00:00:06 → 00:00:08 สามารถน้ำตาลเนี่ยผสมหมุนเสียอะไรบ้างกับ
00:00:08 → 00:00:09 ร่างกายของเรา
00:00:09 → 00:00:13 สมองของเราเนี่ยจะฝ่อเร็วครับสมองจะ
00:00:13 → 00:00:17 เสื่อมง่ายเขามีการศึกษาวิจัยครับเอาสมอง
00:00:17 → 00:00:19 ของคนปกติกับคนที่เป็นเบาหวานเนี่ยเทียบ
00:00:19 → 00:00:22 กันดูเลยสมองคนเป็นเบาหวานคือเขามีน้ำตาล
00:00:22 → 00:00:25 ในเลือดสูงไอ้น้ำตาลที่สูงมันก็ไปแช่อิ่ม
00:00:25 → 00:00:30 สมองไว้ทำให้สมองเนี่ยมันฝ่อมันเหี่ยวมัน
00:00:30 → 00:00:33 รีบมันรีบมันฝ่อเนื้อสมองลดลงแล้วก็เกิด
00:00:33 → 00:00:37 การอักเสบเรื้อรังก็เกิดโรคสมองเสื่อม
00:00:37 → 00:00:40 ขึ้นแล้วคนที่เป็นเบาหวานมักจะมีความ
00:00:40 → 00:00:42 สัมพันธ์กับการเกิดโรคสมองเสื่อมหรือ
00:00:42 → 00:00:43 อัลไซเมอร์ร่วมด้วย
00:00:43 → 00:00:45 [เพลง]
00:00:45 → 00:00:48 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:48 → 00:00:54 การโรงหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:54 → 00:00:57 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:57 → 00:01:00 รายการโรงหมอทางไทย PBS port Class ค่ะ
00:01:00 → 00:01:02 วันนี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะเดี๋ยวเราคุย
00:01:02 → 00:01:05 กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืช
00:01:05 → 00:01:07 อาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ
00:01:07 → 00:01:10 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตถึงวิธีการลดน้ำ
00:01:10 → 00:01:14 ตาลในร่างกายกันค่ะอาจารย์ขาเอาแหละวัน
00:01:14 → 00:01:16 นี้เราต้องมาลดน้ำตาลในร่างกายกันแล้ว
00:01:16 → 00:01:19 เพราะรู้สึกว่าเป็นคนจริงๆไม่ได้เป็นคน
00:01:19 → 00:01:21 อ่อนหวานเลยค่ะ
00:01:21 → 00:01:24 อุดมไปด้วยน้ำตาลน้ำหนักที่มีอยู่ในตัวก็
00:01:24 → 00:01:27 ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้ำตาลหรือเปล่า
00:01:27 → 00:01:30 หลายอย่างปนกันหมดพลังงานไม่สูญหายไปไหน
00:01:30 → 00:01:33 แค่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้นครับฉะนั้นแล้ว
00:01:33 → 00:01:36 น้ำตาลก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้
00:01:36 → 00:01:39 คนไทยเราเนี่ยอ้วนพีมีพุงครับคุณลีรู้ไหม
00:01:39 → 00:01:43 การสำรวจล่าสุดที่ผ่านมาเนี่ยถึงการ
00:01:43 → 00:01:46 บริโภคน้ำตาลเนี่ยคนไทยเนี่ยทุกวันนี้กิน
00:01:46 → 00:01:50 น้ำตาลอยู่ที่ปริมาณ 28 ช้อนชาต่อวันเกิน
00:01:50 → 00:01:52 ไปเยอะมาก
00:01:52 → 00:01:55 ไปไกลมากหลายเท่ามากครับผมเพราะปริมาณที่
00:01:55 → 00:01:58 แนะนำทั้งองค์การอนามัยโลก w h o หรือ
00:01:58 → 00:02:02 แม้กระทั่งหน่วยงานเอ่อกระทรวงสาธารณสุข
00:02:02 → 00:02:05 บ้านเราแนะนำฮ่าให้กินน้ำตาลได้ไม่เกิน
00:02:05 → 00:02:09 วันละ 6 ช้อนชาหรือ 24 กรัมต่อวันแต่อัน
00:02:09 → 00:02:13 นี้ 24 ช้อนชาเขาไปแล้วนะไม่ใช่ 28 ช้อน
00:02:13 → 00:02:16 ชาไม่ได้ 24 กรัมเค้าไม่ให้เกิน 6 ช้อนชา
00:02:16 → 00:02:20 แต่พี่ชายเราฟาดถึง 28 ช้อนชา
00:02:20 → 00:02:25 อืมคือแบบว่ามันอ่อนหวานไปมั้งก็เลยต้อง
00:02:25 → 00:02:28 เติมคนไทยอาจจะติดหวานกินอะไรนิดอะไร
00:02:28 → 00:02:30 หน่อยก็จะหวานมันเริ่มตั้งแต่เด็กๆแล้ว
00:02:30 → 00:02:33 ค่ะอาจารย์อะไรที่มันเป็นของหวานน่ะอยาก
00:02:33 → 00:02:36 ปลูกฝังลูกตั้งแต่เด็กยิ่งเด็กเล็กเนี่ย
00:02:36 → 00:02:38 ให้เขารับความหวานจากธรรมชาติจากพืชผัก
00:02:38 → 00:02:42 ผลไม้ไปเพราะถ้าเราเนี่ยไปฟีดเขาเขาจะรู้
00:02:42 → 00:02:44 สึกว่าเฮ้ยเขากินแล้วแบบว่าเฮ้ยมันอร่อย
00:02:45 → 00:02:48 มันแฮปปี้มันมีความสุขแล้วมันจะเกิดการ
00:02:48 → 00:02:50 ติดค่ะแล้วเด็กติดหวานตั้งแต่เล็กเนี่ย
00:02:51 → 00:02:53 มันก็จะโตขึ้นโตขึ้นก็จะติดหวานมากขึ้น
00:02:53 → 00:02:56 มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเหมือน 30 ติดอ่ะ
00:02:56 → 00:02:58 ครับแล้วเมื่อก่อนจะมีโครงการรณรงค์โครง
00:02:58 → 00:03:01 การนึงว่าเฮ้ยเด็กไทยไม่กินหวานอ่าไม่ใช่
00:03:01 → 00:03:05 ๆไม่กินผักนะใครยังไม่ได้กินหวานเออซึ่ง
00:03:05 → 00:03:07 ถามว่าเอ้ยมันช่วยได้มากน้อยแค่ไหนมันก็
00:03:07 → 00:03:10 เป็นเหมือนแคมเปญเอ่อระยะสั้นเนาะก็มี
00:03:10 → 00:03:12 ส่วนช่วยส่วนนึงแต่ทุกวันนี้มันก็ยังเป็น
00:03:12 → 00:03:14 ปัญหาอยู่ดีอ่ะเพราะโตขึ้นไปก็เป็นผู้
00:03:14 → 00:03:16 ใหญ่ที่ติดหวานแล้วมันสะท้อนมาด้วยอะไร
00:03:16 → 00:03:19 ครับสะท้อนมาด้วยรูปเรื้อรังที่เราเรียก
00:03:19 → 00:03:23 ว่า ncd ขอโทษของน้ำตาลนี่แหละจะบอกว่า
00:03:23 → 00:03:26 คุณหมอแอนจิ้งบางท่านบอกว่าน้ำตาลคือยา
00:03:26 → 00:03:29 พิษอ่านี่เคยได้ยินไหมครับน้ำตาลคือยาพิษ
00:03:29 → 00:03:32 ค่ะมาลองสักนิดจะติดใจ
00:03:32 → 00:03:35 ชอบน้ำยาพิษชนิดนี้
00:03:35 → 00:03:39 มันเกิดพิษให้โทษถ้าเรากินมากเกินนะครับ
00:03:39 → 00:03:41 ถามว่าน้ำตาลเนี่ยมันส่งผลเสียอะไรบ้าง
00:03:41 → 00:03:45 กับร่างกายของเรานะแล้วต่อไปนี้พอฟัง
00:03:45 → 00:03:48 อาจารย์เอกราชพูดคุยกับคุณดีแล้วลองนึก
00:03:48 → 00:03:52 ตามนะครับถ้าเรากินน้ำตาลเข้าไปเยอะไล่
00:03:52 → 00:03:56 ตั้งแต่หัวจดเท้าเลยนะครับสมองหมู
00:03:56 → 00:04:00 จะฝ่อเร็วครับเพราะเหมือนเราไปแช่อิ่ม
00:04:00 → 00:04:03 สมองไม่ใช่มะม่วงแช่อิ่มนะ
00:04:03 → 00:04:06 สมองของเราเนี่ยจะถูกแช่อิ่มไปด้วยน้ำตาล
00:04:06 → 00:04:10 มันก็จะเหี่ยวรีบฟี่ฟอไปสมองจะเสื่อมง่าย
00:04:10 → 00:04:14 เขามีการศึกษาวิจัยครับเอาสมองของคนปกติ
00:04:14 → 00:04:19 กับคนที่เป็นเบาหวานเนี่ยมาเทียบกันดูเลย
00:04:19 → 00:04:22 หลังเสียชีวิตสมองคนที่ไม่เป็นเบาหวานกับ
00:04:22 → 00:04:24 สมองคนที่เป็นเบาหวานสมองคนเป็นเบาหวาน
00:04:24 → 00:04:26 คือเขามีน้ำตาลในเลือดสูงไอ้น้ำตาลที่สูง
00:04:27 → 00:04:29 เนี่ยมันก็ไปแช่อิ่มสมองไว้ทำให้สมอง
00:04:29 → 00:04:34 เนี่ยมันฝ่อมันเหี่ยวมันรีบมันฟีบมันฝ่อ
00:04:34 → 00:04:38 เนื้อสมองลดลงอ่าแล้วก็เกิดการอักเสบ
00:04:38 → 00:04:42 เรื้อรังก็เกิดโรคสมองเสื่อมขึ้นแล้วคน
00:04:42 → 00:04:44 ที่เป็นเบาหวานมักจะมีความสัมพันธ์กับการ
00:04:44 → 00:04:46 เกิดโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ร่วมด้วย
00:04:46 → 00:04:50 แล้วอย่างแรกเลยเรากินเข้าไปสมองจะเสื่อม
00:04:50 → 00:04:55 เร็วเพราะถัดจากสมองลงมาค่ะอะไรครับถูก
00:04:55 → 00:04:58 ต้องครับเบาหวานขึ้นตาเห็นมั้ยที่เราชอบ
00:04:58 → 00:05:01 พูดกันน่ะโอ้โหเอาไปเลยเต็มคาราเบลใส่ไป
00:05:01 → 00:05:05 เลยหวานตาบอดนะขนมหวานตัดขา
00:05:05 → 00:05:09 หมอเรียกแล้วเบาหวานขึ้นตาไงครับเพราะว่า
00:05:09 → 00:05:13 ไอ้หวานมากๆไปเนี่ยมันทำให้แบบจอประสาทตา
00:05:13 → 00:05:16 เสื่อมได้ง่ายแล้วก็หลอดเลือดฝอยในตาย
00:05:16 → 00:05:20 อย่างนี้ครับมีปัญหาแล้วเนี่ยหวานมากตา
00:05:21 → 00:05:22 คุณก็เสื่อมเร็ว
00:05:22 → 00:05:25 หวานมากขึ้นตาตาหวาน
00:05:25 → 00:05:30 ใต้ตาลงมาที่ฟันแล้วกันฟันผุ
00:05:30 → 00:05:35 นึกออกไหมครับฟันผุฟันในช่องปากผุพอถัด
00:05:35 → 00:05:39 จากปากลงมาโอ้โหดูแลดูท่าไม่ค่อยมีอะไรจะ
00:05:39 → 00:05:42 ดีเนาะหัวใจเรื่องใหญ่เลยนะอ้าใช่ถูกมั้ย
00:05:42 → 00:05:44 ครับเพราะว่าน้ำตาลในเลือดที่มันสูงหวาน
00:05:44 → 00:05:47 มากเนี่ยเฮ้ยมันทำให้เป็นเบาหวาน
00:05:47 → 00:05:51 น้ำตาลในเลือดสูงทำให้เป็นเบาหวานแล้วก็
00:05:51 → 00:05:55 ทำให้เกิดการอักเสบที่หลอดเลือดหัวใจนอก
00:05:55 → 00:05:57 จากนี้การที่น้ำตามันข้นหนืดมากๆอ่ะครับ
00:05:57 → 00:05:59 คุณรีนึกออกไหมเวลาเหมือนเราทำน้ำเชื่อม
00:05:59 → 00:06:03 อ่ะหนืดๆหัวใจมันก็ต้องบีบ
00:06:03 → 00:06:07 ตัวทำงานหนักใช่ความดันโลหิตสูงโอ้โหมา
00:06:07 → 00:06:11 พร้อมกันเออหวานความดันและน้ำตาลที่เรา
00:06:11 → 00:06:13 กินมากเกินจะแปรเปลี่ยนสภาพไปเป็น
00:06:13 → 00:06:17 ไตรกลีเซอไรด์ได้เป็นคอเลสเตอรอลได้ไขมัน
00:06:17 → 00:06:21 ในเลือดสูงเห็นมั้ยครับเบาหวานความดัน
00:06:21 → 00:06:25 ความดันไขมันหัวใจมาเต็ม
00:06:25 → 00:06:30 เขยื้อนลงไปนิดนึงตับครับกินหวานมากไขมัน
00:06:30 → 00:06:35 พอกตับค่ะเห็นไหมถัดจากตับไปไต่ครับอ้าว
00:06:35 → 00:06:39 ความดันสูงเลือดข้นหนืดไตทำงานหนักไตวาย
00:06:39 → 00:06:42 อีกครับมันจะไม่เหลือช่องให้
00:06:42 → 00:06:45 ช่องพุงของเราก็อุดมไปด้วยไขมันก็อ้วนลง
00:06:45 → 00:06:49 พุงเข้าไปอีกเฮ้ยเห็นไหมแน่ๆเลยเห็นไหม
00:06:49 → 00:06:51 หมดเลยอ่ะเครื่องในของเราเนี่ยที่จะไล่
00:06:51 → 00:06:55 เรียงไปอ่ะต่ำกว่าพุงคืออะไรครับคุณผู้
00:06:55 → 00:06:59 ชายกลัวสุดเลยสมรรถภาพทางเพศเสื่อมหวาน
00:06:59 → 00:07:03 มากชัดเจนเลยจะมาสภาพทางเพศเสื่อมไงอ่า
00:07:03 → 00:07:07 น้องนกเขาไม่ขันไม่ขึ้นเลย
00:07:07 → 00:07:11 มันๆๆน้ำตาลเยอะมันไม่ไหว
00:07:11 → 00:07:16 เลือดสูบฉีดได้ไม่ดีเพราะมันโคตรหืดหลอด
00:07:16 → 00:07:19 เลือดที่ไปเลี้ยงไม่ดีงั้นเราสัมผัสสภาพ
00:07:19 → 00:07:22 ทางเพศก็เสื่อมครับผมแล้วก็ภูมิคุ้มกันก็
00:07:22 → 00:07:26 ลดค่าเพราะน้ำตาลเป็นอาหารของเชื้อโรค
00:07:26 → 00:07:30 แล้วน้ำตาลทำให้เลือดข้นหนืดเม็ดเลือดขาว
00:07:30 → 00:07:33 ที่ว่ายไปจับกินเชื้อโรคที่อยู่ในหลอด
00:07:33 → 00:07:35 เลือดเราเวลามีการติดเชื้อสิ่งแปลกปลอม
00:07:35 → 00:07:38 มันก็ทำงานได้ไม่ดีมันไปไม่ไหวสิ่งแปลก
00:07:38 → 00:07:40 ปลอมนอกจากเชื้อโรคแล้วสารก่อมะเร็งมันจะ
00:07:40 → 00:07:42 มีเม็ดเลือดขาวที่เราเรียกว่าเซลล์
00:07:42 → 00:07:47 เพชรฆาตคือ NK Cell จับกินเซลล์มะเร็งก็
00:07:47 → 00:07:49 ทำงานได้ไม่ดีเราน้ำตาลเยอะเกิดการอักเสบ
00:07:49 → 00:07:51 เรื้อรังภูมิคุ้มกันลดจากกลิ่นเซลล์
00:07:51 → 00:07:53 มะเร็งได้ไม่ดีเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งอีก
00:07:53 → 00:07:55 อาจารย์
00:07:55 → 00:08:00 เห็นไหมครับ
00:08:00 → 00:08:04 เหี่ยวย่นหย่อนยาเร็วแกเร็วอีกเห็นไหม
00:08:04 → 00:08:07 ครับ
00:08:07 → 00:08:09 โปรตีนในร่างกายคนละจ้งคอลลาเจนกระเด้ง
00:08:09 → 00:08:11 ร้อนไปหมด
00:08:11 → 00:08:16 มันไม่มีอะไรดีจริงๆเลยหรอ
00:08:16 → 00:08:20 ครับเอ้ายกเว้นเล็บขบแต่ขอโทษเล็บขบเนี่ย
00:08:20 → 00:08:22 เกิดการอักเสบถ้าคุณกินหวานมากๆไอ้เล็บขบ
00:08:22 → 00:08:25 ก็จะรุนแรงขึ้นถูกมั้ยเพราะภูมิคุ้มกัน
00:08:25 → 00:08:28 เราลดนะเกิดการอักเสบยิ่งอักเสบมากขึ้น
00:08:28 → 00:08:30 ยิ่งกินหวานมากยิ่งอักเสบมาก
00:08:30 → 00:08:38 จบหัวจบเท้าจริงๆไม่เหลืออะไรเลย
00:08:38 → 00:08:43 ตาฟันหัวใจเบาหวานความดันไขมันตับไต
00:08:43 → 00:08:49 มะเร็งนะครับ
00:08:49 → 00:08:52 ไม่มีอะไรดีแทบไม่เหลืออะไรเลยฉะนั้นแล้ว
00:08:52 → 00:08:54 ก็พูดถึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลแล้วทุก
00:08:54 → 00:08:58 วันนี้คนไทยกินหวานเยอะมันก็เลยกลายเป็น
00:08:58 → 00:09:00 โรคเรื้อรังเนี่ยมันเป็นโรคจาก
00:09:00 → 00:09:03 พฤติกรรมการกินแล้วเราก็เอะอะก็โทษกำโทษ
00:09:03 → 00:09:06 มีพันธุกรรมมีพันธุกรรมแต่ไอ้พฤติกรรมนี่
00:09:06 → 00:09:09 แหละมันเหนือพันธุกรรมเพราะว่าเราเลือก
00:09:09 → 00:09:12 ที่กินหยิบเข้าปากใช่ครับเป็นกระตุ้นให้
00:09:12 → 00:09:14 กรรมพันธุ์หรือพันธุกรรมของเราเนี่ยมัน
00:09:14 → 00:09:16 แสดงออกเร็วขึ้นอาจารย์ในเมื่ออาจารย์บอก
00:09:16 → 00:09:19 ว่าน้ำตามันคือสารเสพติดจนนิดนึงอ่ะที่
00:09:19 → 00:09:22 มันกินแล้วมันคือมันก็อยากอ่ะเออแต่คือ
00:09:22 → 00:09:24 มันไม่ใช่ไม่ใช่ยาเสพติดนะแต่หมายถึงว่า
00:09:24 → 00:09:26 มันเป็นสารที่ทำให้เราแบบกินแล้วมันมันสด
00:09:26 → 00:09:28 ชื่นมันมีความสุขอ่ะแต่เพียงแค่ว่าพอ
00:09:28 → 00:09:29 อาจารย์บอกอย่างเงี้ย
00:09:29 → 00:09:31 อ๋อแล้วเราจะลดยังไงอ่ะมันยากอ่ะเพราะว่า
00:09:31 → 00:09:35 เรากินสะสมแบบค่อยๆมีวิธีการลดน้ำตาลใน
00:09:35 → 00:09:38 ร่างกายของเราแล้วก็เริ่มจากง่ายสุดเลยนะ
00:09:38 → 00:09:41 ลดปริมาณการเติมน้ำตาลในอาหารเครื่องดื่ม
00:09:41 → 00:09:44 บางคนวิดเลยอาจารย์นะสมัยเด็กๆอ่ะอาจารย์
00:09:44 → 00:09:48 เห็นนะเอ่อพี่แถวบ้านคนนึงอ่ะชอบกินหวาน
00:09:48 → 00:09:50 มากคือเติมก๋วยเตี๋ยวไม่เท่าไหร่หรอกพี่
00:09:50 → 00:09:54 แกโรยน้ำตาลที่ข้าวคุณลีสั่ง
00:09:54 → 00:09:58 คะน้าหมูกรอบอ่ะแล้วก็เอ่อในร้านตามสั่ง
00:09:58 → 00:09:59 ร้านก๋วยเตี๋ยวมีเครื่องปรุงใช่ไหมครับ
00:10:00 → 00:10:04 จากน้ำตาลมาช้อนกินข้าวอ่ะครับมีเครื่อง
00:10:04 → 00:10:07 ปรุงอ่ะแล้วก็โรยในคะน้าหมูกรอบในกระเพรา
00:10:07 → 00:10:09 ไข่ดาวโรยน้ำตาลขนาดนั้นเลยนะ
00:10:09 → 00:10:13 โอ้โหนี่คือแบบติดหวานขั้นสุดหวานมากติด
00:10:13 → 00:10:17 หวานมากคนนี้พี่คนนี้เสียชีวิตด้วยโรค
00:10:17 → 00:10:19 มะเร็งเอ้า
00:10:19 → 00:10:23 นานแล้วจำได้อันนี้เกินไปเกินไปแต่ไม่รู้
00:10:23 → 00:10:25 ว่ากินน้ำตาลแล้วจะเป็นมะเร็งนะเดี๋ยวคุณ
00:10:25 → 00:10:29 ไปแปลความคาดเคลื่อนอันนี้ใช่นำมาซึ่งถ้า
00:10:30 → 00:10:32 เกิดเยอะขนาดนี้มันก็น่าจะได้อาจารย์ถ้า
00:10:32 → 00:10:35 อย่างนั้นดีกว่าคือเราไม่รู้เพราะเราไม่
00:10:35 → 00:10:37 ได้มาชั่งตวงว่าวันหนึ่งเราแบบเฮ้ยกินไป
00:10:37 → 00:10:41 แล้ว 1 ช้อนชาไม่เกิน 6 เฮ้ยเกิน 6 แล้ว
00:10:41 → 00:10:44 อะไรอย่างนี้แล้วหยุดมันไม่ใช่ไงเขาทำ
00:10:44 → 00:10:48 อาหารมาให้ใส่น้ำตาลมาคนกินหวานก็จะรู้
00:10:48 → 00:10:51 สึกว่ามันปกติอ้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าหวานๆ
00:10:51 → 00:10:55 พอกินข้าวนอกบ้านอ่ะ Contro ไม่ได้ขึ้น
00:10:55 → 00:10:59 อยู่กับแม่ครัวเว้นไว้เสียแต่ว่าเราจะ
00:10:59 → 00:11:02 สั่งบอกแม่กลัวว่าไม่เติมน้ำตาลนะอ่า
00:11:02 → 00:11:04 สมมุติว่าสั่งอาหารปุ๊บอ่ะเฮ้ยผัดผักพี่
00:11:04 → 00:11:06 ไม่เติมน้ำตาลอ่ะเพราะบางร้านอ่ะใส่น้ำ
00:11:06 → 00:11:09 ตาลเราไม่รู้ไงนึกออกมั้ยแล้วมานั่งมโน
00:11:09 → 00:11:13 ผักร้านนี้หวานจังสนจังจริงๆแล้วป่าวิด
00:11:13 → 00:11:17 น้ำตาลใส่นะซุปทั้งหลายแหล่เมนูทั้งหลาย
00:11:17 → 00:11:20 แหล่เราก็พยายามที่จะบอกเขาว่าแบบเฮ้ยพี่
00:11:20 → 00:11:22 ไม่เอาหวานนะอ่าไม่เติมน้ำตาลนะของไม่
00:11:22 → 00:11:25 เติมน้ำตาลนะครับอะไรอย่างเงี้ยก็ควบคุม
00:11:25 → 00:11:27 ได้นอกบ้านอ่าในบ้านเราควบคุมได้อยู่แล้ว
00:11:27 → 00:11:31 ไม่เติมนะส่วนอาหารที่เราซื้อกินถ้า
00:11:31 → 00:11:33 สังเกตฉลาดโภชนาการ
00:11:33 → 00:11:37 ฉลากโภชนาการจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำ
00:11:37 → 00:11:40 ให้เราเนี่ยลดน้ำตาลได้คุมน้ำตาลได้เขา
00:11:40 → 00:11:43 ไม่หลอกดาวใช่ไหมไม่หลอกดาวคุณไม่หลอกดาว
00:11:43 → 00:11:47 ดาวก็อย่าหลอกคุณกลัวแบบว่าเห็นที่แบบมี
00:11:47 → 00:11:51 น้อยๆเออแต่แบบจริงๆแล้วมีเราก็ต้อง
00:11:51 → 00:11:54 สังเกตฉลากผู้ชนะการว่าเฮ้ยนี่ถ้ากินเข้า
00:11:54 → 00:11:56 ไปนะแล้วฉลากโภชนาการเนี่ยบางทีหลอกเรา
00:11:56 → 00:11:58 จริงๆแล้วเปล่าเราหลอกตัวเอง
00:11:58 → 00:12:01 เพราะอะไรครับบางทีมันเขียนมาว่า 1 หน่วย
00:12:01 → 00:12:04 บริโภคฉลากโภชนาการเนี่ยคือตอนหน่วย
00:12:04 → 00:12:08 บริโภคบางทีมี 3 หน่วยบริโภคเออก็ต้องกิน
00:12:08 → 00:12:10 แบบคุณเราต้องคูณสมมุติว่าเขาบอกว่าเฮ้ย
00:12:10 → 00:12:12 เนี่ยน้ำตาลมีอยู่แค่ 10 กรัมแล้วก็แบบ
00:12:12 → 00:12:16 โอ้ยไม่เป็นไรหรอกคุกกี้ซองนี้น้ำตาลแค่
00:12:16 → 00:12:19 10 กรัมนะไม่เป็นไรกี่หน่วยบริโภคคุณไป 3
00:12:19 → 00:12:21 หน่วยบริโภค 30
00:12:21 → 00:12:26 หมดปุ๊บไปดูข้างถุงอ้าว
00:12:26 → 00:12:29 มันตาไป 3 หน่วยบริโภคนะเรานึกว่า 1 นะ
00:12:29 → 00:12:34 อันนี้คือจุดจุดที่เราต้องสังเกตแล้วถ้า 3
00:12:34 → 00:12:36 หน่วยบริโภคเงี้ยเราต้องแบ่งกิน 3 ครั้ง
00:12:36 → 00:12:39 มั้ยคะถูกต้องอ่าไม่อ๋อแบ่ง 3 ครั้ง
00:12:39 → 00:12:41 อาจารย์ก็ต่อกันเลย 3 ครั้ง
00:12:41 → 00:12:44 ไม่ได้แล้ว
00:12:44 → 00:12:45 อันนี้ไม่ได้นะ
00:12:45 → 00:12:49 อีกวันหรือไปอีกวันนึงแยกกระจายกันไปอะไร
00:12:49 → 00:12:52 อย่างนี้แล้วก็แล้วก็เกือบแล้วเนี่ยเกือบ
00:12:52 → 00:12:54 แล้วเนี่ยเราจะมีน้ำตาลแฝงให้อยู่เยอะพวก
00:12:54 → 00:12:59 อาหารเครื่องดื่มสำเร็จรูปบางทีน้ำ
00:12:59 → 00:13:01 สมุนไพรน้ำชา
00:13:01 → 00:13:05 ทั้งหลายแหล่หรือแม้กระทั่งน้ำผลไม้
00:13:05 → 00:13:09 พวกนี้มันแฝงอยู่โดยที่เราไม่รู้ไงน้ำตาล
00:13:09 → 00:13:11 เนี่ยเราต้องสังเกตครับคุณรีแล้วเราก็ลด
00:13:11 → 00:13:14 แม้กระทั่งเราสั่งช้ากาแฟอ่ะเราต้องสั่ง
00:13:14 → 00:13:17 รถนะเพราะเราไม่ได้ชงอยู่ที่บ้านหรอกนะ
00:13:18 → 00:13:21 อ่าคือพอไปสั่งที่ปุ๊บเราต้องบอกนะว่าจะ
00:13:21 → 00:13:23 พูดคำว่าหวานน้อยนะต่อไปเนี่ยให้บอกว่า
00:13:23 → 00:13:28 คือบอกไปเลยว่าหวานเนี่ยแค่ 10% อ๋อๆเป็น
00:13:28 → 00:13:31 เปอร์เซ็นต์หรือว่าเนี่ยน้ำตาลแค่ช้อน
00:13:31 → 00:13:35 เดียวนะอ่าอย่าไปบอกว่าหวานน้อยเพราะหวาน
00:13:35 → 00:13:38 น้อยบางเจ้าอ่ะไม่เท่ากันลดลงนิดนึง 25%
00:13:38 → 00:13:41 ยังเหลือ 75 หรือลดลง
00:13:41 → 00:13:45 คือเคยสั่งตามแอปนะคะอาจารย์บอกว่าหวาน
00:13:45 → 00:13:47 เราไม่รู้ไงเพราะว่าเราไม่เคยกินร้านนี้
00:13:47 → 00:13:49 เราจะไม่รู้ว่าความหวานของเขากับเราเนี่ย
00:13:49 → 00:13:52 มันคนละแบบกันต้นเขาก็ต่างกันและน้อยเขา
00:13:52 → 00:13:55 น้อยเราก็ต่างกันนั่นแหละน้อยล้านนี้กับ
00:13:55 → 00:13:57 ร้านนี้ต่างกันถึงเขาต้องถึงระบุเลยไงว่า
00:13:57 → 00:14:00 เฮ้ยหวานน้อยก็น้ำตาล 1 ช้อนอะไรอย่าง
00:14:00 → 00:14:58 เงี้ยไม่ใช่ 1 ช้อนโต๊ะนะครับ 1 ช้อนชา
00:14:58 → 00:15:02 รู้สึกผิดน้อยลงเว้ยมันยังมีน้ำผสมกิน
00:15:02 → 00:15:04 เยอะอยู่ดีผสมแล้วก็ยังเยอะอยู่ดีนึกออก
00:15:04 → 00:15:07 ไหมครับเออมันเป็นเหมือนหัวเชื้อน้ำหัว
00:15:07 → 00:15:11 เชื้อก็ไม่ก็ต้องต้องพยายามลดอันนี้แล้ว
00:15:11 → 00:15:14 ก็น้ำมงน้ำหวานน้ำอัดลมนานๆทีได้แต่ไม่
00:15:14 → 00:15:17 ใช่แบบเฮ้ยกินถี่อุ๊ยอาจารย์บังลานน้ำอัด
00:15:17 → 00:15:20 ลมบุฟเฟต์เลยนะเติมไม่อั้นหลายพวกไม่อั้น
00:15:20 → 00:15:23 พวกเนี้ยเป็นสิ่งที่ทำให้เราเนี่ยโอ้โห
00:15:23 → 00:15:27 เกินมากแล้วเราจะแพ้พวก Zero แพ้พวกไดเอท
00:15:27 → 00:15:30 เนี่ยสูตรดีซีโร่สูตรไดเอทเราก็คิดว่า
00:15:30 → 00:15:33 เฮ้ยมันจะช่วยให้เราลดน้ำตาลได้เราจะได้
00:15:33 → 00:15:35 กินได้ชั่วครั้งชั่วคราว
00:15:35 → 00:15:37 เพราะการศึกษาวิจัยหลังๆเนี่ยเค้าพบว่า
00:15:37 → 00:15:40 ไอ้พวก Zero Diet หรือน้ำตาลเทียมเนี่ย
00:15:40 → 00:15:44 สังเคราะห์เนี่ยฮ่ามันไปหลอกสมองเราหลอก
00:15:44 → 00:15:46 ความหวานให้กับสมองแต่ท้ายที่สุดมันจะทำ
00:15:46 → 00:15:48 ให้เรากินจุขึ้น
00:15:48 → 00:15:52 30% มีตัวเลขวิจัยออกมาเลยนะว่ากินเพิ่ม
00:15:52 → 00:15:57 ขึ้นสูงขึ้นเออหิวมากขึ้นกินเยอะขึ้นนะ
00:15:57 → 00:16:00 ครับแล้วมันทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้หลัง
00:16:00 → 00:16:03 จากกินไปนานๆฉะนั้นแล้วกลายเป็นว่าไอ้พวก
00:16:03 → 00:16:05 น้ำตาลเทียมของเทียมเนี่ย
00:16:05 → 00:16:09 มันกลายเป็นว่าทำให้เราเนี่ยอ้วนขึ้นและ
00:16:09 → 00:16:13 น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้แต่มันจะมีบาง
00:16:13 → 00:16:16 กลุ่มที่พอที่จะใช้ได้เพื่อเป็นตัวช่วยใน
00:16:16 → 00:16:20 การลดหวานเราช่วงแรกๆแต่อย่าใช้เป็นสรณะ
00:16:20 → 00:16:22 เช่นหญ้าหวาน
00:16:22 → 00:16:27 ใช้ประจำเลยหรอฮั่งกล้วยอันนี้ก็โอเคคือ
00:16:27 → 00:16:29 หมายความว่าณปัจจุบันนะที่เราคุยกันวัน
00:16:29 → 00:16:31 นี้นะเวลาเราคุยให้เมื่อกี้อาจารย์สอน
00:16:31 → 00:16:33 หนังสือนักศึกษาปริญญาโทไทยจริงก็ต้องบอก
00:16:33 → 00:16:36 ว่าข้อมูลที่ให้คือข้อมูลวันที่วันนี้
00:16:36 → 00:16:41 เดือนนี้พุทธศักราชนี้แล้วเราอนาคตมันอาจ
00:16:41 → 00:16:43 จะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะทฤษฎีมันเปลี่ยน
00:16:43 → 00:16:46 แปลงได้ไม่ใช่กฎอ่านั้นแล้วมาก่อนเนี่ย
00:16:46 → 00:16:49 เราอาจจะแบบเฮ้ยยอมรับในศาลให้ความหวัง
00:16:49 → 00:16:52 ตัวนี้ทดแทนน้ำตาลว่าเอ้ยโอเคปลอดภัยปลอด
00:16:52 → 00:16:54 ภัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วแต่กับปัจจุบันอาจ
00:16:54 → 00:16:56 จะไม่ปลอดภัยแล้วก็ได้เพราะมีข้อมูลงาน
00:16:56 → 00:16:58 วิจัยเพื่อมากขึ้นตัวเลขมันอาจจะกินได้
00:16:58 → 00:17:03 น้อยลงเนี่ยอ่าแล้ววันนี้สิ่งที่เป็นศาล
00:17:03 → 00:17:05 ให้ความหมายทดแทนน้ำตาลที่ยังปลอดภัยอยู่
00:17:05 → 00:17:10 ก็พวกหญ้าหวานหล่อฮังก๊วยน้ำตาลแองกอฮอล์
00:17:10 → 00:17:12 เช่น
00:17:12 → 00:17:15 อะไรพวกนี้ผสมในแบบพวกเม็ด
00:17:15 → 00:17:18 ฝรั่งไม่ทำให้ฟันผุพวกนั้นน่ะปริมาณที่
00:17:18 → 00:17:21 กินได้เมื่อก่อนไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน
00:17:21 → 00:17:23 เดี๋ยวนี้เหลือ 20 กรัมต่อวัน
00:17:23 → 00:17:27 อ่ามันลดลงแล้วเพราะว่าปริมาณเมื่อก่อน
00:17:27 → 00:17:30 มันแบบพบว่าแบบเฮ้ยกินเยอะได้ขนาดนี้โอเค
00:17:30 → 00:17:32 พอตอนหลังมีงานวิจัยมากขึ้นมากขึ้นมาก
00:17:32 → 00:17:35 ขึ้นก็พบว่าปริมาณที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 20
00:17:35 → 00:17:37 กรัมต่อวันแต่ส่วนใหญ่มันเรากินนิดๆหน่อย
00:17:37 → 00:17:40 ๆเนี่ยมาฝรั่งนี่เครื่องดื่มหรือไอศกรีม
00:17:40 → 00:17:43 บางอย่างที่แบบใช้น้ำตาลแอลกอฮอล์อะไร
00:17:43 → 00:17:45 อย่างเงี้ยครับก็ยังมีความปลอดภัยอยู่นะ
00:17:45 → 00:17:47 ครับแล้วก็พวกไอ้โซ่มาทูโรสที่มีค่าดัชนี
00:17:47 → 00:17:50 น้ำตาลต่ำณปัจจุบันยังปลอดภัยก็มีหลักๆ
00:17:50 → 00:17:53 อยู่ประมาณนี้ครับ 3-4 ตัวแต่เราก็ต้อง
00:17:53 → 00:17:57 ใช้ให้มันหลากหลายไงน้ำตาลปกติเราลดได้
00:17:57 → 00:18:01 เป็นดีกินให้อยู่ในโควต้านะครับแล้วศาล
00:18:01 → 00:18:02 ให้ความหมายทดแทนน้ำตาลก็เลือกจาก
00:18:02 → 00:18:05 ธรรมชาติจากหญ้าหวานหล่อฮังก๊วยนะครับให้
00:18:05 → 00:18:08 มันมีความหลากหลายแล้วเราก็ยังใช้ชีวิต
00:18:08 → 00:18:10 แบบมีรสชาติความหวานได้อยู่แต่เราก็ต้อง
00:18:10 → 00:18:14 อย่าลืม Control ให้ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อ
00:18:14 → 00:18:17 วันให้ได้คือเอาให้น้อยที่สุดแหละถูกต้อง
00:18:17 → 00:18:20 ถามว่าเราไม่กินเลยได้ไหมอาจารย์น้ำตาน่ะ
00:18:20 → 00:18:22 ได้นะครับแต่คาร์โบไฮเดรตไม่กินเลยไม่ได้
00:18:22 → 00:18:26 มันก็ยังต้องอยู่แหละมันก็ต้องมีอยู่แหละ
00:18:26 → 00:18:28 อาจารย์ไม่กินน้ำตาลเลยก็ตายกันพอดีสิ
00:18:28 → 00:18:30 ร่างกายต้องการน้ำตาลถูกต้องแต่คุณจะกิน
00:18:30 → 00:18:33 ข้าวไงก็มันก็ทำถูกได้
00:18:33 → 00:18:37 แต่น้ำตาลโดยตรงเนี่ยคุณไม่กินก็ได้แต่
00:18:37 → 00:18:39 ถ้าคุณกินเนี่ยเพราะความสุขของคุณคือการ
00:18:39 → 00:18:41 กินเหมือนที่อาจารย์เอกราชบอก Concept
00:18:41 → 00:18:43 คืออยากกินต้องได้กินอ่ะแล้วเนี่ยอาจารย์
00:18:43 → 00:18:47 จะกินน้ำตาลอาจารย์ก็เอ้ยหวานน้อยอย่าไป
00:18:47 → 00:18:49 เลือกบางทีแบบว่าจะกินขนมอย่างเงี้ยแล้ว
00:18:49 → 00:18:52 คุณจะมาสั่งน้ำอัดลมอีกนึกออกมั้ยก็เพราะ
00:18:52 → 00:18:54 ว่าคุยกับอาจารย์บ่อยๆตอนนี้เริ่มปรับ
00:18:54 → 00:18:56 เปลี่ยนพฤติกรรมการกินแล้วหลายๆอย่างน้ำ
00:18:56 → 00:18:59 ตกน้ำตาลนี่แบบว่าเอาเป็นว่าลดฮวบไปเลยนะ
00:18:59 → 00:19:02 มาน้อยลงถึงว่าสวยกว่าเก่าสาวกว่าก่อน
00:19:02 → 00:19:04 อ่อนกว่าวัย
00:19:04 → 00:19:06 แต่ถ้าเป็นคนเป็นจริง
00:19:06 → 00:19:09 แล้วก็จะแบบว่าเออพูดได้เพราะว่ามันเป็น
00:19:09 → 00:19:12 podcast มันเป็นวิทยุมีแต่เสียงนี้อ่า
00:19:12 → 00:19:15 แล้วอีกหน่อยเห็นหน้าขึ้นมาแล้วยุ่งเลย
00:19:15 → 00:19:18 ไม่เพราะว่าทำให้ก็พออาจารย์ย้ำๆบ่อยๆ
00:19:18 → 00:19:20 อาจารย์มันต้องย้ำบ่อยๆนะไอ้เรื่องแบบว่า
00:19:20 → 00:19:23 เฮ้ยลดน้ำตาลน่ะไม่งั้นเราจะแบบว่าเฮ้ย
00:19:23 → 00:19:27 ไม่เห็นเป็นไรเลยอันนี้
00:19:27 → 00:19:33 สมองเสื่อมตาฝ้าฟันๆหัวใจกำเริบฮะ attack
00:19:33 → 00:19:37 ไขมันพอกตับอ้วนลงพุงเนื้อปลิ้นออกมาตับ
00:19:37 → 00:19:42 ไตโอ้โหพังภูมิคุ้มกันก็ลดผิวก็เหี่ยวย่น
00:19:42 → 00:19:45 หย่อนๆมันจะคอนโทรลตัวเองได้เลยเหมือน
00:19:45 → 00:19:49 อาจารย์กินกาแฟดำอ่ะเมื่อก่อนก็กินกาแฟ
00:19:49 → 00:19:51 ใส่น้ำตาลเพราะตอนหลังปุ๊บค่อยๆปรับลด
00:19:51 → 00:19:54 เดี๋ยวนี้นะใส่น้ำตาลมานิดเดียวอื้อหือ
00:19:54 → 00:19:57 เพราะร่างกายมันค่อยๆปรับตัวเรียนรู้ไง
00:19:57 → 00:19:58 ครับแล้วเราสามารถที่จะคอนโทรลความหวาน
00:19:58 → 00:19:59 ได้
00:19:59 → 00:20:01 แล้วมื้อนี้อย่างเงี้ยอาจารย์ชอบกินบัว
00:20:01 → 00:20:04 ลอยเผือกเอ้ามื้อนี้ก็ลดหวานหน่อยอ่ารถ
00:20:04 → 00:20:07 คาร์โบไฮเดรตลดแป้งหน่อยเปลี่ยนไปเป็นขนม
00:20:07 → 00:20:10 ได้ยิ่งถ้าเกิดเราระวังอ่ะมันจะทำให้เรา
00:20:10 → 00:20:12 จำนะว่าแบบเฮ้ยเรากินหวานไปแล้วเว้ย
00:20:12 → 00:20:15 เดี๋ยวมื้อต่อไปเราแบบว่าน้อยลงหน่อยดี
00:20:15 → 00:20:19 กว่าถูกต้องใช่ครับ
00:20:19 → 00:20:22 พรุ่งนี้เรายังมีชีวิตอยู่แต่ถ้าเรากิน
00:20:22 → 00:20:25 เต็มคาราเมลหมดโควต้าเนี่ยเราอาจจะไม่มี
00:20:25 → 00:20:28 ชีวิตแล้ววันไหนก็ไม่รู้คืนมาวันดีคืน
00:20:28 → 00:20:31 ร้ายเราศัตรูก่อนเลือดตีบตันแตกถ้าตาย
00:20:31 → 00:20:35 ขึ้นมาก็จบซะเลี่ยงเฮียปอมาตายอ่ะเอามา
00:20:35 → 00:20:40 พึ้กอัมพาตประกันอาวุโสโอเคไม่โอเคนะ
00:20:40 → 00:20:43 นอนเป็นผักเหี่ยวต้องมีผู้ช่วยโอโหแบบ
00:20:43 → 00:20:48 คุณภาพชีวิตรถลงเลยอย่างนี้ไม่ไม่ไม่ไม่
00:20:48 → 00:20:50 ควรฉะนั้นแล้วเราก็ต้องพึงเนาะลดปริมาณ
00:20:50 → 00:20:53 การกินน้ำตาลจากอาหารจากเครื่องดื่มที่
00:20:53 → 00:20:55 เราเติมเข้าไปเราเลือกดูจากฉลากโภชนาการ
00:20:55 → 00:20:58 แล้วค่อยๆปรับลดสารให้ความหวานทดแทนน้ำ
00:20:58 → 00:21:02 ตาลเป็นตัวช่วยได้นะแต่ไม่ใช่เป็นสรณะนะ
00:21:03 → 00:21:05 ครับเราใช้พวกหญ้าหวานหล่อฮังก๊วยอะไรพวก
00:21:05 → 00:21:08 นี้จากธรรมชาตินะครับหรือแม้กระทั่งน้ำ
00:21:08 → 00:21:10 ตาลแอลกอฮอล์ไอโชว์โมทรูทพวกนี้ก็มาจาก
00:21:10 → 00:21:13 อ้อยนะครับก็จะมีความเอ่อปลอดภัยอยู่
00:21:13 → 00:21:16 หน่อยนะครับแล้วก็เลือกคาร์โบไฮเดรตที่มี
00:21:16 → 00:21:18 ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำไม่ทำให้น้ำตาลสูงเพราะ
00:21:18 → 00:21:21 พวกเนี้ยจะมีใยอาหารอยู่พวกคาร์โบไฮเดรต
00:21:21 → 00:21:25 เชิงซ้อนอ่าประเภทเช่นข้าวไม่ขัดสีข้าว
00:21:25 → 00:21:29 กล้องข้าวซ้อมมือข้าวไรซ์เบอรี่ข้าวกข 43
00:21:29 → 00:21:31 ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงโอ้ยอันนี้
00:21:31 → 00:21:35 เป็นเรื่องในห้างเหอะข้าวแบบยืนงงอะไรงง
00:21:35 → 00:21:38 เนี่ยที่อาจารย์พูดๆมาอาจารย์บอกไปก็
00:21:38 → 00:22:12 เพราะมองหา
00:22:12 → 00:22:15 โยนใส่หม้อหุงข้าวหุงข้าวที่อาจารย์เคย
00:22:15 → 00:22:18 บอกว่ามันทำให้เราได้ไฟเบอร์ได้ใยอาหาร
00:22:18 → 00:22:21 ชะลอการดูดซึมน้ำตาได้เพราะเทคนิคนึงการ
00:22:21 → 00:22:24 ลดน้ำตาลจากร่างกายของเราเนี่ยคือเราต้อง
00:22:24 → 00:22:27 เติมไฟเบอร์ใยอาหารจากพืชผักผลไม้ธัญพืช
00:22:27 → 00:22:30 เข้าไปเพื่อให้น้ำตาลเนี่ยมันดูดซึมเข้า
00:22:30 → 00:22:33 สู่กระแสเลือดเนี่ยไม่เยอะแล้วแต่ละมื้อ
00:22:33 → 00:22:35 นะอาจารย์เน้นเลยนะว่าทุกมื้อต้องมี
00:22:35 → 00:22:38 ไฟเบอร์ไม่ใช่ข้าวกลางวันนี้กินอะไรอ่ะ
00:22:38 → 00:22:42 อ๋อกินข้าวไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่วกับไข่ต้ม
00:22:42 → 00:22:45 นึกออกมั้ยไม่มีผักเลยเว้ย
00:22:45 → 00:22:48 วิญญาณผักชีมานิดนึงอย่างเงี้ยข้าวมันไก่
00:22:48 → 00:22:52 อย่างเงี้ยแตงกวา 2 ชิ้นนะมันๆไม่มี
00:22:52 → 00:22:54 ไฟเบอร์อ่ะแล้วมันจะไปชะลอการดูดซึมน้ำ
00:22:54 → 00:22:57 ตาลอย่างไรเราก็ต้องเติมมื้อไหนคุณไม่มี
00:22:57 → 00:23:00 ผักไม่เป็นไรคุณเอาผลไม้ฝรั่งชมพู่
00:23:00 → 00:23:03 แอปเปิ้ลแก้วมังกรมะละกอแตงโมสับปะรดเลย
00:23:03 → 00:23:07 เติมเข้าไปมื้ออาหารอ่าถ้าไม่มีผักคุณ
00:23:07 → 00:23:09 ต้องเติมผลไม้เข้าไปให้ได้ไฟเบอร์อย่าง
00:23:09 → 00:23:11 น้อยที่เขาบอกผักครึ่งนึงอย่างอื่นครึ่ง
00:23:11 → 00:23:14 นึงนะอันนี้มันจะทำให้เราเนี่ยลดน้ำตาล
00:23:14 → 00:23:17 ได้แล้วบางคนติดหวานติดขนมหลังมื้ออาหาร
00:23:17 → 00:23:20 ลองเปลี่ยนไปเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน
00:23:20 → 00:23:24 น้อยนิดโกงมะละกอพวกนี้มันจะทำให้เราอ่ะ
00:23:24 → 00:23:26 คุ้นเคยแล้วหลังมื้ออาหารแทนที่จะกินแบบ
00:23:26 → 00:23:31 เฮ้ยขนมหวานนะข้าวเหนียวถั่วดำสาคูบัวลอย
00:23:31 → 00:23:34 นะวุ้นขนมชั้นอะไรพวกนี้นะ
00:23:34 → 00:23:39 ว่าชิบูย่าฮันนี่เปลี่ยนเป็นแบบค่อยๆลดไป
00:23:39 → 00:23:41 แต่จำนวนมือไปนะครับอันเนี้ยหรือแม้
00:23:41 → 00:23:44 กระทั่งวิธีการเขามีงานวิจัยครับปรับจาน
00:23:44 → 00:23:48 ให้เล็กลงจานใหญ่เนี่ยทำให้เรากินเยอะเอา
00:23:48 → 00:23:50 แต่จานใหญ่ของเล็กลงนะทุกวันเนี้ยไม่ได้
00:23:50 → 00:23:54 เขาแบบมีงานวิจัยออกมาครับว่าปริมาณจาน
00:23:54 → 00:23:56 ที่เล็กลงอ่ะสามารถลดแคลอรี่ได้ถึง 22%
00:23:56 → 00:24:00 แต่บางคนบอกเอ้าวันนึงกิน 2,22% คือ 400
00:24:00 → 00:24:01 กว่าแคลนนะ
00:24:01 → 00:24:05 ช่วยลดน้ำหนักคุมน้ำตาลได้ดีนะครับโอ๊ยจะ
00:24:05 → 00:24:08 แบบมันไม่อิ่มมันไม่ได้น้องจันใหญ่ไงครับ
00:24:08 → 00:24:10 แต่ใส่ของให้มันเต็ม
00:24:10 → 00:24:13 จะได้รู้สึกว่ามันเยอะถูกต้องแล้วอย่าอด
00:24:13 → 00:24:15 อาหารเช้าเพราะมื้อเช้ามื้อสำคัญช่วยควบ
00:24:15 → 00:24:17 คุมความหิวช่วยควบคุมน้ำตาลระหว่างวันได้
00:24:17 → 00:24:20 ดีบางคนมีข้ออ้างอ้อทำฟาสติ้งอ่ะอาจารย์
00:24:20 → 00:24:22 ทำไอ้เอฟคุณก็กระถึกมื้อเย็นกินเร็วหน่อย
00:24:22 → 00:24:26 สิจะได้มากินมื้อเช้าคุณจะได้ไม่ต้องลดละ
00:24:26 → 00:24:29 หายไปเนาะนอกจากอาหารการกินแล้วออกกำลัง
00:24:29 → 00:24:32 กายเป็นประจำเราก็รู้กันดีว่าเฮ้ยออก
00:24:32 → 00:24:35 กำลังกายเนี่ยจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้การ
00:24:35 → 00:24:38 ตอบสนองหรือความไวของการทำงานของอินซูลิน
00:24:39 → 00:24:41 เอาน้ำตาลจากเลือดเข้าเซลล์ได้ดีขึ้นแล้ว
00:24:41 → 00:24:44 ถ้าเรามีการออกกำลังกายบอกเลยว่ามันยิ่ง
00:24:44 → 00:24:47 ช่วยในการลดน้ำตาลได้ดีควบคุมน้ำตาลได้ดี
00:24:47 → 00:24:50 นะอาจารย์บอกไปเนี่ยคนส่วนใหญ่ก็โอ๊ยเฉยๆ
00:24:50 → 00:24:53 นะวันก่อนบอกไปเนี่ยวัดเนี่ยศักดิ์สิทธิ์
00:24:53 → 00:24:57 มากบอกคุณป้าท่านนึงวันนี้วันพระใช่ไหมไป
00:24:57 → 00:25:01 เดินจงกรมรอบโบสถ์ 3 รอบหลวงพ่อท่าน
00:25:01 → 00:25:03 ศักดิ์สิทธิ์อธิษฐานจิตกับหลวงพ่อแล้วเบา
00:25:03 → 00:25:05 หวานป้าจะดี
00:25:05 → 00:25:09 กว่าโอ้โหดีเลยผ่านไปเดือนนึงเจาะเลือด
00:25:09 → 00:25:12 อีกทีนึงดีขึ้นเพราะว่า
00:25:12 → 00:25:15 ออกกำลังกาย
00:25:15 → 00:25:21 เสี่ยงโชคขอพรไปนะไปลุ้นเอาเองนะครับ
00:25:21 → 00:25:24 สุดท้ายคือนอนให้เพียงพอครับเพราะว่าถ้า
00:25:24 → 00:25:26 เรานอนดึกนอนไม่พอเกิดความเครียดร่างกาย
00:25:26 → 00:25:29 จะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินทำให้น้ำตาล
00:25:29 → 00:25:30 เลือดสูงได้
00:25:30 → 00:25:32 อ่าฉะนั้นมันต้องร่วมกันบางคนอู้ยกิน
00:25:32 → 00:25:35 เบียร์อาจารย์กำลังกายก็ออกเออ 5 ทุ่ม
00:25:35 → 00:25:39 เที่ยงคืนตี 1 ยังไม่นอนก็ติดซีรีส์
00:25:39 → 00:25:42 เห็นมั้ยก็เป็นต้องดูแลแบบองค์รวมอ่ะ
00:25:42 → 00:25:44 อาจารย์เน้นย้ำเสมอเรื่องของอาหารการกิน
00:25:44 → 00:25:47 แล้วก็ต้องเรื่องของออกกำลังกายกิจกรรม
00:25:47 → 00:25:49 ทางกายแล้วก็การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
00:25:49 → 00:25:53 เนาะเครียดแต่น้อยอ่าเพราะฉะนั้นก็ดูแล
00:25:53 → 00:25:55 สุขภาพนะครับเราก็ต้องค่อยๆลดกันไปนะวัน
00:25:55 → 00:25:57 นี้ได้ความรู้เพิ่มเติมไปแล้วลองปฏิบัติ
00:25:57 → 00:25:59 ดูนะคะวันนี้ขอบคุณอาจารย์เอกราชค่ะ
00:25:59 → 00:26:01 สวัสดีค่ะ
00:26:01 → 00:26:04 คุณผู้ฟังทั้งหมดเวลาแล้วกับรายการโรงหมอ
00:26:04 → 00:26:07 ทางไทย PBS podcast ว่าวันนี้ลาไปก่อนนะ
00:26:07 → 00:26:10 คะขอบคุณที่ติดตามรับฟังค่ะสวัสดีค่ะ This
00:26:10 → 00:26:14 Is Thai PBS ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
00:26:14 → 00:26:17 สัญชาตญาณของผู้ชายเป็นอย่างไรเมื่อมีผู้
00:26:17 → 00:26:20 หญิงเก่งกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจันทร์
00:26:20 → 00:26:22 วิภาดิลกสัมพันธ์ผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:26:22 → 00:26:25 สัมพันธ์และครอบครัวมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:25 → 00:26:27 ธรรมชาติของผู้ชาย
00:26:27 → 00:26:31 มนุษย์เรายังเป็นสิ่งมีชีวิตนะคะที่มี
00:26:31 → 00:26:34 ลักษณะของของกันเขาเรียกอะไรความเหนือ
00:26:34 → 00:26:37 กว่าทางเพศมาตลอดถูกไหมคะตั้งแต่ยุคโบราณ
00:26:37 → 00:26:42 ตั้งแต่เรายังเป็นมนุษย์ถ้ำเอางี้ละกันนะ
00:26:42 → 00:26:44 ฮะจะแข็งแกร่งใช่จะแข็งแกร่งเป็นฝ่ายหา
00:26:44 → 00:26:47 อาหารมาเลี้ยงผู้หญิงนะคะชอบใจผู้หญิงคน
00:26:47 → 00:26:50 ไหนก็เอากระบองทุบและลากเขาทำอะไรประมาณ
00:26:50 → 00:26:53 นั้นน่ะนะคะแล้ววิวัฒนาการนี้มันมีมาตลอด
00:26:53 → 00:26:58 นะคะโดยเฉพาะมาทางประเทศทางแถบเอเชียนะคะ
00:26:58 → 00:27:01 หรือประเทศอะไรก็ตามที่ยังไม่ยอมรับ
00:27:01 → 00:27:05 ว่าผู้หญิงจะนำผู้ชายได้นึกออกไหมคะมันก็
00:27:05 → 00:27:07 จะเกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำทางเพศไหนทำไม
00:27:07 → 00:27:10 เราต้องมีการต่อสู้เรื่องสิทธิสตรีกัน
00:27:10 → 00:27:13 อยู่ตลอดเวลาเราอยู่เมืองไทยในบุญของผู้
00:27:13 → 00:27:16 หญิงไทยแล้วค่ะคุณศิริพรขาที่คุณผู้หญิง
00:27:16 → 00:27:18 ไทยเนี่ยเราค่อนข้างได้รับสิทธิเสรีภาพ
00:27:18 → 00:27:22 ค่อนข้างมากแล้วนะคะค่อนข้างมากแล้วแต่
00:27:22 → 00:27:25 ลองดูสิคะในผู้บริหารระดับสูงเนี่ยใครมาก
00:27:25 → 00:27:29 กว่ากันระหว่างหญิงกับชายชายนะคะไม่ว่าจะ
00:27:29 → 00:27:33 ดูในสภาหรือดูในอะไรก็ตามเนี่ยนะฮะเพราะ
00:27:33 → 00:27:34 ฉะนั้นตรงนี้เนี่ยเราจะเห็นว่าธรรมชาติ
00:27:34 → 00:27:38 ของผู้ชายนะคะมักจะชื่นชอบความเป็นผู้นำ
00:27:38 → 00:27:42 ของตัวเขาเองถูกไหมคะชอบการยอมรับชอบเป็น
00:27:42 → 00:27:45 ฝ่ายที่ปกป้องดูแลพูดง่ายๆคือชอบความ
00:27:45 → 00:27:48 เหนือกว่านั่นแหละนะฮะในประวัติศาสตร์เรา
00:27:48 → 00:27:51 จะเห็นว่าทำไมบูเช็คเทียนนะซึ่งถ้าเราค้น
00:27:51 → 00:27:52 ประวัติศาสตร์จริงๆเนี่ยบูเช็คเทียนเนี่ย
00:27:52 → 00:27:55 เป็นเป็นจักรพรรดิดีๆที่ทำให้ประเทศจีน
00:27:55 → 00:27:58 เจริญก้าวหน้ามากเปลี่ยนแปลงการปกครอง
00:27:58 → 00:28:01 อะไรต่างๆแต่เธอก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นทรราช
00:28:01 → 00:28:03 ไม่จำเป็นนั่นเป็นนี้เพราะอะไรคะลึกๆและ
00:28:03 → 00:28:06 เธอคือผู้หญิงเพราะฉะนั้นโดยธรรมชาตินะฮะ
00:28:06 → 00:28:09 ผู้ชายในมักจะชอบความเหนือกว่าของผู้หญิง
00:28:09 → 00:28:12 อยู่ดีเพราะฉะนั้นการที่เขาชื่นชมผู้หญิง
00:28:12 → 00:28:15 เนี่ยนะคะไอ้ผู้ชายในโลกที่เปิดกว้างขึ้น
00:28:15 → 00:28:19 บางทีเขาก็บอกว่าโอ๊ยผมมีแฟนนะแฟนผมหา
00:28:19 → 00:28:21 เงินเก่งมากเลยได้เงินเดือนสูงกว่าผมอีก
00:28:21 → 00:28:24 ดีซะอีกไงผมไม่ต้องห่วงเขาไม่ต้องไปหา
00:28:24 → 00:28:27 เงินซื้อของให้เขาซื้อเองได้สบายใจนะคะ
00:28:27 → 00:28:32 อันนี้ก็คือในความรู้สึกแฟร้งๆแต่มันมี
00:28:32 → 00:28:36 แต่นะฮะแต่ก็คือมันจะมีความยิ่งถ้าผู้ชาย
00:28:36 → 00:28:39 เนี่ยถูกผู้หญิงเหนือกว่าทุกอย่างเนี่ย
00:28:39 → 00:28:41 มันจะเหมือนกับตัวเองเนี่ยถูกริดรอนสิทธิ
00:28:41 → 00:28:44 และบางทีไอ้อำนาจในการหาเงินได้มากกว่า
00:28:44 → 00:28:44 เนี่ย
00:28:44 → 00:28:47 ผู้หญิงบางคนไม่ระมัดระวังการวางตัวของ
00:28:47 → 00:28:49 ตัวเองเพราะฉะนั้นผู้หญิงเก่งเนี่ยไม่ได้
00:28:49 → 00:28:53 เสียหายเลยแต่ถ้าเราชอบแสดงออกบ่อยๆถ้า
00:28:53 → 00:28:56 ผู้หญิงโสดเนี่ยนะฮะแล้วแสดงออกบ่อยๆว่า
00:28:56 → 00:28:58 ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งใครฉันหาเงิน
00:28:58 → 00:29:01 เก่งที่อยู่คนเดียวได้ฉันไม่โง่ใครฉันไม่
00:29:01 → 00:29:04 จำเป็นต้องมีใครในชีวิตเป็นโสดเถอะค่ะ
00:29:04 → 00:29:07 เพราะอะไรคะผู้ชายเขาก็จะหมั่นไส้เล็กๆ
00:29:07 → 00:29:12 แล้วก็ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ไม่จีบหรอก
00:29:12 → 00:29:16 This Is Choice previouse
00:29:16 → 00:29:20 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:29:20 → 00:29:24 ของไทยพีแดช็อตคลาส spotify soundcloud
00:29:24 → 00:29:27 Google podcast Apple podcast และ
00:29:27 → 00:29:34 YouTube Channel Thai PBS portcute
00:29:34 → 00:29:40 [เพลง]