00:00:00 → 00:00:04 [เสียงดนตรี]
00:00:04 → 00:00:06 เฮ้อ...กี่โมงแล้วนี่ 5 ทุ่มแล้ว
00:00:07 → 00:00:08 นอนดีกว่า
00:00:09 → 00:00:12 อะไรนี่ ใครส่งอะไรมาดึก ๆ แบบนี้นี่
00:00:12 → 00:00:14 โอ้โฮ
00:00:14 → 00:00:16 เฮ้ย อันนี้ก็น่ากิน
00:00:16 → 00:00:18 เฮ้ย อันนี้ยิ่งน่าอร่อย
00:00:19 → 00:00:21 ส่วนคนนี้ก็...เอ้ย เอ้ย...
00:00:21 → 00:00:24 ส่วนรูปนี้ ก็ยิ่งน่ากินเข้าไปใหญ่
00:00:25 → 00:00:27 โอ้โฮ เล่นเอาท้องร้องเลย
00:00:28 → 00:00:30 คืนนี้เราต้องรอด
00:00:31 → 00:00:32 ไปต้มบะหมี่กินดีกว่า
00:00:32 → 00:00:35 เอ้ย เอ้ย โอ๊ะ หิวแล้ว
00:00:35 → 00:00:36 [เสียงดนตรี]
00:00:36 → 00:00:40 เวลาที่ดึก ๆ นี่นะ มีคนส่งรูปอาหารมานะ
00:00:40 → 00:00:43 มันหิวน่ะ ทั้ง ๆ ที่จัดมื้อเย็นใหญ่มากเลย
00:00:43 → 00:00:45 ระหว่างแอปเปิลกับคุกกี้
00:00:45 → 00:00:50 อาจารย์เต้คิดว่าอะไรที่กินแล้ว จะช่วยหลอกสมอง ทำให้เราอิ่มไว
00:00:50 → 00:00:52 ถ้าจะให้เลือก ก็อาจจะเลือกอันนี้
00:00:52 → 00:00:55 เลือกอันนี้เพราะว่ามันน่าจะกินง่ายกว่า
00:00:55 → 00:00:55 อา...
00:00:56 → 00:01:00 อาจารย์เต้คิดว่าสีแบบไหน ช่วยทำให้เรากินได้น้อยนะคะ
00:01:00 → 00:01:01 [เสียงดนตรี]
00:01:01 → 00:01:04 Brain Strong คุยเรื่องสมองให้เป็นเรื่องสนุก
00:01:04 → 00:01:05 วันนี้เราอยู่กับคุณเอ็กซ์ครับ
00:01:05 → 00:01:07 คุณเอ็กซ์ครับ คำถามแรกของผมเลย
00:01:07 → 00:01:11 เวลาที่ดึก ๆ นี่นะ มีคนส่งรูปอาหารมานะ
00:01:11 → 00:01:15 มันหิวน่ะ ทั้ง ๆ ที่จัดมื้อเย็นใหญ่มากเลย
00:01:15 → 00:01:16 ค่ะ เป็นไปได้ค่ะอาจารย์เต้
00:01:16 → 00:01:22 จะมีกลไกของสมองในการหลั่งฮอร์โมน ในเรื่องของความหิวขึ้นมาเมื่อเราเห็นอาหาร
00:01:22 → 00:01:26 ดังนั้น จริง ๆ แล้ว ถ้าเกิดเราโดนสมองหลอกว่า เห็นอาหารแล้วหิว
00:01:26 → 00:01:29 จริง ๆ เราน่าจะมีวิธีการหลอกสมองกลับ ก็ได้นะคะอาจารย์
00:01:29 → 00:01:31 - อ๋อ เราหลอกสมองกลับได้เหรอ - ได้เลยค่ะ
00:01:31 → 00:01:34 แล้วเราจะมีวิธีไหน ในการที่จะหลอกสมองกลับนี้ได้
00:01:34 → 00:01:35 เทคนิคง่าย ๆ
00:01:35 → 00:01:37 เวลาเราเคี้ยวอาหารนาน ๆ ขึ้น
00:01:37 → 00:01:39 อาจารย์เต้สังเกตว่า
00:01:39 → 00:01:43 เออ เรารู้สึกถึงความอิ่มได้ โดยเราไม่ต้องกินอาหารในปริมาณที่มาก
00:01:44 → 00:01:45 เทียบกับเวลาเรากินอะไรเร็ว ๆ
00:01:45 → 00:01:48 เราอาจจะกินได้ในปริมาณที่เยอะเกินไป
00:01:48 → 00:01:51 พอมารู้ตัวอีกที รู้สึกว่าอิ่มมากเกินไป
00:01:51 → 00:01:54 ดังนั้น การเคี้ยวก็เป็นเทคนิคหนึ่ง ในการหลอกสมองของเรา
00:01:54 → 00:01:57 ให้ควบคุมปริมาณอาหารไม่ให้มากเกินไปได้ค่ะ
00:01:57 → 00:01:58 เฮ้ย น่าสนใจมากเลยครับ คุณเอ็กซ์ครับ
00:01:59 → 00:02:01 คุณผู้ชมครับ มาติดตามกันนะครับว่า
00:02:01 → 00:02:05 มันมีวิธีอื่นอีกไหม ที่จะหลอกสมองให้รู้สึกอิ่มครับ
00:02:05 → 00:02:06 มาเลยครับ
00:02:06 → 00:02:09 [เสียงดนตรี]
00:02:10 → 00:02:12 โอ้โฮ มีอาหารอยู่บนโต๊ะเยอะแยะเลยครับ
00:02:12 → 00:02:13 เดี๋ยวเรามาดูกันนะครับว่า
00:02:13 → 00:02:16 เราจะใช้เทคนิคอะไรในการหลอกสมองของเราครับ
00:02:16 → 00:02:18 - คู่แรกก่อนนะคะ - ครับ
00:02:18 → 00:02:19 ก่อนมื้ออาหารนี่
00:02:19 → 00:02:22 ถ้าให้เลือกระหว่างแอปเปิลกับคุกกี้
00:02:22 → 00:02:27 อาจารย์เต้คิดว่าอะไรที่กินแล้ว จะช่วยหลอกสมอง ทำให้เราอิ่มไว
00:02:27 → 00:02:29 คุกกี้ กับ แอปเปิล
00:02:29 → 00:02:32 เฮ้ย เขาบอกว่าถ้ากินผลไม้ ต้องกินล้างปากตอนท้าย
00:02:32 → 00:02:34 เพราะฉะนั้น ผมเลือกคุกกี้
00:02:34 → 00:02:36 - อ๋อ เพราะคุกกี้เป็นอาหารว่างใช่ไหมคะ - ใช่
00:02:36 → 00:02:39 - อันนี้เลือกตามความชอบใช่ไหมคะ - ถูกต้อง
00:02:39 → 00:02:42 - แต่จริง ๆ แล้วค่ะ เราต้องเลือกแอปเปิล - อ้าว ทำไมครับ
00:02:42 → 00:02:45 แอปเปิลนี่ ถ้าเกิดเรากินก่อนอาหารนี่ ตัวแอปเปิลจะมีใยอาหารสูง
00:02:45 → 00:02:48 ใยอาหารที่เรากินเข้าไป ก่อนที่จะกินมื้ออาหารหลักนี่
00:02:48 → 00:02:52 จะช่วยทำให้เราอิ่มท้องก่อนที่จะกินมื้อหลัก
00:02:52 → 00:02:53 อ๋อ
00:02:53 → 00:02:56 เหมือนเราช่วยทำให้เราอิ่มไปกึ่งหนึ่งแล้ว
00:02:56 → 00:02:58 เราอาจต้องเลือกผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ๆ
00:02:58 → 00:03:01 มันอาจจะกินก่อนมื้ออาหารสักหน่อย เพื่อให้รองท้อง
00:03:02 → 00:03:05 ทำให้ปริมาณในกระเพาะที่จะเติมอาหารเข้าไป อาจจะน้อยลงหน่อย
00:03:05 → 00:03:08 แต่ถ้าเราเติมด้วยคุกกี้เป็นอันแรกนี่
00:03:08 → 00:03:10 คุกกี้มีทั้งแป้ง น้ำตาล
00:03:10 → 00:03:14 ตรงนี้นี่จะกระตุ้นอินซูลินของเรา ให้เพิ่มสูงขึ้น
00:03:14 → 00:03:17 มันทำให้น้ำตาลเราอาจจะตกลงไป
00:03:17 → 00:03:18 พอถึงมื้ออาหารหลัก
00:03:18 → 00:03:21 เราก็เลยรีบกินอาหารในปริมาณที่เยอะ
00:03:21 → 00:03:24 ส่งผลทำให้มื้ออาหารหลัก เราอาจจะกินปริมาณที่เยอะกว่าได้
00:03:24 → 00:03:26 ถ้าเราเลือกคุกกี้ก่อนมื้ออาหาร
00:03:26 → 00:03:27 เข้าใจแล้ว
00:03:27 → 00:03:31 สำหรับในชุดที่ 2 ก็จะเป็นชุดในมื้ออาหารหลักเลย
00:03:31 → 00:03:33 ถ้ามื้ออาหารหลักนี่
00:03:33 → 00:03:38 ถ้าเปรียบเทียบระหว่างการกินอกไก่ชิ้นนี้ กับการกินข้าวผัดจานนี้
00:03:38 → 00:03:42 คิดว่าเราเลือกกินอะไร แล้วทำให้สมองรู้สึกว่าอิ่ม
00:03:42 → 00:03:44 อืม ผมกำลังเชื่อมโยงนะ
00:03:44 → 00:03:46 ก่อนอาหารต้องกินไฟเบอร์เยอะ ๆ
00:03:46 → 00:03:50 ผมดูนี่ ข้าวผัด ดูมีไฟเบอร์มากกว่าอกไก่ เพราะฉะนั้น ผมไปข้าวผัด
00:03:50 → 00:03:53 - อ้อ อันที่แล้วมาตอบอันนี้ - ใช่
00:03:53 → 00:03:56 - แต่ต้องเฉลยว่าผิดค่ะ - อ้าว
00:03:56 → 00:03:59 เพราะว่าจะเห็นว่าตัวโปรตีน จานนี้โปรตีนเยอะกว่า
00:03:59 → 00:04:01 โปรตีนน้อยคือข้าวผัด
00:04:01 → 00:04:05 ดังนั้น ปริมาณโปรตีนที่เราได้รับ ในปริมาณที่เยอะกว่านี่
00:04:06 → 00:04:10 จะช่วยทำให้ฮอร์โมนในเรื่องของความอิ่ม หลั่งออกมามากกว่า
00:04:10 → 00:04:13 ช่วยควบคุมปริมาณอาหารในมื้อนั้น ไม่ให้มากเกินไป
00:04:13 → 00:04:16 รวมถึงการกินโปรตีนที่เพียงพอในมื้อหลักนี่
00:04:16 → 00:04:19 จะช่วยควบคุมการหิวระหว่างมื้อได้ด้วย
00:04:19 → 00:04:22 ดังนั้น เมนูนี้ อกไก่ก็จะชนะค่ะ
00:04:22 → 00:04:25 ผมก็ย้ายอกไก่ไปวางอยู่บนข้าวผัดเลย ง่ายกว่าไหม
00:04:25 → 00:04:28 อ๋อ อันนี้ก็จะได้แคลอรีที่เยอะเกินไป
00:04:28 → 00:04:30 เยอะเกินไปอีก เออ เอ้า
00:04:30 → 00:04:34 เรามีอาหารว่างก่อนมื้ออาหารหลัก
00:04:34 → 00:04:37 มีมื้อหลัก แล้วเราก็ต้องมีเครื่องดื่มใช่ไหมคะ
00:04:37 → 00:04:38 ครับ
00:04:38 → 00:04:41 อาจารย์เต้คิดว่าระหว่างนมจืดกับน้ำส้ม
00:04:41 → 00:04:45 อะไรที่คิดว่า น่าจะช่วยหลอกสมองได้ให้อิ่มเร็ว
00:04:45 → 00:04:47 คิดหนักเลย เพราะว่าน้ำส้มสีมันก็สวยเนอะ
00:04:48 → 00:04:51 ส่วนนมนี่ มันก็รู้ว่า มันควรจะมีคุณค่าทางสารอาหารที่ดี
00:04:51 → 00:04:53 นี่ผมกำลังเชื่อมโยงกับไก่นะ
00:04:53 → 00:04:56 เพราะว่านมน่าจะมีโปรตีนมากกว่าน้ำส้ม
00:04:56 → 00:04:57 ผมเลือกนม
00:04:57 → 00:05:01 - อา...อันนี้เริ่มเกิดการเรียนรู้แล้วนะคะ - อุ๊ย...ชม
00:05:01 → 00:05:02 เป็นการเรียนรู้ที่ถูกต้องค่ะ
00:05:02 → 00:05:05 การเลือกนมจะช่วยทำให้ ช่วยหลอกสมองให้อิ่ม
00:05:05 → 00:05:08 เพราะว่าตัวนมจะเป็นแหล่งโปรตีนเหมือนกัน
00:05:08 → 00:05:13 โปรตีนที่เพียงพอจะช่วยทำให้ ฮอร์โมนความอิ่มมันหลั่งออกมาเยอะ
00:05:13 → 00:05:16 ซึ่งก็จะช่วยลดปริมาณอาหารที่เราจะกินได้
00:05:16 → 00:05:18 แต่ถ้าเราไปเลือกน้ำส้มหรือน้ำผลไม้
00:05:18 → 00:05:24 มีความหวานก็จริง แต่ความหวานตรงนี้ มันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเราเพิ่มสูงขึ้น
00:05:24 → 00:05:28 ซึ่งตรงนี้อินซูลินหรือเป็นฮอร์โมน ที่ช่วยลดระดับน้ำตาล มันก็หลั่งออกมาเยอะ
00:05:28 → 00:05:30 กระชากน้ำตาลของเราตกลงมามาก
00:05:30 → 00:05:33 เราก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย น้ำตาลต่ำ ต้องหาอาหารว่างกิน
00:05:33 → 00:05:38 เออ ซึ่งตรงนี้นี่ ก็จะเป็นข้ออันตรายถ้าเราเลือกน้ำหวานกินค่ะ
00:05:38 → 00:05:41 คุณเอ็กซ์ครับ ถ้าอยากที่จะควบคุมแคลอรีด้วย
00:05:41 → 00:05:44 แทนที่จะไปที่นม อย่างนี้ผมก็ดื่มน้ำเปล่าเลยดีกว่า
00:05:44 → 00:05:47 ไป นี่ ผมมีน้ำเปล่าอยู่ด้านข้างด้วย เออ...
00:05:47 → 00:05:49 คือ choice นี้ ถือว่าถูกต้องที่สุด
00:05:49 → 00:05:52 เพราะจริง ๆ แล้วร่างกายของเรานี่ ต้องการน้ำในปริมาณที่มาก
00:05:52 → 00:05:55 เพราะร่างกายมีองค์ประกอบของน้ำถึง 75% เลย
00:05:55 → 00:05:59 เพราะบางครั้งนี่ เวลาเราขาดน้ำ หรือกระหายน้ำ ปากแห้ง
00:05:59 → 00:06:03 แต่ร่างกายนี่ ดันให้สัญญาณว่าเราหิว
00:06:03 → 00:06:05 มันเลยทำให้หาอาหารอย่างอื่นเยอะ
00:06:05 → 00:06:09 ดังนั้น การที่กินน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำที่ไม่มีพลังงานเลย
00:06:09 → 00:06:10 น้ำเปล่าแบบนี้นี่
00:06:10 → 00:06:15 ก็จะช่วยควบคุมแคลอรี ควบคุมพลังงาน จากการกินอาหารที่เรื่อยเปื่อยได้ค่ะ
00:06:16 → 00:06:21 อย่างนี้แปลว่าก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหาร เราเริ่มด้วยน้ำก่อนใช่ไหมครับหรือยังไงครับ
00:06:22 → 00:06:23 ก็มีการศึกษาวิจัยว่า
00:06:23 → 00:06:25 เอ๊ะ เราควรจะกินน้ำในช่วงไหนดี
00:06:25 → 00:06:29 ก็พบว่า การกินน้ำก่อนมื้ออาหารสัก 30 นาที
00:06:29 → 00:06:31 ปริมาณสัก 300-500 ml
00:06:31 → 00:06:34 จะลดแคลอรีในการกินลงได้ถึง 13% เลย
00:06:34 → 00:06:38 ดังนั้นนี่ แค่การกินน้ำ เรื่องง่าย ๆ เลย แล้วเป็นน้ำที่ไม่มีพลังงานเลย
00:06:39 → 00:06:41 ก็จะช่วยควบคุมในเรื่องของน้ำหนักเราได้
00:06:41 → 00:06:44 เพราะแคลอรีจากอาหารเราก็จะลดลงด้วยค่ะ
00:06:44 → 00:06:44 อืม
00:06:44 → 00:06:47 แล้วปริมาณน้ำในช่วงอื่น ๆ ของวันล่ะครับ
00:06:47 → 00:06:50 คุณเอ็กซ์มีคำแนะนำสำหรับปริมาณน้ำ ในแต่ละวันไหม
00:06:50 → 00:06:54 จริง ๆ แล้วในเรื่องของการกินน้ำเนอะ มันก็ต้องกินให้เพียงพอ
00:06:54 → 00:06:55 ปริมาณน้ำที่พอดีสำหรับ 1 วัน
00:06:55 → 00:07:01 ให้เอาน้ำหนักตัวของเรา คูณด้วย 40 ml น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
00:07:01 → 00:07:05 ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นปริมาณน้ำที่พอดี ที่ทำให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ
00:07:05 → 00:07:07 และไม่ทำให้ร่างกายสับสนไปว่า
00:07:07 → 00:07:10 เฮ้ย เราขาดน้ำ แล้วทำให้เราหิวหรือเปล่านะคะ
00:07:10 → 00:07:13 ซึ่งตรงนี้ก็เอาเป็นตัวเลขที่เอาไปใช้ได้นะคะ
00:07:13 → 00:07:17 เพราะบางคนเข้าใจว่า 2 ลิตร มันน่าจะเพียงพอสำหรับทุก ๆ คน
00:07:17 → 00:07:19 แต่จริง ๆ แล้ว ความพอดีของน้ำที่เราควรได้รับ
00:07:19 → 00:07:22 จะขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักตัวของเรา
00:07:22 → 00:07:25 บางคนบอกว่า อย่างนั้นเราเลือกเป็นน้ำ ที่มันเป็น 0 แคลอรีดีไหม
00:07:25 → 00:07:26 นั่นน่ะสิ
00:07:26 → 00:07:31 อา...ซึ่งตรงนี้บางคนหลีกเลี่ยงแค่ ในเรื่องของแคลอรีเท่านั้นนะคะ
00:07:31 → 00:07:34 คิดว่า เอ๊ะ น้ำที่มันเป็นพวกน้ำโซดา
00:07:34 → 00:07:37 ที่มันเป็นไดเอตต่าง ๆ ที่เป็น 0 แคลอรีจากน้ำตาลเทียม
00:07:37 → 00:07:40 สมองรู้ แต่สมองไม่ได้รับพลังงานจากน้ำ
00:07:40 → 00:07:42 ดังนั้นนี่ มีการศึกษาพบว่า
00:07:42 → 00:07:45 คนที่ดื่มพวกเครื่องดื่ม ที่เป็นน้ำตาลเทียมนี่
00:07:45 → 00:07:46 พอหลังจากดื่มเสร็จปุ๊บ
00:07:46 → 00:07:49 ร่างกายได้รับความหวาน แต่ไม่ได้รับพลังงาน
00:07:49 → 00:07:53 ก็จะมีโอกาสไปหาอาหารอื่น ๆ เพื่อให้ตอบสนองพลังงานที่ยังไม่ได้รับ
00:07:53 → 00:07:58 มันก็จะมีโอกาสได้รับพลังงานอื่น ๆ หลังจากดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลได้ค่ะ
00:07:58 → 00:08:02 ถ้าในระหว่างวัน ระหว่างมื้อนี่ หิวขึ้นมา ทำยังไงครับ
00:08:02 → 00:08:05 - เราก็ต้องมีอาหารว่างใช่ไหมคะ - ได้
00:08:05 → 00:08:08 แต่อาหารว่าง เราคงไม่ใช่อาหารว่าง ที่เป็นเรื่อยเปื่อยแบบ...
00:08:08 → 00:08:11 เบเกอรี 1 ชิ้น หรือว่าขนมหวานสักชิ้น หรือว่าน้ำหวาน 1 แก้ว
00:08:11 → 00:08:13 ก็คงไม่ใช่
00:08:13 → 00:08:17 ก็คงเป็นอาหารว่างที่มันก็จะช่วยควบคุม ความหิวของเราได้ด้วยนะคะ
00:08:17 → 00:08:20 ก็อาจจะแนะนำเป็นพวกถั่วเปลือกแข็ง
00:08:20 → 00:08:25 ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์ หรือว่าเป็นถั่วลิสง หรือว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ได้
00:08:25 → 00:08:27 ถั่วเปลือกแข็งเป็นแหล่งของพลังงาน
00:08:27 → 00:08:31 แต่ก็เป็นแหล่งของไขมันที่ดี แล้วก็มีใยอาหารเป็นองค์ประกอบ
00:08:31 → 00:08:34 ไขมันที่ดีจะช่วยทำให้อาหาร อยู่ในท้องของเราได้นานขึ้น
00:08:34 → 00:08:36 ช่วยทำให้เราไม่หิวบ่อย
00:08:36 → 00:08:38 แล้วตัวถั่วเปลือกแข็ง คาร์โบไฮเดรตน้อย
00:08:38 → 00:08:41 ซึ่งตรงนี้จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว กับอินซูลินมากนัก
00:08:41 → 00:08:43 ทำให้อินซูลินของเรา ไม่ได้หลั่งออกมาเยอะเกินไป
00:08:44 → 00:08:47 คุณเอ็กซ์ครับ อย่างนี้เพื่อจะให้ผมหายหิวระหว่างมื้อนะ
00:08:47 → 00:08:49 ผมก็จัดการเลยทั้งจานอย่างนี้เลย
00:08:49 → 00:08:54 อา...จริง ๆ ถ้าเรากินเยอะเกินไป เขาบอกว่ามันเป็นแหล่งไขมัน
00:08:54 → 00:08:56 ก็จะมีผลทำให้รับพลังงานมากเกินไป
00:08:56 → 00:09:00 ดังนั้น ปริมาณที่พอดีที่ดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ
00:09:00 → 00:09:02 คือปริมาณ 30 กรัม หรือประมาณอุ้งมือหนึ่ง
00:09:02 → 00:09:06 หรือถ้าตีเป็นช้อนกินข้าวของเรา คือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
00:09:06 → 00:09:11 ก็จะเป็นปริมาณที่พอดีสำหรับเป็นอาหารว่าง แล้วก็ไม่พลังงานมากเกินไปแล้วค่ะ
00:09:11 → 00:09:14 [เสียงดนตรี]
00:09:14 → 00:09:19 ตอนนี้เราจะมาดูวิธีการกิน แล้วก็ภาชนะครับผม
00:09:19 → 00:09:22 ค่ะ อันนี้ก็จะให้อาจารย์เต้เลือกนะคะว่า
00:09:22 → 00:09:26 อกไก่แบบชิ้นใหญ่ ๆ กับ อกไก่ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้ว
00:09:26 → 00:09:30 อาจารย์เต้คิดว่า แบบไหนที่จะช่วยหลอกสมองของเราได้
00:09:30 → 00:09:34 ถ้าจะให้เลือกก็อาจจะเลือกอันนี้ เลือกอันนี้เพราะว่ามันน่าจะกินง่ายกว่า
00:09:34 → 00:09:36 อา…ถูกต้องค่ะ
00:09:36 → 00:09:40 จานนี้ปริมาณของเนื้ออกไก่ น้อยกว่าชิ้นนั้นมากกว่าครึ่งเลย
00:09:40 → 00:09:40 อ้าว เหรอ
00:09:41 → 00:09:43 แต่อาจารย์เต้มองว่า เอ๊ะ มันน่าจะเท่ากัน
00:09:43 → 00:09:45 หั่นแล้วก็น่าจะกินง่าย
00:09:45 → 00:09:49 จริง ๆ แล้ว การหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ จะช่วยหลอกสายตา หลอกสมองของเรา
00:09:49 → 00:09:52 ว่าปริมาณอาหารนี่ มันเพียงพอแล้วสำหรับในมื้อนั้น
00:09:52 → 00:09:55 รวมถึงจะช่วยทำให้ระยะเวลาในการกินนานขึ้น
00:09:55 → 00:09:59 เพียงพอที่จะทำให้สัญญาณความอิ่ม หลั่งออกมาแล้วค่ะ
00:09:59 → 00:10:01 เหมือนทอดมันเนอะ เวลาเรากิน ถ้าเราจิ้ม 1 ชิ้น
00:10:01 → 00:10:03 แล้วเราเข้าปากไปชิ้นใหญ่เลย
00:10:03 → 00:10:06 จะเห็นว่าระยะเวลาในการเคี้ยวนี่แป๊บเดียว
00:10:06 → 00:10:08 แต่ถ้าเราหั่นทอดมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ
00:10:08 → 00:10:11 เราจิ้มทีละคำ แล้วค่อย ๆ เคี้ยว
00:10:11 → 00:10:13 เห็นว่าระยะเวลากินต่อ 1 ชิ้น จะนานกว่า
00:10:13 → 00:10:17 อ๋อ ถ้าอย่างนั้นถ้าเผื่อเรายิ่งกินช้าลง
00:10:17 → 00:10:20 มันก็จะทำให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว
00:10:20 → 00:10:23 เราก็จะกินได้น้อยลงโดยอัตโนมัติ
00:10:23 → 00:10:24 ถูกต้องเลยค่ะ
00:10:24 → 00:10:28 อย่างนี้คำว่าช้าลงนี่ มันช้าสักขนาดไหนครับ
00:10:28 → 00:10:32 เขาทำการศึกษานะว่า ระยะประมาณ 15-20 นาที ต่อหนึ่งมื้ออาหาร
00:10:32 → 00:10:37 ตรงนี้จะช่วยทำให้เราได้ยินสัญญาณความอิ่ม ที่มันหลั่งออกมา
00:10:37 → 00:10:41 ซึ่งตรงนี้นี่ การกินให้มันนานถึงประมาณ 15 นาที
00:10:41 → 00:10:43 ถ้าเราโฟกัสที่การเคี้ยวต่อ 1 ครั้ง
00:10:43 → 00:10:46 ก็มีข้อแนะนำว่า ต่อ 1 ครั้งของการเคี้ยว ต่อ 1 คำนี่
00:10:47 → 00:10:49 ประมาณ 30 ครั้ง ต่อ 1 คำ
00:10:49 → 00:10:51 ช่วงแรก ๆ อาจจะนับการเคี้ยวสักหน่อย
00:10:51 → 00:10:56 แต่พอมันเป็นอัตโนมัติ เราก็จะกลายเป็นคนกินได้ใช้เวลานานขึ้นนะคะ
00:10:56 → 00:11:01 ต่อไปเราก็ต้องมาเป็นเทคนิคของ การหลอกสมองด้วยขนาดภาชนะ
00:11:01 → 00:11:03 ให้อาจารย์เต้ลองดูนะคะว่า
00:11:03 → 00:11:05 จานเล็ก กับ จานใหญ่
00:11:05 → 00:11:09 จานไหนที่จะช่วยหลอกสมอง ทำให้เรารู้สึกว่า ใส่อาหารไปแล้ว แล้วรู้สึกอิ่มเร็ว
00:11:09 → 00:11:12 คือคุณผู้ชมครับ ถ้าเผื่อใครตักข้าวให้ผมมาด้วยจานนี้
00:11:12 → 00:11:13 ผมจะบอก ทำไมตักมาเยอะจัง
00:11:13 → 00:11:14 อืม
00:11:14 → 00:11:18 ในขณะที่ถ้าใครสักคนตักข้าวมาให้ผม ใส่จานนี้มา
00:11:18 → 00:11:19 ทำไมตักมาน้อยจัง
00:11:19 → 00:11:24 อา...งั้นอาจารย์เต้คิดว่าอาจารย์ไหน จะช่วยหลอกทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว
00:11:24 → 00:11:24 จานนี้แน่นอน
00:11:25 → 00:11:26 ค่ะ ถูกต้องเลยค่ะ
00:11:26 → 00:11:30 เพราะจะเห็นว่า 2 จานนี้ ปริมาณข้าวเท่ากันเลย
00:11:30 → 00:11:31 แต่จะเห็นว่า พอจานใหญ่
00:11:32 → 00:11:35 เอ๊ะ มันยังเหลือพื้นที่ เขาตักมาให้เราน้อยหรือเปล่า
00:11:35 → 00:11:38 ดังนั้น ขนาดภาชนะในขนาดเล็กลงนี่
00:11:38 → 00:11:39 จะช่วยทำให้เรารู้สึกว่า
00:11:40 → 00:11:43 เฮ้ย เรากินอาหารในปริมาณที่เยอะ และน่าจะเพียงพอแล้ว
00:11:43 → 00:11:44 แนะนำเลยว่า
00:11:44 → 00:11:47 ใช้จานที่มันเล็กกว่าปกติที่เราเคยใช้
00:11:47 → 00:11:51 เพราะถ้าตามร้านค้าโดยทั่วไป เขาจะใส่จานมาประมาณ 9 นิ้ว
00:11:51 → 00:11:55 อันนี้อาจจะต้องลดขนาดลง เป็นเหมือนจานผลไม้หรือจานอาหารว่าง
00:11:55 → 00:11:58 ก็จะช่วยควบคุมพลังงานในมื้อหลักเราได้ค่ะ
00:11:58 → 00:12:03 ต่อไป เรื่องสี ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่ช่วยหลอกสมองของเราได้ว่า
00:12:03 → 00:12:06 เราจะอิ่มเร็วหรือไม่ ก็อยู่ที่สีจานนะคะ
00:12:06 → 00:12:10 - โอ้ มีหลายสีเลย - วันนี้เราก็จะมีสีภาชนะมาให้ดูว่า
00:12:10 → 00:12:14 อาจารย์เต้คิดว่าสีแบบไหน ช่วยทำให้เรากินได้น้อยนะคะ
00:12:14 → 00:12:18 สีแดง สีขาว สีฟ้า และจานที่ 4 สีเขียว
00:12:18 → 00:12:22 จานโดยทั่ว ๆ ไปก็จะเป็นสี… ไม่สีขาว ก็จะเป็นสีครีม ประมาณนั้นนะครับ
00:12:22 → 00:12:24 แต่ 4 สีแบบนี้ ผมกำลังเล็งก่อน
00:12:24 → 00:12:29 เอาสีที่แบบ…ไม่ค่อยเห็นในธรรมชาติ ที่เป็นของกินนะ
00:12:29 → 00:12:30 ผมก็จะไปทางสีฟ้าเลย
00:12:30 → 00:12:35 คิดว่าอันนี้แหละ มันน่าจะเป็นตัวที่ทำให้ เรารู้สึกว่า มันกินได้เหรอ
00:12:35 → 00:12:37 อาจารย์เต้เลือกได้ถูกต้องมากเลยค่ะ
00:12:37 → 00:12:41 โดยปกติเรามักจะไม่เห็นจานสีฟ้า เสิร์ฟอาหารในร้านอาหารนะคะ
00:12:41 → 00:12:45 เพราะฉะนั้นนี่ จานสีฟ้า กับแถมอีกอันนึงคือจานสีเขียว
00:12:46 → 00:12:46 อ้าว เหรอครับ
00:12:46 → 00:12:49 จาน 2 สีนี้จะเป็นโทนเย็นนะคะ
00:12:49 → 00:12:53 ซึ่งตรงนี้นี่ จะเป็นโซนที่ มันจะช่วยลดความอยากอาหารของเราได้
00:12:53 → 00:12:55 โดยเฉพาะจานสีเขียวนี่
00:12:55 → 00:12:57 ความรู้สึกจากการศึกษาวิจัย พบว่า
00:12:57 → 00:13:01 การตักอาหารใส่จานสีเขียว จะรู้สึกว่ามีความ healthy
00:13:02 → 00:13:04 ปริมาณอาหาร มันก็จะไม่ได้มากเกินไป
00:13:04 → 00:13:06 ความรู้สึกของคนที่กินจานสีเขียว
00:13:06 → 00:13:06 อ้อ เหรอครับ
00:13:06 → 00:13:11 บางคนบอกว่า เอ๊ะ บางร้านเขาก็เสิร์ฟสีขาวมา มันช่วยไหม
00:13:11 → 00:13:13 เพราะจากการศึกษาวิจัยพบว่า
00:13:13 → 00:13:17 สีขาวไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลง ปริมาณอาหารที่กิน
00:13:17 → 00:13:20 ดังนั้น สีขาวก็จะไม่บวกไม่ลบ
00:13:20 → 00:13:23 ก็คือใส่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ควบคุมปริมาณอาหาร
00:13:23 → 00:13:27 หรือว่าใส่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ กินอาหารได้มากขึ้น ก็จะกลาง ๆ
00:13:27 → 00:13:28 ถ้าเป็นสีแดงล่ะ
00:13:28 → 00:13:31 อา...สีแดง สีส้ม สีเหลือง
00:13:31 → 00:13:34 ร้านอาหารมักจะใช้โทนสีนี้ในการตกแต่งร้าน
00:13:34 → 00:13:38 เพราะว่าสีโทนนี้นี่ จะเป็นสีโทนที่กระตุ้นความอยากอาหาร
00:13:38 → 00:13:40 ดังนั้น ใครที่อยู่ในโหมดลดน้ำหนัก
00:13:40 → 00:13:43 หลีกเลี่ยงจานสีแดง สีส้ม สีเหลืองนะคะ
00:13:43 → 00:13:47 เพราะไม่งั้นนี่ เราอาจจะกินในปริมาณที่เยอะกว่าปกติก็ได้
00:13:47 → 00:13:51 คุณเอ็กซ์ครับ แล้วเรามีพฤติกรรมอะไร ที่เราควรที่จะหลีกเลี่ยงไหม
00:13:51 → 00:13:53 ที่จะทำให้เรากินอาหารเยอะเกินไป
00:13:53 → 00:13:55 นอกจากเทคนิคต่าง ๆ แล้ว
00:13:55 → 00:14:00 การดูภาพอาหาร จะกระตุ้นฮอร์โมนความหิวเกิดขึ้น
00:14:00 → 00:14:02 ดังนั้น สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ดูภาพอาหาร
00:14:02 → 00:14:05 คือในมือถือนี่ ตอนนี้มันเสิร์ฟมาที่มือถือเลย
00:14:05 → 00:14:08 ดังนั้นนี่ คนที่บอกว่า เอ๊ะ ทำไมรู้สึกหิวบ่อย
00:14:08 → 00:14:13 อาจจะเป็นไปได้ว่า เราดูมือถือช่องที่เป็นอาหารบ่อย ๆ ก็ได้
00:14:13 → 00:14:18 อันที่ 2 จะสังเกตว่า เวลาเราไปดูภาพยนตร์ หรือดูซีรีส์ ดูโทรทัศน์
00:14:18 → 00:14:23 จะสังเกตว่า อย่างเช่นข้าวโพดกล่องใหญ่ เราสามารถกินหมดได้
00:14:23 → 00:14:25 ตอนหลัง หลังดูซีรีส์จบ
00:14:26 → 00:14:30 ซึ่งตรงนี้ ความเพลิดเพลินจากการดูทีวี หรือหน้าจอระหว่างกินอาหาร
00:14:30 → 00:14:33 มันทำให้ปริมาณอาหารที่กิน มากเกินความพอดีก็ได้ค่ะ
00:14:33 → 00:14:35 ผมจะกินอย่างมีความสุขและมีสติด้วยครับ
00:14:35 → 00:14:37 ได้เลยค่ะ
00:14:37 → 00:14:49 [เสียงดนตรี]