00:00:04 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:25 [เพลง]
00:00:25 → 00:00:28 กิจกรรมวันนอนหลับโลก World Sleep Day
00:00:28 → 00:00:32 หลับสบายหายใจดีชีวีมีสุขจัดขึ้นด้วย
00:00:32 → 00:00:34 วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เขาอบรมเข้าใจถึง
00:00:34 → 00:00:38 ความสำคัญของการนอนหลับรู้จักความผิดปกติ
00:00:38 → 00:00:41 ที่เกิดขึ้นขณะหลับที่พบบ่อยเช่นโรคนอน
00:00:41 → 00:00:44 กรนหยุดหายใจโรคนอนไม่หลับและสามารถแก้ไข
00:00:45 → 00:00:47 ปัญหาเบื้องต้นแก่ตนเองหรือคนรอบข้างที่
00:00:47 → 00:00:50 มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับได้
00:00:50 → 00:00:52 เพื่อได้ตระหนักถึงอาการที่ควรต้องเข้า
00:00:52 → 00:00:55 รับการปรึกษาและรักษาอย่างถูกต้องและ
00:00:55 → 00:00:58 เหมาะสมซึ่งในวันนี้รายการเล็กๆเปลี่ยน
00:00:58 → 00:01:01 โลกยังคงนำเสนอเการบรรยายจากการจัด
00:01:01 → 00:01:04 กิจกรรมวันนอนหลับโลก World Sleep Day
00:01:04 → 00:01:08 หลับสบายหายใจดีชีวีมีสุขเป็นตอนที่ 2
00:01:08 → 00:01:10 ซึ่งมีหัวข้อการบรรยายและเสวนาจำนวน 3
00:01:10 → 00:01:15 หัวข้อได้แก่ 1 นอนกรนหยุดหายใจสาเหตุการ
00:01:15 → 00:01:18 วินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนการรักษาแบบไม่ผ่า
00:01:18 → 00:01:23 ตัด 2 นอนกรนหยุดหายใจการรักษาด้วยการผ่า
00:01:23 → 00:01:26 ตัดและ 3 สร้างเสริมสุขอนามัยการนอนหลับ
00:01:27 → 00:01:29 ศูนย์นิลักษณ์ศิริราชโรงพยาบาลศิริราช
00:01:29 → 00:01:32 ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาจาก
00:01:32 → 00:01:36 การนอนหลับโดยที่เป็นการร่วมมือของหน่วย
00:01:36 → 00:01:39 งานต่างๆหลายๆสาขาวิชาชีพนะคะไม่ว่าจะ
00:01:39 → 00:01:42 เป็นในเรื่องของอายุรแพทย์สาขาโรคระบบการ
00:01:42 → 00:01:46 หายใจนะคะอายุรแพทย์สาขาปราสาทวิทยารวมไป
00:01:46 → 00:01:50 เนถึงภาควิชาโสดนาสิกลลิงนะคะแล้วก็มีภาค
00:01:50 → 00:01:53 วิชากุมารภาควิชาจิตเวชทันตกรรมก็มาร่วม
00:01:53 → 00:01:56 กับเรานะคะวิสัญญีรวมไปจนถึงภาควิชา
00:01:57 → 00:02:00 สรีรวิทยานะคะเพื่อให้การดูแลผู้ผู้ป่วย
00:02:00 → 00:02:02 มีความเป็นองค์รวมมากที่สุดเพื่อผล
00:02:02 → 00:02:05 ประโยชน์ของคนไข้
00:02:05 → 00:02:09 ค่ะช่วงแรกพบกับการบรรยายในหัวข้อนอนกรน
00:02:09 → 00:02:14 หยุดหายใจสาเหตุการวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อน
00:02:14 → 00:02:16 การรักษาแบบไม่ผ่าตัดโดยอาจารย์แพทย์หญิง
00:02:16 → 00:02:20 พิมลรัตนาอัมภวันจากสาขาโรคระบบการหายใจ
00:02:20 → 00:02:23 และวัณโรคภาควิชาอายุรศาสตร์คณะ
00:02:23 → 00:02:27 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัย
00:02:27 → 00:02:30 มหิดลวันนี้ที่จะพูดในเรื่องของกรนนะคะ
00:02:30 → 00:02:33 กรนที่ไม่ธรรมดาเพราะว่าถ้ากรนธรรมดาก็คง
00:02:33 → 00:02:36 ไม่เอามาพูดกันนะคะก็ขอย้ำอีกรอบนึงนะคะ
00:02:36 → 00:02:39 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยการนอนไม่ได้มีความ
00:02:39 → 00:02:42 สำคัญยิ่งหย่อนไปกว่าอาหารและก็การออก
00:02:42 → 00:02:44 กำลังเลยนะคะเพราะว่าไม่งั้นเราจะไม่ใช้
00:02:44 → 00:02:47 เวลาไปอย่างน้อย 1 ใน 3 ของชีวิตคนละปกติ
00:02:47 → 00:02:50 24 ชมงเนี่ยก็จะนอนประมาณ 8 ชมโดยประมาณ
00:02:50 → 00:02:53 ที่ว่า 7-9 โดยเฉลี่ยนะคะก็มันก็เลยมี
00:02:53 → 00:02:56 ความสำคัญมากๆเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกาย
00:02:56 → 00:02:59 เรามีความแข็งแรงสุขภาพดีทั้งกายและใจได้
00:02:59 → 00:03:02 นะคะการนอนที่ดีประกอบไปด้วยอะไรบ้างนะคะ
00:03:02 → 00:03:04 การนอนที่ดีก็ต้องมีทั้งไม่ว่าจะเป็น
00:03:04 → 00:03:06 เรื่องอะไรก็แล้วแต่นะคะเวลาเราพูดถึง
00:03:06 → 00:03:08 อะไรที่ดีๆก็ต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพ
00:03:08 → 00:03:11 ควบคู่กันไปการนอนการนอนหลับก็เช่นเดียว
00:03:11 → 00:03:14 กันนะคะก็ต้องมีทั้งในเรื่องของปริมาณที่
00:03:14 → 00:03:17 เพียงพอนะคะสำหรับวัยผู้ใหญ่ก็อย่างที่
00:03:17 → 00:03:19 บอกกันก็คือค่าเฉลี่ยมันอยู่เท่านี้แต่
00:03:19 → 00:03:22 แต่ละคนจะต้องการเท่าไหร่เป็นเรื่องของ
00:03:22 → 00:03:25 แต่ละบุคคลนะคะบางคนนอน 5 ช่วโมงแล้ว
00:03:25 → 00:03:27 แฮปปี้ดีตื่นมามีคุณภาพชีวิตไม่มีความ
00:03:27 → 00:03:29 ง่วงนอนอันนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเคแต่บาง
00:03:29 → 00:03:31 บางคนอาจจะต้องการมากกว่า 9 ชั่วโมงอัน
00:03:31 → 00:03:32 นั้นก็เป็นเรื่องของเขาเหมือนกันเพราะ
00:03:32 → 00:03:35 ฉะนั้นแต่ละคนจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่า
00:03:35 → 00:03:38 เราต้องการการนอนที่กี่ชั่วโมงนะคะแล้วก็
00:03:38 → 00:03:41 อันที่ 2 ก็คือในเรื่องของคุณภาพการนอนใน
00:03:41 → 00:03:43 เรื่องของปริมาณมันวัดกันง่ายเรารู้แล้ว
00:03:43 → 00:03:45 ล่ะว่าเมื่อคืนนี้เรานอนมากี่ชั่วโมงแต่
00:03:45 → 00:03:47 เราไม่รู้หรอกว่าคุณภาพการนอนของเราดี
00:03:47 → 00:03:51 หรือไม่ตราบใดที่เราตื่นมาแล้วเราสดชื่น
00:03:51 → 00:03:53 ในตอนกลางวันสมรรถภาพการทำงานเราโอเคเรา
00:03:54 → 00:03:55 ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเยอะแยะมากมายไม่
00:03:55 → 00:03:58 ง่วงเหงาหาวนอนไม่มีความอ่อนล้าในตอนกลาง
00:03:58 → 00:04:01 วันเราเชื่อว่าคุณภาพการนอนเราดีนะคะแต่
00:04:01 → 00:04:05 ถ้าตอนคืนนั้นๆจำนวนชั่วโมงเราก็คิดว่า
00:04:05 → 00:04:07 เรานอนพอแล้วคิดว่าได้ 7 ชั่วโมงละ 8
00:04:07 → 00:04:09 ชั่วโมงละแต่ตื่นมาก็ยังมีความรู้สึก
00:04:09 → 00:04:12 อย่างที่ว่ามาทั้งหมดเลยไม่ซดชื่นนะคะเรา
00:04:12 → 00:04:14 ก็ต้องมองหาแล้วว่าคุณภาพการนอนของเรามี
00:04:14 → 00:04:18 ปัญหาไนะคะการหายใจสิ่งที่เป็นปัญหาที่จะ
00:04:18 → 00:04:20 พูดในวันนี้ก็คือสิ่งที่มารบกวนการนอน
00:04:21 → 00:04:23 หลับของเราเนี่ยเกิดจากการหายใจที่ผิด
00:04:23 → 00:04:26 ปกติเราก็ต้องมารู้ก่อนว่าการหายใจของคน
00:04:26 → 00:04:28 เราเวลาเรานอนหลับเนี่ยเกิดปัญหาอะไรขึ้น
00:04:28 → 00:04:31 มานะคะคือจริงๆคนเราทั่วไปปกติเวลาเรานอน
00:04:31 → 00:04:34 หลับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับที่
00:04:34 → 00:04:37 มีความแตกต่างชัดเจนจากการที่เราตื่นอยู่
00:04:37 → 00:04:40 มี 2 อย่างหลักๆนะคะอันแรกก็คือท่านั่ง
00:04:40 → 00:04:42 เปลี่ยนเป็นการนอนอันนี้เหมือนแบบกำพั้น
00:04:42 → 00:04:45 ทุกดินนะคะคือคนเราจริงๆแล้วเนี่ยเราจะ
00:04:45 → 00:04:49 นั่งหลับก็ได้ยืนหลับก็ได้นะคะแต่่านอน
00:04:49 → 00:04:51 ที่ท่าหลับที่เราเหมาะสมสำหรับมนุษย์
00:04:51 → 00:04:55 มนุษย์คือิเงี้ยนะคะเป็นถ้าพอเราเราคน
00:04:55 → 00:04:58 หลับเนี่ยร่างกายจะขาดการทรงตัวก็คือ
00:04:58 → 00:05:00 กล้ามเนื้อมันจะอ่อนแรงลงไปเพราะฉะนั้นจะ
00:05:00 → 00:05:02 ไม่สามารถทรงตัวได้ท่านอนที่เหมาะสมก็เลย
00:05:02 → 00:05:04 เป็นท่านอนลงไปเพื่อหลับนะคะจริงๆเราใช้
00:05:04 → 00:05:07 คำว่านอนในความหมายทดแทนคำว่าหลับแต่จริง
00:05:07 → 00:05:10 ๆ 2 คำนี้มันแยกกันเราอาจะนั่งหลับยืน
00:05:10 → 00:05:12 หลับกินอยู่แล้วหลับอะไรเงี้ยได้แต่ว่า
00:05:12 → 00:05:14 เราส่วนใหญ่จะนอนหลับเพราะฉะนั้นคือ
00:05:14 → 00:05:17 Position นะคะท่าทางเปลี่ยนไปแน่ๆ 1 ท่า
00:05:17 → 00:05:20 การที่ท่าทางเปลี่ยนไปเนี่ยมันก็จะมี
00:05:20 → 00:05:22 ปัญหากับการหายใจของเราได้เพราะว่าลิ้น
00:05:22 → 00:05:25 ตามกแรงโน้มถ่วงก็จะเกิดการตกลงไปปิดทาง
00:05:25 → 00:05:28 เดินหายใจได้เพิ่มมากขึ้นนะคะอันที่ 2
00:05:28 → 00:05:31 ที่เป็นอ่าการเปลี่ยนแปลงระหว่างการตื่น
00:05:31 → 00:05:35 กับการหลับก็คือการขาดการตื่นพูดแล้วดูจะ
00:05:35 → 00:05:38 งงการหลับก็คือการขาดการตื่นก็คือ loss
00:05:39 → 00:05:41 of wakefulness ก็คือสมองปกติเราเนี่ย
00:05:41 → 00:05:44 จะส่งสัญญาณกระตุ้นมาเพื่อให้เราเกิดการ
00:05:44 → 00:05:46 ตื่นตัวแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สัญญาณนั้น
00:05:46 → 00:05:49 หายไปคือ wakefulness มันหายไปกล้ามเนื้อ
00:05:49 → 00:05:51 ทั้งหลายก็จะเริ่มผ่อนคลายการกระตุ้นของ
00:05:51 → 00:05:54 สมองจากการตื่นเนี่ยมันจะทำให้เราหายใจ
00:05:54 → 00:05:57 เยอะขึ้นคือแค่เราตื่นเนี่ยเราก็หายใจ
00:05:57 → 00:05:59 แล้วนะคะไม่ว่าคนเรามันจะกั้นยังไงก็ไม่
00:05:59 → 00:06:01 ได้นะคะถ้าเราตื่นอยู่ระดับใดที่เราตื่น
00:06:01 → 00:06:03 อยู่เราจะมีการหายใจแบบประสัอัตโนมัติอัน
00:06:03 → 00:06:06 นี้คือเป็นสิ่ง 2 อันที่หายไประหว่างการ
00:06:06 → 00:06:09 หลับของเราก็คือ Position เปลี่ยนแล้วก็
00:06:09 → 00:06:13 wakefulness หายไปนะคะทำให้เกิดการเ่อ
00:06:13 → 00:06:16 โคนลิ้นก็ตกลงไปเพิ่มมากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:06:16 → 00:06:18 สิ่งที่เกิดปัญหาตามมาก็คือด้วย Position
00:06:18 → 00:06:20 ที่เปลี่ยนด้วยท่าทางการนอนที่เปลี่ยน
00:06:20 → 00:06:22 ลิ้นตกลงไปมากขึ้นกล้ามเนื้อจากเดิมที่
00:06:22 → 00:06:24 มันมีกล้ามเนื้อความตึงตัวจากการกระตุ้น
00:06:24 → 00:06:27 ของสมองให้ตื่นตัวอยู่ก็เกิดการลดน้อยถอย
00:06:27 → 00:06:31 ลงไปทางเดินหายใจที่มันเคยใหญ่อยู่ก็เกิด
00:06:31 → 00:06:35 การเล็กลงตีบแคบลงก็คือท่อลมของที่ใช้ใน
00:06:35 → 00:06:37 การหายใจมันดูเล็กลงเกิดอะไรขึ้นคะก็นึก
00:06:37 → 00:06:40 ถึงสภาพเวลาเราผิวปากเวลาเราผิวปากทำปาก
00:06:40 → 00:06:44 กว้างๆผิวผากไปเป็นไงคะไม่มีเสียงแต่ถ้า
00:06:44 → 00:06:48 เราทำให้ปากมันเล็กลงทำปากจู๊ๆมันก็มี
00:06:48 → 00:06:50 เสียงวิ้วออกไปเป็นเสียงผิวปากอันนั้นคือ
00:06:50 → 00:06:54 ลักษณะของการเกิดลมหมุนวนนะคะเสียงเสียง
00:06:54 → 00:06:56 เสียงผิวปากเสียงอะไรที่ออกตามรูคลุยรู
00:06:56 → 00:06:59 ปี่ทั้งหลายนั้นคือ turbulent Flow นะฮะ
00:06:59 → 00:07:02 พอมันเกิดการหมุนวนเกิดอะไรขึ้นคะอะไรที่
00:07:02 → 00:07:04 มันอยู่แถวๆนั้นที่มันมีลมหมุนวนก็เกิด
00:07:04 → 00:07:08 การพัดสะบัดโบกนะคะอะไรที่โบกได้โบกหมดนะ
00:07:08 → 00:07:11 คะอันที่เป็นอลิ้นไก่เพดานอ่อนสะบัดได้
00:07:11 → 00:07:13 มันก็เกิดการสั่นกระพือก็เกิดเป็นเสียง
00:07:13 → 00:07:16 กรนขึ้นมาเพราะฉะนั้นเสียงกรนเป็นสิ่งแรก
00:07:16 → 00:07:18 ที่เป็นตัวเตือนแล้วว่าทางเดินหายใจมัน
00:07:18 → 00:07:21 เล็กเกินไปทำให้จากลมที่มันควรจะวิ่งกัน
00:07:21 → 00:07:24 แบบฉิวๆเ่อโลกโล่งกลายเป็นว่าเกิดเป็น
00:07:24 → 00:07:26 turbulent Flow ขึ้นมาก็เกิดเป็นเสียง
00:07:26 → 00:07:28 กรนเพิ่มมากขึ้นเพราะฉะนั้นถามว่าเสียง
00:07:29 → 00:07:31 กรนเป็นเรื่องปกติมยณปัจจุบันเสียงกรน
00:07:31 → 00:07:33 อย่างเดียวโดยที่ไม่มีการขาดอากาศยังไม่
00:07:33 → 00:07:36 นับว่าเป็นโรคแต่บอกได้เลยว่าเสียงกรนมี
00:07:36 → 00:07:39 เมื่อไหร่แสดงว่าทางเดินหายใจของท่าน
00:07:39 → 00:07:42 เริ่มไม่ใหญ่เพียงพอแล้วนะคะเริ่มมีปัญหา
00:07:43 → 00:07:45 นิดนึงละแต่ถามว่าจะถึงขั้นต้องรักษามยก็
00:07:45 → 00:07:49 ต้องดูว่าเป็นโรคมนะคะก็จะถือว่าเป็นปกติ
00:07:49 → 00:07:52 มยก็ถ้ามันเยอะขึ้นเยอะขึ้นแคบลงเรื่อยๆ
00:07:52 → 00:07:55 เรื่อยๆมันไม่ใช่เฉพาะเสียงกรนละมันก็จะ
00:07:55 → 00:07:58 เริ่มดึงยังไงก็ลมเข้าไม่ได้ใช่มั้ก็ทำ
00:07:58 → 00:08:00 ให้เกิดการต้องใช้แรงมากขึ้นมากขึ้นแต่
00:08:00 → 00:08:03 สิ่งที่ในบางคนเกิดปัญหาคือไม่ว่าจะใช้
00:08:03 → 00:08:06 แรงยังไงก็แล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะแรงต้าน
00:08:06 → 00:08:09 ทานนั้นได้ดึงยังไงก็ดึงไม่เข้าเกิดการ
00:08:09 → 00:08:12 ขาดอากาศมากขึ้นนะคะเกิดการออกซิเจนจาก
00:08:12 → 00:08:14 ภายนอกไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ก็เลย
00:08:14 → 00:08:17 แบ่งประเภทของคนนอนกรนออกเป็น 2 ประเภท
00:08:17 → 00:08:20 หลักๆนะคะก็คือ 1 นอนกรนธรรมดาถามว่าผิด
00:08:20 → 00:08:23 ปกติมก็มีนิดๆแล้วล่ะถึงแม้จะไม่ทำให้
00:08:23 → 00:08:26 เกิดปัญหากับเขาออกซิเจนเยังโอเคสมองเข
00:08:26 → 00:08:30 ยังโอเคแต่อย่างน้อยคนนอนข้างๆไม่โอเคถูก
00:08:30 → 00:08:32 มั้ยคะอันนี้สิ่งที่เป็นปัญหามากๆก็คือ
00:08:32 → 00:08:34 เชื่อว่าเป็นท่านที่นั่งอยู่ในส่วนใหญ่
00:08:34 → 00:08:37 เป็นเพศหญิงนะคะเป็นสตรีนะคะเชื่อว่าที่
00:08:37 → 00:08:40 มาฟังวันนี้ไม่ใช่โรคของท่านแต่ฉันทนคน
00:08:40 → 00:08:42 ข้างๆไม่ได้แล้วฉันอยากจะมาฟังเรื่องนอน
00:08:42 → 00:08:45 กลนละเผื่อจะไปจัดการกับคนข้างเคียงได้นะ
00:08:45 → 00:08:48 คะก็คือนอนกรนธรรมดาไม่รู้ธรรมดาจริงมนะ
00:08:48 → 00:08:52 คะก็คืออย่างน้อยทำให้เกิดความหนวกหูคู่
00:08:52 → 00:08:54 สมรสนอนไม่ได้นะคะอีกประเภทก็คืออย่างที่
00:08:54 → 00:08:58 บอกก็คือหายใจยังไงก็เอาสู้เอาชนะเอาลม
00:08:58 → 00:09:00 เข้าไปในร่างกายไม่ได้ได้ลักษณะอย่างนี้
00:09:00 → 00:09:03 เรียกว่านอนกรนที่มีการหยุดหายใจนะคะหรือ
00:09:03 → 00:09:06 ชื่อภาษาฝรั่งนะฮะ obstructive Sleep
00:09:06 → 00:09:10 apnea ชื่อย่อๆว่า osa นะคะเอ๊ะแล้ว 2
00:09:10 → 00:09:12 โลกนี้จะแยกได้ยังไงเพราะก็กรนทั้งคู่นะ
00:09:12 → 00:09:17 คะสิ่งที่เป็นตัวแยกได้คร่าวๆที่ท่านแอบ
00:09:17 → 00:09:20 จะอาจจะสังเกตได้นะคะก็คือข้อแรกอาศัย
00:09:20 → 00:09:24 อาการในตอนกลางคืนก็คือลองไปแอบจับสังเกต
00:09:24 → 00:09:26 ดูหรือว่าถ้าเราเป็นตัวคนไข้ก็ลองให้คน
00:09:26 → 00:09:29 อื่นที่มานอนด้วยกับเรามีสังเกตดูนะคะว่า
00:09:29 → 00:09:33 มีอาการอย่างนี้มยนะคะเช่นอาการตอนกลาง
00:09:33 → 00:09:37 คืนก็คือเสียงกรนดังมากๆดังแบบสุดๆดังแบบ
00:09:37 → 00:09:40 เขาเรียกว่า disruptive ดังจนแบบสุดทาทน
00:09:40 → 00:09:42 ดังจนหนวกหูคนอื่นเขาลักษณะอย่างเงี้ยก็
00:09:43 → 00:09:46 คือมักจะบ่งว่ามักจะมีปัญหาในการหายใจละ
00:09:46 → 00:09:49 นะคะก็ทำให้คนนึงก็ไม่รู้สึกมีปัญหานะคะ
00:09:49 → 00:09:52 ชีวิตมีสุขอยู่นะคะนอนอ้าปากแต่คนนี้หลับ
00:09:52 → 00:09:55 ไม่ได้ทั้งคืนกลายเป็นอินซอมเนียแทนนะคะ
00:09:55 → 00:09:57 ก็คือนอนไม่หลับแทนนะคะเปรียบปหนึ่ง
00:09:57 → 00:10:00 เหมือนมีนอนด้วยแล้วก็มีโทรค่งอยู่กับคน
00:10:00 → 00:10:03 ข้างๆนะคะอันอื่นที่อาจจะสังเกตได้โดย
00:10:03 → 00:10:06 เฉพาะพวกเราๆที่เ่อเป็นบุคลากรใกล้ชิดทาง
00:10:06 → 00:10:08 การแพทย์เลยนะคะอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอดเรา
00:10:08 → 00:10:11 อาจจะสังเกตได้ว่าคนไข้มีหน้าตาเขียวคล้ำ
00:10:11 → 00:10:15 นะฮะคือขาดออกซิเจนนะคะเหมือนคนแบบโดน
00:10:15 → 00:10:17 แขวนคอลักษณะแบบนั้นแต่มันก็เขียวเป็นพัก
00:10:17 → 00:10:19 ๆเดี๋ยวเขียวแล้วก็แดงเขียวแล้วก็แดงได้
00:10:19 → 00:10:22 นะคะเป็นพักๆแล้วแต่การหายใจของเขาอีกอัน
00:10:22 → 00:10:25 นึงคืออันนี้คือมือนะคะถ้าเราไปแอบดูเล็บ
00:10:25 → 00:10:27 ตัวเล็บจะเป็นตัวที่บอกได้ดีนะคะเพราะ
00:10:27 → 00:10:29 เล็บมันจะเป็นตัวที่มันบางแล้วมันสามารถ
00:10:29 → 00:10:32 มองเห็นสีได้ชัดนะคะอันนี้เป็นสีของคนผิด
00:10:32 → 00:10:35 ปกติก็จะแบบม่วงๆคล้ำๆนะฮะส่วนอันนี้ก็
00:10:35 → 00:10:38 แดงดีอันนี้คือปกตินะถ้าเราเห็นคู่สมรส
00:10:38 → 00:10:41 เรากรนพร้อมกับหน้าอย่างงี้อย่างงี้ได้
00:10:41 → 00:10:45 เลยนะคะรีบมาตรวจนะคะแล้วก็หรือว่าลักษณะ
00:10:45 → 00:10:48 ของการกรนหรือว่าลักษณะแพรูปแบบของการหาย
00:10:48 → 00:10:51 ใจมีหายใจมั่งหยุดมั่งเป็นพักๆนะคะกนแล้ว
00:10:51 → 00:10:53 ก็เงียบไปเหมือนเอ้ยจะดีละแต่หันไปยัง
00:10:53 → 00:10:56 กึ๊กๆๆๆอยู่แต่ไม่มีเสียงการที่ไม่มี
00:10:56 → 00:11:00 เสียงยิ่งซ้ำร้ายกว่าเสียงกรนมั้ยคะการ
00:11:00 → 00:11:02 ไม่มีเสียงคือลมมันไม่สามารถผ่านได้ละไม่
00:11:02 → 00:11:05 มีการอะไรไม่มีลมพัดโบกไม่มีการสั่น
00:11:05 → 00:11:07 กระพือของลิ้นไก่อีกต่อไปคือหยุดหายใจไป
00:11:07 → 00:11:11 เรียบร้อยแล้วแล้วจังหวะที่เห็นได้ชัดเจน
00:11:11 → 00:11:13 ของคนที่เป็นโรคเหล่านี้คืออะไรคะจะมี
00:11:13 → 00:11:16 คลอกใหญ่ขึ้นมาคลอกนึงเหมือนจะมีคอก
00:11:16 → 00:11:19 เหมือนมีน้ำมูกน้ำลายอะไรคอกๆอันนี้ทุกคน
00:11:19 → 00:11:23 พยักหน้าฉันก็เจอฉันก็เจอฉันเจอสามีฉัน
00:11:23 → 00:11:25 อะไรเงี้ยเนาะก็คืออันนี้อันนี้จะเป็น
00:11:25 → 00:11:27 ค่อนข้างถ้าเห็นอย่างงี้มาได้เลยนะคะอัน
00:11:27 → 00:11:30 นี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นแน่แน่แต่จะมาก
00:11:30 → 00:11:32 น้อยหรือเปล่าหมายถึงดัชนีการหยุดหายใจ
00:11:32 → 00:11:34 มากขนาดไหนต้องไปตรวจกันอีกทีนะคะแล้วก็
00:11:35 → 00:11:37 สาเหตุของความง่วงก็ต้องไปดูก่อนถ้าคนที่
00:11:37 → 00:11:40 ตอบแล้วดูรู้สึกว่ามีความง่วงเยอะต้องถาม
00:11:40 → 00:11:42 คำแรกที่ต้องถามเลยเวลานอนในการพักอ่อ
00:11:42 → 00:11:46 เวลาเรานอนเนี่ยเพียงพอไนะคะอันที่ 2 นอน
00:11:47 → 00:11:49 ก็โอเคแหละแต่ระหว่างนั้นมีมีรบกวนเป็น
00:11:49 → 00:11:53 ระยะๆะนะคะวัยนี้เชื่อว่าอ่าไม่ค่อยโดนละ
00:11:53 → 00:11:56 ส่วนใหญ่จะเป็นในวัยช่วงแบบ 30 20 ปลายๆ
00:11:56 → 00:12:00 ช่วงที่มีลูกอ่อนใช่มคะอันที่ 3 3 เา
00:12:00 → 00:12:03 เปลี่ยนช่วงเวลามยนะคะอ่าโดยเฉพาะพวกที่
00:12:04 → 00:12:07 เดินทางบ่อยๆข้ามอ่าระยะเวลาไกลๆเขาเรียก
00:12:07 → 00:12:10 ว่าข้ามไมโซนเยอะๆเช่นไปอเมริกากลับมา
00:12:10 → 00:12:14 ญี่ปุ่นไปนู่นไปนี่นะคะข้ามทำให้นาฬิกา
00:12:14 → 00:12:17 ของเราในสมองกับนาฬิกาบนพื้นโลกเป็นคนละ
00:12:17 → 00:12:19 นาฬิกากันนะคะมันก็ต้องใช้เวลาในการปรับ
00:12:19 → 00:12:22 นิดนึงเเรียกว่าเจ็แกนะคะก็ต้องมองหาก่อน
00:12:22 → 00:12:24 ว่าเป็นเพราะง่วงอย่างนี้หรือเปล่านะคะ
00:12:24 → 00:12:27 แล้วก็อาการอื่นๆที่อาจจะพบร่วมได้นะคะใน
00:12:27 → 00:12:30 กรณีที่มีนอนกลนเช่นนอนๆบางคนเล่าเองเลย
00:12:30 → 00:12:32 ว่าเหมือนแบบตื่นมาแล้วเหมือนสำลักน้ำลาย
00:12:32 → 00:12:35 กางดึกนะคะนอนแล้วก็ขึ้นมาเหมือนแบบสำลัก
00:12:35 → 00:12:37 แล้วก็ตื่นมาไอๆๆๆสักพักนึงก็กลับลงไปนอน
00:12:37 → 00:12:40 ต่อได้จังหวะที่สำลักน้ำลายจังหวะนั้นคือ
00:12:40 → 00:12:42 จังหวะที่เรากลับมาหายใจใหม่แล้วน้ำลาย
00:12:42 → 00:12:45 ที่มันสอๆอยู่ตามคอหอยเราก็พรวดเข้าไปใน
00:12:45 → 00:12:50 หลอดลมด้วยนะคะอันต่อมาตื่นมาปวดมึนศีรษะ
00:12:50 → 00:12:53 นะคะงี้คะตื่นมาต้องสดชื่นเพราะร่างกาย
00:12:53 → 00:12:56 พักผ่อนสมองพักผ่อนมันควรจะต้องตื่นมาไม่
00:12:56 → 00:12:58 ปวดหัวกลายบอกว่าตื่นนอนปวดหัวหนักกว่า
00:12:58 → 00:13:02 เดิมนะคะอันต่อมานอนยังไงก็ไม่สดชื่นอยู่
00:13:02 → 00:13:06 ดีนะคะไม่มีเรี่ยวแรงความจำถดถอยนะคะแล้ว
00:13:06 → 00:13:09 ก็ขี้โมโหถ้าดั้งเดิมไม่เคยเป็นนะคะแต่
00:13:09 → 00:13:12 ถ้าเป็นมาตั้งแต่สาวนี้คงพูดยากนะฮะเช่น
00:13:12 → 00:13:15 ขี้โมโหหงุดหงิดคือพวกนี้จะมีปัญหาในการ
00:13:15 → 00:13:19 เข้าสังคมนิดนึงเป็นคนแบบเาเรียกเอ่อโมโห
00:13:19 → 00:13:22 ง่ายกระตุ้นง่ายต่อมไวนะคะพวกนี้ต้องมอง
00:13:22 → 00:13:24 หาก่อนเพื่อนเราคนนี้ไม่เคยเป็นเลยอยู่ดี
00:13:24 → 00:13:27 ๆทำไมช่วงนี้มาศิริราชอาวุโสทีรเคคฉุน
00:13:27 → 00:13:30 เฉียวกับเราพูดไม่เข้าหูปุ๊บหงุดหงิดใส่
00:13:30 → 00:13:33 เรางี้พาเ้าไปตรวจนะคะว่าเค้าเป็นโรคนี้
00:13:33 → 00:13:36 มยนะคะอีกอันปัสสาวะบ่อยกลางดึกกลางดึก
00:13:36 → 00:13:39 หลับไปแล้วปัสสาวะทั้งคืนเลย 2 ครั้ง 3
00:13:39 → 00:13:42 ครั้ง 4 ครั้งนะคะบ่อยมากนะคะอันนี้ก็
00:13:42 → 00:13:45 เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้นะคะอีกอันอัน
00:13:45 → 00:13:48 สุดท้ายนะคะสมรรถภาพความทางเพศลดลงความ
00:13:48 → 00:13:51 รู้สึกหายหมดเลยนะคะพอดีมีแต่ผู้หญิงคง
00:13:51 → 00:13:54 ไม่ค่อยชัดเจนอ่าแต่ถ้าเป็นคนไข้เด็กอาจ
00:13:54 → 00:13:57 จะมาแสดงออกด้วยอาการของปัสสาวะรถที่นอน
00:13:57 → 00:14:00 ทั้งๆที่เลยวยที่คนจะรถที่นอนได้ละควรจะ
00:14:00 → 00:14:02 อธิบายเรียกเรียกพ่อเรียกแม่หรือตื่นมา
00:14:02 → 00:14:06 ปัสสาวะได้นี่ก็เริ่มกลับมานะคะแล้วก็ใน
00:14:06 → 00:14:08 เด็กบางรายแทนที่จะมีความง่วงในตอนกลาง
00:14:08 → 00:14:11 วันนะฮเด็กอาจจะมีการแสดงออกที่ตรงกัน
00:14:11 → 00:14:13 ข้ามกับผู้ใหญ่เพราะว่าเวลาเราง่วงเราทำ
00:14:13 → 00:14:16 ไงคะผู้ใหญ่ถ้าเราอยากจะทำให้เราผ่านพ้น
00:14:16 → 00:14:20 กิจกรรมนั้นไปได้เราก็เขย่าๆตื่นๆอะไร
00:14:20 → 00:14:22 เงี้ยวิ่งเล่นเดินสักหน่อยนึงนะคะเด็กก็
00:14:22 → 00:14:24 จะทำแบบนั้นเหมือนกันก็กลายเป็นเด็กซน
00:14:24 → 00:14:27 วิ่งปู๊ดป๊าดปู๊ดป๊าเพยายามจะชดเชยความ
00:14:27 → 00:14:30 ง่วงของเขาด้วยกันทำให้ตัวเองสุสนหลบไม่
00:14:30 → 00:14:33 ให้หลับนะคะอันนั้นก็อาจจะมาแบบนี้ได้นะ
00:14:33 → 00:14:36 คะปัจจัยเสี่ยงมีกคนกลุ่มไหนบ้างที่
00:14:36 → 00:14:38 เสี่ยงนะคะคิดว่าเพศไหนเสี่ยง
00:14:38 → 00:14:43 คะเพศชายค่ะถูกต้องนะคะเพศชายเป็นเพศที่
00:14:43 → 00:14:46 น่าสงสารเสี่ยงทุกโรคโรคหัวใจโลกอัมพฤกษ์
00:14:46 → 00:14:48 อัมพาตทุกอย่างเสี่ยงมากกว่าผู้หญิงเสมอ
00:14:48 → 00:14:51 ผู้ชายอายุสั้นกว่าผู้ชายก็สุดท้ายก็เป็น
00:14:51 → 00:14:54 osa หมายถึงว่าเป็นโลกนอนกรนหยุดหายใจ
00:14:54 → 00:14:57 ได้มากกว่านะคะอันที่ 2 อ้วนอ้วนอย่างนี้
00:14:57 → 00:15:00 คงชัดเจนตัวใหญ่นะคะแต่กำลังจะบอกว่าจริง
00:15:00 → 00:15:02 ๆแล้วความอ้วนก็เป็นปัจจัยนึงเท่านั้นแต่
00:15:02 → 00:15:06 ว่าในคนของทางประเทศไทยทางเอเชียเขาพบว่า
00:15:06 → 00:15:08 ความอ้วนก็เป็นปัจจัยเหมือนกันแต่ไม่
00:15:08 → 00:15:11 สำคัญมากเท่ากับลักษณะของโครงสร้างใบหน้า
00:15:11 → 00:15:13 คือเหมือน้าโครงสร้างเขาเป็นคนเล็กๆคาง
00:15:13 → 00:15:16 เล็กๆหน้าเล็กๆเขาต้องหุ่นต้องแบบเพอเฟค
00:15:17 → 00:15:19 มากแบบดัชนีมวลกายต้องเล็กมากๆถ้าเื่อไหร
00:15:19 → 00:15:22 ก็ตามที่เขาท้วมนิดเดียวปุ๊บเกิดปัญหาเลย
00:15:22 → 00:15:24 เพนั้นก็คือเหมือนเราเกิดมาเพื่อต้องผอม
00:15:24 → 00:15:28 แล้วเคยเห็นเอเชียคนเอเชียส่วนใหญ่คือพยา
00:15:28 → 00:15:30 คือไม่ใชพยายามจะผอมดัชนีมนต์กายของเรา
00:15:30 → 00:15:34 โดยเฉลี่ยจะเล็กกว่าดัชนีมนต์กายของคนทาง
00:15:34 → 00:15:36 ชาติตะวันตกเพราะอะไรคะเพราะพวกที่ตัว
00:15:36 → 00:15:39 ใหญ่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้วถูกมั้ยคะมัน
00:15:39 → 00:15:41 เป็น Natural Selection ความหมายคือถ้า
00:15:41 → 00:15:44 เผ่าพันธุ์นั้นมีปัญหาในเรื่องของปัจจัย
00:15:44 → 00:15:47 บางอย่างที่ทำให้เสียชีวิตเร็วกลุ่มนั้น
00:15:47 → 00:15:49 ก็จะหายไปหายไปเราก็ต้องซีเล็กแต่คนที่
00:15:49 → 00:15:54 ผอมๆมานะคะอันต่อมารอบคอรอบคอวัดเนกไทยนะ
00:15:54 → 00:15:57 คะมีใครใส่สูตใส่เน็กไทยรอบคอถ้าเกิน 17
00:15:57 → 00:16:01 นิ้วอ่าอ่าคุณพี่ๆผู้หญิงอาจจะซื้อเสื้อ
00:16:01 → 00:16:03 ให้สามีอนะคะถ้าวัดรอบคอแล้วอู้หใหญ่บึก
00:16:04 → 00:16:07 17 นิ้วอัพเห็นไงคะพามาตรวจได้เลยเหมือน
00:16:07 → 00:16:09 กันนะคะรอบคอยิ่งใหญ่ยิ่งมีปัญหาเพราะการ
00:16:09 → 00:16:11 ใหญ่ของคอไม่ได้ใหญ่แต่ข้างนอกถูกมั้ยคะ
00:16:12 → 00:16:14 เวลาเรามีไขมันไปพอกแล้วก็พอกทั้งด้านนอก
00:16:14 → 00:16:17 และด้านในนะคะมันเลือกไม่ได้นะคะมันไม่
00:16:17 → 00:16:20 ต้องขอเป็นโดนัทพองด้านนอกไม่ได้มัน
00:16:20 → 00:16:23 เหมือนโดนัทชิ้นใหญ่ขึ้นนะคะรูมันก็จะ
00:16:23 → 00:16:27 เล็กลงมคะก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงอันนึงอัน
00:16:27 → 00:16:30 ต่อมาเป็นโรคทางกายนะคะพวกภูมิแพ้มีฤิสี
00:16:30 → 00:16:33 ดวงมีอะไรมาอุดทำให้การหายใจมันไม่โล่งนะ
00:16:33 → 00:16:36 คะก็ทำให้เกิดการนอนกรนได้หยุดหายใจด้วย
00:16:36 → 00:16:40 หรือเป็นโครงสร้างในเรื่องของสันจมูกคด
00:16:40 → 00:16:43 หายใจได้ข้างเดียวเยคะอีกข้างนึงก็ตันไป
00:16:43 → 00:16:46 นะคะก็เกิดกันเสียงกรนได้อันนี้ต่อมทอน
00:16:46 → 00:16:48 ซินโตนะคะดูนิดนึงอันนี้เป็นอ้าปากนะคะ
00:16:48 → 00:16:52 แล้วนี้เป็นลิ้นไก่เห็นนะคะแดงด้วยนะคะต
00:16:52 → 00:16:55 บลิ่มเลยอ้าปากดูก็ได้คะถ้าอ้าปากเห็น
00:16:55 → 00:16:57 ลิ้นไก่อย่างที่เขาพูดกันอ้าปากก็เห็น
00:16:57 → 00:17:00 ลิ้นไก่ะอันเนี้ยไม่เป็น osa นะคะแต่ถ้า
00:17:00 → 00:17:03 อ้าปากก็ไม่เห็นลิ้นไก่อย่าเงี้ยเข้าไป
00:17:03 → 00:17:05 บางทีมองไม่เห็นเลยนะคะตรงเนี้ยลิ้นมันไป
00:17:05 → 00:17:09 บังขอบหมดเลยอย่างงี้เป็นความเสี่ยงของ
00:17:09 → 00:17:13 การเกิดโรคละนะคะอันนี้ลิ้นโตเกินไปนะคะ
00:17:13 → 00:17:17 โตจริงๆใครๆก็เห็นนะคะถึงไม่ใช่แพทย์ก็
00:17:17 → 00:17:20 เห็นเคะลิ้นใหญ่จนล้นออกมาจากปากนะคะเด็ก
00:17:20 → 00:17:23 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอ่าทางผิดปกติทาง
00:17:23 → 00:17:25 เมตาบอลิกพวกไทรรอยด์ต่ำพวกเนี้ยมันจะมี
00:17:25 → 00:17:27 ลิ้นโตขึ้นมาได้หรือว่าเป็นโรคบางโรคที่
00:17:27 → 00:17:30 ทำให้มีเ่อเนื้อเยื่อสะสมเพิ่มมากขึ้น
00:17:30 → 00:17:34 เช่นมีพวกสารแป้งไปสะสมพวกนั้นนะคะลิ้นก็
00:17:34 → 00:17:37 โตได้นะคะก็มันก็ขวางทางมันก็ตกลงไปอุด
00:17:37 → 00:17:40 ทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอันต่อมาอ่าทุกคน
00:17:40 → 00:17:43 หันข้างมองคนทางขวานะคะมีใครเป็นคางอย่าง
00:17:43 → 00:17:46 นี้มั้ยคะปกติเวลาเราหันด้านข้างด้านตรง
00:17:46 → 00:17:49 เนี้ยที่เป็นตรงบริเวณสันจมูกนะคะกับตรง
00:17:49 → 00:17:52 บริเวณปลายคางต้องอยู่ในนาวแนวระนาบที่
00:17:52 → 00:17:55 เป็นตรงดิ่งกันลงมาคือในแนวตั้งดิ่งนะคะ
00:17:56 → 00:17:57 ถ้าตรงนี้มัน
00:17:57 → 00:18:02 ถอยถูมคะคางมันเล็กหรือไม่ก็คางมันถอยที่
00:18:02 → 00:18:05 มันก็ไปเบียดคราวเเราก็จะขาดทุนคนคนอื่น
00:18:05 → 00:18:08 เขาถูกมคะเหมือนโครงสร้างกระดูกเรามาพ่อ
00:18:08 → 00:18:10 แม่ให้มาไม่ดีพวกนี้จะหน้าตาคล้ายๆกัน
00:18:10 → 00:18:14 ทั้งบ้านอยู่จะเห็นหน้าตาคางเล็กๆจิ๋วๆบ
00:18:14 → 00:18:16 แหลมๆแล้วก็มองด้านข้างก็จะถอยๆอย่าง
00:18:16 → 00:18:20 เงี้ยเรียกเลนเียก็คือคางถอยโครงสร้าง
00:18:20 → 00:18:22 กระดูกถ้ามันเล็กแล้วขอบมันเล็กใช่มั้คะ
00:18:22 → 00:18:25 มันไปเบียดด้านหลังเฟอร์นิเจอร์ทุกคนมี
00:18:25 → 00:18:27 อยู่เท่าเดิมนะคะเฟอร์นิเจอร์ในบ้านโฟง
00:18:27 → 00:18:29 โซฟามีอยู่เท่าเดิมลิ้นเลอยู่ใหญ่เท่า
00:18:29 → 00:18:32 เดิมเท่าคนอื่นเขาเป็นไงคะบ้านหลังเล็ก
00:18:32 → 00:18:35 โซฟาเท่าเได้มั้ยคะไม่ได้ถ้ามีได้ก็ไป
00:18:35 → 00:18:37 เบียดข้างหลังอยู่ดีก็คือพื้นที่ทาง
00:18:37 → 00:18:40 บริเวณไอ้ตัวิ์หรือว่าคอหอยทางด้านหลังก็
00:18:40 → 00:18:43 ยังไม่ใหญ่เพียงพอก็เกิดการตีบแคบลงอย่าง
00:18:43 → 00:18:46 ที่บอกนะฮะก็จะมีปัญหาได้ต่อมาอีกอันนึง
00:18:46 → 00:18:49 ก็คือประวัติครอบครัวพวกนี้เป็นกรรมพันธ์
00:18:49 → 00:18:52 นะคะกรรมพันธ์นี้ไม่ใช่เฉพาะลักษณะของการ
00:18:52 → 00:18:54 กินอาหารที่เหมือนๆกันบางคนบอกว่าโลกเไม่
00:18:54 → 00:18:56 ใช่เป็นโลคของกรรมพันธ์หรอกแต่เป็นเพราะ
00:18:56 → 00:18:59 ทุกคนอ้วนหมดทั้งบ้านไม่ใช่นะคะบางคนไม่
00:18:59 → 00:19:01 อ้วนเลยทั้งบ้านก็เป็นทั้งบ้านเพราะว่า
00:19:01 → 00:19:04 เป็นกกรรมพันธ์ได้นะคะไม่จำเป็นต้องอ้วน
00:19:04 → 00:19:07 นะคะย้ำอีกรอบอ้าแล้วก็ถ้าเไม่มีอาการน่ะ
00:19:07 → 00:19:10 จะทิ้งไว้ได้มยนะคะไม่รักษาได้มั้ยเคบ่น
00:19:10 → 00:19:13 ไม่ง่วงอ่ะเขาคตื่นมาก็สดชื่นดีก็อาจจะชด
00:19:13 → 00:19:16 เชยด้วยการนอนไป 10 ชั่วโมงเลยเข้าบ่นไม่
00:19:16 → 00:19:19 ง่วงรักษาไมก็จะเกิดปัญหาต่างๆตามมานะคะ
00:19:19 → 00:19:21 โดยเฉพาะระบุบหัวใจกับหลอดเลือดอันนี้ที่
00:19:21 → 00:19:23 มีหลักฐานเรียบร้อยแล้วนะคะจากการศึกษานะ
00:19:23 → 00:19:26 คะความดันโลหิตสูงนะคะที่เป็นๆอยู่อาจจะ
00:19:26 → 00:19:29 เป็นตามวัยก็ได้แต่มองหาก่อนว่าว่ามัน
00:19:29 → 00:19:32 เป็นสาเหตุจากนอนกรนหยุดหายใจมนะคะหัวใจ
00:19:32 → 00:19:35 ก็โตนะคะเพราะว่าการหายใจเป็นไงคะพยายาม
00:19:35 → 00:19:37 จะหายใจพยายามจะดึงๆดึงหัวใจก็อยู่ในช่อง
00:19:37 → 00:19:41 อกก็โดนดึงให้ทางออกนะฮะก็ใหญ่ขึ้นอาจจะ
00:19:41 → 00:19:43 มีเส้นเลือดเพราะว่าพวกนี้มันทำให้เกิด
00:19:43 → 00:19:45 การอักเสบของเส้นเลือดทั่วร่างกายเพราะ
00:19:45 → 00:19:48 ว่ามันมีเรื่องของการขาดออกซิเจนนะฮะก็
00:19:48 → 00:19:51 เกิด oxidative stress นะคะก็คือทำให้
00:19:51 → 00:19:53 เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบนะคะเส้นเลือดอ่า
00:19:54 → 00:19:56 หัวใจเต้นผิดจังหวะได้นะคะเกิดอัมพฤกษ์
00:19:56 → 00:19:58 อัมพาเส้นเลือดทั่วตัวมีปัญหาหมดเส้น
00:19:58 → 00:20:01 เลือดที่ไปอวัยวะสำคัญก็จะมีปัญหาด้วยนะ
00:20:01 → 00:20:04 คะรวมไปจนถึงความดันที่ควบปอดสูงแล้วก็
00:20:04 → 00:20:06 อีกอันนึงคือภาวะเลือดข้นนะคะแล้วก็การ
00:20:06 → 00:20:09 รักษาก็แบ่งออกเป็นคร่าวๆก็คือผ่าตัดกับ
00:20:09 → 00:20:11 ไม่ผ่าตัดนะคะวันนี้ก็จะรับผิดชอบใน
00:20:11 → 00:20:13 เรื่องของการรักษาแบบไม่ผ่าตัดเพราะ
00:20:13 → 00:20:16 เดี๋ยวพาร์ทผ่าตัดจะมีอาจารย์วิมาช่วยแนะ
00:20:16 → 00:20:19 นำอีกทีนึงนะคะอันแรกที่ควรจะทำก็คือการ
00:20:19 → 00:20:22 ปรับปรุงพฤติกรรมนะคะอันที่เป็นการรักษา
00:20:22 → 00:20:24 รองลงมาก็คือในเรื่องของการใส่ทันต
00:20:24 → 00:20:26 อุปกรณ์หรือว่าภาษาอังกฤษเรียก oral
00:20:26 → 00:20:29 appliance นะคะแล้วก็อันสุดท้ายก็คือ
00:20:29 → 00:20:31 cpap การปรับปรุงพฤติกรรมมีอะไรบ้างนะคะ
00:20:31 → 00:20:35 ก็ได้ตั้งแต่ถ้าอ้วนต้องผอมนะคะถ้าไม่
00:20:35 → 00:20:37 อ้วนต้องอย่าอ้วนอย่างเงี้ยนะคะอันนี้ก็
00:20:37 → 00:20:40 ยากเหมือนกันนะคะพอถึงวัยมันก็จะมาตามอ่า
00:20:40 → 00:20:43 ตามอายุนะคะอันที่ 2 เข้านอนตื่นนอนให้
00:20:43 → 00:20:46 เป็นเวลานะคะจะเป็นการนอนที่มีคุณภาพมาก
00:20:46 → 00:20:50 ขึ้นถ้าเป็นไปได้พยายามนอนท่าตะแคงนะคะ
00:20:50 → 00:20:53 หรือว่านอนหลีกเลี่ยงการนอนหงายซึ่งก็
00:20:53 → 00:20:55 จริงๆท่าที่ไม่นอนหงายก็มีหลายท่าใช่มย
00:20:55 → 00:20:59 ตะแคงซ้ายตะแคงขวากับนอนคว่ำแต่บอกได้เลย
00:20:59 → 00:21:01 ว่าส่วนใหญ่ของผู้ใหญ่จะนอนคว่ำไม่ได้
00:21:01 → 00:21:04 เพราะมันจะมีปัญหาต้นคออันแรกอันนี้ทำให้
00:21:04 → 00:21:08 เป็นปัญหาพุงเะเราไม่ได้ไปนอนเตียงสปาที่
00:21:08 → 00:21:10 แบบเอาหน้าทิ่มลงไปนะคะเพราะฉะนั้นส่วน
00:21:10 → 00:21:13 ใหญ่จะได้แค่ท่าตะแคงนะคะสค้ายซ้ายขวาได้
00:21:13 → 00:21:16 หมดนะคะชอบมีคนถามพอแนะนำนาตะแคงจะซ้าย
00:21:16 → 00:21:18 หรือขวาดีอะไรอย่าเงี้ยนะคะแล้วแต่ชอบนะ
00:21:18 → 00:21:21 คะชอบท่าไหนนอนท่านั้นสามีอยู่ข้างไหน
00:21:21 → 00:21:23 แล้วก็นอนตรงข้ามนะคะเรามักจะนอนไม่หัน
00:21:23 → 00:21:26 หน้าเข้าหากันนะคะอีกอันคือหลีกเลี่ยงยา
00:21:26 → 00:21:29 นอนหลับหลีกเลี่ยงแแอลกอฮอลนะคะเพราะพวก
00:21:29 → 00:21:32 นี้มันเป็นตัวที่ทำให้สมองมันโดนกดมาก
00:21:32 → 00:21:34 ขึ้นไอ้ที่ว่าหยุดหายใจเมื่อตะกี้มันจะ
00:21:34 → 00:21:37 ยาวนานขึ้นนะคะเพราะกว่าสมองมันจะรับรู้
00:21:37 → 00:21:40 ว่าออกซิเจนไม่พอแล้วนะต้องตื่นขึ้นมาหาย
00:21:40 → 00:21:43 ใจแล้วนะก็จะยิ่งช้าไปกันใหญ่นะฮะอันต่อ
00:21:43 → 00:21:45 มาเลิกบุหรี่บุหรี่ดูจะไม่ค่อยเข้าแกปสัก
00:21:45 → 00:21:48 เท่าไหร่ใช่มแต่จริงๆแล้วควันบุหรี่มันทำ
00:21:48 → 00:21:50 ให้เยื่อบุทั้งหลายมันบวมแล้วก็ทำให้พอ
00:21:50 → 00:21:54 มันบวมปุ๊บมันก็เหมือนกับไปไปไปเบียดที่
00:21:54 → 00:21:57 ทางเดินหายใจนะคะทำให้การหายใจมันแย่ลงนะ
00:21:57 → 00:22:00 คะแล้วก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออันนี้
00:22:00 → 00:22:02 ไม่ว่าเป็นโรคไหนก็ควรจะต้องทำอยู่แล้ว
00:22:02 → 00:22:05 ใช่มั้ยคะก็จะทำให้ร่างกายฟิตมากขึ้นนะคะ
00:22:05 → 00:22:07 แล้วก็ถ้ามีโรคร่วมที่เกี่ยวกับการหายใจ
00:22:07 → 00:22:09 ก็ต้องรักษาร่วมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:22:09 → 00:22:12 ภูมิแพ้จมูกมีริสีดวงจมูกไปเอาออกอะไร
00:22:12 → 00:22:15 เงี้ยนะคะโดยสรุปนะคะของการอ่าพูด sess
00:22:15 → 00:22:17 นี้ก็คือบอกว่าปัญหานอนกรนเนี่ยมันมีทั้ง
00:22:17 → 00:22:19 กรนธรรมดายังไม่ต้องรักษากับกรนแบบหยุด
00:22:19 → 00:22:22 หายใจแล้วก็การการที่ไม่นอนกรนหยุดหายใจเ
00:22:22 → 00:22:26 ยังเป็นโรคที่โดนละเลยนะคะแล้วก็เพราะว่า
00:22:26 → 00:22:29 คิดว่าใครๆก็รู้จักกับเสียงกรนกลายเป็น
00:22:29 → 00:22:31 เรื่องขำๆกันด้วยซ้ำเนาะไปนอนด้วยกันมา
00:22:31 → 00:22:33 ไอ้คนนั้นกนคนนี้กนแต่ไม่รู้หรอกว่าเรา
00:22:34 → 00:22:36 กำลังเหมือนแบบเขากำลังจะเสียชีวิตเพราะ
00:22:36 → 00:22:38 ว่านอนกรนตายผ่อนส่งแต่เราก็หัวเราะเข้า
00:22:39 → 00:22:40 ไปเรื่อยๆเพราะด้วยความที่เราไม่รู้ว่า
00:22:40 → 00:22:43 มันเป็นโรคนะคะก็ต้องต้องพยายามกระตุ้น
00:22:43 → 00:22:46 เตือนกันนิดนึงว่าอาจจะไม่ธรรมดาก็ได้นะ
00:22:46 → 00:22:51 คะแล้วก็เป็นภัยเงียบที่ส่งให้เกิดผลเสีย
00:22:51 → 00:22:54 ต่อร่างกายนะคะแล้วก็ถ้าเขาเป็นคนขับรถ
00:22:55 → 00:22:57 ใหญ่ยิ่งอันตรายกับคนอื่นนะคะหรือว่าอีก
00:22:57 → 00:22:59 อันนึงก็คือนอนกับูสมรสูสมรสก็ลำบากไป
00:22:59 → 00:23:02 ด้วยนะคะภาวะนอนกรนหยุดหายใจจากการอุด
00:23:02 → 00:23:05 กั้นมีความอ่าอันตรายมากถ้าทิ้งไว้โดยไม่
00:23:05 → 00:23:07 รักษานะฮะอันนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุน
00:23:07 → 00:23:11 แรงแล้วก็โรคร่วมต่างๆที่ผู้ป่วยมีอยู่
00:23:11 → 00:23:13 เช่นในคนที่หยุดหายใจเกิน 15 ครั้งต่อ
00:23:13 → 00:23:15 ชั่วโมงเนี่ยเขาถือว่ามีภาวะอันตรายที่จะ
00:23:15 → 00:23:17 เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆที่กล่าวมาใน
00:23:18 → 00:23:20 ตอนต้นอย่างน้อย 2-3 เท่าจากการศึกษาของ
00:23:20 → 00:23:24 ทางประเทศทางตะวันตกนะคะแต่ถ้าในบางกรณี
00:23:24 → 00:23:26 ผู้ป่วยที่มีการหยุดหายใจมากกว่า 5 ครั้ง
00:23:26 → 00:23:29 ขึ้นไปซึซึ่งถือว่ามีความิดผปกติแล้วแต่
00:23:29 → 00:23:32 ว่าความผิดปกตินั้นจะทำให้เกิดผลเสียต่อ
00:23:32 → 00:23:35 สุขภาพก็ต่อเมื่อเขามีโรคที่เป็นพื้นฐาน
00:23:35 → 00:23:38 อยู่เก่าแล้วเช่นมีโรคความดันสูงมีโรคหัว
00:23:38 → 00:23:41 ใจโตอยู่แล้วหรือว่ามีภาวะเ่ออัมพฤกษ์
00:23:41 → 00:23:43 อัมพาตอยู่เก่าพวกนี้จะไปซ้ำเติมทำให้โรค
00:23:43 → 00:23:45 ต่างๆที่เป็นโรคพื้นฐานของเขาเป็นมากขึ้น
00:23:46 → 00:23:48 หรือควบคุมได้ยาก
00:23:48 → 00:23:53 [เพลง]
00:23:53 → 00:23:57 ขึ้นการรักษาภาวะนอนกรนหยุดหายใจจากการ
00:23:57 → 00:24:00 อุดกั้นด้วยการผ่าตัดก็ส่วนใหญ่จะใช้เป็น
00:24:00 → 00:24:04 วิธีที่เป็นทางเลือกเผื่อหลังจากที่ใช้
00:24:04 → 00:24:08 วิธีการรักษาโดยการบำบัดพฤติกรรมหรือว่า
00:24:08 → 00:24:10 การใช้เครื่องที่เรียกว่า cpap แล้วทนไม่
00:24:10 → 00:24:13 ได้หรือว่าไม่ได้ผลนะคะในกรณีอย่างนั้น
00:24:13 → 00:24:15 อาจจะเลี่ยงไปใช้ในการผ่าตัดได้เพราะส่วน
00:24:15 → 00:24:17 ใหญ่ของการผ่าตัดอาจจะได้ผลได้ไม่ดีเท่า
00:24:17 → 00:24:20 กับการรักษาด้วยวิธี 2 วิธีแรกนะคะแต่ว่า
00:24:20 → 00:24:25 ในบางรายที่มีปัญหาของโครงสร้างใบหน้าที่
00:24:25 → 00:24:27 ทำให้เกิดเนื้อเยื่ออะไรบางอย่างเช่นตัว
00:24:27 → 00:24:30 ยกตัวอย่างนะคะเช่นทอนซินโตมากๆหรือว่า
00:24:30 → 00:24:33 อดินอยโตมากๆในกรณีอย่างนี้เราเห็นอยู่
00:24:33 → 00:24:35 แล้วว่าสาเหตุสำคัญของมันเกิดจากเนื้อ
00:24:35 → 00:24:38 เยื่อที่ว่ามาเนี่ยมันโตเกินขนาเราก็ต้อง
00:24:38 → 00:24:40 ใช้วิธีการรักษาที่ต้นเหตุด้วยการผ่าตัด
00:24:40 → 00:24:44 เอาส่วนนั้นๆออกไปช่วงนี้พบกับการบรรยาย
00:24:44 → 00:24:48 ในหัวข้อนอนกรนหยุดหายใจการรักษาด้วยการ
00:24:48 → 00:24:51 ผ่าตัดโดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทย์บร
00:24:51 → 00:24:55 หิรันจากภาควิชาโสดนาสิกริงวิทยาคณะ
00:24:55 → 00:24:59 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัย
00:24:59 → 00:25:02 หิดลหัวข้อที่ที่ผมพูดต่อเนี่ยก็คือจะต่อ
00:25:03 → 00:25:06 เนื่องจากอาจารย์พิมลซึ่งอาจจะอธิบายแล้ว
00:25:06 → 00:25:09 ก็ได้ความเข้าใจค่อนข้างมากะนี่ก็เป็นอีก
00:25:09 → 00:25:11 อีกทางเลือกหนึ่งคือโดยทั่วไปเนี่ยอย่าง
00:25:11 → 00:25:14 ที่อาจารย์พิมนว่าไปเนี่ยทางเลือกเช่น
00:25:14 → 00:25:17 ปฏิบัติตนลดน้ำหนักอนามัยการนอนการใช้
00:25:17 → 00:25:20 เครื่อง Cab เครื่องทันตอุปกรณ์อะไรพวก
00:25:20 → 00:25:23 นี้ก็ก็เป็นแบบที่ไม่ต้องผ่าตัดนะครับที
00:25:23 → 00:25:25 นี้บางทีเราอาจจะต้องอาศัยการผ่าตัดหรือ
00:25:26 → 00:25:29 ว่าอาจจะอาศัยหลายๆอย่างร่วมกันก็มีนะ
00:25:29 → 00:25:32 ครับทีนี้เราจะเลือกยังไงเราก็จะดูว่ามี 1
00:25:32 → 00:25:35 ปัจจัยเกี่ยวกับโรคนะฮะมันเป็นยังไงบ้าง
00:25:35 → 00:25:37 อันที่ 2 ปัจจัยเกี่ยวกับตัวคนไข้เองนะ
00:25:37 → 00:25:39 ครับแล้วก็อันที่ 3 เนี่ยปัจจัยเกี่ยวกับ
00:25:39 → 00:25:43 อ่าอ่าวิธีการรักษานะครับปัจจัยเกี่ยวกับ
00:25:43 → 00:25:47 โรคนี่ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับอ่าสรีระทาง
00:25:47 → 00:25:49 กายภาพทางเดินหายใจของแต่ละคนเป็นยังไง
00:25:49 → 00:25:53 ต้นเหตุมันมีตรงไหนนะฮะแล้วก็ความรุนแรง
00:25:53 → 00:25:56 ของโรคเนี่ยตรวจ Sleep laap ออกมาแล้ว
00:25:56 → 00:25:58 มันเป็นยังไงหยุดหายใจแบบไหนรุแรงแค่ไหน
00:25:59 → 00:26:01 นะครับรวมถึงว่าเอ่อปัจจัยเกี่ยวกับคนไข้
00:26:01 → 00:26:04 เนี่ยคนไข้สุขภาพพื้นฐานเป็นไงอายุเท่า
00:26:04 → 00:26:08 ไหร่แล้วแล้วก็อ่าคิดว่ามีโรคประจำตัว
00:26:08 → 00:26:10 อะไรมยจะให้ความร่วมมือในการรักษาอะไร
00:26:10 → 00:26:12 อย่างงี้หรือเปล่านะครับแล้วก็รวมถึงการ
00:26:13 → 00:26:15 รักษาเนี่ยก็มีข้อดีก็เสียรวมถึงค่าใช้
00:26:15 → 00:26:18 จ่ายด้วยนะครับทีนี้ตรวจร่างกายบางคนก็
00:26:19 → 00:26:23 จมูกคดนะฮะจมูกข้างข้างขวาแค่แคบนิดเดียว
00:26:23 → 00:26:26 ข้างซ้ายก็กว้างหน่อยบางคนก็จมูกหย่อน
00:26:26 → 00:26:30 แล้วก็ตีบนะครับบางคนดูคางก็เนี่ยฮะดูโหง
00:26:30 → 00:26:34 เหงปั๊บรู้เลยว่าเป็นโรคนะดูปั๊บคนนี้รู้
00:26:34 → 00:26:37 เลยนอนกลแหงๆเลยบางคนดูเผินๆไม่รู้เอ๊ะดู
00:26:37 → 00:26:41 ไม่น่าเป็นไรดูเข้าไปโหลิ้นไก่ยาวเทโหข้อ
00:26:41 → 00:26:43 นิ้วก้อยเลยทอนซินโตมาเริ่มเลยเนี่ยฮะ
00:26:43 → 00:26:47 ทอนซินมาชนกันนะนี่คนไข้จริงๆที่เราถ่าย
00:26:47 → 00:26:50 มาจากจากในที่เราตรวจทั้งนั้นนะฮะริสดวง
00:26:51 → 00:26:55 จมูกนะจมูกคดมีแงงกระดูกมีไซนัสก็มีนะ
00:26:55 → 00:27:00 ครับเ่อเนี่ยทอนซินโตจนโหแทบทางเดินหายใจ
00:27:00 → 00:27:03 ทิดกันเลยนะฮะนี่เนื้องอกก็มีนะฮะเนื้อ
00:27:03 → 00:27:06 งอกต่อมทอนซินนี่ก็เป็นเนื้องอกไขมันแล้ว
00:27:06 → 00:27:09 ก็มีเ่อมะเร็งต่อมทอนซินนะฮะอันนี้ก้อน
00:27:10 → 00:27:13 เนื้องอกที่ฝาปิดกล่องเสียงนะครับอันนี้
00:27:13 → 00:27:15 ทอนซินที่โคนลิ้นแล้วก็อันนี้ก็เป็นต่อม
00:27:15 → 00:27:19 อดีนอยนะครับต่อมอดีนอยในในเด็กนะฮะนะ
00:27:19 → 00:27:22 หรือว่าตรงนี้ก็เป็นรูปของฝาปิดกล่อง
00:27:22 → 00:27:26 เสียงนะฮะในเด็กที่มันอ่าผิดปกตินะครับจะ
00:27:26 → 00:27:29 เห็นว่ามีจริงๆแล้วถ้ามาตรวจแล้วเราก็อาจ
00:27:29 → 00:27:32 จะเจอหลายๆอย่างที่มันผิดปกตินะฮซึ่งหลาย
00:27:33 → 00:27:36 ๆอย่างในนี้เราก็แก้ไขได้นะถ้าโชคดีเจอ
00:27:36 → 00:27:41 แก้ไขได้ก็อาจจะรักษาได้เลยนะฮะนี้จุด
00:27:41 → 00:27:44 ประสงค์ของการผ่าตัดก็คือว่าในกรณีที่ใช้
00:27:44 → 00:27:46 เครื่องไม่ได้หรือว่ามีสาเหตุที่ผิดปกติ
00:27:46 → 00:27:49 เี่เราก็อาจจะทำการรักษาเพื่อแก้ที่ต้น
00:27:49 → 00:27:52 เหตุไปเลยถ้าถ้าถ้าถ้าเราตรวจพบนะฮะทีนี้
00:27:52 → 00:27:54 ก่อนก่อนเราจะผ่าตัดเราจะทำไงบ้างเราก็
00:27:54 → 00:27:57 ต้องตรวจทางเดินหายใจอาจจะต้องมีการส่อง
00:27:57 → 00:27:59 กล้องนะฮะอย่างที่ที่ห้องตรวจทางหูกจมูก
00:27:59 → 00:28:02 ก็จะ่องกล้องตรวจดูก่อนทุกรายนะฮะบางคน
00:28:02 → 00:28:06 เนี่ยอาจจะยังไม่ชัดเจนว่ามันตีบตรงไหนนะ
00:28:06 → 00:28:09 บางคนก็จะไปให้นอนให้นอนหลับแล้วก็ส่อง
00:28:09 → 00:28:13 ตอนนอนเลยว่าเอ่อหลับแล้วเนี่ยมันกนตรง
00:28:13 → 00:28:16 ไหนตรงไหนมันเป็นต้นเหตุที่มันอุดกั้นนะ
00:28:16 → 00:28:19 ฮะเเรียกว่า Sleep endoscopy หมายถึงว่า
00:28:19 → 00:28:22 ให้นอนนะฮะทำทำตอนที่หลับอยู่นะครับหรือ
00:28:22 → 00:28:25 อาจจะมีการเซเรย์กะโหลกศีรษะนะครับอย่าง
00:28:25 → 00:28:28 เงี้ยเป็นต้นนะเราก็มาวิเคราะห์ดูอาจจะ
00:28:28 → 00:28:32 อ่าตรงมันตีบแคบตรงนี้ตรงนี้นะนี่ปกติมัน
00:28:32 → 00:28:35 กว้างคนเป็นโรคนี่เห็นมทางเดินหายใจมัน
00:28:35 → 00:28:38 แคบนิดเดียวเองนะครับนี่ก็เวลานอนเนี่ย
00:28:38 → 00:28:42 เราก็จะดูเช่นเอ่อเฮตอนตื่นเนี่ยทางเดิน
00:28:42 → 00:28:45 หายใจกว้างขนาดนี้แต่เวลานอนปั๊บเหลือแค่
00:28:45 → 00:28:49 นี้เองลิ้นตกไปบังนะฮะเป็นต้นหรือบางคนฝา
00:28:49 → 00:28:52 ปิดกล่องเสียงเนี่ยมันพับลงไปปิดทางเดิน
00:28:52 → 00:28:56 เหตใจก็มีนะฮะทีนี้พอเราได้ข้อมูละเราก็
00:28:56 → 00:29:01 มาดูว่าเราจะอ่าเลือกรักษาแบบไหนนี้ก็เ่อ
00:29:01 → 00:29:04 การผ่าตัดเล็กได้แก่อันหนึ่งนะในส่วนของ
00:29:04 → 00:29:08 ถ้าเกิดเราตรวจพบะว่าทางเพดานเนี่ยมัน
00:29:08 → 00:29:12 หย่อนนะครับเพราะว่ามันนิ่มเช่นบางคนอายุ
00:29:13 → 00:29:16 เยอะดูช่องคอก็ไม่ได้แคบอะไรมากหรอกแต่
00:29:16 → 00:29:20 เป็นเพราะว่ามันหย่อนมันมันนิ่มนะอันนี้
00:29:20 → 00:29:23 ก็เหมือนกับฝังไหมเข้าไปเข้าไปให้มันตึง
00:29:23 → 00:29:27 ขึ้นเหมือนฝังไหมร100รไหมดึงหน้าเงี้ยก็
00:29:27 → 00:29:30 เป็นฝังเข้าไปก็เหมือนร้อยดึงเพดานอ่อน
00:29:30 → 00:29:32 อันนี้ก็หมายถึงเปรียบเปรียบเทียบให้ฟัง
00:29:33 → 00:29:36 นะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ก็เป็นกรณีที่มัน
00:29:36 → 00:29:39 เป็นเนื้อมันหย่อนแล้วก็อ่าเป็นไม่ได้รุน
00:29:39 → 00:29:43 แรงอะไรนะครับอันที่ 2 ก็คือการใช้ชความ
00:29:43 → 00:29:47 ถี่วิทยุนะครับภาษาอ่าอังกฤษเขาเรียกว่า
00:29:47 → 00:29:51 RF นะฮะก็ Radio frequency ชื่อชื่อบอก
00:29:51 → 00:29:55 ตรงๆก็ใช้คลื่นความร้อนเข้าไปที่ให้มัน
00:29:56 → 00:29:59 ยุบลงนะฮะที่ใช้เยอะๆหน่อยก็คือทำที่จมูก
00:29:59 → 00:30:04 นะคนจำนวนมากเลยเนี่ยนะฮะเป็นนอนกลแล้วก็
00:30:04 → 00:30:07 มีเรื่องจมูกบัวมีภูมิแพ้ด้วยหรือว่าบาง
00:30:07 → 00:30:11 คนใช้ซีบแล้วแสบจมูกคัดจมูกเงี้ยนะฮพ่นยา
00:30:11 → 00:30:15 ไม่ค่อยดีขึ้นมากก็เราก็เอามาลองทางเลือก
00:30:15 → 00:30:19 นี้ดูก็ทำใช้จิตพ่นยาชาจิตยาชาทำนะฮะใช้
00:30:19 → 00:30:23 เวลาทั้งหมด 5 นาที 10 นาทีนอกจากการอ่า
00:30:23 → 00:30:27 จี้ความถี่วิทยุและบางคนจมูกคดนะจมูกคด
00:30:27 → 00:30:30 เนี่ยที่ยังไงมันก็ไม่ตรงอ่ะคือมันก็คด
00:30:30 → 00:30:31 อยู่นั่นถ้าเรา
00:30:31 → 00:30:34 เ่อไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุเนี่ยบางทีช่อง
00:30:35 → 00:30:38 จมูกมันก็แคบนะฮะหายใจมันก็ไม่ดีก็ก็ลอง
00:30:38 → 00:30:41 คุยดูว่าเอามาดัดให้ตรงเนี่ยก็ใช้แผลก็
00:30:41 → 00:30:44 ซ่อนอยู่ข้างในจมูกนะฮะอย่าาเอแผลยาวสัก
00:30:44 → 00:30:48 ประมาณเซมนึงซ่อนอยู่ในในในจมูกเนี่ยไม่
00:30:48 → 00:30:51 มีแผลที่ที่หน้าเทำสักประมาณครึ่งชั่วโมง
00:30:52 → 00:30:54 ชั่วโมงนึงนะฮะแล้วก็จี้ความถี่วิทยุด้วย
00:30:54 → 00:30:58 แต่ว่าอาจจะอันนี้อาจจะทำเยอะขึ้นนิดนึง
00:30:58 → 00:31:00 นะฮะเพราะฉะนั้นก็อาจจะต้องนอนโรงพยาบาล
00:31:00 → 00:31:03 สักวัน 2 วันนะครับนี่ก็เป็นการดัดผนัง
00:31:03 → 00:31:06 กั้นช่องจมูกให้ตรงนะฮะซึ่งนอกจากใช้
00:31:06 → 00:31:09 เครื่อง cpap หลายๆคนก็ก็จะดีขึ้นแล้วก็
00:31:09 → 00:31:13 เนี่ยก็จะมีคนที่ใช้ทันตอุปกรณ์นะบางคน
00:31:13 → 00:31:15 เขาอ้าปากหายใจใส่เครื่องมือฟันไม่ได้
00:31:15 → 00:31:19 เนี่ยพอจมูกโล่งหายใจทางจมูกได้ก็ใส่
00:31:19 → 00:31:22 เครื่องมืออย่างอื่นก็ดีขึ้นได้นะฮะการ
00:31:22 → 00:31:27 ผ่าตัดแก้ไขเพดานลิ้นไก่ก็บางคนนี่ก็ลิ้น
00:31:27 → 00:31:29 ไก่ยาวประมาณซัก
00:31:29 → 00:31:34 เอ่อ 3 ซมก็มีเคยเจอนะฮะ 2 ซมก็ก็มีเพราะ
00:31:34 → 00:31:38 ฉะนั้นในกลุ่มอย่างนั้นเนี่ยปั๊บก็ทำการ
00:31:38 → 00:31:41 ผ่าตัดพวกนี้ก็คนไข้ก็รู้สึกหูหายใจโล่ง
00:31:41 → 00:31:44 ขึ้นชัดเจนเลยนะฮะเสียงกลอะไรก็เบาลงก็
00:31:44 → 00:31:46 แต่ก็ไม่ได้เจอบ่อยมากที่จะเป็นอย่างนั้น
00:31:46 → 00:31:49 นะครับซึ่งเครื่องมือที่ใช้อาจจะมีเป็น
00:31:49 → 00:31:52 เลเซอร์มีใช้จี้ไฟฟ้าหรือว่าใช้ความถิ
00:31:52 → 00:31:55 วิทยุก็อันนี้ก็แล้วแต่นะครับเป็นเรื่อง
00:31:55 → 00:31:59 เชิงเทคนิคนะครับเอ่อบางคนก็เดานหย่อนมาก
00:31:59 → 00:32:03 ก็เหมือนเอ่อทุกอย่างมันหย่อนมันตกลงมา
00:32:03 → 00:32:06 ต่ำเลยแล้วก็ผ่าก็คล้ายๆดึงหน้าเงี้ยนะฮะ
00:32:06 → 00:32:10 ก็ยกเพดานยกอะไรขึ้นไปข้างบนก็ช่องคอจะ
00:32:10 → 00:32:13 เห็นว่ามันกว้างขึ้นโล่งขึ้นแต่ยังไงก็
00:32:13 → 00:32:16 ตามโลกเนื่องจากว่าเราพออายุมากขึ้นแรง
00:32:16 → 00:32:19 ล้มถ่วงมันก็ดึงเราอยู่ทุกวันนะฮะนะฮะมัน
00:32:19 → 00:32:23 ก็อาจจะเ่าดีขึ้นในอาจจะดีขึ้นหลายๆปี
00:32:23 → 00:32:27 หรือยังไงหรือแสสักวันนึงมันก็มีแนวโน้ม
00:32:27 → 00:32:30 ที่มีมีโอกาสที่จะหย่อนตามแรงล้มถ่วงลงมา
00:32:30 → 00:32:34 ได้นะฮะการผ่าตัดต่อมทอนซินต่อมอดีนอยใน
00:32:34 → 00:32:37 เด็กเนี่ยก็ก็เป็นการผ่าตัดที่ทำบ่อยที่
00:32:37 → 00:32:40 สุดในเด็กนะครับมีการทำประจำปีก็เป็นร้อย
00:32:40 → 00:32:44 ๆเคสนะฮะเพราะฉะนั้นเอ่อใช้เวลาทำก็
00:32:44 → 00:32:46 ประมาณครึ่งชั่วโมงนะครึ่งชั่วโมงถึงไม่
00:32:46 → 00:32:48 เกินชั่วโมงนึงความความเสี่ยงจากการผ่า
00:32:48 → 00:32:51 ตัดจากสถิติที่ที่เราย้อนหลังมานี่คือไม่
00:32:51 → 00:32:55 ถึง 1% ที่จะมีปัญหาหลังหลังผ่าตัดนะฮะ
00:32:55 → 00:32:58 แต่โดยทั่วไปถ้าอายุเด็กอายุน้อยๆน้อย
00:32:58 → 00:33:00 กว่า 2 ขวบหรืออะไรพวกนี้จะมีความเสี่ยง
00:33:00 → 00:33:02 มากขึ้นนะฮะหรือว่าถ้าหยุดหายใจรุนแรงก็
00:33:02 → 00:33:05 จะมีความเสี่ยงมากขึ้นนะครับการผ่าตัดแก้
00:33:05 → 00:33:09 ไขอ่าเพดานอ่อนช่องคอคือถ้าถ้าถ้าดูของ
00:33:09 → 00:33:14 ฝรั่งเนี่ยตำราฝรั่งก็จะผ่าแบบโอคว้าน
00:33:14 → 00:33:17 เกลี้ยงเลยแล้วผลก็ไม่ค่อยดีอะไรเงี้ยนะ
00:33:17 → 00:33:20 ฮะแต่ว่าทางของศิริราชนี่เราก็จะไม่ได้ทำ
00:33:20 → 00:33:23 เหมือนในตำราต่างประเทศอะไรสักเท่าไหร่นะ
00:33:23 → 00:33:26 ฮะซึ่งก่อนผ่าตัดพวกเนี้ยเราจะดูกลุ่มที่
00:33:26 → 00:33:29 ได้ผลที่ค่อนค่อนข้างที่จะดีๆหน่อยเนี่ย
00:33:29 → 00:33:33 คือกลุ่มที่ทอนซินโตๆแล้วก็ไม่อ้วนนะฮนะ
00:33:33 → 00:33:38 ฮะตรงนี้ก็ถ้าใครนอนกลมาแล้วตรวจปุ๊บโอ๊
00:33:38 → 00:33:42 ทนซินโตนะแล้วก็ลิ้นไก่ยาวแล้วไม่อ้วนมาก
00:33:42 → 00:33:47 นะกลุ่มนี้มีลุ้นมีลุ้นว่าอาจจะอ่าอาจจะ
00:33:47 → 00:33:49 อาจจะไม่ต้องมีหน้ากากหรือมีอุปกรณ์ก็ก็
00:33:49 → 00:33:52 มีลุ้นอยู่นะฮะเดี๋ยวนี้ก็มีฝังเครื่อง
00:33:52 → 00:33:54 กระตุ้นหัวใจคล้ายๆเมออะไรเงี้ยอันนี้ก็
00:33:55 → 00:33:58 จะเป็นฝังเข้าไปแล้วก็ไปกระตุ้นที่ปลาย
00:33:58 → 00:33:59 ประสาทโคนลิ้นตอนกลางวันก็ไม่มีอะไร
00:33:59 → 00:34:02 เหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนกลางคืนก็เปิด
00:34:02 → 00:34:05 กดรีโมท Control ให้เริ่มทำงานให้
00:34:05 → 00:34:08 สัมพันธ์กับการหายใจพวกนี้มันจะออโต้เวลา
00:34:08 → 00:34:11 หายใจเข้าออกเข้าออกคือถ้าเมื่อไหร่พระ
00:34:11 → 00:34:14 จามรู้สึกหายใจมันแรงขึ้นรู้สึกว่ามันอึด
00:34:14 → 00:34:18 อัดขึ้นมันก็จะส่งไปกระตุ้นให้ให้ลิ้นมัน
00:34:18 → 00:34:21 มีการขยับให้ทางเดินหายใจมันโล่งขึ้นนะ
00:34:21 → 00:34:25 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่หายใจสบายปกติเนี่ย
00:34:25 → 00:34:28 นะฮะมันก็จะไม่ได้ปล่อยกระกระแสไฟฟ้าออก
00:34:28 → 00:34:32 มาตรงนี้ก็ดูมีงานวิจัยมากขึ้นแล้วก็เอ่อ
00:34:32 → 00:34:35 ดูเหมือนจะเป็นจุดที่สนใจมากขึ้นใน
00:34:35 → 00:34:37 ปัจจุบันนะ
00:34:37 → 00:34:43 [เพลง]
00:34:43 → 00:34:47 ฮะช่วงนี้พบกับการบรรยายในหัวข้อสร้าง
00:34:47 → 00:34:50 เสริมสุขอนามัยการนอนหลับโดยอาจารย์แพทย์
00:34:50 → 00:34:53 หญิงพิมลรัตนาอัมพวันจากสาขาโรคระบบการ
00:34:53 → 00:34:57 หายใจและวัณโรคภาคอวิชาอายุรศาสตร์คณะ
00:34:57 → 00:35:00 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัย
00:35:00 → 00:35:04 มหิดลจริงๆแล้วนาฬิกาในสมองของคนเรามันจะ
00:35:04 → 00:35:07 24 กว่าๆชั่วโมงคือมันไม่ตรงกับรอบของ
00:35:07 → 00:35:10 นาฬิกาบนพื้นโลกแต่ทุกครั้งที่เราตรงกับ
00:35:10 → 00:35:13 ชาวบ้านเขาได้เพราะทุกครั้งในตอนเช้าเรา
00:35:13 → 00:35:17 จะมีการรีเซตนะคะก็คือมีการปรับศูนย์ใหม่
00:35:17 → 00:35:20 ทุกรอบเมื่อตอนที่เราโดนแสงอาทิตย์นะคะ
00:35:20 → 00:35:23 แสงอาทิตย์จะเข้าสู่ลูกกตาของเรานะคะตรง
00:35:23 → 00:35:26 จอปสาทตาจอปสาทตาก็จะทำหน้าที่ไปสั่งที่
00:35:26 → 00:35:29 บริเวณตใต้สมองนะคะที่เรียกว่า
00:35:29 → 00:35:33 ไฮโปทาลามัสนะคะที่เขาปกติแล้วมีหน้าที่
00:35:33 → 00:35:35 สร้างเมลาโทนินนะคะตัวนี้ถ้าเรามี
00:35:35 → 00:35:40 เมลาโทนินเราก็จะง่วงนะฮะแต่ถ้าเราโดนแสง
00:35:40 → 00:35:44 ไปผ่านม่านตาเข้าไปในสมองมันก็จะไปยับ
00:35:44 → 00:35:46 ยั้งการสร้างเมลาโทนินเพราะฉะนั้นเราก็ทำ
00:35:47 → 00:35:49 ให้เราไม่มีเมลาโทนินสร้างในตอนกลางวัน
00:35:49 → 00:35:51 เพราะเราโดนแสงอาทิตย์เราก็จะตื่นมาสด
00:35:51 → 00:35:54 ชื่นแต่พอเริ่มสลัวๆตอนเย็นปุ๊บแสง
00:35:54 → 00:35:57 อาทิตย์หายไปเป็นไงคะเมลาโทนินก็จะเริ่ม
00:35:57 → 00:35:59 กลับมาสร้างใหม่อันนั้นคือลักษณะนาฬิกา
00:35:59 → 00:36:02 ชีวิตที่โดนควบคุมด้วยเมลาโทนินแล้วก็รูป
00:36:02 → 00:36:04 แบบการนอนอันนี้ดูอยู่แล้วนะคะว่าเด็กแรก
00:36:04 → 00:36:07 เกิดก็จะนอนแบบนี้พอโตขึ้นก็จะเริ่มนอน
00:36:07 → 00:36:10 ยาวขึ้นอ่าในช่วงกลางคืนแล้วก็ในวัยผู้
00:36:10 → 00:36:12 ใหญ่สิ่งที่เราอยากได้นะคะก็คือจำนวน
00:36:12 → 00:36:14 ชั่วโมงที่บอกว่าปริมาณการนอนต้องเหมาะสม
00:36:14 → 00:36:17 เนี่ยก็คือขึ้นอยู่กับเพศขึ้นอยู่กับวัย
00:36:17 → 00:36:19 แล้วก็ขึ้นอยู่กับคนคนนั้นๆนะคะแต่ละคน
00:36:19 → 00:36:21 ต้องการไม่เท่ากันแต่โดยเฉลี่ยที่เขา
00:36:21 → 00:36:25 ศึกษามาก็อยู่ประมาณนี้นะคะ 7-9 ชมงนะคะ
00:36:25 → 00:36:27 อันนี้วัดกันง่ายเพราะเราก็จะรู้แล้วว่า
00:36:27 → 00:36:30 เรานอนกี่ชั่วโมงนะคะแต่สิ่งที่เราอยาก
00:36:30 → 00:36:33 ได้คือคุณภาพเพราะฉะนั้นเราจะต้องเตรียม
00:36:33 → 00:36:35 ความพร้อมของก่อนการเข้านอนของเรานะคะ
00:36:35 → 00:36:38 เตรียมให้มีความพร้อมสพร้อมโดยที่ก่อนค่า
00:36:38 → 00:36:39 ที่จะเตรียมความพร้อมเราต้องมีความสม่ำ
00:36:39 → 00:36:42 เสมอของมันก่อนคือต้องนอนให้เป็นเวลานะคะ
00:36:42 → 00:36:45 เข้านอนตื่นนอนเเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วก็
00:36:45 → 00:36:47 เป็นเวลาเดิมๆทุกๆวันนะคะไม่ใช่วันนี้
00:36:47 → 00:36:50 อยากจะนอน 23:00 นวันนี้มีบอลขอนอน 2:00
00:36:50 → 00:36:52 นอะไรเงี้ยมันก็จะทำให้การนอนของเราปรวน
00:36:52 → 00:36:54 แปรแล้วก็นาฬิกาชีวิตเราก็จะงงมากนะคะว่า
00:36:54 → 00:36:57 เราจะนอนกี่โมงนะแล้วก็มีความเตรียมอ่า
00:36:57 → 00:37:00 เตรียมการพร้อม 2 ความพร้อมนะคะอันแรกก็
00:37:00 → 00:37:02 คือเตรียมห้องนอนให้พร้อมแล้วก็เตรียมตัว
00:37:02 → 00:37:06 เราเองให้พร้อมสำหรับการนอนนะคะอันนี้คน
00:37:06 → 00:37:09 คงดูออกเป็นไงคะอันนี้พร้อมมั้ย
00:37:09 → 00:37:12 คะพร้อมมากๆนะคะวัยรุ่นไม่มีปัญหาเพราะเ
00:37:12 → 00:37:15 ไม่มีปัญหาการนอนเ้านอนไหนหลับหมดนะคะแต่
00:37:15 → 00:37:17 จริงๆห้องนอนอย่างนี้เป็นห้องนอนที่ไม่
00:37:17 → 00:37:20 พร้อมสำหรับการนอนเป็นห้องนอนที่มีเอ่อ
00:37:20 → 00:37:24 สุขลักษณะที่ไม่ดีมีกลิ่นนะคะมีความสกปรก
00:37:24 → 00:37:26 อาจจะกระตุ้นภูมิแพ้คนที่เป็นอยู่เก่าก็
00:37:26 → 00:37:28 อาจจะกำเริบตอนเข้าห้องนอนลองสังเกตดูนะ
00:37:29 → 00:37:31 คะว่าทำไมคนเป็นภูมิแพ้ถึงมักจะเป็นตอน
00:37:31 → 00:37:33 เข้าห้องนอนเพราะว่าอากาศมันเย็นแล้วอีก
00:37:33 → 00:37:35 นึงก็สิ่งแวดล้อมในห้องนอนนะคะอย่าลืมว่า
00:37:35 → 00:37:37 ห้องนอนเป็นห้องที่เราใช้นานที่สุดใน
00:37:37 → 00:37:39 บรรดาห้องทั้งหมดถต้องลงทุนอะไรกับตัว
00:37:39 → 00:37:42 บ้านเสียบ้านมากี่ล้านไม่รู้แต่ต้องลงทุน
00:37:42 → 00:37:44 กับห้องนอนให้สูงสุดเพราะว่าเป็นห้องที่
00:37:44 → 00:37:47 เราใช้เยอะที่สุดนะคะห้องนี้ 2 ห้องนี้ดู
00:37:48 → 00:37:50 จะดีนะคะดูเป็นห้องที่มีเตียงสะอาดๆมีไฟ
00:37:51 → 00:37:55 สลัวสลัวเป็นดิมไทนะคะก็คือไฟเอ่อนๆมืดๆ
00:37:55 → 00:37:59 หน่อยพร้อมสำหรับการนอนนะคะแต่สิ่งที่ดู
00:37:59 → 00:38:01 อันนี้อีกอันนึงห้องนี้ก็ดูหน้าน่าจะนอน
00:38:01 → 00:38:05 ดีนะคะสะอาดเอี่ยมอุปกรณ์ครบคลันนะคะส่วน
00:38:05 → 00:38:08 ใหญ่จะเป็นห้องในโรงแรมที่ดูบรรยา
00:38:08 → 00:38:12 บรรยากาศมันดูน่านอนแต่สิ่งที่เราอาจจะ
00:38:12 → 00:38:17 ละเลยก็คืออันนี้ทีวีจอยักษ์ห้องนอนมีไว้
00:38:17 → 00:38:19 นอนเพราะฉะนั้นถ้าจะทำอะไรให้ไปทำที่อื่น
00:38:19 → 00:38:22 นะคะไม่ว่าจะเป็นดูโทรทัศน์ทำงานนั่งทำ
00:38:22 → 00:38:24 นู่นทำนี่อ่านหนังสือให้ไปทำนอกห้องนอน
00:38:24 → 00:38:26 ถ้าเป็นไปได้แต่ในบางข้อจำกัดเราอาจจะทำ
00:38:26 → 00:38:28 ไม่ได้ด้วยสถานที่ในบ้านเรามีอยู่เท่า
00:38:28 → 00:38:31 นั้นเราก็หลบหนีไปที่อื่นไม่ได้นะคะแต่
00:38:31 → 00:38:33 สิ่งที่เป็นปัญหาคืออันเนี้ยจงใจให้นอนบน
00:38:34 → 00:38:36 เตียงเพื่อดูโทรทัศน์ถูมอันนี้เป็น
00:38:36 → 00:38:38 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำนะคะเป็นหนึ่งใน
00:38:38 → 00:38:40 พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าเราต้องการ
00:38:40 → 00:38:44 สุขอนามัยการนอนที่ดีนะคะอันต่อมาความ
00:38:44 → 00:38:47 พร้อมของห้องนอนนอกจากสถานที่สะอาดสะอ้าน
00:38:47 → 00:38:49 ไม่มีอุปกรณ์อื่นแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงไว้
00:38:50 → 00:38:53 ก็คือต้องเงียบนะฮะเงียบพอพอสมควรนะคะ
00:38:53 → 00:38:55 แล้วก็ไม่มีเสียงรบกวนเช่นไม่มีเด็กอ่อน
00:38:55 → 00:38:58 อยากเลี้ยงหลานส่วนใหญ่รุ่นย่ารุ่นยาย
00:38:58 → 00:39:00 ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่เลี้ยงหลานเป็นความ
00:39:00 → 00:39:03 สุขอันนึงในชีวิตแต่บอกได้เลยว่ารุ่นย่า
00:39:03 → 00:39:06 รุ่นยายจะไม่เหมาะในการเลี้ยงหลานตอนกลาง
00:39:06 → 00:39:08 คืนนะคะเลี้ยงกลางวันได้รอพ่อแม่เมาแล้ว
00:39:08 → 00:39:11 ก็ให้พ่อแม่เเอากลับไปนะคะไปนอนห้องนอน
00:39:11 → 00:39:14 เค้าเราดูแลแต่ตอนกลางวันนะคะไม่งั้นเรา
00:39:14 → 00:39:16 ก็จะกลายเป็นกลุ่มที่การนอนไม่มีคุณภาพ
00:39:16 → 00:39:20 เพราะเด็กอรจะกวนเราตลอดเวลานะคะหรือว่า
00:39:20 → 00:39:23 บางคนที่ยอมให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปในห้อง
00:39:23 → 00:39:25 นอนยิ่งซ้ำร้ายเพราะสัตว์เลี้ยงก็จะนอน
00:39:25 → 00:39:27 ไม่เหมือนเราถูกมั้ยคะเดี๋ยวก็ตะกุย
00:39:27 → 00:39:29 เดี๋ยวก็อะไรทำให้เรามีปัญหาในการตื่น
00:39:29 → 00:39:33 ขึ้นมาแล้วอย่าลืมว่าวัยขนาดนี้แล้วตื่น
00:39:33 → 00:39:35 มาแล้วจะมีปัญหาในการผลอยหลับไปครั้งใหม่
00:39:35 → 00:39:38 คือจะมีปัญหามากๆในการหลับครั้งครั้งต่อ
00:39:38 → 00:39:41 ไปอันต่อมาตัวเราพร้อมนะคะนอกจากเตรียม
00:39:41 → 00:39:43 ห้องนอนให้พร้อมตัวเราก็ต้องพร้อมด้วยนะ
00:39:43 → 00:39:47 คะก็คือตื่นหลับให้เป็นเวลานะคะไม่ใช่วัน
00:39:47 → 00:39:50 นี้นอนไม่หลับเลยขอต่อขอต่อส 300 นแล้ว
00:39:50 → 00:39:52 1600 นแล้วก็ยังไม่ลุกอย่างนี้ไม่ได้นะ
00:39:52 → 00:39:55 คะจะนอนดีไม่ดียังไงต้องตื่นเป็นเวลานะฮะ
00:39:55 → 00:39:58 อันที่ 2 หลีกเลียการนอนกลางวันการนอนที่
00:39:58 → 00:40:01 ดีควรจะนอนเป็นช่วงต่อเนื่องกันยาวๆใน
00:40:01 → 00:40:05 ช่วงกลางคืนนะคะแล้วก็จำนวนชั่วโมงที่
00:40:05 → 00:40:07 อยู่บนเตียงก็ควรจะต้องเหมาะสมอย่างที่
00:40:07 → 00:40:09 บอกก็คือถ้ายิ่งนอนไม่หลับเราก็จะมีการ
00:40:09 → 00:40:12 เผื่อเอ้ยขอเพิ่มความอ่าชั่วโมงบนเตียง
00:40:12 → 00:40:14 เยอะขึ้นเผื่อจะได้มีโอกาสผอยหลับมากมาก
00:40:14 → 00:40:16 ขึ้นอย่างงั้นไม่ได้จะยิ่งนอนไม่หลับไป
00:40:16 → 00:40:19 กันใหญ่นะคะก็ต้องเหมาะสมไม่สั้นหรือยาว
00:40:19 → 00:40:22 เกินไปดื่มน้ำนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหานะคะ
00:40:22 → 00:40:25 ในคนเ่อสูงอายุเพราะว่าคนสูงอายุส่วนใหญ่
00:40:25 → 00:40:27 จะมีปัญหาในเรื่องของปัสสาวะง่ายอยู่แล้ว
00:40:27 → 00:40:29 คือกลั้นปัสสาวะได้ไม่ดีเพราะฉะนั้นตอน
00:40:29 → 00:40:32 กลางคืนก็จะมีปัญหาตื่นขึ้นมาปัสสาวะเป็น
00:40:32 → 00:40:34 พื้นฐานอยู่แล้วบ้าง 1-2 ครั้งแต่ถ้าเรา
00:40:34 → 00:40:38 ดื่มน้ำเยอะเกินไปนะคะบางคนสอนเนาะเไปฟัง
00:40:38 → 00:40:40 คำเข้ามาว่าดื่มน้ำเยอะๆเพราะว่าช่วงกลาง
00:40:40 → 00:40:42 คืนเป็นช่วงที่เราหลับอาจจะยาว 6 ช่ม 7
00:40:43 → 00:40:45 ชั่วมงเดี๋ยวเราจะขาดน้ำไปลักษณะแบบนั้น
00:40:45 → 00:40:47 แต่บอกได้เลยนะคะว่าคนเรามันไม่มีทางขาด
00:40:47 → 00:40:51 น้ำตายถูกมั้ยคะถ้าตราบใดที่เรายังรู้ตัว
00:40:51 → 00:40:54 เราหิวเราก็จะตื่นขึ้นมารับประทานดื่มน้ำ
00:40:54 → 00:40:57 ของเราเองนะคะเราไม่ใช่พวกที่ช่วยเหลือ
00:40:57 → 00:41:00 ตัวเองไม่ได้เช่นอ่าคนไข้อัมพฤกษ์อัมพาต
00:41:00 → 00:41:03 ที่นอนแล้วอาจจะร้องขอไม่ได้ว่าขาดน้ำ
00:41:03 → 00:41:06 อย่างงั้นอันนั้นกรณีตยกเว้นนะคะแต่ใน
00:41:06 → 00:41:07 กรณีที่อย่างเงี้ยเราจะดื่มน้ำแค่พอ
00:41:07 → 00:41:10 ประมาณแค่ทำให้เรารู้สึกไม่กระหายน้ำใน
00:41:10 → 00:41:13 กลางดึกนะคะแต่ไม่ต้องถือถี่ขณะที่แบบ
00:41:13 → 00:41:15 ตื่นขึ้นมาปัสสาวะทั้งคืนเพราะฉะนั้นแต่
00:41:15 → 00:41:16 ละครั้งที่ตื่นขึ้นมาเราจะต้องเสียไป
00:41:17 → 00:41:19 อย่างน้อย 20-30 นาทีในการลอยหลับครั้ง
00:41:19 → 00:41:21 ใหม่นะคะทำให้จำนวนชั่วโมงในการหลับจริง
00:41:22 → 00:41:26 ของเรายิ่งลดลงนะคะอีกอันอันสุดท้ายก็คือ
00:41:26 → 00:41:28 หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นก่อนเข้านอนสิ่ง
00:41:28 → 00:41:31 กระตุ้นก็มีหลายอย่างนะฮะอาหารมื้อหลัก
00:41:31 → 00:41:34 หนักๆใหญ่ๆมื้อใหญ่ๆเพราะว่าทำเป็นไงคะ
00:41:34 → 00:41:39 หายใจเข้ายากพะเราเคยกินอิ่มจนจุกมั้ยคะ
00:41:39 → 00:41:42 หายใจยากมากเลยนะคะเพราะว่าท้องมันโดนดัน
00:41:42 → 00:41:44 ถูกมั้ยคะกระบังลมมันเอาชนะไอ้พุงที่มัน
00:41:45 → 00:41:47 ใหญ่ขึ้นไม่ได้มันหายใจยากมากนะคะอาจจะมี
00:41:47 → 00:41:50 อาการของกรดไหลย้อนได้ในตอนกลางดึกใช่มคะ
00:41:50 → 00:41:54 ก็ทำให้เรามีปัญหาในการนอนนะฮะแล้วก็หลีก
00:41:54 → 00:41:57 เลี่ยงสารกระตุ้นเรื่องของคาเฟอีนคาเฟอีน
00:41:57 → 00:41:59 อ่าอย่าลืมว่ามันไม่ใช่มีเฉพาะในกาแฟนะคะ
00:41:59 → 00:42:03 ชาก็มีช็อกโกแลตก็มีนะคะเปปซี่เครื่อง
00:42:03 → 00:42:05 ดื่มน้ำดำก็มีนะคะแล้วก็รวมไปจนถึง
00:42:05 → 00:42:08 เครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลายนะคะการเผา
00:42:08 → 00:42:09 ผลาญก็ไม่เหมือนเดิมอย่างที่อาจารย์บอก
00:42:09 → 00:42:11 แล้วเด็กๆอาจจะกินได้ก่อนเข้านอนไม่มี
00:42:11 → 00:42:14 ปัญหาการนอนเลยแต่พออายุเยอะขึ้นเผาผลาญ
00:42:14 → 00:42:17 ยากขึ้นละนะกินไปนิดเดียวก็เกิดปัญหาอีก
00:42:17 → 00:42:20 อันก็คือนิโคตินนะคะนิโคตินก็เป็นหนึ่งใน
00:42:20 → 00:42:22 ตัวกระตุ้นทำให้การนอนมันไม่ดีนะคะเป็นไป
00:42:22 → 00:42:24 ได้ก็คือไม่ให้สูบบุหรี่จริงๆสูบบุหรี่ก็
00:42:25 → 00:42:27 ไม่ควรสูบอยู่แล้วทั้งกลางวันกลางคืนนะคะ
00:42:27 → 00:42:30 แล้วก็อีกอันบางทีเรามียาบางชนิดที่คุณ
00:42:30 → 00:42:33 หมอสั่งแล้วคุณหมอก็สั่งให้กินก่อนนอนนะ
00:42:33 → 00:42:36 ฮะก็ถ้าเรารู้สึกว่าเราเริ่มกินยาชนิด
00:42:36 → 00:42:38 ใหม่แล้วเรามีปัญหาการนอนมันไม่เหมือน
00:42:38 → 00:42:40 เดิมและเราก็ควรจะต้องไปปรึกษาแพทย์ที่
00:42:40 → 00:42:43 เป็นคนสั่งรายนั้นๆนะคะว่ายาที่คุณหมอให้
00:42:43 → 00:42:46 เนี่ยมันมีผลอะไรกับการนอนของเราไแล้วก็
00:42:46 → 00:42:48 ถ้าเป็นไปได้เราสามารถเปลี่ยนมื้อยาได้ไ
00:42:48 → 00:42:51 เช่นไปกินตอนเย็นแทนหรือไปกินมื้อเช้าแทน
00:42:51 → 00:42:53 อะไรลักษณะแบบนั้นเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงผล
00:42:53 → 00:42:56 ที่มันเกิดจากสารเคมีที่มากระตุ้นเรานะคะ
00:42:56 → 00:42:59 แล้วก็ก็อันนี้พูดง่ายทำยากนะฮะหลีก
00:42:59 → 00:43:02 เลี่ยงอารมณ์โกรธขุ่นเคืองอย่านำปัญหา
00:43:02 → 00:43:05 ขึ้นเตียงนะฮะก็คือพูดง่ายทำยากก็ต้อง
00:43:05 → 00:43:07 พยายามนิดนึงเพราะไม่งเราก็คลุกกุ่นอยู่
00:43:07 → 00:43:11 ตลอดเวลาในก่อนเข้านอนแล้วก็นอนไม่หลับนะ
00:43:11 → 00:43:14 คะการออกกำลังก็มีคนถามเยอะอยู่เหมือนกัน
00:43:14 → 00:43:16 นะคะว่าจะออกกำลังดีมยออกให้มันเหนื่อย
00:43:16 → 00:43:18 สุดๆุดๆเลยแล้วเราจะได้ผอยหลับง่ายในคน
00:43:18 → 00:43:20 ที่นอนไม่หลับชอบจะมาใช้วิธีการแบบนี้
00:43:20 → 00:43:23 ปัญหาก็คือถ้าการออกกำลังเนี่ยมันจะทำให้
00:43:23 → 00:43:26 ร่างกายหลับได้ดีถ้ามันถูกลักษณะถูกช่วง
00:43:26 → 00:43:27 เววลา
00:43:27 → 00:43:29 การออกกำลังกายแบบลักษณะที่เรียกว่า
00:43:29 → 00:43:31 แอโรบิคือออกสุดๆออกจนหัวใจเต้นเร็ว
00:43:31 → 00:43:34 เหงื่อโทรมกายลักษณะแบบนั้นเนี่ยทำได้ดี
00:43:34 → 00:43:37 แต่ควรจะทำในช่วงเช้านะคะแล้วก็ทำในช่วง
00:43:37 → 00:43:40 หรือเต็มที่ไม่ควรเกินบ่ายเพราะยิ่งไปออก
00:43:40 → 00:43:43 กำลังกายช่วงที่ใกล้ๆช่วงนอนเนี่ยมันจะ
00:43:43 → 00:43:45 เหมือนการกระตุ้นให้ร่างกายเราสดชื่นขึ้น
00:43:45 → 00:43:47 มาและการนอนของเราจะยากมากแต่ถ้าเป็นการ
00:43:47 → 00:43:50 ออกกำลังกายที่ออกในแนวเหยียดแนวรีแล็ก
00:43:50 → 00:43:54 แนวผ่อนคลายโยคะอย่างเงี้ยค่ะไท้กงไท้ชิ
00:43:54 → 00:43:56 อะไรอย่าเงี้ยนะคะอาจจะทำได้เพราะว่ามัน
00:43:56 → 00:43:58 มันมันจะไม่ได้ออกกำลังแบบขนาดหัวใจเต้น
00:43:58 → 00:44:01 เร็วแรงแล้วก็เหงื่อออกท่วมนะคะออกในแนว
00:44:01 → 00:44:03 แบบค่อนข้างจะทำให้กล้ามเนื้อมันผ่อนคลาย
00:44:03 → 00:44:05 กรณีอย่างนั้นอาจจะทำได้จนถึงกระทั่งเ่อ
00:44:05 → 00:44:09 ก่อนเข้านอนนะคะแล้วก็แสงแดดแสงแดดก็เป็น
00:44:09 → 00:44:12 ตัวสำคัญนะคะเพราะว่าอย่างที่บอกคือแสง
00:44:12 → 00:44:16 แดดเป็นตัวรีเซตสมองของเราถูกมั้ยคะเป็น
00:44:16 → 00:44:18 ตัวรีเซตนาฬิกาชีวิตเพราะฉะนั้นถ้าเราได้
00:44:18 → 00:44:21 รับแสงแดดที่พอเพียงคือต้องสว่างพอสมควร
00:44:21 → 00:44:24 แล้วก็ถูกเวลาด้วยมันจะทำให้ตอนกลางวัน
00:44:24 → 00:44:26 เราสดชื่นกลางคืนเราหลับได้ดีเพราะฉะนั้น
00:44:26 → 00:44:30 แสงแดดที่ควรจะได้รับนะคะก็คือเป็นช่วง
00:44:30 → 00:44:32 เช้าหรือไม่ก็ช่วงเต็มที่ไม่ควรเกินบ่าย
00:44:32 → 00:44:35 แต่้าพอช่วงเย็นๆปุ๊บ 15:00 น 14:00 บ
00:44:35 → 00:44:38 57:00 นก็ควรจะไปโดนแดดคำว่าโดนแสงแดด
00:44:38 → 00:44:40 เนี่ยความหมายคือบางคนก็จะเข้าใจผิดว่า
00:44:40 → 00:44:42 ต้องไปยืนตากแดดเลยมั้ยหมออะไรเงี้ย
00:44:42 → 00:44:44 เดี๋ยวจะเป็นตัวดำอะไรเงี้ยไม่ใช่ขนาด
00:44:44 → 00:44:47 นั้นนะคะคือเราต้องการให้ดวงตาของเรา
00:44:47 → 00:44:49 เนี่ยได้รับแสงแดดที่เป็นแสงธรรมชาติแสง
00:44:49 → 00:44:52 จ้าๆเวลาเรามองเหมือนมองผ่านหน้าต่างออก
00:44:52 → 00:44:55 ไปแล้วเห็นแสงสว่างของท้องฟ้าแสงสว่างของ
00:44:55 → 00:44:58 อ่าเมฆอะไรเงี้ยลักษณะแบบนั้นก็จะเป็นตัว
00:44:58 → 00:45:01 กระตุ้นได้นะคะแต่ต้องถูกเวลานะคะไม่ใช่
00:45:01 → 00:45:04 แบบตอนเย็นๆ 1700 นมองออกไปคืนนั้นนอนไม่
00:45:04 → 00:45:07 หลับแน่เพราะว่าอะไรคะเพราะว่าเมลาโทนิน
00:45:07 → 00:45:12 เป็นไงคะโดนยับยั้งก็จะไม่ง่วงละเพราะว่า
00:45:12 → 00:45:14 มันจะโดนดีเลย์ไปละโดนโดนยืดเวลาออกไป
00:45:14 → 00:45:17 แล้วก็อีกอันอันสุดท้ายที่จะต้องแนะนำก็
00:45:17 → 00:45:20 คือนาฬิกาในห้องนอนในคนที่มีปัญหาเรื่อง
00:45:20 → 00:45:22 ของการนอนเราไม่ต้องสนใจว่าเราจะนอนตอน
00:45:22 → 00:45:25 นั้นมันกี่โมงเราแค่ถึงเวลาตื่นก็คือตื่น
00:45:25 → 00:45:27 นาฬิกามันดังถึงจะตื่นถ้านาฬิกาไม่ดังไม่
00:45:28 → 00:45:30 ต้องตื่นมันจะตื่นมากี่ครั้งนอนไม่หลับ
00:45:30 → 00:45:33 ยังไงก็ไม่ต้องสนใจนะคะคนที่นอนไม่หลับ
00:45:33 → 00:45:36 ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขานอนไม่หลับแต่เขา
00:45:36 → 00:45:39 กลัวว่าเขาจะนอนไม่หลับเขาก็จะคอยมองละ
00:45:39 → 00:45:41 กี่โมงเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีมือถือใช่มั้ย
00:45:41 → 00:45:44 คะบางคนก็จะแบบคอยควักขึ้นมากดมีไฮไลท์
00:45:44 → 00:45:47 ด้วยมีมีแบบเ่า LCD เ้าเรียกอะไรมีไฟขึ้น
00:45:47 → 00:45:50 มาเพราจะเห็นนาฬิกาชัดมากแล้วจัร้ายกลัว
00:45:50 → 00:45:53 คุณหมอจะไม่รู้ว่าหลับไม่ดีจริงตื่นขึ้น
00:45:53 → 00:45:56 มาจดเอาไฟฉายส่องจดไว้กี่โมงละเดี๋ยวจะ
00:45:56 → 00:45:58 ได้เป็นเล่าให้คุณหมอฟังได้ถูกอย่างงั้น
00:45:58 → 00:46:01 ไม่ต้องทำนะคะยิ่งทำจะยิ่งนอนไม่หลับแล้ว
00:46:01 → 00:46:03 ก็หลีกเลี่ยงนาฬิกาที่มันติ๊กตอกติ๊กตอก
00:46:03 → 00:46:06 เคยได้ยินมั้ยคนนอนไม่หลับคงมีบางช่วงฟัง
00:46:06 → 00:46:10 เออแหมนับแกะก็แล้วมานับติ๊กต๊อกดีกว่า
00:46:10 → 00:46:12 นาฬิกาพวกที่มันเป็นอนาล็อกคือที่เป็น
00:46:12 → 00:46:16 เข็มนะคะมันจะดังมากนะคะเคยได้ยินในความ
00:46:16 → 00:46:18 เงียบสงบโดยเฉพาะบ้านที่เป็นบ้านจัดสรร
00:46:18 → 00:46:21 เงียบๆอยู่ในซอยมันจะติ๊กตอกติตอกแล้วเรา
00:46:21 → 00:46:24 ก็คอยกังวลอยู่เหมือนติ๊กตเนี่ยนะคะยิ่ง
00:46:24 → 00:46:27 นอนไม่หลับเลิกนะคะไม่เอาติตอก
00:46:27 → 00:46:30 งั้นสิ่งที่แนะนำใช้นาฬิกาดิจิตอลเถอะค่ะ
00:46:30 → 00:46:34 นะคะมันไม่มีเสียงเลยนะคะมันก็จะหมุนของ
00:46:34 → 00:46:36 มันไปตามว่าของมันก็นาฬิกามันก็หมุนไปแต่
00:46:36 → 00:46:40 มันจะไม่มีติ๊กๆๆๆอะไรให้เรารำคาญใจนะคะ
00:46:40 → 00:46:42 แล้วก็อื่นๆที่อาจจะต้องแนะนำเสริมเข้าไป
00:46:42 → 00:46:44 นะคะก็คือในเรื่องถ้าสมมุติว่าเข้านอน
00:46:44 → 00:46:47 แล้วประมาณ 10 นาที 20 นาทีหลับไม่ได้ให้
00:46:47 → 00:46:49 ลุกนะคะอย่าไปทนอยู่บนเตียงเพราะสมองของ
00:46:50 → 00:46:53 มนุษย์เป็นสมองที่ฉลาดมากมันจะจดจำเรียน
00:46:53 → 00:46:56 รู้เสมออันนี้คือทฤษฎีเหมือนการเรียนรู้
00:46:56 → 00:46:59 ซ้ำๆของของสมองคนเราแบบจิตใต้สำนึกงั้น
00:46:59 → 00:47:01 ลักษณะของการนอนแล้วเรานอนไม่หลับแล้วเรา
00:47:01 → 00:47:03 ก็ทนอยู่บนเตียงเกิดลักษณะนอนไม่ได้
00:47:03 → 00:47:06 พยายามนอนอยู่บนเตียงนอนไม่หลับนอนไม่ได้
00:47:06 → 00:47:09 พยายามนอนอยู่บนเตียงนอนไม่หลับต่อไปนอน
00:47:09 → 00:47:11 อยู่บนเตียงมีไว้นอนไม่หลับมีไว้นอนไม่
00:47:12 → 00:47:14 หลับเราก็จะท่องอยู่อย่างเงี้ยสมองมันก็
00:47:14 → 00:47:16 จะจำซ้ำๆว่าเรามีขึ้นเตียงเมื่อไหร่เรา
00:47:16 → 00:47:19 ต้องนอนไม่หลับนะเพราะเราโดนสอนมาให้นอน
00:47:19 → 00:47:23 ไม่หลับบนเตียงพวกนี้ถ้าไปนอนโซฟาเป็นไง
00:47:23 → 00:47:26 คะหลับนะคะคือย้ายที่เมื่อไหร่หลับเพราะ
00:47:26 → 00:47:28 เพรางั้นคืออันเนี้ยคือเป็นสิ่งที่เป็น
00:47:28 → 00:47:31 อินซอมเนียที่แก้ง่ายๆเลยคือพยายามทำยัง
00:47:31 → 00:47:33 ไงก็ได้ไม่ให้เราโดนความจำซ้ำๆที่เราโดน
00:47:33 → 00:47:37 โปรแกรมของเราเองทำให้เราเกิดโรคนะคะอีก
00:47:37 → 00:47:40 อันถ้านอนไม่หลับให้ลุกนะคะทำอย่างอื่นนะ
00:47:40 → 00:47:42 คะทำอะไรก็ได้ที่ไม่มีประโยชน์ทำอะไรก็
00:47:42 → 00:47:45 ได้ที่น่าเบื่อแล้วก็ไม่เกิดไม่เกิดเนื้อ
00:47:45 → 00:47:49 งานเช่นบางคนที่เจอมาก็คือนอนไม่หลับไป
00:47:49 → 00:47:52 ซักผ้าโอ้โหจริงจังมากเลยนะคะเพราะเดี๋ยว
00:47:52 → 00:47:54 นี้มีซักแบบไม่มีแดดก็ซักได้อะไรเงี้ยนะ
00:47:54 → 00:47:57 คะผงซักฟอกอย่างดีทำได้หมดถูบ้านอะไร
00:47:57 → 00:48:00 เงี้ยล้างชามทำกับข้าวอะไรเงี้ยทุกอย่าง
00:48:00 → 00:48:02 ทำหมดในตอนกลางคืนเพราะถือว่าไหนๆก็ตื่น
00:48:02 → 00:48:04 แล้วอย่างงั้นไม่ถูกต้องต้องไปทำอะไรที่
00:48:04 → 00:48:07 มันน่าเบื่อและไร้ประโยชน์ไร้สาระอ่าโดย
00:48:07 → 00:48:09 สรุปของการที่มีสุขอนามัยที่ดีก็คือการ
00:48:09 → 00:48:12 ลอนหลับขอย้ำว่าเป็นสิ่งจำเป็นนะคะแล้วก็
00:48:12 → 00:48:15 เป็นสิ่งที่ทำให้สุขภาพดีถ้าเรานอนได้ดี
00:48:15 → 00:48:18 พอนอนได้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอแล้วก็
00:48:18 → 00:48:22 การนอนที่ดีจะต้องเตรียมทั้งสถานที่แล้ว
00:48:22 → 00:48:25 ก็เตรียมตัวเราเองนะคะอย่าลืมว่าการนอน
00:48:25 → 00:48:28 เป็นสิ่งสำคัญนะนะคะอย่าละเลยนะคะการนอน
00:48:28 → 00:48:31 ที่ดีที่มีปริมาณเพียงพอก็จะส่งเสริมให้
00:48:31 → 00:48:33 สุขภาพดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาหารที่ดีและ
00:48:33 → 00:48:36 ก็การออกกำลังกายที่เหมาะสมนะคะก็อยากจะ
00:48:36 → 00:48:39 ฝากไว้ตรงนี้
00:48:39 → 00:48:43 ค่ะท่านผู้ชมสามารถสอบถามข้อมูลได้ทางสู
00:48:43 → 00:48:47 นิทรลักษณ์ศิริราชโรงพยาบาลศิริราชและค้น
00:48:47 → 00:48:48 หาข้อมูลทางเว็บไซต์ที่
00:48:48 → 00:48:53 www.si.mahidol.ac.th
00:48:53 → 00:49:13 [เพลง]
00:49:14 → 00:49:14 [ปรบมือ]
00:49:14 → 00:49:25 [เพลง]
00:49:25 → 00:49:28 K แ
00:49:28 → 00:49:41 [เพลง]