00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice ด้วยความที่สังคมบ้านเราจำนวนผู้
00:00:08 → 00:00:11 สูงอายุมากขึ้นแล้วก็จะเป็นสังคมสูงวัย
00:00:11 → 00:00:14 สุดยอดคือ Super Age Society กันในอีก
00:00:14 → 00:00:17 ไม่ถึง 10 ปีข้างหน้านี่แล้วแล้วพอเรามี
00:00:17 → 00:00:20 ผู้สูงอายุจำนวนมากๆในประเทศเราอ่ะค่ะโรค
00:00:20 → 00:00:23 นี้ก็จะพบมากขึ้นล่ะสิอายุ 80 90 ก็อาจ
00:00:23 → 00:00:25 จะมีอาการสมองเสื่อมได้เหมือนกันเพราะ
00:00:25 → 00:00:28 ฉะนั้นทุกคนเี่มีโอกาสถ้าหากว่าเรามี
00:00:28 → 00:00:31 ปัจจัยร่วมอะไรบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น
00:00:31 → 00:00:33 สมองเสื่อมที่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นี่ก็
00:00:33 → 00:00:36 มีแต่ส่วนใหญ่แล้วอัลไซเมอร์รักษาไม่ได้
00:00:36 → 00:00:40 ไงคะมันจะลุกลามไปเรื่อยๆชะลอได้แต่รักษา
00:00:40 → 00:00:43 ไม่หายเพราะว่าความเสียหายของเซลล์สมอง
00:00:43 → 00:00:47 อ่ะค่ะโดยที่สาเหตุเก็ยังไม่ได้ชัด
00:00:47 → 00:00:51 เจนฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:59 This Is tha PBS podcast วันนี้ค่ะ
00:00:59 → 00:01:01 คุณผู้ฟังเราเราจะมาคุยกันถึงเรื่องของ
00:01:01 → 00:01:05 ผู้สูงวัยนะคะทำยังไงให้ห่างไกลจากโรค
00:01:05 → 00:01:07 สมองเสื่อมนะเดี๋ยวคุยกับผู้ช่วย
00:01:07 → 00:01:10 ศาสตราจารย์ดรเกสรสำเภาทองอาจารย์ประจำ
00:01:10 → 00:01:12 คณะสาธารณสุขศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการ
00:01:12 → 00:01:15 ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:17 ธรรมศาสตร์ค่ะสวัสดีค่ะพี่เกสรคะสวัสดี
00:01:17 → 00:01:20 ค่ะน้องรีสวัสดีผู้ฟังด้วยค่ะวันนี้ก็มา
00:01:20 → 00:01:24 คุยกันแนวโรคนิดนึงอแต่ก็มีแนวทางในการ
00:01:24 → 00:01:27 ที่จะแบบว่าเอ๊ะยังไงนะเราจะชะลอได้หรือ
00:01:27 → 00:01:30 เปล่าเพราะว่าอือืเที่ที่คุยกับคุณหมอมา
00:01:30 → 00:01:33 หลายๆท่านเนี่ยโรคสมองเสื่อมอ่ะมันก็เป็น
00:01:33 → 00:01:37 ไปตามวัยแต่ก็ชะลอได้นะคะแต่ว่าชะลอได้
00:01:38 → 00:01:41 ค่ะชะลอได้ที่สำคัญคือเราต้องรู้เท่าทัน
00:01:41 → 00:01:45 อีกละนะคะรเท่าทันรู้เท่าทันว่าเราจะต้อง
00:01:45 → 00:01:48 ทำอย่างไรที่ถามว่าเอ้ยทำไมพูดกันเยอะมาก
00:01:48 → 00:01:52 ขึ้นในช่วงนี้นะคะก็ก็คงเป็นเพราะว่าด้วย
00:01:52 → 00:01:55 ความที่สังคมบ้านเราจำนวนผู้สูงอายุมาก
00:01:55 → 00:01:59 ขึ้นเป็นสังคมสูงวัยแล้วก็จะเป็นสังคมสูง
00:01:59 → 00:02:02 วัยสุดยอดคือซป AG Society กันในอีกไม่
00:02:02 → 00:02:05 ถึง 10 ปีข้างหน้านี่แล้วแล้วอัตราการ
00:02:05 → 00:02:09 เกิดโรคนี้อ่ะค่ะพบมากในผู้สูงวัยอคือโรค
00:02:09 → 00:02:12 นี้จริงๆคนวัยอื่นก็อาจจะเป็นได้นะแต่พบ
00:02:12 → 00:02:17 ได้มากในวัยที่เป็นผู้สูงอายุแล้วพอเรามี
00:02:17 → 00:02:20 ผู้สูงอายุจำนวนมากๆในประเทศเราอ่ะค่ะ
00:02:20 → 00:02:23 แล้วโรคนี้ก็จะพบมากขึ้นล่ะสินะแล้วพอพบ
00:02:23 → 00:02:28 มากขึ้นมันคืออะไรคือการรักษาการดูแลอื
00:02:28 → 00:02:32 ใช้กำลังเงินกำลังคนเยอะมากอ่ะค่ะอ่านะฮะ
00:02:32 → 00:02:34 เพราะงั้นป้องกันดีที่สุดเลยชะลอเอาไว้ดี
00:02:34 → 00:02:37 ที่สุดเลยอือเบอกไม่ไม่ได้หมายความว่าผู้
00:02:37 → 00:02:40 สูงยุทุกคนจะต้องเป็นนะอ่าค่ะไม่ไม่ไม่
00:02:40 → 00:02:44 เป็นก็ได้โอบางท่านความจำดีมากเลยนะคะแบบ
00:02:44 → 00:02:48 ว่าจำได้ตั้งแต่อดีตจนแบบโอ้โหเลยรู้สึก
00:02:48 → 00:02:51 ว่าแต่ความเสื่อมมันมาก็อาจจะเข้าข่ายนะ
00:02:51 → 00:02:55 เล็กน้อยก็คงพอจะดำเนินชีวิตไปได้ดูแลกัน
00:02:55 → 00:03:00 ไปได้แต่ถ้าเป็นหนักมากขึ้นนะคะต้องมีผู้
00:03:00 → 00:03:02 ดูแลเลยค่ะใช้ชีวิตด้วยตนเองไม่ไม่ได้ใช่
00:03:02 → 00:03:04 มั้ไม่ได้ไม่ได้แล้วก็ไม่ได้หมายความว่า
00:03:04 → 00:03:09 คนที่มีความรู้โอ๋เรียนจบมาระดับปริญญาโท
00:03:09 → 00:03:12 ปริญญาเอกทำงานวิชาการมาตลอดพอเป็นผู้สูง
00:03:12 → 00:03:15 อายุแล้วจะไม่เป็นสมองเสื่อมก็ไม่ใช่นะคะ
00:03:15 → 00:03:19 ค่ะอือาชีพทางด้านสุขภาพเนี้ยสูงวัยไป
00:03:19 → 00:03:23 แล้วอายุ 80 90 ก็อาจจะมีอาการสมอง
00:03:24 → 00:03:26 เสื่อมได้เหมือนกันอืนะไม่ได้หมายความว่า
00:03:26 → 00:03:28 เราจะไม่เป็นเพราะฉะนั้นทุกคนเนี่ยมี
00:03:28 → 00:03:32 โอกาสถ้าหากว่าเรามีปัจจัยร่วมอะไรบาง
00:03:32 → 00:03:36 สิ่งบางอย่างเกิดขึ้นคือจริงๆสมองเสื่อม
00:03:36 → 00:03:38 มันอาจจะมีหลากหลายรูปแบบใช่มั้คะอย่าง
00:03:38 → 00:03:41 อันนี้กำลังกำลังสับสนว่าเอ๊ะบางทีหลายคน
00:03:41 → 00:03:43 จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอัลไซเมอร์หรือ
00:03:43 → 00:03:46 เปล่าเกี่ยวกับสมองเสื่อมคืออัลไซเมอร์ก็
00:03:46 → 00:03:48 เป็นส่วนหนึ่งในการที่มีอาการสมองเสื่อม
00:03:48 → 00:03:51 ใช่ค่ะเป็นสับเซ็ตย่อยอยู่ในนั้นเออเราก็
00:03:51 → 00:03:52 เลยมักจะเรียกทับศัพกันไปว่าเป็น
00:03:53 → 00:03:55 อัลไซเมอร์นะฮะแต่อัลไซเมอร์เนี่ยมันเป็น
00:03:55 → 00:03:58 โรคอันเนื่องมาจากเนื้อสมองที่มันมี
00:03:58 → 00:03:59 ปัญญหา
00:03:59 → 00:04:04 ก็คือเนื้อสมองเเสื่อมไปเลยเสียหายไปนะคะ
00:04:04 → 00:04:06 แล้วก็เป็นอาการนี้เราก็เลยเรียกว่ามัน
00:04:06 → 00:04:10 เป็นเรียกอาไซเมอร์นะแต่ว่าปรากฏอาการออก
00:04:10 → 00:04:13 มาเป็นลักษณะสมองเสื่อมนะคะแต่สมองเสื่อม
00:04:13 → 00:04:16 ด้วยที่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์นี่ก็มีนะคะ
00:04:16 → 00:04:19 แต่ส่วนใหญ่แล้วอัลไซเมอร์รักษาไม่ได้ไง
00:04:19 → 00:04:23 คะมันจะลุกลามไปเรื่อยๆชะลอได้แต่รักษา
00:04:23 → 00:04:26 ไม่หายเพราะว่าความเสียหายของเซลล์สมอง
00:04:26 → 00:04:30 อ่ะฮ่ะระบบประสาทเนี่ยที่มันมันเสื่อมไป
00:04:30 → 00:04:34 นะคะโดยที่สาเหตุเก็ยังไม่ได้ชัดเจนนะคะ
00:04:34 → 00:04:37 ว่ามันเกิดจากอะไรนะคะแต่อย่างไรก็ตามอ่ะ
00:04:37 → 00:04:41 ปัจจัยที่มันมาทำให้อาการเมันแย่ลงมากๆก็
00:04:41 → 00:04:45 คือเรื่องของโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ค่ะ
00:04:45 → 00:04:47 ใช่มั้ยคะโรคประจำตัวที่เป็นอยู่แล้ว
00:04:47 → 00:04:50 เกี่ยวข้องกับเรื่องของหลอดเลือดในสมอง
00:04:50 → 00:04:53 เช่นความดันโลหิตสูงเนาะเวลาความดันชูต
00:04:53 → 00:04:56 มากๆนี่ปวดศีรษะเลยนะคะอันนี้ถ้าความดัน
00:04:56 → 00:05:00 สูงนานๆเรื้อรังควบคุมไม่ได้เห็นมั้ยคะ
00:05:00 → 00:05:02 อันนี้เส้นเลือดในสมองเราก็เสียหายเวลา
00:05:02 → 00:05:05 เลือดไปเลี้ยงไม่ดีมันก็เกิดความเสื่อม
00:05:05 → 00:05:08 ค่ะอืมันมันมันบางทีมันก็มาจากพฤติกรรม
00:05:09 → 00:05:12 ที่เราสั่งสมมาด้วยใช่มคะหรือว่าเบาหวาน
00:05:12 → 00:05:15 อย่างเงี้ยค่ะน้ำตาลในเลือดสูงควบคุมไม่
00:05:15 → 00:05:17 ได้แล้วน้ำตาลในเลือดสูงก็ทำให้เกิดความ
00:05:17 → 00:05:20 เสียหายต่อลอดเลือดเส้นเลือดฟอยเส้นเลือด
00:05:20 → 00:05:23 ที่ไปเลี้ยงสมองแล้วสุดท้ายแล้วก็ก็เป็น
00:05:23 → 00:05:26 อาการสมองเสื่อมใช่่มั้ยคะแต่พวกนี้เนี่ย
00:05:26 → 00:05:30 ถ้าควบคุมโรคร่วมนี้ได้เนี่ยก็ก็ก็จะทำ
00:05:30 → 00:05:33 ให้บรรเทาอาการลงได้นะคซึ่งต่างจากอซล
00:05:33 → 00:05:37 ซึ่งมันอาจจะบรรเทาไม่ได้นะคะหรือว่าหรือ
00:05:37 → 00:05:39 ว่ามันเ่าอาจจะเป็นเรื่องของการขาดสาร
00:05:39 → 00:05:43 อาหารบางอย่างออมั้ยคะพวกวิตามิน B12
00:05:43 → 00:05:45 เนี่ยบางที
00:05:45 → 00:05:48 ไม่นะคะแล้วบางทีก็อันนี้ก็ถ้าถ้ารู้ว่า
00:05:48 → 00:05:50 มันเกิดจากอะไรอันนี้นะคะก็อาจจะเสริม
00:05:50 → 00:05:54 วิตามินบำรุงสมองอ๋อเพราะว่าถ้าพอเป็นผู้
00:05:54 → 00:05:56 สูงอายุแล้วเนี่ยบางทีการกินอาหารหรือ
00:05:56 → 00:06:00 อะไรเอาจจะเอ่อเคี้ยวลำบากกลืนลำบากหรือ
00:06:00 → 00:06:02 อะไรอย่างงี้ใช่มคะอาจจะรับสารอาหารไม่
00:06:02 → 00:06:06 เพียงพอไม่เพียงพอก็เป็นไปได้ด้วยนะคะ
00:06:06 → 00:06:08 หรือว่าภาวะอ้วนซึ่งมันก็จะเป็นชักนำให้
00:06:08 → 00:06:11 เกิดเรื่องต่างๆมากมายไขมันในเลือดสูงใช่
00:06:12 → 00:06:15 มั้ยคะก็มีภาวะสมองที่มันอ่าบกพร่องไปจาก
00:06:15 → 00:06:18 การเ่อได้รับสารอาหารได้รับเลือดมาหล่อ
00:06:18 → 00:06:20 เลี้ยงได้รับออกซิเจนมาอะไรอย่างเงี้นะคะ
00:06:20 → 00:06:22 ค่ะมันล้วนแล้วแต่ปรากฏออกมาเป็นอาการ
00:06:22 → 00:06:26 สมองเสื่อมอืแล้วอย่างงี้เราจะพอจะ
00:06:26 → 00:06:31 แบบให้สังเกตคนในบ้านผู้สูงอายุในบ้าน
00:06:31 → 00:06:34 หรือว่าแบบเอ๊ะยังไงเอเริ่มแล้วนะหรือ
00:06:34 → 00:06:37 อะไรแบบพาไปหาหมอดีมยหรืออะไรเงี้มันมัน
00:06:37 → 00:06:42 พ่อจะให้สังเกตสังกากันได้มเรื่องสังเกต
00:06:42 → 00:06:45 เนี่ยสำคัญมากเพราะส่วนใหญ่ตัวผู้สูงอายุ
00:06:45 → 00:06:48 เองเนี่ยจะไม่เชื่อว่าเขามีอาการหรือจะ
00:06:48 → 00:06:52 ไม่รู้ตัวอว่าได้เริ่มมีอาการภวะหลงลืม
00:06:52 → 00:06:55 นี้แล้วอที่จะดูมีแนวโน้มที่จะมากขึ้น
00:06:55 → 00:06:58 เรื่อยๆด้วยเนี่ยเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้แล้ว
00:06:58 → 00:07:01 ก็ักจะปฏิเศษด้วยไม่ใช่ไม่เป็นอะไรอย่าง
00:07:01 → 00:07:04 เงี้นะคะเพราะะนั้นคนรอบข้างต้องสังเกต
00:07:04 → 00:07:07 อย่างรวดเร็วถ้าว่ามีเริ่มมีอาการนะคะ
00:07:07 → 00:07:10 แล้วที่สำคัญก็คือว่าอาการเมันกระทบต่อ
00:07:10 → 00:07:13 วิถีชีวิตเนี่ยเที่การดำรงอยู่เคยทำแบบ
00:07:13 → 00:07:17 นี้อืไม่ไม่ทำแบบนี้แล้วอะไรเงี้ยหลงลืม
00:07:17 → 00:07:20 ลืมลืมเหตุการณ์ในปัจจุบันเนี้ยในช่วง 2-3
00:07:20 → 00:07:22 วันเนี้ย
00:07:22 → 00:07:25 ลืมไอ้เรื่องยาวๆในอดีตเยังจำได้เพราะ
00:07:26 → 00:07:28 อะไรที่มันเข้ามาใหม่มันมันจะลืมไปก่อน
00:07:28 → 00:07:32 มันจะหายไปก่อนอ๋อค่ะเรื่องของสมองเสื่อม
00:07:32 → 00:07:34 เนี่ยมันจะมีลักษณะแบบเนี้ยอะไรที่เข้ามา
00:07:34 → 00:07:37 ใหม่อ่ะมันจะหายไปก่อนค่ะอะไรที่อยู่เก่า
00:07:37 → 00:07:40 เก่านานแล้วมันยังจำไว้อนะคะแล้วแต่ว่า
00:07:40 → 00:07:42 สุดท้ายแล้วมันก็จะลืมหมดนะอ๋อเพราะว่า
00:07:42 → 00:07:45 ก่อนหน้าเยคือสมองเรายังปกติอยู่ไงเราก็
00:07:45 → 00:07:48 จะมีความทรงจำใดๆมาแต่ตอนเนี้สมองเรา
00:07:48 → 00:07:50 เริ่มแบบอาจจะตามวหรืออะไรก็แล้วแต่
00:07:50 → 00:07:53 ปัจจัยอะไรการจำในช่วง 2-3 วันนี่แหละที่
00:07:53 → 00:07:55 จะลืมไปหรือแม้กระทั่งเมื่อ 5 นาทีที่
00:07:55 → 00:07:58 แล้วหรือตื่นเช้ามาเอ๊ะเมื่อวานเราใส่ชุด
00:07:59 → 00:08:00 ไหนไป
00:08:00 → 00:08:03 เออทำงานนะหรือเมื่อวานเราใส่ชุไหนใช้
00:08:03 → 00:08:06 เวลาคิดแล้วเนอะแต่ไม่ได้หมายความว่าทุก
00:08:06 → 00:08:09 ความอ่าหลงลืมของเรามันจะต้องเป็นโรคสมอง
00:08:09 → 00:08:11 เสื่อมทั้งหมดนะอือมันหมายถึงว่าบางทีเรา
00:08:11 → 00:08:14 ทำบางสิ่งบางอย่างแบบไม่ได้ตั้งใจไงรีบไง
00:08:14 → 00:08:16 เ้าไม่รู้ว่าเอาของไปวางที่ไหนเพราะว่า
00:08:16 → 00:08:18 ตอนที่วางเราไม่ได้มีสติอยู่กับสิ่งนั้น
00:08:18 → 00:08:22 เราก็ลืมได้ออออันนี้เป็นบ่อยๆอยังไม่
00:08:22 → 00:08:25 สมองเสื่อมนะคะมันมันบี่มากเนาะมันยุ่ง
00:08:25 → 00:08:28 มากจนลืมไปแล้วไงเอ๊ะเมื่อกี้เราเอาปากกา
00:08:28 → 00:08:32 ไว้ตรงไหนนะอะไเงี้อืปเสียไวสไว้ลืมเสียบ
00:08:32 → 00:08:35 กระเ๋าไว้ลืมเงี้เพราะเราไม่ได้มีสมาธิจด
00:08:35 → 00:08:39 จไงตนั้นเรายุ่งเกินไปเราลืมหรือว่ามันมี
00:08:39 → 00:08:41 เรื่องราวมากมายในชีวิตเดีวเราก็ไม่ได้จำ
00:08:41 → 00:08:44 เล็กๆน้อยๆพวกนี้อันนั้นไม่ใช่สมองเสื่อม
00:08:44 → 00:08:48 นะคะถ้าสมองเสริมก็คือพยายามคิดแล้วมันก็
00:08:48 → 00:08:51 คิดไม่ออกนะคะพยายามที่จะจำแล้วมันก็จำ
00:08:51 → 00:08:55 ไม่ได้นะคือพยายามที่จะมีสมาธิแล้วมันก็
00:08:55 → 00:08:58 ไม่มีสมาธิจริงๆเลยนะคะจำไม่ได้อันนี้่ะ
00:08:58 → 00:09:01 ค่ะที่เเข้าขายแล้วก็ในผู้สูงอายุเนี่ย
00:09:01 → 00:09:04 อีกอันหนึ่งคือต้องลองดูว่าในอดีตเนี่ย
00:09:04 → 00:09:07 เราเคยทำงานอะไรมันมีอุบัติเหตุทางสมอง
00:09:07 → 00:09:09 หรือเปล่าถ้าเราเคยมีอุบัติเหตุทางสมอง
00:09:10 → 00:09:12 เนี่ยโอกาสที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมอ่ะมัน
00:09:12 → 00:09:14 ก็เป็นไปได้มากขึ้นอมีเปอร์เซ็นต์ที่จะ
00:09:14 → 00:09:17 เกิดขึ้นหรือว่าทำงานในที่ที่มันมีพวกสาร
00:09:17 → 00:09:21 เคมีมีอะไรต่างๆที่มันมารบกวนนะคะหรือแม้
00:09:22 → 00:09:24 กระทั่งตอนนี้เขาคก็บอกว่าฝุ่น PM เนี่ย
00:09:24 → 00:09:28 มันเข้าถึงสมองนะคะออๆใช่ๆเพราะมันดูซึม
00:09:28 → 00:09:30 เข้ากระแสเลือดแล้วมันก็ไปที่สมองแล้วมัน
00:09:30 → 00:09:33 มันไม่ได้เป็นฝุ่นที่ที่สะอาดไงมันมา
00:09:33 → 00:09:36 พร้อมกับพวกสารเคมีสารปลอดสารตะกู่อะไร
00:09:36 → 00:09:39 ที่มันอยู่ในบรรยากาศอืเพะนั้นมันก็เข้า
00:09:39 → 00:09:42 ไปในกระแสเลือดก็เข้าไปในสมองได้ั้นผู้
00:09:42 → 00:09:44 สูงอายุเองเนี่ยการป้องกันดูแลตัวเอง
00:09:44 → 00:09:47 เนี่ยตั้งแต่หนุ่มสาวมาแล้วพอถึงวันนี้
00:09:47 → 00:09:50 เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอนะคะก็ต้องดู
00:09:50 → 00:09:54 แลตัวเองมากขึ้นด้วยอืถ้ามันมีอาการมา
00:09:54 → 00:09:56 เบื้องต้นอย่างเมื่อกี้ที่พี่เกสอนบอกว่า
00:09:56 → 00:10:00 สังเกตเนี่ยอันนี้ก็ต้องรีบไปหาหมอเลยถ้า
00:10:00 → 00:10:02 เป็นตั้งแต่ต้นๆถ้าสังเกตต้นๆเนี่ยก็น่า
00:10:02 → 00:10:07 จะรักษาได้ได้ง่ายหน่อยดีกว่าปล่อยให้แบบ
00:10:07 → 00:10:10 ว่าเป็นระยะเวลาหรือบางทีอยู่คนเดียวพี่
00:10:10 → 00:10:15 เสรค่ะ 2 คนตายายค่ะเออค่ะตรงเนี้ค่ะเค้า
00:10:15 → 00:10:17 เรบอกว่าการที่เราจะเอาพูดถึงการป้องกัน
00:10:17 → 00:10:21 แล้วกันเนาะมันดีซะกว่ามากๆเลยการป้องกัน
00:10:21 → 00:10:25 เนี่ยก็คือเราเราจะต้องใช้สมองเนอะอะไร
00:10:25 → 00:10:30 ที่ไม่ใช้มันก็จะฝ่อไปนะอ๋อเอในหลักการ
00:10:30 → 00:10:34 ของการใช้ต้องต้องใช้ต้องใช้งานใช้งานแต่
00:10:34 → 00:10:37 อยู่ในภาวะที่ใช้งานไม่มากจนเกินไปคือไม่
00:10:37 → 00:10:39 ได้อยู่ถึงขนาดว่าเครียดหมกมุ่นเครียดมาก
00:10:39 → 00:10:42 ต้องใช้สมองอันนั้นคือใช้แค่คิดแต่จริงๆ
00:10:42 → 00:10:46 แล้วสมองไม่ได้มีแค่คิดอย่างเดียวการอ่าน
00:10:46 → 00:10:50 การพูดนะฮะการมองเห็นการเคลื่อนไหวร่าง
00:10:50 → 00:10:53 กายมนุษย์แล้วแต่ใช้สมองอเพราะว่าต้อง
00:10:53 → 00:10:57 สั่งการอเดินแบบถที่บอกออกกำลังกายนะออก
00:10:57 → 00:11:00 กำลังกายนะเดินนะชมวิวทิวทัศนธรรมชาติ
00:11:00 → 00:11:04 นนี่กระตุ้นสมองนะคะพอเห็นคิดค่ะใช่มั้ย
00:11:04 → 00:11:07 คะได้สัมผัสอากาศความรู้สึกกระตุ้นสมอง
00:11:07 → 00:11:11 ให้ตื่นตัวอนะคะการอ่านเนเดี๋ยวนี้เมี
00:11:11 → 00:11:15 หลักการด้วยนะว่าอ่านแบบไหนกระตุ้นสมองเ
00:11:15 → 00:11:19 อ่านแบบไหนกระตุ้นสมองอ่านออกเสียงอ่านะ
00:11:19 → 00:11:24 คะอ่านแล้วเห็นภาพะจินตนาการตามค่ะนะคะ
00:11:24 → 00:11:27 อ่านแล้วอ่าพยายามที่จะเคลื่อนไหวตัวเอง
00:11:28 → 00:11:30 เหมือนร้องเพลงได้ด้วยนะคะเดี๋ยวมีนะ
00:11:31 → 00:11:34 คะเล่านิทานให้สมมุติเล่านิทานให้หลานฟัง
00:11:34 → 00:11:38 อ่อเต้นนะคะเข้าจังหวะอันนี้รู้แล้วแต่
00:11:38 → 00:11:40 กระตุ้นสมองด้านหน้าด้านหลังด้านข้างด้าน
00:11:40 → 00:11:43 ซ้ายด้านขวาหมดเลยนะคะสมองซ้ายสมองขวา
00:11:43 → 00:11:45 เนี่ยซีกซ้ายซีกขวานี่ก็ทำงานให้เหมือน
00:11:45 → 00:11:48 กันเราไม่ควรจะเ่อกระตุ้นสมองเพแค่ซีก
00:11:48 → 00:11:52 เดียวนะคะซีกซ้ายแบบคิดใช่มั้ยคะเป็นเหตุ
00:11:52 → 00:11:55 เป็นผลซีกกว่าก็คือสุนทรียะอารมณ์ความรู้
00:11:55 → 00:11:58 สึกนะคะอันเนี้ยค่ะหรือแม้กระทั่งเดี๋ยว
00:11:58 → 00:12:01 นี้มีเทคนิคอ่านจากข้างหลังกลับมาข้าง
00:12:01 → 00:12:04 หน้าแล้วก็อ่านจากข้างหน้าไปข้างหลังโ
00:12:04 → 00:12:06 แล้วก็ยากจังอะไรอย่างเงี้ยนะคะก็มีด้วย
00:12:06 → 00:12:09 นะคะแล้วก็มีคนลองทำแล้วเบอกเออดีเพราะ
00:12:09 → 00:12:12 ว่ามันเป็นการฝึกมีความท้าทายเกิดขึ้น
00:12:12 → 00:12:15 เมื่อก่อนเนี่ยค่ะพี่เกสรมันยังมีพวกเอ่อ
00:12:15 → 00:12:17 เค้าเรียกอะไรนะเป็นสมุดหรือหนังสือที่
00:12:17 → 00:12:19 คือเมื่อก่อนมันมีร้านหนังสือเยอะใช่มั้ย
00:12:19 → 00:12:22 คะแผงหนังสืออะไรเงี้ยมันก็จะมีสมุดเกรม
00:12:22 → 00:12:26 ปริศนาเอ่ออะไรนะใช่อะไรหลายๆอย่างที่
00:12:26 → 00:12:28 อยู่ในเล่มนั้นน่ะคืออันนั้นน่ะชอบซื้อ
00:12:28 → 00:12:30 มากเลยเมื่อก่อนค่ะเพื่อเพื่อแบบว่ามาฝึก
00:12:30 → 00:12:32 คิดฝึกสมองอะไรอย่าเงี้ยแต่เดี๋ยวเนี้ย
00:12:32 → 00:12:35 มันหายากมากเลยใช่มันเหมือนทุกอย่างจะมา
00:12:35 → 00:12:37 อยู่ออนไลน์แล้วเราก็รู้สึกว่าออนไลน์มัน
00:12:37 → 00:12:40 ก็ได้ระดับหนึ่งแต่มันไม่ใช่สำหรับแนว
00:12:40 → 00:12:42 เพื่อพัฒนามันไม่ได้อยากจะใช้สายตาไปจด
00:12:42 → 00:12:45 จ้องตรงนั้นเยอะอะไรเงี้ยจริงๆมันน่าจะ
00:12:45 → 00:12:47 ยังมีอยู่นะค่ะอย่างคอสเวิร์ดไงอย่างผู้
00:12:47 → 00:12:51 สูงอายุบางทีต่อคำค่ะนะคะต่อคำอันนี้ก็
00:12:51 → 00:12:54 ใช้สมองนะคะว่าคำนี้มันควรจะเป็นอะไรต่อ
00:12:54 → 00:12:57 ไปอย่างไรคิดแล้วได้คิดอันนี้ก็เป็นเป็น
00:12:57 → 00:13:01 อันหนึ่งของการที่เราจากกระตุ้นสมองนะคะ
00:13:01 → 00:13:04 ที่สำคัญต้องเรื่องสังคมนะผู้สูงอายุที่
00:13:04 → 00:13:07 เข้าสังคมได้พูดได้คุยเนี่ยอันเนี้ยดีมาก
00:13:07 → 00:13:11 ๆเลยเบอกพู้ดสูงต้องพูดนะคะแต่ว่าอย่าพูด
00:13:11 → 00:13:14 ในที่ที่เมีคนฟังเราด้วยอนะคะถ้าเขาไม่
00:13:14 → 00:13:17 อยากฟังบางทีเราก็รู้จังหวะจากคนรู้โอกาส
00:13:17 → 00:13:22 รู้กเทศะอะไรไปนี่ไงไปไปได้กลุ่มกลุ่ม
00:13:22 → 00:13:26 แก๊งได้คิดด้วยได้บวกเลขด้วยได้บวกเลข
00:13:26 → 00:13:29 ด้วยอันนี้อีกอันนึงนะคะที่สำคัญเลยนะนะ
00:13:29 → 00:13:32 คะเอ่อบวกเลขคิดคณิตศาสตร์เนี่ยเป็นส่วน
00:13:32 → 00:13:35 ของการใช้สมองนะคะอแต่ว่าไม่ใช่ไปใช้อีก
00:13:35 → 00:13:37 แนวนึงนะคะที่เป็นต้องวิ่งหนีกันขนาดนั้น
00:13:37 → 00:13:40 นะคะอันนั้นก็จะไม่ไหวนะคะค่ะรวมกลุ่มกัน
00:13:40 → 00:13:42 เมื่อก่อนผู้สูงอายุก็จะมีเล่นอะไรคะหมาก
00:13:42 → 00:13:45 ฮอสหักรุกอะไรงี้ใช่มั้ยคะอ่าสะภากาแฟยาม
00:13:45 → 00:13:47 เช้าอันนี้ช่วยนะคะจริงๆแล้วช่วยให้คิด
00:13:47 → 00:13:50 กระตุ้นสมองแล้วก็มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
00:13:50 → 00:13:54 นะมีความสุขนะคะมีเรียกว่ามีกลุ่มก้อนที่
00:13:54 → 00:13:57 รู้สึกว่าไม่ไม่ถูกโดดเดี่ยวไงฮะนะคะอัน
00:13:57 → 00:14:00 นี้ก็ช่วยได้นะคะจริงๆแล้วเกมเรื่องของ
00:14:00 → 00:14:03 การแบบว่าเหมือนเล่นไพ่เได้คิดคำนวณแบบ
00:14:03 → 00:14:06 ง่ายๆเนี่ยดีแล้วก็ให้อารมณ์สุนทรีแบบ
00:14:06 → 00:14:10 สนุกสนานค่ะได้ด้วยนะคะต้องต้องคิดถึง
00:14:10 → 00:14:13 กิจกรรมที่มันได้หลายๆอย่างนะคะไปด้วยกัน
00:14:13 → 00:14:16 บางทีคนออกกำลังกายเนี่ยชอบออกกำลังกาย
00:14:16 → 00:14:19 เป็นกลุ่มอืเพราะว่าการออกกำลังกายเป็น
00:14:19 → 00:14:22 กลุ่มมันมีความสุขมันมีความสนุกมีความท้า
00:14:22 → 00:14:26 ทายแล้วก็ได้เคลื่อนไหวอ๋อเห็นๆไปเต้น
00:14:26 → 00:14:31 ออบิสสาธารณะหรือว่าตามหน้าหใช่ค่ะใชใช่
00:14:31 → 00:14:34 ค่ะได้สังคมนะคะเพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ
00:14:34 → 00:14:37 เหล่าเนี้ยช่วยมากเลยนะในการที่จะป้องกัน
00:14:37 → 00:14:40 โรคสมองเสื่อมนะคะค่ะอีกประการหนึ่งน่าจะ
00:14:40 → 00:14:42 เคยได้ยินเรื่องของการสมองโดยการเคลื่อน
00:14:42 → 00:14:45 ไหวมือเคยทำมั้ยคะทำแล้วยังทำไม่ได้นะจีบ
00:14:45 → 00:14:48 แอวอะไรอย่างงี้ง่ายๆนะใช่จีบจีบแอว
00:14:48 → 00:14:51 เดี๋ยวนะคะจีบเอาเอามือนึงจีบจีบแล้วบาน
00:14:51 → 00:14:53 มือนี่แอมือนึงอีกมือนึงทำเป็นตัวแอใช่
00:14:53 → 00:14:57 มั้ยคะเอค่ะแบบเนี้ยฝึกไปนะคะพอพอสลับมือ
00:14:57 → 00:15:01 นจีบกามือนี่แอ้วอึ้ยยากอ่ะยากเห็นมั้ยคะ
00:15:01 → 00:15:04 เพราะเราไม่ค่อยได้ฝึกนะฮะถ้าเราฝึกไปซัก
00:15:04 → 00:15:07 ระยะหนึ่งเี่เป็นการกระตุ้นสมองยากอือ่า
00:15:07 → 00:15:11 ในเรื่องของความสัมพันธ์ของร่างกายนะคะ
00:15:11 → 00:15:14 การเคลื่อนไหวอ้าพอเป็นตัวแอก็ต้องหุบ 3
00:15:14 → 00:15:18 นิ้วลงมาแล้วเป็นตัวแออ้าวตายะไม่ได้ละ
00:15:18 → 00:15:20 ต้องไปหัดต้องไปหัดต้องไปหัดเลยค่ะต้องไป
00:15:20 → 00:15:24 หัดนะคะหรือว่าเ่อจับจมูกจับขอโทษจับจมูก
00:15:24 → 00:15:29 แล้วก็จับที่หูนะคะสลับไปสลับมานะเออเออๆ
00:15:29 → 00:15:34 ๆเออยากๆๆๆๆคยากแต่ว่าเวลาทำแล้วสนุกนะฮะ
00:15:34 → 00:15:36 ทำได้แล้วสนุกนะคะอันนี้เดี๋ยวคุณผู้ฟัง
00:15:36 → 00:15:38 อาจจะไม่เห็นภาพไปหาได้ในอินเทอร์เน็ตได้
00:15:38 → 00:15:42 เลยนะมีมีหานะมีเป็นภาพมีเสียงมีอะไรต่าง
00:15:42 → 00:15:45 ๆมากมายนะก็สนุกสนานดีทีเดียวเหมือนจะ
00:15:45 → 00:15:48 ง่ายแต่ยากนะคะขนาดอันเนี้ยคือปกตินะคะ
00:15:48 → 00:15:52 ยังแบบว่าไม่ได้แต่สัมันต้องไปหัดค่ะถึง
00:15:53 → 00:15:57 ได้ไปหาดนะคะทีนี้ถามว่าในผู้สูงอายุทั่ว
00:15:57 → 00:16:01 ไปที่ไม่มีอาการเลยคทำมควรทำค่ะอืควรทำ
00:16:01 → 00:16:05 เพราะเราไม่รู้หรอกว่าภาวะของการที่มันลด
00:16:05 → 00:16:07 น้อยซึ่งฟังก์ชันการทำงานมันค่อยๆถอยลง
00:16:07 → 00:16:10 อ่ะเรา maintain เราคงไว้ได้ด้วยการฝึก
00:16:10 → 00:16:13 แบบนี้อ๋อเหมือนกับสังเกตตัวเองไปในตัว
00:16:13 → 00:16:16 ด้วยว่าเออจากเดิมที่ทำทำไมเริ่มช้าฝึกทำ
00:16:16 → 00:16:18 ไปทำไปแล้วมันทำได้ดีขึ้นนั่นคือสมองของ
00:16:18 → 00:16:21 เราเริ่มปลับดีการอ่านหนังสืออย่างที่
00:16:21 → 00:16:24 เล่าเมื่อสักครู่นะอ่านออกเสียงการอ่าน
00:16:24 → 00:16:27 เี่มันต้องใช้สั้งสายตาใช้สมองการเปล่ง
00:16:27 → 00:16:30 เสียงก็คือการที่เราได้กระตุ้นสมองของเรา
00:16:30 → 00:16:33 ด้วยอืนะคะเพราะฉนั้นร้องเพลงคาราโอเกนี่
00:16:33 → 00:16:37 ก็มีส่วนนะคะเพตาก็ต้องมองเนื้อเพลงนะคะ
00:16:37 → 00:16:39 ฟังจังหวะดนตรีแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะ
00:16:39 → 00:16:42 ร้องนำดนตรีไปบ้างก็ไม่เป็นไรค่ะอย่ากรนำ
00:16:42 → 00:16:44 ค่ะเออหรือจะเป็นนักร้องเสียงเพี้ยนก็
00:16:44 → 00:16:46 เพี้ยนไปเถอะไรค่ะไม่เป็นไรค่ะไม่มีใคร
00:16:46 → 00:16:48 ว่าเรายิ่งถ้าเราร้องกันในกลุ่มเพื่อนๆ
00:16:48 → 00:16:52 ที่เป็นสผู้สงด้วยกันนะคะจะเข้าใจกันดีนะ
00:16:52 → 00:16:55 คะสแต่ก็แต่ก็ถ้าเกิดจะร้องกันอยู่ที่
00:16:55 → 00:16:59 บ้านก็อาจจะอย่าดังเกินไปคะเพื่อนบ้านอาจ
00:16:59 → 00:17:02 จะแบบอืแต่ที่สำคัญมักจะพบว่าเวลาเราทำ
00:17:02 → 00:17:05 อะไรต่างๆที่มันดีแบบเนี้ยเรามักจะไม่ทำ
00:17:05 → 00:17:09 ต่อเนื่องเรามจะไม่ทำสม่ำเสมอไงคะอ๋อ
00:17:09 → 00:17:11 เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้มันจะดีก็แต่เมื่อ
00:17:11 → 00:17:15 เราทำต่อเนื่องทำสม่ำเสมอจนอยู่อยู่ใน
00:17:15 → 00:17:17 กิจวัตรประจำวันเช่นออกกำลังกายอย่าง
00:17:17 → 00:17:20 เงี้ยค่ะจะบอกว่าออกกำลังกายอ่าสัปดาห์ละ
00:17:20 → 00:17:24 3 วันนะสมมุตินะคะสะสมเวลาแล้ว 1 เดือน
00:17:24 → 00:17:26 แล้วเราเลิกไปแล้วอ่ะแล้วเราหวังว่าไอ้ผล
00:17:26 → 00:17:29 ดีมันจะอยู่ตลอดไปมันไม่ใช่นะคะอืมันจะ
00:17:29 → 00:17:31 ต้องทำต่อเนื่องสม่ำเสมอเพราะฉะนั้นมันก็
00:17:31 → 00:17:34 เลยต้องกลายมาเป็นว่าผู้สูงต้องมองที่ชอบ
00:17:34 → 00:17:37 อ่ะค่ะจะได้ทำได้บ่อยๆทำได้เป็นประจำนะ
00:17:37 → 00:17:40 มองสิ่งที่ชอบนะคะแล้วก็ทำให้เป็นประจำ
00:17:40 → 00:17:43 อะไรที่ชอบถูกจริตอ่ะแล้วมันดีอับสุขภาพ
00:17:43 → 00:17:46 อ่ะจงทำมิน่าเขาถึงบอกว่าให้ทำในสิ่งที่
00:17:46 → 00:17:48 ชอบเพราะเราจะอยู่กับมันได้นานก็ไม่เบื่อ
00:17:48 → 00:17:52 อยู่ได้นานนะคะแล้วก็มองหาสิ่งที่สนใจบาง
00:17:52 → 00:17:54 ทีถ้าเบื่อแล้วเนี่ยไม่สนใจแล้วให้ชอบยัง
00:17:54 → 00:17:58 ไงแต่มันเบื่อแล้วก็ทำทุกวันเปลี่ยนบ้าง
00:17:58 → 00:18:01 นะคะจะมาจีบแอวทุกวันก็คงไม่ใช่แล้วล่ะนะ
00:18:01 → 00:18:04 คะก็ดูที่สนใจมองหาอะไรที่มันแปลกใหม่
00:18:04 → 00:18:08 เพิ่มเติมเข้ามาแล้วมันดีนะคะแล้วก็ทำทำ
00:18:08 → 00:18:11 สิ่งนี้นะคะบางคนก็บอกว่าโอ้เขาชอบฝักฝ่า
00:18:11 → 00:18:15 ธรรมะนะชอบสวดมนต์จริงก็การสวดมนต์แล้วก็
00:18:15 → 00:18:17 มีหนังสือสวดมนต์เนี่ยดีนะคะเพราะว่าสวด
00:18:17 → 00:18:21 มนต์มันคงต้องออกเสียงค่ะอออนะออกเสียง
00:18:21 → 00:18:25 ได้อ่านนี่ช่วยได้นะอสวดมนต์แบบอ่านอ่าน
00:18:25 → 00:18:28 หนังสือสวดมนต์นะคะแล้วเราจะมีสมาธิจดจ่อ
00:18:28 → 00:18:31 อยู่กสมาธิแล้วการฝึกสมาธิเชื่อมยเลยนะคะ
00:18:31 → 00:18:34 การฝึกสมาธิจดจอเนี่ยช่วยเรื่องสมองได้นะ
00:18:34 → 00:18:37 คะเพราะว่าคลื่นสมองที่มันวิ่งวนอยู่ตลอด
00:18:37 → 00:18:40 เวลากับความคิดที่ที่มันอาจจะแส่ส่ายไป
00:18:40 → 00:18:43 เรื่อยๆเนี่ยเวลาทำสมาธิแล้วเนี่ยมันจะ
00:18:43 → 00:18:46 สงบเยือกเย็นคลื่นสมองก็จะทำงานได้ดีอืนะ
00:18:46 → 00:18:50 คะก็ช่วยได้ด้วยนะคะบางท่านสนใจก็มาแนว
00:18:50 → 00:18:52 นี้ก็ได้แต่ไม่ใช่สวดมนต์ทั้งวันนั่ง
00:18:52 → 00:18:55 สมาธิทั้งวันขาดการกระตุ้นด้วยสิ่งอื่น
00:18:55 → 00:18:58 เี่ก็ไม่ดีนะคะเราก็ต้องไปรับรู้สังคมโลก
00:18:58 → 00:19:02 ยังคนดำเนินไปมีอะไรบ้างนะคะยังคงดูทีวี
00:19:02 → 00:19:05 ได้เหมือนเดิมฟังวิทยุได้นะฟังรายการของ
00:19:05 → 00:19:07 เราก็ได้นะคะได้
00:19:07 → 00:19:11 ค่ะทีนี้ไอ้ความทรงจำระยะยาวถ้าหากว่ามัน
00:19:11 → 00:19:14 ยังมียังดีอยู่เนี่ยวิธีการปลุกเรียกความ
00:19:14 → 00:19:17 ทรงจำเดิมๆคือเขาบอกว่าใช้การเขียนอ๋อ
00:19:18 → 00:19:20 เขียนเรื่องราวเล่าสตอรี่อ่าเหมือนเป็น
00:19:21 → 00:19:24 ไดอารี่อย่างงี้ใช่มั้ยคะค่ะตอนนี้ก็พอดี
00:19:24 → 00:19:27 ว่าก็มีญาติที่สูงวัยแล้วมากๆอายุ 80
00:19:27 → 00:19:29 กว่านะเมื่อก่อนเยตอนที่เราไม่มี
00:19:29 → 00:19:31 อินเทอร์เน็ตไม่มีอีเมลอ่ะเราเคยเขียน
00:19:31 → 00:19:34 จดหมายถึงกันเวลาเราอยู่จากต่างประเทศทก็
00:19:34 → 00:19:37 เขียนจดหมายหาอะไรอย่าเงี้นะคะแล้วเราก็
00:19:37 → 00:19:40 ชอบมากที่จะเก็บจดหมายเอาไว้เนวันนี้ได้
00:19:40 → 00:19:42 มีโอกาสได้คุยกันก็บอกว่าเราเขียนจดหมาย
00:19:42 → 00:19:44 หากันอีกยล่ะเขียนเป็นตัวหนังสือเป็นลาย
00:19:44 → 00:19:47 มือนี่แหละแล้วผู้สูงยว่าแฮปปี้มากเออฉัน
00:19:47 → 00:19:50 อยากเขียนจดหมายลองเขียนมาดูนะไปรษณีย์
00:19:50 → 00:19:52 เขายังส่งจดหมายกันอยู่มยตอนนี้ส่งค่ะไม่
00:19:52 → 00:19:54 ใช่ส่งแต่พัสดุอย่างเดียวนะแต่เไม่มี
00:19:54 → 00:19:57 แสตมป์เท่านั้นเองเไม่มีสแตมป์เป็นรูปภาพ
00:19:57 → 00:20:00 แล้วนะคะเใช้สตมลงไปอ๋อใช่อุ๊ยไม่ได้สะสม
00:20:00 → 00:20:03 สแตมป์แล้วดเอสะสมสมปก็ไม่ได้ก็ลอง
00:20:03 → 00:20:06 กระตุ้นดูปรากฏว่าเขียนมาเขียนมา 2 หน้า
00:20:06 → 00:20:09 กระดาษอูเขียนมา 2 หน้ากระดาษเล่าเรื่อง
00:20:09 → 00:20:12 ราวต่างๆแล้วคนรับก็มีความสุขเรารับแล้ว
00:20:12 → 00:20:14 ก็มีความสุขที่ได้อ่านอ่านเราได้
00:20:14 → 00:20:16 จินตนาการในสิ่งที่เเล่านะคะแบบใช่เพราะ
00:20:16 → 00:20:19 เวลาเขียนไนมีข้อความสั้นๆค่ะใช่นี่เก็
00:20:19 → 00:20:23 เขียนมานะคะแล้วก็เขียนตอบค่ะแล้วก็เขียน
00:20:23 → 00:20:26 ตอบนะเล่าเรื่องบางเรื่องที่มันเช่วง
00:20:26 → 00:20:28 สัปดาห์นี้สัปดาห์ที่แล้วเรามีอะไรบ้างใน
00:20:28 → 00:20:30 ที่มันเกิดขึ้นแล้วมันดีๆก็เล่าสู่ให้ฟัง
00:20:31 → 00:20:34 ก็เขียนส่งไปนะคะปรากฏสแตมป์ถูกมากค่ะ่
00:20:34 → 00:20:36 ใช่เขียนทาง LINE หรือเขียนทางอีเมลมัน
00:20:36 → 00:20:39 ไม่ได้เสียเงินเนาะอันนี้มันต้องลงทุนมี
00:20:39 → 00:20:41 กระดาษแต่กระดาษเขียนจดหมายที่สวยๆที่
00:20:41 → 00:20:44 เก็บไว้ตั้งนานแล้วได้เอามาใช้ค่ะมาเขียน
00:20:44 → 00:20:48 จดหมายโอเราได้ไปไปรษณีย์เดินออกไปไปส่ง
00:20:48 → 00:20:50 แล้วนึกถึงผู้สูงที่ทำแบบนี้เนี่ยมันได้
00:20:50 → 00:20:53 รอบทิศรอบทางได้หลายเรื่องมากนะคะส่งไป
00:20:53 → 00:20:57 ผู้รับดีใจอ่านสุดท้ายเขียนไนมาบอกว่าได้
00:20:57 → 00:21:00 รับจดหมายแล้ว
00:21:00 → 00:21:02 อันนี้ก็เป็นอีกอันนึงก็เป็นสตอรี่น่ารัก
00:21:02 → 00:21:06 ๆที่อยากให้ลองทำดูนะถ้าใครที่เคยว่าอดีต
00:21:06 → 00:21:09 เคยเขียนจดหมายเราชอบเอหรือเขียนอะไรที่
00:21:09 → 00:21:11 เป็นชีวิตประจำวันก็ได้ว่าวันนี้ใชบันทึก
00:21:11 → 00:21:15 ในไดอารี่วันวันที่เท่าไหร่เอ่อทำอะไรไป
00:21:15 → 00:21:17 บ้างก็ได้รื้อฟื้นความทรงจำตั้งแต่ช่วง
00:21:17 → 00:21:21 เช้ามาเนาะเออฉันตื่นนอนเอ๊ะกี่โมงนะเออ
00:21:21 → 00:21:24 ดูนาฬิกาเอ๊ะผ่านๆตาเอ๊น่าจะ 18:00 นกว่า
00:21:24 → 00:21:28 ว่าไปค่ะเล่าไปเลยสำคัญมากกับการที่ต้อง
00:21:28 → 00:21:31 รู้ว่าวันนี้วันอะไรวันมันกี่โมงกี่ยาม
00:21:31 → 00:21:33 แล้วเพราะว่าผู้สูงบางท่านท่านไม่ได้ออก
00:21:33 → 00:21:35 จากบ้านไปทำงานหรืออะไรยังไงท่านไม่รู้
00:21:35 → 00:21:37 ว่าวันนี้จันทร์อังคารพุธพฤหัสบศุกร์ไม่
00:21:37 → 00:21:41 รู้อ่ะค่ะใช่ๆๆอ่าเพราะนั้นเวลาไดอารี่
00:21:41 → 00:21:43 มันก็ต้องเขียนว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่
00:21:43 → 00:21:46 จันทร์อังคารพุธพฤหัสบศุกปีอะไรพ.ศอะไร
00:21:46 → 00:21:49 นี่นะคะดีมากเลย่ะใช่แล้วเวลามาอ่านย้อน
00:21:49 → 00:21:52 หลังไปอ่ะมันก็มันก็สนุกนะคะมันก็บอกเฮ้ย
00:21:52 → 00:21:54 อะไรเนี่ยหรือบางเรื่องแบบเอ๊ะฉันเป็น
00:21:54 → 00:21:56 อย่างงี้เหรอหรืออะไรอย่างเงี้ยเออก็
00:21:56 → 00:21:59 เขียนบันทึกไว้นะคแี่แล้วที่สำคัญเราควร
00:22:00 → 00:22:02 จะเขียนตอนไหนคะเอ่อบางท่านก็บอกว่าเขียน
00:22:02 → 00:22:05 ก่อนนอนไงอือๆเออนะคะถนัดก่อนนอนอันนี้ก็
00:22:05 → 00:22:08 เรียนรู้มาจากผู้สูงอยู่บางท่านนะที่แบบ
00:22:08 → 00:22:10 จดบันทึกประจำวันหรือว่าสัปดาห์ละครั้ง
00:22:10 → 00:22:13 แล้วก็ช่วงเวลาก่อนนอนที่ที่เขาจะได้คิด
00:22:13 → 00:22:16 ว่าพรุ่งนี้ฉันจะทำอะไรนั่นคือการมีเป้า
00:22:16 → 00:22:18 หมายในชีวิตนะอ๋อใช่เออเป็นการกระตุ้น
00:22:18 → 00:22:21 สมองว่าชีวิตมันยังมีความหมายพรุ่งนี้ฉัน
00:22:21 → 00:22:24 จะทำอะไรอ๋อพรุ่งนี้หรอพรุ่งนี้จะต้องซัก
00:22:24 → 00:22:27 ผ้านะสมมุติว่าจะเอาผ้าไปใส่เครื่องซัก
00:22:27 → 00:22:31 ผ้าที่ข้างนอกที่ร้านพรุ่งนี้จะต้องไป
00:22:31 → 00:22:34 จ่ายตลาดนะพรุ่งนี้จะต้องซื้ออะไรเข้า
00:22:34 → 00:22:37 บ้านสมมุติว่าอาหารพรุ่งนี้ต้องซื้อไข่
00:22:37 → 00:22:39 ไข่วันนี้ที่บ้านเราหมดแล้วเราจะซื้อไข่
00:22:39 → 00:22:44 เข้าบ้านซื้อผลไม้อะไรเขียนไว้เขไดีมากๆ
00:22:44 → 00:22:47 เลยกระตุ้นให้มีการวางแผนสำหรับพรุ่งนี้
00:22:47 → 00:22:50 แล้วพอพรุ่งนี้อ๋อเราจบไว้แล้วนี่นะว่า
00:22:50 → 00:22:52 เราจะซื้ออะไรไม่ลืมนะไปถึงตลาดนี่อ๋อเรา
00:22:53 → 00:22:56 จดไว้แล้วไม่ลืมถือโพยนี้ไปด้วยก็ได้ได้
00:22:56 → 00:22:58 ค่ะได้เออว่าแบบจะต้องซื้ออะไรบ้างเราก็
00:22:58 → 00:23:02 จะได้ไม่พอได้ครบเราก็ไม่ตกหล่นเนาะค่ะ
00:23:02 → 00:23:04 แล้ววันนี้มีอะไรดีๆบ้างในชีวิตเป็นการ
00:23:04 → 00:23:07 ฝึกมองทางบวกการฝึกทางบวกคิดบวกเนี่ยช่วย
00:23:07 → 00:23:10 สมองนะคะเพราะสมองก็มีความสุขนะเวลาเรา
00:23:10 → 00:23:13 คิดอะไรบวกๆนะคะวันนี้มีอะไรดีๆบ้างที่
00:23:13 → 00:23:16 เกิดขึ้นถึงแม้ว่าจะมีอะไรไม่ดีแต่เราคิด
00:23:16 → 00:23:19 ยังไงให้เราสามารถก้าวข้ามปัญหานั้นไปได้
00:23:19 → 00:23:22 อืก็จดบันทึกไว้ก็ได้ค่ะนะฮะเรื่องราวของ
00:23:22 → 00:23:25 การจุดบันทึกเวลาเขียนเนี่ยได้ใช้ทั้ง
00:23:25 → 00:23:28 สมองนะคะที่ดูแลเรื่องสายตากล้ามเนื้อมือ
00:23:28 → 00:23:32 อ้อจริงำเนื้อมือแล้วก็ทำให้เรายังอยู่
00:23:32 → 00:23:36 กับปัจจุบันอยู่กับสตินะว่าเรามีอะไรยัง
00:23:36 → 00:23:38 ไงร้วนแล้วแต่เป็นการฝึกที่ดีหมดเลยใช่
00:23:38 → 00:23:41 แล้วเดี๋ยวนี้เขามีพวกไอเทมที่มันเป็นแบบ
00:23:41 → 00:23:43 สติ๊กเกอรสติ๊กเกอร์ใดๆอะไรอย่างเงี้ยติด
00:23:43 → 00:23:46 บ้ามคะเอาของคุณหลานมาติดบ้างเอาของหลาน
00:23:46 → 00:23:49 มาติดให้มันดูแบบเออเป็นไดอรี่ที่เราแบบ
00:23:49 → 00:23:51 ดูน่าสนใจหรืออะไรเงี้ก็ได้นะต่อเนื่อง
00:23:51 → 00:23:54 จากการที่เราจดบันทึกแล้วเราอาจจะแบบทำ
00:23:54 → 00:23:55 กิจกรรมนี้ที่เราจดบันทึกเอาไว้แล้ววัน
00:23:56 → 00:23:58 รุ่งขึ้นนะคะเขาบอกฝึกอีกอันหนึ่งก็คือ
00:23:58 → 00:24:02 ผู้สูงต้องฝึกในการที่จะตัดสินใจอ๋อลำดับ
00:24:02 → 00:24:05 ความสำคัญแล้วทำอะไรก่อนอะไรอะไรหลังใน
00:24:05 → 00:24:07 เด็กๆเค้าก็มีเนาะที่เคฝึกเด็กใช่มั้ยคะ
00:24:07 → 00:24:09 เรียกว่า EF อะไรต่างๆเนี่ยนะคะผู้สูง
00:24:10 → 00:24:12 อาวุก็มีเหมือนกันแล้วต้องฝึกนะเพราะว่า
00:24:12 → 00:24:15 สมองเนี่ยมีหน้าที่ในการคิดแล้วก็ตัดสิน
00:24:15 → 00:24:19 ใจแล้วก็ลงมือทำอืออ่าแล้วก็ต้องฝึกที่จะ
00:24:19 → 00:24:22 ตัดสินใจวันนี้จะทำอาหารอะไรอ๋ออก็ได้
00:24:22 → 00:24:27 มั้ยคะได้ไนะอ่ามีวางแผนนะช้าต้องซื้อ
00:24:27 → 00:24:30 อะไรยังไงบ้างเอ๊ะมันจะทำเสร็จใช้เวลา
00:24:30 → 00:24:33 เยอะไเมนูนี้อะไรต่างๆเรื่องของการคำนวณ
00:24:33 → 00:24:36 เวลาเรื่องของอะไรต่างๆนะจารจดบันทึกข้อ
00:24:36 → 00:24:38 มูลเมื่อทำสิ่งนี้แล้วเอาเรื่องราวเหล่า
00:24:38 → 00:24:43 นี้มาเล่าให้ฟังอ๋อได้มาทบทวนด้วยในในตัว
00:24:43 → 00:24:46 ส่วนนึงอทำแล้วตัดสินใจแล้วทำแล้วลงมือทำ
00:24:46 → 00:24:48 แล้วแล้วเอามาเล่าให้ฟังเล่าที่ไหนล่ะตอน
00:24:48 → 00:24:51 นี้ใน LINE กลุ่มเพื่อนๆก็มีนะคะเก็เล่า
00:24:51 → 00:24:55 ไปอนะวันนี้ทำอะไรยังไงนะคะหาที่ที่คนจะ
00:24:55 → 00:24:59 ฟังเราอ่ะปัญหามันอยู่ตรงนี้ใครจะฟังเรา
00:24:59 → 00:25:02 น้ออันนี้ก็คือรแล้วแต่เป็นการป้องกัน
00:25:02 → 00:25:05 ภาวะสมองเสื่อมในชีวิตประจำวันที่ง่ายๆ
00:25:05 → 00:25:08 เลยอค่ะนะคะแต่ถ้าเราหมกมุ่นอยู่กับสิ่ง
00:25:08 → 00:25:13 ใดสิ่งหนึ่งอู้ดูแต่ทีวีดูแต่ซีรีส์มัน
00:25:13 → 00:25:15 อาจจะได้ความสุขแบบนั้นแต่ว่าสมองเราไม่
00:25:15 → 00:25:17 ได้ฟังก์ชันในการทำงานครบถ้วนเพราะฉะนั้น
00:25:17 → 00:25:21 ผู้สูงอาจจะต้องอยู่หางจอด้วยแล้วลงมาทำ
00:25:21 → 00:25:25 อะไรต่างๆที่มันฝึกรอบด้านให้ใช้สมองได้
00:25:25 → 00:25:29 ครบส่วนนะฮะทั้งฝึกคิดตัดสินใจลลงมือทำนะ
00:25:29 → 00:25:33 อ่านพูดเขียนนะคะค่ะแล้วก็มีความสุขกับ
00:25:34 → 00:25:35 สิ่งนั้นน่ะค่ะเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเลย
00:25:36 → 00:25:38 ฝึกฝึกไว้เลยฝึกไว้เลยเดี๋ยวพอวันนึงมัน
00:25:38 → 00:25:41 คือมันต้องเสื่อมแหละในในบางมุมในบางอะไร
00:25:41 → 00:25:43 อย่างเงี้ยแต่ว่าก็เป็นไปตามสภาพร่างกาย
00:25:43 → 00:25:48 แต่ว่าแค่ชะลอให้มันเสื่อมช้าลงไปหน่อย
00:25:48 → 00:25:50 สิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งสำหรับป้อง
00:25:50 → 00:25:53 กันสมองสื่อมคือพักผ่อนให้พอนะคะพักผ่อน
00:25:53 → 00:25:55 ให้พอการนอนหลับได้ช่วยเยียวยาหลายเรื่อง
00:25:55 → 00:25:58 นะคะในยามที่เครียดบางทีก็หลับดีกว่า
00:25:58 → 00:26:01 เดี๋ยวตื่นมาหายนะค่ะเออแต่ว่าก็ไม่ต้อง
00:26:01 → 00:26:04 กังวลไปว่าผู้สูงอายุเก็จะแบบนอนเร็วตื่น
00:26:04 → 00:26:06 เช้าไม่เป็น
00:26:06 → 00:26:10 ไร 3:00 น 4:00 นมาละนั่งชงกาแฟอะไร
00:26:10 → 00:26:13 ประมาณนี้อันนี้ก็เป็นปกตินะจ๊ะก็ขอให้ดู
00:26:13 → 00:26:16 แลสุขภาพนะคะแล้วก็เรื่องสมองเสื่อมเนี่ย
00:26:16 → 00:26:18 ถ้ามันจำเป็นจะต้องเสื่อมจริงระบบดูแลของ
00:26:18 → 00:26:21 ประเทศเราของบ้านเราเนี่ยมีระบบดูแลที่ดี
00:26:21 → 00:26:24 ทีเดียวนะคะเพียงแต่ว่าไม่เกิดขึ้นดีที่
00:26:24 → 00:26:27 สุดนะคะครอบครัวช่วยกันเฝ้าระวังระมัด
00:26:27 → 00:26:30 ระวังกระตุ้นสนับสนุนกันให้มีการป้องกัน
00:26:30 → 00:26:32 ค่ะค่ะเนี่ยก็เป็นแนวทางไว้ให้แล้วนะคะ
00:26:32 → 00:26:35 ขอบคุณพี่เกสรค่ะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะสวัดี
00:26:35 → 00:26:37 เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้านะ
00:26:37 → 00:26:41 คะกับรายการโรงหมอทางไทยพ podcast นะคะ
00:26:41 → 00:26:43 วันนี้ต้องลาไปก่อนนะคดูแลสุขภาพกันด้วย
00:26:43 → 00:26:47 สวัสดีค่ะ This Is Thai PBS podcast
00:26:47 → 00:26:50 ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 อันตรายกับร่างกายของ
00:26:50 → 00:26:52 เราอย่างไรฝุ่นที่เล็กกว่านี้มีอีกหรือ
00:26:52 → 00:26:55 ไม่นายแพทย์จิรวัฒน์เชี่ยวเฉลิมศรีจาก
00:26:55 → 00:26:58 ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทานมา
00:26:58 → 00:27:01 เล่าให้ฟังครับพอบรรยากาศเนี่ยมันเริ่ม
00:27:01 → 00:27:04 หนาวเย็นมากขึ้นแล้วในเขตเมืองเนี่ยมัน
00:27:04 → 00:27:07 ค่อนข้างระบายฝุ่นลำบากเพอฝนแนวโน้มเริ่ม
00:27:07 → 00:27:10 ลดลงพวกฝุ่นพวกเยก็จะเริ่มมาครับคือจริงๆ
00:27:10 → 00:27:13 แล้วเนี่ยมันมีอยู่ในบรรยากาศตลอดแต่ว่า
00:27:13 → 00:27:16 ถ้าเป็นฤดูฝนเนี่ยเวลาฝนตกลงมามันก็จะ
00:27:16 → 00:27:19 กระจายแล้วก็ฟุ้งขึ้นไปในบรรยากาศถ้าเกิด
00:27:19 → 00:27:22 ว่าอากาศไม่หนาวเย็นมันก็จะฟุ้งขึ้นไปได้
00:27:22 → 00:27:25 พวกแก๊สพิมันก็จะขึ้นไปค่ะแต่ว่าพอหนาว
00:27:25 → 00:27:28 เย็นเสร็จปุ๊บเนี่ยมันก็จะถูกกักไว้ทำให้
00:27:28 → 00:27:30 ยังอยู่ในชั้นบรรยากาศที่เราหายใจสมัย
00:27:30 → 00:27:33 ก่อนเนี่ยประเทศไทยยังไม่ได้วัด PM 2.5
00:27:33 → 00:27:36 เขาจะวัดเป็น pm10 pm1 แล้วในสมัยที่ถัด
00:27:36 → 00:27:39 มาเนี่ยก็เริ่มวัด PM 2.5 นะครับแล้วพบ
00:27:39 → 00:27:41 ว่าเยอะมากจริงๆ pm10 เนี่ยที่เราวัดก็ก็
00:27:41 → 00:27:44 เยอะมานานแล้วนะฮะอ๋อแล้วก็ใช่แล้วก็ PM
00:27:44 → 00:27:46 2.5 ก็แบบเยอะมากจริงๆมันมีอีกอันนึงคือ
00:27:46 → 00:27:50 pm0.1 PM PM ที่มันเล็กกว่านั้นอีก PM
00:27:50 → 00:27:51 ที่เล็กกว่านั้นอีกเขาเชื่อว่ามันเข้าไป
00:27:51 → 00:27:54 ในอ่าระบบหัวใจและหลอดเลือดได้เลยคือ
00:27:54 → 00:27:56 สมมุติสูตเข้าไปเสร็จปุ๊บ PM 2.5 มัน
00:27:56 → 00:27:58 อยู่แถวแถวในปอดเป็นส่วนใหญ่ส่วนนึงเข้า
00:27:58 → 00:28:00 เลือดแต่อาจจะไม่เยอะมากแต่ถ้าเกิด PM
00:28:00 → 00:28:03 ที่เลล็กมากๆ 0.1 เนี่ยมันเข้าไปในเลือด
00:28:03 → 00:28:05 ได้เลยเวลาเราสูดเข้าไปเนี่ยนะครับอาการ
00:28:05 → 00:28:08 มักจะเห็นเด่นในกลุ่มที่เป็นทางเดินหายใจ
00:28:08 → 00:28:10 นะครับเนาะเช่นอาจจะเริ่มจากแสบจมูกเลยก็
00:28:10 → 00:28:13 ได้แสบจมูกแสบปากนะครับเนาะอ่ามีการ
00:28:13 → 00:28:16 กระตุ้นนะครับในส่วนของโรคภูมิแพ้พวงจมูก
00:28:16 → 00:28:18 ที่เคยพูดกันไปนะครับจำน้ำมูกคัดจมูกคัน
00:28:18 → 00:28:21 ตานะครับเอ่ออาจจะมีอาการไอเรื้อรังนะ
00:28:21 → 00:28:23 ครับคันคอเรื้อรังนะครับถ้ากลุ่มที่เป็น
00:28:23 → 00:28:26 ผู้ป่วยโรคหอบหืดนะครับก็จะมีการกำเริบ
00:28:26 → 00:28:28 ได้นะครับทำให้นอกนอกจากจากฤดูฝนที่กำเ
00:28:28 → 00:28:31 เริ่มมาแล้วเนี่ยก็มากำเริบฤดูหนต่อแล้ว
00:28:31 → 00:28:34 ก็ในระยะระยะยาวเนี่ยมันจะเกิดการอักเสบ
00:28:34 → 00:28:36 เรื้อรังการอักเสบเรื้อรังเนี่ยนะครับเอา
00:28:36 → 00:28:39 ๆเอาแบบยาวไม่มากก่อนยาวไม่มากก่อนเขามี
00:28:39 → 00:28:41 เกณฑ์การเก็บข้อมูลนะครับใครที่ตั้งครรภ์
00:28:41 → 00:28:42 อยู่หรือว่าใครที่มีลูกเล็กอยู่เนี่ยนะ
00:28:42 → 00:28:45 ครับเราพบว่านะครับหญิงตั้งคันเนี่ยมี
00:28:45 → 00:28:48 โอกาสเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้นะครับแล้ว
00:28:48 → 00:28:50 ก็ในส่วนของเด็กเล็กเนี่ยมีโอกาสเกิดอ่า
00:28:50 → 00:28:53 หอบหืดมากขึ้นนะครับเโรคหอผืดมากขึ้นโรค
00:28:53 → 00:28:55 ที่ต้องไปพ่นยาที่โรงพยาบาลแล้วเป็นเรื้อ
00:28:55 → 00:28:58 รังครับถ้าเด็กสูดโดยที่ไม่ไม่ป้องกันนะ
00:28:58 → 00:29:01 ครับอมีการเก็บรายงานทางการแพทย์ที่ใหญ่
00:29:01 → 00:29:04 มากๆเลยที่ในไต้หวันเขาเป่าปอดพบว่า
00:29:04 → 00:29:07 สมรรถภาพปอดเนี่ยในกลุ่มคนที่อยู่ในที่
00:29:07 → 00:29:09 ที่ PM 2.5 สูงกว่าเนี่ยนะครับพบว่ามี
00:29:09 → 00:29:11 การลดลงอย่างชัดเจนนะครับเมื่อเปรียบ
00:29:11 → 00:29:14 เทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในอ่า PM
00:29:15 → 00:29:17 2.5 เยอะนะครับเนาะซึ่งสมรรถภาพปอดก็คือ
00:29:17 → 00:29:20 อย่างที่บอกนะครับถ้าเกิดว่าเราลดลงทำให้
00:29:20 → 00:29:22 เราเหนื่อยขึ้นการทำกิจวัตรประจำวันทุก
00:29:22 → 00:29:25 อย่างออกแรงเราจะลดลงแล้วก็ในระยะยาวเลย
00:29:25 → 00:29:28 เนี่ยก็คือเกิดมะเร็งปอดได้รวมถึงมะเร็ง
00:29:28 → 00:29:29 ลำไส้และมะเร็งอื่นๆได้เพราะมันเกิดการ
00:29:29 → 00:29:32 อักเสบเรื้อลังตรงบริเวณปอดนะครับค่ะนะ
00:29:32 → 00:29:36 รวมถึงโรคถุงลมโป่งพองก็เพิ่มขึ้นได้
00:29:36 → 00:29:41 ครับ This Is Thai PBS
00:29:41 → 00:29:44 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:44 → 00:29:46 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:46 → 00:29:57 www.thaipbs.or.th
00:29:58 → 00:30:01 ปิ้น podcast และ Sound Cloud
00:30:01 → 00:30:04 [เพลง]