00:00:00 → 00:00:02 น้ำเหลืองเสียคืออะไร
00:00:02 → 00:00:03 >> จะรู้ได้ไงว่าเราน้ำเหลืองไม่ค่อยดีแล้ว
00:00:03 → 00:00:04 ล่ะ
00:00:04 → 00:00:06 >> หลากหลายคำถามเกี่ยวกับน้ำเหลืองเสียวัน
00:00:06 → 00:00:09 นี้มาติดตามกันได้นะคะในรายการวันใหม่โรค
00:00:09 → 00:00:13 ไ
00:00:13 → 00:00:17 >> สืบทอดภูมิปัญญาไทยใส่ใจคุณภาพยาร้าน
00:00:17 → 00:00:19 เจริญสุขโอสถนครปฐม
00:00:19 → 00:00:21 >> สวัสดีค่ะกลับมาพบกันในรายการวันใหม่
00:00:21 → 00:00:23 ไกลโรค่ะรายการนี้จะพาทุกท่านไปเปิดมุม
00:00:23 → 00:00:26 มองเกี่ยวกับยาสมุนไพรและยาแผนไทยเพื่อคน
00:00:26 → 00:00:28 ไทยสุขภาพดีเพราะทุกวัยเริ่มใหม่ได้เสมอ
00:00:29 → 00:00:31 กับวันใหม่ไกลโรคนะคะวันนี้ยังอยู่กับ
00:00:31 → 00:00:32 อาจารย์รุ่งรวีค่ะอาจารย์อาจารย์สวัสดี
00:00:33 → 00:00:33 ค่ะ
00:00:33 → 00:00:34 >> สวัสดีค่ะ
00:00:34 → 00:00:37 >> คำถามแรกเลยนะคะอาจารย์น้ำเหลืองเสียคำ
00:00:37 → 00:00:39 ถามนี้มันเหมือนอยู่คู่กับยาแผนไทยเลย
00:00:39 → 00:00:42 อาจารย์ได้ยินมานานมากน้ำเหลืองเสียมันก็
00:00:42 → 00:00:45 จะมาออกแบบผิวเหมดี้ปิ้นแพลแผลหายช้าแล้ว
00:00:45 → 00:00:47 ก็อีกหลายอาการเลยในทางแผนปัจจุบันน่ะมัน
00:00:47 → 00:00:49 ไม่มีคำเนี้ยคราวนี้น้ำเหลืองเสียเราจะ
00:00:49 → 00:00:51 สโคปยังไงแล้วใครที่มีอาการอยู่จะสังเกต
00:00:51 → 00:00:54 ตัวเองยังไงรวมถึงว่าเป็นแล้วจะดูแลตัว
00:00:54 → 00:00:56 เองอย่างไรมีสมุนไพรอะไรช่วยได้มยถาม
00:00:57 → 00:00:57 อาจารย์วันนี้เลยค่ะ
00:00:57 → 00:00:59 >> ก่อนจะเรื่องเรื่องของน้ำเหลืองเสียต้อง
00:00:59 → 00:01:02 รู้จักน้ำเหลืองก่อนนะฮะเพราะน้ำเหลือง
00:01:02 → 00:01:05 เนี่ยมันคล้ายๆกับจะรู้จักคล้ายๆกับไม่
00:01:05 → 00:01:06 รู้จัก
00:01:06 → 00:01:06 >> อื
00:01:06 → 00:01:09 >> จริงๆแล้วพอพูดถึงน้ำเหลืองอแต่ก็เอ๊ะไม่
00:01:09 → 00:01:10 รู้ใช่ไม่ใช่
00:01:10 → 00:01:13 >> เออๆไม่เหมือนเลือดกันเออมันไม่เหมือน
00:01:13 → 00:01:14 เลือดเลือดที่เรารู้จักแต่น้ำเหลืองมัน
00:01:14 → 00:01:15 อยู่ตรงไหน
00:01:15 → 00:01:17 >> เราก็ไม่ได้เจาะน้ำเหลืองเนาะเพราะว่าเรา
00:01:17 → 00:01:18 ก็ไปเจาะเลือดอ
00:01:18 → 00:01:20 >> ใช่ๆแล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนจริง
00:01:20 → 00:01:23 ๆแต่ถามว่ามันมีมั้ยมีเพราะว่าฝรั่งก็ยัง
00:01:23 → 00:01:24 เรียกน้ำเหลืองว่าลิ้ม
00:01:24 → 00:01:27 >> นะคะมีน้ำเหลืองจริงๆค่ะในร่างกายเรานะคะ
00:01:27 → 00:01:30 หลายคนก็สงสัยว่าเอ๊ะน้ำเหลืองมันคือน้ำ
00:01:30 → 00:01:33 ในเลือดใช่เปล่าไม่ใช่นะคะในท่อเลือด
00:01:33 → 00:01:35 เนี่ยมันมีน้ำในเลือดน้ำในเลือดในนั้นเรา
00:01:35 → 00:01:38 เรียกพลาสม่านะคะแล้วก็มีเม็ดเลือดแต่
00:01:38 → 00:01:40 เวลาท่อเลือดมันไหลเวียนเนี่ยรอบท่อเลือด
00:01:40 → 00:01:43 เป็นระบบปิดหมดนะคะในร่างกายเรามันไหล
00:01:43 → 00:01:46 เวียนมาถึงอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งสมมุติว่า
00:01:46 → 00:01:49 มาถึงปรับท่อเลือดแดงเี่มันก็จะเล็กลง
00:01:49 → 00:01:52 เรียกว่าท่อแคิลารี่ซึ่งมันจะมาเชื่อมต่อ
00:01:52 → 00:01:54 ระหว่างเลือดดำกับเลือดแดงท่อมันต่อกัน
00:01:54 → 00:01:57 นะฮนะคะแล้วมันก็มีลิ้นปิดเปิด
00:01:57 → 00:02:00 >> ตอนนี้เวลาเข้ามาในอวัยวะเนี่ยมันก็มี
00:02:00 → 00:02:02 ช่องว่างในอวัยวะเนาะเราก็จะเห็นว่า
00:02:02 → 00:02:05 อวัยวะเราเนี่ยเวลาเราตัดออกมาหรือว่าเรา
00:02:05 → 00:02:08 ไปดูอวัยวะหมูเนี่ยก็จะเห็นว่ามันชุ่มฉ่ำ
00:02:08 → 00:02:10 เหมือนที่แผนไทยเขาบอกว่าดินมันต้องชุ่ม
00:02:10 → 00:02:13 ด้วยน้ำนะฮะเป็นอย่างงั้นจริงๆมันก็ชุ่ม
00:02:13 → 00:02:15 ฉ่ำแต่มันไม่ได้มีมีเลือดเลอะแล้วนะถ้า
00:02:15 → 00:02:18 เราไม่ได้ตัดเส้นเลือดมาเอาว่านั้นมันคือ
00:02:18 → 00:02:18 น้ำ
00:02:18 → 00:02:19 >> อื
00:02:19 → 00:02:22 >> น้ำอันนั้นน่ะคือน้ำในช่องว่างระหว่าง
00:02:22 → 00:02:24 เซลล์ซึ่งบางคนก็ถือว่ามันเป็นน้ำเหลือง
00:02:24 → 00:02:25 >> ออ
00:02:25 → 00:02:27 >> นะฮแต่บางคนก็ถือว่าไม่ใช่
00:02:27 → 00:02:30 >> อ่าเดี๋เดี๋ยวมาดูต่อนะคะคราวนี้พอเวลา
00:02:30 → 00:02:33 เลือดมันวิ่งมาเนี่ยนะจากเลือดแดงมานะคะ
00:02:33 → 00:02:35 เมื่อเลือดแดงของพี่มือซ้ายนะมันเข้ามาพอ
00:02:35 → 00:02:38 มาถึงไอ้ช่องว่างระหว่างเซลล์มันก็จะถ่าย
00:02:38 → 00:02:41 ของที่เค้านำมาพวกนิวตรนพวกสารอาหารทั้ง
00:02:41 → 00:02:44 หลายนะคะออกซิเจนทั้งหลายก็จะถ่ายเข้าสู่
00:02:44 → 00:02:46 ไอ้ช่องว่างระหว่างเซลล์แล้วช่องว่าง
00:02:46 → 00:02:49 ระหว่างเซลล์ก็จะใส่เข้าไปในเซลล์ในขณะ
00:02:49 → 00:02:52 เดียวกันมันก็แลกออกซิเจนเข้าก็แลก
00:02:52 → 00:02:53 คาร์บอนไดออกไซด์ออกคาร์บอนไออกไซด์เนี่ย
00:02:53 → 00:02:56 มันถูกสร้างขึ้นในเซลล์เพราะหลังจากที่
00:02:56 → 00:02:58 หายใจทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเกิดเข้าไปน้อง
00:02:58 → 00:03:02 สายก็เอากลับเข้ามาที่หลอดเลือดดำและหลอด
00:03:02 → 00:03:05 เลือดดำก็เอากลับไปนะคะเพราะฉะนั้นมันจะ
00:03:05 → 00:03:08 มีน้ำค้างอยู่ตรงบริเวณนั้นทีนี้ในแต่ละ
00:03:08 → 00:03:11 วันเนี่ยเลือดที่มันวิ่งผ่านไอ้หลอดเลือด
00:03:11 → 00:03:13 ดำหลอดเลือดแดงเนี่ยประมาณ 20 ลิตรโดย
00:03:13 → 00:03:16 ประมาณ 20 ลิตรนะคะแต่ว่าเวลามันแลก
00:03:16 → 00:03:18 เปลี่ยนจริงๆมันแลกเปลี่ยนได้ 17 ลิตรเอง
00:03:18 → 00:03:18 >> อื
00:03:18 → 00:03:21 >> มันค้างอีก 3 ลิตรนะค้าง 3 ลิตรอยู่ที่
00:03:21 → 00:03:25 ไหนก็อยู่ที่อวัยวะตรงนั้นแล้วถ้ามันค้าง
00:03:25 → 00:03:28 3 ลิตรไอ้ของเดิมมันก็มีอยู่แล้วอ่ะมัน
00:03:28 → 00:03:29 จะเอาไปไหน
00:03:29 → 00:03:29 >> อื
00:03:29 → 00:03:33 >> มันก็มีท่ออีกช่อนึงอยู่ในนั้นนะคะเดี๋ยว
00:03:33 → 00:03:36 ก็จะมีรูปให้ดูนะท่อนั้นน่ะก็จะรับน้ำที่
00:03:36 → 00:03:39 เราเรียกว่าน้ำเหลืองเข้าไปอ่าท่อนี้เรา
00:03:39 → 00:03:41 เรียกว่าท่อน้ำเหลืองล่ะค่ะเริ่มเป็นท่อ
00:03:41 → 00:03:44 น้ำเหลืองเป็นท่อน้ำเหลืองขนาดเล็ก
00:03:44 → 00:03:46 >> นะคะก็รับจากไอ้ช่องว่างระหว่างเซลล์
00:03:46 → 00:03:50 เนี่ยค่ะซึ่งมันก็จะรับของเสียรับเศษ
00:03:50 → 00:03:53 เซลล์รับตัวเชื้อโรคที่ติดเข้าไปอะไร
00:03:53 → 00:03:55 อย่างงั้นสมมุติว่าตรงเเป็นผิวหนังแล้ว
00:03:55 → 00:03:58 มันแตกขึ้นมามันก็มีเชื้อโรคเข้าทางนี้พอ
00:03:58 → 00:04:01 มันออกทางนี้มันอยู่ที่ตรงบริเวณช่องว่าง
00:04:01 → 00:04:04 ระหว่างเซลล์มันก็เข้าไปที่ออดน้ำเหลือง
00:04:04 → 00:04:08 น้ำเหลืองก็จะพามันไปตอนนี้ทอดน้ำเหลือง
00:04:08 → 00:04:10 ในร่างกายเนี่ยเยอะมากเป็นเครือข่ายเยอะ
00:04:10 → 00:04:13 แยะใหญ่โตเลยแต่มันไม่มีท่อน้ำเหลืองดำ
00:04:13 → 00:04:16 กระแดงนะฮเพราะมันแค่รับอย่างเดียวมันแค่
00:04:16 → 00:04:18 รับอย่างเดียวมันไปทางเดียวมันรับแล้วมัน
00:04:18 → 00:04:20 ก็ไปผ่านเค้าเรียกว่าต่อมน้ำเหลืองต่อม
00:04:20 → 00:04:23 น้ำเหลืองอันเนี้ยมันจะมีประมาณ 600 กว่า
00:04:23 → 00:04:27 ต่อมทั่วร่างกายแต่ว่าตัวที่เรารู้สึกชัด
00:04:27 → 00:04:31 ๆคือบริเวณที่รักแร้นะคะแล้วก็ขานะแล้วก็
00:04:31 → 00:04:34 หลังหูเพราะฉะนั้นบางครั้งเวลาติดเชื้อ
00:04:34 → 00:04:38 บางอย่างเนี่ยเราก็ถึงรู้สึกว่าขาหนีบบวม
00:04:38 → 00:04:39 เห็นนะเห็นดีนะคะดัน
00:04:40 → 00:04:42 >> อ่าไข่ดันบวมอ่าแล้วก็ต่อมรักแร้บวมอะไร
00:04:42 → 00:04:45 เงี้ยนะคะอันนั้นน่ะเป็นสัญญาณว่าต่อมน้ำ
00:04:45 → 00:04:47 เหลืองมันกรองเชื้อแล้วมันเริ่มสู้กับ
00:04:47 → 00:04:50 เชื้อไม่ได้มันติดเชื้อนะคะต่อมน้ำเหลือง
00:04:50 → 00:04:53 ก็พอหลังจากที่ตรงนี้แล้วเนี่ยมันก็จะไป
00:04:53 → 00:04:56 รับต่างๆที่ช่วยในการปรับภูมิคุ้มกัน
00:04:56 → 00:04:58 เพราะหน้าที่น้ำเหลืองก็คืออันที่ 1 ก็
00:04:58 → 00:05:01 คือช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกันของเรานะคะ
00:05:01 → 00:05:04 เพราะกรองแล้วมันก็ไปดึงให้ภูมิคุ้มกันมา
00:05:04 → 00:05:07 แล้วก็มาฆ่าเชื้อนะฮะช่วยทำให้ร่างกายเรา
00:05:07 → 00:05:08 กำจัดเชื้อได้ดีขึ้นนะ
00:05:08 → 00:05:11 >> เหมือนไปเอาศัตรูผู้ร้ายมาร่วมกันมาอะไร
00:05:11 → 00:05:14 ก็มากำจัดเลยเพราะฉะนั้นมันก็จะมีต่อมที่
00:05:14 → 00:05:18 เกี่ยวข้องก็อย่างเช่นต่อมทอนซินพวกม้า
00:05:18 → 00:05:20 พวกต่อมไทมาสพวกเนี้ยเกี่ยวข้องกับผู้ควบ
00:05:21 → 00:05:23 คุมของกันทั้งหมดเลยเพราะฉะนั้นน้ำเหลือง
00:05:23 → 00:05:26 ในแผนปัจจุบันก็ถึงได้เข้าใจว่าเป็น
00:05:26 → 00:05:29 เกี่ยวข้องกับภูมิภูมิกันในขณะเดียวกัน
00:05:29 → 00:05:32 เนี่ยมันนอกจากกรองนอกจากไปเอาภูมิพมกัน
00:05:32 → 00:05:35 มาแล้วมันยังเอาของเสียกลับมาจากเซลล์
00:05:35 → 00:05:37 ด้วยใช่มั้คะเมื่อกี้นี้บอกมันรับมาจาก
00:05:37 → 00:05:39 ไอ้ช่องว่างตรงนั้นเพราะฉะนั้นมันก็จะมี
00:05:39 → 00:05:43 เศษเซลล์มีเศษเชื้อโรคมีอะไรแล้วมันเอาไป
00:05:44 → 00:05:45 ไหน
00:05:45 → 00:05:49 >> มันก็เอาไปเท้าท่อเลือดที่เป็นท่อเลือดดำ
00:05:49 → 00:05:52 ค่ะท่อเลือดดำที่แถวหัวใจนะมันเทอยู่ 2
00:05:52 → 00:05:55 ตำแหน่งตำแหน่งนึงเค้าเรียกว่าท่อน้ำ
00:05:55 → 00:05:58 เหลืองตัวที่ใหญ่ที่สุดคือ thoras อ่ะก็
00:05:58 → 00:06:01 คือเป็นท่อน้ำเหลืองตรงกลางนะมันเท้าตรง
00:06:01 → 00:06:04 หลอดเลือดดำข้างซ้ายแล้วอีกท่อหนึ่งคือ
00:06:04 → 00:06:07 มันรับจากทางขวาแล้วก็เท้าเข้าหลอดเลือด
00:06:08 → 00:06:12 ดำก็ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันนะคะแล้วก็
00:06:12 → 00:06:14 เลือดตรงนี้จากหลอดเลือดดำตรงนี้ก็เข้า
00:06:14 → 00:06:17 สู่หัวใจเข้าไปฟอกที่ปอดกลับมาที่หัวใจ
00:06:17 → 00:06:19 อีกทีแล้วก็เข้าไปสูดทั่วร่างกาย
00:06:19 → 00:06:23 >> แล้วก็เอาของเนี่ยไปกำจัดที่ตับกับไต
00:06:23 → 00:06:23 >> อือื
00:06:24 → 00:06:27 >> นะฮะนี้หน้าที่น้ำเหลืองอีกอันนึงนอกจาก
00:06:27 → 00:06:30 กำจัดพวกนี้แล้วเนี่ยน้ำเหลืองยังทำหน้า
00:06:30 → 00:06:33 ที่นำไขมันเข้ามาด้วยเพราะเวลาเราดูดซึม
00:06:33 → 00:06:35 เข้ามาตอนที่เรากินอาหารที่มีไขมันเนี่ย
00:06:35 → 00:06:38 มันไม่สามารถเข้าในท่อเลือดได้เลยเพราะ
00:06:38 → 00:06:41 ว่าไขมันมันโมเลกุลมันใหญ่ 1 อันที่ 2
00:06:41 → 00:06:43 เนี่ยมันเป็นตัวที่ไม่ละลายน้ำเพราะ
00:06:43 → 00:06:45 ฉะนั้นมันเข้ามาในน้ำเหลืองเพื่อให้น้ำ
00:06:45 → 00:06:48 เหลืองเนี่ยทำโมเลกุลของมันให้สามารถจะ
00:06:48 → 00:06:51 อยู่ในน้ำได้แล้วมันก็จะมาเทตรงบริเวณนี้
00:06:51 → 00:06:54 นะคะนั่นคือหน้าที่ของเขา
00:06:54 → 00:06:54 >> อื
00:06:54 → 00:06:57 >> อ่าเพราะงั้นบางครั้งของเสียมันก็จะเกิน
00:06:57 → 00:06:58 ใช่มั้ยคะ
00:06:58 → 00:07:01 >> เพราะว่าต่อมน้ำเหลืองเนี่ยทั่วร่างกาย
00:07:01 → 00:07:04 เนี่ยมันไม่ได้มีแรงบีบตัวเหมือนท่อเลือด
00:07:04 → 00:07:07 >> อืมันไม่ได้มีไอ้ตัวปั๊มเหมือนหัวใจไม่มี
00:07:07 → 00:07:11 ปั๊มอ่าไม่มีไม่มีหัวใจปั๊มแล้วก็ไม่ได้
00:07:11 → 00:07:13 เกี่ยวข้องกับระบบปั๊มเลยมันเพราะมันเป็น
00:07:13 → 00:07:15 ระบบเท้าอย่างเดียวั้น
00:07:15 → 00:07:18 >> การที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้เนี่ย 1 ก็
00:07:18 → 00:07:20 อาศัยพวกกล้ามเนื้อทั้งหลายที่จะช่วยกัน
00:07:20 → 00:07:23 นะอันที่ 2 ก็คือการปั๊มตัวของท่อเลือดก็
00:07:23 → 00:07:26 จะช่วยปั๊มให้ได้เพราะว่ามันเป็นแรงแรง
00:07:26 → 00:07:29 ดันที่ใกล้ๆกันนะฮะแล้วก็แรงดันในของมัน
00:07:29 → 00:07:31 เองเนี่ยมันใช้แรงดันแบบประเภทพอน้ำเยอะๆ
00:07:31 → 00:07:33 มันก็ดันดันไปด้วยกันได้นะคะ
00:07:33 → 00:07:34 >> อ
00:07:34 → 00:07:35 >> มันคือลักษณะของ
00:07:35 → 00:07:38 >> รู้สึกแบบพออาจารย์เล่าให้ฟังก็รู้สึกแบบ
00:07:38 → 00:07:41 รู้สึกขอบคุณน้ำเหลืองอ่ะเหมือนน้ำเหลือง
00:07:41 → 00:07:44 แบบว่ารับมาตลอดช่วยเหลือเราฆ่าเชื้อโรค
00:07:44 → 00:07:47 ให้เราทุกอย่างแล้วเขาก็เป็นแค่โมเลกุล
00:07:47 → 00:07:49 เล็กๆที่แบบมีความอ่อนแอประมาณนึงเหมือน
00:07:49 → 00:07:52 เขาก็ต้องการการซัพพอร์ตอ่ะพูดง่ายๆนะคะ
00:07:52 → 00:07:54 >> คราวมันนำมาถึงคำว่าน้ำเหลืองเสียได้ยัง
00:07:54 → 00:07:54 ไงคะอาจารย์
00:07:54 → 00:07:57 >> ค่ะก็คืออย่างเงี้ยค่ะพอเพราะร่างกายมัน
00:07:57 → 00:08:00 มีmetabบolินะมันมีการเผาผลาญมีกระบวนการ
00:08:00 → 00:08:03 อะไรทั้งหลายไอ้กระบวนการเผาผลาญเนี่ยมัน
00:08:03 → 00:08:06 ก็มีมีของเสียเกิดขึ้นการติดเชื้อหรือว่า
00:08:06 → 00:08:08 การฆ่าเชื้อมันก็มีของเสียเกิดขึ้นมันไม่
00:08:08 → 00:08:12 ได้ว่าทำปั๊บแล้วก็เผาวู้หายไปเป็นอากาศ
00:08:12 → 00:08:14 ไม่ใช่มันมีของเสียเกิดขึ้นทุกกระบวนการ
00:08:14 → 00:08:17 เพราะฉะนั้นน้ำเหลืองเสียมันก็คือรับหมด
00:08:17 → 00:08:20 เลยคนที่น้ำเหลืองเสียเท้าเข้ามาเนี่ย
00:08:20 → 00:08:24 แล้วเทไม่หมดคือไหลอ่อนๆไหลเอื่อๆเทมหมด
00:08:24 → 00:08:26 สุดท้ายมันก็สะสมขึ้นเรื่อยๆๆๆแล้วก็ทำ
00:08:26 → 00:08:27 ให้เกิดปัญหา
00:08:27 → 00:08:30 >> มันจะเกิดอาการยังไงบ้างที่อันเนี้ยใช่ละ
00:08:30 → 00:08:32 น้ำเหลืองเสียอาการค่ะอาจารย์
00:08:32 → 00:08:37 >> คือปกติเนี่ยเวลาเราพูดถึงมุมมองของเรานะ
00:08:37 → 00:08:40 คือมุมมองแผนปัจจุบันกับมุมมองของคนทั่ว
00:08:40 → 00:08:43 ไปหรือแผนไทยเนี่ยจะมองเรื่องน้ำเหลือง
00:08:43 → 00:08:44 ไม่เหมือนกัน
00:08:44 → 00:08:44 >> อื
00:08:44 → 00:08:47 >> แล้วถ้าเป็นแผนปัจจุบันเก็จะมองว่าน้ำ
00:08:47 → 00:08:49 เหลืองเนี่ยมันไม่ได้ไม่ได้มีปัญหาเรื่อง
00:08:49 → 00:08:53 คุณภาพน้ำเหลืองเพราะว่าเขาไม่เคยเจาะน้ำ
00:08:53 → 00:08:55 เหลืองได้ไม่สามารถจะเจาะน้ำเหลืองออกมา
00:08:55 → 00:08:57 ได้เพราะว่าคล้ายๆเหมือนกับ
00:08:57 → 00:08:59 >> น้ำเหลืองคล้ายๆพลาสมาบางคนอาจจะเข้าใจ
00:08:59 → 00:09:01 ผิดว่าน้ำเหลืองคล้ายๆกับพลาสมาแล้วสุด
00:09:01 → 00:09:03 ท้ายมันก็ต้องเท้าเลือดก็กลายเป็นพลาสมา
00:09:03 → 00:09:07 ในเลือดแต่จริงๆแล้วน้ำเหลืองมันยังมีพระ
00:09:07 → 00:09:09 ที่ค้างอยู่ข้างในอ่ะเยอะซึ่งมันไม่ได้
00:09:09 → 00:09:12 ไหลเวียนหมดอย่างที่บอกอ่ะ 20 17 อ่ะอีก
00:09:12 → 00:09:14 3 3 ลิตรมันไปอยู่ที่น้ำเหลืองอ่ะและ
00:09:14 → 00:09:16 น้ำเหลือง 3 ลิตรเนี่ยมันไม่ได้แปลว่าแลก
00:09:16 → 00:09:19 เปลี่ยนกันแบบสะอาดหมดจนเนาะถ้ามันมีของ
00:09:19 → 00:09:22 เสียเยอะมันก็เทได้แบบมีขยักอ่ะนะมันมี
00:09:22 → 00:09:26 การสะสมของเสียแผนปัจจุบันเนี่ยเขาก็จะ
00:09:26 → 00:09:28 มองว่าปัญหาของน้ำเหลืองเนี่ยก็คือ 1
00:09:28 → 00:09:31 ปัญหาเรื่องของการติดเชื้อในเรื่องเกี่ยว
00:09:31 → 00:09:34 กับต่อมน้ำเหลืองหรือว่าปัญหาเกี่ยวกับ
00:09:34 → 00:09:37 ระบบบางอย่างนะฮะอย่าอย่างเช่นการไหล
00:09:37 → 00:09:40 เวียนนะเช่นโรคเท้าช้างอื
00:09:40 → 00:09:43 >> อ่าโรคเท้าช้างก็เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบ
00:09:43 → 00:09:44 น้ำเหลืองแต่ไม่ใช่น้ำเหลืองเสีย
00:09:44 → 00:09:45 >> อื
00:09:45 → 00:09:48 >> นะคะแต่ว่าสุดท้ายก็จะน้ำเหลืองเสียว่า
00:09:48 → 00:09:51 งั้นนะเพราะว่าเท้าช้าช้างเนี่ยเดินมาจาก
00:09:51 → 00:09:54 พยาธพยาธมันก็ทำให้ไอ้ต่อมน้ำเหลืองเนี่ย
00:09:54 → 00:09:56 มันอุดตันมันมีปัญหาก็เลยทำให้เลือดไหล
00:09:56 → 00:09:58 เวียนไม่สะดวกก็เลยตรงนั้นก็เลยช้างเป็น
00:09:59 → 00:10:01 เท้าช้างไปนะตอนหลังๆไอ้เรื่องของการผ่า
00:10:01 → 00:10:04 ตัดอะไรก็ตามมันก็มีการอุดตันแล้วก็ทำให้
00:10:04 → 00:10:07 ต่อมน้ำเหลืองบวมนะคะซึ่งในพวกเนี้ย
00:10:07 → 00:10:10 สาเหตุตอนแรกเนี่ยมาจากการอุดตันแต่พอมัน
00:10:10 → 00:10:14 ค้างมากๆมันในแผนแผนไทยเราบอกว่านั่นน่ะ
00:10:14 → 00:10:16 น้ำเหลืองมันค้างมันก็เริ่มเป็นน้ำเหลือง
00:10:16 → 00:10:16 เสียแล้ว
00:10:16 → 00:10:17 >> อื
00:10:17 → 00:10:20 >> นะคะถ้าไม่ใช่โรคเกี่ยวกับอย่างงี้นี้ใน
00:10:20 → 00:10:23 ในแผนไทยมองยังไงคนทั่วไปมองยังไงคนทั่ว
00:10:23 → 00:10:26 ไปก็มองว่าสมัยเด็กที่เด็กๆนะแม่ก็จะบอก
00:10:26 → 00:10:29 ว่าไปซื้อยามาให้หน่อยน้องน้ำเหลืองไม่ดี
00:10:30 → 00:10:34 ละเราก็เอถามว่าทำไมแม่เขาก็บอกว่านี่ไง
00:10:34 → 00:10:38 น้องเนี่ยเาแพ้รองเท้าพลาสติกอ่ะสมัยก่อน
00:10:38 → 00:10:41 มีรองเท้าพลาสติกมาออกมาใหม่ๆเนาแล้วเแพ้
00:10:41 → 00:10:44 เปื่อยเจะรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายแม่ก็บอก
00:10:44 → 00:10:46 น้ำเหลืองไม่ดีก็ให้ไปกินไปซื้อยาน้ำ
00:10:46 → 00:10:48 เหลืองเสียมาอ
00:10:48 → 00:10:51 >> ก็กินแล้วหายนะกินแล้วก็หายไปเลยหรือเด็ก
00:10:51 → 00:10:54 บางคนเนี่ยแพ้ยุงเยอะๆนะ
00:10:54 → 00:10:58 >> คือพอยุงกัดคนอื่นก็แค่แดงแล้วก็หายแต่
00:10:58 → 00:11:01 ของเค้าเนี่ยไม่เดี๋ยวมันก็ติดเชื้อมันก็
00:11:01 → 00:11:02 บวมแดงเป็นหนอง
00:11:02 → 00:11:04 >> จนกระทั่งผิวไม่สวยเลยร้าย
00:11:04 → 00:11:06 >> ใช่ดัมอะไรน่ะอันนี้ก็ถือว่าน้ำเหลือง
00:11:06 → 00:11:10 เสียนะคะซึ่งมันก็ตรงกับแผนปัจจุบันนิด
00:11:10 → 00:11:12 นึงก็คือว่าพูดถึงเรื่องของภูมิคุ้มกัน
00:11:12 → 00:11:15 ร่างกายเนี่ยไม่สามารถจะต่อต้านกับสิ่ง
00:11:15 → 00:11:18 แบบปลอมหรือเชื้อโรคได้หรือว่าทำได้แต่
00:11:18 → 00:11:23 ไม่ค่อยดีแล้วก็พอเวลาเจอพวกนี้บ่อยๆเค้า
00:11:23 → 00:11:25 ก็เป็นบ่อยๆเรื่อยๆๆๆเพราะฉะนั้นพวกนี้ก็
00:11:25 → 00:11:28 จะเป็นแผลเรื้อหลั่งไปเรื่อยๆนะคะนี่คือ
00:11:28 → 00:11:31 เซen์ของคนทั่วไปนะคะแล้วก็แผนปัจจุบันก็
00:11:31 → 00:11:34 เลยบอกว่าเนี่ยเป็นเรื่องของคนคุ้มกันแต่
00:11:34 → 00:11:37 นี้ในหมอแผนไทยเนี่ยเรามองมากกว่านั้น
00:11:37 → 00:11:39 เพราะอย่างที่บอกว่ามันมีความคั่งค้าง
00:11:39 → 00:11:43 เยอะเพราะฉะนั้นโรคที่เกี่ยวข้องที่
00:11:43 → 00:11:45 สัมพันธ์มาจากไอ้สุขภาพน้ำเหลืองไม่ดี
00:11:45 → 00:11:48 หรือคุณภาพน้ำเหลืองไม่ดีเนี่ยมันมีตั้ง
00:11:48 → 00:11:51 แต่โรคในเด็กจนกระทั่งถึงในผู้ใหญ่เลยใน
00:11:51 → 00:11:54 เด็กเนี่ยอย่างเช่นพวกโรคซางบางชนิดเนี่ย
00:11:54 → 00:11:55 ก็มาจากน้ำตัง
00:11:55 → 00:11:55 >> อื
00:11:55 → 00:11:58 >> นะคะก็จะเคยเห็นคที่เด็กที่เป็นหัว
00:11:58 → 00:11:59 สังกตัง
00:11:59 → 00:12:00 >> อ่า
00:12:00 → 00:12:02 >> เหมือนกับเป็นแผลอยู่นั่นแหละหรือไม่ก็
00:12:02 → 00:12:03 กลิ่น
00:12:03 → 00:12:06 >> กลิ่นมันมีกลิ่นน้ำเหลืองค่ะคือถ้าใครที่
00:12:06 → 00:12:10 ไม่เคยดมเนี่ยนะลองดูกลิ่นมันพิเศษเลยค่ะ
00:12:10 → 00:12:11 มันไม่เหมือนกลิ่นน้ำเลือด
00:12:11 → 00:12:14 >> ถ้าน้ำเลือดเนี่ยมันจะไม่เหม็นแบบนั้นมัน
00:12:14 → 00:12:17 จะคาวๆแต่ว่าตัวเนี้ยมันมีกลิ่นบอกไม่ถูก
00:12:17 → 00:12:20 เนาะคือถ้าได้ดมกลิ่นสักครั้งก็จะรู้ว่า
00:12:20 → 00:12:22 เป็นน้ำเหลืองถ้าคนโบราณเนี่ยเจะแบบพอน้ำ
00:12:22 → 00:12:25 เหลืองพูดถึงศพเพราะกลิ่นศพมันก็เป็น
00:12:25 → 00:12:27 กลิ่นเฉพาะเพราะมันไม่มีการไหลเวียนแล้ว
00:12:27 → 00:12:30 มันเริ่มค้างอยู่ที่ตัวเนื้อเยื่อแล้วอ่ะ
00:12:30 → 00:12:32 นะคะก็เลยเรียกว่ากลิ่นน้ำเหลือง
00:12:32 → 00:12:36 >> อ่าก็เป็นอย่างนั้นในผู้หญิงบางคนที่ฤดู
00:12:36 → 00:12:38 ขัดเนี่ยก็คือหมายความว่าประจำเดือนไม่
00:12:38 → 00:12:42 ค่อยมาหรือมาไม่เป็นตามปกติพวกเนี้ยบางคน
00:12:42 → 00:12:44 เนี่ยประจำเดือนออกมาก็รู้เลยว่ามันเป็น
00:12:44 → 00:12:47 กลิ่นน้ำเหลืองเเบอกว่ามีกลิ่นน้ำเหลือง
00:12:47 → 00:12:47 เน่า
00:12:48 → 00:12:48 >> อื
00:12:48 → 00:12:52 >> อ่าชัดเจนนะคะก็คือแบบเหมือนกลิ่นมันผิด
00:12:52 → 00:12:53 ปกติ
00:12:53 → 00:12:53 >> อื
00:12:53 → 00:12:56 >> นะฮะหรือแม้กระทั่งเอ่อโรคเค้าเรียกว่า
00:12:56 → 00:12:59 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งในโบราณก็
00:12:59 → 00:13:01 เรียกว่าโรคสัมพบุรุษ
00:13:01 → 00:13:01 >> อื
00:13:01 → 00:13:05 >> นะคะบางโรคก็เกิดจากน้ำเหลืองนะคะหรือโรค
00:13:05 → 00:13:08 เรื้อรังยาวๆเช่นสะเก็ดเงิน
00:13:08 → 00:13:08 >> อื
00:13:08 → 00:13:11 >> อ่าสะเก็ดเงินนี่ก็มาจากน้ำเหลืองเสีย
00:13:11 → 00:13:14 เหมือนกันนะเพราะงั้นจะเห็นว่าจริงๆแล้ว
00:13:14 → 00:13:17 น้ำเหลืองเสียมันก่อให้เกิดโรคได้เยอะแยะ
00:13:17 → 00:13:20 ไปหมดเลยแล้วก็เค้าก็มีวิธีการรักษาของ
00:13:20 → 00:13:23 เขาบางแห่งเขาก็จะบอกว่ามียาชำระน้ำ
00:13:23 → 00:13:26 เหลืองให้ชำระน้ำเหลืองบางอันก็บอกว่าให้
00:13:26 → 00:13:29 ขับน้ำเหลืองเสียออกอะไรอย่างเงี้ยอัน
00:13:29 → 00:13:32 นั้นก็คือเป็นหลักการแพทย์แผ่นไทยซึ่งเรา
00:13:32 → 00:13:35 มองว่าตัวน้ำเหลืองถ้าคุณภาพไม่ดีเนี่ย
00:13:35 → 00:13:38 มันส่งผลก่อให้เกิดโรคหลายๆอย่างไม่ได้
00:13:38 → 00:13:39 จำเพาะแค่ว่าเรื่องของการติดเชื้ออย่าง
00:13:39 → 00:13:40 เดียว
00:13:40 → 00:13:43 >> อืค่ะคือถ้าเกิดมองในภาพรวมน้ำเหลืองเี่
00:13:43 → 00:13:45 มันก็เหมือนกันน่ะเนาะมันก็เป็นระบบไหล่
00:13:45 → 00:13:47 เวียนในร่างกายแต่แผนปัจจุบันอาจมองในมุม
00:13:47 → 00:13:50 ภูมคุ้มกันมากกว่าเหมือนกับว่าโอเชื้อโรค
00:13:50 → 00:13:52 อะไรมันเยอะมากแล้วระบบดักจับอะไรมันไม่
00:13:52 → 00:13:54 ดีมันก็ส่งกับผลกระทบกับภูมคุมกันแล้วก็
00:13:54 → 00:13:56 มีอาการออกมาแต่แผนไทยเราจะมองเรื่อง
00:13:56 → 00:14:00 คุณภาพด้วยพอมันไหลเวียนไม่ดีเอามันอออัง
00:14:00 → 00:14:04 แล้วของเสียเยอะมันก็เลยออกมาผิวมั่งเด็ก
00:14:04 → 00:14:06 ก็เป็นตรงนี้มั่งผู้หญิงก็ประจำเดือนมั่ง
00:14:06 → 00:14:07 อย่างงี้ใช่มั้อาจารย์
00:14:07 → 00:14:10 >> ใช่ค่ะมันคือตัวก่อให้เกิดโรคเขาก็มอง
00:14:10 → 00:14:13 อย่างงั้นถ้ามองจากต้นกำเนิดมันจริงๆอ่ะ
00:14:13 → 00:14:15 มันก็เป็นไปได้เรื่องนี้เพราะว่ามันเป็น
00:14:16 → 00:14:17 ตัวรับของเสียทั้งผม
00:14:17 → 00:14:20 >> ถูกมั้คะแล้วเราก็ยังไม่เคยทำวิจัยหรือ
00:14:20 → 00:14:22 เรายังไม่เจาะน้ำเหลืองออกมาไม่ได้เพราะ
00:14:22 → 00:14:25 ฉะนั้นก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าแนวคิดตรงนี้
00:14:25 → 00:14:29 เนี่ยมันเอาสารเคมีเป็นตัวอะไรเป็นตัววัด
00:14:29 → 00:14:32 เหมือนอย่างกรณีที่อย่างโรคไตเงี้ยเราไป
00:14:32 → 00:14:34 เจาะเลือดแล้วเราบอกว่ามีเคลียร์ไอตีเนิน
00:14:34 → 00:14:36 สูงมีอะไรอันนั้นน่ะเนื่องจากเราเจาะ
00:14:36 → 00:14:39 เลือดได้แต่น้ำเหลืองเราเจาะไม่ได้อ่ะ
00:14:39 → 00:14:42 แล้วจริงๆแล้วกลุ่มพวกเนี้ยส่วนนึงก็มา
00:14:42 → 00:14:46 จากน้ำเหลืองน่ะค่ะนะฮะว่าพวก Bu หรือีน
00:14:46 → 00:14:48 หรืออะไรพวกเนี้ยมันก็คืออยู่ที่เซลล์
00:14:48 → 00:14:51 ส่วนนึงแล้วก็ย้อนกลับเข้ามาแล้วก็มากรอง
00:14:51 → 00:14:54 ที่ไต่อะไรพวกเนี้ยมันก็เป็นข้อบ่งชี้
00:14:54 → 00:14:57 ซึ่งมันมีงานวิจัยเข้ามารองรับนะฮะแต่
00:14:57 → 00:15:00 คราวนี้พอน้ำเหลืองเนี่ยเข้าบ่งชิไม่มี
00:15:00 → 00:15:02 แต่เราก็สังเกตถ้าเป็นถ้าเป็นอย่างแพทย์
00:15:02 → 00:15:05 แผนไทยเขาก็สังเกตจากอาการอื่นๆซึ่งมัน
00:15:05 → 00:15:08 เป็นทฤษฎีที่ส่งมาว่าถ้าเป็นโรคอย่าง
00:15:08 → 00:15:10 เงี้ยมันต้องมาจากเรื่องระบบน้ำเหลือง
00:15:10 → 00:15:12 เนาะทฤษฎีคนละทฤษฎีกัน
00:15:12 → 00:15:14 >> เหมือนกับว่าอาจารย์กำลังจะบอกว่าในแผน
00:15:14 → 00:15:16 ปัจจุบันไปมันอาจจะไม่ได้มีคำนี้หรอกคำ
00:15:16 → 00:15:19 ว่าน้ำเหลืองเสียแต่ในแผนไทยหรือว่าความ
00:15:19 → 00:15:21 เห็นของคนทั่วไปเนี่ยอาการน้ำเหลืองเสีย
00:15:21 → 00:15:24 มันจะประมาณนี้มันจะมาออกไม่ผิวก็จะเกล็ด
00:15:24 → 00:15:26 เงินอะไรก็ว่าไปคราวนี้
00:15:26 → 00:15:28 >> เราอาจจะสังเกตตัวเองได้ค่ะอาจารย์ว่าพอ
00:15:29 → 00:15:30 มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบไหลเวียเรื่อง
00:15:30 → 00:15:34 แผลหายช้าเราก็ตะงิดตะงิดแล้วว่าเออระบบ
00:15:34 → 00:15:36 ไหลเวียเราอ่ะน้ำเหลืองเราอาจจะไม่ดีแล้ว
00:15:36 → 00:15:39 เราจะดูแลตัวเองยังไงหรือมันมีปัจจัยอะไร
00:15:39 → 00:15:42 กระตุ้นเราทำอะไรได้บ้างคะอาจารย์
00:15:42 → 00:15:45 >> ที่จริงเนี่ยโรคที่ดูแล้วเราดูใกล้เคียง
00:15:45 → 00:15:48 เนอะที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังที่เรามองออก
00:15:48 → 00:15:50 อะไรพวกเนี้ยพวกนี้เนี่ยบางเรื่องเราก็
00:15:51 → 00:15:54 รักษาตามอาการนะคะถ้าลมพิษเราก็รักษาลม
00:15:54 → 00:15:57 พิษหรือสะเก็ดเงินเราก็หาหมอสะเก็ดเงิน
00:15:57 → 00:15:59 แล้วรักษานะหมอเค้าถ้าเป็นแผนปัจจุบัน
00:16:00 → 00:16:03 เค้าก็มองแค่แผลหรือมองแค่การควบคุมไม่
00:16:03 → 00:16:06 ให้มันไม่ให้มันเห่อแต่ถ้าเป็นแผนไทยเค้า
00:16:06 → 00:16:08 ก็จะถ้าไปหาหมอแผนไทยเค้าก็จะให้ยาขับน้ำ
00:16:08 → 00:16:10 เหลืองหรือยาชำระน้ำเหลืองแล้วก็รักษา
00:16:10 → 00:16:14 อาการด้วยในตัวนะคะนี่ก็คือหลักการของ
00:16:14 → 00:16:17 เขาค้าแต่นี้ถ้าเป็นเราถ้าเกิดเราเป็นนิด
00:16:17 → 00:16:20 ๆหน่อยๆอย่าเพิ่งไปกินยาขับน้ำเหลืองเนาะ
00:16:20 → 00:16:23 หรือว่ายาชำระน้ำเหลืองอะไรพวกเนี้ยมัน
00:16:23 → 00:16:25 เพราะว่าอันเนี้ยไม่ได้อยู่ในการปฏิบัติ
00:16:25 → 00:16:28 ของคนปกติธรรมดานะคะถ้าถ้าเป็นอย่างนี้
00:16:28 → 00:16:31 แล้วเราสงสัยก็ไปหาหมอแผนไทยนะคะถ้าเรา
00:16:31 → 00:16:36 มองว่าเราเชื่อถือตรงนี้ก็ลองไปหาดูแต่
00:16:36 → 00:16:38 ถ้าสมมุติว่าไม่เชื่อถือเลยเราก็ไปหาแผน
00:16:38 → 00:16:41 ปัจจุบันก็รักษาตามอาการแต่ทีนี้พวกนี้
00:16:41 → 00:16:43 เนี่ยให้สังเกต
00:16:43 → 00:16:46 รักษาอาการหายแล้วเดี๋มันกลับมาใหม่
00:16:46 → 00:16:46 >> อื
00:16:46 → 00:16:49 >> เกิดขึ้นเนื่องจากว่าเรากินอะไรบางอย่าง
00:16:50 → 00:16:52 หรือเราทำอะไรบางอย่างที่มันให้ทำให้เกิด
00:16:52 → 00:16:56 การสะสมนะมันมี 2 ประเด็นก็คือ 1 ประเด็น
00:16:56 → 00:16:59 กินเข้าไปแล้วสะสมกับประเด็นที่ 2 เราไม่
00:16:59 → 00:17:03 ค่อยได้เอามันออกมานะฮะเพราะว่าทุกๆอย่าง
00:17:03 → 00:17:05 เนี่ยมันต้องมีเข้าแล้วมันมีออกมีเข้า
00:17:05 → 00:17:08 แล้วมันมีออกถ้าเราเข้ามากกว่าออกมันก็
00:17:08 → 00:17:11 ไม่ดูและนะส่วนใหญ่เราก็จะเข้ามากกว่าออก
00:17:11 → 00:17:15 อ่ะเข้าน้อยกว่าออกนี่ไม่ค่อยมีนะสังเกต
00:17:15 → 00:17:16 ว่าถ้าเข้าน้อยกว่าออกเราก็จะมีปัญหาอีก
00:17:16 → 00:17:20 อันนึงคือไปขาดสารอาหารขาดอะไรไปนะคะซึ่ง
00:17:20 → 00:17:23 ไม่ค่อยเจอทีนี้จะกินยังไงให้สมดุลประเภท
00:17:23 → 00:17:27 ของอาหารที่เราต้องดูแหล่มากๆก็คือมันมี
00:17:27 → 00:17:29 กลุ่มอาหารอยู่กลุ่มนึงอ่ะถ้ามันจะมีผล
00:17:29 → 00:17:32 ต่อน้ำเหลืองแน่นอนเลยก็คือตัวแรกคือ
00:17:32 → 00:17:36 อาหารหมักดองนะฮะก็อย่างเช่นพวกปลาร้านะ
00:17:36 → 00:17:40 ฮะหรือว่าจะเป็นพวกผักดองทั้งหลายเนี่ยก็
00:17:40 → 00:17:43 จะมีผลอย่างเพื่อนพี่บางคนก็ชอบผักน้ำผัก
00:17:43 → 00:17:46 น้ำดองอะไรเงี้ยนะคะพวกนี้เนี่ยอันที่ 1
00:17:46 → 00:17:49 ก็คือพีก็คือเรื่องของความเป็นกรดด่างของ
00:17:49 → 00:17:51 มันมันค่อนข้างจะเป็นกรดพอสมควรเพราะ
00:17:51 → 00:17:53 ฉะนั้นเวลากินเข้าไปเนี่ยมันก็จะมีการ
00:17:54 → 00:17:56 เปลี่ยนแปลงความเป็นกรดด่างในเลือดแล้วก็
00:17:56 → 00:17:59 เอฟเฟคไปถึงน้ำเหลืองด้วยถ้าแผนบันจะบอก
00:17:59 → 00:18:02 ว่ามันไม่น่าจะเอฟเฟคอะไรมากนะเพราะว่า
00:18:02 → 00:18:06 อ่าพี่มันค่อนข้างที่ stable ค่อนข้างคง
00:18:06 → 00:18:09 ที่พอสมควรแต่ว่าทุกครั้งที่มันเปลี่ยน
00:18:09 → 00:18:13 แค่เลขจุดนิดเดียวอ่ะมันก็น่าจะมีผลต่อ
00:18:13 → 00:18:15 การทำงานของเอนไซมหรืออะไรตั้งหลายอย่าง
00:18:15 → 00:18:18 นะคะถึงแม้มันจะไม่มีวิทยาศาสตร์พิสูจน์
00:18:18 → 00:18:22 เนี่ยแต่มันก็มีเรื่องของการดูผลจากอาการ
00:18:22 → 00:18:26 ทางคลินิกได้นะคะก็เท่าที่เราเคยเจอมา
00:18:26 → 00:18:29 แล้วนอกจากเรื่องของกรดด่างแล้วเนี่ยอีก
00:18:29 → 00:18:31 เรื่องนึงคืออาหารหมากดองก็มักจะมีเชื้อ
00:18:31 → 00:18:35 โรคแม้จะไปเอาไปให้ความร้อนแล้วดูดีขึ้น
00:18:35 → 00:18:38 ดูว่ามันไม่ได้มีเชื้อโรคที่เป็นแล้วแต่
00:18:38 → 00:18:42 มันยังมีเศษซากเฉือซึ่งอย่างที่เราบอก
00:18:42 → 00:18:44 ตั้งแต่ต้นน่ะค่ะว่าเศษซากเชื้อพวกเนี้ย
00:18:44 → 00:18:47 มันคือภาระของน้ำเหลืองพอเวลาเข้าไปเนี่ย
00:18:47 → 00:18:51 ยังไงก็ตามเนี่ยน้ำเหลืองมันจะถูกกรองมัน
00:18:51 → 00:18:53 รับภาระทั้งหมดในของเสียที่อยู่ตรงไอ้
00:18:53 → 00:18:55 ช่องว่างระหว่างเสียออกมา
00:18:55 → 00:18:58 >> หมากดองแล้ว 1 แล้วมีกลุ่มไหนอีกคะที่ถ้า
00:18:58 → 00:18:59 เกิดตะหงิดตะงิดควรจะเลี่ยง
00:18:59 → 00:19:02 >> อ่ากลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่โซเดียมสูงนะคะ
00:19:02 → 00:19:04 กลุ่มโซเดียมสูงเนี่ยเราก็เข้าใจว่าเป็น
00:19:04 → 00:19:09 อาหารเข็มแต่จริงๆแล้วเนี่ยพวกไอ้ผงฟูผง
00:19:09 → 00:19:12 อะไรนะที่มันเกี่ยวข้องกับผงปรุงรสทั้ง
00:19:12 → 00:19:14 หลายเนี่ยนะมันก็จะมีโซเดียมอยู่ด้วย
00:19:14 → 00:19:16 >> ขนมปังก็มีผงฟูนะอาจารย์ก็ด้วย
00:19:16 → 00:19:19 >> ใช่ใช่ด้วยค่ะเพราะพวกนี้มันมีโซเดียม
00:19:19 → 00:19:23 อยู่ในรูปของโซเดียมใบขาบนะคะพอเวลาอบ
00:19:23 → 00:19:24 อะไรเสร็จเนี่ยดูเหมือนไอ้
00:19:24 → 00:19:27 คาร์บอนไดออกไซด์มันออกหมดะพวกนั้นน่ะออก
00:19:27 → 00:19:30 แต่โซเดียมยังอยู่มันไม่ได้ไปไหนนะคะมัน
00:19:30 → 00:19:32 ไม่ได้แสดงรสเค็มที่ชัดเจนก็จริงแต่ตัว
00:19:32 → 00:19:34 ปริมาณโซเดียมมันยังอยู่พวกนี้ก็สร้าง
00:19:34 → 00:19:38 ภาระให้กับไตนะฮะเพราะว่าไตเนี่ยมันต้อง
00:19:38 → 00:19:40 แลกเปลี่ยนพวกเกลือแร่พวกนี้อยู่แล้วพอ
00:19:40 → 00:19:43 โซเดียมเยอะเกินไปมันก็ต้องขยันแลก
00:19:43 → 00:19:45 เปลี่ยนเยอะอ่ะแล้วกระบวนการแลกเปลี่ยน
00:19:45 → 00:19:47 ของมันเนี่ยก็ไปทำให้หน้าที่ตรงอื่นของ
00:19:47 → 00:19:50 มันเนี่ยลดลงนะคะก็เป็นการเพิ่มภาระอ
00:19:50 → 00:19:55 >> นอกจากนี้ก็คือพวกรสอาหารรสจัดรสจัดเนี่ย
00:19:55 → 00:19:59 ตัวแรกคือเผ็ดเผ็ดเนี่ยเป็นตัวที่แผน
00:19:59 → 00:20:01 ปัจจุบันก็ไม่มองเหมือนกันแต่จริงๆแล้ว
00:20:01 → 00:20:04 แผนไทยบอกว่าถ้ากินเผ็ดเนี่ยมันจะทำให้ดี
00:20:04 → 00:20:08 มีปัญหาตับมีปัญหานะเพราะฉะนั้นการกิน
00:20:08 → 00:20:10 เผ็ดนี่คือการเพิ่มภาระของตับ
00:20:10 → 00:20:10 >> ค่ะ
00:20:10 → 00:20:14 >> นะฮะตับก็จะร้อนขึ้นแล้วก็ทำให้ไอ้ตัว
00:20:14 → 00:20:17 เมบอลิหรือการเผาผลานทั้งหลายมันก็มีการ
00:20:17 → 00:20:20 เปลี่ยนแปลงไปถ้ามันเพิ่มการเผาผลาญไอ้
00:20:20 → 00:20:24 ตัวอนุมูลอิสระหรือตัวออกมันก็เพิ่มขึ้น
00:20:24 → 00:20:26 พอมันเพิ่มขึ้นนั่นก็คือภาระก็อยู่ที่น้ำ
00:20:26 → 00:20:27 เหลืองอีกละ
00:20:27 → 00:20:27 >> อื
00:20:27 → 00:20:30 >> นะเพราะว่ามันอยู่มันมันเวียนอยู่ในร่าง
00:20:30 → 00:20:32 กายไม่ได้ไปไหนอ่ะเวียนแล้วมันไปที่เซลล์
00:20:32 → 00:20:34 ไปเซลล์เซลล์น้ำเหลืองก็เป็นตัวเก็บกลับ
00:20:34 → 00:20:36 คือส่วนนึงเลือดเก็บกลับส่วนใหญ่เลือด
00:20:37 → 00:20:39 เก็บกลับอย่างที่บอก 17 ลิตรใน 20 ลิตร
00:20:39 → 00:20:41 เนี่ยเก็บกลับแต่ 3 ลิตรเนี่ยยังอยู่ที่
00:20:41 → 00:20:45 ตรงนั้นอยู่นะคะ 3 ลิตรนี่เท่าไหร่ 15%
00:20:45 → 00:20:45 ไม่น้อยนะ
00:20:45 → 00:20:46 >> อื
00:20:46 → 00:20:49 >> นะคะก็พอสมควรทีเดียวเพราะงั้นตัวรสเผ็ด
00:20:49 → 00:20:53 จัดก็ไม่ควรแล้วก็รสเปรี้ยวอันนี้เป็นรส
00:20:53 → 00:20:56 ที่สำคัญเลยแผนไทยจะบอกว่ารสเปรี้ยวเนี่ย
00:20:56 → 00:20:58 เป็นรสที่ทำให้เลือดเนี่ยมันไหลเวียนได้
00:20:59 → 00:21:02 แบบเร็วขึ้นเพราะว่ามันทำให้เลือดเหลวพอ
00:21:02 → 00:21:04 เลือดเหลวเนี่ยพอไหลเวียนเร็วขึ้นการไหล
00:21:04 → 00:21:06 เวียนมันก็วิ่งผ่านเร็วอ่ะมันยิ่งผ่าน
00:21:06 → 00:21:08 เร็วเท่าไหร่การแลกเปลี่ยนก็ยิ่ง
00:21:08 → 00:21:11 น้อยลงนะคะเพราะมันไม่ทันได้แลกเป็ดไป
00:21:11 → 00:21:13 แล้วเลือกเลือดไปแล้ว
00:21:13 → 00:21:15 >> เพราะฉะนั้นมันก็ยังคงของเสียมันก็ยังคง
00:21:15 → 00:21:16 ค้างอยู่มากนะคะ
00:21:16 → 00:21:17 >> อื
00:21:17 → 00:21:19 >> รสเปรี้ยวเนี่ยไม่ได้เอฟเฟคแค่เลือดเหลว
00:21:19 → 00:21:21 อย่างเดียวมันก็เอฟเฟคเรื่องพเช่นเดียว
00:21:22 → 00:21:25 กันเราก็เคยเจอเหมือนกันว่าคนที่เป็นลม
00:21:25 → 00:21:29 พิษเยอะๆแล้วกินเปรี้ยวเนี่ยมันมีปัญหาทำ
00:21:29 → 00:21:30 ให้เห่อมากขึ้น
00:21:30 → 00:21:30 >> อื
00:21:30 → 00:21:33 >> นะซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะเป็นด้วยเรื่อง
00:21:33 → 00:21:36 ของไอ้ความเป็นกรดด่างส่วนนึงก็เป็นอะไร
00:21:36 → 00:21:39 ที่เรายังต้องหาคำอธิบายจ่อนะคะแต่ยังไง
00:21:39 → 00:21:41 ตอนเนี้ยถ้าเราเห็นความสัมพันธ์จ่อเชื่อม
00:21:41 → 00:21:45 กันแล้วก็พยายามงดอันที่ 3 ก็คือรสหวานรส
00:21:45 → 00:21:48 หวานก็เกิดทางตรงกันข้ามกับรสเปรี้ยวก็
00:21:48 → 00:21:51 คือว่าหนืดความหนืดอ่ะเราคิดภาพนะเราเอา
00:21:51 → 00:21:53 น้ำเชื่อมเไปไหลเวียนผ่านน่ะมันหนืดมาก
00:21:53 → 00:21:56 เลยมันไหลช้าก็จริงแต่อัตราแลกเปลี่ยนมัน
00:21:56 → 00:21:58 แลกเปลี่ยนไม่ได้เพราะว่าไอ้น้ำตาลเี่มัน
00:21:58 → 00:22:01 คลองพื้นที่อยู่ในน้ำเลือดหมดละเพราะ
00:22:01 → 00:22:04 ฉะนั้นมันไม่สามารถที่จะถ่ายออกแล้วก็รับ
00:22:04 → 00:22:07 ของเสียเข้ามาและที่สำคัญคือน้ำตาลน่ะ
00:22:08 → 00:22:10 เป็นตัวที่เกิดออกซิเดชัได้เยอะเพราะน้ำ
00:22:10 → 00:22:14 ตาลนี่คือตัวหายนะแหละถ้าเรามีเยอะๆนะ
00:22:14 → 00:22:18 เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ก็ไม่ควรกินรสหวานนะ
00:22:18 → 00:22:20 คะ
00:22:20 → 00:22:22 >> หนูหนูเริ่มตกสา
00:22:22 → 00:22:26 >> คือมีเผ็ดมีเค็มหน่อยตรงเกลือเมื่อกี้
00:22:26 → 00:22:29 แล้วก็มีหวานแล้วก็มีเปรี้ยวเกือบได้ทุก
00:22:29 → 00:22:30 รสแล้วกินไม่ได้
00:22:30 → 00:22:32 >> เกทุกรสแล้วก็ก็คือเหมือนกับว่าอ่ะถ้าเรา
00:22:32 → 00:22:34 เริ่มมีอาการเราอาจจะเบาลงหน่อยแล้วกัน
00:22:34 → 00:22:36 เม้นว่าเป็นกลมกล่อมไม่ใช่ว่าจื๊ดจืดแต่
00:22:36 → 00:22:38 ว่าไอ้จัดขนาดนั้นน่ะเราก็เบ้าลงแล้วกัน
00:22:38 → 00:22:41 >> จืดได้ก็ดีค่ะอ่ะไม่ดีจืดได้ก็ดีค่ะนะ
00:22:41 → 00:22:44 เพราะว่าจริงๆมันก็ไม่ได้ค่ะกินมันมากก็
00:22:44 → 00:22:46 ไม่ได้เพราะมันก็ทำให้เลือดหนืดแล้วเอ่อ
00:22:46 → 00:22:50 น้ำเหลืองเนี่ยมันมีภาระของมันคือเป็นตัว
00:22:50 → 00:22:53 แครี่น้ำมันมันเป็นตัวนำพวกเอ่อไขมันทั้ง
00:22:53 → 00:22:56 หลายเนี่ยออกจากกระเพาะอาหารหรือลำไส้เรา
00:22:56 → 00:22:59 อ่ะเข้ามาสู่ตัวเลือดแล้วขณะเดียวกันมัน
00:22:59 → 00:23:03 ก็ยังขนส่งอะไรต่างๆในเซลล์อะไรออกมาด้วย
00:23:03 → 00:23:05 เพราะฉะนั้นมันมากก็ไม่ได้
00:23:05 → 00:23:06 >> อ
00:23:06 → 00:23:09 >> ก็จะเห็นว่าที่ที่เน้นก็คือไม่ให้รถจัด
00:23:09 → 00:23:09 >> อื
00:23:10 → 00:23:13 >> นะคะไม่ให้รถจัดแต่ถามว่ารถจืดดีมั้ดีค่ะ
00:23:13 → 00:23:16 ทีนี้จะทนได้ไม่ได้ไม่รู้แต่ถ้าทนไม่ได้
00:23:16 → 00:23:19 นะก็เอาว่าน้อยๆหน่อยเหมือนที่หมอแดงว่า
00:23:19 → 00:23:23 >> แต่ถ้าทนได้ก็จืดเลยก็ดียิ่งจืดเท่าไหร่
00:23:23 → 00:23:24 ยิ่งดีแต่สุขภาพ
00:23:24 → 00:23:26 >> ถึงบอกนะคะเอาจริงๆยิ่งโตขึ้นโตขึ้นนะ
00:23:26 → 00:23:29 อาจารย์เวลาจะไปสั่งอะไรนะหวานนี่คือแทบ
00:23:29 → 00:23:31 จะแบบ 15%
00:23:31 → 00:23:33 >> เราพยายามลดการปรุงทุกอย่างเลยอ่ะเพราะ
00:23:33 → 00:23:36 เรารู้ว่าเออพออายุมากขึ้นแล้วไอ้สิ่งที่
00:23:36 → 00:23:38 สะสมมามันอาจจะออกไม่หมดจริงๆแต่อย่างที่
00:23:38 → 00:23:39 อาจารย์บอกอ่ะถ้าเกิดว่ามันมีอาการแล้ว
00:23:39 → 00:23:42 อ่ะมันก็ต้องอดทนจริงๆนะคะจืดมันก็ดีที่
00:23:42 → 00:23:43 สุดจริงๆแหละอ
00:23:43 → 00:23:44 >> คราวนี้มีอะไรอย่างอื่นมั้คะ
00:23:45 → 00:23:48 >> ก็มันมีบางคนที่แพ้อาหารอย่างเช่นพวก
00:23:48 → 00:23:50 อาหารเถลอันนี้ก็เลี่ยงเลยนะคะซึ่งจริงๆ
00:23:50 → 00:23:53 ก็ต้องแพ้อยู่แล้วแหละแต่บางคนเนี้ย
00:23:53 → 00:23:55 >> เอ่อไม่รู้ตัวว่าแพ้แต่พอมีอาการทางน้ำ
00:23:55 → 00:23:57 เหลืองเสียมากๆเนี่ยพอกินอาหารทะเลเข้าไป
00:23:58 → 00:23:59 มันก็จะเริ่มเห่อ
00:23:59 → 00:23:59 >> อื
00:23:59 → 00:24:01 >> นะเริ่มเห่อมากขึ้นอันนี้มันมันคล้ายๆกับ
00:24:01 → 00:24:03 ว่ามันมาช่วยเร่ง
00:24:03 → 00:24:06 >> ปฏิกิริยาตรงนั้นซึ่งตรงนี้เพื่อยิ่งทำ
00:24:06 → 00:24:10 ให้ไอ้ค่าปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ o
00:24:10 → 00:24:12 ออกซิดtive stress มันก็จะเพิ่มขึ้นนะคะ
00:24:12 → 00:24:14 >> เหมือนอาหารทะเลมันมีพวก
00:24:14 → 00:24:15 >> มันมีโปรตีนเยอะ
00:24:15 → 00:24:15 >> โปรตีนเยอะ
00:24:15 → 00:24:18 >> อ่าสำคัญก็คือโปรตีนมันเป็นโปรตีนพิเศษ
00:24:18 → 00:24:21 ของมันแล้วก็บางคนก็แพ้แล้วเปอร์เซ็นต์
00:24:21 → 00:24:23 ของคนแพ้เนี่ยมีเยอะกว่า
00:24:23 → 00:24:25 >> แล้วอีกประเภทนึงก็คือมันชอบร่วมด้วยช่วย
00:24:25 → 00:24:28 กันคือเดิมอาจจะไม่ได้แพ้หรอกพอมาถึงตรง
00:24:28 → 00:24:30 นี้ปั๊บปฏิกิริยามันเริ่มมาแล้วเริ่มไว
00:24:30 → 00:24:31 แล้วก็แพ้มากขึ้นอะไรเงี้ย
00:24:31 → 00:24:32 >> อค่ะ
00:24:32 → 00:24:34 >> อีกอย่างหลายๆสายก็จะมีเหมือนกันว่าอ่ะมี
00:24:34 → 00:24:37 อะไรที่มันอาหารยิ่งแยกอันนั้นก็ยิ่งแยก
00:24:37 → 00:24:40 เข้าไปอีกถ้าสมมุติว่ามีสารแปลกปลอมซึ่ง
00:24:40 → 00:24:42 จริงๆมันไม่ได้รับอนุญาตนะคะแต่กลุ่มสาร
00:24:42 → 00:24:46 พวกเนี้ยก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในขณะที่
00:24:46 → 00:24:49 เราพรีเสิร์veไอ้พวกอาหารทะเลนะคะ
00:24:49 → 00:24:51 >> ที่จริงเนี่ยมันก็ยังมีอีกอย่างนึงก็คือ
00:24:51 → 00:24:54 เอ่อสายแอลกอฮอล์นะคะถ้าพวกสายแอลกอฮอล์
00:24:54 → 00:24:57 ก็ต้องงดค่ะเพราะว่าดูเหมือนแอลกอฮอล์มัน
00:24:57 → 00:25:00 ทำให้เลือดไหลเร็วขึ้นนะน่าจะดูดีเนาะแต่
00:25:00 → 00:25:03 จริงๆแล้วแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดภาวะบวมนะ
00:25:03 → 00:25:04 คะเ
00:25:04 → 00:25:05 >> เพราะมันมีภาวะว่านึงเค้าเรียกว่าบวม
00:25:05 → 00:25:09 เบียร์นะฮะก็คือกินไปนานๆคือกินไม่เยอะ
00:25:09 → 00:25:11 หรอกแต่กินนานๆบ่อยๆเข้าเนี่ยมันก็เกิด
00:25:11 → 00:25:14 อาการที่การแลกเปลี่ยนมันลดลงแล้วก็
00:25:14 → 00:25:17 พลาสมาเนี่ยเวลาเข้าไปอยู่ในช่องว่าง
00:25:17 → 00:25:19 ระหว่างเซลล์แล้วเนี่ยมันไม่กลับออกมา
00:25:19 → 00:25:20 >> อื
00:25:20 → 00:25:23 >> อ่าก็เลยทำให้ตัวบวมเราสังเกตได้นะคะคน
00:25:23 → 00:25:26 ที่กินเยอะๆก็จะเห็นว่าตัวบวมทั้งๆที่ตอน
00:25:26 → 00:25:28 นี้ยังไม่ถึงอาการตับแข็งหรือตับโตหรือ
00:25:28 → 00:25:30 อะไรยังไม่มีแต่ก็ยังมีอาการตัวบวม
00:25:30 → 00:25:34 >> ซึ่งอันเนี้ยมันก็บอกว่าปะน้ำเหลืองอ่า
00:25:34 → 00:25:35 เริ่มเริ่ข้าสร้างแล้วเป็นภาระของน้ำ
00:25:35 → 00:25:39 เหลืองแหละต้องส่งออกทางท่อน้ำเหลืองแล้ว
00:25:39 → 00:25:42 พอกินเข้าไปมันยิ่งบวมน้ำเหลืองก็ยิ่ง
00:25:42 → 00:25:43 แครี่ไม่ได้อีก
00:25:43 → 00:25:45 >> เออก็จะยิ่งแย่เข้าไปอีก
00:25:45 → 00:25:48 >> นะคะเพราะจะเป็นภาระหนักค่ะ
00:25:48 → 00:25:50 >> กำลังมองน้ำเหลืองเหมือนเป็นคนหนึ่งอ่ะ
00:25:50 → 00:25:53 เหมือนเพื่อนเราอ่ะเหนื่อยอ่ะเหนื่อยคือ
00:25:53 → 00:25:55 หน้าที่ก็หนักอยู่แล้วแล้วแบบก็ยังไม่
00:25:55 → 00:25:57 ซัพพอร์ตฉันอีกหรอจะส่งอะไรมาให้อีกเนี่ย
00:25:57 → 00:25:58 อะไรเงี้ย
00:25:58 → 00:25:59 >> เหมือนเเหมือนรถขยะ
00:25:59 → 00:25:59 >> อ๋อ
00:25:59 → 00:26:02 >> ใช่มั้เค้าเหมือนรถขยะเคนขยะให้เราอ่ะ
00:26:02 → 00:26:04 แล้วแต่ทำความสะอาดให้ด้วยนะที่เสร็จแล้ว
00:26:04 → 00:26:09 มาทำความสะอาดให้ด้วยแยกขยะให้ด้วยนะเออ
00:26:09 → 00:26:12 เช้ามามามากกว่าเดิมอีกอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:26:12 → 00:26:14 คะเรายังขนส่งไม่หมดเลยก็มาอีกแล้วนะคะ
00:26:15 → 00:26:17 เพราะฉะนั้นก็ให้คิดว่าอย่างเงี้ยมันต้อง
00:26:17 → 00:26:19 ช่วยกันนะฮเพราะฉะนั้นอย่าเอาเข้าเยอะอ
00:26:20 → 00:26:22 >> อันการเอาเข้าน้อยเนี่ยมันก็เป็นการช่วย
00:26:22 → 00:26:23 ร่างกายเราทางนึงละ
00:26:23 → 00:26:27 >> อืโอเคก็คร่าวๆเนี่ยเข้าใจว่าโรคเกี่ยว
00:26:27 → 00:26:29 กับน้ำเหลืองเสียมันเกี่ยวข้องกับระบบไหล
00:26:29 → 00:26:31 เวียนโดยตรงเลยแล้วระบบไหลเวียนมันก็มี
00:26:31 → 00:26:33 อยู่กระบวนการไม่กี่อย่างก็คือการรับเข้า
00:26:33 → 00:26:35 การขับเคลื่อนการนำออกเมื่อกี้อาจารย์พูด
00:26:36 → 00:26:38 ถึงพาร์ทของการรับเข้าว่าเอ้ยก็ดูแลหน่อย
00:26:38 → 00:26:41 อย่าให้มันมีขยะเยอะแล้วก็เรื่องของการ
00:26:41 → 00:26:43 ขับเคลื่อนกับการนำออกอาจารย์แนะนำยังไง
00:26:43 → 00:26:43 มั้คะ
00:26:43 → 00:26:46 >> เวลาเราพูดถึงเรื่องของการเอาออกเนี่ยนะ
00:26:46 → 00:26:49 คะมันมีได้ 3 ทางก็คือทางอุจจาระทาง
00:26:49 → 00:26:53 ปัสสาวะและเหงื่ออุจจาระหนักสุดปัสสาวะ
00:26:53 → 00:26:56 ลองลงมาเหงื่อน้อยสุดค่ะแต่ยังไงก็ตาม
00:26:56 → 00:26:59 เนี่ยเหงื่อเนี่ยดูเหมือนจะน้อยดูเหมือน
00:26:59 → 00:27:02 คล้ายไม่มีประโยชน์แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรา
00:27:02 → 00:27:04 ได้เอาออกทางเหงื่อนั้นคือแปลว่าขยะเรา
00:27:04 → 00:27:05 ออกไปเยอะขึ้น
00:27:05 → 00:27:06 >> อื
00:27:06 → 00:27:08 >> นะคะเราออกไปเยอะขึ้นจริงๆเหงื่อจะออกได้
00:27:08 → 00:27:12 ยังไงก็คือการออกกำลังกายออกกำลังกายปั๊ม
00:27:13 → 00:27:15 หัวใจเพิ่มขึ้นพอปั๊มหัวใจเพิ่มขึ้นเนี่ย
00:27:15 → 00:27:18 เลิศมันก็เริ่มสูบฉีดไปตามร่างกายมากขึ้น
00:27:18 → 00:27:21 พอสูบฉีดมากขึ้นมันก็ดันมันมีแรงดันให้
00:27:21 → 00:27:24 น้ำเหลืองออกมากขึ้นน้ำเหลืองก็พุ่งเข้า
00:27:24 → 00:27:27 ทั่วตัวแล้วสุดท้ายก็ไปที่ไตเป็นหลักก็
00:27:27 → 00:27:30 จริงแต่มันออกที่ทางนั่งด้วย
00:27:30 → 00:27:33 >> ทิวนางด้วยนะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็ช่วย
00:27:33 → 00:27:36 แทนที่จะออกแค่ 10 มันก็ออกไป 12 มันก็ดี
00:27:36 → 00:27:39 กว่าเดิมตั้งเยอะนะฮะอย่างน้อยก็เป็นการ
00:27:39 → 00:27:42 ช่วยกันกำจัดหลายๆทางแล้วทางนี้เนี่ยมัน
00:27:42 → 00:27:45 นอกจากกำจัดของเสียในน้ำเหลืองที่ไม่ค่อย
00:27:45 → 00:27:48 ดีไปแล้วเนี่ยมันยังทำให้ร่างกายเราแข็ง
00:27:48 → 00:27:51 แรงขึ้นเพราะว่ามันก็เสริมสร้างทุกๆอย่าง
00:27:51 → 00:27:53 เลยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเสริมสร้างอะไร
00:27:53 → 00:27:56 ทั้งหลายเนี่ยเพราะฉะนั้นไอ้กระบวนการที่
00:27:56 → 00:27:59 เกิดจากไอ้ของเสียที่จากการนอนการนั่งเฉย
00:27:59 → 00:28:02 ๆหรือการอ่านหนังสือพวกนี้โดยที่ไม่ขยับ
00:28:02 → 00:28:05 อยากเยนเคลื่อนไหวเนี่ยมันก็ลดลงด้วยอ่ะ
00:28:05 → 00:28:08 >> ออันนี้สำคัญค่ะถ้าเกิดว่าเราดูกันมาใน
00:28:08 → 00:28:10 ทุกคลิปเนาะเรื่องของการออกกำลังกายก็
00:28:10 → 00:28:12 เป็นอันที่มันขาดไม่ได้อ่ะ
00:28:12 → 00:28:14 >> เออมันพูดกันอยู่เรื่อยเลยนะ
00:28:14 → 00:28:15 >> ใช่นะคะแล้วก็
00:28:15 → 00:28:17 >> คนก็บอกว่าเอ๊ะแล้วจะทำยังไงไม่รู้จะเป็น
00:28:17 → 00:28:18 ยังไงเนาะอ
00:28:19 → 00:28:21 >> ทำเถอะค่ะเรายังไม่เป็นอะไรเราก็เราก็ทำ
00:28:21 → 00:28:24 นะคะเพิ่มอีกอย่างนึงก็คืออิริยาบท 4
00:28:24 → 00:28:26 เนี่ยให้ให้สมดุลด้วยนะคะใครที่ต้องนั่ง
00:28:26 → 00:28:29 ในออฟฟิศทำงานเราก็อย่าลืมมาแบบยืดเหยียด
00:28:29 → 00:28:31 ขยับนะคะหรือก่อนนอนก็แล้วแต่อันนี้มันก็
00:28:31 → 00:28:33 จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนใน
00:28:33 → 00:28:34 ร่างกายที่ดีขึ้นนะคะ
00:28:34 → 00:28:37 >> ค่ะเสริมการขับอีกอันนึงค่ะก็คือเรื่อง
00:28:37 → 00:28:40 ของการอุจจาระถ่ายอุจาระนะฮะถ้าคนที่น้ำ
00:28:41 → 00:28:43 เหลืองเสียคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้ม
00:28:43 → 00:28:47 กันอะไรทั้งหลายเนี่ยหรือโรคที่สงสัยว่า
00:28:47 → 00:28:49 จะเกี่ยวข้องกับน้ำเหลืองให้ดูเรื่องของ
00:28:50 → 00:28:53 การขับถ่ายนะฮะต้องขับถ่ายเป็นประจำขับ
00:28:53 → 00:28:56 ถ่ายทุกวันแล้วก็ขับถ่ายให้ได้ปริมาณที่
00:28:56 → 00:28:59 พอสมควรคือหมายความว่ากินเข้าไปเท่าไหร่
00:28:59 → 00:29:02 มีกากเหลือเท่าไหร่ขับหมดนะคะไม่ใช่สะสม
00:29:02 → 00:29:05 นะกินเข้าไป 10 ดูดซึมไปแค่ 2 ไอ้เหลือ 8
00:29:05 → 00:29:09 ออกมาแค่ 3 เหลือค้างไว้ร่างกาย 5 วันถัด
00:29:09 → 00:29:11 ไปก็เป็นเช่นนี้อีกไม่ได้เพราะฉะนั้นบาง
00:29:11 → 00:29:14 ครั้งเนี่ยอาจจะต้องใช้ยาระบายเป็นระยะๆะ
00:29:14 → 00:29:15 >> อื
00:29:15 → 00:29:18 >> แต่ถ้าสมมุติว่าต้องการยาที่ขับน้ำเหลือง
00:29:18 → 00:29:22 เลยอันไม่แนะนำนะคะก็ให้ไปปรึกษาคนที่มี
00:29:22 → 00:29:24 ความรู้ผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนไทยอันนี้
00:29:24 → 00:29:26 ต้องเป็นแพทย์แผนไทยนะคะเพราะว่าน้ำ
00:29:26 → 00:29:28 เหลืองเสียเนี่ยแผนปัจจุบันไม่ได้มองใน
00:29:28 → 00:29:32 มุมนี้ก็ให้รู้ว่ายาพวกเนี้ยมันก็มี
00:29:32 → 00:29:35 อันตรายเหมือนกันมันมีประโยชน์แล้วมีทั้ง
00:29:35 → 00:29:38 โทษก็ต้องไปปรึกษาเ้าเพื่อจะได้เลือกใช้
00:29:38 → 00:29:42 ให้ถูกต้องแต่ถ้าจะเลือกใช้ยาระบายเองคิด
00:29:42 → 00:29:45 ว่าเอ๊ะฉันไม่เป็นไรนะนานๆฉันเป็นทีแล้ว
00:29:45 → 00:29:47 ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรเยอะแยะก็ให้ปรึกษา
00:29:47 → 00:29:50 เศษสัชกรในร้านขายยาร้านขายสมุนไพรเนี่ย
00:29:50 → 00:29:53 ก็จะให้คำตอบที่ดีได้เพราะว่ายาระบายบาง
00:29:53 → 00:29:56 อย่างเนี่ยเค้าให้กินแค่ไม่กี่วันนะคะบาง
00:29:56 → 00:29:59 คนก็แบบโอ๊กินได้ทุกวันไปเรื่อยๆไม่ใช่นะ
00:29:59 → 00:30:01 เพราะว่ามันจะมีปัญหาปัญหาอย่างที่คลิป
00:30:01 → 00:30:04 ถ้าใครสงสัยก็ให้ไปดูคลิปเรื่องของยา
00:30:04 → 00:30:04 ระบาย
00:30:04 → 00:30:08 >> อีกสักรอบนึงเรื่องท้องผูกนะคะตรงเนี้ยก็
00:30:08 → 00:30:11 จะช่วยในการที่จะขับถ่ายของเสียแล้วก็ทำ
00:30:11 → 00:30:13 ให้เพิ่มอัตราแลกเปลี่ยนได้เร็วขึ้นค่ะ
00:30:13 → 00:30:18 >> อืค่ะก็ครบเลยนะคะวันนี้คำถามเดียวแค่ว่า
00:30:18 → 00:30:21 น้ำเหลืองเสียคืออะไรอาจารย์ก็มาเลยตั้ง
00:30:21 → 00:30:23 แต่ว่าน้ำเหลืองมันคืออะไรนะคะมันทำงาน
00:30:23 → 00:30:25 ยังไงแผนปัจจุบันมองยังไงแผนไทยมองยังไง
00:30:26 → 00:30:28 แล้วเราจะปรับพฤติกรรมยังไงนะคะก็หวังว่า
00:30:28 → 00:30:31 ใครที่มีอาการอยู่ก็จะนำคำแนะนำตรงนี้ไป
00:30:31 → 00:30:34 ลองปรับใช้ดูส่วนใครที่ยังไม่เป็นหรอกก็
00:30:34 → 00:30:35 คำแนะนำใช้ได้นะคะบางทีก็ไม่ต้องรอให้
00:30:35 → 00:30:38 ป่วยก่อนเนาะเราก็ดูแลสุขภาพกันได้นะคะ
00:30:38 → 00:30:42 วันนี้ก็ขอบคุณอาจารย์อีกทีนะคะแล้วก็
00:30:42 → 00:30:44 เดี๋ยวเรากลับมาพบกันกับเรื่องสุขภาพอื่น
00:30:44 → 00:30:46 ๆอีกในคลิปต่อๆไปนะคะวันนี้นกับอาจารย์ก็
00:30:46 → 00:30:51 ลาไปก่อนนะคะบ๊ายบายค่ะ
00:30:51 → 00:31:00 [เพลง]