00:00:00 → 00:00:04 แลคตาซอยงาดำเข้มประโยชน์ทุกคำหอมงาดำ
00:00:04 → 00:00:08 อร่อยมากเป็นค่ายคลื่นไส้และอาเจียนอาจ
00:00:08 → 00:00:12 เสี่ยงโรคไข้สมองอักเสบรู้จักโรคไข้สมอง
00:00:12 → 00:00:14 อักเสบอันตรายถึงชีวิตป้องกันได้ด้วย
00:00:15 → 00:00:18 วัคซีนเปิดอาหาร 5 หมู่ตัวช่วยบำรุงสมอง
00:00:18 → 00:00:22 มีอะไรบ้างติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน
00:00:22 → 00:00:28 รายการ TNN Health วัน
00:00:28 → 00:00:32 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:32 → 00:00:35 Health ค่ะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:35 → 00:00:38 ภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN He นะคะ
00:00:39 → 00:00:42 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงชัดดาวจังวังกร
00:00:42 → 00:00:45 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:45 → 00:00:48 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:48 → 00:00:53 ผู้ชมมาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:53 → 00:00:57 [เพลง]
00:00:57 → 00:01:01 ค่ะสัปดาห์นี้นะคะเราเราจะมาพูดถึงเรื่อง
00:01:01 → 00:01:04 ของไข้สมองอักเสบกันค่ะซึ่งห้ามนิ่งนอนใจ
00:01:04 → 00:01:06 นะคะเพราะหลายๆท่านจะคิดว่าถ้าหากตัวเอง
00:01:07 → 00:01:10 ค่ะมีภาวะเวียนศีรษะคลื่นไส้อาเจียนรวม
00:01:10 → 00:01:12 ถึงเป็นไข้อาจจะคิดว่าเอ๊ะเป็นไข้หวัด
00:01:12 → 00:01:14 ทั่วไปหรือเปล่าแต่ในความเป็นจริงท่านอาจ
00:01:14 → 00:01:18 จะเป็นไข้สมองอักเสบก็ได้มารู้จักโรคไข้
00:01:18 → 00:01:21 สมองอักเสบกันดีกว่าค่ะในหน้าฝนนี้ก่อน
00:01:21 → 00:01:24 ที่จะไปทำความรู้จักโรคไข้สมองอักเสบมาก
00:01:24 → 00:01:27 ขึ้นมาดูกันก่อนดีกว่าว่ามีโรคติดเชื้อ
00:01:27 → 00:01:31 อะไรบ้างที่เด็กๆควรระวัง 1 โรคมือเท้า
00:01:31 → 00:01:34 ปากเป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสกลุ่มเทโร
00:01:34 → 00:01:40 ไวรัสเช่นคอกีไวัส a16 และเอนโรไวรัส 71
00:01:40 → 00:01:44 ซึ่งเรียกสั้นๆว่าเชื้อ EV 71 เป็นเชื้อ
00:01:44 → 00:01:47 ที่รุนแรงที่สุดซึ่งสามารถติดต่อผ่านการ
00:01:47 → 00:01:51 สัมผัสน้ำมูกน้ำลายหรืออุจจาระของผู้ป่วย
00:01:51 → 00:01:55 โดยตรงหรือทางอ้อมเช่นผ่านของเล่นการ
00:01:55 → 00:01:58 สัมผัสผ่านมือน้ำและอาหารที่ปนเปื้อน
00:01:59 → 00:02:02 เชื้อซึ่งจะพบมากในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5
00:02:02 → 00:02:08 ปี 2 โรคติดเชื้อ IPD เป็นโรคติดเชื้อจาก
00:02:08 → 00:02:13 แบคทีเรีย strepto cal นวมนชนิดรุนแรง
00:02:13 → 00:02:16 และรุกรานทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแส
00:02:16 → 00:02:19 เลือดเยื่อหุ้มสมองอักเสบปลอดอักเสบ
00:02:20 → 00:02:24 รุนแรงไปจนถึงทำให้พิการและเสียชีวิตได้
00:02:24 → 00:02:28 โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปีเชื้อ
00:02:28 → 00:02:32 นิโมคอกเป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้
00:02:32 → 00:02:37 ผ่านการไอหรือจาม 3 โรคไข้หวัดใหญ่เป็น
00:02:37 → 00:02:40 กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจเกิดจากการติด
00:02:40 → 00:02:43 เชื้อไวรัส influenza ไวรัสที่อยู่ในน้ำ
00:02:43 → 00:02:47 มูกน้ำลายหรือละอองเสมหะที่กระจายอยู่ใน
00:02:47 → 00:02:51 อากาศจากการไอจามของผู้ป่วยเด็กเล็กและ
00:02:51 → 00:02:54 เด็กวัยเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิด
00:02:54 → 00:02:57 ภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ง่ายเช่นโรคปอด
00:02:57 → 00:03:02 อักเสบโรคสมองอักเสบ 4 โรคไข้เลือดออกคือ
00:03:02 → 00:03:05 โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกีซึ่ง
00:03:05 → 00:03:09 มียุงลายเพศเมียเป็นพหะนำโรคพบการระบาด
00:03:09 → 00:03:12 สูงในช่วงฤดูฝนเพราะมีบริเวณน้ำขังที่
00:03:12 → 00:03:15 เป็นแหล่งเพาพันธุ์ยุงลายเมื่อยุงลายตัว
00:03:15 → 00:03:18 เมียดูดเลือดจากผู้ป่วยที่มีเชื้อเด็งกี่
00:03:18 → 00:03:22 เข้าไปเชื้อไวรัสเด็งกี่ในยุงจะเพิ่ม
00:03:22 → 00:03:25 จำนวนและกระจายเชื้อเข้าไปสู่ต่อมน้ำลาย
00:03:25 → 00:03:28 ของยุงเตรียมพร้อมที่จะปล่อยเชื้อให้กับ
00:03:28 → 00:03:31 ผู้ที่ถูกกัดครั้งต่อไปได้ตลอดอายุของยุง
00:03:32 → 00:03:36 ซึ่งจะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน 5 โรคอุจจระ
00:03:36 → 00:03:40 ร่วงเป็นภาวะที่มีการถ่ายเหลวผิดปกติตั้ง
00:03:40 → 00:03:43 แต่ 3 ครั้งติดต่อกันซึ่งสาเหตุเกิดจาก
00:03:43 → 00:03:47 การกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปน
00:03:47 → 00:03:50 เปื้อนรวมถึงการจับของเล่นหรือสิ่งของ
00:03:50 → 00:03:54 สกปรกเข้าปากและในช่วงหน้าฝนนี้นะคะโรค
00:03:54 → 00:03:57 อีกโรคหนึ่งที่ต้องพึงระวังในเด็กๆค่ะก็
00:03:57 → 00:04:01 คือโรคไข้สมองอักเสบอันส่วนหนึ่งว่ามียุง
00:04:01 → 00:04:05 เป็นพาหะนั่นเองโรคไข้สมองอักเสบเป็นโรค
00:04:05 → 00:04:08 ที่เกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
00:04:08 → 00:04:11 หรือเชื้อไวรัสทำให้เกิดการอักเสบของ
00:04:11 → 00:04:15 เนื้อสมองทั่วๆไปบางครั้งอาจเกิดจากปัญหา
00:04:15 → 00:04:18 ทางภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งในประเทศไทย
00:04:18 → 00:04:22 ส่วนใหญ่จะพบว่าโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส
00:04:22 → 00:04:23 japanes
00:04:23 → 00:04:28 entis หรือเจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับเดกี่
00:04:28 → 00:04:32 ไวรัสซึ่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
00:04:32 → 00:04:36 ทั้งนี้เนื้อสมองอักเสบอาจเกิดขึ้นจาก
00:04:36 → 00:04:39 เชื้อหลายชนิดเชื้อไวรัสเองก็มีหลายตัว
00:04:39 → 00:04:43 เช่นพิษสุนักมา่าคางทูมความผิดปกติของทาง
00:04:43 → 00:04:47 เดินอาหารเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ
00:04:47 → 00:04:50 เหล่านี้ก็จะทำให้เกิดเนื้อสมองอักเสบได้
00:04:50 → 00:04:54 โรคไข้สมองอักเสบ J ส่วนมากพบในเด็กอายุ
00:04:54 → 00:04:59 5-10 ปีและพบการแพร่ระบาดในภาคเหนือช่วง
00:04:59 → 00:05:03 ฤดฝนมากกว่าภาอื่นๆระยะฟักตัวของโรค
00:05:03 → 00:05:07 ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากถูกยุงที่มี
00:05:07 → 00:05:10 เชื้อกัดซึ่งเชื้อตามธรรมชาติจะอยู่ใน
00:05:10 → 00:05:14 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดเช่นสุกรและ
00:05:14 → 00:05:18 ยุงที่จะเป็นพาหะนำมาสู่คนในตัวสุกรเอง
00:05:18 → 00:05:21 ถ้าเป็นสัตว์ที่ตัวเต็มวยตัวสัตว์เองก็จะ
00:05:21 → 00:05:25 มีภูมิต้านทานพอสมควรทำให้ถ้ามีไวรัสอยู่
00:05:25 → 00:05:30 ในตัวก็จะมีปริมาณไม่มากลูกสุกรซึ่งมี
00:05:30 → 00:05:33 ภูมิต้านทานไม่ค่อยดีเมื่อโดนยุงกัดถ้ามี
00:05:33 → 00:05:37 เชื้อไวรัสเข้าไปไวรัสจะเพิ่มจำนวนขึ้น
00:05:37 → 00:05:40 อย่างรวดเร็วก็จะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ
00:05:40 → 00:05:44 มาสู่ยุงและไปสู่คนในลำดับต่อไปแต่ทั้ง
00:05:44 → 00:05:48 นี้โรคติดต่อก็จะไม่ติดต่อจากคนสู่คนโดย
00:05:49 → 00:05:52 ตรงเพราะในตัวมนุษย์เองหลังจากที่โดนยุง
00:05:52 → 00:05:56 กัดมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวและมีอาการเจ็บ
00:05:56 → 00:05:59 ป่วยก็จริงแต่ปริมาณไวรัสในเลือดจะน้อย
00:05:59 → 00:06:03 มากไม่สามารถเพาะเชื้อได้ดังนั้นไข้สมอง
00:06:03 → 00:06:07 อักเสบจึงเป็นโรคที่ต้องมีพาหะเชื้อจะ
00:06:07 → 00:06:10 ต้องมาจากสัตว์ส่วนใหญ่ค่ะโรคไข้สมอง
00:06:10 → 00:06:14 อักเสบนั้นจะไม่แสดงอาการแต่หากแสดงอาการ
00:06:14 → 00:06:18 จะมีอาการดังต่อไปนี้ไข้สูงเฉียบพลันปวด
00:06:18 → 00:06:22 ศีรษะคลื่นไส้อาเจียนมีอาการเซื่องซึม
00:06:22 → 00:06:27 ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายใน 24 -72 ชมงหลังจาก
00:06:27 → 00:06:32 มีไข้มีตุ่มน้ำผ่องใสขึ้นที่ผิวหนังอาจมี
00:06:32 → 00:06:35 อาการชักในบางรายโรคนี้เป็นอันตรายกับ
00:06:35 → 00:06:40 เด็กและทารกสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้
00:06:40 → 00:06:45 ศีรษะทารกโป่งตึงคลื่นไส้อาเจียนร่างกาย
00:06:45 → 00:06:49 แข็งเกรงงอแงร้องไห้ไม่หยุดไม่ยอมรับ
00:06:49 → 00:06:53 ประทานอาหารมีอาการซึมและในช่วงนี้นะคะ
00:06:53 → 00:06:56 เราจะไปรู้จักโรคไข้สมองอักเสบกันมากขึ้น
00:06:56 → 00:07:00 กับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
00:07:01 → 00:07:07 [เพลง]
00:07:07 → 00:07:10 สวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะ
00:07:10 → 00:07:14 คะอาจารย์คะอุบัติการณ์ของไข้สมองอักเสบ
00:07:14 → 00:07:17 ในประเทศไทยเป็นอย่างไรคะไข้สมองอักเสบ
00:07:17 → 00:07:19 เนี่ยจริงๆเป็นโรคในเด็กนะครับแต่ก่อน
00:07:19 → 00:07:22 เนี่ยเราพบโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส
00:07:22 → 00:07:25 Je เนี่ยจำนวนมากเลยแต่ในปัจจุบันเนี้ย
00:07:25 → 00:07:28 เราฉีดวัคซีนเพื่อที่จะป้องกันโรคนี้เป็น
00:07:28 → 00:07:31 วัคซีนพื้นฐานานที่รัฐบาลให้งั้นจำนวนผู้
00:07:31 → 00:07:33 ป่วยไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสตัวเดียว
00:07:33 → 00:07:36 นะครับคือ Je เนี่ยลดลงอย่างมากจนเกือบ
00:07:36 → 00:07:39 ไม่พบเลยเพรางั้นในปัจจุบันเนี่ยอุบัติ
00:07:39 → 00:07:41 การณ์ของไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสทั้ง
00:07:41 → 00:07:44 หลายเนี่ยลดลงไปอย่างมากและมักจะเกิดจาก
00:07:44 → 00:07:48 เชื้ออื่นๆที่ไม่ใช่ไวรัสเอาจารย์ขาแล้ว
00:07:48 → 00:07:52 ไข้สมองอักเสบคืออะไรคะก็สมองเราก็อักเสบ
00:07:52 → 00:07:54 ได้เชื้อไวรัสก็ชอบไปที่สมองถ้าเป็นเชื้อ
00:07:55 → 00:07:58 แบคทีเรียชอบไปที่เยื่อบุสมองซึ่งอาการ
00:07:58 → 00:08:01 รุนแรงน้อยกว่าเยอเยอะแล้วก็มียารักษามี
00:08:01 → 00:08:03 วัคซีนในการป้องกันแต่เชื้อไวรัสส่วนใหญ่
00:08:03 → 00:08:07 เนี่ยไม่มีวัคซีนในการป้องกันแล้วก็ยาที่
00:08:07 → 00:08:09 ใช้ในการรักษาเก็มีจำกัดมากเพราะฉะนั้น
00:08:09 → 00:08:12 ไข้สมองอักเสบจึงมีความรุนแรงมากครับใน
00:08:12 → 00:08:15 เด็กนอกจากไวรัส Je แล้วค่ะอาจารย์ยังมี
00:08:15 → 00:08:19 เชื้อไวรัสอะไรคะที่ทำให้เกิดโรคไข้สมอง
00:08:19 → 00:08:22 อักเสบได้อีกเชื้อไวรัสหลายตัวครับมันชอบ
00:08:22 → 00:08:25 ขึ้นสมองครับนะครับนอกจากไวรัส Je แล้วก็
00:08:25 → 00:08:28 มีไวรัสที่สำคัญอีก 2 ตัวในปัจจุบันซึ่ง
00:08:28 → 00:08:32 พบได้บ่อยนะนะครับตัวแรกชื่อ ev71 ซึ่งทำ
00:08:32 → 00:08:34 ให้เกิดโรคมือเท้าปากแต่โรคมือเท้าปากเ
00:08:34 → 00:08:36 เกิดจากไวรัสหลายตัวแต่ถ้าเกิดจาก ev71
00:08:36 → 00:08:39 เนี่ยมันสามารถขึ้นสมองได้ง่ายไวรัสตัว
00:08:39 → 00:08:42 ที่ 2 ที่เรารู้จักกันดีคือไวรัสเริมซึ่ง
00:08:42 → 00:08:44 เชื้อเริมเนี่ยเป็นได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด
00:08:44 → 00:08:47 เลยนะครับและในเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็พบ
00:08:47 → 00:08:50 ได้งั้น 2 ตัวเนี่ยเป็นตัวที่มีความสำคัญ
00:08:50 → 00:08:52 มากที่สุดในปัจจุบันที่เป็นสาเหตุของไข้
00:08:52 → 00:08:55 สมองอักเสบในเด็กครับอาจารย์ขาแล้วทำไม
00:08:55 → 00:08:59 ไข้สมองอักเสบมักจะรุนแรงในเด็กล่ะคะใน
00:08:59 → 00:09:02 เด็กมักจะเป็นการติดเชื้อไวรัสถ้าไวรัส
00:09:02 → 00:09:04 นั้นขึ้นสมองซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญก็แน่นอน
00:09:04 → 00:09:07 ก็จะมีอาการรุนแรงนะครับในในผู้ใหญ่เนี่ย
00:09:07 → 00:09:10 ชอบติดเชื้อแบคทีเรียมากกว่าั้นโรคไข้
00:09:10 → 00:09:12 สมองอักเสบในผู้ใหญ่เนี่ยเราจะพบน้อยกว่า
00:09:12 → 00:09:15 โรคไข้สมองอักเสบในเด็กเยอะเลยครับแล้ว
00:09:15 → 00:09:18 โรคไข้สมองอักเสบค่ะอาจารย์มีสาเหตุเกิด
00:09:18 → 00:09:21 จากอะไรคะไข้สมองอักเสบนี่จริงๆมีสาเหตุ
00:09:21 → 00:09:24 หลายอย่างเลยนะครับแต่ว่าสาเหตุที่สำคัญ
00:09:24 → 00:09:26 คือการติดเชื้อและการติดเชื้อที่สำคัญก็
00:09:26 → 00:09:28 คือเชื้อไวรัสนอกจากนั้นก็มีเชื้อ
00:09:28 → 00:09:31 แบคทีเรียแล้วก็เชื้ออื่นๆอยู่บ้างแต่เรา
00:09:31 → 00:09:34 มักจะโฟกัสหรือให้ความสำคัญของเชื้อไวรัส
00:09:34 → 00:09:36 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของไข้สมองอักเสบใน
00:09:36 → 00:09:40 เด็กครับยุงเป็นสาเหตุของไข้สมองอักเสบเ
00:09:40 → 00:09:44 แต่ว่าสำหรับเริมไม่ใช่เริมกับ EV 71
00:09:44 → 00:09:47 เนี่ยก็ติดทางแล้วแต่เริ่มอาจจะติดมาจาก
00:09:47 → 00:09:50 แม่แม่ส่งมาถึงลูกได้คล้ายๆไข้หวัดล่ะ
00:09:50 → 00:09:52 ครับเป็นไข้หวัดแล้วไวรัสเข้าไปในตัวจาก
00:09:52 → 00:09:54 นั้นไวรัสตัวนี้มันชอบขึ้นสมองมันก็เลย
00:09:54 → 00:09:57 เดินทางขึ้นไปสมองก็ไวรัสก็มีหลายอย่าง
00:09:57 → 00:10:00 มากนะครับแล้วไวรัสแต่ละตัวก็ชอบอวัยวะ
00:10:00 → 00:10:02 ไม่เหมือนกันไวรัสบางตัวขึ้นไปได้หลาย
00:10:02 → 00:10:04 แห่งครับเช่นแค่เลือดออกชอบไปที่ตับแต่
00:10:04 → 00:10:08 วันดีคืนดีก็ขึ้นสมองได้แต่พบไม่บ่อยมัน
00:10:08 → 00:10:11 ก็แล้วแต่ว่าคนไข้ที่เป็นน่ะมีภูมิคุ้ม
00:10:11 → 00:10:15 กันขนาดไหนไวรัสมีความรุนแรงขนาดไหนและ
00:10:15 → 00:10:17 ที่สำคัญขึ้นกับโชคด้วยครับว่ามันจะไปที่
00:10:17 → 00:10:20 ไหนบ้างครับอาการของโรคไข้สมองอักเสบค่ะ
00:10:20 → 00:10:23 อาจารย์เป็นอย่างไรคะตามชื่อนะครับสมอง
00:10:23 → 00:10:26 อักเสบก็ต้องเป็นอาการทางสมองแล้วเนื่อง
00:10:26 → 00:10:29 จากมีคำว่าอักเสบก็เป็นเรื่องของไข้เป็น
00:10:29 → 00:10:32 การติดเชื้อเพงั้นคนไข้ก็จะมีไข้นะจะสูง
00:10:32 → 00:10:34 หรือต่ำก็แล้วแต่จากนั้นก็จะมีระดับความ
00:10:34 → 00:10:37 รู้สึกตัวลดลงอาจจะมีอาการชักได้เพอชัก
00:10:37 → 00:10:39 แบบไม่หยุดเนี่ยเราอาจจะต้องคิดถึงไวรัส
00:10:39 → 00:10:42 เริ่มนะครับโดยเฉพาะถ้ามีตุ่มตุมตามตัว
00:10:42 → 00:10:45 ด้วยก็จะช่วย ev71 ก็เหมือนกันก็มีตุ่ม
00:10:45 → 00:10:47 ได้บ่อยเพราะฉะนั้นถ้ามีตุ่มเนี่ยแล้วก็
00:10:47 → 00:10:49 มีอาการทางสมองจะช่วยบอกเราว่ามีโอกาส
00:10:49 → 00:10:51 เป็นไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสมาก
00:10:51 → 00:10:55 อาจารย์ขาแล้วโรคไข้สมองอักเสบค่ะมีอาการ
00:10:55 → 00:10:57 เตือนหรือไม่คะอาการเตือนบอกได้ยากมาก
00:10:57 → 00:10:59 ครับมันจะเริ่มต้นจากไข้ทุกโรคเลยครับ
00:10:59 → 00:11:01 แล้วหลังจากนั้นเราก็ต้องติดตามอาการต่อ
00:11:01 → 00:11:04 ไปบางทีมันเหมือนอาการไข้หวัดธรรมดาเพราะ
00:11:04 → 00:11:06 มันติดไปทางระบบทางเรือนหายใจก่อนแต่มัน
00:11:06 → 00:11:08 ไม่ค่อยลงปอดแล้วจากนั้นเชื้อมันก็เข้าไป
00:11:08 → 00:11:10 ในกระแสเลือดแล้วมันก็เดินทางไปที่สมอง
00:11:10 → 00:11:13 งั้นเราคาดเดายากมากครับว่าจะเกิดอะไร
00:11:13 → 00:11:15 ขึ้นเพราะฉะนั้นการป้องกันมันจึงยากมาก
00:11:16 → 00:11:19 การรักษาโรคไข้สมองอักเสบค่ะอาจารย์ทำ
00:11:19 → 00:11:22 อย่างไรได้บ้างคะการรักษาผู้ป่วยไข้สมอง
00:11:22 → 00:11:24 อักเสบเนี่ยก็มีหลายอย่างด้วยกันนะครับ
00:11:24 → 00:11:26 อันที่ 1 คือการรักษาแบบประคับประคอง
00:11:26 → 00:11:30 สำคัญที่สุดก็คือทำให้สมองที่บัวน่ะลดลง
00:11:30 → 00:11:33 ให้ได้โดยการใช้ยาโดยการควบคุมการให้
00:11:33 → 00:11:36 ปริมาณน้ำเข้าไปในร่างกายหรือบางคนก็ต้อง
00:11:36 → 00:11:39 ใช้เครื่องช่วยหายใจแต่ไวรัสบางตัวมียา
00:11:39 → 00:11:42 จำเพาะในการรักษาเลยครับเช่นเริมมียาต้าน
00:11:42 → 00:11:46 เริม EV 71 ก็มียาบางตัวที่ใช้ที่จะทำ
00:11:46 → 00:11:50 ให้อาการดีขึ้นแต่ไวรัสอื่นๆเกือบจะไม่มี
00:11:50 → 00:11:51 ยาเลยครับเพราะฉะนั้นเราก็ต้องประคับ
00:11:52 → 00:11:54 ประคองให้ดีและจากนั้นก็ให้สมองฟื้นตัว
00:11:54 → 00:11:57 ขึ้นมาผู้ป่วยจำนวนหนึงอาการหนักมากก็อาจ
00:11:57 → 00:12:00 จะเสียชีวิตผู้ป่วยอีกจำนวนนรอดชีวิตแต่
00:12:00 → 00:12:03 อาจจะมีความพิการทางสมองหลงเหลืออยู่งั้น
00:12:03 → 00:12:05 ถ้าให้เหมอประมาณคร่าวๆ 1 ใน 3 กลับมา
00:12:05 → 00:12:08 เป็นปกติ 1 ใน 3 อาจจะมีความพิการทางสมอง
00:12:08 → 00:12:11 หลงเหลือ 1 ใน 3 อาจจะเสียชีวิตครับมัน
00:12:11 → 00:12:14 ขึ้นกับว่าสมองส่วนไหนอักเสบซึ่งถ้าเป็น
00:12:14 → 00:12:16 สมองส่วนหน้ามันก็เกี่ยวกับควบคุมทุก
00:12:16 → 00:12:19 อย่างเลยในร่างกายเกี่ยวกับความจำสมองสวน
00:12:19 → 00:12:22 หลังเกี่ยวกับการมองเห็นเพราะฉะนั้นมันก็
00:12:22 → 00:12:24 ขึ้นกับวัสตัวนั้นขึ้นสมองแล้วชอบสมอง
00:12:24 → 00:12:27 ส่วนไหนแต่โดยรวมๆมันมักจะพูดว่าสมองมัน
00:12:27 → 00:12:29 มักจะบวมทั้งหมดฉะนั้นระดับความรู้สึกตัว
00:12:29 → 00:12:31 เนี่ยเป็นอันที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดนะ
00:12:31 → 00:12:34 ครับส่วนอาการอื่นๆก็จะดูประกอบไปอาจจะ
00:12:34 → 00:12:37 ต้อง xray คอมพิวเตอร์เพื่อจะดูว่าสมอง
00:12:37 → 00:12:41 ส่วนไหนมีอาการบวมมากกว่าสมองส่วนไหนความ
00:12:41 → 00:12:43 ผิดปกตินั้นน่ะเข้าได้กับการตรวจร่างกาย
00:12:43 → 00:12:46 ของเรามและภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้สมอง
00:12:46 → 00:12:49 อักเสบค่ะอาจารย์มีอะไรบ้างอ่ะคะแน่นอน
00:12:49 → 00:12:52 ครับในผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจจะรับไว้
00:12:52 → 00:12:55 รักษาในห้องผู้ป่วยหนักก็อาจจะมีปอดบวม
00:12:55 → 00:12:57 ตามมาโดยเฉพาะถ้าใส่เครื่องช่วยหายใจอาจ
00:12:57 → 00:13:01 จะมีแผลกดทับอาจจะมีการใส่สายส่วนปัสสาวะ
00:13:01 → 00:13:04 อาจจะทำให้การติดเชื้อทางปัสสาวะตามมาอัน
00:13:04 → 00:13:06 นี้ก็คือการติดเชื้อในโรงพยาบาลนอกจาก
00:13:06 → 00:13:09 นั้นยังมีภาวะแทรกซ้อนจากตัวโรคเองเช่น
00:13:09 → 00:13:12 สมองบวมมากนะครับจนมีการเคลื่อนของสมองไป
00:13:12 → 00:13:17 ในอวะส่วนอื่นๆหรือทำให้สมองที่ควบคุมการ
00:13:17 → 00:13:21 เต้นของหัวใจหรือการหายใจเนี่ยนะแย่ไปก็
00:13:21 → 00:13:24 ทำให้คนไข้หยุดหายใจหัวใจหยุดเต้นอันนี้
00:13:24 → 00:13:26 ก็เป็นภาวะแสกซ้อนจากโรคครับอาจารย์ขา
00:13:27 → 00:13:29 แล้วโรคไข้สมองอักเสบเราจะป้องปกันได้
00:13:29 → 00:13:33 อย่างไรรคะจริงๆการป้องกันโดยทั่วๆไปก็มี
00:13:33 → 00:13:36 ทางนะครับเช่นการป้องกันเสมัยก่อนก็ป้อง
00:13:36 → 00:13:38 กันไม่ให้ยุงกัดไม่ให้ยุงกัดหมูเพราะหมู
00:13:38 → 00:13:42 มันพาพาหะมาสู่คนแต่ในปัจจุบันนี้เราจัด
00:13:42 → 00:13:45 การปัญหานั้นไปหมดแล้วด้วยการให้วัคซีน Je
00:13:45 → 00:13:48 เอ่อวัคซีนอื่นๆที่ใช้ในการป้องกันเี่ก็
00:13:48 → 00:13:51 มีอยู่บ้างเพียงแต่ว่าวัคซีนยังมีราคาแพง
00:13:51 → 00:13:54 รัฐบาลไม่ได้ให้ฟรีมือวัคซีน Je เพราะ
00:13:54 → 00:13:56 ฉะนั้นใครที่ต้องการฉีดวัคซีนก็ต้องเสีย
00:13:56 → 00:13:59 ตังค์เองเริมยังไม่มีวัคซีนแต่มีในการ
00:13:59 → 00:14:02 รักษาถ้าเรารักษาเร็วนะครับก็อาจจะทำให้
00:14:02 → 00:14:05 เอ่อผู้ป่วยไม่มีความพิการทางสมองมากนัก
00:14:05 → 00:14:08 นะครับแต่ป้องกันได้ยากมากเพราะงั้นโดย
00:14:08 → 00:14:12 รวมๆเนี่ยไวรัสเนี่ยไม่ค่อยมียาต้านไวรัส
00:14:12 → 00:14:15 ไม่เหมือนเชื้อแบคทีเรียแต่ก็มีไวรัสบาง
00:14:15 → 00:14:18 ตัวที่พอจะมียานะเรามียารักษาโควิดยา
00:14:18 → 00:14:22 รักษาไข้หวัดใหญ่ยารักษาเริมแล้วก็ EV 71
00:14:22 → 00:14:24 เนี่ยก็มีภูมิคุ้มกันพิเศษอะไรบางอย่าง
00:14:24 → 00:14:28 ไม่ใช่ยาโดยตรงแต่ก็ช่วยในการรักษานะครับ
00:14:28 → 00:14:31 ส่วนการป้องกันก็เนี่ยครับก็มีวัคซีนหลาย
00:14:31 → 00:14:33 ตัวที่เรามาใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัส
00:14:33 → 00:14:36 เพราะฉะนั้นไวรัสเนี่ยเราเน้นการป้องกัน
00:14:36 → 00:14:41 ด้วยวัคซีนถ้ามีถ้าไม่ได้เราก็ป้องกันโดย
00:14:41 → 00:14:44 มาตรการทั่วไปซึ่งทำได้ลำบากถ้าไม่ได้อีก
00:14:44 → 00:14:48 ทีก็หวังว่าเราจะมียาในการรักษาหรือการ
00:14:48 → 00:14:51 รักษาประคับประคองจะทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิต
00:14:51 → 00:14:53 โดยไม่มีความพิการทางสมองลงเหลือครับ
00:14:53 → 00:14:56 วัคซีนไม่ได้สร้างมาเพื่อการรักษาวัคซีน
00:14:56 → 00:14:58 สร้างมาคือเพื่อการป้องกันป้องกันไม่ให้
00:14:58 → 00:15:01 เป็นโรโรคนะครับซึ่งมันก็ได้ 70 80 90%
00:15:01 → 00:15:04 แล้วแต่วัคซีนอันที่ 2 เป็นวัคซีนที่ลด
00:15:04 → 00:15:06 ความรุนแรงป้องกันไม่ได้อย่างน้อยก็ลด
00:15:06 → 00:15:09 ความรุนแรงลง ev71 เนี่ยเป็นวัคซีนที่
00:15:09 → 00:15:12 ป้องกันได้ดีมากเช่นเกี่ยวกับวัคซีน Je
00:15:12 → 00:15:14 นะครับเพียงแต่ว่ามันยังไม่แพร่หลายเพราะ
00:15:14 → 00:15:16 ว่ามันยังมีราคาแพงถ้าในอนาคตรัฐบาล
00:15:16 → 00:15:19 สามารถให้เราฟรีได้นะครับหรือโรคมีเยอะ
00:15:19 → 00:15:22 จริงๆเนี่ยนะครับเราก็จะสามารถที่จะจัด
00:15:22 → 00:15:26 การหรือควบคุมนะครับเอ่อไข้สมองอักเสบจาก
00:15:26 → 00:15:29 ev71 ได้เช่นเดียวกับที่เราสามารถควบคุม
00:15:29 → 00:15:32 ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเจได้อาจารย์
00:15:32 → 00:15:35 ขาคำถามสุดท้ายค่ะอยากให้อาจารย์ช่วยฝาก
00:15:35 → 00:15:38 ถึงคนทางบ้านให้ห่างไกลจากโรคไข้สมอง
00:15:38 → 00:15:41 อักเสบค่ะการป้องกันไข้สมองอักเสบก็เป็น
00:15:41 → 00:15:43 เรื่องยากหน่อยนะครับมันไม่เหมือนการป้อง
00:15:43 → 00:15:47 กันโควิดไข้หวัดใหญ่นะครับหรือไข้เลือด
00:15:47 → 00:15:50 ออกนะครับแต่ยังไงก็ตามก็การที่เอาเด็กมา
00:15:50 → 00:15:53 อยู่รวมกันเยอะๆเนี่ยมันก็ทำให้มีการแพร่
00:15:53 → 00:15:56 ระบาดของเชื้อโรคฉะนั้นการพาเด็กไปห้าง
00:15:56 → 00:15:59 การพาเด็กเข้าโรงเรียนอย่างรวดเร็วเกินไป
00:15:59 → 00:16:01 ไปเล่นในสนามเด็กเล่นเล่นกับเด็กอื่นมัน
00:16:01 → 00:16:04 มีความเสี่ยงอยู่บ้างครับก็ทำแต่พอประมาณ
00:16:04 → 00:16:06 นะครับนอกเหนือจากนั้นก็คือการใช้วัคซีน
00:16:06 → 00:16:10 ในการป้องกันหาหมอถ้าเกิดมีอาการผิดปกติ
00:16:10 → 00:16:12 เพราะถ้าเรารักษาได้เร็วโอกาสที่จะรอด
00:16:12 → 00:16:16 ชีวิตโอกาสที่จะไม่มีความพิการทางสมองก็
00:16:16 → 00:16:19 อาจจะน้อยลงเพราะฉะนั้นก็บางทีมันก็ยาก
00:16:19 → 00:16:22 ครับในการป้องกันโรคเหล่านี้แต่ว่ามันก็
00:16:22 → 00:16:25 มีหนทางที่จะไปเราก็เพียงแต่ภาวนาไม่ให้
00:16:25 → 00:16:27 ลูกของเราเจ็บป่วยจากโรคที่มีอาการรุนแรง
00:16:27 → 00:16:30 เหล่านี้ครับขอบพระคุณอาจารย์นะคะที่มา
00:16:30 → 00:16:32 ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคไข้
00:16:32 → 00:16:36 สมองอักเสบกันค่ะและในช่วงนี้นะคะเราจะไป
00:16:36 → 00:16:39 ดูกันว่าอาหารอะไรที่ดีต่อสมองของเรากัน
00:16:39 → 00:16:42 บ้างอาหารที่กินแล้วบำรุงสมองและดีต่อ
00:16:42 → 00:16:45 ร่างกายที่สุดคืออาหารหลัก 5 หมู่ 1
00:16:45 → 00:16:50 ประเภทคาร์โบไฮเดรตข้าวแป้งน้ำตาลโดยสมอง
00:16:50 → 00:16:52 ต้องได้รับสารอาหารที่ดีตั้งแต่ตอนเช้า
00:16:53 → 00:16:55 ค่ะเพราะเป็นสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงาน
00:16:55 → 00:16:59 ที่สำคัญต่อร่างกายอาหารมื้อแรกจึงต้องมี
00:16:59 → 00:17:01 คาร์โบไฮเดรตที่ดีหรือคาร์โบไฮเดรตเชิง
00:17:01 → 00:17:06 ซ้อนได้แก่ข้าวซ้อมมือขนมปังวีทนั่นคือ
00:17:06 → 00:17:10 อาหารของสมองแต่ถ้าไม่ได้รับประทานจริงๆ
00:17:10 → 00:17:13 ข้าวเผือกมันฟักทองข้าวโพดก็เป็น
00:17:14 → 00:17:17 คาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสมองได้เช่นกัน 2
00:17:17 → 00:17:20 ประเภทโปรตีนมีความจำเป็นต่อสมองช่วยให้
00:17:20 → 00:17:24 ร่างกายเจริญเติบโตช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึก
00:17:24 → 00:17:27 หรอโปรตีนเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานโดย
00:17:27 → 00:17:31 ที่โปรตีน 1 กจะให้พลังงาน 4 กแคลอรีแต่
00:17:32 → 00:17:35 ต้องเลือกรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะต่อ
00:17:35 → 00:17:38 ร่างกายและรับประทานโปรตีนที่มีประโยชน์
00:17:39 → 00:17:42 ถ้าเลือกโปรตีนชนิดที่ไม่ดีเช่นชนิดที่มี
00:17:42 → 00:17:46 ไขมันสูงอย่างหนังไก่มันเนื้อสัตว์นั้นจะ
00:17:46 → 00:17:50 ส่งผลให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลสูงหรือมี
00:17:50 → 00:17:53 ระดับไขมันในเลือดที่มากเกินไปจนทำให้
00:17:53 → 00:17:56 เกิดโรคได้ง่ายนอกจากนี้ยังมีโปรตีนที่หา
00:17:56 → 00:17:59 ได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อสมองนั่นก็คือไข่
00:17:59 → 00:18:03 ไก่เพราะมีเลซิตินที่มีประโยชน์ต่อสมองมี
00:18:03 → 00:18:07 มากในไข่แดงในคนทุกช่วงวัยควรจะรับประทาน
00:18:07 → 00:18:10 ไข่ไก่ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ฟองถ้าเป็น
00:18:10 → 00:18:14 เด็กวันละ 1-2 ฟองคนที่ตั้งครรภ์รับ
00:18:14 → 00:18:17 ประทานอย่างน้อย 1-2 ฟองแต่ถ้าเป็นผู้
00:18:17 → 00:18:21 ใหญ่แล้วให้รับประทานไข่แดงแค่ 1 ฟองต่อ
00:18:21 → 00:18:24 วันค่ะนอกจากนี้ยังมีเนื้อสัตว์ไม่ติด
00:18:24 → 00:18:27 หนังไม่ติดมันเช่นเนื้อหมูเนื้อวัวและควร
00:18:27 → 00:18:30 จะรับประทานเฉพาะส่วนสันในหรือสันนอกเท่า
00:18:30 → 00:18:35 นั้นข้อ 3 อาหารประเภทไขมันต้องเป็นไขมัน
00:18:35 → 00:18:39 ดีจากปลาทะเลน้ำลึกไขมันจะแทรกตัวอยู่ใต้
00:18:39 → 00:18:42 หนังปลาแต่ต้องเป็นปลาทะเลน้ำลึกนะคะควร
00:18:42 → 00:18:46 รับประทานให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งขนาด
00:18:46 → 00:18:51 2-3 ขีดต่อสัปดาห์เช่นปลาทูปลาช่อนแต่
00:18:51 → 00:18:54 ต้องไม่นำไปทอดถ้าทอดแล้วน้ำมันปลาหรือ
00:18:54 → 00:18:58 โอเมก้า 3 จะหายไปหรือถ้าจะผ่านความร้อน
00:18:58 → 00:19:01 ควรจะเป็นความร้อนที่ไม่สูงจัดนั่นเอง
00:19:01 → 00:19:05 ซึ่งน้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมองและอีก
00:19:05 → 00:19:07 ชนิดหนึ่งที่อาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเนื้อ
00:19:07 → 00:19:10 สัตว์แต่มีประโยชน์สูงนั้นคือถั่วเหลือง
00:19:10 → 00:19:12 จะต้องรับประทานถั่วเหลืองให้ได้เป็น
00:19:12 → 00:19:15 ประจำเช่นเต้าหู้รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก
00:19:15 → 00:19:18 ถั่วเหลืองก็จะมีประโยชน์ต่อสมองเช่นกัน
00:19:18 → 00:19:21 สำหรับประเภทไขมันที่มาจากถั่วได้แก่
00:19:21 → 00:19:25 อัลมอนเม็ดมะม่วงหิมพานถั่วต่างๆจะมีไข
00:19:25 → 00:19:29 มันเหมือนไขมันทั่วไปคือมีทั้งไขมันชนิด
00:19:29 → 00:19:32 ที่ดีและไขมันชนิดไม่ดีดังนั้นจะต้องรับ
00:19:32 → 00:19:35 ประทานในปริมาณที่พอเหมาะ 4 ประเภท
00:19:35 → 00:19:38 วิตามินจากพืชผักต่างๆจะเป็นตัวช่วยเสริม
00:19:38 → 00:19:40 การทำงานในส่วนต่างๆของร่างกายให้เป็น
00:19:40 → 00:19:44 ปกติและช่วยต้านทานการเกิดโรคจึงควรรับ
00:19:44 → 00:19:50 ประทานผักผลไม้ให้ได้หลากหลายสีเช่นคะน้า
00:19:50 → 00:19:53 พริกหวานแครอทการรับประทานผักทุกมื้อใน
00:19:53 → 00:19:57 แต่ละวันจะยังดีต่อหัวใจและสมองอีกด้วย 5
00:19:58 → 00:20:01 ประเภทวิตามินที่มาจากพืชที่เป็นผลไม้
00:20:01 → 00:20:05 ต่างๆมีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้สมองทำงาน
00:20:05 → 00:20:09 ได้ดีสมองลดความเสื่อมช้าลงซึ่งได้แก่
00:20:09 → 00:20:13 วิตามินซีวิตามินเอจะต้องรับประทานผลไม้
00:20:13 → 00:20:16 เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 3 ขีดหรือมื้อละ
00:20:16 → 00:20:19 1 จานเล็กๆควรจะเลือกผลไม้ให้หลากหลาย
00:20:19 → 00:20:22 ชนิดและจะต้องเน้นว่าเป็นผลไม้ที่ไม่หวาน
00:20:22 → 00:20:27 มากจนเกินไปเช่นฝรั่งชมพู่แอปเปิลสำหรับ
00:20:28 → 00:20:33 ผลไม้อื่นๆเช่นมะละกอแตงโมส้มถึงแม้ว่าจะ
00:20:33 → 00:20:35 ไม่หวานจัดแต่ก็มีน้ำตาลอยู่ในปริมาณที่
00:20:35 → 00:20:39 สูงก็จะต้องระวังเป็นต้นนอกจากกินอาหาร
00:20:39 → 00:20:42 ให้ครบ 5 หมู่ในทุกมื้อแล้วการรับประทาน
00:20:42 → 00:20:45 หวานมากเกินไปจะทำลายสุขภาพได้อีกด้วย
00:20:46 → 00:20:49 เทคนิคง่ายๆจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ
00:20:49 → 00:20:52 สร้างเสริมสุขภาพหรือ
00:20:52 → 00:20:56 สสสแนะนำว่าถ้ารับประทานของหวานหรือน้ำ
00:20:56 → 00:21:00 ตาลต้องจำกัดปริมาณการรับประทานน้ำตาใน
00:21:00 → 00:21:04 แต่ละวันนั่นก็คือไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
00:21:04 → 00:21:07 ถ้าเป็นเด็กต้องรับประทานไม่เกิน 4 ช้อน
00:21:07 → 00:21:11 ชาโดยสังเกตจากฉลากโภชนาการที่เขียนไว้
00:21:11 → 00:21:15 และได้คำนวณปริมาณของน้ำตาลเอาไว้ให้และ
00:21:15 → 00:21:19 เน้นการรับประทานผักผลไม้ที่ผ่านการแปร
00:21:19 → 00:21:22 รูปน้อยที่สุดหรือไม่ผ่านการแปรรูปก็ยิ่ง
00:21:22 → 00:21:26 ดีค่ะให้ได้อย่างน้อย 400 กรัมต่อวันและ
00:21:26 → 00:21:29 สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการออกกำลังกาย
00:21:29 → 00:21:31 การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ฮอร์โมน
00:21:31 → 00:21:35 เอนโดฟินหรือสารแห่งความสุขหลั่งออกมาทำ
00:21:35 → 00:21:38 ให้สมองรู้สึกผ่อนคลายความจำดีขึ้นอีก
00:21:38 → 00:21:42 ด้วยและที่สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ
00:21:42 → 00:21:46 อย่างน้อย 6-8 ชั่วมงสมองเป็นศูนย์รวมทุก
00:21:46 → 00:21:49 อย่างในการทำงานของร่างกายของเราค่ะสมอง
00:21:49 → 00:21:53 จะมี 2 ซีกคือซีกซ้ายและซีกขวาการดูแล
00:21:53 → 00:21:56 ร่างกายตั้งแต่การออกกำลังกายการรับ
00:21:56 → 00:21:59 ประทานอาหารที่ดีจะช่วยทำให้สมองไม่
00:21:59 → 00:22:02 เสื่อมเร็วแต่ถ้าหากเราไม่ดูแลสมองการรับ
00:22:02 → 00:22:05 ประทานอาหารที่สมองไม่ชอบจะทำลายสมองได้
00:22:05 → 00:22:09 ง่ายอย่างเช่นอาหารรสชาติเค็มอาหารมันของ
00:22:09 → 00:22:14 ทอดสูบบุหรี่ดื่มแอลกอฮอล์สมองของเราก็จะ
00:22:14 → 00:22:17 เสื่อมเร็วจนเกิดเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง
00:22:17 → 00:22:20 ตีบเส้นเลือดในสมองแตกซึ่งเป็นเหตุผลหลัก
00:22:20 → 00:22:24 ที่ทำให้พิการได้ถ้าไม่พิการก็ทำให้สมอง
00:22:24 → 00:22:28 ของเราเสื่อมก่อนไวถ้าหากเริ่มต้นดูแล
00:22:28 → 00:22:31 สมองในในวันนี้สมองของเราก็จะมีอายุที่
00:22:31 → 00:22:35 ยืนยาวอยู่ไปกับเรานานๆค่ะเป็นอย่างไรกัน
00:22:35 → 00:22:38 บ้างคะสำหรับสาระสุขภาพดีๆที่ TNN He นำ
00:22:38 → 00:22:40 มาฝากคุณผู้ชมกันในวันนี้หวังเป็นอย่าง
00:22:40 → 00:22:43 ยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระความรู้ดีๆ
00:22:43 → 00:22:46 ที่ได้ค่ะไปดูแลตัวเองและครอบครัวให้ห่าง
00:22:47 → 00:22:50 ไกลจากโรคภัยและสุขภาพแข็งแรงกันค่ะและ
00:22:50 → 00:22:53 ขอบคุณคุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชมรายการ
00:22:53 → 00:22:56 TNN Health มาตลอดทั้งรายการค่ะอย่าลืม
00:22:56 → 00:22:59 นะคะติดตามรับชมรายการ TNN เป็นประจำค่ะ
00:22:59 → 00:23:02 ทุกวันเสาร์เวลาดี 15:00 นถึง
00:23:02 → 00:23:07 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ที่สำคัญค่ะ
00:23:07 → 00:23:10 ต้องไม่ลืมนะคะกดไลค์กดแชร์กด Subscribe
00:23:10 → 00:23:13 เป็นกำลังใจให้หมอดาวและทีมงาน TNN
00:23:13 → 00:23:15 Health ในช่องทางโซเชียล Network ต่างๆ
00:23:15 → 00:23:18 ค่ะไม่ว่าจะเป็น YouTube Facebook
00:23:18 → 00:23:21 Instagram tiktok และ LINE official
00:23:21 → 00:23:24 เพื่อที่จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:23:24 → 00:23:27 คุ้มกันรู้ทันโรคไปด้วยกันและสำหรับวัน
00:23:27 → 00:23:29 นี้นะคะหมอดาวและรายการ TNN He ต้องขอ
00:23:29 → 00:23:33 ตัวลาคุณผู้ชมไปก่อนสำหรับวันนี้สวัสดี
00:23:33 → 00:23:57 [เพลง]
00:23:57 → 00:24:01 ค่ะอ