00:00:00 → 00:00:03 ค่ะคุณหมอครับเรื่องของเอ่อสารอาหาร
00:00:03 → 00:00:06 แมกนีเซียมเนี่ยมันมันมีความจำเป็นกับ
00:00:06 → 00:00:09 ร่างกายขนาดไหนครับเพราะผมเชื่อว่ามัน
00:00:09 → 00:00:12 เป็นหนึ่งในสารอาหารที่หลายคนอาจจะนึกไม่
00:00:12 → 00:00:16 ถึงหรือว่าอาจจะมองข้ามไปจนอาจจะเอ่อไม่
00:00:16 → 00:00:18 ได้ให้ความสำคัญไม่ได้ใส่ใจกับมันมากเ่
00:00:18 → 00:00:22 โดยเฉพะเรื่องของไมเกรนเออใช่ฮะค่ะค่ะก็
00:00:22 → 00:00:25 จริงๆแมกนีเซียมก็เป็นแร่ธาตุชนิดนึงที่
00:00:25 → 00:00:29 ร่างกายเราก็มีความสำคัญกับร่างกายเรา
00:00:29 → 00:00:32 เหมือนกันนะอืครับแล้วก็โดยปกติอ่ะค่ะถ้า
00:00:32 → 00:00:36 เรารับประทานอาหารที่เรียกว่าหลากหลาย
00:00:36 → 00:00:39 แล้วก็เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
00:00:39 → 00:00:41 อย่างเงี้ยค่ะจริงๆเราก็จะได้แมกนีเซียม
00:00:41 → 00:00:44 จากการรับประทานอยู่แล้วแต่ในส่วนของ
00:00:44 → 00:00:47 เรื่องไมเกรนเนี่ยค่ะจริงๆแมกนีเซียมเขา
00:00:47 → 00:00:51 ก็มีการศึกษาว่าการที่
00:00:51 → 00:00:55 เอ่อคนที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนน่ะค่ะก็
00:00:55 → 00:00:59 จะมีระดับแมกนีเซียมในเลือดต่ำลงหรือแม้
00:00:59 → 00:01:03 แต่กระทั่งว่าเมีการศึกษาในในการทดลองใน
00:01:03 → 00:01:05 งานวิจัยอ่ะนะคะเาก็จะมีการวัดระดับ
00:01:05 → 00:01:08 แมกนีเซียมในน้ำไขสันหลังหรือว่าในสมอง
00:01:08 → 00:01:11 ซึ่งในชีวิตประจำวันเราไม่ได้วัดขนาดนั้น
00:01:11 → 00:01:14 แต่ว่าวัดในเลือดซึ่งก็จะพบว่ามีระดับ
00:01:14 → 00:01:16 แมกนีเซียมลดลงเช่นกันแล้วก็จะทำให้มี
00:01:16 → 00:01:20 อาการปวดศีรษะไมเกรนได้อ่ะค่ะอืมครับผม
00:01:20 → 00:01:24 คือช่วงที่เราเป็นไมเกรนเนี่ยอย่างที่เคย
00:01:24 → 00:01:26 มีความรู้สึกเมื่อ 2-3 วันก่อนอย่างที่
00:01:26 → 00:01:29 บอกเกริ่นไปเนี่ยมันจะจี๊ดขึ้นมาเลยนะคะ
00:01:29 → 00:01:33 คุณหมอคะในซีกใดซีกหนึ่งของของของสมองของ
00:01:33 → 00:01:36 ศีรษะของเราเนี่ยอย่างงั้นเนี่ยไมเกรนให้
00:01:36 → 00:01:39 ความเอ่อคำจำกัดความของมันถูกต้องมยคะะ
00:01:39 → 00:01:43 มันจะปวดจี๊ดอยู่ข้างเดียวอ๋อจริงๆเวลา
00:01:43 → 00:01:46 วินิจฉัยโรคปวดศีรษะไมเกรนอ่ะค่ะนอกเหนือ
00:01:46 → 00:01:49 จากอาการปวดข้างเดียวแล้วเนี่ยค่ะก็ยังจะ
00:01:49 → 00:01:52 ต้องมีเกณฑ์การวินิจฉัยอื่นๆอีกไม่ไม่แน่
00:01:52 → 00:01:55 ใจว่าถ้าพูดเดี๋ยวจะเยอะไปึเปล่าไม่เป็น
00:01:55 → 00:01:58 ไรไม่เป็นไรได้เลยคนจะได้จะได้รู้พร้อมๆ
00:01:58 → 00:02:01 กันค่ะค่ะจริงๆแล้วคือเวลาวินิจฉัยอ่ะค่ะ
00:02:01 → 00:02:04 ก็คือจะต้องมีอาการปวดศีรษะที่ต้องเป็น
00:02:05 → 00:02:08 แบบนั้นน่ะค่ะ 5 ครั้งขึ้นไปเพราะว่าอ
00:02:08 → 00:02:10 เพราะว่าสิ่งที่สิ่งที่เราต้องกังวลมาก
00:02:10 → 00:02:13 กว่าเอ่อไมเกรนคือไมเกรนก็เป็นอาการปวด
00:02:13 → 00:02:16 ศีรษะที่รุนแรงแล้วก็ทำให้คนไข้เนี่ยมี
00:02:16 → 00:02:20 อาการที่แบบไม่ดีแบบเรียกว่าอะไรคะแบบไม่
00:02:20 → 00:02:23 สบายเยอะแต่ว่าแต่ว่าสิ่งที่ต้องกังวล
00:02:23 → 00:02:26 อย่างอื่นก็คืออาการที่มาเลียนแบบคล้ายๆ
00:02:26 → 00:02:29 ไมเกรนแต่ว่าก็คือไม่ใช่ไมเกรนแต่เป็นโรค
00:02:29 → 00:02:31 อื่นที่มีอาการเหมือนไมเกรนอย่างเงี้ยค่ะ
00:02:31 → 00:02:34 แต่ว่าในกรณีที่เป็นไมเกรนเนี่ยค่ะก็คือ
00:02:34 → 00:02:38 เขาก็จะต้องมีอาการปวดระยะเวลาก็ต้องได้
00:02:38 → 00:02:44 ก็คือแต่เอ่อเป็นแบบอาจจะเป็น 4 ชมถึง 72
00:02:44 → 00:02:46 ชมงเขาก็จะมีเกณฑ์วินิฉัยอ่ะค่ะแล้วก็
00:02:46 → 00:02:49 อาการปวดนี่นอกจากปวดข้างเดียวแล้วก็จะมี
00:02:49 → 00:02:52 อาการปวดเป็นลักษณะตุ๊บๆอ่ะค่ะตุ๊บๆใช่
00:02:53 → 00:02:57 มั้ยคะอืเหมือนเป็นตุ๊บๆค่ะแต่ว่าบางคนก็
00:02:57 → 00:02:59 อาจจะตื๊ๆก็ได้ไม่ใช่จี๊ดนะคะคุณหมอจี๊ด
00:02:59 → 00:03:01 อ่ะอย่างอย่างที่เคยเป็นเนี่ยมันจี๊ด
00:03:01 → 00:03:04 ปรี๊ดขึ้นมาอย่างงี้ไม่ใช่ต้องตุ๊บตุ๊บ
00:03:04 → 00:03:07 แบบว่าหูหนักๆใช่มั้ยฮะคือก็จริงๆจี๊ดก็
00:03:07 → 00:03:10 ได้นะคะเพราะว่าคนที่เป็นไมเกรนก็จะมี
00:03:10 → 00:03:14 อาการที่แบบหลากหลายพอสมควรแล้วก็แต่นอก
00:03:14 → 00:03:17 จากเค่ะก็จะต้องมีอาการปวดที่ระดับที่แบบ
00:03:17 → 00:03:20 ปานกลางถึงรุนแรงก็คือส่วนมากให้ไมเกรนจะ
00:03:20 → 00:03:23 ไม่ปวดน้อยๆแล้วก็มีอาการอื่นล้มด้วยก็
00:03:23 → 00:03:27 คือมีคลื่นไส้อาเจียนเวลาเจอแสงจ้าแล้ว
00:03:27 → 00:03:30 ปวดมากขึ้นได้ยินเสียงแล้วเสียงดังๆแล้ว
00:03:30 → 00:03:33 ปวดมากขึ้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็คือ
00:03:33 → 00:03:36 เวลาเดินเวลาเคลื่อนไหวแล้วก็จะมีการปวด
00:03:36 → 00:03:40 มากขึ้นเี่คือแบบว่าจะต้องให้ได้ตามเกณฑ์
00:03:40 → 00:03:44 ที่ที่ที่วินิจฉัยเะเพราะว่า่ะอถ้าตามที่
00:03:44 → 00:03:46 คุณหมอบอกมานั้นพี่น้องไม่ใช่เพราะว่า
00:03:46 → 00:03:48 จี๊ดเดียวแล้วก็เหมือนกับว่ามันเหมือนฟ้า
00:03:48 → 00:03:51 ฟ้าแลบฟ้าแลบแล้วมันก็หายไปเป็น 3 ครั้ง
00:03:51 → 00:03:55 ต่อวันเองไม่ภายใน 24 ชั่วโมงแล้วหาย
00:03:55 → 00:03:57 อย่างคุณหมอบอกต้อง 5 ครั้งแล้วก็ปวดตุ๊
00:03:57 → 00:04:00 ครั้งนี่คือ้าใน 1 วันเหรอฮะคุณหมอฮะ 5 5
00:04:00 → 00:04:02 ครั้งนี่อาจจะไม่ได้เป็นในรบอาจ 72
00:04:02 → 00:04:05 ชั่วโมงมั้ยคะหมายถึงว่าอาจจะแบบตั้งแบบ
00:04:05 → 00:04:09 เป็นแบภายนึง 5 คือจะบอกว่ายังไงะคือจะ
00:04:09 → 00:04:12 ให้แบบว่าเอ่ออาการอ่ะค่ะจะต้องมีอาการ
00:04:12 → 00:04:16 เหล่าเนี้ยค่ะเป็นเป็นแบบในแพทเทิร์นที่
00:04:16 → 00:04:18 เราจับต้องได้เพราะว่าถ้าสมมุติอาการ
00:04:18 → 00:04:20 เหมือนไมเกรนแต่ว่าเป็นมาครั้งแรกอย่าง
00:04:20 → 00:04:24 เงี้ยค่ะต้องไปหาสาเหตุอื่นเพราะว่าอาจจะ
00:04:24 → 00:04:26 ต้องสงสัยว่าเป็นโรคอื่นที่ที่อันตราย
00:04:26 → 00:04:30 กว่าไหมแต่ว่าถ้าถ้าสมมุติว่าอย่างอาจจะ
00:04:30 → 00:04:32 ไม่ได้เป็นทีเดียวเลยก็ได้นะคะเช่นอาจจะ
00:04:32 → 00:04:36 เป็นวันนี้แล้วก็อีกเดือนนึงเป็นหรืออีก 2
00:04:36 → 00:04:39 เดือนเป็นอย่างงี้ก็ได้นะคะโอ้รูปแบบมัน
00:04:39 → 00:04:41 ก็ไม่ได้ว่าโอมันไม่มีมันมีความหลากมาก
00:04:41 → 00:04:44 เลยนะเต้องต้องคล้ายๆแบบว่าจดจำพอสมควรที
00:04:44 → 00:04:49 เดียวเดือนต่อเดือนก็ได้มันนานนะใช่ๆแล้ว
00:04:49 → 00:04:52 แล้วแต่คนเลยค่ะว่าคนนั้นเนี่ยจะเป็นถี่
00:04:52 → 00:04:55 แค่ไหนคือโดยปกติถ้าสมมุติคนไข้มาหา้ว
00:04:55 → 00:04:57 เรื่องปวดหัวจะแบบซักประวัติค่อนข้าง
00:04:57 → 00:05:00 ละเอียดซักอานกันเพราะว่าใช่ก็ต้องดูแล้ว
00:05:00 → 00:05:02 ก็ต้องตรวจต้องอะไรเพิ่มเติมอย่างเงี้ย
00:05:02 → 00:05:06 ค่ะแต่ถ้าวินิจฉัยเป็นไมเกรนแล้วก็ก็ก็ก็
00:05:06 → 00:05:10 ก็รักษาไปอ่ะค่ะอืคือเพราะฉะนั้นต้อง
00:05:10 → 00:05:13 เหมือนกับว่าอาจจะบันทึกอาการของตัวเอง
00:05:13 → 00:05:14 ต้องคอยสังเกตตัวเองใช่มั้เพราะว่าคนที่
00:05:14 → 00:05:17 ปวดหัวเนี่ยเเจะถูกรบกวนด้วยอาการปวดหัว
00:05:17 → 00:05:20 จนคล้ายๆกว่ามันรบกวนชีวิตประจำวันใช่
00:05:20 → 00:05:24 มั้ยคะคุณหมอคะมันต้องมาบ่อยพอควรแหละอื
00:05:24 → 00:05:27 ใช่ค่ะก็คือถ้าเป็นไมเกรนนี่เรียกว่ารบ
00:05:27 → 00:05:30 กวนแน่ๆเพราะว่าส่วนมากอาการปวดจะเป็น
00:05:30 → 00:05:33 รุนแรงจนทำงานไม่ค่อยไหวอ่ะค่ะต้องไปนอน
00:05:33 → 00:05:35 พัดใช่ครับใช้ชีวิตกันลำบากเลยทีเดียว
00:05:35 → 00:05:38 เพราะว่าผมมีเพื่อนหรือว่ามีญาติๆที่รู้
00:05:38 → 00:05:40 จักกันเเป็นไมเกรนแบบมันใช้ชีวิตกันลำบาก
00:05:40 → 00:05:44 จริงๆแล้วเอ่อไมเกรนที่ว่าเนี่ยครับคุณ
00:05:44 → 00:05:47 หมอครับเอ่อเรื่องของการรักษาเนี่ยเ่อ
00:05:47 → 00:05:50 แมกนีเซียมเนี่ยมันมีส่วนเข้ามาช่วยในการ
00:05:50 → 00:05:53 ที่จะบรรเทาหรือว่ารักษาอาการไมเกรนใน
00:05:53 → 00:05:58 ลักษณะแบบไหนได้บ้างอ่ะครับคุณหมอครับก็
00:05:58 → 00:06:01 จากจากจริงๆในข้อมูลส่วนมากเขาก็มาจากการ
00:06:01 → 00:06:05 ศึกษาในคนไข้ที่เป็นไมเกรนเนี่ยค่ะจริงๆ
00:06:05 → 00:06:08 เขาบอกว่าแมกนีเซียมก็มีส่วนช่วยลดอาการ
00:06:08 → 00:06:12 ปวดศีรษะไมเกรนได้นะคะแล้วก็จะมีคนไข้
00:06:12 → 00:06:15 ไมเกรนบางกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์มาก
00:06:15 → 00:06:17 กว่ากลุ่มอื่นก็คือไมเกรนเขามีหลายชนิด
00:06:17 → 00:06:20 อ่ะค่ะครับก็เป็นชนิดที่มีอาการ
00:06:20 → 00:06:23 นำก็คือเป็นออร่าอย่างเงี้ยค่ะไมเกรนที่
00:06:23 → 00:06:27 มีออร่าอันเนี้ยแล้วคุณหมออธิบายนิดนึง
00:06:27 → 00:06:30 ไมเกรนมีหลายชนิดอ่าคุณฟังจะได้รับรู้ไป
00:06:30 → 00:06:33 ด้วยกันไมเกนที่มีออผมผมเป็นยังไงคะคุณ
00:06:33 → 00:06:37 หมอมียังไงบ้างไมเกรนปกติไมเกรนแบบแบบ
00:06:37 → 00:06:40 ปกติก็คือก็คือมีอาการปวดศีรษะอย่างที่
00:06:40 → 00:06:44 บอกไปเกนที่มีออร่าก็คือมีอาการนำมาก่อน
00:06:44 → 00:06:47 เนี่ยก็ที่เจอบ่อยที่สุดก็คือจะเป็นเห็น
00:06:47 → 00:06:51 แสงระยิบระยับเป็นแบบออตรงตัวของอ่าฮะ
00:06:51 → 00:06:54 เป็นแสงระยิบระยับหรือว่าเป็นภาพเบลอๆไป
00:06:54 → 00:06:57 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะมีอาการนำมาก่อน
00:06:57 → 00:07:00 แล้วก็มีอาการปวดศีรษะตามมาหรือว่าจริงๆ
00:07:00 → 00:07:03 ก็มีออร่าอื่นก็ได้นะคะแต่อันนี้คือเจอ
00:07:03 → 00:07:06 บ่อยที่สุดก็คือจะบอกว่าคนที่เอ่อ
00:07:06 → 00:07:08 แมกนีเซียมเนี่ยค่ะมีประโยชน์ในผู้ป่วย
00:07:08 → 00:07:11 ไมเกรนกลุ่มนี้แล้วก็ผู้ป่วยไมเกรนที่มี
00:07:11 → 00:07:14 อาการช่วงใกล้ๆประจำเดือนอย่างเงี้ยค่ะก็
00:07:14 → 00:07:19 จะได้อได้ประโยชน์เป็นพิเศษอ๋อแมกนีเซียม
00:07:19 → 00:07:23 จะสามารถช่วยลดอาการของไมเกรนออร่ามีแสง
00:07:23 → 00:07:26 มานำที่มีอาการนำมากนอ่าหรือผู้เอ่อหรือ
00:07:26 → 00:07:30 คนที่เป็นไมเกรนช่วงที่มีประจำเดือนใกล้ๆ
00:07:30 → 00:07:32 ประจำเดือนใช่ค่ะอันนี้ถูกต้องเลยเพราะ
00:07:32 → 00:07:36 ว่าในช่วงที่เราลองย้อนกลับไปเนี่ยในอดีต
00:07:36 → 00:07:39 หลายปีแล้วของพี่นกเนี่ยไมเกรนมาในช่วงมี
00:07:40 → 00:07:44 ประจำเดือนจริงๆของผู้หญิงหลายคนใช่กี่
00:07:44 → 00:07:46 กี่เปอร์เซ็นต์นะคะคุณหมอคะในสำหรับหญิง
00:07:46 → 00:07:49 ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์มีประจำเดือนมี
00:07:49 → 00:07:54 ไมเกรนเนี่ยค่ะครึ่งๆมั้ยคะอ๋อหมายถึงว่า
00:07:54 → 00:07:57 จริงๆก็คือจะมีจะมีคนที่เป็นเฉพาะช่วง
00:07:57 → 00:08:00 ก่อนประจำเดือนอันก็คือเป็นแบบเป็นเฉพาะ
00:08:00 → 00:08:03 เลยหรือว่าคนไข้ที่เป็นไมเกรนส่วนใหญ่อ่ะ
00:08:03 → 00:08:06 ค่ะก็มักจะมีช่วงที่เป็นมากก็ช่วงใกล้
00:08:06 → 00:08:07 ประจำเดือนเพราะเป็นช่วงฮอร์โมนเปลี่ยน
00:08:07 → 00:08:11 แปลงอือก็ก็มักจะเป็นเป็นลักษณะนั้นอยู่
00:08:11 → 00:08:14 แล้วน่าจะเยอะพอควรอเยอะเหมือนกันค่ะอือ
00:08:14 → 00:08:16 ครับแล้วแมกนีเซียมที่ว่าที่มันจะไปช่วย
00:08:16 → 00:08:20 เนี่ยครับคือพอเราเป็นแล้วปั๊บเติมให้ไป
00:08:20 → 00:08:24 หาแมกนีเซียมหรือว่าเราสามารถทานอาหารที่
00:08:24 → 00:08:28 ไม่มีพวกสารแร่ธาตุแมกนีเซียมเนี่ยกิน
00:08:28 → 00:08:30 ป้องกันไว้ก่อนหรือว่ามันมันต้องใช้ยังไง
00:08:30 → 00:08:32 อ่ะครับคุณหมอครับในการที่จะสร้าง
00:08:32 → 00:08:36 ประโยชน์กับร่างกายเพื่อที่จะบรรเทา
00:08:36 → 00:08:40 เรื่องของไมเกรนได้หรอฮะก็มีทั้ง 2 รูป
00:08:40 → 00:08:43 แบบเลยอ่ะค่ะมีทั้งในลักษณะที่ว่ากินป้อง
00:08:43 → 00:08:46 กันก็คือต้องกินทุกวันอันนี้พูดถึงใน
00:08:46 → 00:08:49 ลักษณะของอาหารเสริมก่อนนะคะอันเนี้ยก็
00:08:49 → 00:08:53 คือกินทุกวันเป็นลักษณะกินป้องกันแล้วก็
00:08:53 → 00:08:58 มีในกรณีที่เป็นแบบปวดศีรษะมาแล้วก็จะให้
00:08:58 → 00:09:01 ตัวนี้เป็นลักษณะรักษาทันทีก็ได้แต่ว่า
00:09:01 → 00:09:04 โดยมากค่ะถ้าเป็นในลักษณะที่ปวดมาแล้วก็
00:09:04 → 00:09:08 มาพบแพทย์แล้วอาการรุนแรงเขาก็จะให้เป็น
00:09:08 → 00:09:11 ในรูปให้ให้ทางเอ่อหลอดเลืนดำอ่ะค่ะซึ่ง
00:09:11 → 00:09:14 อันนั้นก็จะต้องมาโรงพยาบาลอือส่วนถ้า
00:09:14 → 00:09:16 เกิดว่าเป็นในรูปแบบที่เป็นแบบกินทุกวัน
00:09:16 → 00:09:20 ป้องกันก็จะเป็นในรูปแบบให้ทางปากอันนั้น
00:09:20 → 00:09:23 ก็กินเองได้แต่ว่าที่เมื่อกี้ถามถึงว่า
00:09:23 → 00:09:26 ถ้าให้เป็นเอ่อถ้าไม่ต้องรับประทานแบบ
00:09:26 → 00:09:30 เป็นอาหารเสริมแบบนี้เป็นการที่ให้กิน
00:09:30 → 00:09:33 อาหารด้วยแบบตัวเองใช่มั้ยคะหมายถึงว่า
00:09:33 → 00:09:38 กินแบบเียงพอก็ก็อาหารที่ที่จะมี
00:09:38 → 00:09:40 แมกนีเซียมสูงอ่ะค่ะก็อย่างทั่วๆไปเลยก็
00:09:40 → 00:09:44 พวกผักใบเกี๋ยวพวกถั่วต่างๆเมล็ดธัญพืช
00:09:44 → 00:09:48 ข้าวอดข้าวสาลีกล้วยอะไรอย่างเงี้ยค่ะอื
00:09:48 → 00:09:51 ก็คือเป็นอาหารที่เรารับประทานอยู่แล้ว
00:09:51 → 00:09:55 ค่ะก็หาเอ่อเค้าเรียกว่าอะไรนะธัญพืชทาน
00:09:55 → 00:09:59 จะดีใช่มั้ยคะจะมีแมกนีเซียมมากใช่ค่ะัน
00:09:59 → 00:10:03 พืชเช่นแบบเมล็กฟนมถั่วเหลืองได้มั้ยคะนม
00:10:03 → 00:10:06 ถั่วเหลืองก็ได้ค่ะก็เป็นพืชแบบพเต้าหู้
00:10:06 → 00:10:09 อะไรอย่างงี้ก็ได้ค่ะอคือถ้าพูดกันง่ายๆ
00:10:09 → 00:10:12 ก็คือมันอยู่ในพวกอาหารทั้งหลายที่เรากิน
00:10:12 → 00:10:16 กันอยู่เป็นประจำในในในวชวิตประจำวัน
00:10:16 → 00:10:20 ประจำวันอใช่ค่ะหรือว่าพวกปลาก็อย่างแบบ
00:10:20 → 00:10:24 ถ้าแบบปลาแซลมอนปลาทูปลากระพงอะไรอย่าง
00:10:24 → 00:10:27 งี้ก็ได้ค่ะก็มีหมดเพียงแต่ว่าก็จะมีคน
00:10:27 → 00:10:30 ไข้บางกลุ่มที่อาจจะมีการสูญเสียตัว
00:10:30 → 00:10:34 แมกนีเซียมไปอย่างเช่นคนไข้เป็นโรคความ
00:10:34 → 00:10:37 ดันสูงโรคหัวใจได้ยับรับยาขับปัสสาวะ
00:10:37 → 00:10:39 อย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะสูญเสียแมกนีเซียมไป
00:10:39 → 00:10:42 ทางปัสสาวะหรือว่าคนไข้มีโรคเกี่ยวกับลำ
00:10:42 → 00:10:45 ไส้ดูดซึมไม่ดีอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะ
00:10:45 → 00:10:48 ทำให้ต้องทานเสริมเข้าไปเพราะว่าอาหารอาจ
00:10:48 → 00:10:51 จะไม่เพียงพอค่ะพูดถึงปัสสาวะเนี่ยสอบถาม
00:10:51 → 00:10:54 คุณหมอนิดนึงเนี่ยมีประเด็นเกี่ยวกับ
00:10:54 → 00:10:57 แมกนีเซียมหายไปในการที่เราปัสสาวะออกไป
00:10:57 → 00:11:00 แล้วก็แมกนีเซียมหายไปในการที่เราดื่ม
00:11:00 → 00:11:03 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ปัสสาวะมากแล้ว
00:11:04 → 00:11:07 ดึงแมกนีเซียมออกไปทำไมแมกนีเซียมถึงได้
00:11:07 → 00:11:10 สลายไปไปขนาดนี้กับปัสสาวะโดยเฉพาะเรื่อง
00:11:10 → 00:11:13 ของแอลกอฮอล์เรื่องของเอ่อการปัสสาวะออก
00:11:13 → 00:11:15 ไปแล้วก็ทำให้เราเกิดอาการที่ว่าขัด
00:11:15 → 00:11:19 แมกนีเซียมอาจจะชาใช่มั้ยคะอย่างที่บางคน
00:11:19 → 00:11:22 บอกว่าอุ๊ยทำไมกลางคืนชาตามขาหรืออะไร
00:11:22 → 00:11:25 อย่างเงี้ยมันมันเกี่ยวข้องยังไงกับการ
00:11:25 → 00:11:27 ปัสสาวะที่เรานำแมกนีเซียมออกไปคะคุณหมอ
00:11:27 → 00:11:29 คะอ๋อ
00:11:29 → 00:11:33 ก็อันนี้อันนี้ก็ก็คือการกินการดื่ม
00:11:33 → 00:11:37 แอลกอฮอล์ค่ะมันก็จะมีขับเกลือแร่ทำให้
00:11:37 → 00:11:41 การดูดซึมไม่ดีก็ทำให้มีการขับตัวและธา
00:11:41 → 00:11:44 ตัวนี้ออกไปด้วยแต่ว่าจริงๆเวลาเป็นตะคิว
00:11:44 → 00:11:47 อ่ะค่ะอครับมันจะเป็นได้จากหลายสาเหตุอ่ะ
00:11:47 → 00:11:49 ค่ะมันจะมีเกลือแร่ตัวอื่นที่เกี่ยวข้อง
00:11:49 → 00:11:53 ด้วยก็ก็ไม่ได้เป็นเฉพาะแมกนีเซียมตัว
00:11:53 → 00:11:55 เดียวอ่ะค่ะก็อาจจะมีเกลือแร่ตัวอื่นที่
00:11:55 → 00:11:59 ต้องไปตรวจเพิ่มเติมด้วยอ่ะค่ะอืสำคัญมาก
00:11:59 → 00:12:02 เหมือนกันเนาใช่ๆเพราะฉะนั้นปัสสาวะเอ่อ
00:12:02 → 00:12:05 คือการที่จะไม่ให้ปัสสาวะถูกเอ่อเราถ่าย
00:12:05 → 00:12:09 ปัสสาวะออกไปแล้วก็แคลเซียมไม่สูญสลไป
00:12:09 → 00:12:12 ด้วยเนี่ยเราจะต้องดื่มดื่มน้ำมากขึ้น
00:12:12 → 00:12:15 หรือว่าดื่มยังไงคะคุณหมอคะเพื่อชดเชย
00:12:15 → 00:12:19 แมกนีเซียมอือ๋อหมายหมายถึงว่าคือคือ
00:12:19 → 00:12:22 อย่างถ้าสมมุติว่าถ้าเป็นอย่างดื่ม
00:12:22 → 00:12:24 แอลกอฮอล์อๆใช่ค่ะถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะ
00:12:24 → 00:12:27 เลี่ยงแต่ถ้าอย่างถ้าเป็นกรณีอย่างเช่น
00:12:27 → 00:12:30 เป็นผู้ป่วยแล้วต้องมีภาวะน้ำเกินต้องได้
00:12:31 → 00:12:32 รับยาขับปัสสาวะอะไรอย่างเงี้ยค่ะเป็น
00:12:33 → 00:12:35 สิ่งที่เลือกไม่ได้อันนี้ก็อาจจะต้องรับ
00:12:35 → 00:12:38 ประทานเป็นพวกแรกธาตุเสริมเข้าไปเพราะว่า
00:12:38 → 00:12:42 เลี่ยงไม่ได้อแมกนีเซียมที่เป็นเป็นมิตร
00:12:42 → 00:12:44 เป็นอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะใช่ๆค่ะเพราะ
00:12:44 → 00:12:49 จริงๆจริงๆตามข้อมูลในเอ่อในแนวแนวทางการ
00:12:49 → 00:12:52 รักษาอย่างเงี้ยค่ะแมกนีเซียมก็จัดว่า
00:12:52 → 00:12:55 จริงๆเขาก็เป็นแนะนำเป็นส่วนที่ในการ
00:12:55 → 00:12:59 รักษาไมเกรนได้นะคะเพราะว่าจะมีในบางคือ
00:12:59 → 00:13:02 คือการรักษาจะมีการรักษาหลักที่เป็นการ
00:13:02 → 00:13:05 รับประทานยาแต่ทีนี้จะมีคนไข้บางกลุ่มอ่ะ
00:13:05 → 00:13:07 ค่ะเช่นอย่างผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างเงี้ย
00:13:07 → 00:13:10 เขาก็อาจจะรับประทานยาไม่ค่อยได้เพราะว่า
00:13:10 → 00:13:13 จะไปมีผลกับเด็กในท้องแมกนีเซียมก็เป็น
00:13:13 → 00:13:16 ตัวเลือกหนึค่ะอในการป้องกันไมเกรนในคน
00:13:16 → 00:13:19 กลุ่มนี้ครับคุณหมอครับถ้าอย่างกรณีที่
00:13:19 → 00:13:22 โอเคไอ้เรื่องของแมกนีเซียมที่คุณหมอบอก
00:13:23 → 00:13:25 ว่ามันอยู่ในพวกอาหารทั้งหลายทั้งหหลที่
00:13:25 → 00:13:28 เรากินกันอยู่ในชีวิตประจำวันแต่ว่าถ้า
00:13:28 → 00:13:32 อยากจะได้ความชัวร์อืที่มันเป็นพวกสาร
00:13:32 → 00:13:34 อาหารที่มันเป็นเม็ดอะไรเงี้ยฮะเราควรจะ
00:13:34 → 00:13:38 ต้องกินกันปริมาณมากน้อยขนาดไหนหรือว่าใน
00:13:38 → 00:13:40 ปัจจุบันนี้คือที่เขามีวางขายตามท้องตลาด
00:13:40 → 00:13:43 พวกแมกนีเซียมอะไรเงี้ยเราต้องต้องเฉพาะ
00:13:43 → 00:13:46 เจาะจงนะครับว่าเอาจะต้องปริมาณมากน้อย
00:13:46 → 00:13:48 ขนาดไหนถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของ
00:13:48 → 00:13:52 ร่างกายในแต่ละวันนะฮะค่ะก็ตามที่แนะนำ
00:13:52 → 00:13:56 เนี่ยเขาจะให้ตัวที่แนะนำแล้วมีข้อมูล
00:13:56 → 00:13:58 เยอะที่สุดจะเป็นตัวแมกนีเซียมออกไซด์อ่ะ
00:13:58 → 00:14:01 ค่ะอืคือเหมือนมันจะมีแมกนีเซียมผสมหลาย
00:14:01 → 00:14:04 อย่างเช่นแมกนีเซียมซัลเฟตแมกนีเซียม
00:14:04 → 00:14:06 ออกไซด์อย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็เป็นฟอร์ม
00:14:06 → 00:14:08 แมกนีเซียมออกไซด์เนี่ยจะเป็นฟอร์มที่มี
00:14:08 → 00:14:11 การศึกษาเยอะแล้วก็ให้ขนาด 400-600
00:14:11 → 00:14:14 มิลกรัมต่อวันแต่ว่าการรับประทานอันเนี้ย
00:14:14 → 00:14:18 ก็มีผลข้างเคียงเหมือนกันนะคะก็คือเรื่อง
00:14:18 → 00:14:21 ของท้องเสียแล้วก็มีปวดท้องเป็นตะคิวได้
00:14:21 → 00:14:25 เป็นตะคิวที่แบบเกร็งอ่ะค่ะท้องเกร็ง
00:14:25 → 00:14:28 เพราะฉะนั้นเาก็เลยอย่างที่ว่าค่ะถ้ารับ
00:14:28 → 00:14:31 ประทานอาหารจะดีกว่าเพราะว่ามันจะไม่มีผล
00:14:31 → 00:14:34 ข้างเคียงเหล่านี้แต่ในกรณีบางเคสที่
00:14:34 → 00:14:37 จำเป็นต้องต้องใช้เป็นก็ก็ทานเสริมได้
00:14:37 → 00:14:40 เพียงแต่ว่าก็จะมีผลข้างเคียงก็ถ้ามองใน
00:14:40 → 00:14:44 มุมบวกก็คือท้องเสียเนี่ยก็ถ้าคนไข้ท้อง
00:14:44 → 00:14:47 ผูกอยู่แล้วก็ได้บวกไปแต่ถ้าเกิดว่าเป็น
00:14:47 → 00:14:49 คนท้องเสียอยู่แล้วก็อาจะเสียไปอีกอะไร
00:14:49 → 00:14:53 อย่างเงี้ยค่ะอืแล้วก็เป็นข้อควรระวังค่ะ
00:14:53 → 00:14:56 เอ่อคุณหมอคะทำไมคนเราถึงได้เอ่อขาด
00:14:56 → 00:15:00 แมกนีเซียมอ่ะคะราทานอาหารกันไม่ไม่ครอบ
00:15:00 → 00:15:03 คลุมหรืออย่างไรคะเอก็อาจจะเป็นได้หรือ
00:15:03 → 00:15:07 ว่ามีมีปัญหาอย่างเช่นเป็นโรคทางล้ำไส้
00:15:07 → 00:15:11 หรือว่าการที่รับประทานพวกยารดกรดก็อาจจะ
00:15:11 → 00:15:15 ทำให้ดุดดุดซึมอืเกี่ยวกับาาต่างๆวิตามิน
00:15:15 → 00:15:20 ไม่ไม่เพียงพอค่ะอือืหรือว่าอย่างเป็นเบา
00:15:20 → 00:15:23 หวานอย่างเงี้ยค่ะก็ดูดซึมไม่ดีเท่าคนทำม
00:15:23 → 00:15:26 คนที่ไม่เป็นครับคือต่อต่อเนื่องจากที่
00:15:26 → 00:15:28 พี่นกถามไปเมื่อสักครู่่ะฮะก็เลยอยากจะ
00:15:28 → 00:15:31 ถามว่าปัจจุบันเนี่ยคนไทยเราเนี่ยมีอัตรา
00:15:31 → 00:15:35 เรื่องของการขาดสารอาหารอย่างแมกนีเซียม
00:15:35 → 00:15:38 เนี่ยพบกันเยอะพบกันบ่อยมยอ่ะครับคุณหมอ
00:15:38 → 00:15:42 ครับอันนี้ไม่ทราบค่ะอันนี้คืออๆไม่ไม่
00:15:42 → 00:15:46 ทราบจริงๆค่ะอืโอเคได้ไม่เป็นไรครับผมก็
00:15:46 → 00:15:48 พอดีก็มีคำถามทางบ้านถามเข้ามาเพิ่มเติม
00:15:49 → 00:15:51 เหมือนกันครับว่าเจ้าแมกนีเซียมเนี่ยคือ
00:15:51 → 00:15:53 ถ้าทานไปแล้วเนี่ยมันจะช่วยเรื่องของ
00:15:53 → 00:15:56 กระดูกพุนเพิ่มเติมจากจแคลเซียมด้วยมั้ย
00:15:56 → 00:15:57 อ่ะครับคุณหมอครับอมันมันเกี่ยวเนื่องกับ
00:15:57 → 00:16:01 แคลเซียมมั้ยคะเจ้าตัวแมกนีเซียมเนี่ย
00:16:01 → 00:16:05 เอออันนี้อันนี้อันนี้ต้องขออภัยค่ะพอดี
00:16:05 → 00:16:07 อันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกันอไม่เป็นไรค่ะ
00:16:07 → 00:16:09 คุณหมเพราะว่าเพราะว่าจริงๆอ่ะเป็นเป็น
00:16:09 → 00:16:14 หมอทางทางเป็นหมอทางระบบประสาทแต่ว่าออ
00:16:14 → 00:16:16 ครับผมนะไม่มีปัญหาเดียวผมอ่าเดี๋ยวขค่อย
00:16:16 → 00:16:19 หเพราะว่าเพราะว่าคุณที่คุณผู้ฟังที่ถาม
00:16:19 → 00:16:22 มาเนี่ยบอกว่ายาดเป็นตะคริวใช่มั้คะจ่าย
00:16:22 → 00:16:25 แคลเซียมเป็นเม็ดให้ทานหลังอาหาร 1 เม็ด
00:16:25 → 00:16:28 เพียงพอไหมแต่คิวที่เมื่อกี้เราก็เกี่ยว
00:16:28 → 00:16:31 พันกับเรื่องของอาการชาอืที่คุณหมอบอกว่า
00:16:31 → 00:16:34 อาจจะเกิดจากการที่ขับปัสสาวะเอ่อ
00:16:34 → 00:16:36 แมกนีเซียมเอ่อถูกขับออกมาด้วยอะไรอย่าง
00:16:36 → 00:16:42 เงี้ยค่ะเกี่ยวข้องมยคะคุณหมอ
00:16:42 → 00:16:46 คะคืออันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะว่า
00:16:46 → 00:16:49 เพราะว่าเพราะว่าโดยปกติอ่ะค่ะคือคือถ้า
00:16:49 → 00:16:53 ถ้าคนไข้มาหาเนี่ยก็จะให้ให้ยาเป็นอีกตัว
00:16:53 → 00:16:57 นึงอ่ะค่ะเพราะว่าก็ก็คือเหมือนกับไม่ไม่
00:16:57 → 00:17:00 ได้ปติไม่ได้เจอบแซมดูด้วยซ้ำอ่ะค่ะปกติ
00:17:00 → 00:17:04 ก็คือจะให้ยาเป็นยาอีกกลุ่มนึงเลยอือ่า
00:17:04 → 00:17:06 ถ้าถ้าอย่างงั้นในกรณีที่เรื่องของ
00:17:06 → 00:17:09 แมกนีเซียมแล้วกันคุณหมอครับเราจะรู้ได้
00:17:09 → 00:17:12 ยังไงว่าเราเนี่ยเริ่มมีอาการขาด
00:17:12 → 00:17:15 แมกนีเซียมเออเราเรามีวิธีการสังเกตตัว
00:17:15 → 00:17:17 เราได้ยังไงได้บ้างมยครับคุณหมอ
00:17:17 → 00:17:20 ฮะค่ะ
00:17:20 → 00:17:25 ก็น่าจะคืออาการเขาก็ไม่ได้จำเพาะเจาะรง
00:17:25 → 00:17:27 ขนาดนั้นนะคะเพียงแต่ว่าออาจจะรู้สึกอ่อน
00:17:27 → 00:17:30 เพลียหรือ
00:17:30 → 00:17:34 อ๋อมีสัญญาณอะไรเตือนบ้างมั้ย
00:17:34 → 00:17:37 คะขาดแมกนีเซียมมันเกี่ยวกับระบบประสาท
00:17:37 → 00:17:41 เลยใช่มั้ยคะคุณหมอคะอืคือคือคือพอดีหมอ
00:17:41 → 00:17:44 อ่ะอืดูดูมาแต่เรื่องเรื่องไมเกรนอ่ะค่ะ
00:17:44 → 00:17:48 อ๋ออครับผมได้ๆครับจะตอบไม่ได้ค่ะอเพราะ
00:17:48 → 00:17:50 ฉะนั้นถ้าคนเราอ่ะเป็นไมเกรนเนี่ยอย่าง
00:17:50 → 00:17:53 ที่คุณหมอบอกมีอาการแบบนัยยะสำคัญเลยอ่ะ
00:17:53 → 00:17:56 สังเกตตัวเองเลยอ่ะมันปวดตุ๊บๆนะคะมัน
00:17:56 → 00:18:00 เอ่อปวดอยู่เกินเกิน 5-6 ครั้งอ่ะอาจจะ
00:18:00 → 00:18:04 สักช่วง 2-3 เดือนอย่างเงี้ยอืเราควรพบ
00:18:04 → 00:18:07 แพทย์เลยดีมั้ยคะคุณหมอเออหรือว่าไปหาพวก
00:18:07 → 00:18:10 พวกสารอาหารอย่างแมกนีเซียมมาาว่าเราขาด
00:18:10 → 00:18:14 แมกนีเซียมแล้วล่ะมีมีส่วนเลยใช่มั้ยคะ
00:18:14 → 00:18:18 ไมนอย่างที่บอกอ่ะค่ะว่าก็ไปพบแพทย์ก็ดี
00:18:18 → 00:18:22 ค่ะเพราะว่าอคือเราก็วินิจฉัยให้ถูกดี
00:18:22 → 00:18:26 กว่าค่ะเพราะว่าบางทีถ้าวินิจฉัยผิดไปไป
00:18:26 → 00:18:29 ซื้อยากินเองอาจจะได้รับรับผลข้างเคียง
00:18:29 → 00:18:32 หรือว่าถ้าเป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่ไมเกรน
00:18:32 → 00:18:36 แล้วอืเอ่อไม่ได้รักษาจะแย่อ่ะค่ะอืเดี๋
00:18:37 → 00:18:39 มันจะมีอาการข้างเคียงตามมาเพิ่มเติมนะ
00:18:39 → 00:18:42 มันก็จะเป็นผลกระทบต่อร่างกายของเราอีกนะ
00:18:42 → 00:18:44 ครับคุณหมอครับอืคุณหมอคะทีนี้เราจะหา
00:18:44 → 00:18:47 แมกนีเซียมจากอ๋อบอกไปแล้วเนาเช่นธัญพืช
00:18:47 → 00:18:50 ใช่มนมเนี่ยมันง่ายๆมันมีแมกนีเซียมพอควร
00:18:51 → 00:18:54 มั้ยคะคุณหมอเราดื่มนมเป็นประจำอ๋อได้ค่ะ
00:18:54 → 00:18:59 นมก็มีค่ะพวกนมพวกโยเกิร์ตอะไรก็มีค่ะอือ
00:18:59 → 00:19:02 คือพอดีก็มีคุณผู้ฟังสงสัยแล้วก็อยากอยาก
00:19:02 → 00:19:04 จะทราบว่าไ้แมกนีเซียมเมื่อกี้อย่างที่
00:19:04 → 00:19:06 คุณหมอได้บอกไปก็คือปริมาณความต้องการของ
00:19:06 → 00:19:08 ร่างกายของเราอยู่ที่ประมาณ 400-600
00:19:08 → 00:19:11 มิลกรัมต่อวันใช่มั้ยครับคุณหมอครับอ๋อ
00:19:11 → 00:19:14 จริงๆอันนั้นเป็นปริมาณในยาค่ะแต่ว่าถ้า
00:19:14 → 00:19:17 ถ้าปริมาณตรความต้องการเนี่ยก็ถ้าคร่าวๆ
00:19:17 → 00:19:20 ก็คือผู้ชายก็ 400 มิลกรัมต่อวันผู้หญิง
00:19:20 → 00:19:23 ก็ประมาณ 300 มิลกรัมต่อวันค่ะแต่ว่าโด
00:19:23 → 00:19:26 โดยปกติเราก็ไม่ได้วัดขนาดนั้นนะคะอันนี้
00:19:26 → 00:19:29 ค่ะครับคือเราสามารถทาทานได้ทุกวันใช่
00:19:29 → 00:19:32 มั้ยครับไอ้เจ้าเอ่อพวกอาหารที่มันมีพวก
00:19:32 → 00:19:34 เอ่อเ่อแร่ธาตุแมกนีเซียมอะไรอย่างเงี้
00:19:34 → 00:19:37 ใช่มั้ยฮะอค่ะๆทานได้ค่ะก็ถือว่าเป็นการ
00:19:37 → 00:19:41 สะสมเรื่องของภูมิคุ้มกันที่มันอาจจะส่ง
00:19:41 → 00:19:43 ผลกระทบต่อเรื่องของไมเกรนอย่างเงี้ยได้
00:19:43 → 00:19:47 อยู่ใช่มั้ยครับคุณหมอครับอ๋อได้ค่ะอืคือ
00:19:47 → 00:19:50 อาหารที่เราทานกันแต่ละวันเนี่ยคุณหมอมัน
00:19:50 → 00:19:52 มันเพียงพอกับความต้องการของร่างกายมฮะ
00:19:52 → 00:19:55 อย่างผู้ชาย 400 ผู้หญิง 300 เนี่ยฮะก็ก็
00:19:55 → 00:19:58 ขึ้นอยู่กับว่าเรากินอะไรด้วยมั้งคะอืคือ
00:19:58 → 00:20:00 มันมันก็จะสามารถไปหาข้อมูลได้ใน
00:20:00 → 00:20:03 อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนะค่ะว่าอาหารแต่
00:20:03 → 00:20:07 ละชนิดปริมาณเท่าไหร่แล้วก็ในในอาหาร
00:20:07 → 00:20:09 ปริมาณเท่านี้มีแมกนีเซียมอยู่เท่าไหร่
00:20:09 → 00:20:12 แต่ว่าในความเป็นจริงเราก็ไม่สามารถที่จะ
00:20:12 → 00:20:15 แบบกินได้ตามนั้นอยู่แล้วเอาใช่มั้คะแล้ว
00:20:15 → 00:20:18 เราแล้วคือเราก็คงต้องแบบประเมินด้านอื่น
00:20:18 → 00:20:22 ด้วยว่าอาหารบางอย่างอ่ะถ้าสมมุติกินผัก
00:20:22 → 00:20:24 ก็คงไม่เป็นไรแต่ว่าถ้าเกิดว่าไปกินถั่ว
00:20:24 → 00:20:27 คือแบบอยากได้แมกนีเซียมแล้วเรากินเยอะๆ
00:20:27 → 00:20:31 มันก็อาจจะไปเป็นผลเสียอย่างอีกคือคือคือ
00:20:31 → 00:20:34 มันก็ต้องบาานอ่ะค่ะก็ใช่อืเอาง่ายๆคุณ
00:20:34 → 00:20:36 หมออย่างที่เห็นในภาพที่เขาบอกว่าอาหารใน
00:20:36 → 00:20:39 ธรรมชาติที่สามารถพบแร่ธาตุแมกนีเซียมนะ
00:20:39 → 00:20:44 คะเอ่อช็อกโกแลตถั่วต่างๆอัลมอนโยเกิร์ต
00:20:44 → 00:20:48 อันนี้เจอง่ายเอ่อกล้วยหอมผักโขมอะโวคาโด
00:20:48 → 00:20:51 อันนี้ก็ต้องเสาะหานิดนึงนะคะอโวคาโดซึ่ง
00:20:51 → 00:20:55 เป็นที่นิยมพอควรเมล็ดธัญพืชอืคุณหมอคะ
00:20:55 → 00:21:00 ธัญพืชเนี่ยสมมุติว่าลูกเดือยในส่วนผสม
00:21:00 → 00:21:03 ของเอ่อน้ำถั่วเหลืองเนาะเออที่เราใส่
00:21:03 → 00:21:06 เครื่องต่างๆเหล่าเนี้ยก็เป็นธัญพืชแล้ว
00:21:06 → 00:21:10 ใช่ไหมยคะค่ะอืมผักโขมนี้หายากหน่อยเนาะ
00:21:10 → 00:21:14 อะโวคาโดช็อกโกแลตถั่วต่างๆกล้วยหอมนี่
00:21:14 → 00:21:17 น่าจะง่ายแล้วก็โยเกิร์ตใช่พยายามทาน
00:21:17 → 00:21:20 อาหารให้หลากหลายใช่ๆๆนะครับผมก็วันนี้ก็
00:21:20 → 00:21:22 เราก็ได้รับข้อมูลความรู้นะเกี่ยวกับ
00:21:23 → 00:21:26 เรื่องของแมกนีเซียมที่มันจะมีผลในการที่
00:21:26 → 00:21:31 จะช่วยบรรเทาอาการของไมเกรนได้นะครับผม
00:21:31 → 00:21:33 สุดท้ายแล้วครับคุณหมอครับอยากจะให้คุณ
00:21:33 → 00:21:36 หมอช่วยฝากถึงคนที่มีอาการอาจจะเป็น
00:21:36 → 00:21:40 ไมเกรนหน่อยแล้วกันใช่ๆว่าเมื่อเป็นแล้ว
00:21:40 → 00:21:43 เราควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรมีอะไรที่
00:21:43 → 00:21:45 เราควรจะต้องหลีกเลี่ยงและอะไรที่เราควร
00:21:45 → 00:21:48 จะต้องทำบ้างเมื่อเราสังเกตอาการว่าเรา
00:21:48 → 00:21:51 อาจจะเข้าข่ายการเป็นไมเกรนครับคุณหมอ
00:21:52 → 00:21:56 ครับค่ะก็คือจริงๆก็หลีกเลี่ยงสิ่ง
00:21:56 → 00:22:00 กระตุ้นอ่ะค่ะถ้าเรามีเป็นไมเกรนแล้วก็ดู
00:22:00 → 00:22:03 ว่าเอ่อปัจจัยหลักๆก็อย่างเช่นความเครียด
00:22:03 → 00:22:05 วิตกกังวลอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งจริงๆ
00:22:05 → 00:22:08 ชีวิตประจำวันเราก็คงจะมีอยู่แล้วเพียง
00:22:08 → 00:22:11 แต่ว่าก็รู้จักบริหารจัดการฝึกผ่อนคลาย
00:22:11 → 00:22:14 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ในเรื่องของเอ่อการ
00:22:14 → 00:22:18 ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเช่นเอ่อถ้าเกิด
00:22:18 → 00:22:23 ว่ามีอาการพวกอ่อนเพลียเหนื่อยล้าพักผ่อน
00:22:23 → 00:22:27 ไม่พออย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้น
00:22:27 → 00:22:30 ให้ปวดศีรษะได้ได้อแล้วก็การรับประทาน
00:22:30 → 00:22:33 อาหารนะคะก็ควรรับประทานอาหารเป็นเวลานะ
00:22:33 → 00:22:38 คะแล้วก็ดื่มน้ำให้เพียงพอหลีกเลก
00:22:38 → 00:22:42 แอลกอฮอล์คาเฟอีนอย่างเงี้ยค่ะก็ก็ดื่ม
00:22:42 → 00:22:46 ได้แต่ว่าไม่ควรมากไปอย่างเงี้ยค่ะอือัน
00:22:46 → 00:22:50 นี้ก็คือเราจะเตือนตัวเองยังไงคะคุณหมอ
00:22:50 → 00:22:53 ยังไงนะคะคือถ้าเราอยู่ในอยู่ในภาวะที่
00:22:53 → 00:22:56 ตระหนักแล้วเนี่ยอย่างสูงวัยหน่อยเนี่ย 30
00:22:56 → 00:23:00 ขึ้น 35 ขึ้นเนี่ยอาจจะอาจจะตระหนักได้
00:23:00 → 00:23:02 แต่เราเกิดเรื่องของไมเกรนเนี่ยส่วนมาก
00:23:02 → 00:23:06 มันเกิดในอายุเท่าไหร่หรือยังไงคะที่เาจะ
00:23:06 → 00:23:09 แบบต้องระมัดระวังอืเป็นได้ตั้งแต่เด็กๆ
00:23:09 → 00:23:14 เลยค่ะออ้เพราะฉะนั้นไปเลอืเป็นได้ตั้ง
00:23:14 → 00:23:16 แต่เด็กๆกเลยอ่ะค่ะเค้าอาจจะไม่ค่อย
00:23:16 → 00:23:19 ตระหนักถึงเรื่องนี้เนาะใช่ต้องทานอาหาร
00:23:19 → 00:23:21 ให้หลากหลายเนี่ยเป็นเรื่องสำคัญคุณผู้
00:23:21 → 00:23:24 ฟังที่อาจจะมีบุตรหลานนะคะเพราะว่าเด็ก
00:23:24 → 00:23:27 วัยรุ่นอาจจะไม่ได้ฟังรายการสุขภาพดี 22
00:23:27 → 00:23:30 ทเนาะถ้าลูกหเป็นโรคนี้ก็อย่างน้อยๆ
00:23:30 → 00:23:33 โยเกิร์ตช่วยได้นะคะคุณหมอหาง่ายๆนะคะมี
00:23:33 → 00:23:37 สารอาหารมีแคลเซียมแมกนีเซียมแมกนีเซียม
00:23:37 → 00:23:41 มันมาคู่กับอะไรนะคะขอคำถามอีกนิด
00:23:41 → 00:23:46 นึงพอดีหมอไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะจริจริงๆเอา
00:23:46 → 00:23:48 เอาจริงๆนะคะหมอหมอเองก็ไม่ได้มี
00:23:48 → 00:23:50 ประสบการณ์เรื่องแมกนีเซียมเยอะมากเพราะ
00:23:51 → 00:23:54 ว่าเพราะว่าเอ่อหมอไม่ได้ดูเรื่องเกี่ยว
00:23:54 → 00:23:58 กับพวกเอ่อเของท่าอะไใช่มคะแต่ว่าพอดีตัว
00:23:58 → 00:24:01 เนี้ยค่ะเขามาเกี่ยวข้องกับไมเกรนก็เลยก็
00:24:01 → 00:24:04 เลยมีข้อมูลบ้างแต่ว่าถ้าถามเกี่ยวกับพวก
00:24:04 → 00:24:07 สารอาหารอาจจะต้องเชิญอาจารย์อีกทไม่เป็น
00:24:07 → 00:24:10 ไรไม่เป็นไรเดี๋ยวโอกาสหน้านะคะได้ครับ
00:24:10 → 00:24:12 ได้ประโยชน์มากมายเลยค่ะคุณหมอคะครับผม
00:24:12 → 00:24:15 คุณผู้ฟังก็สนใจถามมาเยอะเนาะใช่ๆๆครับ
00:24:15 → 00:24:17 ยังไงต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับที่
00:24:17 → 00:24:19 มาให้ความรู้กับเราเรื่องของไมเในวันนี้
00:24:19 → 00:24:21 นะครับคุณหมอครับขอบพระคุณครับคุณหมอ
00:24:22 → 00:24:25 สวัสดีครับ