00:00:00 → 00:00:15 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:25 สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับและสวัสดีคุณหมอ
00:00:25 → 00:00:27 ด้วยครับสวัสดีครับตอนนี้นะครับเราอยู่
00:00:27 → 00:00:31 ด้วยกันนาฬิกานะครับคุยทุกสุขภาพไปหมอ
00:00:31 → 00:00:33 ป๊อปนะครับโดยนายแพทย์ธนศักดิ์ยิ้มเกิด
00:00:33 → 00:00:37 เจ้าของเพจไดเอทดรไทยแลนด์โดยเราเจอกัน
00:00:37 → 00:00:40 ครับทุกวันศุกร์แรกและศุกร์สุดท้ายของทุก
00:00:40 → 00:00:42 เดือนนะครับผ่านทางช่องทาง Facebook
00:00:42 → 00:00:45 Fanpage reborn Story by Infinite
00:00:45 → 00:00:48 นะครับแต่หากเพื่อนๆคนไหนรับชมไม่ทันนะ
00:00:48 → 00:00:51 ครับเราสามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง YouTube
00:00:51 → 00:00:54 Legacy Club official ครับคุณหมอครับ
00:00:54 → 00:00:56 ที่ผ่านมาครับด้วยสถานการณ์โควิดทำให้
00:00:56 → 00:00:59 เพื่อนๆเนี่ยได้ยินคำว่าภูมิคุ้มกันนะ
00:00:59 → 00:01:01 ครับแล้วก็เรื่องของวัคซีนบ่อยๆจนถึงตอน
00:01:01 → 00:01:04 นี้ผมเชื่อแล้วแหละว่าเพื่อนๆนะครับเข้า
00:01:04 → 00:01:07 ใจความสำคัญของของทางวัคซีนต่อการเสริม
00:01:07 → 00:01:10 สร้างภูมิคุ้มกันนะครับแต่วันนี้ครับอยาก
00:01:10 → 00:01:13 จะให้คุณหมอเนี่ยครับช่วยมาให้ความ
00:01:13 → 00:01:16 กระจ่างกับเรื่องของเกี่ยวกับการดูสุขภาพ
00:01:16 → 00:01:18 ในเรื่องของภูมิคุ้มกันมากขึ้นนะครับคำ
00:01:18 → 00:01:21 ถามแรกครับคุณหมอเรื่องของเกี่ยวกับระบบ
00:01:21 → 00:01:23 ภูมิคุ้มกันเนี่ยมันมีหน้าที่และมีความ
00:01:23 → 00:01:26 สำคัญอย่างไรต่อการดูสุขภาพของเราครับ
00:01:26 → 00:01:30 จริงๆในวิกฤตโควิด 3 ปีที่ผ่านมาเราก็พูด
00:01:30 → 00:01:32 ถึงเรื่องภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันใน
00:01:32 → 00:01:35 ร่างกายเราเยอะขึ้นเพราะเราพบว่าคนที่
00:01:35 → 00:01:37 ค่อนข้างจะมีอาการรุนแรงจากโควิดส่วนมาก
00:01:37 → 00:01:40 จะเป็นคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ดีก็คือมีโรค
00:01:40 → 00:01:43 ประจำตัวแทบทั้งสิ้นครับส่วนคนที่แข็งแรง
00:01:43 → 00:01:45 แข็งแรงส่วนมากก็ไม่ค่อยมีอาการอะไรหรือ
00:01:45 → 00:01:48 ถ้ามีอาการก็ไม่รุนแรงแล้วก็หายไป
00:01:48 → 00:01:52 จนถึงปัจจุบันเนี่ยนะครับผมมองว่ามันมัน
00:01:52 → 00:01:54 จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คนกลับมาสนใจ
00:01:54 → 00:01:56 เรื่องสุขภาพมากขึ้นเพราะถ้าสมมุติถ้าเรา
00:01:56 → 00:01:59 ดีขึ้นก็คาดหวังก็คงต้านทานจะดีขึ้นเมื่อ
00:01:59 → 00:02:04 กี้ในอ่าที่คุณตี๋กล่าวในเรื่องของการเรา
00:02:04 → 00:02:07 ฉีดวัคซีนเพื่อ Reboot ภูมิต้านทานผมมี
00:02:07 → 00:02:10 มุมมองต่างอยู่นิดนึงเพราะว่าผมมีความรู้
00:02:10 → 00:02:11 สึกว่า
00:02:11 → 00:02:14 วัคซีนเนี่ยมันอาจจะไม่ได้เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:18 กระตุ้นภูมินั้นผ่านอะไรมากนักเพราะจุด
00:02:18 → 00:02:20 เริ่มต้นของผลกระทบมันจะอยู่ที่ร่างกาย
00:02:20 → 00:04:23 ของเราครับเพราะการที่ร่างกายจะ
00:04:23 → 00:04:25 มีหลายขั้นตอนในการที่จัดการเรื่องพวกนี้
00:04:25 → 00:04:27 นะครับตั้งแต่การป้องกันไม่ให้สิ่งนั้น
00:04:27 → 00:04:31 เข้าสู่ร่างกายเราได้โดยการที่ระบบแรกเรา
00:04:31 → 00:04:34 เรียกว่าระบบดันกั้นหรือแบริเออร์ตอนนี้
00:04:34 → 00:04:36 อาจจะไม่ได้จำเพาะเจาะจงอะไรนะเป็นเหมือน
00:04:36 → 00:04:39 ขีดกั้นเขตแดนเอาไว้ว่านี่เป็นเขตแดนของ
00:04:39 → 00:04:43 ร่างกายนะยกตัวอย่างผิวหนังเรานะครับแล้ว
00:04:43 → 00:04:45 ก็ผิวที่อาจจะไม่ผิวหนังจะเป็นผิวที่
00:04:45 → 00:04:48 เชื่อมต่อกับสัมผัสภายนอกอย่างเช่นใน
00:04:48 → 00:04:51 เยื่อบุทางเดินหายใจเราคงจมูกหลอดลมเพราะ
00:04:51 → 00:04:54 เราต้องหายใจออกอากาศที่อยู่เป็นสิ่งภาย
00:04:54 → 00:04:56 นอกเข้าไปในปอดเรา
00:04:56 → 00:05:00 แล้วก็จะมีในส่วนของทางเดินอาหารซึ่งเรา
00:05:00 → 00:05:02 จะต้องเอาเสียงจากภายนอกผ่านบททางเดิน
00:05:02 → 00:05:04 อาหารก็ส่วนร่างกายต่างๆเหล่านี้ก็จะมี
00:05:04 → 00:05:07 barrier หรือด่านกั้งที่คอยตรวจจับยกตัว
00:05:07 → 00:05:09 อย่างเช่นนะครับผิวหนังก็จะป้องกันไม่ให้
00:05:09 → 00:05:11 แบคทีเรียบางชนิดหรือเชื้อโรคบางชนิด
00:05:11 → 00:05:14 เนี่ยสามารถที่จะแทรกซึมผ่านผิวหนังเข้า
00:05:14 → 00:05:17 ไปในร่างกายเราได้นะครับซึ่งด่านกั้นนี้
00:05:17 → 00:05:18 อาจจะเป็นตัวผิวหนังเองหรืออาจจะเป็น
00:05:18 → 00:05:20 แบคทีเรียบางชนิดที่อยู่บนตัวผิวหนังเรา
00:05:20 → 00:05:24 ซึ่งที่เราเคยคุยกันเรื่องไมโครไบโอมันมี
00:05:24 → 00:05:26 สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่คอยทำงานร่วมกับร่าง
00:05:27 → 00:05:29 กายเราซึ่งป้องกันเรื่องเหล่านี้
00:05:29 → 00:05:32 ในระบบทางเดินหายใจผมอาจจะพูดถึงในเรื่อง
00:05:32 → 00:05:34 ของอย่างเยื่อบุระบบทางเดินหายใจที่เรา
00:05:34 → 00:05:37 เห็นชัดๆคือขนจมูกครับที่เรามองเห็นไม่
00:05:37 → 00:05:40 ชัดอาจจะต้องส่องกล้องคือเยื่อบุที่มัน
00:05:40 → 00:05:43 เป็นขนบริเวณทางเดินหายใจเรามันอยู่ในขน
00:05:43 → 00:05:46 เวลาเราหายจะเอาฝุ่นละอองเล็กๆที่ผ่านคง
00:05:46 → 00:05:49 จะหมกแล้วเข้าไปได้ไปสู่หลอดลมมันก็จะมี
00:05:49 → 00:05:50 เยื่อ
00:05:50 → 00:05:53 ขนของเยื่อบุหลอดลมนะที่คอยปัดฝุ่นละออง
00:05:53 → 00:05:55 เหล่านี้ออกมาแล้วก็มีการหลั่งเมื่อออกมา
00:05:55 → 00:05:58 เพื่อจับเอาไว้แล้วก็ทำให้เกิดในลักษณะ
00:05:58 → 00:06:01 ของเสมหะที่เราต้องขับออกมา
00:06:01 → 00:06:03 อันนี้คือด่านแรกที่เราเรียกว่าเป็น
00:06:03 → 00:06:06 แบริเออร์ซึ่งมันก็ไม่ได้จำเพาะเจาะจง
00:06:06 → 00:06:09 อะไรมากนักแต่ถ้าสมมุติว่าสิ่งแปลกปลอม
00:06:09 → 00:06:12 เหล่านี้สามารถผ่านด่านแรกไปได้อ่าร่าง
00:06:12 → 00:06:15 กายของเราปรับรั้วเขตแดนเรานะครับแล้ว
00:06:15 → 00:06:18 เข้าสู่ร่างกายเราได้เราก็จะมีระบบภูมิ
00:06:18 → 00:06:20 ต้านทานระบบที่ 2 นะครับถ้าเป็นภาษา
00:06:20 → 00:06:21 อังกฤษเราเรียก image
00:06:21 → 00:06:25 หมายความว่ามันติดตัวเราตั้งแต่เกิดมัน
00:06:25 → 00:06:27 เป็นวิวัฒนาการซึ่งบรรพบุรุษเราสร้างไว้
00:06:27 → 00:06:29 แล้วก็ส่งต่อทางกรรมพันธุ์ไว้ตั้งแต่เกิด
00:06:29 → 00:06:32 แต่ภูมิต้านทานรักษาแบบนี้เป็นภูมิต้าน
00:06:32 → 00:06:34 ทานที่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงมากนั่นคือหมาย
00:06:34 → 00:06:37 ความว่าถ้าเป็นทหารก็เปรียบเทียบเหมือน
00:06:37 → 00:06:39 ทหารที่ไม่ได้รับการฝึกจำเพาะเจาะจง
00:06:39 → 00:06:42 เหมือนทหารยามเอามาเฝ้ายามไว้เฉยๆแต่ให้
00:06:42 → 00:06:45 ไปรบกับใครจริงจังก็อาจจะสู้ไม่ได้แต่ถ้า
00:06:45 → 00:06:49 เป็นโจรกระจอกเล็กๆน้อยๆก็พอไหวนะครับอัน
00:06:49 → 00:06:52 นี้ก็จะเป็นอ่าเป็นภูมิต้านทานในด่านที่ 2
00:06:52 → 00:06:55 นะครับซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงง่ายกลุ่มนี้
00:06:55 → 00:06:57 อย่างเช่นเม็ดเลือดขาวที่อยู่ในกระแส
00:06:57 → 00:07:00 เลือดเรานะครับอ่าภูมิต้านทานที่เรียกว่า
00:07:00 → 00:07:04 amonogoberin บางชนิดที่อยู่บริเวณเยื่อ
00:07:04 → 00:07:07 มั่วต่างๆครับที่อยู่ในผิวสัมผัสในระบบ
00:07:07 → 00:07:10 ของร่างกายเรานะครับแล้วก็จะมีเซลล์บาง
00:07:10 → 00:07:12 เซลล์ที่มีหน้าที่ในการคอยตรวจจับเหมือน
00:07:12 → 00:07:14 เครื่องตรวจจับว่ามีสิ่งแปลกปลอมเหมือนใน
00:07:14 → 00:07:17 ร่างกายไหมกลุ่มเหล่านี้ก็จะมีหน้าที่ใน
00:07:17 → 00:07:20 การตรวจจับว่าเฮ้ยมันมีใครตัดรั้วลวดหนาม
00:07:20 → 00:07:23 เข้ามาในร่างกายเราหรือไม่นะครับมันก็จะ
00:07:23 → 00:07:25 คอยตรวจจับแล้วก็ถ้าเชื้อโรคนั้นไม่ได้
00:07:25 → 00:07:27 อันตรายรุนแรงมันก็สามารถที่จะกำจัดทำลาย
00:07:27 → 00:07:30 ได้นะครับโดยอาศัยความร่วมมือจากระบบการ
00:07:30 → 00:07:32 อักเสบในร่างกายโดยเฉพาะระบบที่เรารู้ว่า
00:07:33 → 00:07:35 complement System นะครับอันนี้ของ
00:07:35 → 00:07:37 อนุญาติครับมันแปลก็ไม่รู้จะแปลเป็นตัว
00:07:37 → 00:07:41 อะไรมันเป็นระบบตัวนึงที่ร่างกายเราใช้
00:07:41 → 00:07:43 เป็นส่วนช่วยเรียกมาแล้วก็อ่าช่วยฆ่า
00:07:43 → 00:07:45 เชื้อหน่อยเราเรียกว่า complemence
00:07:45 → 00:07:48 System แต่ถ้าเชื้อที่รุนแรงจริงๆมันก็
00:07:48 → 00:07:51 อาจจะฝ่าด่านตรงนี้ไปได้ดังนั้นร่างกาย
00:07:51 → 00:07:54 เราเนี่ยมันจะมีภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น
00:07:54 → 00:07:56 หลังจากที่เราเกิดครับหมายความว่าไงฮะ
00:07:56 → 00:07:58 สมมุติว่าเราเจอโควิดใช่ไหมเป็นเชื้อใหม่
00:07:58 → 00:08:01 ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยมันไม่บุรุษเราจะ
00:08:01 → 00:08:04 มีด่านกั้นพวกนี้ฮะไม่รู้จักมาก่อนเพราะ
00:08:04 → 00:08:05 ไม่รู้จักมาก่อนนะเพราะเราเพิ่งเจอ covid
00:08:05 → 00:08:08 นะครับมันก็จะมีระบบที่ 3 ที่เราว่าเป็น
00:08:08 → 00:08:10 แอคควายมูลนิธิแอคควายคือเกิดขึ้นทีหลัง
00:08:11 → 00:08:14 หรือถ้าเป็นภาษาภาษานึงเราก็คือ adaptive
00:08:14 → 00:08:16 อันนี้ถีบคือภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจาก
00:08:16 → 00:08:20 การถูกแหย่อือๆครับทุกอย่างหมายว่าเอ้า
00:08:20 → 00:08:22 ไม่เคยเจอมาก่อนอยู่ๆมาแหย่เอ้ยต้องต่อ
00:08:22 → 00:08:25 ต้านเลยว่ะอันนี้เกิดขึ้นตามมาทีหลัง
00:08:25 → 00:08:28 อย่างเช่นเราติดโควิดนะครับเป็นไวรัสเข้า
00:08:28 → 00:08:30 มาในร่างกายมันสามารถทำให้เราเจ็บป่วยได้
00:08:30 → 00:08:34 ก็เพราะมันผ่านด่านที่ 1 ได้ต่างประเทศ 2
00:08:34 → 00:08:37 ได้แล้วก็ทำให้เราเจ็บป่วยร่างกายเรา
00:08:37 → 00:08:39 เริ่มรู้สึกเลยว่ามีปฏิญาณว่าเชื้อนี้อาจ
00:08:39 → 00:08:42 จะก่อความรุนแรงในร่างกายระบบ acciality
00:08:42 → 00:08:45 มันจะผ่านระบบที่เรียกว่า 2 ระบบระบบแรก
00:08:45 → 00:08:47 คือการสร้าง Android Body
00:08:47 → 00:08:50 เราฉีดวัคซีนเราต้องการอ่านอยู่ดี
00:08:50 → 00:08:53 แอนติบอดีมีหน้าที่อะไรฮะแอนติบอดีเนี่ย
00:08:53 → 00:08:56 มันจะมีหน้าที่ในการที่จะจำโครงสร้างของ
00:08:56 → 00:08:58 สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอย่างเช่นจำโครง
00:08:58 → 00:09:01 สร้างโควิดหน้าตาแบบนี้ควรจะต้องมีอะไร
00:09:01 → 00:09:04 เป็นจุดเด่นจำไว้หน่อยเผื่อมาทีหลังอ่าจะ
00:09:04 → 00:09:07 ได้จำได้ว่าไอ้นี่อันตรายเราอีกแล้ว
00:09:07 → 00:09:10 บอดี้จะมีหน้าที่ตรวจจับเป็นตรวจจับเฉพาะ
00:09:10 → 00:09:13 เลยนะถ้าเป็นอันติเวอรี่เฉพาะโควิดก็จะ
00:09:13 → 00:09:16 ตรวจจับเฉพาะตัวโควิดมันจะไม่ตรวจจับมือ
00:09:16 → 00:09:19 ที่เรียกว่าเฉพาะเจาะจงระบบแรกมันไม่ยอม
00:09:19 → 00:09:22 ให้เจาะจงแต่ระบบที่ 3 เป็นระบบที่เฉพาะ
00:09:22 → 00:09:25 เจาะจงดังนั้นมันก็จะตรวจจับได้เร็วขึ้น
00:09:25 → 00:09:27 เพราะมันคอยจะโฟกัสกลุ่มนี้เอาไว้
00:09:27 → 00:09:30 แต่เงื่อนไขคืออะไรถ้าเชื้อโรคเข้ามารอบ
00:09:30 → 00:09:33 แรกร่างกายจะสร้างแอนิเบอร์รี่ได้อย่าง
00:09:33 → 00:09:36 ไม่เร็วและยังไม่มากพอเป็นเชื้อใหม่เพราะ
00:09:36 → 00:09:38 เวลาเชื้อมันจะรู้จักมันมาก่อน
00:09:38 → 00:09:41 ไม่อาจจะสร้างขึ้นมาได้นิดนึงแต่ว่าไม่
00:09:41 → 00:09:42 ได้มีประสิทธิภาพมากนะแล้วก็ไม่ได้มาก
00:09:42 → 00:09:45 แล้วก็ช้าครับ
00:09:45 → 00:09:49 นั่นคือระบบของการสร้างเพื่อตรวจจับแล้ว
00:09:49 → 00:09:50 ถ้าเชื้อโรคนั้นเนี่ยถูกทำลายได้ง่าย
00:09:50 → 00:09:53 แอนติบอดีนี้ก็มีหน้าที่ในการล้อมกรอบ
00:09:53 → 00:09:56 เชื่อโรคอย่างเช่นถ้าเป็นไวรัสก็จะล้อม
00:09:56 → 00:09:58 กรอบไวรัสแล้วก็ป้องกันไม่ไวรัสเข้าสู่
00:09:58 → 00:10:00 เซลล์เพราะถ้าไวรัสเข้าสู่เซลล์มันจะ
00:10:00 → 00:10:02 เพิ่มจำนวนได้และทำให้เซลล์ตายใช่ไหมครับ
00:10:02 → 00:10:04 อันนี้คือระบบแรกที่แบบว่าฮีโรเมืองนอก
00:10:04 → 00:10:07 System คือสร้างแอนติบอดีนะครับระบบที่ 2
00:10:07 → 00:10:09 ของผมต้านทานที่เป็นระบบที่ 3 เนี่ยที่
00:10:09 → 00:10:12 สร้างขึ้นมาคือ activide Reality ก็คือ
00:10:12 → 00:10:15 ระบบเม็ดเลือดขาวที่เรารู้ว่าเป็นถี่หรือ
00:10:15 → 00:10:18 โฟไซด์ข้ามทีลิ้มโรสไซด์จะโฟกัสเชื้อโรค
00:10:18 → 00:10:21 โดยทำลายเชื้อโรคโดยอาศัยเซลล์ที่มีหน้า
00:10:21 → 00:10:24 ที่ฆ่าเชื้อโรคเมื่อกี้แอนติบอดี้ไม่ใช่
00:10:24 → 00:10:27 เซลล์แต่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่คอยตรวจ
00:10:27 → 00:10:31 จับแล้วก็ทำลายคราวนี้ถ้าปัญหาคือถ้า
00:10:31 → 00:10:33 antibody ป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่
00:10:33 → 00:10:37 เซลล์ไม่ทำก็เชื้อเข้าสู่เซลล์แล้วเรียบ
00:10:37 → 00:10:40 ร้อยแล้วใช่ไหมครับมันก็ต้องอาศัย
00:10:40 → 00:10:43 เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าก็
00:10:43 → 00:10:46 คือเม็ดเลือดขาวขึ้นเลยว่า T Cell Tail
00:10:46 → 00:10:48 ก็จะแบ่งเป็น 2 T Cell tell นึงก็คือ T
00:10:48 → 00:10:51 Cell ที่เรียกว่า helper sale กับ Tale
00:10:51 → 00:10:54 ที่ว่าไซโตท็อปสุดคือคิวเลอร์เซลล์ Killer
00:10:54 → 00:10:56 คืออะไรฮะขึ้นมาว่าเฮ้ย
00:10:56 → 00:11:00 เข้าไปฆ่าเลยนะครับค่าเฉพาะไวรัสหรือค่า
00:11:00 → 00:11:03 ทั้งเซลล์เลยครับค่าทั้งเซลล์นะฮะเมื่อ
00:11:03 → 00:11:06 ไหร่ที่อ่า Killer T cell หรือ cytoxic
00:11:06 → 00:11:09 Tale ทำงานเนี่ยมันจะถือว่าเซลล์เนี้ย
00:11:09 → 00:11:12 ถูกติดเชื้อไปแล้วมันจะฆ่าทั้งเซลล์ช่วย
00:11:12 → 00:11:14 ไม่ได้แล้วช่วยไม่ได้แล้วต้องฆ่ามันป้อง
00:11:14 → 00:11:15 กันไม่ให้มันกระจายเพิ่มขึ้นขนาดนั้นเอง
00:11:15 → 00:11:18 เพราะเชื้อไวรัสเข้าไปในสู่เซลล์แล้วนะ
00:11:18 → 00:11:20 มันจะฆ่าทั้งเซลล์เลยงั้นเราจะเห็นว่าโดย
00:11:20 → 00:11:23 ระบบอันหนึ่งอันที่ 2 ไม่ยังพอเจาะลงอัน
00:11:23 → 00:11:26 ที่ 3 จำเพาะเจาะจงแต่ระบบจำเพาะเจาะจงก็
00:11:26 → 00:11:28 คือจะมีประเด็นก็คือว่าครั้งแรกที่เข้ามา
00:11:29 → 00:11:32 มันอาจจะทำอะไรไม่ได้มากนักแต่มันจะเรียน
00:11:32 → 00:11:34 รู้ว่ามีเชื้อโรคชนิดนี้แหละครับแต่ข้อดี
00:11:34 → 00:11:36 คืออะไรฮะมันจะป้องกันในแง่การติดเชื้อ
00:11:36 → 00:11:39 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 สถาบันไปได้ดีและ
00:11:39 → 00:11:42 เร็วขึ้นเชื่อว่าเพื่อนๆเคยได้ยินคำว่า
00:11:42 → 00:11:44 ภูมิคุ้มกันหรือว่าภูมิต้านทานมาเยอะละ
00:11:44 → 00:11:47 แต่ผมเชื่อว่าวันนี้เราน่าจะกระจ่างอีก
00:11:47 → 00:11:49 เยอะมากต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันของเรา
00:11:49 → 00:11:52 อย่างนี้แปลว่านี่คือเหตุผลใช่ไหมครับคุณ
00:11:52 → 00:11:55 หมอว่าเมื่อโควิดที่ผ่านมาเนี่ยเราจึงมี
00:11:55 → 00:11:59 ความจำเป็นที่ต้องใช้วัคซีนในการกระตุ้น
00:11:59 → 00:12:00 ภูมิคุ้มกันของเราเพื่อป้องกันการติด
00:12:00 → 00:12:03 เชื้อใช่ไหมครับเอ่อความจำเป็นในการใช้
00:12:03 → 00:12:06 วัคซีนเนี่ยผมว่าในปัจจุบันเนี่ยด้วยเหตุ
00:12:06 → 00:12:09 การณ์การโรคระบาดที่เกิดจากการติดเชื้อใน
00:12:09 → 00:12:12 ช่วงที่ผ่านมาเราพบว่าบางโรคระบาดเนี่ย
00:12:12 → 00:12:14 ประสบความสำเร็จมากในการใช้วัคซีนครับก็
00:12:14 → 00:12:16 เลยทำให้เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราจะต้อง
00:12:16 → 00:12:18 ต่อสู้กับการระบาดของเชื้อโรคเราจะเป็น
00:12:18 → 00:12:20 นักเขียนวัคซีนนะครับผมยกตัวอย่างอย่าง
00:12:20 → 00:12:21 เช่น
00:12:21 → 00:12:24 การระบาดของโปครับเพราะว่าเราสามารถที่จะ
00:12:24 → 00:12:27 ควบคุมการระบาดโปลิโอได้โดยการหยอดวัคซีน
00:12:27 → 00:12:29 โปโลซึ่งพวกนี้อันตรายเพราะอาจจะทำให้เรา
00:12:29 → 00:12:32 เกิดปัญหาเรื่องไขสันหลังอักเสบและเกิด
00:12:32 → 00:12:33 อัมพาตเกิดขึ้นได้
00:12:33 → 00:12:37 ซึ่งอันนี้เป็นประสบการณ์ที่เราพบว่าการ
00:12:37 → 00:12:40 ใช้วัคซีนป้องกันได้ประโยชน์มากเลย
00:12:40 → 00:12:43 แต่ในแง่หนึ่งในมุมมองผมถ้าเราถอยมามอง
00:12:43 → 00:12:45 กว้างขึ้นเราจะเห็นว่าแต่มันก็มีวัคซีน
00:12:45 → 00:12:47 อีกหลายวัคซีนนะฮะที่ดูเหมือนจะไม่ได้
00:12:47 → 00:12:51 ประโยชน์ครับผมยกตัวอย่างว่าเราฉีดวัคซีน
00:12:51 → 00:12:56 วัณโรคให้เด็กแรกคลอดทุกคนครับผมว่าขั้น
00:12:56 → 00:12:58 ต่ำหน้ายาวประมาณ 30-40 ปีและที่เราทำกัน
00:12:58 → 00:13:02 แบบนี้แต่ก็ยังมีวัณโรคอยู่
00:13:02 → 00:13:06 นะครับนั่นๆคือหมายความว่าเอ๊ะเป็นไปได้
00:13:06 → 00:13:09 ไหมวัคซีนวัณโรคอาจจะไม่ได้ผลอืมแล้วอะไร
00:13:09 → 00:13:12 คือข้อแตกต่างจากโปลิโอทำไมโปลิโอได้ผล
00:13:12 → 00:13:15 แล้ววัณโรคไม่ได้ผลครับ
00:13:15 → 00:13:19 ใช่แล้วก็อีกอย่างนึงก็คือว่าในแง่ของไข้
00:13:19 → 00:13:22 เลือดออกถ้าเราจำได้เมื่อประมาณสัก 6-7
00:13:22 → 00:13:25 ปีจริงๆแล้วเนี่ยเราตื่นเต้นมากเรามี
00:13:25 → 00:13:27 วัคซีนไข้เลือดออกเกิดขึ้นใช่ไหมครับแล้ว
00:13:27 → 00:13:29 เราก็มีการให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออกแล้วก็
00:13:29 → 00:13:33 ต้องมีการบูสเตอร์ครับแต่ผลการศึกษาหลัง
00:13:33 → 00:13:35 จากผ่านมา 3 ปีที่มีการฉีดวัคซีนไข้ออก
00:13:35 → 00:13:38 เราพบว่าในกลุ่มที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
00:13:38 → 00:13:40 แล้วไปฉีดวัคซีนครับถ้าเขาติดเชื้อเขาจาก
00:13:40 → 00:13:41 อาการรุนแรงมาก
00:13:41 → 00:13:46 ครับเขาจากอาการรุนแรงมากกว่าคนที่ไม่เคย
00:13:46 → 00:13:49 เชื่อในสิ่งที่มาด้วยนั่นคือเป็นเรื่อง
00:13:49 → 00:13:51 ที่เอ๊ะมันก็เลยทำให้เราต้องกลับมานั่ง
00:13:51 → 00:13:54 คิดว่าการตอบสนองต่อวัคซีนเนี่ยมันไม่ได้
00:13:54 → 00:13:57 หมายความว่ามันจะมีประโยชน์เสมอไปงั้นเรา
00:13:57 → 00:13:59 จะเห็นว่ามีวัคซีนที่ดูเหมือนจะได้ผลและ
00:13:59 → 00:14:03 วัคซีนที่ไม่ได้ผลครับประเด็นที่ 3 ก็คือ
00:14:03 → 00:14:05 มันก็ยังมีวัคซีนที่อาจจะยังไม่ได้เห็นผล
00:14:06 → 00:14:08 ชัดอ่ะครับแต่ตัววัคซีนเองกลับทำให้เกิด
00:14:09 → 00:14:13 อาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นใช่มั้ยฮะยังผมยก
00:14:13 → 00:14:15 ตัวอย่างว่าผมว่าวัคซีนโควิดเป็นเรื่อง
00:14:15 → 00:14:18 ใหม่แล้วผมว่าเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าว
00:14:18 → 00:14:21 ใหญ่ในช่วงของโควิดอย่างนึงคือฉีดวัคซีน
00:14:21 → 00:14:23 แล้วมันมีอาการแทรกซ้อนป้องกันฉีดวัคซีน
00:14:23 → 00:14:26 ไม่ว่าการเกิดลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในร่าง
00:14:26 → 00:14:29 กายอะไรต่างๆเหล่านี้นะครับผมมองว่า
00:14:29 → 00:14:33 เรื่องวัคซีนมันยังเป็นเรื่องอะไรที่
00:14:33 → 00:14:37 เราตอบยากว่าส่วนไหนของวัคซีนที่น่าจะมี
00:14:37 → 00:14:40 ประโยชน์แล้วก็ส่วนไหนที่อาจจะเป็นเรื่อง
00:14:40 → 00:14:43 ที่สุ่มเสี่ยงอยู่นะครับดังนั้นในส่วนตัว
00:14:43 → 00:14:46 ผมผมมองว่าวัคซีนเป็นเรื่องที่ยังต้องมอง
00:14:46 → 00:14:48 ด้วยความระวังเพราะมันเป็นสิ่งที่เป็น
00:14:48 → 00:14:51 สิ่งภายนอกแล้วมันจริงมันก็ไม่ใช่เชื้อ
00:14:51 → 00:14:55 โรคตัวจริงๆด้วยเราเอาโครงสร้างคล้ายๆ
00:14:55 → 00:14:57 เชื้อโรคฉีดในร่างกายเราเพื่อหวังว่าร่าง
00:14:57 → 00:14:59 กายเราจะต่อต้านเชื้อโรคแต่อย่าลืมว่าตัว
00:14:59 → 00:15:04 เชื้อโรคกับวัคซีนมันไม่เหมือนกันครับมัน
00:15:04 → 00:15:06 คล้ายกันแต่มันไม่ไหวกันดังนั้นประเด็น
00:15:06 → 00:15:08 คือการคาดเดาว่าร่างกายเราจะตอบสนองยังไง
00:15:08 → 00:15:11 เนี่ยเป็นเรื่องที่ผมว่าคาดเดาได้ยากครับ
00:15:11 → 00:15:14 งั้นคุณหมอครับถ้าเป็นวัคซีนตัวเดียวกัน
00:15:14 → 00:15:18 ชนิดเดียวกันมันจะมีความสามารถในการ
00:15:18 → 00:15:20 กระตุ้นภูมิคุ้มกันแต่ละคนได้เท่ากันหรือ
00:15:20 → 00:15:22 เปล่าครับอ่าอันนี้มันมีอีกประเด็นนึง
00:15:22 → 00:15:25 เพราะตอนในยุคโควิดเนาะเราก็คาดหวังแหละ
00:15:25 → 00:15:30 เราก็มีวัคซีนมาแล้วเราจะมาแต่สุดท้ายเรา
00:15:30 → 00:15:32 ก็เห็นว่าฉีด 6 เข็มก็อีกอันที่ 2 ที่ติด
00:15:32 → 00:15:35 เชื้อก็ยังมีเยอะแยะครับ
00:15:35 → 00:15:38 ดังนั้นเนี่ยประเด็นก็คือว่าแล้วการฉีด
00:15:38 → 00:15:42 วัคซีนมันป้องกันได้จริงไหมและถ้าป้องกัน
00:15:42 → 00:15:44 ได้มันเป็นจากตัววัคซีนเองหรือเป็นจาก
00:15:44 → 00:15:46 อะไรครับเราอย่าลืมอย่างหนึ่งสิ่งที่ผม
00:15:46 → 00:15:49 กล่าวเป็นประจำนะครับว่าผู้ที่สร้างภูมิ
00:15:49 → 00:15:52 ต้านทานคือร่างกายเราไม่ใช่ตัววัคซีนครับ
00:15:52 → 00:15:54 โอเคไหมเพราะว่าเราไม่ได้ฉีดภูมิคุ้มกัน
00:15:54 → 00:15:57 ให้กับเราใช่แต่เราฉีดตัวเลียนแบบเชื้อ
00:15:57 → 00:16:00 โรคเข้าสู่ร่างกายเราเพื่อหวังว่าร่างกาย
00:16:00 → 00:16:03 เราจะสร้างภูมิต้านทานเลียนแบบที่จะรับ
00:16:03 → 00:16:06 เชื้อจริงเข้าสู่ร่างกายของเราดังนั้นคำ
00:16:06 → 00:16:08 ถามคือการที่เราฉีดวัคซีนก็ใช่ว่าร่างกาย
00:16:09 → 00:16:12 เราจะสามารถสร้างภูมิต้านทานได้ถ้าถ้า
00:16:12 → 00:16:14 ระบบในการสร้างภูมิต้านทานของเราย่ำแย่
00:16:14 → 00:16:18 มันจึงเกิดปัญหาง่ายๆว่าคนที่มีโรคประจำ
00:16:18 → 00:16:23 ตัวที่ไม่แข็งแรงภูมิต้านทานไม่ดีฉีด
00:16:23 → 00:16:26 วัคซีนไปก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์ครับจริงๆ
00:16:26 → 00:16:28 แล้วเนี่ยมันมีการศึกษาที่พบเลยนะฮะว่า
00:16:28 → 00:16:31 เขาเอาคนที่สุขภาพดีไม่ดีมาฉีดวัคซีนครับ
00:16:31 → 00:16:34 เป็นวัคซีนที่ถือว่าอยู่ในเกรดค่อนข้างจะ
00:16:34 → 00:16:35 ดีด้วย
00:16:35 → 00:16:39 ในยุคที่ผ่านมานะครับเขาพบว่าถ้าเราฉีด
00:16:39 → 00:16:42 วัคซีนในคนที่สุขภาพดีปรากฏว่ากลุ่มต้าน
00:16:42 → 00:16:46 ทานขึ้นได้สูงแต่พอเราฉีดวัคซีนให้กับคน
00:16:46 → 00:16:50 ที่สุขภาพไม่ดีผมจะทานกับไม่ค่อยขึ้นแต่
00:16:50 → 00:16:52 ฉีดวัคซีนตัวเดียวกันเลยนะครับแสดงว่าการ
00:16:52 → 00:16:54 ที่ภูมิต้านทานจะขึ้นหรือไม่ขึ้นไม่ได้
00:16:54 → 00:16:56 ขึ้นกับตัววัคซีน
00:16:56 → 00:16:59 อย่างน้อยก็ไม่ได้ขึ้นแบบวัคซีนเป็นหลัก
00:16:59 → 00:17:01 ครับแต่ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเราซึ่งเป็น
00:17:01 → 00:17:04 ผู้ที่จะต้องสร้างกลุ่มต้านทานสร้าง
00:17:04 → 00:17:08 มันมันมีความสามารถในการสร้างไหมในสภาวะ
00:17:08 → 00:17:11 นั้นอย่างเช่นถ้าร่างกายเราอ่อนแอเซลล์
00:17:11 → 00:17:14 ไม่ได้ขาวเราเบต้าเซลล์เราดีเซลเราเนี่ย
00:17:14 → 00:17:18 มันไม่สามารถที่จะสร้างแอนติบอดีได้ไม่
00:17:18 → 00:17:21 ว่ามันจะเจอเชื้อแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่
00:17:21 → 00:17:23 สามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้ดีโอเคไหมครับ
00:17:23 → 00:17:26 แต่ถ้าสมมุติว่ากลุ่มนั้นทานเราไม่ได้ขาว
00:17:26 → 00:17:29 บีเซลล์เราเนี่ยโหมันทำงานได้ดีมากเลยมัน
00:17:29 → 00:17:32 แข็งแรงมากบางทีเราฉีดผมคิดว่าเราฉีด
00:17:32 → 00:17:34 วัคซีนที่เราคิดว่ามันเป็นเกรด 4 อย่าง
00:17:34 → 00:17:37 เงี้ยก็อาจจะอาจจะกระตุ้นถูกทหารได้สูง
00:17:37 → 00:17:39 ใช้ได้หรือแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องฉีด
00:17:39 → 00:17:43 วัคซีนเราเจอเชื้อตัวเป็นๆครับร่างกายเรา
00:17:43 → 00:17:45 ก็เอาอยู่ถ้าร่างกายเพื่อเราแข็งแรงถ้า
00:17:45 → 00:17:47 ร่างกายเราแข็งแรงเพราะถ้าเราคาดหวังจาก
00:17:47 → 00:17:50 ภายนอกเนี่ยผมเคยพูดอยู่เรื่อยๆว่าเอ๊ะ
00:17:50 → 00:17:52 ถ้าเราไม่พัฒนาภูมิต้านทานที่อยู่ในร่าง
00:17:52 → 00:17:56 กายเราอย่างเช่นเราไม่ดูแลร่างกายเราเลย
00:17:56 → 00:17:58 พอมีเชื้อโรคใหม่ระบาดเราก็มานั่งรอว่า
00:17:58 → 00:18:01 ถือว่าซื้อมาเมื่อไหร่ผมกำลังคิดว่าง่าย
00:18:01 → 00:18:04 เกินไปไหมเดี๋ยวโรคนี้นะครับคล้ายๆกับแบบ
00:18:04 → 00:18:07 นี้ครับคุณหมอสมมติว่าเขาเคยเป็นหวัดชนิด
00:18:07 → 00:18:09 นึงมาละแน่นอนว่าร่างกายเขาก็ต้องมีภูมิ
00:18:09 → 00:18:12 คุ้มกันต่อเชื้อนานๆแต่พอเขาปล่อยให้ร่าง
00:18:12 → 00:18:15 กายเขาเนี่ยอาจจะพักผ่อนน้อยกินอาหารมี
00:18:15 → 00:18:17 ประโยชน์อะไรก็แต่แหละอยู่ๆเชื้อที่เขา
00:18:17 → 00:18:21 เชื้อที่เขาเคยติดละภูมิคุ้มกันสามารถใช่
00:18:21 → 00:18:23 แต่กลับเป็นไม่รู้ว่าต้องเป็นบัตรการตั้ง
00:18:23 → 00:18:25 แบบเกิดมาในชุดนี้เป็นหวัดทั้งขี่รอบแบบ
00:18:25 → 00:18:28 นี้ใช่ไหมครับใช่เหมือนกับศัตรูคนคนเนี้ย
00:18:28 → 00:18:32 เฮ้ยเราเคยกำราบอ่ะครับแล้วอยู่เราก็ไม่
00:18:32 → 00:18:34 ฝึกร่างกายเราเราก็แน่ของเราเองเออใช่
00:18:34 → 00:18:37 แล้วขนาดศัตรูเราเห็นเราอ่อนแอก็กลับมาทำ
00:18:37 → 00:18:40 ร้ายเราโอ้โหครับเรียกว่าเป็นหัวใจนึงเลย
00:18:40 → 00:18:42 ครับที่ทำให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
00:18:42 → 00:18:46 วัคซีนเป็นตัวช่วยตัวนึงแต่ที่สำคัญที่
00:18:46 → 00:18:48 สุดก็คือเราต้องกลับมาดูพื้นฐานสุขภาพ
00:18:48 → 00:18:51 ร่างกายของเราครับงั้นคุณหมอครับงั้นเรา
00:18:51 → 00:18:54 ควรจะมีอะไรบ้างครับที่ทำให้เราเนี่ย
00:18:54 → 00:18:57 สามารถมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากภายในของเรา
00:18:57 → 00:19:00 ผมว่าวันนี้อาจจะไม่ได้คุยในเรื่องของแค่
00:19:00 → 00:19:02 คำว่าโควิดเพื่อนๆในวันนี้ครับจะได้รู้
00:19:02 → 00:19:05 ว่างั้นเราต้องมีการดูแลตัวเองยังไงบ้าง
00:19:05 → 00:19:06 ครับเพื่อทำให้เรามีภูมิคุ้มกันร่างกาย
00:19:06 → 00:19:09 ที่แข็งแรงครับจริงๆร่างกายเรามันมีระบบ
00:19:09 → 00:19:11 ตัวหนึ่งที่เรียกว่า homemelocytic
00:19:11 → 00:19:14 homemelic หมายความว่าไงฮะ Homemade
00:19:14 → 00:19:16 certic คือร่างกายเรามีระบบในการที่จะ
00:19:16 → 00:19:20 รักษาสมดุลระหว่างเซลล์ระหว่างอวัยวะแต่
00:19:20 → 00:19:22 ละอวัยวะเพื่อให้มันสามารถทำงานร่วมกัน
00:19:22 → 00:19:25 ได้เพราะเราไม่สามารถมีแค่หัวใจแต่ไร้
00:19:25 → 00:19:28 สมองครับโอเคฮะเราไม่สามารถเอ๊ยมีไตแต่
00:19:28 → 00:19:32 หัวใจไม่มีดังนั้นอวัยวะทุกระบบมีความ
00:19:32 → 00:19:35 สำคัญหมดแล้วก็การทำงานของของระบบแต่ละ
00:19:35 → 00:19:37 ระบบเนี่ยไม่ว่าจะเป็นระบบการหายใจระบบ
00:19:37 → 00:19:40 การไหลเวียนเลือดระบบการควบคุมระบบประสาท
00:19:40 → 00:19:42 อัตโนมัติจำเป็นต้องมีการสื่อสารและก็
00:19:42 → 00:19:44 รักษาสมดุลรวมถึงระบบภูมิต้านทานของเรา
00:19:45 → 00:19:48 เราต้องสามารถสื่อสารถึงกันได้ระบบเหล่า
00:19:48 → 00:19:53 นี้ล้วนแล้วแต่อาศัยเรื่องของระบบของพลัง
00:19:53 → 00:19:56 งานที่อยู่ในร่างกายเราเพื่อรักษาสมดุลนะ
00:19:56 → 00:19:58 ครับและเรื่องของพลังงานเรื่องของการ
00:19:58 → 00:20:01 รักษาโครงสร้างของระบบแต่ละระบบล้วนแล้ว
00:20:01 → 00:20:05 มาจากในเรื่องของระบบของการรักษาส่วนของ
00:20:05 → 00:20:08 การเผาผลาญในช่วงเวลาที่ผ่านมาเนี่ยคุณ
00:20:08 → 00:20:11 ตี๋จะเห็นว่าผมพูดอยู่ประจำว่าปัจจุบัน
00:20:11 → 00:20:15 เนี่ยดูเหมือนเรามีหลายโรคครับแต่จริงๆผม
00:20:15 → 00:20:18 มองว่ามันมีโรคเดียวคือโรคที่ร่างกายเรา
00:20:18 → 00:20:21 รักษา homemelociate ไม่ได้เพราะไม่
00:20:21 → 00:20:23 สามารถรักษาสมดุลของระบบเผาผลาญแล้วก็สาร
00:20:24 → 00:20:27 อาหารที่เราบริโภคได้นะครับทำให้เกิดการ
00:20:27 → 00:20:30 รวนของระบบเหล่านี้ทำให้มันทำงานได้อย่าง
00:20:30 → 00:20:33 ไม่สอดคล้องการที่เราใช้ชีวิตในบางอย่าง
00:20:33 → 00:20:35 ในโลกอุตสาหกรรม
00:20:35 → 00:20:39 แบบใหม่เนี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นมาคืออะไร
00:20:39 → 00:20:43 เราทานบางสิ่งบางอย่างที่ถูกผลิตขึ้นมา
00:20:43 → 00:20:46 ครับแล้วปัญหาของสิ่งที่ผลิตขึ้นมาคือ
00:20:46 → 00:20:49 อะไรร่างกายเราในบางโมเลกุลที่เรารับ
00:20:49 → 00:20:52 ประทานจากอาหารเป็นโมเลกุลที่ร่างกายเรา
00:20:52 → 00:20:55 ไม่มีโครงสร้างในการ metabolize
00:20:55 → 00:20:58 มันยากมากเพราะว่าอย่างเช่นผมยกตัวอย่าง
00:20:58 → 00:21:01 ไขมันทรานส์ทำไมการทานไขมันทรานส์จึงทำ
00:21:01 → 00:21:03 ให้ระบบของร่างกายพังเพราะร่างกายเราไม่
00:21:03 → 00:21:06 มีระบบเอนไซม์ไม่มีระบบของน้ำย่อยที่จะ
00:21:06 → 00:21:09 ใช้ในการเผาผลาญหรือไม่ตรงไร
00:21:09 → 00:21:11 สิ่งที่ร่างกายทำได้คือพยายามกระตุ้นการ
00:21:11 → 00:21:14 อักเสบแต่กระตุ้นการอักเสบแค่ไหนคือหมาย
00:21:14 → 00:21:16 ถึงยกกองทัพมาแค่ไหนก็ตามไขมันทันก็ไม่
00:21:16 → 00:21:17 ตาย
00:21:17 → 00:21:20 เพราะมันไม่มีระบบในการจะจัดการไขมัน
00:21:20 → 00:21:22 ทรานส์แต่ระบบการอักเสบตรงนี้กับรวนระบบ
00:21:22 → 00:21:25 การทำงานต่างๆของร่างกายทำให้ระบบมันพัง
00:21:25 → 00:21:28 ลงนะครับดังนั้นสำคัญที่สุดก็คือผมมองว่า
00:21:28 → 00:21:31 ในการที่เราจะต้องกลับมารักษา homosetic
00:21:31 → 00:21:33 เหล่านี้นะครับเพื่อให้ระบบของร่างกาย
00:21:33 → 00:21:36 เนี่ยมันมีความแข็งแรงและทำงานประสานงาน
00:21:36 → 00:21:39 กันได้มันจะเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ระบบ
00:21:39 → 00:21:41 ภูมิต้านทานของเรามันสามารถกลับมาทำงาน
00:21:41 → 00:21:43 ได้อย่างมีประสิทธิภาพประเด็นคือเราอย่า
00:21:43 → 00:21:46 ลืมนะครับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเนี่ย
00:21:46 → 00:21:50 ผมว่าถ้าขั้นต่ำเป็นล้านปีถ้าเรามองว่า
00:21:50 → 00:21:53 บรรพบุรุษเราเริ่มต้นคือลิงใหญ่สกุลเอก
00:21:53 → 00:21:56 ถ้าย้อนหลังเข้าไปศึกษาว่าล้านปีเราไม่มี
00:21:56 → 00:21:59 วัคซีนจริงครับเราเพิ่งวัคซีนประมาณแค่
00:21:59 → 00:22:02 100 ปีที่ผ่านมาแล้วอะไรที่ทำให้เราไปดู
00:22:02 → 00:22:06 รอดผมว่าน่าจะเป็นหลายหมื่นล้านล้านชนิด
00:22:06 → 00:22:08 ครับเพราะเชื้อโรคเหล่านี้กลายพันธุ์อยู่
00:22:08 → 00:22:11 ทุกห้วงเวลาทำไมเราถึงอยู่มันจนถึงทุกวัน
00:22:11 → 00:22:14 นี้ได้เราไม่ได้พึ่งวัดศีลงั้นผมไม่ได้
00:22:14 → 00:22:17 มองว่าวัคซีนไม่มีประโยชน์แต่ผมมองว่า
00:22:17 → 00:22:19 ประโยชน์ของวัคซีนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อ
00:22:19 → 00:22:21 เมื่อร่างกายเราสามารถทำงานได้อย่างมี
00:22:21 → 00:22:23 ประสิทธิภาพประโยคนี้ชัดเจนมากเลยครับคุณ
00:22:23 → 00:22:26 หมอครับก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆนะครับ
00:22:26 → 00:22:30 แต่ว่าหลายๆคนจะรู้สึกว่าวันเนี้ยได้เข้า
00:22:30 → 00:22:32 ใจเรื่องของเกี่ยวกับความสำคัญแล้วก็หน้า
00:22:32 → 00:22:34 ที่บทบาทของระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้นเนาะ
00:22:34 → 00:22:36 แล้วก็สิ่งที่คุณหมอพูดเนี่ยก็จะเป็นความ
00:22:36 → 00:22:39 รู้ใหม่ของเพื่อนๆหลายๆคนนะครับแต่เพื่อ
00:22:39 → 00:22:41 ให้เพื่อนๆนะครับคุณหมอได้เรียนรู้วัน
00:22:41 → 00:22:44 เนี้ยและรู้จักในเรื่องของการหลักปฏิบัติ
00:22:44 → 00:22:47 คุณหมอครับขอสั้นๆนะครับต้องทำอย่างไร
00:22:47 → 00:22:50 ครับเพื่อเป็นหลักปฏิบัติให้กับตัวเอง
00:22:50 → 00:22:52 เนี่ยในการที่ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่
00:22:52 → 00:22:54 แข็งแรงเพื่อให้ภูมิคุ้มกันเราเนี่ย
00:22:54 → 00:22:56 สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านี้ได้ครับ
00:22:56 → 00:23:00 จึงยืมผมว่าถ้าเพื่อนๆหลายคนเคยฟังคลิป
00:23:00 → 00:23:02 ที่เราคุยกัน
00:23:02 → 00:23:05 เขาก็จะตอบได้โดยตัวเองแล้วนะครับแต่เรา
00:23:05 → 00:23:08 พูดย้อนกลับไปคืออันดับแรกเราทานเราควรจะ
00:23:08 → 00:23:10 ทานอาหารที่เป็นอาหารอาหารที่เป็นอาหาร
00:23:10 → 00:23:13 คืออาหารธรรมชาติที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่
00:23:13 → 00:23:16 สุดหรือไม่แปรรูปเลยจะดีมากเพราะร่างกาย
00:23:16 → 00:23:19 เราสามารถมีเอนไซม์ต่างๆที่สามารถเผาผลาญ
00:23:19 → 00:23:21 อาหารที่มาจากธรรมชาติได้อย่างครบถ้วน
00:23:21 → 00:23:23 เพราะมันติดตัวเรามากับกรรมพันธุ์อยู่
00:23:23 → 00:23:24 แล้ว
00:23:24 → 00:23:27 อันที่ 2 ก็คือการนอนหลับพักผ่อนที่เพียง
00:23:27 → 00:23:30 พอเพราะการเซ็ตนาฬิกาชีวิตในร่างกายเรา
00:23:30 → 00:23:33 คือช่วงที่มีการตื่นหรือ Active กับใน
00:23:33 → 00:23:36 ช่วงที่ข้ามดาวหรือในช่วงที่เราต้องพัก
00:23:36 → 00:23:40 ผ่อนมันเป็นวัฏจักรที่อยู่ในรอบ 24 ชมถ้า
00:23:40 → 00:23:42 เราหนักไปด้านใดด้านหนึ่งนอนมากเกินไปก็
00:23:42 → 00:23:45 ไม่แข็งแรงเล่นหนักมากเกินไปไม่นอนก็แย่
00:23:45 → 00:23:46 ไปอีก
00:23:46 → 00:23:48 ถ้าเราต้องรักษาสมดุลเรื่องของการพักผ่อน
00:23:48 → 00:23:52 ใน activity แต่ละวันนะครับการที่เราใช้
00:23:52 → 00:23:55 ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแต่ไม่ใช่ธรรมชาติ
00:23:55 → 00:23:57 ที่พ่นออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมอะไรไม่
00:23:57 → 00:24:00 ใช่นะเป็นธรรมชาติที่มันเป็นธรรมชาติจริง
00:24:00 → 00:24:03 ๆถ้าไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งมาจากสมองของ
00:24:03 → 00:24:06 มนุษย์ที่ทำอะไรออกมาแปลกๆในช่วงหลังไม่
00:24:06 → 00:24:09 ทำให้ร่างกายเราสามารถรักษาสมดุลตรงนี้
00:24:09 → 00:24:14 ได้เพราะว่าการที่เราเจอธรรมชาติที่มีการ
00:24:14 → 00:24:16 เปลี่ยนแปลงมันจะฝึกให้ร่างกายของเรามัน
00:24:16 → 00:24:19 มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
00:24:19 → 00:24:22 อย่างเช่นการออกกำลังกายอย่างเงี้ยนะครับ
00:24:22 → 00:24:24 เป็นการเหมือนกับอุ๊ยออกกำลังกายเราปวด
00:24:24 → 00:24:26 เราเหนื่อยแต่เราเชื่อว่าหลังปวดเหนื่อย
00:24:26 → 00:24:29 กล้ามเนื้อเลยจะแข็งแรงมากขึ้น
00:24:29 → 00:24:31 กล้ามเนื้อจะแข็งแรงไม่ให้กระดูกแข็งแรง
00:24:31 → 00:24:34 มากขึ้นเป็นการฝึกตัวเองการที่เราเจ็บ
00:24:34 → 00:24:36 ป่วยได้บางครั้งมันจะทำให้ร่างกายเรา
00:24:36 → 00:24:38 เมื่อมันผ่านการเจ็บป่วยมาแล้วร่างกายเรา
00:24:38 → 00:24:40 เนี่ยมันจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านการ
00:24:40 → 00:24:44 เจ็บป่วยนั้นดีขึ้นนะครับแต่สิ่งเหล่านี้
00:24:44 → 00:24:45 จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเราจะต้อง
00:24:45 → 00:24:48 แข็งแรงโดยการดูแลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:24:48 → 00:24:49 อาหารการพักผ่อนอะไรต่างๆเหล่านี้นะครับ
00:24:49 → 00:24:52 แต่ภาพรวมทั้งหมดเนี่ยผมว่าใครที่เคยฟัง
00:24:52 → 00:24:55 คลิปเดิมๆเราอ่ะคำตอบแล้วแหละว่าคำตอบคือ
00:24:55 → 00:24:58 อะไรครับคุณหมอครับถ้าอย่างนั้นแล้วอ่ะ
00:24:58 → 00:25:01 ครับบทสรุปเลยครับของการดูแลภูมิคุ้มกัน
00:25:01 → 00:25:03 ให้เรามีภูมิพลที่แข็งแรงเนี่ยเราต้องดู
00:25:03 → 00:25:05 แลตัวเองยังไงบ้างครับ
00:25:05 → 00:25:08 ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่าจริงๆใน
00:25:08 → 00:25:10 เรื่องคุณมาตรฐานทุกวันนี้คุณตี๋จะเห็น
00:25:10 → 00:25:12 อย่างนึงตั้งแต่การระบาดโควิดคืออะไรเรา
00:25:12 → 00:25:15 รอวัคซีน
00:25:15 → 00:25:19 แล้วเวลาเรารอคำถามคือเราทำอะไรวะ
00:25:19 → 00:25:23 มันก็หล่อนะครับคือจริงๆแล้วเนี่ยในมุม
00:25:23 → 00:25:27 มองของผมนะครับอย่างที่ผมกล่าวว่าไม่ว่า
00:25:27 → 00:25:29 เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพแค่ไหนแต่ผม
00:25:29 → 00:25:32 มองว่าบทบาทของการตอบสนองต่อวัคซีนหรือ
00:25:32 → 00:25:33 แม้กระทั่งการตอบสนองต่อเชื้อโรคเนี่ย
00:25:33 → 00:25:38 เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า 90% วัคซีนอาจจะ
00:25:38 → 00:25:41 เป็นองค์ประกอบเล็กๆนะครับดังนั้นเนี่ยใน
00:25:41 → 00:25:42 มุมมองผม
00:25:42 → 00:25:46 การที่เราเอาแต่นั่งรอวัคซีนโดยที่เราไม่
00:25:46 → 00:25:48 ได้ทำอะไรองค์ประกอบที่ 2
00:25:48 → 00:25:50 นั่นคือหมายความว่าเราลืมไปว่าองค์ประกอบ
00:25:51 → 00:25:54 ที่ 2 มันมีความสำคัญทั้ง 90% ก็คือบอก
00:25:54 → 00:25:56 ว่ามีวัคซีนที่ดีแต่ร่างกายอ่อนแอก็ไม่
00:25:56 → 00:25:59 ได้ประโยชน์ครับแต่ถ้าร่างกายเราแข็งแรง
00:25:59 → 00:26:01 ระบบภูมิต้านทานร่างกายเราแข็งแรงถามว่า
00:26:01 → 00:26:03 จำเป็นต้องมีวัคซีนไหมอาจจะไม่จำเป็นต้อง
00:26:03 → 00:26:06 มีก็ได้นะถ้าเราแข็งแรงกันทั้งหมดดังนั้น
00:26:06 → 00:26:09 ในมุมมองของผมก็คือว่าการที่ไม่ว่าเรา
00:26:09 → 00:26:12 เกิดโรคระบาดรอบไหนเชื้อโรคตัวไหนก็ตาม
00:26:12 → 00:26:15 แล้วเราก็นั่งรอวัคซีนรอวัคซีนรอวัคซีนผม
00:26:15 → 00:26:18 มองว่าระบบแบบนี้มันสอนให้เราอ่ะกลายเป็น
00:26:18 → 00:26:23 คนที่อ่าต้องพึ่งพาครับเป็นสังคมที่มัก
00:26:23 → 00:26:26 ง่ายแล้วก็รอแต่พึ่งพาว่าเมื่อไหร่บริษัท
00:26:26 → 00:26:28 ยามเมื่อไหร่จะมีผู้หวังดีมาผลิตวัคซีน
00:26:28 → 00:26:31 ให้เรานั่นคือหมายความว่าเรามองข้ามตัว
00:26:31 → 00:26:34 เราเองมองข้างระบบของร่างกายเราซึ่งตัว
00:26:34 → 00:26:36 มันเองนั่นแหละคือระบบที่มีศักยภาพมากที่
00:26:36 → 00:26:40 สุดที่จะป้องกันการระบาดของโรคต่างๆในแต่
00:26:40 → 00:26:43 ละยุคต่างๆแล้วนำพาให้ชีวิตของสปีชีส์
00:26:43 → 00:26:46 หรือสายพันธุ์มนุษย์เรายังสามารถ
00:26:46 → 00:26:49 ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นลงไปได้โดยสรุปครับเรา
00:26:49 → 00:26:52 ก็เลยต้องกลับมาดูแลพื้นฐานของร่างกายเรา
00:26:52 → 00:26:54 ให้แข็งแรงเพื่อให้เรามีระบบภูมิคุ้มกัน
00:26:54 → 00:26:57 หรือภูมิต้านทานที่ดีจากภายในนี่คือ
00:26:57 → 00:27:00 เรื่องที่สำคัญที่สุดและเนื้อหาดีๆเหล่า
00:27:00 → 00:27:02 นี้นะครับเราจะกลับมาพบกันอีกอย่างแน่นอน
00:27:02 → 00:27:04 นะครับสำหรับวันนี้ครับก็ต้องขอบคุณคุณ
00:27:04 → 00:27:06 หมอมากๆครับสวัสดีครับและสวัสดีเพื่อนๆ
00:27:06 → 00:27:16 ทุกคนด้วยครับสวัสดีครับ
00:27:16 → 00:27:19 [เพลง]