00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับเราเคยสงสัยไหครับว่าทำไมทาน
00:00:03 → 00:00:05 อาหารเที่ยงแล้วก็อาหารเย็นบางทีมันทำให้
00:00:05 → 00:00:08 เราง่วงนอนมากเลยง่วงจนกระทั่งทำงานไม่
00:00:08 → 00:00:11 ได้เอ๊มันเป็นของเราคนเดียวอยู่หรือเปล่า
00:00:11 → 00:00:14 เอ๊แต่เราคนอื่นก็เป็นด้วยนะมันมีเหตุผล
00:00:14 → 00:00:17 ในทางการแพทย์มที่เป็นแบบนี้วันนี้เนี่ย
00:00:17 → 00:00:20 ผมก็ต้องขอบอกทุกคนครับว่าทุกคนไม่ใช่
00:00:20 → 00:00:22 เป็นของคุณอยู่คนเดียวหรอกนะมันมีภาวะทาง
00:00:22 → 00:00:25 การแพทย์จริงๆเราเรียกภาวะนี้ว่า Post
00:00:25 → 00:00:28 pand somnolence นะครับและมันมีเหตุผล
00:00:28 → 00:00:30 ในทางการแพทย์ซึ่งวันนี้ผมจะอธิอธิบายให้
00:00:30 → 00:00:33 ฟังรวมทั้งผมจะบอกวิธีด้วยว่ามันจะแก้ไข
00:00:33 → 00:00:37 หรือบรรเทาอาการพวกนี้ได้อย่างไรนะครับพบ
00:00:37 → 00:00:39 กับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็น
00:00:39 → 00:00:41 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:00:41 → 00:00:43 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:43 → 00:00:46 บำบัดนะครับเรื่องของโพส pral somnolence
00:00:46 → 00:00:49 นั้นนะครับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หลายๆ
00:00:49 → 00:00:51 อย่างเลยปัจจัยแรกเลยนะครับฮอร์โมน
00:00:51 → 00:00:55 อินซูลินฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยคิดว่าทุกคนคง
00:00:55 → 00:00:57 จะรู้จักนะครับมันมีหน้าที่ในการดูดซึม
00:00:57 → 00:01:00 น้ำตาลเข้าสู่เซลล์นะครับแต่
00:01:00 → 00:01:03 มันมีหน้าที่อื่นอีกนะครับคือการที่มัน
00:01:03 → 00:01:06 หลั่งออกมาเนี่ยมันจะสามารถทำให้ร่างกาย
00:01:06 → 00:01:08 ของเราดูดซึมกรดอมิโนตัวนึงชื่อว่า
00:01:08 → 00:01:11 ทริปโตเฟนได้มากขึ้นนะครับแล้วทริปโตเฟน
00:01:11 → 00:01:14 เนี่ยจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นสารทั้งหมด 2
00:01:14 → 00:01:17 ตัวหลักๆตัวนึงก็คือเซโรโทนินนะครับซึ่ง
00:01:17 → 00:01:21 มันจะทำให้เรามีความรู้สึกสบายสงบสุขนะ
00:01:21 → 00:01:24 ครับแล้วก็ง่วงนอนได้อีกตัวนึงก็คือ
00:01:24 → 00:01:27 เมลาโทนินนั่นเองนะครับเมลาโทนินนั้นผม
00:01:27 → 00:01:30 เคยทำคลิปไปแล้วนะครับมันสามารถมีแบบกิน
00:01:30 → 00:01:31 ก็ได้แต่จริงๆมันก็คือฮอร์โมนที่ร่างกาย
00:01:31 → 00:01:34 ของเราเนี่ยสร้างขึ้นมานะฮะจากสารตัวนี้
00:01:34 → 00:01:38 นี่แหละทริปโตเฟนมันก็จะทำให้เราง่วงนอน
00:01:38 → 00:01:40 ดังนั้นถ้าท่านทานอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่
00:01:40 → 00:01:43 ไปกระตุ้นอินซูลินให้มันหลั่งออกมามากๆ
00:01:43 → 00:01:46 แล้วล่ะก็มันก็จะทำให้มีการง่วงนอนได้นะ
00:01:46 → 00:01:49 ครับสิ่งที่ทำให้เกิดการกระตุ้นอินซูลิน
00:01:49 → 00:01:52 ก็ยกตัวอย่างเช่นน้ำตาลเชิงเดี่ยวนะครับ
00:01:52 → 00:01:54 อะไรก็แล้วแต่ที่มันดูดซึมน้ำตาลเข้าไป
00:01:54 → 00:01:56 ได้รวดเร็วเนี่ยก็จะทำให้เรามีการหลั่ง
00:01:56 → 00:01:59 อินซูลินก็ออกมามากขึ้นอีกอย่างซึสามารถ
00:01:59 → 00:02:01 ทำให้เราหลั่งอินซูรินได้ซึ่งบางคนอาจจะ
00:02:01 → 00:02:05 ไม่รู้ก็คือไขมันครับนะถ้าเรากินไขมัน
00:02:05 → 00:02:08 ปริมาณมากเนี่ยก็จะทำให้เราหลั่งอินซูลิน
00:02:08 → 00:02:10 ออกมาได้มากขึ้นด้วยเช่นกันส่วนโปรตีน
00:02:10 → 00:02:12 นั้นโอกาสที่จะกระตุ้นอินซูลินได้มีน้อย
00:02:12 → 00:02:14 มากแล้วก็จริงๆแทบจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
00:02:14 → 00:02:16 คือได้เหมือนกันแต่มันน้อยนะครับมันก็ไม่
00:02:16 → 00:02:19 ค่อยมีความสำคัญนะอันนี้คือเรื่องของ
00:02:19 → 00:02:22 อินซูลินต่อมามันมีฮอร์โมนอีกอันนึงนะ
00:02:22 → 00:02:26 ครับลังมาจากเซลล์ที่ลำไส้เล็กอ่าฮอร์โมน
00:02:26 → 00:02:30 ตัวนี้เราจะเรียกว่า cck colis โคนินนะ
00:02:30 → 00:02:34 ครับชื่อมันประหลาดนะแต่ถ้าเรามาฟังคำแปล
00:02:34 → 00:02:38 มันจริงๆอ่ะมันไม่ยากโคลีเนี่ยมันมาจากคำ
00:02:39 → 00:02:42 ว่าน้ำดีโคลีนี่คือคาเอ่อโคลคือน้ำดีี่นะ
00:02:42 → 00:02:46 ครับซีสคือถุงไคคือการเคลื่อนไหวโคลิสติน
00:02:46 → 00:02:49 เอามารวมกันแปลว่าฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการ
00:02:49 → 00:02:53 บีบตัวเคลื่อนไหวของถุงน้ำดีครับโคลิสติน
00:02:53 → 00:02:57 เนี่ยมันมีหน้าที่ในการบีบเอาถุงน้ำดี
00:02:57 → 00:02:59 ซึ่งถุงน้ำดีในเนี้มันจะมีน้ำย่อยนะนะ
00:02:59 → 00:03:02 ครับแล้วก็มีน้ำดีอยู่ในนั้นเอาไว้ย่อย
00:03:02 → 00:03:05 โปรตีนย่อยไขมันต่างๆนะครับอ่าอันนี้คือ
00:03:05 → 00:03:08 หน้าที่หลักของฮอร์โมนตัวนี้นะแต่มันมี
00:03:08 → 00:03:13 มากกว่านั้นครับตัว cck เนี่ยสามารถที่จะ
00:03:13 → 00:03:14 กระตุ้น
00:03:14 → 00:03:19 ระบบ 1 ในลำไส้เราได้ระบบนี้เราเรียกว่า
00:03:19 → 00:03:21 parasympathetic nervous System นะ
00:03:21 → 00:03:23 ครับ parasympathetic nervous System
00:03:23 → 00:03:27 เป็นระบบประสาทอัตโนมัติอันนึ่งซึ่งระบบ
00:03:27 → 00:03:30 ประสาทอัตโนมัติของเรามี 2 อย่าง tic กับ
00:03:30 → 00:03:32 parasympathetic parasympathetic เนี่ย
00:03:32 → 00:03:35 ถ้าไปกระตุ้นมันนะครับมันจะทำให้เราอยาก
00:03:35 → 00:03:38 จะพักนะครับพักผ่อนน่ามีการขับถ่ายที่ดี
00:03:38 → 00:03:41 มีการย่อยอาหารที่ดีง่วงนอนนะครับแต่ถ้า
00:03:41 → 00:03:44 ไปกระตุ้นด้านตรงข้ามคือมติเมันจะทำให้
00:03:44 → 00:03:46 เราพร้อมใช้พลังงานเตรียมต่อสู้เตรียม
00:03:47 → 00:03:50 วิ่งหนีนะครับพวกนั้นนะแต่ว่าเรากินข้าว
00:03:50 → 00:03:52 เราไม่ได้เตรียมวิ่งหนีนะเรากินข้าวเข้า
00:03:52 → 00:03:54 ไปเราต้องเตรียมพักผ่อนดังนั้นมันจึงมี
00:03:54 → 00:03:55 การกระตุ้นระบบ
00:03:55 → 00:03:59 พาซิเพิ่มขึ้นโดยผ่านเส้นประสาทเส้นนึง
00:03:59 → 00:04:02 ซึ่งเรียกว่า vegus nerve นะครับโิ kin
00:04:02 → 00:04:05 เนี่ยไปกระตุ้น vegus nve ทำให้เกิดการ
00:04:05 → 00:04:09 relax พักผ่อนลำไส้เคลื่อนไหวน่าอันนี้
00:04:09 → 00:04:12 เป็นกลไกหลักอีกอย่างหนึของ cck นะครับ
00:04:12 → 00:04:14 ดังนั้นมันก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเพิ่ม
00:04:14 → 00:04:18 ขึ้นแต่ไม่แค่นั้นครับ cck เนี่ยมันไปต่อ
00:04:18 → 00:04:21 มีผลต่อสมองได้ด้วยอันเนี้ยหลายคนไม่น่า
00:04:21 → 00:04:24 จะรู้นะครับมันมีผลต่อสารชนิดหนึ่งซึ่ง
00:04:24 → 00:04:28 เรียกว่าอกินหรืออีกชื่อนึงก็คือไฮโคนะ
00:04:28 → 00:04:32 ครับโดย cck เนี่ยจะไปยับยั้งการทำงานของ
00:04:32 → 00:04:37 อกินนะครับอกิเนี่ยถ้ามันทำงานนะมันจะทำ
00:04:37 → 00:04:41 ให้เราหิวแล้วมันก็จะทำให้เราตื่นแต่ถ้า
00:04:41 → 00:04:44 มันโดนยับยั้งมันก็จะแปลว่าเราจะมีอาการ
00:04:44 → 00:04:48 อิ่มและเราก็จะง่วง cck เนี่ยไปยับยั้ง
00:04:48 → 00:04:51 การทำงานของตัวนี้นี่แหละอกินแล้วในทาง
00:04:51 → 00:04:54 การแพทย์มันมียาด้วยนะครับยานนหลับตัวนึง
00:04:54 → 00:04:57 นะครับยกตัวอย่างเช่นยาซนเนี่ยมันจะไปต่อ
00:04:57 → 00:05:00 ต้านอกินนี่มันก็ทำให้เราหลับได้มากขึ้น
00:05:00 → 00:05:05 นะครับงั้นเราจะเห็นว่า cck เนี่ยมันมี
00:05:05 → 00:05:07 ตัวที่ทำให้ง่วงแล้วมันไปทำให้เราง่วงได้
00:05:07 → 00:05:10 แล้วอะไรกระตุ้น cck ล่ะมี 2 อย่างหลักๆ
00:05:10 → 00:05:13 ครับไขมันและโปรตีนนะ 2 ตัวนี้กระตุ้นได้
00:05:13 → 00:05:15 พอๆกันเลยแต่เดี๋ยวเราจะไปพูดถึงว่าเอ๊ะ
00:05:15 → 00:05:17 แล้วจะปรับอาหารยังไงคืออะไรก็กระตุ้นไป
00:05:17 → 00:05:20 หมดใจเย็นๆครับเดี๋ยวผมจะบอกว่ามันต้องทำ
00:05:20 → 00:05:24 วิธีไหนบ้างนะครับอีกอย่างนึงก็คือบาง
00:05:24 → 00:05:26 อย่างเนี่ยสามารถกระตุ้นให้กระตุ้นระบบ
00:05:26 → 00:05:30 พาติได้โดยตรงก็คือปริมาณของอาหารนะครับ
00:05:30 → 00:05:32 ถ้าเป็นปริมาณมากมันจะไปยืดกระเพาะของเรา
00:05:32 → 00:05:35 ให้มันขยายขึ้นการที่ไปยืดกระเพาะให้ขยาย
00:05:35 → 00:05:38 ขึ้นนี่แหละเป็นการกระตุ้นระบบพาซิปติกทำ
00:05:38 → 00:05:41 ให้เรามีความรู้สึกอยากจะพักง่วงนอนขึ้น
00:05:41 → 00:05:44 มาทันทีเลยนะอันนี้เป็นอันที่กระตุ้นโดย
00:05:44 → 00:05:48 ตรงอีกอย่างนึงก็คือเวลาที่เรามีอาหาร
00:05:48 → 00:05:50 อยู่ในลำไส้แล้วเนี่ยนะครับร่างกายของเรา
00:05:50 → 00:05:52 เนี่ยมันจะต้องมีการเอาเลือดมาเลี้ยง
00:05:52 → 00:05:55 บริเวณนั้นเยอะๆเลยนะครับเลือดคนเราเนี่ย
00:05:55 → 00:05:57 มันมีจำกัดนะครับมันจะไปตรงไหนก็ขึ้นอยู่
00:05:57 → 00:05:59 กับว่าตรงนั้นมันใช้มากใช้น้อยนะครับครับ
00:05:59 → 00:06:02 ในขณะที่เรากินอาหารเข้าไปเนี่ยมันต้อง
00:06:02 → 00:06:05 ใช้เลือดตรงบริเวณลำไส้กระเพาะเยอะมาก
00:06:05 → 00:06:07 เพราะมันต้องการดูดซึมเอาทุกอย่างเข้าไป
00:06:07 → 00:06:10 การที่เลือดโดนดึงไปตรงนั้นบริเวณเอ่อ
00:06:10 → 00:06:12 บริเวณกระเพาะลำไส้เยอะๆเนี่ยนะครับมันก็
00:06:13 → 00:06:15 ทำให้เลือดที่ไปสมองเราลดลงเราก็จะมี
00:06:15 → 00:06:18 อาการอ่อนเพลียได้อ่าอันนี้ก็เป็นอีกเหตุ
00:06:18 → 00:06:21 ผลหนึ่งถ้าเราทานน้ำไม่เพียงพอเราขาดน้ำ
00:06:21 → 00:06:25 เราก็จะมีอาการเพลียมากกว่าปกตินะครับโดย
00:06:25 → 00:06:27 ทั่วไปถ้าเราไม่มีเหตุผลทำให้เรามีการ
00:06:27 → 00:06:31 ย่อยมีการกระตุ้นระบบพาซเตินะครับไม่มี
00:06:31 → 00:06:33 ฮอร์โมนต่างๆที่เมื่อตกี้ว่ามาแล้วเราขาด
00:06:33 → 00:06:35 น้ำเราอาจจะไม่ง่วง
00:06:35 → 00:06:39 แต่ถ้าเกิดว่าเรามีเหตุผลที่ทำให้เรา
00:06:39 → 00:06:41 เหนื่อยเพลียมากขึ้นการคาดน้ำเพียงแค่นิด
00:06:41 → 00:06:43 เดียวมันก็อาจจะทำให้เราง่วงมากขึ้นก็ได้
00:06:43 → 00:06:46 นะครับตรงนี้ก็มีส่วนเหมือนกันนะอีกอย่าง
00:06:46 → 00:06:50 นึงก็คือเรื่องของระบบวงจรในร่างกายที่
00:06:50 → 00:06:52 เราเรียกว่า cardian rym นะครับคนเรา
00:06:52 → 00:06:56 เนี่ยโดยปกติแล้วนะครับ ccent R มันจะตก
00:06:56 → 00:07:00 อีกทีนึงตอนกลางวันตอนบ่ายนะครับดังนั้น
00:07:00 → 00:07:02 ด้วยตัวมันเองเราจะง่วงเวลาตอนบ่ายอยู่
00:07:02 → 00:07:04 แล้วด้วยนะครับแต่อันเนี้ยเราจะไปแก้ไข
00:07:04 → 00:07:06 มันไม่ได้นะฮะเอ่อมันมันเป็นของมันอย่าง
00:07:06 → 00:07:08 นั้นโดยกำเนิดของเรานะครับโดยเรื่องของ
00:07:08 → 00:07:12 อ่ากระบวนการในเซลล์มันต่างๆทำให้เราง่วง
00:07:12 → 00:07:16 ในช่วงเวลานั้นด้วยเหตุผลนี้เหมือนกันนะ
00:07:16 → 00:07:20 อันเนี้ยคือเหตุผลคร่าวๆของว่าทำไมเรากิน
00:07:20 → 00:07:23 เข้าไปแล้วเราถึงง่วงเวลากลางวันทีนี้มา
00:07:23 → 00:07:25 ฟังวิธีแก้กันบ้างครับเพราะว่าเมื่อตะกี้
00:07:25 → 00:07:28 เรารู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้เกิดเราก็ไป
00:07:28 → 00:07:30 กระตุ้นมันให้น้อยลงสิ
00:07:30 → 00:07:32 เช่นเรารู้แล้วว่าอินซูลินทำให้เราง่วง
00:07:32 → 00:07:36 ใช่มยถ้าอย่างนั้นเนี่ยเราก็กินอาหารที่
00:07:36 → 00:07:39 มันไม่ค่อยกระตุ้นอินซูลินสินะฮะเช่นถ้า
00:07:39 → 00:07:41 เรากินคาร์โบไฮเดรตเนี่ยก็กิน
00:07:41 → 00:07:43 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือชนิดที่มันมี
00:07:43 → 00:07:45 ไกลซีมิค index ที่ต่ำก็คือมันดูดซึมเข้า
00:07:45 → 00:07:48 ไปได้ช้าทำให้น้ำตาลของเลือดเราเนี่ยมัน
00:07:48 → 00:07:49 ไม่เพิ่มปี๊ดขึ้นมาอย่างเงี้ยถ้ามันเพิ่ม
00:07:49 → 00:07:52 สูงปี๊ดเร็วๆเนี่ยก็จะกระตุ้นอินซูลินได้
00:07:52 → 00:07:54 รวดเร็วดังนั้นหลีกเลี่ยงของหวานนะครับ
00:07:54 → 00:07:57 หลีกเลี่ยงของที่มันมีน้ำตาลเยอะก็จะทำ
00:07:57 → 00:07:59 ให้เราไม่ค่อยง่วงนะครับอันนี้อันที่ 1
00:07:59 → 00:08:00 นะ
00:08:00 → 00:08:03 นะครับอันที่ 2 เมื่อตะกี้เราบอกแล้วว่า
00:08:03 → 00:08:08 ถ้าเรากระตุ้นโคลิสตินด้วยไขมันกับโปรตีน
00:08:08 → 00:08:11 มันก็จะทำให้เรามีอาการง่วงได้ถ้าอย่าง
00:08:11 → 00:08:14 นั้นเนี่ยวิธีก็คือเราลดปริมาณไขมันลงมา
00:08:14 → 00:08:17 ก่อนนะครับอ่าลดปริมาณไขมันลงมามันจะช่วย
00:08:17 → 00:08:19 ทำให้เราไม่กระตุ้นตัวริคิได้แล้วไขมัน
00:08:19 → 00:08:22 เมื่อกี้ก็บอกว่ามันกระตุ้นอินซูลินได้
00:08:22 → 00:08:24 ถูกมั้ยฮะอ่ะแปลว่าอาหารที่เราจะกินได้
00:08:24 → 00:08:27 เยอะหน่อยก็คือโปรตีนเพราะว่าถ้าเราเทียบ
00:08:27 → 00:08:30 กันนะครับคาร์โบไฮเดรตไขมันโปรตีน
00:08:30 → 00:08:34 คาร์โบไฮเดรตกระตุ้นอินซูลินและโลเอ่อและ
00:08:34 → 00:08:37 กระตุ้นตัวอินซูลินเป็นหลักนะครับนะเราลด
00:08:37 → 00:08:44 มันลงไปไขมันอินซูลินและ cck โปรตีน cck
00:08:44 → 00:08:49 เป็นหลักเลยนะครับดังนั้นถ้าเกิดว่าตัว
00:08:49 → 00:08:54 ที่กระตุ้นทำให้เราง่วงเนี่ยมันหายไปัก
00:08:54 → 00:08:56 เราทำให้มันทุกตัวหายไปไม่ได้เอางี้ดี
00:08:57 → 00:08:59 กว่าแต่ถ้าเราทำให้ส่วนใหญ่ของมันหายไป
00:08:59 → 00:09:01 ได้เนี่ยเนี่ยน่าจะดีและการที่เรากินน
00:09:01 → 00:09:03 อาหารกลุ่มที่ทำให้ฮอร์โมนทั้งหมดของเรา
00:09:03 → 00:09:06 นี่ไม่มีปัญหาเช่นเรากินอาหารที่ไม่หวาน
00:09:06 → 00:09:08 มากนะครับคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่ว่าจะเป็น
00:09:08 → 00:09:10 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนะเป็นหลักเพราะมัน
00:09:10 → 00:09:13 จะไม่ดูดซึมแล้วก็ส่งเสริมทำให้อินซูลิน
00:09:13 → 00:09:16 ของเราสูงเกินไปอันนี้โอเคละนะโปรตีนอ่า
00:09:16 → 00:09:18 มันกระตุ้นแค่ cck แค่นิดเดียวแค่อย่าง
00:09:18 → 00:09:20 เดียวแต่ไม่ได้สนใจอินซูลินโอเคเราง่วง
00:09:20 → 00:09:23 บ้างแต่ง่วงไม่มากนะส่วนไขมันอ้าวมัน
00:09:23 → 00:09:25 กระตุ้นทั้งอินซูลินทั้ง cckk แล้วก็ง่วง
00:09:25 → 00:09:27 มากกว่าปกติดังนั้นเนี่ยถ้าดูแล้ว 3 อัน
00:09:27 → 00:09:31 แปลว่าเรากินปโปรตีนได้พอสมควรนะฮะและ
00:09:31 → 00:09:35 อะไรอีกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนไขมันก็เลือก
00:09:36 → 00:09:37 ไขมันดีแล้วก็ปริมาณไม่มากแค่เนี้ยมันก็
00:09:37 → 00:09:39 จะทำให้เราไม่ค่อยง่วงแต่ถามว่าแค่นี้จบ
00:09:39 → 00:09:43 ไหมไม่จบครับเมื่อตะกี้บอกว่าอะไรบอกว่า
00:09:43 → 00:09:46 มันมีวิธีในการกระตุ้นระบบพาราซิมพาเทติก
00:09:46 → 00:09:50 โดยตรงได้โดยที่มีอาหารปริมาณมากๆในนั้น
00:09:50 → 00:09:53 อืมถูกมั้ยฮะดังนั้นเราต้องอยากกินให้มัน
00:09:53 → 00:09:55 อิ่มเกินไปครับเพราะถ้าเรากินอิ่มเกินไป
00:09:55 → 00:09:58 นะเรากินจนจุกจนแน่นเนี่ยอ่าแน่นอนมัน
00:09:58 → 00:10:00 เป็นการยืดกระเพาะยืดลำไส้เป็นการกระตุ้น
00:10:00 → 00:10:03 ระบบพาราซิมพาเทติกเราก็ง่วงดังนั้นเนี่ย
00:10:03 → 00:10:06 ถ้าสมมุติว่าเราอิ่มนี่คือ 100% เต็มเรา
00:10:06 → 00:10:09 กินซักประมาณ 70% อย่าไปอิ่มมากนะครับ
00:10:09 → 00:10:12 เพราะไม่ฉะนั้นมันจะง่วงนะแล้วที่เหลือ
00:10:13 → 00:10:16 เราเติมอะไรเข้าไปน้ำครับทำไมก็เมื่อกี้
00:10:16 → 00:10:18 บอกแล้วงั้นครับว่าถ้าเราขาดน้ำเราจะอ่อน
00:10:18 → 00:10:21 เพลียเราจะง่วงดังนั้นแปลว่าถ้าเรากิน
00:10:21 → 00:10:23 อาหารอย่างที่เมื่อกี้บอกนะครับมีส่วน
00:10:23 → 00:10:26 ประกอบที่โอเคเหมาะสมไม่มากจนเกินไปเติม
00:10:26 → 00:10:30 น้ำเข้าไปเราก็จะไม่ค่อยง่วงนะหลังจากกิน
00:10:30 → 00:10:33 เสร็จแล้วทำอะไรดีเดินครับเดินน่ะดีที่
00:10:33 → 00:10:36 สุดเลยมันเป็นการกระตุ้นระบบร่างกายทำให้
00:10:36 → 00:10:38 เราไม่ได้ง่วงเราไม่ได้นั่งอยู่กับที่ถ้า
00:10:38 → 00:10:39 นั่งอยู่กับที่ก็หลับแต่ถ้าเราเดินเนี่ย
00:10:39 → 00:10:41 นอกเหนือจากมันกระตุ้นทำให้เราตื่นตัว
00:10:41 → 00:10:44 แล้วเนี่ยมันยังช่วยทำให้อาหารเนี่ยหล่น
00:10:44 → 00:10:46 ลงไปตามแรงโน้มถ่วงถูกมั้ยครับถ้าเรานั่ง
00:10:46 → 00:10:48 อยู่เฉยๆแล้วเราไม่ไปไหนเลยหรือเรานอน
00:10:48 → 00:10:50 เนี่ยของที่อยู่ในกระเพาะเรามันไปไหนล่ะ
00:10:50 → 00:10:53 บางคนย่อยไม่ดีมันไลย้อนขึ้นมากดไหลย้อน
00:10:53 → 00:10:56 อีกต่างหานะครับแล้วอีกอย่างนึงซึ่งอยาก
00:10:56 → 00:10:58 จะเน้นยำก็คือการเคี้ยวข้าวยิ่งท่าน
00:10:58 → 00:11:01 เคี้ยวละเอียดเคี้ยวช้าเท่าไหร่เนี่ยมัน
00:11:01 → 00:11:03 ก็จะอิ่มง่ายขึ้นเท่านั้นนะครับโอกาสที่
00:11:03 → 00:11:05 เราจะไปกินเกินจนกระทั่งเกิดภาวะง่วงนอนเ
00:11:05 → 00:11:09 ก็จะลดลงไปนะฮะหรือสุดท้ายถ้าไม่ได้ผล
00:11:09 → 00:11:11 จริงๆเนี่ยบางคนก็อาจจะต้องกาแฟสักเล็ก
00:11:11 → 00:11:13 น้อยนะฮะถ้าไม่มีปัญหาเรื่องของการนอน
00:11:13 → 00:11:15 หลับตเวลากลางคืนนะก็กาแฟสักเล็กน้อยก็
00:11:15 → 00:11:17 ยังโอเคนะครับแต่โดยทั่วไปไม่ค่อยอยากจะ
00:11:17 → 00:11:19 ให้กินกาแฟหลังเวลาเที่ยงไปแล้วเพราะว่า
00:11:19 → 00:11:23 กาแฟเนี่ยคาเฟอีนมันมีค่าครึ่งชีวิตทั้ง
00:11:23 → 00:11:25 หมด 6 ชมหมายความว่าถ้าคุณกินตอนเที่ยน
00:11:25 → 00:11:28 เนี่ยนะฮะตอน 18:00 นก็จะเหลือคาเฟอีน 50%
00:11:28 → 00:11:32 ของที่กินตอนเที่ยงคืนก็เหลือ 25% ก็แปล
00:11:32 → 00:11:34 ว่าถ้าเกิดคุณนอนตอน 22:00 นเนี่ยกลางคืน
00:11:34 → 00:11:37 ตอนนั้นคุณก็ยังมีไอ้คาเฟอีนซ่อนอยู่ใน
00:11:37 → 00:11:39 ร่างกายทำให้อาจจะทำให้การนอนของเราไม่ดี
00:11:39 → 00:11:42 ก็ได้นะครับอแต่ถ้ามันจำเป็นจริงงก็กินะ
00:11:42 → 00:11:44 นิดนหน่อยแล้วกันในตอนกลางวันนะครับตอน
00:11:44 → 00:11:47 บ่ายนะอ่าอันเนี้ยเป็นหลักๆที่เราจะทำได้
00:11:47 → 00:11:50 การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอช่วงบ่ายเยช่วย
00:11:50 → 00:11:54 ได้เหมือนกันอันนี้คือทำให้เราไม่ง่วงเรา
00:11:54 → 00:11:56 จะได้ทำงานได้แล้วเราเอามันมาใช้ประโยชน์
00:11:56 → 00:11:59 ได้ไงมั้ยมื้อเย็นไงครับเพราะว่าคนไหนที่
00:11:59 → 00:12:02 หลับยากเนี่ยเรารู้อยู่แล้วอ่าถ้าเป็น
00:12:02 → 00:12:04 มื้อเย็นเราหลับยากใช่มั้ยเรากินอะไรที่
00:12:04 → 00:12:07 มันกระตุ้นอินซูลินหน่อยดีกว่าเออกระตุ้น
00:12:07 → 00:12:09 อินซูลินหน่อยดีกว่าคาร์โบไฮเดรตอะไรที่
00:12:09 → 00:12:11 ทำให้เราอิ่มเยอะนิดนึงนะครับอาจจะมีน้ำ
00:12:11 → 00:12:14 ตาลเยอะนิดนึงนะฮะก็อาจจะช่วยทำให้เรา
00:12:14 → 00:12:15 หลับได้ง่ายขึ้นแต่ถ้าเกิดว่าคนไหนที่มี
00:12:15 → 00:12:17 เบาหวานก็ต้องระวังแลน้ำตาลอยู่ดีนะกิน
00:12:17 → 00:12:20 เยอะก็ไม่ได้นะอ่าพวกนี้ถ้าเรากินของที่
00:12:20 → 00:12:23 เป็นอ่าคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนน้อยลงมา
00:12:23 → 00:12:25 หน่อยแล้วก็เพิ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
00:12:25 → 00:12:27 ขึ้นมานิดนึงนะฮะทำให้น้ำตาลของเรามัน
00:12:27 → 00:12:29 กระตุ้นอินซูลินในเวลาที่เรานอนเออมันก็
00:12:29 → 00:12:31 อาจจะทำให้เราง่วงมากขึ้นได้กินของที่มัน
00:12:31 → 00:12:33 ๆขึ้นมานิดนึงในตอนเย็นก็อาจจะได้กิน
00:12:33 → 00:12:35 ปริมาณมากขึ้นหน่อยนึงก็อาจจะทำให้เรา
00:12:35 → 00:12:37 ง่วงได้เหมือนกันนะครับแต่อย่างไรก็ตาม
00:12:37 → 00:12:41 อันนี้ต้องระวังนะครับอย่าไปแบบโอเราอยาก
00:12:41 → 00:12:43 จะง่วงเรากินน้ำตาลเข้าไปแหลกลาหรือกินไข
00:12:43 → 00:12:45 มันเข้าไปอันนี้ก็ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย
00:12:45 → 00:12:48 นะครับดังนั้นเนี่ยก็อาจจะต้องใช้ปริมาณ
00:12:48 → 00:12:50 ที่มันเหมาะสมไม่ได้เยอะจนเกินไปนะครับ
00:12:51 → 00:12:55 ส่วนคนที่อ่าทานเหล้าทานวายตอนมื้อเย็น
00:12:55 → 00:12:56 เนี่ยอันนี้ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่นะครับ
00:12:56 → 00:12:59 เพราะว่ามันเป็นแอลกอฮอล์แล้วก็จะทำทำให้
00:12:59 → 00:13:01 ระบบการนอนของเราเนี่ยไม่ปกติมันจะเป็น
00:13:01 → 00:13:04 การนอนที่เรารู้สึกเหมือนจะหลับนะแต่มัน
00:13:04 → 00:13:06 จะไม่หลับครับมันไปกดอ่าการนอนหลับชนิด
00:13:06 → 00:13:08 ที่เราเรียกว่า rem Sleep ซึ่งอันเนี้ย
00:13:08 → 00:13:11 มันมีความสำคัญต่ออายุที่ยืนยาวสำคัญต่อ
00:13:11 → 00:13:14 ภูมิต้านทานสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์และ
00:13:14 → 00:13:17 ความจำถ้าเกิดมันโดนกดไปด้วยแอลกอฮอล์พวก
00:13:17 → 00:13:19 นี้แล้วล่ะก็ท่านก็มีปัญหาพวกนี้ได้นะ
00:13:19 → 00:13:21 ครับตอนเอายุน้อยไม่เป็นปัญหานะฮแต่ถ้า
00:13:21 → 00:13:23 ท่านทำอย่างนี้ไปตลอดชีวิตเนี่ยมันจะ
00:13:23 → 00:13:26 เริ่มเกิดปัญหาตอนอายุเยอะแล้วที่สำคัญ
00:13:26 → 00:13:29 คืออายุเยอะเนี่ยไม้แก่ดัดยากครับเรากิน
00:13:29 → 00:13:32 อย่างเงี้มาตลอดชีวิตเราชินแล้วล่ะเราก็
00:13:32 → 00:13:34 ไม่รู้สึกว่ามันจะมีปัญหาแลอยากให้เรา
00:13:34 → 00:13:36 เลิกมันเลิกไม่ได้ครับดังนั้นอย่าไปทำมัน
00:13:36 → 00:13:39 ตั้งแต่แรกจะดีที่สุดนะครับโอเควันนี้ก็
00:13:39 → 00:13:41 หวังว่าจะมาอธิบายในแง่มุมของทาง
00:13:41 → 00:13:44 วิทยาศาสตร์ว่าเกิดขึ้นอ่าอะไรเกิดขึ้น
00:13:44 → 00:13:46 บ้างในร่างกายของเราเวลาที่เราทานอาหาร
00:13:46 → 00:13:49 เข้าไปนะครับเราจะได้แก้ไขได้เวลากลางวัน
00:13:49 → 00:13:50 เราจะได้ไม่ง่วงจนเกินไปทำงานได้อย่างดี
00:13:50 → 00:13:52 นะครับส่วนคนไหน้าทำแบบนี้แล้วยังง่วงมาก
00:13:52 → 00:13:56 ๆอยู่เนี่ยแล้วเอ่อไม่เคยไปตรวจการนอน
00:13:56 → 00:13:58 หลับนะแนะนำว่าควรจะไปตรวจการนอนหลับ
00:13:58 → 00:14:00 เพราะว่าบางบางคนมีหยุดหายใจในขนาดหลับทำ
00:14:00 → 00:14:02 ให้นอนเท่าไหร่มันก็ไม่พอแล้วมันก็จะมา
00:14:02 → 00:14:05 ง่วงมากอตอนบ่ายนี่แหละนะฮะอีกอย่างนึงก็
00:14:05 → 00:14:10 คือคนที่นอกเหนือจากเนี้ยนะครับนอนก็
00:14:10 → 00:14:13 เพียงพอและนะกลางคืนก็หลับสบายะนะแล้วก็
00:14:13 → 00:14:16 กินข้าวก็ทำตามปกติแล้วนะแต่มันยังง่วง
00:14:16 → 00:14:19 อยู่อันเนี้ยอาจจะต้องทำการนอนสั้นๆเรา
00:14:20 → 00:14:21 เรียกว่า Power naap ซึ่งผมเคยทำคลิปไป
00:14:21 → 00:14:24 นานมาะนะฮะ Power n นี่คือการนอนประมาณ
00:14:24 → 00:14:27 20 นาทีแล้วตื่นเลยอย่าไปนอนนานกว่านั้น
00:14:27 → 00:14:29 นะครับเพราะถ้านานกว่านั้นเนี่ยตื่นมา
00:14:29 → 00:14:31 ท่านจะงัวเงียมากเลยทำอะไรไม่ได้เลยนะ 20
00:14:31 → 00:14:34 นาทีนี่กำลังดีแต่บางคนอาจจะบวกลบนิด
00:14:34 → 00:14:36 หน่อยนะบางคนอาจจะต้อง 25 บางคนอาจจะ 15
00:14:36 → 00:14:38 ก็พอนะครับท่านก็ต้องลองไปหาเอาดูแล้วกัน
00:14:38 → 00:14:41 ว่าของท่านเหมาะกับกี่นาทีถ้า 20 นาที
00:14:41 → 00:14:43 แล้วตื่นมามันเฟรชเลยเออดีนะครับอย่าไป
00:14:43 → 00:14:46 นอนนานกว่านั้นเพราะว่าถ้านอนนานกว่านั้น
00:14:46 → 00:14:48 เนี่ยมันจะไปตื่นเอาช่วงที่ท่านหลับลึก
00:14:48 → 00:14:50 แล้วไอ้นั่นแหละตื่นมาแล้วโอ้โหงัวเงีย
00:14:50 → 00:14:52 ปวดหัวนะครับเราเรียกว่า Sleep in the
00:14:52 → 00:14:54 cheer นะจะง่วงมากจะแบบทำอะไรไม่ได้เลย
00:14:54 → 00:14:57 นะฮงั้นฝากไว้เท่านี้นะครับปรับเรื่อง
00:14:57 → 00:15:01 อาหารนะปรับเรื่องอาหารเรื่องของการกิน
00:15:01 → 00:15:05 น้ำให้เพียงพอนะฮะแล้วที่สำคัญคือการนอน
00:15:05 → 00:15:08 นอนให้เพียงพอไปตรวจด้วยนะฮะถ้าทำทุก
00:15:08 → 00:15:11 อย่างดีแล้วยังง่วงอยู่อีกอาจจะทำ Power
00:15:11 → 00:15:14 naap นะฮะ 20 นาทีจะทำช่วยให้ท่านสามารถ
00:15:14 → 00:15:16 มีชีวิตในวันนั้นแล้วก็ทำงานได้อย่างมี
00:15:16 → 00:15:19 ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นนะครับโอเควันนี้ก็
00:15:19 → 00:15:21 เท่านี้แล้วกันนะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:15:21 → 00:15:24 ครับ