00:00:00 → 00:00:02 ถ้าใครติดตามท to มาตลอดนะครับผมมักจะพูด
00:00:02 → 00:00:05 เสมอเลยว่าถ้าเราอยากมีสุขภาพดีอยากมี
00:00:05 → 00:00:08 อายุยืนยาวแล้วก็อยากให้อายุทางชีวภาพของ
00:00:08 → 00:00:11 เราเนี่ยมันเด็กลงเด็กลงสิ่งที่เราควรจะ
00:00:11 → 00:00:15 ทำเนี่ยมีอยู่ 4 อย่างก็คือกินดีนอนดีออก
00:00:15 → 00:00:18 กำลังกายดีแล้วก็อารมณ์ดีนะครับซึ่งส่วน
00:00:18 → 00:00:20 ใหญ่เนี่ยเรามักจะพูดถึงการกินการนอนการ
00:00:20 → 00:00:22 ออกกำลังกายแต่สิ่งนึงที่ยังไม่ค่อยได้
00:00:22 → 00:00:25 พูดถึงคืออารมณ์ดีนะครับเวลาที่เราพูดถึง
00:00:25 → 00:00:27 อารมณ์ดีไม่เพียงแต่ว่าเราต้องมีความสุข
00:00:27 → 00:00:29 เยอะๆหัวเราะเยอะๆนะครับแต่คือเราต้อง
00:00:30 → 00:00:32 เครียดให้น้อยลงด้วยนะครับพอพูดถึงความ
00:00:32 → 00:00:34 เครียดเนี่ยจะบอกว่าให้เครียดน้อยลงเนี่ย
00:00:34 → 00:00:36 มันเป็นสิ่งที่ยากมากๆเลยเนาะโหทุกคนมี
00:00:36 → 00:00:39 ปัญหามากมายในชีวิตแต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์
00:00:39 → 00:00:41 แล้วก็คุณหมอหลายคนแล้วให้ความสำคัญแล้ว
00:00:41 → 00:00:43 ก็หาวิธีว่าทำยังไงอ่ะจะทำให้ร่างกาย
00:00:43 → 00:00:46 เนี่ยลดความเครียดได้เร็วที่สุดเพื่อที่
00:00:46 → 00:00:49 จะทำให้เราเนี่ยมีสุขภาพได้ดีที่สุดแล้ว
00:00:49 → 00:00:51 ตอนนี้เราเจอวิธีแล้วนะครับวันนี้ Top to
00:00:52 → 00:00:54 จะเอาวิธีที่ลดความเครียดได้เร็วที่สุดมา
00:00:54 → 00:00:57 ฝากคุณผู้ชมกันครับซึ่งบอกได้เลยว่าทำได้
00:00:57 → 00:00:59 ง่ายแล้วก็ไม่ต้องเทรดเลยครับเดี๋ยว
00:00:59 → 00:01:02 เดี๋ยวไปดูกันว่าทำยังไงฮะ This is the
00:01:02 → 00:01:05 Standard podcast Eye Opening for
00:01:05 → 00:01:06 your
00:01:06 → 00:01:10 ears Top tile podcast สุขภาพที่ใช้
00:01:10 → 00:01:14 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:14 → 00:01:17 เท้าก่อนที่ผมจะเฉลยนะครับว่าวิธีนั้นคือ
00:01:17 → 00:01:20 อะไรเนี่ยผมอยากจะชวนให้ใครก็ตามที่มี
00:01:20 → 00:01:22 อุปกรณ์ที่เป็น smart watch หรืออะไรก็
00:01:22 → 00:01:25 ตามที่มาติดกับร่างกายแล้วสามารถที่จะใช้
00:01:25 → 00:01:28 วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้นะครับเอามา
00:01:28 → 00:01:30 ติดแล้วก็ฟัง episod นี้ไปพร้อมๆกันนะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับเพราะอยากจะให้ทุกคนเนี่ย experiment
00:01:33 → 00:01:35 ทดลองไปพร้อมๆกับที่ผมอธิบายเลยนะครับ
00:01:35 → 00:01:38 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เขาเจอแล้วว่า
00:01:38 → 00:01:41 สามารถจะลดความเครียดได้เร็วที่สุดต้อง
00:01:41 → 00:01:44 บอกว่าทันทีเลยนะครับสิ่งๆนั้นมันเรียก
00:01:44 → 00:01:47 ว่า physiological SI ครับทุกคนสามารถจะ
00:01:47 → 00:01:49 เอาคำคำนี้ไปเสิร์ชได้เลยนะครับถ้าเกิด
00:01:49 → 00:01:51 อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวผมจะเล่าให้
00:01:51 → 00:01:53 ฟังว่า physiological SI เนี่ยมันคือ
00:01:53 → 00:01:56 อะไรนะครับจริงๆน่ะมันคือการหายใจแบบนึง
00:01:56 → 00:01:58 นะครับเราหายใจทุกวันทุกวันโดยที่เราไม่
00:01:58 → 00:02:00 รู้ตัวนะครับทำเป็นอัอัตโนมัติอยู่แล้ว
00:02:00 → 00:02:02 โดยที่เราอาจจะไม่ได้โฟกัสกับมาเลยว่าเอ๊
00:02:02 → 00:02:06 ปกติแล้วเนี่ยเราหายใจยังไงแพทเทิร์นของ
00:02:06 → 00:02:09 เราหายใจยังไงง่ายๆผมถามเลยครับทุกคนรู้
00:02:09 → 00:02:12 มั้ครับว่าเวลาคุณหายใจเนี่ยคุณหายใจเข้า
00:02:12 → 00:02:16 หรือว่าคุณหายใจออกนานกว่ากันตอบคำถามนี้
00:02:16 → 00:02:19 ได้ป่ะหลายคนอาจจะไม่รู้นะครับหรือคำถาม
00:02:19 → 00:02:22 ที่ 2 ครับเวลาที่คุณหายใจเนี่ยคุณหายใจ
00:02:22 → 00:02:26 ได้เต็มปอดป่ะอ่อผมเชื่อว่าหลายๆคนหายใจ
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยเรามักจะหายใจไม่เต็มปอดนะหายใจแบบ
00:02:28 → 00:02:30 ประมาณนึง
00:02:30 → 00:02:35 แล้วก็หายใจออกและไม่มีใครแบบหายใจแบบ
00:02:35 → 00:02:39 เนี้ยน้อยคนมากที่จะทำแบบนี้ถูกป่ะสุแล้ว
00:02:39 → 00:02:42 ก็หายใจปกติเพราะฉะนั้นเรื่องการหายใจ
00:02:42 → 00:02:43 เนี่ยเป็นเรื่องที่เราทุกคนสึกว่าเออเป็น
00:02:43 → 00:02:46 เรื่องปกติธรรมดาเราก็ไม่ได้จะใส่ใจกับ
00:02:46 → 00:02:49 มันมากแต่ผมบอกเลยว่าต่อจากนี้ไปเราควรจะ
00:02:49 → 00:02:52 ต้องโฟกัสแล้วก็ให้ความสำคัญกับการหายใจ
00:02:52 → 00:02:55 ให้มากขึ้นนะครับเพราะว่าการหายใจถูกวิธี
00:02:55 → 00:02:58 เนี่ยมันจะทำให้เรามีอายุที่ยืนนานแล้วก็
00:02:59 → 00:03:01 มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นนะครับเวลาที่
00:03:02 → 00:03:04 เราเครียดวันหลังลองสังเกตนะเวลาที่เรา
00:03:04 → 00:03:06 โกรธใครหรือเวลาที่เราเครียดเนี่ยหัวใจ
00:03:06 → 00:03:09 เราเต้นแรงขึ้นหรือเปล่านะครับหัวใจเราจะ
00:03:09 → 00:03:12 เต้นแรงขึ้นแรงขึ้นนะครับเป็นสันญาณของ
00:03:12 → 00:03:14 ร่างกายเพื่อที่ให้เลือดเไปสูบฉีดไปยัง
00:03:14 → 00:03:17 อวัยวะต่างๆนะครับเพื่อให้เราเนี่ย Alert
00:03:17 → 00:03:20 ขึ้น Alert ทำไมเพื่อที่จะให้เราเนี่ยหา
00:03:20 → 00:03:23 ทางที่จะแก้ปัญหาหรือว่าจัดการมันให้เรา
00:03:23 → 00:03:26 เครียดน้อยลงหรือว่าให้เราโกรธน้อยลงนั่น
00:03:26 → 00:03:28 เองนะครับเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์เลยนะ
00:03:28 → 00:03:31 ครับทีนี้เวลาที่เราเครียดหรือเวลาที่เรา
00:03:31 → 00:03:33 ตื่นเต้นเนี่ยนะครับหลายๆครั้งคนมักจะบอก
00:03:33 → 00:03:38 ว่าให้เราหายใจเข้าลึกๆลึกๆเป็นมยคุณลอง
00:03:38 → 00:03:42 ดูนะคุณลองหายใจเข้าลึกๆเอามือจับที่หัว
00:03:42 → 00:03:46 ใจก็ได้ครับหรือว่าดูเปิดเปิดนาฬิกาโหมด
00:03:46 → 00:03:48 าร Rate นะครับแล้วลองดูนะถ้าเกิดเราหาย
00:03:48 → 00:03:50 ใจเข้าลึก
00:03:50 → 00:03:54 ๆแล้วหายใจลึกๆนานขึ้นนานขึ้นน่ะหัวใจคุณ
00:03:54 → 00:03:58 เต้นช้าลงหรือเร็วขึ้นครับถ้าลองสังเกตดู
00:03:58 → 00:04:01 จะพบว่าทุกครั้งที่ที่เราหายใจ
00:04:02 → 00:04:06 เข้ายาวขึ้นหรือหายใจเข้าแรงขึ้นหัวใจเรา
00:04:06 → 00:04:10 จะเต้นแรงขึ้นถามว่าทำไมเป็นแบบนั้นครับ
00:04:10 → 00:04:12 เวลาที่เราจะหายใจเข้านะครับสมองเราเนี่ย
00:04:12 → 00:04:15 ส่งสัญญาณไปที่กล้ามเนื้อกระบังลมของเรา
00:04:15 → 00:04:17 ให้กล้ามเนื้อกระบาลมของเราเนี่ยนะครับ
00:04:17 → 00:04:21 มันลดตัวลงพอกล้ามเนื้อกระบาลมลดตัวลง
00:04:21 → 00:04:24 เนี่ยครับปอดของเราเนี่ยมันจะขยายได้มาก
00:04:25 → 00:04:27 ขึ้นเพราะมันมีช่องว่างตรงกลางลำตัวเรา
00:04:27 → 00:04:30 มากขึ้นปาดจะขยายใหญ่ขึ้นหัวใจของเรา
00:04:30 → 00:04:32 เนี่ยครับมันก็จะขยายใหญ่ขึ้นนิดนึงคือ
00:04:32 → 00:04:35 เราจะไม่รู้ตัวหรอกแต่หัวใจจะขยายใหญ่
00:04:35 → 00:04:38 ขึ้นพอหัวใจเราขยายใหญ่ขึ้นนะครับเหมือน
00:04:38 → 00:04:41 กับเราใช้สายยางฉีดน้ำอ่ะครับถ้าสายยาง
00:04:41 → 00:04:45 มันใหญ่น้ำมันจะไหลช้าลงแต่ถ้าสายยางมัน
00:04:45 → 00:04:48 เล็กลงรูเล็กลงน้ำมันจะไหลแรงขึ้นถูกมย
00:04:48 → 00:04:51 สมมุติเราเอานิ้วไปอังปากสายยางเนี่ยรู
00:04:51 → 00:04:54 เล็กลงน้ำจะพุ่งแรงขึ้นเหมือนกเลยหัวใจ
00:04:54 → 00:04:58 ใหญ่ขึ้นเลือดมันจะไหลช้าลงพอเลือดมันไหล
00:04:58 → 00:05:01 ช้าลงเนี่ยครับมันจะมีจุดๆนึงในหัวใจนะ
00:05:01 → 00:05:03 ครับเขาเรียกว่า SA node มันจะรีบส่ง
00:05:03 → 00:05:05 สัญญาณไปบอกสมองว่าเฮ้ยตอนนี้เลือดมันไหล
00:05:05 → 00:05:08 ช้าลงว่ะสมองก็จะไม่ยอมครับสมองต้องการจะ
00:05:08 → 00:05:11 ทำยังไงได้ให้เลือดมันไหลปกติสมองก็จะรีบ
00:05:11 → 00:05:14 ส่งสัญญาณมาบอกหัวใจทันทีว่าเฮ้ยปั๊ม
00:05:14 → 00:05:18 เลือดเร็วขึ้นหัวใจเราก็เลยัดเต้นแรงขึ้น
00:05:18 → 00:05:21 แรงขึ้นเพื่อ compensate กับการที่เลือด
00:05:21 → 00:05:24 อ่ะมันไหลช้าลงนั่นเองนะครับลองทำดูครับ
00:05:24 → 00:05:26 เพราะงั้นถ้าเกิดว่าคุณอยากให้หัวใจของ
00:05:27 → 00:05:30 คุณเต้นเร็วขึ้นเพียงแค่คุณหายจเข้าให้
00:05:30 → 00:05:33 มันนานขึ้นหรือว่าหายใจเข้าให้มันแรงขึ้น
00:05:33 → 00:05:35 หัวใจคุณจะเต้นเร็วขึ้นทันทีครับในทาง
00:05:36 → 00:05:39 กลับกันนะครับถ้าเกิดว่าคุณอยากให้หัวใจ
00:05:39 → 00:05:44 ของคุณเต้นช้าลงรีกขึ้นสิ่งที่เราควรจะทำ
00:05:44 → 00:05:50 คือเราควรจะหายใจออกให้มันนานขึ้นนะ
00:05:50 → 00:05:54 ครับนานขึ้นลองทำดูครับแล้วลองสังเกตารท
00:05:54 → 00:05:56 Rate ดูนะครับเหมือนกันครับอธิบายคล้ายๆ
00:05:56 → 00:06:00 กันเวลาที่เราหายใจออกเนี่ยนะครับสมหมอง
00:06:00 → 00:06:02 มาสั่งกล้ามเนื้อกระบังลมเราควบคุมให้มัน
00:06:03 → 00:06:06 ยกตัวขึ้นช่องในลำตัวเราแวตมันจะเล็กลง
00:06:06 → 00:06:09 คือปอดเราจะเล็กลงตอนเราหายใจออกเนาะหัว
00:06:09 → 00:06:11 ใจเราก็จะเล็กลงโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ
00:06:12 → 00:06:14 นิดนึงพอหัวใจเราเล็กลงเนี่ยเลือดมันก็จะ
00:06:14 → 00:06:17 ไหลเร็วขึ้น SA node ที่หัวใจก็รีบส่งไป
00:06:17 → 00:06:20 บอกสมองว่าเฮ้ยตอนนี้เลือดมันไหลเร็วขึ้น
00:06:20 → 00:06:22 แล้วนะสมองก็จะส่งสากลับไปบอกหัวใจว่า
00:06:22 → 00:06:25 โอเคเธอเต้นให้มันช้าลงหน่อยเลือดจะได้
00:06:25 → 00:06:28 ไหลช้าลงเป็นปกตินะครับเพราะฉะนั้นเวลา
00:06:28 → 00:06:32 ที่เราหายหายใจออกหายใจออกเนี่ยครับหัวใจ
00:06:32 → 00:06:36 เราจะเต้นช้าลงนะครับหายใจเข้าหัวใจเต้น
00:06:36 → 00:06:39 เร็วขึ้นหายใจออกหัวใจจะเต้นช้าลงเพรา
00:06:39 → 00:06:43 งั้นเราสามารถที่จะควบคุมการเต้นของหัวใจ
00:06:43 → 00:06:46 ได้เพียงแค่เราควบคุมลมหายใจของเราเท่า
00:06:46 → 00:06:49 นั้นเองครับซึ่งการค้มพบความสัมพันธ์
00:06:49 → 00:06:53 ระหว่างกล้ามเนื้อกระบังลมสมองแล้วก็การ
00:06:53 → 00:06:55 เต้งของหัวใจนะครับไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะ
00:06:55 → 00:06:57 ครับในทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะในทาง
00:06:57 → 00:06:59 neuroscience กับคุณหมอเนาะหรือว่านัก
00:07:00 → 00:07:02 วิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านสมองเนี่ยเค้า
00:07:02 → 00:07:05 ศึกษาเรื่องเนี้ยมานานแล้วแล้วเเจอเรื่อง
00:07:05 → 00:07:08 นี้มานานแล้วนะครับว่าอ่าเราสามารถที่จะ
00:07:08 → 00:07:11 ควบคุมการเต้นของหัวใจได้เพียงแค่ควบคุม
00:07:11 → 00:07:14 ลมหายใจครับแล้วองค์ความรู้เหล่าเยครับ
00:07:14 → 00:07:16 มันก็เป็นที่มาว่าทำไมถึงเกิดสิ่งที่
00:07:16 → 00:07:19 เรียกว่า physiological Sign นะครับ
00:07:19 → 00:07:22 physiological Sign เนี่ยมันคือการที่
00:07:22 → 00:07:27 เราหายใจเข้า 2 ครั้งแล้วก็หายใจออกยาวๆ 1
00:07:27 → 00:07:29 ครั้งนะครับอย่าเพิ่งงงนะครับครับว่าเอ้ย
00:07:29 → 00:07:32 ทำไมถึงแนะนำให้หายใจเข้า 2 ครั้งอ่ะใน
00:07:32 → 00:07:35 เมื่อบอกว่าถ้าเราหายใจเข้าเนี่ยหัวใจมัน
00:07:35 → 00:07:38 จะเต้นเร็วขึ้นแล้วหัวใจเต้นเร็วขึ้น
00:07:38 → 00:07:40 เนี่ยมันก็ทำให้เราเครียดหรือว่าหงุดหงิด
00:07:40 → 00:07:43 มากกว่าเดิมแทนที่เราจะต้องการรีกให้หาย
00:07:43 → 00:07:45 เครียดคือทำให้หัวใจเต้นช้าลงนะครับโดย
00:07:45 → 00:07:47 ปกติแล้วครับทุกคนเวลาเราหายใจอย่างที่
00:07:47 → 00:07:49 บอกเราหายใจไม่เต็มปอดครับเราหายใจเพียง
00:07:49 → 00:07:50 แค่
00:07:50 → 00:07:53 แบบสักระดับนึงแล้วเราก็หายใจออกและนะ
00:07:54 → 00:07:56 ครับแต่การทำ physiological Sign คือการ
00:07:56 → 00:07:59 หายใจเข้า 2 ครั้งเนี่ยคือการที่หายใจ
00:07:59 → 00:08:02 เข้าครั้งแรกปกติแล้วก่อนที่จะหายใจออก
00:08:02 → 00:08:05 เนี่ยคุณหายใจเข้าอีกครั้งนึงเลยหายใจ
00:08:05 → 00:08:07 เข้าครั้งที่ 2 เนี่ยมันจะหายใจไม่ได้ยาว
00:08:07 → 00:08:10 มากครับแต่มันจะเป็นการทำให้แบบคุณหายใจ
00:08:10 → 00:08:12 ได้สุดมากยิ่งขึ้นคือมันจะทำให้ปอดของเรา
00:08:12 → 00:08:16 เนี่ยมันขยายแบบสุดเลยอ่ะลูกโป่งมันพอง
00:08:16 → 00:08:18 เต็มที่นะครับเดี๋ยวผมจะทำให้ดูนะครับหาย
00:08:18 → 00:08:23 ใจเข้าครั้งที่ 1 แล้วก็ต่อครั้งที่ 2
00:08:23 → 00:08:26 เนาะการหายใจเข้าครั้งที่ 2 มันเหมือนกับ
00:08:26 → 00:08:29 เป็นการฮุบอากาศเฮือกสุดท้ายอ่ะเพราะปอด
00:08:29 → 00:08:31 มันยังหายใจได้อีกแต่เรามักจะลืมแล้วไม่
00:08:31 → 00:08:33 ทำนะครับพอเราหายใจครั้งที่ 2 แบบฮุบ
00:08:33 → 00:08:35 อากาศเข้าไป
00:08:35 → 00:08:40 แบบปอดเต็มแล้วเนี่ยคราวเนี้ยตอนหายใจออก
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยเราจะสามารถหายใจออกได้ยาวขึ้นและ
00:08:43 → 00:08:55 หายใจออกได้มีพลังมากขึ้นนะครับลองทำดู
00:08:55 → 00:08:59 ครับเราจะหายใจออกได้ยาวกว่าปกตินะครับ
00:08:59 → 00:09:01 นี่คือสิ่งที่เรียกว่า physiological
00:09:01 → 00:09:04 Sign หายใจเข้าสั้นๆ 2 ครั้งแล้วก็หายใจ
00:09:04 → 00:09:07 ออกยาวๆการทำแบบนี้นะครับมันจะทำให้หัวใจ
00:09:07 → 00:09:11 ของเราเนี่ยเต้นช้าลงแบบทันทีเลยนะครับ
00:09:11 → 00:09:14 ทันทีทำปึ๊บเห็นผลปั๊บเลยนะครับแล้วพอหัว
00:09:14 → 00:09:17 ใจเราเต้นช้าลงเนี่ยครับร่างกายของเรา
00:09:17 → 00:09:21 ทั้งหมดเราจะรู้สึก relax ขึ้นการที่เรา
00:09:21 → 00:09:24 รู้สึกเครียดรู้สึกกังวลรู้สึกโกรธเราจะ
00:09:24 → 00:09:27 รู้สึกรกขึ้นทันทีครับถ้าคุณไม่เชื่อต้อง
00:09:27 → 00:09:30 ลองทำดูพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับเพราะว่า
00:09:30 → 00:09:32 มีการทดลองแบบจริงจังเลยนะครับถูกต้องตาม
00:09:32 → 00:09:34 หลักวิทยาศาสตร์เลยนะครับมีการเอาการทำ
00:09:34 → 00:09:38 physiological Sign คือการหายใจสั้นๆ 2
00:09:38 → 00:09:42 ครั้งแล้วก็หายใจออกยาวๆเอาไปเปรียบเทียบ
00:09:42 → 00:09:45 กับการหายใจที่เรียกว่า Box breathing
00:09:45 → 00:09:48 นะครับเป็นเทคนิคของหน่วยซครับทหารเรือใน
00:09:48 → 00:09:50 การลดความเครียดนะครับ Box breathing
00:09:50 → 00:09:54 มันคือการหายใจเข้า 1 วินา H ไว้คือกั้น
00:09:54 → 00:09:57 หายใจ 1 วินาแล้วก็หายใจออก 1 วินามันก็
00:09:57 → 00:10:00 คือการหายใจเข้ากับการหายใจออกด้วยระยะ
00:10:00 → 00:10:03 เวลาเท่ากันนะครับทำแบบนี้เทียบกันแล้วก็
00:10:03 → 00:10:06 มีการเอาไปเทียบกับการนั่งสมาธิด้วยครับ
00:10:06 → 00:10:09 ว่าการหายใจแบบ physiological SI การหาย
00:10:10 → 00:10:12 ใจแบบ Box breathing คือหายใจเข้าออก
00:10:12 → 00:10:14 ระยะเวลาเท่ากันเทียบกับการนั่งสมาธิแบบ
00:10:14 → 00:10:18 ไหนเนี่ยมันจะลดพารามิเตอร์หรือค่าที่บ่ง
00:10:18 → 00:10:20 บอกถึงความเครียดได้ดีกว่ากันนะครับสิ่ง
00:10:20 → 00:10:22 ที่นักวิจัยเาเจอเนี่ยก็เจอว่าการทำ
00:10:22 → 00:10:24 physiological Sign เนี่ยครับมันสามารถ
00:10:24 → 00:10:28 ที่จะลดการเต้นของหัวใจลดบั Pressure
00:10:28 → 00:10:30 หรือว่าความดันเลือดเนี่ยได้ดีกว่าการ
00:10:30 → 00:10:32 นั่งสมาธิด้วยละครับั้นเป็นการลดความ
00:10:32 → 00:10:35 เครียดที่มีประสิทธิภาพแล้วก็รวดเร็วกว่า
00:10:35 → 00:10:38 แล้วก็ทำได้ง่ายเพราะคุณสามารถที่จะทำ
00:10:38 → 00:10:40 physiological SI ได้ตลอดเวลาครับไม่
00:10:40 → 00:10:43 ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตามอยู่ตรงไหนก็ตาม
00:10:43 → 00:10:45 ทำกิจกรรมอะไรอยู่ก็ตามจะนอนจะนั่งจะยืน
00:10:45 → 00:10:48 จะเดินนะครับจะอยู่ในพื้นที่ไหนคุณก็ทำ
00:10:48 → 00:10:51 ได้ครับไม่จำเป็นต้องหาที่เงียบๆเพื่อที่
00:10:51 → 00:10:53 จะนั่งสมาธินะครับถามว่าทำไมการทำ
00:10:53 → 00:10:55 physiological Sign มันถึงแตกต่างจาก
00:10:55 → 00:10:57 การนั่งสมาธินะครับก่อนอื่นต้องบอกว่าการ
00:10:57 → 00:10:59 นั่งสมาธิไม่ใช่ไม่มีประโยชน์นะนะมี
00:10:59 → 00:11:01 ประโยชน์เหมือนกันแต่มีประโยชน์คนละแบบนะ
00:11:01 → 00:11:03 ครับเวลาที่เรานั่งสมาธิเนี่ยเราใช้จิตใจ
00:11:03 → 00:11:06 เราโฟกัสจดจ่อไปกับลมหายใจตอนที่เราหายใจ
00:11:07 → 00:11:10 เข้าหายใจออกหายใจเข้าหายใจออกให้เรา
00:11:10 → 00:11:13 concentrate กับโฟกัสถูกมั้ยครับแต่ว่า
00:11:13 → 00:11:15 ตอนที่เรานั่งสมาธิเนี่ยเราไม่ได้ควบคุม
00:11:15 → 00:11:17 ทั้งเวลาและความแรงของลมหายใจเข้าหายใจ
00:11:17 → 00:11:20 ออกซึ่งมันจะแตกต่างจากสิ่งที่เรียกว่า
00:11:20 → 00:11:22 bread work และมันก็จะแตกต่างจากสิ่ง
00:11:22 → 00:11:24 ที่เรียกว่า physical SI ครับเพราะว่า
00:11:24 → 00:11:26 การทำ Breath work หรือว่า physiological
00:11:27 → 00:11:29 SI เนี่ยมันจะควบคุมระยะเวเวลาทั้งการ
00:11:29 → 00:11:32 หายใจเข้าหายใจออกแล้วก็ความแรงซึ่งมันจะ
00:11:32 → 00:11:35 ทำให้เกิดเอฟเฟคที่แตกต่างกันนั่นเองนะ
00:11:35 → 00:11:37 ครับนอกจากเการที่เราหายใจเข้าติดกัน 2
00:11:37 → 00:11:40 ครั้งก่อนจะหายใจออกนะครับมันส่งผลที่อีก
00:11:40 → 00:11:43 อย่างนึงก็คือเราสามารถที่จะกำจัดแก๊ส
00:11:43 → 00:11:45 คาร์บอนไดออกไซด์ไปได้เยอะแล้วก็มี
00:11:45 → 00:11:48 ประสิทธิภาพมากกว่าการหายใจปกตินะครับ
00:11:48 → 00:11:51 เพราะว่าพอเราสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดปึ๊บ
00:11:51 → 00:11:53 แล้วตอนที่เราหายใจออกเนี่ยครับเจ้า
00:11:53 → 00:11:55 คาร์บอนไดออกไซด์นะครับมันจะถูกแพร่จาก
00:11:55 → 00:11:58 เส้นเลือดบริเวณปอดเนี่ยออกมาสู่อากาศได้
00:11:58 → 00:12:01 เยอะกว่าแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ปริมาณ
00:12:01 → 00:12:03 คาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:12:03 → 00:12:06 ลดลงนะครับร่างกายของเราเนี่ยก็จะรู้สึก
00:12:06 → 00:12:08 รีกได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเองนะครับเพราะ
00:12:08 → 00:12:10 ฉะนั้นนะครับผมอยากจะชวนทุกคนให้เมื่อ
00:12:11 → 00:12:12 ไหร่ก็ตามที่เราเครียดหรือว่าเราโกรธ
00:12:13 → 00:12:16 เนี่ยลองทำ physiological Sign นะครับทบ
00:12:16 → 00:12:18 ทวนอีกครั้งนึงนะครับว่าทำยังไงมันคือการ
00:12:18 → 00:12:21 ที่เราหายใจเข้า 2 ครั้งแล้วก็หายใจออก 1
00:12:21 → 00:12:25 ครั้งยาวๆนะครับซึ่งวิธีเนี้ยมันทำได้
00:12:25 → 00:12:27 สะดวกได้ง่ายทุกที่ทุกเวลาเลยนะครับหลายๆ
00:12:28 → 00:12:30 ครั้งที่เราเครียดเครับเรามักจะได้รับคำ
00:12:30 → 00:12:32 แนะนำว่าไปออกกำลังกายจะได้คลายเครียดไป
00:12:32 → 00:12:35 นั่งสมาธิจะได้คลายเครียดหรือว่าไปนอนพัก
00:12:35 → 00:12:37 ผ่อนให้เยอะขึ้นจะได้คลายเครียดเนี่ยครับ
00:12:37 → 00:12:39 แต่บอกว่าการทำเหล่านั้นเนี่ยบางทีเนี่ย
00:12:39 → 00:12:42 มันไม่ได้ทำทุกที่ทุกเวลานะครับแต่ว่าไอ้
00:12:42 → 00:12:44 เจ้า physiological Sign เป็นสิ่งที่
00:12:44 → 00:12:47 ง่ายๆที่ไม่ว่าใครก็ตามนะครับจะอายุเท่า
00:12:47 → 00:12:50 ไหร่สามารถที่จะทำได้ไม่ต้องฝึกไม่ต้อง
00:12:50 → 00:12:53 เรียนรู้เลยนะครับมันทำได้ง่ายมากๆเพราะ
00:12:53 → 00:12:56 ฉะนั้นอยากให้ทุกคนไปลองพิสูจน์ดูนะครับ
00:12:56 → 00:12:58 ว่ามันสามารถที่จะช่วยให้คุณลดความความ
00:12:59 → 00:13:01 เครียดได้หรือเปล่าเพราะถ้าเกิดว่าวิธี
00:13:01 → 00:13:03 นี้มันเวิร์คแล้วมันช่วยทำให้คุณลดความ
00:13:03 → 00:13:06 เครียดได้เนี่ยนะครับมันก็จะดีต่อร่างกาย
00:13:06 → 00:13:10 มากๆเลยเพราะพอเครียดลดลงคอร์ติซอลลดลง
00:13:10 → 00:13:13 fre Radical ลดลงนะครับร่างกายของเรา
00:13:13 → 00:13:16 เนี่ยก็จะมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นโอกาส
00:13:16 → 00:13:19 ที่จะเป็นโรคต่างๆก็จะน้อยลงและเราก็จะมี
00:13:19 → 00:13:23 อายุชีวภาพที่ลดลงไปด้วย
00:13:23 → 00:13:26 ครับ Top to Toe The Standard
00:13:26 → 00:13:31 podcast ey Opening for
00:13:31 → 00:13:34 your