00:00:00 → 00:00:00 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:04 นี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณดาวน์โหลด
00:00:04 → 00:00:09 ได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
00:00:09 → 00:00:13 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:13 → 00:00:16 Orchid podcast วันนี้ก็อยู่กับรายการ
00:00:16 → 00:00:19 โลกซึมเศร้าซึ่งพวกเรานะคะจะพาทุกคนเดิน
00:00:19 → 00:00:22 ทางไปในโลกซึมเศร้าเพื่อทำความเข้าใจกับ
00:00:22 → 00:00:25 โรคซึมเศร้าไปพร้อมๆกันค่ะวันนี้ก็อยู่
00:00:25 → 00:00:28 กับมิ้นท์แล้วก็อยู่กับไม้ค่ะสวัสดีค่ะ
00:00:28 → 00:00:30 คุณผู้ฟังแล้วก็สวัสดีค่ะน้องมิ้นด้วย
00:00:30 → 00:00:34 สวัสดีค่ะพี่มายอย่างที่เราบอกเลยนะว่า
00:00:34 → 00:00:37 วันนี้เรามากับรายการโลกซึมเศร้าค่ะวัน
00:00:37 → 00:00:39 นี้มากับ topic ความเข้าใจผิดที่เกี่ยว
00:00:39 → 00:00:43 กับโรคซึมเศร้าเนาะซึ่งเราพูดถึงความเข้า
00:00:43 → 00:00:46 ใจผิดอ่ะค่ะรู้สึกว่ามีเยอะมากเราเนี่ย
00:00:46 → 00:00:50 พวกเราก็ได้ไปถามคนที่มีประสบการณ์ที่
00:00:50 → 00:00:52 เป็นโรคซึมเศร้าในทีมของเราด้วยแล้วก็ใน
00:00:52 → 00:00:54 Research มาด้วยว่าส่วนใหญ่แล้วว่าคนจะ
00:00:54 → 00:00:56 เข้าใจผิดอะไรกันบ้างซึ่งอันที่เราเอามา
00:00:57 → 00:00:59 ค่ะก็ค่อนข้างที่จะเป็นที่พบได้บ่อยเนาะ
00:00:59 → 00:01:02 อาจจะมีเยอะกว่านี้ก็ได้แต่เราก็ได้คัดมา
00:01:02 → 00:01:06 เป็นบางส่วนความเข้าใจผิดนั่นเองใช่เลย
00:01:06 → 00:01:08 ค่ะก็เลยอยากจะมาชวนน้องมิ้นพูดคุยกัน
00:01:08 → 00:01:11 แล้วก็ชวนคุณผู้ฟังรับฟังด้วยว่ามีอะไร
00:01:11 → 00:01:13 บ้างแล้วก็แบบเราจะทำให้คนอื่นเข้าใจเรา
00:01:13 → 00:01:16 ได้ยังไงบ้างแล้วถ้าเกิดใครที่ยังไม่เข้า
00:01:16 → 00:01:18 ใจแล้วได้มาฟังก็อาจจะเข้าใจมากขึ้นได้
00:01:18 → 00:01:20 เลยเพราะว่าจริงๆแล้วทุกวันนี้ด้วยความ
00:01:20 → 00:01:23 ที่โรคซึมเศร้ามันเริ่มเป็นเรื่องปกติ
00:01:23 → 00:01:25 แล้วก็แพร่หลายที่ทุกคนพอจะรู้จักกันบ้าง
00:01:25 → 00:01:28 แล้วอ่ะเนาะแต่ว่าก็ยังมีหลายอย่างอยู่
00:01:28 → 00:01:30 แหละอย่างที่พี่มายด์บอกว่ายังเข้าใจผิด
00:01:30 → 00:01:32 กันอยู่ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาทำความเข้า
00:01:32 → 00:01:35 ใจไปพร้อมๆกันถึงแม้ว่าตอนนี้โรคซึมเศร้า
00:01:35 → 00:01:37 จะมีการเปิดรับมากขึ้นมีข้อมูลให้ค้นหา
00:01:37 → 00:01:40 ได้ง่ายมากขึ้นแต่ก็ยังมีบางคนที่ยังไม่
00:01:40 → 00:01:41 มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเนาะ
00:01:41 → 00:01:44 อย่างแรกที่คนมักจะเข้าใจผิดกันนะคะที่
00:01:44 → 00:01:47 เราเอามาก็คือซึมเศร้าเท่ากับว่าเพื่อน
00:01:47 → 00:01:50 เยอะๆจริงๆใช่แล้วพี่เจนแชร์ด้วยค่ะว่า
00:01:50 → 00:01:53 โรคอื่นๆทางจิตเวชด้วยที่คนเข้าใจผิดกัน
00:01:53 → 00:01:56 เยอะเหมือนกันว่าแบบการที่เราเป็นแล้วการ
00:01:56 → 00:01:59 ที่เราไปหาจิตแพทย์ไปหานักจิตวิทยาแล้ว
00:01:59 → 00:02:00 เนี่ยแปลว่า
00:02:00 → 00:02:03 ซึ่งจริงๆแล้วเนาะตามทฤษฎีหรือในทาง
00:02:03 → 00:02:06 จิตวิทยาเนี่ยมันไม่มีโรคหรือว่าภาวะไหน
00:02:06 → 00:02:10 ทางจิตเวชที่ใช้คำเรียกว่าบ้านการใช้คำๆ
00:02:10 → 00:02:12 นี้อาจจะกระทบกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าได้
00:02:12 → 00:02:15 ด้วยเพราะพวกเรายามกันอยู่เสมอนะว่าคนพูด
00:02:15 → 00:02:18 ไม่คิดอะไรแต่คนฟังอาจจะจำไปทั้งชีวิต
00:02:18 → 00:02:20 เนี่ยมันมีอยู่จริงเราไม่มีทางรู้เลยว่า
00:02:20 → 00:02:25 คำพูดนี้จะมีผลหรือว่าสร้างบาดแผลในใจ
00:02:25 → 00:02:28 อะไรให้เขาเพราะฉะนั้นก็จะดีกว่าถ้าเรา
00:02:28 → 00:02:32 ไม่แปะป้ายคำว่าบ้าให้กับคนอื่นๆเห็นด้วย
00:02:32 → 00:02:34 ค่ะเพราะว่าคนส่วนใหญ่มักจะมองว่าคนที่ไป
00:02:34 → 00:02:36 หาจิตแพทย์อ่ะหรือว่าเดินเข้าแผนกจิตเวช
00:02:36 → 00:02:40 อ่ะจะมีความผิดปกติบ้างโรคจิตซึ่งตัวพี่
00:02:40 → 00:02:42 อ่ะค่ะก็เคยไปหาจิตแพทย์เหมือนกันซึ่งตอน
00:02:42 → 00:02:45 ที่ไปอ่ะเราก็เห็นคนที่ไปรอพบคุณหมอเนาะ
00:02:45 → 00:02:49 คือทุกคนน่ะปกติยิ้มแย้มแจ่มใสแต่เราแค่
00:02:49 → 00:02:51 ไม่รู้ว่าแบบภายในจิตใจเขาอ่ะมีเรื่อง
00:02:51 → 00:02:54 อะไรอยู่ข้างในเขาคิดอะไรอยู่อืมซึ่งอย่า
00:02:54 → 00:02:56 ตัดสินคนแค่การไปหาหมอเลยอ่ะเพราะพี่คิด
00:02:56 → 00:02:59 ว่าการที่คนๆนึงตัดสินใจไปหาหมออ่ะเป็น
00:02:59 → 00:03:01 เรื่องยากแล้วนะกว่าจะผ่านขั้นตอนการที่
00:03:01 → 00:03:03 แบบเราจะไปหาหมอดีไหมคงมีการแบบตบตีกับ
00:03:03 → 00:03:07 ตัวเองหลายครั้งอ่ะหรือเอาจริงๆคนที่ภาย
00:03:07 → 00:03:09 นอกแบบเหมือนกับมีอาการหนักแล้วคือเขาอาจ
00:03:09 → 00:03:11 จะเป็นโรคซึมเศร้าหรือว่าโรคทางจิตเวช
00:03:11 → 00:03:15 อื่นๆมานานจนแบบอาการมันหนักจนถึงกับต้อง
00:03:15 → 00:03:17 เข้าหวอดหรือว่าเข้ากันเข้ารับการรักษา
00:03:17 → 00:03:19 อย่างจริงจังอ่ะเนาะใช่ค่ะก็ไม่ได้หมาย
00:03:19 → 00:03:21 ความว่าจะใช้คำว่าบ้าได้อยู่ดีเพราะว่า
00:03:21 → 00:03:24 อันนั้นน่ะมันเป็นอาการที่หนักและรุนแรง
00:03:24 → 00:03:27 และมันเป็นจากตัวโรคอ่ะซึ่งแบบมันไม่ใช่
00:03:27 → 00:03:31 ความหมายเดียวกับคำว่าบ้านแน่นอนใช่ค่ะ
00:03:31 → 00:03:33 เพราะว่าการที่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะก็มี
00:03:33 → 00:03:36 ทั้งการที่แบบไม่ต้องไปแอดมิดใช่ไหมคะ
00:03:36 → 00:03:38 แล้วก็มีทั้งแอดมิดด้วยสำหรับคนที่เป็น
00:03:38 → 00:03:41 หนักๆอย่างที่น้องมิ้นบอกเนาะอืมแล้วพี่
00:03:41 → 00:03:43 คิดว่าถ้าเรารู้ว่าคนรู้จักเราอ่ะเป็นโรค
00:03:43 → 00:03:45 ซึมเศร้าอ่ะเราควรที่จะเชียร์เอาเขาหรือ
00:03:45 → 00:03:47 ว่าให้กำลังใจเขามากกว่าที่จะไปตีตาเขา
00:03:47 → 00:03:50 อ่ะไม่ใช่เลยดีกว่าไปพูดให้เขารู้สึกไม่
00:03:50 → 00:03:52 ดีรู้สึกว่าตัวเองอ่ะเป็นคนแปลกเป็นคนผิด
00:03:52 → 00:03:55 ปกติอืมเพราะเอาจริงๆอ่ะมันจะยิ่งทำให้
00:03:55 → 00:03:58 เขาเรียกว่าไงดีอ่ะหายแล้วก็บรรเทาจากโรค
00:03:58 → 00:04:01 หรือว่าสิ่งที่ตัวจึงเป็นได้ยากมากขึ้น
00:04:01 → 00:04:04 ด้วยต่อไปเป็นประเด็นที่ 2 เนอะที่คนเข้า
00:04:04 → 00:04:07 ใจผิดกันบ่อยๆคือซึมเศร้าเท่ากับอ่อนแอ
00:04:07 → 00:04:10 คือจริงๆมินว่าถ้าจากความรู้สึกนะแบบที่
00:04:10 → 00:04:12 ไม่ได้อิงอะไรทั้งนั้นก็แอบรู้สึกว่ามัน
00:04:12 → 00:04:17 ก็อาจจะมีพาร์ทนั้นหมายถึงว่าเราเวลาเอา
00:04:17 → 00:04:19 จริงๆถ้าถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นโรคซึม
00:04:19 → 00:04:22 เศร้าเลยแต่ในช่วงที่เราดิ่งเราดาวอ่ะมัน
00:04:22 → 00:04:24 ก็จะมีช่วงของความอ่อนแออยู่ในนั้นบ้าง
00:04:24 → 00:04:26 เหมือนกันมันเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์
00:04:27 → 00:04:31 เราอ่ะใช่ๆเลยซึ่งแบบหลายๆคนน่ะจะให้คำ
00:04:31 → 00:04:35 นิยามคำว่าอ่อนแออ่ะไปในทางลบเนาะเออเช่น
00:04:35 → 00:04:38 เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเราจะอ่อนแอไม่ได้นะ
00:04:38 → 00:04:41 หรือว่าเราเป็นผู้ชายเราจะอ่อนแอไม่ได้นะ
00:04:41 → 00:04:43 อันนี้ก็คิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยินค่ะ
00:04:43 → 00:04:46 ซึ่งมิ้นมองว่าการยึดติดว่าเพราะเป็นซึม
00:04:46 → 00:04:49 เศร้าไงถึงอ่อนแออาจจะไม่ถูกเสมอไปเพราะ
00:04:49 → 00:04:51 อย่างที่พี่มายด์บอกด้วยเมื่อกี้ว่าอ่อน
00:04:51 → 00:04:54 แอเนี่ยมันเป็นภาวะปกติมันเป็นเรื่องปกติ
00:04:54 → 00:04:57 ที่มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้เกิดขึ้น
00:04:57 → 00:05:00 กับใครก็ได้ไม่ว่าจะเป็นคนเช่นโรคซึม
00:05:00 → 00:05:03 เศร้าหรือว่าไม่ได้เป็นคือเราสามารถอ่อน
00:05:03 → 00:05:06 แอได้ในช่วงที่เราเจอปัญหาและเราสามารถ
00:05:06 → 00:05:08 อ่อนแอได้ในช่วงที่เราเจอเรื่องกระทบ
00:05:08 → 00:05:11 กระเทือนจิตใจอย่างที่เราคุยกันไปเนอะ
00:05:11 → 00:05:13 ความอ่อนแอเป็นพื้นฐานมากๆที่ทุกคนต้อง
00:05:13 → 00:05:15 เจอทุกคนมีช่วงเวลานี้ทั้งหมดเลยไม่ว่า
00:05:15 → 00:05:18 แบบคนนั้นจะดูมีความสุขมากคนนั้นมีเงิน
00:05:18 → 00:05:21 ใช้เยอะมากแต่ทุกคนอ่อนแอได้ไม่ใช่คนที่
00:05:21 → 00:05:23 เป็นซึมเศร้าเจ้าอ่อนแอได้เท่านั้นแล้วก็
00:05:23 → 00:05:26 คำว่าอ่อนแอค่ะถูกใช้นิยามในแง่ลบหรือ
00:05:26 → 00:05:28 ทั้งที่ไม่ผิดมากกว่าพี่น้องมิ้นบอกทำให้
00:05:28 → 00:05:31 ความรู้สึกอ่อนแอจะถูกปิดกั้นเป็นความรู้
00:05:31 → 00:05:33 สึกที่แบบมันดูเป็นเชิงลบอ่ะดูเป็นสิ่ง
00:05:33 → 00:05:35 ที่เราไม่อยากยอมรับเวลาเราเกิดขึ้นน่ะ
00:05:35 → 00:05:38 เพราะกลัวคนอื่นมองว่าเราห่วยเราแพ้พี่
00:05:38 → 00:05:40 เคยอ่าน podcast ค่ะพูดคุยกับนักจิตนี่
00:05:40 → 00:05:42 แหละกับคุณวันเฉลิมเนาะเขาได้บอกว่าความ
00:05:42 → 00:05:44 รู้สึกอ่อนแอดีซะอีกถ้าเรามีเพราะแปลว่า
00:05:45 → 00:05:47 เรายังมีความรู้สึกนะเรายังรับรู้ว่าโอเค
00:05:47 → 00:05:50 ตัวเราในตอนเนี้ยรู้สึกยังไงเราแค่ต้อง
00:05:50 → 00:05:52 จัดการมันดีกว่าความรู้สึกนี้ให้ได้คือ
00:05:52 → 00:05:54 มันก็เป็นช่วงๆหนึ่งของชีวิตอ่ะเนาะเวลา
00:05:54 → 00:05:57 ที่เราแบบเจอเรื่องที่เรารู้สึกว่ามัน
00:05:57 → 00:06:00 หนักใจหรือว่าแบบมันเป็นเรื่องที่หนักมาก
00:06:00 → 00:06:03 ๆอะไรอย่างนี้คือถึงแม้ว่าเรื่องราวเหล่า
00:06:03 → 00:06:06 นี้อาจจะไม่ได้ถึงกับนำพาเราไปเป็นโรคซึม
00:06:06 → 00:06:08 เศร้าแต่ว่าเราก็ต้องได้เจอกับความอ่อนแอ
00:06:08 → 00:06:12 นั้นอยู่ดีใช่ค่ะเราก็หัวข้อต่อมาเออ
00:06:12 → 00:06:15 เมื่อกี้อ่อนแอที่นี้มีอีกอย่างนึงที่
00:06:15 → 00:06:18 บ่อยมากๆเหมือนกันก็คือซึมเศร้าเท่ากับ
00:06:18 → 00:06:20 ขี้เกียจพี่เจนบอกด้วยว่าความเข้าใจเนี่ย
00:06:20 → 00:06:24 เกิดขึ้นบ่อยมากๆแต่จริงๆแล้วคนที่เป็น
00:06:24 → 00:06:27 ซึมเศร้าเนี่ยไม่ใช่ไม่อยากทำแต่ทำไม่ได้
00:06:27 → 00:06:29 เอออันนี้จากประสบการณ์ตรงของพี่เจนเลย
00:06:29 → 00:06:33 แล้วในทางจิตวิทยาเบื้องต้นนะโรคซึมเศร้า
00:06:33 → 00:06:35 จะทำให้เราอ่ะหมดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง
00:06:35 → 00:06:39 ๆมีปัญหาการกินการนอนที่ผิดปกติทำให้ไม่
00:06:39 → 00:06:42 มีพลังงานเท่าเดิมซึ่งสำหรับคนที่มีอาการ
00:06:42 → 00:06:45 มากเนี่ยจริงๆแล้วการที่เขานอนเขาไม่ทำ
00:06:45 → 00:06:48 อะไรเนี่ยมันเป็นเพราะอาการและตัวโรคไม่
00:06:48 → 00:06:50 ใช่เพราะขี้เกียจอืออันนี้คือเห็นด้วยนะ
00:06:50 → 00:06:53 เพราะว่าจากที่เราเคย Active อ่ะเราก็
00:06:53 → 00:06:55 กลายเป็นคนที่พลังงานน้อยใช่จากที่เคยแบบ
00:06:55 → 00:06:57 เราชอบไปเที่ยวกับเพื่อนแต่เราก็ไม่ได้
00:06:57 → 00:07:00 อยากออกไปอ่ะเพราะว่าการเป็นโรคซึมค่ะไม่
00:07:00 → 00:07:01 ได้เท่ากับว่าขี้เกียจจริงๆแต่เป็นเพราะ
00:07:01 → 00:07:05 สารเคมีในสมองเกี่ยวกับฮอร์โมนของเราหรือ
00:07:05 → 00:07:08 ว่าในตอนนั้นคือเรามีจิตใจที่ไม่คงที่เรา
00:07:08 → 00:07:11 ไม่อยากออกไปทำอะไรไม่มีแรงที่จะทำอะไรซะ
00:07:11 → 00:07:13 มากกว่าแต่ว่าจริงๆมิ้นเองก็เคยมี
00:07:13 → 00:07:17 ประสบการณ์นะที่แบบเป็นฐานะของคนที่เข้า
00:07:17 → 00:07:20 ใจผิดซะเองอ่ะหมายถึงว่าเราเคยมีเพื่อน
00:07:20 → 00:07:22 ที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วตอนนั้นยังไม่ได้
00:07:22 → 00:07:25 สนิทกันมากอะไรอย่างนี้เราก็เข้าใจว่าเออ
00:07:25 → 00:07:27 การที่เขาหายไปการที่เขาแบบเหมือนช่วยงาน
00:07:27 → 00:07:29 กลุ่มได้ไม่เต็มที่อะไรเงี้ยมันก็ทำให้
00:07:30 → 00:07:32 เราคิดเผลอแบบตัดสินเขาไปแบบนั้นเหมือน
00:07:32 → 00:07:35 กันจริงๆแล้วแบบพอมาสนิทกันมากขึ้นเพราะ
00:07:35 → 00:07:37 เข้าใจแล้วว่าอ๋อเขาเป็นโรคซึมเศร้านะ
00:07:37 → 00:07:40 อะไรเงี้ยคือความคิดมันเปลี่ยนไปเออแล้ว
00:07:40 → 00:07:43 อีกอย่างนึงคือในช่วงที่เราเศร้าหรือว่า
00:07:43 → 00:07:46 ในช่วงที่เรามีปัญหาอ่ะคนนี้กับช่วยเรา
00:07:46 → 00:07:49 แล้วก็พาเราไปหาอาจารย์พาเราไปหาคนปรึกษา
00:07:49 → 00:07:52 ด้วยซ้ำเพราะว่าเขาเข้าใจไงว่าแบบการที่
00:07:52 → 00:07:53 เราเศร้าเราดิ่งมันเป็นยังไงอะไรอย่าง
00:07:53 → 00:07:56 เงี้ยก็ถือเป็นประสบการณ์ที่แบบทำให้เรา
00:07:56 → 00:07:58 ได้เข้าใจแล้วก็ได้สัมผัสกับคนที่เป็นโรค
00:07:58 → 00:08:01 ซึมเศร้าในระดับที่แบบลึกขึ้น
00:08:01 → 00:08:05 แล้วก็ในหัวข้อต่อไปเนาะก็คือเป็นเรื่อง
00:08:05 → 00:08:08 ของซึมเศร้าแล้วหลายๆคนเนี่ยจะมองว่า
00:08:08 → 00:08:12 สมมุติเออเรียกร้องความสนใจอย่างเช่นคน
00:08:12 → 00:08:16 ที่โพสต์หรือว่าแบบคนที่เหมือนกับร้องไห้
00:08:16 → 00:08:19 หรือว่าแบบถ่ายรูปร้องไห้หรือว่าโพสต์
00:08:19 → 00:08:22 อะไรเศร้าๆในตามโซเชียลเนาะคนที่ไม่เข้า
00:08:22 → 00:08:24 ใจเอาแบบในสมัยก่อนเลยนะก็จะถูกมองว่า
00:08:24 → 00:08:27 เป็นแบบเรียกร้องความสนใจหรือเปล่าหรือ
00:08:27 → 00:08:30 ว่าต้องการความรักมากเป็นพิเศษหรือเปล่า
00:08:30 → 00:08:33 อันนี้พี่มายคิดว่าไงบ้างพี่มายคิดว่า
00:08:33 → 00:08:36 ช่วงเวลาที่คนเป็นโรคซึมเศร้าอ่ะค่ะเขาจะ
00:08:36 → 00:08:38 มีความรู้สึกที่อยากโดนถนอมความรู้สึก
00:08:38 → 00:08:41 ถนอมน้ำใจมากเป็นพิเศษเพราะว่าเขาอ่ะจะ
00:08:42 → 00:08:44 รู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครอยู่ข้างๆคนเรา
00:08:44 → 00:08:46 อ่ะค่ะมีความสามารถในการเผชิญปัญหาไม่
00:08:46 → 00:08:48 เหมือนกันอันนี้ต้องขอบอกเพราะว่าบางคน
00:08:48 → 00:08:50 น่ะอาจจะเข้มแข็งมากสามารถดิวกับปัญหาได้
00:08:50 → 00:08:53 แต่บางคนเขาก็ไม่ได้เข้มแข็งหรือว่าดิว
00:08:53 → 00:08:55 กับปัญหานั้นๆได้อ่ะที่เขาต้องการเรามาก
00:08:55 → 00:08:57 เป็นพิเศษหรือว่าเข้ามาปรึกษาเราบ่อยๆอ่ะ
00:08:57 → 00:09:01 ค่ะคิดว่าอาจจะเป็นการเตือนว่าเขาต้องการ
00:09:01 → 00:09:03 ที่จะระบายต้องการขอความช่วยเหลือมากกว่า
00:09:03 → 00:09:05 การเรียกร้องความสนใจซึ่งการที่แบบโพสต์
00:09:05 → 00:09:07 อะไรตามโซเชียลค่ะนั่นแปลว่าเขาอาจจะไม่
00:09:07 → 00:09:10 มีใครแล้วจริงๆแต่ว่าการที่เราโพสต์ไปมัน
00:09:10 → 00:09:12 เหมือนกันระบายของเขาอ่ะเอออันนี้เห็น
00:09:12 → 00:09:15 ด้วยมากเลยค่ะพี่มายเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:09:15 → 00:09:18 ประเด็นนี้เออมันเป็นเรื่องของการขอความ
00:09:18 → 00:09:21 ช่วยเหลือมากกว่าจริงๆนะคือมินว่ามันคง
00:09:21 → 00:09:23 เป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนที่เป็นซึม
00:09:23 → 00:09:26 เศร้ามากเหมือนกันถ้าสมมติว่าการโพสต์ของ
00:09:26 → 00:09:29 เขาหรือว่าการที่เขาระบายอะไรลงในโซเชียล
00:09:29 → 00:09:32 อ่ะเออคนอื่นจะมองว่ามันเป็นการเรียกร้อง
00:09:32 → 00:09:35 ความสนใจอะไรอย่างเงี้ยคือถ้าสมมุติว่า
00:09:35 → 00:09:39 การขอความช่วยเหลือของเขาการแสดงออกให้คน
00:09:39 → 00:09:41 รอบข้างรู้ว่าเขาไม่ไหวมันเป็นการเรียก
00:09:41 → 00:09:45 ร้องความสนใจปุ๊บมันเลยกลายเป็นว่าเขาคง
00:09:45 → 00:09:48 รู้สึกแย่กับตัวเองมากกว่าเดิมอ่ะอืมเรา
00:09:48 → 00:09:51 เคยคุยกับน้องว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอ่ะ
00:09:51 → 00:09:53 การที่มีโซเชียลซัพพอร์ตหรือการที่มีคน
00:09:53 → 00:09:55 อยู่ข้างๆอ่ะสามารถทำให้เราอ่ะผ่านไปได้
00:09:55 → 00:09:58 ง่ายกว่าเดิมแต่ว่าคนที่เขาโพสต์เฟซหรือ
00:09:58 → 00:10:01 ว่าโพสต์อะไรตามโซเชียลเพื่อระบายค่ะนั่น
00:10:01 → 00:10:02 อาจจะเป็นความช่วยเหลือเดียวที่เขามี
00:10:02 → 00:10:04 เพราะว่าเขาอาจจะไม่มี Social support
00:10:04 → 00:10:07 ที่สามารถ support เขาได้ก็ได้ใช่เลย
00:10:07 → 00:10:09 เพราะว่าในช่วงที่เป็นซึมเศร้าแน่นอนว่า
00:10:09 → 00:10:12 พอมันมีอาการขึ้นมาแน่นอนว่ามันจะเป็น
00:10:12 → 00:10:16 ช่วงที่แบบเปราะบางเนอะใช่ต้องการคน
00:10:16 → 00:10:19 ซัพพอร์ตหัวข้อต่อไปค่ะคือ invert อยู่คน
00:10:19 → 00:10:22 เดียวเป็นโรคซึมเศร้าไหมคือจริงๆมันถ้า
00:10:22 → 00:10:24 สมมุติว่าเราเห็นภาพเฉยๆแบบที่เราไม่ได้
00:10:24 → 00:10:27 ไปรู้เกี่ยวกับคนๆนั้นบางทีมันก็อาจจะมอง
00:10:27 → 00:10:31 ได้เนาะว่าแบบการที่แบบอินโทรเวิร์ดก็แยก
00:10:31 → 00:10:33 ตัวเหมือนกันเพราะว่าเขาต้องการเวลาส่วน
00:10:33 → 00:10:36 ตัวแล้วคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเค้าก็แยกตัว
00:10:36 → 00:10:38 เหมือนกันเพราะว่าเขาอาจจะเปราะบางอาจจะ
00:10:38 → 00:10:40 ไม่พร้อมหรือว่าอาจจะไม่มีความรู้สึกอยาก
00:10:40 → 00:10:43 ที่จะอยู่กับคนอื่นจริงๆอะไรเงี้ยเนาะแต่
00:10:43 → 00:10:45 จริงๆแล้วอยากบอกว่ามันห่างไกลกันมากจริง
00:10:45 → 00:10:49 ๆเป็นไปได้นะที่คนเป็นโรคซึมเศร้าอ่ะจะ
00:10:49 → 00:10:52 อยากอยู่คนเดียวอย่างมิ้นเองที่เคยมี
00:10:52 → 00:10:54 เหมือนกันช่วงที่แบบดิ่งดาวอะไรเงี้ยถึง
00:10:54 → 00:10:56 แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าแต่ตอน
00:10:56 → 00:10:59 นั้นก็รู้สึกว่าไม่อยากอยู่กับใครเหมือน
00:10:59 → 00:11:01 กันเหมือนเรารู้สึกว่าเรากำลังเปราะบาง
00:11:01 → 00:11:03 เรากลัวว่าถ้าสมมุติว่าเราไปอยู่กับคน
00:11:03 → 00:11:06 อื่นน่ะจะมีใครพูดอะไรที่ทำร้ายความรู้
00:11:06 → 00:11:09 สึกเราไหมส่วนตัวพี่ก็เป็นคนที่ชอบอยู่คน
00:11:09 → 00:11:12 เดียวเหมือนกันแบบว่าเราโอเคกับการอยู่คน
00:11:12 → 00:11:14 เดียวหรือว่าเจอปัญหาอะไรอย่างนี้เราโอเค
00:11:14 → 00:11:16 กับการที่ดีลกับตัวเองก่อนแล้วค่อยปรึกษา
00:11:16 → 00:11:18 คนอื่นเหมือนกันค่ะรู้สึกว่ามันค่อนข้าง
00:11:18 → 00:11:20 ห่างไกลกับการเป็นโรคซึมเศร้าเนอะเพราะ
00:11:20 → 00:11:22 พี่คิดว่ามันเป็นบุคลิกภาพของแต่ละคนด้วย
00:11:22 → 00:11:25 ไหมบางคนอาจจะชอบอยู่คนเดียวจริงๆบางคนก็
00:11:25 → 00:11:28 สบายใจมากกว่าที่อยู่กับคนรอบตัวหรือว่า
00:11:28 → 00:11:31 เวลาเจอปัญหาอะไรมาก็สบายใจที่จะแบบไปพูด
00:11:31 → 00:11:33 ระบายให้กับคนรอบข้างฟังได้เลยอะไรอย่าง
00:11:33 → 00:11:35 เงี้ยเอออย่างที่พี่มายด์บอกเลยว่าคือพอ
00:11:35 → 00:11:37 เป็น introver อ่ะมันเป็นเรื่องของ
00:11:37 → 00:11:40 บุคลิกภาพมากกว่าก็คือมันเป็นการที่เขา
00:11:40 → 00:11:43 อ่ะสบายใจแล้วก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวจริงๆ
00:11:43 → 00:11:46 แต่ไม่ได้หมายความว่าการอยู่คนเดียวของ
00:11:46 → 00:11:49 เขาจะแบบเหงาเศร้าซึมหรืออะไรซึ่งการอยู่
00:11:49 → 00:11:51 คนเดียวคนที่ชอบอยู่คนเดียวพี่คิดว่ามัน
00:11:51 → 00:11:54 เป็นการชาร์จแบตให้กับตัวเองเพราะว่าเวลา
00:11:54 → 00:11:56 ที่เราออกไปเจอเพื่อนนะคะอ่ะ 2 ชั่วโมง
00:11:56 → 00:11:59 เต็มที่ก็คือเราเหนื่อยและเออเราก็อยากจะ
00:11:59 → 00:12:02 แบบคิดถึงเตียงนอนจังอยากกลับบ้านมานั่ง
00:12:02 → 00:12:04 ทำอะไรของเราเรื่อยเปื่อยอย่างนี้คือการ
00:12:04 → 00:12:07 มีความสุขของเราแหละแต่ว่าภาพที่เราเห็น
00:12:07 → 00:12:09 นะคะถ้าเราแบบมองแบบกว้างๆเนาะเราลอง
00:12:09 → 00:12:12 จินตนาการว่าเราอยู่กันเป็นกลุ่มแต่มีคนๆ
00:12:12 → 00:12:15 นึงที่ชอบอยู่คนเดียวแต่แย่ออกไปอาจจะทำ
00:12:15 → 00:12:17 ให้สายตาของคนที่เป็นกลุ่มอะค่ะมองว่าคน
00:12:17 → 00:12:19 ที่อยู่คนเดียวนั้นแปลกก็ได้อยากจะบอก
00:12:19 → 00:12:22 น้องว่าเราพูดกันอยู่เสมอเลยว่าจริงๆแล้ว
00:12:22 → 00:12:24 แน่นอนว่ามันไม่มีใครเหมือนกันอะไรอย่าง
00:12:24 → 00:12:27 นี้แบบว่าเออบางทีการที่ชอบอยู่คนเดียว
00:12:27 → 00:12:30 อ่ะมันก็อาจจะเป็นความสุขหรือว่าอาจจะ
00:12:30 → 00:12:33 เป็นวิธีการชาร์จพลังแบบที่พี่มายบอกอ่ะ
00:12:33 → 00:12:36 ใช่ค่ะต่อไปค่ะคือการร้องไห้บ่อยๆเป็นซึม
00:12:36 → 00:12:39 เศร้าไหมที่มิ้งเคยพูดกับพวกเราเนาะว่า
00:12:39 → 00:12:43 แบบการร้องไห้อ่ะมันเป็นภาษาหรือว่าสิ่ง
00:12:43 → 00:12:46 ที่แสดงให้เห็นเป็นภาพชัดที่สุดอือของ
00:12:46 → 00:12:50 ความเศร้าร้องไห้บ่อยๆอ่ะคนที่เป็นโรคซึม
00:12:50 → 00:12:52 เศร้าก็ต้องรอให้บ่อยแหละเพราะว่าด้วย
00:12:52 → 00:12:55 ความที่แบบมันมีมวลความเศร้ามันเป็นความ
00:12:55 → 00:12:59 ดิ่งดาวอย่างนึงที่ทำให้ร้องไห้ได้บ่อยๆ
00:12:59 → 00:13:02 เหมือนกันแต่ไม่ใช่โรคซึมเศร้าก็คือ
00:13:02 → 00:13:06 hsp หรือว่าไฮลี่ sensitive Person
00:13:06 → 00:13:08 กลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มคนที่อ่อนไหวง่าย
00:13:09 → 00:13:12 แล้วก็ร้องไห้ง่ายไม่ใช่ว่าเป็นโรคซึม
00:13:12 → 00:13:15 เศร้าเสมอไปแต่ hsp เนี่ยจะเพิ่มเติมคือ
00:13:15 → 00:13:19 นอกจากร้องไห้ง่ายก็อาจจะไวต่อสิ่งแวด
00:13:19 → 00:13:22 ล้อมทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นแสงสีเสียง
00:13:22 → 00:13:25 ไม่ใช่เรื่องของความรู้สึกอย่างเดียวค่ะ
00:13:25 → 00:13:27 ขอแชร์ของตัวเองแล้วกันเนาะว่าพี่ไม่เคย
00:13:27 → 00:13:32 รู้เลยว่า HP คืออะไรแต่เรารู้ว่าเราเป็น
00:13:32 → 00:13:35 คนที่ไวต่อสิ่งต่างๆรอบตัวทั้งแสงสีกลิ่น
00:13:35 → 00:13:38 แล้วก็ความรู้สึกของคนด้วยหรือแม้แต่แบบ
00:13:38 → 00:13:41 เห็นอะไรที่อิมแพคกับจิตใจของเราแล้วก็จะ
00:13:41 → 00:13:43 ร้องไห้หรือมีท่าทีมากกว่าคนอื่นที่เจอ
00:13:43 → 00:13:47 เหตุการณ์ด้วยกันน่ะอืมแล้วพอเป็นช่วงที่
00:13:47 → 00:13:49 มีอาการแบบซึมเศร้าอ่ะค่ะคือหนักเลยแบบ
00:13:49 → 00:13:53 ร้องไห้มากๆแบบร้องไห้บ่อยมากๆบางทีก็มี
00:13:53 → 00:13:55 สาเหตุบางทีแค่ฝนตกหรือสิ่งแวดล้อมแถว
00:13:55 → 00:13:57 บ้านเสียงดังแล้วก็ร้องไห้แล้วเพราะเรา
00:13:57 → 00:14:00 รู้สึกว่าเขารบกวนเราอ่ะ
00:14:00 → 00:14:02 เอาจริงๆความรู้สึกนี้มันเหนื่อยมากแล้ว
00:14:02 → 00:14:05 เราก็เลยไปเจอหนังสือเล่มนึงคือทฤษฎีของ
00:14:05 → 00:14:06 คนที่อ่อนไหวง่ายค่ะเพราะได้อ่านแล้วก็
00:14:06 → 00:14:08 เข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วเราก็รับมือได้
00:14:08 → 00:14:11 ง่ายมากขึ้นด้วยการที่เป็น hsp อ่ะค่ะคือ
00:14:12 → 00:14:13 เป็นเรื่องปกตินะเอาจริงมันมีข้อดีด้วย
00:14:13 → 00:14:15 เพราะทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้ง่ายขึ้นมาก
00:14:15 → 00:14:19 ๆใช่เพราะว่าแบบนอกจากว่าเรารับรู้สิ่ง
00:14:19 → 00:14:22 แวดล้อมรอบตัวได้ดีแล้วไม่ว่าจะเป็นแสงสี
00:14:22 → 00:14:24 เสียงอ่ะสิ่งนึงที่เป็นจุดเด่นแล้วก็คิด
00:14:24 → 00:14:27 ว่าเป็นข้อดีเลยก็คือเขาจะรับรู้ความรู้
00:14:27 → 00:14:31 สึกของคนรอบตัวได้ง่ายเนาะคือมันอาจจะ
00:14:31 → 00:14:34 เหนื่อยหน่อยแต่พี่ว่าเราสามารถหาทางดีล
00:14:34 → 00:14:36 กับความรู้สึกนี้ของเราได้อ่ะอืมอาจจะ
00:14:36 → 00:14:38 ต้องหาวิธีลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอวิธี
00:14:38 → 00:14:41 ที่มันเหมาะกับเราอ่ะอืมใช่เลยแล้วอีก
00:14:41 → 00:14:44 อย่างนึงคือถ้าเรามองข้อดีของมันให้มาก
00:14:44 → 00:14:46 ขึ้นถึงสิ่งที่เราเป็นอ่ะเนาะบางทีเราก็
00:14:46 → 00:14:49 อาจจะภูมิใจในตัวเองมากขึ้นก็ได้รู้สึกดี
00:14:49 → 00:14:52 กับตัวเองมากขึ้นก็ได้ที่แบบว่าเอออย่าง
00:14:52 → 00:14:54 น้อยการที่เราเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
00:14:54 → 00:14:57 มันก็ทำให้เราสนิทกับคนอื่นได้แบบลึกซึ้ง
00:14:57 → 00:15:02 หรือว่าคนอื่นอาจจะสบายใจกับเราใช่ๆๆที
00:15:02 → 00:15:06 นี้หัวข้อต่อมาอันนี้ก็คิดว่าบ่อยก็คือ
00:15:06 → 00:15:09 เรื่องแค่นี้เองหรออันนี้มันก็จะเป็น
00:15:09 → 00:15:14 คำนึงเนอะที่บางคนใช่ทำร้ายบางคนมากๆเลย
00:15:14 → 00:15:17 แล้วแบบบางทีคนอาจจะคิดว่าปัญหาที่เราเจอ
00:15:17 → 00:15:20 อ่ะไม่น่าถึงกับทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้
00:15:20 → 00:15:23 นะอย่างนี้ใช่แต่อย่างที่ย้ำเลยค่ะว่าแบบ
00:15:23 → 00:15:26 ทุกคนน่ะรับมือกับปัญหาใดไม่เท่ากันอย่าง
00:15:26 → 00:15:29 เช่นสมมุติว่าพี่มีปัญหาเรื่องความรักพี่
00:15:29 → 00:15:32 รับมือไม่ได้นอกมิ้นรับมือได้น้องมิ้นมี
00:15:32 → 00:15:33 ปัญหาเรื่องอย่างอื่นเรามีรับมือไม่ได้
00:15:33 → 00:15:36 แต่ว่าพี่รับมือได้ความสามารถในการเผชิญ
00:15:36 → 00:15:39 ปัญหาของแต่ละคนมันไม่เท่ากันน่ะอืมเรา
00:15:39 → 00:15:41 ไม่รู้เลยว่าแบบกว่าจะเติบโตมาแต่ละคนมี
00:15:41 → 00:15:44 แผลอะไรบ้างใช่ๆเอออันนี้สำคัญแล้วอีก
00:15:44 → 00:15:46 อย่างนึงคือมันเป็นเรื่องของพื้นฐานแล้ว
00:15:46 → 00:15:50 ก็แบบภูมิต้านทานทางใจด้วยค่ะที่แบบเรามี
00:15:50 → 00:15:52 ต่างกันมันเลยทำให้แบบเรารับเรื่องนี้ได้
00:15:52 → 00:15:55 หรือว่าไม่ได้ไม่เท่ากันอะไรเงี้ยเออแล้ว
00:15:55 → 00:15:57 อีกอย่างนึงที่อยากพูดถึงก็คือเรื่องของ
00:15:57 → 00:16:00 การให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆในชีวิตก็
00:16:00 → 00:16:03 เกี่ยวนะอย่างเช่นว่าเราอาจจะเป็นคนที่
00:16:03 → 00:16:06 ให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์มากๆ
00:16:06 → 00:16:10 อันนี้ยกตัวอย่างเออแล้วแบบการที่เราเข้า
00:16:10 → 00:16:11 กับคนอื่นไม่ได้มันเลยเป็นเรื่องใหญ่
00:16:11 → 00:16:14 สำหรับเราไงเออแต่สำหรับคนที่เขาแบบเฮ้ย
00:16:15 → 00:16:16 ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้เลยแบบมีเพื่อน
00:16:16 → 00:16:18 เยอะมาโดยตลอดเข้ากับคนอื่นคุยกับคนอื่น
00:16:18 → 00:16:21 ได้ง่ายเขาก็อาจจะรู้สึกว่าแบบเฮ้ยแบบแค่
00:16:21 → 00:16:24 แค่เข้ากับคนตัวเองได้อะไรอย่างเงี้ยต้อง
00:16:24 → 00:16:26 เป็นโรคซึมเศร้าเลยหรออะไรอย่างเงี้ยใช่
00:16:26 → 00:16:28 เพราะว่าซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆอ่ะ
00:16:28 → 00:16:31 ใช่แต่อย่างที่พวกเราบอกกันเมื่อกี้ค่ะ
00:16:31 → 00:16:34 มินว่าถ้าเรากลับไปจุดเดิมที่ว่าเรื่อง
00:16:34 → 00:16:36 เล็กเรื่องใหญ่ของแต่ละคนไม่เท่ากันน่ะ
00:16:36 → 00:16:39 เออพอเราเข้าใจตรงเนี้ยมินว่าปัญหาทุก
00:16:39 → 00:16:42 อย่างในการตัดสินหรือว่าอะไรมันจะจบนะอือ
00:16:42 → 00:16:46 เพราะว่าเราก็อ๋อโอเคต่างกันเหมือนเป็น
00:16:46 → 00:16:48 การเอาใจเขามาใส่ใจเราอีกทีนึงด้วยอ่ะค่ะ
00:16:48 → 00:16:51 ถ้าเราเปิดใจให้กว้างๆแล้วก็คิดว่าแบบเออ
00:16:51 → 00:16:55 ทุกคนน่ะมีสิ่งที่แบบติดตัวมาตั้งแต่เด็ก
00:16:55 → 00:16:58 ๆไม่เหมือนกันน่ะประสบการเรื่องราวหรือ
00:16:58 → 00:17:01 ว่าบาดในจิตใจไม่เหมือนกันใช่แล้วเพราะ
00:17:01 → 00:17:02 ฉะนั้นแล้วค่ะคำว่าเรื่องแค่นี้เองหรอ
00:17:03 → 00:17:05 เป็นคำที่ใช้ตัดสินคนจริงๆ
00:17:05 → 00:17:09 แล้วก็อีกอันนึงสำคัญมากอันนี้เออใน
00:17:09 → 00:17:12 เรื่องของการรักษาด้วยนะว่าบางคนน่ะเข้า
00:17:12 → 00:17:16 ใจว่าโรคซึมเศร้าเนี่ยจะหายได้โดยไม่ต้อง
00:17:16 → 00:17:19 หาหมอไม่ต้องกินยาอันนี้อยากให้พี่มาย
00:17:19 → 00:17:23 แชร์ก่อนเลยโอเคพี่ว่าการกินยาสำคัญมาก
00:17:23 → 00:17:26 เราลองนึกว่าแบบเราปวดหัวไมเกรนมากเราไม่
00:17:26 → 00:17:28 สามารถหายได้ด้วยกันไม่กินยาถูกต้องไหม
00:17:28 → 00:17:31 คือมันปวดทรมานอ่ะการเป็นโรคซึมเศร้าก็
00:17:31 → 00:17:33 ทรมานเหมือนกันค่ะเพราะฉะนั้นการกินยา
00:17:33 → 00:17:35 สำคัญมากเพราะว่าโรคซึมเศร้าค่ะเป็น
00:17:35 → 00:17:37 เรื่องของสารเคมีในสมองมันไม่ใช่เรื่อง
00:17:37 → 00:17:40 ของการที่แบบเป็นแผลตกสะเก็ดแล้วเราจะแบบ
00:17:40 → 00:17:43 ปล่อยให้เวลาหายไปเรื่อยๆแต่ว่าลูกต้อง
00:17:43 → 00:17:45 เศร้ามันค่อนข้างที่จะแบบกัดกินจิตใจของ
00:17:45 → 00:17:47 เราไปเรื่อยๆเหมือนกันนะคะอย่างที่บอกไป
00:17:47 → 00:17:49 เนาะเป็นเรื่องของสารเคมีในสมองฮอร์โมน
00:17:49 → 00:17:51 ของร่างกายของเราอ่ะเปลี่ยนแปลงไปเราต้อง
00:17:51 → 00:17:54 กินยาเพื่อปรับสารเคมีในสมองนะคะเพราะคน
00:17:54 → 00:17:56 ที่เป็นโรคซึมเศร้าอ่ะเขาไม่สามารถเผชิญ
00:17:56 → 00:17:58 หรือว่ารับมือกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาใน
00:17:58 → 00:18:00 ชีวิตได้เหมือนเหมือนเดิมจากคนที่เคยแบบ
00:18:00 → 00:18:03 รับมือกับคำพูดอย่างเช่นเพื่อนพูดกันใน
00:18:03 → 00:18:06 กลุ่มเนาะเขาเคยเฮฮาปาร์ตี้เราอาจจะไม่
00:18:06 → 00:18:08 Enjoy หรือว่าไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่
00:18:08 → 00:18:11 เพื่อนพูดแล้วอ่ะค่ะคือเราต้องคือเรารับ
00:18:11 → 00:18:13 รู้ว่าเราไม่เหมือนเดิมแล้วเพราะฉะนั้น
00:18:13 → 00:18:16 แล้วอ่ะค่ะการไปหาหมอการไปกินยาคือสิ่ง
00:18:16 → 00:18:20 สำคัญที่ทำให้เราสามารถผ่านไปได้เห็นด้วย
00:18:20 → 00:18:23 กับพี่ไม้เออรู้สึกความคิดตัวเองไปในทาง
00:18:23 → 00:18:25 เดียวกับพี่มายเลยเพราะมินว่าบางทีมัน
00:18:25 → 00:18:28 อยู่ที่การประเมินตัวเองด้วยคือเราเองอ่ะ
00:18:28 → 00:18:31 เป็นคนตอบได้ดีที่สุดว่าเราไหวหรือไม่ไหว
00:18:31 → 00:18:34 คือจริงๆถ้าพยายามจะมองให้กว้างที่สุด
00:18:34 → 00:18:37 อะไรเงี้ยบนโลกนี้มันมีคนเป็นหมื่นล้าน
00:18:37 → 00:18:39 มันอาจจะมีคนที่ทำได้จริงคือใช่หมายถึง
00:18:39 → 00:18:42 ว่าเขาอาจจะผ่านไปได้โดยไม่กินยาก็ได้ก็
00:18:42 → 00:18:47 อาจจะมีแต่ด้วยความที่ในเคสแบบส่วนใหญ่
00:18:47 → 00:18:49 อ่ะโรคซึมเศร้ามันอย่างที่พี่มาบอกว่ามัน
00:18:49 → 00:18:52 มีปัจจัยเรื่องสารเคมีในสมองที่เราควบคุม
00:18:52 → 00:18:55 ไม่ได้ด้วยตัวเองอ่ะเพราะว่าเราคงจะไปแบบ
00:18:55 → 00:18:58 สั่งให้มันหยุดแบบเฮ้ยอย่าหลั่งแบบนี้สิ
00:18:58 → 00:19:01 ในสมองหรืออะไรอย่างนี้เออมันก็ไม่ได้มิน
00:19:01 → 00:19:03 ก็เลยรู้สึกว่าเออคิดแบบพี่มายด์หรือว่า
00:19:03 → 00:19:06 มันคงยากที่เราจะหายได้โดยไม่ต้องแบบหา
00:19:06 → 00:19:08 หมอกินยาแต่ว่าอย่างที่น้องมิ้นบอกเนาะ
00:19:09 → 00:19:11 คืออาจจะมีคนที่ทำได้จริงก็ได้ซึ่งคนที่
00:19:11 → 00:19:13 ทำนู่นจริงๆอ่ะค่ะเขาอาจจะเป็นคนที่โอเค
00:19:13 → 00:19:16 เรารู้ตัวแล้วว่าเราไม่ไหวเราจะหาวิธีดีล
00:19:16 → 00:19:18 กับมันยังไงในช่วงของขั้นตอนแรกแต่คนที่
00:19:18 → 00:19:22 ต้องทานยาค่ะอาจจะเป็นคนที่แบบถึงขั้น
00:19:22 → 00:19:25 แล้วแบบเราไม่สามารถพาเราผ่านจุดนี้ไปได้
00:19:25 → 00:19:27 แล้วหรือว่าคนรอบข้างก็ไม่สามารถพาเรา
00:19:27 → 00:19:30 ผ่านจุดนี้ไปได้แล้วอ่ะคือเราต้องตอบคำ
00:19:30 → 00:19:32 ถามตัวเองจริงๆว่าเราไหวไหมกับสิ่งที่เรา
00:19:32 → 00:19:34 กำลังเจออยู่ประเด็นต่อไปก็เป็นประเด็น
00:19:34 → 00:19:37 ที่เราเจอบ่อยเหมือนกันก็คือฟังธรรมะก็
00:19:37 → 00:19:41 หายแล้วสวดมนต์ก็ไม่คิดมากแล้วหรือว่ามี
00:19:41 → 00:19:43 เงินก็หายแล้วเป็นโรคซึมเศร้าแค่เงินเข้า
00:19:43 → 00:19:46 มาก็หายแล้วเราก็จะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับ
00:19:46 → 00:19:49 ประเด็นนี้เนาะคือพี่ขอยกคำพูดของพระ
00:19:49 → 00:19:53 มหาไพรวัลย์ค่ะเขาบอกว่าคนไทยอ่ะมีมายาติ
00:19:53 → 00:19:55 อยู่อย่างนึงคือเวลาที่เราเป็นอะไรอ่ะเรา
00:19:55 → 00:19:58 ไม่ค่อยอยากจะไปหาหมออืมคือเค้าแบบเค้า
00:19:58 → 00:19:59 บอกแบบนี้นะเขาบอกว่าแล้วเขาก็บอกว่าอย่า
00:19:59 → 00:20:02 คิดแบบนี้เลยนะเราเป็นอะไรเราต้องยอมรับ
00:20:02 → 00:20:05 ถ้าเรารู้ว่าเราไม่ปกติไม่โอเคอันดับแรก
00:20:05 → 00:20:07 คือเราต้องปรึกษาหมอการได้พบจิตแพทย์การ
00:20:07 → 00:20:10 ไปรับคำปรึกษาที่ต่างประเทศเป็นเรื่อง
00:20:10 → 00:20:13 ปกติมากแต่คนไทยเวลาพูดถึงโรงพยาบาลก็มัก
00:20:13 → 00:20:16 จะรู้สึกว่าเฮ้ยป่วยไปนู่นเป็นนี่หรอแล้ว
00:20:16 → 00:20:18 เขาก็ส่งเสริมให้คนไปพบจิตแพทย์ตอนที่เขา
00:20:18 → 00:20:20 บวชอ่ะค่ะเขาก็มีคนมาปรึกษาบ่อยๆเนาะ
00:20:21 → 00:20:24 เรื่องเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายการที่เขา
00:20:24 → 00:20:26 ป่วยคือเราก็ไม่รู้เบื้องหลังเราว่าแบบ
00:20:26 → 00:20:29 มันเป็นดีเทลยังไงคือช่วงที่เขาไลฟ์สดอ่ะ
00:20:29 → 00:20:31 ค่ะก็มีคนมาปรึกษาเขาช่วงที่เป็น viral
00:20:31 → 00:20:34 ในการไลฟ์สดอ่ะเนาะแบบเป็นโรคซึมเศร้าทำ
00:20:34 → 00:20:36 ยังไงดีอะไรอย่างเงี้ยซึ่งเขาก็เชียร์ว่า
00:20:36 → 00:20:38 ให้ไปพบจิตแพทย์ให้จิตแพทย์รักษาแล้วค่อย
00:20:38 → 00:20:41 เอาธรรมะชุกๆเขาบอกว่ามันมีหลายเคสมากๆ
00:20:41 → 00:20:44 ที่คิดว่าป่วยแล้วมาปฏิบัติธรรมจะหายซึ่ง
00:20:44 → 00:20:46 เขาบอกว่าวัดของเขาอ่ะมีแม่ชีกระโดดน้ำ
00:20:46 → 00:20:49 ตายก็มีมีพระที่เป็นลูกศิษย์ผูกคอตายก็มี
00:20:49 → 00:20:51 คิดว่าป่วยแล้วมาปฏิบัติธรรมแล้วจะทำให้
00:20:51 → 00:20:53 ดีขึ้นแต่พอมาเจอกฎระเบียบบางอย่างหรือ
00:20:53 → 00:20:55 ว่าเจอเพื่อนศาสนิกชนด้วยกันที่ร่าเริง
00:20:55 → 00:20:58 แล้วเราก็ไม่คนที่ป่วยค่ะก็ไม่กล้าเข้าไป
00:20:58 → 00:21:00 ปรึกษาภาษาปัญหาที่หนักสุดของความทุกข์
00:21:00 → 00:21:03 คือไม่ยอมปรึกษาคนอื่นซึ่งเขาก็จบท้าย
00:21:03 → 00:21:05 ด้วยว่ามีปัญหาอะไรอ่ะหาคนที่ไว้ใจได้
00:21:05 → 00:21:07 แล้วปรึกษาอย่าเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว
00:21:07 → 00:21:09 ซึ่งตรงกับ Concept ที่เราพูดบ่อยๆว่า
00:21:09 → 00:21:12 โซเชียลซัพพอร์ตนั้นสำคัญแล้วเขาก็ได้ตอบ
00:21:12 → 00:21:14 กลับคำพูดที่แบบว่าฟังธรรมะก็หายแล้วซึ่ง
00:21:14 → 00:21:16 เขาก็ได้บอกว่าไม่จริง
00:21:16 → 00:21:20 การไปหาหมอนั้นคือดีที่สุดไปหาหมอแล้ว
00:21:20 → 00:21:22 ค่อยหาทำมาชุบชูให้จิตใจเราแบบรู้สึกดี
00:21:22 → 00:21:25 ขึ้นเป็นที่พึ่งทางใจให้เราอะไรอย่างนี้
00:21:25 → 00:21:26 ดีกว่าซึ่งคำแนะนำดังกล่าวค่ะเป็น
00:21:26 → 00:21:28 ประโยชน์อย่างมากเหตุทางการแพทย์แล้วก็
00:21:28 → 00:21:31 สุขภาพของคุณหมอท่านนึงค่ะได้ออกมาโพสต์
00:21:31 → 00:21:33 ชื่นชมพระอาจารย์ที่ให้ความรู้ในเรื่อง
00:21:33 → 00:21:36 ของการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งทางเพจอ่ะ
00:21:36 → 00:21:38 ค่ะบอกว่าหลายๆครั้งไม่ใช่แค่ปัญหาจากภาย
00:21:38 → 00:21:40 นอกหรือแค่เรื่องจิตใจอย่างเดียวมักเกิด
00:21:40 → 00:21:42 จากปัญหาในเรื่องของการสื่อประสาทในสมอง
00:21:42 → 00:21:45 ด้วยโดยมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นทำ
00:21:45 → 00:21:48 ให้เกิดความเบื่อหน่ายท้อแท้และแรงบันดาล
00:21:48 → 00:21:50 ใจในการที่จะเอาชนะสารสื่อประสาทในสมอง
00:21:50 → 00:21:52 ซึ่งได้รสพระธรรมแค่ไหนถ้าศาลสื่อประสาท
00:21:52 → 00:21:54 มากหรือน้อยไปอ่ะค่ะอารมณ์ก็จะมาเหนือ
00:21:54 → 00:21:57 เหตุผลของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าโดย
00:21:57 → 00:21:59 อัตโนมัติธรรมะคือความมารดาเป็นธรรมชาติ
00:22:00 → 00:22:02 ของทุกสิ่งแต่คือเห็นด้วยกับประโยคนี้นะ
00:22:02 → 00:22:05 ที่บอกว่าซึ้งในรสพระธรรมแค่ไหนอ่ะแต่ถ้า
00:22:05 → 00:22:09 ศาลสื่อประสาทมันแบบผิดปกติอยู่อ่ะมันก็
00:22:09 → 00:22:13 คงยากที่เราจะเอาชนะมันใช่เออเพราะว่าการ
00:22:13 → 00:22:16 ปรับตัวปรับใจของเรามันก็ขึ้นอยู่กับความ
00:22:16 → 00:22:19 รู้สึกขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่มันเกิด
00:22:19 → 00:22:21 ขึ้นกับร่างกายเราด้วยเนาะที่แบบเราไม่
00:22:21 → 00:22:23 ได้ควบคุมได้ทุกอย่างส่วนอีกประเด็นหนึ่ง
00:22:23 → 00:22:28 ที่บอกว่าไม่คิดมากก็หายแล้วอันนี้จริงๆ
00:22:28 → 00:22:31 แล้วมินว่ามันก็อาจจะไม่ใช่นะแต่ไม่คิด
00:22:31 → 00:22:34 มากเนี่ยทำให้โอกาสเป็นโรคซึมเศร้าน้อย
00:22:34 → 00:22:36 กว่ามินว่ามินเห็นด้วยกับอันนี้เพราะว่า
00:22:36 → 00:22:40 เอาจริงๆแล้วอ่ะคือสำหรับมิ้นเองจาก
00:22:40 → 00:22:43 ประสบการณ์ตรงอ่ะก็รู้สึกว่าคิดมากอ่ะมัน
00:22:43 → 00:22:47 ขยายไปสู่อะไรที่รุนแรงได้จริงๆอ่ะหมาย
00:22:47 → 00:22:50 ถึงแบบในช่วงที่มิ้นท์ดิ่งมิ้นดาวมันก็มา
00:22:50 → 00:22:53 จากการคิดมากนี่แหละก็เลยรู้สึกว่าคือถ้า
00:22:53 → 00:22:56 เราเลิกคิดมากแล้วเราจะเลิกหายเป็นโรคซึม
00:22:56 → 00:22:59 เศร้าไหมมันอาจจะไม่ใช่แต่มันอาจทำให้เรา
00:22:59 → 00:23:01 อ่ะไปสู่โรคซึมเศร้าได้น้อยลง
00:23:01 → 00:23:05 ส่วนเป็นโรคซึมเศร้าแค่เงินเข้าก็หายแล้ว
00:23:05 → 00:23:08 เอออันนี้ได้มาจากพี่เจนแชร์มาเนาะเออ
00:23:08 → 00:23:11 มิ้งคิดว่าการมีฐานะที่ดีหรือว่าการมีราย
00:23:11 → 00:23:14 ได้ที่เยอะมันจะทำให้ความลำบากในการใช้
00:23:14 → 00:23:17 ชีวิตของเราอ่ะน้อยลงก็จริงเรื่องเครียด
00:23:18 → 00:23:21 หรือว่าปัญหาต่างๆเนี่ยมันน้อยลงก็จริง
00:23:21 → 00:23:23 แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เป็นโรค
00:23:23 → 00:23:25 ซึมเศร้าหรือว่าหายจากโรคซึมเศร้าได้เสมอ
00:23:25 → 00:23:28 ไปเอาจริงๆว่าคนที่ไม่ได้มีปัญหาด้าน
00:23:28 → 00:23:31 สถานะทางการเงินน่ะเขาก็อาจจะมีปัญหาอื่น
00:23:31 → 00:23:34 ๆอย่างเช่นครอบครัวความสัมพันธ์หรือว่า
00:23:34 → 00:23:36 ปัญหาการปรับตัวก็ได้ซึ่งจริงๆปัจจัยพวก
00:23:36 → 00:23:40 นี้มันกระทบอารมณ์ของเราได้เหมือนกันมี
00:23:40 → 00:23:42 เงินทำให้ความลำบากในการใช้ชีวิตน้อยลง
00:23:42 → 00:23:44 จริงแต่ว่าเราก็ไม่มีทางรู้ว่าการที่มี
00:23:44 → 00:23:46 เงินน่ะเขาอาจจะมีปัญหาที่เขาจัดการไม่
00:23:46 → 00:23:49 ได้ก็ได้แต่ความเครียดความกดดันต่างๆที่
00:23:49 → 00:23:51 สังคมของเราทุกวันนี้มันมีหลายสาเหตุมา
00:23:51 → 00:23:54 ที่ทำให้เราแบบเกิดความเครียดหรือว่าความ
00:23:54 → 00:23:57 คิดมากขึ้นได้อ่ะค่ะอืมพี่ว่าการมีเงินก็
00:23:57 → 00:23:59 ไม่ได้ทำให้แบบความเครียดหรือว่าความคิด
00:23:59 → 00:24:02 มากมันน้อยลงไปกว่าเดิมแต่อาจจะทำให้แบบ
00:24:02 → 00:24:05 สิ่งที่เราจัดการไม่ได้อาจจะง่ายมากขึ้น
00:24:05 → 00:24:08 อันนี้เห็นด้วยแล้วก็อยากยกตัวอย่างนึง
00:24:08 → 00:24:10 อย่างเช่นจริงๆแล้วเราอาจจะรู้สึกเนอะว่า
00:24:10 → 00:24:14 คนที่เป็นดาราหรือว่าแบบคนที่แบบมีชื่อ
00:24:14 → 00:24:16 เสียงอะไรเงี้ยคือเขาจะสามารถหาเงินได้
00:24:16 → 00:24:20 เยอะมากๆแต่จริงๆในจำนวนของดาราหรือว่าคน
00:24:20 → 00:24:22 เหล่านั้นเนี่ยเขาก็มีเยอะเหมือนกันนะที่
00:24:22 → 00:24:24 เป็นโรคซึมเศร้าอะไรเงี้ยจากการฟัง
00:24:24 → 00:24:26 สัมภาษณ์ต่างๆก็เลยรู้สึกว่าแบบเออแค่การ
00:24:26 → 00:24:29 มีเงินมันคงไม่ทำให้หายแน่นอนประเด็นต่อ
00:24:29 → 00:24:31 ไปเนาะก็เป็นรู้สึกเศร้าต้องปรึกษาหมอ
00:24:31 → 00:24:34 ด้วยหรอคืออันนี้อยากเล่าเพราะว่าแบบเจอ
00:24:34 → 00:24:36 มากับตัวเองเลยด้วยอะไรอย่างเงี้ยมันมี
00:24:36 → 00:24:40 ครั้งนึงที่มินไปบ้านยายแล้วพอญาติคนนึง
00:24:40 → 00:24:42 อ่ะรู้ว่ามินเรียนจิตต่างวิทยาเขาก็ถาม
00:24:42 → 00:24:45 ว่ามีปัญหาทางใจต้องไปปรึกษาหมอด้วยหรอ
00:24:45 → 00:24:48 หรือแบบประมาณว่าถ้าเรามีอะไรทุกข์ใจ
00:24:48 → 00:24:50 เศร้าใจเนี่ยเราต้องมาคุยกับนักจิตวิทยา
00:24:50 → 00:24:53 ด้วยหรออะไรเงี้ยเออจากการที่มินเล่าให้
00:24:53 → 00:24:55 ฟังว่ามิ้นทำงานแบบเกี่ยวกับอะไรอะไร
00:24:55 → 00:24:58 อย่างเงี้ยคือเขาถามแบบเขาไม่เข้าใจจริงๆ
00:24:58 → 00:25:00 ชนะตอนนั้นอะไรอย่างเงี้ยแต่มิ้นกลับมา
00:25:00 → 00:25:02 คิดก็รู้สึกว่าเออมันไม่แปลกนะที่จะคิด
00:25:02 → 00:25:05 แบบนั้นเพราะว่าสำหรับหลายๆคนเนี่ยการ
00:25:05 → 00:25:07 เล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้คนอื่นฟังอ่ะ
00:25:07 → 00:25:09 มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเพราะว่า
00:25:09 → 00:25:12 มันไม่คุ้นชินด้วยมันไม่กล้าด้วยหรือว่า
00:25:12 → 00:25:15 บางทีอาจจะกลัวถูกตัดสินหรือเขาอาจจะมอง
00:25:15 → 00:25:17 ว่าปัญหาและเรื่องราวของเขาอ่ะมันเป็น
00:25:17 → 00:25:21 ความลับการที่จะบอกความลับกับใครสักคนมัน
00:25:21 → 00:25:23 ไม่ใช่เรื่องง่ายเขาก็เลยมองว่าแบบเฮ้ย
00:25:24 → 00:25:26 การที่เรามีเรื่องปัญหาทุกข์ใจหรือความ
00:25:26 → 00:25:29 เศร้าเนี่ยเราต้องหาหมอได้หรอหรืออะไรแบบ
00:25:29 → 00:25:32 นี้แต่จริงๆแล้วอยากแชร์ค่ะว่าจริยธรรม
00:25:32 → 00:25:35 ของนักจิตวิทยาแล้วก็จิตแพทย์เนี่ยจะมี
00:25:35 → 00:25:38 การเก็บความลับให้ผู้ป่วยอยู่แล้วไม่ต้อง
00:25:38 → 00:25:40 กลัวการถูกตัดสินด้วยเพราะว่าทุกคนใน
00:25:40 → 00:25:43 วิชาชีพเนี่ยต่างก็ถูกเทรนมาให้รับฟัง
00:25:43 → 00:25:46 แล้วก็ทำความเข้าใจปัญหาของคนๆนั้นอยู่
00:25:46 → 00:25:49 แล้วแล้วก็อยากฝากไว้จากใจคนที่เรียน
00:25:49 → 00:25:52 จิตวิทยาด้วยค่ะว่าแค่ไม่สบายใจแล้วจัด
00:25:52 → 00:25:55 การตัวเองไม่ได้ปรึกษานักวิชาชีพก็ได้อืม
00:25:55 → 00:25:57 เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือว่า
00:25:57 → 00:25:59 เรื่องที่ผิดปกติอะไรเลยและมิ้นเชื่อเสมอ
00:25:59 → 00:26:02 ว่ามันกันไว้ก็ดีกว่าแก้เพราะถ้าเราปล่อย
00:26:02 → 00:26:05 ไว้จนปัญหานั้นทำร้ายเรามันก็อาจจะเกิด
00:26:05 → 00:26:08 เป็นโรคซึมเศร้าหรือว่าภาวะทางจิตอื่นๆ
00:26:08 → 00:26:11 ได้อย่างที่หัวข้อบอกเนอะรู้สึกเศร้าต้อง
00:26:11 → 00:26:13 ปรึกษาหมอด้วยหรอพี่คิดว่าไม่แปลกนะที่
00:26:13 → 00:26:15 แบบคนจะคิดแบบนั้นน่ะเพราะสำหรับบางคนก็
00:26:15 → 00:26:18 ยังไม่มีความเข้าใจในโลกซึมเศร้าและกว่า
00:26:18 → 00:26:20 คนที่จะตัดสินใจไปหาหมอได้อย่างที่บอกไป
00:26:20 → 00:26:23 ว่าเขาก็ตบตีกับตัวเองหนักเหมือนกันต้อง
00:26:23 → 00:26:25 เกิดคำถามกับตัวเองว่าแบบควรไปหาหมอหรือ
00:26:25 → 00:26:28 ยังไปหาหมอดีไหมเรื่องที่เราเจออยู่อ่ะ
00:26:28 → 00:26:30 ถือเป็นเรื่องเล็กเกินจะไปหาหมอไหมซึ่ง
00:26:30 → 00:26:32 สิ่งที่น้องมิ้นบอกอ่ะค่ะว่าไม่สบายใจจัด
00:26:33 → 00:26:35 การตัวเองไม่ได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคือ
00:26:35 → 00:26:37 ทางออกที่ดีเพราะสิ่งที่เราจัดการไม่ได้
00:26:37 → 00:26:39 เราเก็บไว้กับตัวเองอ่ะค่ะจากตอนแรกที่
00:26:39 → 00:26:41 เราเศร้าอ่ะอาจจะพัฒนากลายเป็นโรคซึม
00:26:41 → 00:26:44 เศร้าก็ได้และนักวิชาชีพค่ะก็ไม่ตัดสิน
00:26:44 → 00:26:46 เราว่าเรื่องที่จะเป็นเรื่องเล็กหรือว่า
00:26:46 → 00:26:49 เรื่องใหญ่ด้วยอืมเพราะเอาจริงๆโหเค้าคง
00:26:49 → 00:26:52 แบบจากประสบการณ์ของการฝึกงานการกว่าจะ
00:26:52 → 00:26:55 ได้มาถึงตรงเนี้ยเค้าก็ต้องฟังเรื่องราว
00:26:55 → 00:26:59 ของหลายคนหลากหลายอาชีพคนทุกคนที่แตกอืม
00:26:59 → 00:27:03 คิดว่าเออการตัดสินของเขาอ่ะมันจะน้อย
00:27:03 → 00:27:06 กว่าแน่นอนแล้วก็มาถึงอีก topic นึงที่
00:27:06 → 00:27:08 มันก็ค่อนข้างซีเรียสแล้วก็เป็น topic
00:27:09 → 00:27:10 สุดท้ายของเราแล้วเนาะคือในวันนี้ก็คือ
00:27:10 → 00:27:13 โรคซึมเศร้าเป็นแล้วต้องฆ่าตัวตายใช่ไหม
00:27:13 → 00:27:16 หรือว่ามันเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายจริง
00:27:16 → 00:27:19 ๆใช่ไหมอะไรอย่างเงี้ยจริงๆอ่ะถ้าเกี่ยว
00:27:19 → 00:27:20 ออกไหมมันคงเกี่ยวแน่นอนแหละเพราะว่า
00:27:20 → 00:27:22 อย่างที่เราบอกว่ามันเป็นเรื่องของสาร
00:27:22 → 00:27:25 สื่อประสาทมันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่
00:27:25 → 00:27:28 ดิ่งมันดาวจนแบบบางครั้งมันฉุดตัวเองขึ้น
00:27:28 → 00:27:31 มาให้ใช้ชีวิตตามปกติยากอ่ะเนาะเออการฆ่า
00:27:31 → 00:27:34 ตัวตายมันส่วนนึงนะมันก็อาจจะเป็นเพราะ
00:27:34 → 00:27:38 ความท้อแท้หรือมันอาจจะเป็นแต่แต่เอออัน
00:27:38 → 00:27:41 นี้อยากแชร์อย่างนึงว่ามินไม่เคยรู้สึก
00:27:41 → 00:27:44 เลยว่าการฆ่าตัวตายคือการคิดสั้นคือมิน
00:27:44 → 00:27:47 รู้สึกเสมอว่ามันเป็นอะไรที่คนที่เป็นโรค
00:27:47 → 00:27:50 ซึมเศร้าอ่ะคิดมานานแล้วแบบทบทวนมาแล้ว
00:27:50 → 00:27:54 ว่าโอเคเนี่ยอาจจะเป็นทางออกสุดท้ายอืมก็
00:27:54 → 00:27:56 สิ่งที่ต้องเจอแล้วอะไรแบบเนี้ยเนาะอืม
00:27:56 → 00:27:59 ใช่แล้วจริงๆหลายบางคนอาจจะมองว่าการฆ่า
00:27:59 → 00:28:02 ตัวตายมันคือการไม่รักตัวเองเนาะเออแต่
00:28:02 → 00:28:05 จริงๆจากที่ได้เรียนมาครั้งนึงนะแต่มิ้น
00:28:05 → 00:28:08 จำไม่ได้ทั้งหมดแต่มันก็เปลี่ยนความเข้า
00:28:08 → 00:28:10 ใจของมิ้นไปเหมือนกันว่ามันไม่ใช่ว่าเรา
00:28:10 → 00:28:13 ไม่รักตัวเองแต่เราก็มีความรักตัวเองใน
00:28:13 → 00:28:16 ระดับนึงที่เราอยากจะให้ตัวเองอ่ะได้หนี
00:28:16 → 00:28:19 พ้นจากความเจ็บปวดนี้สักทีแล้วการฆ่าตัว
00:28:19 → 00:28:22 ตายมันอาจจะเป็นทางออกสุดท้ายจริงๆแบบที่
00:28:22 → 00:28:23 พี่มายด์บอกอะไรอย่างเงี้ยมันก็เลยทำให้
00:28:23 → 00:28:26 บางคนตัดสินใจที่จะทำแบบนั้นจริงๆอะไร
00:28:26 → 00:28:29 อย่างเงี้ยแต่เออพี่เจนก็ยกประเด็นมาด้วย
00:28:29 → 00:28:32 ว่าแบบมันอาจจะไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตายเสมอไป
00:28:32 → 00:28:35 สำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะว่ามันมี
00:28:35 → 00:28:38 หลายเลเวลที่แบบถ้าเราอาจจะเป็นแค่อ่อนๆ
00:28:39 → 00:28:41 อาจจะเพิ่งเริ่มหรืออะไรเงี้ยถ้าเราไปหา
00:28:41 → 00:28:44 หมอเราก็อาจจะไม่ถึงขั้นถึงกับการฆ่าตัว
00:28:44 → 00:28:47 ตายเสมอไปเนาะใช่ค่ะเพราะว่าซึมเศร้าอ่ะ
00:28:47 → 00:28:50 มีหลายเลเวลจริงๆคนที่มีความคิดว่าต้อง
00:28:50 → 00:28:53 ฆ่าตัวตายค่ะเขาอาจจะแบบเป็นหนักมากๆหรือ
00:28:53 → 00:28:55 ว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนๆนึงจะตัด
00:28:55 → 00:28:57 สินใจยังไงเนาะอืมอย่างที่บอกไปว่าถ้าเรา
00:28:57 → 00:29:00 เริ่มจัดการปัญหาตัวเองไม่ได้หรือว่ามัน
00:29:00 → 00:29:03 ยากจังเลยกับการที่เราจะต้องแบบตื่นลืมตา
00:29:03 → 00:29:05 ขึ้นมาแล้วก็ใช้ชีวิตที่เป็นรูทีนของเรา
00:29:05 → 00:29:09 ถ้าเราไปปรึกษาหมอก่อนไปหาที่พึ่งทางใจ
00:29:09 → 00:29:11 เราก่อนไม่ว่าจะเป็นแบบสิ่งที่ทำให้เรา
00:29:11 → 00:29:14 สบายใจในขั้นต้นก่อนหรือว่าสิ่งนั้นไม่
00:29:14 → 00:29:15 สามารถไปที่พึ่งทางใจให้เราแล้วการไป
00:29:15 → 00:29:18 ปรึกษาหมอค่ะเป็นทางออกที่ดีจริงๆซึ่งใน
00:29:18 → 00:29:21 พริกสดนี้มิ้นกับพี่มายก็ได้มาคุยกันใน
00:29:21 → 00:29:23 หลายๆหัวข้อเลยเนาะของความเชื่อผิดๆ
00:29:23 → 00:29:27 เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าซึ่งก็หวังว่าจะได้
00:29:27 → 00:29:30 ทำความรู้จักแล้วก็ทำความเข้าใจกับคนที่
00:29:30 → 00:29:33 เป็นโรคซึมเศร้าไปพร้อมๆกับคนผู้ฟังเนาะ
00:29:33 → 00:29:35 วันนี้นะคะมายกับน้องมิ้นก็ขอตัวลาไปก่อน
00:29:36 → 00:29:38 แล้วก็เจอกันใหม่ใน Episode หน้าสำหรับ
00:29:38 → 00:29:41 วันนี้สวัสดีค่ะ
00:29:41 → 00:29:44 นี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณดาวน์โหลด
00:29:44 → 00:29:49 ได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
00:29:49 → 00:29:52 [เพลง]