 → 00:25:16 กับมันได้บ้างโดยเฉพาะรู้ว่าเด็กนอน 2:00
00:25:16 → 00:25:18 น.ตื่น 5:00 น.อื
00:25:18 → 00:25:20 >> อันนี้เราน่าจะรู้เลยว่าวันไหนที่เรานอน
00:25:20 → 00:25:22 ไม่พอเราตื่นมานี้เรารู้เลยว่าเราเองวัน
00:25:22 → 00:25:25 นี้เราก็แบบอารมณ์นี้เหมือนมันจะดีดเมื่อ
00:25:25 → 00:25:27 ไหร่ก็ได้อย่างงั้นนะครับใช่
00:25:27 → 00:25:32 >> สรุปเราพลาดตรงไหนทำไมความสุขมันหายาก
00:25:32 → 00:25:36 เหลือเกินผมกับคุณอมอรไม่สามารถชี้ให้เรา
00:25:36 → 00:25:39 ได้นะครับว่าอะไรเป็นเหตุใดเหตุหนึ่งซึ่ง
00:25:39 → 00:25:41 แน่นอนมันคงไม่ได้มีเหตุเดียวแต่เรา
00:25:41 → 00:25:44 พยายามเปิดมุมกว้างให้มากที่สุดนะครับให้
00:25:44 → 00:25:46 เราเห็นว่า
00:25:46 → 00:25:49 จริงๆความสุขเนี่ยมันไม่ได้ยากอย่างที่
00:25:49 → 00:25:54 เราคิดแต่เราขาดความสุขเพราะเราไปตกหลุม
00:25:54 → 00:25:57 อะไรบางอย่างนะครับถ้าเราตื่นรู้ถ้าเรา
00:25:57 → 00:26:00 ทันมันได้ผมคิดว่าสังคมรุ่นใหม่ก็น่าจะ
00:26:00 → 00:26:05 กลับมาเป็นปกติได้นะครับผมเองก็ไม่มีคำ
00:26:05 → 00:26:08 ตอบคุณอมรเองก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างน้อยเรา
00:26:08 → 00:26:12 ชี้ให้เห็นได้ว่าโพรงมันน่าจะมาจากไหนนะ
00:26:12 → 00:26:14 ครับหวังว่าคลิปนี้คงน่าจะได้ประโยชน์นะ
00:26:14 → 00:26:17 ครับ