00:00:00 → 00:00:03 อจินี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณ
00:00:03 → 00:00:09 ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ
00:00:09 → 00:00:12 Android สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังและนี่คืออจิ
00:00:13 → 00:00:16 podcast กับรายการโลกซึมเศร้าที่พวกเรา
00:00:16 → 00:00:19 จะพาคุณผู้ฟังเดินทางไปในโลกซึมเศร้า
00:00:19 → 00:00:22 เพื่อทำความเข้าใจโรคนี้ไปพร้อมๆกันค่ะ
00:00:22 → 00:00:24 ซึ่งวันนี้ก็อยู่กับมิ้นแล้วก็อยู่กับพี่
00:00:24 → 00:00:28 เจนค่ะเหมือนเดิมใช่เลยค่ะสวัสดีค่ะพี่
00:00:28 → 00:00:31 เจนสวัสดีค่ะแล้วก็สวัสดีคุณผู้ฟังด้วยนะ
00:00:31 → 00:00:34 คะซึ่งใน EP นี้เนี่ยหัวข้อสำคัญมากเลย
00:00:34 → 00:00:37 เนาะสำหรับคุณผู้ฟังที่กำลังเผชิญกับโลก
00:00:37 → 00:00:39 นี้เพราะว่ามิ้นกับพี่เจนเนี่ยจะมาชวนคุณ
00:00:39 → 00:00:42 ผู้ฟังพูดคุยกันตั้งแต่ประสบการณ์การเข้า
00:00:42 → 00:00:45 รับการรักษาและจุดไหนที่เรียกได้ว่าเรา
00:00:45 → 00:00:49 หายแล้วจากการเป็นโรคซึมเศร้าเลยอือื
00:00:49 → 00:00:51 อย่างแรกขอเริ่มจากที่มาแล้วก็การรักษา
00:00:51 → 00:00:54 ก่อนเนาะอืใช่ค่ะอยากถามพี่เจนที่มี
00:00:54 → 00:00:56 ประสบการณ์ตรงเลยว่าสาเหตุที่ทำให้เป็น
00:00:56 → 00:00:59 โรคซึมเศร้าของพี่เจนคืออะไรคะจริงๆก็
00:00:59 → 00:01:02 ต้องเล่าเกริ่นมาก่อนนิดนึงว่าก่อนที่จะ
00:01:02 → 00:01:05 ไปหาหมอพี่เนก็คือมีภาวะเหมือนคนนอนหลับ
00:01:05 → 00:01:08 ยากมากๆอยู่แล้วมันหลับไม่ค่อยเป็นเวลา
00:01:08 → 00:01:10 แล้วก็ตื่นเร็วอะไรเงี้ยค่ะคือนอนยากนอน
00:01:10 → 00:01:13 หลับไม่สนิทอยู่แล้วแต่ก็โอเคมันก็เป็น
00:01:13 → 00:01:16 รู้สึกว่ายังไม่ได้แย่อะไรแล้วก็ Enjoy
00:01:16 → 00:01:19 Life ปกติอยู่แต่ตอนที่เป็นจริงๆเนี่ยก็
00:01:20 → 00:01:22 คือไปหาหมอใช่ไหมมคะเล่าทุกเรื่องที่เกิด
00:01:22 → 00:01:26 ขึ้นในชีวิตใช่ไหมแล้วคุณหมอก็บอกว่าเออ
00:01:26 → 00:01:29 เนี่ยเหมือนคุณจะอยู่ในอาการเหมือนช็อ
00:01:29 → 00:01:31 เพราะว่าเหมือนเรื่องทุกเรื่องที่เกิด
00:01:31 → 00:01:34 ขึ้นน่ะค่ะมันเกิดในช่วงเวลาที่ติดกันมัน
00:01:34 → 00:01:37 เริ่มจากการแบบสูญเสียโดนโกงแล้วก็เข้า
00:01:37 → 00:01:40 โรงพยาบาลซึ่งมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง
00:01:40 → 00:01:42 แบบเป็นเท Point ของเรามันรู้สึกว่ามัน
00:01:42 → 00:01:45 ใหญ่รู้สึกว่ามันน่ากลัวแล้วมันเครียดมัน
00:01:45 → 00:01:47 ผิดหวังมันทุกอย่างรวมกันไปหมดเลยอะไร
00:01:47 → 00:01:50 เงี้ยค่ะวิตกกังวลด้วยอะไรด้วยมันก็มันก็
00:01:50 → 00:01:53 เลยเหมือนเราแย่ลงเรื่อยๆหมอก็เลยบอกว่า
00:01:53 → 00:01:55 เอิ้มน่าจะเกิดจากการช็อที่แบบเจอหลายๆ
00:01:55 → 00:01:57 เรื่องเข้ามาพร้อมๆกันแล้วแบบเรารับมัน
00:01:57 → 00:01:59 ไม่ได้อะไรเงี้ยค่ะคือจริงๆแอบอยากแชร์
00:01:59 → 00:02:02 อีก 2 อย่างเพิ่มเติมแล้วอันนึงอ่ะคิดว่า
00:02:02 → 00:02:05 ตรงกับพี่เจนเลยที่บอกว่ามีเหตุการณ์อะไร
00:02:05 → 00:02:08 บางอย่างที่แบบเหมือนเข้ามาเป็นจุดใหญ่ใน
00:02:08 → 00:02:10 ชีวิตของเราที่ทำให้มันเปลี่ยนไปเลยอ่ะ
00:02:10 → 00:02:14 เนาะอือย่างแรกเลยที่มันเป็นสาเหตุที่
00:02:14 → 00:02:16 ค่อนข้างคอมมอนเลยอ่ะแบบพบได้ทั่วไปก็คือ
00:02:16 → 00:02:19 เหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอันนี้ก็คือ
00:02:19 → 00:02:21 อย่างที่บอกเลยว่าอย่างพี่เจนเองก็เจอ
00:02:21 → 00:02:24 ประสบการณ์ที่ไม่ดีมาอืก็เลยทำให้แบบโห
00:02:25 → 00:02:27 ประสบการณ์นั้นทำให้เรากลายเป็นผิดหวัง
00:02:27 → 00:02:30 รู้สึกแย่ใช่รู้สึกแย่มันพัฒนาไปเป็นโรค
00:02:30 → 00:02:33 ซึมเศร้าเนาะพี่เจนอือซึ่งอย่างที่บอกเลย
00:02:33 → 00:02:35 ว่ายกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดที่สุดก็คือ
00:02:35 → 00:02:37 Big Event ต่างๆที่สร้างความเปลี่ยน
00:02:37 → 00:02:40 แปลงให้กับชีวิตอย่างเช่นอาจจะเป็นอย่าง
00:02:40 → 00:02:42 อื่นด้วยในเคสอื่นๆอย่างเช่นการเลิกราา
00:02:42 → 00:02:44 การสูญเสียแล้วก็อุบัติเหตุความเจ็บป่วย
00:02:44 → 00:02:47 อะไรก็ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้หมดเลยเนาะ
00:02:47 → 00:02:51 ใช่ค่ะอแล้วก็อีกอย่างนึงที่อยากพูดถึงก็
00:02:51 → 00:02:54 คือการรับรู้แล้วก็การตีความหมายต่อสิ่ง
00:02:54 → 00:02:56 ต่างๆอันเนี้ยอยากแชร์ตอนเรียนเกี่ยวกับ
00:02:56 → 00:02:59 จิตวิทยาการปรึกษาคำพูดนึงของอาจารย์ที่
00:02:59 → 00:03:02 จำได้ก็คือวิธีการให้ความหมายต่อสิ่งต่าง
00:03:02 → 00:03:05 ๆที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้เรากลายเป็น
00:03:05 → 00:03:08 ผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นคือจริงๆ
00:03:08 → 00:03:10 ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์นั้นมันไม่แย่
00:03:10 → 00:03:14 นะเออแต่ว่าจริงๆแล้วอ่ะมันจะแย่มากหรือ
00:03:14 → 00:03:16 น้อยแค่ไหนอ่ะมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองเรา
00:03:16 → 00:03:20 ด้วยส่วนนึงอืใช่ค่ะใช่เลยแบบช่วงเวลาที่
00:03:20 → 00:03:22 มันเต็มไปด้วยอารมณ์หรือว่าที่เรียกว่า
00:03:22 → 00:03:25 overwhelm อ่ะสาเหตุอย่างนึงมันคือการ
00:03:25 → 00:03:28 ที่เราแบบคิดวนไปวนมานี่แหละมันเลยทำให้
00:03:28 → 00:03:30 อารมณ์มันเหมือนมันหนักมันเข้มมากขึ้น
00:03:30 → 00:03:33 เรื่อยๆจนแบบเออมันก็อาจจะถึงจุดที่กลาย
00:03:34 → 00:03:37 เป็นโรคซึมเศร้าได้ใช่เออเข้าใจเลยคิดวน
00:03:37 → 00:03:40 อยู่นั่นแหละหาทางออกไม่ได้สักทีมันก็มัน
00:03:40 → 00:03:43 ก็เข้มขึ้นจริงๆอ่ะแต่มินเองก็เคยมี
00:03:43 → 00:03:45 ประสบการณ์แบบพี่เจนเหมือนกันนะที่เวลา
00:03:45 → 00:03:48 เราคิดเรื่องอะไรหรือว่ามีเหตุการณ์ปัญหา
00:03:48 → 00:03:50 อะไรเกิดขึ้นน่ะที่มันใหญ่มากพออ่ะก็จะ
00:03:51 → 00:03:53 นอนไม่หลับเหมือนกันแบบมีปัญหาการนอน
00:03:53 → 00:03:56 เพราะว่าเราคิดจนมันแบบตาค้างอ่ะนอนไม่
00:03:56 → 00:03:58 หลับเลยทั้งคืนอะไรเงี้ยใชเหมือนสมองทำ
00:03:58 → 00:04:02 งานอยู่ตลอดเววลาไม่อยู่อืมใช่เลยค่ะแล้ว
00:04:02 → 00:04:05 ก็อยากถามพี่เจนต่อว่าพอพี่เจนรู้ตัวแล้ว
00:04:05 → 00:04:09 ว่าเออตอนเนี้ยเราเริ่มเหมือนกับเข้าขาย
00:04:09 → 00:04:12 แล้วนะหรืออะไรแบบเนี้ยการรักษาพอเข้าไป
00:04:12 → 00:04:14 แล้วอ่ะเป็นยังไงแล้วก็กระบวนการมีอะไร
00:04:14 → 00:04:17 บ้างที่พี่เจนเจอก็เริ่มจากการเข้าไปหา
00:04:17 → 00:04:19 หมอใช่มั้คะก็คัดกองนู่นนี่นั่นเสร็จเนาะ
00:04:19 → 00:04:22 แล้วก็พอข้ามไปถึงตรงได้รับการวินิจฉัย
00:04:22 → 00:04:24 แล้วว่าเป็นและเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆละก็
00:04:24 → 00:04:27 จ่ายยาจำได้ว่าครั้งแรกเลยนะคะได้ยา
00:04:28 → 00:04:30 ประมาณ 4-5 ตัวแต่ว่ากินครั้งละเม็ดอะไร
00:04:30 → 00:04:33 อย่างเงี้ยตัวละเม็ดอะไรเงี้ยเนาะที่จำ
00:04:33 → 00:04:35 ได้แม่นเลยว่ามีตัวยาอะไรบ้างก็คือจำได้
00:04:35 → 00:04:38 ว่ามันมียาที่ช่วยให้เราผ่อนคลายเหมือน
00:04:38 → 00:04:41 นอนหลับได้อืแล้วก็วิตามินบีรวมอันนี้ที่
00:04:41 → 00:04:43 จำได้แม่ๆแต่มันมีตัวยาอื่นด้วยอะไรเงี้
00:04:43 → 00:04:46 นะคะอืเพราะว่าได้วิตามินบีรวมเพราะว่า
00:04:46 → 00:04:49 กินข้าวไม่ได้เลยแบบน้ำหนักผอมลงเยอะมาก
00:04:49 → 00:04:53 กินข้าวไม่ได้กินข้าวไม่ลงแล้วก็อีกอย่าง
00:04:53 → 00:04:55 ก็คือยาช่วยให้เรานอนหลับเพราะว่าเรานอน
00:04:55 → 00:04:58 ไม่หลับเลยแล้วช่วงแรกๆคุณหมอก็จะนัดมา
00:04:58 → 00:05:00 ทุกๆ 2 อาทิตย์ใช่มั้ยคะเพื่อปรับยาเราก็
00:05:00 → 00:05:02 จะมีอาการเป็นอะไรเราก็เล่าให้คุณหมอฟัง
00:05:02 → 00:05:05 ในทุกๆครั้งที่คุณหมอนัดไปคุยอะไรเงี้ยอื
00:05:05 → 00:05:08 โดยเราสะดวกใจให้ญาติเข้าไปฟังด้วยก็ได้
00:05:08 → 00:05:10 แล้วของพี่เจนคือมีการแบบปรับยาอะไรแบบ
00:05:10 → 00:05:13 นี้บ่อยมมคะหรือว่าแบบปรับค่ะจำได้ว่า
00:05:13 → 00:05:15 ช่วงแรกๆอ่ะปรับบอกคุณหมอว่านอนไม่หลับ
00:05:16 → 00:05:18 คุณหมอก็ปรับให้แบบว่ายังฝันร้ายอยู่เลย
00:05:18 → 00:05:21 ค่ะคุณหมอคือเหมือนหลับไม่สนิทอ่ะฝันร้าย
00:05:21 → 00:05:24 มากอะไรเงี้ยคุณหมอก็ปรับให้อีกก็เหมือน
00:05:24 → 00:05:27 ต้องมีอะไรต้องเล่าให้คุณหมอฟังให้หมดอ่ะ
00:05:27 → 00:05:28 เพราะว่าคุณหมอจะได้รู้ว่าแบบเฮ้ยเราเป็น
00:05:28 → 00:05:32 ยังไงยาที่ให้ไปอาทิตย์แรกมันดีไมันช่วย
00:05:32 → 00:05:34 เราได้ไหมเพราะว่าถึงจะนอนหลับแต่แบบฝัน
00:05:34 → 00:05:38 ร้ายอยู่ก็ก็ไม่ไม่ได้ไม่ได้เนก็ยังทรมาน
00:05:38 → 00:05:40 อยู่นอนไม่ได้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
00:05:41 → 00:05:44 ใชใช่ก็ค่อยๆปรับไปเรื่อยๆจนเป็นจาก 2
00:05:44 → 00:05:47 อาทิตย์เจอ 1 ครั้งก็เป็นเดือนนึงเจอ 1
00:05:47 → 00:05:50 ครั้ง 3 เดือนเจอ 1 ครั้งแล้วก็ 6 เดือน
00:05:50 → 00:05:53 เจอ 1 ครั้งซึ่งในช่วงแรกๆอ่ะพี่เจนน่ะจะ
00:05:53 → 00:05:56 ได้คุยกับนักจิตวิทยาด้วยก็คือพบนัก
00:05:56 → 00:05:58 จิตวิทยาก่อนแล้วค่อยไปพบหมออีกทีนึงก็
00:05:58 → 00:06:01 คือพบ 2 คนในในการไปหาหมอ 1 ครั้งแต่พอ
00:06:01 → 00:06:03 เหมือนเริ่มดีขึ้นเริ่มเสถียรแล้วอ่ะเรา
00:06:03 → 00:06:06 ก็ขอบอกว่าขอไม่พบนักจิตแล้วนะคะขอหาหมอ
00:06:06 → 00:06:10 อย่างเดียวอืแล้วมีความแตกต่างมั้ยพี่เจน
00:06:10 → 00:06:12 ตอนที่แบบเราคุยกับนักจิตวิทยากับตอนที่
00:06:12 → 00:06:16 เราคุยกับจิตแพทย์อะไรงงี้ต่างคือณตอนที่
00:06:16 → 00:06:19 เราไปคุยกับนักจิตวิทยาคือมันเราเหมือนคน
00:06:19 → 00:06:22 บ้าเลยอ่ะอือๆๆเพราะว่าเราคุยแล้วเราร้อง
00:06:22 → 00:06:25 ไห้เราเป็นตัวเองมากแบบอืมากแล้วคือเป็น
00:06:25 → 00:06:28 ตัวเองมากแบบไม่ได้พูดถึงอาการสักเท่า
00:06:28 → 00:06:31 ไหร่เลยแต่เป็นแบบความคิดความคิดความรู้
00:06:31 → 00:06:36 สึกทำอะไรมาทำไมเป็นแบบนี้พูดเล่าตั้งแต่
00:06:36 → 00:06:39 ดึงมาหมดเลยค่ะตั้งแต่โอเมก่อนจนถึงตอน
00:06:39 → 00:06:42 นี้อะไรอย่าเงี้ยเออนางจิตก็ฟังฟังแล้วก็
00:06:42 → 00:06:46 มีคำบางคำพูดที่เขาให้เราเห็นแง่อีกแง่
00:06:46 → 00:06:49 มุมหนึ่งแต่ไม่ได้บอกว่าเราเป็นอะไรเรา
00:06:49 → 00:06:53 ต้องทำยังไงอือ่ามันไม่เหมือนคุณหมออืคุณ
00:06:53 → 00:06:56 หมออาจจะเป็นการแนะนำยามยแนะนำยาแล้วก็
00:06:56 → 00:07:01 ให้คำปรึกษาเล็กๆน้อยๆฟังเลๆน้อยๆอืซึ่ง
00:07:01 → 00:07:05 คุณหมอน่าจะอ่านจากที่นักติดสงเขมาด้วยอื
00:07:06 → 00:07:08 ก็เป็นการทำงานร่วมกันซึ่งซึ่งก็ต่างกัน
00:07:08 → 00:07:12 มากเลยอืแต่ว่าก็ก็รู้สึกดีพอเหมือนเล่า
00:07:12 → 00:07:14 ให้นักจิตฟังแล้วอ่ะมันเหมือนมันเล่าไป
00:07:14 → 00:07:16 หมดแล้วไงตอนอีกแป๊บเดียวก็เข้ามาเจอคุณ
00:07:16 → 00:07:18 หมอแล้วก็แบบขี้เกียจเล่าอีกรอบแล้วอ่ะ
00:07:18 → 00:07:20 แต่ก็ยังมีความเศร้าอยู่แต่ว่าขี้เกียจ
00:07:20 → 00:07:22 เล่าแล้วอ่ะมันก็เออคุณหมอก็ถามว่าเป็นไง
00:07:22 → 00:07:26 นอนหลับมยคิดยังไงอะไรอย่างเงี้ยค่ะอืยาล
00:07:26 → 00:07:28 กินแล้วเป็นยังไงบ้างอะไรอย่างเงี้ยเออ
00:07:28 → 00:07:31 แค่นั้นเองแล้วก็ตอนพบนักจิตอ่ะพี่เจนไม่
00:07:31 → 00:07:32 เอาญาติเข้าไปด้วยแต่ตอนพบคุณหมอเอาเข้า
00:07:32 → 00:07:35 ไปด้วยอ๋อเพราะว่าเราก็จะได้เป็นตัวเอง
00:07:35 → 00:07:37 อย่างเต็มที่ด้วยมอันนี้เกี่ยวมใช่เกี่ยว
00:07:37 → 00:07:41 แล้วก็จริงๆจริงๆก็อยู่กับนักจิตคือพูด
00:07:41 → 00:07:43 ยาวพูดเยอะอยู่กับคุณหมอคุณหมอก็แบบคุณ
00:07:43 → 00:07:46 หมอก็ยังจะแนะนำญาติไงแต่ว่าถ้ากับนักจิต
00:07:46 → 00:07:49 ยนักจิตก็จะไม่ไม่ไม่ได้พูดคุยกับญาติเรา
00:07:49 → 00:07:51 อยู่แล้วอะไรเงี้แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่
00:07:51 → 00:07:54 เออก็ทำให้รู้หลายๆอย่างเนาะว่าขบวนการ
00:07:54 → 00:07:57 มันเป็นยังไงแล้วการกินยาสำหรับพี่เจนคิด
00:07:57 → 00:08:00 ว่ายังไงบ้างแบบรู้สึกว่ายาเป็นตัวหลัก
00:08:00 → 00:08:03 เลยมที่แบบช่วยให้เราดีขึ้นจริงๆดีใจที่
00:08:03 → 00:08:07 ได้กินยาเพราะว่าเพราะว่านอนไม่หลับมานาน
00:08:07 → 00:08:09 มากแล้วพอได้กินยาแล้วเหมือนแบบเหมือน
00:08:10 → 00:08:11 ช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ได้พัก
00:08:11 → 00:08:14 แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้วแบบอุยการหลับ
00:08:14 → 00:08:17 มันดีเนาะหลับแบบนึกออกไมการหลับมันดีเนา
00:08:17 → 00:08:21 อะไรเงี้ยเหมือนการกินยามันมันก็จับไม่
00:08:21 → 00:08:23 ได้เลยนะว่ามันดีขึ้นเลยอ่ะหมายถึงว่าไม่
00:08:23 → 00:08:25 เศร้าแล้วแบบหายเลยเหมือนมันเหมือนมัน
00:08:25 → 00:08:28 ค่อยๆค่อยๆดีขึ้นจนวันนึงมันรู้สึกว่า
00:08:28 → 00:08:30 เอ้ยดีขึ้นเหมือนกันนะมันเป็นความรู้สึก
00:08:30 → 00:08:32 แบบนั้นมากกว่าสำหรับพี่เจนอ่ะก็ไม่รู้
00:08:32 → 00:08:34 ว่าคนอื่นทานยาแล้วเป็นยังไงอะไรเงี้ยค่ะ
00:08:34 → 00:08:36 เออแต่ว่าก็ไม่ได้หายนะเพราะบางวันมันก็
00:08:36 → 00:08:39 แบบดิ่งดาวแย่มากอะไรเงี้ยเหมือนเดิมอะไร
00:08:39 → 00:08:42 อย่างงี้เนาะก็แล้วแต่วันแล้วก็แล้วแต่
00:08:42 → 00:08:45 วันแต่มันก็ยังดีที่มันไม่ได้ดิ่งดาวทุก
00:08:45 → 00:08:47 วันเพพอกินยาไปนานๆแล้วนะคะมันแล้วรู้สึก
00:08:47 → 00:08:49 ว่ามันก็ไม่ได้แบบทั้งวันเหมือนเดิมแล้ว
00:08:49 → 00:08:52 อ่ะมีความอยากลุกไปทำอะไรบ้างก็เลยรู้สึก
00:08:52 → 00:08:56 ว่ากินยามันมันช่วยได้มากเลยอืเออแล้วก็
00:08:56 → 00:08:58 อีกอย่างนึงเลยประเด็นสำคัญที่รู้สึกว่า
00:08:58 → 00:09:02 หลายๆแต่คนน่ะเวลาที่ตัวเองกินยาไปจนถึง
00:09:02 → 00:09:04 จุดนึงเราก็รู้สึกว่าเออดีขึ้นแล้วไม่
00:09:04 → 00:09:07 ต้องกินยาให้หมดก็ได้อะไรอย่างเงี้ยเออก็
00:09:07 → 00:09:10 จะเกิดพฤติกรรมการหยุดยาเองเนาะพี่เจนเอง
00:09:10 → 00:09:12 เคยมั้ยโอ้โหต้องบอกว่าเคยเพราะว่าคิดว่า
00:09:12 → 00:09:15 ตัวเองดีขึ้นแล้วไงอืคือเหมือนแบบอก็ไม่
00:09:15 → 00:09:17 ได้เศร้าแล้วนี่ก็แบบว่าโอก็น่าจะโอเค
00:09:18 → 00:09:20 แล้วนะมันเป็นเรื่องของอารมณ์เนาะพอ
00:09:20 → 00:09:22 อารมณ์มันดีขึ้นแล้วความรู้สึกมันดีขึ้น
00:09:22 → 00:09:24 แล้วก็คิดว่าตัวเองก็คงจัดการอารมณ์ได้
00:09:24 → 00:09:27 แหละโอท้าทายตัวเองมากเลยนะคิดว่าเราไหว
00:09:27 → 00:09:30 แหละคิดว่าเราหวมั่นมากอะไรเงี้ยค่ะเออ
00:09:30 → 00:09:33 สุดท้ายลองหยุดดูโอ้โหคือวันแรกๆไม่เท่า
00:09:33 → 00:09:35 ไหร่นะแต่วันหลังๆแบบเหมือนเดิมเลยคือนอย
00:09:36 → 00:09:39 มากนอยดิ่งดาวไม่อยากลุกไม่อยากเจอไม่มี
00:09:39 → 00:09:41 จุดหมายไม่อยากทำอะไรคือมันก็จะเป็นความ
00:09:41 → 00:09:43 รู้สึกนั้นเกิดขึ้นมาและอีกอย่างหนึ่งคือ
00:09:43 → 00:09:46 นอนไม่หลับสำคัญมากๆมันก็เลยเออมันก็คือ
00:09:46 → 00:09:50 หยุดไม่ได้จริงๆก็คือกินไปก่อนอเออคือพอ
00:09:50 → 00:09:53 แบบยาเข้าไปแล้วมันเป็นเรื่องของฮอร์โมน
00:09:53 → 00:09:55 การปรับสารเคมีต่างๆอ่ะแล้วพอแบบเหมือน
00:09:55 → 00:09:57 กับมันไม่เหมือนเดิมหรือมันมีอะไรเปลี่ยน
00:09:57 → 00:10:00 ไปจริงๆมันจะเอฟเฟคได้เนาะเออสำหรับคนที่
00:10:00 → 00:10:03 เป็นซึมเศร้าอันนี้ก็เอออยากเสริมเหมือน
00:10:03 → 00:10:05 กันว่าจริงๆแล้วข้อควรระวังเกี่ยวกับยา
00:10:05 → 00:10:08 อันนี้เลยคือสำคัญมากๆก็คืออย่าหยุดยาเอง
00:10:08 → 00:10:10 เนาะเพราะว่ายาเหล่าเนี้ยจะมีผลต่อ
00:10:10 → 00:10:13 ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายของเราแล้วการกินยา
00:10:13 → 00:10:15 ที่ไม่ตรงกับที่แพทย์สั่งเนี่ยก็อาจจะ
00:10:15 → 00:10:18 เอฟเฟคกับร่างกายได้ตอนนั้นพี่เจนเองแบบ
00:10:18 → 00:10:20 นอกจากแบบนอยดิ่งดาวแล้วตอนนั้นมันเอฟเฟค
00:10:20 → 00:10:23 อะไรกับร่างกายไหมคือไม่รู้ว่ามันเป็น
00:10:23 → 00:10:25 เรื่องของยานอนหลับที่ทำให้เราเพลียทั้ง
00:10:25 → 00:10:30 วันหรือว่าอืเป็นเรื่องของตัวเราเองคามแบ
00:10:30 → 00:10:32 ตตอนเช้ามาตื่นแล้วก็รู้สึกจะไม่อยากลุก
00:10:32 → 00:10:34 แล้วก็แบบงัวเงียเป็นความรู้สึกงัวเงีย
00:10:34 → 00:10:36 ตื่นไม่สดชื่นเหมือนเหมือนเวลาที่แบบ
00:10:36 → 00:10:40 สมมุติเราไม่กินยานะแล้วเรานอนแบบ 8 ชม 9
00:10:40 → 00:10:42 ชมงแล้วตื่นมาเราจะเฟซใช่ไหมแต่ว่าการกิน
00:10:42 → 00:10:44 ยาของพี่เจนอ่ะนอนเยอะจริงนอนตั้งแต่
00:10:44 → 00:10:46 ประมาณ 2100 นตื่นก็คือช้าแต่ก็มันก็ไม่
00:10:46 → 00:10:49 ได้ตื่นมาเราเฟซอ่ะอืตื่นมาแล้วก็ยังรู้
00:10:49 → 00:10:51 สึกเหนื่อยมอ่ารู้สึกเหนื่อยแต่มันก็อาจ
00:10:51 → 00:10:54 จะเป็นที่ตัวโลกด้วยแล้วก็ตัวยาที่ช่วย
00:10:54 → 00:10:57 ให้เราผ่อนคลายนอนหลับอ่ะมันอาจจะยัง
00:10:57 → 00:11:01 เหลืออยู่ในตัวเราบ้างอะไรเงี้อืใช่แต่
00:11:01 → 00:11:04 ว่าอันนี้เป็นสิ่งที่เอฟเฟคกับพี่เจนซึ่ง
00:11:04 → 00:11:06 ก็ไม่รู้ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้นะอื
00:11:06 → 00:11:08 หรือว่าในคุณผู้ฟังบางคนที่อาจจะมี
00:11:08 → 00:11:10 ประสบการณ์เหมือนกันก็คือเป็นโรคซึมเศร้า
00:11:10 → 00:11:13 ก็อาจจะเอฟเฟคไปแตกต่างกันได้เนาะใช่อือ
00:11:13 → 00:11:16 อันนี้ก็แล้วแต่คนด้วยอแล้วตอนนั้นที่พี่
00:11:16 → 00:11:19 เจนเล่าเกี่ยวกับทั้งหมอที่เป็นจิตแพทย์
00:11:19 → 00:11:21 เนาะแล้วก็นักจิตวิทยาความรู้สึกของพี่
00:11:21 → 00:11:24 เจนเองตอนที่ไปพบผู้เชี่ยวชาญเป็นยังไง
00:11:24 → 00:11:27 บ้างแล้วก็มีอะไรที่เรารู้สึกแบบเหมือน
00:11:27 → 00:11:30 กับกังวลก่อนที่จะไปหาไหมจริงๆตอนแรกๆที่
00:11:30 → 00:11:32 ยังไม่ไปมันก็มันก็กังวลอยู่นะแล้วก็ไม่
00:11:33 → 00:11:35 รู้ว่าเราเป็นอะไรอะไรอย่างงี้ไงใช่ไหมม
00:11:35 → 00:11:38 คะแต่พอไปแล้วก็ก็รู้สึกว่ามันก็เปิดโลก
00:11:38 → 00:11:41 กว้างเรามากขึ้นหมายถึงว่าเออมันก็มีหลาย
00:11:41 → 00:11:45 ๆคนที่เขามาหาหมอด้วยภาวะความเครียดนอน
00:11:45 → 00:11:48 ไม่หลับอะไรอย่างเงี้ยเออก็ก็เลยรู้สึก
00:11:49 → 00:11:51 ว่าตัวเองไม่ได้เค้าเรียกว่าอยู่คนเดียว
00:11:51 → 00:11:54 มั้ยคะไม่ได้เป็นคนเดียวอะไรเงี้ยเออใช่
00:11:54 → 00:11:56 แล้วบวกกับเราก็ไม่ได้เป็นคนขี้กลัวอะไร
00:11:56 → 00:11:58 มากอยู่แล้วหมายถึงไม่ได้กลัวคนอะไรเงี้ย
00:11:58 → 00:12:01 เออเราแล้วก็คุณหมอพยาบาลนักจิตอะไรที่
00:12:01 → 00:12:04 เราเจอก็คือเน่ารักหมดเลยแล้วพอเข้าไปเรา
00:12:04 → 00:12:06 ก็รู้สึกว่าไม่มีใครตัดสินแล้วเลยอืเชื่อ
00:12:06 → 00:12:10 ป่ะเวลาถ้าเราจะตอบคำถามว่าแบบเคยคิดฆ่า
00:12:10 → 00:12:12 ตัวตายมั้ยมีคนมาถามเราอ่ะแต่เรารู้สึก
00:12:12 → 00:12:15 ไม่ Comfort ไม่อยากบอกไม่ปลอดภัยทำไม
00:12:15 → 00:12:18 ต้องมาถามหรือหือหมายถึงจะตัดสินฉันมนะ
00:12:18 → 00:12:21 ถ้าฉันบอกแว่าแบบก็เคยคิดฆ่าตัวตายค่ะ
00:12:21 → 00:12:23 อย่างเงี้ยเออเราก็ไม่สบายใจที่จะบอกแต่
00:12:23 → 00:12:26 หมายถึงว่าอันนี้บอกไปแล้วมันมันก็คือเรา
00:12:26 → 00:12:28 รู้ว่าเขาไม่ตัดสินเราเคก็ถามได้น้ำเสียง
00:12:28 → 00:12:31 ปกติเลยอะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็เลยเออทำ
00:12:31 → 00:12:35 ให้เรารู้สึกสบายใจแล้วก็เราสามารถเล่า
00:12:35 → 00:12:38 ทุกอย่างให้นักจิตฟังได้ให้คุณหมอฟังได้
00:12:38 → 00:12:40 ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องไร้สาระแบบ
00:12:41 → 00:12:43 เรื่องที่ดูเราทำไปแล้วมันโง่อะไรเงี้ยอ
00:12:43 → 00:12:47 เออแต่ว่าก็ไม่มีใครที่จะตัดสินเราอืทุก
00:12:47 → 00:12:51 คนทำให้เรารู้สึกว่า Comfort อืสบายใจที่
00:12:51 → 00:12:54 จะอยู่ตรงนั้นอะไรเงี้ยไม่ได้แย่ใช่ค่ะอื
00:12:54 → 00:12:56 คือฟังดูแล้วดูเป็นแบบประสบการณ์ที่ดี
00:12:56 → 00:12:58 ประสบการณ์นึงเลยเนาะใช่ประสบการณ์ที่ดี
00:12:58 → 00:13:00 ประสบการณ์นึงเลยแหละก็รู้สึกว่ามันเออ
00:13:00 → 00:13:03 มันมันดีเนาะอะไรเงี้ยค่ะคือมิ้นอาจจะไม่
00:13:03 → 00:13:05 ได้เคยเป็นโรคซึมเศร้าแล้วก็แบบเล่า
00:13:05 → 00:13:08 ประสบการณ์ได้ตรงขนาดนั้นอืแต่ว่าก็เคยมี
00:13:08 → 00:13:11 ปัญหาเรื่องความเครียดนะแบบรู้สึกว่าเรา
00:13:11 → 00:13:14 เป็นคนเครียดง่ายแล้วรู้สึกว่าจัดการไม่
00:13:14 → 00:13:16 ค่อยได้อ่ะด้วยตัวเองอะไรอย่างเงี้ยก็เลย
00:13:16 → 00:13:19 ลองคุยกับแม่แล้วแม่ก็เนี่ยแหละเหมือนกับ
00:13:19 → 00:13:21 พาเราไปอะไรอย่างเงี้ยพาเราลองไปคุยกับ
00:13:21 → 00:13:24 ผู้เชี่ยวชาญดูซึ่งอย่างที่พี่เจนบอกเลย
00:13:24 → 00:13:26 ว่าบรรยากาศมันไม่มีอะไรน่ากังวลเลยคือ
00:13:26 → 00:13:30 จริงๆเข้าไปในแผนกอ่ะก็จะเห็นคนอื่นที่
00:13:30 → 00:13:32 แบบเขามาหาเหมือนกันเราก็จะเริ่มรู้สึก
00:13:32 → 00:13:35 สบายใจไปประมาณนึงและก็แบบเออเราไม่ใช่คน
00:13:35 → 00:13:36 เดียวนะที่เครียดเราไม่ใช่คนเดียวนะที่
00:13:36 → 00:13:39 แบบมีปัญหาข้างในหรืออะไรอย่างงี้แล้วก็
00:13:39 → 00:13:42 อีกอย่างนึงคือพูดรับฟังเนี่ยก็จะมี
00:13:42 → 00:13:44 กระบวนการสร้างความสัมพันธ์ได้ดีกับเรา
00:13:44 → 00:13:46 ก่อนอยู่แล้วแล้วแบบพอเข้าสู่การปรึกษา
00:13:46 → 00:13:49 แล้วอ่ะมันถึงค่อยได้พูดคุยแลกเปลี่ยน
00:13:49 → 00:13:52 ปัญหาหรือว่าความเครียดกับเขาความคิดความ
00:13:52 → 00:13:54 รู้สึกอารมณ์ประมาณนี้ก็เลยรู้สึกว่าเออ
00:13:54 → 00:13:57 จริงๆแล้วไม่มีอะไรน่ากังวลจริงๆเนาะอื
00:13:57 → 00:13:59 ใช่ค่ะซึ่งพวกเราก็คุยกันในประเด็นนี้
00:13:59 → 00:14:02 เพราะว่าอยากชวนคุณผู้ฟังที่รู้สึกว่าเออ
00:14:02 → 00:14:04 เรามีเรื่องไม่สบายใจหรือเราเริ่มรู้สึก
00:14:04 → 00:14:06 ว่าตัวเองเข้าขายแล้วว่าอาจจะเป็นโรคซึม
00:14:06 → 00:14:08 เศร้าก็สามารถไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญได้
00:14:08 → 00:14:10 เนาะถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกันถ้า
00:14:10 → 00:14:12 สมมุติว่าเรากลัวหรืออะไรเงี้ยเราก็คิด
00:14:12 → 00:14:14 ว่ามันเป็นประสบการณ์นึงที่เออดีนะอย่าง
00:14:14 → 00:14:17 น้อยก็ทำให้เราได้เห็นอีกมุมนึงเห็นอีก
00:14:17 → 00:14:20 ก้านนึงแล้วทีนี้เราก็มาคุยกันเรื่องของ
00:14:20 → 00:14:23 หลังการรักษาบ้างดีกว่าเนาะว่าจริงๆแล้ว
00:14:23 → 00:14:25 อิโดเนี้ยพวกเราตั้งใจจะมาพูดคุยกันอยู่
00:14:25 → 00:14:29 แล้วว่าเออมันหายได้มั้ยมันหายขาดเป็นเลย
00:14:29 → 00:14:32 มั้ยพอหายแล้วหรือว่าแบบเออจุดไหนที่เฮ้ย
00:14:32 → 00:14:34 มันเรียกว่าหายแล้วอะไรเงี้ยก็จะมาคุยกัน
00:14:34 → 00:14:37 เนาะแล้วก็จริงๆเราพูดถึงการรักษาไปในหัว
00:14:37 → 00:14:39 ข้อก่อนๆอันนี้ก็อยากถามพี่เจนเพิ่มเติม
00:14:39 → 00:14:42 ด้วยว่ามีอะไรอย่างอื่นมั้ยแบบปัจจัยรอบ
00:14:42 → 00:14:45 นอกที่ช่วยให้พี่เจนแบบหายจากโรคซุมเศร้า
00:14:45 → 00:14:48 ได้จริงๆพี่เจงเคยพูดไปหลายอันแล้วแล้วก็
00:14:48 → 00:14:50 จะมาสรุปสั้นๆว่าแบบมีอยู่ 2 อย่างที่ที่
00:14:50 → 00:14:53 รู้สึกว่าช่วยพี่เจงก็คือกำลังใจจากคนรอบ
00:14:53 → 00:14:57 ข้างแล้วก็ธรรมชาติอือื 2 2 อย่างเยที่
00:14:57 → 00:15:01 เป็น 2 สิ่งลหลักๆที่ที่ทำให้เราดีขึ้น
00:15:01 → 00:15:04 แล้วสำหรับน้องมิ้นมีข้อมูลอะไรอยากแชร์ม
00:15:04 → 00:15:06 คะของมิ้นเองรู้สึกอยากแชร์อย่างนึงคือ
00:15:06 → 00:15:10 มิ้นน่ะไปอ่านเจอใน Twitter มาคือเขาบอก
00:15:10 → 00:15:12 ว่ามันมีการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการอยู่
00:15:12 → 00:15:16 กับอิริยาบทเล็กๆน้อยๆของตัวเองอ่ะเพียง
00:15:16 → 00:15:18 อย่างเดียวเขาบอกว่ามันมีผลดีต่อโลกซึม
00:15:18 → 00:15:21 เศร้ามากๆเลยถ้าเป็นภาษาจิตวิทยาเนี่ยคง
00:15:21 → 00:15:24 เรียกได้ว่า mindfulness เพราะว่ามันจะทำ
00:15:24 → 00:15:27 ให้สมองของเราได้พักผ่อนแล้วก็ที่บอกว่า
00:15:27 → 00:15:30 อยู่กับอิริยาบทเล็กๆ
00:15:30 → 00:15:34 ที่ข้าวอือย่างเดียวอาบน้ำก็อาบน้ำอย่าง
00:15:34 → 00:15:38 เดียวก็คือเราเหมือนกับี่แบบจดจ่ออยู่กับ
00:15:38 → 00:15:41 กิจกรรมนั้นเลยอะไรอย่างเงี้ยเอออันนี้ก็
00:15:41 → 00:15:43 อยากลองเอามาแชร์เพิ่มเผื่อแบบลองนำไป
00:15:43 → 00:15:45 ปรับใช้ดูอะไรอย่าเงี้ยนเอาไปใช้มากเลย
00:15:45 → 00:15:47 ไม่เชื่อป่ะพี่เจไม่เคยกินข้าวแล้วกิน
00:15:47 → 00:15:49 ข้าวอย่างเดียวเลยอ่ะมานานแล้วอ่ะแต่อัน
00:15:49 → 00:15:51 นี้มินก็เป็นเหมือนกันอเออกินข้าวแล้วก็
00:15:51 → 00:15:55 เล่นโทรศัดูอะไรอาบน้ำบางทีก็ยังเปิดอะไร
00:15:55 → 00:15:58 ฟังอยู่เลยจ้าแล้วก็คือฟังตามอนั้นน่ะไม่
00:15:58 → 00:16:00 ได้ไม่ได้โฟอยู่กับการถูสบู่ที่ตัวแต่
00:16:00 → 00:16:03 โฟกัสกับสิ่งที่ฟังอยู่อ่ะอืเออแต่เป็น
00:16:04 → 00:16:07 วิธีที่น่าทำมากๆเลยโฟกัสอยู่กับฟอกสบู่
00:16:07 → 00:16:11 เออการสาผมอือแต่อันนี้ก็แบบนี้ข้อควร
00:16:11 → 00:16:13 ระวังด้วยถ้าเรารู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้
00:16:13 → 00:16:15 ใช้กับทุกอย่างก็ได้นะเออเราอาจจะลองใช้
00:16:15 → 00:16:18 แบบอะไรที่เรารู้สึกว่าเออเราน่าจะทำได้
00:16:18 → 00:16:21 นะอย่างเช่นการอาบน้ำเพราะว่าสำหรับบางคน
00:16:21 → 00:16:23 สำหรับหมิเองก็รู้สึกนะว่าแบบถ้าจะให้กิน
00:16:23 → 00:16:26 ข้าวอย่างเดียวไม่ได้รู้สึกว่าเอออย่าง
00:16:26 → 00:16:29 น้อยที่สุดก็คือต้องมีอะไรดูไปด้ว
00:16:29 → 00:16:34 อี้อืเรานต้นไม้เห็นคนชอบทำอืๆๆแบบได้
00:16:34 → 00:16:36 อยู่กับตัวเองแล้วก็เออทำอย่างเดียวอะไร
00:16:36 → 00:16:40 เงี้ยเออเพลินๆเนาใช่เลยค่ะก็ลองดูเนาะ
00:16:40 → 00:16:42 ว่าเผื่อมันจะทำให้เรารู้สึกว่าสมองของ
00:16:42 → 00:16:45 เราได้พักจากความคิดความวุ่นวายฟุ้งซ่าน
00:16:45 → 00:16:48 ต่างๆได้อ่าเรียกว่าคล้ายๆการทำสมาธิ
00:16:48 → 00:16:51 เหมือนกันนะเออๆใช่ๆๆมันมีความเป็นการทำ
00:16:51 → 00:16:54 สมาธิอ่ะเพราะว่ามันคือการจดจ่อเนาะจดจ่อ
00:16:54 → 00:16:57 ใช่ค่ะอือแล้วก็ทีนี้เราคุยกันถึงเรื่อง
00:16:57 → 00:17:00 ของปัจจัยต่างๆการรักษาต่างๆอะไรอย่า
00:17:00 → 00:17:03 เงี้ยค่ะจริงๆมินว่าข้อเนี้ยไม่เคยแบบลอง
00:17:03 → 00:17:06 ถามเพื่อนที่เป็นซึมเศร้าเลยนะแต่ว่าวัน
00:17:06 → 00:17:08 นี้ก็ได้มีโอกาสมาคุยกับพี่เจนว่าเออมัน
00:17:08 → 00:17:10 น่าสงสัยเหมือนกันนะว่าเราจะรู้ได้ยังไง
00:17:10 → 00:17:14 ว่าจุดเนี้ยคือเรียกได้ว่าหายแล้วจากโรค
00:17:14 → 00:17:18 ซึมเศร้าจริงๆก็ไม่รู้แต่ว่าพอลองคิดย้อน
00:17:18 → 00:17:20 กลับไปดูแล้วก็แบบมันคงเป็นจุดที่เรารู้
00:17:20 → 00:17:22 สึกว่าเราไม่ต้องกินยาแล้วมั้งเราควบคุม
00:17:22 → 00:17:25 อารมณ์ตัวเองได้แล้วอ่ะอืเออมันก็เป็นจุด
00:17:25 → 00:17:29 ตัดใหญ่จริงๆเหมือนกันเนาะองนั้นมันคง
00:17:29 → 00:17:32 ค่อยๆดีขึ้นแหละอแต่มันคือแบบมันไม่มัน
00:17:32 → 00:17:34 ไม่มีจุดมาบอกว่าหายแล้วแต่ว่าเออมันคง
00:17:34 → 00:17:37 ค่อยๆดีขึ้นจนวันนึงไม่ต้องกินยาแล้วเรา
00:17:37 → 00:17:40 ก็รู้สึกเนี่ยแหละคือหายของจริงป่ะอืแล้ว
00:17:40 → 00:17:43 ตอนนั้นคือแบบมันเป็นการหยุดยาที่แบบหยุด
00:17:43 → 00:17:46 ไปเลยมยพี่เจนหรือว่าแบบค่อยๆลดลงมค่อยๆ
00:17:46 → 00:17:50 ค่อยๆลดลงค่ะอืยานอนหลับก็กินน้อยลงอืยา
00:17:50 → 00:17:52 ตั้นเศร้าก็กินน้อยลงส่วนวิตามินอ่ะคือพอ
00:17:52 → 00:17:55 พี่เตนกลับมากินข้าวได้ปกติพี่เตนบอกหมอ
00:17:55 → 00:17:56 เลยว่าแบบว่าขอไม่กินวิตามินแล้วค่ะ
00:17:56 → 00:17:59 เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่หมายถึงว่าอืเดี๋ยว
00:17:59 → 00:18:01 มันจะเเรียกว่าอะไรมีความอยากอาหารมาก
00:18:01 → 00:18:04 ขึ้นนู่นนี่นั่นอะไรเงี้ยอันนี้ก็เป็นจุด
00:18:04 → 00:18:07 นึงเนาะที่เราอาจจะใช้สังเกตตัวเองได้ใช่
00:18:07 → 00:18:10 ค่ะอแล้วก็อยากพูดคุยกันด้วยว่าว่าสำหรับ
00:18:10 → 00:18:13 พี่เจนเองคิดว่าแบบมันหายขาดได้ไหหรือว่า
00:18:13 → 00:18:16 พี่เจนคิดว่าในอนาคตอ่ะมันดูน่าจะมี
00:18:16 → 00:18:18 ปัจจัยอะไรไหมที่แบบน่าจะทำให้เกิดโรคซึม
00:18:18 → 00:18:20 เศร้าขึ้นอีกได้อะไรอย่างงี้เออพี่เจน
00:18:20 → 00:18:22 นั่งคิดแล้วพี่เจนก็คิดว่าสำหรับตัวพี่
00:18:22 → 00:18:24 เจนเองอ่ะพี่เจคิดว่าพี่เจนหายขาดแล้ว
00:18:24 → 00:18:27 แหละเราไม่อยากเป็นแล้วไงเราก็เลยแบบว่า
00:18:27 → 00:18:30 หายขาดแล้วอืมเออจะได้เหมือนเป็นวิธีป้อง
00:18:30 → 00:18:33 กันที่เราจะได้ไม่ต้องกลับไปเป็นได้อีก
00:18:33 → 00:18:35 แต่ว่าก็จะมีเรื่องนึงอยากเล่าให้ฟัง
00:18:35 → 00:18:37 เหมือนกันของพี่ที่สนิทกันเขาก็เป็นโรค
00:18:37 → 00:18:39 ซึมเศร้าเหมือนกันก็เป็นหนักเหมือนกัน
00:18:39 → 00:18:42 อะไรงเงี้ยถึงขั้นทำร้ายตัวเองก็ไปหาหมอ
00:18:42 → 00:18:45 กินยาเออแต่ว่าตอนเเขาหยุดยาแล้วแล้วเขา
00:18:45 → 00:18:48 ก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติเลยเป็นคนปกติมาก
00:18:48 → 00:18:50 ไม่มีความซึมเศร้าไม่ต้องกินยา Enjoy
00:18:50 → 00:18:53 Life เหมือนเดิมแต่มันมีวันนึงที่เขา
00:18:53 → 00:18:56 เป็นโควิดแล้วเขาก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่
00:18:56 → 00:18:59 คนเดียวที่บ้านอยู่ในห้องเก็โทรมาหาแล้ว
00:18:59 → 00:19:01 บอกว่ามันกลับมาอีกแล้วอะไรเงี้ยคือรู้
00:19:01 → 00:19:04 สึกว่าแบบตตลอดเวลาที่คิดว่าหายแล้วอ่ะ
00:19:04 → 00:19:08 มันกลับมาในช่วงระยะเวลาที่ต้องอยู่คน
00:19:08 → 00:19:11 เดียวอืความรู้สึกของเขามันกลับมาหนักมาก
00:19:11 → 00:19:14 ๆอีกเหมือนเดิมจนรู้สึกว่าแบบถือไม่ไหวจน
00:19:14 → 00:19:17 ต้องต้องหาที่พึ่งหาที่ระบายแสดงว่าเขาก็
00:19:17 → 00:19:20 หายแล้วเราโดยไม่ต้องกินยาแต่ว่ายาของเขา
00:19:20 → 00:19:23 อาจจะเป็นการที่ได้ออกไปเจอเพื่อนออกไปทำ
00:19:23 → 00:19:28 งานอืได้เหมือนเดิมเนาะเอใช่แต่โอเควัน
00:19:28 → 00:19:30 นึงที่มันต้องต้องอยู่คนเดียวจริงๆมันมัน
00:19:30 → 00:19:32 คงเป็นความรู้สึกดิ่งดาวเหมือนมันไม่ได้
00:19:32 → 00:19:35 รับยาที่เรียกว่าสังคมที่เรียกว่าความ
00:19:35 → 00:19:38 สัมพันธ์น่ะมันก็เลยทำให้เราเป็นอีกอเออ
00:19:38 → 00:19:40 แต่ว่าประสบการณ์นี้คือแบบตรงกับหัวข้อ
00:19:40 → 00:19:43 นี้มากๆเลยเนาะว่าคือเวลาหายแล้วเราก็คง
00:19:43 → 00:19:46 รู้สึกว่ามันหายขาดแหละว่าแบบเออนี่ไงดี
00:19:46 → 00:19:49 ขึ้นแล้วมันคงยากแล้วแหละที่แบบโอ้โหเรา
00:19:49 → 00:19:51 เคยเจอมาแล้วเราก็อาจจะมีภูมิคุ้มกันใน
00:19:51 → 00:19:53 ระดับนึงเรื่องอะไรต่างๆเข้ามากระทบมันก็
00:19:53 → 00:19:56 คงไม่ถึงขั้นนั้นแล้วมั้งหลายๆคนก็อาจจะ
00:19:56 → 00:20:00 คิดแบบนี้เนาะเอออแบบเป็นประสบการณ์ของ
00:20:00 → 00:20:02 รุ่นพี่ของพี่เจนก็เลยแบบเออมันก็ทำให้
00:20:02 → 00:20:04 คิดได้เหมือนกันแต่จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่
00:20:04 → 00:20:07 กับตัวกระตุ้นนะคือหมายถึงว่าการอยู่คน
00:20:07 → 00:20:09 เดียวเป็นตัวกระตุ้นของเขาไงแต่ปกติแล้ว
00:20:09 → 00:20:11 เขาไม่อยู่คนเดียวมันก็เลยไม่มีตัว
00:20:11 → 00:20:14 กระตุ้นแต่พอแบบต้องมาอยู่คนเดียวแล้วมัน
00:20:14 → 00:20:15 กลายเป็นว่าไอ้ความอยู่คนเดียวนี้ก็มา
00:20:16 → 00:20:18 กระตุ้นเราทำให้เราเป็นอีกครั้งนึงอซึ่ง
00:20:18 → 00:20:21 หลายๆคนคิดว่าก็อาจจะมีตัวกระตุ้นที่ไม่
00:20:21 → 00:20:22 เหมือนกันใช่มน้องมิ้นอย่างที่น้องมินถาม
00:20:22 → 00:20:25 ว่าแบบแล้วคิดมว่ามีอะไรที่แบบจะมา
00:20:25 → 00:20:27 กระตุ้นเราได้อีกทำให้เราเป็นอีกอะไร
00:20:27 → 00:20:29 เงี้ยพี่เก็นั่งคิดแล้วพี่ก็คิดอยู่ได้
00:20:29 → 00:20:31 อยู่อย่างเดียวคือแบบการสูญเสียคือคือไม่
00:20:31 → 00:20:35 รู้ว่าจะต้องทำยังไง handle ยังไงเลยอื
00:20:35 → 00:20:37 อือสูญเสียคนในครอบครัวเนี่ยคือคือไม่รู้
00:20:37 → 00:20:39 ว่าต้องทำยังไงถึงแม้ว่าจะพยายามทำใจบอก
00:20:39 → 00:20:41 ตัวเองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิด
00:20:41 → 00:20:43 ขึ้นทุกคนต้องเจอทุกชีวิตต้องเจออะไร
00:20:43 → 00:20:46 เงี้ยแต่ว่าก็เป็นสิ่งที่กลัวมากเออแต่
00:20:46 → 00:20:49 อันเนี้ยเห็นด้วยมากๆเลยหมายถึงว่ามันก็
00:20:49 → 00:20:51 ตรงกับมินเหมือนกันตรงที่ว่าแบบเวลาที่
00:20:51 → 00:20:54 เราลองจินตนาการถึงความสูญเสียเราก็รู้
00:20:54 → 00:20:58 สึกว่าเราเองก็คงไม่สามารถที่จะแบบอเออ
00:20:58 → 00:21:01 รับมันได้ดีขนาดนั้นคือไม่ว่าเราจะเตรียม
00:21:01 → 00:21:04 ใจหรือเตรียมพร้อมอะไรมาขนาดไหนอ่ะก็รู้
00:21:04 → 00:21:06 สึกว่าถ้าเราเจอมันก็คงหนักเหมือนกันแล้ว
00:21:06 → 00:21:08 ก็ไม่รู้ว่าในจุดนั้นน่ะเราจะกลายไปเป็น
00:21:08 → 00:21:11 โรคซึมเศร้ามั้ยหรือยังไงอะไรอย่างเงี้ย
00:21:11 → 00:21:15 อือใช่แต่เอาจริงๆอ่ะพอพูดเรื่องหายคือ
00:21:15 → 00:21:17 มินไปเจอเหมือนกันนะว่าหลายแหล่งข้อมูล
00:21:17 → 00:21:21 เลยที่บอกว่าซึมเศร้าอ่ะไม่หายขาดคือไม่
00:21:21 → 00:21:23 ใช่ว่าหายแล้วดีขึ้นแล้วแล้วมันจะไม่กลับ
00:21:23 → 00:21:25 มาอีกเลยตลอดชีวิตอะไรอย่างเงี้ยแต่อยู่
00:21:25 → 00:21:27 ที่ว่าอย่างที่พี่เจนพูดถึงเรื่องตัว
00:21:27 → 00:21:30 กระตุ้นด้วยว่าว่าเราจะป้องกันยังไงให้มี
00:21:30 → 00:21:33 โอกาสเกิดขึ้นอีกน้อยที่สุดแล้วก็จะสร้าง
00:21:33 → 00:21:35 พมคุ้มกันยังไงให้มันพร้อมรับมือที่สุด
00:21:35 → 00:21:37 อะไรอย่างเงี้ยออืแต่มันก็อย่างที่บอก
00:21:37 → 00:21:40 แล้วว่าพอมีตัวกระตุ้นเข้ามาเราเองก็ไม่
00:21:40 → 00:21:42 รู้ว่าตัวเราในตอนนั้นจะแบบจัดการได้ดี
00:21:42 → 00:21:45 แค่ไหนใช่แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่รู้
00:21:45 → 00:21:47 ว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่าก็ก็ไม่เป็นไรใช่
00:21:47 → 00:21:52 มยคะอืก็ไม่ต้องไปคิดไกลอืเดี๋ยวเครียด
00:21:52 → 00:21:55 จริงจริจๆแล้วจริงๆความเครียดนี้ก็เกี่ยว
00:21:55 → 00:21:57 กับอารมณ์เศร้าแล้วก็อารมณ์ทางลบอื่นๆ
00:21:57 → 00:22:01 ด้วยเหมือนกันใช่เอแล้วสำหรับมิเองรู้สึก
00:22:01 → 00:22:04 ว่าจริงๆอ่ะการสูญเสียมันก็เป็นเหตุการณ์
00:22:04 → 00:22:07 กระทบกระเทือนจิตใจอย่างนึงเนาะอืเพราะ
00:22:07 → 00:22:09 ว่าจริงๆแล้วพอพูดถึงเรื่องเหตุการณ์
00:22:09 → 00:22:12 กระทบกระเทือนจิตใจอ่ะการปรับตัวเพื่อรับ
00:22:12 → 00:22:14 มือกับความเปลี่ยนแปลงอ่ะมันเป็นอะไรที่
00:22:14 → 00:22:17 ยากแล้วก็ต้องใช้แรงกายแรงใจมากไม่ใช่ทุก
00:22:18 → 00:22:21 คนจะผ่านกระบวนการกีฟหรือว่า Five Stage
00:22:21 → 00:22:23 of grief ที่เพราะเราเคยคุยกันไปเนาะ
00:22:23 → 00:22:27 เออไปได้อย่างราบรื่นน่ะใช่ค่ะออือจริงๆ
00:22:27 → 00:22:30 อ่ะพอพูดถึงหายไม่หายพูดถึง Episode เย
00:22:30 → 00:22:32 ใช่มั้ยคะว่าหายได้ยังไงหายขาดมยไม่หาย
00:22:32 → 00:22:35 ขาดมอ่ะจริงๆอยากให้คิดไว้ก่อนว่าเดี๋ยว
00:22:35 → 00:22:38 เราจะต้องหายอ่ะอืถึงแม้ว่านะตอนที่เรา
00:22:38 → 00:22:42 เป็นน่ะเข้าใจนะมันแบบมันยากมากมันมองถ้า
00:22:42 → 00:22:44 จะไม่เห็นเลยจะหายได้ยังไงวะมันเศร้าขนาด
00:22:44 → 00:22:46 นี้อะไรเงี้ยหายไปจากที่ตรงนี้ยังง่าย
00:22:46 → 00:22:49 กว่าอะไรเงี้ยอแต่ว่าต้องคิดว่าแบบตอนนี้
00:22:49 → 00:22:51 ยังไม่หายก็ไม่เป็นไรแบบแต่เดี๋ยวมันจะ
00:22:51 → 00:22:54 หายอ่ะอืมมันต้องดีขึ้นอะไรอย่าเงี้ยคคง
00:22:54 → 00:22:56 ต้องปลอบใจตัวเองไปในวันต่อวันน่ะพูดบ่อย
00:22:56 → 00:22:59 มากว่าแบบมันคงผ่านไปในวันต่อตวันอะไร
00:22:59 → 00:23:01 เงี้ยค่ะเออถ้าวันนี้มันอยู่กับเราอีความ
00:23:01 → 00:23:03 ซึมเศร้าเนี้ยก็ให้มันอยู่ไปก็พามันไป
00:23:03 → 00:23:05 ด้วยเลยเออเราไปไหนก็พามันไปด้วยเลยอี
00:23:05 → 00:23:08 ความซึ้มเศร้าเนี้ยเออจะไปหาเพื่อนใช่มม
00:23:08 → 00:23:10 ก็พามันออกไปด้วยมันต้องโผล่เอาบ้างแหละ
00:23:10 → 00:23:12 ตอนที่เรานั่งคุยกับเพื่อนหรือบางทีเจอ
00:23:12 → 00:23:14 เพื่อนเราก็คงนั่งเศร้าๆอยู่เพราะว่าอีก
00:23:14 → 00:23:17 ความเศร้ามันมาด้วยอ่ะเนาะแต่ก็แต่ก็คง
00:23:17 → 00:23:19 ต้องพามันออกไปด้วยเพราะมันอยู่กับเราอ่ะ
00:23:19 → 00:23:23 อืจริงๆมันก็คล้ายๆกับการที่แบบเรายอมรับ
00:23:23 → 00:23:25 ว่าเออมันเกิดขึ้นกับเราแล้วก็แบบเออพา
00:23:25 → 00:23:28 มันไปด้วยก็คงไม่เป็นไรอ่ะใช่ที่สก่อน
00:23:29 → 00:23:31 หน้านี้ก็พูดว่าเออก็คงก็คงต้องยอมรับมัน
00:23:31 → 00:23:34 ว่าเราเป็นแล้วก็ก็ใช้ชีวิตกับมันแล้วก็
00:23:34 → 00:23:36 ดูว่ามันมีอะไรที่จะทำให้เราแบบดีขึ้นกับ
00:23:37 → 00:23:41 มันได้บ้างซึ่งณตอนนั้นก็คือยากนะอือืแต่
00:23:41 → 00:23:44 ว่าต้องลองดูซึ่งพวกเราก็อยากเป็นกำลังใจ
00:23:44 → 00:23:48 ให้กับคุณผู้ฟังหลายๆคนที่อาจจะแบบถึงยัง
00:23:48 → 00:23:50 ไม่ได้ถึงขั้นที่เป็นโรคซึมเศร้าแต่รู้
00:23:50 → 00:23:52 สึกว่าเอ้ยตอนนี้มันมีเรื่องมากระทบเรา
00:23:52 → 00:23:55 จังเลยหรือว่ามันมีปัญหาเยอะจังเลยอะไร
00:23:55 → 00:23:57 อย่างเงี้ยก็ขอเป็นกำลังใจให้ตั้งแต่ตอน
00:23:57 → 00:24:00 นั้นเลยเนาะใช่อือืแล้วก็ก่อนลากันไปใน
00:24:00 → 00:24:02 Episode นี้คือนึกขึ้นได้ว่าเคยอ่าน
00:24:02 → 00:24:04 หนังสือเกี่ยวกับโลกซึมเศร้าอยู่เล่มนึง
00:24:04 → 00:24:07 อันนี้ก็เลยอยากเอามาแชร์ด้วยชื่อเรื่อง
00:24:07 → 00:24:09 ว่าเรื่องเล่าจากภูเขาน้ำแข็งซึ่ง
00:24:09 → 00:24:12 ประสบการณ์ต่างๆในนั้นเนี่ยก็ค่อนข้าง
00:24:12 → 00:24:14 ครอบคลุมกับหัวข้อที่มิ้นกับพี่เจนพูดถึง
00:24:14 → 00:24:17 กันในวันนี้เลยตั้งแต่ว่าเป็นโรคซึมเศร้า
00:24:17 → 00:24:20 เพราะอะไรฟื้นฟือตัวเองได้ยังไงแล้วก็แบบ
00:24:20 → 00:24:23 พอจุดที่หายแล้วแล้วแบบเออดีขึ้นยังไง
00:24:23 → 00:24:24 อะไรอย่างเงี้ยคือเขาก็เขียนเล่าไว้หมด
00:24:25 → 00:24:27 เลยก็เลยอยากเอามาแบ่งปันเนาะเผื่อคุณผู้
00:24:27 → 00:24:29 ฟังที่ชอบอ่านหนังสือเราอยากลองไปซื้อ
00:24:29 → 00:24:31 อ่านดูอะไรงงี้ได้เลยค่ะสำหรับ Episode
00:24:31 → 00:24:34 นี้เราก็ได้แชร์มุมมองเรื่องของโรคซึม
00:24:34 → 00:24:38 เศร้าหายมหายขาดมหายได้ยังไงไปแล้วเนาะ
00:24:38 → 00:24:41 ซึ่งมันก็เป็นแค่มุมมองของพี่เจนแล้วก็
00:24:41 → 00:24:44 ของน้องมิ้นเท่านั้นอาจจะไม่ได้ตรงกับ
00:24:44 → 00:24:46 ความคิดของคุณผู้ฟังหรือฟังแล้วอาจจะรู้
00:24:46 → 00:24:49 สึกไม่สบายใจก็ต้องขอโทษไว้ก่อนณที่นี้นะ
00:24:49 → 00:24:53 คะอือืแต่ก็หวังไว้เล็กๆว่า Episode นี้
00:24:53 → 00:24:56 จะเป็นกำลังใจให้คุณผู้ฟังที่กำลังเผชิญ
00:24:56 → 00:25:00 กับโลกซึมเศร้าอยู่อือืและเช่นเคยเนาะว่า
00:25:00 → 00:25:02 หากคุณผู้ฟังมีประสบการณ์ที่อยากจะแชร์
00:25:02 → 00:25:05 หรือว่ามีวิธีการจัดการตัวเองต่างๆที่รู้
00:25:05 → 00:25:07 สึกว่าเอออันนี้น่าจะเป็นประโยชน์นะหรือ
00:25:07 → 00:25:09 อะไรอย่างเงี้ยเราเคยผ่านมันมาได้ยังไงก็
00:25:09 → 00:25:12 สามารถทำได้เต็มที่เช่นเคยผ่านการคอมเมน
00:25:12 → 00:25:16 ที่ใต้คลิปเนาะอซึ่งวันนี้มินกับพี่เจนก็
00:25:16 → 00:25:21 ขอลากันไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ
00:25:21 → 00:25:25 จินี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณ
00:25:25 → 00:25:28 ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ
00:25:28 → 00:25:30 Android
00:25:30 → 00:25:33 [เพลง]