00:00:00 → 00:00:06 สวัสดีครับประเทศไทยยของเรานั้นก็มีความ คุ้นชินกับการทานอาหารเผ็ดนะครับอาหาร
00:00:06 → 00:00:12 หลายๆจานหลายๆเมนูของเราเนี่ยก็มีรสชาติ ที่เผ็ดจัดจ้านคนไทยเนี่ยไปที่ไหนของโลก
00:00:12 → 00:00:18 นะครับก็พยายามจะหาอาหารไทยมารับประทาน เพราะว่าไปอยู่ที่อื่นเนี่ยอาหารของเขาค
00:00:18 → 00:00:23 เนี่ยจะจืดหน่อยนะฮะแล้วก็อาจจะไม่ค่อย ถูกปากต่อให้ชอบยังไงสุดท้ายก็ยังกลับมา
00:00:23 → 00:00:28 รับประทานอาหารไทยซึ่งมันมีรสชาติเผ็ด อยู่ดีนะครับวันนี้นี่ผมก็เลยอยากจะเอา
00:00:28 → 00:00:33 เรื่องของความเผ็ดมาเล่าให้ฟังนะครับว่า อะไรที่มันทำให้เผ็ดนะครับความเผ็ดเนี่ย
00:00:33 → 00:00:40 มันมีข้อดีมยนะฮะมันมีผลยังไงบ้างต่อร่าง กายรวมทั้งความเผ็ดนั้นมันทำให้เกิดแผลใน
00:00:40 → 00:00:45 กระเพาะทำให้มีโรคกระเพาะขึ้นมาจริงหรือ เปล่านะครับแล้วความเผ็ดนั้นมันมีอันตราย
00:00:45 → 00:00:50 อะไรบ้างวันนี้ก็จะเล่าให้ฟังกันเลยนะ ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีย์ ธนียวันเป็น
00:00:50 → 00:00:54 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:54 → 00:00:59 บำบัดนะครับเรื่องของความเผ็ดนั้นมันมี สารหลากหลายชนิดนะครับที่ทำให้เกิดความ
00:00:59 → 00:01:05 เห็ดขึ้นมาได้นะครับแต่ว่าสารตัวที่เป็น ตัวหลักเลยเนี่ยคือสารที่ชื่อว่าแคปไซซิน
00:01:05 → 00:01:10 ครับตัวนี้เนี่ยมันอยู่ในพริกหลากหลาย ชนิดซึ่งก็ยกตัวอย่างเช่นพริกขี้หนูนะ
00:01:10 → 00:01:16 ครับของประเทศไทยนะครับ jalapeno พริกตัว habanero หรือตัวที่เผ็ดที่สุดใน
00:01:16 → 00:01:23 โลกปัจจุบันก็คือ carolina reaper นะครับ พวกนี้คือสารแคปไซซินก็อยู่ในพริกเหล่า
00:01:23 → 00:01:29 นี้ด้วยจำนวนที่ไม่เท่ากันนะครับอย่างไร ก็ตามมันก็มีสารตัวอื่นอีกนะครับที่ทำให้
00:01:29 → 00:01:35 เกิดอาการเผ็ดร้อนขึ้นมาได้ยกตัวอย่าง เช่นในขิงเนี่ยนะครับในขิงมันก็จะมีสาร
00:01:35 → 00:01:40 ตัวอื่นๆอีกนะครับชื่อ gingerol นะครับ ตัวนี้ก็จะทำให้เรเราเกิดอาการเผ็ดขึ้นมา
00:01:40 → 00:01:48 ได้นะครับในพริกไทยดำอ่าในพริกไทยดำก็จะ มีสารชื่อไนนะหรือในวาซาบิในพวกมสารพวก
00:01:48 → 00:01:54 เนี้ยก็จะมีสารอีกตัวนึงนะครับชื่อแิ ไอซอสนะฮะพวกนี้ก็จะเป็นสารที่ทำให้เกิด
00:01:54 → 00:02:01 ความเผ็ดร้อนขึ้นมาได้แต่วันนี้เนี่ยจะขอ เน้นย้ำตรงที่สารแคปไซซินก่อนแล้วกันนะ
00:02:01 → 00:02:06 ครับเพราะว่ามันเป็นสารที่เจอได้ในพริก หลากหลายชนิดในทั่วโลกนะฮะเรื่องของความ
00:02:06 → 00:02:11 เผ็ดนั้นเราจะมีการวัดกันได้อย่างไรนะ ครับก็ต้องขอย้อนประวัติศาสตร์กลับไป
00:02:11 → 00:02:21 เมื่อปีค.ศ 1912 นะครับสมัยนั้นเนี่ยมีคน ๆนึงนะครับชื่อบอร์ scovill นะครับคนๆนี้
00:02:21 → 00:02:30 เนี่ยเป็นเภสัชกรน่าแล้วเขาก็มีความคิด ที่จะสร้างมาดวัดความเผ็ดขึ้นมานะครับ
00:02:30 → 00:02:36 เมื่อสมัยก่อนเค้าทำงานเกี่ยวข้องกับการ วัดความเผ็ดนะครับโดยความวัดการวัดความ
00:02:36 → 00:02:42 เผ็ดของเขาคสมัยก่อนเนี่ยเค้าก็มีการเอา สารที่ต้องการทดลองเนี่ยมาสกัดมาเป็นน้ำ
00:02:42 → 00:02:48 นะครับหลังจากนั้นเนี่ยก็จะมีการละลายน้ำ นะฮะละลายน้ำทีละนิดทีละนิดไปเรื่อยๆจน
00:02:48 → 00:02:54 กว่าจะไม่รับรู้ถึงความเผ็ดนะครับแล้วพอ เราละลายน้ำหลายครั้งเข้านะครับถ้าอะไร
00:02:54 → 00:02:59 ที่ต้องละลายน้ำหลายครั้งกว่าจะไม่ได้รับ รสเผ็ดนั้นก็จะถือว่าของสิ่งนั้นเนี่ย
00:02:59 → 00:03:05 เผ็ดมากนะครับเพราะมันจำเป็นจะต้องละลาย น้ำอยู่หลายครั้งนะครับนี่ก็เป็นที่มาของ
00:03:05 → 00:03:10 สิ่งที่เรียกว่า scovill Unit นะครับ หรือ scovill scale นะครับเป็นตัวที่ใช้
00:03:10 → 00:03:16 ชี้วัดความเผ็ดแต่ปัจจุบันนี้เราไม่ใช้ การละลายน้ำแล้วนะครับเราใช้วิธีที่เรียก
00:03:16 → 00:03:22 ว่าอ่า High Performance Liquid chromatography นะครับเป็นการวัดปริมาณ
00:03:22 → 00:03:29 สารแคปไซซินหรือสารที่คล้ายแคปไซซินที่ เราเรียกว่าอ่าแคปซีลหรือแปซินะครับตัว
00:03:29 → 00:03:35 ตัวนี้เนี่ยก็ถ้ามันมีเยอะมันก็จะบ่งบอก ว่าของชิ้นนั้นเนี่ยเผ็ดมากนะครับแล้วแน่
00:03:35 → 00:03:41 นอนสิ่งที่เผ็ดที่สุดในโลกก็ต้องเป็น แคปไซซินนะครับเผ็ดแค่ไหนอ่ะผมจะใช้ตัว
00:03:41 → 00:03:47 นี้เป็นตัวสเกลในการบอกว่าตัวอื่นๆมัน เผ็ดแค่ไหนนะครับถ้าเป็นตัวแคปไซซินเพียว
00:03:47 → 00:03:56 ๆเลยเนี่ยกินเข้าไปเวๆนะครับมันอยู่ที่ 16 ล้านสว Unit 16 ล้านนะครับพริกขี้หนูของ
00:03:56 → 00:04:02 ประเทศไทยเราเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000 - 100,000 สกวอยู่นะส่วนพริกที่เผ็ดที่สุด
00:04:02 → 00:04:10 ในโลกปัจจุบันนี้ชื่อว่า carolina reaper ตัวนี้เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.6 ถึง 2.2
00:04:10 → 00:04:18 ล้านนะฮะอ่าจะสังเกตว่ามันยังเผ็ดน้อย กว่าตัวแคปไซซินถึง 10 เท่าเลยทีเดียวนะ
00:04:18 → 00:04:24 ดังนั้นตอนนี้เรารู้ที่มาแล้วนะครับว่า ไอ้ที่มาของความเผ็ดสเกลเนี่ยมันวัดมา
00:04:24 → 00:04:31 ตั้งแต่ปี 1912 อ่าคิดค้นโดยเภสัชกรนะ ครับชื่อคุณ scovill นะ wiper scovill
00:04:31 → 00:04:38 อ่าทีนี้มาถึงว่าความเผ็ดเนี่ยร่างกายของ เราไปรับรู้มันได้ยังไงนะฮะก็ต้องบอกว่า
00:04:38 → 00:04:46 ความเผ็ดเนี่ยมันไม่ใช่รสชาตินะครับมัน ไม่ใช่รสชาตินะแต่มันคือความเจ็บปวดครับ
00:04:46 → 00:04:51 แล้วปกติเนี่ยตัวแคปไซซินในพริกเนี่ยนะ ครับมันจะไปจับกับตัวรับตัวนึงนะครับที่
00:04:51 → 00:04:58 เส้นประสาทของเราในในช่องปากนะครับมันจะ มีเส้นประสาทตรงนี้เนี่ยจะมีอันนึงซึ่ง
00:04:58 → 00:05:04 เราเรียกว่าเป็น Channel นะครับหรือชื่อ เต็มๆของมันนะครับมีตัวย่อว่า
00:05:04 → 00:05:13 trpv1 นะครับ transient receptor potential vany 1 นะครับตัวนี้เนี่ย
00:05:13 → 00:05:18 trpv1 เนี่ยนะครับมันจะมีการจับกับตัว แคปไซซินนะฮะพอมันจับเสร็จปุ๊บเนี่ยมันจะ
00:05:18 → 00:05:25 ส่งกระแสประสาทไปที่สมองของเราทำให้เรา รับรู้ถึงความร้อนนะฮะดังนั้นพอเรารับรู้
00:05:25 → 00:05:32 ถึงความร้อนเนี่ยร่างกายของเรามันก็ต้อง พยายามจะระบายความร้อนอมาด้วยการทำให้มี
00:05:32 → 00:05:38 การขยายตัวของหลอดเลือดตามบริเวณต่างๆนะ ครับดังนั้นถ้าเราเห็นคนกินเผ็ดมากๆเนี่ย
00:05:38 → 00:05:43 หน้าจะแดงถูกมั้ยครับจะมีน้ำลายออกมาเยอะ เพราะว่ามันจะต้องไปล้างเอาความเผ็ดออกนะ
00:05:43 → 00:05:49 ครับมีน้ำตาออกอีกต่างหากนะฮะบางคนก็มี ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นนะครับเพราะว่าการ
00:05:49 → 00:05:55 รับรู้ความเผ็ดก็คือการรับรู้ของเส้น ประสาทเจ็บปวดนั่นเองนะฮะนี่คือกลไกหลัก
00:05:55 → 00:06:02 ของการทำงานนะครับทีนี้ไอ้ตัวรับ trpv1 เนี่ยเนี่ยนะฮะมันไม่ได้มีแค่ในที่รับรถ
00:06:02 → 00:06:08 ของเรานะมันมีในที่อื่นด้วยเช่นระบบ ประสาทในสมองนะครับแล้วเค้าพบว่ามันอาจจะ
00:06:08 → 00:06:14 นะครับอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ความทรงจำนะครับการเรียนรู้หรือแม้
00:06:14 → 00:06:19 กระทั่งเรื่องของสมาธินะครับแต่เรื่องนี้ เนี่ยยังไม่แน่นอนนะครับแต่จะต้องรอดูว่า
00:06:19 → 00:06:25 มันมีงานทดลองอย่างอื่นออกมาอีกหรือเปล่า นะครับแต่ว่าเค้าพบว่ามันมีตัวรับ trp B1
00:06:25 → 00:06:30 เนี่ยอยู่ในสมองของเราด้วยนะครับแล้วก็ ตามเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกเรามันก็มีไอ้
00:06:30 → 00:06:36 ตัวเนี้ยซ่อนอยู่หลากหลายที่เลยทีเดียวนะ ครับเป็นที่มาของว่าเออการกินเผ็ดพวกนี้
00:06:36 → 00:06:42 อาจจะพอมีประโยชน์อย่างอื่นบ้างซึ่งเราก็ จะได้กล่าวกันต่อไปนะครับทีนี้ไอ้ตัว
00:06:42 → 00:06:50 trpv1 นี้ก็ไม่ได้ใช่ไม่ได้แค่กระตุ้น ได้โดยแคปไซซินนะมันมีอย่างอื่นอีกนะครับ
00:06:50 → 00:06:55 เช่นถ้าเรามีการกระตุ้นได้ยความร้อนอ่า เส้นประสาทนี้ก็จะถูกกระตุ้นได้เหมือนกัน
00:06:55 → 00:07:02 นะครับหรือตัวอ่า cam4 นะครับตัวนี้ก็จะ สามารถที่จะไปกระตุ้นเรื่องของอ่าตัว
00:07:02 → 00:07:09 trpv1 ได้นะครับนี่นะฮะนี่คือการทำงาน ของความเผ็ดนะนั้นบางทีเราจะเห็นคนกิน
00:07:09 → 00:07:14 เผ็ดแล้วเฮ้ยทำไมหน้าแดงทำไมมันถึงน้ำหู น้ำตาไหลส่วนบางคนกินแล้วเฮ้ยไมเกรน
00:07:14 → 00:07:19 กำเริบเลยนะครับกินเผ็ดแล้วไมเกรนกำเริบ เหตุผลมันเพราะอย่างนี้ครับว่าไอ้การ
00:07:19 → 00:07:25 กระตุ้น trpv1 เนี่ยมันมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการไปกระตุ้นสารตัวนึงชื่อ calcitonin
00:07:25 → 00:07:31 Gen related peptide นะครับ cgrp ตัว นี้เนี่ยเรารู้นะครับว่ามันมีความเกี่ยว
00:07:31 → 00:07:37 ข้องกับการกำเนิดไมเกรนปัจจุบันเนี่ยก็มี ยาที่จะไปยับยั้งกระบวนการนี้เรียบร้อย
00:07:37 → 00:07:42 แล้วนะครับมีการใช้จริงๆในโลกใบนี้เรียบ ร้อยแล้วถ้าเกิดคนไหนเป็นไมเกรนเนี่ยก็
00:07:42 → 00:07:47 อาจจะพอเคยได้ยินการรักษาประเภทนี้มาบ้าง นะครับ
00:07:47 → 00:07:54 อ่าแต่คำถามก็คือเฮ้ยมันมีข้อดีอะไรมยนะ ครับแล้วทำไมบางคนกินเผ็ดแล้วไม่เห็นจะ
00:07:54 → 00:07:58 รู้สึกอะไรเลยนะครับแล้วคนเหล่านี้จะได้ ข้อดีเหมือนเดิมหรือเปล่านะครับก็ต้อง
00:07:58 → 00:08:04 เริ่มจากว่าไอ้ตัวแคปไซซินที่กินเข้าไป กระตุ้น trpv1 เนี่ยมันมีข้อดีอะไรไหมนะ
00:08:04 → 00:08:11 ครับอันแรกนะครับมันสามารถที่จะเพิ่ม อุณหภูมิของร่างกายได้ทำให้เกิดการเผา
00:08:11 → 00:08:17 ผลานที่มันดีขึ้นนะครับอันที่ 2 มัน สามารถลดความอยากอาหารได้ดังนั้น 2 อัน
00:08:17 → 00:08:22 นี้เนี่ยมันก็เหมาะสำหรับเรื่องของการลด น้ำหนักนะครับสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำ
00:08:22 → 00:08:29 หนักถ้ามีการกระตุ้นด้วยแคปไซซินหรือพริก หรือความเผ็ดเนี่ยก็จะมีความมีประโยชน์
00:08:29 → 00:08:36 ต่อต่อเรื่องของน้ำหนักตัวด้วยมันยังมี โอกาสที่จะไปช่วยในการลดไขมัน ldl หรือ
00:08:36 → 00:08:41 low density Lip โปรตีนได้นะครับตัว นี้ก็เป็นตัวที่ถ้ามันมีเยอะๆปุ๊บเนี่ย
00:08:41 → 00:08:45 มันจะทำให้เส้นเลือดของเรามีการอุดตัน เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสวนปลาย
00:08:45 → 00:08:51 หลอดเลือดสมองต่างๆได้นะฮะแล้วก็ไม่เพียง แค่นั้นนะครับการที่มันสามารถที่จะทำให้
00:08:51 → 00:08:56 เส้นเลือดของเราเนี่ยมีการขยายได้มันก็ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดความดัน
00:08:56 → 00:09:04 โลหิตอีกต่างหากนี่นะฮะมันมีข้อดีค่อน ข้างที่จะหลากหลายนะครับทีนี้มีอีกอย่าง
00:09:04 → 00:09:11 นึงนะฮะที่มันมีความสำคัญมากๆก็คือสาร แคปไซซินตัวมันเองเนี่ยมันมีฤทธิ์ในการ
00:09:11 → 00:09:16 ยับยั้งเชื้อโรคนะครับอ่าฤทธิ์ในการยับ ยั้งเชื้อโรคหลากหลายชนิดเลยทีเดียวรวม
00:09:16 → 00:09:23 ทั้งชนิดที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะด้วยครับ นั่นก็คือเชื้อโรคตัวที่เราเรียกว่า
00:09:23 → 00:09:28 helicobacter pyi ซึ่งผมเคยทำคลิปไป แล้วนะครับว่าตัวนี้เนี่ยมันก่อให้เกิด
00:09:28 → 00:09:34 โรคกระเพาะนะครับงั้นเรื่องของความเข้าใจ ดั้งเดิมที่บอกว่าการกินเผ็ดทำให้เกิดโรค
00:09:34 → 00:09:41 กระเพาะเต้องบอกเลยนะครับว่าไม่จริงนะ ครับไม่จริงและที่สำคัญสารแคปไซซินเวลา
00:09:41 → 00:09:46 มันลงไปถึงกระเพาะของเราเนี่ยมันจะทำให้ กระเพาะของเรามีการสร้างเมือกเพิ่มขึ้นมา
00:09:46 → 00:09:52 เมือกตัวนี้เนี่ยมันมีหน้าที่สำคัญในการ ปกป้องเพื่อไม่ให้อันตรายมาเกิดขึ้นกับ
00:09:52 → 00:09:58 ตัวเนื้อเยื่อของกระพอนะครับแล้วไม่พอมัน ยังฆ่าเชื้อเฮดไดอีกนะครับดังนั้นแปลว่า
00:09:58 → 00:10:04 มันทำลายสิ่งที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะก็ คือเชื้อโรคตัวนี้และยังสร้างเกราะป้อง
00:10:04 → 00:10:11 กันก็คือเมือกที่มาเคลือบกระเพาะเสียอีก ดังนั้นตัวแคปไซซินเนี่ยสามารถที่จะช่วย
00:10:11 → 00:10:19 ป้องกันการเกิดโรคกระเพราะได้นะครับมัน ไม่ทำให้เกิดโรคกระเพาะแต่แต่ตรงนี้ครับ
00:10:19 → 00:10:26 ตัวแคปไซซินเองเนี่ยนะฮะถ้าไปกินในบางคน มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้นะครับคนเหล่า
00:10:26 → 00:10:31 นั้นก็มักจะเป็นคนที่มี 2 โรคอยู่ด้วยกัน หรือหรือโรคใดโรคหนึ่งโรคแรกก็คือกรดไหล
00:10:31 → 00:10:39 ย้อนโรคที่ 2 คือโรคลำไส้แปรปรวนหรือ irritable Bow Syndrome ibs นะครับคน
00:10:39 → 00:10:46 ที่มีกรดไหลย้อนเนี่ยตัวแคปไซซินนะครับ มันอาจจะไปทำให้ตัวหูรูดที่กั้นระหว่าง
00:10:46 → 00:10:51 กระเพาะแล้วก็ตัวหลอดอาหารของเราเนี่ยมี การเปิดออกนะครับเวลามันเปิดออกของที่
00:10:51 → 00:10:56 อยู่ในกระเพาะก็สามารถไหลขึ้นมาดวงข้างบน ได้ก็ทำให้เกิดการแสบยอดอกได้ทำให้ไอ
00:10:56 → 00:11:03 เรื้อรังได้นะครับแ่ไซซินเองมันทำให้ตัว กระเพาะบีบตัวช้าลงนะครับนี่ก็เป็นหนึ่ง
00:11:03 → 00:11:08 ในกลไกที่ทำให้เราอิ่มง่ายนะคือมันบีบตัว ช้าลงเออมันก็ย่อยนานมันก็จะอิ่มง่าย
00:11:08 → 00:11:13 หน่อยนะครับแต่การที่กระเพาะเราบีบตัวช้า ลงเนี่ยมันก็ทำให้อาหารมันอยู่ในนั้นเป็น
00:11:13 → 00:11:19 เวลานานถูกมั้ยฮะดังนั้นโอกาสที่มันจะไหล ย้อนขึ้นมาเนี่ยก็จะมีสูงขึ้นนะครับงั้น
00:11:19 → 00:11:25 นี่คือกลไกของการที่เรารับประทานตัว แคปไซซินหรือของที่มันเผ็ดเข้าไปเนี่ยอาจ
00:11:25 → 00:11:31 จะทำให้กรดหลย้อนของเรากำเริบได้เพียงแต่ ต้องบอกอย่างี้ครับไม่ใช่ทุกคนที่เป็นกรด
00:11:31 → 00:11:37 ไหลย้อนกินแล้วมันจะเกิดกำเริบนะบางคนก็ กินได้แล้วบางคนก็กินไม่ได้นะฮะอีกโรคนึง
00:11:37 → 00:11:41 ที่เื่อตะกี้บอกก็คือโรคลำไส้แปรปรวนหรือ irritable Bow Syndrome นะครับอันนี้
00:11:41 → 00:11:49 ผมก็เคยทำคลิปไปแล้วนะครับอาหารเผ็ดเนี่ย ก็มีความสำคัญเพราะว่ามันอาจจะทำให้ภาวะ
00:11:49 → 00:11:55 ลำไส้แปรปรวดของเรากำเริบได้นะครับดัง นั้นเราอาจจะต้องหลีกเลี่ยงนิดนึงนะครับ
00:11:55 → 00:11:59 เพราะว่าบางคนกินไปแล้วโอ้โหปวดท้องท้อง อืดท้องเฟ้อเลยนะครับหรือาถ่ายออกมาแล้ว
00:11:59 → 00:12:05 มันแสบมันอะไรอย่างเงี้นะฮะก็จะมีปัญหา อย่างนั้นได้นะครับบางคนที่กินเผ็ดใหม่ๆ
00:12:05 → 00:12:10 เนี่ยเนื่องจากว่าความที่มันไปกระตุ้น เส้นประสาทความเจ็บปวดทั้งหลายแหล่เนี่ย
00:12:10 → 00:12:16 ไม่ใช่แค่ในปากแล้วนะแต่ทั้งทางเดินอาหาร เลยก็จะทำให้บางคนเนี่ยมีการเจ็บปวดแสบ
00:12:16 → 00:12:21 ท้องได้แล้วบางคนจะสังเกตว่าเอ๊ยทำไมเรา กินของเผ็ดเข้าไปแล้วมันถึงท้องเสียเลยนะ
00:12:21 → 00:12:27 ทำไมถึงถ่ายทันทีเลยนะครับเหตุผลก็เพราะ ว่ามันไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารต่างๆ
00:12:27 → 00:12:33 โดยเฉพาะเมือกและน้ำคัดหลั่งที่อยู่ในทาง เรือนอาหารของเราการหลัทั้งเมือกทั้งน้ำ
00:12:33 → 00:12:37 เนี่ยไอ้พวกเถ้ามันหลั่งออกมาเยอะๆมันก็ จะไปปนกับอุจจาระทำให้มันเหลวแล้วก็เกิด
00:12:37 → 00:12:43 ท้องเสียออกมานี่อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่ง เหตุผลเหมือนกันที่ทำไมเราทานของเผ็ดไป
00:12:43 → 00:12:47 แล้วเฮ้ยทำไมมันถึงแบบถ่ายเป็นน้ำออกมา อย่างนั้นเลยนะฮะ
00:12:47 → 00:12:54 อ่าดังนั้นเรื่องตรงนี้ก็มีความเกี่ยว ข้องกับระบบอะไรบ้างเมื่อกี้ทอเร็วพูดไป
00:12:54 → 00:13:00 อ่ะโรคติดเชื้อเรื่องของกระเพาะนะครับ เรื่องของอ่ากกลไกที่เกี่ยวข้องกับทาง
00:13:00 → 00:13:07 ด้านของหลอดเลือดต่างๆนะมันสามารถลดความ ดันได้นะฮะตัวมันเองเกี่ยวข้องกับระบบ
00:13:07 → 00:13:12 ความเจ็บปวดด้วยนะครับแล้วก็อาจจะมีผลต่อ ทางด้านสมองแต่ตรงนี้จะต้องรอการยืนยัน
00:13:12 → 00:13:17 อย่างอื่นเพิ่มเติมนะครับเพราะว่าในทาง ด้านของสมองนั้นมันก็มีข้อเสียอย่างหนึ่ง
00:13:17 → 00:13:23 ซึ่งในงานวิจัยบางอันเนี่ยเจอถ้าเกิดว่า ให้สารแคปไซซินมากจนเกินไปเนี่ยจะเป็น
00:13:23 → 00:13:28 กลายเป็นพิษต่อระบบประสาทได้แต่ว่าพริก ที่เรากินอยู่ทุกวันเนี่ยอ่าไม่ได้จำเป็น
00:13:28 → 00:13:31 จะต้องกังวลขนาดนั้นนะครับยกไว้ว่าถ้า ท่านไม่เคยกินพริกมาก่อนแล้วไปกินพริกที่
00:13:31 → 00:13:37 มันเผ็ดที่สุดในโลกเนี่ยอ่าแน่นอนว่าท่าน อาจจะเกิดปัญหาทางด้านของระบบประสาทได้นะ
00:13:37 → 00:13:44 ครับมันยังสามารถที่จะช่วยลดเรื่องของน้ำ หนักได้นะครับเพิ่มทำให้เราอิ่มง่ายขึ้น
00:13:44 → 00:13:49 นะครับลดความอยากอาหารเพิ่มการเผาผลาญใน ร่างกายนะครับแล้วไม่ใช่แค่นั้นครับมัน
00:13:49 → 00:13:54 ยังช่วยทำให้ร่างกายของเราเนี่ยมีความไว ต่ออินซูลินเพิ่มมากขึ้นก็คือลดโอกาสใน
00:13:54 → 00:14:00 การเกิดเบาหวานนั่นเองนะทั้งหมดทั้งมวล เนี่ยดูแล้วเจอข้อดีมันค่อนข้างที่จะเยอะ
00:14:00 → 00:14:05 นะครับคำถามต่อมาก็คือมันจะมีบางคนเนี่ย กินเผ็ดจนชินแล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรมย
00:14:05 → 00:14:10 นะครับต้องบอกอย่างนี้ครับว่าเวลาที่เรา กินเผ็ดเป็นประจำเนี่ยนะครับเส้นประสาท
00:14:10 → 00:14:18 ที่มันรับรู้เรื่องของความเผ็ดเนี่ยมันจะ ไม่มีโอกาสรับรู้แล้วมันจะดื้อต่อการรับ
00:14:18 → 00:14:24 รู้ละนะครับไอ้ตัวตัวรับของเรา trpv1 เนี่ยนะฮะมันจะเริ่มไม่ไวต่อการรับรู้
00:14:24 → 00:14:29 แคปไซซินแล้วมันจะลดปริมาณลงทำให้เราไม่ รู้สึกเจ็บจึกไม่รู้สึกสึกปวดไม่รู้สึก
00:14:29 → 00:14:36 ว่ามันเผ็ดนะฮะคนเหล่านี้เนี่ยกินไปก็จะ ไม่ค่อยมีอาการใดทั้งสิ้นนะครับกินแล้ว
00:14:36 → 00:14:41 ปกติคนอื่นน้ำหูน้ำตาไหลนก็ไอเยอะแยะเลย นะฮะหรือว่ามีเหงื่อออกหน้าแดงนะฮะแต่คน
00:14:41 → 00:14:46 เหล่านี้กินไปก็เฉยๆเคี้ยวพลิกเข้าไปก็ ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นนะครับนั่นเป็นเพราะ
00:14:46 → 00:14:54 ว่ามีการลดลงของตัวรับ trpv1 นั่นเองนะ ครับทีนี้คนเหล่านี้เนี่ยคำถามก็คือว่า
00:14:54 → 00:15:01 แล้วเายังได้ประโยชน์จากการกินเผ็ดอีก หรือเปล่าคำตอบก็คือคือได้เหมือนเดิมครับ
00:15:01 → 00:15:05 ได้เหมือนเดิมนี่อันนี้ก็ยังผลก็ยังมี อยู่นะครับต่อให้คุณกินไปแล้วเอ้ยมันไม่
00:15:05 → 00:15:11 รู้สึกเผ็ดอะไรแล้วเนี่ยนะฮะแต่ผลที่ เกี่ยวข้องกับการลดโอกาสที่เราจะเป็นความ
00:15:11 → 00:15:17 ดาโลหิตสูงเรื่องของโรค ncd ต่างๆนะครับ เรื่องของอ่าไขมันความอ้วนความอยากอาหาร
00:15:17 → 00:15:21 ก็ยังได้ประโยชน์หมดอยู่นะครับเรื่องของ การฆ่าเชื้อก็ยังได้ประโยชน์อยู่แล้วมัน
00:15:21 → 00:15:27 ก็ไม่ได้แค่ฆ่าเชื้อตัว HP เท่านั้นนะค่า ชออื่นๆก็ยังมีผลประโยชน์ด้วยเช่นพยาธ
00:15:27 → 00:15:34 ต่างๆพวกนี้มันก็จะสามารถที่จะถูกฆ่าได้ ด้วยตัวแคปไซซินอย่างไรก็ดีเราต้องเข้าใจ
00:15:34 → 00:15:41 ตรงนี้ก่อนครับว่าพวกเนี้ยคือการทดลองใน หลอดทดลองนะครับแล้วก็บางอย่างทำในสัตว์
00:15:41 → 00:15:47 มันหมายความว่าเราไม่สามารถบอกได้ว่าคุณ จะต้องได้ปริมาณพลิกเข้าไปเท่าไหร่กันแน่
00:15:47 → 00:15:54 มันถึงจะเกิดผลต่างๆเหล่านี้นะฮะเราไม่ สามารถที่จะบอกว่าโอ้ถ้าอย่างงั้นมันแค่
00:15:54 → 00:15:59 ฆ่าเชื้อได้ต่างๆอย่างเงี้ยเราเอากินพริก เข้าไปให้เราอ่าหายป่วยหายโรคต่างๆได้มย
00:15:59 → 00:16:04 คำตอบก็คือไม่ได้ครับนะไม่ได้นะแล้วก็ เพราะบางทีเนี่ยเชื้อโรคมันอยู่ในทางเดิน
00:16:04 → 00:16:09 อาหารของเรานะครับแคปไซซินที่เรากินเข้า ไปเนี่ยมันก็จะอยู่เฉพาะตรงทางเดินอาหาร
00:16:09 → 00:16:13 ซ้าเป็นส่วนใหญ่มันไปที่บริเวณบริเวณอื่น ได้น้อยนะครับดังนั้นโอกาสที่จะไปฆ่า
00:16:13 → 00:16:18 เชื้อเนี่ยก็จะลดลงไปตามลำดับนะฮะแล้วอีก อย่างหนึ่งเราไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะต้อง
00:16:18 → 00:16:25 กินแคปไซซินหรือพริกประมาณเท่าไหร่มันถึง จะไปแก้ไขตรงนั้นได้นะครับบางคนอาจจะเคย
00:16:25 → 00:16:32 ได้ยินเรื่องของพริกกับมะเร็งนะครับนะ ครับต้องบอกว่าอย่างนี้ครับคือพริกเนี่ย
00:16:32 → 00:16:37 มันมีข้อมูลที่ค่อนข้างขัดแย้งกันอยู่ก็ คือบางรายงานเราเจอว่ามันช่วยป้องกัน
00:16:37 → 00:16:42 มะเร็งกำจัดมะเร็งได้บางรายงานมันทำให้ เกิดมะเร็งนะครับดังนั้นตรงนี้เนี่ยยัง
00:16:42 → 00:16:47 ไม่สามารถสรุปไปทางใดทางหนึ่งได้นะครับ ยังถือว่าตรงนี้ข้อมูลยังเป็นกลางอยู่ยัง
00:16:47 → 00:16:51 ไม่ไปทางใดทางหนึ่งดังนั้นถ้าจะบอกว่ามัน มีความเกี่ยวข้องกับการยับยั้งมะเร็งถือ
00:16:51 → 00:16:56 ทำให้เป็นมะเร็งอะไรมั้ยก็คงต้องตอบว่า ปัจจุบันเรายังไม่ทราบนะครับอ่าเรายังไม่
00:16:56 → 00:17:05 ทราบอีกอย่างหนึ่งความเผ็ดที่เรากินเข้า ไปเนี่ยอ่ามันสามารถทำให้บางคนมีความรู้
00:17:05 → 00:17:12 สึกผ่อนคลายมีความสุขได้เออนี่แปลกแล้ว แฮะทำไมความเจ็บปวดถึงทำให้เรามีความสุข
00:17:12 → 00:17:18 ได้เอ้อนี้ประหลาดนะครับมันไม่ประหลาด ครับมันมีวิธีในการอธิบายในทางการแพทย์
00:17:18 → 00:17:26 คือสารตัวแคปไซซินเนี่ยมันไปกระตุ้นตัว trpv1 แล้วถ้ามีปริมาณที่เหมาะสมเนี่ย
00:17:26 → 00:17:31 มันจะสามารถกระตุ้นตัวนึงซึ่งสารฮอร์โมน ตัวนึงที่เราเรียกว่าดอฟิน
00:17:31 → 00:17:38 ดอฟินเนี่ยมันเป็นฮอร์โมนนะครับเป็นสาร ตัวนึงที่ลักษณะการออกฤทธ์ของมันเหมือน
00:17:38 → 00:17:44 กับฝิ่นเปี๊ยบเลยนะครับเราจะเรียกพวกนี้ ว่า endogenous opioid endogenous คือ
00:17:44 → 00:17:50 สารที่ร่างกายมันสร้างขึ้นมาได้เองิออยก็ คือฝิ่นที่คล้ายฝิ่นอ่ะิทคือฝิ่นิอยคือ
00:17:50 → 00:17:59 สิ่งที่คล้ายฝิ่นนะตัวดอฟินนี่คือสารที่ คล้ายฝิ่นมันจะไปทำให้เราเกิดภาวะฟียมี
00:17:59 → 00:18:04 ความสุขนะครับล่องลอยนี่แบบนี้เพราะ ฉะนั้นบางคนกินเผ็ดแล้วรู้สึกเอ้ออารมณ์
00:18:04 → 00:18:09 แจ่มใสรู้สึกดีขึ้นมาทันทีบางคนชอบความ เจ็บปวดเพราะว่ามันไปกระตุ้นไอ้ตัวนี้ออก
00:18:09 → 00:18:15 มานะฮะทำให้เรารู้สึกดีได้นะฮะอ่านี่ก็จะ เป็นสิ่งหนึ่งนะครับแล้วจริงๆแคปไซซิน
00:18:15 → 00:18:22 เนี่ยมันมีคนเอามาทำเป็นยาแล้วนะครับแต่ ไม่ใช่ยากินครับมันเป็นยาทานะทาอะไรทาแก้
00:18:22 → 00:18:28 ปวดครับอันนี้งงแล้วสิเฮ้ยพริกนี่มันทา แล้วมันแสบไม่ใช่เหรอทำไมทาแล้วมันหายปวด
00:18:28 → 00:18:33 นะครับก็ต้องบอกอย่างนี้ครับว่ากลไกการทำ งานที่ทำให้เกิดการเจ็บการปวดเนี่ยตัว
00:18:33 → 00:18:38 พริกเนี่ยมันจะไปกระตุ้นการหลังของสารตัว นึงชื่อว่า substance p นะครับ P นี่ย่อ
00:18:38 → 00:18:45 มาจากเพนคือโดนแล้วมันแสบแล้วมันเจ็บมัน ปวดมันมันแสบนะฮะแต่ถ้ามันโดนการทาตัวนี้
00:18:45 → 00:18:51 บ่อยๆเนี่ยจะทำให้ปลายประสาทตัวนั้นเนี่ย ใช้ substance P หมดไปก็เลยทำให้ประสาท
00:18:51 → 00:18:54 ตรงนั้นเนี่ยมีความด้านชาต่อความเจ็บปวด ก็เหมือนกับการที่เรากินพริกเป็นประจำ
00:18:54 → 00:18:59 แล้วเราไม่รู้สึกว่ามันเผ็ดอีกต่อไปแล้ว นั่นแหละครับนะเราเอามาใช้ในคนที่อ่ายก
00:18:59 → 00:19:04 ตัวอย่างเช่นมีข้อเข่าเสื่อมอ่าเราก็จะมา ทาวันละ 4 ครั้งเพื่อที่จะลดการปวดของ
00:19:04 → 00:19:09 เข่าแล้วจริงๆมันได้ผลค่อนข้างที่จะดีนะ เมื่อเทียบกับยาตัวอื่นๆที่ใช้กันนะครับ
00:19:09 → 00:19:14 ดังนั้นตัวนี้เป็นตัวที่ปลอดภัยต่อการใช้ แล้วเ่อต้องระวังข้อนึงคืออย่าเอามันเข้า
00:19:14 → 00:19:18 ตาแล้วกันเราทาเสร็จแล้วก็ต้องไปล้างมือ ด้วยเพราะว่ามันคือสารที่ทำให้เกิดความ
00:19:18 → 00:19:24 เผ็ดนะครับนี่แหละงั้นวันนี้เนี่ยมาเล่า ให้ฟังเกี่ยวข้องกับข้อดีข้อเสียของ
00:19:24 → 00:19:28 เรื่องของพลิกนะส่วนใหญ่จะดูแล้วมีข้อดี ซะมากกว่านะครับดังนั้นถ้าเกิดคนไหนที่
00:19:28 → 00:19:33 ทานได้ก็แนะนำว่าเออลองทานดูอาจจะช่วยของ เราได้ในหลายหลายๆเรื่องนะครับทั้งโรค
00:19:33 → 00:19:38 กลุ่มเมตาบอลิกเรื่องความอ้วนเรื่องความ ดันไขมันต่างๆนะครับลดความอยากอาหารนะฮะ
00:19:38 → 00:19:44 อาจจะมีผลดีต่อการป้องกันโรคกระเพาะต่างๆ ด้วยช่วยในการต้านพวกเชื้อโรคต่างๆได้
00:19:44 → 00:19:49 อย่างไรก็ตามนะครับเราจะใช้พริกอย่าง เดียวในการรักษาทุกโรคเนี่ยไม่ได้นะครับ
00:19:49 → 00:19:54 แต่ถ้าเกิดว่าคนไหนที่ทานพริกไม่ได้อ่า แล้วอยากจะทานก็ค่อยๆเริ่มก่อนก็ได้ส่วน
00:19:54 → 00:19:59 คนที่ไม่อยากทานเลยทานไม่ได้เลยอันนี้ไม่ มีปัญหานะครับไม่ได้จำเป็นจะต้องไปทาน
00:19:59 → 00:20:04 พลิกหลังจากที่ผมเ่อพูดเรื่องนี้เสร็จทุก คนไปหาพริกมาทานก็ไม่จำเป็นต้องเป็นขนาด
00:20:04 → 00:20:09 นั้นนะครับโอเควันนี้ก็หวังว่าทุกคนจะได้ ความรู้ไม่มากก็น้อยนะครับถ้าใครมีอะไร
00:20:09 → 00:20:13 เสริมหรือมีอะไรสงสัยก็สอบถามกลับมาได้นะ ครับวันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:20:13 → 00:20:16 สวัสดีครับ