00:00:00 → 00:00:01 นอนยังไงให้สวย
00:00:01 → 00:00:04 >> ต้องนอนแต่งหน้าเหมือนช่อง 7 หรือเปล่า
00:00:04 → 00:00:06 >> การนอนมีคุณภาพตื่นมาแล้วเนี่ยไม่ต้อง
00:00:06 → 00:00:09 เพิ่งชากาแฟไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ในการที่จะ
00:00:09 → 00:00:13 ให้เราตื่นตัวกาแฟหมดลิตรปุ๊บสลบเลย
00:00:13 → 00:00:16 ทุกคนเนี่ยมีนาฬิกาซ่อนอยู่คือนาฬิกา
00:00:16 → 00:00:19 ชีวิตหลายๆอย่างเนี่ยในร่างกายเราทำงาน
00:00:19 → 00:00:21 ตามเวลา
00:00:21 → 00:00:23 deep sleep เป็นช่วงที่เราเนี่ยโหยหา
00:00:23 → 00:00:26 การหลับลึกในช่วงไซเคิลแรกๆจะมีระยะหลับ
00:00:26 → 00:00:29 ลึกที่เยอะแล้วก็จะค่อยๆสั้นลงสั้นลงวง
00:00:29 → 00:00:32 รอบท้ายๆเนี่ยอาจจะไม่เหลือการหลับลึกเลย
00:00:32 → 00:00:34 ต้องบอกว่างีบไม่ใช่นอนบางคนหลับเป็น
00:00:34 → 00:00:36 ชั่วโมงกลายเป็นว่าคืนนั้นก็หลับได้ยาก
00:00:36 → 00:00:39 อีกงีบช่วงหัวค่ำไปแล้วเนี่ยเราก็ไปใช้
00:00:39 → 00:00:43 ความง่วงของคืนนั้นและแสงเนี่ยคือคีย์
00:00:43 → 00:00:43 สำคัญเลย
00:00:43 → 00:00:46 >> มันก็เลยเป็นที่มาที่เขาบอกว่าต้องหยุด
00:00:46 → 00:00:47 เล่นมือถือก่อนนอน
00:00:47 → 00:00:49 >> ใช่เขาบอกว่าแดดในช่วงเช้าไม่เกิน 9:00
00:00:49 → 00:00:51 น. 1000 น.เนี่ยคือตัวสำคัญเลยที่ทำให้
00:00:51 → 00:00:52 การนอนดี
00:00:52 → 00:00:53 >> ทั้งๆที่มันเป็นเวลาตื่นน่ะนะ
00:00:53 → 00:00:54 >> ใช่
00:00:54 → 00:00:55 >> แล้วความฝันมันดียังไง
00:00:55 → 00:00:58 >> ดียังไงความฝันมีประโยชน์แล้วทุกคนน่ะฝัน
00:00:58 → 00:00:59 กันอยู่แล้ว
00:00:59 → 00:00:59 >> บอกหวย
00:00:59 → 00:01:03 >> มันบอกหวยมั้ย
00:01:03 → 00:01:06 >> สวย Story พcสกับอุมโอลิเวียสวัสดีค่ะราย
00:01:06 → 00:01:08 การที่เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมาพูด
00:01:08 → 00:01:11 คุยในเรื่องของสุขภาพแล้วก็ความสวยความ
00:01:11 → 00:01:14 งามค่ะวันนี้เราจะมาถอดรหัสการนอนหลับ
00:01:14 → 00:01:16 เพื่อความงามขั้นสุดกันกับหมอไมค์ค่ะนี้
00:01:16 → 00:01:18 สวัสดีค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 >> ก็ขออนุญาตให้หมอไม้แนะนำตัวเองนิดนึงนะ
00:01:21 → 00:01:21 คะ
00:01:21 → 00:01:23 >> อ่าก็ชื่อหมอไมค์นะครับปัจจุบันก็เป็นหมอ
00:01:23 → 00:01:25 ทางด้านหูคอจมูกแล้วก็วิทยาศาสตร์การนอน
00:01:25 → 00:01:28 หลับอยู่ที่สมิติเวธบุรีนะครับ
00:01:28 → 00:01:30 >> ก็คิดถึงการนอนหลับก็คิดถึงหมอไมค์นะคะ
00:01:30 → 00:01:31 >> ครับผม
00:01:31 → 00:01:34 >> น้องเตั้งชื่อให้ไมค์ด้วยว่าหมอนอนไม่
00:01:34 → 00:01:37 หลับม
00:01:37 → 00:01:40 >> ก็วันนี้ก็ดีใจมากเนาะที่วันนี้เอ่อไมค
00:01:40 → 00:01:42 แบบว่าสละเวลามาคุยกันในรายการเนาะอันนี้
00:01:42 → 00:01:45 ก็ขออนุญาตแบบเอ่ยนิดนึงแล้วกันว่าจริงๆ
00:01:45 → 00:01:49 แล้วเนี่ยที่อุมแบบเรียน anti aging
00:01:49 → 00:01:52 ผ่านมาได้เนี่ยก็มีเลคเชอร์ของคนนี้นะคะ
00:01:52 → 00:01:55 ที่ทำให้แบบว่าเราก็ไปสอบแล้วก็ผ่านได้
00:01:55 → 00:01:56 อ่ะค่ะ
00:01:56 → 00:01:59 >> ก็ขอบคุณมากนะคะวันนี้เราก็เลยเชิญมา
00:01:59 → 00:02:01 เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยคุณหมอไมคก็คือ
00:02:01 → 00:02:03 เชี่ยวชาญในเรื่องของการเรื่องนอนไม่หลับ
00:02:03 → 00:02:05 โดยเฉพาะแล้วก็มีความรู้เรื่องของ anti
00:02:05 → 00:02:07 aging ด้วยซึ่งผมก็คิดว่ามันเป็น
00:02:07 → 00:02:10 ประโยชน์มากๆเนาะ
00:02:11 → 00:02:12 >> ขอคำถามแรกเลย
00:02:12 → 00:02:12 >> อื
00:02:12 → 00:02:16 >> นอนยังไงให้สวย
00:02:16 → 00:02:19 >> ต้องนอนแต่งหน้าเหมือนช่อง 7 หรือเปล่า
00:02:19 → 00:02:21 [เพลง]
00:02:21 → 00:02:25 ก็ต้องนอนให้มีคุณภาพอ่าต้องบอกว่า
00:02:25 → 00:02:28 >> คุณภาพมันคืออะไรใช่มั้ยการนอนมีคุณภาพก็
00:02:28 → 00:02:31 ต้องประกอบด้วย 2 อย่างคือเวลาที่เหมาะสม
00:02:31 → 00:02:31 อ่า
00:02:31 → 00:02:35 >> การระหว่างที่นอนเนี่ยก็ต้องนอนโดยที่มี
00:02:35 → 00:02:38 ความต่อเนื่องนะไม่ตื่นบ่อยใช่มั้ครับอ่า
00:02:38 → 00:02:40 แล้วก็เป็นการนอนที่เข้าการหลับลึกได้
00:02:40 → 00:02:44 เพียงพอทั้งเวลาแล้วก็คุณภาพที่มันเหมาะ
00:02:44 → 00:02:47 สมเนี่ยคือทั้งปริมาณและคุณภาพเป็นการนอน
00:02:47 → 00:02:50 ที่มีสุขภาพดีนะครับบางทีเราเชื่อกับสิ่ง
00:02:50 → 00:02:53 ที่มันเป็นเอ่ออุปกรณ์มากเกินไปยกตัว
00:02:53 → 00:02:57 อย่างเช่นแวะนาฬิกาอะไรต่างๆจนเราเนี่ย
00:02:57 → 00:03:00 ฝังใจไปกับมันว่าอันเนี้ยฉันต้องทำให้มัน
00:03:00 → 00:03:02 แบบเหมือนเป็นตัวที่ทำให้เราแข่งขันกับ
00:03:02 → 00:03:02 มันน่ะ
00:03:02 → 00:03:05 >> อันนี้จริงนะเพราะเราก็ใส่แหวนอยู่แล้ว
00:03:05 → 00:03:07 เราก็ดูมันทุกวันเลย deep sleep เมื่อ
00:03:07 → 00:03:10 ไหร่ฉันจะได้บารเต็มเนี่ยทำยังไงไม่รู้
00:03:10 → 00:03:11 >> ใช่อื
00:03:11 → 00:03:11 >> อ
00:03:11 → 00:03:13 >> แล้วเราคือเกิดความคาดหวังกับมันมากเกิน
00:03:13 → 00:03:16 ไปอ่ะอ่าสิ่งนี้มันก็เป็นเหมือนดับ 2 คม
00:03:16 → 00:03:19 คือเรารู้ประมาณนึงโอเคโคอ่าแต่ว่าการที่
00:03:19 → 00:03:21 เราต้องจับจดกับมันทุกๆวันเนี่ยเราคาด
00:03:21 → 00:03:23 หวังกับมันมากเกินไปเมื่อมันไม่เป็นอย่าง
00:03:23 → 00:03:25 ที่คาดไว้อ่ะเราก็มีความทุกข์
00:03:25 → 00:03:26 >> ใช่มย
00:03:26 → 00:03:26 >> อ่าก็นิดหน่อย
00:03:26 → 00:03:29 >> คือการนอนหลับเนี่ยต้องเป็นความผ่อนคลาย
00:03:30 → 00:03:30 >> ออ
00:03:30 → 00:03:32 >> อ่าไม่ใช่ความคาดหวัง
00:03:32 → 00:03:32 >> ออ
00:03:32 → 00:03:35 >> ใช่มั้ยทุกอย่างเนี่ยในโลกเนี้ยความ
00:03:35 → 00:03:37 พยายามไปถึงได้หมดยกเว้นแต่การนอนหลับ
00:03:37 → 00:03:38 >> อือๆ
00:03:38 → 00:03:40 >> การนอนหลับต้องไม่ได้เกิดจากความพยายาม
00:03:40 → 00:03:41 ต้องผ่อนคลายนะฮะ
00:03:41 → 00:03:42 >> อ
00:03:42 → 00:03:44 >> อีกอย่างคือพวกแหวนนาฬิกาพวกเนี้ยถามว่า
00:03:44 → 00:03:46 มันมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนนะ
00:03:47 → 00:03:49 ครับถ้าพูดถึงความน่าเชื่อถือเนี่ยใน
00:03:49 → 00:03:52 เรื่องของเวลาการนอนน่ะคือพี่อู๋มนอนกี่
00:03:52 → 00:03:54 โมงหลับกี่โมงตื่นกี่โมงเนี่ยนอนได้กี่
00:03:54 → 00:03:56 ชั่วโมงอันนี้น่าเชื่อถือโอเคเพราะว่ามัน
00:03:56 → 00:03:59 จะดูการเคลื่อนไหวใช่มั้ยมันก็จะพอรู้ว่า
00:03:59 → 00:04:01 เรารอหลับได้นานแค่ไหน
00:04:01 → 00:04:04 >> แต่ในเรื่องของระยะว่าเอ้ยลึกตื้นแค่ไหน
00:04:04 → 00:04:05 อะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:04:05 → 00:04:05 >> อือๆ
00:04:05 → 00:04:08 >> แต่ละยี่ห้อก็น่าเชื่อถือไม่เหมือนกันเ้า
00:04:08 → 00:04:11 ดูจากอะไรบ้างส่วนมากเขาจะดูจากว่าหัวใจ
00:04:11 → 00:04:14 เต้นเนี่ยอ่ามีความเร็วช้าคือ vibrity
00:04:14 → 00:04:17 ของการเต้นหัวใจเนี่ยมันเป็นยังไง
00:04:17 → 00:04:19 มันก็จะกะๆได้ว่าอันนี้คือ
00:04:19 → 00:04:22 >> ตื้นนะลึกนะหรือว่าเข้าระยะฝันนะอะไร
00:04:22 → 00:04:26 อย่างเงี้ยซึ่งแต่ละตัวอุปกรณ์มันก็มี
00:04:26 → 00:04:29 โปรโตคอลมีเ้าเรียกว่ามีระบบที่ไม่เหมือน
00:04:29 → 00:04:31 กันเพราะฉะนั้นเนี่ยมันนี้คือเป็นความลับ
00:04:31 → 00:04:34 ของบริษัทเขาเลยนะเพราะฉะนั้นเนี่ยแต่ละ
00:04:34 → 00:04:37 ที่แต่ละอุปกรณ์มันก็ไม่เหมือนกันโดย
00:04:37 → 00:04:40 เฉลี่ยแล้วเนี่ยประมาณ 60-70% ของคือความ
00:04:40 → 00:04:43 แม่นยำนะฮะแม่นยำเพราะฉะนั้นหลักๆแล้วถ้า
00:04:43 → 00:04:45 เชื่อได้เนี่ยเอาเป็นเชื่อเรื่องของระยะ
00:04:45 → 00:04:48 เวลาหลับนอนดีกว่าว่าเราหลับได้มากหน่อย
00:04:48 → 00:04:51 แค่ไหนส่วนตื้นกับลึกเนี่ยให้รู้สึกจาก
00:04:51 → 00:04:54 ที่เรา perceive ด้วยตัวเองมากกว่าแว่า
00:04:54 → 00:04:56 เราตื่นมาแล้วเนี่ยเราไม่ต้องไม่ต้องพึ่ง
00:04:56 → 00:04:58 ชากาแฟไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ในการที่จะให้
00:04:59 → 00:05:01 เราตื่นตัวตื่นมาแล้วแคทีอ่าอาจจะกินกาแฟ
00:05:01 → 00:05:04 สักแก้วเดียวแล้วก็ใช้ชีวิตได้ปกติอะไร
00:05:04 → 00:05:06 อย่างเงี้ยอันนี้คือสิ่งที่อ่าการนอนมี
00:05:06 → 00:05:08 คุณภาพโอเคแล้วอ่า
00:05:08 → 00:05:09 >> นะครับ
00:05:09 → 00:05:11 >> เราก็ขออนุญาตไม่บอกยี่ห้อก็แล้วกันแต่
00:05:12 → 00:05:15 ว่าเราก็ใช้จริงอย่างเช่นอ่ะเรามาแอบดู
00:05:16 → 00:05:16 เลย
00:05:16 → 00:05:17 >> เอาคืนเมื่อคืนเลยมั้ย
00:05:17 → 00:05:21 >> เออโอ้โหเอาเมื่อคืนเลยอย่างเงี้ย Total
00:05:21 → 00:05:23 Sleep 5 ชม. 57 นาทีอ
00:05:23 → 00:05:24 >> อื
00:05:24 → 00:05:26 >> แต่อยู่บนเตียง 7 ชม.เพราะว่าอ่านหนังสือ
00:05:27 → 00:05:27 ก่อนนอน
00:05:27 → 00:05:28 >> หนังสือก่อนนอน
00:05:28 → 00:05:29 >> ไม่รู้ควรทำรือเปล่า
00:05:29 → 00:05:31 >> เอาเรื่องเวลาก่อนเวลาของการนอนหลับก่อน
00:05:31 → 00:05:34 >> เอ่อเริ่มนอนกี่โมงอ่ะหรอเที่ยง 55
00:05:34 → 00:05:35 >> ครับ
00:05:35 → 00:05:40 >> ตื่น 7:00 น.คู 55 เลยเนาะต 1
00:05:40 → 00:05:41 >> เอออุสาบอก
00:05:42 → 00:05:43 >> เค้าก็ให้คะแนนว่า 68
00:05:43 → 00:05:46 >> คือคะแนนเนี่ยส่วนมากเาค้าก็จะดูจาก 1
00:05:46 → 00:05:47 ชมงมันเพียงพอมั้ย
00:05:47 → 00:05:47 >> อ
00:05:47 → 00:05:50 >> ใช่มั้ยแล้วก็เออหลับลึกได้เพียงพอหรือ
00:05:50 → 00:05:52 เปล่าอะไรอย่างเงี้ยเอ่อถ้าพูดถึง
00:05:52 → 00:05:54 recommendation ว่าเราควรจะนอนสักกี่
00:05:54 → 00:05:57 ชั่วโมงนะฮะในแต่ละวัยไม่เหมือนกันยกตัว
00:05:57 → 00:05:59 อย่างในเด็กๆเนี่ยเกิดมาเนี่ยประมาณเฉียด
00:05:59 → 00:06:01 ประมาณ 15 ชมงเด็ก
00:06:01 → 00:06:04 >> เด็กๆนะฮะคือเด็กแบบแรกเกิดเลยอ่ะทารกเลย
00:06:04 → 00:06:07 อ่ะเพราะว่าเด็กๆเนี่ยเต้องต้องหลับเพื่อ
00:06:07 → 00:06:10 ให้มีการหลังโกรธฮอร์โมนใช่มั้ฮะอเด็กจะ
00:06:10 → 00:06:12 ต้องเติบโตมีพัฒนาการต่างๆเพราะฉะนั้น
00:06:12 → 00:06:15 >> เด็กจะต้องนอนเยอะแล้วก็นอนเนี่ยไม่มีการ
00:06:15 → 00:06:18 solid ของเวลานอนหมายถึงว่านอนเสร็จตื่น
00:06:18 → 00:06:19 มากินนม
00:06:19 → 00:06:22 >> อ่าหลับต่ออะไรอย่างเงี้ยคือหลับตื่นทั้ง
00:06:22 → 00:06:25 ทั้งวันอันนี้คือเด็กที่เป็นวัยก่อนเข้า
00:06:25 → 00:06:28 อนุบาลเพราะฉะนั้นอนุบาลให้เรานอนกลางวัน
00:06:28 → 00:06:28 ไง
00:06:28 → 00:06:28 >> อ๋อ
00:06:28 → 00:06:30 >> ใช่มั้เพราะว่าเรานอนไม่เป็นเวลาใช่มั้
00:06:30 → 00:06:33 เออแต่พอเข้าวัยประถมเนี่ยจะเริ่มมี
00:06:33 → 00:06:35 consolidate ของการหลับคือรวมเป็นการนอน
00:06:36 → 00:06:38 เป็นก้อนเดียวมากขึ้นเด็กพอเข้าประถม
00:06:38 → 00:06:40 เนี่ยเขาจะรวบการนอนเป็นมื้อเดียวเหมือน
00:06:40 → 00:06:42 ผู้ใหญ่และแต่นอนยังเยอะอยู่นะ 10 ชม.
00:06:42 → 00:06:45 ขึ้น 12 ชม.ประมาณนี้ในเด็กประถมใช่มั้ฮะ
00:06:45 → 00:06:48 พอวัยรุ่นเนี่ยก็จะเริ่มลดเหลือประมาณสัก
00:06:48 → 00:06:51 10 ชม.คือ 9-11 เป็นค่าเฉลี่ยแล้วพอมา
00:06:51 → 00:06:54 วัยเราก็คืออายุประมาณ 18 ปีขึ้นไปอย่าง
00:06:54 → 00:06:57 เงี้ยก็คือ 7-9
00:06:57 → 00:06:58 อันนี้คือค่าเฉลี่ยของ
00:06:58 → 00:06:59 >> 7-9
00:06:59 → 00:07:03 >> ของเอ่อนานาชาติและว่าประมาณนี้นะครับ
00:07:03 → 00:07:05 ซึ่งก็เลยได้เลข 8 ขึ้นมาเป็นเลขแบบ
00:07:05 → 00:07:06 สมมุติขึ้นมา
00:07:06 → 00:07:07 >> อ๋อ
00:07:07 → 00:07:11 >> ใช่มก็คือ 7-9 7-9 เนี่ยมันคือ
00:07:11 → 00:07:13 >> ถ้าพูดถึงกราฟเนี่ยก็คือเป็นกลางระคัง
00:07:13 → 00:07:18 คว่ำคือเป็นค่าเฉลี่ยที่เ่ออาจจะครบมาก
00:07:18 → 00:07:21 ที่สุดคือประมาณนี้ที่เหมาะสมอแต่ถามว่า
00:07:21 → 00:07:24 เรามีคนที่นอนไม่ถึงมีมยอ่าบางคนเเรียก
00:07:24 → 00:07:26 ว่า short sleeper หรือ long slipper
00:07:26 → 00:07:30 short slipper คืออ่ะนอน 4-5 ชมงก็เฟรช
00:07:30 → 00:07:30 แล้ว
00:07:30 → 00:07:31 >> อื
00:07:31 → 00:07:34 >> เฟรชหมายความว่าเจนติกเ้าเนี่ยอาจจะมีคน
00:07:34 → 00:07:36 ที่บ้านที่เป็นแบบนี้ที่นอน 5 ชมงเนี่ย
00:07:36 → 00:07:39 ไม่ถึง 6 ช่มงอะไรอย่างเงี้ยก็สดชื่นโดย
00:07:39 → 00:07:41 ที่ไม่ต้องพึ่งกาแฟ
00:07:41 → 00:07:41 >> อ๋อ
00:07:41 → 00:07:44 >> นึกออกมั้ยคือเต็มอิ่มและอ่าคุณสามารถที่
00:07:44 → 00:07:48 จะเก็บการเ่อพักผ่อนทุกอย่างเนี่ยภายใน
00:07:48 → 00:07:50 เวลานี้ได้ก็เรียกว่าเป็น short sleeper
00:07:50 → 00:07:52 ซึ่งพันธุกรรมมันจะบ่งชี้ว่าเป็นแบบนี้
00:07:52 → 00:07:55 มักจะมีคุณพ่อคุณแม่ที่นอนแบบเนี้ยก็สด
00:07:55 → 00:07:58 ชื่นแล้วอีกอย่างนึงก็คือว่าสลิปเปอร์
00:07:58 → 00:08:01 หมายความว่าต้องนอนเนี่ยเออเกิน 10 ชมง
00:08:02 → 00:08:04 >> ต้องนอนเกิน 10 อันนี้น่าสงสารนะนอนนอน
00:08:04 → 00:08:07 เกินซึ่งอันเนี้ยก็ต้องบอกว่าเป็น long
00:08:07 → 00:08:09 สลิปเปอร์จริงมั้ยคือคนที่ต้องนอนเวลานี้
00:08:09 → 00:08:11 จริงมั้ยก็ต้องดูที่ว่าเออเขาไม่ได้มีโรค
00:08:11 → 00:08:12 ซ่อนอยู่นะ
00:08:12 → 00:08:13 >> อ๋อ
00:08:13 → 00:08:16 >> ไม่ใช่ว่านอนหลับตื่นๆนอนไม่ดีหรือนอนกรน
00:08:16 → 00:08:18 แล้วต้องนอนเยอะก็ไม่ใช่อย่างงั้นคือนอน
00:08:18 → 00:08:21 คุณภาพดี quality ในเนื้อในการนอนดีหมด
00:08:21 → 00:08:23 แต่ต้องนอนให้มากขึ้นอะไรอย่างเงี้ยมันก็
00:08:23 → 00:08:25 มีเหมือนกันคนที่ต้องนอนมากกว่านั้น
00:08:25 → 00:08:27 >> เจอเยอะมั้ยอ่ะ
00:08:27 → 00:08:28 >> ก็มีฮะมี
00:08:28 → 00:08:30 >> เหรอเพราะว่าคนประเภทนี้น่าสงสารเนาะแบบ
00:08:30 → 00:08:32 ต้องนอนเยอะแล้วก็เสียเวลาชีวิต
00:08:32 → 00:08:34 >> เออแทนที่จะได้ไปทำอะไรอย่างอื่น
00:08:34 → 00:08:37 >> อืมันก็มีเหมือนกันก็เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้า
00:08:37 → 00:08:40 จะลองดูมิ่งว่าโอเคพี่อุมอยากรู้ว่าพี่
00:08:40 → 00:08:42 อุมต้องนอนสักกี่ชั่วโมงเราต้องดูวันที่
00:08:42 → 00:08:45 เราไม่ต้องต้องปลุกนาฬิกายกตัวอย่างเช่น
00:08:46 → 00:08:48 คืนวันศุกร์อ่ะที่เราไม่ทำงานเว้นแต่ทำ
00:08:48 → 00:08:51 งานทุกวันเนาะอ่ะถ้าเกิดว่านอนอ่ะสมมุติ
00:08:51 → 00:08:54 คืนวันศุกร์อ่าวันเสาร์เนี่ยเราตื่นมาโดย
00:08:54 → 00:08:56 ที่เราไม่ต้องตั้งปลุกเลย
00:08:56 → 00:08:59 >> เราต้องนอนสักกี่ชั่วโมงอันในซีเมว่าเรา
00:08:59 → 00:09:01 นอนประมาณชั่วโมงประมาณนั้น
00:09:01 → 00:09:04 >> แล้วตอนกลางวันก็ไม่ต้องพึ่งคาเฟอีนพึ่ง
00:09:04 → 00:09:07 ชาอะไรให้เราต้องตื่นตัว
00:09:07 → 00:09:08 >> แต่ละคนก็จะมีtimมิ่งในการนอนไม่เหมือน
00:09:09 → 00:09:12 กันเพราะฉนั้นพยายามหาเวลาของตัวเองแล้ว
00:09:12 → 00:09:14 ก็ keep regular คือทำให้มันเป็นแบบ
00:09:14 → 00:09:15 เนี้ยทุกๆวัน
00:09:15 → 00:09:17 >> อออืนะฮะ
00:09:17 → 00:09:19 >> งั้นต้องไปหานิดนึง
00:09:19 → 00:09:19 >> ใช่มยอื
00:09:20 → 00:09:21 >> อื
00:09:21 → 00:09:24 >> คราวนี้เนื้อในการนอนเนี่ยพี่อุ๋มเคยดูใน
00:09:24 → 00:09:27 นาฬิกาหรือว่าแหวนเนี่ยมันก็จะบอกว่าเออ
00:09:27 → 00:09:29 มันมีมันละเอียดมากเลยนะ
00:09:29 → 00:09:30 >> ลึกตื้นอะไรแค่ไหนใช่มั้คะ
00:09:30 → 00:09:33 >> ใช่ๆมันจะมีนี่เลยอ่ะเลมสleep
00:09:33 → 00:09:35 >> อ่าเรมลepอ่า
00:09:35 → 00:09:38 >> อ่า sleep sleep ก็จะเฉลี่ยอยู่ประมาณ
00:09:38 → 00:09:40 ชั่วโมงนึงแต่ว่าไปฟังที่ไหนไม่รู้เบอก
00:09:40 → 00:09:41 ว่าต้อง 2 ชั่วโมง
00:09:41 → 00:09:41 >> ออ
00:09:41 → 00:09:43 >> แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้พไleep
00:09:43 → 00:09:44 เนาะ
00:09:44 → 00:09:47 >> ไลฟ sleep บางคนก็จะเป็นระยะ 1 ระยะ 2
00:09:47 → 00:09:52 อะไรอย่าเงี้คือพอปิดไฟแล้วกว่าจะหลับ
00:09:52 → 00:09:54 เนี่ยใช้เวลาแค่ไหนที่เราจะเข้าหลับ
00:09:54 → 00:09:56 ประมาณว่าหัวถึงหมอนแล้วเนี่ยกว่าเราจะ
00:09:56 → 00:09:58 กลิ้งไปกลิ้งมาแล้วหลับได้จริงอ่ะอันนั้น
00:09:58 → 00:10:00 คือ sleep on set attency หมายความว่า
00:10:00 → 00:10:03 เราใช้เวลาปิดไฟแล้วก็อยู่บนเตียงแล้ว
00:10:03 → 00:10:06 เนี่ยนานแค่ไหนกว่าจะสมองเข้าสู่การหลับ
00:10:06 → 00:10:07 >> แล้วจริงๆแล้วมันควรจะกี่นา
00:10:07 → 00:10:09 >> ไม่ควรจะเกินครึ่งชั่วโมง
00:10:09 → 00:10:13 >> 20 นาทีเราก็ปิ่มอยู่นะโอเอยู่ใช่แต่ถ้า
00:10:13 → 00:10:14 เกิดว่าดีส
00:10:14 → 00:10:16 >> คนส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 15 นาทีถ้านอนโอเคนะ
00:10:16 → 00:10:18 ฮะเออเนาะ
00:10:18 → 00:10:20 >> คราวนี้ในสageของการหลับเนี่ยหลายๆท่านก็
00:10:20 → 00:10:23 อาจจะเคยมีนาฬิกาหรือมีแหวนเพื่อจะดูว่า
00:10:23 → 00:10:26 เราหลับเป็นยังไงใช่มยสageของการหลับถ้า
00:10:26 → 00:10:30 แบ่งคร่าวๆเลยง่ายๆเลยคือมีระยะที่เราอ่า
00:10:30 → 00:10:33 ตากระตุกและตาไม่กระตุกคำว่าเรมเนี่ยคือ
00:10:33 → 00:10:35 ระยะที่ตากระตุกไว Rabbid Eye Movement
00:10:35 → 00:10:38 ก็คือระยะเนี้ยจะเป็นระยะที่ฝันมักจะมี
00:10:38 → 00:10:40 ความฝันที่ดรามติกับระยะที่ non rapid
00:10:40 → 00:10:43 eye movement คือระยะที่ตาไม่กระตุกคือ
00:10:43 → 00:10:46 เราหลับเนี่ยตาไม่ได้อยู่นิ่งกับที่นะ
00:10:46 → 00:10:49 เคลื่อนไปเคลื่อนมาช้าๆนะฮะถ้าเป็นระยะ
00:10:49 → 00:10:52 ที่ตากระตุกไวเนี่ยก็จะกระตุกเร็วนะอ่ะ
00:10:52 → 00:10:54 >> 42 นาที
00:10:54 → 00:10:55 >> หมายถึงว่าระยะ
00:10:55 → 00:10:56 >> ทั้งคืนเล็ม
00:10:56 → 00:10:59 >> เล่ม 42 นาทีอ่ะปกติเราจะมีระยะฝันประมาณ
00:10:59 → 00:11:01 25% ของการนอน
00:11:01 → 00:11:04 >> อุ๊ยมีแค่ 12
00:11:04 → 00:11:07 >> ประมาณนั้นเราจะเกิดน้อยหรือเยอะ
00:11:07 → 00:11:10 >> ปกติแล้วอ่ะเราจะหลับเรมกับ non เรมใช่
00:11:10 → 00:11:12 มั้ฮะอ่ะนอนเร็มคือระยะที่ตามไม่กระตุก
00:11:12 → 00:11:15 ระยะนอนเรมเนี่ยเค้าเรียกว่าระยะ n ระยะ n
00:11:15 → 00:11:17 จะมี 1 2 3
00:11:17 → 00:11:17 >> อื
00:11:17 → 00:11:20 >> อ่า 1 2 3 เนี่ย n1
00:11:20 → 00:11:23 >> คือระยะที่ตามไม่กระตุกระยะ 1 คือระยะที่
00:11:23 → 00:11:26 ตื้นที่สุดตื้นที่สุดคือสมองเราเนี่ยเถูก
00:11:26 → 00:11:29 กระตุ้นได้ง่ายเนวี
00:11:29 → 00:11:32 หรือว่าเ่ามีได้ยินเสียงบิดลูกบิดนิด
00:11:32 → 00:11:34 หน่อยรู้ตัวและอันนี้คือระยะ n1 คือตื้น
00:11:34 → 00:11:36 สุด n2 คือลึกขึ้น
00:11:36 → 00:11:39 >> มีการกระตุ้นต้องเรียกให้ดังขึ้นกับระยะ 3
00:11:40 → 00:11:42 n3 เนี่ยคือระยะ deep sleep
00:11:42 → 00:11:45 >> อเป็นช่วงที่เราเนี่ยโหยหาการหลับลึกก็
00:11:45 → 00:11:48 คือช่วงนี้นะครับอ่าแล้วก็ระยะ Rapid Ey
00:11:48 → 00:11:51 movement คือระยะเรมใช่มยหลักๆก็อ่ะถ้า
00:11:51 → 00:11:54 แบ่งคร่าวๆคือ 2 ถ้าแบ่งเยอะก็เป็น 4 คืน
00:11:54 → 00:11:57 นึงเนี่ยเราจะมีการหลับประมาณ 4-6 วงจร
00:11:57 → 00:11:57 >> อ๋อ
00:11:57 → 00:12:00 >> วงจรนึงเนี่ยประมาณ 90 นาที
00:12:00 → 00:12:00 >> อื
00:12:00 → 00:12:03 >> อ่าเพราะฉะนั้นถ้าเกิดนอนได้ประมาณซัก 8
00:12:03 → 00:12:07 ชมงก็คือประมาณ 4-6 วงรอบ 4-6 ไซเคิลใช่
00:12:07 → 00:12:09 มั้ฮะตอนแรกเราเริ่มหลับเราจะเข้าระยะ 1
00:12:09 → 00:12:12 ก่อน 1 คือตื้นๆก่อนนะครับ 2 แล้วสักพัก
00:12:12 → 00:12:17 นึงมาเริ่ม 2 ลึกขึ้นนะ 3 ก็จะยอ่าเป็น
00:12:17 → 00:12:19 ระยะหลับลึกสุดซึ่งเมื่อเราเข้าระยะหลับ
00:12:19 → 00:12:23 ลึกในวงจรที่ 1 โรสฮอร์โมนจะเริ่มหลั่ง
00:12:23 → 00:12:24 >> อื
00:12:24 → 00:12:25 >> อ่านะครับ
00:12:25 → 00:12:28 >> แล้วมันก็จะเข้าระยะเร็วคือระยะที่เรา
00:12:28 → 00:12:29 หลับฝัน
00:12:29 → 00:12:29 >> นะ
00:12:29 → 00:12:30 >> อื
00:12:30 → 00:12:33 >> เพราะฉะนั้นใน 1 ไซเคิลจะมีประมาณ 4 ระยะ
00:12:33 → 00:12:33 >> อ่า
00:12:33 → 00:12:36 >> 1 2 3 เรมอ่าอันนี้นะฮะ
00:12:36 → 00:12:40 >> จากนั้นก็จะวนใหม่ใช่วนใหม่ไปเรื่อยๆโดย
00:12:40 → 00:12:42 ที่ในช่วงแรกๆเนี่ยในช่วงไซเคิลแรกๆหรือ
00:12:42 → 00:12:45 วงรอบแรกๆก็จะมีระยะหลับลึกที่เยอะแล้วก็
00:12:45 → 00:12:48 จะค่อยๆสั้นลงสั้นลงนะครับ
00:12:48 → 00:12:50 >> วงรอบท้ายๆเนี่ยอาจจะไม่เหลือการหลับลึก
00:12:50 → 00:12:51 เลย
00:12:51 → 00:12:53 >> เพราะฉะนั้นเราเลยมักจะรู้สึกว่าท้ายๆคืน
00:12:53 → 00:12:55 เนี่ยมันตื่นง่ายมันรู้ตัวง่าย
00:12:55 → 00:12:56 >> อ๋อ
00:12:56 → 00:12:58 >> เพราะว่าท้ายคืนเราจะไม่ค่อยหลับลึกแล้ว
00:12:58 → 00:13:01 แต่ระยะท้ายๆเนี่ยจะมีการหลับฝันที่ยืด
00:13:01 → 00:13:02 ยาวขึ้น
00:13:02 → 00:13:05 >> อ่าช่วงแรกๆเนี่ยไซเคิล 1 เนี่ยอาจจะฝัน
00:13:05 → 00:13:07 สั้นๆประมาณซัก
00:13:07 → 00:13:09 >> อาจจะไม่ถึง 10 นาทีอะไรอย่างเงี้ยพอสัก
00:13:09 → 00:13:12 พักนึงเริ่มฝันเยอะฝันเยอะฝันเยอะก็เลย
00:13:12 → 00:13:15 มักจะเป็นความฝันในช่วงท้ายคืนเป็นพิเศษ
00:13:15 → 00:13:15 >> อ๋อ
00:13:15 → 00:13:17 >> อ่านะครับ
00:13:17 → 00:13:20 >> ถ้าถัวเฉลี่ยเราเนี่ยนะครับหลับลึกคนเรา
00:13:20 → 00:13:23 เนี่ยประมาณ 20% ของการนอนทั้งคืนในวัยใน
00:13:23 → 00:13:26 วัยผู้ใหญ่ปกตินะถึงในวัยผู้สูงอายุนะ
00:13:26 → 00:13:28 เพราะฉะนั้นสมมุติพี่อุ๋มนอนประมาณซัก 5
00:13:28 → 00:13:31 ชมงสมมุตินะ 5 ชมงพี่อุมจะหลับลึกประมาณ 1
00:13:31 → 00:13:32 ชมง
00:13:32 → 00:13:36 >> อ๋อก็ถูกเป๊ะเลยประมาณ 19% อันนี้ก็คือ
00:13:36 → 00:13:39 standนardและก็คือ 20% ของการนอนทั้งคืน
00:13:39 → 00:13:40 >> อ๋อสตนดาร
00:13:40 → 00:13:41 >> ใช่มั้ยเออว่าหลับหลับหลับได้ค่อนข้างดี
00:13:41 → 00:13:45 หลับหลับลึกโอเคแต่หลับฝันเนี่ยอาจจะน้อย
00:13:45 → 00:13:47 ถ้าเกิดคนนั้นเนี่ยนอนน้อยไปหน่อย
00:13:47 → 00:13:47 >> อ
00:13:47 → 00:13:50 >> แต่เพราะว่าดูชของการหลับเนี่ยมันสั้นไป
00:13:51 → 00:13:53 ความฝันจะไปกองอยู่ท้ายคืน
00:13:53 → 00:13:53 >> อื
00:13:53 → 00:13:55 >> ใช่มั้ถ้าเรานอนได้ยาวขึ้นเราก็จะฝันได้
00:13:55 → 00:13:56 มากขึ้น
00:13:56 → 00:13:58 >> แล้วเราควรจะยังไงอ่ะเราควรจะฝันมากขึ้น
00:13:58 → 00:14:01 >> เราควรจะฝันประมาณ 25% ของการนอน
00:14:01 → 00:14:02 >> ก็แสดงว่าต้องนอนยาวกว่านี้
00:14:02 → 00:14:04 >> ต้องนอนให้ยาวขึ้นเพื่อให้มีความฝันใน
00:14:04 → 00:14:07 ช่วงท้ายคืนเนี่ยมากขึ้น
00:14:07 → 00:14:08 >> แล้วความฝันมันดียังไง
00:14:08 → 00:14:12 >> ดียังไงอ่ะความฝันเนี่ยอ่ะมันคือสิ่งที่
00:14:12 → 00:14:13 หลายๆคนบอกว่าเออ
00:14:13 → 00:14:16 >> มันบอกหวยมั้ย
00:14:16 → 00:14:18 >> หรือมันเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าฝันเยอะแล้ว
00:14:18 → 00:14:21 ไม่ได้พักผ่อนจริงๆแล้วความฝันมีประโยชน์
00:14:21 → 00:14:24 และทุกคนน่ะฝันกันอยู่แล้วในช่วงกลางคืน
00:14:24 → 00:14:26 แต่จะจำได้ไม่ได้อีกเรื่องนึงขึ้นอยู่กับ
00:14:26 → 00:14:28 ว่าเราตื่นในช่วงที่เราฝันหรือเปล่าถ้า
00:14:29 → 00:14:31 เกิดว่าเราฝันอยู่แล้วมีคนมาปลุกเลยเรา
00:14:31 → 00:14:33 มักจะจำได้แต่ถ้าเราฝันอยู่แล้วเราก็ไป
00:14:33 → 00:14:37 ระยะอื่นไประยะ 2 ระยะ 3 แล้วเราตื่นก็จำ
00:14:37 → 00:14:38 ไม่ค่อยได้
00:14:38 → 00:14:38 >> อื
00:14:38 → 00:14:40 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยมันขึ้นอยู่กับtimมิ่ง
00:14:40 → 00:14:42 ของการตื่นมากกว่าว่าเราตื่นในช่วงไหนถึง
00:14:42 → 00:14:45 จะจำได้ใช่มั้ยความฝันเนี่ยเป็นระยะที่
00:14:45 → 00:14:47 แปลกอย่างนึงคือร่างกายเราอ่ะมันเหมือน
00:14:47 → 00:14:50 กับอยู่ในสเตจตื่นใกล้เคียงมากเพราะว่า
00:14:50 → 00:14:52 อะไรเพราะว่าคลื่นสมองเป็นคลื่นแบบเดียว
00:14:52 → 00:14:55 กันคล้ายๆกันเลยนะฮะแต่เราหลับอยู่ออ
00:14:55 → 00:14:58 >> อ่าเพราะฉะนั้นความคิดการทรงจำอะไรต่างๆ
00:14:58 → 00:15:00 มันจะเหมือนกับรีมorizเกิดขึ้นเหมือนกับ
00:15:00 → 00:15:03 มีการทวนความทรงจำเกิดขึ้นในระยะฝัน
00:15:03 → 00:15:03 >> อื
00:15:04 → 00:15:08 >> มันจะเป็นระยะที่เอ่อมีคลื่นคล้ายๆกับ
00:15:08 → 00:15:11 ช่วงตื่นเลยแต่ว่าร่างกายเราจะมีการยวบ
00:15:11 → 00:15:14 ของกล้ามเนื้ออ่าเพราะอะไรเพราะปกป้องไม่
00:15:14 → 00:15:16 ให้เราเคลื่อนบ่อยตามฝัน
00:15:16 → 00:15:19 >> อ๋อฝันว่าวิ่งอยู่เส้นไม่ต้องแบบวิ่ง
00:15:19 → 00:15:21 >> ใช่ถ้าเราถ้าเราวิ่งฝันว่าวิ่งอยู่ฝันว่า
00:15:21 → 00:15:24 ต่อสู้อยู่แล้วเราไปเตะต่อยข้างๆอ่ะอัน
00:15:24 → 00:15:25 นั้นเป็นโรค
00:15:25 → 00:15:25 >> อ๋อ
00:15:25 → 00:15:27 >> เป็นโรคด้วย
00:15:27 → 00:15:27 >> แอ
00:15:27 → 00:15:30 >> อ้าเหรอแต่ถ้าเป็นบางครั้งบางคาว
00:15:30 → 00:15:32 >> บางครั้งบางคาวอันนี้ไม่ปกติเหมือนกัน
00:15:32 → 00:15:32 >> อ้าเหรอ
00:15:32 → 00:15:36 >> ใช่ถ้าเราฝันจริงๆความฝันน่ะมีในระยะทั้ง
00:15:36 → 00:15:39 เร็มและระยะที่ไม่ใช่เร็ถ้าฝันในระยะที่
00:15:39 → 00:15:41 เป็น 1 2 3 พวกเนี้ยก็ฝันได้นะแต่เป็น
00:15:41 → 00:15:44 เรื่องเบเๆคือเป็นเรื่องแบบเบสิคลอยๆไม่
00:15:44 → 00:15:47 ได้เป็นเรื่องที่บีซหรือแบบดราม่ามาก
00:15:47 → 00:15:47 >> อื
00:15:47 → 00:15:50 >> แต่ว่าถ้าฝันในระยะที่เป็นเปรมเลยเนี่ยจะ
00:15:51 → 00:15:53 เป็นฝันที่ค่อนข้างเาเรียกว่าเป็นค่อน
00:15:53 → 00:15:57 ข้าง complex คือมีความแบบมันแปลกอ่ะฝัน
00:15:57 → 00:15:59 ว่าจะสอบแล้วลืมปากกายอย่างเงี้ยนึกออก
00:15:59 → 00:16:00 >> หรือวิ่งหนีอะไร
00:16:00 → 00:16:01 >> หรือวิ่งหนีอะไรบางอย่างอยู่อะไรอย่าง
00:16:01 → 00:16:04 เงี้ยจะเป็นความฝันที่ค่อนข้างจะ
00:16:04 → 00:16:05 >> ฉูดฉาด
00:16:05 → 00:16:07 >> อ่าเป็นสอี่
00:16:07 → 00:16:10 >> สตอรี่ที่ฉุดฉาดจะเกิดในระยะของเรมมากขวา
00:16:10 → 00:16:13 พอร่างกายเราเนี่ยรู้ว่าช่วงเนี้ยสมองมัน
00:16:13 → 00:16:16 มีการทำงานเยอะช่วงเล็มอ่ะนะครับคิดอะไร
00:16:16 → 00:16:18 เยอะเกิดขึ้นก็ต้องปกป้องให้กล้ามเนื้อ
00:16:18 → 00:16:21 เรายวบที่สุดเาเรียกอะโทเนีย
00:16:21 → 00:16:23 >> อะโทเนียคือไม่มีโทนเลยกล้ามเนื้อเหมือน
00:16:23 → 00:16:25 ยวบอัมพาตเลย
00:16:25 → 00:16:28 >> อ่าถ้าเทียบระยะเนี้ย 1 2 3 เนี่ยกล้าม
00:16:28 → 00:16:30 เนื้อมันยังยวบแต่พอมีมีโทนอยู่จับไปยัง
00:16:30 → 00:16:33 ตึงๆอยู่แต่ถ้าเข้าระยะฝันเนี่ยอันนี้คือ
00:16:33 → 00:16:35 กล้ามเนื้อจะเป็นอัมภาพอันเนี้ยคือสิ่ง
00:16:35 → 00:16:38 ที่ปกป้องไม่ให้เราเนี่ยขยับ movement
00:16:38 → 00:16:41 ตามฝันเกิดขึ้นนะฮะซึ่งระยะสันเนี่ย
00:16:41 → 00:16:44 ประโยชน์ของมันคือเป็นการเปลี่ยนความทรง
00:16:44 → 00:16:47 จำระยะสั้นเป็นระยะยาว
00:16:47 → 00:16:48 >> เอ้า
00:16:48 → 00:16:48 >> อ่า
00:16:48 → 00:16:51 >> อย่างงี้ก็คือถ้าฝันน้อยก็จะจำอะไรไม่
00:16:51 → 00:16:53 ค่อยได้คนทรงจำใช่
00:16:53 → 00:16:54 >> อ้าเหรอ
00:16:54 → 00:16:54 >> ใช่
00:16:54 → 00:16:55 >> แย่ละ
00:16:55 → 00:16:58 >> เป็นช่วงที่ร่างกายอ่ะเหมือนกับเอา
00:16:58 → 00:17:00 หนังสือเข้าชั้นสิ่งที่เราเรียนรู้มา
00:17:00 → 00:17:02 สมมุติพี่อุมรู้เลยจากวันเนี้ยที่ที่ผม
00:17:02 → 00:17:03 เล่าเรื่องเนี้ยผูกกับความรู้เดิมที่เคย
00:17:03 → 00:17:06 รู้อยู่แล้วเนี่ยความรู้ใหม่ที่รู้วัน
00:17:06 → 00:17:07 เนี้ยจะกลายเป็นความรู้ที่มันยาวนานขึ้น
00:17:07 → 00:17:10 กับความรู้เดิมมันจะไปโยงกันไปไสกันก็คือ
00:17:11 → 00:17:12 ช่วงเข้าระยะ
00:17:12 → 00:17:14 >> คือระยะฝัน
00:17:14 → 00:17:16 >> เพราะฉะนั้นก็คือมีผลอย่างมากกว่าความทรง
00:17:16 → 00:17:17 จำ
00:17:17 → 00:17:20 >> ก็แปลว่าโดยเฉพาะเด็กๆเรียนหนังสือเท่า
00:17:20 → 00:17:22 หนังสือสอบต้องนอนให้นานพอถึงจะไอ้ที่
00:17:22 → 00:17:23 อ่านน่ะจำได้
00:17:23 → 00:17:24 >> ถูกต้อง
00:17:24 → 00:17:24 >> เออ
00:17:24 → 00:17:27 >> เพราะฉะนั้นเเลยบอกว่าถ้าเลือกระหว่างโต้
00:17:27 → 00:17:28 รุ่งไปเลย
00:17:28 → 00:17:30 >> อ่านหนังสือโต้รุ่งแล้วไปสอบ
00:17:30 → 00:17:33 >> เอไปสอบกับเลิกอ่านเถอะปิดหนังสือแล้วไป
00:17:33 → 00:17:35 นอนน่ะอันนั้นดีกว่า
00:17:35 → 00:17:38 >> อสิอันนั้นดีกว่ากำลังสอนให้เด็กอันนี้
00:17:38 → 00:17:42 แบบอันนี้คือมีวิจัยแล้วด้วยว่ามันดีกว่า
00:17:42 → 00:17:45 คือเลือกที่จะนอนดีกว่าท่องไปโต้รุ่งไป
00:17:45 → 00:17:47 อ่ะมันก็ไม่ต่ำ
00:17:47 → 00:17:47 >> อื
00:17:49 → 00:17:51 >> สมองมันก็เหนื่อยล้าด้วยอะไรอย่างเงี้ย
00:17:51 → 00:17:53 >> ก็แสดงว่าไอ้พวกแหวนหรือนาฬิกาก็ยังมี
00:17:53 → 00:17:54 ประโยชน์อยู่บ้าง
00:17:54 → 00:17:57 >> มีประโยชน์ในการที่จะไกดเราให้เราอ่ะมี
00:17:57 → 00:18:02 >> ความมีวินัยในการนอนน่ะนะแต่ว่าเราอย่าไป
00:18:02 → 00:18:05 ยึดติดมากถ้าเกิดว่าเรามีอ่า
00:18:05 → 00:18:07 >> พฤติกรรมที่ดีในการนอนแล้วยกตัวอย่างเช่น
00:18:07 → 00:18:09 เราเป็นเวลาในการเข้านอนเป็นเวลาทุกวัน
00:18:09 → 00:18:12 น่ะนะฮะหรือว่ากลางวันเราโอเคมีพฤติกรรม
00:18:12 → 00:18:14 ออกกำลังกายหลีกเลี่ยงคาเทอีนแล้วเนี่ย
00:18:14 → 00:18:17 แล้วเรานอนโอเคตื่นมาสดชื่นดีเนี่ยก็ไม่
00:18:17 → 00:18:20 ต้องไปดูมันมาก
00:18:20 → 00:18:24 เนาะเราดูเพิความรู้สึกของเรามีคุณค่ามาก
00:18:24 → 00:18:27 กว่าที่จะไปดูนะครับ
00:18:27 → 00:18:30 >> มันมีเทคนิคหรือมีปัจจัยอะไรบ้างมยที่จะ
00:18:30 → 00:18:33 ทำให้การนอนของเราแบบมีคุณภาพมากขึ้น
00:18:33 → 00:18:35 สมมุติว่าพี่นอนไม่มีคุณภาพเลยใช่ป่ะแล้ว
00:18:35 → 00:18:37 ก็ตั้งมั่นแล้วว่าต่อไปนี้ฉันจะนอนมาให้
00:18:37 → 00:18:40 มีคุณภาพมากขึ้นเราต้องมีการจัดการชีวิต
00:18:40 → 00:18:43 หรือว่าไสไตล์ยังไงบ้างเพื่อส่งเสริมให้
00:18:43 → 00:18:44 การนอนมีคุณภาพ
00:18:44 → 00:18:48 >> เเรียกว่า sleep highen สุขการนอนหลับนะ
00:18:48 → 00:18:49 ฮะ
00:18:49 → 00:18:51 >> คือมันก็จะมีตั้งแต่พฤติกรรมกลางวัน
00:18:51 → 00:18:54 >> และพฤติกรรมช่วงใกล้จะเข้านอน
00:18:54 → 00:18:57 >> อ่านะฮะต้องรู้จักคำนึงก่อนคือนาฬิกา
00:18:57 → 00:18:58 ชีวิตอ
00:18:58 → 00:18:58 >> อื
00:18:58 → 00:19:01 >> อ่าหรือว่าเcียนrึมนะฮะ
00:19:01 → 00:19:05 >> ปกติแล้วเนี่ยต้องบอกว่าเอ่อทุกคนน่ะมี
00:19:05 → 00:19:07 นาฬิกาซ่อนอยู่ในร่างกายใจที่จะบอกว่าเรา
00:19:07 → 00:19:11 จะหลับจะตื่นเวลาเป็นเวลาไหนนะครับอ่ะ
00:19:11 → 00:19:13 ซึ่งนาฬิกาเมันควบคุมโดยสมองเรานี่แหละ
00:19:13 → 00:19:15 ต่อมใต้สมองส่วนหน้านะครับเป็นตัวที่ควบ
00:19:15 → 00:19:18 คุมเป็นprส maker เป็นตัวที่บอกว่าโอเค
00:19:18 → 00:19:21 เราจะหลับตื่นเป็นเวลาเดียวกันทุกวันนะฮะ
00:19:21 → 00:19:23 จริงๆไม่ได้แค่นาฬิกาเรื่องของการนอนหลับ
00:19:23 → 00:19:26 นะแต่ควบคุมทุกอย่างในร่างกายเลยนะฮะไม่
00:19:27 → 00:19:29 ว่าจะเป็นเรื่องของฮอร์โมน
00:19:29 → 00:19:29 >> ออ
00:19:29 → 00:19:32 >> จะหลังกี่โมงอ่ะอันนี้จะหลังกี่โมงเราจะ
00:19:32 → 00:19:34 หลังฮอร์โมนอิ่มหิวกี่โมงใช่มั้ยอย่างที่
00:19:34 → 00:19:36 2 อุณหภูมิกาย
00:19:36 → 00:19:36 >> อ่าอือ
00:19:36 → 00:19:39 >> ตอนเราใกล้หลับก็ต้องลดต่ำลง
00:19:39 → 00:19:42 >> เพื่อจะได้เข้านอนได้ดีแอร์
00:19:42 → 00:19:44 >> อออย่างเงี้แปลว่าเปิดแอร์เย็นๆ
00:19:44 → 00:19:45 >> ดี
00:19:45 → 00:19:46 >> ดีจริงๆเหรอ
00:19:46 → 00:19:49 >> จริงๆจริงๆเrecคมน 18 องศ
00:19:49 → 00:19:50 >> ะ
00:19:51 → 00:19:51 >> 18 เลยเหรอ
00:19:51 → 00:19:54 >> ใช่ถ้าเกิดไปดูนะแต่ว่าไม่ต้องขนาดนั้นนะ
00:19:54 → 00:19:56 เดี๋ยวจมูกตันเป็นภูมิแพ้กันใหญ่
00:19:56 → 00:19:59 >> เออที่นอน 23 นี่ก็รู้สึกแบบ
00:19:59 → 00:20:02 >> เอาที่ว่าเราอ่ะนอนได้คอมฟรตเนาะ
00:20:02 → 00:20:02 >> ออ
00:20:02 → 00:20:05 >> จมูกแล้วไม่ตันอื
00:20:05 → 00:20:06 >> หรือไงเราควรจะเปิดเย็นๆแล้วใส่เสื้อผ้า
00:20:06 → 00:20:07 น่ะหนาๆเอาเงี้ยเหรอ
00:20:07 → 00:20:09 >> เออส่วนใหญ่เขาจะแนะนำว่าโอเคอุณหภูมิ
00:20:09 → 00:20:12 เย็นแต่เป็นเตียงที่คอมฟอตแล้วมีผ้าห่ม
00:20:12 → 00:20:15 เพราะผ้าห่มเนี่ยก็คือสร้างความอบอุ่นใช่
00:20:15 → 00:20:18 มั้ยผ้าห่มผ้าผ้านวมเนี่ยคือความอบอุ่น
00:20:18 → 00:20:20 เป็นความหนักนิดนึงเหมือนมีคนกอดเราอะไร
00:20:20 → 00:20:23 อย่างเงี้ยก็จะรู้สึกคอมฟตมากขึ้นแล้วก็
00:20:23 → 00:20:26 ความสงบความเย็นแล้วก็แสงที่เด็ดรอดเข้า
00:20:26 → 00:20:28 มาเนี่ยมันก็มันก็มีผล
00:20:28 → 00:20:29 >> ไม่ควรมีแสงเด็ดรอด
00:20:29 → 00:20:32 >> ใช่จริงๆแล้วแต่อะไรฮะแล้วแต่แอร์บ้านแต่
00:20:32 → 00:20:36 ละคนด้วยว่าเป็นยังไงแต่recommมationเ้า
00:20:36 → 00:20:39 18 อ่ะคิดว่าคงไม่ไหวขนาดนั้นนะครับอ่ะ
00:20:39 → 00:20:41 อุณหภูมิมีผลเพราะว่าโอเคอุณหภูมิร่างกาย
00:20:41 → 00:20:43 จะต้องตกช่วงใกล้เวลารับเกี่ยวกับอะไรอีก
00:20:43 → 00:20:47 เกี่ยวกับฮอร์โมนการขับถ่ายลำไซส์เราร่าง
00:20:47 → 00:20:50 กายต้องรู้ว่าโอเคเวลาเนี้ยเราต้องทำงาน
00:20:50 → 00:20:53 ต้องขับถ่ายและใช่มั้ฮะต้องย่อยอาหารทุก
00:20:53 → 00:20:56 อย่างคือเป็นเวลาหมดเลยหลายๆอย่างเนี่ยใน
00:20:56 → 00:20:58 ร่างกายเราทำงานตามเวลาเเรียกว่าเป็น
00:20:58 → 00:20:59 นาฬิกาชีวิต
00:20:59 → 00:21:00 >> เนาะ
00:21:00 → 00:21:02 >> เคยได้ยินคำว่าเซอร์คเดียนใช่มั้ย
00:21:02 → 00:21:07 เซอร์คเดียนใช่คำว่าพี่มันมาจากคำว่าคือ
00:21:07 → 00:21:08 around คือประมาณ
00:21:08 → 00:21:11 >> อ่าเดี่นคือ day เพราะนั้นมันแปลว่า
00:21:11 → 00:21:13 ประมาณ 1 วัน
00:21:13 → 00:21:16 >> เพราะว่านาฬิกาเนี้ยอายุมันคือ 24.16 ชม.
00:21:17 → 00:21:19 คราวนี้มันมันมีตัวอะไรที่เป็นตัวคีย์ว่า
00:21:19 → 00:21:22 จะทำงานได้ดีเนี่ยเป็นเวลาเนี่ยคืออะไร
00:21:22 → 00:21:25 มันคือแสงอาทิตย์และแสงที่กระทบตาเราจริง
00:21:25 → 00:21:27 ๆไม่ใช่แค่แสงอาทิตย์นะปัจจุบันเราเจอแสง
00:21:27 → 00:21:27 หลายอย่างใช่มั้ย
00:21:27 → 00:21:28 >> ใช่ๆ
00:21:28 → 00:21:30 >> แสงไฟแสงอะไรแสงมือถืออะไรก็ตามนะครับถ้า
00:21:31 → 00:21:33 พูดถึงสมัยก่อนที่เราเป็นแบบอยู่มนุษย์
00:21:33 → 00:21:34 ถ้ำเลยเนี่ย
00:21:34 → 00:21:36 >> สิ่งที่เป็นฮมาร์คของการที่ตื่นนอนคือเจอ
00:21:36 → 00:21:37 แสง
00:21:37 → 00:21:38 >> อ่าใช่ๆ
00:21:38 → 00:21:40 >> ใช่มั้พอออกมาจากถ้ำปุ๊บเจอแสงปุ๊บแสง
00:21:40 → 00:21:44 กระทบตามันจะไปยับยั้งการสร้างเมลาโทนิน
00:21:44 → 00:21:46 ในร่างกายเราให้บล็อก
00:21:46 → 00:21:46 >> อ๋อออ
00:21:46 → 00:21:49 >> ตื่นได้แล้วเวลาทนินอย่าัง
00:21:49 → 00:21:49 >> อ๋อ
00:21:49 → 00:21:53 >> อ่านะฮะแต่พอเราพบค่ำไม่ค่อยเจอแดดเจอแดด
00:21:53 → 00:21:56 น้อยลงก็จะมีการรีลสของเมลาโทนินเริ่ม
00:21:56 → 00:21:57 หลังออกมาและช่วงหัวค่ำ
00:21:57 → 00:21:57 >> อ
00:21:57 → 00:22:01 >> อันนี้คือสิ่งที่เป็นปกติของคนในยุคโบราณ
00:22:01 → 00:22:04 แสงเนี่ยมีย่านแสงที่ไม่เหมือนกันด้วยนะ
00:22:04 → 00:22:05 impพactไม่เหมือนกันเพราะเราเจอแสง
00:22:05 → 00:22:08 อาทิตย์คือแสงสีขาวใช่มั้ยแต่จริงๆถ้า
00:22:08 → 00:22:10 เกิดวิจัยแล้วเนี่ยว่าแสงที่มีอิพactสูง
00:22:10 → 00:22:12 สุดในการที่จะทำให้มันหลั่งหรือไม่หลั่ง
00:22:12 → 00:22:14 เมลาโทนิน
00:22:14 → 00:22:14 >> อื
00:22:14 → 00:22:16 >> คือแสงสี
00:22:16 → 00:22:17 อ๋อ
00:22:17 → 00:22:19 >> อ่าความยาวคลื่นที่อิพคสูงสุด
00:22:19 → 00:22:22 >> อ๋อเข้าใจมันก็เลยเป็นที่มาที่เขาบอกว่า
00:22:22 → 00:22:25 ต้องหยุดเล่นมือถือก่อนนอนถ้าเกิดเล่นมือ
00:22:25 → 00:22:27 ถือก่อนนอนก็แปลว่าเมลาทonนินไม่หลั่งซะ
00:22:27 → 00:22:27 ที
00:22:28 → 00:22:28 >> ใช่
00:22:28 → 00:22:30 >> ก็จะไม่หลับหรือถ้าหลับก็จะไม่ดี
00:22:30 → 00:22:33 >> อคือเทียบกันละจะแสงสีแบบม่วงคำน้ำเงิน
00:22:33 → 00:22:35 เขือหนังสัตว์แดงทุกอย่างเนี่ยไอ้ไอ้แสง
00:22:35 → 00:22:37 สีฟ้ามันimpพactสุดคือถ้ามันเจอโดยเฉพาะ
00:22:37 → 00:22:40 เจอช่วงเย็นนะมันจะdelดีลayเมลาโทนินไม่
00:22:40 → 00:22:42 ให้ยอมหลัง
00:22:42 → 00:22:44 >> โหซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากหรือเปล่านะ
00:22:44 → 00:22:46 >> เป็นไปได้ง่าย
00:22:46 → 00:22:48 >> หมายความว่าเป็นไปได้ยากมากที่จะเลี่ยง
00:22:48 → 00:22:50 >> ที่จะเลี่ยงใช่ที่จะเลี่ยงเพราะฉะนั้นก็
00:22:50 → 00:22:54 คือเอ่อเนี่ยแสงเนี่ยคือคีย์สำคัญเลยกับ
00:22:54 → 00:22:57 อีกอย่างนึงคือพฤติกรรมที่เราจะสร้าง
00:22:57 → 00:23:00 พฤติกรรมที่เป็นระเบียบตื่นมาอ่ากินข้าว
00:23:00 → 00:23:03 เวลานี้ขับถ่ายเวลานี้มีปฏิสัมพันธ์ออก
00:23:03 → 00:23:05 กำลังกายเวลานี้อันนี้คือสิ่งที่เป็นตัว
00:23:05 → 00:23:08 ที่ทำให้นาฬิกามันเป็นเวลาทุกๆวันเพราะ
00:23:08 → 00:23:10 ฉะนั้นเราจะนอนเนี่ยสมมุติเรานอนเป็นเวลา
00:23:10 → 00:23:13 ทุกวันเนี่ยพฤติกรรมที่เราทำกลางวันมันมี
00:23:13 → 00:23:16 ผลสมมุติว่าเค้าเอาคนที่อยู่ในถ้ำเนี่ย
00:23:16 → 00:23:18 ไม่เจอแสงเลยนะฮะไม่มีคนที่บอกเวลาเลยว่า
00:23:18 → 00:23:20 ต้องทำอะไรกี่โมงกี่โมง
00:23:20 → 00:23:21 >> อือๆ
00:23:21 → 00:23:23 >> คนพวกนี้จะนอนเป็นเวลาที่เลื่อนไปเรื่อยๆ
00:23:23 → 00:23:26 ทุกๆวันเพราะเซอร์คเดี่ยนคือ 24.2 ชม.ถูก
00:23:26 → 00:23:26 มย
00:23:26 → 00:23:27 >> อ๋อ
00:23:27 → 00:23:29 >> อ่าเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราไม่เจอแดดเลย
00:23:29 → 00:23:32 ไม่มีคนที่บอกว่าพฤติกรรมเลยต้องทำกี่โมง
00:23:32 → 00:23:35 คนพวกเนี้ยกลุ่มคนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์
00:23:35 → 00:23:37 แล้วก็อยู่ในที่มืดหรือคนที่ตาบอดเนี่ย
00:23:37 → 00:23:39 อาจจะมีการนอนที่เลื่อนไปเรื่อยๆได้
00:23:39 → 00:23:40 >> อ๋อ
00:23:40 → 00:23:42 >> เช่นนอนวันนี้ 22:00 น.
00:23:42 → 00:23:44 >> พรุ่งนี้ 22:30 น. 23 อะไรไปเรื่อยๆได้
00:23:44 → 00:23:46 เพราะฉะนั้นแสงเป็นตัวที่ควบคุมให้มัน
00:23:47 → 00:23:49 กลับมาเป็นตัวที่รีเทรนให้มันกลับมาเป็น
00:23:49 → 00:23:51 เวลาเดียวกันทุกวัน
00:23:51 → 00:23:51 >> อ๋อ
00:23:51 → 00:23:55 >> อือ่ะอันนี้ก็คือนาฬิกาชีวิตนะฮะอ
00:23:55 → 00:23:58 >> ทำไมเราถึงหลับตื่นเป็นเวลาเดียวกันทุกๆ
00:23:58 → 00:24:00 วันมันมีปัจจัยอะไรบ้างอย่างแรกคือนาฬิกา
00:24:00 → 00:24:01 ของเราใช่มั้ย
00:24:02 → 00:24:04 >> อย่างที่ 2 เนี่ยเ้าเรียกว่าเป็นโฮมโอซas
00:24:04 → 00:24:08 คือสมดุลของร่างกายเรานะฮะความง่วงที่
00:24:08 → 00:24:12 สะสมอันนี้มีผลต่อการหลับตื่นของเราอ่ะ
00:24:12 → 00:24:12 >> อืออือๆ
00:24:12 → 00:24:15 >> เวลาที่เราตื่นนอนเนี่ยนะครับเราจะมีการ
00:24:15 → 00:24:17 ใช้พลังงานเกิดขึ้น
00:24:17 → 00:24:17 >> อ่า
00:24:17 → 00:24:20 >> อ่ายกตัวอย่างเช่นไปออกกำลังกายทำกิจกรรม
00:24:20 → 00:24:23 เดินไปเดินมาใช่มยร่างกายก็จะมีการใช้ ATP
00:24:23 → 00:24:26 ATP คือตัวที่เป็นตัวเผาแผนพลังงานของ
00:24:26 → 00:24:27 ร่างกายเรานะฮะ
00:24:27 → 00:24:28 >> อ
00:24:28 → 00:24:32 >> สิ่งเนี้ยจะมีการทำให้เกิดความง่วงสะสมใน
00:24:32 → 00:24:33 ร่างกาย
00:24:33 → 00:24:35 >> ความง่วงสะสมมันความอ่อนเพลียสะสม
00:24:35 → 00:24:38 >> คืออะไรอเราตื่นมานานแค่ไหนเนี่ยเราจะมี
00:24:38 → 00:24:40 ความง่วงที่ซ่อนอยู่เรื่อยๆเป็นกัฟขึ้นไป
00:24:40 → 00:24:42 เรื่อยๆอออ๋อนึกออกนึกออก
00:24:42 → 00:24:45 >> ตอนเราตื่นเช้ามาเราจะไม่ง่วงที่สุดเว้น
00:24:45 → 00:24:48 แต่บางคนนะนอนไม่พอนะถ้าเราตื่นเช้าเราจะ
00:24:48 → 00:24:50 ไม่ง่วงที่สุดเพราะว่าสเตจของสมองเราคือ
00:24:50 → 00:24:52 มันนอนมาทั้งคืนแล้วอ่ะ
00:24:52 → 00:24:53 >> เออใช่ๆ
00:24:53 → 00:24:56 >> แต่พอสักพักเที่ยนบ่ายอ่ะเริ่มและเริ่มะ
00:24:56 → 00:24:59 เย็นอความง่วงพลิกไปเรื่อยๆนะฮะจะมีการ
00:24:59 → 00:25:02 สะสมโนซีนเป็นตัวที่สะสมให้เกิดความง่วง
00:25:02 → 00:25:03 นะครับ
00:25:03 → 00:25:03 >> อ๋อ
00:25:03 → 00:25:06 >> พอสูงสุดช่วง 22:00 น. 23:00 น.มันเหมือน
00:25:06 → 00:25:08 กับน้ำที่เต็มเขื่อนน่ะ
00:25:08 → 00:25:08 >> อือๆ
00:25:08 → 00:25:11 >> ผลักให้เราเข้านอนและเราเนี่ยมีความอ่อน
00:25:11 → 00:25:13 ล้าอ่อนเพลียที่สูงสุดแล้วเราถึงจะหลับก็
00:25:13 → 00:25:15 คือเป็นการเปิดเขื่อน
00:25:15 → 00:25:18 >> น้ำออกอ่าอันนี้คือสิ่งที่ควบคุมแต่ถ้า
00:25:18 → 00:25:22 เรากินกาแฟกาแฟคือตัวบล็อกให้ดีโนซีนไม่
00:25:22 → 00:25:25 ทำงานเพราะฉะนั้นเหมือนเราไปต่อสันเขื่อน
00:25:25 → 00:25:26 >> อ๋อ
00:25:26 → 00:25:28 >> เป็นการต่อสันเขื่อนให้มันเขื่อนมันสูง
00:25:28 → 00:25:29 ขึ้น
00:25:29 → 00:25:31 >> อ่าให้มีชีวิตนานขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:25:31 → 00:25:33 ไม่ได้ไปแก้ให้มันไม่เหนื่อยนะแต่เราไป
00:25:33 → 00:25:35 ต่อสันเขื่อนให้มันสูงขึ้นเพราะนั้นบางที
00:25:35 → 00:25:37 กาแฟหมดฤทธิ์เนี่ยเราแคทีมากกาแฟหมดฤทธิ์
00:25:37 → 00:25:39 ปุ๊บสลบเลย
00:25:39 → 00:25:39 >> อ๋อเออ
00:25:39 → 00:25:42 >> คือเขื่อนมันสูงมากกับอีกอย่างนึงที่มีผล
00:25:42 → 00:25:45 คือบางคนงีบไอ้การงีบเนี่ยมันเป็นการเอา
00:25:46 → 00:25:47 น้ำออกจากเขื่อน
00:25:47 → 00:25:48 >> อ๋อ
00:25:48 → 00:25:50 >> ถ้าเราไปงีบช่วงเดียวเพราะช่วงเย็นๆนะ
00:25:50 → 00:25:54 ช่วงเย็นๆค่ำๆเนี่ยลองดูไปงีบช่วงค่ำๆ
00:25:54 → 00:25:55 กลางคืนน่ะไม่หลับ
00:25:55 → 00:25:56 >> ออ
00:25:56 → 00:25:58 >> นึกออกมั้ยคือเราไปใช้ความง่วงนั้นหมด
00:25:58 → 00:26:00 แล้วอะไรอย่างเงี้ยการจะนอนให้ดีเนี่ย
00:26:00 → 00:26:02 สิ่งนึงก็คือการที่เราใช้พลังงานออกกำลัง
00:26:02 → 00:26:06 กายจะทำให้พลังงานใช้เยอะความง่วงสะสมก็
00:26:06 → 00:26:09 จะเยอะขึ้นก็จะผลักให้เราเนี่ยหลับได้
00:26:09 → 00:26:10 ง่ายขึ้น
00:26:10 → 00:26:12 >> อ๋อก็เลยเป็นปัจจัยนึงว่าถ้าเกิดใครนอน
00:26:12 → 00:26:15 ไม่หลับก็ให้ไปออกกำลังกายออกกำลังกาย
00:26:15 → 00:26:17 >> อ่า
00:26:17 → 00:26:19 >> มาไล่ทีละอันเลยได้มั้ยอ่ะตั้งแต่เราตื่น
00:26:19 → 00:26:20 นอนมา
00:26:20 → 00:26:20 >> ทำอะไรบ้าง
00:26:20 → 00:26:23 >> ใช่ว่าเราทำอะไรบ้างอย่างเช่นการออกกำลัง
00:26:23 → 00:26:26 กายเงี้ยนอนไม่หลับแล้วเราอยากจะควรทำ
00:26:26 → 00:26:29 ช่วงไหนที่จะดีต่อการนอนหลับแล้วก็ร่าง
00:26:29 → 00:26:30 กายของเราด้วย
00:26:30 → 00:26:32 >> เริ่มแรกเลยตอนตื่นเช้าตอนตื่นเช้าเลยนะ
00:26:33 → 00:26:33 ต้องรีบเจอแสงแดด
00:26:33 → 00:26:35 >> ก็คือตื่นเช้ามาเปิด
00:26:35 → 00:26:37 >> ใช่ๆเขาบอกว่าแดดในช่วงเช้าเนี่ยช่วงไม่
00:26:37 → 00:26:40 เกิน 9: น. 1000 น.เนี่ยคือตัวสำคัญเลย
00:26:40 → 00:26:41 ที่ทำให้การนอนดี
00:26:41 → 00:26:43 >> ทั้งๆที่มันเป็นเวลาตื่นน่ะนะ
00:26:43 → 00:26:47 >> ใช่มันจะไปทำให้ระยะของการนอนเนี่ยเลื่อน
00:26:47 → 00:26:49 เลื่อนเลื่อนมาเร็วขึ้นคือถ้าเราไม่เจอ
00:26:49 → 00:26:52 แดดเลยเนี่ยเราอาจจะมีโอกาสจะนอนดึกขึ้น
00:26:52 → 00:26:53 ถูกมยเพราะว่า
00:26:53 → 00:26:54 >> ถึงแม้ว่าเราเปิดไฟ
00:26:54 → 00:26:58 >> ใช่เพราะนาฬิกาเราเนี่ยมันจะเลื่อนขึ้น
00:26:58 → 00:26:59 เรื่อยๆถูกมั้นาฬิกาชีวิตเราเนี่ยมัน
00:26:59 → 00:27:01 ประมาณ 24.2 ชม.เนาะ
00:27:01 → 00:27:03 >> ถึงแม้ว่าเราเปิดไฟในห้องอ่ะนะแต่ปิดม่าน
00:27:03 → 00:27:07 >> มันก็ดีเอ่อถ้าเจอแดดเนี่ยดีกว่า
00:27:07 → 00:27:07 >> เหรอ
00:27:07 → 00:27:08 >> เจอแดดดีกว่า
00:27:08 → 00:27:09 >> อื
00:27:09 → 00:27:11 >> เพราะว่าแดดมันคือเป็นเหมือนกับเป็นแหล่ง
00:27:11 → 00:27:14 พลังงานที่ดีที่สุดแหล่งแสงที่ดีที่สุดนะ
00:27:14 → 00:27:16 ฮะถ้าเป็นไปได้คือเราเปิดม่านตั้งแต่เช้า
00:27:16 → 00:27:18 เลยตอนตื่นเช้าปุ๊บเนี่ยเปิดม่านได้เห็น
00:27:18 → 00:27:22 แดดจะทำให้การนอนเนี่ยมันเป็นเวลาตอนช่วง
00:27:22 → 00:27:25 เข้านอนเนี่ยได้ดีแล้วก็ตอนเช้าจะแคที
00:27:25 → 00:27:28 เยอะขึ้นถ้าเกิดเราเจอแดดช่วงตอนเช้า
00:27:28 → 00:27:31 >> อแย่ละงั้นต้องขยันเปิดม่านเพราะว่าลูกๆ
00:27:31 → 00:27:34 ยังไม่ค่อยตื่นไงก็เกรงใจพอเปิดม่านทีไร
00:27:34 → 00:27:36 มันจะต้องแบบเปลี่ยนที่นอนแล้วหัวไปมุด
00:27:36 → 00:27:39 ใต้หมอนอะไรอย่างเงี้ยเอ็นดูก็เลยอแม่
00:27:39 → 00:27:40 เปิดหลอดไฟ
00:27:40 → 00:27:42 >> ต้องเจอแดดงั้นต้องเปิดแดด
00:27:42 → 00:27:45 >> ออกกำลังกายเนี่ยแนะนำว่าถ้าออกอ่ะก็คือ
00:27:45 → 00:27:48 ออกช่วงเช้าดีกว่า
00:27:48 → 00:27:48 >> ดีกว่า
00:27:48 → 00:27:50 >> ดีกว่าจริงๆเพราะว่ามันตัวที่ฮอร์โมน
00:27:50 → 00:27:53 คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่สร้างช่วงเช้า
00:27:53 → 00:27:53 >> อื
00:27:53 → 00:27:56 >> อ่าปกติฮอร์โมนในร่างกายก็จะมีตัว
00:27:56 → 00:27:59 เมลาโทนินก็จะสร้างกลางคืนใช่มั้ฮะแต่
00:27:59 → 00:28:01 คอร์ติซอลจะสร้างสวนเมื่อเวลาินมันเริ่ม
00:28:01 → 00:28:04 ลดลงตอนเช้าและอ่าเริ่มดรอปพอซอลจะเริ่ม
00:28:04 → 00:28:05 สูงขึ้น
00:28:05 → 00:28:08 >> ก็เป็นตัวที่ทำให้เกิดการสร้างพลังงานของ
00:28:08 → 00:28:11 ร่างกายแคtiveเกิดขึ้นแต่ถ้าออกบางคน
00:28:11 → 00:28:13 ไลฟ์สไตล์ไม่สามารถออกตอนเช้าได้ออกตอน
00:28:13 → 00:28:16 เย็นหรือกลางคืนก็ไม่ควรจะออกใกล้เวลานอน
00:28:16 → 00:28:17 มากเกินไป
00:28:17 → 00:28:17 >> ใกล้
00:28:17 → 00:28:21 >> ห่างสักประมาณไม่เกิน 2-3 ช่มงเพราะว่า
00:28:21 → 00:28:23 ประมาณนั้นประมาณนั้นเพราะว่า
00:28:23 → 00:28:25 >> เอ่อเวลาที่เราจะหลับอุณหภูมิกายมันต้อง
00:28:25 → 00:28:26 ลดลง
00:28:26 → 00:28:28 >> แต่การที่เราออกกำลังกายอุณหภูมิกายสูง
00:28:28 → 00:28:31 ขึ้นใช่มั้ฮะอแล้วก็ต่างๆหัวใจเต้นเร็ว
00:28:31 → 00:28:34 ขึ้นมันก็สวนทางการพักผ่อนถ้าเกิดว่าทำ
00:28:35 → 00:28:38 ได้เนี่ยอาจจะเป็นคาร์ดิโอก่อนใช่มแล้วก็
00:28:38 → 00:28:41 ไปเวทให้อ่าอุณหภูมิการมันลดลงแล้วก็ใน
00:28:41 → 00:28:44 เรื่องของที่จรก็เริ่มเบาลงอะไรอย่าง
00:28:44 → 00:28:47 เงี้ยนะฮะก็รีบออกกำลังกายอย่าดึกเกินไป
00:28:47 → 00:28:49 อ่าในเรื่องของการกินใช้ชีวิตเนี่ยก็คือ
00:28:49 → 00:28:52 คาเฟอีนอ่ะพูดถึงคาเฟอีนละก็คือไม่ควรจะ
00:28:52 → 00:28:54 หลังเที่ยง
00:28:54 → 00:28:54 >> เฮ้ย
00:28:54 → 00:28:59 >> อือื
00:28:59 → 00:29:01 ไม่ควรจะหลังเที่ยงจริงใช่
00:29:01 → 00:29:04 >> จริงหรอนี่ยังไม่หมดแก้วเลยอ่ะ
00:29:04 → 00:29:08 >> คือฤทธิ์ของมันน่ะประมาณ 6-8 ชม.แต่ละคน
00:29:08 → 00:29:11 น่ะมันมีการขับเมตอิึมของกาแฟไม่เหมือน
00:29:11 → 00:29:14 กันบางคนกิน 9:00 น.กลางคืนก็ไม่หลับคือ
00:29:14 → 00:29:16 เซ็นไม่เหมือนกันไงบางคนกิน 9:00 น.ก็ไม่
00:29:16 → 00:29:17 หลับอ
00:29:17 → 00:29:19 >> บางคนกิน 20:00 น.ก็ยังหลับ
00:29:19 → 00:29:22 >> ออนั้นเราก็ต้องไปหาจุดว่าเออจุดไหนที่
00:29:22 → 00:29:25 เรากินกาแฟแล้วยังหลับได้อยู่อะไรอย่าง
00:29:25 → 00:29:25 เงี้ย
00:29:25 → 00:29:27 >> อุ๊ยแต่อย่างงี้ผมเชื่อว่าหลายคนนี่คือ
00:29:27 → 00:29:30 พลาดเลยนะเพราะว่าตอนบ่ายมันจะง่วงไงมัน
00:29:30 → 00:29:33 ต้องมีแก้วแบบรีเฟรชอะไรอย่างเงี้ยใช่
00:29:33 → 00:29:36 >> ก็ต้องลองดูแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนกิน
00:29:36 → 00:29:39 บ่ายๆก็ยังใช้ชีวิตโอเคแล้วก็หลับได้อยู่
00:29:39 → 00:29:42 คือนอกจากกาแฟชาใช่มยมันก็จะมีพวกก็คือชา
00:29:43 → 00:29:44 นมบางทีเราก็ไม่รู้อ่ะใช่มั้ยบางทีเด็ก
00:29:44 → 00:29:48 กินชานมก็นอนไม่ดีใช่มยแล้วก็พวกน้ำน้ำดำ
00:29:48 → 00:29:51 ทั้งหลายที่เป็นคัที่เป็นพวกน้ำผัดลมหรือ
00:29:51 → 00:29:54 พวกโกโก้อะไรอย่างเงี้ยช็อกโกแลตซึ่งจริง
00:29:54 → 00:29:56 ๆบางคนก็บอกว่าโอเคเรากินโกโก้ช่วงก่อน
00:29:56 → 00:29:57 นอนน่ะมันดี
00:29:57 → 00:29:59 >> เออฮอตช็อกโกแลตก่อนนอนนะ
00:29:59 → 00:30:02 >> เออแต่ก็แล้วแต่คนคือโอเคนมเป็นตัวตั้ง
00:30:02 → 00:30:03 ต้นในการสร้างเมลาโทนิน
00:30:03 → 00:30:04 >> ออ
00:30:04 → 00:30:06 >> อมันมีมันมีทริปโตแฟน
00:30:06 → 00:30:09 >> อ่ะถ้าสมมุติว่าอยากกินนมร้อนอ่ะไม่มี
00:30:09 → 00:30:12 ช็อกโกแลตก็ได้นมร้อนก่อนนอนควรจะต้องกิน
00:30:12 → 00:30:14 ก่อนสักเท่าไหร่เพื่อที่จะได้ไปซ่า
00:30:14 → 00:30:16 >> จริงๆก็ก่อนสัก 2 ชั่วโมงให้มันย่อยให้
00:30:16 → 00:30:19 มันอะไรนิดนึงฮะเพราะว่า
00:30:19 → 00:30:21 >> เมื่อมีการกินทุกอย่างด้วยเพราะโปรตีนกรด
00:30:21 → 00:30:25 ก็มีการรังเราก็ไม่ควรจะให้ลำไส้ยังทำงาน
00:30:25 → 00:30:26 ในช่วงที่ใกล้เวลานอน
00:30:26 → 00:30:29 >> ก็แปลว่าควรจะหยุดกินทุกอย่างก่อนเวลานอน
00:30:29 → 00:30:31 อย่างไร 2-3 ช่วม
00:30:31 → 00:30:33 >> 2-3 ช่วมงอ่ะถ้าออกกำลังกาย
00:30:33 → 00:30:36 >> ใช่ออกกำลังกายด้วยนะฮะแเพราะคาเฟอีนก็
00:30:36 → 00:30:38 เอาหยวนก็คือประมาณเที่ยนแต่ไม่เกิน 14:00
00:30:38 → 00:30:40 น.ก็ได้
00:30:40 → 00:30:42 >> แอบเผินตอนนี้นยังไปกดอยู่เลย
00:30:42 → 00:30:45 >> แล้วแต่คนตรงนี้มันเป็นเความเitiveไม่
00:30:45 → 00:30:49 เหมือนกันเงี้ยฮะอ่ะช่วงบ่ายก็จะพูดถึง
00:30:49 → 00:30:52 การงีบเพราะว่าบางคนก็เออไม่ไหวแล้วเราจะ
00:30:52 → 00:30:52 งีบงีบหลับ
00:30:52 → 00:30:55 >> แต่เค้าก็บอกนะว่ามันจะช่วยทำให้ดีขึ้น
00:30:55 → 00:30:59 >> ใช่เพราะว่าการงีบคือการเป็นการรีฟรชใช่
00:30:59 → 00:31:02 มยเป็นการที่เราร่างกายเรารู้สึกเหมือน
00:31:02 → 00:31:03 กับฟื้นคืนกลับมา
00:31:03 → 00:31:05 >> อ่าได้น้ำออกจากเขื่อน
00:31:05 → 00:31:08 >> ใช่ซึ่งการงีบก็มีหลักการอีกว่าไม่ควรควร
00:31:08 → 00:31:11 จะงีบหลัง 15:00 14:00 น.
00:31:11 → 00:31:11 อ้าเหรอ
00:31:12 → 00:31:14 >> เพราะว่าไอ้การงีบช่วงเย็นไปแล้วเนี่ย
00:31:14 → 00:31:16 หรือช่วงหัวค่ำไปแล้วเนี่ยเราก็ไปใช้ความ
00:31:16 → 00:31:19 ง่วงของคืนนั้นและแทนที่เราจะสะสมความ
00:31:19 → 00:31:21 ง่วงนี้ไว้เนี่ยให้ไปกองทีเดียวในคืนนั้น
00:31:21 → 00:31:24 ให้เราหลับได้ง่ายเหมือนกับเราไปใช้ความ
00:31:24 → 00:31:26 ง่วงนั้นก่อนเพราะฉะนั้นถ้าจะงีบเนี่ยก็
00:31:26 → 00:31:29 คืองีบสั้นๆไม่เกินครึ่งชั่วโมง
00:31:29 → 00:31:29 >> อื
00:31:29 → 00:31:30 >> ทำไมไม่เกินครึ่งชั่วโมงเพราะว่าอะไร
00:31:30 → 00:31:34 เพราะว่าเราจะงีบในระยะที่ไม่ควรจะเข้า
00:31:34 → 00:31:35 สage 3 หรือยิฟ sleep
00:31:35 → 00:31:38 >> ปกติเวลาเราหลับเนี่ยเราจะเข้าระยะตื้นๆ
00:31:38 → 00:31:40 ก่อนใช่มั้ยระยะ 1 กับ 2 ก่อนเนี่ยต้อง
00:31:40 → 00:31:42 ประมาณสักครึ่งชั่วโมงเป็นต้นไปเริ่มหลับ
00:31:42 → 00:31:44 ลึกะต้องบอกว่างีบไม่ใช่นอน
00:31:44 → 00:31:46 >> เไม่เรียกว่านอนเพราะว่ามันคือการงีบไม่
00:31:46 → 00:31:49 ใช่การนอนหลับไอ้งีบหลับก็คือว่าเราใช้
00:31:49 → 00:31:51 ครึ่งชั่วโมงเนี้ยให้เกิดประโยชน์ว่าเรา
00:31:51 → 00:31:53 หลับประมาณตื้นๆ 1 หรือระยะ 1 ระยะ 1
00:31:53 → 00:31:56 ระยะ 2 นะฮะพอตื่นถ้าเราไม่เข้าระยะหลับ
00:31:56 → 00:31:59 ลึกเนี่ยเราจะไม่หัวหนัก
00:31:59 → 00:32:01 >> อ๋อตื่นมาแล้วเฟรชไม่ใช่ว่าตื่นมาแล้วแบบ
00:32:02 → 00:32:04 ยังโอสนุกสนรู้สึกรู้สึกยังง่วงอยู่อะไร
00:32:04 → 00:32:05 อย่างเงี้ยถ้าเราเข้าระยะหลับลึกไปแล้ว
00:32:05 → 00:32:07 เกินครึ่งชั่วโมงไปแล้วเนี่ยสมองมันเข้า
00:32:07 → 00:32:10 การหลับลึกเนี่ยตื่นตื่นมาแล้วจะหน่วงหัว
00:32:10 → 00:32:13 หนักหัวแล้วก็หลับเยอะเกินก็ไปกินความ
00:32:14 → 00:32:16 ง่วงอีกบางคนหลับเป็นชั่วโมงชั่วโมงครึ่ง
00:32:16 → 00:32:17 2 ชั่วโมงอะไรอย่างเงี้ยกลายเป็นว่าคืน
00:32:17 → 00:32:19 นั้นก็หลับได้ยากอีกก็แนะนำว่าไม่เกิน
00:32:19 → 00:32:22 ครึ่งชั่วโมงแล้วก็หลับเวลาที่หลับไม่ควร
00:32:22 → 00:32:26 จะเกิน 15:00 น.ประมาณนี้นะฮะอ
00:32:26 → 00:32:29 >> ถ้าจะงีบเนี่ยสมมุติเราอยากจะตื่นให้เต็ม
00:32:29 → 00:32:32 ที่เลยอ่ะนะฮะบางคนขับรถแล้วแบบง่วงมาก
00:32:32 → 00:32:35 แล้วแบบเราอยากจะพักงีบหลับบนถนนอย่าง
00:32:35 → 00:32:37 เงี้ยให้กินกาแฟก่อน
00:32:37 → 00:32:37 >> ะ
00:32:37 → 00:32:38 >> กินกาแฟก่อนงีบ
00:32:39 → 00:32:41 >> เพราะกาแฟก่อนงีบเนี่ยยังไม่ออกฤทธิ์นะ
00:32:41 → 00:32:44 >> กินกาแฟปุ๊บเนี่ยพอเรากระดกหมดถ้วยปุ๊บ
00:32:44 → 00:32:47 เนี่ยหลับได้เลยเพราะเรายังไม่มีฤทธิ์ที่
00:32:47 → 00:32:49 มันจะทำให้เราไม่หลับ
00:32:49 → 00:32:49 >> อ๋อ
00:32:49 → 00:32:52 >> อ่าคือเรากินกาแฟก่อนหรือกินแบบบางคนก็
00:32:52 → 00:32:55 กินพวกชูกำลังทั้งหลายใช่มั้ยอ่ามี
00:32:55 → 00:32:58 คาเฟอีนพอกินปุ๊บสักพักนึงงีดได้เลยเรา
00:32:58 → 00:32:59 ตั้งเวลาสักครึ่งชั่วโมง
00:32:59 → 00:33:00 >> อ
00:33:00 → 00:33:03 >> คราวนี้ตื่นมาแหละคือมัน Power แนapเลย
00:33:03 → 00:33:05 เพราะว่าเป็นการที่เค้าเรียกว่าเป็นแบบ
00:33:05 → 00:33:08 เ่อ Coffee before ก็คือกินกาแฟปุ๊บเรา
00:33:08 → 00:33:10 งีบได้เลยตื่นมาคราวนี้คือเต็มตาและสด
00:33:10 → 00:33:11 ชื่น
00:33:11 → 00:33:13 >> ทั้งได้จากการงีบทั้งได้จากกาแฟ
00:33:13 → 00:33:14 >> กาแฟด้วย
00:33:14 → 00:33:15 >> โอ
00:33:15 → 00:33:17 เคยได้ยินอยู่แต่ไม่รู้ว่าอะไร
00:33:17 → 00:33:21 >> นะก็ลองไปดูเผื่อแบบบางคนอยากจะแบบหลัง
00:33:21 → 00:33:23 งิบอยากจะตื่นให้เต็มตาอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:33:23 → 00:33:23 ฮะ
00:33:23 → 00:33:25 >> อืสุดยอด
00:33:26 → 00:33:29 >> คราวนี้พอมาช่วงเริ่มเย็นละควรจะต้องเจอ
00:33:29 → 00:33:29 แดดน้อยลง
00:33:29 → 00:33:31 >> ต้องเจอแดดน้อยลง
00:33:31 → 00:33:34 >> ในช่วงเย็นนะเออเพราะว่าร่างกายมันจะเข้า
00:33:34 → 00:33:37 สageของการที่จะเริ่มเข้าระยะการหลับและ
00:33:37 → 00:33:40 จริงๆมันแล้วแต่คนน่ะนะฮะแต่ว่าช่วงเอ่อ
00:33:40 → 00:33:43 ช่วงแต่ละคนไม่เหมือนกันคือวัยรุ่นเนี่ย
00:33:43 → 00:33:45 หรือคนที่เป็นวัยทำงานเราเนี่ยมีโอกาสจะ
00:33:45 → 00:33:47 นอนดึกใช่มั้ยมีโอกาสจะนอนดึกอะไรอย่าง
00:33:47 → 00:33:50 เงี้ยนะฮะซึ่งการเจอแดดในช่วงเย็นๆน่ะ
00:33:50 → 00:33:51 เช่นแบบ
00:33:51 → 00:33:53 >> แดดจ้าจ้าช่วง 5-6:00 น.เนี่ยเขาบอกว่า
00:33:53 → 00:33:56 ไม่รนิมันจะหลังช้าลงทำให้เรามีโอกาสนอน
00:33:56 → 00:33:57 ดึกขึ้น
00:33:57 → 00:33:59 >> เลยแนะนำว่าออกกำลังกายไปช่วงเช้าดีกว่า
00:33:59 → 00:34:02 แต่ช่วงเย็นเนี่ยโอเคพยายามกลับเข้าบ้าน
00:34:02 → 00:34:04 อะไรอย่างเงี้ยไปเจอแดดเยอะอะไรอย่าง
00:34:04 → 00:34:04 เงี้ย
00:34:04 → 00:34:08 >> อจริงถ้ากิจกรรมแบบดูพระอาทิตย์ตกดินก็
00:34:08 → 00:34:09 ไม่ไม่เหมาะเหรอ
00:34:09 → 00:34:11 >> ก็มันก็แล้วแต่คนเหมือนกันแล้วแต่คน
00:34:11 → 00:34:15 เหมือนกันแต่ว่าโอเคถ้าเกิดว่าเราทำแล้ว
00:34:15 → 00:34:17 ไม่มีปัญหาในการนอนทำได้
00:34:18 → 00:34:20 >> ออกกำลังกายช่วงเย็นทำได้แต่บางคนถ้ามี
00:34:21 → 00:34:23 โอกาสโอกจะนอนดึกมากมากอย่างเงี้ยแนะนำ
00:34:23 → 00:34:25 ว่าช่วงเย็นเนี่ยเราลดการเจอแดด
00:34:25 → 00:34:27 >> ถ้าเกิดทำกิจกรรมอะไรก็ตามแต่คุณนอนดีคือ
00:34:27 → 00:34:28 จบ
00:34:28 → 00:34:28 >> ก็ได้อยู่
00:34:28 → 00:34:31 >> อ่าแต่ถ้าคุณนอนไม่ดีก็ต้องไปแก้แต่ละจุด
00:34:31 → 00:34:31 เอา
00:34:31 → 00:34:36 >> ใช่ๆฮะเนาะอ่าการกินอาหารในช่วงที่เป็น
00:34:36 → 00:34:39 มื้อเย็นและมื้อดึกและนะฮะ
00:34:39 → 00:34:42 >> ควรจะห่างสัก 3-4 ชมงมื้อสุดท้าย
00:34:42 → 00:34:44 >> แล้วอาหารที่เรากินมีผลมั้ย
00:34:44 → 00:34:48 >> ผลมั้ยมีเพราะว่าควรจะลดการกินอะไรที่
00:34:48 → 00:34:49 เป็นน้ำตาล
00:34:49 → 00:34:53 >> โอ้โหแล้วคนไทยก็ปกติมื้อใช่คือมื้อเย็น
00:34:53 → 00:34:55 >> จัดทั้งเมนทั้งอาหาร
00:34:55 → 00:34:58 >> น้ำตาลที่เป็นน้ำตาลที่มี G หรือซิ Index
00:34:58 → 00:34:59 ที่สูงเนี่ยฮะ
00:34:59 → 00:35:02 >> น้ำตาลที่มันอืเป็นขนมหรือเป็นพวกอะไรที่
00:35:02 → 00:35:04 มันเป็นน้ำตาลที่เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มัน
00:35:04 → 00:35:06 เป็นเชิงเดี่ยว
00:35:06 → 00:35:06 >> อื
00:35:06 → 00:35:08 >> อันเนี้ไม่แนะนำให้กินเยอะช่วงเย็นน้ำตาล
00:35:08 → 00:35:11 ขึ้นสูงอินซูลินขึ้นสูงจะไปยับยั้งินไม่
00:35:11 → 00:35:12 ให้หลัง
00:35:12 → 00:35:13 >> อ้าหรอ
00:35:13 → 00:35:14 >> ใช่
00:35:14 → 00:35:18 >> ปกติอ่ะพอแบบคือพอค้อยบ่ายก็อ่ะกินกาแฟ
00:35:18 → 00:35:18 เสริม
00:35:19 → 00:35:19 >> อ
00:35:19 → 00:35:23 >> พอเย็นๆมันก็จะแบบเครียดแต่งานอ่ากินหวาน
00:35:23 → 00:35:25 ตายการนอน
00:35:25 → 00:35:28 >> ใช่มันมีผลจริงๆก็คือว่าเอ่อพอร่างกายมัน
00:35:28 → 00:35:30 มีอินซูลินที่สูงขึ้นช่วงเย็นน่ะเวลาเรา
00:35:30 → 00:35:33 กินของหวานน่ะก็จะมีอินทรินที่มันหลั่ง
00:35:33 → 00:35:36 ขึ้นมาเพื่อที่จะเพื่อลดน้ำตาลใช่มย
00:35:36 → 00:35:39 อินซูลินเนี้ยจะไปขัดขวางเมลาโทนินให้
00:35:39 → 00:35:41 หลังน้อยลง
00:35:41 → 00:35:44 พอช่วงหัวค่ำและบางคนก็จะกินมื้อดึก
00:35:44 → 00:35:44 >> อื
00:35:44 → 00:35:46 >> อะไรอย่างเงี้เนาะและมื้อสุดท้ายเนี่ยก็
00:35:46 → 00:35:50 ควรจะห่างสัก 3-4 ชมงขึ้นไปจริงๆช่วงช่วง
00:35:50 → 00:35:53 ค่ำเนี่ยมันมีอะไรที่ร่างกายมันประหลาด
00:35:53 → 00:35:55 อย่างนึงเวลาช่วงค่ำมันจะสร้างฮอร์โมน
00:35:55 → 00:35:56 กรีรินขึ้นมา
00:35:56 → 00:35:57 >> อ
00:35:57 → 00:35:58 >> คือฮอร์โมนหิว
00:35:58 → 00:36:00 >> ทั้งที่มันไม่ควรจะหิวแล้วนะ
00:36:00 → 00:36:03 >> แต่ไอ้ไอ้ร่างกายเราเนี่ยพระเจ้าก็มีความ
00:36:03 → 00:36:05 ประหลาดที่ทำให้เราหิวช่วงกลางคืน
00:36:05 → 00:36:06 >> อื
00:36:06 → 00:36:09 >> เพราะว่ามีการหลังฮอร์โมนชื่อเก่อกริขึ้น
00:36:09 → 00:36:12 มาให้เราหิวเพื่อจะต้านทานความรู้สึกของ
00:36:12 → 00:36:13 เรา
00:36:13 → 00:36:14 >> ทำไมอ่ะ
00:36:14 → 00:36:16 >> ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่ามันเป็นการหลั่ง
00:36:16 → 00:36:19 ฮอร์โมนเพื่อให้เออเราอยากจะกินอะไรก็ได้
00:36:19 → 00:36:21 อะไรอย่างเงี้ยหิวขึ้นเยอะ
00:36:21 → 00:36:23 ชอย่า
00:36:23 → 00:36:24 ฮะ
00:36:24 → 00:36:25 >> โหพี่เป็นบ่อย
00:36:25 → 00:36:27 >> ช่วงเนี้ยเราต้องพยายามควบคุมสติเรา
00:36:27 → 00:36:30 >> คือควบคุมสติอย่างเดียวเลยไม่มีอะไรมา
00:36:30 → 00:36:30 ช่วยได้
00:36:30 → 00:36:34 >> ใช่ใช่หรืออีกอย่างคือเราต้องไปกินโปรตีน
00:36:34 → 00:36:36 แล้วก็ไฟเบอร์สูงๆในช่วงมื้อเย็นให้เรามี
00:36:36 → 00:36:39 ความอิ่มที่ดีเพราะว่าบางคนกินเย็นเนี่ย
00:36:39 → 00:36:41 กินแบบอะไรที่มันไม่มีวอลุ่มเลยอ่ะบางคน
00:36:41 → 00:36:43 กินเย็นด้วยน้ำตาลคาร์โบไฮเดรตซึ่งมัน
00:36:43 → 00:36:45 ย่อยแล้วมันหายหมดเพราะฉะนั้นในช่วงเย็น
00:36:45 → 00:36:47 เนี่ยพยายามกินอะไรที่มันเป็นอยู่ท้อง
00:36:47 → 00:36:51 แล้วก็ไม่ค่อยมีน้ำตาลมากอ่ะยกตัวอย่าง
00:36:51 → 00:36:55 เช่นไฟเบอร์จากผักเนาะโปรตีนให้เพียงพอนะ
00:36:55 → 00:36:57 ครับอันเนี้ยเราจะอิ่มได้นานแล้วก็จะได้
00:36:57 → 00:37:00 ไม่ไปหิวช่วงค่ำพอมันหลั่งเกดินแล้วเนี่ย
00:37:00 → 00:37:02 พอเราหลับได้แล้วเนี่ยมันจะหลั่งเล็บและ
00:37:02 → 00:37:04 คือเป็นฮอร์โมนอิ่มและ
00:37:04 → 00:37:04 >> ออ
00:37:04 → 00:37:08 >> คราวนี้ก็ร่างกายก็คงไม่ตื่นมาหิวอะไรละ
00:37:08 → 00:37:09 เพราะว่าเราหลับได้แล้ว
00:37:09 → 00:37:12 >> อ่าแล้วอย่างี้ก็แสดงว่าถ้าใครอยากลดน้ำ
00:37:12 → 00:37:15 หนักแล้วก็แบบหิวอยู่อ่ะคือต้องหลับสู้ไป
00:37:15 → 00:37:17 เลยอ
00:37:17 → 00:37:19 >> ถ้าหลับปุ๊บก็จะอิ่มเ
00:37:19 → 00:37:22 >> นี่แหละก็คือเราต้องเน้นมื้อสุดท้ายสำคัญ
00:37:22 → 00:37:26 ถ้าเราจะปิดจบด้วยอาหารที่มันมีวอลุ่มกิน
00:37:26 → 00:37:28 น้ำเยอะๆนะฮะกินไฟเบอร์เยอะๆให้มันอยู่
00:37:28 → 00:37:30 ท้องกินโปรตีนเยอะๆเนี่ยมันก็จะไม่ไปเรา
00:37:30 → 00:37:33 ก็จะไม่โหยหาอาหารในช่วงค่ำ
00:37:33 → 00:37:34 >> อ
00:37:34 → 00:37:37 >> บางทีคนเราทำงานมางานหนักอะไรเงี้ยเราก็
00:37:37 → 00:37:40 จะแช่น้ำอุ่นแล้วอย่างี้มันไม่ดีต่อการ
00:37:40 → 00:37:42 นอนหรือเปล่ามันก็เพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย
00:37:42 → 00:37:44 >> จริงๆอ่ะมันแล้วแต่timมิ่งว่าเราแช่เมื่อ
00:37:44 → 00:37:45 ไหร่
00:37:45 → 00:37:45 >> อ
00:37:45 → 00:37:48 >> น้ำอุ่นน้ำร้อนนี่เป็นประเด็นที่แบบหลาย
00:37:48 → 00:37:50 คนก็แค่แคร์ดีมั้ยอะไรอย่างี้ใช่มั้ย
00:37:50 → 00:37:52 เพราะว่าอุณหภูมิกายมันเริ่มลดต่ำในช่วง
00:37:53 → 00:37:55 จะนอนใช่มั้ยครับแค่น้ำอุ่นเนี่ยแนะนำให้
00:37:55 → 00:37:56 แช่ประมาณสักชั่วโมงนึงหรือ 2 ชั่วโมง
00:37:57 → 00:37:59 ก่อนจะนอนเพราะว่าอุณหภูมิกายจะขึ้นพีค
00:37:59 → 00:38:01 ก่อนพอพีคสุดมันจะร่วง
00:38:01 → 00:38:01 >> อือ
00:38:01 → 00:38:03 >> ไอ้ช่วงร่วงนี่แหละเป็นช่วงที่ดี
00:38:03 → 00:38:04 >> ออ
00:38:04 → 00:38:06 >> เพราะมันจะดรอปให้เราเข้าสู่การนอนได้
00:38:06 → 00:38:06 ง่ายขึ้น
00:38:06 → 00:38:08 >> ก็แสดงว่าการแช่น้ำอุ่นเป็นสิ่งดี
00:38:08 → 00:38:11 >> ดีอ่าเลิจะได้ทำต่อไปแล้วก็สักชั่วโมงนึง
00:38:11 → 00:38:13 2 ชั่วโมงอะไรอย่างเงี้ยฮะเออ
00:38:13 → 00:38:16 >> ถึงแม้ว่ามันจะแบบว่า extend เวลาพี่ไป
00:38:16 → 00:38:19 เป็น 1:00 น.ก็ตามรึเปล่า
00:38:19 → 00:38:23 >> เราก็แช่แบบอ่ะโอเคฟินละพอละอะไรอย่าง
00:38:23 → 00:38:25 เงี้ยฮะเออ
00:38:25 → 00:38:26 >> อื
00:38:26 → 00:38:30 ปกติแล้วอ่ะเวลาทนินก็จะหลั่งประมาณช่วง 2
00:38:30 → 00:38:33 ชมงก่อนเวลาเข้านอนอ่ายกตัวอย่างเช่นพี่
00:38:33 → 00:38:35 อุมนอนประมาณช่วงเที่ยง
00:38:35 → 00:38:36 >> อ่าเที่ยงคืน
00:38:36 → 00:38:38 >> มันก็จะเริ่มหลังเ้าเรียกเป็นออนเสตที่
00:38:38 → 00:38:40 มันเริ่มหลังเนี่ยประมาณช่วง 22:00 น.คือ
00:38:41 → 00:38:43 ช่วงที่มันเริ่มค่อยๆจะเริ่มรีลสและเริ่ม
00:38:43 → 00:38:46 หลั่งและนะฮะแล้วก็มักจะไปพีคช่วงกลางดึก
00:38:46 → 00:38:48 ก็คือช่วง 3:00 น.อะไรประมาณนี้แล้วก็
00:38:48 → 00:38:51 เริ่มร่วงตอนเช้าแล้วก็สวนกับคอรซอลที่
00:38:51 → 00:38:54 สูงขึ้นอันนี้คือtimมิ่งปกติมันจะมีโรค
00:38:54 → 00:38:57 ที่เรียกว่าโรคนาฬิกาชีวิตแปรปรวน
00:38:57 → 00:38:57 >> อื
00:38:57 → 00:39:01 >> หมายความว่านอนเร็วตื่นเร็วหรือนอนดึก
00:39:01 → 00:39:04 ตื่นสายนอนดึกตื่นสายก่อนมักจะเจอในคนวัย
00:39:04 → 00:39:06 ทำงานหรือวัยเด็กวัยรุ่นที่เล่นเกมเยอะๆ
00:39:06 → 00:39:08 อ่าอันนี้เรียกว่าเป็น delay sleep wake
00:39:08 → 00:39:09 disorder
00:39:09 → 00:39:09 >> อื
00:39:10 → 00:39:12 >> คือหมายความว่านาฬิกาเขาอ่ะมันเวลานอนก็
00:39:12 → 00:39:15 โอเคนะตรง 7-8 ชั่วโมงโอเคแหละแต่มัน time
00:39:15 → 00:39:18 เฟมมันเลื่อนเลื่อนช้าขึ้นเช่นพวกเต้อง
00:39:18 → 00:39:20 นอน 2:00 น.แล้วตื่น 10:00 น.
00:39:20 → 00:39:22 >> เดี๋ยวนะขอขอทำเฟรมปกติก่อนมันคือ
00:39:22 → 00:39:24 >> ทำเฟมปกติประมาณ 2200- 2300 น.
00:39:24 → 00:39:26 >> 2200- 23:00 น.เที่ยงคืนนี้ก็คือดีเลย
00:39:26 → 00:39:28 แล้วดีเลยละนิดนึงนิดนึงนิดนึงแต่มันไม่
00:39:28 → 00:39:30 ได้ดีลayมากใช่มั้ย
00:39:30 → 00:39:30 >> อ
00:39:30 → 00:39:32 >> ถ้าทำเฟรมปกติคนทั่วไปคือประมาณ 22-500
00:39:32 → 00:39:33 น.คือหลับ
00:39:33 → 00:39:35 >> ตื่นประมาณช่วง 6:00 น. 7:00 น.อันนี้คือ
00:39:35 → 00:39:38 เฟรมปกติถามว่าเฟรมปกติดูจากอะไรดูจากว่า
00:39:38 → 00:39:40 อยู่กับสังคมแล้วไม่เป็นปัญหาสมมุติวัย
00:39:41 → 00:39:42 รุ่นเนี่ยเขาต้องตื่นมาเพื่อไปเรียน
00:39:42 → 00:39:45 หนังสือถ้าเขานอนที่ดีเนี่ยคือนอนประมาณ
00:39:45 → 00:39:48 ช่วง 22:00 น.ตื่น 18:00 น.
00:39:48 → 00:39:51 นักเรียนวัยที่เราเคยเป็น
00:39:51 → 00:39:54 เราจะนอน 2:00 น.
00:39:54 → 00:39:54 >> อ่าใช่
00:39:54 → 00:39:57 >> แล้วตื่นแบบคือตื่น 10:00 น.อะไรอย่าง
00:39:57 → 00:39:59 เงี้เนาะแต่นาฬิกาชีวิตเราอ่ะเราต้องตื่น
00:39:59 → 00:40:02 มาเรียนหนังสือเลยอดนอนคือถ้าเขาไม่เรียน
00:40:02 → 00:40:04 หนังสืออ่ะสมมุตินะ
00:40:04 → 00:40:04 >> เออ
00:40:04 → 00:40:06 >> นอน 2:00 น.อ่ะตื่น 10:00 น.อ่ะมันก็มัน
00:40:07 → 00:40:10 ก็ได้ถูกมนอน 8 ช่โมอยู่ได้อยู่
00:40:10 → 00:40:12 >> ได้อยู่โอเคเวลา timing ในการนอนถึงแม้จะ
00:40:12 → 00:40:15 เลื่อนแต่เวลาในการนอน duration ยังดี
00:40:15 → 00:40:18 อยู่อันนี้ก็ยังเวิร์คอยู่แต่ปัญหาคือเรา
00:40:18 → 00:40:20 ต้องตื่นมาเรียนหนังสือมาทำงานอันเนี้คือ
00:40:20 → 00:40:23 ส่งผลต่อสังคมต่อชีวิตและอันนี้เรียกว่า
00:40:23 → 00:40:25 เป็น delay sle break disorder คือ
00:40:25 → 00:40:26 time frame เลื่อนพวกเนี้ยเมลาโทonนิน
00:40:27 → 00:40:29 เนี่ยหลั่งช้าแทนที่จะหลั่ง 20:00- 21:00
00:40:29 → 00:40:33 น.เหมือนคนทั่วไปหลังเอาเที่ยงคืน
00:40:33 → 00:40:35 >> ถ้าพูดเรื่อง anti aging อ่ะคือเขา
00:40:35 → 00:40:37 เหมือนแบบทุกคนจะเชียร์ให้นอนตามพระ
00:40:37 → 00:40:38 อาทิตย์
00:40:38 → 00:40:41 >> แล้วเรามานอนแบบเลื่อนออกมาแบบเนี้ยถ้า
00:40:41 → 00:40:45 เทียบกันกับการกลับไปนอนพระอาทิตย์เอออัน
00:40:45 → 00:40:48 ไหนมันจะดีกว่ากันงานวิจัยบอกว่ามันก็
00:40:48 → 00:40:51 ต่างกันแต่ว่าน้อยหมายความว่าปกติแล้วโรส
00:40:51 → 00:40:54 ฮอร์โมนหรือฮอร์โมนที่เราแสวงหากันมัน
00:40:54 → 00:40:56 หลั่งตามเวลาที่เรานอนนั่นแหละหมายความ
00:40:56 → 00:40:57 ว่า
00:40:57 → 00:40:59 >> เรานอนสมมุตินอน 22:00 น.ใช่มั้ยฮะเรา
00:40:59 → 00:41:02 เข้ากันหลับลึกได้เพียงพอมันก็หลั่งตาม
00:41:02 → 00:41:04 เวลาที่เราหลับลึกถ้าเรานอนกลางวันบางคน
00:41:04 → 00:41:08 เป็นชิเวิร์คที่นอนกลางวัน 8:00 น.อ่าออก
00:41:08 → 00:41:11 จากกะมาแล้วนอนก็ยังหลั่งอยู่แต่อาจจะพีค
00:41:11 → 00:41:12 ไม่สูงเท่า
00:41:12 → 00:41:13 >> ออ
00:41:13 → 00:41:15 >> หมายความว่าปริมาณในการหลั่งอาจจะไม่ได้
00:41:15 → 00:41:18 สวยกราฟไม่ได้สวยเท่ากันหลับที่เป็นเวลา
00:41:18 → 00:41:21 เช่นหลับกลางวันก็มีรถเอ่อรถตุ๊กๆมีรถ
00:41:21 → 00:41:23 อะไรข้างนอกบ้านเลยใช่มั้ย
00:41:23 → 00:41:25 >> คือมันเหมือนกับมันไม่ใช่timมิ่งที่ควรจะ
00:41:25 → 00:41:28 หลับจริงๆเพราะฉะนั้นมีความรบกวนของ
00:41:28 → 00:41:30 >> เอ่อสิ่งแวดล้อมที่มันไม่ได้ทำให้การนอน
00:41:30 → 00:41:33 มันดิฟมากซะขนาดนั้นอเพราะฉะนั้นก็ต้องดู
00:41:33 → 00:41:35 แลสิ่งแวดล้อมให้มันแบบ
00:41:35 → 00:41:37 >> มืดจริงๆเงียบจริงๆอะไรอย่างเงี้ยเนี่ย
00:41:37 → 00:41:40 ถึงจะเป็นการหลับอ่าสวนกับเวลาที่มันมี
00:41:40 → 00:41:43 คุณภาพได้คนที่ทำงานเป็นกะเนี่ยsชิวิร์ค
00:41:43 → 00:41:45 เนี่ยสัมพันธ์กับมะเร็งอ
00:41:45 → 00:41:45 >> เอ้า
00:41:45 → 00:41:46 >> อ่า
00:41:46 → 00:41:46 >> เหรอ
00:41:46 → 00:41:47 >> ใช่
00:41:47 → 00:41:52 >> ก็คือการที่เ้านอนสับไปสับมาไม่ได้ตรงคือ
00:41:52 → 00:41:54 เอ่อเปลี่ยนกะไปเรื่อยๆ
00:41:54 → 00:41:56 >> เปลี่ยนกะไปเรื่อยๆอันนี้เป็น regular
00:41:56 → 00:41:57 เอฟเฟคแน่นอนในการ
00:41:57 → 00:41:59 >> ถ้ากะเรกูลจะดีกว่า
00:41:59 → 00:42:00 >> regular ก็ดีกว่า
00:42:00 → 00:42:00 >> อ๋อ
00:42:00 → 00:42:03 >> ดีกว่าแต่ต้องมีการดูแลเรื่องของอ่าสิ่ง
00:42:03 → 00:42:06 แวดล้อมที่ดีอ่ะอย่างเช่นเป็นหมอออกจากกะ
00:42:06 → 00:42:08 มาห้องฉุกเฉินอะไรอย่างเงี้ยอ่ากำลังจะ
00:42:08 → 00:42:11 กลับมานอนต้องอยู่ในที่มืดและรถจะต้อง
00:42:11 → 00:42:15 เริ่มติดฟิล์มติดอะไรให้มันเคลิ้มๆมันจะ
00:42:15 → 00:42:18 ได้สร้างบรรยากาศว่าเนี่ยคือเวลาที่ลงเวร
00:42:18 → 00:42:19 และพร้อมจะไปเข้านอนอื
00:42:19 → 00:42:20 >> ออ
00:42:20 → 00:42:22 >> หรือเวลาที่ขับรถมาขึ้นเวรช่วงค่ำก็ต้อง
00:42:22 → 00:42:24 มีแสงเยอะๆเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่านี่
00:42:24 → 00:42:27 คือกลางวันคือทำงานเป็นกะเนี่ยเแนะนำว่า
00:42:27 → 00:42:29 อย่าเปลี่ยนกะบ่อยถ้าเปลี่ยนกะควรจะ
00:42:29 → 00:42:33 เปลี่ยนตามนาฬิกาหมายความว่าตอนนี้ทำงาน
00:42:33 → 00:42:36 เช้าใช่มั้ยเช้า 8:00 น- 16:00 น.กถัดไป
00:42:36 → 00:42:39 ก็ต้องเป็นช่วงเย็นถึงค่ำ 1600 น.ถึง
00:42:39 → 00:42:41 เที่ยงอะไรอย่างเงี้ยควรจะเปลี่ยนกะตาม
00:42:41 → 00:42:45 เวลานาฬิกาทวนตามเข็บนาฬิกาไม่ทวนอะไร
00:42:45 → 00:42:48 อย่างเงี้ยมันมันจะดีกว่าในการที่จะดูแล
00:42:48 → 00:42:49 ชีวิต
00:42:49 → 00:42:51 >> เลื่อนๆเลื่อนไปเรื่อยๆเลื่อนแบบให้เรทไป
00:42:51 → 00:42:53 เรื่อยๆอะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าถ้าเลื่อน
00:42:53 → 00:42:56 ย้อนกลับมามันจะนอนจะลำบากอ
00:42:56 → 00:42:56 >> ออือ
00:42:56 → 00:42:58 >> อืนะฮะ
00:42:59 → 00:43:02 >> แล้วบางคนน่ะไม่ใช่ใครในไหนคุณแม่เองคือ
00:43:02 → 00:43:05 เหมือนเค้าก็กำหนดแหละว่า 1 วันน่ะเค้า
00:43:05 → 00:43:09 นอน 8 ชม.นะแต่สิ่งที่เขานอนอ่ะคือเนอน
00:43:09 → 00:43:11 18:00 น. - 22:00 น.ตื่นมา 22:00 น. -
00:43:11 → 00:43:13 เที่ยงแล้วก็นอนต่อเที่ยงถึง 4:00 น.แล้ว
00:43:13 → 00:43:15 ก็เนี่ยครบละวันของเขา
00:43:15 → 00:43:17 >> เห็นเป็นแบบว่าเป็นส่วนใช่ม.
00:43:17 → 00:43:18 >> ใช่อย่างเงี้ยมันแบบ
00:43:18 → 00:43:20 >> 6:00 น. 22:00 น.รอบนึง
00:43:20 → 00:43:21 >> แล้วก็อีก
00:43:21 → 00:43:23 >> เที่ยงคืนถึง 4:00 น.ถ้าเทียบกันแล้วการ
00:43:23 → 00:43:26 นอนที่มันเป็น solid ก็คือเป็นการนอนที่
00:43:26 → 00:43:27 แบบยาวๆ
00:43:27 → 00:43:28 >> อือ
00:43:28 → 00:43:30 >> มันดีกว่าการนอนที่เป็นสั้นๆต่อนๆอยู่
00:43:30 → 00:43:32 แล้วปัญหามันเกิดจากอะไรมันเกิดจากผู้สูง
00:43:32 → 00:43:35 อายุเมลาโทนินมันไม่ค่อยหลังเมลาโทนิน
00:43:35 → 00:43:37 เนี่ยนอกจากเป็นตัวที่ชักนำให้เกิดความ
00:43:37 → 00:43:40 ง่วงทำให้ร่างกายเรารู้ว่าอันนี้คือเวลา
00:43:40 → 00:43:42 ที่จะนอนและมันเป็นตัวที่ทำให้การนอน
00:43:42 → 00:43:45 mนintainให้มัน continue ต่อได้การที่มัน
00:43:45 → 00:43:48 จะนอนได้ยาวๆเนาะไม่ตื่นกลางดึกบ่อยอะไร
00:43:48 → 00:43:50 อย่างเงี้ยก็คือเมลาทonนินนี่แหละถ้าจะ
00:43:50 → 00:43:54 กินเสริมกินได้แต่ว่าก็ต้องดูปริมาณที่
00:43:54 → 00:43:57 เหมาะสมนะฮะคือถ้าเป็นผู้สูงอายุเนี่ยจะ
00:43:57 → 00:44:00 แนะนำเป็นออกฤทธิ์ยาวที่ออกฤทธิ์ยาวคือ
00:44:00 → 00:44:04 ปกติถ้าเราเห็นตามเอ่อsupพลีนที่อยู่ใน
00:44:04 → 00:44:06 ทั่วๆไปเนี่ยจะเป็นออกฤทธิ์สั้น
00:44:06 → 00:44:07 >> อก็คือให้อมให้ออกฤทธิ์เลย
00:44:07 → 00:44:10 >> อ่าทำให้เราแบบโอเคเคิ้มหลับอ่าแต่ช่วง
00:44:10 → 00:44:12 ท้ายคืนก็ช่างแล้วนะจะนอนหลับไม่หลับก็
00:44:12 → 00:44:14 แล้วแต่ละอ่าอะไรอย่างเงี้ยถ้าออกฤทธิ์
00:44:14 → 00:44:16 ยาวมันจะอยู่ได้ประมาณสัก 7-8 ชมจะทำให้
00:44:16 → 00:44:19 การหลับมันมันเป็นเวลาที่ต่อเนื่องได้ดี
00:44:19 → 00:44:21 ขึ้นกับอีกอย่างนึงคือคุณแม่พี่อุ๋มอาจ
00:44:21 → 00:44:22 แต่ต้องนอนให้ดึกขึ้นหน่อยเพราะว่า 18:00
00:44:23 → 00:44:25 น.เนี่ยมันคือเช้าไปหน่อยอ่ะคือมันเร็วไป
00:44:25 → 00:44:26 หน่อยใช่มั้ฮะ
00:44:26 → 00:44:27 >> อื
00:44:27 → 00:44:29 >> 22:00 น.อ่ะ 18:00 น.ถึง 22:00 น.ก็ 4
00:44:29 → 00:44:31 ชั่วโมงอ่ะแล้วก็ไปต่ออีกต่อน 2 กับ 2
00:44:31 → 00:44:32 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:44:32 → 00:44:33 >> อๆ
00:44:33 → 00:44:38 >> อาจจะให้เจอแดดเยอะในช่วงหัวค่ำเ่อหัวค่ำ
00:44:38 → 00:44:39 เี่อย่าเพิ่งไปเจออย่าขึ้นเตียงอย่าเพิ่ง
00:44:39 → 00:44:43 ขึ้นเตียงคืออยู่กับ
00:44:43 → 00:44:46 ดูหนังฟังเพลงอะไรไปก่อนอย่างเงี้ยฮะแล้ว
00:44:46 → 00:44:49 ก็พอโอเคช่วงเวลาที่มิ่งได้ประมาณ 2 น.
00:44:49 → 00:44:51 ค่อยขึ้นเตียงหลับเวลาโทนินเนี่ยในผู้สูง
00:44:51 → 00:44:55 อายุกินเสริมได้ในปริมาณต่ำๆไม่เกิน 3
00:44:55 → 00:44:57 มกรัอะไรประมาณเนี้ยฮะ
00:44:57 → 00:44:59 >> กินได้แล้วก็
00:44:59 → 00:45:01 >> เอ่อการนอนจะดีขึ้นอ
00:45:01 → 00:45:03 >> อื
00:45:03 → 00:45:06 >> แล้วการดูหนังดูละครล่ะก่อนนอน
00:45:06 → 00:45:09 >> ก่อนนอนเนี่ยเขาจะแนะนำว่าในช่วงประมาณ 2
00:45:09 → 00:45:12 ช่โมง 2 ช่โมงนะให้อยู่กับ Low Key
00:45:12 → 00:45:15 Activity Low key activity คือ Low
00:45:15 → 00:45:18 Key Ky นะฮะ KEY Ly คือ Activity ที่
00:45:18 → 00:45:22 ไม่มีอิเล็กทรกคือไม่มีไม่มีไฟฟ้าอ่า
00:45:22 → 00:45:22 >> อ
00:45:22 → 00:45:27 >> ยกตัวอย่างเช่นเอ่ออาจจะอ่านหนังสือ
00:45:27 → 00:45:29 >> อ่านหนังสือก็ต้องเน้นเนาะว่าหนังสือไม่
00:45:29 → 00:45:31 ใช่หนังสือใน iPad อะไรงี้เปล่าใช่
00:45:31 → 00:45:34 หนังสือเป็นหนังสือที่ไม่ได้มีไม่ได้มา
00:45:34 → 00:45:36 จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรอย่างเงี้ย
00:45:36 → 00:45:38 นะฮะฟังเพลงพอได้อยู่
00:45:38 → 00:45:38 >> อื
00:45:38 → 00:45:39 >> นะ
00:45:39 → 00:45:41 >> แล้วก็เทียบกันแล้วเนี่ยดูทีวีกับดูมือ
00:45:41 → 00:45:43 ถือ iPad เนี่ยดูทีวีดีกว่านะ
00:45:43 → 00:45:44 >> ออ
00:45:44 → 00:45:45 >> อืมันยังอยู่ไกลกว่าไง
00:45:45 → 00:45:47 >> แล้วเนื้อเรื่องมีผลมั้ยเครียด
00:45:47 → 00:45:50 >> มีผลก็คือว่าก้านเมือง
00:45:50 → 00:45:52 [เพลง]
00:45:52 → 00:45:55 เราจะต้องดูคทentจริงๆแล้วไอ้เรื่องของ
00:45:55 → 00:45:57 เอ่อจอเนี่ยมันไม่ใช่แค่แสงบลูไลท์อย่าง
00:45:57 → 00:46:00 เดียวบลูไลทถ้าตัดได้ก็ตัดเนาะมันจะมี
00:46:00 → 00:46:02 โหมดที่ตัดใช่มั้ยครับไม่ใช่แค่แสงจากจอ
00:46:02 → 00:46:04 แต่มันคือคทentด้วยหมายความว่าบางที
00:46:04 → 00:46:06 เรื่องที่เราไม่ได้เป็นเรื่องของเรา
00:46:06 → 00:46:08 เรื่องชาวบ้านเราก็ไปคิด
00:46:08 → 00:46:11 >> ตามอะไรอย่างเงี้ยฮะมันก็มีผลทำให้เราไป
00:46:11 → 00:46:14 คิดตอนนอนหลับได้ก็ต้องลดกิจกรรมพวกนี้ลง
00:46:14 → 00:46:17 ก็มีเปเปอร์ว่าเราไม่เจอจอสักชั่วโมงนึง
00:46:17 → 00:46:20 อ่านอนได้ดีขึ้นแล้วก็อีกอย่างนึงที่ผู้
00:46:20 → 00:46:22 สูงอายุมักจะตื่นมาปัสสาวะใช่มั้ย
00:46:22 → 00:46:23 >> อือๆ
00:46:23 → 00:46:27 >> บางคนจะมียาลดอ่าลดไขมันช่วงค่ำ
00:46:27 → 00:46:28 >> ก็ต้องดื่มน้ำ
00:46:28 → 00:46:30 >> ดื่มน้ำใช่มั้ก็ประมาณสักชั่วโมงหรือ 2
00:46:31 → 00:46:33 ชั่วโมงก่อนจะหลับเนี่ยน้ำไม่เกินครึ่ง
00:46:33 → 00:46:33 แก้ว
00:46:33 → 00:46:34 >> ไม่เกินครึ่งแก้ว
00:46:34 → 00:46:40 >> กินยาได้นะครับกินยาได้แล้วก็แล้วก็ก่อน
00:46:40 → 00:46:43 เข้าไปนอนก็ปัสสาวะอีก 1 ครั้งปกติถ้า
00:46:43 → 00:46:46 อายุเกิน 50-60 เนี่ยการที่จะปัสสาวะช่วง
00:46:46 → 00:46:48 กลางคืนเนี่ยมันประมาณสักสัก 1-2 ครั้ง
00:46:48 → 00:46:51 มันหยวนโอเคอ่ะเพราะว่าการควบคุมมันไม่
00:46:51 → 00:46:53 เหมือนกับวัยเราใช่มั้
00:46:53 → 00:46:57 >> แต่ถ้าวัยเราเนี่ยปกตินะคือ 0-1 ครั้ง
00:46:57 → 00:46:57 >> อื
00:46:58 → 00:47:00 >> ถ้าพูดถึงวัยประมาณไม่เกิน 50 นะครับแห
00:47:00 → 00:47:01 0-1 ครั้งนี้คือปกติ
00:47:01 → 00:47:04 >> ปกติอืถ้าฉี่ทุกคืนเนี่ยนี่ประหลาดและ
00:47:04 → 00:47:06 >> ทั้งคืน 2 ครั้งก็ก็เยอะแล้ว
00:47:06 → 00:47:09 >> ใช่เป็นไปได้ว่า 1 คุณกินกาแฟเยอะคาเฟอีน
00:47:09 → 00:47:12 กลางวันเยอะถึงฉี่กลางคืนด้วยพอกิน
00:47:12 → 00:47:14 คาเฟอีนมันก็มีการสร้างปัสสาวะเยอะใช่
00:47:14 → 00:47:15 มั้ย
00:47:15 → 00:47:17 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยฤทธิ์ยังอยู่เราก็เลยไป
00:47:17 → 00:47:19 ฉี่กลางคืนบ่อยกับอีกอย่างคือกิน
00:47:19 → 00:47:22 แอลกอฮอล์กับห่อช่วงหัวคำก็ไปฉี่บ่อย
00:47:22 → 00:47:23 เหมือนกัน
00:47:23 → 00:47:25 >> อืนะฮะ
00:47:25 → 00:47:28 >> อีกปัญหาคือเรื่องกล
00:47:28 → 00:47:32 >> คือกลตัวเองก็นอนไม่ดีนะคนข้างๆก็ไม่ดีไป
00:47:32 → 00:47:32 ด้วย
00:47:32 → 00:47:33 >> ครับ
00:47:33 → 00:47:35 >> แล้วอันนึงที่สงสัยก็คือว่าเวลาที่เรา
00:47:35 → 00:47:38 อายุมากขึ้นน่ะเราก็จะกรนมั้
00:47:38 → 00:47:42 >> เราจะกลิการกรนก็คือการที่ลมหายใจมันผ่าน
00:47:42 → 00:47:45 ที่แคบขณะลับกลนคืออ่ะปกติถ้าเกิดว่าพูด
00:47:45 → 00:47:48 ถึงแทรกปกติของการหายใจลมจะเข้าจมูกก่อน
00:47:48 → 00:47:51 มันจะรัดเข้าไปหลังจมูกก็ลงไปในคอแล้วก็
00:47:51 → 00:47:54 ลงไปในปอดเราอันนี้คือเส้นทางปกติเลยนะฮะ
00:47:54 → 00:47:56 นึกถึงเรานอนเนี่ยนอนนอนหงายไปเนี่ยนะ
00:47:56 → 00:47:59 ครับไม่ว่าการตีบแคบที่ไหนก็ตามที่เป็น
00:47:59 → 00:48:01 ส่วนของส่วนบนของการหายใจอฮะไม่ว่าจะเป็น
00:48:01 → 00:48:06 จมูกคอเพดานลิ้นทุกอย่างนะฮะที่มีการแคบ
00:48:06 → 00:48:09 หย่อนขณะหลับทำให้เกิดการกลได้หมดถ้าคน
00:48:09 → 00:48:11 ทั่วไปการหลับเนี่ยสมมุตินึกภาพเหมือน
00:48:11 → 00:48:15 เป็นหลอดหลอดนึงเวลาหลับเนี่ยเราจะมีการ
00:48:15 → 00:48:17 แฟบของหลอดแค่นิดเดียวเพราะฉะนั้นคนปกติ
00:48:17 → 00:48:18 ไม่กล
00:48:19 → 00:48:19 >> อ่า
00:48:19 → 00:48:22 >> อ่าเพราะว่าร่างกายยังพยุงอยู่ให้กล้าม
00:48:22 → 00:48:24 เนื้อยังมีการตึงแล้วเราจะไม่เกิดการแฟบ
00:48:24 → 00:48:27 มากเกินไปแต่ถ้ามันมีการแฟบมากเกินไปอ่ะ
00:48:27 → 00:48:29 จะมีปัญหาและ 1 อายุ
00:48:29 → 00:48:33 >> อายุที่มากขึ้นถามว่าจะเริ่มมีตั้งแต่
00:48:33 → 00:48:38 เมื่อไหร่ที่จะกลได้คืออายุ 50 บวกขึ้นไป
00:48:38 → 00:48:39 เริ่ม
00:48:39 → 00:48:41 >> ใกล้เริ่มใกล้แล้ว
00:48:41 → 00:48:43 >> จากท่อที่มันอย่างเงี้ยมันควรจะแฟบนิด
00:48:43 → 00:48:45 หน่อยมันแฟบเยอะอื
00:48:45 → 00:48:48 >> ใช่อันนี้ก็ 1 ปัจจัยอย่างที่ 2 น้ำหนัก
00:48:48 → 00:48:49 >> อ่า
00:48:49 → 00:48:50 >> นะครับน้ำหนักอันนี้แน่นอนอยู่แล้วโดย
00:48:50 → 00:48:52 เฉพาะผู้ชายมีผลมากกว่าผู้หญิงเพราะว่า
00:48:52 → 00:48:53 ผู้ชาย
00:48:53 → 00:48:58 >> การสะสมไขมันจะอยู่ที่พุงอกคอ
00:48:58 → 00:48:58 >> อ๋อ
00:48:58 → 00:49:01 >> ผู้หญิงอ้วนลงสะโพกขา
00:49:01 → 00:49:01 >> อ๋อ
00:49:01 → 00:49:03 >> เพราะฉะนั้นความอ้วนเนี่ยอ้วนนิดหน่อยผู้
00:49:03 → 00:49:06 หญิงยังคอเราหงส์อยู่แต่ผู้ชายจะเริ่มคอ
00:49:06 → 00:49:06 หนาอ่า
00:49:07 → 00:49:09 >> ใช่มั้ติดกระดุมได้ยากขึ้นอ่าอันนี้เพราะ
00:49:09 → 00:49:10 ความอ้วนมันขึ้นบน
00:49:10 → 00:49:13 >> ก็เรื่องของน้ำหนักตัวเพราะว่าเวลาที่ไข
00:49:13 → 00:49:16 มันเยอะขึ้นเนี่ยมันอยู่ในคอด้วย
00:49:16 → 00:49:16 >> อื
00:49:16 → 00:49:18 >> เวลาอ้าปากลิ้นจะโตขึ้น
00:49:18 → 00:49:19 >> อ้าเหรอ
00:49:19 → 00:49:22 >> ใช่ถ้าอ้วนนะลิ้นจะโตขึ้นเพิ่มวอลุ่มของ
00:49:22 → 00:49:23 ลิ้นให้มากขึ้น
00:49:23 → 00:49:24 >> อ้าเหรอ
00:49:24 → 00:49:27 >> เพดานทวมขึ้นหมายถึงคนน้ำหนักเยอะอ่ะมัน
00:49:27 → 00:49:28 มันมันไปหมด
00:49:28 → 00:49:31 >> อืแฟชมัน distribute หมดเลยนะฮะปัจจัยที่
00:49:31 → 00:49:32
00:49:32 → 00:49:35 >> คือใบหน้าอันเนี้พันธุกรรมมีผลต้องเป็นคน
00:49:35 → 00:49:38 ที่มีโครงสร้างใบหน้าที่แบบหน้าเล็กคาง
00:49:38 → 00:49:40 เล็กๆคือหน้าคางสั้นคางเล็กเ้าเรียกว่า
00:49:40 → 00:49:43 เรนเทียคือเป็นคนคางเล็กตรงเนี้ยสั้นมาก
00:49:43 → 00:49:46 ให้ลองดูจากด้านข้างเราถ้าเกิดว่าเราหัน
00:49:46 → 00:49:51 ข้างเนี่ยดั้งกับคางอ่ะต้องเลเวลพอๆกัน
00:49:51 → 00:49:54 >> อ๋อหมายถึงตรงนี้กับตรงนี้มันต้องพอๆกัน
00:49:54 → 00:49:56 >> แต่บางคนเนี่ยหันข้างเนี่ย
00:49:56 → 00:49:59 >> เลเวลของด้างนำแต่คางถอยไปด้านหลัง
00:49:59 → 00:50:01 อันเนี้ยก็คือเป็นคนที่ค้างเล็กค้างสั้น
00:50:01 → 00:50:04 พอค้างสั้นเนี่ยก็ปัญหาก็คือเกิดที่ว่า
00:50:04 → 00:50:07 เวลาตอนหลับเนี่ยลิ้นมันมันเกาะเวลาลิ้น
00:50:07 → 00:50:09 น่ะฮะทางเบสเนี่ยมันจะเกาะที่ค้างกระดูก
00:50:09 → 00:50:10 ค้าง
00:50:10 → 00:50:10 >> อื
00:50:10 → 00:50:12 >> ถ้าเกิดหลับไปแล้วเนี่ยเป็นคนค้างสั้น
00:50:12 → 00:50:15 เนี่ยมีโอกาสกรนแล้วพวกนี้กรนคนแต่เด็ก
00:50:15 → 00:50:16 >> อ๋อ
00:50:16 → 00:50:18 >> แต่วัยรุ่นเลยฮะไม่ต้องอ้วนเลยนะเด็กด้วย
00:50:18 → 00:50:21 น้ำหนักน้อยด้วยแต่เด็กๆกล่นเลยปัจจัยที่
00:50:21 → 00:50:23 4 ต่อมทอนซิน
00:50:23 → 00:50:23 >> อ่า
00:50:23 → 00:50:26 >> อ่าในในคอชัดเจนนะฮะเป็นต่อมเหมือนลูก
00:50:26 → 00:50:27 มะนาวในคอนะครับ
00:50:27 → 00:50:29 >> ก็มักจะใหญ่ในคนที่เจ็บคอบ่อยๆเป็นหวัด
00:50:29 → 00:50:32 บ่อยๆเป็นภูมิแพ้อะไรอย่างงี้เนาะอ่า
00:50:32 → 00:50:35 >> สุดท้ายเลยคือภูมิแพ้
00:50:35 → 00:50:37 >> ภูมิแพ้แค่ว่าภูมิแพ้นี่เหรอ
00:50:37 → 00:50:39 >> ใช่ภูมิแพ้จมูกนะ
00:50:39 → 00:50:39 >> อ๋อจมูกตัน
00:50:39 → 00:50:43 >> อ่าจมูกตันนะครับอ่าภูมิแพ้เนี่ยเป็นสิ่ง
00:50:43 → 00:50:45 ที่หลายๆคนมองข้ามต้องดูที่ว่าบางคนเนี่ย
00:50:45 → 00:50:48 ไม่กลเลยนะแต่พอเข้าช่วงที่ฝนตกมีฝุ่นมี
00:50:48 → 00:50:51 อะไรอย่างเงี้ยเอ้ยกลับมากลซะงั้นนะครับ
00:50:51 → 00:50:53 ทั้งที่ไม่ได้อ้วนขึ้นเลยอายุไม่ได้มาก
00:50:53 → 00:50:54 ขึ้นเลยอะไรอย่างเงี้ยนะฮะมันมีผลเพราะ
00:50:54 → 00:50:57 ว่าเวลาที่เราจมูกตันตอนนอนร่างกายจะผลัก
00:50:57 → 00:50:59 ให้เกิดการอ้าปากหายใจ
00:50:59 → 00:51:00 >> อื
00:51:00 → 00:51:03 >> อ่านะฮะจมูกตันปุ๊บปากเริ่มเปิดและนะครับ
00:51:03 → 00:51:05 พอเปิดปากเนี่ยลิ้นจะตกไปในคอ
00:51:05 → 00:51:08 >> เวลาเรานอนนะครับปกติแล้วถ้าจมูกเราโล่ง
00:51:08 → 00:51:11 ดีปากจะไม่ได้เปิดมากอาจจะเปิดนิดหน่อย
00:51:11 → 00:51:14 รับลมเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เส้นทางหลักในการ
00:51:14 → 00:51:17 หายใจแต่ถ้าจมูกตันเนี่ยซึ่งบางบางคนนะ
00:51:17 → 00:51:19 จมูกกลางวันไม่ตันเลยนะแต่กลางคืนขึ้น
00:51:19 → 00:51:20 เตียงเราเริ่มตัน
00:51:20 → 00:51:22 >> หรือตอนเช้า
00:51:22 → 00:51:24 >> ใช่หรือตอนเช้าเริ่มตันแปลว่ากลางดึกมัน
00:51:24 → 00:51:25 เริ่มตันและ
00:51:25 → 00:51:25 >> อ๋อ
00:51:25 → 00:51:26 >> ใช่ม
00:51:26 → 00:51:30 >> อ่าพวกเนี้เนี่ยคือพอจมูกมันเริ่มตันปาก
00:51:30 → 00:51:33 เริ่มเปิดเวลาปากเปิดเนี่ยนะลิ้นมันจะ
00:51:33 → 00:51:34 ปรึ๊บเข้าไปในคอ
00:51:35 → 00:51:37 >> แต่ว่าถ้าปากปิดลิ้นจะไม่เป็นปัญหา
00:51:37 → 00:51:40 >> จะดีขึ้นนะฮะแต่ก็ไม่ใช่ว่าเอาพเตอร์ไป
00:51:40 → 00:51:41 แปะ
00:51:41 → 00:51:42 >> ปิด
00:51:42 → 00:51:44 >> ปิดปากแเพราะเพราะว่าเราก็ต้องดูสาเหตุ
00:51:44 → 00:51:47 ก่อนว่าคนที่อ้าปากหายใจเนี่ยมันเกิดจาก
00:51:47 → 00:51:48 สาเหตุทางจมูกมย
00:51:48 → 00:51:51 >> ก็ต้องไปแก้ให้ตรงจุดไม่ใช่ว่าจมูกตัน
00:51:51 → 00:51:53 แล้วก็ไปปิดปากเขาอีกเขาก็ไม่เหลือทางหาย
00:51:53 → 00:51:56 ใจกันใหญ่ใช่มเพก็ต้องดูคอร์สว่าสาเหตุ
00:51:56 → 00:51:59 นั้นเนี่ยเกิดจากจมูกที่มันบวมตันหรือ
00:51:59 → 00:52:00 เปล่า
00:52:00 → 00:52:02 >> อ๋อแล้วอุปกรณ์แบบแก้นอนกลน่ะให้พวก
00:52:02 → 00:52:03 พลาสเตอร์แปะ
00:52:03 → 00:52:05 >> อ่าแปะตรงจมูกใช่มั้
00:52:05 → 00:52:06 >> ใช่เห็นบ่อยเวิร์ค
00:52:06 → 00:52:09 >> จะเวิร์คกับคนที่เป็นมักจะเป็นคนตะวันตก
00:52:09 → 00:52:11 หรือฝรั่งจะเวิร์คกว่า
00:52:11 → 00:52:14 >> เฮ้ยเวิร์คได้ไงอ่ะเวิร์ค
00:52:14 → 00:52:17 เพราะว่าโครงสร้างคนไทยกับคนที่เป็นฝรั่ง
00:52:17 → 00:52:18 ไม่เหมือนกัน
00:52:18 → 00:52:21 >> อ้าใช่สงสัยเลยอ่ะนี้แค่ 8 พตอร์มัน
00:52:21 → 00:52:24 >> เพราะว่าเป็นการเปิดnซว้าnซว้าคือรูเปิด
00:52:24 → 00:52:27 ตรงปากปีกจมูกนึกถึงคนฝรั่งนะฝรั่งเนี่ย
00:52:27 → 00:52:29 เขาจะเป็นคนดั้งดั้งแหลมใช่มั้ยฮะอ
00:52:29 → 00:52:32 >> พอดั้งแหลมปั๊บปีกจมูกเขาจะแฟบรูป
00:52:32 → 00:52:33 >> อ่าๆ
00:52:33 → 00:52:35 >> เพราะฉะนั้นเวลาที่บางทีหายใจเข้าไวๆ
00:52:35 → 00:52:36 เนี่ยเขาจะมีจมูกที่แฟบ
00:52:36 → 00:52:37 >> อปิดเลย
00:52:37 → 00:52:40 >> ปิดนะฮะอ่าคนไทยจมูกบาน
00:52:40 → 00:52:41 >> เออไม่มี
00:52:41 → 00:52:44 >> คนไทยอ่ะปากรูเปิดอ่ะไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหา
00:52:44 → 00:52:47 คือเนื้อเยื่อข้างในที่บวมจากภูมิแพ้หรือ
00:52:47 → 00:52:49 ผนังกั้นจมูกคดหรือมีโครงสร้างในเชิง
00:52:49 → 00:52:52 อวัยวะภายในที่มันตันเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:52:52 → 00:52:55 ปัญหาคนละอย่างกับฝรั่งฝรั่งเขาจะเวิร์ค
00:52:55 → 00:52:58 กับการที่ไปแปะให้ปีกจมูกเขาเปิดได้มาก
00:52:58 → 00:52:58 ขึ้น
00:52:58 → 00:53:01 >> อ๋อที่แปะเนี่ยคือเป็นแปะกลางอย่างงี้
00:53:01 → 00:53:05 >> ใช่กลางให้เพิ่มพื้นที่ของnasซal้า nasa
00:53:05 → 00:53:08 คือปากทางของรูจมูกเป็นการดึงให้โอเค
00:53:08 → 00:53:11 เนื้อจมูกมันเข้ามาหากันปีกจมูกก็เลยมี
00:53:11 → 00:53:13 การเปิดให้กว้างขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยอาจ
00:53:13 → 00:53:16 จะช่วยน้อยมากต้องไปดูว่าเออคุณมีเยื่อบุ
00:53:16 → 00:53:19 จมูกบวมจากภูมิแพ้มั้ยคุณจมูกตันจากอะไร
00:53:19 → 00:53:22 ทำไมเวลาเข้านอนปุ๊บจมูกตันก็ต้องไปแก้ไข
00:53:22 → 00:53:23 ตรงนั้นอื
00:53:23 → 00:53:26 >> เข้าใจละมันคือเกินการเปิดรูเพราะเห็น
00:53:26 → 00:53:28 อุปกรณ์เหมือนใส่ไปในรูจมูกก็มี
00:53:28 → 00:53:31 >> อถ่างประมาณนั้นแอ
00:53:31 → 00:53:31 >> อ๋อ
00:53:31 → 00:53:33 >> แต่ว่าถ่างก็ได้แค่ปีกจมูก
00:53:33 → 00:53:36 >> อือๆถ้าคดหรือว่าบวมก็ไม่ช่วย
00:53:36 → 00:53:38 >> มันก็ไม่ได้แก้อะไรไอ้การติดบแคบมันหยุด
00:53:38 → 00:53:41 หายใจได้ยังไงเวลาสมมุติหลอดเนี่ยมันมี
00:53:41 → 00:53:43 การแฟบไม่ว่าจะเป็นเกิดจากอายุหรือน้ำ
00:53:43 → 00:53:45 หนักตัวที่มันแฟบลงมามันจะเหมือนกับถนน
00:53:45 → 00:53:48 ที่มันมีการปิดแล้วลมมันเข้าไม่ได้
00:53:48 → 00:53:48 >> อื
00:53:48 → 00:53:50 >> การที่ลมเข้าไม่ได้เนี่ยมันไม่ได้ปิดแล้ว
00:53:50 → 00:53:52 ลมเข้าไม่ได้แล้วเราเสียชีวิตไม่ได้เป็น
00:53:52 → 00:53:55 แบบนั้นร่างกายพยายามจะเฮือกเพื่อจะได้
00:53:55 → 00:53:58 เปิดทางลมบ่อยๆอ่าพอลมหยุดปุ๊บปากทางมัน
00:53:58 → 00:54:00 ปิดลมเข้าไม่ได้ปุ๊บเนี่ยร่างกายต้องสัก
00:54:00 → 00:54:02 พักนึงมันเริ่มรู้แล้วว่าเออมันขาดอากาศ
00:54:02 → 00:54:04 มันจะ
00:54:04 → 00:54:07 >> ฮึบแหมเพราะฉะนั้นอ่าเฮือกขึ้นมานะครับ
00:54:07 → 00:54:09 แล้วก็กลับมาหายใจคือมีการหายใจกลับมา
00:54:09 → 00:54:13 ใหม่ท่อลมก็จะเปิดปุ๊บอ่าลมเข้าแล้วสัก
00:54:13 → 00:54:15 พักนึงอ่ะหย่อนใหม่แล้วกันวะอ่า
00:54:15 → 00:54:16 >> อื
00:54:16 → 00:54:18 >> สิ่งเนี้ยเกิดทั้งคืนไปเรื่อยๆเ้าเรียก
00:54:18 → 00:54:21 การหยุดหายใจขณะลับมีผลยังไงบ้างไอ้การ
00:54:21 → 00:54:22 ที่เฮือกมาแต่ละครั้งเนี่ยบางทีไม่ได้
00:54:22 → 00:54:25 ตื่นขึ้นมานะแต่สมองเราถูกปลุกเปลี่ยนจาก
00:54:25 → 00:54:27 การหลับลึกเป็นตื้นเพราะฉะนั้นเราจะหวัง
00:54:28 → 00:54:30 ว่าสเตจการหลับเราเราจะเข้าระยะหลับลึก
00:54:30 → 00:54:34 ได้เพียงพอหลับฝันได้เพียงพอมันจะไม่ใช่
00:54:34 → 00:54:34 อย่างนั้นและ
00:54:34 → 00:54:35 >> อ๋อมันก็จะติดอยู่ 1 2
00:54:35 → 00:54:37 >> มันจะเกาะอยู่ 1 2 อ่ามันจะเป็นอย่าง
00:54:38 → 00:54:39 งั้นเพราะว่าร่างกายต้องพยุงให้การหลับ
00:54:39 → 00:54:42 มันไม่ลึกเกินไปไม่งั้นเราจะขาดอากาศเรา
00:54:42 → 00:54:45 จะไม่มีออกซิเจนในการหายใจเพราะฉะนั้นคน
00:54:45 → 00:54:47 ที่นอนกรนเนี่ยหรือหยุดหายใจเนี่ยนอน
00:54:47 → 00:54:50 ชั่วโมงเพียงพอก็ยังไม่พอ
00:54:50 → 00:54:51 >> อื
00:54:51 → 00:54:53 >> เพราะว่าเปอร์เซ็นต์การหลับลึกไม่ดี
00:54:53 → 00:54:54 >> อื
00:54:54 → 00:54:56 >> บางทีหลับ 8 ช่มงเนี่ยหลับลึกอาจจะได้แค่
00:54:56 → 00:54:57 ประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมง
00:54:57 → 00:54:59 >> อุ๊ยอย่างงี้ก็คือแสดงว่ามันอยู่ 1 2 1
00:54:59 → 00:55:01 12 มันก็ไม่สามารถไปถึง
00:55:01 → 00:55:02 >> ดำดิ่ง
00:55:02 → 00:55:04 >> ดำดิ่งแล้วก็ไปไม่ถึงเล็มเพราะฉะนั้นเด็ก
00:55:04 → 00:55:06 ๆที่มีปัญหานอนกลนี่คือ
00:55:06 → 00:55:10 >> พัฒนาการเลยนะต้องแก้เพราะว่าเด็กจะอาการ
00:55:10 → 00:55:13 จะคล้ายๆกับผู้ใหญ่แต่อาจจะมีความต่างกัน
00:55:13 → 00:55:15 ในบางเรื่องผู้ใหญ่ถ้านอนกลจะง่วงเด็กนอน
00:55:15 → 00:55:18 กรนจะซน
00:55:18 → 00:55:19 >> แล้วทำไมเค้าซนอ่ะ
00:55:19 → 00:55:21 >> มันเป็นความง่วงที่ซ่อนอยู่แล้วทำให้เค้า
00:55:21 → 00:55:24 อ่ะพยายามอยากจะแคทีมากขึ้น
00:55:24 → 00:55:25 >> ออ
00:55:25 → 00:55:27 >> อืเพราะฉะนั้นเด็กพวกเนี้ยก็จะเสี่ยงใน
00:55:27 → 00:55:30 การเป็นสมาธิสั้นได้เราก็จะซนก็จะมีความ
00:55:30 → 00:55:31 แบบโรดโผน
00:55:31 → 00:55:32 >> เพื่อให้ตัวเองตื่น
00:55:32 → 00:55:35 >> ใช่จะเป็นมันจะเป็นความง่วงที่พรีเซนไม่
00:55:35 → 00:55:36 เหมือนกับผู้ใหญ่
00:55:36 → 00:55:38 >> อ๋อผู้ใหญ่ก็คือง่วงใหญ่ก็ง่วงก็หลับไป
00:55:38 → 00:55:40 อะไรอย่างเงี้ยนะแล้วก็เด็กพวกพวกเนี้ย
00:55:40 → 00:55:42 พัฒนาการก็จะตัวโตไม่เท่าเพื่อนในชั้น
00:55:42 → 00:55:43 อย่างเงี้ย
00:55:43 → 00:55:44 >> เก็ท่อมนตไม่หลั่งเลยไม่หลง
00:55:44 → 00:55:47 >> ใช่ใช่ถูกต้องเพราะฉะนั้นกลนเนี่ยไม่ใช่
00:55:47 → 00:55:51 แค่อายุเยอะอ้วนแค่นั้นเด็กก็กลนได้แต่
00:55:51 → 00:55:54 สาเหตุของเด็กจะเกิดจากต่อมทอนซินและอยด
00:55:54 → 00:55:56 เป็นตัวหลักมักจะเป็นในช่วงวัยประมาณช่วง
00:55:56 → 00:55:59 10 ปีแรกเงี้ยฮะในช่วงก่อน 10 ขวบอย่าง
00:55:59 → 00:56:02 เงี้ยถ้าจะเจะเริ่มกล่นอะไรเกิดขึ้นได้
00:56:02 → 00:56:06 พัฒนาการก็มีความสำคัญอื
00:56:06 → 00:56:10 ถ้านอนไม่ดีนอนกรนเราจะหลับไม่ลึกึกใช่มย
00:56:10 → 00:56:12 กลางวันผู้ใหญ่ก็ง่วงแต่สิ่งที่บีอกว่า
00:56:12 → 00:56:16 นั้นก็คือว่ามีโอกาสเกิดโรคอื่นๆในอนาคต
00:56:16 → 00:56:16 ได้
00:56:16 → 00:56:17 >> อื
00:56:17 → 00:56:20 >> เวลาที่ออกซิเจนเราตกเวลาที่ออกเวลาที่ลม
00:56:20 → 00:56:23 มันปิดเนาะท่อมันปิดเนาะออกซิเจนจะตกลงมา
00:56:23 → 00:56:24 นะครับ
00:56:24 → 00:56:25 >> ออกซิเจนตกด้วย
00:56:25 → 00:56:28 >> ในร่างกายพอเราตื่นพอเรามีการเฮือกกลับมา
00:56:28 → 00:56:30 หายใจใหม่ออกซิเจนจะเข้ามาร่างกายจะมีเ
00:56:30 → 00:56:33 เรียกภาวะ desaturation คือออกซิเจนตกและ
00:56:33 → 00:56:35 resaturation ออกซิเจนขึ้นออกซิเจนเนี่ย
00:56:35 → 00:56:37 เวียนเข้าออกในร่างกายเราตลอดเวลาจะเกิด
00:56:37 → 00:56:40 อนุมูลอิสระเกิดขึ้นในร่างกายperดical
00:56:40 → 00:56:42 อนุมูลอิสระเกิดขึ้นในร่างกาย
00:56:42 → 00:56:43 >> แก่เร็วงี้
00:56:43 → 00:56:46 >> ซึ่ง inflammation การอักเสบจะเกิดขึ้น
00:56:46 → 00:56:46 >> อ๋อ
00:56:46 → 00:56:50 >> อ่าเพราะฉะนั้นเนี่ยนำไปสู่ NCD โรคต่างๆ
00:56:50 → 00:56:52 >> NCD ก็คือเบาหวานความดัน
00:56:52 → 00:56:55 >> เบาหวานความดันโรคติดต่อไม่เรื้อรังเอ้ย
00:56:55 → 00:56:57 โรคโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
00:56:57 → 00:57:00 >> โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอ่าความดันนะพอนึก
00:57:00 → 00:57:02 ภาพเหมือนกับว่าเราออกซิเจนตกเนี่ยร่าง
00:57:02 → 00:57:04 กายเราทำงานหนักขึ้นนะสูบฉีดเลือดเยอะ
00:57:04 → 00:57:05 ขึ้นถูกมั้ย
00:57:05 → 00:57:07 >> ต้องเต้นหัวใจต้องบีบตัวเยอะขึ้นให้มา
00:57:07 → 00:57:09 เลี้ยงในร่างกายออกซเซียนมันเริ่มร่วง
00:57:09 → 00:57:12 แล้วอ่ะนะครับความดันก็จะมาภายใน 10 ปี 20
00:57:12 → 00:57:16 ปีได้แน่นอนและการนอนกรนก็นำไปสู่
00:57:16 → 00:57:19 อัลไซเมอร์มันก็ไปหมดเลยสมองเสื่อมด้วย
00:57:19 → 00:57:22 แล้วก็เกี่ยวกับเอ่อ seual dฟfunction
00:57:22 → 00:57:24 สมรรถภาพทางเพศอะไรอย่างงี้ก็เกี่ยวข้อง
00:57:24 → 00:57:26 หมดเส้นเลือดมันไม่ดีอ่ะเนาะเพราะฉะนั้น
00:57:26 → 00:57:28 ต้องบอกว่าการนอนกลเนี่ยมันไม่ใช่แค่
00:57:28 → 00:57:31 เรื่องของเสียงแต่มันคือสุขภาพทั้งระยะ
00:57:31 → 00:57:33 สั้นระยะยาว
00:57:33 → 00:57:34 >> อืๆ
00:57:34 → 00:57:35 >> นะครับ
00:57:35 → 00:57:39 >> โอก็สำคัญมากแก่ไวด้วยอ่ะค่ะ
00:57:39 → 00:57:39 >> เหอนั่นแหละ
00:57:39 → 00:57:41 >> ทำหน้าไปเป็นแสนเลย
00:57:41 → 00:57:43 >> ใช่ถ้านอนไม่ดีนี่คือจบเลย
00:57:43 → 00:57:44 >> จบเลย
00:57:44 → 00:57:47 >> มันก็ไม่สามารถจะเมนเทนสิ่งที่เราฉีดไป
00:57:47 → 00:57:48 ได้
00:57:48 → 00:57:50 >> ใช่มเออ
00:57:50 → 00:57:53 คราวนี้ในการที่จะรู้ว่าเออเราหยุดหายใจ
00:57:53 → 00:57:56 หรือเปล่าเรามีโรคนี้มั้ยสัญญาณหลักๆก็
00:57:56 → 00:57:57 คือกลทุกวัน
00:57:57 → 00:58:00 >> ถ้าสมมุติว่าเราไม่มีคนนอนด้วยเงี้ยก็ไม่
00:58:00 → 00:58:00 มี
00:58:01 → 00:58:02 >> ก็ใช้แอปพลิเคชั
00:58:02 → 00:58:04 >> อ้าวมีแอปพลิเคชัในโทรศัพท์มือถือ
00:58:04 → 00:58:07 >> ใช่ชื่อ Sorlab Sorlab โหลดฟรีมั้คะ
00:58:07 → 00:58:09 >> โหลดฟรีฮะแต่แต่ว่าถ้าใช้บ่อยๆก็อาจจะ
00:58:09 → 00:58:12 ต้องมี Line subscription อะไรอย่าง
00:58:12 → 00:58:13 เงี้ย
00:58:13 → 00:58:14 >> แต่ว่าถ้าใช้ไม่กี่วันก็
00:58:14 → 00:58:17 >> มันก็รู้แล้วว่าเรากลึเปล่าอ่ะเนาะแต่ว่า
00:58:17 → 00:58:20 ถ้าเกิดจะดูmนtainดูว่าเอ้ย improve ม
00:58:20 → 00:58:21 อะไรอย่างเงี้ยดีขึ้นมก็อาจจะต้อง
00:58:21 → 00:58:23 subscription แอปมันไป
00:58:24 → 00:58:24 >> ออ
00:58:24 → 00:58:27 >> ก็จะรู้ได้ว่าเออบางคนเนี่ยไม่ได้นอนบาง
00:58:27 → 00:58:30 คนไม่ได้มีคนนอนด้วยมาทั้งชีวิตรู้ตอนที่
00:58:30 → 00:58:33 แต่งงานแล้วอ่ะว่านอนกลมานานมาก 1 คือ
00:58:33 → 00:58:35 สัญญาณคือว่าหยุดหายใจหรือเปล่าเนี่ย 1
00:58:35 → 00:58:38 คือคุณดูว่าคุณนอนกรนทุกวันอันนี้ลองถาม
00:58:38 → 00:58:41 คนอื่นดูหรือใช้แอปพลิเคชัก็ได้อย่างที่ 2
00:58:41 → 00:58:45 นะถ้ามีสิ่งที่เป็นตัวใบ้เลยก็คือว่า
00:58:45 → 00:58:48 เฮือกตื่นในขณะที่หลับเคยเฮือกขึ้นมา
00:58:48 → 00:58:51 เพราะเหมือนสะดุดการหายใจเหมือนจะจมน้ำ
00:58:51 → 00:58:52 อันนี้คืออันนี้คือใช่และ
00:58:52 → 00:58:53 >> อ้าเหรอ
00:58:53 → 00:58:54 >> อื
00:58:54 → 00:58:56 >> นี่สงสัยจะต้องไปใช้ลองใช้แอปกับเขาบ้าง
00:58:56 → 00:58:57 ละ
00:58:57 → 00:59:00 >> เพราะบางทีก็รู้สึกแต่ไม่ได้ทุกวันนะนานๆ
00:59:00 → 00:59:00 ที
00:59:00 → 00:59:03 >> คือมันอาจจะมีผลในเรื่องของการใช้ชีวิต
00:59:03 → 00:59:05 ได้เช่นแอลกอฮอล์เกนแอลกอฮอล์วันไหนเราก็
00:59:05 → 00:59:07 จะนอนกลได้ในคืนคืนนั้น
00:59:07 → 00:59:08 >> วันที่เหนื่อยมากๆ
00:59:08 → 00:59:11 >> ใช่เพราะว่าเวลากินแอลกอฮอล์เนี่ยกล้าม
00:59:11 → 00:59:13 เนื้อจะหย่อนตัวเยอะกับอีกอย่างคือเลือด
00:59:13 → 00:59:15 มันไหลเวียนดีขึ้นใช่มั้กินแอลกอฮอล์อ่ะ
00:59:15 → 00:59:19 โครงสร้างในคอในจมูกมันจะบวมขึ้นวอลุ่ม
00:59:19 → 00:59:21 มันจะมากขึ้นเราก็จะมีการแคบมากขึ้นในวัน
00:59:21 → 00:59:24 นั้นแเพราะฉะนั้นท้ายคืนเนี่ยก็จะกลนมาก
00:59:24 → 00:59:28 ขึ้นสัญญาณที่ 3 เลยคือว่าถ้านอนพอแต่ยัง
00:59:28 → 00:59:32 ง่วงอันเนี้ยแปลกๆะคำว่าพอเนี่ยก็ต้อง
00:59:32 → 00:59:34 >> เมื่อกี้แอปชื่ออะไรนะ
00:59:34 → 00:59:36 >> Snorอแลabอแลabอแลab
00:59:36 → 00:59:38 คำว่าพอเนี่ยก็ต้องอย่างน้อยก็ต้องสัก 6
00:59:38 → 00:59:41 หรือ 7 ช่โมงขึ้นไปดูชัของการหลับของคุณ
00:59:41 → 00:59:44 ยังไม่มันยังน้อยอยู่อ่ะแล้วง่วงอ่ะมันก็
00:59:44 → 00:59:46 ปกติเพราะว่าเรานอนไม่พอใช่มยแต่ถ้านอน
00:59:46 → 00:59:49 เพียงพอ 7 ชม.โงขึ้นไปแล้วเนี่ยกลางวัน
00:59:49 → 00:59:52 ยังง่วงอยู่ต้องมีแกะกาแฟแก้วที่ 2 ตอน
00:59:52 → 00:59:54 ช่วงก่อนเที่ยนต้องมีแก้วที่ 2 แล้วอะไร
00:59:54 → 00:59:57 อย่างเงี้ยหรือว่าหลับในที่ไม่ควรหลับยก
00:59:57 → 01:00:00 ตัวอย่างเช่นถ้าเราขับรถแล้วหลับนี้หนัก
01:00:00 → 01:00:01 แล้วนะ
01:00:01 → 01:00:01 >> อือ
01:00:01 → 01:00:04 >> ใช่มั้ต้องโฟกัสอะไรอยู่กับมันน่ะแล้ว
01:00:04 → 01:00:07 หลับอ่ะอันเนี้ยอันเนี้ยประหลาดและคือการ
01:00:07 → 01:00:11 หลับแบบดูทีวีแล้วหลับอ่าดูหนังแล้วหนัก
01:00:11 → 01:00:13 >> ยอมรับได้เพราะว่ามันเป็นอะไรที่มันเรา
01:00:13 → 01:00:17 ผ่อนคลายแต่ถ้านั่งคุยอยู่ประชุมอยู่
01:00:17 → 01:00:20 ประชุมอยู่ต้องมีการโฟกัสแล้วมันมีแทack
01:00:20 → 01:00:22 ของการหลับเกิดขึ้นมาแปลว่ามันมีความง่วง
01:00:22 → 01:00:24 ที่มันพร้อมจะผลักให้เราเข้าสู่การหลับ
01:00:24 → 01:00:26 อันนี้ก็ต้องรู้แล้วว่าเอออาจจะมีความ
01:00:26 → 01:00:29 เสี่ยงอื่นๆก็คือยกตัวอย่างเช่นปวดหัวตอน
01:00:29 → 01:00:32 เช้าตื่นมาแล้วมีอาการมึนหัวอะไรอย่าง
01:00:32 → 01:00:33 เงี้ยนะครับอันนี้ก็
01:00:33 → 01:00:34 >> อ
01:00:34 → 01:00:37 >> เป็นอาการที่บ่งชี้แล้วว่าคุณควรจะต้อง
01:00:37 → 01:00:39 รู้แล้วว่าคุณมีความเสี่ยงหยุดหายใจ
01:00:39 → 01:00:39 >> อื
01:00:39 → 01:00:41 >> อ
01:00:41 → 01:00:43 คราวนี้ทำยังไงต่อถ้าเกิดว่ามีความเสี่ยง
01:00:43 → 01:00:45 ต่อไปนี้แล้วตรวจการนอนหลับ
01:00:45 → 01:00:46 >> ตรวจการนอนหลับ
01:00:46 → 01:00:48 >> อ่าคราวอลับ
01:00:48 → 01:00:50 >> คืออะไร
01:00:50 → 01:00:53 >> มันคืออะไรและแบบว่าเออทำเมื่อไหร่
01:00:53 → 01:00:55 >> เออควรจะทำเมื่อไหร่ยังไง
01:00:55 → 01:00:56 >> มันควรจะเป็นสกรีนนิ่งมั้ย
01:00:56 → 01:00:59 >> ทำเมื่อไหร่เราจะต้องตัดสินใจไปตรวจน่ะ
01:00:59 → 01:01:02 เมื่อเรามีอาการอะไร 1 ก็คือว่านี่แหละ
01:01:02 → 01:01:05 กลนหรือสงสัยการหยุดหายใจอย่างที่ 2 คือ
01:01:05 → 01:01:07 กลางวันง่วงเยอะมากถึงแม้จะไม่กลก็ตามนะ
01:01:07 → 01:01:09 แต่ทำไมกลางวันง่วงเยอะจังเลยเรามีปัญหา
01:01:10 → 01:01:12 การหลับที่มันไม่ดีหรือเปล่าหลับลึกไม่พอ
01:01:12 → 01:01:15 ปัญหาทางสมองหรือเปล่าต่อมาคือละเมอผิด
01:01:15 → 01:01:18 ปกติยกตัวอย่างเช่นละเมอแล้วเตะต่อยคนใน
01:01:18 → 01:01:22 บ้านละเมอแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุ
01:01:22 → 01:01:24 >> มีด้วยหรอนอนกลอ
01:01:24 → 01:01:27 >> อาจจะไม่ใช่กละแค่คืออีกเรื่องอื่นนะโรค
01:01:27 → 01:01:31 อื่นเช่นว่าเอ่อละเมอขึ้นมาแล้วก็โดดลง
01:01:31 → 01:01:33 เตียง
01:01:33 → 01:01:33 >> อ่า
01:01:33 → 01:01:36 >> ละเมอแล้วไปปีนออกจากหน้าต่างอะไรอย่าง
01:01:36 → 01:01:39 เงี้ยหรือสงสัยอาการชักระหว่างการหลับ
01:01:39 → 01:01:40 >> อื
01:01:40 → 01:01:40 >> อ
01:01:40 → 01:01:44 >> พวกเนี้ยคือสมควรจะต้องตรวจการนอนแต่ที่
01:01:44 → 01:01:46 ไม่ต้องตรวจก็ได้นะคือ 1 นอนไม่หลับไม่
01:01:46 → 01:01:49 ต้องตรวจ
01:01:49 → 01:01:52 >> เพราะว่าการทำสลิปเทสคือการดูเนื้อในของ
01:01:52 → 01:01:53 การนอนถูกมย
01:01:53 → 01:01:54 >> อ่า
01:01:54 → 01:01:56 >> เนื้อในของการนอนแต่นอนไม่หลับคือคุณไม่
01:01:56 → 01:01:58 ได้มีปัญหาที่เนื้อในคุณมีปัญหาที่ timing
01:01:58 → 01:02:00 และเวลาของการนอน
01:02:00 → 01:02:03 >> เพราะฉะนั้น test ไม่ได้เป็นคำตอบ
01:02:03 → 01:02:06 >> เว้นแต่ว่าคุณสงสัยว่านอนไม่หลับจากโรค
01:02:06 → 01:02:08 ข้างในของการนอนหรือเปล่าเช่นเอ้ยขา
01:02:08 → 01:02:11 กระตุกตอนนอนเยอะมั้ยหรือว่าคุณหยุดหายใจ
01:02:11 → 01:02:12 แล้วเฮือกขึ้นมาทำให้คุณนอนไม่หลับหรือ
01:02:12 → 01:02:13 เปล่าอะไรอย่างเงี้ย
01:02:13 → 01:02:14 >> อ
01:02:14 → 01:02:17 >> ถ้ามีปัญหาสงสัยว่านอนนอนไม่หลับจากปัญหา
01:02:17 → 01:02:20 ข้างในการนอนก็คุณหมอจะส่งสลิปเทสเกิดไป
01:02:20 → 01:02:22 อีกอย่างก็คือว่าเอ่อเรื่องของเวลาการ
01:02:22 → 01:02:24 หลับที่มันไม่เป็นเวลายกตัวอย่างเช่นอ่ะ
01:02:24 → 01:02:26 นอนดึกตื่นสายนอนเร็วตื่นเช้าอะไรอย่าง
01:02:26 → 01:02:28 เงี้ยอันเนี้ไม่ต้องตรวจเทestเพราะปัญหา
01:02:28 → 01:02:30 ที่มิ่งของการนอน
01:02:30 → 01:02:33 >> นอนไม่หลับก็คือจะต้องปรับในสิ่งที่เรา
01:02:33 → 01:02:35 พูดไปทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
01:02:35 → 01:02:39 การออกกำลังกายการกินอาหารต้อง 3 ช่โมง
01:02:39 → 01:02:40 ก่อนเวลาเข้านอน
01:02:40 → 01:02:44 >> ถ้าจะอาบน้ำร้อนแช่น้ำอุ่น 1 ชมดูหนังชดู
01:02:44 → 01:02:49 หนังดูละครดูละครเอาซักเท่าไหร่
01:02:49 → 01:02:50 >> ชั่วโมงนึง
01:02:50 → 01:02:53 >> อ่ะชั่วโมงนึงเผื่อแบบใครดูเรื่องที่มัน
01:02:53 → 01:02:55 ตื่นเต้นอะไรอย่างงี้ใช่มั้ก็จะนอนไม่
01:02:55 → 01:02:58 หลับอย่าดื่มน้ำเยอะ้ำเยอะช่วง
01:02:58 → 01:03:00 >> ถ้าเกิดจะต้องกินยาก่อนนอนต้องกินก่อนสัก
01:03:00 → 01:03:01 เท่าไหร่ดี
01:03:01 → 01:03:04 >> ในชั่วโมงในชั่วโมงเอ่อในชั่วโมงนึงเนี่ย
01:03:04 → 01:03:06 ก่อนจะหลับก็ประมาณสักครึ่งแก้วน้ำได้
01:03:06 → 01:03:07 เกินครึ่งแก้ว
01:03:07 → 01:03:09 >> ปัสสาวะก่อนครั้งนึง
01:03:09 → 01:03:10 >> ปัสสาวะก่อนเข้านอน
01:03:10 → 01:03:12 >> แล้วก็สิ่งแวดล้อมจะต้องมืด
01:03:12 → 01:03:14 >> เหมาะสมมืด
01:03:14 → 01:03:15 >> ไม่มีแสง
01:03:15 → 01:03:15 >> ใช่ใช่ครับ
01:03:15 → 01:03:16 >> อุณหภูมิดีสุดคือ 18
01:03:16 → 01:03:19 >> 18 แต่ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะก็ไม่ต้อง
01:03:19 → 01:03:22 เย็นขนาดนั้นนะฮะจริงมีอีกอย่างนึงก็คือ
01:03:22 → 01:03:24 ว่าถ้าไม่ง่วงจริงๆอย่าอย่าเพิ่งขึ้น
01:03:24 → 01:03:25 เตียง
01:03:25 → 01:03:26 >> ออ
01:03:26 → 01:03:29 >> อเพราะว่าอันนี้เ้าเรียกว่าเป็นการควบคุม
01:03:29 → 01:03:31 ให้เตียงคือที่นอนจริงๆเพราะฉะนั้นถ้า
01:03:31 → 01:03:34 เกิดว่าจะทำอะไรกิจกรรมข้างนอกดูทีวีดู
01:03:34 → 01:03:36 หนังสือเนี่ยทำนอกเตียงก่อนแล้วก็เวลาที่
01:03:36 → 01:03:38 เคลิ้มหลับแล้วเนี่ย 22:00 น.อะไรอย่าง
01:03:38 → 01:03:40 เงี้ยค่อยขึ้นเตียงเพื่อจะปิดไฟหลับเลย
01:03:40 → 01:03:44 ไม่ควรจะดูทีวีเล่นมือถืออ่านหนังสือบน
01:03:44 → 01:03:44 เตียง
01:03:44 → 01:03:46 >> อ่าอันนี้ผิดมากเลยใช่มั้
01:03:46 → 01:03:48 >> ร่างกายมันจะไม่มีการรับรู้ว่าที่นี่คือ
01:03:48 → 01:03:50 ที่ใช้นอนอย่างเดียว
01:03:50 → 01:03:52 >> ออก็คือต้องแบบ
01:03:52 → 01:03:55 >> ปิดไฟทุกอย่างแล้วก็นอนตั้งใจ
01:03:55 → 01:03:56 >> แนอนครับ
01:03:56 → 01:03:58 >> แล้วพวกกลิ่นล่ะตอนนอน
01:03:58 → 01:03:59 >> กลิ่นอ่าถ้ากลิ่นก็จะมีเรื่องของ
01:03:59 → 01:04:02 อโรมาเธปาเวนอร์
01:04:02 → 01:04:03 คาโมไม
01:04:03 → 01:04:06 >> แล้วพวกนี้ก็มีเปเปอร์ว่าช่วย
01:04:06 → 01:04:08 >> ถ้าดื่มนมร้อนก็ต้อง 2 ชั่วโมงเหมือนกัน
01:04:08 → 01:04:09 >> ประมาณนั้น
01:04:09 → 01:04:10 >> แล้วถ้าดื่มคาโมไบล
01:04:10 → 01:04:14 >> พอได้อยู่เพราะมันมีคาเฟอีนน้อยก็ 2
01:04:14 → 01:04:15 ชั่วโมงเหมือนกันหรือเปล่าหรือ
01:04:15 → 01:04:17 >> อคิดว่าคิดว่าในช่วงประมาณชั่วโมงนึง
01:04:17 → 01:04:21 เนี่ยอย่ามีอะไรลงในท้องมาก
01:04:21 → 01:04:23 >> นะฮะอืให้ร่างกายลำไส้ได้พักผ่อน
01:04:23 → 01:04:26 >> แล้วเครื่องมืออื่นๆไม่ว่าจะเป็นเครื่อง
01:04:26 → 01:04:28 ที่ปล่อยคลื่นให้เรานอนหลับ
01:04:29 → 01:04:29 >> อื
01:04:29 → 01:04:30 >> alฟ่าเวฟอะไรอย่างงี้
01:04:30 → 01:04:32 >> คือยังมีเปเปอร์น้อยอยู่
01:04:32 → 01:04:33 >> เปเปอร์น้อย
01:04:33 → 01:04:34 >> อ่าต้องศึกษากันต่อไป
01:04:34 → 01:04:35 >> ใช้ได้ไม่ห้าม
01:04:35 → 01:04:39 >> ไม่ห้ามแต่ก็ต้องอ่าดูการศึกษาว่าจะมี
01:04:39 → 01:04:41 เอ่อประโยชน์แค่ไหน
01:04:41 → 01:04:43 >> แล้ววิตามินอาหารเสริมอื่นๆที่ช่วยการนอน
01:04:43 → 01:04:43 หลับ
01:04:43 → 01:04:46 >> มีอะไรบ้างข้อ 1 เลยวิตามิน D3
01:04:46 → 01:04:47 >> D3
01:04:48 → 01:04:48 >> อ้าเหรอ
01:04:48 → 01:04:49 >> ใช่
01:04:49 → 01:04:52 >> ถ้างั้นก็คือควรส่งเสริมมากเลยเนาะใน
01:04:52 → 01:04:56 เรื่องของการแบบเจาะดูเลเวลการทานเสริม D3
01:04:56 → 01:04:58 ฮะเพราะว่านอกจากเกี่ยวกับเรื่องของอ่า
01:04:58 → 01:05:00 กระดูกและกล้ามเนื้อใช่มั้ครับในเรื่อง
01:05:00 → 01:05:03 ของ depression ความเจ็บป่วยของร่างกาย
01:05:03 → 01:05:05 เอ่อในเรื่องของภูมิคุ้มกัน D3 เนี่ยคือ
01:05:05 → 01:05:08 ดีมากเลยเนาะเกี่ยวก็เรื่องการนอนด้วย
01:05:08 → 01:05:08 >> อ๋อ
01:05:08 → 01:05:10 >> ทำให้นอนดีขึ้นนะครับเนาะ
01:05:10 → 01:05:11 >> แมกนีเซียม
01:05:11 → 01:05:12 >> แมกนีเซียมอ่าถูกต้องเป็น
01:05:12 → 01:05:13 >> เทรนดมากเลยเป็นเทรนด์
01:05:13 → 01:05:15 >> แมกนีเซียมให้กินช่วงเย็นหรือก่อนนอนเนาะ
01:05:15 → 01:05:18 เพราะว่าไม่ใช่แค่ว่าในเรื่องของกล้าม
01:05:18 → 01:05:20 เนื้อกระดูกแต่ทำให้ร่างกายเนี่ยมันมีการ
01:05:20 → 01:05:23 รีแลกเกิดขึ้นนะครับเส้นเลือดก็รีแลกความ
01:05:23 → 01:05:25 ดันก็ควบคุมได้ดี
01:05:25 → 01:05:25 >> อื
01:05:25 → 01:05:27 >> กล้ามเนื้อก็ไม่เป็นตะคิวได้ง่ายลดโอกาส
01:05:27 → 01:05:30 เกิดขากระตุกในช่วงกลางคืนตะคิวช่วงกลาง
01:05:30 → 01:05:31 คืนนะฮะ
01:05:31 → 01:05:33 >> แล้วการนอนก็ดีขึ้น
01:05:33 → 01:05:33 >> แล้วอื่นๆ
01:05:33 → 01:05:35 >> อื่นๆอีกใช่มั้ยกาบ้า
01:05:35 → 01:05:37 >> อ่ากากบ้า
01:05:37 → 01:05:40 >> กาบ้าแอลทอนีนนะแล้วก็
01:05:40 → 01:05:41 >> ไกรซีน
01:05:42 → 01:05:46 >> อ่านะฮะช่วยหมดแต่ก็แล้วแต่เปเปอร์ความ
01:05:46 → 01:05:49 สรองไม่เท่ากันถามว่ากินเสริมได้ก็โอเค
01:05:49 → 01:05:52 แต่ว่าก็เลือกที่มันเหมาะกับเราและไม่มาก
01:05:52 → 01:05:53 เกินไป
01:05:53 → 01:05:57 >> วันนี้ก็ขอบคุณคุณหมอไมค์มากๆนะคะแน่นมาก
01:05:57 → 01:05:58 วันนี้
01:05:58 → 01:06:01 >> มาให้ข้อมูลทุกคนน้องก็เชื่อว่าเป็นแบบ
01:06:01 → 01:06:06 >> เป็นข้อมูลแบบว่าเชิงลึกด้วยเราก็ได้เข้า
01:06:06 → 01:06:09 ใจถึงกลไกทั้งหมดเลยอ่ะค่ะแบบ
01:06:09 → 01:06:12 >> มีความรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงวันนี้ก็
01:06:12 → 01:06:13 ขอบคุณมากๆค่ะ
01:06:13 → 01:06:15 >> ขอบคุณครับขอบคุณพี่อุมครับ
01:06:15 → 01:06:17 >> แล้วถ้ายังไงก็ขออนุญาตให้ฝากจริงๆแล้ว
01:06:17 → 01:06:19 เนี่ยหมอไม้ก็มีช่องทางของตัวเองด้วย
01:06:19 → 01:06:21 เผื่อใครอยากได้ความรู้อะไรเพิ่มเติม
01:06:21 → 01:06:24 >> ครับก็เพจ Facebook กับ TikTok นะครับหมอ
01:06:24 → 01:06:26 ไม้หูคอจมูกและการนอนหลับนะครับก็ไปตาม
01:06:26 → 01:06:27 กันได้ฮะ
01:06:27 → 01:06:29 >> อ่าก็ฝากติดตามกันด้วยค่ะ
01:06:29 → 01:06:31 >> วันนี้ก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามตั้งแต่ต้น
01:06:31 → 01:06:35 จนจบนะคะแล้วก็พบกันใหม่ใน EP ถัดๆไปกับ
01:06:35 → 01:06:38 สวยสอี่พcสวันนี้เรา 2 คนลากันไปก่อนค่ะ
01:06:38 → 01:06:39 สวัสดี
01:06:39 → 01:06:47 [เพลง]
01:06:47 → 01:06:48 [ปรบมือ]
01:06:48 → 01:06:55 [เพลง]