00:00:00 → 00:00:02 เบื้องต้นเลยค่ะคุณหมอขอความรู้หน่อยค่ะ
00:00:02 → 00:00:05 ว่าเอ๊ะโซเดียมกับเกลือเนี่ยเค้าเหมือน
00:00:05 → 00:00:07 กันมั้ยหรือเค้าเอ่อแตกต่างกันอย่างไร
00:00:08 → 00:00:11 แล้วแต่ละวันเนี่ยเอ่อเราบริโภคได้มาก
00:00:11 → 00:00:15 น้อยแค่ไหนคะอืก็ที่เราทราบกันเนาะว่า
00:00:15 → 00:00:18 ปกติแล้วเราก็จะพูดถึงรถพยายามอย่ากิน
00:00:18 → 00:00:21 เกลือรสเค็มอย่างงี้นะคะเพราะฉะนั้นเกลือ
00:00:21 → 00:00:24 หนึ่งก็เป็นส่วนก็โซเดียมก็เป็นส่วน
00:00:24 → 00:00:26 ประกอบหนึ่งของเกลือด้วยนะคะเพราะว่า
00:00:26 → 00:00:28 เกลือที่เราทานก็คือเป็นพวกโซเดียม
00:00:28 → 00:00:31 คลอไรด์ก็จะมีตัวเกลือแร่ชื่อโซเดียม
00:00:31 → 00:00:34 ประกอบอยู่ในนั้นนะคะแต่ปัญหาที่เราอยาก
00:00:34 → 00:00:37 จะให้ลดกันจริงๆก็คือตัวโซเดียมนี่เองนะ
00:00:37 → 00:00:39 คะซึ่งโซเดียมเนี่ยจริงๆแล้วมันอยู่ใน
00:00:39 → 00:00:43 อาหารเกือบทุกชนิดที่เรารับประทานเลยนะคะ
00:00:43 → 00:00:46 อืแล้วก็ตัวที่มันมีปัญหาที่เป็นเจ้า
00:00:46 → 00:00:48 ปัญหาตรงๆเลยก็คือตัวโซเดียมเนี่ยแหละค่ะ
00:00:48 → 00:00:51 เขากินไปเยอะๆก็อย่างที่เราทราบกันก็คือ
00:00:51 → 00:00:54 อาจจะมีอุ้มน้ำทำให้เรามีอาการบัวมมวมดาม
00:00:54 → 00:00:58 ที่ต่างๆนะคะได้เพิ่มมากขึ้นค่ะค่ะซึ่ง
00:00:58 → 00:01:00 ไอ้เจ้าตัวโซเดียมเนี่ยค่ะมันก็อยู่ใน
00:01:00 → 00:01:04 อาหารเช่นถ้าอาหารทั่วไปธรรมชาติเลยก็พวก
00:01:04 → 00:01:07 ผักผลไม้ก็มีแต่มันจะมีปริมาณน้อยแต่สิ่ง
00:01:07 → 00:01:10 ที่เราอยากให้หลีกเลี่ยงหรือว่าให้ลดลงก็
00:01:10 → 00:01:12 คือโซเดียมที่อาหารที่มีโซเดียมอยู่
00:01:12 → 00:01:16 ปริมาณสูงเช่นเป็นพวกอาหารสำเร็จรูปนะคะ
00:01:16 → 00:01:18 อาหารที่ต้องใช้การถนอมอาหารเช่นการหมัก
00:01:18 → 00:01:22 ดองต่างๆนะคะอีกสำคัญหนึ่งก็คือตัว
00:01:22 → 00:01:24 โซเดียมที่แฝงอยู่ในอาหารอื่นๆที่บาบางที
00:01:24 → 00:01:27 เราเรารู้สึกว่าเอ๊ะอาหารนี้เค็มเราจะรู้
00:01:27 → 00:01:29 ว่าโซเดียมเยอะแต่บางอย่างอาหารมันไม่ได้
00:01:29 → 00:01:32 รู้สึกเค็มเลยเช่นเป็นพวกผงูเบกิ้งโซดา
00:01:32 → 00:01:35 หรือว่าสารการเสียต่างๆหรือแม้กส่วน
00:01:35 → 00:01:37 ประกอบที่ทำให้ปรุงอาหารให้มีรสชาติอร่อย
00:01:37 → 00:01:40 มากขึ้นเช่นผงชูโรสอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็มี
00:01:40 → 00:01:43 โซเดียมเป็นตัวประกอบนะคะซึ่งปัจจุบัน
00:01:43 → 00:01:46 เนี้ยเราแนะนำว่าใน 1 วันเราให้ทาน
00:01:46 → 00:01:48 โซเดียมได้น้อยกว่า 2 กรัมต่อวันค่ะหรือ
00:01:48 → 00:01:52 2,000 มิลลิกรัมต่อวันนะคะครับอืประมาณ
00:01:52 → 00:01:57 นี้ค่ะโอ้โห 2,000 มกรต่อวันขนมถุงห่อ
00:01:57 → 00:02:00 เดียวก็หมดแล้วมั้งคะคุณหมอถ้าเทง่ายๆนะ
00:02:00 → 00:02:02 คะเกือนหนุนช้อนชาเท่ากับ 2,000 มิลกรัม
00:02:02 → 00:02:06 ต่อวันแล้วค่ะโอ้โหอือบะหมี่สำเร็จรูป
00:02:06 → 00:02:10 เงี้ยค่ะอาจจะแบบบังกี้ฮอนะคะที่แบบอนิยม
00:02:10 → 00:02:12 มากเกิอะไรอย่างเงี้ยค่ะอาจจะเป็น 2,000
00:02:12 → 00:02:15 - 3,000 มิลลิกรัมอันนี้เราสามารถดูได้
00:02:15 → 00:02:18 ที่ฉลากข้างซองได้นะคะพวกนี้มันก็จะมีว่า
00:02:18 → 00:02:20 เอ้ยมีสารประกอบตัวโซเดียมอยู่เท่าไหร่
00:02:20 → 00:02:22 อะไรอย่างเงี้ยค่ะที่เราจะเอามาพิจารณาใน
00:02:22 → 00:02:26 การประกอบเลือกการรับประทานอาหารนะคะเม
00:02:26 → 00:02:30 เมื่อสักครู่คุณหมอพูดถึงตัวเบกิ้งโซดา
00:02:30 → 00:02:33 อันเนี้ยขวัญขอความรู้หน่อยค่ะว่าเหมือน
00:02:33 → 00:02:35 อย่างอ่ะในครัวเรือนบ้านขวัญเลยละกันช่อ
00:02:36 → 00:02:40 เอ่อมักใช้เบกกิ้งโซดาในการมาแช่ผักผลไม้
00:02:40 → 00:02:44 เพราะว่าเ้าอ่าได้รับแบบเหมือนกับข้อมูล
00:02:44 → 00:02:47 ความรู้มาว่าเอ้อถ้าอันเนี้ยใช้แช่ผัก
00:02:47 → 00:02:50 ผลไม้เนี่ยจะช่วยลดสารที่เคลือบมากับ
00:02:50 → 00:02:54 ผลไม้หรือสารเคมีต่างๆแล้วอันเนี้ยเอ่อ
00:02:54 → 00:02:57 ถ้าเราล้างด้วยน้ำสะอาดออกไปเนี่ยมันก็
00:02:57 → 00:02:59 ไม่ไม่ไม่มีความเชื่อมโยงกับตัวโซเดียม
00:02:59 → 00:03:02 ใช่มั้ยคะคุณหมอคือถ้าเราน้ล้างด้วยน้ำ
00:03:02 → 00:03:05 สะอาดทั่วไปอันเนี้ยถ้าเราไม่ได้กินรับ
00:03:05 → 00:03:08 ประทานเข้าไปโดยตรงหรือผสมในอาหารเงี้ย
00:03:08 → 00:03:10 ค่ะก็จะไม่ได้มีปัญหาค่ะแต่ที่มีปัญหาคือ
00:03:10 → 00:03:14 เบกกิ้งโซดาที่เราเอาไปผสมอาหารเช่นทำขนม
00:03:14 → 00:03:16 ทำอะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็จะมีตัวโซเดียม
00:03:16 → 00:03:19 เข้าไปผสมในอาหารที่เรารับประทานค่ะออค่ะ
00:03:19 → 00:03:21 อ
00:03:21 → 00:03:24 อือก็ค่อนข้างที่จะมีจริงอ่ะเอ่อเรื่อง
00:03:25 → 00:03:28 ของโซเดียมเองอ่ะมันอยู่ในเอ่อวัฏจักรของ
00:03:28 → 00:03:31 เราค่อนข้างฮวัฏจักรโดยเฉพาะวัฒจักรการ
00:03:31 → 00:03:35 กินการเอ่อปรุงการเติมแต่งให้มันมีรสชาติ
00:03:35 → 00:03:39 ที่อร่อยขึ้นอย่างเงี้ยเอ้ยโอ้โหแต่แต่
00:03:39 → 00:03:44 แต่เรื่องของเรื่องเราเราจะสามารถที่จะลด
00:03:44 → 00:03:48 ปริมาณในการใช้งานของเขาได้ยังไงคุณคุณ
00:03:48 → 00:03:51 หมอครับพอดีว่าเฮ้ยมันก็ต้องกินต้องใช้
00:03:51 → 00:03:54 บางทีเราก็ไม่ได้มีเวลาทำเองด้วยทำเองยัง
00:03:54 → 00:03:57 พอว่านะยังทำเองยังแบบกะปริมาณได้ควบคุม
00:03:57 → 00:04:01 ปริมาณได้แต่ว่าไปกินไปใช้เราจะต้องควบ
00:04:01 → 00:04:05 คุมถึงขนาดอุ้ยแม่ค้าใส่เกินเท่าไหร่แล้ว
00:04:05 → 00:04:08 เนี่ยใส่ไปกี่ช้อนแล้วอะไรอย่างเงี้หรือ
00:04:08 → 00:04:09 เปล่าคุณหมอ
00:04:09 → 00:04:14 อืค่ะก็จริงๆแล้วจะบอกว่าตัวโซนี้มันมี
00:04:14 → 00:04:17 อยู่ในธรรมชาติทั่วไปเนาะแค่อันดับแรกคือ
00:04:17 → 00:04:21 เราอสนใจแล้วก็ใส่ใจกับมันนิดนึงก็คืออัน
00:04:21 → 00:04:24 ที่ 1 คือถ้าเราทำอาหารทานเองได้ก็เป็น
00:04:24 → 00:04:26 สิ่งที่ดีเนาะแต่ปัจจุบันนี้เราก็ชีวิต
00:04:26 → 00:04:29 เราแบบเอ่อไปทำงานออฟฟิศหรือว่าตื่นนอถ้า
00:04:29 → 00:04:32 แบบบางทีเราไม่ได้มีเวลาทำอาหารทานเองเรา
00:04:32 → 00:04:34 ส่วนมากเราก็จะซื้อทานใช่มั้ยคะเพราะ
00:04:34 → 00:04:36 ฉะนั้นอันดับแรกค่ะพวกเวลาเราทานเนี่ย
00:04:36 → 00:04:39 เนื่องจากเอ่อมีการศึกษามาแล้วว่าคนไทย
00:04:39 → 00:04:42 เนี่ยทานเค็มค่อนข้างเยอะเราก็จะแบบชอบ
00:04:42 → 00:04:46 ปรุงรสด้วยสารต่างๆเช่นอาจจะแบบใส่มันอาจ
00:04:46 → 00:04:48 จะไม่ใช่เกลือเนาะอาจจะเป็นน้ำปลาซีอิ๊ว
00:04:48 → 00:04:51 ผงเอ่อผงปรุงรสอะไรอย่างเงี้ยค่ะทุกอย่าง
00:04:51 → 00:04:53 พวกเนี้มีโซเดียมหมดเลยวิธีการนะคะก่อน
00:04:53 → 00:04:57 ที่เราจะทานอาหารชิมก่อนนะคะชิมก่อนว่า
00:04:57 → 00:04:59 แบบเอ้ยมันมีรสชาติแล้วอย่าเพิ่งปรุงเลย
00:04:59 → 00:05:02 เพราะว่าคนคนไทยเราจะติดนิสัยแบบปรุงก่อน
00:05:02 → 00:05:04 แล้วค่อยชิมอะไรอย่างเงี้ยค่ะพวกนี้มันก็
00:05:04 → 00:05:07 จะได้โซเดียมเข้าไปเนาะต่อมาก็คือลด
00:05:07 → 00:05:10 เพื่อกอาหารที่เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป
00:05:10 → 00:05:13 หรืออาหารแปรรูปเรียบร้อยะเช่นพวกบกึ่ง
00:05:13 → 00:05:16 สำเร็จรูปนะคะของหมักดองอะไรอย่างเงี้ย
00:05:16 → 00:05:21 ค่ะพวกนี้ก็จะช่วยลดได้นะคะต่อมาพวกอาหาร
00:05:21 → 00:05:25 ที่มีน้ำน้ำเช่นแกงจืดหรือว่าเป็นพวกเอ่อ
00:05:25 → 00:05:30 แกงเอ่อต้มย่ำนะคะแกงต่างๆก็ตามเนี่ยหรือ
00:05:30 → 00:05:32 ผัดต่างๆเองนะคะพวกเยโซเดียมมันจะอยู่ไป
00:05:32 → 00:05:35 ในน้ำค่ะปกติเวลาเราแนะนำคนเราแนะนำให้
00:05:35 → 00:05:38 แบบลดการกินโซเดียมเราก็จะแบบว่าเอ๊ให้
00:05:38 → 00:05:40 กินแต่เนื้อมันน้ำเนี่ยไม่ต้องไปทานนะคะ
00:05:40 → 00:05:43 เพราะว่าในน้ำเนี่ยจะมีโซเดียมปริมาณเยอะ
00:05:43 → 00:05:47 นะคะอันนี้ก็เป็นตัวช่วยหนึนะคะอีกอัน
00:05:47 → 00:05:49 หนึ่งที่เราจะแบบเวลาเราเดินไปตาม
00:05:49 → 00:05:51 ซุปเปอร์มาร์เก็ตเราก็จะเห็นแบบอาหาร
00:05:51 → 00:05:54 ปัจจุบันเนี้ยข้อดีนะมีแบบฉลากโภชนาการ
00:05:54 → 00:05:57 เยอะมากมายเราก็สามารถอ่านดูว่าเอ๊ะอาหาร
00:05:57 → 00:06:00 อะไรเนี่ยโซเดียมปริมาณเป็นเป็นเท่าไหร่
00:06:00 → 00:06:02 บ้างเราจะได้เอามาแบบเออวันนี้เรากินไป
00:06:02 → 00:06:04 เยอะแล้วเช่นวันนี้เรากินบะหมี่กลุ่ม
00:06:04 → 00:06:06 สำเร็จรูปไป 1 ซองเราอาจจะแบบเอ้ยมื้อ
00:06:06 → 00:06:09 เย็นเราอาจจะลดปริมาณลงอาจจะกินพวกแบบ
00:06:09 → 00:06:12 เป็นนมจืดเป็นอะไรอย่างงี้ไปนะคะพวกนี้ก็
00:06:12 → 00:06:16 จะช่วยลดโซเดไปในตัวนะคะเออจริงๆนะเรื่อง
00:06:16 → 00:06:20 ของการซดน้ำซุปเนี่ยเราได้รับการเอ่อบอก
00:06:20 → 00:06:22 กล่าวหรือว่ารณรงค์มาจากหน่วยงานกระทรวง
00:06:22 → 00:06:25 สารสุขกันเนาะถ้าจำไม่ผิดนะเออเขาบอกว่า
00:06:25 → 00:06:29 รถปริมาณกันดื่ซดใช่มั้ยคนเลยใช่ก็คือให้
00:06:29 → 00:06:32 เลือกกินเนื้ออ่าเค้าเรียกอะไรเนื้อหรือ
00:06:32 → 00:06:35 ว่า่านแต่เนื้อมันไม่กินน้ำอะไรอย่าเงี้
00:06:35 → 00:06:37 ไม่กินน้ำอ่าจิ้มน้ำจิ้มน้อยๆอะไรอย่าง
00:06:38 → 00:06:40 เงี้ยค่ะใช่ค่ะเออแล้วก็มีเอาจริงๆนะเอา
00:06:41 → 00:06:43 จริงๆนะคุณหมอพี่ขวัญอันนี้เป็นเรื่องที่
00:06:43 → 00:06:45 แบบมันอาจจะเป็นดูแบบไม่รู้เรื่องหรือว่า
00:06:45 → 00:06:49 ตลกก็ได้นะคือเคยกินสุกี้น้ำดำใช่มั้ยฮะ
00:06:49 → 00:06:53 ใช่ๆเคยค่ะออ่าจริงๆอ่ะคนไทยอ่ะติดเรื่อง
00:06:53 → 00:06:55 ของการกินสุกกี้กินก๋วยเตี๋ยวแล้วมันต้อง
00:06:55 → 00:06:58 ซดน้ำใช่มั้ยแต่แต่ในความเป็นจริงแล้วไอ้
00:06:58 → 00:07:01 สุกี้น้ำดำเนี่ยเนี่ยคนญี่ปุ่นเขาจะแบบคน
00:07:01 → 00:07:03 ต้นนตำรับนะต้นตำรับมาจากญี่ปุ่นเกาหลี
00:07:03 → 00:07:06 อะไรจีนพวกเนี้ยเขาจะไม่ได้ซดน้ำนะเขาจะ
00:07:06 → 00:07:10 แบบเขาจะแบบใช้แค่จุ่มในการแบบลวกให้มัน
00:07:10 → 00:07:12 ให้มันได้รสชาติแล้วก็คีบขึ้นมาคีบส่วน
00:07:12 → 00:07:15 เนี้ยแล้วก็ไม่มีการแบบตักน้ำมาใส่ถ้วย
00:07:15 → 00:07:17 แล้วก็ซดน้ำใส่ิปรุงไม่ใช่อย่างงั้นนะแต่
00:07:17 → 00:07:20 บ้านเราอ่ะมันความเควยชินไปแล้วไงมันยิ่ง
00:07:20 → 00:07:23 ยิยิยิ่งเป็นส่วนหนึ่งในการที่แบบเราได้
00:07:23 → 00:07:26 รับโซเดียมจากการกินอาหารที่แบบแบบนี้
00:07:26 → 00:07:28 หรือเปล่าคุณหมอแบบความไม่เข้าใจความไม่
00:07:28 → 00:07:33 รู้ความแบบแบบเอ่อเคยชินใช่ค่ะอาจจะแบบ
00:07:33 → 00:07:36 คือเราก็อาจจะต้องเริ่มฝึกฝันตั้งแต่เด็ก
00:07:36 → 00:07:39 ๆเนาะเช่นเรามีลูกมีหลานเรื่องรวมถึงตัว
00:07:39 → 00:07:42 เราเองด้วยเนาะก็ปรับพฤติกรรมเช่นการกิน
00:07:42 → 00:07:45 เราก็อาจจะแบบทานเป็นเนื้อแล้วก็ตัวน้ำ
00:07:45 → 00:07:49 เนี่ยก็ทันได้บ้างแต่น้อยๆลดปริมาณลงหมอ
00:07:49 → 00:07:51 แนะนำนะคะก็คือช่วงแรกเราจะอาจจะรู้สึก
00:07:51 → 00:07:54 ว่าเ้ยถ้างดทุกอย่างเลยมันไม่อร่อยแน่เลย
00:07:54 → 00:07:57 เราก็ลดทีละนิดทีละหน่อยให้ลิ้นเราแบบพอ
00:07:57 → 00:08:00 ปรับกับรสชาติที่มันเริ่มจืดลงเรื่อยๆ
00:08:00 → 00:08:03 หรือว่าไม่ติดกับรสชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
00:08:03 → 00:08:06 เดี๋ยวสักพักนึงอ่ะค่ะก็จะมีความรู้สึก
00:08:06 → 00:08:09 ว่าเอ้ยกินแค่เนี้ยพอพอแล้วอะไรอย่างงี้
00:08:09 → 00:08:12 ค่ะค่อยๆปรับไปค่ะเดี๋ยวสักพักก็จะทำได้
00:08:12 → 00:08:18 เองนะคะพอโอ๊คพูดถึงกรณีที่เราอ่ามักจะซด
00:08:18 → 00:08:21 น้ำอะไรทำนองนี้ใช่มั้ยคะคุณหมอคือขวัญ
00:08:21 → 00:08:24 น่ะนึกถึงคำผู้ใหญ่ที่เคยสอนมาว่าอาหาร
00:08:25 → 00:08:27 เราต้องกินให้หมดอย่าให้เหลือนะเราต้อง
00:08:27 → 00:08:32 กินจนคุ้มค่าแล้วนึกถึงเมนูอันนึงอ่าโอ๊ก
00:08:32 → 00:08:36 เคยไปร้านสุกกี้กินสุกกี้จนใกล้ๆเ่อแห้ง
00:08:36 → 00:08:39 หม้อแล้วก็เอาข้าวมาเป็นเมนูข้าวตุ๋นน่ะ
00:08:39 → 00:08:43 จบมืออเคยๆๆครับเคยมั้ยคะอันนั้นน่ะถือ
00:08:43 → 00:08:46 ว่าน้ำมันแห้งไปหมดแล้วถือว่ายังได้
00:08:47 → 00:08:49 โซเดียมอยู่มั้ยคะคุณหมอคือบางครั้งที่
00:08:49 → 00:08:52 เป็นน้ำขุกขิกอย่างเงี้ยค่ะมันก็ยังมี
00:08:52 → 00:08:56 โซเดียมผสมอยู่ในในตัวของของน้ำซุปพวก
00:08:56 → 00:08:59 นั้นอยู่ค่ะก็ยังมีโซเดียมอยู่ดีค่ะก็ไม่
00:08:59 → 00:09:03 ได้แนะนำให้ให้ทานขัดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
00:09:03 → 00:09:08 ค่ะก็คือหลักการรับประทานที่เอ่อดีก็คือ
00:09:08 → 00:09:12 เลือกรับรับประทานเฉพาะเนื้อเอ่อหรือว่า
00:09:12 → 00:09:16 เอ่ออาจจะเป็นลักษณะเหมือนคีบจิ้มจุ่มแบบ
00:09:16 → 00:09:19 ให้เนื้อหรือว่าผักเหล่านั้นน่ะสุกขึ้นมา
00:09:19 → 00:09:22 แล้วกินเฉพาะเนื้อไม่ถ้าจะซดน้ำก็ซดได้
00:09:22 → 00:09:24 นิดหน่อยไม่ใช่แบบซดจริงจังใช่มั้ยคะคุณ
00:09:24 → 00:09:27 มอใช่ค่ะไม่ได้ซดจริงจังแบบเป็นถ้วยแบบ
00:09:27 → 00:09:30 ใหญ่ๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะคุณหมอแล้วแล้วถ้า
00:09:30 → 00:09:33 อย่างเงี้ล่ะอันอันนี้ตามแบบที่ความแบบ
00:09:33 → 00:09:36 เราอาจจะมองแบบเอ้ยสมมุติคนเอ้ยชันชัน
00:09:36 → 00:09:39 เป็นแบบเสียดายของคนเสียดายของแล้วน้ำซุป
00:09:39 → 00:09:43 อ่ะเก็บกลับบ้านเหรออร่อยเอออะไรเงี้ย
00:09:43 → 00:09:46 อร่อยอย่างเงี้ยนะแล้วก็เอ่ออย่างเงี้ย
00:09:46 → 00:09:50 อ่ะโอเคไม่ไม่ไม่ไม่ไม่กินหมดถ้วยก็ได้
00:09:50 → 00:09:52 เก็บน้ำซุปไว้แล้วก็แบ่งเป็นมื้อเอามา
00:09:52 → 00:09:55 ปรุงต่อใส่ข้าวใส่อะไรเงี้ยให้มันมีรส
00:09:55 → 00:09:58 ชาติขึ้นมาหน่อยอย่างเงี้ยมันมันมันจะ
00:09:58 → 00:10:01 เอ่อเอ่อเรียกว่าเป็นการเลี่ยงโซเดียมได้
00:10:01 → 00:10:05 มั้ยหรือว่าเอ่อมันจะช่วยอะไรได้มั้ยหรือ
00:10:05 → 00:10:07 ว่ามันก็ไม่มันก็ยังมีโซเดียมที่ปริมาณ
00:10:07 → 00:10:11 เยอะอยู่ดีคุณหมอคืออืมแนะนำอย่างงี้ดี
00:10:11 → 00:10:15 กว่าค่ะคือพยายามที่จะเอ่อคือน้ำซุปที่
00:10:15 → 00:10:18 เหลืออยู่เนาะเรากละไปอย่างนี้ก็ได้ค่ะ
00:10:18 → 00:10:20 ว่าวันเนี้ยเราอาจจะให้กำไรชีวิตตัวเอง
00:10:20 → 00:10:23 นิดนึงกินเยอะนิดหน่อยแล้ววันต่อไปเราก็
00:10:23 → 00:10:28 ลดลงค่ะเออใช่อย่างงี้น่าจะแบบเป็นพบกัน
00:10:28 → 00:10:31 ครึ่งทางอยู่ทางสายกลางดีนะมันดูแบาให้
00:10:31 → 00:10:34 กับชีวิตเออไม่ต้องแบบเอ้ยปีใหม่นี้เรา
00:10:34 → 00:10:37 ลองเต็มที่และแล้วเออเดี๋ยวช่วงอาทิตย์
00:10:37 → 00:10:39 หลังจากนี้เราก็จะลดลงอะไรเงี้ยค่ะแต่ก็
00:10:39 → 00:10:43 พยายามลดลงให้แบบเยอะขึ้นเรื่อยๆอะไรอย่า
00:10:43 → 00:10:47 เงี้ค่ะค่ะก็จะเป็นทางสายกลางมากกว่านะคะ
00:10:47 → 00:10:50 ค่ะอือเมื่อสักครู่ในตอนต้นน่ะค่ะคุณหมอ
00:10:50 → 00:10:53 ได้พูดถึงเรื่องของอาหารธรรมชาติที่มี
00:10:53 → 00:10:56 โซเดียมอยู่ขอความรู้หน่อยค่ะคุณหมอขาว่า
00:10:56 → 00:10:59 เอ๊ะอาหารธรรมชาติที่มีโซเดียมอยู่เนี่ย
00:10:59 → 00:11:03 มีอะไรบ้างแล้วเราควรจะควบคุมอาหารเหล่า
00:11:03 → 00:11:07 นั้นมยเอ่อหรือว่ากินได้ตามปกติเลยร่าง
00:11:07 → 00:11:12 กายก็จะขับออกมาเองอืคือก็คือปกติแล้ว
00:11:12 → 00:11:15 โซเดียมก็จะมีในข้าวพวกเนื้อสัตว์นมไข่
00:11:15 → 00:11:18 ผักผลไม้อยู่แล้วค่ะแต่จะมีปริมาณเล็ก
00:11:18 → 00:11:21 น้อยนะคะแล้วก็ถ้าร่างกายเราปกติดีปกติ
00:11:21 → 00:11:24 ร่างกายเราก็จะมีการขับโซเดียมออกทางไต
00:11:24 → 00:11:27 ทิ้งไปกับปัสสาวะได้อยู่แล้วค่ะแต่ปัญหา
00:11:27 → 00:11:30 คือจะมีปัญหาก็คือในคนที่มีโรคประจำตัว
00:11:30 → 00:11:34 อย่างอื่นเช่นเอ่อมีโรคตายอยู่แล้วบาง
00:11:34 → 00:11:37 ครั้งการกินเท่ากับคนปกติอาจจะเกินไป
00:11:37 → 00:11:39 สำหรับคนที่เป็นโรคตายอย่างเงี้ยค่ะอัน
00:11:39 → 00:11:42 นั้นก็เราก็จะมีการเข้มงวดที่มากขึ้นนะคะ
00:11:43 → 00:11:45 แต่ส่วนมากอาหารทั่วไปข้าวเนื้อสัตว์นม
00:11:45 → 00:11:48 ไข่ผักผลไม้เราแนะนำให้กินอาหารให้ครบ 5
00:11:48 → 00:11:52 หมู่ตามปกติในคนธรรมดาเนี่ยได้เลยนะคะค่ะ
00:11:52 → 00:11:56 ครับค่ะอืก็เรื่องของอาหาร 5 หมู่ก็ยัง
00:11:56 → 00:11:59 เป็นส่วนสำคัญนะคือคือโซเดียมอ่ะมันมี
00:11:59 → 00:12:02 อยู่ในธรรมชาตินะโดยปกติแล้วถ้าเราถ้าเรา
00:12:02 → 00:12:05 มองว่ามันเป็นแบบเอ้ยมันจะเอ้ยอันนี้ก็มี
00:12:05 → 00:12:06 โซเดียมอย่าไปกินอันนี้ก็มีโซเดียมอย่าไป
00:12:06 → 00:12:08 กินเดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าเรากินอะไรได้
00:12:08 → 00:12:11 ไม่มีความสุขนะคุณหมอมันมันมันอย่างที่
00:12:11 → 00:12:13 คุณหมอบอกเลยคือแบโซเดียมโซเดียมไม่ได้
00:12:13 → 00:12:16 เป็นตัวร้ายทั้งหมดเลยนะคะที่เราบอกว่า
00:12:16 → 00:12:21 ให้ลดเพราะว่าอืมคนคนเราเนี่ยค่ะกินเกิน
00:12:21 → 00:12:23 เพราะว่าถ้าเรากินอาหารธรรมชาติกครบ 5
00:12:23 → 00:12:25 หมูอย่างเงี้ยปริมาณโซเดียมมันมีอยู่แล้ว
00:12:25 → 00:12:28 แต่มันมีเท่ากับร่างกายที่เราต้องการนะคะ
00:12:28 → 00:12:31 ปัญหาที่เราเจอก็คือคนใชเอ่อหรือว่าคน
00:12:31 → 00:12:35 ทั่วไปเนี่ยมักจะกินเยอะกว่าคนว่ากว่า
00:12:35 → 00:12:38 ความต้องการปกติประมาณถึง 2 เท่าอืเราก็
00:12:38 → 00:12:41 เลยแบบลลงให้มีการลดโซเดียมลงครึ่งนึง
00:12:41 → 00:12:44 เพื่อจะให้เท่ากับปริมาณโซเดียมที่ร่าง
00:12:44 → 00:12:48 กายต้องการจริงๆอืค่ะอือครับค่ะมีคุณผู้
00:12:48 → 00:12:52 ฟังจากทางบ้านสอบถามมาค่ะคุณหมอคะว่าเคย
00:12:52 → 00:12:55 อ่านการอนุญาตให้ผู้ป่วยโรคไตเนี่ยรับ
00:12:55 → 00:12:59 ประทานเครื่องปรุงรสแล้วงงค่ะเอ่อเค้าใน
00:12:59 → 00:13:03 คู่มือเนี่ยบอกว่าเช่นให้รับประทานซีอิ๊ว
00:13:03 → 00:13:06 ได้ 1 ช้อนโต๊ะอ่อน้ำปลาได้ 1 ช้อนโต๊ะ
00:13:06 → 00:13:09 ต่อวันหมายความว่าวันนึงเนี่ยทานซีอิ๊ว
00:13:09 → 00:13:13 ได้ 1 ช้อนโต๊ะและน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะเอ่อ
00:13:13 → 00:13:16 บวกกับเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาหรือต้อง
00:13:16 → 00:13:20 เลือกตัวใดตัวหนึ่งจะถึงจะทำให้โซเดียม
00:13:20 → 00:13:25 ไม่เกินค่าสำหรับเอ่อผู้ป่วยโรคไตค่ะก็
00:13:25 → 00:13:27 ต้องมาทราบก่อนว่าเกลือ 1 ช้อนชามี
00:13:27 → 00:13:30 โซเดียมเท่ากับ 2,000 1000 มิลกรัมนะคะ
00:13:30 → 00:13:33 ออก็เต็มสตีมแล้วนี่คะใช่ค่ะเพราะฉะนั้น
00:13:33 → 00:13:37 เอ่อเวลาทานอ่ะค่ะเวลาเราจะบอกว่าแนะนำ
00:13:37 → 00:13:39 ว่าเอ้ยให้ทานเชืเกลือได้ 1 ช้อนชาก็คือ
00:13:39 → 00:13:42 ทั้งวันที่มีโซเดียมได้ในเกลือก็คือ 1
00:13:42 → 00:13:45 ช้อนชาแต่ถ้าวันไหนเราไม่ได้ใช้เกลือเป็น
00:13:45 → 00:13:47 ตัวปรุงรสเช่นเราใช้น้ำปลาซีอิ๊วเราอาจจะ
00:13:47 → 00:13:50 1 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ 4 ช้อนชาอะไรอย่าง
00:13:50 → 00:13:52 เงี้ยค่ะก็คือเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:13:52 → 00:13:56 ค่ะก็ถ้าปรุงด้วยน้ำปลาก็น้ำปลาไม่เกิน 1
00:13:56 → 00:13:59 ช้อนโต๊ะซีอิ๊วก็ซีอิ๊วอย่างดีไม่เกิน 1
00:13:59 → 00:14:03 ชนโต๊ะใช่คค่ะออือค่ะอือก็ต้องเลือกอย่าง
00:14:03 → 00:14:06 ใดอย่างหนึ่งเพื่อที่จะให้ร่างกายมี
00:14:06 → 00:14:10 โซเดียมไม่เกินนะคะใช่ค่ะอเคแล้วแล้ว
00:14:10 → 00:14:14 ระหว่างโซเดียมเอ่อในน้ำในเกลือเป็นเม็ดๆ
00:14:14 → 00:14:17 เป็นผงๆที่เราปรุงอาหารในผงชูรสเองก็ตาม
00:14:17 → 00:14:20 หรือว่าในน้ำปลาเองก็ตามฮะเอ่อแบบไหนที่
00:14:20 → 00:14:23 มันเราเราควรจะเลือกถ้าเป็นไปได้สมมุติ
00:14:23 → 00:14:26 คุณหมอเลือกบริโภคอ่ะเราควรจะเลือกแบบไหน
00:14:26 → 00:14:29 ถึงแม้มันจะมีปริมาณโซเดียมที่แบบเอ่อเจ
00:14:29 → 00:14:33 จางเอ่อเหมาะกับการบริโภคมากที่สุดอาจจะ
00:14:33 → 00:14:37 พูดผิดงนั้นแต่ว่าก็ก็เอ่ออยากจะให้ให้
00:14:37 → 00:14:39 หมอเห็นแสดงมุมมองหน่อว่าเราควรจะเป็นแบบ
00:14:39 → 00:14:42 ไหนครับคุณหมออคืออันนี้คิดว่าน่าจะเป็น
00:14:42 → 00:14:45 เกี่ยวกับการรับเอ่อการทำอาหารของแต่ละ
00:14:45 → 00:14:48 บุคคลมากกว่าเนาะบางคนก็มีความคุ้นชินกับ
00:14:48 → 00:14:50 การใช้เกลือบางคนก็มีความคุ้นชินกับการ
00:14:50 → 00:14:53 ใช้น้ำปลาจริงๆจะใช้อะไรก็ได้ค่ะแค่เรา
00:14:53 → 00:14:57 ควบคุมปริมาณให้อยู่ในเกณฑ์ก็เพียงพอใช่
00:14:57 → 00:15:00 ค่ะอย่างอย่าซอเบซอเบเขาโรยเกลือไงเยอะ
00:15:00 → 00:15:05 เยอะไปมั้ยเอ่ออันนี้ก็ดูคือจริงๆแล้วอาจ
00:15:05 → 00:15:11 จะไม่ต้องโรยเกลือก็ได้ค่ะอืค่ะอ่าอ่ะพอ
00:15:11 → 00:15:14 นึกถึงเชฟชื้อดังแล้วเกลือก็มีหลายชนิด
00:15:14 → 00:15:17 เหลือเกินคุณหมอเดี๋ยวนี้นี่แบบเกลือชมพู
00:15:17 → 00:15:21 ก็มีเกลือดำก็มีเกลือขาวปกติก็มีเกลือโล
00:15:21 → 00:15:25 โซเดียมก็มีเอออันเนี้ยถ้าเราเลือกเกลือ
00:15:26 → 00:15:29 เนี่ยมันมันเหมือนกันมั้ยหรือมันมีข้อ
00:15:29 → 00:15:31 ต่างกันนิดหน่อยไม่ต่างกันมากหรือยังไงคะ
00:15:31 → 00:15:35 อืส่วนมากเกลือเกลือโซเดียมที่เราเจอ
00:15:35 → 00:15:37 เกลือทั่วไปมันจะเป็นเกลือโซเดียมคลอไรด์
00:15:37 → 00:15:39 เนาะมันก็จะมีส่วนประกอบของโซเดียมอยู่
00:15:39 → 00:15:42 ประมาณสัก 40% อะไรอย่าเงี้ยค่ะแต่มันก็
00:15:42 → 00:15:46 จะมีแบบเอ่ออาหารที่แบบเป็นลดโซเดียมเช่น
00:15:46 → 00:15:48 ผลิตภัณฑ์เช่นพวกซอสซีอิ๊วหรือเกลือบาง
00:15:48 → 00:15:52 อย่างมันก็จะลดโซเดียมลงแต่ปัญหาที่เรา
00:15:52 → 00:15:54 เจอก็คือตัวการลสโซเดียมเนี่ยใช้ได้ในคน
00:15:54 → 00:15:56 ปกตินะเพราะว่ามันจะใช้พวกโปแตสเซียม
00:15:56 → 00:16:00 ฟอสฟอรัสเอามาแทนค่ะโซเดียมแต่ปัญหาคือ
00:16:00 → 00:16:03 ถ้าคนไข้เป็นโรคไตอ่ะค่ะให้ระวังนิดนึง
00:16:03 → 00:16:06 เพราะว่าบางท่านบางคนที่เป็นคนไข้โรคไต
00:16:06 → 00:16:09 อ่ะค่ะเขาจะมีปัญหาโดยเฉพาะระยะท้ายๆก่อน
00:16:09 → 00:16:11 ฟอกเลือดอย่างเงี้ยค่ะเขาจะมีปัญหาขับ
00:16:12 → 00:16:15 โปแตสเซียมกับฟอสฟอรัสไม่ได้ก็จะมีปัญหา
00:16:15 → 00:16:18 เรื่องทำให้มีความผิดปกติของเกลือแรตัว
00:16:18 → 00:16:22 อื่นๆได้นะคะถ้าแนะนำถ้าคนปกติไม่ได้มี
00:16:22 → 00:16:25 โรคตายไม่ได้มีข้อห้ามอย่างเงี้ยค่ะก็
00:16:25 → 00:16:28 สามารถใช้เป็นพวกอาหารที่เป็นรสโซเดียม
00:16:28 → 00:16:30 ได้ค่ะเช่นน้ำปลารสโซเดียมอย่าเงี้ยค่ะก็
00:16:30 → 00:16:32 จะใช้เป็นโปแตสเซียมหรือฟอสฟอรัสเป็นตัว
00:16:32 → 00:16:36 ทำแทนทำให้มีอาหารรสมีรสชาติแผนได้อยู่
00:16:36 → 00:16:40 เหมือนกันค่ะค่ะวันนี้ดีใจมากเลยที่ได้
00:16:40 → 00:16:42 ความรู้จากคุณหมอเรื่องนี้เพราะว่าเข้าใจ
00:16:42 → 00:16:45 มาโดยตลอดเลยค่ะคุณหมอว่าเอ๊ะถ้ามีคนรู้
00:16:45 → 00:16:49 จักของเราป่วยเป็นโรคไตเนี่ยอาจจะถ้าจะ
00:16:49 → 00:16:51 ต้องซื้อเครื่องปรุงให้เค้าเนี่ยต้องหยิบ
00:16:51 → 00:16:56 ไอ้ตัวที่มีคำโฆษณาว่าโลดโซเดียมไปอ่า
00:16:56 → 00:16:59 จริงๆแล้วมันมันมีรายละเอียดที่ต้องเอ่อ
00:16:59 → 00:17:03 ดูไปมากกว่านั้นใช่มยคะใช่ค่ะก็แนะนำให้
00:17:03 → 00:17:07 ให้ปรึกษาแพทย์ของของผู้ป่วยรายนั้นๆนะคะ
00:17:07 → 00:17:09 ว่าสามารถทานได้หรือไม่ได้อะไรอย่างเงี้ย
00:17:09 → 00:17:11 ค่ะเพราะว่าในคนไข้กลุ่มโรคไกก็จะเป็น
00:17:11 → 00:17:14 กลุ่มที่อาจจะต้องจำกัดพวกเกลือแร่บางตัว
00:17:14 → 00:17:18 เยอะมากกว่าคนปกติทั่วไปค่ะอือือแล้ว
00:17:18 → 00:17:21 อย่างเกลือเอ่อบ้านเราอ่ะมันจะมีแหล่ง
00:17:21 → 00:17:24 ผลิตเกลือก็คือเกลือทะเลเกลือสมุดใช่มั้ย
00:17:24 → 00:17:28 ฮกับเกลือที่อยู่ในดินอยู่ในภูเขาเกลือิน
00:17:28 → 00:17:31 เท่าใช่มั้ยฮะค่ะค่ะเกลือ 2 ประเภทเนี้ย
00:17:31 → 00:17:34 มันมีความเอ่อแตกต่างกันมั้ยคุณหมอใน
00:17:35 → 00:17:38 เรื่องของการไให้ความเค็มหรือว่าการส่งผล
00:17:38 → 00:17:42 ต่อสุขภาพหมออืส่วนมากก็จะมีโซเดียมใกล้
00:17:42 → 00:17:46 เคียงกันค่ะเพราว่ากดที่เราจะทำให้มีผล
00:17:46 → 00:17:49 กับตัวระบบสุขภาพจริงๆก็คือตัวโซเดียม
00:17:49 → 00:17:52 ซึ่งทั้งเกลือินเทาเกลือทะเลก็จะมีตัว
00:17:52 → 00:17:55 โซเดียมใกล้เคียงกันค่ะอืออไม่ได้แตกต่าง
00:17:55 → 00:17:57 กันไม่ต้องแบบไปเลือกว่าสุดท้ายมันก็คือ
00:17:57 → 00:18:00 ความเค็มที่ใกล้เคียงกันก็ยังต้องใช้
00:18:00 → 00:18:04 ปริมาณกะเกณฑ์ในการเ่อใช้บริโภคก็พอๆกัน
00:18:04 → 00:18:09 เท่ากันอยู่ดีพอๆกันค่ะเอ๊คุณหมอคะไอ้
00:18:09 → 00:18:12 กรณีการกินโซเดียมแล้วหลายๆคนก็บอกว่า
00:18:12 → 00:18:15 ตื่นเช้ามาฉันบวมน้ำฉันดูแบบแก้มแบบป่อง
00:18:15 → 00:18:19 จังเลยอะไรอย่างเงี้ยอาการบวมน้ำในในคำ
00:18:19 → 00:18:22 นิยามทางการแพทย์มันคือลักษณะแบบไหนหรอคะ
00:18:22 → 00:18:26 อืจริงๆอาการบวมน้ำมันมีหลายสาเหตุเนาะก็
00:18:26 → 00:18:29 คือตัวบวมก็คือการมีน้ำไปสผสมตามใต้ผิว
00:18:29 → 00:18:32 หนังก็จะทำให้เรารู้สึกแบบบวมๆซึ่งบางคน
00:18:33 → 00:18:35 บอกว่าทานโซเดียมเยอะจะรู้สึกทำให้ตัวบวม
00:18:35 → 00:18:37 อันนี้ก็เป็นเป็นไปได้ค่ะเพราะว่าตัว
00:18:38 → 00:18:40 โซเดียมเนี่ยมันจะมีหน้าที่คืออุ้มน้ำนะ
00:18:40 → 00:18:44 คะถ้าทานปริมาณเยอะๆก็จะรู้สึกว่าตัวตึงๆ
00:18:44 → 00:18:47 นะคะอแต่ทีนี้ตัวบวมมันมีหลายสาเหตุเช่น
00:18:47 → 00:18:50 อาจจะเป็นโรคตับโรคไตโรคหัวใจพวกนี้ก็ตัว
00:18:50 → 00:18:53 บวมได้เหมือนกันนะคะถ้าถ้าจะให้แยกกัน
00:18:53 → 00:18:56 จริงๆก็คืออาจจะต้องมาหาสาเหตุว่าเอ้ยมัน
00:18:56 → 00:18:59 บวมจากโรคอะไรกันแน่แต่แต่ถ้าแบบบวมแล้ว
00:19:00 → 00:19:02 เออกินเค็มวันไหนรู้สึกตัวบวมแล้วหลัง
00:19:02 → 00:19:05 หยุดกินกินน้ำเยอะๆสักพักนึงหายอันนี้ก็
00:19:05 → 00:19:08 อาจจะเป็นจากตัวโซเดียมที่มันเกินไปนะคะ
00:19:08 → 00:19:13 อืค่ะก็ถ้าอาการบวมน้ำที่เกิดจากโซเดียม
00:19:13 → 00:19:17 เนี่ยก็อาจจะใช้เวลาหลักชั่วโมงจะทำให้
00:19:17 → 00:19:19 ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปได้หลังจากที่และ
00:19:19 → 00:19:22 พร้อมกับการรับประทานน้ำน้ำเปล่าเยอะๆ
00:19:22 → 00:19:24 เนี่ยมันก็ช่วยได้อันเนี้ยเข้าใจถูกต้อง
00:19:24 → 00:19:27 มยคะคุณหมอใช่ค่ะก็คือโซเดียมเวลาถ้าเรา
00:19:27 → 00:19:31 ทานไปเยอะๆแล้วแต่ต้องในข้อแม้ที่คนไขไม่
00:19:31 → 00:19:33 ได้มีโรคประจำตัวอย่างอื่นเช่นโรคตายอะไร
00:19:33 → 00:19:35 อย่าเงี้ค่ะถ้าทานโซเดียมเยอะๆพวกนี้ก็จะ
00:19:35 → 00:19:39 อาจจะบวมไปยาวๆเลยเพราะว่ามันไปเราขับตัว
00:19:39 → 00:19:42 โซเดียมไม่ออกนะคะแต่ถ้าคนปกติกินโซเดียม
00:19:42 → 00:19:44 เยอะๆจะรู้สึกตัวบวมๆพอเรากินน้ำไปเยอะๆ
00:19:45 → 00:19:47 สักพักเอ่อตื่นเข้ามาอีกวันหนึ่งอาจจะหาย
00:19:47 → 00:19:52 ไปอะไรอย่าเงี้ยค่ะอค่ะโอหนึกถึงอันนี้
00:19:52 → 00:19:55 เลยอ่ะค่ะคุณหมอเอ่อนักร้องวง blackpink
00:19:55 → 00:19:57 จีซู
00:19:57 → 00:20:01 อเคยมีคำสัมภาษณ์ช่วงนึงว่าเอ๊ะก่อนจะมา
00:20:01 → 00:20:05 เล่นละครเรื่องเรื่องนึงก่อนหน้านี้ทำไม
00:20:05 → 00:20:08 คุณถึงดูแก้มป่องแก้มยุ้ยจังเลยเขาก็เลย
00:20:08 → 00:20:10 บอกว่าในบทคาแรคเตอร์ตัวนั้นน่ะจะต้องมี
00:20:10 → 00:20:13 ความน่ารักก่อนที่จะมาอ่าถ่ายภาพยนตร์
00:20:14 → 00:20:17 เอ่อถ่ายซีรีส์เรื่องเนี้ยกลางคืนฉันจะ
00:20:17 → 00:20:19 กินแบบเอ่อราเม็งต่างๆเนี่ยเอ่อเพื่อ
00:20:19 → 00:20:22 เตรียมตัวมาเล่นละครเล่นซีรีส์ในวันนั้นๆ
00:20:22 → 00:20:26 เอออันนี้มันก็เป็นอีกอีกรูปแบบนึงในการ
00:20:26 → 00:20:29 เออทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเนาะ
00:20:29 → 00:20:32 ใช่บางทีเรารู้สึกแบบถ้าวันไหนเรากิน
00:20:32 → 00:20:34 โซเดียมเยอะๆแล้วจะรู้สึกอันที่ 1 อาจจะ
00:20:34 → 00:20:38 กระหายน้ำเนาะอืที่ 2 คือตื่นมาเราก็จะ
00:20:38 → 00:20:42 รู้สึกตัวตึงๆนิดนึงค่ะค่ะอือก็จะประมาณ
00:20:42 → 00:20:45 นี้ค่ะอือแต่แต่บวมน้ำกับอ้วนนี่ไม่
00:20:45 → 00:20:48 เหมือนกันใช่มั้ยคะอ้วนบวมไม่เหมือนกัน
00:20:48 → 00:20:52 ค่ะอืออาการคืออ้วนอ่ะอ้วนนี่คือกินน้ำ
00:20:52 → 00:20:54 ยังไงก็ไม่หายใช่มั้ยคะบวมน้ำนี่กินยังไง
00:20:55 → 00:20:59 ก็หายนะคือถ้าเป็นอ้วเค่ะมันเกิดจะไขมันค
00:20:59 → 00:21:03 แล้วมันก็จะค่อยๆสะสมเนาะเพราะฉะนั้นเรา
00:21:03 → 00:21:06 จะทานน้ำปริมาณเยอะยังไงมันก็ไม่ไม่ยุมนะ
00:21:06 → 00:21:08 คะแต่ถ้าเป็นบวมน้ำจากตัวเกลืออะไรอย่า
00:21:08 → 00:21:11 เงี้ยแล้วเอ่อไม่มีไม่ได้มีโรคอย่างอื่น
00:21:11 → 00:21:14 เงี้ยค่ะเราลดเข้มพวกนี้ก็ลดเกลือเดี๋ยว
00:21:14 → 00:21:19 มันก็จะดีขึ้นค่ะค่ะออืค่ะและน้ำประเภท
00:21:19 → 00:21:24 ที่มันมีเป็นเขาเรียกว่าน้ำำตาลน้ำตาล 0%
00:21:24 → 00:21:27 0% ซึ่งพอดูข้างกระป๋องแล้วเนี่ยหรือว่า
00:21:27 → 00:21:30 ข้างขวดแล้วจริงๆปรากฏพบว่าโซเดียมมัน
00:21:30 → 00:21:35 ปริมาณที่มันขยับสูงกว่าปริมาณที่เป็นแบบ
00:21:35 → 00:21:39 ปกติเออแบบแบบรสชาติปกติที่เป็นน้ำตาลมี
00:21:39 → 00:21:41 น้ำตาลด้วยอย่างเงี้ยคุณหมอเอ๊ทำไมมันถึง
00:21:41 → 00:21:43 ตัวเลขมันถึงโดดไปอย่างงั้นนะครับแล้วมัน
00:21:43 → 00:21:46 จะมีผลอะไรมั้ยสำหรับคนที่ดื่มเข้าไปก็
00:21:46 → 00:21:49 พวกนี้ส่วนมากอยู่ในพวกเครื่องดื่มบาง
00:21:49 → 00:21:53 ครั้งเขาก็จะต้องแบบมีการใช้พวกเกลือร่
00:21:53 → 00:21:56 บางอย่างเพื่อทำให้ได้อ่าตัวผลิตภัณฑ์
00:21:56 → 00:22:00 นั้นๆมีรสชาติที่ดีขึ้น 1 ในนะ
00:22:00 → 00:22:04 อเพราะฉะนั้นบางีก็ามีโซเยะนิดนึงก็เรา
00:22:04 → 00:22:07 ใช้วิธีอย่างก็ได้ค่ะเราดูข้างข้างกล่อง
00:22:07 → 00:22:09 ข้างขวดข้างกระป๋องอย่าเงี้ยค่ะมันจะมี
00:22:09 → 00:22:12 ฉลากอยู่แล้วปกติแล้วถ้าเครื่องดื่มที่
00:22:12 → 00:22:14 ค่อนข้างดีก็คือตัวโซเดียมข้างกระป๋อง
00:22:14 → 00:22:17 เนี่ยปกติจะไม่เกินประมาณ 100 140
00:22:17 → 00:22:19 มิลลิกรัมอะไรอย่าเงี้ยค่ะก็ยังทานได้
00:22:19 → 00:22:22 แล้วเราก็มาถั่วเฉลี่ยกับพวกอาหารที่เรา
00:22:22 → 00:22:24 ทานเข้าไปถ้าเราทานอาหารจากธรรมชาติทั่ว
00:22:24 → 00:22:27 ไปยังไงก็ไม่เกินค่ะถ้าเราไม่ได้มีการไป
00:22:27 → 00:22:30 ปรุงเพิ่มหรือกินอาหารสำเร็จรูปอย่างอื่น
00:22:30 → 00:22:33 ที่เช่นกันหมักดองอะไรอย่าเงี้ยค่ะอืครับ
00:22:34 → 00:22:37 อืเออซึ่งอาหารหมักดองก็มีโซเดียมค่อน
00:22:37 → 00:22:39 ข้างที่จะสูงเลยนะใช่เพราะว่ามันจะใช้
00:22:39 → 00:22:42 เกลือในการแบบป้อง
00:22:42 → 00:22:46 กันอืค่ะก็คือเป็นกระบวนการในการถนอม
00:22:46 → 00:22:49 อาหารเนาะมันก็ต้องใช้เกลือในการเอ่อช่วย
00:22:49 → 00:22:54 ถนอมอาหารมีคุณผู้ฟังถามมาค่ะคุณหมอว่า
00:22:54 → 00:23:01 เอ่อเบเซากับซีเซาตต่างกันอย่างไรเขว่าเ
00:23:01 → 00:23:04 เอ่อเบ S ไม่มีประโยชน์จริงหรือ
00:23:04 → 00:23:06 เปล่า
00:23:06 → 00:23:10 เบซเอออันนี้เดี๋ยวอาจจะต้องไปเปิดข้อมูล
00:23:10 → 00:23:13 เพิ่มเ Table เออ Table S ขันไปเสิร์ชใน
00:23:13 → 00:23:16 Google เเอ่อบอกว่ามันคือเกลือบริโภคค่ะ
00:23:17 → 00:23:20 เออแล้วซีซานจะเป็นเกลือทะเลเหรอเดี๋ยวๆ
00:23:20 → 00:23:23 นะคะเอ่ออันนี้ก็เดี๋ยวอันนี้เดี๋ยวขอ
00:23:23 → 00:23:26 จริงๆแล้วมันมีเกลือหลายแบบเนาะก็คือ
00:23:26 → 00:23:30 เกลือที่เเอ่อเคยมีกสัมภาษณ์ไปรอบหนึ่ง
00:23:30 → 00:23:32 เหมือนกันว่าเกลือมันมีหลายแบบเกลือที่
00:23:32 → 00:23:34 ใช้ในการบริโภคกับเกลือที่ใช้ในโรงงาน
00:23:34 → 00:23:38 อุตสาหกรรมคนละแบบกันนะคะค่ะใชอเพราะว่า
00:23:38 → 00:23:40 เกลือที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเราอาจจะ
00:23:40 → 00:23:42 ไม่ได้เอามานำมาบริโภคเพราะมันอาจจะมีสาร
00:23:42 → 00:23:45 บางอย่างที่มันเกินไปออืเพราะว่าเกลือที่
00:23:45 → 00:23:47 เรานำมาบริโภคส่วนมากก็จะมีตัวเป็น
00:23:47 → 00:23:51 โซเดียมคลอไรด์ที่อาจจะปลอดภัยกับร่างกาย
00:23:51 → 00:23:53 เราแต่ถ้ามันก็จะมีแบบเกลือที่ใช้ในโรง
00:23:53 → 00:23:56 งานอุตสาหกรรมอย่างเงี้ยค่ะมันก็อาจจะไม่
00:23:56 → 00:24:01 ได้เหมาะกับสุขภาพเราอือแต่ว่าเกลือที่
00:24:01 → 00:24:03 อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เพื่อการบริโภค
00:24:03 → 00:24:07 ต่างๆเนี่ยขอคุณหมอย้ำอีกทีนึงค่ะว่าเอ่อ
00:24:07 → 00:24:11 ความเค็มของเกลือต่างในระลักษณะถึงแม้ว่า
00:24:11 → 00:24:13 จะสีต่างกันสีชมพูสีดำสีขาวเนี่ยแต่
00:24:13 → 00:24:16 ลักษณะความเค็มก็คือปริมาณมันมีลักษณะ
00:24:16 → 00:24:19 เหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับมีคุณผู้ฟัง
00:24:19 → 00:24:23 ถามมาเกี่ยวกับเรื่องเกลือหิมาลัยในเอ่อ
00:24:23 → 00:24:25 เพิ่งมาเมื่อสักครู่นึงขอคุณหมอย้ำอีกที
00:24:25 → 00:24:29 นึงอ่ะค่ะค่ะก็คือเอ่อจริงๆแล้วมันอาจจะ
00:24:29 → 00:24:31 มีความแตกต่างกันนิดหน่อยแต่ให้ยึดหลัก
00:24:31 → 00:24:34 อย่างนี้แล้วกันค่ะว่าเกลือทั้งวันนะคะ
00:24:34 → 00:24:36 ไม่ว่าจะเกลือชนิดไหนก็ตามก็คือทานได้
00:24:36 → 00:24:38 ประมาณสัก 1 ช้อนชาเพราะพวกนี้ก็จะมี
00:24:38 → 00:24:41 โซเดียมประมาณ 2,000 มิลกรัมก็คือเท่ากับ
00:24:41 → 00:24:44 ร่างกายที่เราต้องการหมดะแต่อาจจะมีบาง
00:24:44 → 00:24:47 อันอาจจะนิดๆหน่อยๆแต่บวกลบกันแล้วก็น่า
00:24:47 → 00:24:51 จะประมาณนี้ค่ะประมาณ 2,000 มิลลิกรัมอือ
00:24:51 → 00:24:55 ก็คือเกลือทั้งวันเนี่ยไม่เกิน 1 ช้อนชา
00:24:55 → 00:24:58 ไม่ว่าสีอะไรก็ตามอันนี้ถูกต้องมั้ยคะใช่
00:24:58 → 00:25:01 ค่ะค่ะค่ะค่ะอีกคำถามนึงค่ะคุณหมอขาว่า
00:25:01 → 00:25:05 เอ่อกินเกลืออย่างไรไม่ให้เป็นโรคคอพอก
00:25:05 → 00:25:10 เอ้าอืน่าจะเออันนั้นน่าจะเป็นเรื่องของ
00:25:10 → 00:25:14 เกลือแวานใช่มั้ยคะใช่ๆค่ะค่ะเพราะว่ามัน
00:25:14 → 00:25:17 ก็จะมียุคหนึ่งที่เราบอกว่าทานเกลือ
00:25:17 → 00:25:19 สินเทาพวกเมันก็จะเป็นเกลือที่ไม่ได้มี
00:25:19 → 00:25:22 ตัวไอโอดีนผสมประกอบด้วยมันก็จะมีเรื่อง
00:25:22 → 00:25:25 ของการเกิดค้อพอกมากขึ้นซึ่งปัจจุบัน
00:25:25 → 00:25:27 เนี้ยโอกาสน้อยแล้วค่ะส่วนมากปัจจุบันนี้
00:25:27 → 00:25:29 เราก็จะส่วนมากที่เราบริโภคกันก็จะเป็น
00:25:30 → 00:25:32 เกลือทะเลมันก็จะมีไอพวกไอออะไรอย่างงี้
00:25:32 → 00:25:37 เพิ่มเติมค่ะออือฮึอือส่วนใหญ่ก็จะมีคือ
00:25:37 → 00:25:41 เอ่อเรื่องของวิวัฒนาการมันมันเปลี่ยน
00:25:41 → 00:25:43 แปลงไปนะเมื่อก่อนเปลียนไปเยอะแล้วค่ะอือ
00:25:43 → 00:25:46 ใช่ครับแล้วก็แล้วก็มีการเติมเข้าไปเพื่อ
00:25:46 → 00:25:48 เพื่อลดการเกิดโรคนั้นโรคนี้ขึ้นซึ่งซึ
00:25:48 → 00:25:52 โดยเฉพาะเด็กๆยุคใหม่ๆนะคุณหมอนะเขาได้
00:25:52 → 00:25:55 รับการเอ่อเติมไออนในตั้งแต่เด็กๆอนะฮะ
00:25:55 → 00:25:58 ใช่แล้วก็ยิ่งไม่เรื่องของการขาดอะไรก็
00:25:58 → 00:26:02 น้อยน้อยลงไปน้อยลงใช่ค่ะอืใช่ครับส่วน
00:26:02 → 00:26:04 แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือเรื่องของการกินใน
00:26:04 → 00:26:07 ปัจจุบันนี่แหละผมว่าผมว่าตัวเลือกหรือ
00:26:07 → 00:26:08 ว่า
00:26:08 → 00:26:12 เอ่อสิ่งอาหารการกินที่มันเยอะขึ้นมาก
00:26:13 → 00:26:16 ขึ้นแล้วก็มีหลากหลายมากขึ้นเข้าถึงง่าย
00:26:16 → 00:26:19 ขึ้นต่างๆนี่แหละมันเป็นตัวยั่วยวนชั้นดี
00:26:20 → 00:26:22 ให้เราเข้าไปอยู่ใกล้กับโซเดียมมากขึ้น
00:26:22 → 00:26:25 อ่าง่ายๆอย่างเช่นเรากินปลาดิบนะเมื่อ
00:26:26 → 00:26:29 ก่อนหากินหญ้าใช่มั้ยเดี๋ยวเนี้ยอืมีทุก
00:26:29 → 00:26:32 คนทุกแห่งเลยทุกจังหวัดทุกภูมิภาคแล้วก็
00:26:32 → 00:26:35 ต้องมีเจ้าน้ำจิ้มโชว์อยู่ที่อยู่ข้างๆ
00:26:35 → 00:26:38 เคียงเขาอยู่เสมอใช่มั้ยมันก็มีโซเดียม
00:26:38 → 00:26:41 ขมีหลายๆอย่างมันก็มีโซเดียมแม้แต่อาหาร
00:26:41 → 00:26:44 ที่เราปรุงทุกวันเ่อขายดาวแล้วกันนะคุณ
00:26:44 → 00:26:47 หมอพี่ขวัญค่ะเออมันก็ต้องเหยาะซีอิ๊ว
00:26:47 → 00:26:51 เข้าไปหน่อยิวเออนิดนึงก็จะเอมากน้อยก็
00:26:51 → 00:26:54 แล้วแต่ความหนักเบาของมือโอ๊ยของแต่ละ
00:26:54 → 00:26:58 บุคคลด้วยใช่มั้ยคะใช่ใช่แล้วเดี๋ยวเนี้ย
00:26:58 → 00:27:03 มันจะมีเมนูไข่ดาวที่อยู่ในติตอกอ่ะที่
00:27:03 → 00:27:07 เอ่อทอดไข่ดาวมาหอมๆเลยนะกรอบๆนะแล้วก็
00:27:07 → 00:27:10 อยยพแล้วหิว่ะดิเอ่อแบบราดน้ำมันงาไป
00:27:10 → 00:27:14 หน่อยนึงแล้วเนี่ยคราวเแหละซีอิ๊วหรือว่า
00:27:14 → 00:27:18 โชว์ยุต่างๆราดเข้าไปอื้อหือเป็นกำกำลัง
00:27:18 → 00:27:21 เป็นเมนูในกระแสที่เอ่อรีวิวกันฉ่ำมากค่ะ
00:27:21 → 00:27:26 คุณหมอเอออือค่ะเออนะเพราะฉะนั้นจริงๆก็
00:27:26 → 00:27:29 อย่างที่คุณหมอบอกเลยคือเราต้องเอ่อรับ
00:27:29 → 00:27:31 ประานรับประทานได้กินได้แต่ว่าต้องเลือก
00:27:31 → 00:27:36 ปริมาณให้เหมาะสมค่ะใช่มยใช่ค่ะอือเมื่อ
00:27:36 → 00:27:39 กี้เราคุยกันถึงเรื่องว่าอ่ากินน้ำไปเยอะ
00:27:39 → 00:27:44 ๆมันก็ช่วยลดบวมได้อะไรได้ขวัญอ่ะคุณหมอ
00:27:44 → 00:27:46 ค่ะถ้ามันไม่ใช่น้ำล่ะเราอยากกินรับ
00:27:46 → 00:27:50 ประทานอย่างอื่นผักผลไม้อย่างอื่นมันจะ
00:27:50 → 00:27:52 ช่วยขับโซเดียมในร่างกายเราเนี่ยมีอะไร
00:27:52 → 00:27:57 ที่คุณหมออยากแนะนำยคะจริงๆแล้วคือให้
00:27:57 → 00:28:01 ท่านผับลผลไม้ตามปกติอ่ะค่ะก็คือถ้าเป็น
00:28:01 → 00:28:04 อาการบวมจากโซเดียมที่เกินเนาะอันอันดับ
00:28:04 → 00:28:06 แรกต้องต้องเข้าใจก่อนว่าบวมจากโซเดียม
00:28:06 → 00:28:09 ที่เกินไม่ใช่บวมจากสาเหตุโรคอื่นๆนะคะก็
00:28:09 → 00:28:12 แก้ที่ต้นเหตุค่ะรสโซเดียมเดี๋ยวพรุ่งนี้
00:28:12 → 00:28:15 ก็จะหายแต่ถ้าผักผลไม้เนี่ยก็ก็มีการ
00:28:15 → 00:28:19 ศึกษาเหมือนกันว่าบางคนทานผักใบเขียวหรือ
00:28:19 → 00:28:22 ักผักสีเหลืองๆที่มีโปแตสเซียมเยอะอาจจะ
00:28:22 → 00:28:26 แบบพอช่วยทำให้ลดการดูดซึมของตัวโซเดียม
00:28:26 → 00:28:29 ได้บ้างแต่ก็เห็นผลแค่ในบางคนซึ่งก็เป็น
00:28:29 → 00:28:33 สวนน้อยค่ะอที่เขาแนะนำกันจริงๆก็คือลด
00:28:33 → 00:28:36 กันทานเข้าไปแล้วก็ทานอาหารให้ครบ 5 หมู
00:28:36 → 00:28:39 1ึในนั้นก็มีผักผลไม้เพิ่มเติมอันเนี้ยก็
00:28:39 → 00:28:44 จะช่วยทำให้ร่างกายเราสมดุลได้ค่ะออค่ะ
00:28:44 → 00:28:48 เอ่ออืการหาสมดุลให้กับร่างกายนี่เป็น
00:28:48 → 00:28:51 เรื่องเ่อสำคัญและจำเป็นเหมือนกันนะคะใช่
00:28:51 → 00:28:55 ค่ะค่ะอเออคุณหมอคะเราคุยกันถึงโซเดียม
00:28:55 → 00:28:59 มันไม่ดีมันทำให้ร่างกายบัวจริงๆแล้วใน
00:28:59 → 00:29:01 ปริมาณเหมาะสมโซเดียมมันจำเป็นกับร่างกาย
00:29:02 → 00:29:05 ยังไงบ้างอ่ะคะอืจริงๆแล้วโซเดียมเป็น
00:29:05 → 00:29:08 เกลือแร่หนึ่งในร่างกายนะคะคือร่างกายคน
00:29:08 → 00:29:11 เราก็ขาดไม่ได้เหมือนกันเนาะเพราะว่าถ้า
00:29:11 → 00:29:15 เราไม่มีโซเดียมเลยพวกนี้ก็จะทำให้การควบ
00:29:15 → 00:29:18 คุมสมดุลในร่างกายทั้งระบบเกลื้อรกกดดัง
00:29:18 → 00:29:21 ต่างๆหรือแม้แต่ความดันโลหินของเราอาจจะ
00:29:21 → 00:29:24 มีความเปลี่ยนแปลงนะคะเพราะฉะนั้นหมอแนะ
00:29:24 → 00:29:27 นำว่าคือไม่ได้ให้แบบไม่ทันเลยก็มีคนไข
00:29:27 → 00:29:30 เหมือนกันแบบเอ่อหยุดไม่ทานอะไรเลยไม่ใส่
00:29:30 → 00:29:34 พวกเอ่อสาปุ้งรนหรือว่าไม่ได้งดเว้นทุก
00:29:34 → 00:29:36 อย่างอะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็ไม่ได้
00:29:36 → 00:29:38 เหมือนกันถ้าโซเดียมต่ำเกินไปก็จะทำให้
00:29:38 → 00:29:41 โซเดียมในร่างกายต่ำเกินไปคนไข้ก็จะมี
00:29:41 → 00:29:43 อาการแบบพื้นไซอาเจียนมีซึมได้เหมือนกัน
00:29:43 → 00:29:47 เพราะฉะนั้นวิธีการคือเราให้ทานได้แต่
00:29:47 → 00:29:52 อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมค่ะครับค่ะออือซึ่ง
00:29:52 → 00:29:54 มันก็มีความจำเป็นอนะจริงๆแล้วเอ่อสาร
00:29:54 → 00:29:57 อาหารจริงๆมันมีความจำเป็นต่อร่างกายไม่
00:29:57 → 00:30:01 ด้านใดก็ด้านหนึ่งขาดไปก็ไม่ดีแต่เกินไป
00:30:01 → 00:30:05 ยิ่งไม่ดีใหญ่ใช่ค่ะเพราะฉะนั้นเลยบอกว่า
00:30:05 → 00:30:08 เราควรจะอยู่ในทางสายกลางก็คือทำตามคำแนะ
00:30:08 → 00:30:12 นำเนาะก็คือเราก็เอ่อจริงๆแล้วเราต้องมี
00:30:12 → 00:30:15 การปรุงอาหารอยู่แล้วปกติเราก็จะใส่การ
00:30:15 → 00:30:18 ปรุงอาหารแค่เราอาจจะไม่ต้องใส่ที่มันมาก
00:30:18 → 00:30:22 เกินไปแล้วก็กะให้พอดีนะคะพวกนี้ก็จะช่วย
00:30:22 → 00:30:26 ในการทำให้ร่างกายเราสมดุลมากขึ้นค่ะค่ะ
00:30:26 → 00:30:31 ครับโซเดียมเองจริงๆนะในวัยอย่างวัยวัย
00:30:31 → 00:30:33 เด็กเองมันมีความจำเป็นมั้ยคุณหมอวัยเด็ก
00:30:33 → 00:30:37 มันเพราะว่าผมสงสัยเอ๊ะเด็กทำไมนะถึงถึง
00:30:37 → 00:30:41 ถึงมีมีคำแนะนำเอ้ยเด็กๆเนี่ยตอนเล็กๆอ่ะ
00:30:41 → 00:30:45 อย่าเพิ่งไปกินขนมกรอบๆแกบๆขนมถุงนะ
00:30:45 → 00:30:48 โซเดียมมันเยอะนะมันมีมันมีผลกระทบต่อ
00:30:48 → 00:30:53 เด็กบ้างมั้ยครับก็มีค่ะก็คือก็ของเด็ก
00:30:53 → 00:30:56 เนี่ยเราจะปรับตามตามรูปร่างสัดส่วนเนาะ
00:30:56 → 00:31:00 แล้วก็ความต้องการพลังงานนะคะในกลุ่มอาย
00:31:00 → 00:31:03 ต่างกันก็จะค่อนข้างต่างกันนิดนึงแต่
00:31:03 → 00:31:06 ปัญหาคือเราจะให้เด็กอ่ะเอ่อฝึกนิสัยเด็ก
00:31:06 → 00:31:09 ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เขาแบบจำความได้เลย
00:31:09 → 00:31:11 เพราะเด็กเราสมัยนี้เราจะมีการติดหวานติด
00:31:11 → 00:31:15 ขนมติดแบบอาหารที่มีรสชาติใช่มคะพวกอาหาร
00:31:15 → 00:31:17 ที่มีรสชาติเนี่ยมันก็จะทำให้มีปริมาณ
00:31:17 → 00:31:20 โซเดียมเ่ะเขาจะไม่รู้เลยว่ามันเข้าไป
00:31:20 → 00:31:23 เท่าไหร่ของแต่ละวัน้าเราทานให้ปล่อยให้
00:31:23 → 00:31:27 เด็กทานเกินไปเรื่อยๆเด็กอาจจะมีโรคเช่น
00:31:27 → 00:31:29 โรคอ้วนซึ่งปัจจุบันนี้เราก็เจอกันเยอะ
00:31:29 → 00:31:32 มากขึ้นถ้ากินสะสมไปเรื่อยๆปรากฏว่าความ
00:31:32 → 00:31:37 ดันสูงนะคะพอความดันสูงไปมากๆพอโตขึ้นมา
00:31:37 → 00:31:40 ซับอีกทีอ่ะอาจจะแบบเป็นโรคความดันสูง
00:31:40 → 00:31:43 เรื้อรังนะคะหรืออาจจะมีโรคไตหรือว่าโร
00:31:43 → 00:31:45 หลอดเลือดหัวใจอะไรอย่างเงี้ยแทรกซอนมา
00:31:45 → 00:31:48 ได้นะคะเพราะฉะนั้นเราก็จะปลูกฝังตั้งแต่
00:31:48 → 00:31:51 เด็กๆเลยว่าเออพยายามลดโซเดียมปลูกฝังว่า
00:31:51 → 00:31:57 ไม่ให้ติดของเค็มของหวานนะคะอคโอซึ่งๆ
00:31:57 → 00:32:01 ซึ่ง่าเอ่อยิ่งเป็นเด็กแสดงว่าเด็กก็มี
00:32:01 → 00:32:04 โอกาสเป็นโรคความดันโรคไตตั้งแต่เด็กเลย
00:32:04 → 00:32:10 ใช่มั้ยฮะใช่ค่ะก็มีเหมือนกันค่ะออือ๋อ
00:32:10 → 00:32:13 อือซึ่งแน่นอนมันถ้าไม่ดูแลตั้งแต่วัย
00:32:13 → 00:32:18 เล็กๆโอกาสที่จะเติบโตมาในลักษณะที่มีโรค
00:32:18 → 00:32:21 ภัยไข้เจ็บมากมายเร่างกายจากโซเดียมนี่ก็
00:32:21 → 00:32:24 เยอะตามไปด้วยใช่ค่ะเพราะปัจจุบันนี้เรา
00:32:24 → 00:32:28 ก็พบโรคทั้งความดันโลหิตสูงโรคตโรคหัวใจ
00:32:28 → 00:32:32 ในอายุที่เริ่มลดลงนะคะเพราะสมัยก่อนเรา
00:32:32 → 00:32:35 ก็จะแบบนู่นน่ะ 50 60 ค่อยเริ่มมีแใช่มย
00:32:35 → 00:32:38 คะปัจจุบันเนี้ยอาจจะพบ 30 40 ก็เริ่มมี
00:32:38 → 00:32:41 ละอาบางคน 20 กว่าๆก็ตรวจพบมีความดัน
00:32:41 → 00:32:45 โลหิตสูงอย่างเงี้ยค่ะออืค่ะอันนี้ก็เป็น
00:32:45 → 00:32:48 หนึ่งในปัจจัยแต่อาจจะมีโรคอื่นๆอีกนะคะ
00:32:48 → 00:32:50 แต่หนึ่งในนั้นก็คือการบริโภคโซเดียมที่
00:32:50 → 00:32:54 เยอะเกินไปก็มีผลค่ะอืค่ะคุณหมอคะตัว
00:32:55 → 00:32:58 เกลือที่บอกว่า 1 ช้อนชาต่อวันเนี่ยเอ่อ
00:32:58 → 00:33:02 ตัวเนี้ยใช้กับตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัย
00:33:02 → 00:33:06 เอ่อผู้ใหญ่แล้วก็วัยคนชราเลยยหรือว่าวัย
00:33:06 → 00:33:10 ไหนเคควรจะเอ่อลดลงไปกว่านี้หรือเพิ่ม
00:33:10 → 00:33:13 ขึ้นได้นิดหน่อยอะไรทำนองเยค่ะคุณหมออือ
00:33:13 → 00:33:17 คือเแนะนำในผู้คนผู้ใหญ่แล้วเนาะก็คือผู้
00:33:17 → 00:33:19 ใหญ่ก็คืออายุ 15 ปีขึ้นไปอย่าเงี้ยก็คือ
00:33:19 → 00:33:22 แนะนำว่าเอ้น้อยกว่า 2 2,000 มิลิกรัม
00:33:22 → 00:33:25 คือ 2 กรัมต่อวันแต่ถ้าในเด็กอายุน้อย
00:33:25 → 00:33:29 กว่าบ 15 ลงไปก็ก็ลดโซเดียมตามสัดส่วนของ
00:33:29 → 00:33:33 ของร่างกายของตัวก็จะมีการกะปริมาณของ
00:33:33 → 00:33:36 เด็กว่าเด็กเอ่อรูปร่างสัส่วนเท่านี้ต้อง
00:33:36 → 00:33:38 ได้ปริมาณโซเดียมเท่าไหร่อะไรอย่างเงี้ย
00:33:38 → 00:33:42 ค่ะก็จะมีการลดหลั่นกันไปนะคะแต่ที่เรา
00:33:42 → 00:33:44 พูดกันส่วนมาก 2,000 มิลลิกรัมไม่เกิน
00:33:44 → 00:33:46 2,000 มิลลิกรัมหรือ 2 กรัมต่อวันเนี่ย
00:33:46 → 00:33:49 ส่วนมากเราก็จะพูดในผู้ใหญ่มากกว่าอนะคะ
00:33:49 → 00:33:54 ค่ะอมีคุณผู้ฟังจากแคนาดาพี่เนวานาถามมา
00:33:54 → 00:33:58 ค่ะคุณหมอว่าเอ่อคนความดันต่ำควรกินเค็ม
00:33:58 → 00:34:00 มากหน่อยมยคะ
00:34:00 → 00:34:04 อืทีนี้ความดันต่ำอาจจะต้องไปไปดูอีกที
00:34:04 → 00:34:07 นึงอ่ะค่ะว่าพอดีมันความดันต่ำมันมีจาก
00:34:07 → 00:34:12 หลายโรคนะคะค่ะคือเอ่อแนะนำว่ายังไงก็ยัง
00:34:12 → 00:34:16 ไม่ได้ให้กินเกินที่ร่างกายจำที่ต้องการ
00:34:16 → 00:34:19 นะคะถ้ากินเกินมากเกินไปอาจจะไม่ได้มีแค่
00:34:20 → 00:34:22 ความดันอย่างเดียวเดี๋ยวจะมีโรคตายโรค
00:34:22 → 00:34:28 อย่างอื่นแทรกซ้อนมานะคะครับอืค่ะอืเพราะ
00:34:28 → 00:34:32 ว่าการกินโซเดียมเอ่อเค็มตั้งแต่เด็ก
00:34:32 → 00:34:34 อาหารที่มีโซเดียมเยอะตั้งแต่เด็กเนี่ย
00:34:34 → 00:34:37 สะสมไปนานๆเนี่ยเท่าที่คุยกับคุณหมอเมื่อ
00:34:37 → 00:34:40 สักครู่นี้ก็คือจะมีโรคที่มีความเสี่ยงจะ
00:34:40 → 00:34:43 เป็นได้เนี่ยที่แน่ๆแล้วมีโรคไตแล้วมีโรค
00:34:43 → 00:34:46 อื่นๆตามมาได้มั้ยคะความดันใช่มั้ยคะคุณ
00:34:46 → 00:34:49 หมอค่ะก็คืออันดับแรกเลยคือโซเดียมอุ้ม
00:34:49 → 00:34:52 น้ำพออุ้มน้ำไม่เยอะความดันจะสูงค่ะพอ
00:34:52 → 00:34:56 ความดันสูงความดันก็สูงที่ตัวก็ทำให้หลอด
00:34:56 → 00:34:59 เลือดต้องแบบเอ่อมีความแข็งตัวมากขึ้น
00:35:00 → 00:35:03 เนาะก็จะทำให้มีเรื่องหลอดเลือกหัวใจหลอด
00:35:03 → 00:35:06 เลือกสมองที่มีปัญหาก็จะเกิดอัมพฤกษ์
00:35:06 → 00:35:10 อัมพาตนะคะแล้วก็พอโซเดียมเยอะๆมากทาน
00:35:10 → 00:35:14 โซเดียมไปเยอะๆมากความดันในทในกวยไตก็สูง
00:35:14 → 00:35:18 ขึ้นพอความดันเทอดไตกวยไตสูงขึ้นก็ทำให้
00:35:18 → 00:35:21 ไตมันเสื่อมลงก็กลายเป็นโรคไตนะคะซึ่งก็
00:35:21 → 00:35:25 จะมีภาวะแทรกซ้อนตามมาอีกเยอะมากมายนะคะ
00:35:25 → 00:35:31 ค่ะอืค่ะเออถ้าครับฝึกให้อย่างเอ่ออย่าง
00:35:31 → 00:35:34 อาหารการกินเป็นประเภทของเอ่อผมไปนึกถึง
00:35:34 → 00:35:40 พวกฝรั่งอ่ะที่เขาชอบกินเอ่อขนมปังกับเนย
00:35:40 → 00:35:44 ยามแบบเจบทุกมื้อเลยนะคือหลายๆมื้ออ่ะเออ
00:35:44 → 00:35:46 แบบเนี้ยมันก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของ
00:35:46 → 00:35:50 แบบอาหารของแต่ละชนชาติป่ะคะคุณบอเชื้อ
00:35:50 → 00:35:54 ชาติชนชาติอะไรเงี้ยอืคือในในต่างประเทศ
00:35:54 → 00:35:56 ก็จะมีรายงานการพบเยอะเหมือนกันเพราะว่า
00:35:56 → 00:35:59 เขาก็จะมีมีการแบบต้องถนอมอาหารบางที่อาจ
00:35:59 → 00:36:02 จะแบบอากาศเย็นต้องมีการถนอมอาหารเก็บไว้
00:36:02 → 00:36:05 อย่างเงี้ยค่ะก็จะมีความเสี่ยงในการเพิ่ม
00:36:05 → 00:36:09 โรคความดันโรคตายอะไรเงี้ยมากขึ้นเนาะเขา
00:36:09 → 00:36:12 ก็จะมีแบบในฝรั่งเขาจะมีการแนะนำพวก das
00:36:12 → 00:36:15 di ก็คือเป็นอาหารที่แบบเน้นผักผลไม้
00:36:15 → 00:36:18 เป็นพืชพันธุ์ธัญญพืชทางทางธรรมชาติอย่าง
00:36:18 → 00:36:22 เงี้ยค่ะที่อาจจะช่วยนะคะซึ่งในในคำแนะนำ
00:36:22 → 00:36:25 ฝั่งยุโรปอเมริกาเองก็ยังมีการเขียนไว้
00:36:25 → 00:36:28 ประมาณนี้เลยว่าให้แนะนำให้กินแบบพวกพืช
00:36:28 → 00:36:32 ผักผลไม้นะคะพวกนี้ก็จะช่วยลดพวกโรคความ
00:36:32 → 00:36:36 ดันโรคหัวใจนะคะแต่ไนกินในสัดส่วนที่พอ
00:36:36 → 00:36:42 เหมาะด้วยนะคะอืค่ะครับอืเพราะว่าอย่างส
00:36:42 → 00:36:44 ว่าเรื่องชีสเรื่องอะไรพวกนี้นะโอหจริงๆ
00:36:44 → 00:36:47 อ่ะเรื่องชีสอ่ะบางคนชอบเป็นชีวิตจิตใจนะ
00:36:47 → 00:36:50 พี่ขวัญใช่ค่ะเดี๋ยวนี้ฮิตนะมีชีสบอรดคุณ
00:36:50 → 00:36:55 หมอเ่อลองชีบอร์ดมาหรือยังคะอยังค่ะคิด
00:36:55 → 00:36:58 มากคุณหมอช่วงนี้คือแบบโอ้โหชีทบอร์ดเป็น
00:36:58 → 00:37:02 อะไรที่เอ่อถ้าหันไปในโซเชียลเนี่ยเต็มไป
00:37:02 → 00:37:07 หมดแล้วก็เอ่อมีการมาเค้าเรียกอะไรอ
00:37:07 → 00:37:10 ลักษณะชีทบอร์ดแบบคนไทยด้วย
00:37:10 → 00:37:14 อืไม่เค็มธรรมดาค่ะคุณหมอในชีทบอร์ดของคน
00:37:14 → 00:37:20 ไทยก็จะมีเอ่อมะม่วงดองมีพวกมะยมดองมี
00:37:20 → 00:37:23 แหนมชีทบอร์ดแล้วก็มีเอ่อมีขนมปังมีอะไร
00:37:23 → 00:37:26 อย่างเงี้ยโอ้โหแต่ละอย่างเนี่ยถ้าทั้ง
00:37:26 → 00:37:30 บอดนั้นนะกินคนเดียวอ่ะเอ่อโซเดียมแทบจะ
00:37:30 → 00:37:34 ทั้งเดือนน่ะค่ะคุณหมอค่ะอาจจะต้องแบบเออ
00:37:34 → 00:37:37 ตื่นเช้ามานี่อาจจะแบบลุกไม่ขึ้นตัวบวม
00:37:37 → 00:37:43 อะไรอย่างี้อค่ะอือค่ะถ้าในเรื่องของ
00:37:43 → 00:37:48 เกี่ยวกับเอ่อถ้าลักษณะการกินโซเดียมการ
00:37:48 → 00:37:52 ฉลองปีใหม่ถ้าผ่านไปแล้วเนี่ยคือมันยัง
00:37:52 → 00:37:56 รู้สึกว่าเอ๊ะมันบวมแปลกๆเนี่ยมันมันควร
00:37:56 → 00:37:59 ไปหาหมอเลยมั้ยหรือว่าเราควรให้ระยะเวลา
00:37:59 → 00:38:02 มันนานเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่
00:38:02 → 00:38:05 ระยะเวลาของการแบบนิ่งนอนใจแล้วอ่ะค่ะคุณ
00:38:05 → 00:38:09 หมออืสังเกตดูก็ได้ค่ะคือถ้าร่างกายเรา
00:38:09 → 00:38:12 ปกติเนาะปกติเรากินเยอะเนี่ยค่ะวัน 2 วัน
00:38:12 → 00:38:15 เนี่ยค่ะก็จะยุบหมดะแต่ถ้ายังบวมต่อ
00:38:15 → 00:38:18 เนื่องร่วมกับมีอาการปิดปกติลองสังเกต
00:38:18 → 00:38:22 ง่ายๆลองกดที่บริเวณฝ่าเท้าหรือว่ากดที่
00:38:22 → 00:38:25 บริเวณหน้าแข้งดูค้างไว้สักแบบ 15 วินาที
00:38:25 → 00:38:28 อะไรอย่าเงี้ยแล้วมันยังแบบบุ๋มตหล่ออะไร
00:38:28 → 00:38:30 เงี้ยค่ะแนะนำว่าอาจจะต้องมาพบแพ่อาจจะมี
00:38:30 → 00:38:34 เอ่อบางครั้งมันมีหลายโรคที่มันซ่อนอยู่
00:38:34 → 00:38:36 ที่อาจจะมีตัวโซเดียมเป็นตัวกระตุ้นทำให้
00:38:36 → 00:38:39 โรคนั้นมันโผล่ขึ้นมาเร็วมากขึ้นอะไร
00:38:39 → 00:38:42 เงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นก็ถ้ายังมีอาการเยอะ
00:38:42 → 00:38:45 อยู่เช่นถ้ากินโซเดียมไปเยอะๆแล้ววัน 2
00:38:45 → 00:38:48 วันแล้วยังแบบบวมกดบูมอยู่ก็แนะนำว่ามา
00:38:48 → 00:38:51 โรงพยาบาลดีกว่าค่ะมาได้มาตรวจสุขภาพด้วย
00:38:51 → 00:38:53 ว่าแบบเอ้ยมีโรคอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือ
00:38:53 → 00:38:58 เปล่านะคะจริงๆแล้วบางทีเนี่ยมันอาจจะบวม
00:38:58 → 00:39:01 ด้วยการที่แบบเอ่อเป็นโรคที่ซ่อนเร้นอยู่
00:39:01 → 00:39:04 อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการฉลองมาก็ได้แต่
00:39:04 → 00:39:09 เผอิญว่าประสบพบเจอกันพอดีใช่ค่ะอืเบางคน
00:39:09 → 00:39:11 เนี่ยเป็นโรคตายอยู่แต่อาจจะไม่ทราบมา
00:39:11 → 00:39:14 ก่อนนะคะพอพรุ่งนี้ถ้าอาการระยะต้นๆเนี่ย
00:39:14 → 00:39:17 แทบจะไม่มีอาการเลยจะมาทราบอีกทีก็คือตอน
00:39:17 → 00:39:21 ที่ไตวายระยะหลังๆและที่จะมีการคั่งของ
00:39:21 → 00:39:24 น้ำของเกลืออยู่ในร่างกายก็จะมีอาการบวม
00:39:24 → 00:39:28 ได้ค่ะนะคะอืค่ะ
00:39:28 → 00:39:33 อืครับก็เป็นอะไรที่เหมือนจะยุ่งยากยุ่ง
00:39:33 → 00:39:36 ยากก็ว่ายุ่งยากนะเพราะว่ามันต้องคุมทั้
00:39:36 → 00:39:39 ปริมาณต้องดูเรื่องของเอ่อการควบคุมอย่าง
00:39:39 → 00:39:43 เหมาะสมแต่จะมองไปเป็นเรื่องง่ายๆก็ก็ก็
00:39:43 → 00:39:45 ไม่ผิดนะเพราะบางคนน่ะต้องยอมรับนะอย่าง
00:39:45 → 00:39:48 ผมอ่ะผมเป็นคนนึงที่ไม่ชอบกลิ่นเค็มแล้ว
00:39:48 → 00:39:52 ก็แบบเรื่องของการปรุงอ่ะสบายใจอย่างผม
00:39:52 → 00:39:55 ไม่แทบจะไม่ปรุงอะไรที่เป็นน้ำปลาหรือ
00:39:55 → 00:39:57 เป็นเกลืออะไรลงไปเพิ่มเติมเนี่ยในมือ
00:39:57 → 00:40:00 อาหารเลยแต่บางคนมันขาดไม่ได้นะมันต้องมี
00:40:00 → 00:40:04 สักหน่อยปรุงสักนิดสักหยดอย่างดีนะฮะเรา
00:40:04 → 00:40:07 ต้องข้ามกันเลยโอ๊คอะไรนะเรากับเรา 2 คน
00:40:07 → 00:40:11 อยู่กันคนละขั้วเหรอพริกน้ำปลาบ้านพี่
00:40:11 → 00:40:14 ต้องมีเออบางคนขาดไม่ได้นะพี่ขวัญโดย
00:40:15 → 00:40:18 เฉพาะถ้าเจอพริกน้ำปลาอร่อยๆบอกว่าโหยิ่ง
00:40:18 → 00:40:21 ตักเป็นแบบแต่ละคำแต่ละคำหยอดลงไปเลยอใช่
00:40:21 → 00:40:27 คือแบบเอ่อบางบางร้านดีกว่าไปกินเพราะ
00:40:27 → 00:40:30 พริกน้ำปลาอร่อยอ่ะเอออันนี้ก็ก็ก็ดึงดูด
00:40:30 → 00:40:32 ผู้บริโภคอย่างอย่าอย่างตัวขวัญได้ไปคน
00:40:32 → 00:40:36 นึงแล้วล่ะอืมนะก็จริงมันก็เป็นจุดนะจุด
00:40:36 → 00:40:39 จุดอะไรอย่างเงี้ยแต่แต่คุณหมอก็ให้ทาง
00:40:39 → 00:40:41 เลือกไว้แล้วว่าอ่าบริโภควันนี้แสดงว่า
00:40:41 → 00:40:46 พรุ่งนี้หรืออีก 3-4 วันเราต้องละหรือว่า
00:40:46 → 00:40:49 ลดปริมาณลงลงไปมันจะได้แบบไม่ส่งผลต่อ
00:40:49 → 00:40:53 ร่างกายเยอะจนเกินไปอือค่ะอค่ะอแล้วก็แนะ
00:40:53 → 00:40:56 นำตรวจสุขภาพวดคว่ำด้านโลหิตอะไรอย่า
00:40:56 → 00:40:59 เงี้ยค่ะอืมถ้าเริ่มแบบถ้าท่านเกลือเยอะ
00:40:59 → 00:41:03 มากๆบางทีความดันมันจะเริ่มสูงนะคะอืค่ะ
00:41:03 → 00:41:07 ก็แนะนำว่าอาจจะต้องคอยมอนิเตอรตัวเองนิด
00:41:07 → 00:41:10 นึงในการตรวจเช็คสุขภาพดูเช่นวัดความดัน
00:41:10 → 00:41:14 ว่ามีความดันโลหิตสูงมมีตัวบัวมีอาการ
00:41:14 → 00:41:16 เหนื่อยนอนลาบไม่ได้อะไอย่างงี้ด้วยหรือ
00:41:16 → 00:41:20 เปล่านะคะอืค่ะค่ะอาการแบบไหนคุณหมอ
00:41:20 → 00:41:22 สำหรับคนที่เป็น
00:41:22 → 00:41:27 เอ่อเอ่อมีโรคสุขภาพจากเรื่องของโซเดียม
00:41:27 → 00:41:31 ที่น่าเป็นห่วงที่สุดอ่ะส่วนมากที่เจอกัน
00:41:31 → 00:41:34 ก็คือตัวความดันโลหิตสูงเนาะเพราะบางที
00:41:34 → 00:41:38 ทันทานโซเดียมไปเยอะๆเข้าแล้วไม่ได้มีการ
00:41:38 → 00:41:41 เช็คสุขภาพโซเดียมคั่งไปนานๆอยู่ในร่าง
00:41:41 → 00:41:44 กายเราไปนานๆเกินไปเยอะๆความดันก็จะค่อน
00:41:44 → 00:41:48 สูงไปเรื่อยๆพอความดันสูงไปเรื่อยๆสักพัก
00:41:48 → 00:41:50 หนึ่งก็จะมีปัญหาคือสิ่งที่กังวลมากก็คือ
00:41:50 → 00:41:53 อันต่อมาก็คือเส้นเลือดพวกเส้นเลือดหัวใจ
00:41:53 → 00:41:56 เส้นเลือดสมองนะคะเพราะบางทีบางคนไม่ทราบ
00:41:56 → 00:41:59 เป็นความดันมามานานละนะคะแล้วก็ใช้ชีวิต
00:41:59 → 00:42:03 ประจำวันตามปกตินะคะไม่มีการดูแลก็อีกที
00:42:03 → 00:42:06 มาชาบตอนที่เป็นเส้นเลือดในสมองตีเพเลือด
00:42:06 → 00:42:08 ในสมองแตกอะไรอย่าเงี้ยค่ะก็จะมีอัมพฤกษ์
00:42:08 → 00:42:10 อัมพาตแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือที่ต้อง
00:42:10 → 00:42:14 ระวังคือพอความดันสูงๆมากๆพวกนี้ไตก็วาย
00:42:14 → 00:42:20 ได้นะคะค่ะค่ะอมีพี่เนวานาที่สอบถามมา
00:42:20 → 00:42:23 เรื่องของความดันต่ำว่าควรกินเค็มมากขึ้น
00:42:23 → 00:42:26 หน่อยมยเนี่ยขอบคุณคุณหมอมานะคะว่าตอบคำ
00:42:26 → 00:42:27 ถามได้ชัดเจน
00:42:27 → 00:42:29 ซึ่งพี่ประชิตก็บอกว่าโอวันนี้รายการแบบ
00:42:29 → 00:42:32 เออชอบมากเลยมีประโยชน์ขอบคุณคุณหมอด้วย
00:42:32 → 00:42:36 นะคะคุณหมอคะในช่วงท้ายค่ะคุณหมออยากฝาก
00:42:36 → 00:42:38 อะไรถึงคุณผู้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของการ
00:42:38 → 00:42:42 รับประทานโซเดียมอย่างเหมาะสมบ้างคะค่ะก็
00:42:42 → 00:42:46 แนะนำค่ะก็คือถ้าเป็นไปได้ก็อาหารโซเดียม
00:42:46 → 00:42:49 มีอยู่ในธรรมชาติอยู่ะแล้วก็ทานอาหารให้
00:42:49 → 00:42:52 ครบ 5 หมู่นะคะแล้วก็วิธีการลดโซเดียมที่
00:42:52 → 00:42:57 ดีที่สุดคือพยายามปรุงให้น้อยลงลดกันทาน
00:42:57 → 00:43:00 อาหารที่เป็นอาหารสำเร็จเอ่อที่มีการหมัก
00:43:00 → 00:43:04 ดองอาหารกึ่งปรุงปรุงรสต่างๆนะคะก่อนที่
00:43:04 → 00:43:07 เราจะเติมอะไรเราคิดนิดนึงว่าเอ้ยเอวัน
00:43:07 → 00:43:08 นี้เรากินไปเยอะแล้วหรือยังถ้ากินเยอะ
00:43:08 → 00:43:11 แล้วเราลดปริมาณลงทีละนิดทีละหน่อยนะคะ
00:43:11 → 00:43:14 พวกนี้ก็จะช่วยเราในการจำกัดโซเดียมนะคะ
00:43:14 → 00:43:17 และท้ายที่สุดก็คืออยากให้
00:43:17 → 00:43:20 เอ่อดูแลสุขภาพนะคะก็คืออาจจะมีการตรวจ
00:43:20 → 00:43:23 เช็คความดันนนะคะอาจจะมีการตรวจสุขภาพ
00:43:23 → 00:43:27 ประจำปีอันเนี้ยเป็นสิ่งที่ช่วยอาจจะช่วย
00:43:27 → 00:43:30 นเตอร์ร่างกายแล้วก็สุขภาพเราได้นะคะค่ะ
00:43:30 → 00:43:33 ค่ะก็ถือว่าเป็น
00:43:33 → 00:43:36 เอ่อคำแนะนำในการลดโซเดียมรับประทาน
00:43:36 → 00:43:38 โซเดียมอย่างเหมาะสมเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:43:38 → 00:43:41 เนี่ยโซเดียมเขาก็มีประโยชน์ของเขาหากว่า
00:43:41 → 00:43:44 รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะสำหรับ
00:43:44 → 00:43:48 วันนี้ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะขอบคคุณครับ
00:43:48 → 00:43:51 คุณหมอครับขอบคุณครับค่ะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:43:51 → 00:43:55 ครับค่ะแพทย์หญิงฉันทิสาอารยางกูรนะคะนาย
00:43:55 → 00:43:59 แพทย์ชำนาญการพิเศษหน่วยงานงานโรคไตกลุ่ม
00:43:59 → 00:44:04 งานอายุรศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถีค่ะ