00:00:06 → 00:00:08 ไม่ต้องไปเลียนแบบใครไม่ต้องไปเปรียบ
00:00:09 → 00:00:11 เทียบกับใครมันอยู่ที่ตัวเราเองแหละถ้า
00:00:11 → 00:00:13 เรามีความภาคภูมิใจในตัวเองแล้วรักตัวเอง
00:00:13 → 00:00:16 ให้เป็นนะคะทุกอย่างก็จะแก้ไขได้แต่ถ้า
00:00:16 → 00:00:19 เราบอกว่าเราแก้ไม่ได้มันก็แก้ไม่ได้ทุก
00:00:19 → 00:00:21 คนน่ะค่ะมันจะมีทั้งมุมที่มองโลกในแง่ดี
00:00:21 → 00:00:25 และแง่ร้ายปะปนกันนะคะมันไม่มีอะไรเป๊ะๆ
00:00:25 → 00:00:28 หรือจะบอกว่าการมองโลกแง่ดีดีกว่าการมอง
00:00:28 → 00:00:31 โลกแง่ร้ายก็ไม่ใช่ในบางครั้งเนี่ยมัน
00:00:31 → 00:00:35 ต้องมีมากน้อยแตกต่างกันไปนะฮะมันปะปนกัน
00:00:35 → 00:00:37 ในแต่ละวันอันนี้เป็นเรื่องธรรมดา
00:00:37 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:42 → 00:00:49 การโรงหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:49 → 00:00:51 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:51 → 00:00:54 การโรงหมอทาง Thai PBS podcast สำหรับ
00:00:54 → 00:00:57 วันนี้เรามาพบกันนะคะมีเรื่องราวที่อยาก
00:00:57 → 00:01:00 จะบอกเล่านะคะคุยกันเหมือนเดิมแหละนะสบาย
00:01:00 → 00:01:03 ๆกันไปนะคะวันนี้เป็นเรื่องของการมองโลก
00:01:03 → 00:01:07 อย่างเข้าใจให้เรามีความสุขกันนะคะอ่ะจะ
00:01:07 → 00:01:09 มีความสุขได้อย่างไรมองโลกอย่างเข้าใจ
00:01:09 → 00:01:11 ต้องแบบไหนบ้างเดี๋ยวคุยกับผู้ช่วย
00:01:12 → 00:01:14 ศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิลกสัมพันธ์ผู้
00:01:14 → 00:01:17 ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ
00:01:17 → 00:01:19 เจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์
00:01:19 → 00:01:22 และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดี
00:01:22 → 00:01:25 ค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่านค่ะเรามา
00:01:25 → 00:01:28 เติมพลังเติมความสุขกันเรื่อยๆนะคะก็มี
00:01:28 → 00:01:31 เรียกว่าหัวข้อที่จะมาคุยกันนี่คุณผู้ฟัง
00:01:31 → 00:01:35 เนี่ยนะฮะได้ลองเอาไปลองทำดูนะคะการมอง
00:01:35 → 00:01:39 โลกอย่างเข้าใจให้มีความสุขเอ้อดูแบบนี้
00:01:39 → 00:01:43 แล้วเนี่ยมันต้องมีนิยามด้วยนะคะ
00:01:43 → 00:01:46 ถ้าจะให้นิยามเปรียบเทียบนะคะ
00:01:46 → 00:01:50 เอ่อก็คือมันจะมีมองโลกในแง่ร้ายสมมติว่า
00:01:50 → 00:01:54 ซ้ายสุดค่ะมองโลกในแง่ดีแบบโลกสวยนะคะขวา
00:01:54 → 00:01:58 สุดนะคะแต่การมองโลกในแง่ของความเป็นจริง
00:01:58 → 00:02:00 นะคืออยู่สายกลางค่ะ
00:02:00 → 00:02:02 [เพลง]
00:02:02 → 00:02:06 ถ้าเข้าใจง่ายๆแบบนี้จะตีโจทย์ได้นะคะก็
00:02:06 → 00:02:08 อ้างผลการวิจัยอีกแล้วนะคะมากับอาจารย์
00:02:09 → 00:02:12 วิภานี่ต้องเจอผลการวิจัยเสมอนะคะผลการ
00:02:12 → 00:02:16 วิจัยเขาทำใน 3 กลุ่ม 3 กลุ่มก็คือซ้าย
00:02:16 → 00:02:19 สุดกับขวาสุดนะฮะแล้วก็ตรงกลางผลว่าจะ
00:02:19 → 00:02:23 เกิดอะไรขึ้นนะคะพวกที่มองโลกในแง่ซ้าย
00:02:23 → 00:02:26 สุดนะคะก็คือร้ายเนี่ยนะคะมองอะไรก็เป็น
00:02:26 → 00:02:29 ลบๆๆๆไปหมดเนี่ยเขาจะบอกว่าพวกนี้นะคะก็
00:02:29 → 00:02:32 มีนำไปสู่ความทุกข์ถามว่าทุกข์เพราะอะไร
00:02:32 → 00:02:36 เพราะว่าไม่ค่อยคาดหวังอะไรนะฮะไม่ค่อย
00:02:36 → 00:02:38 คาดหวังอะไรเพราะกลัวความผิดหวังคนกลุ่ม
00:02:38 → 00:02:40 นี้นะคะเพราะว่าพอบอกว่าจะไปนี้มันต้อง
00:02:40 → 00:02:44 ไม่ได้แน่มันต้องผิดแน่คิดไว้ก่อนแล้วให้
00:02:44 → 00:02:46 ลูกรู้ล่วงหน้าไปแล้วมันก็เลยไม่ไม่มีการ
00:02:46 → 00:02:49 คาดหวังถูกไหมคะเมื่อไม่คาดหวังมันก็ไม่
00:02:49 → 00:02:54 ผิดหวังแต่ผลก็คือเครียดค่ะเพราะว่ามัน
00:02:54 → 00:02:56 ยิ่งเคร่งเครียดและกังวลแล้วก็ทุกข์อยู่
00:02:56 → 00:02:58 เรื่อยอ่ะเพราะมันมีความรู้สึกว่าตัวเอง
00:02:58 → 00:03:02 อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมไม่ในทางไปจะต้องทน
00:03:02 → 00:03:04 รับในสิ่งนั้นเช่นงานฉันไม่ชอบงานนี้ฉัน
00:03:04 → 00:03:07 ก็ต้องทนอยู่กับมันฉันไปไม่ได้ที่มันก้าว
00:03:07 → 00:03:10 ขาออกไปแล้วเขาที่ใหม่เขาไปรับฉันฉันจะ
00:03:10 → 00:03:12 เอาอะไรกินฉันทำไมนี้ฉันจะต้องเปลี่ยนที่
00:03:12 → 00:03:14 อยู่ฉันไม่เอาอะไรอย่างนี้นึกออกไหมคะถาม
00:03:14 → 00:03:17 เองตอบเองหมดแล้วเนาะเพราะว่าไม่คาดหวัง
00:03:17 → 00:03:20 ไงคนไม่ว่าไม่คาดหวังจะดีเปล่าค่ะไม่คาด
00:03:20 → 00:03:23 หวังก็เลยกลัวความผิดหวังเอ๊ะอาจารย์คะคำ
00:03:23 → 00:03:26 ว่าไม่คาดหวังอันนี้ตัวเองก็เคยค่ะเคยมี
00:03:26 → 00:03:29 ความที่แบบเวลาไปทำงานเราก็ทำตามหน้าที่
00:03:29 → 00:03:31 แบบไม่ได้คาดหวังแต่เราก็ไม่ได้มองในแง่
00:03:31 → 00:03:35 ร้ายมันต่างกันใช่ไหมคะอ๋อแล้วพอเวลาที่
00:03:35 → 00:03:37 เราได้รับในบางอย่างเข้ามาแล้วมันรู้สึก
00:03:37 → 00:03:41 แบบใจฟูแบบเฮ้อเพราะว่าการที่เราตั้งไว้
00:03:41 → 00:03:45 เอางี้สมมติว่าเส้นของความที่คุณสุรีย์พร
00:03:45 → 00:03:49 พอใจมันคาดหวังมัน Under อ่ะ Under กับ
00:03:49 → 00:03:51 Over อย่างเงี้ยค่ะเราตั้งไว้อันเดอร์
00:03:51 → 00:03:54 ใช่ไหมคะพอมันได้พอดีกับสิ่งที่เราได้มัน
00:03:54 → 00:04:00 ก็โอเคแต่พอมันได้เกินปั๊ปมันจะรู้สึก
00:04:00 → 00:04:02 จำนวนมากกว่าที่เราคาดหวังแค่ว่าเราไม่
00:04:02 → 00:04:06 ได้เราไม่คาดหวังแต่เราไม่ได้คิดลบใช่นะ
00:04:06 → 00:04:09 คะต่างกันที่นี่มาดูขวาสุดขวาสุดก็คือพวก
00:04:09 → 00:04:13 โลกสวยลาเวนเดอร์มาแล้วโลกสวยเนี่ยน่าจะ
00:04:13 → 00:04:17 ดีนะคะเปล่าค่ะทุกข์เหมือนกันนะฮะทุกข์
00:04:17 → 00:04:19 เหมือนกันเพราะอะไรคะเจอผิดหวังนิดหน่อย
00:04:19 → 00:04:21 จากสิ่งที่คาดหวังเพราะพวกนี้จะคาดหวัง
00:04:21 → 00:04:24 มากไอ้เมื่อกี้นี้ซ้ายสุดนี่ไม่คาดหวัง
00:04:24 → 00:04:27 เลยไอ้พวกนี้คาดหวังมากใบนี้ฉันจะต้องได้
00:04:27 → 00:04:30 ฉันเปลี่ยนงานฉันต้องได้เงินเดือนฉันต้อง
00:04:30 → 00:04:32 ขึ้นฉันชอบคนนี้ฉันปิ๊งเค้าเค้าต้องปิ๊ง
00:04:32 → 00:04:35 ฉันนึกออกมั้ยคะเพราะพวกนี้นะคะก็มีแต่
00:04:35 → 00:04:38 ความทุกข์เพราะจะเจอกับความผิดหวังตลอดนะ
00:04:38 → 00:04:42 ฮะในสิ่งที่คาดหวังมากเกินไปอืมเข้าใจไหม
00:04:42 → 00:04:42 คะ
00:04:42 → 00:04:45 ก็หมายความว่าก็ทำนำมาสู่ความทุกข์อีกอ่ะ
00:04:45 → 00:04:48 คืออันนี้มันเป็นไปด้วยส่วนหนึ่งของการ
00:04:48 → 00:04:51 ถูกเลี้ยงดูหรือว่าอุปนิสัยด้วยไหมคะว่า
00:04:51 → 00:04:54 เพราะว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากอะไรก็ยัง
00:04:54 → 00:04:57 สวยไปหมดสวยไงคือแง่ดีกับโลกสวยมันไปทาง
00:04:57 → 00:05:00 ทิศทางเดียวกันมีเส้นแต่ว่าเส้นบางแบ่งก็
00:05:00 → 00:05:02 คือไอ้นี่มันสุดโต่งเลยนึกออกไหมคะพวกโลก
00:05:02 → 00:05:05 สวยเนี่ยมันสุดโต่งเลยอาจารย์มันมีถึง
00:05:05 → 00:05:09 ขนาดสุดโต่งยิ่งสวยสุดโต่งเนี่ยนะคะนะคะ
00:05:09 → 00:05:11 เพราะฉะนั้นมันก็จะเจอแต่ความผิดหวังตลอด
00:05:11 → 00:05:15 ถูกมั้ยฮะมันก็นำไปสู่ความทุกข์อีกอ่าแต่
00:05:15 → 00:05:18 กลุ่มสุดท้ายสิคะกลุ่มที่เราเรียกว่ามอง
00:05:18 → 00:05:22 โลกตามความเป็นจริงใช่นั่นก็คือรู้ว่ามัน
00:05:22 → 00:05:26 ต้องมีทั้งดีและไม่ดีนะคะเราคาดหวังได้
00:05:26 → 00:05:28 แต่เราก็ผิดหวังได้เช่นบอกตัวเองเลยว่า
00:05:28 → 00:05:32 ถ้ามีรักก็ต้องมีทุกข์นะฮะสิ่งที่มากับ
00:05:32 → 00:05:34 ความรักมันก็จะต้องมีความทุกข์ตามมาไม่
00:05:34 → 00:05:37 ต้องอะไรแม้แต่รักสมหวังเนี่ยเพราะรัก
00:05:37 → 00:05:40 สมหวังเนี่ยเราก็กลัวจะกลัวจากการพรากจาก
00:05:40 → 00:05:45 และอ๋อมันก็ไม่ให้อ่าเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:05:45 → 00:05:47 มันก็จะทำให้เราเนี่ยมองโลกในความเป็น
00:05:47 → 00:05:51 จริงคือไม่ทุ่มอะไรไปสุดขวาสุดแบบโลกสวย
00:05:51 → 00:05:54 แล้วก็ไม่ทุ่มไปซ้ายสุดแบบพวกที่มองโลกใน
00:05:54 → 00:05:57 แง่ร้ายนึกออกไหมคะมันจะมีความพอดีพอดี
00:05:57 → 00:05:59 เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้แหละค่ะเป็นกลุ่มที่
00:05:59 → 00:06:02 สุขภาพจิตดีที่สุดเมื่อเขาทำเทสนะคะเพราะ
00:06:02 → 00:06:05 ว่าจะไม่มีความกังวลหรือทุกข์ใจจนเกินไป
00:06:05 → 00:06:09 หรือทุกข์ใจล่วงหน้านะฮะแต่จะรับมือและ
00:06:09 → 00:06:11 แก้ปัญหาได้ตามความเป็นจริงนะคะแล้วก็
00:06:12 → 00:06:14 สามารถปรับตัวได้ดีนะคะรับมือกับสภาพต่าง
00:06:14 → 00:06:17 ๆได้ดีกว่า 2 กลุ่มนั้นนะฮะแล้วก็มีแนว
00:06:17 → 00:06:20 โน้มที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มาก
00:06:20 → 00:06:22 กว่า 2 กลุ่มนั้นนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยตาม
00:06:22 → 00:06:26 หลักพระพุทธศาสนาเลยนะคะก็คือสายกลาง
00:06:26 → 00:06:29 เนี่ยดีที่สุดอือแต่ก็เป็นทางที่ยากที่
00:06:29 → 00:06:32 สุดยากที่สุดเหมือนกันใช่ค่ะเพราะว่ามัน
00:06:32 → 00:06:35 อยู่อาจจะเป็นเพราะว่าการเลี้ยงดูสั่งสอน
00:06:35 → 00:06:39 สิ่งแวดล้อมการเติบโตมาอุปนิสัยส่วนตัว
00:06:39 → 00:06:40 โดยเฉพาะ
00:06:41 → 00:06:44 เดี๋ยวนี้นะคะคุณศิริพรที่จะวิพาเป็นห่วง
00:06:44 → 00:06:45 มากก็คือเด็กรุ่นใหม่
00:06:45 → 00:06:49 ที่เป็นฮ่องเต้น้อยประจำบ้านคือมีลูกคน
00:06:49 → 00:06:52 เดียวนะคะพ่อแม่เนี่ยยังไม่เข้าใจถึงใน
00:06:52 → 00:06:55 เรื่องของการฝึกลูกในเรื่องของวินัยกับ
00:06:55 → 00:06:58 การให้ให้เสรีในความคิดเอางี้ละกัน
00:06:58 → 00:07:02 จนไม่ได้คุมความประพฤติเด็กหรือว่าสิ่ง
00:07:02 → 00:07:04 ที่เขาแสดงนะมันจะไปล่วงละเมิดคนอื่นไหม
00:07:04 → 00:07:09 นึกออกไหมคะนั่นก็คือสอนในแง่ที่ว่าอาจจะ
00:07:09 → 00:07:12 กลายเป็นลูกเป็นบวกหรือเป็นลบสุดๆไปเลยก็
00:07:12 → 00:07:15 ได้เพราะว่าอย่างเช่นพวกโลกสวยเนี่ยอยาก
00:07:15 → 00:07:17 ได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้เอามาเสิร์ฟให้ทุก
00:07:18 → 00:07:21 อย่างโดยที่ไม่ได้ทำให้ฉันไม่เคยรู้จักคำ
00:07:21 → 00:07:23 ว่าไม่ได้เพราะฉะนั้นเด็กพวกนี้พอถูก
00:07:23 → 00:07:26 ปฏิเสธปุ๊บฆ่าตัวตายแม้แต่เรื่องเล็กๆ
00:07:26 → 00:07:27 น้อยๆเช่น
00:07:27 → 00:07:30 อ่าเอาอะไรดีอ่ะมีเคสเอาเรื่องจริงแล้ว
00:07:30 → 00:07:34 กันนะคะขอซื้อกางเกงยีนส์ตัวละ 30,000
00:07:34 → 00:07:38 บาทสมมุตินะคะในขณะที่พ่อเนี่ยบอกพ่อลูก
00:07:38 → 00:07:41 พ่อยังใช้กางเกงยีนส์ตัว 300 เลยลูกลูก
00:07:41 → 00:07:44 เอาตั้ง 30,000 บาทเนี่ยนะคะถูกปฏิเสธที
00:07:44 → 00:07:46 เดียวค่ะไปผูกคอตายเลยค่ะ
00:07:46 → 00:07:50 เพราะว่าเคยแต่ได้ๆๆๆ
00:07:50 → 00:07:55 นะไม่มีไม่มีภูมิต้านทานที่จะรับการ
00:07:55 → 00:07:58 ปฏิเสธอะไรอย่างนี้เป็นต้นยกตัวอย่างนะคะ
00:07:58 → 00:08:01 อันนี้คือเคสจริงที่ที่เราเจอแต่จำนวน
00:08:01 → 00:08:04 เงินอาจจะไม่ได้ไม่ได้ตรงนี้นะคะได้ฟัง
00:08:04 → 00:08:07 แต่จริงๆก็มีมีหลายเคสเหมือนกันในทุกวัน
00:08:07 → 00:08:12 นี้ที่แบบทั้งในซ้ายสุดคือดีสุดค่ะไม่ดี
00:08:12 → 00:08:15 สุดเนี่ยก็คือมันก็มีเหตุให้เด็กๆเขา
00:08:15 → 00:08:18 สร้างไปเยอะเหมือนกันแม้แต่เรื่องเล็กๆ
00:08:18 → 00:08:20 น้อยๆอะไรอย่างเงี้ยก็คือไม่มีความแข็ง
00:08:20 → 00:08:22 แกร่งทางจิตใจอาจารย์วิภาใช้คำว่าเรา
00:08:22 → 00:08:25 เลี้ยงลูกเนี่ยเราต้องฉีดวัคซีนผมคุ้มกัน
00:08:25 → 00:08:27 ให้เขาด้วยก็นั่นก็คือวัคซีนของความผิด
00:08:27 → 00:08:31 หวังความไม่สมหวังความรู้จักคำว่าแพ้หรือ
00:08:31 → 00:08:34 ความรู้สึกรู้จักความไม่สมหวังในสิ่งต่าง
00:08:34 → 00:08:36 ๆไม่ใช่ว่าจะต้องได้ทุกอย่างตามที่เขาคิด
00:08:36 → 00:08:39 เพราะว่าถ้าไม่มีพ่อแม่ที่มาเสิร์ฟเขาแบบ
00:08:39 → 00:08:42 นั้นแล้วเขาจะอยู่กับสังคมอย่างไร
00:08:42 → 00:08:45 บางทีอาจจะไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยของเด็ก
00:08:45 → 00:08:49 อย่างเดียวผู้ใหญ่ด้วยแล้วก็สิ่งแวดล้อม
00:08:49 → 00:08:53 เอาล่ะค่ะทีนี้เมื่อเราทราบแล้วว่าการมอง
00:08:53 → 00:08:56 โลกในแง่ของความเป็นจริงมันดีอย่างไรเรา
00:08:56 → 00:08:58 ลองมาดูไหมคะว่าเราจะฝึกยังไงได้บ้าง
00:08:58 → 00:09:05 พร้อมมันมีแค่ 3 ข้อง่ายๆนะฮะก็คือง่าย
00:09:05 → 00:09:07 นี่หมายถึงจำง่ายนะคะอยากจะได้ไม่ได้นี่
00:09:07 → 00:09:09 ต้องฝึกปฏิบัติด้วยเพราะอย่างที่บอกว่า
00:09:09 → 00:09:12 การเลี้ยงดูมันต่างกันนะฮะเราพูดว่าทำไม
00:09:12 → 00:09:14 คนสมัยก่อนเนี่ยจึงอดทนมากกว่าคนสมัยนี้
00:09:15 → 00:09:18 นะคะเพราะเมื่อก่อนนี้พ่อแม่มีลูก 7 คน 8
00:09:18 → 00:09:19 คนเงี้ย
00:09:19 → 00:09:22 มันก็ต้องมีการแบ่งปันอะไรกันในครอบครัว
00:09:22 → 00:09:25 อะไรอย่างเงี้ยนะคะอ่ะเรามาลองดูนะคะ
00:09:25 → 00:09:27 ประการแรกเลยนะคะ
00:09:27 → 00:09:31 การอยู่กับปัจจุบันฝึกการอยู่กับปัจจุบัน
00:09:31 → 00:09:33 นะคะโดยที่ไม่มีความกังวลหรือไม่ทุกข์ใจ
00:09:33 → 00:09:36 ล่วงหน้าคุณศิริพรจะสังเกตว่าคนเราเนี่ย
00:09:36 → 00:09:41 จะเครียดจากอะไรกลัวอนาคตยังไม่เกิดเลย
00:09:41 → 00:09:45 อ่ะนะคะแต่กลัวไปหมดและเขาเรียกว่าทุก
00:09:45 → 00:09:47 ล่วงหน้าค่ะ
00:09:47 → 00:09:49 ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์วิภามีเพื่อนบ้านนะ
00:09:49 → 00:09:53 คะเราอยู่เราอยู่อยุธยานะคะท่านก็จะเริ่ม
00:09:53 → 00:09:56 กังวลและตั้งแต่ก่อนล่วงหน้ามา 3 เดือน
00:09:56 → 00:10:00 ก่อนถึงตุลาคมนะคะณบ้านเราจะน้ำท่วมไหมคะ
00:10:00 → 00:10:03 เราจะอะไรไหมคะคือเพราะว่ากังวลเมื่อปี 54
00:10:03 → 00:10:06 เพราะว่าเจอประสบการณ์ใหม่ประสบการณ์แบบ
00:10:06 → 00:10:10 นั้นนะคะก็เลยบอกพี่ขามันยังไม่ถึงอ่ะค่ะ
00:10:10 → 00:10:13 พี่ทุกข์ไปก่อนล่วงหน้า 3 เดือนเนี่ยไว้
00:10:13 → 00:10:15 อีตอนที่มันท่วมจริงๆเราค่อยมาแก้ปัญหา
00:10:15 → 00:10:18 กันตรงนั้นไม่ใช่ว่าเราไม่เตรียมการนึก
00:10:18 → 00:10:21 ออกไหมคะแต่พี่ขาดทุนไปแล้วทุกข์ไปและไอ้
00:10:21 → 00:10:24 ๆๆศาลบรมทุกข์เนี่ยมันหลั่งออกมาทางสมอง
00:10:24 → 00:10:27 แล้วล่วงหน้าแล้ว 3 เดือนแล้วถามว่าเราไป
00:10:27 → 00:10:29 ทำอะไรได้ไหมในเมื่อมันยังไม่ได้ท่วมอ่ะ
00:10:29 → 00:10:32 เราก็ทำอะไรไม่ได้เตรียมตัวได้เตรียมตัว
00:10:32 → 00:10:36 ได้นะฮะเราดูเหตุการณ์ดูสภาพอาการดูอะไร
00:10:36 → 00:10:40 ต่างๆเหล่านี้นะฮะเพราะฉะนั้นคนเราจะ
00:10:40 → 00:10:42 ทุกข์อยู่ 2 อย่างก็คือสิ่งที่ยังไม่เกิด
00:10:42 → 00:10:46 กับสิ่งที่ผ่านมาแล้วนะคะนั่นก็คือมัน
00:10:46 → 00:10:49 พลาดไปแล้วมันผิดไปแล้วก็ยังไปคิดเลยนะ
00:10:49 → 00:10:52 รู้งี้นะพี่จะไปทำอย่างนั้นฉันจะไม่ทำ
00:10:52 → 00:10:53 อย่างนี้รู้งี้ฉันจะไม่อย่างนั้นอย่างนี้
00:10:54 → 00:10:56 ถามว่าเรากลับไปแก้อดีตได้ไหมคะคุณแม่นิด
00:10:56 → 00:11:00 หน่อยไม่ได้นะคะเพราะฉะนั้นตรงนั้นน่ะจะ
00:11:00 → 00:11:03 ไปคิดถึงอนาคตที่มันยังไม่เกิดกลับไปคิด
00:11:03 → 00:11:05 ถึงอดีตซึ่งเราแก้ไม่ได้ไม่มีประโยชน์
00:11:05 → 00:11:07 อะไรเลยค่ะอาจารย์แต่ว่าอันนี้คือมันเป็น
00:11:07 → 00:11:10 ๆของตัวเราอ่ะแต่ถ้าเกิดมันมีบุคคลอื่น
00:11:10 → 00:11:14 ร่วมด้วยค่ะที่เช่นอาจจะมีผลกระทบหรือว่า
00:11:14 → 00:11:18 จะยังไงเนี่ยค่ะพอๆเราแบบพอมันมีผลกระทบ
00:11:18 → 00:11:20 สิ่งนั้นมันเกิดไปแล้วอ่ะค่ะมันมีผลกระทบ
00:11:20 → 00:11:24 ค่ะเราก็จะรู้สึกว่าเฮ้ยมันไม่โอเคเลยมัน
00:11:24 → 00:11:27 ก็จะแบบเขาเรียกอะไรถ้าถ้าคนมีจิตสำนึก
00:11:27 → 00:11:30 อาจจะรู้สึกว่าตัวเองผิดใช่ไหมคะแต่มองไป
00:11:30 → 00:11:33 ข้างหน้าก็รู้สึกว่าเฮ้ยมันกังวลเพราะว่า
00:11:33 → 00:11:35 อ่าในยุคทุกวันนี้เนี่ยมันก็แน่นอนเรื่อง
00:11:35 → 00:11:38 การทำงานการจะต้องร่วมงานกันอะไรอย่าง
00:11:38 → 00:11:41 เงี้ยค่ะมันมันจะยังไงได้บ้างนั่นคือตรง
00:11:41 → 00:11:45 นี้แหละค่ะเอาพลังตรงนั้นน่ะมาโฟกัสกับ
00:11:45 → 00:11:48 ปัจจุบันสิคะนั่นก็คือสมมุติอดีตมันผิด
00:11:48 → 00:11:51 พลาดมาเราเอาความผิดพลาดนั้นมาเรียนรู้
00:11:51 → 00:11:54 แล้วเตรียมตั้งรับนึกออกไหมคะกับสิ่งที่
00:11:54 → 00:11:56 มันจะเกิดขึ้น
00:11:56 → 00:11:59 ไม่ใช่ไปคิดอยู่กับอดีตตรงนั้นไปจมอยู่
00:11:59 → 00:12:03 กับอดีตแต่เราเอาอดีตมาทำให้อนาคตมันดี
00:12:03 → 00:12:06 นั่นคือการวางแผนในอนาคต
00:12:06 → 00:12:09 มันมีคำพูดของฝรั่งอ่ะนะที่เขาพูดถึงว่า
00:12:09 → 00:12:14 การคิดถึงอดีตเป็นการทำลายปัจจุบันแต่การ
00:12:14 → 00:12:19 คิดถึงนะคะการคิดถึงปัจจุบันเป็นการวาง
00:12:19 → 00:12:24 แผนอนาคตก็แสดงว่าเท่าที่ฟังก็คือมันจบไป
00:12:24 → 00:12:27 แล้วมันผ่านไปแล้วยังไงคือปัจจุบันดีที่
00:12:27 → 00:12:29 สุดถ้าเราไปมัวแต่ข้ามเคร่งอยู่กับอดีต
00:12:30 → 00:12:32 ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นทำไมอย่างนี้ใคร
00:12:32 → 00:12:35 ผิดอะไรอย่างนี้ประโยชน์นะคะมันไม่มี
00:12:35 → 00:12:38 ประโยชน์เพราะว่ามันไปจมอยู่กับอดีตแสดง
00:12:38 → 00:12:42 ว่าณวันนี้ตอนนี้เวลานี้เราจะทำเพื่อ
00:12:42 → 00:12:46 อนาคตแต่เราเรียนรู้อดีตได้แล้วก็นึกออก
00:12:46 → 00:12:49 ไหมคะเราเรียนรู้อดีตได้ว่ามันพลาดอะไรมา
00:12:49 → 00:12:51 แล้วเรามาปรับปัจจุบันหรือวางแผนอย่างที่
00:12:51 → 00:12:54 คุณศิริพรบอกว่ามันเคยมีแผลกันมาในอดีต
00:12:54 → 00:12:56 แล้วเราต้องมาร่วมงานกันเนี่ยมันจะเกิด
00:12:56 → 00:12:59 อะไรขึ้นนั่นก็คือการเตรียมการตั้งรับ
00:12:59 → 00:13:02 เพราะบางทีเนี่ยในอดีตที่มันผิดพลาดมายัง
00:13:02 → 00:13:05 ไม่มีการเคลียร์กันนะมันก็เหมือนกับอยู่
00:13:05 → 00:13:07 ในใจติดค้างอยู่ในใจเอ๊ะมาเคลียร์กันไหม
00:13:07 → 00:13:10 ในปัจจุบันเพื่อที่จะทำให้อนาคตมันดีขึ้น
00:13:10 → 00:13:13 นะคะนั่นก็คือเอาพลังเนี่ยมาทำตรงนี้ดี
00:13:13 → 00:13:16 กว่าดีกว่าที่จะไปเจ็บแค้นนึกออกไหมคิด
00:13:16 → 00:13:19 ถึงอดีตแล้วก็เจ็บแค้นเนี่ยพลาดเพราะอีคน
00:13:19 → 00:13:21 นี้เจ้าอีคนเนี้ยมันทำฉันพลาดอยู่เนี่ย
00:13:21 → 00:13:25 เราก็ต้องไปเอาคืนหรืออะไรอย่างนั้นเนี่ย
00:13:25 → 00:13:27 มันเป็นการทำลายปัจจุบันที่เขาใช้คำว่า
00:13:27 → 00:13:31 การคิดถึงการค้นหาอดีตการค้นหาอดีตเป็น
00:13:31 → 00:13:34 การทำลายปัจจุบันอื้มก็คือแสดงว่าในอดีต
00:13:34 → 00:13:38 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหนในมุม
00:13:38 → 00:13:40 ที่มันอาจจะไม่ดีก็ได้เนาะค่ะแล้วก็อ่ะ
00:13:40 → 00:13:42 มันเกิดไปแล้วอ่ะเราไปแก้ไขอะไรไม่ได้
00:13:42 → 00:13:46 แล้วก็ปัจจุบันเราจะยังไงต่อค่ะจะเดิน
00:13:46 → 00:13:49 หน้าต่อหรือจะแบบอ่ะตั้งบริเวณสักครู่นึง
00:13:49 → 00:13:50 แล้วค่อยเดินต่อหรืออะไรก็ให้อยู่กับ
00:13:51 → 00:13:54 ปัจจุบันนะฮะถ้าถึงบอกทำปัจจุบันให้ดีที่
00:13:54 → 00:13:57 สุดนั่นแหละดีแล้วนะคะมันเป็นการทำให้
00:13:57 → 00:14:00 อนาคตดีไปด้วยนะคะ
00:14:00 → 00:14:03 ประเด็นที่ 2 นะคะเขาบอกว่าตั้งเป้าหมาย
00:14:03 → 00:14:06 ที่ทำได้จริงอย่าทำอะไรที่เยอะหรือยาก
00:14:06 → 00:14:08 เกินไป
00:14:08 → 00:14:11 เพราะว่าแม้ว่าความท้าทายเนี่ยนะคะบอก
00:14:11 → 00:14:13 ความท้าทายเนี่ยมันจะกระตุ้นเราก็จริงนะ
00:14:13 → 00:14:16 คะแต่อย่าลืมว่าเป้าหมายที่ดีที่สุดคือ
00:14:16 → 00:14:18 เป้าหมายที่ทำได้จริง
00:14:18 → 00:14:20 [เพลง]
00:14:20 → 00:14:24 คนเราเนี่ยคาดหวังอะไรที่มันไกลไปนะคะมัน
00:14:24 → 00:14:27 ก็ไม่ถึงสักทีพอไม่ถึงสักทีหมดกำลังใจไหม
00:14:27 → 00:14:31 คะออกกำลังกายเราก็ตั้งเป้าหมายที่จะทำ
00:14:31 → 00:14:34 อะไรที่เราทำได้เล็กๆทีละขั้นทีละตอน
00:14:34 → 00:14:37 อย่างเช่นจะเก็บสตางค์ให้ได้เราเริ่มด้วย
00:14:37 → 00:14:41 เราอย่าไปเอาเป็นล้านเนาะเป็นแสนมากไป
00:14:41 → 00:14:44 เป็นหมื่นพอไหวไหมนะฮะหรือเอาแค่ 1,000
00:14:44 → 00:14:47 บาทก่อนนะคะเดือนนี้จะเก็บอย่างน้อยที่
00:14:47 → 00:14:49 สุดให้ได้สัก 1,000 บาทเถอะพอได้เราก็ดี
00:14:49 → 00:14:52 ใจใช่มั้ยคะหรือเรามีความรู้สึกว่าเออ
00:14:52 → 00:14:53 สำเร็จแล้วนะสำเร็จแล้วนะอะไรอย่างเงี้ย
00:14:53 → 00:14:56 นะคะเพราะฉะนั้นตั้งเป้าหมายทีละนิดทีละ
00:14:56 → 00:15:00 นิดทีละนิดค่ะนะคะอย่าเยอะอย่ายากเกินไป
00:15:00 → 00:15:03 อย่างคุณผู้ฟังลองทำแบบที่สุรีพรทำก็ได้
00:15:03 → 00:15:06 นะคะไม่ได้ตั้งเป้าเวลาเก็บเงินว่าจะเก็บ
00:15:06 → 00:15:10 ให้ได้เท่าไหร่จับยัดได้มาปึ๊บแบงค์ 50
00:15:10 → 00:15:13 ค่ะเคล็ดลับเลยเพราะว่าเราไม่ค่อยได้มี
00:15:13 → 00:15:16 โอกาสได้เห็นหรือบางทีก็ได้มาเยอะเกินจน
00:15:16 → 00:15:19 วันนั้นไม่ได้ใช้ถ้าวันไหนเราได้แบงค์ 50
00:15:19 → 00:15:23 มาค่ะจัดเก็บทุกใบเก็บไปค่ะเก็บสะสมสะสม
00:15:23 → 00:15:28 พอได้ 5,000 ปุ๊บเข้าธนาคารแล้วก็เริ่ม
00:15:28 → 00:15:29 เก็บใหม่มันอาจจะระยะเวลานานไปหน่อยนะ
00:15:29 → 00:15:33 แบงค์ 50 แต่พอท้ายที่สุดผ่านไปปี 2 ปี
00:15:33 → 00:15:34 ค่ะอาจารย์
00:15:34 → 00:15:37 เฮ้ยมันเห็นจำนวนเงินน่ะแล้วทุกวันนี้ยัง
00:15:37 → 00:15:40 เก็บอยู่นะคะถึงแม้ว่าเราจะมีแบบใช้เป็น
00:15:40 → 00:15:43 สแกนไม่ค่อยได้ใช้เงินจริงกันละแต่ก็ยัง
00:15:43 → 00:15:46 เก็บอยู่ค่ะมันก็อาจจะช้าลงไปอีกนะแต่ว่า
00:15:46 → 00:15:49 เราไม่ได้วางเป้าหมายไว้สูงมากเกินไปแล้ว
00:15:49 → 00:15:53 ไปไม่ถึงเราใช้แบบอะไรเลยเอาไปเลยใส่ไป
00:15:53 → 00:15:55 เลยอะไรอย่างเงี้ยก็ตัวเจนนี่แพรเองก็
00:15:55 → 00:15:57 เป็นเด็กรุ่นเก่าเนาะสมัยก่อนเนี่ยมันจะ
00:15:57 → 00:16:00 มีการหยอดกระปุกออมสินใช่ไหมคะจนเดี๋ยว
00:16:00 → 00:16:04 นี้ก็ยังติดนิสัยคือเอ่อจะวิภาเวลาเจอ
00:16:04 → 00:16:07 แบงค์ใหม่ค่ะไม่ว่าแบงค์ใหม่ของอะไรก็ตาม
00:16:07 → 00:16:09 ที่มันกริ๊บมาเลยนะฮะจะหยอดกระปุกเป็น
00:16:09 → 00:16:13 เป็นกระปุกสวยๆที่มันเป็นดินเผานะฮะไอ้
00:16:13 → 00:16:15 มันมีฝาเปิดข้างล่างเพราะเราโตแล้วเราไม่
00:16:15 → 00:16:17 แคะกระปุกแน่นอน
00:16:17 → 00:16:20 ใช่ไหมคะก็จะม้วนแล้วก็เอาใส่ลงไปในเนี้ย
00:16:20 → 00:16:23 อืมจนเขย่าจนใสไม่ลงแล้วอ่ะค่ะจึงจะเปิด
00:16:23 → 00:16:26 อ่าก็ได้เนาะใส่ไม่ลงแล้วมันจึงจะเปิด
00:16:26 → 00:16:29 แล้วมันก็ออกมาเป็นแบงค์ใหม่ทั้งนั้นเลย
00:16:29 → 00:16:31 อะไรอย่างเงี้ยนะคะมีความสุขุมใจนะคะ
00:16:31 → 00:16:34 อย่างนี้เป็นต้นจนเดี๋ยวนี้ก็ยังหยอดอยู่
00:16:34 → 00:16:38 ค่ะสนุกกับมันนะคะจริงค่ะนะคะอันนี้ก็คือ
00:16:38 → 00:16:41 ประเด็นที่ 2 ว่าตั้งเป้าหมายในสิ่งที่
00:16:41 → 00:16:44 เราทำได้จริงอย่ายากอย่าเยอะเกินไปไม่
00:16:44 → 00:16:47 งั้นมันจะบั่นทอนกำลังใจตัวเราเองนั่นคือ
00:16:47 → 00:16:49 มองโลกอย่างเข้าใจนะคะบางอย่างก็ไม่ได้
00:16:49 → 00:16:51 อยู่ปัจจัยอยู่ที่เราในปัจจัยมันอยู่ที่
00:16:51 → 00:16:54 คนอื่นเราก็ทำอะไรไม่ได้อันนี้จริงแล้ว
00:16:54 → 00:16:58 ประเด็นที่ 3 ค่ะก็คือฝึกคิดถึงผลลัพธ์
00:16:58 → 00:17:02 เพื่ออะไรเพื่อให้ยอมรับความจริงนะคะถ้า
00:17:02 → 00:17:04 เราทุกวันเนี่ยเราต้องค่อยๆฝึกค่ะคุณ
00:17:04 → 00:17:07 สุรีย์พรว่าสิ่งนั้นมันจะมีผลลัพธ์อะไร
00:17:07 → 00:17:10 กับเราแล้วมันจะทำให้เราเนี่ยยอมรับความ
00:17:10 → 00:17:13 จริงได้เช่นสมมุติว่าเราบอกว่าเอ่อ
00:17:13 → 00:17:16 ตอนนี้ร่างกายมันอึดอัดมันเจ็บป่วยนะ
00:17:16 → 00:17:21 เพราะอะไรโอ้โหน้ำหนักเกินมากเลยนะฮะมัน
00:17:21 → 00:17:24 ต้อง Exercise มันไม่ใช่แค่ไม่กินเข้าไป
00:17:24 → 00:17:26 อย่างเดียวมันต้องเอาออกด้วยแต่ถ้าเราไม่
00:17:27 → 00:17:30 Exercise วันนี้เหนื่อยไปวันนี้ร้อนไป
00:17:30 → 00:17:33 วันนี้ฝนตกเลยไม่ออกอะไรอย่างนี้นะคะถ้า
00:17:33 → 00:17:35 เราไม่มีการ Exercise เราก็ต้องยอมรับนะ
00:17:35 → 00:17:37 สภาพร่างกายเราจะเป็นอย่างนี้แล้วแย่ขึ้น
00:17:37 → 00:17:40 แย่ขึ้นแย่ขึ้นเรื่อยๆนะคะอย่างนี้เป็น
00:17:40 → 00:17:45 ต้นหรือเราจะต้องทำงานหางานใหม่นะคะเรา
00:17:45 → 00:17:47 ตั้งโจทย์ว่าเราจะหางานใหม่เพราะงานที่ทำ
00:17:47 → 00:17:49 อยู่เนี่ยเบื่อมากเลยนะคะเงินเดือนก่อน
00:17:49 → 00:17:52 น้อยหรือเข้ากันไม่ได้กับเจ้านายหรืออะไร
00:17:52 → 00:17:56 ก็แล้วแต่เนี่ยนะคะแล้วเราไม่คิดขยับขยาย
00:17:56 → 00:18:00 ที่จะไปดูอะไรนะคะงานใหม่หรือไปศึกษาไป
00:18:00 → 00:18:02 อะไรต่างๆไม่เจียดเวลาที่จะทำสิ่งเหล่า
00:18:02 → 00:18:04 เนี้ยเราก็ต้องยอมรับนะว่าเราต้องอยู่กับ
00:18:04 → 00:18:07 ปัจจุบันก็คืองานงานที่ทำอยู่ตอนเนี้ย
00:18:07 → 00:18:09 แล้วก็ต้องทุกข์กับไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบ
00:18:09 → 00:18:11 ตัวเราเนี่ยไปเรื่อยๆนะฮะเพราะฉะนั้น
00:18:11 → 00:18:14 เมื่อเราฝึกคิดอย่างนี้แล้วเนี่ยนะคะจะทำ
00:18:14 → 00:18:18 ให้เราชินกับการยอมรับแล้วกันใช้เหตุผลนะ
00:18:18 → 00:18:22 คะแล้วยอมรับในสิ่งต่างๆที่ได้อย่างเข้า
00:18:22 → 00:18:25 ใจนะคะไม่ใช่ว่าโอ๊ยเบื่อแล้วเชิดงาน
00:18:25 → 00:18:29 อย่างงี้ทำไมงี้ๆๆก็อยู่ไม่เปลี่ยนนะบ่น
00:18:29 → 00:18:31 อย่างเดียวใช่ในเมื่อคุณสุรีย์พรบอกแล้ว
00:18:31 → 00:18:33 ใช่ไหมคะว่าทุกอย่างเนี่ยมันขึ้นกับ
00:18:33 → 00:18:36 ปัจจัยด้วยไม่ใช่ตัวเราเราขยันแทบตายแต่
00:18:36 → 00:18:41 บ่นว่าทีมไม่โอเคแล้วเราจะทนอย่างนี้ไหม
00:18:41 → 00:18:45 คือ 1 ปรับที่ตัวเราก็แล้วทีมก็ไม่ร่วม
00:18:45 → 00:18:47 มือแล้วอ้าวเราควรจะย้ายงานไหมอะไรอย่าง
00:18:47 → 00:18:50 นี้เป็นต้นนั่นคือฝึกการคิดด้วยการใช้
00:18:50 → 00:18:54 เหตุผลนะคะแต่ถ้าเราได้คิดว่าถ้าเราเดิน
00:18:54 → 00:18:57 ไปพูดกับเจ้านายเจ้านายฟังเว้ยเจ้านาย
00:18:57 → 00:19:01 เปลี่ยนแฮะนะหรือพูดกับทีมงานแล้วทีมงาน
00:19:01 → 00:19:04 มาจับเข่าคุยกันเร็วมีปัญหาอะไรอะไรยังไง
00:19:04 → 00:19:08 แล้วมันไปในทางที่ดีก็ดีใช่ไหมคะแต่ถ้า
00:19:08 → 00:19:11 เราไม่ลงมือทำอะไรเลยอ่ะก็จมอยู่อย่าง
00:19:11 → 00:19:13 นั้นแหละนะ
00:19:13 → 00:19:16 ยิ่งถ้าเกิดเราไม่ได้เป็นคนคนเดียวในงาน
00:19:16 → 00:19:20 นี้เนี่ยค่ะมันมีมันก็มีคนอีกหลายๆคนใช่
00:19:20 → 00:19:24 ค่ะซึ่งก็แน่นอนว่าจะคงจะไม่มีแบบว่าค้าน
00:19:24 → 00:19:27 กันทั้งหมดหรือว่าเข้าข้างกันทั้งหมดมัน
00:19:27 → 00:19:30 ต้องมีเหตุและผลค่ะอยู่ในตัวนั้นอยู่แล้ว
00:19:30 → 00:19:33 ในแต่ละอย่างค่ะอืมเพราะนั่นมันประเด็น
00:19:33 → 00:19:36 หลักๆในการฝึกในแค่ 3 ข้อนี่แหละค่ะแต่
00:19:36 → 00:19:39 มันวิธีการมันพูดมันเหมือนเป็นหลักการมัน
00:19:39 → 00:19:42 ง่ายเนาะแต่ถ้าเราไม่ลงมือที่จะฝึกเลย
00:19:42 → 00:19:44 เนี่ยบางคนก็ยังย่ำอยู่อย่างนั้นล่ะค่ะ
00:19:44 → 00:19:47 แล้วก็ทุกข์อยู่อย่างนั้นแหละนะฮะเพราะ
00:19:47 → 00:19:49 ฉะนั้นการมองโลกในชีวิตจริงหรือการใช้
00:19:49 → 00:19:52 ชีวิตจริงเนี่ยเราต้องทุกคนน่ะค่ะมันจะมี
00:19:52 → 00:19:55 ทั้งมุมที่มองโลกในแง่ดีและแง่ร้ายปะปน
00:19:55 → 00:19:58 กันนะคะมันไม่มีอะไรเป๊ะๆหรือจะบอกว่าการ
00:19:58 → 00:20:01 มองโลกแง่ดีดีกว่าการมองโลกแง่ร้ายก็ไม่
00:20:01 → 00:20:05 ใช่ในบางครั้งเนี่ยมันต้องมีมากน้อยแตก
00:20:05 → 00:20:08 ต่างกันไปนะฮะมันปะปนกันในแต่ละวันอันนี้
00:20:08 → 00:20:11 เป็นเรื่องธรรมดานะคะแต่เมื่อไหร่ก็ตาม
00:20:11 → 00:20:13 ที่เราเอนเอียงไปทางใดวางหนึ่งมากเกินไป
00:20:13 → 00:20:15 อย่างที่บอกว่าแกนที่เล่าให้ฟังอ่ะนะฮะ
00:20:15 → 00:20:19 ถ้าคุณไปสุดท้ายสุดทุกข์สุดเลยก็คือมอง
00:20:19 → 00:20:22 โลกในแง่ลบอ่าไปขวาสุดเลยก็มองโลกในแง่
00:20:22 → 00:20:26 บวกแบบโลกสวยเกินไปทั้ง 2 แกนนั้นน่ะ
00:20:26 → 00:20:30 ทุกข์ใจแน่นอนนะฮะแล้วก็มีปัญหาเข้ามาแน่
00:20:30 → 00:20:33 นอนเพราะฉะนั้นตรงกลางค่ะนะฮะก็อย่าลืม
00:20:33 → 00:20:36 ว่าต้องปรับวิธีคิด
00:20:36 → 00:20:40 สมัยปัจจุบันเขาเรียก mindset ให้เท่ๆ
00:20:40 → 00:20:43 หน่อยนะปรับวิธีคิดหรือ mindset นะคะแล้ว
00:20:43 → 00:20:46 ทำให้เราในหัดมองโลกตามความเป็นจริงนะคะ
00:20:46 → 00:20:48 เมื่อเรามองโลกตามความเป็นจริงและเราก็จะ
00:20:48 → 00:20:52 สามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างเข้าใจแล้ว
00:20:52 → 00:20:56 ก็รับมือกับมันได้อย่างดีและมีสติเอานี้
00:20:56 → 00:20:59 ละกันคำว่ามีสติตัวสำคัญเหมือนกันนะคะคุณ
00:20:59 → 00:21:02 ผู้ฟังเพราะว่าคือจริงๆต่อให้เราคิดยังไง
00:21:02 → 00:21:05 แต่ว่าถ้าเราสติแตกหรือว่าถ้าไม่มีสติ
00:21:05 → 00:21:07 ปุ๊บมันจะคิดอะไรไม่ได้เลย
00:21:07 → 00:21:11 เราจะได้ยินคำว่าไม่มีสตินึกออกไหมคะผู้
00:21:11 → 00:21:14 หญิงคนนี้ไม่มีสติผู้ชายคนนี้ไม่มีสติคือ
00:21:14 → 00:21:18 เวลาโกรธโมโหเสียใจอะไรมันออกมาแบบไม่มี
00:21:18 → 00:21:21 สติกำกับอ่ะสะเปะสะปาไปปล่อยสารพัดอะไร
00:21:21 → 00:21:25 ร่างกายกันอะไรกันนะคะด้วยความรุนแรงอะไร
00:21:25 → 00:21:27 เงี้ยเพราะไม่มีสติทั้งนั้นแหละแม้แต่
00:21:27 → 00:21:30 อาจารย์หลายคนก็จะมีในมุมที่มีความเป็น
00:21:30 → 00:21:33 เหตุผลของตัวเองนะคะมาประกอบในการที่เรา
00:21:33 → 00:21:36 จะก็ฉันคิดอย่างนี้เพราะฉันมีเหตุผล 2
00:21:36 → 00:21:41 ชั้นไม่ว่าจะซ้ายสุดลบสุดสวยสุดอย่างนี้
00:21:41 → 00:21:45 นะคะเราก็จะมีเหตุผลของตัวเองเป็นการรอง
00:21:45 → 00:21:49 รับเลยอาจจะไม่ค่อยได้ยอมรับในมุมมองความ
00:21:49 → 00:21:52 คิดของคนที่มองเข้ามาหรือความที่เป็นเหตุ
00:21:52 → 00:21:55 ผลมากกว่าความคิดของตัวเองเพราะส่วนใหญ่
00:21:55 → 00:21:57 จะนึกถึงว่าความคิดของฉันคือมันถูกแล้ว
00:21:57 → 00:22:01 ถูกต้องแล้วนั่นก็ขึ้นกับลักษณะคนไงที่จะ
00:22:01 → 00:22:02 เป็นประเภท
00:22:02 → 00:22:05 ใช้คำว่าอะไรตัวเองเป็นศูนย์กลางฉันต้อง
00:22:05 → 00:22:09 ถูกเสมอนึกออกไหมคะเพราะฉะนั้นการฝึกมัน
00:22:09 → 00:22:12 จะช่วยได้แต่สำคัญว่ายอมที่จะฝึกไหมหรือ
00:22:12 → 00:22:16 ยอมรับไหมเพราะฉะนั้นจะถามว่าแม้ขอโทษนะ
00:22:16 → 00:22:19 คะฉันสันดานแล้วฉันเป็นอย่างนี้ฉันแก้ไม่
00:22:19 → 00:22:21 ได้หรอกไม่จริง
00:22:21 → 00:22:25 เหมือนอันนี้มันดูมีความรู้สึกว่าเหมือน
00:22:25 → 00:22:26 จากเข้าใจตัวเอง
00:22:26 → 00:22:30 เข้าใจใช่ว่าฉันเป็นคนแบบนี้แหละแต่
00:22:30 → 00:22:33 มันเป็นสันนาไปแล้วมันพี่อ่านไม่ได้แล้ว
00:22:33 → 00:22:42 เอ๊ะ
00:22:42 → 00:22:46 อาจจะมีทุกคนเนี่ยจะมีจุดจุดจะใช้คำว่า
00:22:46 → 00:22:49 จุดอ่อนหรือจุดแข็งก็ไม่ได้ยกตัวอย่างนะ
00:22:49 → 00:22:50 คะ
00:22:50 → 00:22:55 ผู้ชายที่ติดบุหรี่แล้วก็ไม่ยอมไม่ยอมที่
00:22:55 → 00:22:58 จะเลิกขนาดแฟนหรือภรรยาเนี่ยบอกให้เลิกก็
00:22:58 → 00:23:01 ทะเลาะกันน่ะเรียกว่าตายกันไปข้างนึงเลย
00:23:01 → 00:23:05 นะแต่ณวันหนึ่งที่มาเห็นลูกเล็กๆของตัว
00:23:05 → 00:23:06 เอง
00:23:06 → 00:23:10 หยิบบุหรี่ที่ตัวเองวางไว้ขึ้นมาใส่ปาก
00:23:10 → 00:23:14 จุดนั้นที่เขาเห็นลูกอ่ะหยิบบุหรี่ที่เขา
00:23:14 → 00:23:16 วางไว้ที่ที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมาอมอย่างนี้
00:23:16 → 00:23:19 แล้วก็หัวเราะหรือไอค๊อกแค๊กไปอะไรก็แล้ว
00:23:19 → 00:23:22 แต่ณจุดนั้นปฏิญาณกับตัวเองเลยว่า
00:23:22 → 00:23:25 ฉันจะไม่แตะบุหรี่
00:23:25 → 00:23:29 ฮ่าๆๆแต่บางคนก็บอกว่าอ่ะลองดูอ่าๆเป็น
00:23:29 → 00:23:32 บางคนไงคะแต่ละคนมันไม่เหมือนกันไม่ใช่
00:23:32 → 00:23:35 ว่าวิธีนี้จะใช้ได้กับคนอื่นอีกแต่จะไม่
00:23:35 → 00:23:38 พาพูดให้ฟังว่าก็คือว่าคนเรามันจะมีจุด
00:23:38 → 00:23:42 มีจุดที่ทำให้เราเปลี่ยนนะคะทำไมเด็กบาง
00:23:42 → 00:23:45 คนเออการศึกษาชีวิตของคนเยอะๆเนี่ยนะคะ
00:23:45 → 00:23:48 มันทำให้เราได้เห็นอะไรต่างๆ
00:23:48 → 00:23:50 เคยได้ยินไหมคะที่เด็กจากสลัมแล้วกลาย
00:23:50 → 00:23:53 เป็นประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีร้อยล้านมี
00:23:53 → 00:23:55 เยอะนะคะก็เพราะว่าบางคนเขาเป็นเด็กเร่
00:23:55 → 00:23:58 ร่อนน่ะแล้วพอถึงจุดวันนึงเนี่ยที่เขาคิด
00:23:58 → 00:24:02 ว่านี่ชีวิตเขาได้อะไรเนี่ยวันๆนึงเขาก็
00:24:02 → 00:24:06 เสพยานะคะทำนู่นทำนี่ทำนั่นจนกระทั่งเขา
00:24:06 → 00:24:08 ถึงจุดเปลี่ยนที่เขาคิดว่าเฮ้ยเขาต้อง
00:24:08 → 00:24:11 เรียนหนังสือแล้วไม่มีใครไปบอกเขานะหรือ
00:24:11 → 00:24:14 ไม่มีใครไปบังคับเขานะเขาก็เปลี่ยนของเขา
00:24:14 → 00:24:15 ในทันที
00:24:15 → 00:24:19 นะคะแต่โอกาสที่ได้ก็คือครูข้างถนนที่ไป
00:24:19 → 00:24:22 สอนเขาไปอะไรเขาเนี่ยแต่ก็ทำให้เด็กคนนี้
00:24:22 → 00:24:24 เป็นจุดเปลี่ยนไม่ได้มีใครไปขอร้องหรือ
00:24:24 → 00:24:27 อะไรณวันหนึ่งมันก็ปิ๊งที่เราคิดว่าคิด
00:24:27 → 00:24:31 ได้อ่ะใช่ไหมคะมันจะปิ้งกันก็เปลี่ยน mind
00:24:31 → 00:24:33 Set ตัวเองแล้วทำไมมาประสบความสำเร็จจน
00:24:33 → 00:24:36 บางคนได้เป็นเมืองนอกด้วยซ้ำไปนะไปเรียน
00:24:36 → 00:24:38 จบด็อกต้องด็อกเตอร์มาจากเด็กข้างถนนน่ะ
00:24:38 → 00:24:42 อืมเด็กเร่ร่อนน่ะมีหลายรูปแบบจริงๆเนาะ
00:24:42 → 00:24:44 อาจารย์เนาะเห็นไหมคะเพราะฉะนั้นมันไม่มี
00:24:44 → 00:24:47 ใครเหมือนใครไงเธอคือหนึ่งเดียวคนเนี้ย
00:24:47 → 00:24:51 Only I am only นะฮะไม่มีใครเหมือน
00:24:51 → 00:24:54 ใครเลวไม่ต้องไปเรียนแบบใครไม่ต้องไป
00:24:54 → 00:24:57 เปรียบเทียบกับใครมันอยู่ที่ตัวเราเอง
00:24:57 → 00:25:00 แหละถ้าเรามีความภาคภูมิใจในตัวเองแล้ว
00:25:00 → 00:25:03 รักตัวเองให้เป็นนะคะนะคะทุกอย่างก็จะแก้
00:25:03 → 00:25:06 ไขได้แต่ถ้าเราบอกว่าเราแก้ไม่ได้มันก็
00:25:06 → 00:25:08 แก้ไม่ได้เพราะฉะนั้นคือเหมือนกับว่าจริง
00:25:08 → 00:25:12 ๆแล้วเรามีจุดให้เราเรียนรู้ได้เนี่ยจาก
00:25:12 → 00:25:14 สิ่งแวดล้อมรอบข้างเราจากสิ่งที่เราเห็น
00:25:14 → 00:25:17 ใช่ต่างๆเหล่านี้เราก็ลองพิจารณา
00:25:17 → 00:25:21 วิเคราะห์ดูนะคะตามความเป็นจริงนะว่าแบบ
00:25:21 → 00:25:24 ไหนมันดีกับชีวิตเราแบบไหนมันอาจจะส่งผล
00:25:24 → 00:25:27 ที่มันไม่ดีกับชีวิตเราเราจะเดินไปจริงๆ
00:25:27 → 00:25:28 หรอ
00:25:28 → 00:25:32 คะคือการมองโลกอย่างเข้าใจแล้วก็จะได้มี
00:25:32 → 00:25:35 ความสุขเขามองตามความเป็นจริง
00:25:35 → 00:25:38 นี่เป็นแนวทางให้นะก็อยู่ที่คุณผู้ฟัง
00:25:38 → 00:25:41 แล้วนะคะเพราะว่าเราไม่ได้มีสูตรสำเร็จ
00:25:41 → 00:25:43 ตายตัวว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนจะสำเร็จนะคะ
00:25:43 → 00:25:45 เราไม่ใช่โค้ชชีวิตกันขนาดนั้นนะอันนี้
00:25:45 → 00:25:49 แค่แนวทางนะคะขอบคุณอาจารย์ขายินดีค่ะเอา
00:25:49 → 00:25:51 ล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วนะคะเราจะกลับ
00:25:51 → 00:25:54 มาพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการรอหมอทาง
00:25:54 → 00:25:56 Thai PBS Plus ค่ะวันนี้ลาไปก่อน
00:25:56 → 00:25:59 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังสวัสดีค่ะ This Is
00:25:59 → 00:26:02 Thai pbscast สุนัขในแต่ละวัยแต่ละอายุ
00:26:02 → 00:26:05 มีหลักเกณฑ์การกำหนดช่วงอายุอย่างไรหาก
00:26:05 → 00:26:07 เปรียบเทียบปีแบบมนุษย์ผู้ช่วย
00:26:07 → 00:26:08 ศาสตราจารย์นายศตวรรษแพทย์ด็อกเตอร์
00:26:08 → 00:26:11 ธีรดิศรรุ่งเรืองกิจไกลจากจุฬาลงกรณ์
00:26:11 → 00:26:13 มหาวิทยาลัยมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:13 → 00:26:17 จริงๆแล้วต้องบอกว่าการดูแลสัตว์แต่ละ
00:26:17 → 00:26:19 ช่วงของสุนัขเนี่ยมันมีความละเอียดแตก
00:26:19 → 00:26:21 ต่างกันมากเลยบางทีจะเป็นช่วงตั้งแต่
00:26:21 → 00:26:24 สุนัขเล็กตั้งแต่สุนัขทารกสุนัขเล็กสุนัข
00:26:24 → 00:26:28 เริ่มโตสุนัขวัยรุ่นสุนัขเจริญพันธุ์วัย
00:26:28 → 00:26:31 โตเต็มวัยสุนัขวัยชราต่างๆเนี่ยถ้าแบ่ง
00:26:31 → 00:26:33 ตามนั้นจะค่อนข้างเยอะแต่เราอาจจะคุย
00:26:33 → 00:26:36 คร่าวๆได้ว่าสุนัขเล็กสุนัขโตและสุนัขแก่
00:26:36 → 00:26:39 อ่าจะได้เข้าใจง่ายกว่าเพราะว่าสุนัขเล็ก
00:26:39 → 00:26:42 ก็อาจจะรวมตั้งแต่แบเบาะเลื่อนมาจนถึง
00:26:42 → 00:26:44 สุนัขเป็นเด็กๆแล้วก็ก่อนที่จะเข้าสู่วัย
00:26:44 → 00:26:47 รุ่นเพราะอย่างหนึ่งคนเนี่ยวัยเด็กก็คือ
00:26:47 → 00:26:50 ต่ำกว่าเรามองว่าต่ำกว่า 13 ต่ำกว่าที่
00:26:50 → 00:26:51 นั่นเองเพราะว่าตอนนั้นจะเป็นวัยรุ่นและ
00:26:51 → 00:26:54 เป็นช่วงของวัยเจริญพันธุ์ที่เตรียมพร้อม
00:26:54 → 00:26:57 จะมีครอบครัวอะไรได้แล้วถ้าเป็นในสุนัขใน
00:26:57 → 00:27:00 สุนัขพันธุ์เนี่ยอายุ 8 เดือนก็จะเริ่ม
00:27:00 → 00:27:02 เป็นสัตว์ครั้งแรกอายุ 9 เดือน 10 เดือน
00:27:02 → 00:27:04 แล้วแต่สายพานเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:27:04 → 00:27:08 เอ่อในช่วงวัยเด็กๆของสุนัขแล้วก็ประเมิน
00:27:08 → 00:27:10 ซะว่าอ่ะโอเคอายุต่ำกว่า 1 ปีต่ำกว่า 1
00:27:10 → 00:27:12 ปีแล้วถือว่าเป็นช่วงลูกสุนัขก็แล้วกัน
00:27:12 → 00:27:15 แต่ในช่วงที่โตเต็มวัยก็อาจตั้งแต่ 1 ปี
00:27:15 → 00:27:19 จนถึงประมาณ 5-7 ปีในช่วงช่วงนี้นะครับ
00:27:19 → 00:27:21 เพราะว่าแต่ละคันก่อนที่จะเรียกว่าเป็น
00:27:21 → 00:27:25 สุนัขที่เข้าสู่วัยชราวัยวัยวัยวัยสูงวัย
00:27:25 → 00:27:28 แล้วเนี่ยก็จะมีความแตกต่างกันสุนัข
00:27:28 → 00:27:31 พันธุ์ใหญ่จะเข้าสู่วัยวัยฉลาดเร็วแต่
00:27:31 → 00:27:34 สุนัขพันธุ์เล็กๆที่มีอายุขัยยาวก็จะเข้า
00:27:34 → 00:27:36 สู่วัยชราช้าแต่ว่าจะพูดเป็นภาพรวมว่า
00:27:36 → 00:27:38 โอเคนะเราแบ่งเป็นลักษณะแบบนี้แล้วกันว่า
00:27:38 → 00:27:41 0-1 ปีเนี่ยอยู่ในช่วงวัยสุนัขลูกสุนัข
00:27:41 → 00:27:45 1-6 ปีจึงในช่วงวัยโตเต็มที่แล้วก็
00:27:45 → 00:27:48 ประมาณ 6 ปีขึ้นไปจนถึง 10 กว่าๆจนเป็น
00:27:48 → 00:27:51 ช่วงวัยวัยชราวัยแก่ในสุนัขบางพันธุ์
00:27:51 → 00:27:55 เนี่ย 10 ปี 18 9 ปีก็ยังถือว่ายัง
00:27:55 → 00:27:58 คึกคักอยู่แต่นี่เราเอาเป็นภาพรวมๆดีกว่า
00:27:58 → 00:28:00 ว่าตั้งแต่เกิด 6-7 ปีขึ้นไปเหล่านั้นน่ะ
00:28:00 → 00:28:02 เพราะสุนัขอย่างที่บอกว่ามีหลายหลายขนาด
00:28:02 → 00:28:06 สุนัขพันธุ์ใหญ่อายุของสุนัขจะสั้นพออายุ
00:28:06 → 00:28:09 ขัยสร้างปุ๊บเนี่ยการแบ่งช่วงก็จะแบ่ง
00:28:09 → 00:28:12 ค่อนข้างแคบลงแต่ถ้าสุนัขที่อายุเยอะๆ
00:28:12 → 00:28:15 พันธุ์เล็กๆที่อายุขัยยาวๆเนี่ยกว่าที่จะ
00:28:15 → 00:28:19 เข้าสู่วัยสูงวัยก็จะยืดยาวไปอีกถ้าเป็น
00:28:19 → 00:28:20 สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่พูดถึงไม่ว่าจะเป็น
00:28:20 → 00:28:23 Golden Retriever Sense Bernard big
00:28:23 → 00:28:25 big เหล่านู้นไปเลยนะครับอายุขัยค่อน
00:28:25 → 00:28:29 ข้างสั้น 10 นิดๆเนี่ยก็ถือว่าแก่แล้วแต่
00:28:29 → 00:28:33 ว่าถ้าไปเจอพุดเดิ้ลชิสุชิวาวาเล็กๆเนี่ย
00:28:33 → 00:28:37 17 ปีก็ยังเคยเจอ 16 ปีก็ยังเจอบางตัว
00:28:37 → 00:28:41 นี้ 19 ก็มีขึ้นอยู่กับการดูแลแต่อายุขัย
00:28:41 → 00:28:44 เค้าจะยาวกว่ากันเพราะว่ายิ่งสุนัขโตขนาด
00:28:44 → 00:28:50 ใหญ่เนี่ยความเสื่อมของร่างกายมันมาเร็ว
00:28:50 → 00:28:55 This is
00:28:55 → 00:28:58 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:58 → 00:29:00 ของไทย
00:29:00 → 00:29:08 spotify Google
00:29:08 → 00:29:12 Plus ค่ะ
00:29:12 → 00:29:18 [เพลง]