00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:09 Voice อาหารสร้างกรดอาหารสร้างด่างคือ
00:00:09 → 00:00:11 อาหารนั้นน่ะเข้าไปสร้างความเป็นกรดเป็น
00:00:11 → 00:00:14 ด่างในร่างกายเราก็เลยมี alc forming
00:00:14 → 00:00:17 Food acidic forming Food ทฤษฎีเนี้ย
00:00:17 → 00:00:19 มันมีมานานและมีงานวิจัยนึงเพบว่าอาหาร
00:00:20 → 00:00:22 ที่มีฤทธิ์เป็นด่างช่วยปรับสมดุลใน
00:00:22 → 00:00:25 กระเพาะอาหารแล้วช่วยลดภาวะกดไหลย้อนได้
00:00:25 → 00:00:28 ช่วยลดการขับแคลเซียมออกจากปัสสาวะและ
00:00:28 → 00:00:31 รักษาความหนาแน่นของมวลกระดูกได้ดีกว่า
00:00:31 → 00:00:34 อาหารเป็นกรดช่วยลดการอักเสบเรื้อรังไม่
00:00:34 → 00:00:38 ว่าจะเป็นหัวใจมะเร็งเบาหวานโรคข้ออักเสบ
00:00:38 → 00:00:42 อาจช่วยควบคุมการเผาผลาญของร่างกายและควบ
00:00:42 → 00:00:45 คุมน้ำหนักตัว
00:00:45 → 00:00:49 ได้ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:57 this tha PBS podcast คุณผู้ฟังคะราย
00:00:57 → 00:01:00 การโรงหมอของเรานะคะก็จะมาพูดคุยกันถึง
00:01:00 → 00:01:03 เรื่องของอาหารอันคลายเฮ้ยมันเป็นถ่าน
00:01:03 → 00:01:05 หรือเปล่าเรากินถ่านกันแล้วเหรอขนาดนั้น
00:01:05 → 00:01:08 เลยเหรอนะคะอาหารอันคลายคืออะไรนะคะผู้
00:01:08 → 00:01:11 ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจาก
00:01:11 → 00:01:13 วิทยาลัยการแพทย์บุรณาการมหาวิทยาลัย
00:01:13 → 00:01:16 ธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขาสวัสดี
00:01:16 → 00:01:20 ครับมาอีกแล้วชื่อแปลกๆชื่อที่ไม่คุ้นเคย
00:01:20 → 00:01:22 อันคลายนี่นึกถึงถ่านอย่างเดียวเลยค่ะ
00:01:22 → 00:01:27 อาจาร์ถูกถ่านอังคายซึ่งมันประจุสารที่มี
00:01:27 → 00:01:30 ความเป็นด่างอาจารย์ต้องบอกก่อนว่าอคคลาย
00:01:30 → 00:01:35 คือด่างแอซิดคือกรดอ่าคุณผู้ฟังคุณรีคง
00:01:36 → 00:01:38 เคยได้ยินคำว่ากรดใช่มั้ยครับภาวะความ
00:01:38 → 00:01:41 เป็นกรดภาวะความเป็นด่างอ่ากรดเนี่ยคือ
00:01:41 → 00:01:46 แอซิดอืออ่าอัคลดคือด่างด่างตอนแรกคุณรี
00:01:46 → 00:01:48 บอกถ่านอาจารย์ไม่นึกว่าเป็นถ่านแบบถ่าน
00:01:48 → 00:01:51 ไฟฉายนะอ้าวเหรออาจารย์เป็นถ่านเป็นนึก
00:01:51 → 00:01:55 ่านแบถ่านแบบเฟืนน่ะอ่าจนเผาไหม้จนกลาย
00:01:55 → 00:01:58 เป็นถ่านซึ่งอันนั้นก็มีความเป็นด่างนะ
00:01:58 → 00:02:01 ถ่านที่เผาไหม้แล้วอ่ะเหรอเ่าไม่เป็นขี้
00:02:01 → 00:02:04 เท่าเออความเป็นเท่านั่นน่ะมันมีความเป็น
00:02:04 → 00:02:07 ด่างอยู่จากแร่ท่งแร่ธาตที่มันอยู่ในพวก
00:02:07 → 00:02:10 พืชค่ะอ่าทั้งหลายแหล่อ๋ออแล้วมันจะมี
00:02:10 → 00:02:12 ความเป็นด่างความเป็นกลางจะอยู่ที่ 7
00:02:12 → 00:02:15 อะไรที่มีความเป็นกลาง PS นี่แหละคือความ
00:02:15 → 00:02:18 เป็นกดด่างค่าพีอคือค่าบ่งชี้ภาวะความ
00:02:18 → 00:02:21 เป็นกดด่างถ้าเป็นกลางอยู่ที่ 7 ถ้าเป็น
00:02:21 → 00:02:26 กดคือกดลงมาต่ำกว่า 7 นะกรดกดเนี่ยก็คือ
00:02:26 → 00:02:30 กดลงมาให้ต่ำกว่า 7 คือมีความเป็นกดอ่านะ
00:02:30 → 00:02:33 ส่วนด่างคือสูงกว่า 7 ทนี้อาหารที่คุณรี
00:02:33 → 00:02:35 บอกว่าเป็นอาหารอันคาหรืออาหารด่างพูด
00:02:35 → 00:02:38 ง่ายๆนะถ้าเราเรียกแบบเต็มๆเลยนะภาษา
00:02:38 → 00:02:42 อังกฤษคือ alc forming Food อืนะต้องมี
00:02:42 → 00:02:45 คำว่า forming อ่าเพราะอะไรเพราะถ้าเรียก
00:02:45 → 00:02:48 แบบเต็มๆเลยคืออาหารสร้างฟอร์มคือการ
00:02:48 → 00:02:53 สร้างสร้างด่างออออ่าแล้วอาหารสร้างด่าง
00:02:53 → 00:02:56 เนี่ยไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นด่างอยู่ใน
00:02:56 → 00:02:59 อาหารนะสร้างด่างคือสร้างในร่างกายอาหาร
00:02:59 → 00:03:01 บางอย่างงกุลีเชื่อมั้ยว่าอยู่ภายนอกร่าง
00:03:01 → 00:03:04 กายเราเนี่ยอาจารย์เอาง่ายๆเลยมะนาวอย่าง
00:03:04 → 00:03:07 เงี้ยมีความเป็นกรดถูกมั้ยครับอ่าพวกพืช
00:03:07 → 00:03:10 ผักผลไม้ตะกูลมะนาวตะกุลส้มเลมอนเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 เปรี้ยวๆเปรี้ยวมันมีความเป็นกรดแต่เวลา
00:03:13 → 00:03:17 ร่างกายกินเข้ามาปุ๊บจะเมตาหรือสลายไอ้
00:03:17 → 00:03:21 พวกกรดนั้นๆเนี่ยค่ะอ่าให้กลายเป็นสารที่
00:03:21 → 00:03:25 มีความเป็นทางในร่างกายอ้าหรออาจารย์ถึง
00:03:25 → 00:03:28 บอกว่าถ้าเรียกแบบเต็มๆออ่าเราก็จะเรียก
00:03:28 → 00:03:33 ว่าออาหารสร้างกรดอาหารสร้างด่างค่ะอ่า
00:03:33 → 00:03:35 คืออาหารนั้นน่ะเข้าไปสร้างความเป็นกรด
00:03:35 → 00:03:38 เป็นด่างในร่างกายเราก็เลยมีอคา forming
00:03:38 → 00:03:41 Food acidic forming Food แต่บางคน
00:03:41 → 00:03:43 เรียกสั้นๆน่ะก็เรียกอย่างที่เราเรียก
00:03:43 → 00:03:47 เนี่ยอาหารอคลถูกมั้หรือบางคนเรียกอาหาร
00:03:47 → 00:03:49 ด่างอาหารด่างได้ยังไงเนี่ยอยู่ภายนอกมัน
00:03:49 → 00:03:51 มีความเป็นกรดนะเธอจะมาเถียงยังไงเป็น
00:03:51 → 00:03:55 ด่างมันต้องมีฟอมคำว่ามเอออยู่ตรงกลางก็
00:03:55 → 00:03:59 คือสร้างนะ from ที่แปลว่าแบบสร้างนะ
00:03:59 → 00:04:01 สังเคระเพะขึ้นอย่างเงี้ยมันมันเกิดขึ้น
00:04:01 → 00:04:03 ฉะนั้นแล้วเนี่ยอาหารสร้างดสร้างด่าง
00:04:04 → 00:04:09 ทฤษฎีเนี้ยมันมีมานานและอืออและค่าพีของ
00:04:09 → 00:04:12 คนปกติในเลือดเราเนี่ยที่คนปกติสุขภาพดี
00:04:12 → 00:04:14 เนี่ยจะอยู่ในช่วง
00:04:15 → 00:04:16 7.35 ถึง
00:04:16 → 00:04:20 7.45 เป็นช่วงที่เหมาะสมนะฉะนั้นแล้ว
00:04:20 → 00:04:23 คุณลีจะเห็นตัวเลขและ 7 คือกลางถ้าพอใน
00:04:23 → 00:04:27 เลือดปกติอยู่ที่ 7.35 - 7.45 นั่นคือ
00:04:27 → 00:04:31 มีความเป็นด่างเล็กน้อยอือืที่ทำให้ร่าง
00:04:31 → 00:04:33 กายของเราเนี่ยทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ
00:04:33 → 00:04:38 ดีปกติสุขถูกมั้ยอ่าต้องบอกปกติสุขนะ
00:04:38 → 00:04:41 เพราะร่างกายของเราเนี่ยถ้าเราทำงานอย่าง
00:04:41 → 00:04:44 ปกติมันก็จะมีความสุขค่ะแต่อะไรก็ตามที่
00:04:44 → 00:04:46 บดิฟังก์ชันมันผิดปกติเหมือนเราเกิดโลก
00:04:46 → 00:04:49 ทุกวันเนี้ยมันผิดปกติไงมันก็เลยไม่มี
00:04:49 → 00:04:53 ความสุขออะไรที่ผิดปกติไม่มีความสุขเลยนะ
00:04:53 → 00:04:55 ถูกมยใช่เคยเป็นอยู่ปกติอย่างเงี้ยทำงาน
00:04:55 → 00:04:58 ได้ปกติเฮ้ยมันเริ่มไม่ปกติแล้วเว้ยค่ะ
00:04:58 → 00:05:01 นึกออกมั้บางอย่ามันเริ่มไม่ปกติหัวใจ
00:05:01 → 00:05:05 เริ่มเต้นเร็วขึ้นแลความดันเริ่มสูงขึ้น
00:05:05 → 00:05:07 นะการควบคุมน้ำตาลผิดปกติน้ำตาลเริ่มสูง
00:05:07 → 00:05:10 ขึ้นแลไขมันผิดปกติผลิตไขมันออกมามากขึ้น
00:05:10 → 00:05:13 อะไรที่ไม่ปกติอยู่ในร่างกายเนี่ยไม่สุข
00:05:13 → 00:05:16 เลยอแล้วอยากที่จะปกติได้เขาก็เลยต้องว่า
00:05:16 → 00:05:20 เฮ้ยงั้นคุณกินอาหารที่มันมีผลให้ร่างกาย
00:05:20 → 00:05:23 เนี่ยมีความเป็นด่างออือ่าให้เลือดเนี่ย
00:05:23 → 00:05:26 มีความเป็นด่างแต่อาจารย์จะบอกเลยว่าค่า
00:05:26 → 00:05:28 ความเป็นกรดเป็นด่างเนี่ยมันอยู่ในช่วง
00:05:28 → 00:05:31 7.35 - 7 จ 45 นี่คือภาวะปกติของร่าง
00:05:31 → 00:05:35 กายใช่มั้ยครับอ่าถ้าเกินสูงไปก็ไม่ดี
00:05:35 → 00:05:37 เพราะสูงเกินไปภาวะร่างกายมีความเป็น
00:05:37 → 00:05:40 หน่างสูงเลือดเป็นหน่างสูงก็ไม่ดีอีก
00:05:40 → 00:05:42 เลือดเป็นกรดมากก็ไม่ดีอีกซึ่งร่างกายเรา
00:05:42 → 00:05:45 จะมีความเป็นบัฟเฟอร์มีระบบบัฟเฟอร์
00:05:45 → 00:05:48 สะเทิ้นเคยได้ยินใช่มั้ยครับสะเทินความ
00:05:48 → 00:05:51 เป็นกดเป็นด่างนะปรับสมดุลน่ะกดด่างให้
00:05:51 → 00:05:54 อยู่ในช่วงเนี้ยที่เป็นด่างอ่อนๆ 7.35 -
00:05:54 → 00:05:57 7.45 แล้วคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าอาหารไม่
00:05:57 → 00:06:02 มีผลหรอกต่อค่าพีชในในเลือดใช่มั้ยใช่อื
00:06:02 → 00:06:04 เพราะยังไงร่างกายก็มีระบบอยู่แล้วค่ะกิน
00:06:04 → 00:06:07 เข้าไปยังไงมันก็ถูกรธอยู่แล้วอย่างเงี้ย
00:06:07 → 00:06:10 บางคนกินน้ำด่างอย่างเงี้ยค่ะเออใช่กิน
00:06:10 → 00:06:13 น้ำด่างมันโดนกระเพาะมันก็มีความเป็นกดลง
00:06:13 → 00:06:16 ไปนึกออกมั้ยมันก็มีแล้วแบบเอ้ยเข้าไป
00:06:16 → 00:06:18 แล้วมันจะให้ความเป็นดังอีกเหรอเลือดเรา
00:06:18 → 00:06:20 ยังไงมันก็มีบัฟเฟอร์อยู่ในระดับนี้อยู่
00:06:20 → 00:06:24 แล้วถูกต้องแต่คุณอย่าลืมว่าถ้ายิ่งคุณ
00:06:24 → 00:06:27 กินอาหารสร้างกรดเข้าไปเยอะๆร่างกายเรา
00:06:27 → 00:06:29 มันจะเป็นภาระให้กับร่างกายในการปรับ
00:06:29 → 00:06:32 สมดุลอ๋อนึกออกมครับคือเหมือนเช่นคุณีกิน
00:06:32 → 00:06:36 น้ำตาลเยอะๆนะกินคุกกี้เบอร์เกอรี่โดนัท
00:06:36 → 00:06:39 นะพวกเนี้ยแอลกอฮอล์เหล้าสปายวายเบียร์
00:06:40 → 00:06:43 กาแฟก็มีความเป็นโกรธค่ะอ่าอ่าถามว่าร่าง
00:06:43 → 00:06:46 กายเรามันก็ปรับอยู่แล้วกินคุณกินอาหาร
00:06:46 → 00:06:48 สร้างกรดเข้าไปในเลือดของคุณมันก็ยังอยู่
00:06:48 → 00:06:50 ค่าปกตินี่แหละทำไมก็ไม่ได้เลื่อนเป็นกรด
00:06:50 → 00:06:52 ไปด้วยขนาดไม่ได้มีความเป็นกรดไปด้วยขนาด
00:06:52 → 00:06:55 นั้นแต่อย่าลืมว่าไอ้ความเป็นกรดนะที่
00:06:55 → 00:06:57 เข้ามาเนี่ยมันทำให้ร่างกายของเราเนี่ย
00:06:57 → 00:06:59 ต้องไปสะเทินความเป็นกรดเพื่อให้กลับอยู่
00:06:59 → 00:07:02 ในในระดับปกติถูกต้องแล้วความที่จะมาเป็น
00:07:02 → 00:07:04 ด่างได้นั้นปุ๊บเรากินสมมุติเรากินเนี่ย
00:07:04 → 00:07:08 กาแฟเลยค่ะอ่าหรืออาหารที่แบบสร้างกรดสูง
00:07:08 → 00:07:11 ๆส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยเตี้อ่ะน้ำอัดรม
00:07:11 → 00:07:14 คุกกี้เบเกอรี่โดนัทฟาสฟู้ดนะคุณกิน
00:07:14 → 00:07:17 พิซซ่าคุณกินเบอร์เกอร์อย่างเงี้ยคุณกิน
00:07:17 → 00:07:20 กับน้ำอัดลมคุกกี้บนอันเนี้ยมันก็มีความ
00:07:20 → 00:07:22 เป็นกรดแล้วพอมันเข้ามาปุ๊บอ่ะร่างกายมัน
00:07:22 → 00:07:25 ต้องไปปรับสมดุลไงไปสะเทความเป็นกดมันก็
00:07:25 → 00:07:29 สลายแคลเซียมจากกระดูกมาเอาพวกแคลเซียม
00:07:29 → 00:07:33 เอาพวกพวกแร่ธาตุที่มีความเป็นหน่างเนี่ย
00:07:33 → 00:07:37 ค่ะเอามาอือฮึปรับสมดุลให้สู่ปกติเห็น
00:07:37 → 00:07:40 มั้ยมันก็เดือดร้อนร่างกายเราไงออออ่าแต่
00:07:40 → 00:07:43 ค่าพีในเลือดก็ปกตินี่ฉันกินเข้าไปอาหาร
00:07:43 → 00:07:45 อันนี้มันก็ไม่สมผลอะไรหรอกกับค่าพีชใน
00:07:45 → 00:07:49 เลือดถูกต้องจะตรวจพีชในเลือดหรือพีชใน
00:07:49 → 00:07:52 ปัสสาวะมันก็ไม่ส่งผลแต่มันเป็นภาระของ
00:07:52 → 00:07:55 ร่างกายที่มันต้องหนักขึ้นถูกต้องที่ฉัน
00:07:55 → 00:07:58 จะต้องใช้ระบบบัฟเฟอร์เพื่อมาสะเทินความ
00:07:58 → 00:08:01 เป็นกดเป็นดางนะฉะนั้นแล้วเนี่ยเขาก็เลย
00:08:01 → 00:08:03 ต้องมีประเด็นเรื่องของอาหารที่สร้างด่าง
00:08:03 → 00:08:06 เพื่อแบ่งเบาภาระในร่างกายในการปรับความ
00:08:06 → 00:08:09 เป็นกฎที่อุยมันสูงเกินแล้วแล้วกดด่าง
00:08:09 → 00:08:11 เนี่ยมันขึ้นอยู่กับอะไรมันขึ้นอยู่กับ
00:08:11 → 00:08:15 พฤติกรรมการกินของเราอือฮึถ้าไม่อยากให้
00:08:15 → 00:08:18 ร่าเป็นภาระของร่างกายเราก็กินอาหารสร้าง
00:08:18 → 00:08:21 กรดน้อยๆหน่อยอ๋ออาหารสร้างกรดนี่เป็นพวก
00:08:21 → 00:08:26 ประเภทอ่า 1 น้ำตาลสูงเอ้ยเดี๋ยวนะคำว่า
00:08:26 → 00:08:28 น้ำตาลดูมันไม่ได้เพืมไม่ได้แบบดูน่าจะ
00:08:28 → 00:08:31 เป็นกรดอะไรเลยมีความเป็นได้รับเข้าไป
00:08:31 → 00:08:34 เยอะๆมีผลน้ำตาลสูงถูกต้องน้ำตาลสูงนะ
00:08:34 → 00:08:39 ครับ 2 ก็คือกินเนื้อสัตว์มากๆมีผลเอ้อ
00:08:39 → 00:08:43 อ่ากินโปรตีนเยอะกินเนื้อสัตว์มากเกิน
00:08:43 → 00:08:45 เห็นมั้ยครับโปรตีนเราว่าเฮ้ยเราดีแต่กิน
00:08:46 → 00:08:50 มากไปมันก็ไม่ดีก็ไม่ดีอ่าอ่าและพวก
00:08:51 → 00:08:54 เบเกอรี่ที่มันแฝงด้วยน้ำตาลไขมันไม่ดี
00:08:54 → 00:08:58 คุกกี้เบอร์เกอรี่โดนัทนะขนมปรงขนมปัง
00:08:58 → 00:09:02 ทั้งหลายแหละนะครับและน้ำอัดลมอ่านมีความ
00:09:02 → 00:09:05 เป็นโกรธอยู่แล้วก็มีบ้างน้อัดมอาจารย์
00:09:05 → 00:09:08 อย่างขนมปังถ้าเป็นเดี๋ยวนี้มีขนมปัง
00:09:08 → 00:09:09 สำหรับแบบ Healthy Choice เยอะอะไรอย่าง
00:09:09 → 00:09:12 เงี้ยอันนั้นโอเคได้ครับเพราะมันมีมันมี
00:09:12 → 00:09:16 พืชธัญพืชเข้ามาไงอืฉะนั้นแล้วเนี่ยเใส่
00:09:16 → 00:09:19 น้อยไปมฝั่งที่อยู่อ่ะขึ้นอยู่กับปริมาณ
00:09:19 → 00:09:22 อีกคุณก็ต้องดูฉลากนะคุณผู้ฟังดูฉลากนะ
00:09:22 → 00:09:25 คุณรีพิจารณาฉลากมีไฟเบอร์เท่าไหร่อแต่
00:09:25 → 00:09:28 ถ้าไม่มีให้เราลุ้นเองมันก็ยากแล้วถ้าไม่
00:09:28 → 00:09:31 มีฉลากโภชนาการที่บอกปริมาณไฟเบอร์เราก็
00:09:31 → 00:09:34 ไม่รู้และเพราะว่าบางบางบางที่มันมีขนม
00:09:34 → 00:09:38 ปังธัญพืชอ่าอันนี้โอเคแบบธัญพืเต็มเลย
00:09:38 → 00:09:40 กินนึกว่าเอ๊ะฉันเป็นนกึเปล่าวันนี้กิน
00:09:40 → 00:09:43 แล้วมันดูแบบอาหารนกจริงๆหรือว่าแบบแต่
00:09:44 → 00:09:46 แบบบางอย่างก็จะเป็นประเภทแบบว่ามีธัญพืช
00:09:46 → 00:09:50 ผสมอยู่นะแต่ว่านิดนึงเป็นวิญญาณธัญพืช
00:09:50 → 00:09:52 เออให้รู้ว่าแบบก็เพื่อสุขภาพแหละอะไร
00:09:52 → 00:09:55 อย่าเงี้ยเข้าใจเลือกที่มันแบบเฮ้ยมี
00:09:55 → 00:09:58 ปริมาณไฟเบอร์สูงหน่อยอย่างเงี้ยแต่ในขณะ
00:09:58 → 00:10:02 ที่คนที่มีไตายเอ่อฉันกินน้ำแร่อ่าน้ำแร่
00:10:02 → 00:10:05 มันก็ได้แร่ธาตุมีความเป็นด่างนะอ่าฉัน
00:10:05 → 00:10:10 กินอาหารที่เป็นพืชผักบางคนกินแพนเบจอื
00:10:10 → 00:10:12 แล้วร่างกายของเขาเนี่ยเขาก็จะมีความเป็น
00:10:12 → 00:10:14 ด่างอยู่อืแล้วร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:10:14 → 00:10:17 เอนเอียงไปทางความเป็นด่างมากกว่าอยู่
00:10:17 → 00:10:20 แล้วถูกต้องอ๋ออ่าอย่าลืมว่าทุกวันนี้ที่
00:10:20 → 00:10:22 เรากินๆเนี่ยเนี่ยอาจารย์กินกาแฟเนี่ย
00:10:22 → 00:10:25 เช้าตื่นมาอาจารย์ก็ใส่กดในร่างกายและค่ะ
00:10:25 → 00:10:27 ถูกมั้ยครับแล้วอาจารย์ก็ตามด้วยน้ำ
00:10:27 → 00:10:32 อาจารย์ก็ตามด้วยน้ำดาอ่าอ่าน้ำไม่อย่า
00:10:32 → 00:10:35 บอกน้ำด่างเลยน้ำแร่อย่างเงี้ยแร่ธาตุที่
00:10:35 → 00:10:39 มีแร่ธาตุนะอันเนี้ยมันก็ช่วยปรับสมดุล
00:10:39 → 00:10:42 ของร่างกายทีนี้มันก็มีการศึกษาวิจัยครับ
00:10:42 → 00:10:45 เรื่องของอาหารที่สร้างด่างเนี่ยที่มัน
00:10:45 → 00:10:49 อาจจะมีผลดีกับสุขภาพนะครับพวกพืชผักซะ
00:10:49 → 00:10:52 ส่วนใหญ่พวกอาหารในกลุ่มของ alc foring
00:10:52 → 00:10:57 Food นะเช่นผักใบเขียวนะผักโขมผักคน้านะ
00:10:57 → 00:11:02 เซเลอรี่บเบอรี่นะอ่ะพืชตระกูลกล่ำนะครับ
00:11:02 → 00:11:07 อโวกาโดพืชที่เป็นหัวนะครับเช่นหัวผักกาด
00:11:07 → 00:11:11 หัวไชเท้าหัวแครอทบีดรูดไอ้นี่มีความเป็น
00:11:11 → 00:11:14 ด่างนะอาจารย์พูดถึงพืดหัวปึ๊บนี้เผือกห
00:11:14 → 00:11:17 หัวเผือกหัวมันมาแล้วก็มีความเป็นด่างนะ
00:11:17 → 00:11:20 อ้าวได้ใช่มั้ยออมันก็ให้ความเป็นดงแป้ง
00:11:20 → 00:11:24 แป้งมันจะเยอะเออแล้วก็หัวหอมที่คุณลีชอบ
00:11:24 → 00:11:29 มากจำได้เฮ้ยถอดหายใจหัวหอมกระเทียมเห็น
00:11:29 → 00:11:34 มั้ที่เป็นหัวขิงอออ่าแล้วพืชตระกูลซีตัด
00:11:34 → 00:11:40 ฟรุผลไม้ตระกูลซีตัดฟรุดมะนาวเลมอนส้มอ
00:11:40 → 00:11:43 ค่ะพวกนี้ให้ความเป็นด่างสร้างความเป็น
00:11:43 → 00:11:47 ด่างอ่าให้กับร่างกายทั้งๆที่มันเป็นกรด
00:11:47 → 00:11:49 ถูกต้องแล้วแล้วเมื่อก่อนที่เขาแบบมีส่ง
00:11:49 → 00:11:53 ลายกันมาไงให้กับตอนเช้าอ่ะชอบแบบว่ากิน
00:11:53 → 00:11:57 น้ำมะนาวทุกเช้าเพื่ออ๋อต้านมะเร็งเออๆ
00:11:57 → 00:12:02 อ่าเพราะมันมะเร็งมันชอบในภาวะที่เป็นกรด
00:12:02 → 00:12:05 อืมีการอักเสบเรื้อรังค่ะอ่ามันไม่ชอบ
00:12:06 → 00:12:08 ภาวะที่เป็นด่างอ่าอ่าแต่ไม่ใช่ว่าโอ๊ย
00:12:08 → 00:12:10 กินน้ำมะนาวแล้วฉันไม่เป็นมะเร็งกินน้ำ
00:12:10 → 00:12:13 มะนาวแล้วฉันจะแบบใช่พวกโรคเรื้อรังเนี่ย
00:12:13 → 00:12:16 อาจารย์บอกเลยมันคือมติ factorial
00:12:16 → 00:12:21 Factor มันมีปัจจัยหลายปัจจัยอือ่าในการ
00:12:21 → 00:12:23 ที่จะทำให้เกิดค่ะไอ้ความเป็นกดเป็นด่าง
00:12:23 → 00:12:26 ก็เป็นปัจจัยนึงเท่านั้นเพราะมันหลาย
00:12:26 → 00:12:29 ปัจจัยไงแต่ถามว่าเอ้ยตอนเช้ามาเราดื่ม
00:12:29 → 00:12:33 เอ่อน้ำ 1 แก้วที่อุณหภูมิห้องนะบางคนน้ำ
00:12:33 → 00:12:35 อุ่มเล็กน้อยแล้วคุณบีบมะนาวเข้าไปค่ะนะ
00:12:36 → 00:12:39 ถามว่าดีมั้ยก็ดีมันไม่ได้เสียหายอะไรอ่า
00:12:39 → 00:12:42 เว้นไว้แต่เว้นไว้เสียแต่ว่าคนที่ฟันไอ้
00:12:42 → 00:12:45 นี่ไงอ๋อมันจะเสียฟันกลัวอีนาเมลสารเครือ
00:12:45 → 00:12:49 ฟันหลุดอ๋ออ่าก็แบบเฮ้กินแล้วแบบอุ้ยนะ
00:12:49 → 00:12:52 จี๊ดขึ้นมาอะไรเี้อันนั้นเป็นผลที่เอ่อ
00:12:52 → 00:12:55 แต่ละบุคคลถ้ากินบ่อยๆมันก็อาจจะทำลายสาร
00:12:55 → 00:12:58 เคลือบฟันพวกที่มีความเป็นกรดพวกเนี้ยมัน
00:12:58 → 00:13:00 ก็นะแต่ว่าว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยเฮ้ย
00:13:00 → 00:13:03 เราได้ดื่มน้ำ 1 แก้วตอนเช้าหลังจากที่
00:13:03 → 00:13:06 เราอดมาทั้งคืนฟาสติ้งค่ะปัสสาวะสูญเสีย
00:13:06 → 00:13:09 น้ำออกไปมันก็มีประโยชน์กับร่างกายว่าเ้ย
00:13:09 → 00:13:12 ดื่มน้ำตอนเช้านะแล้วสร้างความเป็นด่าง
00:13:12 → 00:13:15 ให้กับร่างกายอือฮึอันนั้นมันก็ไม่ได้แบบ
00:13:15 → 00:13:17 เสียหายอะไรเหมือนปูรองท้องก่อนด้วยอ่ะ
00:13:17 → 00:13:19 อันน้ำเปล่าเดี๋ยวๆก็ต้องไปดื่มกาแฟซึ่ง
00:13:19 → 00:13:22 เป็นกดอะไเงี้ยถูต้องใช่เลยครับใช่มั้ยคะ
00:13:22 → 00:13:25 อฮมันถึงมันถึงแบบว่าเอ้ยตอนเช้าเหมือน
00:13:25 → 00:13:27 สร้างความเป็นด่างอ่ะหรือบางคนกินน้ำแร่
00:13:27 → 00:13:30 ค่ะก็จบก็ได้ก็ไม่ได้ว่ากันเอาที่เอ่อ
00:13:30 → 00:13:32 สะดวกหรือน้ำที่ไม่ได้ผ่านการกระบวนการ
00:13:33 → 00:13:35 ที่เขาเรียกว่า revere osmosis หรือน้ำ
00:13:35 → 00:13:38 กลั่นน่ะที่เราเอาเครื่องกรองน้ำหรืออะไร
00:13:38 → 00:13:42 ที่บางทีตามหอพักอ่ะมันจะเขียนเลยน้ำ RO
00:13:42 → 00:13:45 อ๋ออันนั้นเนี่ยมันไม่มีแร่ธาตุแลอืมันก็
00:13:45 → 00:13:48 เลยไม่ได้ให้ความเป็นด่างค่ะอ่าอืออ้า
00:13:48 → 00:13:50 แล้วอย่างน้ำเปล่าโดยทั่วไปที่เขาบอกว่า
00:13:50 → 00:13:52 รสชาติมันไม่ได้เหมือนกันหรือว่าผ่าน
00:13:52 → 00:13:54 กระบวนการอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าอันนั้นก็
00:13:54 → 00:13:58 ได้ก็ปกติได้ได้ครับก็มีมีอาจารย์เคยให้
00:13:58 → 00:14:02 นักศึกษาเนี่ยไปเก็บน้ำที่ไม่ใช่น้ำแร่อื
00:14:02 → 00:14:05 น้ำเปล่าโดยทั่วไปเปล่าปกติทั่วไปที่ขาย
00:14:05 → 00:14:09 ตามร้านสะดวกซื้อมาวิเคราะห์ค่าพีก็พบว่า
00:14:09 → 00:14:14 น้ำเปล่าทั่วไปเนี่ยหลายยี่ห้อเลยนะที่มี
00:14:14 → 00:14:18 ความเป็นดางดูซิมี PS อะไรเมั้อ่าเค้าไม่
00:14:18 → 00:14:20 ได้บอกครับอย่างงั้นน่ะงั้นน่ะก็ไม่ได้
00:14:20 → 00:14:23 บอกจะบอกว่าบางทีเราบอกุยอาจารย์น้ำแร่
00:14:23 → 00:14:27 ขวดนึงตั้ง 10 กว่าบาท 15 บาท 12 บาทเรา
00:14:27 → 00:14:30 ซื้อน้ำปกติเนี่ยขวดนึงแค่ 5 บาท 7 บาท
00:14:30 → 00:14:33 ค่ะอ่าฉะนั้นแล้วเนี่ยเราไปซื้อปกติได้
00:14:33 → 00:14:37 มั้ยให้ความเป็นหนักมีครับหลายยี่ห้ออ๋อๆ
00:14:37 → 00:14:40 เพื่อที่อะไรเพื่อที่ว่าเราจะได้รับแร่
00:14:40 → 00:14:42 ธาตุจากน้ำนั้นๆทั้งๆที่เขาไม่ได้เคลมว่า
00:14:42 → 00:14:45 เป็นน้ำแร่นะแต่เขาก็ไปเอามาจาก
00:14:45 → 00:14:49 ในถูกต้องในบอในนู่นนี่นั่นที่มันมีแร่
00:14:49 → 00:14:51 ธาตุแล้วก็ผ่านกระบวนการต่างๆโดยที่ไม่
00:14:51 → 00:14:55 ใช่รเวอ M ที่กรองแร่ธาตุออกไปอืคือก็ไม่
00:14:55 → 00:14:57 ได้หมายความว่าเอาแร่ธาตุเข้ามาเต็มๆแต่
00:14:57 → 00:15:00 คือมันก็ต้องสกัดเอาสิ่งที่ว่าสิ่งสกปก
00:15:00 → 00:15:03 อ่าไอ้พวกมันตกค้างที่ไม่ดีกับสุขภาพ
00:15:03 → 00:15:06 อย่างเงี้ยเอาออกไปงั้นแล้วเนี่ยมันก็ทำ
00:15:06 → 00:15:10 ให้น้ำปกติหลายยี่ห้อที่เจอเนี่ย 3
00:15:10 → 00:15:13 ยี่ห้อที่ในตรวจนะก็ถือว่าเยอะนะเป็น
00:15:13 → 00:15:15 ยี่ห้อทั่วไปที่คนกินกันอยู่นี่แหละก็แบบ
00:15:15 → 00:15:18 เอ๊ะทำไมกินน้ำยี่ห้อนี้แล้วหวานจังเออรส
00:15:18 → 00:15:21 ชาติไม่มมันมีแร่ธาตุเฉพาะของมันแล้วแต่
00:15:21 → 00:15:24 แหล่งที่เขาไปขุดไปเจาะมาทำไมไม่เห็นเคย
00:15:24 → 00:15:27 รู้สึกอะไรเลยน้ำเปล่าก็คือน้ำเปล่างั้น
00:15:27 → 00:15:30 แล้วเนี่ยมันก็จะมีแร่ธาตุแฝงอยู่พวก
00:15:30 → 00:15:32 เนี้ยมันก็ให้ความเป็นด่างแล้วแล้ว
00:15:32 → 00:15:34 ประโยชน์เนี่ยนะสำหรับพวกด่างเนี่ย
00:15:34 → 00:15:37 อาจารย์บอกเลยมันมีงานวิจัยออกมานะหลาก
00:15:37 → 00:15:40 หลายด้านเลยนะมีงานวิจัยนึงเพบว่าอาหาร
00:15:40 → 00:15:43 ที่มีฤทธิ์เป็นด่างหรืออาหารที่สร้างด่าง
00:15:43 → 00:15:45 ให้กับร่างกายเนี่ยช่วยปรับสมดุลใน
00:15:45 → 00:15:48 กระเพาะอาหารแล้วช่วยลดภาวะกดไหลย้อนได้
00:15:48 → 00:15:51 อือ่านะแล้วอาจจะดีในแง่ของเรื่องของคน
00:15:51 → 00:15:55 ที่เป็นกดไหลย้อนนะครับและงานวิจัยนึงนะ
00:15:55 → 00:15:57 อันนี้ตีพิมพ์ลงในวรสารวิชาการต่างประเทศ
00:15:57 → 00:16:01 เพบว่าอาหารที่มีผลเป็นด่างช่วยลดการขับ
00:16:01 → 00:16:04 แคลเซียมออกจากปัสสาวะและรักษาความหนา
00:16:04 → 00:16:07 แน่นของมวลกระดูกได้ดีกว่าอาหารเป็นกรด
00:16:07 → 00:16:10 อุ้ยกินทันมั้ยอ่ะตอนเนี้ยเหมือนเรากิน
00:16:10 → 00:16:13 กาแฟอ่ะคณรู้ใช่มยมันมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
00:16:13 → 00:16:15 ขับแคลเซียมนะใช่แคลเซียมออกมาแล้วอ่าอัน
00:16:15 → 00:16:18 นั้นเป็นข้อที่มันเป็นสิ่งที่ต้องพึง
00:16:18 → 00:16:20 ระวังในกาแฟกาแฟมีสารที่มีประโยชน์สำหรับ
00:16:21 → 00:16:23 ร่างกายเยอะในขณะเดียวกันมันก็มีข้อพึง
00:16:23 → 00:16:26 ระวังอยู่ที่เราต้องพึงระวังเราก็เลยต้อง
00:16:26 → 00:16:29 เติมความเป็นดัเข้าไปให้มันถูกเราก็เติม
00:16:29 → 00:16:30 คววามเป็นด่างเข้าไปอย่างเงี้ยเพราะมัน
00:16:30 → 00:16:34 ไม่มีอาหารอะไรที่แบบโดีที่สุดหรืออาหาร
00:16:34 → 00:16:38 อะไรที่แย่ที่สุดนะมันก็มีข้ออประโยชน์
00:16:38 → 00:16:40 และสิ่งที่เป็นสิ่งที่เราต้องพึงระวัง
00:16:41 → 00:16:43 อย่างเงี้ยเราก็รู้แล้วว่าแบบเฮ้ยถ้าเรา
00:16:43 → 00:16:46 กินอาหารที่มีความเป็นกรธมากมันก็จะขับ
00:16:46 → 00:16:48 สลายแคลเซียมที่กระดูกออกมาอย่างเงี้ย
00:16:48 → 00:16:51 แล้วเรากินด่างมันก็ลดการขับนี่ตรงมาตรง
00:16:51 → 00:16:54 ไปที่มีงานวิจัยพิสูจน์ออกมานะครับและยัง
00:16:54 → 00:16:57 มีงานวิจัยที่พบว่าอาหารที่มีด่างสูงช่วย
00:16:57 → 00:17:02 ลดการอักเสบเรื้อรังต้นเหตุของโรคเรื้อ
00:17:02 → 00:17:04 รังที่ก่อให้เกิดการอักเสบไม่ว่าจะเป็น
00:17:04 → 00:17:08 หัวใจมะเร็งเบาหวานโรคข้ออักเสบนะเพรา
00:17:08 → 00:17:11 แล้วผลการวิจัยเนี่ยเบ่งชี้เลยอาหารที่มี
00:17:11 → 00:17:13 ิเป็นกดจะไปเพิ่มสารเคมีที่กระตุ้นการ
00:17:13 → 00:17:16 อักเสบเรื้อรังในร่างกายอ๋อเพราะอาหาร
00:17:16 → 00:17:18 เป็นด่างดีกว่าถูกต้องย้ำอีกทีได้มั้ยคะ
00:17:18 → 00:17:22 อาจารย์อาหารที่แบบมีความเป็นด่างเยอะๆก็
00:17:22 → 00:17:25 พืชผักพืชผักผักใบเขียวเมื่อกี้ที่บอกผัก
00:17:25 → 00:17:29 ใบเขียวที่อาจารย์บอกนะจะเป็นเอ่อผักโขม
00:17:29 → 00:17:32 นะผักคะน้านะครับซาลารี่ซาลารี่
00:17:32 → 00:17:36 บล็อกเคอรี่กะหล่ำดอกกะหล่ำปีอโวกาโดนะ
00:17:36 → 00:17:40 หัวผักกาดหัวไชเท้าแครอทบีดรูดหัวหอมหัว
00:17:40 → 00:17:44 กระเทียมพืชตระกูลส้มมะนาวหิงค่าได้หมด
00:17:44 → 00:17:47 ได้หมดใช่ที่เป็นพืูแล้วมันก็จะสร้างความ
00:17:47 → 00:17:51 เป็นด่างให้กับร่างกายของเรามันก็ช่วยลด
00:17:51 → 00:17:54 ปัญหาคนที่ชอบเป็นกดไลย้อนคนที่แบบกระดูก
00:17:54 → 00:17:57 เราเราเน้นในเชิงของการป้องกันนะค่ะอ่า
00:17:57 → 00:18:00 ไม่ใช่แบบเฮ้ยกระดูกบางแล้วจะไปนั่งกิน
00:18:00 → 00:18:03 อาหารเหล่านี้เพื่อให้กระดูกหนาเไม่ใช่
00:18:03 → 00:18:08 เราป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาอือ่าแล้ว
00:18:08 → 00:18:10 แล้วเาถึงบอกไงว่าการรักษาที่ดีนั้นคือ
00:18:10 → 00:18:14 การรักษาสุขภาพไม่ใช่รักษาโรคเราก็ต้อง
00:18:14 → 00:18:17 รักษาสุขภาพไว้ก่อนค่ะจำไว้เลยสุขภาพคือ
00:18:17 → 00:18:21 ภาพของความสุขอ่างั้นแล้วเราต้องรักษา
00:18:21 → 00:18:24 สุขภาพฮะอย่าปล่อยให้เป็นโรคแล้วมานั่ง
00:18:24 → 00:18:26 ฟังอาจารย์กับคุณลีพูดแล้วแอุ๊ยเดี๋ยวฉัน
00:18:26 → 00:18:28 ต้องไปกินไอ้พืชเหล่านี้เพื่อให้หายเนี่ย
00:18:28 → 00:18:30 แล้วไปบอกคุณคุณหมอคะเคคบอกให้กินวันนี้
00:18:30 → 00:18:33 เราไม่ได้พูดถึงการรักษาโรคแต่เรารักษา
00:18:33 → 00:18:35 สุขภาพตั้งแต่วันนี้แหละก่อนที่จะเป็นโรค
00:18:35 → 00:18:38 กระดูกเริ่มบางเราก็ป้องกันไม่ให้มันมัน
00:18:38 → 00:18:41 มีอาการของโรคมากขึ้นถูกมั้ยครับเราชะลอ
00:18:41 → 00:18:45 ไงชะลอความเสื่อมของกระดูกต่างๆอย่าง
00:18:45 → 00:18:48 เงี้ยมันก็ช่วยได้หรือลดการอักเสบได้จาก
00:18:48 → 00:18:50 อาหารที่เป็นด่างแล้วอาหารที่มีฤทธิ์เป็น
00:18:50 → 00:18:53 ด่างเนี่ยสามารถเสริมสร้างการทำงานของ
00:18:53 → 00:18:56 เม็ดเลือดขาวได้ด้วยแล้วแล้วเสริมภูมิ
00:18:56 → 00:19:00 คุ้มกันเมีการศึกษาวิจัยเลยว่าภาวะความ
00:19:00 → 00:19:02 เป็นกรดจะทำให้เชื้อไวรัสบุกลุกเข้าเซลล์
00:19:02 → 00:19:06 ได้ง่ายแต่ถ้าเรามีความเป็นด่างค่ะมันก็
00:19:06 → 00:19:08 บุกลุกได้ยากมันก็ช่วยในการเสริมภูมิคุ้ม
00:19:08 → 00:19:13 กันเราเราก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติด
00:19:13 → 00:19:16 เชื้อหรือเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายเป็นวง
00:19:16 → 00:19:18 เป็นวัดอแล้วอาหารสร้างด่างมันเลยมี
00:19:18 → 00:19:21 ประโยชน์กับสุขภาพร่างกายของเรานะช่วยใน
00:19:21 → 00:19:24 การทำงานของเมดเลิศขาวแล้วอันนี้น่าสนใจ
00:19:24 → 00:19:27 เขาตีพิมพ์ลงในวสาร Human nutrition and
00:19:27 → 00:19:30 dietetic บอกว่าการรับประทานอาหารที่มี
00:19:30 → 00:19:34 ฤทธิ์เป็นด่างอาจช่วยควบคุมการเผาผลาญของ
00:19:34 → 00:19:38 ร่างกายและควบคุมน้ำหนักตัวได้ครับอูยอัน
00:19:38 → 00:19:41 นี้ชอบเขาเปรียบเทียบเลยผู้ที่ทานอาหาร
00:19:41 → 00:19:44 ที่มีความเป็นดังงสูงมักมีน้ำหนักตัวที่
00:19:44 → 00:19:46 สมดุลและมีระดับไขมันในร่างกายต่ำกว่า
00:19:46 → 00:19:49 เห็นมั้ยครับออ่าแต่อาจารย์ไม่ได้บอกนะ
00:19:49 → 00:19:52 ว่ากินอาหารดั่งแล้วจะไปลดความอ้วนอื
00:19:52 → 00:19:54 คุณลีเข้าใจมั้ยอ่างั้นแล้วฉันน้ำหนัก
00:19:55 → 00:19:57 ปกติอ่ะแต่ฉันเลือกรับประทานอาหารที่ช่วย
00:19:57 → 00:19:59 ให้ร่างกายเป็นด่างฉันควบคุมน้ำหนักตัว
00:19:59 → 00:20:03 ได้ดีกว่าอีกคนนึงที่ชอบกินกรดจริงๆแล้ว
00:20:03 → 00:20:06 อ่ะอาหารสร้างกรดอ่ะส่วนใหญ่แล้วมันจะ
00:20:06 → 00:20:09 เป็นจังฟฟาสฟู้ดเห็นมครับมันก็อาจจะ
00:20:09 → 00:20:11 เกี่ยวเนื่องเชื่อมยใช่ฉะนั้นแล้วเรากิน
00:20:12 → 00:20:15 พืกผัดผลไม้มันมีความเป็นด่างแต่มันไม่
00:20:15 → 00:20:16 ไอ้ความเป็นด่างนั้นน่ะมันเกิดมาจากอะไร
00:20:16 → 00:20:19 มันเกิดมาจากแร่ธาตุที่อยู่ในพืชผักผลไม้
00:20:19 → 00:20:23 นะแล้วก็พวกไฟเบอร์พวกพรีไบโอติกที่อยู่
00:20:23 → 00:20:25 ในพืชผักผลไม้ก็มีส่วนช่วยได้อารแล้ว
00:20:25 → 00:20:29 อย่างพวกผักที่มันแบบเอ่อมีและทัความเป็น
00:20:29 → 00:20:31 ด่าหรืออะไรพวกเพอมันถูกเอาไปปรุงเอาไป
00:20:31 → 00:20:34 ทอดผัดต้มนึ่งหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ย
00:20:35 → 00:20:38 มันธาตุเออความร้อนหรือกระบวนการปุง
00:20:38 → 00:20:41 ประกอบอาหารมักจะมีผลทำให้แร่ธาตุเนี่ย
00:20:41 → 00:20:46 อาจจะหายไปบางตัวหายไปบางตัวก็ยังคงความ
00:20:46 → 00:20:49 ความร้อนได้อยู่เหมือนแคลเซียมที่เรากิน
00:20:49 → 00:20:52 นมอ่ะค่ะผ่านการฆ่าเชื้อบรรจุเอาไว้อยู่
00:20:52 → 00:20:56 ในกล่องใช่มครับอ่าพจรเซรอะไรแคลเซียมก็
00:20:56 → 00:20:59 ยังอยู่อ่าแมกนีเซียมก็ยังอยู่อย่างเงี้ย
00:20:59 → 00:21:02 ไอ้ตัวให้ความเป็นด่างอย่างเงี้ยมันก็ยัง
00:21:02 → 00:21:05 มันก็ยังมีอยู่แต่วิตามินส่วนใหญ่วิตามิน
00:21:05 → 00:21:08 เนี่ยมันก็จะสูญหายไปนะแต่ความเป็นด่าง
00:21:08 → 00:21:10 มันจะเป็นพวกแร่ธาตุพวกอิเล็กโตรไลต์
00:21:10 → 00:21:14 เนี่ยจะเป็นตัวหลักเลยนะนอกจากนี้ครับยัง
00:21:14 → 00:21:16 มีงานวิจัยอีกนะงานวิจัยถึงบอกเลยว่า
00:21:16 → 00:21:19 เรื่องของอาหารเป็นด่างเนี่ยเยอเยอะเยอะ
00:21:19 → 00:21:21 ครับแล้วบางคนบอกว่าเฮ้ยมันเป็นแค่ความ
00:21:21 → 00:21:24 เชื่อสมัยก่อนมันอาจจะเป็นความเชื่อนะแต่
00:21:24 → 00:21:27 เดี๋ยวเนี้ยมันเป็นทฤษฎีมันไม่ใช่แค่แนว
00:21:27 → 00:21:30 คิดทฤษฎีมันมันถูก approve ด้วย evidence
00:21:30 → 00:21:32 Base ด้วยการศึกษาวิจัยนะอีกหนึ่งงาน
00:21:32 → 00:21:35 วิจัยบอกอาหารที่ทำให้ร่างกายมีภาวะเป็น
00:21:35 → 00:21:39 ด่างเนี่ยช่วยปรับสมดุล PS นะของเลือดและ
00:21:39 → 00:21:43 เซลล์ด้วยนะในร่างกายอ่าซึ่งอาจจะช่วย
00:21:43 → 00:21:46 ป้องกันโรคเรื้อรังเบาหวานหัวใจมะเร็งได้
00:21:46 → 00:21:49 อือ่าคือเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซออาจารย์บอก
00:21:49 → 00:21:51 อย่างงี้แล้วกันมันไม่ใช่แบบอุ๊ยคุณกิน
00:21:51 → 00:21:54 อาหารด่างแล้วคุณแบบอ้าไหนบอกไม่เป็นเลย
00:21:54 → 00:21:56 แต่มันอาจจะเกินต้านก็ได้ถ้าคุณกินหวาน
00:21:56 → 00:22:00 มากถ้าคุณแบบนอนดึกอือย่างเงี้ยถ้าคุณไม่
00:22:00 → 00:22:04 ค่อยออกกำลังกายถ้าคุณเครียดนึกออกมั้ย
00:22:04 → 00:22:05 ครับมันมีหลายปัจจัยอ่ะมันไม่ใช่แบบ
00:22:05 → 00:22:08 เรื่องเดียแต่อันมันเป็นปัจจัยนึงนะและ
00:22:08 → 00:22:10 อีกหนึ่งงานวิจัยที่อันนี้น่าสนใจสำหรับ
00:22:10 → 00:22:13 วัยทำงานคืออาหารที่มีฤทเป็นด่างเนี่ยผัก
00:22:14 → 00:22:18 ผลไม้นะผักไปเขียวที่จะบอกช่วยลดอาการ
00:22:18 → 00:22:21 เหนื่อยร้าโอของร่างกายได้อันนี้ต้องการ
00:22:21 → 00:22:24 มากๆเลยอ่าั้นแล้วกินอาหารสร้างด่าง
00:22:24 → 00:22:26 อาจารย์มองว่ามันอาจจะเป็นพวกมิเนอรัลแร่
00:22:26 → 00:22:28 ท่งแร่ธาทั้งหลายแหละมันก็ช่วยทำทำให้
00:22:28 → 00:22:31 อาการเหนื่อยร้าเนี่ยลดน้อยลงอือ่าทำให้
00:22:31 → 00:22:34 เราแบบไม่เพลียง่ายอย่างเงี้ยแล้ว
00:22:34 → 00:22:37 ประโยชน์ของอาหารที่สร้างความเป็นด่างให้
00:22:38 → 00:22:40 กับร่างกายเนี่ยโหมีเยอะมากมายเลยโอหน่า
00:22:41 → 00:22:43 สนใจมากอย่าต้องหลังไมกอาจารย์ด้วยแหละ
00:22:43 → 00:22:47 เพราะว่าทุกวันนี้คือต้องอาศัยซุปไก่อ่า
00:22:47 → 00:22:51 ตอนเช้าเพื่อให้แบบว่าเฟซกาแฟเข้าไปอีก
00:22:51 → 00:22:53 จริอ่าจริงๆแล้วเราปรับเปลี่ยนที่
00:22:53 → 00:22:56 ไลฟ์สไตล์ของเราไงไอ้การแพทย์ปัจจุบันที่
00:22:56 → 00:22:58 เป็นเวชศาสตร์วิถีชีวิตหรือที่เรียกว่า
00:22:58 → 00:23:02 ไสล Medicine น่ะยาจากการใช้ชีวิตของเรา
00:23:03 → 00:23:07 วิถีชีวิตของเรานี่แหละอค่ะมันตอบโจทย์
00:23:07 → 00:23:10 เพราะมันเกาได้ถูกที่คันไงอืคนเราชอบแบบ
00:23:10 → 00:23:13 ว่าโอ๊ยเนี่ยนอนดึกแล้วมันจะตื่นมาอึนๆอ
00:23:13 → 00:23:15 เดี๋ยวกินซุปไก่มันช่วยได้อ่ะถามว่ามี
00:23:16 → 00:23:18 ประโยชน์มมีแหละแต่ทำไมคุณไม่นอนให้เร็ว
00:23:18 → 00:23:22 ขึ้นเออนึกออกมั้ยครับเออเออมันมันงดดู
00:23:22 → 00:23:25 ซีรีส์งดดูเล่นเกมอะไรใดๆเราก็ต้องแบบ
00:23:26 → 00:23:28 พยายามเนาะมันดูได้แหละแต่มันอาจจะมีขีด
00:23:28 → 00:23:30 จำกัดอ่ะเต็มที่ 23:00 นนะแต่ไม่ใช่
00:23:30 → 00:23:33 เที่ยง 1:00 น 2:00 นแล้วก็เช้าตื่นมา
00:23:33 → 00:23:35 ปุ๊บโอ้โหตาเป็นหมีแพนด้าแล้วก็ต้องมาอัด
00:23:35 → 00:23:38 กาแฟให้คาเฟอีนมันช่วยต่อหมวกไตต้องแบบทำ
00:23:38 → 00:23:41 งานหนักๆๆๆจนมันล้าอย่างเงี้ยงั้นแล้ว
00:23:41 → 00:23:44 เนี่ยถ้าเราแก้ที่ไลฟ์สไตล์ของเราอ่ะอาฮะ
00:23:44 → 00:23:47 มันก็ช่วยทั้งหมดทั้งกระบวนการต้องถึงบอก
00:23:47 → 00:23:50 ว่ารักษาสุขภาพย่อมดีกว่าการรักษาโรคแต่
00:23:50 → 00:23:52 บางอย่างมันยังไม่เป็นโรคไงคุณรีบอกว่า
00:23:52 → 00:23:55 เ้ยยังไม่เป็นน่ะก็อย่าเป็นสิอย่าเพิ่ง
00:23:55 → 00:23:57 ให้มันเป็นอย่าเพิ่งให้มันเป็นเออแล้วพอ
00:23:57 → 00:24:00 รอเป็นแล้วก็ต้องต้องมานั่งแก้หาสมุนไพร
00:24:00 → 00:24:03 แก้เบาหวานหาสมุนไพรแก้ความดันหาอาหาร
00:24:03 → 00:24:06 เสริมนู่นนี่นั่นออ่าฮะอ่า
00:24:06 → 00:24:09 สารพัดยาวิเศษไม่มีในโรคยังไม่อยากกินยา
00:24:09 → 00:24:11 เป็นอาหารปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนี่แหละกิน
00:24:11 → 00:24:15 อาหารเป็นยานี่แหละนะก็จะช่วยให้เราเนี่ย
00:24:15 → 00:24:17 สุขภาพดีแล้วก็อายุยืนยาวได้อย่างมี
00:24:17 → 00:24:20 คุณภาพไปปับเปลี่ยนวิถีชีวิตกันค่ะยังไม่
00:24:20 → 00:24:24 ใสเกินไปยังทำได้อยู่ตราบใดที่ต้องมีสติ
00:24:24 → 00:24:27 นะคะตลอดเวลานะคะอ่าก็อันนี้ก็เป็นสิ่ง
00:24:27 → 00:24:29 ที่อาจารย์เอกแนะนำคุณผู้ฟังกันไว้นะคะ
00:24:29 → 00:24:32 อาหารอังคายได้รู้จักกันไปแล้วนะคะขอบคุณ
00:24:32 → 00:24:35 ค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะสวัสดีครับหมดเวลา
00:24:35 → 00:24:37 แล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับ
00:24:37 → 00:24:39 รายการโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะ
00:24:39 → 00:24:43 วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is Thai
00:24:43 → 00:24:46 PBS podcast การเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ
00:24:46 → 00:24:49 ไหนให้ประสิทธิภาพกันแดดได้ดีกว่า SPF
00:24:49 → 00:24:51 ที่เหมาะกับไทยตัวเลขควรอยู่ที่เท่าไหร่
00:24:51 → 00:24:54 แพทย์หญิงไดแอร์เหทยแพทย์ด้านผิวหนังและ
00:24:54 → 00:24:58 ความงามมาเล่าให้ฟังครับในการที่เราจะดู
00:24:58 → 00:25:01 แลผิวเราก็ควรที่จะต้องทาครีมกันแดดเพื่อ
00:25:01 → 00:25:06 โทคไม่ให้ตัวแดดเนี่ยมันมาทำให้ตัวผิวของ
00:25:06 → 00:25:09 เราเนี่ยเกิดอาการ Burning ในส่วนของตัว
00:25:09 → 00:25:11 ครีมกันแดดถ้าถามตัวที่ดีนะปัจจุบันก็
00:25:12 → 00:25:14 ต้องยอมรับว่าตัว physical sunskin ก็
00:25:14 → 00:25:16 ยังเป็นตัวที่ดีที่สุดที่มีส่วนประกอบของ
00:25:16 → 00:25:19 พวกซิงค์ออกไซด์กับไทเทเนียมไดออกไซด์จะ
00:25:20 → 00:25:22 ช่วยเป็นตัวที่สะท้อนเอฟเฟคของแสงที่ตก
00:25:22 → 00:25:25 กระทบมาตรงที่ผิวหนังของเราเนี่ยให้มัน
00:25:25 → 00:25:28 สะท้อนกลับออกไปไม่ซึมลงมาใต้ผิวหนังส่วน
00:25:28 → 00:25:30 ส่วนถ้ามันเป็นพวกกลุ่ม Chemical
00:25:30 → 00:25:32 sunscreen ต่างๆเนี่ยตัวนี้มันจะทำให้
00:25:32 → 00:25:35 เนื้อครีมอ่ะมันดูบางลงแล้วใช้ได้สบาย
00:25:35 → 00:25:38 ขึ้นตัวนี้ก็ยังต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพ
00:25:38 → 00:25:40 ในการกันแดดก็จะเบากว่าตัว physical
00:25:40 → 00:25:43 sunscreen อยู่ดีถ้าเราทาแค่บางๆนิด
00:25:43 → 00:25:45 เดียวเนี่ย SPF มันไม่ถึงกับที่เขียนไว้
00:25:46 → 00:25:49 ในหน้าหลอดอยู่แล้วปริมาณที่ต้องการการทา
00:25:49 → 00:25:52 ก็คือทาประมาณ 2 ข้อนิ้วชี้เนี่ยค่ะมันก็
00:25:52 → 00:25:55 จะช่วยทำให้ SPF ที่เขียนเอาาไว้ตรงหน้า
00:25:55 → 00:25:58 หลอดก็จะเท่ากับตัวปริมาตรที่เราใช้อาจจะ
00:25:58 → 00:26:01 เหมือนหนานิดนึงถ้าทาจริงๆหมองว่ามันก็
00:26:01 → 00:26:03 ประมาณ 2 รอบถึง 3 รอบได้อ่ะจริงๆแล้วการ
00:26:04 → 00:26:07 กันแดดถ้าจะให้โทคได้ดีจริงๆเนี่ยมันอาจ
00:26:07 → 00:26:11 จะต้องมีเรื่องของชนิดของมันปริมาณในการ
00:26:11 → 00:26:15 ทาแล้วก็ระยะเวลาในการทาถ้าเราทาปริมาน
00:26:15 → 00:26:18 ได้เพียงพอนะคะสำหรับแดดโดยทั่วไปใน
00:26:18 → 00:26:21 ปัจจุบันน่ะเกิน 30-50 กว่าๆเนี่ยก็ถือ
00:26:22 → 00:26:25 ว่าโอเคในสำหรับแดดนะปกติในวันธรรมดา
00:26:25 → 00:26:28 เพราะว่า SPF ที่สูงโอเวอร์จนเกินไปสาร
00:26:29 → 00:26:31 เคมีพวกนั้นอาจจะทำให้เกิดการแพ้ของผิว
00:26:32 → 00:26:35 ตามมาได้คือจริงๆแล้วถ้าเอาให้ดีที่สุดก็
00:26:35 → 00:26:38 ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นกลุ่มเนื้อครีม
00:26:38 → 00:26:40 กลุ่มเนื้อโลชั่นอยู่แล้วแต่เดี๋ยวนี้
00:26:40 → 00:26:43 ต้องยอมรับว่ากันแดดในผลิตภัณฑ์ต่างๆเย
00:26:43 → 00:26:46 ค่ะเขาก็พยายามจะทำให้ความเหนอะของของ
00:26:46 → 00:26:49 สิ่งเนี้ยเบาลงแต่ก็ยังได้ประสิทธิภาพ
00:26:49 → 00:26:52 อยู่ก็มีเหมือนกันเขาก็จะคบายกันกับ 2
00:26:52 → 00:26:54 อย่างแต่ถ้าถามว่าเป็นลักษณะแบบไหนก็ต้อง
00:26:54 → 00:26:57 ยอมรับว่าครีมกับโลชั่นเ่ะก็ยังดีกว่า
00:26:57 → 00:26:59 กลุ่มที่เป็นสเปรยจริงๆแล้วต้องยอมรับ
00:27:00 → 00:27:02 ก่อนว่าเสื้อผ้าทุกอย่างที่ Cover อยู่บน
00:27:02 → 00:27:05 ผิวเนี่ยอมันเป็นตัวที่ป้องกันไม่ให้แสง
00:27:05 → 00:27:09 ลงมาถึงผิวโดยตรงถ้าเป็นสีขาวก็ต้องยัง
00:27:09 → 00:27:11 ว่ามันโปร่งแสงลงมาเพราะฉะนั้นเนี่ยแสง
00:27:11 → 00:27:14 แดดเนี่ยมันก็จะวิ่งมาตกกระทบในผิวของเรา
00:27:14 → 00:27:16 จริงๆได้เยอะกว่าสีที่เป็นสีเข้มอย่าง
00:27:16 → 00:27:20 เช่นสีดำทีนี้มีอีกอันนึงก็คือจะเป็น
00:27:20 → 00:27:23 คล้ายๆกับวิตามินกินเพื่อเขาเรียกว่าเป็น
00:27:23 → 00:27:26 เฟิร์นบล็อกเป็นเหมือนวิตามินที่สกัดขึ้น
00:27:26 → 00:27:30 มาเพื่อมันให้มันมีสุแิออกซินใน 1 นั้น
00:27:30 → 00:27:32 กินเพื่อให้บล็อกกันแดดได้นวัตกรรมตัว
00:27:32 → 00:27:36 เนี้ยถ้าถามตรงๆตัวครีมกันแดดมันค่อนข้าง
00:27:36 → 00:27:40 ที่จะถูกต้องและ directly กว่าอืแต่ตัวเ
00:27:40 → 00:27:43 เราใช้เป็นเหมือนตัวเสริมก็ได้ถ้าเกิดว่า
00:27:43 → 00:27:45 เรารู้สึกว่าเออวันนี้เราจะไปเหมือนโดน
00:27:45 → 00:27:49 แดดที่มันมากกว่า
00:27:49 → 00:27:53 ปกติ This Is Thai PBS
00:27:53 → 00:27:56 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:27:56 → 00:27:58 podcast ได้ทางเว็บ
00:27:58 → 00:28:13 www.thaipbs.or.th
00:28:13 → 00:28:16 [เพลง]