00:00:06 → 00:00:10 ในทางเดินปัสสาวะนะครับก็คือตั้งแต่ไตอาจ
00:00:10 → 00:00:12 จะไปที่กรวยไตไม่เป็นจังหวะอวัยวะต่อกัน
00:00:12 → 00:00:16 นะครับก็คือระบบไตระบบทางเดินปัสสาวะท่อ
00:00:16 → 00:00:19 ไตแล้วก็ไปที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะฉะนั้นปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุก
00:00:21 → 00:00:23 ที่นะครับของระบบทางเดินปัสสาวะเดิมที
00:00:23 → 00:00:26 ปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำนะครับเป็น
00:00:26 → 00:00:28 องค์ประกอบแล้วก็จะมีสารต่างๆซึ่งถ้าเกิด
00:00:28 → 00:00:32 มีภาวะบางอย่างทำให้สารมีเยอะเกินทำให้ตก
00:00:33 → 00:00:35 ตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันเป็นนิ่วเป็น
00:00:36 → 00:00:38 ก้อนหรือปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นเราดื่มน้ำ
00:00:38 → 00:00:40 น้อยเกินไปไม่ตะกอนมีโอกาสจับตัวเป็นก้อน
00:00:40 → 00:00:42 แล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกิตฉันวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast สำหรับ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เรากลับมาพบกันเช่นเคยนะคะติดตาม
00:01:01 → 00:01:04 สาระดีๆกันได้วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:04 → 00:01:07 ของนิ่วในไตอันตรายแค่ไหนนะคะอันนี้
00:01:07 → 00:01:10 เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะเดี๋ยวเราคุยกับนาย
00:01:10 → 00:01:13 แพทย์วัชรพงษ์ตรีสิงห์ชัยอายุรแพทย์โรคไต
00:01:13 → 00:01:15 ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลวิทยาลัยเขตจังหวัดนครสวรรค์ค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอขาสวัสดี
00:01:21 → 00:01:25 เรามาคุยกันนะคะเป็นเรื่องของนิ่วในไตมา
00:01:25 → 00:01:27 ทำความรู้จักกันก่อนเราเคยได้ยินแต่นิ่ว
00:01:27 → 00:01:30 เอ่ออยู่จุดนั้นจุดนี้แต่ไม่เคยได้คุยกัน
00:01:30 → 00:01:33 ถึงเรื่องของนิ่วในไตอ่ะมาทำความรู้จัก
00:01:33 → 00:01:37 กันก่อนนะคะถึงอวัยวะของเราทำความเข้าใจ
00:01:37 → 00:01:41 นะคะก็เรื่องของไตทำความรู้จักกับไตมา
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนค่ะคุณหมอบอกว่าไตของเรามีหน้าที่
00:01:43 → 00:01:46 อะไรยังไงบ้างคะคือหลักๆเนี่ยหน้าที่ของ
00:01:46 → 00:01:50 ไตก็คือทำการกรองของเสียนะครับออกจากร่าง
00:01:50 → 00:01:54 กายนะครับแล้วก็กรองพวกสารอาหารต่างๆกลับ
00:01:54 → 00:01:57 เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเกลือแร่นะครับควบ
00:01:57 → 00:01:59 คุมสมดุลเกลือแร่อีกเรื่องหนึ่งคือการ
00:01:59 → 00:02:01 กรองหรือการขับน้ำนะครับรักษาสมดุลน้ำใน
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายนะครับแล้วก็เรื่องอื่นๆก็อย่าง
00:02:04 → 00:02:07 เช่นอาจจะผลิตฮอร์โมนในการกระตุ้นในการ
00:02:07 → 00:02:10 สร้างเม็ดเลือดนะครับรวมทั้งพวกการขับยา
00:02:10 → 00:02:14 ขับสารต่างๆจากร่างกายก็ไตก็เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:17 ช่วยควบคุมณจุดนี้นะครับ
00:02:17 → 00:02:21 ก็เรียกว่าก็เป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายของ
00:02:21 → 00:02:23 เรานะคะสำหรับไตของเรามันอยู่ตรงไหนของ
00:02:23 → 00:02:35 ร่างกายคะคุณหมอคะ
00:02:35 → 00:02:41 แต่จับไปไม่เจอนะคะ
00:02:41 → 00:02:45 ออกแนวน่ากลัวนิดนึงนะคะ
00:02:45 → 00:02:48 รู้จักไตแล้วนะคะคุณผู้ฟังว่าอยู่ตรงไหน
00:02:48 → 00:02:51 นะคะมี 2 ข้างนะค่อนไปทางข้างหลังตรง
00:02:51 → 00:02:54 บริเวณเอวนะคะทีนี้อ่ะไตเรารู้หน้าที่กัน
00:02:54 → 00:02:56 ไปแล้วทีนี้เรื่องของนิ่วในไตกันบ้างค่ะ
00:02:56 → 00:02:59 นิ่วในไต๋มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะคุณหมอคะ
00:02:59 → 00:03:03 ผมต้องบอกก่อนว่านิ่วเนี่ยในทางปฏิบัติ
00:03:03 → 00:03:06 แล้วเนี่ยคนไข้จะสับสนระหว่าง 2 นิ่วนะ
00:03:06 → 00:03:10 ครับก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะนะครับก็
00:03:10 → 00:03:12 คือนิ้วทางเดินปัสสาวะคือนายไตที่เราคุย
00:03:12 → 00:03:16 กันก็คือตั้งแต่ตายอาจจะไปที่กรวยไตไม่
00:03:16 → 00:03:18 เป็นจังหวะอวัยวะต่อกันนะครับก็คือระบบไต
00:03:18 → 00:03:22 ระบบทางเดินปัสสาวะท่อไตแล้วก็ไปที่
00:03:22 → 00:03:25 บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับเพราะฉะนั้น
00:03:25 → 00:03:27 ปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุกที่นะครับ
00:03:27 → 00:03:29 ของระบบทางเดินปัสสาวะอ๋อตามที่บอกมา
00:03:29 → 00:03:33 เมื่อกี้เลยหรอคะตั้งแต่มาแบบตายกรวยไต
00:03:33 → 00:03:36 ทอดไตกระเพาะปัสสาวะอ๋อเป็นได้ทุกที่ตรง
00:03:36 → 00:03:41 นี้เลยเป็นได้ทุกที่นะครับแต่อีกอันนึงก็
00:03:41 → 00:03:43 คือนิ่วถุงน้ำดีนะครับอันนี้ก็จะเป็นคนละ
00:03:43 → 00:03:47 ระบบเลยอันนี้ก็จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวานะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่ถ้าเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ย
00:03:52 → 00:03:53 นะครับก็คือ
00:03:53 → 00:03:54 อาจจะเป็นเนื่องในตายเลยพวกนี้เกิดจาก
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยเดิมทีปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 นะครับมีองค์ประกอบนะแล้วก็จะมีสารต่างๆ
00:04:00 → 00:04:04 ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้เนี่ยสามารถตกตะกอน
00:04:04 → 00:04:07 ในน้ำปัสสาวะได้ซึ่งถ้าเกิดมีภาวะบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างเนี่ยทำให้สารพวกนี้เนี่ยมีเยอะเกิน
00:04:11 → 00:04:14 ทำให้ตกตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันผลผลิต
00:04:14 → 00:04:18 เป็นนิ่วเป็นก้อนนะครับอ่าหรือปัจจัยอื่น
00:04:18 → 00:04:22 ๆอย่างเช่นเราทานเราดื่มน้ำน้อยเกินไป
00:04:22 → 00:04:25 ที่ทำให้ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะเยอะมี
00:04:25 → 00:04:28 โอกาสจับตัวเป็นก้อนแล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:04:28 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:33 ตัวสารบางอย่างที่ว่าเนี่ยค่ะมันจะเป็น
00:04:33 → 00:04:36 ประเภทอะไรบ้างคะที่มันจะทำให้เกิดการตก
00:04:36 → 00:04:39 ตะกอนได้ค่ะ
00:04:39 → 00:04:45 ก็สารที่เราพบเนี่ยก็คือ 1 เป็นพวกกรด
00:04:45 → 00:04:49 ยูริคนะครับกดยูริกก็คือคนที่มีโอกาสที่
00:04:49 → 00:05:03 เป็นเป็นเก๊าอักเสบไปพวกนี้นะครับ
00:05:03 → 00:05:07 ที่เจอบ่อยก็จะอยู่ในอาหารบางอย่างนะครับ
00:05:07 → 00:05:11 เยอะๆอย่างเช่นเป็นพวกผักโขม
00:05:11 → 00:05:27 ช็อกโกแลต
00:05:27 → 00:05:32 ของถูกใจสาวๆเลยนะคะคุณหมอ
00:05:32 → 00:05:36 แต่ว่าอย่ากินเยอะแล้วกันนะคะ
00:05:36 → 00:05:40 ที่แบบเกี่ยวกับเรื่องของการการที่เรา
00:05:40 → 00:05:42 ต้องกินเข้าไปแล้วมันมีผล
00:05:42 → 00:05:45 ที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:05:45 → 00:05:48 งั้นเดี๋ยวกล่าวโดยรวมเลยว่าทานอาหาร
00:05:48 → 00:05:51 อย่างไรนะครับจะได้แบบไม่ก่อให้เกิดนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 ในไต
00:05:53 → 00:05:55 ก็คือ 1 ก็คือเราต้องดื่มน้ำ
00:05:55 → 00:06:00 ให้มีปริมาณที่เพียงพอนะครับอาจจะเกิน 8
00:06:00 → 00:06:03 แก้วก็คือ 2 ลิตร 2.5 ลิตรต่อวันนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แต่เรื่องการดื่มน้ำเนี่ยอันนี้ก็ต้องไม่
00:06:05 → 00:06:08 ใช่ทุกคนดื่มสามารถดื่มน้ำได้เยอะหมดนะ
00:06:08 → 00:06:09 ครับ
00:06:09 → 00:06:12 ผู้ป่วยบางคนเนี่ยที่มีปัญหาเรื่องการบีบ
00:06:12 → 00:06:16 ตัวของหัวใจที่ลดลงอะไรพวกนี้เคยมี
00:06:16 → 00:06:23 ประวัติน้ำท่วมปอดอะไรพวกนี้นะครับ
00:06:23 → 00:06:28 แข็งแล้วก็มีภาวะน้ำในช่องท้องมีขาบวม
00:06:28 → 00:06:31 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องจำกัดน้ำ
00:06:31 → 00:06:35 ดื่มถ้าเกิดยิ่งดื่มน้ำมากก็จะยิ่งบวม
00:06:35 → 00:06:38 น้อยไปก็ไม่ดีดื่มมากสำหรับบางคนก็ไม่ได้
00:06:38 → 00:06:42 อีกต่างหากด้วยเนอะ
00:06:42 → 00:06:49 หมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆครับ
00:06:49 → 00:06:50 [เพลง]
00:06:50 → 00:06:54 ค่อยๆจิบไปทีละนิดทีละนิดเรื่อยๆคือไม่
00:06:54 → 00:06:56 ต้องแบบว่าทีเดียวกระดกไปแบบหมดขวดไม่ใช่
00:06:56 → 00:06:59 ขนาดนั้นใช่ไหมคะ
00:06:59 → 00:07:02 ไม่ใช่กินแบบ 2 ลิตรทีนึงตอนเช้าแล้วก็
00:07:02 → 00:07:04 ตอนกลางวันตอนเย็นไม่ทานเลยอะไรอย่างนี้
00:07:04 → 00:07:06 ก็ไม่ดี
00:07:06 → 00:07:09 อ้าวคุณหมอคะถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่แบบว่า
00:07:09 → 00:07:11 เออพอสำหรับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราสังเกตได้ที่เคยได้ยินคือการสังเกตจาก
00:07:14 → 00:07:17 สีปัสสาวะใช่ไหมคะที่มันจะไม่เป็นสี
00:07:17 → 00:07:19 เหลืองเข้มนะฮะอาจจะสีเหลืองอ่อนอะไร
00:07:19 → 00:07:21 อย่างเงี้ยนะคะอันนี้คือถูกต้องเหมาะสม
00:07:21 → 00:07:22 แล้วใช่ไหมคะ
00:07:23 → 00:07:26 แต่โดยปริมาณเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วก็จะแนะ
00:07:26 → 00:07:28 นำประมาณสัก 2 ลิตร 2 ลิตรครึ่งขึ้นไปนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับอันนี้คือไม่ขาดแน่นอน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะฉะนั้นคือถ้าร่างกายรู้สึกว่าหิวน้ำ
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อไหร่คุณผู้ฟังก็ดื่มน้ำได้เลยนะคะ
00:07:36 → 00:07:38 อย่ารอให้จนแบบเออเดี๋ยวก่อนทีเดียวเอ้า
00:07:38 → 00:07:40 คุณหมออันนี้อีกนิดนึงค่ะคำว่าน้ำเนี่ย
00:07:40 → 00:07:42 คือเป็นน้ำเปล่าโดยปกติทั่วไปใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 เพราะว่าอ่าหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเออเรา
00:07:45 → 00:07:49 กินเอ่อดื่มกาแฟดื่มเครื่องดื่มประเภท
00:07:49 → 00:07:53 อื่นๆอ่านนั้นกรงน้ำแกงน้ำซุปอ่าหรืออะไร
00:07:53 → 00:07:57 พวกเนี้ยบางคนก็บอกว่าก็เนี่ยพวกนี้ก็
00:07:57 → 00:07:59 เป็นน้ำเหมือนกันก็ทดแทนกันได้ได้หรือ
00:07:59 → 00:08:00 เปล่าคะ
00:08:00 → 00:08:03 แนะนำว่าให้เป็นน้ำเปล่าดีกว่านะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่าน้ำแกงน้ำซุปเนี่ยสิ่งที่เราได้
00:08:06 → 00:08:08 ไปเนี่ยนอกจากน้ำแล้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:08 → 00:08:12 เกลือมีโซเดียมเข้าไปในร่างกายด้วย
00:08:12 → 00:08:16 อันตรายอีก
00:08:16 → 00:08:19 น้ำเปล่าดีที่สุดอันนี้ไม่รวมแอลกอฮอล์นะ
00:08:19 → 00:08:24 คะคุณผู้ฟังเดี๋ยวต้องเบรกไว้ก่อน
00:08:24 → 00:08:27 เหลือแอลกอฮอล์เป็นกินแทนดื่มแทนน้ำเลย
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างนี้ไม่ต้องนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อันนี้ก็แสดงว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงจากการ
00:08:32 → 00:08:35 ที่เรากินอาหารอะไรต่างๆเหล่านี้เพราะว่า
00:08:35 → 00:08:36 มันมีทั้ง
00:08:36 → 00:08:40 อะไรนะที่คุณหมอบอกมีถั่วมีผักโขมนอกจาก
00:08:40 → 00:08:43 ดื่มน้ำมากๆเนี่ยนะครับแล้วก็อาหารต่อไป
00:08:43 → 00:08:47 คือที่ควรทำคืออาหารที่มีกากใยมากๆอย่าง
00:08:47 → 00:08:50 เช่นพวกผักอะไรพวกนี้นะครับ
00:08:50 → 00:08:54 พวกนี้เนี่ยจะไปช่วยจับออกซาเลตนะครับใน
00:08:54 → 00:08:55 อาหารอื่นๆ
00:08:55 → 00:08:58 แล้วก็ขับออกมาทางอุจจาระเรา
00:08:58 → 00:09:02 นะฮะอันนี้ก็ลดอากาศนิว
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปก็คือเพิ่มอาหาร
00:09:05 → 00:09:08 ที่มีแคลเซียมนะครับอาหารก็แคลเซียมก็ควร
00:09:08 → 00:09:10 จะได้รับด้วย
00:09:10 → 00:09:12 อ่าพวกนมอะไรพวกนี้นะครับที่มีแคลเซียม
00:09:12 → 00:09:16 อันนี้ก็จะช่วยจับออกซะเลทได้เหมือนกันนะ
00:09:16 → 00:09:16 ครับ
00:09:16 → 00:09:18 [เพลง]
00:09:18 → 00:09:20 ต่อไปอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับก็คือ
00:09:20 → 00:09:23 ที่หมอบอกไปก็คือพวกช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:09:23 → 00:09:25 ออกซาเรดจะค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานแต่
00:09:25 → 00:09:29 ปริมาณที่พอควรนะครับหน่อไม้ผักโขมผัก
00:09:29 → 00:09:32 ดัชนีก็คือผักโขมนะครับ
00:09:32 → 00:09:36 แล้วก็ต่อไปก็คือลดอาหารเค็มนะครับอย่า
00:09:36 → 00:09:40 ทานเค็มเยอะเพราะว่าอาหารเค็มเนี่ยก็คือ
00:09:40 → 00:09:42 มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและโซเดียมเนี่ย
00:09:42 → 00:09:45 ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลึกนิ่วได้นะ
00:09:45 → 00:09:46 ครับ
00:09:46 → 00:09:49 เพราะฉะนั้นนอกจากทานเค็มแล้วเนี่ยความ
00:09:49 → 00:09:52 ดันสูงเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดอะไรพวก
00:09:52 → 00:09:55 นี้เนี่ย
00:09:55 → 00:09:57 ต่อนิ่วก็มีผลเหมือนกันนะครับมาเป็น
00:09:57 → 00:09:59 แพ็คเกจเลยค่ะคุณหมอ
00:09:59 → 00:10:04 ความจริง
00:10:04 → 00:10:06 มันก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:09 ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะเพราะว่าบางที
00:10:09 → 00:10:12 เราไม่รู้หรอกว่าเอ๊ะมันมีการตกตะกอนอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหรือเปล่าการตกตะกอนอย่างเงี้ยค่ะใน
00:10:14 → 00:10:17 การที่จะมันตกตะกอนก่อนแล้วมันทำให้เกิด
00:10:17 → 00:10:19 นิ่วหรือว่าไอ้ตะกอนนั้นมันคือนิ่วค่ะคุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอตอนแรกตะกอนเนี่ยที่ยังไม่จับตัวกัน
00:10:21 → 00:10:25 เป็นก้อนเนี่ย 3 เราสามารถดื่มน้ำเยอะๆทำ
00:10:25 → 00:10:29 ให้ขับออกมาในรูปของปัสสาวะได้ปัสสาวะอาจ
00:10:29 → 00:10:33 จะแบบมีฝุ่นๆๆหน่อยนึงแต่ถ้าเกิดเราปล่อย
00:10:33 → 00:10:35 ไว้นาน
00:10:35 → 00:10:38 ไอ้ตัวฝุ่นๆเนี้ยในปัสสาวะเนี่ยมันจับกัน
00:10:38 → 00:10:41 กลายเป็นก้อนผลิตก็จะกลายเป็นนิ่วนะครับ
00:10:41 → 00:10:44 ก็ทำให้มีอาการได้นะครับ
00:10:44 → 00:10:46 แล้วอาการที่ว่านี่มันเป็นยังไงมันมี
00:10:46 → 00:10:48 อาการยังไงบ้างคะ
00:10:48 → 00:10:52 ก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ยมีอาการ
00:10:52 → 00:10:55 ค่อนข้างหลากหลายเลยนะครับมันขึ้นอยู่กับ
00:10:55 → 00:10:59 ขนาดของนิ่วแล้วก็ตำแหน่งนะครับแล้วก็การ
00:10:59 → 00:11:01 อุดตันว่าอุดตันเยอะหรือว่าอุดตันยังน้อย
00:11:01 → 00:11:05 ๆอยู่นะครับอย่างเช่นถ้าเกิดนิ่ว
00:11:05 → 00:11:09 เต็มก้อนเล็กอยู่นะครับก็คือน้อยกว่าน้อย
00:11:09 → 00:11:11 กว่าเซนนึงอาจจะแค่ครึ่งเซนอะไรพวกนี้
00:11:11 → 00:11:17 เนี่ยโอกาสที่ดื่มน้ำแล้วใช้น้ำปัสสาวะ
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยดันออกมาหลุดออกมาเองได้ก็โอเคครับ
00:11:20 → 00:11:22 ก็โชคดีนะครับ
00:11:22 → 00:11:25 ฉะนั้นบางคนที่เป็นนิ่วก้อนเล็กๆเนี่ยเขา
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมาด้วยมาปรึกษาว่าไปปัสสาวะแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 สังเกตว่ามีก้อนเล็กๆออกมาหืมนะครับก็
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจอะไรพวกนี้ออกมาสบายได้นะครับ
00:11:34 → 00:11:38 แต่ถ้าเกิดก้อนเนี่ยเริ่มใหญ่ขึ้นมีการไป
00:11:38 → 00:11:42 อุดทางเดินปัสสาวะเนี่ยนะครับคนไข้ก็จะมา
00:11:42 → 00:11:47 ด้วยอาการปวดนะฮะปวดบริเวณที่แนวทางเหนือ
00:11:47 → 00:11:50 วางอยู่นะก็คืออาจจะหลัง 2 ข้างข้างใน
00:11:50 → 00:11:52 ข้างหนึ่งนะครับ
00:11:52 → 00:11:56 อันนี้คือแนวไตก็คือแล้วตำรวจตกตรงท้อง
00:11:56 → 00:11:57 น้อยทะลุไปหลังอะไรพวกนี้
00:11:57 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 แต่ถ้าเกิดเคลื่อนตัวมาบริเวณท่อไตแล้ว
00:12:01 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ก็จะปวดแบบค่อนข้างที่จะ
00:12:03 → 00:12:07 รุนแรงปวดจนแบบตัวงอทำอะไรไม่ได้เลยนะอาจ
00:12:07 → 00:12:12 จะมีร้าวไปบริเวณหน้าขาพวกนี้ได้นะครับ
00:12:12 → 00:12:16 หรือถ้าเกิดมี annival บริเวณกระเพาะ
00:12:16 → 00:12:18 ปัสสาวะเนี่ยก็อาจจะปวดบริเวณ
00:12:18 → 00:12:22 ท้องน้อยนะครับ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วนอกจากอาการที่ปวดแล้วเนี่ยอีกอันนึง
00:12:25 → 00:12:28 ที่ต้องระวังก็คือนิ่วเนี่ยทำให้เกิด
00:12:28 → 00:12:38 ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้นะครับ
00:12:38 → 00:12:42 ทำให้การรักษาเนี่ยอาจจะรักษา
00:12:42 → 00:12:45 หายขาดเนี่ยต้องใช้เวลานานนะครับต้องใช้
00:12:45 → 00:12:49 ยาฆ่าเชื้อนาน
00:12:49 → 00:12:51 ก็การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะก็คือ
00:12:51 → 00:12:55 อาจจะมีอาการไข้นะครับหรือว่าปัสสาวะแสบ
00:12:55 → 00:12:59 ขัดปัสสาวะขุ่นอะไรพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ปิดกะปอยรู้สึกไม่สุดอะไรพวกนี้นะครับ
00:13:02 → 00:13:06 หรือบางคนถ้าเกิดเป็นมากเนี่ยทำให้กรวยไต
00:13:06 → 00:13:09 ในอักเสบถ้ากรวยแตกอักเสบส่วนใหญ่จะมีไข้
00:13:09 → 00:13:11 นะครับแล้วก็หนาวสั่นแล้วก็อาจจะปวด
00:13:11 → 00:13:14 บริเวณบั้นเอวด้านซ้ายหรือด้านขวาที่ที่
00:13:14 → 00:13:19 เป็นเนี่ยนะครับบางครั้งเนี่ยเวลาเราเรา
00:13:19 → 00:13:22 สัมผัสหรือไปเคาะนิดนึงบริเวณการวางของไต
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยจะสะดุ้งได้เลยนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ก็จะเป็นค่อนข้างเยอะนะ
00:13:28 → 00:13:30 อาการนอกจาก
00:13:30 → 00:13:34 อาการอื่นๆแล้วเนี่ยก็จะมีบางครั้งเนี่ย
00:13:34 → 00:13:39 ตรวจพบเจอด้วยการไปตรวจสุขภาพประจำปีนะ
00:13:39 → 00:13:40 ครับพบว่า
00:13:40 → 00:13:45 ตรงบริเวณท่อไตเนี่ยมันบวมทำให้ไตบวมน่ะ
00:13:45 → 00:13:48 เกิดจากนิ่วไปอุดตันได้
00:13:48 → 00:13:52 คือส่งผลระยะยาวคือทำให้ค่าไตเนี่ยเสื่อม
00:13:52 → 00:13:54 ลงเร็วได้นะครับเป็นสาเหตุของเป็นไต
00:13:54 → 00:13:56 เสื่อมเรื้อรังได้นะครับการที่มีนิ่วไป
00:13:56 → 00:14:02 อุดทางเดินปัสสาวะ
00:14:02 → 00:14:06 เคยเคยเห็นสังเกตของคุณพ่อนะคือคุณพ่อไม่
00:14:06 → 00:14:09 เคยไม่อ่าเขาเรียกว่าอะไรดีคะไปตรวจเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เราไม่เคยรู้เลยว่าท่านท่านมีปัญหาเกี่ยว
00:14:12 → 00:14:14 กับเรื่องของไตอ่ะนะคะจนวันนึงเนี่ยแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เท้าบวมมากเลยอ่ะค่ะอันนี้คือมันเกี่ยว
00:14:18 → 00:14:25 กับไตเลยใช่ไหมคะแบบมันแบบบวมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:25 → 00:14:28 ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นจากระบบไหนนะครับเป็น
00:14:28 → 00:14:31 ระบบจากหัวใจหรือเป็นจากระบบตับหรือว่า
00:14:31 → 00:14:33 ถ้าเกิดเป็นไตการที่จะพิสูจน์แล้วคือเรา
00:14:33 → 00:14:37 ก็ต้องส่งดูค่าไตนะครับแล้วก็ตัวปัสสาวะ
00:14:37 → 00:14:39 ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่ามันมีหลาย
00:14:39 → 00:14:43 ปัจจัยแล้วก็มันอาจจะทำให้เราคิดว่ามัน
00:14:43 → 00:14:44 อาจจะไม่ได้เป็นอันนี้จะเป็นอย่างอื่นก็
00:14:44 → 00:14:47 ต้องคือต้องไปเป็นพบแพทย์ไปดูว่ามันเกิด
00:14:47 → 00:14:50 จากสาเหตุอะไรปัจจัยอะไรด้วยใช่ไหมคะแสดง
00:14:50 → 00:14:53 ว่ามันปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตมัน
00:14:53 → 00:14:55 มีมันมีเยอะมากมันมีหลายอย่างมากนอกจาก
00:14:55 → 00:14:57 ที่เมื่อกี้คุณหมอบอกอีกใช่ไหมคะอย่าง
00:14:57 → 00:15:00 อย่างพวกแบบเอ่อพันธุกรรมอย่างนี้เป็นไป
00:15:00 → 00:15:03 ได้ไหมคะพันธุกรรมครับมีส่วนนะครับเฮ้อ
00:15:03 → 00:15:07 พันธุกรรมบางอย่างทำให้การจับตกตะกอนใน
00:15:07 → 00:15:12 ปัสสาวะเนี่ยเป็นมากกว่าคนปกตินะ
00:15:12 → 00:15:17 หรือว่ามีการพันธุกรรมบางอย่างทำให้อ่า
00:15:17 → 00:15:20 สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดตัวนิ่วเนี่ยมาก
00:15:20 → 00:15:22 ขึ้นนะครับ
00:15:22 → 00:15:26 อย่างเช่นมีกฎยูริกในร่างกายเยอะอะไรพวก
00:15:26 → 00:15:28 นี้นะครับ
00:15:28 → 00:15:32 แล้วอย่างพวกอ่าการกั้นปัสสาวะนานๆมีผล
00:15:32 → 00:15:34 ไหมคะ
00:15:34 → 00:15:38 การกลั้นปัสสาวะนานๆก็จะมีผลนะครับก็คือ 1
00:15:38 → 00:15:40 ก็คือทำให้
00:15:40 → 00:15:44 น้ำปัสสาวะเนี่ยที่จะที่จะขับ
00:15:44 → 00:15:48 สารที่จะตกตะกอนออกไปผลึกไปเนี่ยมันโชว์
00:15:48 → 00:15:50 ช้าลงมันไหลช้าลง
00:15:50 → 00:15:51 ก็ทำให้
00:15:51 → 00:15:55 เวลาในการตกตะกอนมากขึ้นนะครับอีกเรื่อง
00:15:55 → 00:15:58 นึงการปัสสาวะเนี่ยบ่อยๆเนี่ย
00:15:58 → 00:16:00 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดการติด
00:16:00 → 00:16:03 เชื้อได้ในปัสสาวะได้มากขึ้นครับ
00:16:03 → 00:16:06 ฉะนั้นเราไม่ควรจะกั้นปัสสาวะนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อันนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงนะ
00:16:09 → 00:16:11 คะเวลาที่ต้องเดินทาง
00:16:11 → 00:16:12 นะคะ
00:16:12 → 00:16:14 เออหาห้องน้องห้องน้ำอะไรอย่างนี้อาจจะ
00:16:14 → 00:16:17 ยากนิดนึงแต่พยายามอยากกลั้นดีที่สุดคือ
00:16:17 → 00:16:20 หมายความว่าถ้าร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ป่วยแล้วนะ
00:16:22 → 00:16:25 แวะปั๊มแวะข้างทางเอ่อปั๊มนะคะหรืออะไร
00:16:25 → 00:16:30 อย่างเงี้ยจะดีกว่าใช่ไหมพยายามอั้นๆๆไว้
00:16:30 → 00:16:35 แบบนั้นไม่ดีใช่ไหมคะ
00:16:35 → 00:16:41 เสี่ยงเลย
00:16:41 → 00:16:44 ค่ะ
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็พวกเกี่ยวกับยาบางอย่างหรืออะไร
00:16:49 → 00:16:51 อย่างวิตามินซีอย่างนี้ค่ะที่ได้ยินมาคือ
00:16:51 → 00:16:54 แบบวิตามินซีมันจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:16:54 → 00:16:56 ด้วยหรอคะ
00:16:56 → 00:16:59 คือโดยทั่วไปเนี่ยวิตามินซีเนี่ยอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:02 ให้เกิดนิ่วในไตได้ด้วยเพราะว่าอาจจะมี
00:17:02 → 00:17:05 สารตั้งต้นทำให้เกิดผลึกเนี่ยในทางเดิน
00:17:06 → 00:17:09 ปัสสาวะเนี่ยไม่ได้มากนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:09 → 00:17:12 เราที่คนที่ทานวิตามินซีเนี่ยอันนี้ที่
00:17:12 → 00:17:15 หมอแนะนำเนี่ยหมอแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับให้มากด้วย
00:17:17 → 00:17:23 [เพลง]
00:17:23 → 00:17:26 พวกนี้ที่ทำให้เกิดผลึกเนี่ยออกมาได้เยอะ
00:17:26 → 00:17:28 นะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆมากๆมากๆมากๆเลยนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 คุณผู้ฟังเพราะว่าเพราะว่ากินวิตามินซี
00:17:35 → 00:17:38 อยู่เหมือนกันคุณหมอแต่ว่าแบบเออไม่แน่ใจ
00:17:38 → 00:17:41 ว่าดื่มน้ำตามปริมาณที่มันมากพอหรือเปล่า
00:17:41 → 00:17:45 อาจจะต้องมากกว่าปกติใช่ไหมคะ
00:17:45 → 00:17:46 ใช่ครับ
00:17:46 → 00:17:50 ว่าแบบทานวิตามินซีทุกคนต้องต้องเกิดอะไร
00:17:50 → 00:17:50 พวกเนี้ยครับ
00:17:50 → 00:17:54 ขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวเราด้วยนะครับ
00:17:54 → 00:17:57 การดื่มน้ำด้วยอะไรพวกนี้
00:17:57 → 00:18:01 ไม่อยากเป็นนิ่วในไตก็ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
00:18:01 → 00:18:05 คุณผู้ฟังนะคะแล้วมันจะมีอาการแบบไหนยัง
00:18:05 → 00:18:07 ไงบ้างคะคุณหมอคะที่จะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:07 → 00:18:11 มันมีความเสี่ยงแล้วนะเราสังเกตตัวเองยัง
00:18:11 → 00:18:13 ไงได้ไหมคะคุณหมอก่อนที่เราจะไปหาคุณหมอ
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยมันมีอาการอะไรบอกก่อนไหมคะ
00:18:16 → 00:18:19 ก็คือต้องแบ่งเป็น 2 อย่างคือคนที่ไม่มี
00:18:19 → 00:18:21 อาการก็คือไปตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจ
00:18:21 → 00:18:24 ร่างกายนะครับสุขภาพประจำปีอันที่ 2 ก็
00:18:24 → 00:18:28 คือเริ่มมีอาการของนิ่วไปอุดกั้นทางเดิน
00:18:28 → 00:18:31 ปัสสาวะนะครับไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเหมือน
00:18:31 → 00:18:33 ที่หมอได้บอกไป
00:18:33 → 00:18:37 ถือว่าคนไข้ที่ติดเชื้อในปัสสาวะบ่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องน่าสงสัยนะ
00:18:40 → 00:18:42 ครับ
00:18:42 → 00:18:45 ส่วนการตรวจวินิจฉัยเนี่ยพอเวลาเราไปพบ
00:18:45 → 00:18:47 คุณหมอแล้วใช่ไหมครับ
00:18:47 → 00:18:50 คุณหมอก็จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือร่วมกับตรวจ
00:18:52 → 00:18:55 ปัสสาวะนะครับเพราะว่าถ้าเกิดในทาง
00:18:55 → 00:18:57 ปัสสาวะเนี่ยมีโอกาสที่เราจะพบความผิด
00:18:57 → 00:19:00 ปกติก็คือจะมีเม็ดเลือดแดงเนี่ยปนออกมา
00:19:00 → 00:19:02 ปัสสาวะได้นะครับ
00:19:02 → 00:19:06 นอกจากนั้นเราก็เอกซเรย์นะครับภาพช่อง
00:19:06 → 00:19:09 ท้องส่วนบริเวณที่ไตกับทางเดินปัสสาวะนะ
00:19:09 → 00:19:13 ครับแล้วก็จะเห็นเป็นสถานทึบแสงที่อยู่ใน
00:19:13 → 00:19:15 แนวทางปัสสาวะนะครับอันนี้ก็ต้องระวังว่า
00:19:15 → 00:19:19 อาจจะเป็นพวกนิ่วในปัสสาวะได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 ก็หลังจากนั้นถ้าเกิดสงสัยจะดูเพิ่มเติม
00:19:23 → 00:19:27 แล้วก็จะส่งอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่าไป
00:19:27 → 00:19:31 ทำสแกนเพื่อจะทำให้เห็นตัวรอยโรคนั้นได้
00:19:31 → 00:19:34 ดีขึ้นได้ชัดเจนขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ในไตหรือว่าในระบบทางเดินปัสสาวะตรงนี้
00:19:39 → 00:19:41 เนี่ยไม่ว่าจะจุดไหนก็แล้วแต่
00:19:41 → 00:19:45 ถ้ามีปริมาณที่ยังเป็นผลึกที่อาจจะยังไม่
00:19:45 → 00:19:47 เยอะนะคะกำลังเริ่มจับตัวเป็นผลึกละหรือ
00:19:48 → 00:19:48 อะไรอย่างนี้
00:19:48 → 00:19:52 มันก็จะมีอาการพวกนี้บ่งบอกได้เลยใช่ไหม
00:19:52 → 00:19:54 หรือว่ามันต้องแบบโอ้โหผลึกเยอะมากมันไม่
00:19:54 → 00:19:55 ไหวแล้ว
00:19:55 → 00:19:59 จนทำให้มันมีอาการหนักๆขึ้นมา
00:19:59 → 00:20:01 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดมีอาการเนี่ยก็คือตัว
00:20:01 → 00:20:05 ก้อนนิ่วเนี่ยจะค่อนข้างเยอะแล้วค่อนข้าง
00:20:05 → 00:20:07 ใหญ่แล้วนะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ก็คือประมาณเกิน 0.5 ซมขึ้นไปนะครับถ้า
00:20:11 → 00:20:14 เกิดไปอุดบริเวณท่อไตหรือว่าส่วนใดต่างๆ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยอันนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดมีอาการปวด
00:20:16 → 00:20:19 ขึ้นมาให้ได้มาก
00:20:19 → 00:20:22 แล้วลักษณะของนิ่วเนี่ยกำลังนึกภาพของ
00:20:22 → 00:20:25 นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยเห็นในภาพในโซเชียล
00:20:25 → 00:20:27 อะไรอย่างนี้นะคะในอินเตอร์เน็ตอย่างนี้
00:20:27 → 00:20:30 ค่ะมันเป็นนิ่วแบบเดียวกันเลยไหมคะผลึก
00:20:30 → 00:20:33 ออกมาเป็นลักษณะคล้ายๆก้อนกรวดเหมือนกัน
00:20:33 → 00:20:36 ไหมคะเป็นก้อนกรวดเหมือนกันแต่ว่าขนาด
00:20:36 → 00:20:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะไม่เหมือนกับ
00:20:38 → 00:20:42 ตัวนิ่วในในถุงน้ำดีนะครับผสมน้ำดีอาจจะ
00:20:42 → 00:20:46 มีขนาดใหญ่ได้จะมีนิ่วในไตบางที่ที่จะมี
00:20:46 → 00:20:49 ขนาดใหญ่แต่ก็จะเป็นตามลักษณะบริเวณ
00:20:49 → 00:20:53 อวัยวะนั้นอย่างเช่นบริเวณที่ที่กรวยไต
00:20:53 → 00:20:57 อะไรอย่างนี้นะครับก็จะมีโรคบางโรคที่
00:20:57 → 00:21:00 ติดเชื้อท่านปัสสาวะทำซ้ำๆเนี่ยนะครับ
00:21:00 → 00:21:03 แล้วเป็นก๋วยเตี๋ยวอักเสบเนี่ยก็จะมีนิ่ว
00:21:03 → 00:21:06 ค่อนข้างใหญ่นะครับก็คือเรียกว่านิ่วเขา
00:21:06 → 00:21:10 กวางตรงบริเวณตรงตรงกรวยไตได้
00:21:10 → 00:21:13 อีกที่นึงที่นี่สามารถเจอนิ่วใหญ่ๆได้
00:21:13 → 00:21:15 เนี่ยก็คือตรงกับป.ปัสสาวะนะครับเพราะ
00:21:15 → 00:21:17 กระเพาะปัสสาวะเนี่ยมีปริมาณค่อนข้างเยอะ
00:21:17 → 00:21:19 นะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ผู้ป่วยบางท่านเนี่ยก็คือไม่ได้สังเกต
00:21:22 → 00:21:25 อาการไม่รู้ว่ามีความผิดปกติทางปัสสาวะ
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยจนมารักษาเนี่ยอัตราเราเจอนิ่วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:32 ขนาดแบบหลายเซนติเมตรก็มี 3-4 ซมอะไรพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ในทางเดียวในกระเพาะปัสสาวะเนี่ยก็เจอ
00:21:34 → 00:21:35 ได้เฮ้ย
00:21:35 → 00:21:40 ใหญ่ใหญ่มากเลย
00:21:40 → 00:21:44 ในกระเพาะปัสสาวะนะครับผู้หญิงเป็นเยอะ
00:21:44 → 00:21:47 กว่าไหมคะคืออัตราส่วนนี่คือหมอคิดว่า
00:21:47 → 00:21:49 เท่าๆกันนะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับแต่ผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงต่อการ
00:21:51 → 00:21:57 เป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย
00:21:57 → 00:22:00 เพราะว่าท่อปัสสาวะของผู้หญิงเนี่ยจะสั้น
00:22:00 → 00:22:02 กว่าผู้ชายนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 ตามลักษณะโครงสร้างอันนี้ก็
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
00:22:09 → 00:22:11 ขึ้นสำหรับคุณผู้หญิงนะคะแล้วก็คุณบอกว่า
00:22:11 → 00:22:13 ถ้าเกิดมันมีอาการอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอเลยตรวจเช็ค
00:22:16 → 00:22:19 กันมาแล้วเออมันเป็นนิ่วแหละนะคะขั้นตอน
00:22:19 → 00:22:22 กระบวนการรักษานี่มันยุ่งยากไหมคะ
00:22:22 → 00:22:26 อ๋อการรักษาเนี่ยเอ่อ
00:22:26 → 00:22:28 คุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเนี่ยก็จะ
00:22:28 → 00:22:32 เป็นคนผู้ให้วางแผนการรักษานะครับโดยทั่ว
00:22:32 → 00:22:35 ไปแล้วเนี่ยเราจะรักษาตาม
00:22:35 → 00:22:37 ขนาดของนิ่วนะครับ
00:22:37 → 00:22:41 ถ้าเกิดขนาดของนิ่วไม่ได้มีขนาดใหญ่ไม่
00:22:41 → 00:22:44 ได้มีอาการของการไป
00:22:44 → 00:22:49 กดท่อไตหรือว่าท่อปัสสาวะนะครับแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 สามารถให้การรักษาแบบประคับประคองได้นะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับก็คือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม
00:22:55 → 00:22:58 น้ำมากๆเลยพวกนี้แล้วก็ให้ยาช่วยระงับ
00:22:58 → 00:23:00 อาการปวดเพราะว่า
00:23:00 → 00:23:04 นิ่วที่ขนาดเล็กเนี่ยสามารถหลุดออกมาได้
00:23:04 → 00:23:06 นะครับส่วนใหญ่นะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าเกิดเป็นนิ่วขนาดใหญ่แล้วก็มีอาการ
00:23:09 → 00:23:13 เยอะนะครับหรือว่ามีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:23:13 → 00:23:17 อย่างเช่นพวกเชื้อบ่อยๆอะไรพวกนี้
00:23:17 → 00:23:20 ก็จะต้องไปจัดการเอานิ้วออกมาจากร่างกาย
00:23:20 → 00:23:24 นะครับก็คือจะมีการแบบการผ่าตัดนะครับการ
00:23:24 → 00:23:27 ผ่าตัดเปิดไปทำหรือว่าการสลายนิ่วด้วย
00:23:27 → 00:23:29 คลื่นกระแทกนะครับ
00:23:29 → 00:23:33 หรือว่าส่องกล้องผ่านไปอะไรพวกนี้นะครับ
00:23:33 → 00:23:37 ก็จะมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับ
00:23:37 → 00:23:42 ตำแหน่งขนาดและก็อาการของตัวโรคครับ
00:23:42 → 00:23:47 ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนใช่ไหมคะใช่ครับ
00:23:47 → 00:23:50 [เพลง]
00:23:50 → 00:23:53 ถ้าเกิดพูดถึงในแง่ของถ้าเกิดเป็นนิ่วนาน
00:23:53 → 00:23:55 ๆใช่ไหมครับ
00:23:55 → 00:23:58 ถ้าเกิดเป็นนิ่วนานๆเนี่ยก็คือเหมือนที่
00:23:58 → 00:24:01 หมอบอกก็คืออย่างแรกก็คืออาจจะมีอาการปวด
00:24:01 → 00:24:05 นะครับมารบกวนชีวิตได้เรื่อยๆนะครับ
00:24:05 → 00:24:08 อันที่ 2 ก็คือทำให้เกิดการติดเชื้อทาง
00:24:08 → 00:24:09 เดินปัสสาวะได้บ่อยๆ
00:24:09 → 00:24:13 หรือบางคนถ้าเกิดมีนิ่วที่กรวยไตที่ตาย
00:24:13 → 00:24:16 พวกนี้ทำให้กรวยไตอักเสบก็สามารถติดเชื้อ
00:24:16 → 00:24:19 ในกระแสเลือดได้
00:24:19 → 00:24:32 มันก็นำไปสู่ใช่ครับ
00:24:32 → 00:24:36 ซึ่งภาวะไตบวมน้ำเนี่ยก็จะทำให้การทำงาน
00:24:36 → 00:24:40 ของไตเนี่ยลดลงก็นำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
00:24:40 → 00:24:43 เรื้อรังนะครับได้ครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตั้งแล้วรู้สึกแบบว่าโอ้ยไม่อยากเป็นอะไร
00:24:46 → 00:24:48 เลย
00:24:48 → 00:24:53 นะคะคุณหมอคะให้การป้องกันนิ้วในไตเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:56 เบื้องต้นเราต้องยังไงกันได้บ้างคะ
00:24:56 → 00:25:02 อันนี้ก็หมอก็เน้นย้ำนะครับคือเอ่อใครที่
00:25:02 → 00:25:04 สามารถดื่มน้ำได้โดยที่คุณหมอเขาไม่ได้
00:25:04 → 00:25:06 จำกัดน้ำดื่มเนี่ยก็อยากจะให้ดื่มน้ำให้
00:25:06 → 00:25:10 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันนะครับก็คือประมาณ
00:25:10 → 00:25:12 เกิน 2 ลิตรถึง 2.5 ลิตรขึ้นไปนะครับ
00:25:12 → 00:25:17 เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วแล้วก็ทำให้ร่าง
00:25:17 → 00:25:19 กายระบบอื่นๆเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:25:19 → 00:25:20 ประสิทธิภาพด้วยนะฮะ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็ทานผักหรืออาหารที่มีกากใยมากๆนะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับอันนี้ก็ช่วยลดการเกิดนิ่วรวมทั้งทาน
00:25:27 → 00:25:31 อาหารที่มีแคลเซียมสูงนะครับ
00:25:31 → 00:25:34 ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง
00:25:34 → 00:25:38 นะครับไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตนะครับหน่อ
00:25:38 → 00:25:40 ไม้ผักบางชนิดก็คือเหมือนที่หมอยกตัว
00:25:40 → 00:25:42 อย่างคือผักโขม
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็อีกอันนึงคือรถการรับประทานอาหาร
00:25:45 → 00:25:50 เค็มนะครับเค็มมากไม่ดี
00:25:50 → 00:25:54 แล้วก็อยากจะเชิญชวนทุกคนนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:57 หมอคิดว่าสิ่งที่อยากมาที่สุดเนี่ยไม่ใช่
00:25:57 → 00:26:00 การรักษาโรคนะก็คือหมอว่าการป้องกันเนี่ย
00:26:00 → 00:26:03 อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับก็คือ
00:26:03 → 00:26:06 เหมือนที่หมอบอกก็คือพยายามทานอาหารให้
00:26:06 → 00:26:10 ไม่ให้เกิดนิ่วความเสี่ยงกับการเกิดนิ่ว
00:26:10 → 00:26:11 ในไตแน่นอน
00:26:11 → 00:26:16 แล้วก็ควรจะตรวจสุขภาพนะครับประจำปีนะ
00:26:16 → 00:26:21 ครับสักครั้งหนึ่งต่อต่อปีก็โอเคนะครับ
00:26:21 → 00:26:24 เพราะเราอาจจะไปเจอนิ่วโดยบังเอิญอะไรพวก
00:26:24 → 00:26:28 นี้เราจะได้รีบทำการรักษานะครับก่อนที่
00:26:28 → 00:26:32 มันจะส่งผลมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
00:26:32 → 00:26:35 ก็เป็นวิธีการที่ลักษณะของการปรับเปลี่ยน
00:26:35 → 00:26:37 พฤติกรรมของเรานะคะถ้าไม่อยากเป็นนิ่วนะ
00:26:37 → 00:26:40 คะแล้วก็ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากจะต้องมา
00:26:40 → 00:26:43 นั่งผ่าตัดหรือมาทำการรักษาเนี่ยเราสู้
00:26:43 → 00:26:46 เราป้องกันจะเป็นทางที่ดีกว่านะคะเอาล่ะ
00:26:46 → 00:26:48 วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอวชิรพงษ์ด้วย
00:26:48 → 00:26:50 นะคะที่มาร่วมพูดคุยในรายการรองเบาะของ
00:26:50 → 00:26:54 เราค่ะขอบคุณค่ะคุณหมอขาสวัสดีค่ะค่ะ
00:26:54 → 00:26:57 คุณผู้ฟังค่ะหมดเวลาแล้วกับรายการรองหมอ
00:26:57 → 00:27:00 ทางไทย PBS ค่ะวันนี้ต้องลาไปก่อนค่ะ
00:27:00 → 00:27:02 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:02 → 00:27:05 นะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:05 → 00:27:08 ใน 1 วันคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
00:27:09 → 00:27:12 ทุกคนการใช้เวลาของแต่ละคนให้มีคุณภาพมี
00:27:12 → 00:27:14 ปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดร
00:27:14 → 00:27:17 สุวุฒิวงศ์สวัสดิ์นักจิตวิทยาการศึกษามา
00:27:17 → 00:27:20 เล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วในชีวิตแต่ละคนนะ
00:27:21 → 00:27:23 ครับมันจะมีห้วงเวลาของการจำเป็นต้องใช้
00:27:23 → 00:27:26 กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากันหรอกแต่บางที 888
00:27:26 → 00:27:28 ถ้าสมมุติเราไม่ต้องไปซื่อตรงกับเวลามัน
00:27:28 → 00:27:31 มากแต่อาจจะหมายถึงว่า 3 ส่วนนี้เป็นส่วน
00:27:31 → 00:27:34 ที่สำคัญต่อชีวิตเราในอัตราส่วนที่เท่าๆ
00:27:34 → 00:27:36 กันใช้คำว่าอัตราส่วนนะแต่ผมไม่ได้พูดถึง
00:27:36 → 00:27:39 ว่าเวลาต้องเท่ากันแต่หมายถึงน้ำหนักของ
00:27:39 → 00:27:41 มันความสำคัญของมันเนี่ยมันอาจจะเท่าๆกัน
00:27:41 → 00:27:43 แหละจริงๆสิ่งที่สำคัญมากกว่าการแบ่งส่วน
00:27:43 → 00:27:47 อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาได้มีคุณภาพ
00:27:47 → 00:27:50 หรือเปล่าสมมุติ 8 ชั่วโมงของการนอนเรา
00:27:50 → 00:27:52 นอนบนเตียงก็จริงแต่หัวคิดไม่หยุดแล้วนอน
00:27:52 → 00:27:54 ไม่หลับมันจะเรียกว่านอนได้ยังไงหรือทำ
00:27:54 → 00:27:58 งานนั่งอยู่ในออฟฟิศใช่แหละ 8 ชั่วโมงแต่
00:27:58 → 00:27:59 เผลอถ่ายโซเชียลมีเดียแล้วก็ได้ทำงานจริง
00:28:00 → 00:28:02 ๆ 2 ชั่วโมงเราจะเรียกว่าการทำงานนี้มี
00:28:02 → 00:28:05 คุณภาพได้ยังไงหรือไปเรียนหนังสือมัวแต่
00:28:05 → 00:28:07 นั่งคุยกับเพื่อนแล้วเราก็จบมาแบบไม่รู้
00:28:07 → 00:28:10 อะไรเลยแต่กระจก
00:28:10 → 00:28:12 เราจะเรียกว่าคุณภาพยังไงหรือไม่ก็ตั้ง
00:28:12 → 00:28:14 ป้อนสุดท้ายครับ 8 ชั่วโมงที่มีความหมาย
00:28:14 → 00:28:17 กับตัวเรากับคนสำคัญและการพักผ่อนทางใจ
00:28:17 → 00:28:19 สมมุตินะคนบางคนโชคร้ายครับเกิดใน
00:28:19 → 00:28:23 กรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางเดินทางสมมุติหาย
00:28:23 → 00:28:24 ไป 4 ชั่วโมง
00:28:24 → 00:28:27 ไป 2 ชั่วโมงกับ 2 ชั่วโมงไอ้ 8 ชั่วโมง
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยที่ควรจะได้ใช้เพื่อตัวเองจริงๆหาย
00:28:29 → 00:28:32 ไปละเสียซึ่งสีนี้ครับยังไม่รวมไปและอาบ
00:28:32 → 00:28:35 น้ำอีกนะยังไม่รวมเวลากินข้าวนะสุดท้าย
00:28:35 → 00:28:38 ครับคนบางคนเนาะอาจจะเหลือ 8 ชั่วโมงสุด
00:28:38 → 00:28:40 ท้ายเนี่ยไว้ให้ตัวเองได้แค่แบบนั่งถ่าย
00:28:40 → 00:28:49 มือถือชั่วโมงเดียวก่อนนอนนะ
00:28:49 → 00:28:52 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:52 → 00:28:54 ของไทยพีแดช็อต
00:28:54 → 00:28:58 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:58 → 00:29:01 podcast และ YouTube Channel ThaiPBS
00:29:01 → 00:29:07 portcute
00:29:07 → 00:29:12 [เพลง]
00:00:06 → 00:00:10 ในทางเดินปัสสาวะนะครับก็คือตั้งแต่ไตอาจ
00:00:10 → 00:00:12 จะไปที่กรวยไตไม่เป็นจังหวะอวัยวะต่อกัน
00:00:12 → 00:00:16 นะครับก็คือระบบไตระบบทางเดินปัสสาวะท่อ
00:00:16 → 00:00:19 ไตแล้วก็ไปที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะฉะนั้นปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุก
00:00:21 → 00:00:23 ที่นะครับของระบบทางเดินปัสสาวะเดิมที
00:00:23 → 00:00:26 ปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำนะครับเป็น
00:00:26 → 00:00:28 องค์ประกอบแล้วก็จะมีสารต่างๆซึ่งถ้าเกิด
00:00:28 → 00:00:32 มีภาวะบางอย่างทำให้สารมีเยอะเกินทำให้ตก
00:00:33 → 00:00:35 ตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันเป็นนิ่วเป็น
00:00:36 → 00:00:38 ก้อนหรือปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นเราดื่มน้ำ
00:00:38 → 00:00:40 น้อยเกินไปไม่ตะกอนมีโอกาสจับตัวเป็นก้อน
00:00:40 → 00:00:42 แล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกิตฉันวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast สำหรับ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เรากลับมาพบกันเช่นเคยนะคะติดตาม
00:01:01 → 00:01:04 สาระดีๆกันได้วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:04 → 00:01:07 ของนิ่วในไตอันตรายแค่ไหนนะคะอันนี้
00:01:07 → 00:01:10 เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะเดี๋ยวเราคุยกับนาย
00:01:10 → 00:01:13 แพทย์วัชรพงษ์ตรีสิงห์ชัยอายุรแพทย์โรคไต
00:01:13 → 00:01:15 ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลวิทยาลัยเขตจังหวัดนครสวรรค์ค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอขาสวัสดี
00:01:21 → 00:01:25 เรามาคุยกันนะคะเป็นเรื่องของนิ่วในไตมา
00:01:25 → 00:01:27 ทำความรู้จักกันก่อนเราเคยได้ยินแต่นิ่ว
00:01:27 → 00:01:30 เอ่ออยู่จุดนั้นจุดนี้แต่ไม่เคยได้คุยกัน
00:01:30 → 00:01:33 ถึงเรื่องของนิ่วในไตอ่ะมาทำความรู้จัก
00:01:33 → 00:01:37 กันก่อนนะคะถึงอวัยวะของเราทำความเข้าใจ
00:01:37 → 00:01:41 นะคะก็เรื่องของไตทำความรู้จักกับไตมา
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนค่ะคุณหมอบอกว่าไตของเรามีหน้าที่
00:01:43 → 00:01:46 อะไรยังไงบ้างคะคือหลักๆเนี่ยหน้าที่ของ
00:01:46 → 00:01:50 ไตก็คือทำการกรองของเสียนะครับออกจากร่าง
00:01:50 → 00:01:54 กายนะครับแล้วก็กรองพวกสารอาหารต่างๆกลับ
00:01:54 → 00:01:57 เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเกลือแร่นะครับควบ
00:01:57 → 00:01:59 คุมสมดุลเกลือแร่อีกเรื่องหนึ่งคือการ
00:01:59 → 00:02:01 กรองหรือการขับน้ำนะครับรักษาสมดุลน้ำใน
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายนะครับแล้วก็เรื่องอื่นๆก็อย่าง
00:02:04 → 00:02:07 เช่นอาจจะผลิตฮอร์โมนในการกระตุ้นในการ
00:02:07 → 00:02:10 สร้างเม็ดเลือดนะครับรวมทั้งพวกการขับยา
00:02:10 → 00:02:14 ขับสารต่างๆจากร่างกายก็ไตก็เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:17 ช่วยควบคุมณจุดนี้นะครับ
00:02:17 → 00:02:21 ก็เรียกว่าก็เป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายของ
00:02:21 → 00:02:23 เรานะคะสำหรับไตของเรามันอยู่ตรงไหนของ
00:02:23 → 00:02:35 ร่างกายคะคุณหมอคะ
00:02:35 → 00:02:41 แต่จับไปไม่เจอนะคะ
00:02:41 → 00:02:45 ออกแนวน่ากลัวนิดนึงนะคะ
00:02:45 → 00:02:48 รู้จักไตแล้วนะคะคุณผู้ฟังว่าอยู่ตรงไหน
00:02:48 → 00:02:51 นะคะมี 2 ข้างนะค่อนไปทางข้างหลังตรง
00:02:51 → 00:02:54 บริเวณเอวนะคะทีนี้อ่ะไตเรารู้หน้าที่กัน
00:02:54 → 00:02:56 ไปแล้วทีนี้เรื่องของนิ่วในไตกันบ้างค่ะ
00:02:56 → 00:02:59 นิ่วในไต๋มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะคุณหมอคะ
00:02:59 → 00:03:03 ผมต้องบอกก่อนว่านิ่วเนี่ยในทางปฏิบัติ
00:03:03 → 00:03:06 แล้วเนี่ยคนไข้จะสับสนระหว่าง 2 นิ่วนะ
00:03:06 → 00:03:10 ครับก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะนะครับก็
00:03:10 → 00:03:12 คือนิ้วทางเดินปัสสาวะคือนายไตที่เราคุย
00:03:12 → 00:03:16 กันก็คือตั้งแต่ตายอาจจะไปที่กรวยไตไม่
00:03:16 → 00:03:18 เป็นจังหวะอวัยวะต่อกันนะครับก็คือระบบไต
00:03:18 → 00:03:22 ระบบทางเดินปัสสาวะท่อไตแล้วก็ไปที่
00:03:22 → 00:03:25 บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับเพราะฉะนั้น
00:03:25 → 00:03:27 ปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุกที่นะครับ
00:03:27 → 00:03:29 ของระบบทางเดินปัสสาวะอ๋อตามที่บอกมา
00:03:29 → 00:03:33 เมื่อกี้เลยหรอคะตั้งแต่มาแบบตายกรวยไต
00:03:33 → 00:03:36 ทอดไตกระเพาะปัสสาวะอ๋อเป็นได้ทุกที่ตรง
00:03:36 → 00:03:41 นี้เลยเป็นได้ทุกที่นะครับแต่อีกอันนึงก็
00:03:41 → 00:03:43 คือนิ่วถุงน้ำดีนะครับอันนี้ก็จะเป็นคนละ
00:03:43 → 00:03:47 ระบบเลยอันนี้ก็จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวานะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่ถ้าเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ย
00:03:52 → 00:03:53 นะครับก็คือ
00:03:53 → 00:03:54 อาจจะเป็นเนื่องในตายเลยพวกนี้เกิดจาก
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยเดิมทีปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 นะครับมีองค์ประกอบนะแล้วก็จะมีสารต่างๆ
00:04:00 → 00:04:04 ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้เนี่ยสามารถตกตะกอน
00:04:04 → 00:04:07 ในน้ำปัสสาวะได้ซึ่งถ้าเกิดมีภาวะบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างเนี่ยทำให้สารพวกนี้เนี่ยมีเยอะเกิน
00:04:11 → 00:04:14 ทำให้ตกตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันผลผลิต
00:04:14 → 00:04:18 เป็นนิ่วเป็นก้อนนะครับอ่าหรือปัจจัยอื่น
00:04:18 → 00:04:22 ๆอย่างเช่นเราทานเราดื่มน้ำน้อยเกินไป
00:04:22 → 00:04:25 ที่ทำให้ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะเยอะมี
00:04:25 → 00:04:28 โอกาสจับตัวเป็นก้อนแล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:04:28 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:33 ตัวสารบางอย่างที่ว่าเนี่ยค่ะมันจะเป็น
00:04:33 → 00:04:36 ประเภทอะไรบ้างคะที่มันจะทำให้เกิดการตก
00:04:36 → 00:04:39 ตะกอนได้ค่ะ
00:04:39 → 00:04:45 ก็สารที่เราพบเนี่ยก็คือ 1 เป็นพวกกรด
00:04:45 → 00:04:49 ยูริคนะครับกดยูริกก็คือคนที่มีโอกาสที่
00:04:49 → 00:05:03 เป็นเป็นเก๊าอักเสบไปพวกนี้นะครับ
00:05:03 → 00:05:07 ที่เจอบ่อยก็จะอยู่ในอาหารบางอย่างนะครับ
00:05:07 → 00:05:11 เยอะๆอย่างเช่นเป็นพวกผักโขม
00:05:11 → 00:05:27 ช็อกโกแลต
00:05:27 → 00:05:32 ของถูกใจสาวๆเลยนะคะคุณหมอ
00:05:32 → 00:05:36 แต่ว่าอย่ากินเยอะแล้วกันนะคะ
00:05:36 → 00:05:40 ที่แบบเกี่ยวกับเรื่องของการการที่เรา
00:05:40 → 00:05:42 ต้องกินเข้าไปแล้วมันมีผล
00:05:42 → 00:05:45 ที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:05:45 → 00:05:48 งั้นเดี๋ยวกล่าวโดยรวมเลยว่าทานอาหาร
00:05:48 → 00:05:51 อย่างไรนะครับจะได้แบบไม่ก่อให้เกิดนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 ในไต
00:05:53 → 00:05:55 ก็คือ 1 ก็คือเราต้องดื่มน้ำ
00:05:55 → 00:06:00 ให้มีปริมาณที่เพียงพอนะครับอาจจะเกิน 8
00:06:00 → 00:06:03 แก้วก็คือ 2 ลิตร 2.5 ลิตรต่อวันนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แต่เรื่องการดื่มน้ำเนี่ยอันนี้ก็ต้องไม่
00:06:05 → 00:06:08 ใช่ทุกคนดื่มสามารถดื่มน้ำได้เยอะหมดนะ
00:06:08 → 00:06:09 ครับ
00:06:09 → 00:06:12 ผู้ป่วยบางคนเนี่ยที่มีปัญหาเรื่องการบีบ
00:06:12 → 00:06:16 ตัวของหัวใจที่ลดลงอะไรพวกนี้เคยมี
00:06:16 → 00:06:23 ประวัติน้ำท่วมปอดอะไรพวกนี้นะครับ
00:06:23 → 00:06:28 แข็งแล้วก็มีภาวะน้ำในช่องท้องมีขาบวม
00:06:28 → 00:06:31 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องจำกัดน้ำ
00:06:31 → 00:06:35 ดื่มถ้าเกิดยิ่งดื่มน้ำมากก็จะยิ่งบวม
00:06:35 → 00:06:38 น้อยไปก็ไม่ดีดื่มมากสำหรับบางคนก็ไม่ได้
00:06:38 → 00:06:42 อีกต่างหากด้วยเนอะ
00:06:42 → 00:06:49 หมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆครับ
00:06:49 → 00:06:50 [เพลง]
00:06:50 → 00:06:54 ค่อยๆจิบไปทีละนิดทีละนิดเรื่อยๆคือไม่
00:06:54 → 00:06:56 ต้องแบบว่าทีเดียวกระดกไปแบบหมดขวดไม่ใช่
00:06:56 → 00:06:59 ขนาดนั้นใช่ไหมคะ
00:06:59 → 00:07:02 ไม่ใช่กินแบบ 2 ลิตรทีนึงตอนเช้าแล้วก็
00:07:02 → 00:07:04 ตอนกลางวันตอนเย็นไม่ทานเลยอะไรอย่างนี้
00:07:04 → 00:07:06 ก็ไม่ดี
00:07:06 → 00:07:09 อ้าวคุณหมอคะถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่แบบว่า
00:07:09 → 00:07:11 เออพอสำหรับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราสังเกตได้ที่เคยได้ยินคือการสังเกตจาก
00:07:14 → 00:07:17 สีปัสสาวะใช่ไหมคะที่มันจะไม่เป็นสี
00:07:17 → 00:07:19 เหลืองเข้มนะฮะอาจจะสีเหลืองอ่อนอะไร
00:07:19 → 00:07:21 อย่างเงี้ยนะคะอันนี้คือถูกต้องเหมาะสม
00:07:21 → 00:07:22 แล้วใช่ไหมคะ
00:07:23 → 00:07:26 แต่โดยปริมาณเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วก็จะแนะ
00:07:26 → 00:07:28 นำประมาณสัก 2 ลิตร 2 ลิตรครึ่งขึ้นไปนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับอันนี้คือไม่ขาดแน่นอน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะฉะนั้นคือถ้าร่างกายรู้สึกว่าหิวน้ำ
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อไหร่คุณผู้ฟังก็ดื่มน้ำได้เลยนะคะ
00:07:36 → 00:07:38 อย่ารอให้จนแบบเออเดี๋ยวก่อนทีเดียวเอ้า
00:07:38 → 00:07:40 คุณหมออันนี้อีกนิดนึงค่ะคำว่าน้ำเนี่ย
00:07:40 → 00:07:42 คือเป็นน้ำเปล่าโดยปกติทั่วไปใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 เพราะว่าอ่าหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเออเรา
00:07:45 → 00:07:49 กินเอ่อดื่มกาแฟดื่มเครื่องดื่มประเภท
00:07:49 → 00:07:53 อื่นๆอ่านนั้นกรงน้ำแกงน้ำซุปอ่าหรืออะไร
00:07:53 → 00:07:57 พวกเนี้ยบางคนก็บอกว่าก็เนี่ยพวกนี้ก็
00:07:57 → 00:07:59 เป็นน้ำเหมือนกันก็ทดแทนกันได้ได้หรือ
00:07:59 → 00:08:00 เปล่าคะ
00:08:00 → 00:08:03 แนะนำว่าให้เป็นน้ำเปล่าดีกว่านะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่าน้ำแกงน้ำซุปเนี่ยสิ่งที่เราได้
00:08:06 → 00:08:08 ไปเนี่ยนอกจากน้ำแล้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:08 → 00:08:12 เกลือมีโซเดียมเข้าไปในร่างกายด้วย
00:08:12 → 00:08:16 อันตรายอีก
00:08:16 → 00:08:19 น้ำเปล่าดีที่สุดอันนี้ไม่รวมแอลกอฮอล์นะ
00:08:19 → 00:08:24 คะคุณผู้ฟังเดี๋ยวต้องเบรกไว้ก่อน
00:08:24 → 00:08:27 เหลือแอลกอฮอล์เป็นกินแทนดื่มแทนน้ำเลย
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างนี้ไม่ต้องนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อันนี้ก็แสดงว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงจากการ
00:08:32 → 00:08:35 ที่เรากินอาหารอะไรต่างๆเหล่านี้เพราะว่า
00:08:35 → 00:08:36 มันมีทั้ง
00:08:36 → 00:08:40 อะไรนะที่คุณหมอบอกมีถั่วมีผักโขมนอกจาก
00:08:40 → 00:08:43 ดื่มน้ำมากๆเนี่ยนะครับแล้วก็อาหารต่อไป
00:08:43 → 00:08:47 คือที่ควรทำคืออาหารที่มีกากใยมากๆอย่าง
00:08:47 → 00:08:50 เช่นพวกผักอะไรพวกนี้นะครับ
00:08:50 → 00:08:54 พวกนี้เนี่ยจะไปช่วยจับออกซาเลตนะครับใน
00:08:54 → 00:08:55 อาหารอื่นๆ
00:08:55 → 00:08:58 แล้วก็ขับออกมาทางอุจจาระเรา
00:08:58 → 00:09:02 นะฮะอันนี้ก็ลดอากาศนิว
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปก็คือเพิ่มอาหาร
00:09:05 → 00:09:08 ที่มีแคลเซียมนะครับอาหารก็แคลเซียมก็ควร
00:09:08 → 00:09:10 จะได้รับด้วย
00:09:10 → 00:09:12 อ่าพวกนมอะไรพวกนี้นะครับที่มีแคลเซียม
00:09:12 → 00:09:16 อันนี้ก็จะช่วยจับออกซะเลทได้เหมือนกันนะ
00:09:16 → 00:09:16 ครับ
00:09:16 → 00:09:18 [เพลง]
00:09:18 → 00:09:20 ต่อไปอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับก็คือ
00:09:20 → 00:09:23 ที่หมอบอกไปก็คือพวกช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:09:23 → 00:09:25 ออกซาเรดจะค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานแต่
00:09:25 → 00:09:29 ปริมาณที่พอควรนะครับหน่อไม้ผักโขมผัก
00:09:29 → 00:09:32 ดัชนีก็คือผักโขมนะครับ
00:09:32 → 00:09:36 แล้วก็ต่อไปก็คือลดอาหารเค็มนะครับอย่า
00:09:36 → 00:09:40 ทานเค็มเยอะเพราะว่าอาหารเค็มเนี่ยก็คือ
00:09:40 → 00:09:42 มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและโซเดียมเนี่ย
00:09:42 → 00:09:45 ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลึกนิ่วได้นะ
00:09:45 → 00:09:46 ครับ
00:09:46 → 00:09:49 เพราะฉะนั้นนอกจากทานเค็มแล้วเนี่ยความ
00:09:49 → 00:09:52 ดันสูงเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดอะไรพวก
00:09:52 → 00:09:55 นี้เนี่ย
00:09:55 → 00:09:57 ต่อนิ่วก็มีผลเหมือนกันนะครับมาเป็น
00:09:57 → 00:09:59 แพ็คเกจเลยค่ะคุณหมอ
00:09:59 → 00:10:04 ความจริง
00:10:04 → 00:10:06 มันก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:09 ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะเพราะว่าบางที
00:10:09 → 00:10:12 เราไม่รู้หรอกว่าเอ๊ะมันมีการตกตะกอนอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหรือเปล่าการตกตะกอนอย่างเงี้ยค่ะใน
00:10:14 → 00:10:17 การที่จะมันตกตะกอนก่อนแล้วมันทำให้เกิด
00:10:17 → 00:10:19 นิ่วหรือว่าไอ้ตะกอนนั้นมันคือนิ่วค่ะคุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอตอนแรกตะกอนเนี่ยที่ยังไม่จับตัวกัน
00:10:21 → 00:10:25 เป็นก้อนเนี่ย 3 เราสามารถดื่มน้ำเยอะๆทำ
00:10:25 → 00:10:29 ให้ขับออกมาในรูปของปัสสาวะได้ปัสสาวะอาจ
00:10:29 → 00:10:33 จะแบบมีฝุ่นๆๆหน่อยนึงแต่ถ้าเกิดเราปล่อย
00:10:33 → 00:10:35 ไว้นาน
00:10:35 → 00:10:38 ไอ้ตัวฝุ่นๆเนี้ยในปัสสาวะเนี่ยมันจับกัน
00:10:38 → 00:10:41 กลายเป็นก้อนผลิตก็จะกลายเป็นนิ่วนะครับ
00:10:41 → 00:10:44 ก็ทำให้มีอาการได้นะครับ
00:10:44 → 00:10:46 แล้วอาการที่ว่านี่มันเป็นยังไงมันมี
00:10:46 → 00:10:48 อาการยังไงบ้างคะ
00:10:48 → 00:10:52 ก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ยมีอาการ
00:10:52 → 00:10:55 ค่อนข้างหลากหลายเลยนะครับมันขึ้นอยู่กับ
00:10:55 → 00:10:59 ขนาดของนิ่วแล้วก็ตำแหน่งนะครับแล้วก็การ
00:10:59 → 00:11:01 อุดตันว่าอุดตันเยอะหรือว่าอุดตันยังน้อย
00:11:01 → 00:11:05 ๆอยู่นะครับอย่างเช่นถ้าเกิดนิ่ว
00:11:05 → 00:11:09 เต็มก้อนเล็กอยู่นะครับก็คือน้อยกว่าน้อย
00:11:09 → 00:11:11 กว่าเซนนึงอาจจะแค่ครึ่งเซนอะไรพวกนี้
00:11:11 → 00:11:17 เนี่ยโอกาสที่ดื่มน้ำแล้วใช้น้ำปัสสาวะ
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยดันออกมาหลุดออกมาเองได้ก็โอเคครับ
00:11:20 → 00:11:22 ก็โชคดีนะครับ
00:11:22 → 00:11:25 ฉะนั้นบางคนที่เป็นนิ่วก้อนเล็กๆเนี่ยเขา
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมาด้วยมาปรึกษาว่าไปปัสสาวะแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 สังเกตว่ามีก้อนเล็กๆออกมาหืมนะครับก็
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจอะไรพวกนี้ออกมาสบายได้นะครับ
00:11:34 → 00:11:38 แต่ถ้าเกิดก้อนเนี่ยเริ่มใหญ่ขึ้นมีการไป
00:11:38 → 00:11:42 อุดทางเดินปัสสาวะเนี่ยนะครับคนไข้ก็จะมา
00:11:42 → 00:11:47 ด้วยอาการปวดนะฮะปวดบริเวณที่แนวทางเหนือ
00:11:47 → 00:11:50 วางอยู่นะก็คืออาจจะหลัง 2 ข้างข้างใน
00:11:50 → 00:11:52 ข้างหนึ่งนะครับ
00:11:52 → 00:11:56 อันนี้คือแนวไตก็คือแล้วตำรวจตกตรงท้อง
00:11:56 → 00:11:57 น้อยทะลุไปหลังอะไรพวกนี้
00:11:57 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 แต่ถ้าเกิดเคลื่อนตัวมาบริเวณท่อไตแล้ว
00:12:01 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ก็จะปวดแบบค่อนข้างที่จะ
00:12:03 → 00:12:07 รุนแรงปวดจนแบบตัวงอทำอะไรไม่ได้เลยนะอาจ
00:12:07 → 00:12:12 จะมีร้าวไปบริเวณหน้าขาพวกนี้ได้นะครับ
00:12:12 → 00:12:16 หรือถ้าเกิดมี annival บริเวณกระเพาะ
00:12:16 → 00:12:18 ปัสสาวะเนี่ยก็อาจจะปวดบริเวณ
00:12:18 → 00:12:22 ท้องน้อยนะครับ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วนอกจากอาการที่ปวดแล้วเนี่ยอีกอันนึง
00:12:25 → 00:12:28 ที่ต้องระวังก็คือนิ่วเนี่ยทำให้เกิด
00:12:28 → 00:12:38 ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้นะครับ
00:12:38 → 00:12:42 ทำให้การรักษาเนี่ยอาจจะรักษา
00:12:42 → 00:12:45 หายขาดเนี่ยต้องใช้เวลานานนะครับต้องใช้
00:12:45 → 00:12:49 ยาฆ่าเชื้อนาน
00:12:49 → 00:12:51 ก็การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะก็คือ
00:12:51 → 00:12:55 อาจจะมีอาการไข้นะครับหรือว่าปัสสาวะแสบ
00:12:55 → 00:12:59 ขัดปัสสาวะขุ่นอะไรพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ปิดกะปอยรู้สึกไม่สุดอะไรพวกนี้นะครับ
00:13:02 → 00:13:06 หรือบางคนถ้าเกิดเป็นมากเนี่ยทำให้กรวยไต
00:13:06 → 00:13:09 ในอักเสบถ้ากรวยแตกอักเสบส่วนใหญ่จะมีไข้
00:13:09 → 00:13:11 นะครับแล้วก็หนาวสั่นแล้วก็อาจจะปวด
00:13:11 → 00:13:14 บริเวณบั้นเอวด้านซ้ายหรือด้านขวาที่ที่
00:13:14 → 00:13:19 เป็นเนี่ยนะครับบางครั้งเนี่ยเวลาเราเรา
00:13:19 → 00:13:22 สัมผัสหรือไปเคาะนิดนึงบริเวณการวางของไต
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยจะสะดุ้งได้เลยนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ก็จะเป็นค่อนข้างเยอะนะ
00:13:28 → 00:13:30 อาการนอกจาก
00:13:30 → 00:13:34 อาการอื่นๆแล้วเนี่ยก็จะมีบางครั้งเนี่ย
00:13:34 → 00:13:39 ตรวจพบเจอด้วยการไปตรวจสุขภาพประจำปีนะ
00:13:39 → 00:13:40 ครับพบว่า
00:13:40 → 00:13:45 ตรงบริเวณท่อไตเนี่ยมันบวมทำให้ไตบวมน่ะ
00:13:45 → 00:13:48 เกิดจากนิ่วไปอุดตันได้
00:13:48 → 00:13:52 คือส่งผลระยะยาวคือทำให้ค่าไตเนี่ยเสื่อม
00:13:52 → 00:13:54 ลงเร็วได้นะครับเป็นสาเหตุของเป็นไต
00:13:54 → 00:13:56 เสื่อมเรื้อรังได้นะครับการที่มีนิ่วไป
00:13:56 → 00:14:02 อุดทางเดินปัสสาวะ
00:14:02 → 00:14:06 เคยเคยเห็นสังเกตของคุณพ่อนะคือคุณพ่อไม่
00:14:06 → 00:14:09 เคยไม่อ่าเขาเรียกว่าอะไรดีคะไปตรวจเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เราไม่เคยรู้เลยว่าท่านท่านมีปัญหาเกี่ยว
00:14:12 → 00:14:14 กับเรื่องของไตอ่ะนะคะจนวันนึงเนี่ยแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เท้าบวมมากเลยอ่ะค่ะอันนี้คือมันเกี่ยว
00:14:18 → 00:14:25 กับไตเลยใช่ไหมคะแบบมันแบบบวมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:25 → 00:14:28 ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นจากระบบไหนนะครับเป็น
00:14:28 → 00:14:31 ระบบจากหัวใจหรือเป็นจากระบบตับหรือว่า
00:14:31 → 00:14:33 ถ้าเกิดเป็นไตการที่จะพิสูจน์แล้วคือเรา
00:14:33 → 00:14:37 ก็ต้องส่งดูค่าไตนะครับแล้วก็ตัวปัสสาวะ
00:14:37 → 00:14:39 ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่ามันมีหลาย
00:14:39 → 00:14:43 ปัจจัยแล้วก็มันอาจจะทำให้เราคิดว่ามัน
00:14:43 → 00:14:44 อาจจะไม่ได้เป็นอันนี้จะเป็นอย่างอื่นก็
00:14:44 → 00:14:47 ต้องคือต้องไปเป็นพบแพทย์ไปดูว่ามันเกิด
00:14:47 → 00:14:50 จากสาเหตุอะไรปัจจัยอะไรด้วยใช่ไหมคะแสดง
00:14:50 → 00:14:53 ว่ามันปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตมัน
00:14:53 → 00:14:55 มีมันมีเยอะมากมันมีหลายอย่างมากนอกจาก
00:14:55 → 00:14:57 ที่เมื่อกี้คุณหมอบอกอีกใช่ไหมคะอย่าง
00:14:57 → 00:15:00 อย่างพวกแบบเอ่อพันธุกรรมอย่างนี้เป็นไป
00:15:00 → 00:15:03 ได้ไหมคะพันธุกรรมครับมีส่วนนะครับเฮ้อ
00:15:03 → 00:15:07 พันธุกรรมบางอย่างทำให้การจับตกตะกอนใน
00:15:07 → 00:15:12 ปัสสาวะเนี่ยเป็นมากกว่าคนปกตินะ
00:15:12 → 00:15:17 หรือว่ามีการพันธุกรรมบางอย่างทำให้อ่า
00:15:17 → 00:15:20 สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดตัวนิ่วเนี่ยมาก
00:15:20 → 00:15:22 ขึ้นนะครับ
00:15:22 → 00:15:26 อย่างเช่นมีกฎยูริกในร่างกายเยอะอะไรพวก
00:15:26 → 00:15:28 นี้นะครับ
00:15:28 → 00:15:32 แล้วอย่างพวกอ่าการกั้นปัสสาวะนานๆมีผล
00:15:32 → 00:15:34 ไหมคะ
00:15:34 → 00:15:38 การกลั้นปัสสาวะนานๆก็จะมีผลนะครับก็คือ 1
00:15:38 → 00:15:40 ก็คือทำให้
00:15:40 → 00:15:44 น้ำปัสสาวะเนี่ยที่จะที่จะขับ
00:15:44 → 00:15:48 สารที่จะตกตะกอนออกไปผลึกไปเนี่ยมันโชว์
00:15:48 → 00:15:50 ช้าลงมันไหลช้าลง
00:15:50 → 00:15:51 ก็ทำให้
00:15:51 → 00:15:55 เวลาในการตกตะกอนมากขึ้นนะครับอีกเรื่อง
00:15:55 → 00:15:58 นึงการปัสสาวะเนี่ยบ่อยๆเนี่ย
00:15:58 → 00:16:00 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดการติด
00:16:00 → 00:16:03 เชื้อได้ในปัสสาวะได้มากขึ้นครับ
00:16:03 → 00:16:06 ฉะนั้นเราไม่ควรจะกั้นปัสสาวะนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อันนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงนะ
00:16:09 → 00:16:11 คะเวลาที่ต้องเดินทาง
00:16:11 → 00:16:12 นะคะ
00:16:12 → 00:16:14 เออหาห้องน้องห้องน้ำอะไรอย่างนี้อาจจะ
00:16:14 → 00:16:17 ยากนิดนึงแต่พยายามอยากกลั้นดีที่สุดคือ
00:16:17 → 00:16:20 หมายความว่าถ้าร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ป่วยแล้วนะ
00:16:22 → 00:16:25 แวะปั๊มแวะข้างทางเอ่อปั๊มนะคะหรืออะไร
00:16:25 → 00:16:30 อย่างเงี้ยจะดีกว่าใช่ไหมพยายามอั้นๆๆไว้
00:16:30 → 00:16:35 แบบนั้นไม่ดีใช่ไหมคะ
00:16:35 → 00:16:41 เสี่ยงเลย
00:16:41 → 00:16:44 ค่ะ
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็พวกเกี่ยวกับยาบางอย่างหรืออะไร
00:16:49 → 00:16:51 อย่างวิตามินซีอย่างนี้ค่ะที่ได้ยินมาคือ
00:16:51 → 00:16:54 แบบวิตามินซีมันจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:16:54 → 00:16:56 ด้วยหรอคะ
00:16:56 → 00:16:59 คือโดยทั่วไปเนี่ยวิตามินซีเนี่ยอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:02 ให้เกิดนิ่วในไตได้ด้วยเพราะว่าอาจจะมี
00:17:02 → 00:17:05 สารตั้งต้นทำให้เกิดผลึกเนี่ยในทางเดิน
00:17:06 → 00:17:09 ปัสสาวะเนี่ยไม่ได้มากนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:09 → 00:17:12 เราที่คนที่ทานวิตามินซีเนี่ยอันนี้ที่
00:17:12 → 00:17:15 หมอแนะนำเนี่ยหมอแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับให้มากด้วย
00:17:17 → 00:17:23 [เพลง]
00:17:23 → 00:17:26 พวกนี้ที่ทำให้เกิดผลึกเนี่ยออกมาได้เยอะ
00:17:26 → 00:17:28 นะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆมากๆมากๆมากๆเลยนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 คุณผู้ฟังเพราะว่าเพราะว่ากินวิตามินซี
00:17:35 → 00:17:38 อยู่เหมือนกันคุณหมอแต่ว่าแบบเออไม่แน่ใจ
00:17:38 → 00:17:41 ว่าดื่มน้ำตามปริมาณที่มันมากพอหรือเปล่า
00:17:41 → 00:17:45 อาจจะต้องมากกว่าปกติใช่ไหมคะ
00:17:45 → 00:17:46 ใช่ครับ
00:17:46 → 00:17:50 ว่าแบบทานวิตามินซีทุกคนต้องต้องเกิดอะไร
00:17:50 → 00:17:50 พวกเนี้ยครับ
00:17:50 → 00:17:54 ขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวเราด้วยนะครับ
00:17:54 → 00:17:57 การดื่มน้ำด้วยอะไรพวกนี้
00:17:57 → 00:18:01 ไม่อยากเป็นนิ่วในไตก็ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
00:18:01 → 00:18:05 คุณผู้ฟังนะคะแล้วมันจะมีอาการแบบไหนยัง
00:18:05 → 00:18:07 ไงบ้างคะคุณหมอคะที่จะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:07 → 00:18:11 มันมีความเสี่ยงแล้วนะเราสังเกตตัวเองยัง
00:18:11 → 00:18:13 ไงได้ไหมคะคุณหมอก่อนที่เราจะไปหาคุณหมอ
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยมันมีอาการอะไรบอกก่อนไหมคะ
00:18:16 → 00:18:19 ก็คือต้องแบ่งเป็น 2 อย่างคือคนที่ไม่มี
00:18:19 → 00:18:21 อาการก็คือไปตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจ
00:18:21 → 00:18:24 ร่างกายนะครับสุขภาพประจำปีอันที่ 2 ก็
00:18:24 → 00:18:28 คือเริ่มมีอาการของนิ่วไปอุดกั้นทางเดิน
00:18:28 → 00:18:31 ปัสสาวะนะครับไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเหมือน
00:18:31 → 00:18:33 ที่หมอได้บอกไป
00:18:33 → 00:18:37 ถือว่าคนไข้ที่ติดเชื้อในปัสสาวะบ่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องน่าสงสัยนะ
00:18:40 → 00:18:42 ครับ
00:18:42 → 00:18:45 ส่วนการตรวจวินิจฉัยเนี่ยพอเวลาเราไปพบ
00:18:45 → 00:18:47 คุณหมอแล้วใช่ไหมครับ
00:18:47 → 00:18:50 คุณหมอก็จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือร่วมกับตรวจ
00:18:52 → 00:18:55 ปัสสาวะนะครับเพราะว่าถ้าเกิดในทาง
00:18:55 → 00:18:57 ปัสสาวะเนี่ยมีโอกาสที่เราจะพบความผิด
00:18:57 → 00:19:00 ปกติก็คือจะมีเม็ดเลือดแดงเนี่ยปนออกมา
00:19:00 → 00:19:02 ปัสสาวะได้นะครับ
00:19:02 → 00:19:06 นอกจากนั้นเราก็เอกซเรย์นะครับภาพช่อง
00:19:06 → 00:19:09 ท้องส่วนบริเวณที่ไตกับทางเดินปัสสาวะนะ
00:19:09 → 00:19:13 ครับแล้วก็จะเห็นเป็นสถานทึบแสงที่อยู่ใน
00:19:13 → 00:19:15 แนวทางปัสสาวะนะครับอันนี้ก็ต้องระวังว่า
00:19:15 → 00:19:19 อาจจะเป็นพวกนิ่วในปัสสาวะได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 ก็หลังจากนั้นถ้าเกิดสงสัยจะดูเพิ่มเติม
00:19:23 → 00:19:27 แล้วก็จะส่งอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่าไป
00:19:27 → 00:19:31 ทำสแกนเพื่อจะทำให้เห็นตัวรอยโรคนั้นได้
00:19:31 → 00:19:34 ดีขึ้นได้ชัดเจนขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ในไตหรือว่าในระบบทางเดินปัสสาวะตรงนี้
00:19:39 → 00:19:41 เนี่ยไม่ว่าจะจุดไหนก็แล้วแต่
00:19:41 → 00:19:45 ถ้ามีปริมาณที่ยังเป็นผลึกที่อาจจะยังไม่
00:19:45 → 00:19:47 เยอะนะคะกำลังเริ่มจับตัวเป็นผลึกละหรือ
00:19:48 → 00:19:48 อะไรอย่างนี้
00:19:48 → 00:19:52 มันก็จะมีอาการพวกนี้บ่งบอกได้เลยใช่ไหม
00:19:52 → 00:19:54 หรือว่ามันต้องแบบโอ้โหผลึกเยอะมากมันไม่
00:19:54 → 00:19:55 ไหวแล้ว
00:19:55 → 00:19:59 จนทำให้มันมีอาการหนักๆขึ้นมา
00:19:59 → 00:20:01 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดมีอาการเนี่ยก็คือตัว
00:20:01 → 00:20:05 ก้อนนิ่วเนี่ยจะค่อนข้างเยอะแล้วค่อนข้าง
00:20:05 → 00:20:07 ใหญ่แล้วนะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ก็คือประมาณเกิน 0.5 ซมขึ้นไปนะครับถ้า
00:20:11 → 00:20:14 เกิดไปอุดบริเวณท่อไตหรือว่าส่วนใดต่างๆ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยอันนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดมีอาการปวด
00:20:16 → 00:20:19 ขึ้นมาให้ได้มาก
00:20:19 → 00:20:22 แล้วลักษณะของนิ่วเนี่ยกำลังนึกภาพของ
00:20:22 → 00:20:25 นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยเห็นในภาพในโซเชียล
00:20:25 → 00:20:27 อะไรอย่างนี้นะคะในอินเตอร์เน็ตอย่างนี้
00:20:27 → 00:20:30 ค่ะมันเป็นนิ่วแบบเดียวกันเลยไหมคะผลึก
00:20:30 → 00:20:33 ออกมาเป็นลักษณะคล้ายๆก้อนกรวดเหมือนกัน
00:20:33 → 00:20:36 ไหมคะเป็นก้อนกรวดเหมือนกันแต่ว่าขนาด
00:20:36 → 00:20:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะไม่เหมือนกับ
00:20:38 → 00:20:42 ตัวนิ่วในในถุงน้ำดีนะครับผสมน้ำดีอาจจะ
00:20:42 → 00:20:46 มีขนาดใหญ่ได้จะมีนิ่วในไตบางที่ที่จะมี
00:20:46 → 00:20:49 ขนาดใหญ่แต่ก็จะเป็นตามลักษณะบริเวณ
00:20:49 → 00:20:53 อวัยวะนั้นอย่างเช่นบริเวณที่ที่กรวยไต
00:20:53 → 00:20:57 อะไรอย่างนี้นะครับก็จะมีโรคบางโรคที่
00:20:57 → 00:21:00 ติดเชื้อท่านปัสสาวะทำซ้ำๆเนี่ยนะครับ
00:21:00 → 00:21:03 แล้วเป็นก๋วยเตี๋ยวอักเสบเนี่ยก็จะมีนิ่ว
00:21:03 → 00:21:06 ค่อนข้างใหญ่นะครับก็คือเรียกว่านิ่วเขา
00:21:06 → 00:21:10 กวางตรงบริเวณตรงตรงกรวยไตได้
00:21:10 → 00:21:13 อีกที่นึงที่นี่สามารถเจอนิ่วใหญ่ๆได้
00:21:13 → 00:21:15 เนี่ยก็คือตรงกับป.ปัสสาวะนะครับเพราะ
00:21:15 → 00:21:17 กระเพาะปัสสาวะเนี่ยมีปริมาณค่อนข้างเยอะ
00:21:17 → 00:21:19 นะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ผู้ป่วยบางท่านเนี่ยก็คือไม่ได้สังเกต
00:21:22 → 00:21:25 อาการไม่รู้ว่ามีความผิดปกติทางปัสสาวะ
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยจนมารักษาเนี่ยอัตราเราเจอนิ่วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:32 ขนาดแบบหลายเซนติเมตรก็มี 3-4 ซมอะไรพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ในทางเดียวในกระเพาะปัสสาวะเนี่ยก็เจอ
00:21:34 → 00:21:35 ได้เฮ้ย
00:21:35 → 00:21:40 ใหญ่ใหญ่มากเลย
00:21:40 → 00:21:44 ในกระเพาะปัสสาวะนะครับผู้หญิงเป็นเยอะ
00:21:44 → 00:21:47 กว่าไหมคะคืออัตราส่วนนี่คือหมอคิดว่า
00:21:47 → 00:21:49 เท่าๆกันนะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับแต่ผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงต่อการ
00:21:51 → 00:21:57 เป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย
00:21:57 → 00:22:00 เพราะว่าท่อปัสสาวะของผู้หญิงเนี่ยจะสั้น
00:22:00 → 00:22:02 กว่าผู้ชายนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 ตามลักษณะโครงสร้างอันนี้ก็
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
00:22:09 → 00:22:11 ขึ้นสำหรับคุณผู้หญิงนะคะแล้วก็คุณบอกว่า
00:22:11 → 00:22:13 ถ้าเกิดมันมีอาการอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอเลยตรวจเช็ค
00:22:16 → 00:22:19 กันมาแล้วเออมันเป็นนิ่วแหละนะคะขั้นตอน
00:22:19 → 00:22:22 กระบวนการรักษานี่มันยุ่งยากไหมคะ
00:22:22 → 00:22:26 อ๋อการรักษาเนี่ยเอ่อ
00:22:26 → 00:22:28 คุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเนี่ยก็จะ
00:22:28 → 00:22:32 เป็นคนผู้ให้วางแผนการรักษานะครับโดยทั่ว
00:22:32 → 00:22:35 ไปแล้วเนี่ยเราจะรักษาตาม
00:22:35 → 00:22:37 ขนาดของนิ่วนะครับ
00:22:37 → 00:22:41 ถ้าเกิดขนาดของนิ่วไม่ได้มีขนาดใหญ่ไม่
00:22:41 → 00:22:44 ได้มีอาการของการไป
00:22:44 → 00:22:49 กดท่อไตหรือว่าท่อปัสสาวะนะครับแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 สามารถให้การรักษาแบบประคับประคองได้นะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับก็คือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม
00:22:55 → 00:22:58 น้ำมากๆเลยพวกนี้แล้วก็ให้ยาช่วยระงับ
00:22:58 → 00:23:00 อาการปวดเพราะว่า
00:23:00 → 00:23:04 นิ่วที่ขนาดเล็กเนี่ยสามารถหลุดออกมาได้
00:23:04 → 00:23:06 นะครับส่วนใหญ่นะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าเกิดเป็นนิ่วขนาดใหญ่แล้วก็มีอาการ
00:23:09 → 00:23:13 เยอะนะครับหรือว่ามีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:23:13 → 00:23:17 อย่างเช่นพวกเชื้อบ่อยๆอะไรพวกนี้
00:23:17 → 00:23:20 ก็จะต้องไปจัดการเอานิ้วออกมาจากร่างกาย
00:23:20 → 00:23:24 นะครับก็คือจะมีการแบบการผ่าตัดนะครับการ
00:23:24 → 00:23:27 ผ่าตัดเปิดไปทำหรือว่าการสลายนิ่วด้วย
00:23:27 → 00:23:29 คลื่นกระแทกนะครับ
00:23:29 → 00:23:33 หรือว่าส่องกล้องผ่านไปอะไรพวกนี้นะครับ
00:23:33 → 00:23:37 ก็จะมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับ
00:23:37 → 00:23:42 ตำแหน่งขนาดและก็อาการของตัวโรคครับ
00:23:42 → 00:23:47 ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนใช่ไหมคะใช่ครับ
00:23:47 → 00:23:50 [เพลง]
00:23:50 → 00:23:53 ถ้าเกิดพูดถึงในแง่ของถ้าเกิดเป็นนิ่วนาน
00:23:53 → 00:23:55 ๆใช่ไหมครับ
00:23:55 → 00:23:58 ถ้าเกิดเป็นนิ่วนานๆเนี่ยก็คือเหมือนที่
00:23:58 → 00:24:01 หมอบอกก็คืออย่างแรกก็คืออาจจะมีอาการปวด
00:24:01 → 00:24:05 นะครับมารบกวนชีวิตได้เรื่อยๆนะครับ
00:24:05 → 00:24:08 อันที่ 2 ก็คือทำให้เกิดการติดเชื้อทาง
00:24:08 → 00:24:09 เดินปัสสาวะได้บ่อยๆ
00:24:09 → 00:24:13 หรือบางคนถ้าเกิดมีนิ่วที่กรวยไตที่ตาย
00:24:13 → 00:24:16 พวกนี้ทำให้กรวยไตอักเสบก็สามารถติดเชื้อ
00:24:16 → 00:24:19 ในกระแสเลือดได้
00:24:19 → 00:24:32 มันก็นำไปสู่ใช่ครับ
00:24:32 → 00:24:36 ซึ่งภาวะไตบวมน้ำเนี่ยก็จะทำให้การทำงาน
00:24:36 → 00:24:40 ของไตเนี่ยลดลงก็นำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
00:24:40 → 00:24:43 เรื้อรังนะครับได้ครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตั้งแล้วรู้สึกแบบว่าโอ้ยไม่อยากเป็นอะไร
00:24:46 → 00:24:48 เลย
00:24:48 → 00:24:53 นะคะคุณหมอคะให้การป้องกันนิ้วในไตเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:56 เบื้องต้นเราต้องยังไงกันได้บ้างคะ
00:24:56 → 00:25:02 อันนี้ก็หมอก็เน้นย้ำนะครับคือเอ่อใครที่
00:25:02 → 00:25:04 สามารถดื่มน้ำได้โดยที่คุณหมอเขาไม่ได้
00:25:04 → 00:25:06 จำกัดน้ำดื่มเนี่ยก็อยากจะให้ดื่มน้ำให้
00:25:06 → 00:25:10 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันนะครับก็คือประมาณ
00:25:10 → 00:25:12 เกิน 2 ลิตรถึง 2.5 ลิตรขึ้นไปนะครับ
00:25:12 → 00:25:17 เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วแล้วก็ทำให้ร่าง
00:25:17 → 00:25:19 กายระบบอื่นๆเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:25:19 → 00:25:20 ประสิทธิภาพด้วยนะฮะ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็ทานผักหรืออาหารที่มีกากใยมากๆนะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับอันนี้ก็ช่วยลดการเกิดนิ่วรวมทั้งทาน
00:25:27 → 00:25:31 อาหารที่มีแคลเซียมสูงนะครับ
00:25:31 → 00:25:34 ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง
00:25:34 → 00:25:38 นะครับไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตนะครับหน่อ
00:25:38 → 00:25:40 ไม้ผักบางชนิดก็คือเหมือนที่หมอยกตัว
00:25:40 → 00:25:42 อย่างคือผักโขม
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็อีกอันนึงคือรถการรับประทานอาหาร
00:25:45 → 00:25:50 เค็มนะครับเค็มมากไม่ดี
00:25:50 → 00:25:54 แล้วก็อยากจะเชิญชวนทุกคนนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:57 หมอคิดว่าสิ่งที่อยากมาที่สุดเนี่ยไม่ใช่
00:25:57 → 00:26:00 การรักษาโรคนะก็คือหมอว่าการป้องกันเนี่ย
00:26:00 → 00:26:03 อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับก็คือ
00:26:03 → 00:26:06 เหมือนที่หมอบอกก็คือพยายามทานอาหารให้
00:26:06 → 00:26:10 ไม่ให้เกิดนิ่วความเสี่ยงกับการเกิดนิ่ว
00:26:10 → 00:26:11 ในไตแน่นอน
00:26:11 → 00:26:16 แล้วก็ควรจะตรวจสุขภาพนะครับประจำปีนะ
00:26:16 → 00:26:21 ครับสักครั้งหนึ่งต่อต่อปีก็โอเคนะครับ
00:26:21 → 00:26:24 เพราะเราอาจจะไปเจอนิ่วโดยบังเอิญอะไรพวก
00:26:24 → 00:26:28 นี้เราจะได้รีบทำการรักษานะครับก่อนที่
00:26:28 → 00:26:32 มันจะส่งผลมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
00:26:32 → 00:26:35 ก็เป็นวิธีการที่ลักษณะของการปรับเปลี่ยน
00:26:35 → 00:26:37 พฤติกรรมของเรานะคะถ้าไม่อยากเป็นนิ่วนะ
00:26:37 → 00:26:40 คะแล้วก็ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากจะต้องมา
00:26:40 → 00:26:43 นั่งผ่าตัดหรือมาทำการรักษาเนี่ยเราสู้
00:26:43 → 00:26:46 เราป้องกันจะเป็นทางที่ดีกว่านะคะเอาล่ะ
00:26:46 → 00:26:48 วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอวชิรพงษ์ด้วย
00:26:48 → 00:26:50 นะคะที่มาร่วมพูดคุยในรายการรองเบาะของ
00:26:50 → 00:26:54 เราค่ะขอบคุณค่ะคุณหมอขาสวัสดีค่ะค่ะ
00:26:54 → 00:26:57 คุณผู้ฟังค่ะหมดเวลาแล้วกับรายการรองหมอ
00:26:57 → 00:27:00 ทางไทย PBS ค่ะวันนี้ต้องลาไปก่อนค่ะ
00:27:00 → 00:27:02 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:02 → 00:27:05 นะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:05 → 00:27:08 ใน 1 วันคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
00:27:09 → 00:27:12 ทุกคนการใช้เวลาของแต่ละคนให้มีคุณภาพมี
00:27:12 → 00:27:14 ปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดร
00:27:14 → 00:27:17 สุวุฒิวงศ์สวัสดิ์นักจิตวิทยาการศึกษามา
00:27:17 → 00:27:20 เล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วในชีวิตแต่ละคนนะ
00:27:21 → 00:27:23 ครับมันจะมีห้วงเวลาของการจำเป็นต้องใช้
00:27:23 → 00:27:26 กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากันหรอกแต่บางที 888
00:27:26 → 00:27:28 ถ้าสมมุติเราไม่ต้องไปซื่อตรงกับเวลามัน
00:27:28 → 00:27:31 มากแต่อาจจะหมายถึงว่า 3 ส่วนนี้เป็นส่วน
00:27:31 → 00:27:34 ที่สำคัญต่อชีวิตเราในอัตราส่วนที่เท่าๆ
00:27:34 → 00:27:36 กันใช้คำว่าอัตราส่วนนะแต่ผมไม่ได้พูดถึง
00:27:36 → 00:27:39 ว่าเวลาต้องเท่ากันแต่หมายถึงน้ำหนักของ
00:27:39 → 00:27:41 มันความสำคัญของมันเนี่ยมันอาจจะเท่าๆกัน
00:27:41 → 00:27:43 แหละจริงๆสิ่งที่สำคัญมากกว่าการแบ่งส่วน
00:27:43 → 00:27:47 อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาได้มีคุณภาพ
00:27:47 → 00:27:50 หรือเปล่าสมมุติ 8 ชั่วโมงของการนอนเรา
00:27:50 → 00:27:52 นอนบนเตียงก็จริงแต่หัวคิดไม่หยุดแล้วนอน
00:27:52 → 00:27:54 ไม่หลับมันจะเรียกว่านอนได้ยังไงหรือทำ
00:27:54 → 00:27:58 งานนั่งอยู่ในออฟฟิศใช่แหละ 8 ชั่วโมงแต่
00:27:58 → 00:27:59 เผลอถ่ายโซเชียลมีเดียแล้วก็ได้ทำงานจริง
00:28:00 → 00:28:02 ๆ 2 ชั่วโมงเราจะเรียกว่าการทำงานนี้มี
00:28:02 → 00:28:05 คุณภาพได้ยังไงหรือไปเรียนหนังสือมัวแต่
00:28:05 → 00:28:07 นั่งคุยกับเพื่อนแล้วเราก็จบมาแบบไม่รู้
00:28:07 → 00:28:10 อะไรเลยแต่กระจก
00:28:10 → 00:28:12 เราจะเรียกว่าคุณภาพยังไงหรือไม่ก็ตั้ง
00:28:12 → 00:28:14 ป้อนสุดท้ายครับ 8 ชั่วโมงที่มีความหมาย
00:28:14 → 00:28:17 กับตัวเรากับคนสำคัญและการพักผ่อนทางใจ
00:28:17 → 00:28:19 สมมุตินะคนบางคนโชคร้ายครับเกิดใน
00:28:19 → 00:28:23 กรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางเดินทางสมมุติหาย
00:28:23 → 00:28:24 ไป 4 ชั่วโมง
00:28:24 → 00:28:27 ไป 2 ชั่วโมงกับ 2 ชั่วโมงไอ้ 8 ชั่วโมง
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยที่ควรจะได้ใช้เพื่อตัวเองจริงๆหาย
00:28:29 → 00:28:32 ไปละเสียซึ่งสีนี้ครับยังไม่รวมไปและอาบ
00:28:32 → 00:28:35 น้ำอีกนะยังไม่รวมเวลากินข้าวนะสุดท้าย
00:28:35 → 00:28:38 ครับคนบางคนเนาะอาจจะเหลือ 8 ชั่วโมงสุด
00:28:38 → 00:28:40 ท้ายเนี่ยไว้ให้ตัวเองได้แค่แบบนั่งถ่าย
00:28:40 → 00:28:49 มือถือชั่วโมงเดียวก่อนนอนนะ
00:28:49 → 00:28:52 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:52 → 00:28:54 ของไทยพีแดช็อต
00:28:54 → 00:28:58 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:58 → 00:29:01 podcast และ YouTube Channel ThaiPBS
00:29:01 → 00:29:07 portcute
00:29:07 → 00:29:12 [เพลง]
00:00:06 → 00:00:10 ในทางเดินปัสสาวะนะครับก็คือตั้งแต่ไตอาจ
00:00:10 → 00:00:12 จะไปที่กรวยไตไม่เป็นจังหวะอวัยวะต่อกัน
00:00:12 → 00:00:16 นะครับก็คือระบบไตระบบทางเดินปัสสาวะท่อ
00:00:16 → 00:00:19 ไตแล้วก็ไปที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะฉะนั้นปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุก
00:00:21 → 00:00:23 ที่นะครับของระบบทางเดินปัสสาวะเดิมที
00:00:23 → 00:00:26 ปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำนะครับเป็น
00:00:26 → 00:00:28 องค์ประกอบแล้วก็จะมีสารต่างๆซึ่งถ้าเกิด
00:00:28 → 00:00:32 มีภาวะบางอย่างทำให้สารมีเยอะเกินทำให้ตก
00:00:33 → 00:00:35 ตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันเป็นนิ่วเป็น
00:00:36 → 00:00:38 ก้อนหรือปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นเราดื่มน้ำ
00:00:38 → 00:00:40 น้อยเกินไปไม่ตะกอนมีโอกาสจับตัวเป็นก้อน
00:00:40 → 00:00:42 แล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกิตฉันวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast สำหรับ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เรากลับมาพบกันเช่นเคยนะคะติดตาม
00:01:01 → 00:01:04 สาระดีๆกันได้วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:04 → 00:01:07 ของนิ่วในไตอันตรายแค่ไหนนะคะอันนี้
00:01:07 → 00:01:10 เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะเดี๋ยวเราคุยกับนาย
00:01:10 → 00:01:13 แพทย์วัชรพงษ์ตรีสิงห์ชัยอายุรแพทย์โรคไต
00:01:13 → 00:01:15 ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลวิทยาลัยเขตจังหวัดนครสวรรค์ค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอขาสวัสดี
00:01:21 → 00:01:25 เรามาคุยกันนะคะเป็นเรื่องของนิ่วในไตมา
00:01:25 → 00:01:27 ทำความรู้จักกันก่อนเราเคยได้ยินแต่นิ่ว
00:01:27 → 00:01:30 เอ่ออยู่จุดนั้นจุดนี้แต่ไม่เคยได้คุยกัน
00:01:30 → 00:01:33 ถึงเรื่องของนิ่วในไตอ่ะมาทำความรู้จัก
00:01:33 → 00:01:37 กันก่อนนะคะถึงอวัยวะของเราทำความเข้าใจ
00:01:37 → 00:01:41 นะคะก็เรื่องของไตทำความรู้จักกับไตมา
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนค่ะคุณหมอบอกว่าไตของเรามีหน้าที่
00:01:43 → 00:01:46 อะไรยังไงบ้างคะคือหลักๆเนี่ยหน้าที่ของ
00:01:46 → 00:01:50 ไตก็คือทำการกรองของเสียนะครับออกจากร่าง
00:01:50 → 00:01:54 กายนะครับแล้วก็กรองพวกสารอาหารต่างๆกลับ
00:01:54 → 00:01:57 เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเกลือแร่นะครับควบ
00:01:57 → 00:01:59 คุมสมดุลเกลือแร่อีกเรื่องหนึ่งคือการ
00:01:59 → 00:02:01 กรองหรือการขับน้ำนะครับรักษาสมดุลน้ำใน
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายนะครับแล้วก็เรื่องอื่นๆก็อย่าง
00:02:04 → 00:02:07 เช่นอาจจะผลิตฮอร์โมนในการกระตุ้นในการ
00:02:07 → 00:02:10 สร้างเม็ดเลือดนะครับรวมทั้งพวกการขับยา
00:02:10 → 00:02:14 ขับสารต่างๆจากร่างกายก็ไตก็เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:17 ช่วยควบคุมณจุดนี้นะครับ
00:02:17 → 00:02:21 ก็เรียกว่าก็เป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายของ
00:02:21 → 00:02:23 เรานะคะสำหรับไตของเรามันอยู่ตรงไหนของ
00:02:23 → 00:02:35 ร่างกายคะคุณหมอคะ
00:02:35 → 00:02:41 แต่จับไปไม่เจอนะคะ
00:02:41 → 00:02:45 ออกแนวน่ากลัวนิดนึงนะคะ
00:02:45 → 00:02:48 รู้จักไตแล้วนะคะคุณผู้ฟังว่าอยู่ตรงไหน
00:02:48 → 00:02:51 นะคะมี 2 ข้างนะค่อนไปทางข้างหลังตรง
00:02:51 → 00:02:54 บริเวณเอวนะคะทีนี้อ่ะไตเรารู้หน้าที่กัน
00:02:54 → 00:02:56 ไปแล้วทีนี้เรื่องของนิ่วในไตกันบ้างค่ะ
00:02:56 → 00:02:59 นิ่วในไต๋มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะคุณหมอคะ
00:02:59 → 00:03:03 ผมต้องบอกก่อนว่านิ่วเนี่ยในทางปฏิบัติ
00:03:03 → 00:03:06 แล้วเนี่ยคนไข้จะสับสนระหว่าง 2 นิ่วนะ
00:03:06 → 00:03:10 ครับก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะนะครับก็
00:03:10 → 00:03:12 คือนิ้วทางเดินปัสสาวะคือนายไตที่เราคุย
00:03:12 → 00:03:16 กันก็คือตั้งแต่ตายอาจจะไปที่กรวยไตไม่
00:03:16 → 00:03:18 เป็นจังหวะอวัยวะต่อกันนะครับก็คือระบบไต
00:03:18 → 00:03:22 ระบบทางเดินปัสสาวะท่อไตแล้วก็ไปที่
00:03:22 → 00:03:25 บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับเพราะฉะนั้น
00:03:25 → 00:03:27 ปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุกที่นะครับ
00:03:27 → 00:03:29 ของระบบทางเดินปัสสาวะอ๋อตามที่บอกมา
00:03:29 → 00:03:33 เมื่อกี้เลยหรอคะตั้งแต่มาแบบตายกรวยไต
00:03:33 → 00:03:36 ทอดไตกระเพาะปัสสาวะอ๋อเป็นได้ทุกที่ตรง
00:03:36 → 00:03:41 นี้เลยเป็นได้ทุกที่นะครับแต่อีกอันนึงก็
00:03:41 → 00:03:43 คือนิ่วถุงน้ำดีนะครับอันนี้ก็จะเป็นคนละ
00:03:43 → 00:03:47 ระบบเลยอันนี้ก็จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวานะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่ถ้าเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ย
00:03:52 → 00:03:53 นะครับก็คือ
00:03:53 → 00:03:54 อาจจะเป็นเนื่องในตายเลยพวกนี้เกิดจาก
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยเดิมทีปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 นะครับมีองค์ประกอบนะแล้วก็จะมีสารต่างๆ
00:04:00 → 00:04:04 ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้เนี่ยสามารถตกตะกอน
00:04:04 → 00:04:07 ในน้ำปัสสาวะได้ซึ่งถ้าเกิดมีภาวะบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างเนี่ยทำให้สารพวกนี้เนี่ยมีเยอะเกิน
00:04:11 → 00:04:14 ทำให้ตกตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันผลผลิต
00:04:14 → 00:04:18 เป็นนิ่วเป็นก้อนนะครับอ่าหรือปัจจัยอื่น
00:04:18 → 00:04:22 ๆอย่างเช่นเราทานเราดื่มน้ำน้อยเกินไป
00:04:22 → 00:04:25 ที่ทำให้ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะเยอะมี
00:04:25 → 00:04:28 โอกาสจับตัวเป็นก้อนแล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:04:28 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:33 ตัวสารบางอย่างที่ว่าเนี่ยค่ะมันจะเป็น
00:04:33 → 00:04:36 ประเภทอะไรบ้างคะที่มันจะทำให้เกิดการตก
00:04:36 → 00:04:39 ตะกอนได้ค่ะ
00:04:39 → 00:04:45 ก็สารที่เราพบเนี่ยก็คือ 1 เป็นพวกกรด
00:04:45 → 00:04:49 ยูริคนะครับกดยูริกก็คือคนที่มีโอกาสที่
00:04:49 → 00:05:03 เป็นเป็นเก๊าอักเสบไปพวกนี้นะครับ
00:05:03 → 00:05:07 ที่เจอบ่อยก็จะอยู่ในอาหารบางอย่างนะครับ
00:05:07 → 00:05:11 เยอะๆอย่างเช่นเป็นพวกผักโขม
00:05:11 → 00:05:27 ช็อกโกแลต
00:05:27 → 00:05:32 ของถูกใจสาวๆเลยนะคะคุณหมอ
00:05:32 → 00:05:36 แต่ว่าอย่ากินเยอะแล้วกันนะคะ
00:05:36 → 00:05:40 ที่แบบเกี่ยวกับเรื่องของการการที่เรา
00:05:40 → 00:05:42 ต้องกินเข้าไปแล้วมันมีผล
00:05:42 → 00:05:45 ที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:05:45 → 00:05:48 งั้นเดี๋ยวกล่าวโดยรวมเลยว่าทานอาหาร
00:05:48 → 00:05:51 อย่างไรนะครับจะได้แบบไม่ก่อให้เกิดนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 ในไต
00:05:53 → 00:05:55 ก็คือ 1 ก็คือเราต้องดื่มน้ำ
00:05:55 → 00:06:00 ให้มีปริมาณที่เพียงพอนะครับอาจจะเกิน 8
00:06:00 → 00:06:03 แก้วก็คือ 2 ลิตร 2.5 ลิตรต่อวันนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แต่เรื่องการดื่มน้ำเนี่ยอันนี้ก็ต้องไม่
00:06:05 → 00:06:08 ใช่ทุกคนดื่มสามารถดื่มน้ำได้เยอะหมดนะ
00:06:08 → 00:06:09 ครับ
00:06:09 → 00:06:12 ผู้ป่วยบางคนเนี่ยที่มีปัญหาเรื่องการบีบ
00:06:12 → 00:06:16 ตัวของหัวใจที่ลดลงอะไรพวกนี้เคยมี
00:06:16 → 00:06:23 ประวัติน้ำท่วมปอดอะไรพวกนี้นะครับ
00:06:23 → 00:06:28 แข็งแล้วก็มีภาวะน้ำในช่องท้องมีขาบวม
00:06:28 → 00:06:31 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องจำกัดน้ำ
00:06:31 → 00:06:35 ดื่มถ้าเกิดยิ่งดื่มน้ำมากก็จะยิ่งบวม
00:06:35 → 00:06:38 น้อยไปก็ไม่ดีดื่มมากสำหรับบางคนก็ไม่ได้
00:06:38 → 00:06:42 อีกต่างหากด้วยเนอะ
00:06:42 → 00:06:49 หมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆครับ
00:06:49 → 00:06:50 [เพลง]
00:06:50 → 00:06:54 ค่อยๆจิบไปทีละนิดทีละนิดเรื่อยๆคือไม่
00:06:54 → 00:06:56 ต้องแบบว่าทีเดียวกระดกไปแบบหมดขวดไม่ใช่
00:06:56 → 00:06:59 ขนาดนั้นใช่ไหมคะ
00:06:59 → 00:07:02 ไม่ใช่กินแบบ 2 ลิตรทีนึงตอนเช้าแล้วก็
00:07:02 → 00:07:04 ตอนกลางวันตอนเย็นไม่ทานเลยอะไรอย่างนี้
00:07:04 → 00:07:06 ก็ไม่ดี
00:07:06 → 00:07:09 อ้าวคุณหมอคะถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่แบบว่า
00:07:09 → 00:07:11 เออพอสำหรับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราสังเกตได้ที่เคยได้ยินคือการสังเกตจาก
00:07:14 → 00:07:17 สีปัสสาวะใช่ไหมคะที่มันจะไม่เป็นสี
00:07:17 → 00:07:19 เหลืองเข้มนะฮะอาจจะสีเหลืองอ่อนอะไร
00:07:19 → 00:07:21 อย่างเงี้ยนะคะอันนี้คือถูกต้องเหมาะสม
00:07:21 → 00:07:22 แล้วใช่ไหมคะ
00:07:23 → 00:07:26 แต่โดยปริมาณเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วก็จะแนะ
00:07:26 → 00:07:28 นำประมาณสัก 2 ลิตร 2 ลิตรครึ่งขึ้นไปนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับอันนี้คือไม่ขาดแน่นอน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะฉะนั้นคือถ้าร่างกายรู้สึกว่าหิวน้ำ
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อไหร่คุณผู้ฟังก็ดื่มน้ำได้เลยนะคะ
00:07:36 → 00:07:38 อย่ารอให้จนแบบเออเดี๋ยวก่อนทีเดียวเอ้า
00:07:38 → 00:07:40 คุณหมออันนี้อีกนิดนึงค่ะคำว่าน้ำเนี่ย
00:07:40 → 00:07:42 คือเป็นน้ำเปล่าโดยปกติทั่วไปใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 เพราะว่าอ่าหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเออเรา
00:07:45 → 00:07:49 กินเอ่อดื่มกาแฟดื่มเครื่องดื่มประเภท
00:07:49 → 00:07:53 อื่นๆอ่านนั้นกรงน้ำแกงน้ำซุปอ่าหรืออะไร
00:07:53 → 00:07:57 พวกเนี้ยบางคนก็บอกว่าก็เนี่ยพวกนี้ก็
00:07:57 → 00:07:59 เป็นน้ำเหมือนกันก็ทดแทนกันได้ได้หรือ
00:07:59 → 00:08:00 เปล่าคะ
00:08:00 → 00:08:03 แนะนำว่าให้เป็นน้ำเปล่าดีกว่านะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่าน้ำแกงน้ำซุปเนี่ยสิ่งที่เราได้
00:08:06 → 00:08:08 ไปเนี่ยนอกจากน้ำแล้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:08 → 00:08:12 เกลือมีโซเดียมเข้าไปในร่างกายด้วย
00:08:12 → 00:08:16 อันตรายอีก
00:08:16 → 00:08:19 น้ำเปล่าดีที่สุดอันนี้ไม่รวมแอลกอฮอล์นะ
00:08:19 → 00:08:24 คะคุณผู้ฟังเดี๋ยวต้องเบรกไว้ก่อน
00:08:24 → 00:08:27 เหลือแอลกอฮอล์เป็นกินแทนดื่มแทนน้ำเลย
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างนี้ไม่ต้องนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อันนี้ก็แสดงว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงจากการ
00:08:32 → 00:08:35 ที่เรากินอาหารอะไรต่างๆเหล่านี้เพราะว่า
00:08:35 → 00:08:36 มันมีทั้ง
00:08:36 → 00:08:40 อะไรนะที่คุณหมอบอกมีถั่วมีผักโขมนอกจาก
00:08:40 → 00:08:43 ดื่มน้ำมากๆเนี่ยนะครับแล้วก็อาหารต่อไป
00:08:43 → 00:08:47 คือที่ควรทำคืออาหารที่มีกากใยมากๆอย่าง
00:08:47 → 00:08:50 เช่นพวกผักอะไรพวกนี้นะครับ
00:08:50 → 00:08:54 พวกนี้เนี่ยจะไปช่วยจับออกซาเลตนะครับใน
00:08:54 → 00:08:55 อาหารอื่นๆ
00:08:55 → 00:08:58 แล้วก็ขับออกมาทางอุจจาระเรา
00:08:58 → 00:09:02 นะฮะอันนี้ก็ลดอากาศนิว
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปก็คือเพิ่มอาหาร
00:09:05 → 00:09:08 ที่มีแคลเซียมนะครับอาหารก็แคลเซียมก็ควร
00:09:08 → 00:09:10 จะได้รับด้วย
00:09:10 → 00:09:12 อ่าพวกนมอะไรพวกนี้นะครับที่มีแคลเซียม
00:09:12 → 00:09:16 อันนี้ก็จะช่วยจับออกซะเลทได้เหมือนกันนะ
00:09:16 → 00:09:16 ครับ
00:09:16 → 00:09:18 [เพลง]
00:09:18 → 00:09:20 ต่อไปอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับก็คือ
00:09:20 → 00:09:23 ที่หมอบอกไปก็คือพวกช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:09:23 → 00:09:25 ออกซาเรดจะค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานแต่
00:09:25 → 00:09:29 ปริมาณที่พอควรนะครับหน่อไม้ผักโขมผัก
00:09:29 → 00:09:32 ดัชนีก็คือผักโขมนะครับ
00:09:32 → 00:09:36 แล้วก็ต่อไปก็คือลดอาหารเค็มนะครับอย่า
00:09:36 → 00:09:40 ทานเค็มเยอะเพราะว่าอาหารเค็มเนี่ยก็คือ
00:09:40 → 00:09:42 มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและโซเดียมเนี่ย
00:09:42 → 00:09:45 ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลึกนิ่วได้นะ
00:09:45 → 00:09:46 ครับ
00:09:46 → 00:09:49 เพราะฉะนั้นนอกจากทานเค็มแล้วเนี่ยความ
00:09:49 → 00:09:52 ดันสูงเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดอะไรพวก
00:09:52 → 00:09:55 นี้เนี่ย
00:09:55 → 00:09:57 ต่อนิ่วก็มีผลเหมือนกันนะครับมาเป็น
00:09:57 → 00:09:59 แพ็คเกจเลยค่ะคุณหมอ
00:09:59 → 00:10:04 ความจริง
00:10:04 → 00:10:06 มันก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:09 ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะเพราะว่าบางที
00:10:09 → 00:10:12 เราไม่รู้หรอกว่าเอ๊ะมันมีการตกตะกอนอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหรือเปล่าการตกตะกอนอย่างเงี้ยค่ะใน
00:10:14 → 00:10:17 การที่จะมันตกตะกอนก่อนแล้วมันทำให้เกิด
00:10:17 → 00:10:19 นิ่วหรือว่าไอ้ตะกอนนั้นมันคือนิ่วค่ะคุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอตอนแรกตะกอนเนี่ยที่ยังไม่จับตัวกัน
00:10:21 → 00:10:25 เป็นก้อนเนี่ย 3 เราสามารถดื่มน้ำเยอะๆทำ
00:10:25 → 00:10:29 ให้ขับออกมาในรูปของปัสสาวะได้ปัสสาวะอาจ
00:10:29 → 00:10:33 จะแบบมีฝุ่นๆๆหน่อยนึงแต่ถ้าเกิดเราปล่อย
00:10:33 → 00:10:35 ไว้นาน
00:10:35 → 00:10:38 ไอ้ตัวฝุ่นๆเนี้ยในปัสสาวะเนี่ยมันจับกัน
00:10:38 → 00:10:41 กลายเป็นก้อนผลิตก็จะกลายเป็นนิ่วนะครับ
00:10:41 → 00:10:44 ก็ทำให้มีอาการได้นะครับ
00:10:44 → 00:10:46 แล้วอาการที่ว่านี่มันเป็นยังไงมันมี
00:10:46 → 00:10:48 อาการยังไงบ้างคะ
00:10:48 → 00:10:52 ก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ยมีอาการ
00:10:52 → 00:10:55 ค่อนข้างหลากหลายเลยนะครับมันขึ้นอยู่กับ
00:10:55 → 00:10:59 ขนาดของนิ่วแล้วก็ตำแหน่งนะครับแล้วก็การ
00:10:59 → 00:11:01 อุดตันว่าอุดตันเยอะหรือว่าอุดตันยังน้อย
00:11:01 → 00:11:05 ๆอยู่นะครับอย่างเช่นถ้าเกิดนิ่ว
00:11:05 → 00:11:09 เต็มก้อนเล็กอยู่นะครับก็คือน้อยกว่าน้อย
00:11:09 → 00:11:11 กว่าเซนนึงอาจจะแค่ครึ่งเซนอะไรพวกนี้
00:11:11 → 00:11:17 เนี่ยโอกาสที่ดื่มน้ำแล้วใช้น้ำปัสสาวะ
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยดันออกมาหลุดออกมาเองได้ก็โอเคครับ
00:11:20 → 00:11:22 ก็โชคดีนะครับ
00:11:22 → 00:11:25 ฉะนั้นบางคนที่เป็นนิ่วก้อนเล็กๆเนี่ยเขา
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมาด้วยมาปรึกษาว่าไปปัสสาวะแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 สังเกตว่ามีก้อนเล็กๆออกมาหืมนะครับก็
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจอะไรพวกนี้ออกมาสบายได้นะครับ
00:11:34 → 00:11:38 แต่ถ้าเกิดก้อนเนี่ยเริ่มใหญ่ขึ้นมีการไป
00:11:38 → 00:11:42 อุดทางเดินปัสสาวะเนี่ยนะครับคนไข้ก็จะมา
00:11:42 → 00:11:47 ด้วยอาการปวดนะฮะปวดบริเวณที่แนวทางเหนือ
00:11:47 → 00:11:50 วางอยู่นะก็คืออาจจะหลัง 2 ข้างข้างใน
00:11:50 → 00:11:52 ข้างหนึ่งนะครับ
00:11:52 → 00:11:56 อันนี้คือแนวไตก็คือแล้วตำรวจตกตรงท้อง
00:11:56 → 00:11:57 น้อยทะลุไปหลังอะไรพวกนี้
00:11:57 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 แต่ถ้าเกิดเคลื่อนตัวมาบริเวณท่อไตแล้ว
00:12:01 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ก็จะปวดแบบค่อนข้างที่จะ
00:12:03 → 00:12:07 รุนแรงปวดจนแบบตัวงอทำอะไรไม่ได้เลยนะอาจ
00:12:07 → 00:12:12 จะมีร้าวไปบริเวณหน้าขาพวกนี้ได้นะครับ
00:12:12 → 00:12:16 หรือถ้าเกิดมี annival บริเวณกระเพาะ
00:12:16 → 00:12:18 ปัสสาวะเนี่ยก็อาจจะปวดบริเวณ
00:12:18 → 00:12:22 ท้องน้อยนะครับ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วนอกจากอาการที่ปวดแล้วเนี่ยอีกอันนึง
00:12:25 → 00:12:28 ที่ต้องระวังก็คือนิ่วเนี่ยทำให้เกิด
00:12:28 → 00:12:38 ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้นะครับ
00:12:38 → 00:12:42 ทำให้การรักษาเนี่ยอาจจะรักษา
00:12:42 → 00:12:45 หายขาดเนี่ยต้องใช้เวลานานนะครับต้องใช้
00:12:45 → 00:12:49 ยาฆ่าเชื้อนาน
00:12:49 → 00:12:51 ก็การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะก็คือ
00:12:51 → 00:12:55 อาจจะมีอาการไข้นะครับหรือว่าปัสสาวะแสบ
00:12:55 → 00:12:59 ขัดปัสสาวะขุ่นอะไรพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ปิดกะปอยรู้สึกไม่สุดอะไรพวกนี้นะครับ
00:13:02 → 00:13:06 หรือบางคนถ้าเกิดเป็นมากเนี่ยทำให้กรวยไต
00:13:06 → 00:13:09 ในอักเสบถ้ากรวยแตกอักเสบส่วนใหญ่จะมีไข้
00:13:09 → 00:13:11 นะครับแล้วก็หนาวสั่นแล้วก็อาจจะปวด
00:13:11 → 00:13:14 บริเวณบั้นเอวด้านซ้ายหรือด้านขวาที่ที่
00:13:14 → 00:13:19 เป็นเนี่ยนะครับบางครั้งเนี่ยเวลาเราเรา
00:13:19 → 00:13:22 สัมผัสหรือไปเคาะนิดนึงบริเวณการวางของไต
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยจะสะดุ้งได้เลยนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ก็จะเป็นค่อนข้างเยอะนะ
00:13:28 → 00:13:30 อาการนอกจาก
00:13:30 → 00:13:34 อาการอื่นๆแล้วเนี่ยก็จะมีบางครั้งเนี่ย
00:13:34 → 00:13:39 ตรวจพบเจอด้วยการไปตรวจสุขภาพประจำปีนะ
00:13:39 → 00:13:40 ครับพบว่า
00:13:40 → 00:13:45 ตรงบริเวณท่อไตเนี่ยมันบวมทำให้ไตบวมน่ะ
00:13:45 → 00:13:48 เกิดจากนิ่วไปอุดตันได้
00:13:48 → 00:13:52 คือส่งผลระยะยาวคือทำให้ค่าไตเนี่ยเสื่อม
00:13:52 → 00:13:54 ลงเร็วได้นะครับเป็นสาเหตุของเป็นไต
00:13:54 → 00:13:56 เสื่อมเรื้อรังได้นะครับการที่มีนิ่วไป
00:13:56 → 00:14:02 อุดทางเดินปัสสาวะ
00:14:02 → 00:14:06 เคยเคยเห็นสังเกตของคุณพ่อนะคือคุณพ่อไม่
00:14:06 → 00:14:09 เคยไม่อ่าเขาเรียกว่าอะไรดีคะไปตรวจเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เราไม่เคยรู้เลยว่าท่านท่านมีปัญหาเกี่ยว
00:14:12 → 00:14:14 กับเรื่องของไตอ่ะนะคะจนวันนึงเนี่ยแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เท้าบวมมากเลยอ่ะค่ะอันนี้คือมันเกี่ยว
00:14:18 → 00:14:25 กับไตเลยใช่ไหมคะแบบมันแบบบวมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:25 → 00:14:28 ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นจากระบบไหนนะครับเป็น
00:14:28 → 00:14:31 ระบบจากหัวใจหรือเป็นจากระบบตับหรือว่า
00:14:31 → 00:14:33 ถ้าเกิดเป็นไตการที่จะพิสูจน์แล้วคือเรา
00:14:33 → 00:14:37 ก็ต้องส่งดูค่าไตนะครับแล้วก็ตัวปัสสาวะ
00:14:37 → 00:14:39 ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่ามันมีหลาย
00:14:39 → 00:14:43 ปัจจัยแล้วก็มันอาจจะทำให้เราคิดว่ามัน
00:14:43 → 00:14:44 อาจจะไม่ได้เป็นอันนี้จะเป็นอย่างอื่นก็
00:14:44 → 00:14:47 ต้องคือต้องไปเป็นพบแพทย์ไปดูว่ามันเกิด
00:14:47 → 00:14:50 จากสาเหตุอะไรปัจจัยอะไรด้วยใช่ไหมคะแสดง
00:14:50 → 00:14:53 ว่ามันปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตมัน
00:14:53 → 00:14:55 มีมันมีเยอะมากมันมีหลายอย่างมากนอกจาก
00:14:55 → 00:14:57 ที่เมื่อกี้คุณหมอบอกอีกใช่ไหมคะอย่าง
00:14:57 → 00:15:00 อย่างพวกแบบเอ่อพันธุกรรมอย่างนี้เป็นไป
00:15:00 → 00:15:03 ได้ไหมคะพันธุกรรมครับมีส่วนนะครับเฮ้อ
00:15:03 → 00:15:07 พันธุกรรมบางอย่างทำให้การจับตกตะกอนใน
00:15:07 → 00:15:12 ปัสสาวะเนี่ยเป็นมากกว่าคนปกตินะ
00:15:12 → 00:15:17 หรือว่ามีการพันธุกรรมบางอย่างทำให้อ่า
00:15:17 → 00:15:20 สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดตัวนิ่วเนี่ยมาก
00:15:20 → 00:15:22 ขึ้นนะครับ
00:15:22 → 00:15:26 อย่างเช่นมีกฎยูริกในร่างกายเยอะอะไรพวก
00:15:26 → 00:15:28 นี้นะครับ
00:15:28 → 00:15:32 แล้วอย่างพวกอ่าการกั้นปัสสาวะนานๆมีผล
00:15:32 → 00:15:34 ไหมคะ
00:15:34 → 00:15:38 การกลั้นปัสสาวะนานๆก็จะมีผลนะครับก็คือ 1
00:15:38 → 00:15:40 ก็คือทำให้
00:15:40 → 00:15:44 น้ำปัสสาวะเนี่ยที่จะที่จะขับ
00:15:44 → 00:15:48 สารที่จะตกตะกอนออกไปผลึกไปเนี่ยมันโชว์
00:15:48 → 00:15:50 ช้าลงมันไหลช้าลง
00:15:50 → 00:15:51 ก็ทำให้
00:15:51 → 00:15:55 เวลาในการตกตะกอนมากขึ้นนะครับอีกเรื่อง
00:15:55 → 00:15:58 นึงการปัสสาวะเนี่ยบ่อยๆเนี่ย
00:15:58 → 00:16:00 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดการติด
00:16:00 → 00:16:03 เชื้อได้ในปัสสาวะได้มากขึ้นครับ
00:16:03 → 00:16:06 ฉะนั้นเราไม่ควรจะกั้นปัสสาวะนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อันนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงนะ
00:16:09 → 00:16:11 คะเวลาที่ต้องเดินทาง
00:16:11 → 00:16:12 นะคะ
00:16:12 → 00:16:14 เออหาห้องน้องห้องน้ำอะไรอย่างนี้อาจจะ
00:16:14 → 00:16:17 ยากนิดนึงแต่พยายามอยากกลั้นดีที่สุดคือ
00:16:17 → 00:16:20 หมายความว่าถ้าร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ป่วยแล้วนะ
00:16:22 → 00:16:25 แวะปั๊มแวะข้างทางเอ่อปั๊มนะคะหรืออะไร
00:16:25 → 00:16:30 อย่างเงี้ยจะดีกว่าใช่ไหมพยายามอั้นๆๆไว้
00:16:30 → 00:16:35 แบบนั้นไม่ดีใช่ไหมคะ
00:16:35 → 00:16:41 เสี่ยงเลย
00:16:41 → 00:16:44 ค่ะ
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็พวกเกี่ยวกับยาบางอย่างหรืออะไร
00:16:49 → 00:16:51 อย่างวิตามินซีอย่างนี้ค่ะที่ได้ยินมาคือ
00:16:51 → 00:16:54 แบบวิตามินซีมันจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:16:54 → 00:16:56 ด้วยหรอคะ
00:16:56 → 00:16:59 คือโดยทั่วไปเนี่ยวิตามินซีเนี่ยอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:02 ให้เกิดนิ่วในไตได้ด้วยเพราะว่าอาจจะมี
00:17:02 → 00:17:05 สารตั้งต้นทำให้เกิดผลึกเนี่ยในทางเดิน
00:17:06 → 00:17:09 ปัสสาวะเนี่ยไม่ได้มากนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:09 → 00:17:12 เราที่คนที่ทานวิตามินซีเนี่ยอันนี้ที่
00:17:12 → 00:17:15 หมอแนะนำเนี่ยหมอแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับให้มากด้วย
00:17:17 → 00:17:23 [เพลง]
00:17:23 → 00:17:26 พวกนี้ที่ทำให้เกิดผลึกเนี่ยออกมาได้เยอะ
00:17:26 → 00:17:28 นะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆมากๆมากๆมากๆเลยนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 คุณผู้ฟังเพราะว่าเพราะว่ากินวิตามินซี
00:17:35 → 00:17:38 อยู่เหมือนกันคุณหมอแต่ว่าแบบเออไม่แน่ใจ
00:17:38 → 00:17:41 ว่าดื่มน้ำตามปริมาณที่มันมากพอหรือเปล่า
00:17:41 → 00:17:45 อาจจะต้องมากกว่าปกติใช่ไหมคะ
00:17:45 → 00:17:46 ใช่ครับ
00:17:46 → 00:17:50 ว่าแบบทานวิตามินซีทุกคนต้องต้องเกิดอะไร
00:17:50 → 00:17:50 พวกเนี้ยครับ
00:17:50 → 00:17:54 ขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวเราด้วยนะครับ
00:17:54 → 00:17:57 การดื่มน้ำด้วยอะไรพวกนี้
00:17:57 → 00:18:01 ไม่อยากเป็นนิ่วในไตก็ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
00:18:01 → 00:18:05 คุณผู้ฟังนะคะแล้วมันจะมีอาการแบบไหนยัง
00:18:05 → 00:18:07 ไงบ้างคะคุณหมอคะที่จะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:07 → 00:18:11 มันมีความเสี่ยงแล้วนะเราสังเกตตัวเองยัง
00:18:11 → 00:18:13 ไงได้ไหมคะคุณหมอก่อนที่เราจะไปหาคุณหมอ
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยมันมีอาการอะไรบอกก่อนไหมคะ
00:18:16 → 00:18:19 ก็คือต้องแบ่งเป็น 2 อย่างคือคนที่ไม่มี
00:18:19 → 00:18:21 อาการก็คือไปตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจ
00:18:21 → 00:18:24 ร่างกายนะครับสุขภาพประจำปีอันที่ 2 ก็
00:18:24 → 00:18:28 คือเริ่มมีอาการของนิ่วไปอุดกั้นทางเดิน
00:18:28 → 00:18:31 ปัสสาวะนะครับไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเหมือน
00:18:31 → 00:18:33 ที่หมอได้บอกไป
00:18:33 → 00:18:37 ถือว่าคนไข้ที่ติดเชื้อในปัสสาวะบ่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องน่าสงสัยนะ
00:18:40 → 00:18:42 ครับ
00:18:42 → 00:18:45 ส่วนการตรวจวินิจฉัยเนี่ยพอเวลาเราไปพบ
00:18:45 → 00:18:47 คุณหมอแล้วใช่ไหมครับ
00:18:47 → 00:18:50 คุณหมอก็จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือร่วมกับตรวจ
00:18:52 → 00:18:55 ปัสสาวะนะครับเพราะว่าถ้าเกิดในทาง
00:18:55 → 00:18:57 ปัสสาวะเนี่ยมีโอกาสที่เราจะพบความผิด
00:18:57 → 00:19:00 ปกติก็คือจะมีเม็ดเลือดแดงเนี่ยปนออกมา
00:19:00 → 00:19:02 ปัสสาวะได้นะครับ
00:19:02 → 00:19:06 นอกจากนั้นเราก็เอกซเรย์นะครับภาพช่อง
00:19:06 → 00:19:09 ท้องส่วนบริเวณที่ไตกับทางเดินปัสสาวะนะ
00:19:09 → 00:19:13 ครับแล้วก็จะเห็นเป็นสถานทึบแสงที่อยู่ใน
00:19:13 → 00:19:15 แนวทางปัสสาวะนะครับอันนี้ก็ต้องระวังว่า
00:19:15 → 00:19:19 อาจจะเป็นพวกนิ่วในปัสสาวะได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 ก็หลังจากนั้นถ้าเกิดสงสัยจะดูเพิ่มเติม
00:19:23 → 00:19:27 แล้วก็จะส่งอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่าไป
00:19:27 → 00:19:31 ทำสแกนเพื่อจะทำให้เห็นตัวรอยโรคนั้นได้
00:19:31 → 00:19:34 ดีขึ้นได้ชัดเจนขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ในไตหรือว่าในระบบทางเดินปัสสาวะตรงนี้
00:19:39 → 00:19:41 เนี่ยไม่ว่าจะจุดไหนก็แล้วแต่
00:19:41 → 00:19:45 ถ้ามีปริมาณที่ยังเป็นผลึกที่อาจจะยังไม่
00:19:45 → 00:19:47 เยอะนะคะกำลังเริ่มจับตัวเป็นผลึกละหรือ
00:19:48 → 00:19:48 อะไรอย่างนี้
00:19:48 → 00:19:52 มันก็จะมีอาการพวกนี้บ่งบอกได้เลยใช่ไหม
00:19:52 → 00:19:54 หรือว่ามันต้องแบบโอ้โหผลึกเยอะมากมันไม่
00:19:54 → 00:19:55 ไหวแล้ว
00:19:55 → 00:19:59 จนทำให้มันมีอาการหนักๆขึ้นมา
00:19:59 → 00:20:01 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดมีอาการเนี่ยก็คือตัว
00:20:01 → 00:20:05 ก้อนนิ่วเนี่ยจะค่อนข้างเยอะแล้วค่อนข้าง
00:20:05 → 00:20:07 ใหญ่แล้วนะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ก็คือประมาณเกิน 0.5 ซมขึ้นไปนะครับถ้า
00:20:11 → 00:20:14 เกิดไปอุดบริเวณท่อไตหรือว่าส่วนใดต่างๆ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยอันนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดมีอาการปวด
00:20:16 → 00:20:19 ขึ้นมาให้ได้มาก
00:20:19 → 00:20:22 แล้วลักษณะของนิ่วเนี่ยกำลังนึกภาพของ
00:20:22 → 00:20:25 นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยเห็นในภาพในโซเชียล
00:20:25 → 00:20:27 อะไรอย่างนี้นะคะในอินเตอร์เน็ตอย่างนี้
00:20:27 → 00:20:30 ค่ะมันเป็นนิ่วแบบเดียวกันเลยไหมคะผลึก
00:20:30 → 00:20:33 ออกมาเป็นลักษณะคล้ายๆก้อนกรวดเหมือนกัน
00:20:33 → 00:20:36 ไหมคะเป็นก้อนกรวดเหมือนกันแต่ว่าขนาด
00:20:36 → 00:20:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะไม่เหมือนกับ
00:20:38 → 00:20:42 ตัวนิ่วในในถุงน้ำดีนะครับผสมน้ำดีอาจจะ
00:20:42 → 00:20:46 มีขนาดใหญ่ได้จะมีนิ่วในไตบางที่ที่จะมี
00:20:46 → 00:20:49 ขนาดใหญ่แต่ก็จะเป็นตามลักษณะบริเวณ
00:20:49 → 00:20:53 อวัยวะนั้นอย่างเช่นบริเวณที่ที่กรวยไต
00:20:53 → 00:20:57 อะไรอย่างนี้นะครับก็จะมีโรคบางโรคที่
00:20:57 → 00:21:00 ติดเชื้อท่านปัสสาวะทำซ้ำๆเนี่ยนะครับ
00:21:00 → 00:21:03 แล้วเป็นก๋วยเตี๋ยวอักเสบเนี่ยก็จะมีนิ่ว
00:21:03 → 00:21:06 ค่อนข้างใหญ่นะครับก็คือเรียกว่านิ่วเขา
00:21:06 → 00:21:10 กวางตรงบริเวณตรงตรงกรวยไตได้
00:21:10 → 00:21:13 อีกที่นึงที่นี่สามารถเจอนิ่วใหญ่ๆได้
00:21:13 → 00:21:15 เนี่ยก็คือตรงกับป.ปัสสาวะนะครับเพราะ
00:21:15 → 00:21:17 กระเพาะปัสสาวะเนี่ยมีปริมาณค่อนข้างเยอะ
00:21:17 → 00:21:19 นะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ผู้ป่วยบางท่านเนี่ยก็คือไม่ได้สังเกต
00:21:22 → 00:21:25 อาการไม่รู้ว่ามีความผิดปกติทางปัสสาวะ
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยจนมารักษาเนี่ยอัตราเราเจอนิ่วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:32 ขนาดแบบหลายเซนติเมตรก็มี 3-4 ซมอะไรพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ในทางเดียวในกระเพาะปัสสาวะเนี่ยก็เจอ
00:21:34 → 00:21:35 ได้เฮ้ย
00:21:35 → 00:21:40 ใหญ่ใหญ่มากเลย
00:21:40 → 00:21:44 ในกระเพาะปัสสาวะนะครับผู้หญิงเป็นเยอะ
00:21:44 → 00:21:47 กว่าไหมคะคืออัตราส่วนนี่คือหมอคิดว่า
00:21:47 → 00:21:49 เท่าๆกันนะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับแต่ผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงต่อการ
00:21:51 → 00:21:57 เป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย
00:21:57 → 00:22:00 เพราะว่าท่อปัสสาวะของผู้หญิงเนี่ยจะสั้น
00:22:00 → 00:22:02 กว่าผู้ชายนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 ตามลักษณะโครงสร้างอันนี้ก็
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
00:22:09 → 00:22:11 ขึ้นสำหรับคุณผู้หญิงนะคะแล้วก็คุณบอกว่า
00:22:11 → 00:22:13 ถ้าเกิดมันมีอาการอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอเลยตรวจเช็ค
00:22:16 → 00:22:19 กันมาแล้วเออมันเป็นนิ่วแหละนะคะขั้นตอน
00:22:19 → 00:22:22 กระบวนการรักษานี่มันยุ่งยากไหมคะ
00:22:22 → 00:22:26 อ๋อการรักษาเนี่ยเอ่อ
00:22:26 → 00:22:28 คุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเนี่ยก็จะ
00:22:28 → 00:22:32 เป็นคนผู้ให้วางแผนการรักษานะครับโดยทั่ว
00:22:32 → 00:22:35 ไปแล้วเนี่ยเราจะรักษาตาม
00:22:35 → 00:22:37 ขนาดของนิ่วนะครับ
00:22:37 → 00:22:41 ถ้าเกิดขนาดของนิ่วไม่ได้มีขนาดใหญ่ไม่
00:22:41 → 00:22:44 ได้มีอาการของการไป
00:22:44 → 00:22:49 กดท่อไตหรือว่าท่อปัสสาวะนะครับแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 สามารถให้การรักษาแบบประคับประคองได้นะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับก็คือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม
00:22:55 → 00:22:58 น้ำมากๆเลยพวกนี้แล้วก็ให้ยาช่วยระงับ
00:22:58 → 00:23:00 อาการปวดเพราะว่า
00:23:00 → 00:23:04 นิ่วที่ขนาดเล็กเนี่ยสามารถหลุดออกมาได้
00:23:04 → 00:23:06 นะครับส่วนใหญ่นะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าเกิดเป็นนิ่วขนาดใหญ่แล้วก็มีอาการ
00:23:09 → 00:23:13 เยอะนะครับหรือว่ามีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:23:13 → 00:23:17 อย่างเช่นพวกเชื้อบ่อยๆอะไรพวกนี้
00:23:17 → 00:23:20 ก็จะต้องไปจัดการเอานิ้วออกมาจากร่างกาย
00:23:20 → 00:23:24 นะครับก็คือจะมีการแบบการผ่าตัดนะครับการ
00:23:24 → 00:23:27 ผ่าตัดเปิดไปทำหรือว่าการสลายนิ่วด้วย
00:23:27 → 00:23:29 คลื่นกระแทกนะครับ
00:23:29 → 00:23:33 หรือว่าส่องกล้องผ่านไปอะไรพวกนี้นะครับ
00:23:33 → 00:23:37 ก็จะมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับ
00:23:37 → 00:23:42 ตำแหน่งขนาดและก็อาการของตัวโรคครับ
00:23:42 → 00:23:47 ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนใช่ไหมคะใช่ครับ
00:23:47 → 00:23:50 [เพลง]
00:23:50 → 00:23:53 ถ้าเกิดพูดถึงในแง่ของถ้าเกิดเป็นนิ่วนาน
00:23:53 → 00:23:55 ๆใช่ไหมครับ
00:23:55 → 00:23:58 ถ้าเกิดเป็นนิ่วนานๆเนี่ยก็คือเหมือนที่
00:23:58 → 00:24:01 หมอบอกก็คืออย่างแรกก็คืออาจจะมีอาการปวด
00:24:01 → 00:24:05 นะครับมารบกวนชีวิตได้เรื่อยๆนะครับ
00:24:05 → 00:24:08 อันที่ 2 ก็คือทำให้เกิดการติดเชื้อทาง
00:24:08 → 00:24:09 เดินปัสสาวะได้บ่อยๆ
00:24:09 → 00:24:13 หรือบางคนถ้าเกิดมีนิ่วที่กรวยไตที่ตาย
00:24:13 → 00:24:16 พวกนี้ทำให้กรวยไตอักเสบก็สามารถติดเชื้อ
00:24:16 → 00:24:19 ในกระแสเลือดได้
00:24:19 → 00:24:32 มันก็นำไปสู่ใช่ครับ
00:24:32 → 00:24:36 ซึ่งภาวะไตบวมน้ำเนี่ยก็จะทำให้การทำงาน
00:24:36 → 00:24:40 ของไตเนี่ยลดลงก็นำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
00:24:40 → 00:24:43 เรื้อรังนะครับได้ครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตั้งแล้วรู้สึกแบบว่าโอ้ยไม่อยากเป็นอะไร
00:24:46 → 00:24:48 เลย
00:24:48 → 00:24:53 นะคะคุณหมอคะให้การป้องกันนิ้วในไตเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:56 เบื้องต้นเราต้องยังไงกันได้บ้างคะ
00:24:56 → 00:25:02 อันนี้ก็หมอก็เน้นย้ำนะครับคือเอ่อใครที่
00:25:02 → 00:25:04 สามารถดื่มน้ำได้โดยที่คุณหมอเขาไม่ได้
00:25:04 → 00:25:06 จำกัดน้ำดื่มเนี่ยก็อยากจะให้ดื่มน้ำให้
00:25:06 → 00:25:10 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันนะครับก็คือประมาณ
00:25:10 → 00:25:12 เกิน 2 ลิตรถึง 2.5 ลิตรขึ้นไปนะครับ
00:25:12 → 00:25:17 เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วแล้วก็ทำให้ร่าง
00:25:17 → 00:25:19 กายระบบอื่นๆเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:25:19 → 00:25:20 ประสิทธิภาพด้วยนะฮะ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็ทานผักหรืออาหารที่มีกากใยมากๆนะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับอันนี้ก็ช่วยลดการเกิดนิ่วรวมทั้งทาน
00:25:27 → 00:25:31 อาหารที่มีแคลเซียมสูงนะครับ
00:25:31 → 00:25:34 ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง
00:25:34 → 00:25:38 นะครับไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตนะครับหน่อ
00:25:38 → 00:25:40 ไม้ผักบางชนิดก็คือเหมือนที่หมอยกตัว
00:25:40 → 00:25:42 อย่างคือผักโขม
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็อีกอันนึงคือรถการรับประทานอาหาร
00:25:45 → 00:25:50 เค็มนะครับเค็มมากไม่ดี
00:25:50 → 00:25:54 แล้วก็อยากจะเชิญชวนทุกคนนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:57 หมอคิดว่าสิ่งที่อยากมาที่สุดเนี่ยไม่ใช่
00:25:57 → 00:26:00 การรักษาโรคนะก็คือหมอว่าการป้องกันเนี่ย
00:26:00 → 00:26:03 อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับก็คือ
00:26:03 → 00:26:06 เหมือนที่หมอบอกก็คือพยายามทานอาหารให้
00:26:06 → 00:26:10 ไม่ให้เกิดนิ่วความเสี่ยงกับการเกิดนิ่ว
00:26:10 → 00:26:11 ในไตแน่นอน
00:26:11 → 00:26:16 แล้วก็ควรจะตรวจสุขภาพนะครับประจำปีนะ
00:26:16 → 00:26:21 ครับสักครั้งหนึ่งต่อต่อปีก็โอเคนะครับ
00:26:21 → 00:26:24 เพราะเราอาจจะไปเจอนิ่วโดยบังเอิญอะไรพวก
00:26:24 → 00:26:28 นี้เราจะได้รีบทำการรักษานะครับก่อนที่
00:26:28 → 00:26:32 มันจะส่งผลมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
00:26:32 → 00:26:35 ก็เป็นวิธีการที่ลักษณะของการปรับเปลี่ยน
00:26:35 → 00:26:37 พฤติกรรมของเรานะคะถ้าไม่อยากเป็นนิ่วนะ
00:26:37 → 00:26:40 คะแล้วก็ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากจะต้องมา
00:26:40 → 00:26:43 นั่งผ่าตัดหรือมาทำการรักษาเนี่ยเราสู้
00:26:43 → 00:26:46 เราป้องกันจะเป็นทางที่ดีกว่านะคะเอาล่ะ
00:26:46 → 00:26:48 วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอวชิรพงษ์ด้วย
00:26:48 → 00:26:50 นะคะที่มาร่วมพูดคุยในรายการรองเบาะของ
00:26:50 → 00:26:54 เราค่ะขอบคุณค่ะคุณหมอขาสวัสดีค่ะค่ะ
00:26:54 → 00:26:57 คุณผู้ฟังค่ะหมดเวลาแล้วกับรายการรองหมอ
00:26:57 → 00:27:00 ทางไทย PBS ค่ะวันนี้ต้องลาไปก่อนค่ะ
00:27:00 → 00:27:02 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:02 → 00:27:05 นะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:05 → 00:27:08 ใน 1 วันคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
00:27:09 → 00:27:12 ทุกคนการใช้เวลาของแต่ละคนให้มีคุณภาพมี
00:27:12 → 00:27:14 ปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดร
00:27:14 → 00:27:17 สุวุฒิวงศ์สวัสดิ์นักจิตวิทยาการศึกษามา
00:27:17 → 00:27:20 เล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วในชีวิตแต่ละคนนะ
00:27:21 → 00:27:23 ครับมันจะมีห้วงเวลาของการจำเป็นต้องใช้
00:27:23 → 00:27:26 กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากันหรอกแต่บางที 888
00:27:26 → 00:27:28 ถ้าสมมุติเราไม่ต้องไปซื่อตรงกับเวลามัน
00:27:28 → 00:27:31 มากแต่อาจจะหมายถึงว่า 3 ส่วนนี้เป็นส่วน
00:27:31 → 00:27:34 ที่สำคัญต่อชีวิตเราในอัตราส่วนที่เท่าๆ
00:27:34 → 00:27:36 กันใช้คำว่าอัตราส่วนนะแต่ผมไม่ได้พูดถึง
00:27:36 → 00:27:39 ว่าเวลาต้องเท่ากันแต่หมายถึงน้ำหนักของ
00:27:39 → 00:27:41 มันความสำคัญของมันเนี่ยมันอาจจะเท่าๆกัน
00:27:41 → 00:27:43 แหละจริงๆสิ่งที่สำคัญมากกว่าการแบ่งส่วน
00:27:43 → 00:27:47 อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาได้มีคุณภาพ
00:27:47 → 00:27:50 หรือเปล่าสมมุติ 8 ชั่วโมงของการนอนเรา
00:27:50 → 00:27:52 นอนบนเตียงก็จริงแต่หัวคิดไม่หยุดแล้วนอน
00:27:52 → 00:27:54 ไม่หลับมันจะเรียกว่านอนได้ยังไงหรือทำ
00:27:54 → 00:27:58 งานนั่งอยู่ในออฟฟิศใช่แหละ 8 ชั่วโมงแต่
00:27:58 → 00:27:59 เผลอถ่ายโซเชียลมีเดียแล้วก็ได้ทำงานจริง
00:28:00 → 00:28:02 ๆ 2 ชั่วโมงเราจะเรียกว่าการทำงานนี้มี
00:28:02 → 00:28:05 คุณภาพได้ยังไงหรือไปเรียนหนังสือมัวแต่
00:28:05 → 00:28:07 นั่งคุยกับเพื่อนแล้วเราก็จบมาแบบไม่รู้
00:28:07 → 00:28:10 อะไรเลยแต่กระจก
00:28:10 → 00:28:12 เราจะเรียกว่าคุณภาพยังไงหรือไม่ก็ตั้ง
00:28:12 → 00:28:14 ป้อนสุดท้ายครับ 8 ชั่วโมงที่มีความหมาย
00:28:14 → 00:28:17 กับตัวเรากับคนสำคัญและการพักผ่อนทางใจ
00:28:17 → 00:28:19 สมมุตินะคนบางคนโชคร้ายครับเกิดใน
00:28:19 → 00:28:23 กรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางเดินทางสมมุติหาย
00:28:23 → 00:28:24 ไป 4 ชั่วโมง
00:28:24 → 00:28:27 ไป 2 ชั่วโมงกับ 2 ชั่วโมงไอ้ 8 ชั่วโมง
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยที่ควรจะได้ใช้เพื่อตัวเองจริงๆหาย
00:28:29 → 00:28:32 ไปละเสียซึ่งสีนี้ครับยังไม่รวมไปและอาบ
00:28:32 → 00:28:35 น้ำอีกนะยังไม่รวมเวลากินข้าวนะสุดท้าย
00:28:35 → 00:28:38 ครับคนบางคนเนาะอาจจะเหลือ 8 ชั่วโมงสุด
00:28:38 → 00:28:40 ท้ายเนี่ยไว้ให้ตัวเองได้แค่แบบนั่งถ่าย
00:28:40 → 00:28:49 มือถือชั่วโมงเดียวก่อนนอนนะ
00:28:49 → 00:28:52 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:52 → 00:28:54 ของไทยพีแดช็อต
00:28:54 → 00:28:58 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:58 → 00:29:01 podcast และ YouTube Channel ThaiPBS
00:29:01 → 00:29:07 portcute
00:29:07 → 00:29:12 [เพลง]
00:00:06 → 00:00:10 ในทางเดินปัสสาวะนะครับก็คือตั้งแต่ไตอาจ
00:00:10 → 00:00:12 จะไปที่กรวยไตไม่เป็นจังหวะอวัยวะต่อกัน
00:00:12 → 00:00:16 นะครับก็คือระบบไตระบบทางเดินปัสสาวะท่อ
00:00:16 → 00:00:19 ไตแล้วก็ไปที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะฉะนั้นปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุก
00:00:21 → 00:00:23 ที่นะครับของระบบทางเดินปัสสาวะเดิมที
00:00:23 → 00:00:26 ปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำนะครับเป็น
00:00:26 → 00:00:28 องค์ประกอบแล้วก็จะมีสารต่างๆซึ่งถ้าเกิด
00:00:28 → 00:00:32 มีภาวะบางอย่างทำให้สารมีเยอะเกินทำให้ตก
00:00:33 → 00:00:35 ตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันเป็นนิ่วเป็น
00:00:36 → 00:00:38 ก้อนหรือปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นเราดื่มน้ำ
00:00:38 → 00:00:40 น้อยเกินไปไม่ตะกอนมีโอกาสจับตัวเป็นก้อน
00:00:40 → 00:00:42 แล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกิตฉันวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast สำหรับ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เรากลับมาพบกันเช่นเคยนะคะติดตาม
00:01:01 → 00:01:04 สาระดีๆกันได้วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:04 → 00:01:07 ของนิ่วในไตอันตรายแค่ไหนนะคะอันนี้
00:01:07 → 00:01:10 เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะเดี๋ยวเราคุยกับนาย
00:01:10 → 00:01:13 แพทย์วัชรพงษ์ตรีสิงห์ชัยอายุรแพทย์โรคไต
00:01:13 → 00:01:15 ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลวิทยาลัยเขตจังหวัดนครสวรรค์ค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอขาสวัสดี
00:01:21 → 00:01:25 เรามาคุยกันนะคะเป็นเรื่องของนิ่วในไตมา
00:01:25 → 00:01:27 ทำความรู้จักกันก่อนเราเคยได้ยินแต่นิ่ว
00:01:27 → 00:01:30 เอ่ออยู่จุดนั้นจุดนี้แต่ไม่เคยได้คุยกัน
00:01:30 → 00:01:33 ถึงเรื่องของนิ่วในไตอ่ะมาทำความรู้จัก
00:01:33 → 00:01:37 กันก่อนนะคะถึงอวัยวะของเราทำความเข้าใจ
00:01:37 → 00:01:41 นะคะก็เรื่องของไตทำความรู้จักกับไตมา
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนค่ะคุณหมอบอกว่าไตของเรามีหน้าที่
00:01:43 → 00:01:46 อะไรยังไงบ้างคะคือหลักๆเนี่ยหน้าที่ของ
00:01:46 → 00:01:50 ไตก็คือทำการกรองของเสียนะครับออกจากร่าง
00:01:50 → 00:01:54 กายนะครับแล้วก็กรองพวกสารอาหารต่างๆกลับ
00:01:54 → 00:01:57 เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเกลือแร่นะครับควบ
00:01:57 → 00:01:59 คุมสมดุลเกลือแร่อีกเรื่องหนึ่งคือการ
00:01:59 → 00:02:01 กรองหรือการขับน้ำนะครับรักษาสมดุลน้ำใน
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายนะครับแล้วก็เรื่องอื่นๆก็อย่าง
00:02:04 → 00:02:07 เช่นอาจจะผลิตฮอร์โมนในการกระตุ้นในการ
00:02:07 → 00:02:10 สร้างเม็ดเลือดนะครับรวมทั้งพวกการขับยา
00:02:10 → 00:02:14 ขับสารต่างๆจากร่างกายก็ไตก็เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:17 ช่วยควบคุมณจุดนี้นะครับ
00:02:17 → 00:02:21 ก็เรียกว่าก็เป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายของ
00:02:21 → 00:02:23 เรานะคะสำหรับไตของเรามันอยู่ตรงไหนของ
00:02:23 → 00:02:35 ร่างกายคะคุณหมอคะ
00:02:35 → 00:02:41 แต่จับไปไม่เจอนะคะ
00:02:41 → 00:02:45 ออกแนวน่ากลัวนิดนึงนะคะ
00:02:45 → 00:02:48 รู้จักไตแล้วนะคะคุณผู้ฟังว่าอยู่ตรงไหน
00:02:48 → 00:02:51 นะคะมี 2 ข้างนะค่อนไปทางข้างหลังตรง
00:02:51 → 00:02:54 บริเวณเอวนะคะทีนี้อ่ะไตเรารู้หน้าที่กัน
00:02:54 → 00:02:56 ไปแล้วทีนี้เรื่องของนิ่วในไตกันบ้างค่ะ
00:02:56 → 00:02:59 นิ่วในไต๋มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะคุณหมอคะ
00:02:59 → 00:03:03 ผมต้องบอกก่อนว่านิ่วเนี่ยในทางปฏิบัติ
00:03:03 → 00:03:06 แล้วเนี่ยคนไข้จะสับสนระหว่าง 2 นิ่วนะ
00:03:06 → 00:03:10 ครับก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะนะครับก็
00:03:10 → 00:03:12 คือนิ้วทางเดินปัสสาวะคือนายไตที่เราคุย
00:03:12 → 00:03:16 กันก็คือตั้งแต่ตายอาจจะไปที่กรวยไตไม่
00:03:16 → 00:03:18 เป็นจังหวะอวัยวะต่อกันนะครับก็คือระบบไต
00:03:18 → 00:03:22 ระบบทางเดินปัสสาวะท่อไตแล้วก็ไปที่
00:03:22 → 00:03:25 บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับเพราะฉะนั้น
00:03:25 → 00:03:27 ปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุกที่นะครับ
00:03:27 → 00:03:29 ของระบบทางเดินปัสสาวะอ๋อตามที่บอกมา
00:03:29 → 00:03:33 เมื่อกี้เลยหรอคะตั้งแต่มาแบบตายกรวยไต
00:03:33 → 00:03:36 ทอดไตกระเพาะปัสสาวะอ๋อเป็นได้ทุกที่ตรง
00:03:36 → 00:03:41 นี้เลยเป็นได้ทุกที่นะครับแต่อีกอันนึงก็
00:03:41 → 00:03:43 คือนิ่วถุงน้ำดีนะครับอันนี้ก็จะเป็นคนละ
00:03:43 → 00:03:47 ระบบเลยอันนี้ก็จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวานะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่ถ้าเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ย
00:03:52 → 00:03:53 นะครับก็คือ
00:03:53 → 00:03:54 อาจจะเป็นเนื่องในตายเลยพวกนี้เกิดจาก
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยเดิมทีปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 นะครับมีองค์ประกอบนะแล้วก็จะมีสารต่างๆ
00:04:00 → 00:04:04 ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้เนี่ยสามารถตกตะกอน
00:04:04 → 00:04:07 ในน้ำปัสสาวะได้ซึ่งถ้าเกิดมีภาวะบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างเนี่ยทำให้สารพวกนี้เนี่ยมีเยอะเกิน
00:04:11 → 00:04:14 ทำให้ตกตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันผลผลิต
00:04:14 → 00:04:18 เป็นนิ่วเป็นก้อนนะครับอ่าหรือปัจจัยอื่น
00:04:18 → 00:04:22 ๆอย่างเช่นเราทานเราดื่มน้ำน้อยเกินไป
00:04:22 → 00:04:25 ที่ทำให้ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะเยอะมี
00:04:25 → 00:04:28 โอกาสจับตัวเป็นก้อนแล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:04:28 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:33 ตัวสารบางอย่างที่ว่าเนี่ยค่ะมันจะเป็น
00:04:33 → 00:04:36 ประเภทอะไรบ้างคะที่มันจะทำให้เกิดการตก
00:04:36 → 00:04:39 ตะกอนได้ค่ะ
00:04:39 → 00:04:45 ก็สารที่เราพบเนี่ยก็คือ 1 เป็นพวกกรด
00:04:45 → 00:04:49 ยูริคนะครับกดยูริกก็คือคนที่มีโอกาสที่
00:04:49 → 00:05:03 เป็นเป็นเก๊าอักเสบไปพวกนี้นะครับ
00:05:03 → 00:05:07 ที่เจอบ่อยก็จะอยู่ในอาหารบางอย่างนะครับ
00:05:07 → 00:05:11 เยอะๆอย่างเช่นเป็นพวกผักโขม
00:05:11 → 00:05:27 ช็อกโกแลต
00:05:27 → 00:05:32 ของถูกใจสาวๆเลยนะคะคุณหมอ
00:05:32 → 00:05:36 แต่ว่าอย่ากินเยอะแล้วกันนะคะ
00:05:36 → 00:05:40 ที่แบบเกี่ยวกับเรื่องของการการที่เรา
00:05:40 → 00:05:42 ต้องกินเข้าไปแล้วมันมีผล
00:05:42 → 00:05:45 ที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:05:45 → 00:05:48 งั้นเดี๋ยวกล่าวโดยรวมเลยว่าทานอาหาร
00:05:48 → 00:05:51 อย่างไรนะครับจะได้แบบไม่ก่อให้เกิดนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 ในไต
00:05:53 → 00:05:55 ก็คือ 1 ก็คือเราต้องดื่มน้ำ
00:05:55 → 00:06:00 ให้มีปริมาณที่เพียงพอนะครับอาจจะเกิน 8
00:06:00 → 00:06:03 แก้วก็คือ 2 ลิตร 2.5 ลิตรต่อวันนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แต่เรื่องการดื่มน้ำเนี่ยอันนี้ก็ต้องไม่
00:06:05 → 00:06:08 ใช่ทุกคนดื่มสามารถดื่มน้ำได้เยอะหมดนะ
00:06:08 → 00:06:09 ครับ
00:06:09 → 00:06:12 ผู้ป่วยบางคนเนี่ยที่มีปัญหาเรื่องการบีบ
00:06:12 → 00:06:16 ตัวของหัวใจที่ลดลงอะไรพวกนี้เคยมี
00:06:16 → 00:06:23 ประวัติน้ำท่วมปอดอะไรพวกนี้นะครับ
00:06:23 → 00:06:28 แข็งแล้วก็มีภาวะน้ำในช่องท้องมีขาบวม
00:06:28 → 00:06:31 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องจำกัดน้ำ
00:06:31 → 00:06:35 ดื่มถ้าเกิดยิ่งดื่มน้ำมากก็จะยิ่งบวม
00:06:35 → 00:06:38 น้อยไปก็ไม่ดีดื่มมากสำหรับบางคนก็ไม่ได้
00:06:38 → 00:06:42 อีกต่างหากด้วยเนอะ
00:06:42 → 00:06:49 หมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆครับ
00:06:49 → 00:06:50 [เพลง]
00:06:50 → 00:06:54 ค่อยๆจิบไปทีละนิดทีละนิดเรื่อยๆคือไม่
00:06:54 → 00:06:56 ต้องแบบว่าทีเดียวกระดกไปแบบหมดขวดไม่ใช่
00:06:56 → 00:06:59 ขนาดนั้นใช่ไหมคะ
00:06:59 → 00:07:02 ไม่ใช่กินแบบ 2 ลิตรทีนึงตอนเช้าแล้วก็
00:07:02 → 00:07:04 ตอนกลางวันตอนเย็นไม่ทานเลยอะไรอย่างนี้
00:07:04 → 00:07:06 ก็ไม่ดี
00:07:06 → 00:07:09 อ้าวคุณหมอคะถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่แบบว่า
00:07:09 → 00:07:11 เออพอสำหรับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราสังเกตได้ที่เคยได้ยินคือการสังเกตจาก
00:07:14 → 00:07:17 สีปัสสาวะใช่ไหมคะที่มันจะไม่เป็นสี
00:07:17 → 00:07:19 เหลืองเข้มนะฮะอาจจะสีเหลืองอ่อนอะไร
00:07:19 → 00:07:21 อย่างเงี้ยนะคะอันนี้คือถูกต้องเหมาะสม
00:07:21 → 00:07:22 แล้วใช่ไหมคะ
00:07:23 → 00:07:26 แต่โดยปริมาณเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วก็จะแนะ
00:07:26 → 00:07:28 นำประมาณสัก 2 ลิตร 2 ลิตรครึ่งขึ้นไปนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับอันนี้คือไม่ขาดแน่นอน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะฉะนั้นคือถ้าร่างกายรู้สึกว่าหิวน้ำ
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อไหร่คุณผู้ฟังก็ดื่มน้ำได้เลยนะคะ
00:07:36 → 00:07:38 อย่ารอให้จนแบบเออเดี๋ยวก่อนทีเดียวเอ้า
00:07:38 → 00:07:40 คุณหมออันนี้อีกนิดนึงค่ะคำว่าน้ำเนี่ย
00:07:40 → 00:07:42 คือเป็นน้ำเปล่าโดยปกติทั่วไปใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 เพราะว่าอ่าหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเออเรา
00:07:45 → 00:07:49 กินเอ่อดื่มกาแฟดื่มเครื่องดื่มประเภท
00:07:49 → 00:07:53 อื่นๆอ่านนั้นกรงน้ำแกงน้ำซุปอ่าหรืออะไร
00:07:53 → 00:07:57 พวกเนี้ยบางคนก็บอกว่าก็เนี่ยพวกนี้ก็
00:07:57 → 00:07:59 เป็นน้ำเหมือนกันก็ทดแทนกันได้ได้หรือ
00:07:59 → 00:08:00 เปล่าคะ
00:08:00 → 00:08:03 แนะนำว่าให้เป็นน้ำเปล่าดีกว่านะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่าน้ำแกงน้ำซุปเนี่ยสิ่งที่เราได้
00:08:06 → 00:08:08 ไปเนี่ยนอกจากน้ำแล้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:08 → 00:08:12 เกลือมีโซเดียมเข้าไปในร่างกายด้วย
00:08:12 → 00:08:16 อันตรายอีก
00:08:16 → 00:08:19 น้ำเปล่าดีที่สุดอันนี้ไม่รวมแอลกอฮอล์นะ
00:08:19 → 00:08:24 คะคุณผู้ฟังเดี๋ยวต้องเบรกไว้ก่อน
00:08:24 → 00:08:27 เหลือแอลกอฮอล์เป็นกินแทนดื่มแทนน้ำเลย
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างนี้ไม่ต้องนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อันนี้ก็แสดงว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงจากการ
00:08:32 → 00:08:35 ที่เรากินอาหารอะไรต่างๆเหล่านี้เพราะว่า
00:08:35 → 00:08:36 มันมีทั้ง
00:08:36 → 00:08:40 อะไรนะที่คุณหมอบอกมีถั่วมีผักโขมนอกจาก
00:08:40 → 00:08:43 ดื่มน้ำมากๆเนี่ยนะครับแล้วก็อาหารต่อไป
00:08:43 → 00:08:47 คือที่ควรทำคืออาหารที่มีกากใยมากๆอย่าง
00:08:47 → 00:08:50 เช่นพวกผักอะไรพวกนี้นะครับ
00:08:50 → 00:08:54 พวกนี้เนี่ยจะไปช่วยจับออกซาเลตนะครับใน
00:08:54 → 00:08:55 อาหารอื่นๆ
00:08:55 → 00:08:58 แล้วก็ขับออกมาทางอุจจาระเรา
00:08:58 → 00:09:02 นะฮะอันนี้ก็ลดอากาศนิว
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปก็คือเพิ่มอาหาร
00:09:05 → 00:09:08 ที่มีแคลเซียมนะครับอาหารก็แคลเซียมก็ควร
00:09:08 → 00:09:10 จะได้รับด้วย
00:09:10 → 00:09:12 อ่าพวกนมอะไรพวกนี้นะครับที่มีแคลเซียม
00:09:12 → 00:09:16 อันนี้ก็จะช่วยจับออกซะเลทได้เหมือนกันนะ
00:09:16 → 00:09:16 ครับ
00:09:16 → 00:09:18 [เพลง]
00:09:18 → 00:09:20 ต่อไปอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับก็คือ
00:09:20 → 00:09:23 ที่หมอบอกไปก็คือพวกช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:09:23 → 00:09:25 ออกซาเรดจะค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานแต่
00:09:25 → 00:09:29 ปริมาณที่พอควรนะครับหน่อไม้ผักโขมผัก
00:09:29 → 00:09:32 ดัชนีก็คือผักโขมนะครับ
00:09:32 → 00:09:36 แล้วก็ต่อไปก็คือลดอาหารเค็มนะครับอย่า
00:09:36 → 00:09:40 ทานเค็มเยอะเพราะว่าอาหารเค็มเนี่ยก็คือ
00:09:40 → 00:09:42 มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและโซเดียมเนี่ย
00:09:42 → 00:09:45 ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลึกนิ่วได้นะ
00:09:45 → 00:09:46 ครับ
00:09:46 → 00:09:49 เพราะฉะนั้นนอกจากทานเค็มแล้วเนี่ยความ
00:09:49 → 00:09:52 ดันสูงเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดอะไรพวก
00:09:52 → 00:09:55 นี้เนี่ย
00:09:55 → 00:09:57 ต่อนิ่วก็มีผลเหมือนกันนะครับมาเป็น
00:09:57 → 00:09:59 แพ็คเกจเลยค่ะคุณหมอ
00:09:59 → 00:10:04 ความจริง
00:10:04 → 00:10:06 มันก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:09 ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะเพราะว่าบางที
00:10:09 → 00:10:12 เราไม่รู้หรอกว่าเอ๊ะมันมีการตกตะกอนอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหรือเปล่าการตกตะกอนอย่างเงี้ยค่ะใน
00:10:14 → 00:10:17 การที่จะมันตกตะกอนก่อนแล้วมันทำให้เกิด
00:10:17 → 00:10:19 นิ่วหรือว่าไอ้ตะกอนนั้นมันคือนิ่วค่ะคุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอตอนแรกตะกอนเนี่ยที่ยังไม่จับตัวกัน
00:10:21 → 00:10:25 เป็นก้อนเนี่ย 3 เราสามารถดื่มน้ำเยอะๆทำ
00:10:25 → 00:10:29 ให้ขับออกมาในรูปของปัสสาวะได้ปัสสาวะอาจ
00:10:29 → 00:10:33 จะแบบมีฝุ่นๆๆหน่อยนึงแต่ถ้าเกิดเราปล่อย
00:10:33 → 00:10:35 ไว้นาน
00:10:35 → 00:10:38 ไอ้ตัวฝุ่นๆเนี้ยในปัสสาวะเนี่ยมันจับกัน
00:10:38 → 00:10:41 กลายเป็นก้อนผลิตก็จะกลายเป็นนิ่วนะครับ
00:10:41 → 00:10:44 ก็ทำให้มีอาการได้นะครับ
00:10:44 → 00:10:46 แล้วอาการที่ว่านี่มันเป็นยังไงมันมี
00:10:46 → 00:10:48 อาการยังไงบ้างคะ
00:10:48 → 00:10:52 ก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ยมีอาการ
00:10:52 → 00:10:55 ค่อนข้างหลากหลายเลยนะครับมันขึ้นอยู่กับ
00:10:55 → 00:10:59 ขนาดของนิ่วแล้วก็ตำแหน่งนะครับแล้วก็การ
00:10:59 → 00:11:01 อุดตันว่าอุดตันเยอะหรือว่าอุดตันยังน้อย
00:11:01 → 00:11:05 ๆอยู่นะครับอย่างเช่นถ้าเกิดนิ่ว
00:11:05 → 00:11:09 เต็มก้อนเล็กอยู่นะครับก็คือน้อยกว่าน้อย
00:11:09 → 00:11:11 กว่าเซนนึงอาจจะแค่ครึ่งเซนอะไรพวกนี้
00:11:11 → 00:11:17 เนี่ยโอกาสที่ดื่มน้ำแล้วใช้น้ำปัสสาวะ
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยดันออกมาหลุดออกมาเองได้ก็โอเคครับ
00:11:20 → 00:11:22 ก็โชคดีนะครับ
00:11:22 → 00:11:25 ฉะนั้นบางคนที่เป็นนิ่วก้อนเล็กๆเนี่ยเขา
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมาด้วยมาปรึกษาว่าไปปัสสาวะแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 สังเกตว่ามีก้อนเล็กๆออกมาหืมนะครับก็
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจอะไรพวกนี้ออกมาสบายได้นะครับ
00:11:34 → 00:11:38 แต่ถ้าเกิดก้อนเนี่ยเริ่มใหญ่ขึ้นมีการไป
00:11:38 → 00:11:42 อุดทางเดินปัสสาวะเนี่ยนะครับคนไข้ก็จะมา
00:11:42 → 00:11:47 ด้วยอาการปวดนะฮะปวดบริเวณที่แนวทางเหนือ
00:11:47 → 00:11:50 วางอยู่นะก็คืออาจจะหลัง 2 ข้างข้างใน
00:11:50 → 00:11:52 ข้างหนึ่งนะครับ
00:11:52 → 00:11:56 อันนี้คือแนวไตก็คือแล้วตำรวจตกตรงท้อง
00:11:56 → 00:11:57 น้อยทะลุไปหลังอะไรพวกนี้
00:11:57 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 แต่ถ้าเกิดเคลื่อนตัวมาบริเวณท่อไตแล้ว
00:12:01 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ก็จะปวดแบบค่อนข้างที่จะ
00:12:03 → 00:12:07 รุนแรงปวดจนแบบตัวงอทำอะไรไม่ได้เลยนะอาจ
00:12:07 → 00:12:12 จะมีร้าวไปบริเวณหน้าขาพวกนี้ได้นะครับ
00:12:12 → 00:12:16 หรือถ้าเกิดมี annival บริเวณกระเพาะ
00:12:16 → 00:12:18 ปัสสาวะเนี่ยก็อาจจะปวดบริเวณ
00:12:18 → 00:12:22 ท้องน้อยนะครับ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วนอกจากอาการที่ปวดแล้วเนี่ยอีกอันนึง
00:12:25 → 00:12:28 ที่ต้องระวังก็คือนิ่วเนี่ยทำให้เกิด
00:12:28 → 00:12:38 ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้นะครับ
00:12:38 → 00:12:42 ทำให้การรักษาเนี่ยอาจจะรักษา
00:12:42 → 00:12:45 หายขาดเนี่ยต้องใช้เวลานานนะครับต้องใช้
00:12:45 → 00:12:49 ยาฆ่าเชื้อนาน
00:12:49 → 00:12:51 ก็การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะก็คือ
00:12:51 → 00:12:55 อาจจะมีอาการไข้นะครับหรือว่าปัสสาวะแสบ
00:12:55 → 00:12:59 ขัดปัสสาวะขุ่นอะไรพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ปิดกะปอยรู้สึกไม่สุดอะไรพวกนี้นะครับ
00:13:02 → 00:13:06 หรือบางคนถ้าเกิดเป็นมากเนี่ยทำให้กรวยไต
00:13:06 → 00:13:09 ในอักเสบถ้ากรวยแตกอักเสบส่วนใหญ่จะมีไข้
00:13:09 → 00:13:11 นะครับแล้วก็หนาวสั่นแล้วก็อาจจะปวด
00:13:11 → 00:13:14 บริเวณบั้นเอวด้านซ้ายหรือด้านขวาที่ที่
00:13:14 → 00:13:19 เป็นเนี่ยนะครับบางครั้งเนี่ยเวลาเราเรา
00:13:19 → 00:13:22 สัมผัสหรือไปเคาะนิดนึงบริเวณการวางของไต
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยจะสะดุ้งได้เลยนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ก็จะเป็นค่อนข้างเยอะนะ
00:13:28 → 00:13:30 อาการนอกจาก
00:13:30 → 00:13:34 อาการอื่นๆแล้วเนี่ยก็จะมีบางครั้งเนี่ย
00:13:34 → 00:13:39 ตรวจพบเจอด้วยการไปตรวจสุขภาพประจำปีนะ
00:13:39 → 00:13:40 ครับพบว่า
00:13:40 → 00:13:45 ตรงบริเวณท่อไตเนี่ยมันบวมทำให้ไตบวมน่ะ
00:13:45 → 00:13:48 เกิดจากนิ่วไปอุดตันได้
00:13:48 → 00:13:52 คือส่งผลระยะยาวคือทำให้ค่าไตเนี่ยเสื่อม
00:13:52 → 00:13:54 ลงเร็วได้นะครับเป็นสาเหตุของเป็นไต
00:13:54 → 00:13:56 เสื่อมเรื้อรังได้นะครับการที่มีนิ่วไป
00:13:56 → 00:14:02 อุดทางเดินปัสสาวะ
00:14:02 → 00:14:06 เคยเคยเห็นสังเกตของคุณพ่อนะคือคุณพ่อไม่
00:14:06 → 00:14:09 เคยไม่อ่าเขาเรียกว่าอะไรดีคะไปตรวจเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เราไม่เคยรู้เลยว่าท่านท่านมีปัญหาเกี่ยว
00:14:12 → 00:14:14 กับเรื่องของไตอ่ะนะคะจนวันนึงเนี่ยแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เท้าบวมมากเลยอ่ะค่ะอันนี้คือมันเกี่ยว
00:14:18 → 00:14:25 กับไตเลยใช่ไหมคะแบบมันแบบบวมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:25 → 00:14:28 ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นจากระบบไหนนะครับเป็น
00:14:28 → 00:14:31 ระบบจากหัวใจหรือเป็นจากระบบตับหรือว่า
00:14:31 → 00:14:33 ถ้าเกิดเป็นไตการที่จะพิสูจน์แล้วคือเรา
00:14:33 → 00:14:37 ก็ต้องส่งดูค่าไตนะครับแล้วก็ตัวปัสสาวะ
00:14:37 → 00:14:39 ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่ามันมีหลาย
00:14:39 → 00:14:43 ปัจจัยแล้วก็มันอาจจะทำให้เราคิดว่ามัน
00:14:43 → 00:14:44 อาจจะไม่ได้เป็นอันนี้จะเป็นอย่างอื่นก็
00:14:44 → 00:14:47 ต้องคือต้องไปเป็นพบแพทย์ไปดูว่ามันเกิด
00:14:47 → 00:14:50 จากสาเหตุอะไรปัจจัยอะไรด้วยใช่ไหมคะแสดง
00:14:50 → 00:14:53 ว่ามันปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตมัน
00:14:53 → 00:14:55 มีมันมีเยอะมากมันมีหลายอย่างมากนอกจาก
00:14:55 → 00:14:57 ที่เมื่อกี้คุณหมอบอกอีกใช่ไหมคะอย่าง
00:14:57 → 00:15:00 อย่างพวกแบบเอ่อพันธุกรรมอย่างนี้เป็นไป
00:15:00 → 00:15:03 ได้ไหมคะพันธุกรรมครับมีส่วนนะครับเฮ้อ
00:15:03 → 00:15:07 พันธุกรรมบางอย่างทำให้การจับตกตะกอนใน
00:15:07 → 00:15:12 ปัสสาวะเนี่ยเป็นมากกว่าคนปกตินะ
00:15:12 → 00:15:17 หรือว่ามีการพันธุกรรมบางอย่างทำให้อ่า
00:15:17 → 00:15:20 สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดตัวนิ่วเนี่ยมาก
00:15:20 → 00:15:22 ขึ้นนะครับ
00:15:22 → 00:15:26 อย่างเช่นมีกฎยูริกในร่างกายเยอะอะไรพวก
00:15:26 → 00:15:28 นี้นะครับ
00:15:28 → 00:15:32 แล้วอย่างพวกอ่าการกั้นปัสสาวะนานๆมีผล
00:15:32 → 00:15:34 ไหมคะ
00:15:34 → 00:15:38 การกลั้นปัสสาวะนานๆก็จะมีผลนะครับก็คือ 1
00:15:38 → 00:15:40 ก็คือทำให้
00:15:40 → 00:15:44 น้ำปัสสาวะเนี่ยที่จะที่จะขับ
00:15:44 → 00:15:48 สารที่จะตกตะกอนออกไปผลึกไปเนี่ยมันโชว์
00:15:48 → 00:15:50 ช้าลงมันไหลช้าลง
00:15:50 → 00:15:51 ก็ทำให้
00:15:51 → 00:15:55 เวลาในการตกตะกอนมากขึ้นนะครับอีกเรื่อง
00:15:55 → 00:15:58 นึงการปัสสาวะเนี่ยบ่อยๆเนี่ย
00:15:58 → 00:16:00 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดการติด
00:16:00 → 00:16:03 เชื้อได้ในปัสสาวะได้มากขึ้นครับ
00:16:03 → 00:16:06 ฉะนั้นเราไม่ควรจะกั้นปัสสาวะนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อันนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงนะ
00:16:09 → 00:16:11 คะเวลาที่ต้องเดินทาง
00:16:11 → 00:16:12 นะคะ
00:16:12 → 00:16:14 เออหาห้องน้องห้องน้ำอะไรอย่างนี้อาจจะ
00:16:14 → 00:16:17 ยากนิดนึงแต่พยายามอยากกลั้นดีที่สุดคือ
00:16:17 → 00:16:20 หมายความว่าถ้าร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ป่วยแล้วนะ
00:16:22 → 00:16:25 แวะปั๊มแวะข้างทางเอ่อปั๊มนะคะหรืออะไร
00:16:25 → 00:16:30 อย่างเงี้ยจะดีกว่าใช่ไหมพยายามอั้นๆๆไว้
00:16:30 → 00:16:35 แบบนั้นไม่ดีใช่ไหมคะ
00:16:35 → 00:16:41 เสี่ยงเลย
00:16:41 → 00:16:44 ค่ะ
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็พวกเกี่ยวกับยาบางอย่างหรืออะไร
00:16:49 → 00:16:51 อย่างวิตามินซีอย่างนี้ค่ะที่ได้ยินมาคือ
00:16:51 → 00:16:54 แบบวิตามินซีมันจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:16:54 → 00:16:56 ด้วยหรอคะ
00:16:56 → 00:16:59 คือโดยทั่วไปเนี่ยวิตามินซีเนี่ยอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:02 ให้เกิดนิ่วในไตได้ด้วยเพราะว่าอาจจะมี
00:17:02 → 00:17:05 สารตั้งต้นทำให้เกิดผลึกเนี่ยในทางเดิน
00:17:06 → 00:17:09 ปัสสาวะเนี่ยไม่ได้มากนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:09 → 00:17:12 เราที่คนที่ทานวิตามินซีเนี่ยอันนี้ที่
00:17:12 → 00:17:15 หมอแนะนำเนี่ยหมอแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับให้มากด้วย
00:17:17 → 00:17:23 [เพลง]
00:17:23 → 00:17:26 พวกนี้ที่ทำให้เกิดผลึกเนี่ยออกมาได้เยอะ
00:17:26 → 00:17:28 นะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆมากๆมากๆมากๆเลยนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 คุณผู้ฟังเพราะว่าเพราะว่ากินวิตามินซี
00:17:35 → 00:17:38 อยู่เหมือนกันคุณหมอแต่ว่าแบบเออไม่แน่ใจ
00:17:38 → 00:17:41 ว่าดื่มน้ำตามปริมาณที่มันมากพอหรือเปล่า
00:17:41 → 00:17:45 อาจจะต้องมากกว่าปกติใช่ไหมคะ
00:17:45 → 00:17:46 ใช่ครับ
00:17:46 → 00:17:50 ว่าแบบทานวิตามินซีทุกคนต้องต้องเกิดอะไร
00:17:50 → 00:17:50 พวกเนี้ยครับ
00:17:50 → 00:17:54 ขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวเราด้วยนะครับ
00:17:54 → 00:17:57 การดื่มน้ำด้วยอะไรพวกนี้
00:17:57 → 00:18:01 ไม่อยากเป็นนิ่วในไตก็ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
00:18:01 → 00:18:05 คุณผู้ฟังนะคะแล้วมันจะมีอาการแบบไหนยัง
00:18:05 → 00:18:07 ไงบ้างคะคุณหมอคะที่จะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:07 → 00:18:11 มันมีความเสี่ยงแล้วนะเราสังเกตตัวเองยัง
00:18:11 → 00:18:13 ไงได้ไหมคะคุณหมอก่อนที่เราจะไปหาคุณหมอ
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยมันมีอาการอะไรบอกก่อนไหมคะ
00:18:16 → 00:18:19 ก็คือต้องแบ่งเป็น 2 อย่างคือคนที่ไม่มี
00:18:19 → 00:18:21 อาการก็คือไปตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจ
00:18:21 → 00:18:24 ร่างกายนะครับสุขภาพประจำปีอันที่ 2 ก็
00:18:24 → 00:18:28 คือเริ่มมีอาการของนิ่วไปอุดกั้นทางเดิน
00:18:28 → 00:18:31 ปัสสาวะนะครับไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเหมือน
00:18:31 → 00:18:33 ที่หมอได้บอกไป
00:18:33 → 00:18:37 ถือว่าคนไข้ที่ติดเชื้อในปัสสาวะบ่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องน่าสงสัยนะ
00:18:40 → 00:18:42 ครับ
00:18:42 → 00:18:45 ส่วนการตรวจวินิจฉัยเนี่ยพอเวลาเราไปพบ
00:18:45 → 00:18:47 คุณหมอแล้วใช่ไหมครับ
00:18:47 → 00:18:50 คุณหมอก็จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือร่วมกับตรวจ
00:18:52 → 00:18:55 ปัสสาวะนะครับเพราะว่าถ้าเกิดในทาง
00:18:55 → 00:18:57 ปัสสาวะเนี่ยมีโอกาสที่เราจะพบความผิด
00:18:57 → 00:19:00 ปกติก็คือจะมีเม็ดเลือดแดงเนี่ยปนออกมา
00:19:00 → 00:19:02 ปัสสาวะได้นะครับ
00:19:02 → 00:19:06 นอกจากนั้นเราก็เอกซเรย์นะครับภาพช่อง
00:19:06 → 00:19:09 ท้องส่วนบริเวณที่ไตกับทางเดินปัสสาวะนะ
00:19:09 → 00:19:13 ครับแล้วก็จะเห็นเป็นสถานทึบแสงที่อยู่ใน
00:19:13 → 00:19:15 แนวทางปัสสาวะนะครับอันนี้ก็ต้องระวังว่า
00:19:15 → 00:19:19 อาจจะเป็นพวกนิ่วในปัสสาวะได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 ก็หลังจากนั้นถ้าเกิดสงสัยจะดูเพิ่มเติม
00:19:23 → 00:19:27 แล้วก็จะส่งอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่าไป
00:19:27 → 00:19:31 ทำสแกนเพื่อจะทำให้เห็นตัวรอยโรคนั้นได้
00:19:31 → 00:19:34 ดีขึ้นได้ชัดเจนขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ในไตหรือว่าในระบบทางเดินปัสสาวะตรงนี้
00:19:39 → 00:19:41 เนี่ยไม่ว่าจะจุดไหนก็แล้วแต่
00:19:41 → 00:19:45 ถ้ามีปริมาณที่ยังเป็นผลึกที่อาจจะยังไม่
00:19:45 → 00:19:47 เยอะนะคะกำลังเริ่มจับตัวเป็นผลึกละหรือ
00:19:48 → 00:19:48 อะไรอย่างนี้
00:19:48 → 00:19:52 มันก็จะมีอาการพวกนี้บ่งบอกได้เลยใช่ไหม
00:19:52 → 00:19:54 หรือว่ามันต้องแบบโอ้โหผลึกเยอะมากมันไม่
00:19:54 → 00:19:55 ไหวแล้ว
00:19:55 → 00:19:59 จนทำให้มันมีอาการหนักๆขึ้นมา
00:19:59 → 00:20:01 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดมีอาการเนี่ยก็คือตัว
00:20:01 → 00:20:05 ก้อนนิ่วเนี่ยจะค่อนข้างเยอะแล้วค่อนข้าง
00:20:05 → 00:20:07 ใหญ่แล้วนะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ก็คือประมาณเกิน 0.5 ซมขึ้นไปนะครับถ้า
00:20:11 → 00:20:14 เกิดไปอุดบริเวณท่อไตหรือว่าส่วนใดต่างๆ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยอันนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดมีอาการปวด
00:20:16 → 00:20:19 ขึ้นมาให้ได้มาก
00:20:19 → 00:20:22 แล้วลักษณะของนิ่วเนี่ยกำลังนึกภาพของ
00:20:22 → 00:20:25 นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยเห็นในภาพในโซเชียล
00:20:25 → 00:20:27 อะไรอย่างนี้นะคะในอินเตอร์เน็ตอย่างนี้
00:20:27 → 00:20:30 ค่ะมันเป็นนิ่วแบบเดียวกันเลยไหมคะผลึก
00:20:30 → 00:20:33 ออกมาเป็นลักษณะคล้ายๆก้อนกรวดเหมือนกัน
00:20:33 → 00:20:36 ไหมคะเป็นก้อนกรวดเหมือนกันแต่ว่าขนาด
00:20:36 → 00:20:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะไม่เหมือนกับ
00:20:38 → 00:20:42 ตัวนิ่วในในถุงน้ำดีนะครับผสมน้ำดีอาจจะ
00:20:42 → 00:20:46 มีขนาดใหญ่ได้จะมีนิ่วในไตบางที่ที่จะมี
00:20:46 → 00:20:49 ขนาดใหญ่แต่ก็จะเป็นตามลักษณะบริเวณ
00:20:49 → 00:20:53 อวัยวะนั้นอย่างเช่นบริเวณที่ที่กรวยไต
00:20:53 → 00:20:57 อะไรอย่างนี้นะครับก็จะมีโรคบางโรคที่
00:20:57 → 00:21:00 ติดเชื้อท่านปัสสาวะทำซ้ำๆเนี่ยนะครับ
00:21:00 → 00:21:03 แล้วเป็นก๋วยเตี๋ยวอักเสบเนี่ยก็จะมีนิ่ว
00:21:03 → 00:21:06 ค่อนข้างใหญ่นะครับก็คือเรียกว่านิ่วเขา
00:21:06 → 00:21:10 กวางตรงบริเวณตรงตรงกรวยไตได้
00:21:10 → 00:21:13 อีกที่นึงที่นี่สามารถเจอนิ่วใหญ่ๆได้
00:21:13 → 00:21:15 เนี่ยก็คือตรงกับป.ปัสสาวะนะครับเพราะ
00:21:15 → 00:21:17 กระเพาะปัสสาวะเนี่ยมีปริมาณค่อนข้างเยอะ
00:21:17 → 00:21:19 นะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ผู้ป่วยบางท่านเนี่ยก็คือไม่ได้สังเกต
00:21:22 → 00:21:25 อาการไม่รู้ว่ามีความผิดปกติทางปัสสาวะ
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยจนมารักษาเนี่ยอัตราเราเจอนิ่วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:32 ขนาดแบบหลายเซนติเมตรก็มี 3-4 ซมอะไรพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ในทางเดียวในกระเพาะปัสสาวะเนี่ยก็เจอ
00:21:34 → 00:21:35 ได้เฮ้ย
00:21:35 → 00:21:40 ใหญ่ใหญ่มากเลย
00:21:40 → 00:21:44 ในกระเพาะปัสสาวะนะครับผู้หญิงเป็นเยอะ
00:21:44 → 00:21:47 กว่าไหมคะคืออัตราส่วนนี่คือหมอคิดว่า
00:21:47 → 00:21:49 เท่าๆกันนะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับแต่ผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงต่อการ
00:21:51 → 00:21:57 เป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย
00:21:57 → 00:22:00 เพราะว่าท่อปัสสาวะของผู้หญิงเนี่ยจะสั้น
00:22:00 → 00:22:02 กว่าผู้ชายนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 ตามลักษณะโครงสร้างอันนี้ก็
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
00:22:09 → 00:22:11 ขึ้นสำหรับคุณผู้หญิงนะคะแล้วก็คุณบอกว่า
00:22:11 → 00:22:13 ถ้าเกิดมันมีอาการอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอเลยตรวจเช็ค
00:22:16 → 00:22:19 กันมาแล้วเออมันเป็นนิ่วแหละนะคะขั้นตอน
00:22:19 → 00:22:22 กระบวนการรักษานี่มันยุ่งยากไหมคะ
00:22:22 → 00:22:26 อ๋อการรักษาเนี่ยเอ่อ
00:22:26 → 00:22:28 คุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเนี่ยก็จะ
00:22:28 → 00:22:32 เป็นคนผู้ให้วางแผนการรักษานะครับโดยทั่ว
00:22:32 → 00:22:35 ไปแล้วเนี่ยเราจะรักษาตาม
00:22:35 → 00:22:37 ขนาดของนิ่วนะครับ
00:22:37 → 00:22:41 ถ้าเกิดขนาดของนิ่วไม่ได้มีขนาดใหญ่ไม่
00:22:41 → 00:22:44 ได้มีอาการของการไป
00:22:44 → 00:22:49 กดท่อไตหรือว่าท่อปัสสาวะนะครับแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 สามารถให้การรักษาแบบประคับประคองได้นะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับก็คือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม
00:22:55 → 00:22:58 น้ำมากๆเลยพวกนี้แล้วก็ให้ยาช่วยระงับ
00:22:58 → 00:23:00 อาการปวดเพราะว่า
00:23:00 → 00:23:04 นิ่วที่ขนาดเล็กเนี่ยสามารถหลุดออกมาได้
00:23:04 → 00:23:06 นะครับส่วนใหญ่นะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าเกิดเป็นนิ่วขนาดใหญ่แล้วก็มีอาการ
00:23:09 → 00:23:13 เยอะนะครับหรือว่ามีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:23:13 → 00:23:17 อย่างเช่นพวกเชื้อบ่อยๆอะไรพวกนี้
00:23:17 → 00:23:20 ก็จะต้องไปจัดการเอานิ้วออกมาจากร่างกาย
00:23:20 → 00:23:24 นะครับก็คือจะมีการแบบการผ่าตัดนะครับการ
00:23:24 → 00:23:27 ผ่าตัดเปิดไปทำหรือว่าการสลายนิ่วด้วย
00:23:27 → 00:23:29 คลื่นกระแทกนะครับ
00:23:29 → 00:23:33 หรือว่าส่องกล้องผ่านไปอะไรพวกนี้นะครับ
00:23:33 → 00:23:37 ก็จะมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับ
00:23:37 → 00:23:42 ตำแหน่งขนาดและก็อาการของตัวโรคครับ
00:23:42 → 00:23:47 ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนใช่ไหมคะใช่ครับ
00:23:47 → 00:23:50 [เพลง]
00:23:50 → 00:23:53 ถ้าเกิดพูดถึงในแง่ของถ้าเกิดเป็นนิ่วนาน
00:23:53 → 00:23:55 ๆใช่ไหมครับ
00:23:55 → 00:23:58 ถ้าเกิดเป็นนิ่วนานๆเนี่ยก็คือเหมือนที่
00:23:58 → 00:24:01 หมอบอกก็คืออย่างแรกก็คืออาจจะมีอาการปวด
00:24:01 → 00:24:05 นะครับมารบกวนชีวิตได้เรื่อยๆนะครับ
00:24:05 → 00:24:08 อันที่ 2 ก็คือทำให้เกิดการติดเชื้อทาง
00:24:08 → 00:24:09 เดินปัสสาวะได้บ่อยๆ
00:24:09 → 00:24:13 หรือบางคนถ้าเกิดมีนิ่วที่กรวยไตที่ตาย
00:24:13 → 00:24:16 พวกนี้ทำให้กรวยไตอักเสบก็สามารถติดเชื้อ
00:24:16 → 00:24:19 ในกระแสเลือดได้
00:24:19 → 00:24:32 มันก็นำไปสู่ใช่ครับ
00:24:32 → 00:24:36 ซึ่งภาวะไตบวมน้ำเนี่ยก็จะทำให้การทำงาน
00:24:36 → 00:24:40 ของไตเนี่ยลดลงก็นำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
00:24:40 → 00:24:43 เรื้อรังนะครับได้ครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตั้งแล้วรู้สึกแบบว่าโอ้ยไม่อยากเป็นอะไร
00:24:46 → 00:24:48 เลย
00:24:48 → 00:24:53 นะคะคุณหมอคะให้การป้องกันนิ้วในไตเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:56 เบื้องต้นเราต้องยังไงกันได้บ้างคะ
00:24:56 → 00:25:02 อันนี้ก็หมอก็เน้นย้ำนะครับคือเอ่อใครที่
00:25:02 → 00:25:04 สามารถดื่มน้ำได้โดยที่คุณหมอเขาไม่ได้
00:25:04 → 00:25:06 จำกัดน้ำดื่มเนี่ยก็อยากจะให้ดื่มน้ำให้
00:25:06 → 00:25:10 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันนะครับก็คือประมาณ
00:25:10 → 00:25:12 เกิน 2 ลิตรถึง 2.5 ลิตรขึ้นไปนะครับ
00:25:12 → 00:25:17 เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วแล้วก็ทำให้ร่าง
00:25:17 → 00:25:19 กายระบบอื่นๆเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:25:19 → 00:25:20 ประสิทธิภาพด้วยนะฮะ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็ทานผักหรืออาหารที่มีกากใยมากๆนะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับอันนี้ก็ช่วยลดการเกิดนิ่วรวมทั้งทาน
00:25:27 → 00:25:31 อาหารที่มีแคลเซียมสูงนะครับ
00:25:31 → 00:25:34 ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง
00:25:34 → 00:25:38 นะครับไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตนะครับหน่อ
00:25:38 → 00:25:40 ไม้ผักบางชนิดก็คือเหมือนที่หมอยกตัว
00:25:40 → 00:25:42 อย่างคือผักโขม
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็อีกอันนึงคือรถการรับประทานอาหาร
00:25:45 → 00:25:50 เค็มนะครับเค็มมากไม่ดี
00:25:50 → 00:25:54 แล้วก็อยากจะเชิญชวนทุกคนนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:57 หมอคิดว่าสิ่งที่อยากมาที่สุดเนี่ยไม่ใช่
00:25:57 → 00:26:00 การรักษาโรคนะก็คือหมอว่าการป้องกันเนี่ย
00:26:00 → 00:26:03 อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับก็คือ
00:26:03 → 00:26:06 เหมือนที่หมอบอกก็คือพยายามทานอาหารให้
00:26:06 → 00:26:10 ไม่ให้เกิดนิ่วความเสี่ยงกับการเกิดนิ่ว
00:26:10 → 00:26:11 ในไตแน่นอน
00:26:11 → 00:26:16 แล้วก็ควรจะตรวจสุขภาพนะครับประจำปีนะ
00:26:16 → 00:26:21 ครับสักครั้งหนึ่งต่อต่อปีก็โอเคนะครับ
00:26:21 → 00:26:24 เพราะเราอาจจะไปเจอนิ่วโดยบังเอิญอะไรพวก
00:26:24 → 00:26:28 นี้เราจะได้รีบทำการรักษานะครับก่อนที่
00:26:28 → 00:26:32 มันจะส่งผลมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
00:26:32 → 00:26:35 ก็เป็นวิธีการที่ลักษณะของการปรับเปลี่ยน
00:26:35 → 00:26:37 พฤติกรรมของเรานะคะถ้าไม่อยากเป็นนิ่วนะ
00:26:37 → 00:26:40 คะแล้วก็ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากจะต้องมา
00:26:40 → 00:26:43 นั่งผ่าตัดหรือมาทำการรักษาเนี่ยเราสู้
00:26:43 → 00:26:46 เราป้องกันจะเป็นทางที่ดีกว่านะคะเอาล่ะ
00:26:46 → 00:26:48 วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอวชิรพงษ์ด้วย
00:26:48 → 00:26:50 นะคะที่มาร่วมพูดคุยในรายการรองเบาะของ
00:26:50 → 00:26:54 เราค่ะขอบคุณค่ะคุณหมอขาสวัสดีค่ะค่ะ
00:26:54 → 00:26:57 คุณผู้ฟังค่ะหมดเวลาแล้วกับรายการรองหมอ
00:26:57 → 00:27:00 ทางไทย PBS ค่ะวันนี้ต้องลาไปก่อนค่ะ
00:27:00 → 00:27:02 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:02 → 00:27:05 นะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:05 → 00:27:08 ใน 1 วันคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
00:27:09 → 00:27:12 ทุกคนการใช้เวลาของแต่ละคนให้มีคุณภาพมี
00:27:12 → 00:27:14 ปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดร
00:27:14 → 00:27:17 สุวุฒิวงศ์สวัสดิ์นักจิตวิทยาการศึกษามา
00:27:17 → 00:27:20 เล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วในชีวิตแต่ละคนนะ
00:27:21 → 00:27:23 ครับมันจะมีห้วงเวลาของการจำเป็นต้องใช้
00:27:23 → 00:27:26 กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากันหรอกแต่บางที 888
00:27:26 → 00:27:28 ถ้าสมมุติเราไม่ต้องไปซื่อตรงกับเวลามัน
00:27:28 → 00:27:31 มากแต่อาจจะหมายถึงว่า 3 ส่วนนี้เป็นส่วน
00:27:31 → 00:27:34 ที่สำคัญต่อชีวิตเราในอัตราส่วนที่เท่าๆ
00:27:34 → 00:27:36 กันใช้คำว่าอัตราส่วนนะแต่ผมไม่ได้พูดถึง
00:27:36 → 00:27:39 ว่าเวลาต้องเท่ากันแต่หมายถึงน้ำหนักของ
00:27:39 → 00:27:41 มันความสำคัญของมันเนี่ยมันอาจจะเท่าๆกัน
00:27:41 → 00:27:43 แหละจริงๆสิ่งที่สำคัญมากกว่าการแบ่งส่วน
00:27:43 → 00:27:47 อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาได้มีคุณภาพ
00:27:47 → 00:27:50 หรือเปล่าสมมุติ 8 ชั่วโมงของการนอนเรา
00:27:50 → 00:27:52 นอนบนเตียงก็จริงแต่หัวคิดไม่หยุดแล้วนอน
00:27:52 → 00:27:54 ไม่หลับมันจะเรียกว่านอนได้ยังไงหรือทำ
00:27:54 → 00:27:58 งานนั่งอยู่ในออฟฟิศใช่แหละ 8 ชั่วโมงแต่
00:27:58 → 00:27:59 เผลอถ่ายโซเชียลมีเดียแล้วก็ได้ทำงานจริง
00:28:00 → 00:28:02 ๆ 2 ชั่วโมงเราจะเรียกว่าการทำงานนี้มี
00:28:02 → 00:28:05 คุณภาพได้ยังไงหรือไปเรียนหนังสือมัวแต่
00:28:05 → 00:28:07 นั่งคุยกับเพื่อนแล้วเราก็จบมาแบบไม่รู้
00:28:07 → 00:28:10 อะไรเลยแต่กระจก
00:28:10 → 00:28:12 เราจะเรียกว่าคุณภาพยังไงหรือไม่ก็ตั้ง
00:28:12 → 00:28:14 ป้อนสุดท้ายครับ 8 ชั่วโมงที่มีความหมาย
00:28:14 → 00:28:17 กับตัวเรากับคนสำคัญและการพักผ่อนทางใจ
00:28:17 → 00:28:19 สมมุตินะคนบางคนโชคร้ายครับเกิดใน
00:28:19 → 00:28:23 กรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางเดินทางสมมุติหาย
00:28:23 → 00:28:24 ไป 4 ชั่วโมง
00:28:24 → 00:28:27 ไป 2 ชั่วโมงกับ 2 ชั่วโมงไอ้ 8 ชั่วโมง
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยที่ควรจะได้ใช้เพื่อตัวเองจริงๆหาย
00:28:29 → 00:28:32 ไปละเสียซึ่งสีนี้ครับยังไม่รวมไปและอาบ
00:28:32 → 00:28:35 น้ำอีกนะยังไม่รวมเวลากินข้าวนะสุดท้าย
00:28:35 → 00:28:38 ครับคนบางคนเนาะอาจจะเหลือ 8 ชั่วโมงสุด
00:28:38 → 00:28:40 ท้ายเนี่ยไว้ให้ตัวเองได้แค่แบบนั่งถ่าย
00:28:40 → 00:28:49 มือถือชั่วโมงเดียวก่อนนอนนะ
00:28:49 → 00:28:52 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:52 → 00:28:54 ของไทยพีแดช็อต
00:28:54 → 00:28:58 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:58 → 00:29:01 podcast และ YouTube Channel ThaiPBS
00:29:01 → 00:29:07 portcute
00:29:07 → 00:29:12 [เพลง]
00:00:06 → 00:00:10 ในทางเดินปัสสาวะนะครับก็คือตั้งแต่ไตอาจ
00:00:10 → 00:00:12 จะไปที่กรวยไตไม่เป็นจังหวะอวัยวะต่อกัน
00:00:12 → 00:00:16 นะครับก็คือระบบไตระบบทางเดินปัสสาวะท่อ
00:00:16 → 00:00:19 ไตแล้วก็ไปที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 เพราะฉะนั้นปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุก
00:00:21 → 00:00:23 ที่นะครับของระบบทางเดินปัสสาวะเดิมที
00:00:23 → 00:00:26 ปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำนะครับเป็น
00:00:26 → 00:00:28 องค์ประกอบแล้วก็จะมีสารต่างๆซึ่งถ้าเกิด
00:00:28 → 00:00:32 มีภาวะบางอย่างทำให้สารมีเยอะเกินทำให้ตก
00:00:33 → 00:00:35 ตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันเป็นนิ่วเป็น
00:00:36 → 00:00:38 ก้อนหรือปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นเราดื่มน้ำ
00:00:38 → 00:00:40 น้อยเกินไปไม่ตะกอนมีโอกาสจับตัวเป็นก้อน
00:00:40 → 00:00:42 แล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกิตฉันวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast สำหรับ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เรากลับมาพบกันเช่นเคยนะคะติดตาม
00:01:01 → 00:01:04 สาระดีๆกันได้วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่อง
00:01:04 → 00:01:07 ของนิ่วในไตอันตรายแค่ไหนนะคะอันนี้
00:01:07 → 00:01:10 เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะเดี๋ยวเราคุยกับนาย
00:01:10 → 00:01:13 แพทย์วัชรพงษ์ตรีสิงห์ชัยอายุรแพทย์โรคไต
00:01:13 → 00:01:15 ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 มหิดลวิทยาลัยเขตจังหวัดนครสวรรค์ค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอขาสวัสดี
00:01:21 → 00:01:25 เรามาคุยกันนะคะเป็นเรื่องของนิ่วในไตมา
00:01:25 → 00:01:27 ทำความรู้จักกันก่อนเราเคยได้ยินแต่นิ่ว
00:01:27 → 00:01:30 เอ่ออยู่จุดนั้นจุดนี้แต่ไม่เคยได้คุยกัน
00:01:30 → 00:01:33 ถึงเรื่องของนิ่วในไตอ่ะมาทำความรู้จัก
00:01:33 → 00:01:37 กันก่อนนะคะถึงอวัยวะของเราทำความเข้าใจ
00:01:37 → 00:01:41 นะคะก็เรื่องของไตทำความรู้จักกับไตมา
00:01:41 → 00:01:43 ก่อนค่ะคุณหมอบอกว่าไตของเรามีหน้าที่
00:01:43 → 00:01:46 อะไรยังไงบ้างคะคือหลักๆเนี่ยหน้าที่ของ
00:01:46 → 00:01:50 ไตก็คือทำการกรองของเสียนะครับออกจากร่าง
00:01:50 → 00:01:54 กายนะครับแล้วก็กรองพวกสารอาหารต่างๆกลับ
00:01:54 → 00:01:57 เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเกลือแร่นะครับควบ
00:01:57 → 00:01:59 คุมสมดุลเกลือแร่อีกเรื่องหนึ่งคือการ
00:01:59 → 00:02:01 กรองหรือการขับน้ำนะครับรักษาสมดุลน้ำใน
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายนะครับแล้วก็เรื่องอื่นๆก็อย่าง
00:02:04 → 00:02:07 เช่นอาจจะผลิตฮอร์โมนในการกระตุ้นในการ
00:02:07 → 00:02:10 สร้างเม็ดเลือดนะครับรวมทั้งพวกการขับยา
00:02:10 → 00:02:14 ขับสารต่างๆจากร่างกายก็ไตก็เป็นตัวที่
00:02:14 → 00:02:17 ช่วยควบคุมณจุดนี้นะครับ
00:02:17 → 00:02:21 ก็เรียกว่าก็เป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายของ
00:02:21 → 00:02:23 เรานะคะสำหรับไตของเรามันอยู่ตรงไหนของ
00:02:23 → 00:02:35 ร่างกายคะคุณหมอคะ
00:02:35 → 00:02:41 แต่จับไปไม่เจอนะคะ
00:02:41 → 00:02:45 ออกแนวน่ากลัวนิดนึงนะคะ
00:02:45 → 00:02:48 รู้จักไตแล้วนะคะคุณผู้ฟังว่าอยู่ตรงไหน
00:02:48 → 00:02:51 นะคะมี 2 ข้างนะค่อนไปทางข้างหลังตรง
00:02:51 → 00:02:54 บริเวณเอวนะคะทีนี้อ่ะไตเรารู้หน้าที่กัน
00:02:54 → 00:02:56 ไปแล้วทีนี้เรื่องของนิ่วในไตกันบ้างค่ะ
00:02:56 → 00:02:59 นิ่วในไต๋มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะคุณหมอคะ
00:02:59 → 00:03:03 ผมต้องบอกก่อนว่านิ่วเนี่ยในทางปฏิบัติ
00:03:03 → 00:03:06 แล้วเนี่ยคนไข้จะสับสนระหว่าง 2 นิ่วนะ
00:03:06 → 00:03:10 ครับก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะนะครับก็
00:03:10 → 00:03:12 คือนิ้วทางเดินปัสสาวะคือนายไตที่เราคุย
00:03:12 → 00:03:16 กันก็คือตั้งแต่ตายอาจจะไปที่กรวยไตไม่
00:03:16 → 00:03:18 เป็นจังหวะอวัยวะต่อกันนะครับก็คือระบบไต
00:03:18 → 00:03:22 ระบบทางเดินปัสสาวะท่อไตแล้วก็ไปที่
00:03:22 → 00:03:25 บริเวณกระเพาะปัสสาวะนะครับเพราะฉะนั้น
00:03:25 → 00:03:27 ปัสสาวะเนี่ยสามารถเกิดได้ทุกที่นะครับ
00:03:27 → 00:03:29 ของระบบทางเดินปัสสาวะอ๋อตามที่บอกมา
00:03:29 → 00:03:33 เมื่อกี้เลยหรอคะตั้งแต่มาแบบตายกรวยไต
00:03:33 → 00:03:36 ทอดไตกระเพาะปัสสาวะอ๋อเป็นได้ทุกที่ตรง
00:03:36 → 00:03:41 นี้เลยเป็นได้ทุกที่นะครับแต่อีกอันนึงก็
00:03:41 → 00:03:43 คือนิ่วถุงน้ำดีนะครับอันนี้ก็จะเป็นคนละ
00:03:43 → 00:03:47 ระบบเลยอันนี้ก็จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีก็จะ
00:03:47 → 00:03:50 มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวานะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่ถ้าเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ย
00:03:52 → 00:03:53 นะครับก็คือ
00:03:53 → 00:03:54 อาจจะเป็นเนื่องในตายเลยพวกนี้เกิดจาก
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยเดิมทีปัสสาวะของเราเนี่ยก็จะมีน้ำ
00:03:57 → 00:04:00 นะครับมีองค์ประกอบนะแล้วก็จะมีสารต่างๆ
00:04:00 → 00:04:04 ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้เนี่ยสามารถตกตะกอน
00:04:04 → 00:04:07 ในน้ำปัสสาวะได้ซึ่งถ้าเกิดมีภาวะบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างเนี่ยทำให้สารพวกนี้เนี่ยมีเยอะเกิน
00:04:11 → 00:04:14 ทำให้ตกตะกอนง่ายเกินก็จะรวมตัวกันผลผลิต
00:04:14 → 00:04:18 เป็นนิ่วเป็นก้อนนะครับอ่าหรือปัจจัยอื่น
00:04:18 → 00:04:22 ๆอย่างเช่นเราทานเราดื่มน้ำน้อยเกินไป
00:04:22 → 00:04:25 ที่ทำให้ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะเยอะมี
00:04:25 → 00:04:28 โอกาสจับตัวเป็นก้อนแล้วก็เป็นนิ่วได้มาก
00:04:28 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:33 ตัวสารบางอย่างที่ว่าเนี่ยค่ะมันจะเป็น
00:04:33 → 00:04:36 ประเภทอะไรบ้างคะที่มันจะทำให้เกิดการตก
00:04:36 → 00:04:39 ตะกอนได้ค่ะ
00:04:39 → 00:04:45 ก็สารที่เราพบเนี่ยก็คือ 1 เป็นพวกกรด
00:04:45 → 00:04:49 ยูริคนะครับกดยูริกก็คือคนที่มีโอกาสที่
00:04:49 → 00:05:03 เป็นเป็นเก๊าอักเสบไปพวกนี้นะครับ
00:05:03 → 00:05:07 ที่เจอบ่อยก็จะอยู่ในอาหารบางอย่างนะครับ
00:05:07 → 00:05:11 เยอะๆอย่างเช่นเป็นพวกผักโขม
00:05:11 → 00:05:27 ช็อกโกแลต
00:05:27 → 00:05:32 ของถูกใจสาวๆเลยนะคะคุณหมอ
00:05:32 → 00:05:36 แต่ว่าอย่ากินเยอะแล้วกันนะคะ
00:05:36 → 00:05:40 ที่แบบเกี่ยวกับเรื่องของการการที่เรา
00:05:40 → 00:05:42 ต้องกินเข้าไปแล้วมันมีผล
00:05:42 → 00:05:45 ที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:05:45 → 00:05:48 งั้นเดี๋ยวกล่าวโดยรวมเลยว่าทานอาหาร
00:05:48 → 00:05:51 อย่างไรนะครับจะได้แบบไม่ก่อให้เกิดนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 ในไต
00:05:53 → 00:05:55 ก็คือ 1 ก็คือเราต้องดื่มน้ำ
00:05:55 → 00:06:00 ให้มีปริมาณที่เพียงพอนะครับอาจจะเกิน 8
00:06:00 → 00:06:03 แก้วก็คือ 2 ลิตร 2.5 ลิตรต่อวันนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 แต่เรื่องการดื่มน้ำเนี่ยอันนี้ก็ต้องไม่
00:06:05 → 00:06:08 ใช่ทุกคนดื่มสามารถดื่มน้ำได้เยอะหมดนะ
00:06:08 → 00:06:09 ครับ
00:06:09 → 00:06:12 ผู้ป่วยบางคนเนี่ยที่มีปัญหาเรื่องการบีบ
00:06:12 → 00:06:16 ตัวของหัวใจที่ลดลงอะไรพวกนี้เคยมี
00:06:16 → 00:06:23 ประวัติน้ำท่วมปอดอะไรพวกนี้นะครับ
00:06:23 → 00:06:28 แข็งแล้วก็มีภาวะน้ำในช่องท้องมีขาบวม
00:06:28 → 00:06:31 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องจำกัดน้ำ
00:06:31 → 00:06:35 ดื่มถ้าเกิดยิ่งดื่มน้ำมากก็จะยิ่งบวม
00:06:35 → 00:06:38 น้อยไปก็ไม่ดีดื่มมากสำหรับบางคนก็ไม่ได้
00:06:38 → 00:06:42 อีกต่างหากด้วยเนอะ
00:06:42 → 00:06:49 หมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆครับ
00:06:49 → 00:06:50 [เพลง]
00:06:50 → 00:06:54 ค่อยๆจิบไปทีละนิดทีละนิดเรื่อยๆคือไม่
00:06:54 → 00:06:56 ต้องแบบว่าทีเดียวกระดกไปแบบหมดขวดไม่ใช่
00:06:56 → 00:06:59 ขนาดนั้นใช่ไหมคะ
00:06:59 → 00:07:02 ไม่ใช่กินแบบ 2 ลิตรทีนึงตอนเช้าแล้วก็
00:07:02 → 00:07:04 ตอนกลางวันตอนเย็นไม่ทานเลยอะไรอย่างนี้
00:07:04 → 00:07:06 ก็ไม่ดี
00:07:06 → 00:07:09 อ้าวคุณหมอคะถ้าดื่มน้ำในปริมาณที่แบบว่า
00:07:09 → 00:07:11 เออพอสำหรับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราสังเกตได้ที่เคยได้ยินคือการสังเกตจาก
00:07:14 → 00:07:17 สีปัสสาวะใช่ไหมคะที่มันจะไม่เป็นสี
00:07:17 → 00:07:19 เหลืองเข้มนะฮะอาจจะสีเหลืองอ่อนอะไร
00:07:19 → 00:07:21 อย่างเงี้ยนะคะอันนี้คือถูกต้องเหมาะสม
00:07:21 → 00:07:22 แล้วใช่ไหมคะ
00:07:23 → 00:07:26 แต่โดยปริมาณเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วก็จะแนะ
00:07:26 → 00:07:28 นำประมาณสัก 2 ลิตร 2 ลิตรครึ่งขึ้นไปนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับอันนี้คือไม่ขาดแน่นอน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะฉะนั้นคือถ้าร่างกายรู้สึกว่าหิวน้ำ
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อไหร่คุณผู้ฟังก็ดื่มน้ำได้เลยนะคะ
00:07:36 → 00:07:38 อย่ารอให้จนแบบเออเดี๋ยวก่อนทีเดียวเอ้า
00:07:38 → 00:07:40 คุณหมออันนี้อีกนิดนึงค่ะคำว่าน้ำเนี่ย
00:07:40 → 00:07:42 คือเป็นน้ำเปล่าโดยปกติทั่วไปใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 เพราะว่าอ่าหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเออเรา
00:07:45 → 00:07:49 กินเอ่อดื่มกาแฟดื่มเครื่องดื่มประเภท
00:07:49 → 00:07:53 อื่นๆอ่านนั้นกรงน้ำแกงน้ำซุปอ่าหรืออะไร
00:07:53 → 00:07:57 พวกเนี้ยบางคนก็บอกว่าก็เนี่ยพวกนี้ก็
00:07:57 → 00:07:59 เป็นน้ำเหมือนกันก็ทดแทนกันได้ได้หรือ
00:07:59 → 00:08:00 เปล่าคะ
00:08:00 → 00:08:03 แนะนำว่าให้เป็นน้ำเปล่าดีกว่านะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่าน้ำแกงน้ำซุปเนี่ยสิ่งที่เราได้
00:08:06 → 00:08:08 ไปเนี่ยนอกจากน้ำแล้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:08 → 00:08:12 เกลือมีโซเดียมเข้าไปในร่างกายด้วย
00:08:12 → 00:08:16 อันตรายอีก
00:08:16 → 00:08:19 น้ำเปล่าดีที่สุดอันนี้ไม่รวมแอลกอฮอล์นะ
00:08:19 → 00:08:24 คะคุณผู้ฟังเดี๋ยวต้องเบรกไว้ก่อน
00:08:24 → 00:08:27 เหลือแอลกอฮอล์เป็นกินแทนดื่มแทนน้ำเลย
00:08:27 → 00:08:29 อะไรอย่างนี้ไม่ต้องนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อันนี้ก็แสดงว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงจากการ
00:08:32 → 00:08:35 ที่เรากินอาหารอะไรต่างๆเหล่านี้เพราะว่า
00:08:35 → 00:08:36 มันมีทั้ง
00:08:36 → 00:08:40 อะไรนะที่คุณหมอบอกมีถั่วมีผักโขมนอกจาก
00:08:40 → 00:08:43 ดื่มน้ำมากๆเนี่ยนะครับแล้วก็อาหารต่อไป
00:08:43 → 00:08:47 คือที่ควรทำคืออาหารที่มีกากใยมากๆอย่าง
00:08:47 → 00:08:50 เช่นพวกผักอะไรพวกนี้นะครับ
00:08:50 → 00:08:54 พวกนี้เนี่ยจะไปช่วยจับออกซาเลตนะครับใน
00:08:54 → 00:08:55 อาหารอื่นๆ
00:08:55 → 00:08:58 แล้วก็ขับออกมาทางอุจจาระเรา
00:08:58 → 00:09:02 นะฮะอันนี้ก็ลดอากาศนิว
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปก็คือเพิ่มอาหาร
00:09:05 → 00:09:08 ที่มีแคลเซียมนะครับอาหารก็แคลเซียมก็ควร
00:09:08 → 00:09:10 จะได้รับด้วย
00:09:10 → 00:09:12 อ่าพวกนมอะไรพวกนี้นะครับที่มีแคลเซียม
00:09:12 → 00:09:16 อันนี้ก็จะช่วยจับออกซะเลทได้เหมือนกันนะ
00:09:16 → 00:09:16 ครับ
00:09:16 → 00:09:18 [เพลง]
00:09:18 → 00:09:20 ต่อไปอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับก็คือ
00:09:20 → 00:09:23 ที่หมอบอกไปก็คือพวกช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:09:23 → 00:09:25 ออกซาเรดจะค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานแต่
00:09:25 → 00:09:29 ปริมาณที่พอควรนะครับหน่อไม้ผักโขมผัก
00:09:29 → 00:09:32 ดัชนีก็คือผักโขมนะครับ
00:09:32 → 00:09:36 แล้วก็ต่อไปก็คือลดอาหารเค็มนะครับอย่า
00:09:36 → 00:09:40 ทานเค็มเยอะเพราะว่าอาหารเค็มเนี่ยก็คือ
00:09:40 → 00:09:42 มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและโซเดียมเนี่ย
00:09:42 → 00:09:45 ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลึกนิ่วได้นะ
00:09:45 → 00:09:46 ครับ
00:09:46 → 00:09:49 เพราะฉะนั้นนอกจากทานเค็มแล้วเนี่ยความ
00:09:49 → 00:09:52 ดันสูงเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลือดอะไรพวก
00:09:52 → 00:09:55 นี้เนี่ย
00:09:55 → 00:09:57 ต่อนิ่วก็มีผลเหมือนกันนะครับมาเป็น
00:09:57 → 00:09:59 แพ็คเกจเลยค่ะคุณหมอ
00:09:59 → 00:10:04 ความจริง
00:10:04 → 00:10:06 มันก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:09 ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะเพราะว่าบางที
00:10:09 → 00:10:12 เราไม่รู้หรอกว่าเอ๊ะมันมีการตกตะกอนอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหรือเปล่าการตกตะกอนอย่างเงี้ยค่ะใน
00:10:14 → 00:10:17 การที่จะมันตกตะกอนก่อนแล้วมันทำให้เกิด
00:10:17 → 00:10:19 นิ่วหรือว่าไอ้ตะกอนนั้นมันคือนิ่วค่ะคุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอตอนแรกตะกอนเนี่ยที่ยังไม่จับตัวกัน
00:10:21 → 00:10:25 เป็นก้อนเนี่ย 3 เราสามารถดื่มน้ำเยอะๆทำ
00:10:25 → 00:10:29 ให้ขับออกมาในรูปของปัสสาวะได้ปัสสาวะอาจ
00:10:29 → 00:10:33 จะแบบมีฝุ่นๆๆหน่อยนึงแต่ถ้าเกิดเราปล่อย
00:10:33 → 00:10:35 ไว้นาน
00:10:35 → 00:10:38 ไอ้ตัวฝุ่นๆเนี้ยในปัสสาวะเนี่ยมันจับกัน
00:10:38 → 00:10:41 กลายเป็นก้อนผลิตก็จะกลายเป็นนิ่วนะครับ
00:10:41 → 00:10:44 ก็ทำให้มีอาการได้นะครับ
00:10:44 → 00:10:46 แล้วอาการที่ว่านี่มันเป็นยังไงมันมี
00:10:46 → 00:10:48 อาการยังไงบ้างคะ
00:10:48 → 00:10:52 ก็คือนิ่วในทางเดินปัสสาวะเนี่ยมีอาการ
00:10:52 → 00:10:55 ค่อนข้างหลากหลายเลยนะครับมันขึ้นอยู่กับ
00:10:55 → 00:10:59 ขนาดของนิ่วแล้วก็ตำแหน่งนะครับแล้วก็การ
00:10:59 → 00:11:01 อุดตันว่าอุดตันเยอะหรือว่าอุดตันยังน้อย
00:11:01 → 00:11:05 ๆอยู่นะครับอย่างเช่นถ้าเกิดนิ่ว
00:11:05 → 00:11:09 เต็มก้อนเล็กอยู่นะครับก็คือน้อยกว่าน้อย
00:11:09 → 00:11:11 กว่าเซนนึงอาจจะแค่ครึ่งเซนอะไรพวกนี้
00:11:11 → 00:11:17 เนี่ยโอกาสที่ดื่มน้ำแล้วใช้น้ำปัสสาวะ
00:11:17 → 00:11:20 เนี่ยดันออกมาหลุดออกมาเองได้ก็โอเคครับ
00:11:20 → 00:11:22 ก็โชคดีนะครับ
00:11:22 → 00:11:25 ฉะนั้นบางคนที่เป็นนิ่วก้อนเล็กๆเนี่ยเขา
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมาด้วยมาปรึกษาว่าไปปัสสาวะแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 สังเกตว่ามีก้อนเล็กๆออกมาหืมนะครับก็
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจอะไรพวกนี้ออกมาสบายได้นะครับ
00:11:34 → 00:11:38 แต่ถ้าเกิดก้อนเนี่ยเริ่มใหญ่ขึ้นมีการไป
00:11:38 → 00:11:42 อุดทางเดินปัสสาวะเนี่ยนะครับคนไข้ก็จะมา
00:11:42 → 00:11:47 ด้วยอาการปวดนะฮะปวดบริเวณที่แนวทางเหนือ
00:11:47 → 00:11:50 วางอยู่นะก็คืออาจจะหลัง 2 ข้างข้างใน
00:11:50 → 00:11:52 ข้างหนึ่งนะครับ
00:11:52 → 00:11:56 อันนี้คือแนวไตก็คือแล้วตำรวจตกตรงท้อง
00:11:56 → 00:11:57 น้อยทะลุไปหลังอะไรพวกนี้
00:11:57 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 แต่ถ้าเกิดเคลื่อนตัวมาบริเวณท่อไตแล้ว
00:12:01 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ก็จะปวดแบบค่อนข้างที่จะ
00:12:03 → 00:12:07 รุนแรงปวดจนแบบตัวงอทำอะไรไม่ได้เลยนะอาจ
00:12:07 → 00:12:12 จะมีร้าวไปบริเวณหน้าขาพวกนี้ได้นะครับ
00:12:12 → 00:12:16 หรือถ้าเกิดมี annival บริเวณกระเพาะ
00:12:16 → 00:12:18 ปัสสาวะเนี่ยก็อาจจะปวดบริเวณ
00:12:18 → 00:12:22 ท้องน้อยนะครับ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วนอกจากอาการที่ปวดแล้วเนี่ยอีกอันนึง
00:12:25 → 00:12:28 ที่ต้องระวังก็คือนิ่วเนี่ยทำให้เกิด
00:12:28 → 00:12:38 ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้นะครับ
00:12:38 → 00:12:42 ทำให้การรักษาเนี่ยอาจจะรักษา
00:12:42 → 00:12:45 หายขาดเนี่ยต้องใช้เวลานานนะครับต้องใช้
00:12:45 → 00:12:49 ยาฆ่าเชื้อนาน
00:12:49 → 00:12:51 ก็การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะก็คือ
00:12:51 → 00:12:55 อาจจะมีอาการไข้นะครับหรือว่าปัสสาวะแสบ
00:12:55 → 00:12:59 ขัดปัสสาวะขุ่นอะไรพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ปิดกะปอยรู้สึกไม่สุดอะไรพวกนี้นะครับ
00:13:02 → 00:13:06 หรือบางคนถ้าเกิดเป็นมากเนี่ยทำให้กรวยไต
00:13:06 → 00:13:09 ในอักเสบถ้ากรวยแตกอักเสบส่วนใหญ่จะมีไข้
00:13:09 → 00:13:11 นะครับแล้วก็หนาวสั่นแล้วก็อาจจะปวด
00:13:11 → 00:13:14 บริเวณบั้นเอวด้านซ้ายหรือด้านขวาที่ที่
00:13:14 → 00:13:19 เป็นเนี่ยนะครับบางครั้งเนี่ยเวลาเราเรา
00:13:19 → 00:13:22 สัมผัสหรือไปเคาะนิดนึงบริเวณการวางของไต
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยจะสะดุ้งได้เลยนะครับ
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ก็จะเป็นค่อนข้างเยอะนะ
00:13:28 → 00:13:30 อาการนอกจาก
00:13:30 → 00:13:34 อาการอื่นๆแล้วเนี่ยก็จะมีบางครั้งเนี่ย
00:13:34 → 00:13:39 ตรวจพบเจอด้วยการไปตรวจสุขภาพประจำปีนะ
00:13:39 → 00:13:40 ครับพบว่า
00:13:40 → 00:13:45 ตรงบริเวณท่อไตเนี่ยมันบวมทำให้ไตบวมน่ะ
00:13:45 → 00:13:48 เกิดจากนิ่วไปอุดตันได้
00:13:48 → 00:13:52 คือส่งผลระยะยาวคือทำให้ค่าไตเนี่ยเสื่อม
00:13:52 → 00:13:54 ลงเร็วได้นะครับเป็นสาเหตุของเป็นไต
00:13:54 → 00:13:56 เสื่อมเรื้อรังได้นะครับการที่มีนิ่วไป
00:13:56 → 00:14:02 อุดทางเดินปัสสาวะ
00:14:02 → 00:14:06 เคยเคยเห็นสังเกตของคุณพ่อนะคือคุณพ่อไม่
00:14:06 → 00:14:09 เคยไม่อ่าเขาเรียกว่าอะไรดีคะไปตรวจเนี่ย
00:14:09 → 00:14:12 เราไม่เคยรู้เลยว่าท่านท่านมีปัญหาเกี่ยว
00:14:12 → 00:14:14 กับเรื่องของไตอ่ะนะคะจนวันนึงเนี่ยแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เท้าบวมมากเลยอ่ะค่ะอันนี้คือมันเกี่ยว
00:14:18 → 00:14:25 กับไตเลยใช่ไหมคะแบบมันแบบบวมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:25 → 00:14:28 ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นจากระบบไหนนะครับเป็น
00:14:28 → 00:14:31 ระบบจากหัวใจหรือเป็นจากระบบตับหรือว่า
00:14:31 → 00:14:33 ถ้าเกิดเป็นไตการที่จะพิสูจน์แล้วคือเรา
00:14:33 → 00:14:37 ก็ต้องส่งดูค่าไตนะครับแล้วก็ตัวปัสสาวะ
00:14:37 → 00:14:39 ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่ามันมีหลาย
00:14:39 → 00:14:43 ปัจจัยแล้วก็มันอาจจะทำให้เราคิดว่ามัน
00:14:43 → 00:14:44 อาจจะไม่ได้เป็นอันนี้จะเป็นอย่างอื่นก็
00:14:44 → 00:14:47 ต้องคือต้องไปเป็นพบแพทย์ไปดูว่ามันเกิด
00:14:47 → 00:14:50 จากสาเหตุอะไรปัจจัยอะไรด้วยใช่ไหมคะแสดง
00:14:50 → 00:14:53 ว่ามันปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตมัน
00:14:53 → 00:14:55 มีมันมีเยอะมากมันมีหลายอย่างมากนอกจาก
00:14:55 → 00:14:57 ที่เมื่อกี้คุณหมอบอกอีกใช่ไหมคะอย่าง
00:14:57 → 00:15:00 อย่างพวกแบบเอ่อพันธุกรรมอย่างนี้เป็นไป
00:15:00 → 00:15:03 ได้ไหมคะพันธุกรรมครับมีส่วนนะครับเฮ้อ
00:15:03 → 00:15:07 พันธุกรรมบางอย่างทำให้การจับตกตะกอนใน
00:15:07 → 00:15:12 ปัสสาวะเนี่ยเป็นมากกว่าคนปกตินะ
00:15:12 → 00:15:17 หรือว่ามีการพันธุกรรมบางอย่างทำให้อ่า
00:15:17 → 00:15:20 สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดตัวนิ่วเนี่ยมาก
00:15:20 → 00:15:22 ขึ้นนะครับ
00:15:22 → 00:15:26 อย่างเช่นมีกฎยูริกในร่างกายเยอะอะไรพวก
00:15:26 → 00:15:28 นี้นะครับ
00:15:28 → 00:15:32 แล้วอย่างพวกอ่าการกั้นปัสสาวะนานๆมีผล
00:15:32 → 00:15:34 ไหมคะ
00:15:34 → 00:15:38 การกลั้นปัสสาวะนานๆก็จะมีผลนะครับก็คือ 1
00:15:38 → 00:15:40 ก็คือทำให้
00:15:40 → 00:15:44 น้ำปัสสาวะเนี่ยที่จะที่จะขับ
00:15:44 → 00:15:48 สารที่จะตกตะกอนออกไปผลึกไปเนี่ยมันโชว์
00:15:48 → 00:15:50 ช้าลงมันไหลช้าลง
00:15:50 → 00:15:51 ก็ทำให้
00:15:51 → 00:15:55 เวลาในการตกตะกอนมากขึ้นนะครับอีกเรื่อง
00:15:55 → 00:15:58 นึงการปัสสาวะเนี่ยบ่อยๆเนี่ย
00:15:58 → 00:16:00 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดการติด
00:16:00 → 00:16:03 เชื้อได้ในปัสสาวะได้มากขึ้นครับ
00:16:03 → 00:16:06 ฉะนั้นเราไม่ควรจะกั้นปัสสาวะนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อันนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงนะ
00:16:09 → 00:16:11 คะเวลาที่ต้องเดินทาง
00:16:11 → 00:16:12 นะคะ
00:16:12 → 00:16:14 เออหาห้องน้องห้องน้ำอะไรอย่างนี้อาจจะ
00:16:14 → 00:16:17 ยากนิดนึงแต่พยายามอยากกลั้นดีที่สุดคือ
00:16:17 → 00:16:20 หมายความว่าถ้าร่างกายส่งสัญญาณว่าอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ป่วยแล้วนะ
00:16:22 → 00:16:25 แวะปั๊มแวะข้างทางเอ่อปั๊มนะคะหรืออะไร
00:16:25 → 00:16:30 อย่างเงี้ยจะดีกว่าใช่ไหมพยายามอั้นๆๆไว้
00:16:30 → 00:16:35 แบบนั้นไม่ดีใช่ไหมคะ
00:16:35 → 00:16:41 เสี่ยงเลย
00:16:41 → 00:16:44 ค่ะ
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็พวกเกี่ยวกับยาบางอย่างหรืออะไร
00:16:49 → 00:16:51 อย่างวิตามินซีอย่างนี้ค่ะที่ได้ยินมาคือ
00:16:51 → 00:16:54 แบบวิตามินซีมันจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้
00:16:54 → 00:16:56 ด้วยหรอคะ
00:16:56 → 00:16:59 คือโดยทั่วไปเนี่ยวิตามินซีเนี่ยอาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:02 ให้เกิดนิ่วในไตได้ด้วยเพราะว่าอาจจะมี
00:17:02 → 00:17:05 สารตั้งต้นทำให้เกิดผลึกเนี่ยในทางเดิน
00:17:06 → 00:17:09 ปัสสาวะเนี่ยไม่ได้มากนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:09 → 00:17:12 เราที่คนที่ทานวิตามินซีเนี่ยอันนี้ที่
00:17:12 → 00:17:15 หมอแนะนำเนี่ยหมอแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับให้มากด้วย
00:17:17 → 00:17:23 [เพลง]
00:17:23 → 00:17:26 พวกนี้ที่ทำให้เกิดผลึกเนี่ยออกมาได้เยอะ
00:17:26 → 00:17:28 นะครับ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆมากๆมากๆมากๆเลยนะคะ
00:17:31 → 00:17:35 คุณผู้ฟังเพราะว่าเพราะว่ากินวิตามินซี
00:17:35 → 00:17:38 อยู่เหมือนกันคุณหมอแต่ว่าแบบเออไม่แน่ใจ
00:17:38 → 00:17:41 ว่าดื่มน้ำตามปริมาณที่มันมากพอหรือเปล่า
00:17:41 → 00:17:45 อาจจะต้องมากกว่าปกติใช่ไหมคะ
00:17:45 → 00:17:46 ใช่ครับ
00:17:46 → 00:17:50 ว่าแบบทานวิตามินซีทุกคนต้องต้องเกิดอะไร
00:17:50 → 00:17:50 พวกเนี้ยครับ
00:17:50 → 00:17:54 ขึ้นอยู่กับปัจจัยของตัวเราด้วยนะครับ
00:17:54 → 00:17:57 การดื่มน้ำด้วยอะไรพวกนี้
00:17:57 → 00:18:01 ไม่อยากเป็นนิ่วในไตก็ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
00:18:01 → 00:18:05 คุณผู้ฟังนะคะแล้วมันจะมีอาการแบบไหนยัง
00:18:05 → 00:18:07 ไงบ้างคะคุณหมอคะที่จะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:07 → 00:18:11 มันมีความเสี่ยงแล้วนะเราสังเกตตัวเองยัง
00:18:11 → 00:18:13 ไงได้ไหมคะคุณหมอก่อนที่เราจะไปหาคุณหมอ
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยมันมีอาการอะไรบอกก่อนไหมคะ
00:18:16 → 00:18:19 ก็คือต้องแบ่งเป็น 2 อย่างคือคนที่ไม่มี
00:18:19 → 00:18:21 อาการก็คือไปตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจ
00:18:21 → 00:18:24 ร่างกายนะครับสุขภาพประจำปีอันที่ 2 ก็
00:18:24 → 00:18:28 คือเริ่มมีอาการของนิ่วไปอุดกั้นทางเดิน
00:18:28 → 00:18:31 ปัสสาวะนะครับไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเหมือน
00:18:31 → 00:18:33 ที่หมอได้บอกไป
00:18:33 → 00:18:37 ถือว่าคนไข้ที่ติดเชื้อในปัสสาวะบ่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 อะไรพวกนี้นะครับอันนี้ก็ต้องน่าสงสัยนะ
00:18:40 → 00:18:42 ครับ
00:18:42 → 00:18:45 ส่วนการตรวจวินิจฉัยเนี่ยพอเวลาเราไปพบ
00:18:45 → 00:18:47 คุณหมอแล้วใช่ไหมครับ
00:18:47 → 00:18:50 คุณหมอก็จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือร่วมกับตรวจ
00:18:52 → 00:18:55 ปัสสาวะนะครับเพราะว่าถ้าเกิดในทาง
00:18:55 → 00:18:57 ปัสสาวะเนี่ยมีโอกาสที่เราจะพบความผิด
00:18:57 → 00:19:00 ปกติก็คือจะมีเม็ดเลือดแดงเนี่ยปนออกมา
00:19:00 → 00:19:02 ปัสสาวะได้นะครับ
00:19:02 → 00:19:06 นอกจากนั้นเราก็เอกซเรย์นะครับภาพช่อง
00:19:06 → 00:19:09 ท้องส่วนบริเวณที่ไตกับทางเดินปัสสาวะนะ
00:19:09 → 00:19:13 ครับแล้วก็จะเห็นเป็นสถานทึบแสงที่อยู่ใน
00:19:13 → 00:19:15 แนวทางปัสสาวะนะครับอันนี้ก็ต้องระวังว่า
00:19:15 → 00:19:19 อาจจะเป็นพวกนิ่วในปัสสาวะได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 ก็หลังจากนั้นถ้าเกิดสงสัยจะดูเพิ่มเติม
00:19:23 → 00:19:27 แล้วก็จะส่งอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่าไป
00:19:27 → 00:19:31 ทำสแกนเพื่อจะทำให้เห็นตัวรอยโรคนั้นได้
00:19:31 → 00:19:34 ดีขึ้นได้ชัดเจนขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ในไตหรือว่าในระบบทางเดินปัสสาวะตรงนี้
00:19:39 → 00:19:41 เนี่ยไม่ว่าจะจุดไหนก็แล้วแต่
00:19:41 → 00:19:45 ถ้ามีปริมาณที่ยังเป็นผลึกที่อาจจะยังไม่
00:19:45 → 00:19:47 เยอะนะคะกำลังเริ่มจับตัวเป็นผลึกละหรือ
00:19:48 → 00:19:48 อะไรอย่างนี้
00:19:48 → 00:19:52 มันก็จะมีอาการพวกนี้บ่งบอกได้เลยใช่ไหม
00:19:52 → 00:19:54 หรือว่ามันต้องแบบโอ้โหผลึกเยอะมากมันไม่
00:19:54 → 00:19:55 ไหวแล้ว
00:19:55 → 00:19:59 จนทำให้มันมีอาการหนักๆขึ้นมา
00:19:59 → 00:20:01 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดมีอาการเนี่ยก็คือตัว
00:20:01 → 00:20:05 ก้อนนิ่วเนี่ยจะค่อนข้างเยอะแล้วค่อนข้าง
00:20:05 → 00:20:07 ใหญ่แล้วนะครับ
00:20:07 → 00:20:11 ก็คือประมาณเกิน 0.5 ซมขึ้นไปนะครับถ้า
00:20:11 → 00:20:14 เกิดไปอุดบริเวณท่อไตหรือว่าส่วนใดต่างๆ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยอันนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดมีอาการปวด
00:20:16 → 00:20:19 ขึ้นมาให้ได้มาก
00:20:19 → 00:20:22 แล้วลักษณะของนิ่วเนี่ยกำลังนึกภาพของ
00:20:22 → 00:20:25 นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยเห็นในภาพในโซเชียล
00:20:25 → 00:20:27 อะไรอย่างนี้นะคะในอินเตอร์เน็ตอย่างนี้
00:20:27 → 00:20:30 ค่ะมันเป็นนิ่วแบบเดียวกันเลยไหมคะผลึก
00:20:30 → 00:20:33 ออกมาเป็นลักษณะคล้ายๆก้อนกรวดเหมือนกัน
00:20:33 → 00:20:36 ไหมคะเป็นก้อนกรวดเหมือนกันแต่ว่าขนาด
00:20:36 → 00:20:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะไม่เหมือนกับ
00:20:38 → 00:20:42 ตัวนิ่วในในถุงน้ำดีนะครับผสมน้ำดีอาจจะ
00:20:42 → 00:20:46 มีขนาดใหญ่ได้จะมีนิ่วในไตบางที่ที่จะมี
00:20:46 → 00:20:49 ขนาดใหญ่แต่ก็จะเป็นตามลักษณะบริเวณ
00:20:49 → 00:20:53 อวัยวะนั้นอย่างเช่นบริเวณที่ที่กรวยไต
00:20:53 → 00:20:57 อะไรอย่างนี้นะครับก็จะมีโรคบางโรคที่
00:20:57 → 00:21:00 ติดเชื้อท่านปัสสาวะทำซ้ำๆเนี่ยนะครับ
00:21:00 → 00:21:03 แล้วเป็นก๋วยเตี๋ยวอักเสบเนี่ยก็จะมีนิ่ว
00:21:03 → 00:21:06 ค่อนข้างใหญ่นะครับก็คือเรียกว่านิ่วเขา
00:21:06 → 00:21:10 กวางตรงบริเวณตรงตรงกรวยไตได้
00:21:10 → 00:21:13 อีกที่นึงที่นี่สามารถเจอนิ่วใหญ่ๆได้
00:21:13 → 00:21:15 เนี่ยก็คือตรงกับป.ปัสสาวะนะครับเพราะ
00:21:15 → 00:21:17 กระเพาะปัสสาวะเนี่ยมีปริมาณค่อนข้างเยอะ
00:21:17 → 00:21:19 นะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ผู้ป่วยบางท่านเนี่ยก็คือไม่ได้สังเกต
00:21:22 → 00:21:25 อาการไม่รู้ว่ามีความผิดปกติทางปัสสาวะ
00:21:25 → 00:21:28 เนี่ยจนมารักษาเนี่ยอัตราเราเจอนิ่วเนี่ย
00:21:28 → 00:21:32 ขนาดแบบหลายเซนติเมตรก็มี 3-4 ซมอะไรพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ในทางเดียวในกระเพาะปัสสาวะเนี่ยก็เจอ
00:21:34 → 00:21:35 ได้เฮ้ย
00:21:35 → 00:21:40 ใหญ่ใหญ่มากเลย
00:21:40 → 00:21:44 ในกระเพาะปัสสาวะนะครับผู้หญิงเป็นเยอะ
00:21:44 → 00:21:47 กว่าไหมคะคืออัตราส่วนนี่คือหมอคิดว่า
00:21:47 → 00:21:49 เท่าๆกันนะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับแต่ผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงต่อการ
00:21:51 → 00:21:57 เป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย
00:21:57 → 00:22:00 เพราะว่าท่อปัสสาวะของผู้หญิงเนี่ยจะสั้น
00:22:00 → 00:22:02 กว่าผู้ชายนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 ตามลักษณะโครงสร้างอันนี้ก็
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
00:22:09 → 00:22:11 ขึ้นสำหรับคุณผู้หญิงนะคะแล้วก็คุณบอกว่า
00:22:11 → 00:22:13 ถ้าเกิดมันมีอาการอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:22:13 → 00:22:16 แล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอเลยตรวจเช็ค
00:22:16 → 00:22:19 กันมาแล้วเออมันเป็นนิ่วแหละนะคะขั้นตอน
00:22:19 → 00:22:22 กระบวนการรักษานี่มันยุ่งยากไหมคะ
00:22:22 → 00:22:26 อ๋อการรักษาเนี่ยเอ่อ
00:22:26 → 00:22:28 คุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเนี่ยก็จะ
00:22:28 → 00:22:32 เป็นคนผู้ให้วางแผนการรักษานะครับโดยทั่ว
00:22:32 → 00:22:35 ไปแล้วเนี่ยเราจะรักษาตาม
00:22:35 → 00:22:37 ขนาดของนิ่วนะครับ
00:22:37 → 00:22:41 ถ้าเกิดขนาดของนิ่วไม่ได้มีขนาดใหญ่ไม่
00:22:41 → 00:22:44 ได้มีอาการของการไป
00:22:44 → 00:22:49 กดท่อไตหรือว่าท่อปัสสาวะนะครับแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 สามารถให้การรักษาแบบประคับประคองได้นะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับก็คือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม
00:22:55 → 00:22:58 น้ำมากๆเลยพวกนี้แล้วก็ให้ยาช่วยระงับ
00:22:58 → 00:23:00 อาการปวดเพราะว่า
00:23:00 → 00:23:04 นิ่วที่ขนาดเล็กเนี่ยสามารถหลุดออกมาได้
00:23:04 → 00:23:06 นะครับส่วนใหญ่นะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าเกิดเป็นนิ่วขนาดใหญ่แล้วก็มีอาการ
00:23:09 → 00:23:13 เยอะนะครับหรือว่ามีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:23:13 → 00:23:17 อย่างเช่นพวกเชื้อบ่อยๆอะไรพวกนี้
00:23:17 → 00:23:20 ก็จะต้องไปจัดการเอานิ้วออกมาจากร่างกาย
00:23:20 → 00:23:24 นะครับก็คือจะมีการแบบการผ่าตัดนะครับการ
00:23:24 → 00:23:27 ผ่าตัดเปิดไปทำหรือว่าการสลายนิ่วด้วย
00:23:27 → 00:23:29 คลื่นกระแทกนะครับ
00:23:29 → 00:23:33 หรือว่าส่องกล้องผ่านไปอะไรพวกนี้นะครับ
00:23:33 → 00:23:37 ก็จะมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับ
00:23:37 → 00:23:42 ตำแหน่งขนาดและก็อาการของตัวโรคครับ
00:23:42 → 00:23:47 ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนใช่ไหมคะใช่ครับ
00:23:47 → 00:23:50 [เพลง]
00:23:50 → 00:23:53 ถ้าเกิดพูดถึงในแง่ของถ้าเกิดเป็นนิ่วนาน
00:23:53 → 00:23:55 ๆใช่ไหมครับ
00:23:55 → 00:23:58 ถ้าเกิดเป็นนิ่วนานๆเนี่ยก็คือเหมือนที่
00:23:58 → 00:24:01 หมอบอกก็คืออย่างแรกก็คืออาจจะมีอาการปวด
00:24:01 → 00:24:05 นะครับมารบกวนชีวิตได้เรื่อยๆนะครับ
00:24:05 → 00:24:08 อันที่ 2 ก็คือทำให้เกิดการติดเชื้อทาง
00:24:08 → 00:24:09 เดินปัสสาวะได้บ่อยๆ
00:24:09 → 00:24:13 หรือบางคนถ้าเกิดมีนิ่วที่กรวยไตที่ตาย
00:24:13 → 00:24:16 พวกนี้ทำให้กรวยไตอักเสบก็สามารถติดเชื้อ
00:24:16 → 00:24:19 ในกระแสเลือดได้
00:24:19 → 00:24:32 มันก็นำไปสู่ใช่ครับ
00:24:32 → 00:24:36 ซึ่งภาวะไตบวมน้ำเนี่ยก็จะทำให้การทำงาน
00:24:36 → 00:24:40 ของไตเนี่ยลดลงก็นำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
00:24:40 → 00:24:43 เรื้อรังนะครับได้ครับ
00:24:43 → 00:24:46 ตั้งแล้วรู้สึกแบบว่าโอ้ยไม่อยากเป็นอะไร
00:24:46 → 00:24:48 เลย
00:24:48 → 00:24:53 นะคะคุณหมอคะให้การป้องกันนิ้วในไตเราอ่ะ
00:24:53 → 00:24:56 เบื้องต้นเราต้องยังไงกันได้บ้างคะ
00:24:56 → 00:25:02 อันนี้ก็หมอก็เน้นย้ำนะครับคือเอ่อใครที่
00:25:02 → 00:25:04 สามารถดื่มน้ำได้โดยที่คุณหมอเขาไม่ได้
00:25:04 → 00:25:06 จำกัดน้ำดื่มเนี่ยก็อยากจะให้ดื่มน้ำให้
00:25:06 → 00:25:10 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันนะครับก็คือประมาณ
00:25:10 → 00:25:12 เกิน 2 ลิตรถึง 2.5 ลิตรขึ้นไปนะครับ
00:25:12 → 00:25:17 เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วแล้วก็ทำให้ร่าง
00:25:17 → 00:25:19 กายระบบอื่นๆเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:25:19 → 00:25:20 ประสิทธิภาพด้วยนะฮะ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็ทานผักหรืออาหารที่มีกากใยมากๆนะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับอันนี้ก็ช่วยลดการเกิดนิ่วรวมทั้งทาน
00:25:27 → 00:25:31 อาหารที่มีแคลเซียมสูงนะครับ
00:25:31 → 00:25:34 ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง
00:25:34 → 00:25:38 นะครับไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตนะครับหน่อ
00:25:38 → 00:25:40 ไม้ผักบางชนิดก็คือเหมือนที่หมอยกตัว
00:25:40 → 00:25:42 อย่างคือผักโขม
00:25:42 → 00:25:45 แล้วก็อีกอันนึงคือรถการรับประทานอาหาร
00:25:45 → 00:25:50 เค็มนะครับเค็มมากไม่ดี
00:25:50 → 00:25:54 แล้วก็อยากจะเชิญชวนทุกคนนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:57 หมอคิดว่าสิ่งที่อยากมาที่สุดเนี่ยไม่ใช่
00:25:57 → 00:26:00 การรักษาโรคนะก็คือหมอว่าการป้องกันเนี่ย
00:26:00 → 00:26:03 อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับก็คือ
00:26:03 → 00:26:06 เหมือนที่หมอบอกก็คือพยายามทานอาหารให้
00:26:06 → 00:26:10 ไม่ให้เกิดนิ่วความเสี่ยงกับการเกิดนิ่ว
00:26:10 → 00:26:11 ในไตแน่นอน
00:26:11 → 00:26:16 แล้วก็ควรจะตรวจสุขภาพนะครับประจำปีนะ
00:26:16 → 00:26:21 ครับสักครั้งหนึ่งต่อต่อปีก็โอเคนะครับ
00:26:21 → 00:26:24 เพราะเราอาจจะไปเจอนิ่วโดยบังเอิญอะไรพวก
00:26:24 → 00:26:28 นี้เราจะได้รีบทำการรักษานะครับก่อนที่
00:26:28 → 00:26:32 มันจะส่งผลมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
00:26:32 → 00:26:35 ก็เป็นวิธีการที่ลักษณะของการปรับเปลี่ยน
00:26:35 → 00:26:37 พฤติกรรมของเรานะคะถ้าไม่อยากเป็นนิ่วนะ
00:26:37 → 00:26:40 คะแล้วก็ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากจะต้องมา
00:26:40 → 00:26:43 นั่งผ่าตัดหรือมาทำการรักษาเนี่ยเราสู้
00:26:43 → 00:26:46 เราป้องกันจะเป็นทางที่ดีกว่านะคะเอาล่ะ
00:26:46 → 00:26:48 วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอวชิรพงษ์ด้วย
00:26:48 → 00:26:50 นะคะที่มาร่วมพูดคุยในรายการรองเบาะของ
00:26:50 → 00:26:54 เราค่ะขอบคุณค่ะคุณหมอขาสวัสดีค่ะค่ะ
00:26:54 → 00:26:57 คุณผู้ฟังค่ะหมดเวลาแล้วกับรายการรองหมอ
00:26:57 → 00:27:00 ทางไทย PBS ค่ะวันนี้ต้องลาไปก่อนค่ะ
00:27:00 → 00:27:02 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:02 → 00:27:05 นะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:05 → 00:27:08 ใน 1 วันคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
00:27:09 → 00:27:12 ทุกคนการใช้เวลาของแต่ละคนให้มีคุณภาพมี
00:27:12 → 00:27:14 ปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดร
00:27:14 → 00:27:17 สุวุฒิวงศ์สวัสดิ์นักจิตวิทยาการศึกษามา
00:27:17 → 00:27:20 เล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วในชีวิตแต่ละคนนะ
00:27:21 → 00:27:23 ครับมันจะมีห้วงเวลาของการจำเป็นต้องใช้
00:27:23 → 00:27:26 กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากันหรอกแต่บางที 888
00:27:26 → 00:27:28 ถ้าสมมุติเราไม่ต้องไปซื่อตรงกับเวลามัน
00:27:28 → 00:27:31 มากแต่อาจจะหมายถึงว่า 3 ส่วนนี้เป็นส่วน
00:27:31 → 00:27:34 ที่สำคัญต่อชีวิตเราในอัตราส่วนที่เท่าๆ
00:27:34 → 00:27:36 กันใช้คำว่าอัตราส่วนนะแต่ผมไม่ได้พูดถึง
00:27:36 → 00:27:39 ว่าเวลาต้องเท่ากันแต่หมายถึงน้ำหนักของ
00:27:39 → 00:27:41 มันความสำคัญของมันเนี่ยมันอาจจะเท่าๆกัน
00:27:41 → 00:27:43 แหละจริงๆสิ่งที่สำคัญมากกว่าการแบ่งส่วน
00:27:43 → 00:27:47 อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาได้มีคุณภาพ
00:27:47 → 00:27:50 หรือเปล่าสมมุติ 8 ชั่วโมงของการนอนเรา
00:27:50 → 00:27:52 นอนบนเตียงก็จริงแต่หัวคิดไม่หยุดแล้วนอน
00:27:52 → 00:27:54 ไม่หลับมันจะเรียกว่านอนได้ยังไงหรือทำ
00:27:54 → 00:27:58 งานนั่งอยู่ในออฟฟิศใช่แหละ 8 ชั่วโมงแต่
00:27:58 → 00:27:59 เผลอถ่ายโซเชียลมีเดียแล้วก็ได้ทำงานจริง
00:28:00 → 00:28:02 ๆ 2 ชั่วโมงเราจะเรียกว่าการทำงานนี้มี
00:28:02 → 00:28:05 คุณภาพได้ยังไงหรือไปเรียนหนังสือมัวแต่
00:28:05 → 00:28:07 นั่งคุยกับเพื่อนแล้วเราก็จบมาแบบไม่รู้
00:28:07 → 00:28:10 อะไรเลยแต่กระจก
00:28:10 → 00:28:12 เราจะเรียกว่าคุณภาพยังไงหรือไม่ก็ตั้ง
00:28:12 → 00:28:14 ป้อนสุดท้ายครับ 8 ชั่วโมงที่มีความหมาย
00:28:14 → 00:28:17 กับตัวเรากับคนสำคัญและการพักผ่อนทางใจ
00:28:17 → 00:28:19 สมมุตินะคนบางคนโชคร้ายครับเกิดใน
00:28:19 → 00:28:23 กรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางเดินทางสมมุติหาย
00:28:23 → 00:28:24 ไป 4 ชั่วโมง
00:28:24 → 00:28:27 ไป 2 ชั่วโมงกับ 2 ชั่วโมงไอ้ 8 ชั่วโมง
00:28:27 → 00:28:29 เนี่ยที่ควรจะได้ใช้เพื่อตัวเองจริงๆหาย
00:28:29 → 00:28:32 ไปละเสียซึ่งสีนี้ครับยังไม่รวมไปและอาบ
00:28:32 → 00:28:35 น้ำอีกนะยังไม่รวมเวลากินข้าวนะสุดท้าย
00:28:35 → 00:28:38 ครับคนบางคนเนาะอาจจะเหลือ 8 ชั่วโมงสุด
00:28:38 → 00:28:40 ท้ายเนี่ยไว้ให้ตัวเองได้แค่แบบนั่งถ่าย
00:28:40 → 00:28:49 มือถือชั่วโมงเดียวก่อนนอนนะ
00:28:49 → 00:28:52 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:52 → 00:28:54 ของไทยพีแดช็อต
00:28:54 → 00:28:58 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:58 → 00:29:01 podcast และ YouTube Channel ThaiPBS
00:29:01 → 00:29:07 portcute
00:29:07 → 00:29:12 [เพลง]