00:00:00 → 00:00:03 นอนอยู่แล้วก็เหมือนจะเป็นกึ่งๆฝันร้ายนะ
00:00:03 → 00:00:05 ถ้ากระตุกบ่อยๆมันจะทำให้ตายเร็วจริงมั้ย
00:00:05 → 00:00:08 คะหมอต้องดูว่ากระตุกแบบไหนจริงป่ะเคยม
00:00:08 → 00:00:10 รู้สึกเคลิ้มๆหลับแล้วเนี่ยมันเหมือนกับ
00:00:10 → 00:00:11 ตกตึก
00:00:12 → 00:00:15 อ่ะโลกที่เราเจอบ่อยในคนที่มีปัญหานอน
00:00:16 → 00:00:18 กระตุกเราจะคิดถึงภาวะขากระตุกผิดปกติกับ
00:00:18 → 00:00:20 อย่างอื่นที่เป็นสาเหตุทำให้กระตุกได้คือ
00:00:20 → 00:00:23 อาการชักอันนี้คือเรื่องซีเรียสและนอนฝัน
00:00:23 → 00:00:26 จนเหนื่อยฝันเรื่องงานฝันเรื่องเพื่อนฝัน
00:00:26 → 00:00:29 ว่าอยู่ในเกมฝันว่าหลงทางอันนี้นี่บ่อย
00:00:29 → 00:00:31 มากเลยครับช่วงเวลาที่เราฝันคือช่วงเวลา
00:00:31 → 00:00:33 ที่เราบันทึกความทรงจำเป็น long ter
00:00:33 → 00:00:35 memmory อย่างเช่นวันนี้เราเรียนรู้สิ่ง
00:00:35 → 00:00:37 ใหม่เราจะผูกกับความทรงจำเดิมที่เรารู้
00:00:37 → 00:00:39 อยู่แล้วให้เป็นความคจำที่มันยาวขึ้นคน
00:00:39 → 00:00:42 เราถ้าฝันน้อยหรือไม่ได้ฝันความจำจะไม่
00:00:42 → 00:00:46 ดีตื่นกลางดึกตลอดแล้วมักตื่นมาด้วยอาการ
00:00:46 → 00:00:49 ปวดเมื่อยมีวิธีให้นอนหลับลึกแล้วไม่ตื่น
00:00:49 → 00:00:53 กลางดึกแบบนี้ไมคะคาเฟอีนชากกาแฟทำให้
00:00:53 → 00:00:55 เวลาที่เราหลับไปเนี่ยอาจจะนอนได้ไม่ลึก
00:00:55 → 00:00:58 แสงสีฟ้าในพวกคอมหรือพวกจอจะทำให้
00:00:58 → 00:01:00 เมลาโทนินที่เป็นฮอร์โมนการนอนมันหลังช้า
00:01:00 → 00:01:03 ลงยังมีเรื่องของคนทำให้เราคิดเยอะไปอีก
00:01:03 → 00:01:05 บางทีเราดูโซเชียลเรื่องชาวบ้านเราก็บาง
00:01:05 → 00:01:07 ทีนอนก็ยังเอ๊คิดตกลงอันไหนจริงอันไหน
00:01:07 → 00:01:09 อะไรอย่างเงี้เนาะระยะยาวถ้าเราตื่นกลาง
00:01:09 → 00:01:12 ดึกบ่อยๆแบบเนี้ยจะส่งผลต่อสุขภาพยังไง
00:01:12 → 00:01:14 บ้างคะโรคหัวใจหลอดเลือดหลายๆโรคความดัน
00:01:14 → 00:01:17 ก็จะมาได้ง่ายขึ้นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:01:17 → 00:01:19 สตกหรือรวมทั้งเบาหวานด้วยสุดท้ายคือ
00:01:19 → 00:01:22 อัลไซเมอร์สมอง
00:01:22 → 00:01:25 เสื่อมสวัสดีค่ะอยู่กับ AR doct podcast
00:01:25 → 00:01:27 ที่จะพาคุณไปพบแพทย์เพื่อถามคำถามสุขภาพ
00:01:27 → 00:01:31 ทั้งช่อง Zero 6 เจรัติพันธ์พันธพินิช
00:01:31 → 00:01:33 ค่ะและปัญหาสุขภาพที่เรารวบรวมมาถามคุณ
00:01:33 → 00:01:35 หมอในวันนี้นะคะเป็นปัญหาที่เราเคยพูดคุย
00:01:35 → 00:01:38 กันมาแล้วแต่เป็นปัญหาที่มีประเด็นเยอะ
00:01:38 → 00:01:41 เหลือเกินนะคะแล้วก็มีคนส่งคำถามเข้ามา
00:01:41 → 00:01:43 ตลอดนั่นก็คือปัญหาเรื่องการนอนค่ะเพราะ
00:01:43 → 00:01:46 กุญแจสำคัญในการมีสุขภาพที่แข็งแรงและ
00:01:46 → 00:01:49 ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บคือการมีการนอน
00:01:49 → 00:01:52 ที่ดีค่ะวันนี้เจนเลยเชิญแพทย์ผู้เชี่ยว
00:01:52 → 00:01:55 ชาญทางด้านหูคอจมูกอนุสาขาเวชศาสตร์การ
00:01:55 → 00:01:58 นอนหลับมาพูดคุยกันนั่นก็คือหมอไมคสวัสดี
00:01:58 → 00:02:01 ค่ะสวัสดีครับชัดเจนเดี๋ยวเชิหมอไมคแนะนำ
00:02:01 → 00:02:03 ตัวนะคะครับหมอชื่อหมอชานศิริเสกสัน
00:02:03 → 00:02:05 วิริยะนะครับชื่อเล่นชื่อหมอไมคนะครับก็
00:02:06 → 00:02:08 เป็นหมอทางด้านหูคอจมูกแล้วก็เวชศาสตร์
00:02:08 → 00:02:10 การนอนหลับอยู่ที่โรงพยาบาลสมิตรเวียส
00:02:10 → 00:02:13 ธนบุรีครับขอบคุณมากเลยนะคะที่วันนี้สละ
00:02:13 → 00:02:16 เวลามาตอบคำถามกันนะคะครับได้ครับคำถาม
00:02:16 → 00:02:20 แรกค่ะคุณหมอแฟนนอนกระตุกทำให้ตื่นกลาง
00:02:20 → 00:02:22 ดึกตลอดแล้วมักตื่นมาด้วยอาการปวดเมื่อย
00:02:22 → 00:02:26 ค่ะอันนี้นะคะเป็นคำถามมาจากคุณพิมพอายุ
00:02:26 → 00:02:27 36 ปีเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ใน
00:02:28 → 00:02:30 กรุงเทพมหานครค่ะครับสวัสดีค่ะคุณหมอ
00:02:30 → 00:02:33 พิมพ์มีปัญหาเรื่องการนอนมาตลอดค่ะแต่ 1
00:02:33 → 00:02:37 ปีที่ผ่านมาเนี่ยหนักมากๆเลยค่ะจนคนเริ่ม
00:02:37 → 00:02:40 ทักว่าดูโทรมจังเลยทำงานหนักไปหรือเปล่า
00:02:40 → 00:02:42 วันหยุดนอนเป็น 10 ช่วโมงก็ยังเหนื่อย
00:02:42 → 00:02:45 อยู่ดีค่ะไปเลเซอร์ฉีดหน้าทำอะไรก็สวย
00:02:46 → 00:02:47 อยู่แป๊บเดียวสุดท้ายก็กลับมาน่าเหนื่อย
00:02:47 → 00:02:50 เหมือนเดิมค่ะโดยปกติพิมพเป็นคนที่ตื่น
00:02:50 → 00:02:53 กลางดึกไปเข้าห้องน้ำเป็นปกติอยู่แล้วคืน
00:02:53 → 00:02:57 ละประมาณ 1-2 ครั้งค่ะพอเช้ามาก็จะรู้สึก
00:02:57 → 00:03:00 ไม่ค่อยสดชื่นและมักตื่นมาด้วยด้วยอาการ
00:03:00 → 00:03:03 ปวดหลังและปวดคอตลอดเลยค่ะอพยายามลอง
00:03:03 → 00:03:06 เปลี่ยนท่านอนนอนตะแคงแล้วก็เอาหมอนมา
00:03:06 → 00:03:10 หนีบระหว่างขาแล้วเวลานอนหงายก็จะเอาหมอน
00:03:10 → 00:03:14 วางไว้ใต้ขอพับเข่าครับก็ช่วยได้บ้างนะคะ
00:03:14 → 00:03:16 อาจจะเป็นเพราะว่านั่งทำงานที่ออฟฟิศแช่
00:03:16 → 00:03:19 นานเกินไปเลยปวดเมื่อยค่ะเลยเริ่มตั้ง
00:03:19 → 00:03:22 เวลาให้ตัวเองลุกขึ้นยืนเวลาทำงานทุก 1
00:03:22 → 00:03:25 ช่วโมงค่ะครับแต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ 1 ปี
00:03:25 → 00:03:28 ที่ผ่านมาค่ะเพราะว่าพิมพเนี่ยตัดสินใจ
00:03:28 → 00:03:30 ย้ายเข้ามาอยู่กับแฟนทีนี้ปัญหาการนอน
00:03:30 → 00:03:33 เริ่มหนักเลยค่ะเพราะแฟนเป็นคนนอนกระตุก
00:03:33 → 00:03:37 หนักมากหลายครั้งที่พิมพ์ตกใจสะดุ้งตื่น
00:03:37 → 00:03:40 มากลางดึกกว่าจะกลับไปนอนได้บางทีก็เช้า
00:03:40 → 00:03:42 เลยค่ะพิมพ์กังวลแทนแฟนด้วยเพราะว่าเขา
00:03:42 → 00:03:46 กระตุกหนักมากน่ากลัวมากเลยค่ะหมอแต่พอ
00:03:46 → 00:03:48 แฟนตื่นมาก็บอกว่าไม่รู้สึกอะไรนอนหลับ
00:03:49 → 00:03:52 เต็มอิ่มดีพิมพ์เลยอยากจะถามคุณหมอว่ามี
00:03:52 → 00:03:55 วิธีให้นอนหลับลึกแล้วไม่ตื่นกลางดึกแบบ
00:03:55 → 00:03:58 นี้มั้ยคะแล้วการที่พิมพ์ปรับท่านอนเอา
00:03:58 → 00:04:01 หมอนวางไว้ระหว่างขาหรือว่าวางไว้ใต้ขอ
00:04:01 → 00:04:04 พับเข่าเนี่ยมันช่วยบรรเทาอาการปวดได้
00:04:04 → 00:04:06 จริงมั้คะเพราะว่าบางวันตื่นมาก็ยัง
00:04:07 → 00:04:09 เมื่อยอยู่ดีครับแล้วอาการที่แฟนกระตุก
00:04:09 → 00:04:13 แบบเนี้ยเป็นปกติไคะหรือว่าควรแก้ไขแฟน
00:04:13 → 00:04:16 อายุพอๆกันค่ะสุขภาพแข็งแรงดีตรวจสุขภาพ
00:04:16 → 00:04:18 ล่าสุดก็มีคอเลสเตอรอลสูงนิดหน่อยแล้วก็
00:04:18 → 00:04:21 เป็นพาหทาซิมค่ะส่วนตัวพิมพ์เองเนี่ยก็
00:04:22 → 00:04:25 สุขภาพปกติดีค่ะอืคำถามเยอะเลยเนาะคำถาม
00:04:25 → 00:04:28 เยอะเลยก็คือคุณพิมพ์เนี่ยอเมีปัญหา
00:04:28 → 00:04:31 เรื่องการนอนแล้วก็แนกระตุกหนักอีกค่ะอาจ
00:04:31 → 00:04:33 จะเริ่มที่คุณพิมพ์ก็ได้ค่ะคุณหมอเรา
00:04:33 → 00:04:35 เริ่มจากตัวคนถามก่อนดีกว่าคือคุณพิมพ
00:04:35 → 00:04:38 เนาะก็ต้องพูดถึงว่าเรื่องของการนอนหลับ
00:04:38 → 00:04:41 ลึกใช่มครับหลายๆคนก็อยากจะนอนให้ลึกแล้ว
00:04:41 → 00:04:45 ก็ได้คุณภาพเนาะเราพูดถึงว่าเราจะทำยังไง
00:04:45 → 00:04:47 ให้เรานอนได้ลึกดีกว่าเนเราไม่ตื่นกลาง
00:04:47 → 00:04:50 ดึกบ่อยๆนะครับเราลองเปลี่ยนพฤติกรรมก่อน
00:04:50 → 00:04:53 หมอขอแนะนำนะครับพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ
00:04:53 → 00:04:55 เพื่อจะหลับลึกได้มากขึ้นนะครับอันดับแรก
00:04:55 → 00:04:59 เลยคาเฟอีนชากกาแฟอืพวกนี้ทำให้เวลาที่
00:04:59 → 00:05:02 เราหลับไปเนี่ยอาจจะนอนได้ไม่ลึกได้เพราะ
00:05:02 → 00:05:04 ว่าฤทธิ์ของมันเนี่ยอาจจะอยู่ได้ถึง 12
00:05:04 → 00:05:07 ชมงหรือ 10 ช่วโมงก็แปลว่าคาเฟอีนควรกิน
00:05:07 → 00:05:10 ได้ถึงกี่โมงคะประมาณเที่ยนอ่าง่ายๆคือ
00:05:10 → 00:05:13 เที่ยงนะครับหลีกเลี่ยงพวกคาเฟอีนที่มา
00:05:13 → 00:05:17 จากพวกกาแฟนะครับชาน้ำหมัดลมสีดำๆหรือว่า
00:05:17 → 00:05:20 ช็อกโกแลตนะมันแล้วแต่คนเพราะว่าบางคน
00:05:20 → 00:05:23 เนี่ยอาจจะกินแล้วก็อาจจะขับได้ค่อนข้าง
00:05:23 → 00:05:26 ดีนะครับพวกนี้บางทีกินช่วงบ่ายๆก็อาจจะ
00:05:26 → 00:05:28 หลับได้ดีแต่บางคนกินตอนเช้ายังหลับได้
00:05:28 → 00:05:31 ไม่ดีอ่ะค้างนะอันนี้ก็แล้วแต่คนนะครับ
00:05:31 → 00:05:34 ประเด็นที่ 2 การออกกำลังกายการออกกำลัง
00:05:34 → 00:05:36 กายนะครับเราก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงในช่วง
00:05:36 → 00:05:38 ประมาณสัก 3 ชั่วโมงก่อนจะหลับเนา 3
00:05:38 → 00:05:40 ชั่วโมเลยเหรอคะอ่าใช่ครับเพราะว่าออก
00:05:40 → 00:05:43 กำลังหนักๆเนี่ยทำให้อุณหภูมิกายเราสูง
00:05:43 → 00:05:46 มากขึ้นนะหัวใจก็เต้นเร็วมากขึ้นร่างกาย
00:05:46 → 00:05:49 ก็ไม่พร้อมที่จะหลับนะครับอืโอเคงั้นก็
00:05:49 → 00:05:51 แปลว่าเราอาจจะต้องออกกำลังกายเร็วขึ้น
00:05:51 → 00:05:53 นิดนึงถ้าเราอยากจะนอนเร็วใชใช่ครับเพราะ
00:05:53 → 00:05:56 ว่าอุณหภูมิกายตอนนอนเราจะต้องลดลงแต่ถ้า
00:05:56 → 00:05:59 เราออกกำลังอุณหภูมิกายจะสูงขึ้นเราก็ทำ
00:05:59 → 00:06:01 ให้ให้นอนยากขึ้นหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นนะ
00:06:01 → 00:06:04 ครับอ่าเรื่องที่ 3 ก็คือเรื่องของมื้อ
00:06:04 → 00:06:07 หนักๆอ่ะบางคนกินดึกเนาะหรือกินแอลกอฮอล์
00:06:07 → 00:06:10 ในช่วงที่ใกล้เวลานอนพวกนี้ถึงแม้ว่า
00:06:10 → 00:06:13 แอลกอฮอล์ทำให้เรานอนได้นะถือว่าแบบเพลิม
00:06:13 → 00:06:16 หลับได้ง่ายนะฮะแต่ว่าการกินแอลกอฮอล์ทำ
00:06:16 → 00:06:19 ให้การหลับในช่วงท้ายๆคืนเนี่ยจะตื้นขึ้น
00:06:19 → 00:06:22 อืเราจะตื่นกลางดึกได้ง่ายขึ้นนะฮะอ่ะก็
00:06:22 → 00:06:24 แปลว่าถ้าสมมุติว่าเราอ่ะตั้งใจว่าคืน
00:06:24 → 00:06:27 เนี้ยฉันอยากจะนอนดีก็ไม่ควรจะดื่มก่อน
00:06:27 → 00:06:29 ใช่มั้ยคะเพราะบางคนมีความรู้สึกว่าพอ
00:06:29 → 00:06:32 ดื่มมันจะเคลิ้มๆหลับกินในปริมาณมากเกิน
00:06:32 → 00:06:35 ไปก็ทำให้ถึงแม้จะนอนได้ง่ายก็ตามแต่ว่า
00:06:35 → 00:06:37 ช่วงท้ายคืนเนี่ยมันจะเป็นการนอนที่ค่อน
00:06:37 → 00:06:40 ข้างตื้นอืแล้วถ้าบางคนบอกว่าขอแก้วเดียว
00:06:40 → 00:06:43 พออันนี้พอได้มั้ยคะพอได้พอได้พอได้อยู่
00:06:43 → 00:06:45 โอเคนะครับบางคนเนี่ยเนาะเวลาบ่อยบๆเนี่ย
00:06:45 → 00:06:48 เราจะง่วงนอนแล้วก็จะอยากจะงีบหลับใช่ไหม
00:06:48 → 00:06:51 ครับแต่ว่าการงีบหลับมีเทคนิคอย่างนึงก็
00:06:51 → 00:06:54 คือว่าเราจะไม่งีบหลัง 15:00 นอืนะเพราะ
00:06:54 → 00:06:57 ว่าการงีบหลับเนี่ยที่มากเกินไปเราจะไป
00:06:57 → 00:06:59 กินเวลาในช่วงของความง่วงในช่วงของคืน
00:06:59 → 00:07:01 นั้นที่เราจะนอนหลับคแนะนำก็คือว่าไม่ควร
00:07:01 → 00:07:04 จะงีบเกินครึ่งชั่วโมงเนาะครึ่งชั่วโมงณ
00:07:04 → 00:07:06 ที่นี้คือเป็นการงีบแค่ช่วงสั้นๆให้เรา
00:07:07 → 00:07:10 เนี่ยเป็นการงีบตื้นๆนะเราก็จะเป็นการทำ
00:07:10 → 00:07:13 ให้เราสดชื่นมากขึ้นแต่ถ้าเรางีบนานเกิน
00:07:13 → 00:07:15 ครึ่งชั่วโมงอันนี้เราจะเข้าสู่ระยะการ
00:07:15 → 00:07:18 ที่หลับลึกมากขึ้นเราก็จะไปกินความง่วง
00:07:18 → 00:07:20 ช่วงคืนนั้นเราก็จะรู้สึกว่าคืนนั้นจะนอน
00:07:20 → 00:07:23 ยากขึ้นก็แปลว่าแอบงีบได้นะแต่ต้องตั้ง
00:07:23 → 00:07:25 นาฬิกาว่า 30 นาทีพอต้องรีบตื่นใช่ครับ
00:07:25 → 00:07:29 และสุดท้ายเลยในเรื่องของการมองจอเนาะเรา
00:07:29 → 00:07:32 อาจจะจะอ่าดูมือถือนะครับหรือว่าเล่น
00:07:32 → 00:07:34 แท็บเล็ตหรือว่าพวกคอมพิวเตอร์เนี่ยใน
00:07:34 → 00:07:37 ช่วงค่ำๆต้องบอกว่าในพวกนั้นน่ะมันจะมี
00:07:37 → 00:07:40 แสงสีฟ้าอยู่ที่เป็นตัวที่ทำให้เรานอนยาก
00:07:40 → 00:07:43 ขึ้นแสงสีฟ้าในพวกคอมหรือพวกจอจะทำให้
00:07:43 → 00:07:46 เมลาโทนินที่เป็นฮอร์โมนการนอนมันหลังช้า
00:07:46 → 00:07:49 ลงโหแต่ว่าเชื่อว่ามีใครบ้างที่ไม่ถมือ
00:07:49 → 00:07:52 ถือก่อนนอนใช่เราก็จะมา cf ของในช่วงท้าย
00:07:52 → 00:07:55 ๆคืนใช่มั้ยใช่คะบางทีมันเซลอ่ะอย่าง 10
00:07:55 → 00:07:57 แบบว่า 11 11 11 อะไรอย่างเงี้ยก็มัน
00:07:57 → 00:08:00 เริ่มเที่ยงคืนอ่ะหมอจอก็ต้องอยู่ใกลแนะ
00:08:00 → 00:08:02 นำคือสักชั่วโมงนึงแล้วกันช่วงก่อนจะนอน
00:08:02 → 00:08:04 หลับนะโอเคอย่างเช่นถ้าเราตั้งใจจะนอน
00:08:04 → 00:08:08 เที่ยงคืนก็ขอให้ 2300 นเนี่ยวางซะประมาณ
00:08:08 → 00:08:10 นั้นใช่เพราะว่ามันนอกจากมีเรื่องของแสง
00:08:10 → 00:08:13 สีฟ้ายังมีเรื่องของคทนในในเนื้อเรื่อง
00:08:13 → 00:08:15 ที่เราดูด้วยใช่มเราคิดเยอะไปอกบางทีเรา
00:08:15 → 00:08:17 ดูโซเชียลเรื่องชาวบ้านเราก็ไปสนใจอะไร
00:08:17 → 00:08:20 อย่างเงี้บางทีนอนก็ยังเอ๊ะคิดตกลงอันไหน
00:08:20 → 00:08:21 จริงอันไหนอะไรอย่างงี้เนาะใช่ครับสุด
00:08:22 → 00:08:25 ท้ายเลยคือการดื่มน้ำอ่าเพราะว่าบางคน
00:08:25 → 00:08:28 เนี่ยดื่มน้ำในช่วงก่อนจะนอนเยอะคำแนะนำ
00:08:28 → 00:08:31 ก็คือว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะหลับเนี่ยพยายาม
00:08:31 → 00:08:33 หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำและนะครับดื่มได้ไม่
00:08:33 → 00:08:35 เกินประมาณครึ่งแก้วน้ำในช่วงก่อนจะหลับ
00:08:35 → 00:08:38 ประมาณ 2 ช่วโมงก็ตัวอย่างเช่นนอนเที่ยง
00:08:38 → 00:08:40 คืนเนี่ยประมาณหลัง 22:00 นก็ลดการกินน้ำ
00:08:41 → 00:08:44 ลงเนาะถ้าจะกินกินยาก่อนนอนก็กินแค่ครึ่ง
00:08:44 → 00:08:47 แก้วประมาณนี้แล้วก่อนจะเข้านอนแล้วก็
00:08:47 → 00:08:50 ปัสสาวะสัก 1 ครั้งนะครับอย่างคุณพิมพ
00:08:50 → 00:08:53 เนี่ยต้องบอกว่าปัสสาวะค่อนข้างบ่อยเนาะ
00:08:53 → 00:08:56 คื 1 1 -2 ครั้งซึ่งไม่ปกติเนาะในวัย
00:08:56 → 00:08:58 ที่ยังไม่ได้อายุเยอะนะครับอก็แปลว่าถ้า
00:08:58 → 00:09:01 อายุ 30 10 กว่าจะลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
00:09:01 → 00:09:03 คืนละ 1-2 ครั้งเนี่ยเป็นประจำอันนี้ผิด
00:09:03 → 00:09:06 ปกติหรอคผปกติใช่ฮะปกติเนี่ย 0 ถึง 1
00:09:06 → 00:09:09 ครั้ง 0 ถึง 1 คือปกติโอเใช่นะฮะแต่ถ้า
00:09:09 → 00:09:12 อายุมากขึ้นอาจจะมีเรื่องของการบีบตัวของ
00:09:12 → 00:09:14 กระพาะปัสสาวะที่ไม่ดีเนาะหรือว่าการอั้น
00:09:14 → 00:09:17 ปัสสาวะไม่อยู่อะไรอย่างเงี้ยในคุณพ่อคุณ
00:09:17 → 00:09:20 แม่ที่อายุเกิน 50 60 เราอาจจะเห็นภาวะ
00:09:20 → 00:09:23 นี้ได้แต่ถ้าอายุน้อยๆเนี่ยไม่ควรจะเกิน 1
00:09:23 → 00:09:26 ครั้งต่อคืนโอเคค่ะนะครับฉะนั้นถ้าคุณ
00:09:26 → 00:09:29 พิมพ์เอา 56 สิ่งที่คุณหมอแนะนำไปทำเนี่ย
00:09:29 → 00:09:32 น่าจะไม่ตื่นกลาดึกเพนอนได้ลึกมากขึ้นนอน
00:09:32 → 00:09:34 ได้ลึกมากขึ้นแล้วอาจจะไม่ได้ปัสสาวะบ่อย
00:09:34 → 00:09:37 อาจจะ 0 ถึง 1 ครั้งตามที่คุณหมอแนะนำแต่
00:09:37 → 00:09:40 ขอถามไว้ก่อนเผื่อคุณพิมพ์นะคะตั้งใจเลย
00:09:40 → 00:09:43 ไม่ออกกำลังกายใกล้เวลานอนน้ำก็ไม่กิน
00:09:43 → 00:09:46 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ก็ยังคงตื่นขึ้นมา
00:09:46 → 00:09:48 กลางดึกอย่างเงี้ยอันเนี้ยคือแปลว่าผิด
00:09:48 → 00:09:50 ปกติแล้วใช่มคะก็ต้องมาหาสาเหตุอื่นแล้ว
00:09:50 → 00:09:54 ว่าทำไมถึงนอนแล้วไม่ดีนะครับอซึ่งอาจจะ
00:09:54 → 00:09:56 มีหลายปัญหาเลยตั้งแต่เรื่องของอาการปวด
00:09:56 → 00:09:59 เมื่อยเนาะหรือว่าปัญหาของคน้างๆงที่เา
00:09:59 → 00:10:01 นอนแล้วมีปัญหากระตุกนี่ก็ต้องแก้ไขเ้า
00:10:01 → 00:10:03 เหมือนกันทีนี้อยากถามอ่ะค่ะว่าถ้าสมมุติ
00:10:03 → 00:10:06 นะคะเขาคอ่ะเหนื่อยในการแก้ปัญหาแล้วก็
00:10:06 → 00:10:09 ไม่เป็นไรฉันก็ตื่นวันละ 1 คืนเออปล่อยๆ
00:10:09 → 00:10:12 ไปอยากรู้ว่าระยะยาวถ้าเราตื่นกลางดึก
00:10:12 → 00:10:14 บ่อยๆแบบเนี้ยจะส่งผลต่อสุขภาพยังไงบ้าง
00:10:14 → 00:10:16 คะพูดถึงระยะสั้นๆก่อนเลยก็คือการนอนที่
00:10:16 → 00:10:19 ไม่ดีเนี่ยทุกคนก็ง่วงนอนอือเหมือนเรา
00:10:19 → 00:10:21 เป็นการนอนที่ไม่มีคุณภาพนะเหมือนชาร์จ
00:10:21 → 00:10:23 แบตแบตไม่เต็มอย่างเงี้ยนะครับอ่ะสิ่งที่
00:10:23 → 00:10:25 เกิดขึ้นสั้นๆเลยคือก็จะมีความง่วง
00:10:25 → 00:10:28 ระหว่างวันเกิดอุบัติเหตุแล้วก็ผลอยหลับ
00:10:28 → 00:10:30 ได้ในที่ที่ไม่ควรหับหลับเนาะทำงานก็
00:10:30 → 00:10:33 โฟกัสอะไรไม่ได้ใช่มั้ยครับแล้วก็อารมณ์
00:10:33 → 00:10:35 หงุดหงิดแปรปรวนก็เกิดขึ้นเมื่อเรานอนไม่
00:10:35 → 00:10:37 พออันนี้คือสิ่งที่เห็นได้ชัดๆเลยนะครับ
00:10:37 → 00:10:40 แต่ว่าในระยะยาวเนี่ยการนอนไม่พอหรือนอน
00:10:40 → 00:10:43 ไม่ดีเนี่ยมีผลต่อร่างกายในเรื่องของโรค
00:10:43 → 00:10:45 หัวใจหลอดเลือดหลายๆโรคนะครับความดันก็จะ
00:10:45 → 00:10:48 มาได้ง่ายขึ้นอความดันเนี่ย 5 ปี 10 ปีก็
00:10:48 → 00:10:51 จะมาได้ง่ายขึ้นนะครับเรื่องของภาวะหัวใจ
00:10:51 → 00:10:55 เต้นผิดจังหวะอ้าหัวใจขาดเลือดต่างๆรว่า
00:10:55 → 00:10:58 แ่จากการนอนเนี่ยนะคะใช่ฮะเป็นเรื่องที่
00:10:58 → 00:11:01 เล็กๆแต่ว่าเรามองข้ามเนาะในเรื่องของอ่า
00:11:01 → 00:11:03 สตกนะครับหรือรวมทั้งเบาหวานด้วยเพราะว่า
00:11:03 → 00:11:06 การนอนไม่ดีเนี่ยอินซูลินก็ทำงานไม่ดี
00:11:06 → 00:11:09 ฮอร์โมนหิวอิ่มไม่ดีก็จะเกิดความอ้วนได้
00:11:09 → 00:11:12 ง่ายขึ้นนะสุดท้ายคืออัลไซเมอร์สมอง
00:11:12 → 00:11:16 เสื่อมอู้หูหนักมากเลยแค่การตื่นกลางดึก
00:11:16 → 00:11:18 บ่อยๆไปเรื่องของการนอนที่ไม่ดีเนี่ยก็มี
00:11:18 → 00:11:22 ผลกับโรคอื่นๆตามมาได้อือฉะนั้นถ้าคุณ
00:11:22 → 00:11:24 พิมพ์ดูอยู่นะคะต้องรีบจัดการเนาะต้อง
00:11:24 → 00:11:27 โฟกัสแก้ไขการนอนให้ดีนะคะไม่ควรตื่นมา 2
00:11:27 → 00:11:31 ครั้งตอนกลางคืนครับนะคะทีนี้กลับมา
00:11:31 → 00:11:35 เรื่องเอ่อการอาการปวดเมื่อยนะคะเมื่อกี้
00:11:35 → 00:11:38 คุณหมอก็มีเกริ่นไปนิดนึงเนาะว่าอยากถาม
00:11:38 → 00:11:41 ว่าทำไมเขาถึงตื่นมาเดี๋ยวก็ปวดคออื
00:11:41 → 00:11:44 เดี๋ยวก็ปวดปวดหลังอย่างเงี้ยค่ะแล้วเขา
00:11:44 → 00:11:46 ก็พยายามเปลี่ยนท่าเนาะคงไปเสิร์ชมาว่า
00:11:46 → 00:11:48 เอ๊ะนอนท่าไหนแล้วมันจะลดอาการปวดเมื่อย
00:11:48 → 00:11:50 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่บางคืนก็ยังตื่นแล้ว
00:11:50 → 00:11:53 เมื่อยอยู่ดีเลยอยากจะถามว่าการปวดเมื่อย
00:11:53 → 00:11:56 ที่เกิดขึ้นหลังจากการตื่นนอนเนี่ยค่ะ
00:11:56 → 00:11:59 เกิดได้จากปัจจัยอะไรบ้างคอะไรบ้างต้อง
00:11:59 → 00:12:01 บอกว่าถ้าฟังจากประวัติคุณพิมพ์เนี่ยหมอ
00:12:01 → 00:12:04 คิดว่าเป็นจากหลายสาเหตุเลย 1 คือถ้าเขา
00:12:04 → 00:12:06 อยู่ใน Position การทำงานที่อยู่ในท่า
00:12:06 → 00:12:09 เดิมๆเนาะอยู่หน้าคอมอ่าอยู่ในกิจกรรม
00:12:09 → 00:12:11 เดิมๆทั้งวันเนี่ยมีโอกาสจะเป็นออฟฟิ
00:12:11 → 00:12:13 Syndrome ก็คือมีอาการปวดเมื่อยของก้าม
00:12:13 → 00:12:16 เนืต้นคอนะฮะหรือว่าตรงเนี่ยตรงไรตรงบาน
00:12:16 → 00:12:19 เนี่ยนะครับเป็นจากพฤติกรรมในระหว่างวัน
00:12:19 → 00:12:21 ได้อยู่แล้วอ่าหรือว่าอีกอย่างนึงคือ
00:12:21 → 00:12:24 เรื่องของเครื่องนอนหรือว่าท่านอนเนี่ย
00:12:24 → 00:12:27 ที่มันไม่เหมาะสมกับเราเราก็ต้องเลือกนะ
00:12:27 → 00:12:29 ในเรื่องของเครื่องนอนหรือว่าหมอนที่มัน
00:12:29 → 00:12:31 รองรับสรีระหรือว่าท่านอนเราให้มันเหมาะ
00:12:31 → 00:12:34 สมเราก็จะไม่ปวดเมื่อยในระหว่างการนอน
00:12:34 → 00:12:37 หลับได้นะครับถ้าลองดูสังเกตดูว่าถ้าเกิด
00:12:37 → 00:12:41 ว่าเราตื่นมาแล้วปุ๊บอาการมันมีอาการเลย
00:12:41 → 00:12:43 แล้วสักพักกลางวันมันดีขึ้นอะไรอย่าง
00:12:43 → 00:12:45 เงี้ยมันก็น่าจะเกิดจากเครื่องนอนหรือ
00:12:45 → 00:12:48 หมอนของเราอืแต่ถ้าเป็นตลอดทั้งวันเลยก็
00:12:48 → 00:12:50 อาจจะเป็นจากเรื่องของออฟฟิ Syndrome ก็
00:12:50 → 00:12:53 ต้องลองสังเกตตัวเองดูงั้นหลักๆก็น่าจะ
00:12:53 → 00:12:55 เป็นจาก 2 ปัจจัยก็คือ Office syndrome
00:12:55 → 00:12:57 นะคะก็คือเมื่อยเย็นก็ยังโอ๊ยก็ยังเมื่อย
00:12:57 → 00:12:59 อยู่เลยอันเนี้ยน่าจะเป็นที่ที่การทำงาน
00:12:59 → 00:13:02 แล้วแหละแต่ถ้าสมมุติว่าเป็นสั้นๆอาจจะ
00:13:02 → 00:13:05 เป็นการใช้ที่นอนที่ไม่เหมาะสมกับเราหรือ
00:13:05 → 00:13:07 ว่าการใช้หมอนที่อาจจะไม่ได้รับกับศีรษะ
00:13:07 → 00:13:10 ใช่มั้ยคะทีเค่ะเขาบอกว่าเขาก็เลยไปเอา
00:13:10 → 00:13:13 เอาหมอนเนี่ยวางไว้ระหว่างขาแล้วก็นอน
00:13:13 → 00:13:16 ตะแคงหรือว่าเอาหมอนวางไว้ข้างล่างข้อพับ
00:13:16 → 00:13:19 อันเนี้ยมันช่วยได้มคะหมอต้องบอกการนอน
00:13:19 → 00:13:22 เป็นปัจเจกอืถ้านอนเป็นปัจเจกบุคคลเนาะ
00:13:22 → 00:13:25 แต่ละคนเ่ะพึงพอใจในท่านอนไม่เหมือนกันนะ
00:13:26 → 00:13:28 ครับเอ่อคนทั่วไปเราก็จะมีการเปลี่ยนท่า
00:13:28 → 00:13:30 นอนทั้งหงายและตะแคงอะไรอย่างเงี้ยอยู่
00:13:30 → 00:13:33 แล้วเราจะไม่อยู่ในท่าเดิมตลอดเวลาบางคน
00:13:33 → 00:13:36 ตะแคงทั้งคืนเนี่ยสิ่งที่ตามมาก็คือจะปวด
00:13:36 → 00:13:39 ไหลหรือว่ามีปวดต้นคอเพราะว่าเ่า Position
00:13:39 → 00:13:42 ของการนอนมันจะมีการบิดเบี้ยวของกระดูก
00:13:42 → 00:13:45 ต้นคอได้เราก็ต้องลองปรับดูว่าเราเนี่ย
00:13:45 → 00:13:48 ชอบท่าไหนเแล้วก็เลือกเครื่องนอนที่เหมาะ
00:13:48 → 00:13:51 สมกับเราอแล้วถ้านอนหงายทั้งคืนมีผลเสีย
00:13:51 → 00:13:53 มั้ยคะจริงๆเป็นท่านอนที่เหมาะสมที่สุด
00:13:53 → 00:13:56 คือ่านอนหงายอแต่บางคนที่มีอาการนอนกรน
00:13:56 → 00:13:59 หรือว่าเขามีภาวะหายใจที่ผิดปกติแล้วเนอน
00:13:59 → 00:14:02 หงายเขาจะกรนดังเาก็จะมีการเบี่ยงท่าเป็น
00:14:02 → 00:14:05 ท่าตะแคงให้เขาหายใจสะดวกขึ้นเนาะอันนี้
00:14:05 → 00:14:09 แล้วแต่คนแล้วการนอนตะแคงขวากับตะแคงซ้าย
00:14:09 → 00:14:12 เหมือนกันมั้ยคะอเอ่อแล้วแต่เหมือนกันบาง
00:14:12 → 00:14:15 ทีคำแนะนำของบางโรคเช่นโรคกระเพาะเราจะ
00:14:15 → 00:14:18 ให้นอนตะแคงซ้ายใช่มยกดไหลย้อนต่างๆเนี่ย
00:14:18 → 00:14:21 จริงๆก็แต่ละโรคก็แนะนำไม่เหมือนกัน
00:14:21 → 00:14:23 สมมุติเราได้ประโยชน์กับโรคนึงอาจจะเกิด
00:14:23 → 00:14:26 เกิดโทษกับอีกโรคนึงก็ได้นะถ้ากดไหลย้อน
00:14:26 → 00:14:29 ดีตะแคงไซสตลอดแต่สุดท้ายก็มาปวดไหลอะไรอ
00:14:29 → 00:14:32 เพราะฉนั้นเราก็ต้องพิจารณาตามแต่ละบุคคล
00:14:33 → 00:14:35 แต่ละคนก็มีข้อดีข้อเสียของแต่ละท่าเชื่อ
00:14:35 → 00:14:39 ว่าโลกฮอทิศอย่างนึงคือโรคกรดไหลย้อนที่
00:14:39 → 00:14:41 ควรเป็นเยอะค่ะถ้าคนที่ดูเทปนี้แล้วเป็น
00:14:41 → 00:14:43 กรดไหลย้อนถ้าให้คุณหมอแนะนำว่าอยากจะแนะ
00:14:43 → 00:14:46 นำท่านอนให้กับเขาอ่ะค่ะเขาควรนอนท่าไหน
00:14:46 → 00:14:49 คะอันดับแรกเลยคือกินต้องห่างกันนอนอย่าง
00:14:49 → 00:14:52 น้อย 3-4 ช่วโมงเนาะถชมใชเราไม่ควรจะกิน
00:14:52 → 00:14:54 มื้อหนักนะครับตอนหน้ามันหิวอ่ะคะคุณหมอ
00:14:54 → 00:14:56 แบบรู้แล้วว่าอีก 1 ชั่วโมงฉันจะต้องนอน
00:14:56 → 00:14:58 แล้วแต่มันไม่ไหวจริงๆนอนไม่หลับแล้วจะ
00:14:58 → 00:15:01 ต้องกินควรจะกินอะไรดีต้องเบาๆที่เป็นพวก
00:15:01 → 00:15:06 นมอะไรอย่างงี้หรือว่าเป็นเลไม้เล็กๆชอด
00:15:06 → 00:15:08 เล็กๆนะครับที่ปริมาณไม่เยอะมากนะครับ
00:15:08 → 00:15:11 แล้วก็เวลาทานอาหารเนี่ยก็คือเรื่องของ
00:15:11 → 00:15:13 การอิ่มไม่ควรจะอิ่มเกิน 80% ของกระเพาะ
00:15:13 → 00:15:16 อาหารบางคนเนี่ยกินมื้อบุฟเฟ่ต์ใช่มยมื้อ
00:15:16 → 00:15:18 เย็นนี่แบบหนักเต็มที่เลยแล้วก็เดี๋ยวนี้
00:15:18 → 00:15:21 ปิด 23:00 นด้วยค่ะหมอมันต้องเอาให้คุ้ม
00:15:21 → 00:15:24 ใช่อิ่มเลยอเพรานั้นเนี่ยก็ต้องให้มัน
00:15:24 → 00:15:28 ห่างกันนิดนึงระหว่างเวลาทานกับเวลานอน
00:15:28 → 00:15:30 งั้นอย่างแรกก็คือคือโอเคกินให้ห่างและ
00:15:30 → 00:15:33 อย่างที่ 2 การนอนค่ะนอนท่าไหนดีคะใช่ถ้า
00:15:33 → 00:15:35 ท่านอนเนี่ยก็คือเขาจะแนะนำในเรื่องของ
00:15:35 → 00:15:37 การตะแคงด้านซ้ายเพราะว่ากระเพาะอาหารจะ
00:15:37 → 00:15:40 ได้อยู่ลงมาข้างล่างอืนะครับมันก็จะทำให้
00:15:40 → 00:15:43 กดไลย้อนอาการลดลงอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:15:43 → 00:15:46 แต่ว่าซ้ายทั้งคืนก็ไม่ไหวไม่ใช่ Position
00:15:46 → 00:15:48 ของเราเนี่ยเราจะปรับท่าให้เราเนี่ยสบาย
00:15:48 → 00:15:51 ตัวอยู่แล้วการเปลี่ยนท่าของคนเราขณะหลับ
00:15:51 → 00:15:54 มันจะเป็นอะไรที่ออติอ่ะนะครับเรามาตะแคง
00:15:54 → 00:15:56 บ้างมาขวาบ้างอะไรอย่างเงี้ยนะครับในการ
00:15:56 → 00:15:59 ควบคุมให้อยู่ในท่าเดิมอ่ะคงจะอาจจะดีกับ
00:15:59 → 00:16:02 โรคนึงแต่ก็ทำให้เราเนี่ยปวดเมื่อยได้
00:16:02 → 00:16:06 ง่ายขึ้นอืแล้วถ้าคนที่ชอบติดนอนตะแคงขวา
00:16:06 → 00:16:09 ล่ะคะมีผลยังไงต่อสุขภาพบ้างคะไม่มีฮ่ะ
00:16:09 → 00:16:13 ไม่มีเราขออีกอาจจะปวดไหล่อะไรอย่างงี้ว
00:16:13 → 00:16:16 ไหถามให้ครบเพราะมีตะแคงขวาตะแกงซ้าแงซ้า
00:16:16 → 00:16:19 นอนไงคว่ำดีกว่าอ่าอยากรู้ว่าถ้านอนคว่ำ
00:16:19 → 00:16:23 จะมีส่งพก็จะเห็นบางคนที่มีถ่านอนคว่ำ
00:16:23 → 00:16:25 เช่นคนที่เขาน้ำหนักตัวเยอะหรือเขามี
00:16:25 → 00:16:28 อาการกรนเยอะเนาะเขาก็จะพยายามเบี่ยงให้
00:16:28 → 00:16:30 เขาเนี่ยมีการหายใจที่โล่งขึ้นโดยการนอน
00:16:30 → 00:16:33 คว่ำก็ต้องบอกว่ามันมีข้อเสียเพราะว่าตอน
00:16:33 → 00:16:36 คว่ำเนี่ยเตียงเราจะกดที่หน้าอกเราใช่มย
00:16:36 → 00:16:39 เพราะฉะนั้นมันจำกัดการขยายของปอดเราการ
00:16:39 → 00:16:43 หายใจก็จะไม่ดีอืนะครับอเราก็เกิดโรคอื่น
00:16:43 → 00:16:46 ๆตามมาได้ก็แปลว่านอนควำมันอันตรายมั้ยคะ
00:16:46 → 00:16:48 ถ้าสมมุติว่าโดนกดทับการหายใจอย่างเงี้ย
00:16:48 → 00:16:50 ค่ะมันทำให้การหายใจเนี่ยปลอดขยายไม่เต็ม
00:16:50 → 00:16:52 ที่เพราะฉะนั้นออกซิเจนที่ไปเลี้ยงในร่าง
00:16:52 → 00:16:55 กายก็จะอาจจะไม่ได้เต็มที่ด้วยเหมาะสมที่
00:16:55 → 00:16:58 สุดคือถ้าหงายกับตะแคงบ้างในขณะหลับอัน
00:16:58 → 00:17:01 นี้เป็นสิ่งที่อ่ามนุษย์ออกแบบมาอยู่แล้ว
00:17:01 → 00:17:04 ว่าให้เป็นแบบนี้แล้วขอถามเผื่อคนที่ติด
00:17:04 → 00:17:06 ติดนอนคว่ำอย่างเงี้ยค่ะถ้าเขาจำเป็นจะ
00:17:06 → 00:17:09 ต้องนอนคว่ำจริงๆสามารถนอนคว่ำได้มีระยะ
00:17:09 → 00:17:11 มั้ยคะว่าขอสักไม่เกินเท่าไหร่อะไรอย่าง
00:17:11 → 00:17:14 เงี้ยค่ะไม่รู้ได้มั้ยอ่ะต้องต้องปรับมา
00:17:14 → 00:17:17 เป็นท่าที่ไม่คว่ำมากเกินไปอ่ะอย่างเช่น
00:17:17 → 00:17:21 เราอาจจะมีหมอนรองตรงตรงตัวเราเพื่อ
00:17:21 → 00:17:23 บังคับให้เราเนี่ยไม่คว่ำได้มากที่สุด
00:17:23 → 00:17:26 อย่างเงี้ยฮะก็จะทำให้เรามาเป็นการท่า
00:17:26 → 00:17:29 ตะแคงอะไรอย่างงี้มากขึ้นเมื่อกี้นี้ที่
00:17:29 → 00:17:32 คุณหมอพูดเรื่องการเรื่องการเลือกเครื่อง
00:17:32 → 00:17:35 นอนใช่มั้ยคะควรจะเลือกเตียงหรือว่าผ้า
00:17:35 → 00:17:38 ห่มหรือว่าหมอนยังไงดีคะให้เรานอนได้
00:17:38 → 00:17:40 อย่างมีคุณภาพอพวกนี้มันขึ้นกับแต่ละ
00:17:40 → 00:17:45 บุคคลเนาะแล้วก็การเลือกหมอนเลือกที่นอน
00:17:45 → 00:17:47 อย่างเงี้ยแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกันนะยก
00:17:47 → 00:17:49 ตัวอย่างเช่นบางคนที่เขามีโรคที่เขามี
00:17:49 → 00:17:52 ปัญหาทางหลังเขาอาจจะต้องการเตียงที่ไม่
00:17:52 → 00:17:55 นุ่มไม่ยวบเกินไปใช่มยอ่าหรือบางคนเนี่ย
00:17:55 → 00:17:57 ต้องการการผ่อนคลายก็ต้องการหมอที่มัน
00:17:57 → 00:18:00 นิ่มกับร่างกายเราเนาะเบางคนมีปัญหาตก
00:18:00 → 00:18:02 หมอนเนาะอ่ะการที่เราเลือกหมอนที่อาจจะ
00:18:03 → 00:18:05 เตี้ยเกินหรือว่าสูงเกินบางคนมีปัญหาตก
00:18:05 → 00:18:09 หมอนคือรู้สึกว่าตอนตื่นเช้ามาเนี่ยคอเรา
00:18:09 → 00:18:12 ปวดคอเนาะหรือว่าอยู่คอเราไม่อยู่เป็น
00:18:12 → 00:18:14 หมอนน่ะแเพราะว่ามันเราเราเรากลิ้งจาก
00:18:14 → 00:18:17 หมอนหัวเรากลิ้งจากหมอนลงไปนะเพราะฉะนั้น
00:18:17 → 00:18:19 ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมเพราะว่าถ้าเกิดสูง
00:18:19 → 00:18:22 ไปต่ำไปก็มีปัญหาได้อก็แปลว่าหลายคนที่
00:18:22 → 00:18:24 เวลานอนตกหมอนน่ะเป็นเพราะหมอนไม่พอดีกับ
00:18:24 → 00:18:26 หัวเราใช่มยคะใช่ใช่เพราะฉะนั้นก็ต้องดู
00:18:26 → 00:18:28 ในเรื่องของเครื่องนอนไม่ว่าจะเป็นหมอน
00:18:28 → 00:18:30 เนาะหรือว่าเครื่องนอนเนี่ยให้เหมาะกับ
00:18:30 → 00:18:34 สรีระแล้วก็ท่านอนของเรากับแต่ละบุคคลเลย
00:18:34 → 00:18:36 นะครับก็ทำให้การนอนเนี่ยดีขึ้นได้แล้ว
00:18:36 → 00:18:38 อยากถามเรื่องผ้าห่มนิดนึงค่ะอยากถามทุก
00:18:39 → 00:18:41 อันเลยเพราะจะจะได้ไปซื้อตามที่หมอพูด
00:18:41 → 00:18:43 เนาะอยากผ้าห่มควรเลือกยังไงอ่ะคะคือ
00:18:44 → 00:18:46 เลือกเนี่ยอาจจะคำแนะนำก็บอกว่าอาจจะ
00:18:46 → 00:18:48 เลือกที่มันหนาๆแล้วก็มีความหนักนิดนึง
00:18:48 → 00:18:50 เหมือนกับเราโดนกอดอ่ะเรามีความหนักที่
00:18:50 → 00:18:52 ตัวเราอ่ะเนาะเหมือนถึงมเราจะนอคนเดียว
00:18:52 → 00:18:54 แต่ก็มีผ้าห่มกอดอยู่อย่างงี้ใช่มั้ใช่
00:18:54 → 00:18:57 บางทีผ้าแพรอาจจะบางเกินไปเย็นด้วยเราก็
00:18:57 → 00:19:00 รู้สึกเหงาเดียวแต่ถ้าอยากรู้สึกว่ามีมี
00:19:01 → 00:19:03 คนอยู่เคียงข้างก็คือเอาผ้าห่มหนักหน่อย
00:19:03 → 00:19:05 ใช่ครับทำแนะนำเนี่ยเขาจะบอกว่าอุณหภูมิ
00:19:06 → 00:19:09 ในห้องเี่ต้องประมาณซัก 18-19 องศาเพื่อ
00:19:09 → 00:19:11 ให้มันเย็นนิดนึงเนาะร่างกายอุณหภูมิก็จะ
00:19:11 → 00:19:14 ตกลงทำให้เราหลับได้ดีขึ้นแล้วก็มีผ้าห่ม
00:19:14 → 00:19:18 นะครับก็จะอบอุ่นแล้วก็รู้สึกว่ามีความ
00:19:18 → 00:19:22 สุขนะนอนได้ดีขึ้นอทีนี้มาถึงปัญหาของคุณ
00:19:22 → 00:19:25 แฟนบ้างค่ะการที่นอนกระตุกเนี่ยมันเกิด
00:19:25 → 00:19:27 จากอะไรแล้วมันเป็นเรื่องปกติมั้ยคะ
00:19:27 → 00:19:29 กระตุกเชื่อว่าคุณหมอเคยนอนกระตึกมั้ยคะ
00:19:29 → 00:19:32 เคไม่ใช่กระตึกนะกระตุกกระตุกกุกกระตุก
00:19:32 → 00:19:33 กระกนี่ก็เคยกระตุกเหมือนกันมันจะเป็นฟิล
00:19:34 → 00:19:36 แบบว่านอนอยู่แล้วก็เป็นความรู้สึกเหมือน
00:19:36 → 00:19:39 กับว่าตอนที่เรากำลังจะเคิมๆหลับเนาะใช่ๆ
00:19:39 → 00:19:42 เคมารู้สึกว่าเหมือนกับว่าพอเคิมๆหลับ
00:19:42 → 00:19:44 แล้วเนี่ยมันเหมือนกับตกตึกอ่ะสะดุ้ง
00:19:44 → 00:19:46 อย่างเงี้ยใช่ๆๆคือเหมือนหลับอยู่แล้วมัน
00:19:46 → 00:19:49 เหมือนเหมือนจะเป็นกึ่งๆฝันลายนะนอนๆๆๆ
00:19:49 → 00:19:53 แล้วก็กึกึ๊กกึกจนตื่นขึึ้นมาเลยอ่ะค่ะที
00:19:53 → 00:19:55 เถ้ากระตุกบ่อยๆอ่ะมันจะทำให้ตายเร็วจริง
00:19:55 → 00:19:59 มั้คะหมอต้องดูว่ามันมีเป็นกระตุกแบบไหนอ
00:19:59 → 00:20:02 ว่ากแบบไหนแล้วมันมีผลหรอคะมันมีหลายแบบ
00:20:02 → 00:20:06 แล้วก็มีผลกับร่างกายด้วยเหมือนกันนะถ้า
00:20:06 → 00:20:07 เกิดว่าที่น้องเจนพูดเนี่ยก็คือเป็นการ
00:20:07 → 00:20:09 เค้าเรียกว่าเป็นความรู้สึกเหมือนกับจะตก
00:20:09 → 00:20:13 ตึกนะฮะเค้าเรียกว่าฮิปเจิกนะครับเป็น
00:20:13 → 00:20:15 ภาวะที่เกิดขึ้นตอนที่เรากำลังจะเคลิ้ม
00:20:15 → 00:20:17 หลับอืเคลิ้มหลับคือจากระยะตื่นเนี่ยเข้า
00:20:17 → 00:20:20 สู่ระยะที่จะหลับเป็นระยะที่เราเคลิ้มๆนะ
00:20:20 → 00:20:23 ครับเ่อพอเรามีการเคลิ้มหลับเกิดขึ้น
00:20:23 → 00:20:26 เนี่ยอุณหภูมิอ่าเวลาเวลาที่เรามีมีการ
00:20:26 → 00:20:28 เคลิ้มหลับเกิดขึ้นเนี่ยนะครับก็จะมีการ
00:20:28 → 00:20:32 ลดลงของความดันอืิประจรจะลดลงเรื่อยๆนะ
00:20:32 → 00:20:35 ร่างกายก็รู้สึกว่าเอ้ยหรือว่านี่คือการ
00:20:35 → 00:20:39 ตกตึกหรือเปล่าอ๋อมันก็คือค่อยๆเฟิ้มอลฉ
00:20:39 → 00:20:42 ก็จะมีความปกป้องของร่างกายจะพยายามปก
00:20:42 → 00:20:45 ป้องตัวเองให้รู้สึกมันตกตึกเราจะต้อง
00:20:45 → 00:20:48 พยายามสะดุ้งเพื่อให้เราช่วยชีวิตตัวเอง
00:20:48 → 00:20:51 อ๋ออันนี้เรียกว่าฮิปเจิกนะครับแต่ฮิป
00:20:51 → 00:20:53 เจิกจะอยู่ในระยะที่เราเนี่ยรู้ตัวคือ
00:20:53 → 00:20:56 ช่วงเคิมๆหลับเราจะรู้ตัวตลอดเนาะเพราะ
00:20:56 → 00:20:59 ฉะนั้นมันจะไม่ได้เกิดตลอดทั้งคืนอืมก็จะ
00:20:59 → 00:21:02 เป็นคนละเคสกับนเนนี้ใช่ใช่ไม่เหมือนกับ
00:21:02 → 00:21:04 ในเคสนี้ฉะนั้นการที่เราเคลิ้มหลับแล้ว
00:21:04 → 00:21:07 ตัวกระตูอย่างเงี้ยเป็นกลไกธรรมชาติของ
00:21:07 → 00:21:10 ร่างกายแล้วก็ไม่ได้อันตรายแล้วก็ตุกแบบ
00:21:10 → 00:21:12 นี้บ่อยๆก็ไม่ได้มีผลต่อการเสียชีวิตอจะ
00:21:12 → 00:21:15 มีความเสี่ยงว่าเกิดขึ้นมากในคนที่ 1 คือ
00:21:15 → 00:21:20 อดนอนเนาะอย่างที่ 2 คือทานพวกคาเฟอีน
00:21:20 → 00:21:24 แอลกอฮอล์หรือมีภาวะเครียดเยอะๆอืก็จะมีา
00:21:24 → 00:21:27 ตรงมีินิเจอเกิดขึ้นได้มันสามารถกระตุก
00:21:27 → 00:21:30 รัวได้เลยป่ะคะแบปึกไม่รัวฮะก็จะเกิดแค่
00:21:30 → 00:21:33 หนเดียวตอนที่เราเคลิ้มๆหลับจากนั้นก็จะ
00:21:33 → 00:21:35 นอนปกติรแล้วถ้ารัวนี่อาจจะเป็นโรคอื่น
00:21:35 → 00:21:37 แล้วเป็นโรคอื่นอ่าก็ต้องพูดถึงโรคอื่น
00:21:37 → 00:21:40 ว่าเรากระตุกได้จากสาเหตุอะไรบ้างถ้าพูด
00:21:40 → 00:21:42 ถึงในเคสเนี้ยของแฟนคุณพิมพเนี่ยที่
00:21:42 → 00:21:45 กระตุกในช่วงกลางดึกบ่อยๆเนาะอาจจะต้อง
00:21:45 → 00:21:49 แยกหลายโรคนะครับโรคที่เราเจอบ่อยในในใน
00:21:49 → 00:21:52 คนที่มีปัญหานอนกระตุกเนี่ยเราจะคิดถึง
00:21:52 → 00:21:55 ภาวะขากระตุกผิดปกติในระหว่างการหลับนะ
00:21:55 → 00:21:56 ครับคุณพิมพ์ดูเนี่ยเขาอาจจะเห็นว่า
00:21:57 → 00:21:59 กระตุกทั้งตัวแต่จริงๆอ่ะเหตุมันเกิดจาก
00:21:59 → 00:22:02 ขาที่เขากระตุกนะอ่ะไม่ได้มองที่ขาไงมอง
00:22:02 → 00:22:05 ที่ตัวไงมันจะมีภาวะนึงเรียกว่าภาวะที่ขา
00:22:05 → 00:22:07 กระตุกมากผิดปกติระหว่างการหลับเกิดขึ้น
00:22:07 → 00:22:10 ได้นะซึ่งพวกเนี้ยนะครับเอ่อมันจะเกิดได้
00:22:10 → 00:22:13 จากหลายสาเหตุเลยนะครับ 1 ก็คืออดนอน
00:22:13 → 00:22:16 เหมือนกันอือ่าอดนอนนอนดึกนะครับอย่างที่
00:22:16 → 00:22:20 2 ก็คือพวกยาบางอย่างอทำให้มีการกระตุก
00:22:20 → 00:22:23 ของขาเกิดขึ้นบ่อยๆนะครับหรือว่าเป็น
00:22:23 → 00:22:26 เรื่องของการขาดธาตุเหล็กอ้าเพราะว่าคนเ
00:22:26 → 00:22:29 ก็มีปัญหาเรื่องของทาลัสซีเมียเนาะเาเป็น
00:22:29 → 00:22:32 พาหทาซิมซึ่งคนที่เป็นพาหทาซิมเนี่ยก็มัก
00:22:32 → 00:22:34 จะธาตุเหล็กน้อยอยู่แล้วเหล็กน้อยลดลงได้
00:22:35 → 00:22:37 อ๋ออันนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยใช่ครับ
00:22:37 → 00:22:40 ก็ทำให้เกิดขากระตุกมากขึ้นได้เนาะหรือใน
00:22:40 → 00:22:43 เรื่องของเอ่อพูดถึงยาไปแล้วใช่มพูดถึงยา
00:22:43 → 00:22:45 ไปแล้วพูดถึงเอ่อหรือว่าเกิดจากโรคทาง
00:22:45 → 00:22:48 ประสาทบางอย่างอืก็ทำให้ขากระตุกผิดปกติ
00:22:48 → 00:22:51 มากขึ้นได้เนาะซึ่งพวกเนี้ยเราจะดูว่าผิด
00:22:51 → 00:22:53 ปกติหรือไม่ต้องตรวจการนอนหลับหรือว่า
00:22:53 → 00:22:56 Sleep Test เพื่อทราบว่าเขาเนี่ยกระตุก
00:22:56 → 00:22:59 มากเกินกว่าค่าปกติหรือเปล่าคนทั่วไปมี
00:22:59 → 00:23:02 กระตุกได้ในค่าที่จำกัดอ่ายกตัวอย่างเช่น
00:23:02 → 00:23:04 ถ้าเกิดว่าชั่วโมงนึงไม่เกิน 15 ครั้ง
00:23:04 → 00:23:07 อะไรอย่างเงี้ยเราก็จะมีการตรวจใน Sleep
00:23:07 → 00:23:09 Test 15 ครั้งนี่ปกติเหรอคะใช่เราจะดู
00:23:09 → 00:23:11 เวลาที่เราดู Sleep Test เนี่ยเราจะมี
00:23:11 → 00:23:15 การมิเตอรในเรื่องของขาแล้วดูว่าเขามีการ
00:23:15 → 00:23:18 กระตุกของขาเนี่ยเกินจำนวนหรือเปล่าต่อ
00:23:18 → 00:23:21 ชั่วโมงในโดยธรรมชาติของเราเวลาเรานอนนี่
00:23:21 → 00:23:23 เรากระตุกเยอะขนาดนั้นเลยมีการกระตุกบ้าง
00:23:23 → 00:23:25 เล็กน้อยได้อยู่แล้วแต่บางคนก็จะมีการ
00:23:25 → 00:23:28 กระตุกที่มากกว่าปกติได้ก็นับว่าเป็นโรค
00:23:28 → 00:23:31 เนาะซึ่งพวกเนี้ยอถ้าเกิดว่ากระตุกแต่ไม่
00:23:31 → 00:23:34 ได้ส่งผลต่อการนอนของตัวคนไข้เองเนี่ยฮะ
00:23:34 → 00:23:37 ไม่เป็นไรอือแต่ว่าถ้ากระตุกจนตัวเองก็
00:23:37 → 00:23:40 ตื่นด้วยหรือคนข้างๆก็รบกวนเนี่ยก็ต้องมา
00:23:40 → 00:23:43 ตรวจดูและว่ามันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเนาะ
00:23:43 → 00:23:45 กับอย่างอื่นที่เป็นสาเหตุทำให้กระตุกได้
00:23:45 → 00:23:48 คืออาการชักอันนี้คือเรื่องซีเรียสและ
00:23:48 → 00:23:52 เพราะว่าอ่าถ้าเป็นกระตุกจากขาเนี่ยตัวก็
00:23:52 → 00:23:54 กระตุกได้นิดหน่อยเนาะอ่ะแต่ถ้ามันกระตุก
00:23:54 → 00:23:58 จากชักเนี่ยก็มีภาวะบางอย่างที่ทำให้ตอน
00:23:58 → 00:24:00 หลหลับเราเนี่ยมีเกิดโรคลมชักในระหว่าง
00:24:00 → 00:24:03 ที่เราหลับเกิดขึ้นได้เนก็ต้องตรวจ Sleep
00:24:03 → 00:24:06 Test เหมือนกันว่าคลื่นสมองในขณะนั้นมี
00:24:06 → 00:24:07 อาการชักเกิดขึ้นในระหว่างที่เรามีการ
00:24:07 → 00:24:11 หลับหรือเปล่านะครับอแต่ณเบื้องต้นถ้าแฟน
00:24:11 → 00:24:14 คุณพิมพเนี่ยก็คือควรจะตรวจการนอนหลับดู
00:24:14 → 00:24:16 ว่าเขากระตุกจากสาเหตุอะไรก็แปลว่าเท่า
00:24:16 → 00:24:19 ที่หมอเล่ามาค่ะมันจะมี 3 แบบเนาะฮิปเจิก
00:24:19 → 00:24:22 ที่มันจะเป็นการค่อยๆเคลิ้มหลับแล้วก็
00:24:22 → 00:24:24 กระตุกเป็นปกติของทุกคนอยู่แล้วนะใช่อัน
00:24:24 → 00:24:27 นั้นคือเกิดเฉพาช่วงเคลิมหลักอย่างเดียว่
00:24:27 → 00:24:29 หลแต่ว่าถ้าเป็นตอนกลางคืนเนี่ยก็จะเป็น
00:24:29 → 00:24:31 ไม่อาจจะเป็นโรคขากระตุกแบบปึ้งอย่างงี้
00:24:31 → 00:24:34 เนาะหรือไม่ก็อาจจะเป็นชักซึ่งชักเนี่ย
00:24:34 → 00:24:37 อาจจะค่อนข้างอันตรายซีเรียสแล้วอืฉะนั้น
00:24:37 → 00:24:40 น่ะเา้าก็อาจจะในเคสนี้น่าจะต้องเป็นเป็น
00:24:40 → 00:24:43 การทำ Sleep Test นะคะเพื่อจะหาสาเหตุ
00:24:43 → 00:24:45 ว่าตกลงที่เราชักเนี่ยไ้ที่เรากระตุก
00:24:45 → 00:24:48 เนี่ยเราชักเลยหรือเปล่าหรือว่าเป็นการขา
00:24:48 → 00:24:50 กระตุกแล้วถ้าสมมุติว่าเเป็นแค่ขากระตุก
00:24:50 → 00:24:52 เนี่ยค่ะสามารถปล่อยไว้ได้มั้ยคะหรือว่า
00:24:52 → 00:24:54 ควรจะรักษาก็จะต้องดูสาเหตุว่าเกิดจาก
00:24:54 → 00:24:57 อะไรแล้วก็มีการรักษาตามสาเหตุนั้นๆอืยก
00:24:57 → 00:24:59 ตัวอย่างได้มั้ยคะอ่าอย่างเช่นยกตัวอย่าง
00:24:59 → 00:25:01 ว่าถ้าเกิดว่าเขาเกิดจากสาเหตุที่มีการ
00:25:01 → 00:25:04 ขาดธาตุเหล็กอืก็อาจจะมีการทานธาตุเหล็ก
00:25:04 → 00:25:07 เสริมนะอ่าหรือว่าอาจจะเกิดจากโรคลมชักก็
00:25:07 → 00:25:11 ต้องมีการกินยาอืโอเคค่ะถ้าจะให้สรุปนะคะ
00:25:11 → 00:25:14 ของคุณพิมพเนี่ยข้อแรกเลยก็คือให้ทำตาม
00:25:14 → 00:25:17 5-6 สเต็ปที่เมื่อกี้คุณหมอแนะนำไปนะคะ
00:25:17 → 00:25:20 เพื่อที่จะนอนหลับได้ลึกแล้วก็ไม่ต้องลุก
00:25:20 → 00:25:22 ขึ้นมาบ่อยๆเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำไม่ว่า
00:25:22 → 00:25:25 จะเป็นการงดการดื่มน้ำ 2 ช่วโมงก่อนเข้า
00:25:25 → 00:25:27 นอนหรือว่าการหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย 3
00:25:27 → 00:25:30 ชั่วโมงก็ให้ย้อนดูได้ทั้งทั้งทุกสเต็ปนะ
00:25:30 → 00:25:34 คะแล้วข้อที่ 2 ก็คืออาการปวดเมื่อยคุณ
00:25:34 → 00:25:36 หมอแนะนำให้หาสาเหตุก่อนเนาะอาจจะสังเกต
00:25:36 → 00:25:38 ว่า 1 เป็นเพราะออฟิ Syndrome หรือเปล่า
00:25:38 → 00:25:40 ถ้าเป็นเพราะอฟฟิศ Syndrome เนี่ยแปลว่า
00:25:40 → 00:25:43 ปวดเมื่อยเรื้อรังอาจจะปวดตื่นมาปวดบ่าย
00:25:43 → 00:25:45 ปวดเย็นปวดกลางคืนยังปวดอันเนี้ย Office
00:25:45 → 00:25:47 syndrome และหรือถ้าสมมุติว่าเราปวดใน
00:25:47 → 00:25:50 ระยะสั้นเนี่ยอาจจะเป็นเพราะเครื่องนอนนะ
00:25:50 → 00:25:53 คะเตียงเนี่ยไม่อาจจะนุ่มไปแข็งไปหรือ
00:25:53 → 00:25:56 เปล่าหรือหมอนอาจจะไม่ได้รองรับกับสรีระ
00:25:56 → 00:25:59 หรือว่าอ่าศีรษะของเราหรือเปล่าแต่ว่าใน
00:25:59 → 00:26:02 เคสเค่ะเขบอกไว้แล้วว่าเสเสันนิษฐานว่า
00:26:02 → 00:26:07 เป็นอิมเเลยตั้งเวลาลุกขึ้นทุกครั้งทุก 1
00:26:07 → 00:26:09 ชั่วโมงแต่ก็ยังเมื่อยอยู่ฉะนั้นอาจจะ
00:26:09 → 00:26:11 เป็นที่เครื่องนอนหรือเปล่าอาจจะต้องลอง
00:26:11 → 00:26:14 ใช่แต่ต้องดูหลายๆอย่างอันที่ 3 ก็คือ
00:26:14 → 00:26:17 เรื่องของคุณแฟนที่นอนกระตุกนะคะอันเนี้ย
00:26:17 → 00:26:21 น่าจะไม่ใช่การเ่อใช่ิิไม่ใช่ฮิปเจิกหรือ
00:26:21 → 00:26:23 ว่าการกระตุกระยะแรกในการนอนใช่มั้ยคะอาจ
00:26:23 → 00:26:26 จะเป็นแบบซีเรียสอาจจะเป็นลมชักก็ได้นะคะ
00:26:27 → 00:26:29 หรือว่าอาจจะเป็นขากระตุกผิดปกติติด
00:26:29 → 00:26:33 กระตึกตลอดอาจจะเป็นโรคขานอนกระตุกซึ่ง
00:26:33 → 00:26:35 อันเนี้ยเราไม่มีทางรู้เลยนอกจากการไปทำ
00:26:35 → 00:26:37 Sleep Test ซึ่ง Sleep Test จะต้องไป
00:26:37 → 00:26:40 ทำที่โรงพยาบาลกับผู้เชี่ยวชาญใช่มั้ยคะ
00:26:40 → 00:26:42 ก็แปลว่าของคุณพิมเนี่ยอาจจะไม่ต้อง Sleep
00:26:42 → 00:26:44 Test ขนาดนั้นอาจจะเป็นเรื่องการปรับ
00:26:44 → 00:26:46 พฤติกรรมมากกว่าแต่ของคุณแฟนเนี่ยถ้าอยาก
00:26:46 → 00:26:50 นอนกระตุกแล้วอยากนอนกระตุกน้อยลงนะคะอาจ
00:26:50 → 00:26:53 จะต้องไปทำการทคือถ้ารักษาในเรื่องของแฟน
00:26:53 → 00:26:56 ให้เขานอนแล้วกระตุกน้อยลงรวมทั้งปรับ
00:26:56 → 00:26:59 พฤติกรรมตัวเองให้นอนได้ลึกขึ้นก็น่าจะมี
00:26:59 → 00:27:03 การนอนที่ดีขึ้นหลายคนอาจคิดว่าสิ่งสำคัญ
00:27:03 → 00:27:05 ในการมีการนอนที่ดีมีแค่เรื่องที่นอนแต่
00:27:05 → 00:27:08 จริงๆแล้วหมอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่
00:27:08 → 00:27:11 สำคัญมากๆทำให้เรามีการนอนที่มีคุณภาพที่
00:27:11 → 00:27:14 ดีได้ค่ะซึ่งการเลือกหมอนควรเป็นหมอนที่
00:27:14 → 00:27:18 มีคุณภาพแล้วก็รองรับกับสรีระของศีรษะ
00:27:18 → 00:27:21 เพราะแต่ละคนเนี่ยมีสรีระและลักษณะของ
00:27:21 → 00:27:23 ศีรษะที่แตกต่างกันไปค่ะวันนี้เจนเลยอยาก
00:27:23 → 00:27:26 จะแนะนำนิชิกาวะแอร์ thiland ที่ออกแบบ
00:27:26 → 00:27:29 หมอนรุ่นแร์ Custom เมเป็นหมอนเพื่อ
00:27:29 → 00:27:32 สุขภาพเพื่อคุณเพียงคุณคนเดียวโดยเฉพาะมี
00:27:32 → 00:27:35 ฟีเจอร์สุดพิเศษก็คือสามารถปรับระดับความ
00:27:35 → 00:27:38 สูงของหมอนได้ให้รองรับกับสรีระศีรษะของ
00:27:38 → 00:27:41 คุณและสามารถเลือกวัสดุที่คุณชอบได้ด้วย
00:27:41 → 00:27:43 ค่ะด้วยนวัตกรรมสุดพิเศษที่สามารถปรับได้
00:27:44 → 00:27:47 ทุกองค์ประกอบตามสรีระของผู้ใช้งานหมอน
00:27:47 → 00:27:49 แอร์ costom เลยพร้อมมอบการนอนที่มี
00:27:49 → 00:27:52 คุณภาพและทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นค่ะมี
00:27:52 → 00:27:55 ช่องปรับไส้หมอนสูงถึง 14 ช่องและสามารถ
00:27:55 → 00:27:59 แก้ปัญหาเรื่องจุดกดทับตามร่างกายและยัง
00:27:59 → 00:28:01 สามารถทำให้การไหลเวียนของเลือดเนี่ยดี
00:28:01 → 00:28:04 ขึ้นด้วยค่ะดังนั้นไม่ว่าคุณจะคุ้นชินกับ
00:28:04 → 00:28:06 การนอนท่าไหนหมอนรุ่นนี้ก็สามารถปรับ
00:28:06 → 00:28:09 เปลี่ยนโครงสร้างให้เข้ากับศีรษะและลำคอ
00:28:09 → 00:28:12 ของคุณแล้วก็สามารถแก้ปัญหาการปวดเมื่อย
00:28:12 → 00:28:15 คอบ่าไหลได้ด้วยค่ะนิชิคาวะเลือกวัสดุ
00:28:15 → 00:28:18 เกรดพิเศษที่คิดค้นและพัฒนามาอย่างดีใน
00:28:18 → 00:28:21 ทุกกระบวนการการผลิตและออกแบบอย่างพิธี
00:28:21 → 00:28:23 พิถันค่ะโดยจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า press
00:28:23 → 00:28:26 shap หรือเครื่องวัดศีรษะที่ผลิตจาก
00:28:26 → 00:28:29 ประเทศญี่ปุ่นโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการ
00:28:29 → 00:28:31 อบรมมาแล้วเท่านั้นค่ะเพราะหลักการของ
00:28:31 → 00:28:34 หมอน Air Custom Made จะเน้นการรองรับ
00:28:34 → 00:28:37 กระดูกส่วนคอและกระดูกสัตหลังในแนวตรงตาม
00:28:37 → 00:28:40 ธรรมชาติค่ะทีนี้ถ้าสนใจอยากสั่งหมอน
00:28:40 → 00:28:43 Custom ดีๆแบบนี้มีขั้นตอนแบบไหนบ้าง
00:28:43 → 00:28:45 เดี๋ยวเจนจะเล่าให้ฟังค่ะขั้นตอนแรกเลือก
00:28:46 → 00:28:48 วัสดุและไส้หมอนค่ะหมอน Air Custom Made
00:28:48 → 00:28:50 จะมีวัสดุให้เลือกทั้งหมด 4 แบบได้แก่
00:28:50 → 00:28:54 Angel Float Puff Elastic pipes และ
00:28:54 → 00:28:58 chc pipes ค่ะขั้นตอนที่ 2 วัดสรีระสี
00:28:58 → 00:29:01 และลำคอด้วยเครื่อง PR shap หรือเครื่อง
00:29:01 → 00:29:04 วัดศีรษะกับ Sleep Master ผู้เชี่ยวชาญ
00:29:04 → 00:29:07 ของนิชิกาวะค่ะขั้นตอนที่ 3 ปรับระดับ
00:29:07 → 00:29:11 ความสูงของหมอนตามท่านอนคุณจะได้ทดลองการ
00:29:11 → 00:29:14 นอนทั้งนอนหงายและนอนตะแคงเพื่อที่จะหา
00:29:14 → 00:29:17 ความสูงของหมอนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
00:29:17 → 00:29:20 ค่ะและขั้นตอนที่ 4 คือการผลิตค่ะด้วย
00:29:20 → 00:29:23 นวัตกรรมของนิชิโกะจึงเรียกได้ว่าหมอน Air
00:29:23 → 00:29:26 Custom Made เป็นหมอนที่ผลิตพิเศษใบ
00:29:26 → 00:29:28 เดียวในโลกเพื่อคุณเพียงคุณคนเดียวเท่า
00:29:28 → 00:29:31 นั้นค่ะซึ่งจะมอบประสบการณ์การนอนหลับ
00:29:31 → 00:29:35 สบายเต็มอิ่มเสมือนกับว่ามีปุยนุ่นโอบ
00:29:35 → 00:29:37 ปรอมให้กับคุณค่ะสามารถทดลองได้แล้ววัน
00:29:37 → 00:29:41 นี้ที่ 2 สาขาของนิชิคาวะ Air Thailand
00:29:41 → 00:29:44 Shop ตามรายละเอียดบนหน้าจอเลยนะคะหรือ
00:29:44 → 00:29:46 ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามมา
00:29:46 → 00:29:50 ได้ตามช่องทางตรงนี้เลยค่ะเคสเมื่อกี้ค่ะ
00:29:50 → 00:29:53 นอนน้อยแต่นอนนะแต่เคสเนี้ยนอนเหมือนไม่
00:29:53 → 00:29:57 ได้นอนขหมอเพราะเขาบอกว่านอนฝันจนเหนื่อย
00:29:57 → 00:29:59 นอนเหมือนไม่ไม่ได้นอนแก้ไขยังไงดีคะหมอ
00:29:59 → 00:30:02 อันนี้นะคะเป็นคำถามมาจากคุณแบงค์อายุ 29
00:30:02 → 00:30:06 ปีพนักงานสายไอทีค่ะสวัสดีครับคุณหมอผม
00:30:06 → 00:30:09 เป็นคนนอนหลับและฝันตลอดตอนเด็กๆก็รู้สึก
00:30:09 → 00:30:12 สนุกดีเหมือนได้ผจญภัยจนถึงทุกวันนี้ผม
00:30:12 → 00:30:15 ยังคงฝันเยอะอยู่เลยครับหลายครั้งฝันเป็น
00:30:15 → 00:30:17 ตุเป็นตะมากเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
00:30:18 → 00:30:21 จริงเลยครับอฝันเรื่องงานฝันเรื่องเพื่อน
00:30:21 → 00:30:23 ฝันว่าอยู่ในเกมฝันว่าหลงทางอันนี้นี่
00:30:23 → 00:30:27 บ่อยมากเลยครับบางครั้งก็สะดุ้งตื่นขึ้น
00:30:27 → 00:30:29 มาหรือว่าเื่อแตกมากๆแล้วก็ต้องรีบวิ่งไป
00:30:29 → 00:30:32 อาบน้ำแล้วก็ไปทำงานรู้สึกเหมือนไม่ได้
00:30:32 → 00:30:34 นอนพักเลยครับใน 1 อาทิตย์เนี่ยจะเป็น
00:30:34 → 00:30:37 หลายวันมากๆบางทีก็เป็น 3 วันติดเลยครับ
00:30:37 → 00:30:39 อืเรื่องนอนฝันเนี่ยอาจจะฟังดูว่าเป็น
00:30:39 → 00:30:42 เรื่องเล็กๆนะครับแต่สำหรับผมมันกระทบ
00:30:42 → 00:30:44 ชีวิตมากๆเลยค่ะเพราะว่าตอนกลางวันเนี่ย
00:30:44 → 00:30:47 ง่วงตลอดทำงานก็พลาดบ่อยขึ้นกลายเป็นคน
00:30:47 → 00:30:51 ติดกาแฟเอามากๆเลยครับผมเลยแก้ไขด้วยการ
00:30:51 → 00:30:53 เริ่มออกกำลังกายเข้ายิมอาทิตย์ละประมาณ
00:30:53 → 00:30:56 2-3 ครั้งครับครับแต่ก็ยังฝันอยู่ดีอื
00:30:56 → 00:30:59 คุณหมอช่วยแนะนำได้มครับว่าทำยังไงให้ไม่
00:30:59 → 00:31:03 ฝันออนอกจากเรื่องความฝันเนี่ยผมก็ไม่มี
00:31:03 → 00:31:06 ปัญหาการนอนอย่างอื่นนะครับโดยปกติแล้วผม
00:31:06 → 00:31:09 จะนอนวันละ 7 ชมงแต่ช่วงที่ทำงานหนัก
00:31:09 → 00:31:12 เนี่ยก็จะนอนประมาณ 4-5 ชมงครับผมเคยไป
00:31:12 → 00:31:15 ต่างจังหวัดแล้วก็เพื่อนบอกว่าผมอ่ะนอนกน
00:31:15 → 00:31:18 แต่การนอนกรนเล็กๆน้อยๆก็เป็นเรื่องปกติม
00:31:18 → 00:31:21 ครับผมรูปร่างค่อนข้างผอมไม่มีโรคประจำ
00:31:21 → 00:31:24 ตัวอะไรเคยเป็นแพนิคเมื่อ 3 ปีก่อนแต่ตอน
00:31:24 → 00:31:26 นี้หายแล้วครับมีหลายเรื่องที่ต้องพูดนะ
00:31:26 → 00:31:29 โดยเฉพาะเรื่องความฝันความฝันมันเกิดจาก
00:31:29 → 00:31:32 อะไรแล้วทุกคนฝันมคะหมออืเห็นน้องเจนจะ
00:31:32 → 00:31:35 ถามเรื่องความฝันหมอก็มีพอมาด้วยนะควโอห
00:31:35 → 00:31:38 ดีเลยค่ะหมอโอเคเอ่อให้ดูนิดนึงก่อนว่าคน
00:31:39 → 00:31:41 เราเนี่ยก็จะมีระยะการนอนอ่าพูดคร่าวๆเลย
00:31:41 → 00:31:45 คือระยะหลับตื้นหลับลึกและหลับฝันเนาะวน
00:31:45 → 00:31:48 กันไปมาแบบเนี้ยนะครับเป็นวงรอบเนาะในวง
00:31:49 → 00:31:51 รอบนึงเนี่ยเราจะมีการหลับประมาณเนี่ย
00:31:51 → 00:31:54 ช่วงตื้นลึกฝันเนี่ยนะครับความยาวประมาณ
00:31:54 → 00:31:58 90-120 นาทีนะถ้าเรานอนประมาณสัก 78 ชมง
00:31:58 → 00:32:00 จะมีระยะทั้งหมดเนี่ยมีความฝันเนี่ยวนกัน
00:32:00 → 00:32:03 ไปเนี่ยนะครับหรือว่าการหลับหลับตื้นลึก
00:32:03 → 00:32:06 ฝันเนี่ยวนกันประมาณสัก 4-6 รอบใน 1 คืน
00:32:06 → 00:32:09 เราหลับคือสีแดงๆคือฝันใช่มั้ยคะ 1 2 3
00:32:09 → 00:32:12 4 เราฝัน 5 รอบใน 1 คืนเลยหรอคะใช่ใช่มี
00:32:12 → 00:32:15 ประมาณประมาณนั้นเลยนะฮะอ่าใน 1 โรอบ
00:32:15 → 00:32:18 เนี่ยจะมีการหลับทั้งตื้นนะครับหลับลึก
00:32:18 → 00:32:21 แล้วก็หลับฝันนะก็คือว่า N1 คือตื้นใช่
00:32:21 → 00:32:24 มั้ย n คือระยะหลับตื้นๆนะครับ n2 คือ
00:32:24 → 00:32:27 กลางๆ n กลางลๆ N3 คือ 3 คือระยะหลับลึก
00:32:27 → 00:32:31 หรือรจฮะคำว่า n เนี่ยย่อมาจาก non Sleep
00:32:31 → 00:32:34 คือการหลับที่ตาไม่กระตุกเพราะว่าถ้าเกิด
00:32:34 → 00:32:37 ว่าเราหลับปกติเนี่ยตาจะเคลื่อนไหวช้าๆนะ
00:32:37 → 00:32:40 ฮะเรียกว่าระยะ non rapid Eye movement
00:32:40 → 00:32:42 แต่ถ้าเป็นระยะหลับฝันคือระยะหลับลึกเอ่อ
00:32:42 → 00:32:45 ระยะหลับฝันคือระยะหลับที่เรารู้สึกว่ามี
00:32:45 → 00:32:47 ความคิดเกิดขึ้นเนี่ยมันจะเป็นระยะที่ตา
00:32:47 → 00:32:49 เรากระตุกค่อนข้างไวก็คือ rapid Eye
00:32:49 → 00:32:51 movement หรือว่าระยะ remem ที่เรารู้
00:32:51 → 00:32:56 จักกันนะฮะใน 1 วงรอบจะมีระยะ N1 n2 N3
00:32:56 → 00:33:00 แล้วก็ระยะฝันนะครับใน 1 วงรอบซึ่งพอวง
00:33:00 → 00:33:03 รอบนึงผ่านไป 90 นาทีถึง 120 นาทีแล้ว
00:33:03 → 00:33:06 เนี่ยก็จะเข้าสู่วงรอบที่ 2 3 4 ต่อไป
00:33:06 → 00:33:10 อืถ้าหลับได้ 7-8 ชมงก็หลับประมาณซัก 4-6
00:33:10 → 00:33:14 วงรอบนะครับอ่ะจะสังเกตได้ว่าในความฝัน
00:33:14 → 00:33:18 เนี่ยสีแดงๆตรงเนะครับก็จะมีการฝันเนี่ย
00:33:18 → 00:33:22 วงรอบแรกๆจะฝันค่อนข้างสั้นก่อนอืเนาะแต่
00:33:22 → 00:33:25 พอหลับนานขึ้นก็จะวงรอบ 2 ก็จะมีความฝัน
00:33:25 → 00:33:27 ที่ยาวขึ้นยาวขึ้นยาวขึ้นเพราะฉะนั้นก็จะ
00:33:27 → 00:33:30 ไปฝันเยอะในช่วงของท้ายคืนอ๋อค่อนข้าง
00:33:30 → 00:33:33 เยอะอก็จะเป็นช่วงที่เราเนี่ยได้เลขมงคล
00:33:33 → 00:33:36 อะไรกันในช่วงนั้นใช่มั้ยที่เราท้ายๆขึ้น
00:33:36 → 00:33:39 แล้วจะเราจะรู้สึกฝันขึ้นอยากได้เลขมมงคล
00:33:39 → 00:33:42 ต้องนอนหลับลึกๆใช่หลับหลับยาวๆถ้าหลับ
00:33:42 → 00:33:46 ยาวจะได้เลขมงคลอ่ะทุกคนใช่นี่แหละนี่
00:33:46 → 00:33:48 แหละเหตุผลที่ต้องหลับให้ลึกอ่าแต่ว่า
00:33:48 → 00:33:51 ส่วนทางกับการหลับลึกซึ่งการหลับลึกเนี่ย
00:33:51 → 00:33:54 จะเกิดขึ้นเยอะในช่วงวงรอบแรกๆอืวงรอบ 2
00:33:54 → 00:33:58 3 4 เนี่ยจะหลับลึกสั้นลงสั้นลงอนจน
00:33:58 → 00:34:01 ท้ายๆคืนแทบจะไม่หลับลึกแล้วร่างกายพร้อม
00:34:01 → 00:34:04 จะให้เราปุกตื่นได้ง่านาฬิกาจะได้ปลุกได้
00:34:04 → 00:34:07 ไม่งั้นเราก็จะไม่ปลุกตามนาฬิกาใช่มก็แปล
00:34:07 → 00:34:10 ว่าในใน 1 คืนเนี่ยเราก็จะมีวงเเรียกว่า
00:34:10 → 00:34:13 วงรอบการนอนหลายๆรอบหลายๆรอบหลายๆรอบโดย
00:34:13 → 00:34:15 รอบแรกๆเนี่ยจะเป็นการหลับลึกเยอะหน่อย
00:34:15 → 00:34:19 ใช่มคะเราเลยจะฝันน้อยแต่ว่าความฝันเนี่ย
00:34:19 → 00:34:23 ก็ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นพอถึงท้ายคืนใช่ในช่วง
00:34:23 → 00:34:26 ท้ายคืนก็แปลว่าทุกคนฝันหรอคะหมอใช่แต่
00:34:26 → 00:34:29 ทำไมจำไม่ได้ใช่ออคะอ่ะพูดอย่างงี้ก่อน
00:34:29 → 00:34:32 ว่าถ้าเราตื่นในช่วงที่เราหลับฝันอยู่คือ
00:34:32 → 00:34:35 แดงๆตรงนี้นะเราจะจำความฝันค่อนข้างจำได้
00:34:35 → 00:34:38 ง่ายนะครับก็คือถ้าตื่นมาปุ๊บเนี่ยเราฝัน
00:34:38 → 00:34:42 เนี่ยให้รีบจดเลยนะอ๋อนะครับแต่ว่าถ้า
00:34:42 → 00:34:44 ตื่นในช่วงที่เราไม่ได้หลับฝันน่ะเราก็จะ
00:34:44 → 00:34:46 จำไม่ค่อยได้อ๋ออย่างเช่นถ้าเราตื่นตอน
00:34:46 → 00:34:48 ตอนหลับลึกหรือไม่ก็ตอนหลับตื้นไม่ได้
00:34:48 → 00:34:51 อยู่ในช่วงโซนของความฝันเราก็จะจำไม่ได้
00:34:51 → 00:34:54 ใช่ก็ต้องบอกว่าความฝันเนี่ยรวมกันเนี่ย
00:34:54 → 00:34:57 ในการนอนคนเราเนี่ยประมาณ 25% ของการนอน
00:34:57 → 00:35:00 อืยกตัวอย่างเชนอนประมาณสัก 8 ชมก็มีความ
00:35:00 → 00:35:02 ฝันประมาณสัก 2 ชั่วโมงประมาณนี้เยอะ
00:35:02 → 00:35:04 เหมือนกันนะคะใช่แต่มันจะแทรกเป็นต่อนๆใน
00:35:04 → 00:35:07 ระหว่างการหลับอ๋อ Episode 1 Episode 2
00:35:07 → 00:35:09 epe 3 ใช่อาจจะเป็นเรื่องที่ต่อกันหรือ
00:35:09 → 00:35:12 ไม่ต่อกันก็แล้วแต่นะอ่ะส่วนระยะหลับลึก
00:35:12 → 00:35:15 เนี่ยครับจะรวมกันประมาณ 20% อ่าเพราะ
00:35:15 → 00:35:18 ฉะนั้นหลับฝันประมาณ 25% ลึกประมาณ 20%
00:35:18 → 00:35:21 นะครับหลับฝันเนี่ยมันเป็นสิ่งที่จำเป็น
00:35:21 → 00:35:24 ของร่างกายต้องมีอยู่แล้วเพราะช่วงเวลา
00:35:24 → 00:35:26 ที่เราฝันคือช่วงเวลาที่เราบันทึกความทรง
00:35:26 → 00:35:29 จำเป็น long ter memmory อ้าอย่างเช่น
00:35:29 → 00:35:31 วันนี้เราเรียนรู้สิ่งใหม่เราจะผูกกับ
00:35:31 → 00:35:33 ความทรงจำเดิมที่เรารู้อยู่แล้วให้เป็น
00:35:33 → 00:35:37 ความทรงจำที่มันยาวขึ้นในระยะที่เราฝันเน
00:35:37 → 00:35:41 ช่วงความฝันเรามีการฉายภาพซ้ำในสมองเป็น
00:35:41 → 00:35:44 การบันทึกความทรงจำให้มันยาวนานขึ้นเพราะ
00:35:44 → 00:35:47 ฉะนั้นคนเราถ้าฝันน้อยหรือไม่ได้ฝันความ
00:35:47 → 00:35:50 จำจะไม่ดีอ๋อนะฮะก็แปลว่าคนนี้น่าจะความ
00:35:50 → 00:35:53 จำดีมากเพราฝันแต่มากเกินก็ไม่ดีนะอ่ามาก
00:35:53 → 00:35:56 เกนก็ไม่ดีเหมือนกันเนาะส่วนระยะดับลึก
00:35:56 → 00:35:58 หรือว่าระยะที่เป็น Deep sleep 3 เนี่ย
00:35:58 → 00:36:00 เป็นระยะที่มีการหลังรดฮอร์โมนหรือ
00:36:00 → 00:36:03 ฮอร์โมนเติบโตใช่มยเด็กเนี่ยเขาจะหลับได้
00:36:03 → 00:36:06 ยาวกว่าเราหลหลับได้ค่อนข้างนานกว่าเราใน
00:36:06 → 00:36:09 เด็กๆประถมเนี่ยหลับเป็น 10 ช่วโมงอ่าเรา
00:36:09 → 00:36:12 ก็หลับประมาณ 7-9 ชมงประมาณนี้นะครับช่วง
00:36:12 → 00:36:14 ที่มีการหลังโรดฮอร์โมนเนี่ยก็เป็นช่วง
00:36:14 → 00:36:18 ที่เรามีการกระตุ้นการเติบโตในเด็กเนาะ
00:36:19 → 00:36:22 ถ้าอายุเยอะเราก็ลดความแก่ชราก็จะอ่อน
00:36:22 → 00:36:26 เยาวมากขึ้นอืนะครับออก็แปลว่าเท่าที่คุณ
00:36:26 → 00:36:28 หมออธิบายมาเนี่ยถ้าสมมุติว่าช่วงของหลับ
00:36:28 → 00:36:32 ฝันเนี่ยมีประโยชน์เพราะว่าจะช่วยให้เรา
00:36:32 → 00:36:35 ช่วยเรื่องความจำนะคะที่เหตุการณ์ที่เรา
00:36:35 → 00:36:37 เจอมาหรือวันนี้ฉันไปเรียนอะไรมาเนี่ยมัน
00:36:37 → 00:36:40 จะทำให้เหมือนแบบผูกโยงความรู้เดิมแล้วก็
00:36:40 → 00:36:43 เกิดระยะยาวของความทรงจำมากขึ้นเหมนแบบ
00:36:43 → 00:36:45 เก็บเป็นเหมือนพาร์ทเก็บความทรงจำเนาะ
00:36:45 → 00:36:47 ส่วนการที่เรานอน Deep Sleep หรือการ
00:36:47 → 00:36:50 หลับลึกเนี่ยก็ดีในเชิงที่ว่าเป็นช่วง
00:36:50 → 00:36:53 เวลาที่ให้เรามีโทฮอร์โมนนะคะก็เป็น
00:36:53 → 00:36:55 ฮอร์โมนที่คอยซ่อมแซมหรือว่าทำให้เรา
00:36:55 → 00:36:59 พัฒนาโดยเด็กใช่มั้ยคะะทีนี้กับพที่คนนี้
00:36:59 → 00:37:04 ค่ะเาอ่ะนอนฝันเยอะมากๆเยอะเกินจนเหนื่อย
00:37:04 → 00:37:06 อันเนี้ยน่าจะไม่ปกติแล้วหรือเปล่าคะอ่า
00:37:07 → 00:37:09 มันเกิดกับได้หลายโรคหรือว่าสาเหตุมีหลาก
00:37:09 → 00:37:13 หลายนะมันจะมีภาวะเรียกว่าเรมรบาคือเป็น
00:37:13 → 00:37:15 การหลับฝันที่มากผิดปกติเกิดขึ้นได้นะ
00:37:15 → 00:37:19 ครับได้หลายสาเหตุเลย 1 คืออดนอนบ่อยถ้า
00:37:19 → 00:37:22 เราอดนอนนอนดึกเนาะเราก็จะมีความฝันที่
00:37:22 → 00:37:26 มากขึ้นได้นะครับเอ่ออย่างที่ 2 คือ
00:37:26 → 00:37:29 เรื่องของแอลกอฮอล์อือ่าแอลกอฮอลเนี่ยถ้า
00:37:29 → 00:37:31 ดื่มนะจะทำให้เราเหมือนหลับเคลิ้มหลับได้
00:37:31 → 00:37:34 ง่ายขึ้นแต่ช่วงท้ายคืนเนี่ยจะมีความฝัน
00:37:34 → 00:37:37 ที่มากออมากเกินผิดปกติได้ว่าระยะฝันของ
00:37:37 → 00:37:39 เราจะยาวขึ้นถ้าเราดื่มแอลกอฮอลใช่มั้ยคะ
00:37:39 → 00:37:42 ใช่ครับใช่ฮะอันดับอันที่ 3 ในเรื่องของ
00:37:42 → 00:37:45 ยาบางอย่างยาบางตัวนะอย่างเช่นยาต้าน
00:37:45 → 00:37:47 เศร้าในโรคซึมเศร้านะครับก็ทำให้ฝันได้
00:37:47 → 00:37:50 ค่อนข้างเยอะหรือยาลดความดันบางตัวอ่าก็
00:37:51 → 00:37:54 จะความฝันเยอะเหมือนกันเนาะอ่าสุดท้ายเลย
00:37:54 → 00:37:56 ในเรื่องของความเครียดก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
00:37:56 → 00:37:59 เหมือนกันไม่ความฝันค่อนข้างเยอะนะครับ
00:37:59 → 00:38:01 ต้องแยกอีกทีระหว่างว่าเฝันเยอะจริงหรือ
00:38:01 → 00:38:04 เปล่าหรือว่าเขามีเรื่องไปคิดในในสมองอ
00:38:04 → 00:38:07 เยอะมั้ยอเพราะว่าบางทีคนเราเนี่ยพอเรา
00:38:07 → 00:38:10 คิดหรือว่ามีความเ่อจดจ่อกับเรื่องไหนนาน
00:38:10 → 00:38:14 ๆก็จะไปฝันในคืนนั้นได้ใช่มยอ่าสุดท้าย
00:38:14 → 00:38:17 เลยนะก็คือจะมีเรื่องของโรคที่อาจจะเจอ
00:38:17 → 00:38:20 ได้ในคนที่ฝันค่อนข้าง vivid vivid
00:38:20 → 00:38:22 dreaming คือการฝันที่แบบมันโลดโผนน่ะ
00:38:22 → 00:38:26 ฝันแบบหหฝันเห็นเป็นเรื่องแบบน่าตื่นเต้น
00:38:26 → 00:38:28 ต่อสู้หรือว่าแบบเป็นเรื่องที่แบบมัน
00:38:28 → 00:38:31 เสมือนจริงเหลือเกินรสิเหลือเกินอะไร
00:38:31 → 00:38:33 เงี้ยฮะก็จะมีในโรคบางโรคคนอายุประมาณ
00:38:33 → 00:38:36 เนี้ยประมาณ 20-3 เนี่ยจะสงสัยโรคลมหลับ
00:38:36 → 00:38:40 ได้ลมหลับอ่าเคยได้ยินมาก่อนมั้ยไม่เคย
00:38:40 → 00:38:42 ค่ะลมแบบแบบวินลมเค้าเรียกว่าโรคนาโค
00:38:42 → 00:38:47 เลซี่นะครับเป็นโรคที่อ่าทำให้เป็นโรคที่
00:38:47 → 00:38:50 เกิดจากสารสืบประสาทในสมองผิดปกติและทำ
00:38:50 → 00:38:54 ให้คนไข้เนี่ยก็จะมีความง่วงระหว่างวัน
00:38:54 → 00:38:57 ค่อนข้างเยอะอ้าคล้ายๆคนนี้เลยนะอ๋อเนี่ย
00:38:57 → 00:38:59 กินข้าวอยู่หรือว่าทำกิจกรรมอยู่เนี่ย
00:38:59 → 00:39:02 หลับไปคาตรงนั้นเลยหลับเลยเคยเห็นแต่พวก
00:39:02 → 00:39:05 คลิปเด็กๆที่แบบกินอยู่แล้วใช่ไปเลยอ่ะ
00:39:05 → 00:39:08 อย่างงั้นเลยใช่ๆโรคลมหลับเป็นโรคที่เจอ
00:39:08 → 00:39:11 มันก็เจอในเด็กพวกวัยวัยรุ่นหรือว่าวัย
00:39:11 → 00:39:16 ประมาณ 2030 ก็คือจะมีภาวะที่ความง่วง
00:39:16 → 00:39:18 ค่อนข้างเยอะนะครับแล้วก็จะมีในเรื่องของ
00:39:18 → 00:39:20 ความฝันที่ค่อนข้าง vivid dreaming คือ
00:39:20 → 00:39:23 เป็นความฝันที่เสมือนจริงนะนะแล้วก็บางที
00:39:23 → 00:39:26 เนี่ยหลับสั้นๆแป๊บเดียวอย่างเช่นงีบหลับ
00:39:26 → 00:39:29 เนี่ยฝันและคนปกติถ้าเรางีบหลับสั้นๆไม่
00:39:29 → 00:39:31 เกินครึ่งชั่วโมงไม่เกินชั่วโมงนึงเนี่ย
00:39:31 → 00:39:33 เราจะไม่ค่อยฝันเราจะไม่ค่อยฝันตอนที่เรา
00:39:33 → 00:39:35 งีบหลับแต่ถ้าเรางีบแป๊บเดียว 15 นาทีเรา
00:39:36 → 00:39:38 ฝันและอันนี้อาจจะมีโรคโรคนี้อยู่เรียก
00:39:38 → 00:39:42 ว่าโรคลมหลับนะครับค่ะก็คิดถึงหลายโรค
00:39:42 → 00:39:44 เพราะฉะนั้นแต่ถ้าโรคลมหลับเนี่ยค่ะถ้า
00:39:44 → 00:39:46 ถ้าเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริงๆอ่ะค่ะมัน
00:39:46 → 00:39:48 อันตรายแล้วต้องรักษามั้คะหรือว่าอันตราย
00:39:48 → 00:39:50 ฮะเพราะว่าทำให้เกิดการหลับในที่ที่ไม่
00:39:50 → 00:39:52 ควรหลับหรือว่าขับรถอยู่ว่าหลับเป็น
00:39:52 → 00:39:54 อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เนาะแล้วต้อง
00:39:54 → 00:39:57 รักษายังไงคะถ้าสมมุติเคสเนี้ยเป็นลมหลัก
00:39:57 → 00:40:00 เป็นโรคลมหลับขึ้นมาจริงๆอันดับแรกต้อง
00:40:00 → 00:40:02 ประเมินโดยการตรวจการนอนหลับก่อนหรือว่า
00:40:02 → 00:40:04 Sleep Test นะครับเพื่อให้รู้ว่าเออที่
00:40:04 → 00:40:08 เขาฝันเนี่ยเขาฝันอยู่ในค่าปกติหรือเปล่า
00:40:08 → 00:40:12 นะแล้วความฝันนั้นเนี่ยมันเป็นความฝันที่
00:40:12 → 00:40:15 มันมีอัตราส่วนปกติมยมันผิดปกติคือมันมา
00:40:15 → 00:40:18 ไวไปหรือเปล่านะบางคนถ้าเกิดหลับแป๊บ
00:40:18 → 00:40:20 เดียวปุ๊บฝันเลยอันเนี้ยผิดปกติและก็
00:40:20 → 00:40:23 สงสัยโรคโรคนี้คือโรคลมหลับเนาะถ้าเกิด
00:40:23 → 00:40:26 ว่าเจอนะก็ต้องมีการตรวจเพิ่มเติมบาง
00:40:26 → 00:40:28 อย่างตรวจกันนอนพิเศษเพื่อให้ดูว่าเรามี
00:40:28 → 00:40:31 โรคนี้มนะครับแล้วถ้าเจอก็ต้องมีการรับ
00:40:31 → 00:40:34 ประทานยาอเพื่อป้องกันไม่ให้เราเกิดการ
00:40:34 → 00:40:36 หลับในที่ที่ไม่ควรจะหลับเนาะเกิดภาวะ
00:40:36 → 00:40:39 เอ่อหลับฟุบไปเลยอย่างเงี้ยมีโอกาสเกิด
00:40:40 → 00:40:43 อุบัติเหตุอือันตรายได้แล้วนอกจากโรคลม
00:40:43 → 00:40:45 หลับมีโรคอะไรอีกมยคะที่ทำให้เราสามารถ
00:40:45 → 00:40:48 ฝันเยอะได้ฝันเยอะได้ในผู้สูงอายุก็จะมี
00:40:48 → 00:40:51 โรคในกลุ่มที่เรียกว่าโรค
00:40:51 → 00:40:55 rbd rbd เนาะคือปกติแล้วเนี่ยลืมกล่าว
00:40:55 → 00:40:58 ไปว่าเวลาที่เรามีการฝันเนี่ยครับคนเราจะ
00:40:58 → 00:41:01 มีการปกป้องร่างกายไม่ให้ขยับตามฝันอืใช่
00:41:01 → 00:41:04 มยเพราะเราถ้าเราฝันแล้วเราเตะต่อยขยับไป
00:41:04 → 00:41:07 ใช่มยเราก็จะมีการเคลื่อนไหวที่อันตราย
00:41:07 → 00:41:11 ได้ใช่มยแต่ว่ากลไกของร่างกายเราเราจะปก
00:41:11 → 00:41:13 ป้องไม่ให้เราขยับเวลาที่เราฝันโดยการทำ
00:41:13 → 00:41:16 ให้มีการยวบตัวของกล้ามเนื้อในร่างกาย
00:41:16 → 00:41:19 อัมพาตอนที่เราหลับฝันอยู่อออเราก็อาจจะ
00:41:19 → 00:41:22 ขยับให้ตุ๊กตาอย่างงี้ป่ะคะเราก็จะมีการ
00:41:22 → 00:41:25 ในร่างกายเราจะกรอกตาได้อ่ากับกระบังลม
00:41:25 → 00:41:27 ยังทำงานในการหายใจอยู่ไม่งั้นเราตายเนาอ
00:41:27 → 00:41:30 แต่ว่าเวลาที่เราหลับฝันเนี่ยร่างกายจะปก
00:41:30 → 00:41:33 ป้องให้แขนขาต้องอัมพาทอออ่าแต่ในผู้สูง
00:41:33 → 00:41:37 อายุบางคนที่ลองสังเกตคุณพ่อคุณแม่เรานะ
00:41:37 → 00:41:40 ถ้าเขาฝันแล้วเขาขยับแขนขยับขาละเมอเยอะ
00:41:41 → 00:41:44 ในขณะหลับอาจจะเป็นโรคขยับเตะต่อยใน
00:41:44 → 00:41:46 ระหว่างที่ฝันได้อันนี้คือโรคเตะต่อย
00:41:46 → 00:41:48 ระหว่างที่อันนี้เป็นชื่อโรคเลยหรอคะใช่
00:41:48 → 00:41:51 เป็นเป็นโรคเเรียกว่าโรคเ่อเป็นโรคละเมอ
00:41:51 → 00:41:53 ในระยะหลับฝันออโรคละเมิหรือว่าชื่อว่า
00:41:53 → 00:41:56 โรค rbd นะครับอันนี้คือเกี่ยวเวลาสมมุติ
00:41:56 → 00:41:59 เรานอนกับกับแม่อย่างเงี้ยแล้วแม่แบบ
00:41:59 → 00:42:02 เตอนคืออันนี้คือเข้าขายป่าคะต้องต้อง
00:42:02 → 00:42:05 สังเกตดีๆว่าการพูดตรงนี้เนี่ยหรือว่าการ
00:42:05 → 00:42:08 ละเมอเนี่ยสอดคล้องกับความฝันมั้ยอืถ้า
00:42:08 → 00:42:10 ละเมอปุ๊บเราเราเรียกคุณพ่อคุณแม่ตื่นเลย
00:42:10 → 00:42:13 เอ้ยตะกี้ฝันเหรอแม่อะไรอย่างเงี้ยเราถาม
00:42:13 → 00:42:16 ว่าเออนี่เขาฝันว่าอะไรถ้าพฤติกรรมนั้น
00:42:16 → 00:42:20 สอดคล้องกับความฝันน่าจะเป็นโรคนี้นะครับ
00:42:20 → 00:42:22 ดังนั้นผู้ใหญ่ที่นอนลบนบ่อยๆเนี่ยผ่านไป
00:42:22 → 00:42:25 10 ปีอาจจะเป็นพาร์กินสันได้โหขนาดนั้น
00:42:25 → 00:42:27 เลยหรอคะใช่ครับโห 10 ปีแป๊บเดียวเองนะคะ
00:42:28 → 00:42:30 หมออือาจจะเป็นสัญญาณบึ่งต้นมาคะใช่ใช่ฮะ
00:42:30 → 00:42:32 เพราะว่าพากกินสันมันจะเริ่มต้นจากการ
00:42:32 → 00:42:36 เสื่อมของก้านสมองเนาะซึ่งการสมองเนี่ย
00:42:36 → 00:42:38 ควบคุมไม่ให้เราเนี่ยขยับเวลาที่เราฝัน
00:42:38 → 00:42:42 อยู่อ๋อนะก็อาจจะมีภาวะนี้ได้เนาะแต่ถ้า
00:42:42 → 00:42:45 น้องคนเนี้ยก็สงสัยในเรื่องของกลุ่มอื่น
00:42:45 → 00:42:48 มากกว่าไม่ค่อยสงสัยโรคตรงนี้แต่อันนี้
00:42:48 → 00:42:50 อยากน่าสนใจมากเลยค่ะก็คือเพราะว่าไม่เคย
00:42:50 → 00:42:54 ได้ยินมาก่อนนะโรค rbd หรือว่าการละเมอใน
00:42:54 → 00:42:58 ระยะฝันในระยะฝันเาญานบอกว่าเฮ้ยเราอาจจะ
00:42:58 → 00:43:02 มีภาวะของพาร์กินสันได้ในอนาคตใช่มั้ยคะ
00:43:02 → 00:43:06 แล้วนอกก็คือแต่อันนี้มักจะเกิดในสอาย 50
00:43:06 → 00:43:09 60 ขึ้นไปอแล้วถ้าไม่ใช่เหรอคะเมื่อกี้
00:43:09 → 00:43:11 คุณหมอบอกว่าถ้าสมมุติว่าเละเมอแล้วเรา
00:43:11 → 00:43:14 กระตุกแล้วเราสะกิดแล้วแม่พ่อแม่ตื่นขึ้น
00:43:14 → 00:43:16 มาแล้วเราถามเนี่ยแล้วเขาบอกว่าเออการที่
00:43:16 → 00:43:18 เราละเมอที่เขาละเมอเนี่ยกับความฝันเนี่ย
00:43:18 → 00:43:21 มันแมชกันก็อุ๊ยใช่หรือเปล่าแล้วในเคสที่
00:43:21 → 00:43:24 ไม่ใช่ล่ะคะที่เขาละเมอเฉยๆเรื่อยๆเปื่อย
00:43:24 → 00:43:26 ๆอันไหนที่รู้สึกว่าอันเนี้ยเข้าขายว่า
00:43:26 → 00:43:29 ไม่อันตรายไม่อันตรายคือ 1 ละเมอในเด็กอื
00:43:29 → 00:43:32 เด็กประถมที่เป็นเด็กวัยกำลังประถมวัย
00:43:32 → 00:43:34 เรียนอยู่พวกเนี้ยการละเมอจะเป็นละเมอที่
00:43:34 → 00:43:37 ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอืเช่นละเมอพูดละเมอ
00:43:37 → 00:43:40 ขึ้นมาลุกขึ้นมาอะไรแบบเนี้ยหรือว่าละเมอ
00:43:40 → 00:43:42 ตื่นตระหนกตกใจเฮือกขึ้นมาจากการหลับพวก
00:43:42 → 00:43:45 เนี้ยละเมอในเด็กจะเป็นละเมอที่ค่อนข้าง
00:43:45 → 00:43:48 ปลอดภัยนะครับแต่ว่าผู้สูงอายุถ้าเกิดว่า
00:43:48 → 00:43:51 อายุเกินเนาะ 50 ขึ้นไปแล้วละเมอเนี่ย
00:43:52 → 00:43:54 ต้องสังเกตดีๆว่ามีภาวะอย่างที่หมอกล่าว
00:43:54 → 00:43:57 ไปหรือเปล่านะครับอน่าสนใจมากเลยค่ะแล้ว
00:43:57 → 00:43:59 อยากถามเรื่องชั่วโมงการนอนค่ะเขาบอกว่า
00:43:59 → 00:44:03 โดยปกติเนี่ยเขาจะนอนคืนละ 7 ชมงแต่ว่าใน
00:44:03 → 00:44:06 บางคืนที่งานหนักมากๆเนี่ยจะเหลือประมาณ
00:44:06 → 00:44:09 4-5 ช่มถ้าการนอน 7 ช่วโมงเป็นประจำ
00:44:09 → 00:44:11 อันเนี้ยเพียงพอมคะอ่ามันแล้วแต่บุคคล
00:44:11 → 00:44:13 เนาะการนอนคนเราปกติเนี่ยเราจะมี
00:44:13 → 00:44:16 recommendation อยู่เว่าคนทั่วโลกเนี่ย
00:44:16 → 00:44:19 เขานอนประมาณสัก 7-9 ชมงนะถ้าพูดถึงวัย
00:44:19 → 00:44:23 ปกตินะในช่วง 20 -60 ปีอ่ะนะครับ 7-9
00:44:23 → 00:44:25 ชมงคือค่าเฉลี่ยก็เลยได้เลข 8 มาที่เรา
00:44:25 → 00:44:27 เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆเนาะคือเป็นตรงกลลาง
00:44:27 → 00:44:30 เนาใช่ครับแต่ว่าแต่ละคนเนี่ยอาศัยการนอน
00:44:30 → 00:44:33 ไม่เท่ากันนะยกตัวอย่างเช่นบางคนจะมีการ
00:44:33 → 00:44:37 นอนที่เเรียกว่าชอตสปอร์อืคือนอนแค่ 4-5
00:44:37 → 00:44:40 ช่วโมงก็พอแล้วมีเหมือนกันแต่ว่าเจอน้อย
00:44:40 → 00:44:42 มากนะครับเพราะว่าพันธุกรรมเนี่ยบอกว่า
00:44:42 → 00:44:45 นอนพอแลประมาณนี้นะครับตื่นมาสดชื่นไม่
00:44:45 → 00:44:48 ต้องกินกาแฟแฮปปี้ทั้งวันประมาณ 5 ชมงก็
00:44:48 → 00:44:50 มีเหมือนกันโดีจังเลยเราก็สุขภาพแข็งแรง
00:44:50 → 00:44:53 ดีด้วยเพราะว่าอยู่ที่เนติกใช่ครับอแต่
00:44:53 → 00:44:55 บางคนเนติกให้เราต้องนอนเยอะอ่ะเกิน 10
00:44:55 → 00:44:57 ช่วโมงอ่ะเรียกว่าองสป
00:44:57 → 00:44:59 นะครับก็ต้องนอนเยอะหน่อยนอนเยอะหน่อยที่
00:44:59 → 00:45:02 หมอเคยเจอนี่คือประมาณกี่ชั่วโมงอ่ะคะบาง
00:45:02 → 00:45:05 คนก็ 11 ชมงอะไรอย่างงี้ 12 ช่วโมงก็คือ
00:45:05 → 00:45:07 ต้องนอนทุกวันวันละ 11 12 ใช่แต่ต้องดู
00:45:07 → 00:45:09 ก่อนว่าเขาไม่ได้มีโรคซ่อนอยู่นะอ่าเพราะ
00:45:09 → 00:45:12 ว่าบางคนเนี่ยมีปัญหาในการนอนกรนหยุดหาย
00:45:12 → 00:45:15 ใจหรือว่าเขานอนคุณภาพ Quality ไม่ได้ก็
00:45:15 → 00:45:17 ต้องนอนให้ยาวขึ้นใช่มยเพื่อทดแทนสิ่งที่
00:45:17 → 00:45:20 เขานอนไม่พอใช่มั้ยครับเพราะฉะนั้นก็แปล
00:45:20 → 00:45:23 ว่าบางคนเนี่ยค่ะถ้าสมมุติว่าเราเป็นคน
00:45:23 → 00:45:27 เราเนติกเราใช่เกิดมาเป็นคนที่เป็น Short
00:45:27 → 00:45:29 sleeper เรานอน 4-5 ช่วโมงเราก็อาจจะ
00:45:29 → 00:45:33 สุขภาพแข็งแรงก็ได้หรือบางคนที่เป็นเนติก
00:45:33 → 00:45:35 เนี่ยพ่อแม่ให้มาแบบนี้เป็น long Sleep
00:45:35 → 00:45:37 พวกเนี้ยมันไม่ได้ไม่ได้เจอบ่อยเจอน้อย
00:45:37 → 00:45:40 ใช่อย่าคิดว่ายังเป็นเป็นแบบที่แปลกๆอัน
00:45:40 → 00:45:43 นี้คือถ้าน้อยๆมากๆเลยใช่มั้ยคะหมอใช่
00:45:43 → 00:45:45 ครับมันต้องอิงกับความชาติเฉลี่ยที่คน
00:45:45 → 00:45:47 ทั่วโลกเขาเป็นก่อนประมาณ 7-9 ช่วโมง
00:45:47 → 00:45:50 อย่างไรก็ตามลองลองพิจารณาตัวเองดูว่าเรา
00:45:50 → 00:45:53 เนี่ยนอนประมาณสักกี่ชั่วโมงถึงพอลอง
00:45:53 → 00:45:56 สังเกตว่านอนหลับช่วงวันหยุดแล้วไม่ต้อง
00:45:56 → 00:46:00 ตั้งปลุกว่าตื่นมาประมาณซักกี่ชั่วโมงที่
00:46:00 → 00:46:02 เราหลับไปนั่นแหละคือไอดีลของเราใช่มคะ
00:46:02 → 00:46:05 ใช่ต้องไม่มีโรคร่วมด้วยเนาะคุณภาพในการ
00:46:05 → 00:46:07 นอนประกอบด้วย 2 ส่วนต้องมาจาก 1 คือเวลา
00:46:07 → 00:46:10 ต้องเพียงพออย่างที่หมอกล่าวไปแล้วและ
00:46:10 → 00:46:13 คุณภาพเนื้อในก็ต้องดีนะเนื้อในคือไม่
00:46:13 → 00:46:17 ตื่นกลางดึกไม่มีอาการกรนหยุดหายใจเนการ
00:46:17 → 00:46:20 หายการหายใจราบรื่นขณะหลับเมื่อคุณภาพ
00:46:20 → 00:46:23 ปริมาณได้เพียงพอก็จะได้คุณภาพที่ดีในการ
00:46:23 → 00:46:27 นอนอืครับโอเคค่ะก็แปลว่าอย่างในเคสเสนี้
00:46:27 → 00:46:29 เนี่ย 7 ช่มก็อาจจะพอก็ได้ใช่มั้ยคะแล้ว
00:46:29 → 00:46:31 อย่าง 4-5 ช่วโมงเนี่ยอาจจะเป็นนานๆทีใน
00:46:32 → 00:46:35 ช่วงที่งานเยอะแต่มันยังมีอีกประเด็นนึง
00:46:35 → 00:46:38 คือเวลาไปต่างจังหวัดเพื่อนบอกว่าเธอเธอ
00:46:38 → 00:46:42 นอนกนนะแต่เขาบอกว่าถ้ากนเล็กๆน้อยๆก็
00:46:42 → 00:46:45 ปกติมคะทีเนี้ยการกรนที่ปกติกับไม่ปกติ
00:46:45 → 00:46:48 เนี่ยมันมันมีมคะงใช่มอ่ะอันดับแรกเลยคือ
00:46:48 → 00:46:53 เรื่องกลนมักจะมาจากคนอื่นอือ่าเพราะว่า
00:46:53 → 00:46:55 เราไม่รู้หรอกว่าเรากรนเราจะกนเมื่อเรา
00:46:55 → 00:46:57 หลับไปแล้วเพราะฉะนั้นความรู้รู้สึกนี้จะ
00:46:57 → 00:47:00 ไม่รู้แน่นอนว่าเรากลนนะครับเพราะฉะนั้น
00:47:00 → 00:47:02 ต้องรับฟังคนอื่นคนที่เขาบอกเราคือคนที่
00:47:02 → 00:47:05 หวังดีกับเรานะยกตัวอย่างเช่นหมอจะเจอคน
00:47:05 → 00:47:08 ไข้ที่เป็นแฟนภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันอาจ
00:47:08 → 00:47:10 จะกรนมาเป็น 10 ปีและแต่ว่าเพิ่งแต่งงาน
00:47:10 → 00:47:13 เราก็เพิ่งจะรู้ว่าเรากลนใช่มยหรือเพื่อน
00:47:13 → 00:47:16 เนี่ยเราไม่ได้ไปเที่ยวบ่อยๆแต่ไปเที่ยว
00:47:16 → 00:47:19 เราก็จะรู้ว่าเออเขาบ่นว่าเรากนและนะครับ
00:47:19 → 00:47:22 สัญญาณที่ 1 เลยคือ 1 คือกลนทุกวันอืหรือ
00:47:22 → 00:47:26 กลนเมื่อมีคนบอกว่าเราแบบกลนบ่อยอ่ะคือไป
00:47:26 → 00:47:28 เที่ยวก็คงได้นอนแค่คืนเดียวเนาะก็ต้องมี
00:47:28 → 00:47:31 คนบอกว่าเออเรากลนทุกวันเลยอะไรอย่าเงี้ย
00:47:31 → 00:47:33 นะครับเพราะว่าการกลนเนี่ยอาจจะเกิดขึ้น
00:47:33 → 00:47:37 บางวันยกตัวอย่างเช่นกินแอลกอฮอล์อืคนที่
00:47:37 → 00:47:40 ไม่กลนเลยกินแอลกอฮอล์อาจจะกลนในบางวัน
00:47:40 → 00:47:44 ได้เนาะอย่างที่ 2 เลยคือทำทำงานหนักหรือ
00:47:44 → 00:47:47 เหนื่อยมากๆหรือว่าอดนอนหรือออกกำลังกาย
00:47:47 → 00:47:50 อย่างหนักเวลาไปเที่ยวบางทีเนี่ยเอ่อวัน
00:47:50 → 00:47:52 ธรรมดาเราก็ไม่ได้เหนื่อยมากใช่มยแต่
00:47:52 → 00:47:54 เที่ยวเนี่ยมันแบบมันมันสนุกไงมันก็เลย
00:47:54 → 00:47:57 ใช้แรงเยอะใช่มยอาจจะกลเบาๆเกิดขึ้นได้
00:47:57 → 00:48:00 ถ้าเป็นกนแค่นานๆทีอาจจะยังไม่ได้อันตราย
00:48:00 → 00:48:04 มากนักแต่ถ้ากนทุกวันประเด็นที่ 1 นะข้อ
00:48:04 → 00:48:07 แรกนะข้อที่ 2 คือมีคนบอกว่าคุณกลนมี
00:48:07 → 00:48:09 แพทเทิร์นหยุดหายใจอืยกตัวอย่างเช่นมี
00:48:09 → 00:48:13 ช่วงหยุดมีช่วงฮึบมีช่วงเฮือกมีช่วงลมหาย
00:48:13 → 00:48:15 ไปเงียบไปช่วงนึงแล้วกลับมาเฮือกใหม่อะไร
00:48:15 → 00:48:20 อย่างเงี้ยอว่าคนๆกๆหยุดๆอันนี้นี่คือมี
00:48:20 → 00:48:24 ช่วงหยุดมีช่วงสหายไปเลยมีช่วงพสอ่าสัก
00:48:24 → 00:48:26 พักนึงฮึบมาใหม่อะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็
00:48:26 → 00:48:29 น่าสงสัยถ้าคนบอกนะโดยเฉพาะถ้าภรรยาบอกไป
00:48:29 → 00:48:33 ว่าเารักเราออ่าต่อมาคือง่วงถึงแม้นอน
00:48:33 → 00:48:37 ชั่วโมงเพียงพอออ่าถ้าเรานอนประมาณสัก 6-7
00:48:37 → 00:48:39 ช่วโมงเนี่ยคนเราจะไม่อ่อนเพลียจะไม่ง่วง
00:48:39 → 00:48:42 เวลากลางวันเยอะเท่าไหร่แต่ถ้าต้องตื่นมา
00:48:42 → 00:48:45 ปุ๊บแหมสักพักนึงบ่ายๆเริ่มหรือสายๆเ
00:48:45 → 00:48:49 เริ่มง่วงะต้องกินกาแฟเบิ้ลแก้วนะครับถึง
00:48:49 → 00:48:52 แม้นอน 6-7 ช่วโมงก็แล้วยังง่วงเยอะอยู่
00:48:52 → 00:48:55 อันตรายนะหรือนะครับง่วงในที่ที่ไม่ควรจะ
00:48:56 → 00:48:59 ง่วงเช่นขับรถอยู่ไฟแดงเราง่วงอันนี้อัน
00:48:59 → 00:49:02 นี้ประหลาดและครับออันนี้คือสัญญาณของการ
00:49:02 → 00:49:05 กรนว่าเรากรนหรือเปล่าใช่มั้ใช่อื่นก็จะ
00:49:05 → 00:49:07 เป็นเรื่องของการสะดุ้งตื่นเฮือกขึ้นมา
00:49:07 → 00:49:11 กลางดึกเนาะหรือมีกัดฟันขากระตุกพวกนี้ก็
00:49:11 → 00:49:13 ต้องสงสัยเหมือนกันว่าอาจจะมีการกนหรือ
00:49:13 → 00:49:16 หยุดหายใจซ่อนอยู่แต่ถ้าสมมุติว่าเราคำ
00:49:16 → 00:49:19 ถามที่เขาบอกว่าถ้ากรนเล็กๆน้อยๆก็เป็น
00:49:19 → 00:49:21 ปกติหรือเปล่าอ่ะค่ะก็แปลว่าถ้าสมมุติว่า
00:49:21 → 00:49:24 ปกติเราไม่ได้กรนแต่ดื่มแอลกอฮอล์เลยกรน
00:49:24 → 00:49:27 อันนี้ก็เลยแปลแปลว่าอันนี้ปกติใช่มั้ยคะ
00:49:27 → 00:49:29 หรือว่าถ้าสมมติว่าเราอาจจะเหนื่อยมากๆไป
00:49:29 → 00:49:31 ต่างจังหวัดอะไรอย่างเงี้ยค่ะเที่ยวเยอะ
00:49:31 → 00:49:33 อะไรอย่างเงี้ยก็เลยอาจจะกรนแต่โดยชีวิต
00:49:33 → 00:49:36 ส่วนตัวก็อาจจะไม่ได้กนก็ได้ใช่จริงๆก็มี
00:49:36 → 00:49:38 ตัวช่วยที่เราจะรู้ว่าเรากนหรือเปล่าก็มี
00:49:38 → 00:49:41 แอปพลิเคชันที่ช่วยในการบันทึกเสียงกรน
00:49:41 → 00:49:44 เราได้เนาะถ้าเราอยู่คนเดียวไม่มีคนที่
00:49:44 → 00:49:46 นอนด้วยเนี่ยเราก็สามารถใช้เ่อสื่อพวกนี้
00:49:46 → 00:49:48 แอปพลิเคชันพวกนี้ในการที่จะตรวจได้ว่า
00:49:48 → 00:49:51 เรากนทุกวันหรือเปล่าออก็คือเป็นแอปที่
00:49:51 → 00:49:54 เราอาจจะอาจวห
00:49:54 → 00:49:57 เ่แล้วก็กดแล้วก็ดูว่าเ้ยทั้งคืนเนี่ยเรา
00:49:57 → 00:50:01 กรนดังมากน้อยแค่ไหนออแล้วก็กอดูได้ว่า
00:50:01 → 00:50:03 เรากนช่วงไหนนะครับงั้นถ้าสมมุติว่าใน
00:50:03 → 00:50:05 อย่างในเคสเนี้ยค่ะที่เคุณแบงค์เนี่ยที่
00:50:05 → 00:50:09 บอกว่ากนนิดๆหน่อยๆก็เป็นปกติตัวเองอ่ะ
00:50:09 → 00:50:13 มักจะมีความคิดที่จะอ่าพยายามบอกว่ามัน
00:50:13 → 00:50:14 ไม่เป็นไม่เยอะอยู่แล้วอย่าไปเชื่อตัวเอง
00:50:14 → 00:50:18 มากนักฉะนั้นให้ใช้แอปใช่หรือเชื่อคนอื่น
00:50:18 → 00:50:21 นะครับคนที่หวังดีกับเราเนี่ยเต้องการให้
00:50:21 → 00:50:24 เราเนี่ยไม่เป็นโรคอ่ะทีนี้ถ้าสุดนะไม่
00:50:24 → 00:50:28 ค่อยกรนก็ผ่านไปแต่ถ้าสมมุติว่าลองเทสและ
00:50:28 → 00:50:31 อัดเสียงตัวเองตอนนอนแล้วอุ้ยตายะฉันกน
00:50:31 → 00:50:33 เยอะมากเลยถ้าคนที่กรนเป็นประจำหรือกรน
00:50:34 → 00:50:36 เยอะควรแก้ไขยังไงดีคะ 1 คือต้องพูดก่อน
00:50:36 → 00:50:39 ว่าถ้ากนแบบนี้นะครับต้องสงสัยภาวะหยุด
00:50:39 → 00:50:42 หายใจขณะหลับมันเกิดจากอะไรได้บ้างเนาะ
00:50:42 → 00:50:45 มันเกิดจากการที่หลายหลายอย่างเลยเนาะ 1
00:50:45 → 00:50:47 คืออายุมากขึ้นได้อย่างเช่นคุณพ่อคุณแม่
00:50:47 → 00:50:50 50 60 ปีขึ้นไปกล้ามเนื้อก็หย่อนตาม
00:50:50 → 00:50:53 ความชราเพราะฉะนั้นตอนที่ลมมันผ่านเข้าไป
00:50:53 → 00:50:55 ในช่องคอเนี่ยนะครับพื้นที่มันแคบลงก็
00:50:55 → 00:50:58 เกิดเสียงกรนได้นะครับอย่างที่ 2 คือน้ำำ
00:50:58 → 00:51:00 หนักตัวอ่าเราสังเกตว่าน้ำหนักตัวเยอะ
00:51:00 → 00:51:03 ขึ้นเนาะโดยเฉพาะผู้ชายถ้าอ้วนมากขึ้น
00:51:03 → 00:51:06 อ้วนนิดเดียวนะผู้ชายนะคอเริ่มหนาและ
00:51:06 → 00:51:09 กระดุมติดเม็ดบนยากขึ้นใช่มยฮะเพราะว่าไข
00:51:09 → 00:51:12 มันมันแทรกในช่องคอเรานะครับหรือเรื่อง
00:51:12 → 00:51:15 ของโครงสร้างในคอนะบางคนมีต่อมทอนซินโต
00:51:15 → 00:51:19 เพดานอ่อนลิ้นไก่ที่ค่อนข้างยาวนะครับนะ
00:51:19 → 00:51:21 หรือว่าโครงสร้างหน้าก็เกี่ยวบางคนกลแต่
00:51:21 → 00:51:24 เด็กเลยวัยรุ่นเพราะว่าเป็นคนค้างเล็กเ
00:51:24 → 00:51:27 สุดท้ายคือเรื่องที่ิตมากตอนนี้คือเรื่อง
00:51:27 → 00:51:30 ของภูมิแพ้อืเพราะว่าบางคนจะมีปัญหาคัด
00:51:30 → 00:51:33 จมูกหรือว่าจมูกตันในขณะหลับเกิดขึ้นซึ่ง
00:51:33 → 00:51:35 ถ้าเรานอนหลับว่าเราจมูกตันเราจะอ้าปาก
00:51:35 → 00:51:38 ใช่มั้ยอืมใช่ค่ะหายใจทางปากแไอ้การอ้า
00:51:38 → 00:51:40 ปากเนี่ยลิ้นไปตกในคอมากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:51:40 → 00:51:43 ตอนหลับเนี่ยก็จะมีที่แคบที่ลมมันจะผ่าน
00:51:43 → 00:51:46 ก็เลยเกิดเสียงแค่อย่างงนี้เลยอก็จะเกิด
00:51:46 → 00:51:48 เสียงกลนการหยุดหายใจก็จะเป็นมากขึ้นนะ
00:51:48 → 00:51:51 ครับเพราะฉะนั้นสาเหตุแต่ละบุคคลเนี่ย
00:51:51 → 00:51:54 หลากหลายแล้วแต่เลยนะครับการที่เราจะ
00:51:54 → 00:51:57 รักษาเนี่ยเริ่มต้นด้วยการทำ Sleep Test
00:51:57 → 00:51:59 ตรวจการนอนหลับนะครับถ้ากนต้องถึงขั้น
00:51:59 → 00:52:02 ต้องทำ Sleep Test เลยคะใช่อันนี้คือตัว
00:52:02 → 00:52:05 หลักเลยในการที่จะรู้ว่าเราหยุดเหใจอยู่
00:52:05 → 00:52:08 ในเกณฑ์ปกติหรือผิดปกติอถ้าผิดปกติเป็น
00:52:08 → 00:52:12 มากน้อยแค่ไหนอนะครับคนเราปกติเนี่ยก็จะ
00:52:12 → 00:52:15 มีการหลับหยุดหายใจได้บ้างเล็กน้อยแต่ไม่
00:52:15 → 00:52:19 ควรจะเกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมงอือ่าแต่สลป
00:52:19 → 00:52:21 เสจะเป็นตัวที่บอกว่าเราหยุดหายใจเนี่ย
00:52:21 → 00:52:23 ชั่วโมงนึงประมาณสักกี่ครั้งการหยุดหายใจ
00:52:24 → 00:52:25 เป็นเรื่องปกติหรอคะตอนนอนเป็นสิ่งที่
00:52:25 → 00:52:29 เกิดขึ้นได้ในในระดับที่ปกติอืคือไม่เกิน
00:52:29 → 00:52:32 ชั่วโมงละ 5 ครั้งอ๋อซึ่งอันนี้ไม่มีใคร
00:52:32 → 00:52:34 สามารถรู้ได้เลยเนาะต้องต้องไปหาคุณหมอ
00:52:34 → 00:52:37 ไม่มีใครจะไปมองดูว่าเอ้ยหลับอยู่หรือ
00:52:37 → 00:52:40 เปล่าใช่ครับซึ่งพวกนี้มันคือโครงสร้างใน
00:52:40 → 00:52:44 ในคอเราเนาะที่มันมีการหย่อนแฟบเกิดขึ้น
00:52:44 → 00:52:47 พอหย่อนปุ๊บเราก็จะมีการหยุดชั่วขณะเพราะ
00:52:47 → 00:52:50 เรามีที่แคบในคอลงใช่มยทักๆเราจะมีการ
00:52:50 → 00:52:54 พยายามฮึบอากาศกลับมาหายใจอ่างใช่อย่าง
00:52:54 → 00:52:57 เงี้ฮะนี่คือจังหวะเสียงกนซึ่งฮึบครั้ง
00:52:57 → 00:53:01 นึงสมองถูกปลุกครั้งนึงออนะครับซึ่งมันจะ
00:53:01 → 00:53:03 ปลุกจากการหลับลึกเป็นตื้นบางทีไม่ตื่น
00:53:03 → 00:53:05 ขึ้นมานะอืแต่ถดจากการหลับลึกเป็นตื้น
00:53:05 → 00:53:08 เสมอเพราะฉะนั้นคนเราที่มีภาวะกนหรือหยุด
00:53:09 → 00:53:11 หายใจจะนอนหลับลึกไม่เพียงพออ่าเพราะ
00:53:11 → 00:53:14 อย่างงี้นี่เองครับก็จะมีความง่วงเยอะใช่
00:53:14 → 00:53:17 มยกลางวันก็จะง่วงระหว่างวันลองสังเกตคน
00:53:17 → 00:53:20 ที่หยุดหายใจหรือมีภาวะกลนนะครับหงุดหงิด
00:53:20 → 00:53:24 อารมแปรปรวนได้ง่ายกับระยะยาวเลยมีผลต่อ
00:53:24 → 00:53:27 หัวใจหลอดเลือดอืมคล้าๆอดนอนเลยอ่ะก็จะมี
00:53:27 → 00:53:30 ความดันขึ้นอื้อหือหัวใจเป็นผิดจังหวะหัว
00:53:30 → 00:53:33 ใจขาดเลือดสตกเบาหวานอัลไซเมอร์หลายๆโรค
00:53:33 → 00:53:36 ตามมาเรื่องกรนนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ
00:53:36 → 00:53:38 คะหมอใช่ใช่ไม่ใช่ว่ากรนแล้วแปลว่านอนดี
00:53:38 → 00:53:40 นอนลึกไม่ใช่อย่างงั้นการกรนคือการนอนที่
00:53:40 → 00:53:44 ขาดคุณภาพทีนี้ถ้าเรารู้และว่าเรากรนแน่
00:53:44 → 00:53:46 นอนควรจะรักษายังไงได้บ้างค่ะก็เริ่มต้น
00:53:46 → 00:53:48 จาก Sleep Test เนาะเพื่อวินิจฉัยว่าเรา
00:53:48 → 00:53:51 มีภาวะหยุดหายใจขนาดหลับหรือเปล่านะครับ
00:53:51 → 00:53:54 ถ้ามีภาวะนี้เกิดขึ้นก็ต้องดูไปตามส
00:53:54 → 00:53:56 สาเหตุแล้วก็ดูเรื่องของความรุนแรงของตัว
00:53:56 → 00:53:59 โรคเนาะถ้าเกิดหยุดหายใจค่อนข้างเยอะนะ
00:53:59 → 00:54:01 ครับการรักษาหลักจะเป็นการใช้เครื่องอัด
00:54:01 → 00:54:03 อากาศเาเรียกว่าเครื่อง cpap ถ้าเคยได้
00:54:03 → 00:54:06 ยินนะ cpap เป็นเครื่องเล็กๆนะครับวางบน
00:54:06 → 00:54:09 ข้างเตียงเราเนาะตัวลมเนี่ยก็จะปล่อยจาก
00:54:09 → 00:54:12 ท่อแล้วก็มีหน้ากากประกบที่จมูกเราซึ่ง
00:54:12 → 00:54:15 หลักการก็คือว่าลมเยจะไปเปิดทางในคอเนาะ
00:54:15 → 00:54:17 ให้เราหายใจสะดวกดีไม่มีเสียงกลนขณะหลับ
00:54:17 → 00:54:20 นะก็จะนอนได้ค่อนข้างลึกนะครับเครื่องไม่
00:54:20 → 00:54:22 ได้ไม่เรียกว่าเครื่องช่วยหายใจเพราะว่า
00:54:22 → 00:54:24 เป็นเครื่องที่เปิดทางในคอเฉยๆไม่ได้ไป
00:54:24 → 00:54:27 แลกเปลี่ยนแก๊สในปอดให้เราอ๋อก็คือมันไม่
00:54:27 → 00:54:29 ได้ต้องเสียบอะไรก็คือแค่เปิดเครื่องไว้
00:54:30 → 00:54:31 แล้วใช่เปิดเครื่องแล้วก็มีหน้ากากประกบ
00:54:31 → 00:54:35 ที่จมูกเราตัวลมจะไปเปิดทางเปิดประตูการ
00:54:35 → 00:54:38 หายใจให้เราสะดวกนะครับอ่ะนี้คือการถ้า
00:54:38 → 00:54:40 เป็นระดับค่อนข้างเยอะนะครับแต่ถ้าเป็น
00:54:40 → 00:54:43 ไม่มากก็ดูไปตามสาเหตุในเรื่องของโครง
00:54:43 → 00:54:45 สร้างในคอได้ก็มีการรักษาหลากหลายไม่ว่า
00:54:46 → 00:54:49 จะเป็นการเข้าไปเลเซอร์เนาะหรือไปผ่าตัด
00:54:49 → 00:54:52 ในช่องคอให้กว้างขึ้นนะครับหรือการรักษา
00:54:52 → 00:54:54 เรื่องของจมูกให้บางทีมีอาการภูมิแพ้เนาะ
00:54:55 → 00:54:57 ก็มีการใช้ยาเพื่อให้จมูกโล่งขึ้นการ
00:54:57 → 00:55:00 รักษาโดยการผ่าตัดให้จมูกเนี่ยไม่ไม่รู้
00:55:00 → 00:55:03 สึกตันในขณะหลักอืเป็นการผ่าตัดข้างในอ่า
00:55:04 → 00:55:06 ก็ต้องดูไปตามสาเหตุอย่างหมอหัวคอจมูก
00:55:06 → 00:55:08 เนี่ยก็จะพิจารณาได้ว่าโครงสร้างข้างใน
00:55:08 → 00:55:11 จมูกมีปัญหาอะไรอืก็มีทั้งการใช้ยานและ
00:55:11 → 00:55:13 การเข้าไปผ่าตัดให้ช่องจมูกเนี่ยกว้าง
00:55:13 → 00:55:17 ขึ้นอนะครับอถ้าจะให้สรุปนะคะอย่างในเคส
00:55:17 → 00:55:20 นี้เนี่ยที่ฝันเยอะมากๆคุณหมอแนะนำให้ลอง
00:55:20 → 00:55:23 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเพราะว่าการฝัน
00:55:23 → 00:55:24 เยอะเนี่ยอาจจะเป็นเพราะว่าเรานอนหลับไม่
00:55:24 → 00:55:27 เพียงพอหรือเปล่าการดืดื่มแอลกอฮอล์หรือ
00:55:27 → 00:55:29 เปล่านะคะหรือว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะยา
00:55:29 → 00:55:31 บางอย่างก็อาจจะลองปรับเปลี่ยนพวกยาอ่าป
00:55:31 → 00:55:34 ลองเช็คสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราพวกนี้ก่อน
00:55:34 → 00:55:37 แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วยังฝันเยอะอยู่คุณ
00:55:37 → 00:55:40 หมอแนะนำให้ตรวจการนอนหลับตรวจการนอนหลับ
00:55:40 → 00:55:41 ไปหาหมอเถอะเพราะว่าอย่างในเคสนี้อาจจะ
00:55:42 → 00:55:44 เป็นโรคลมหลับก็ได้นะคะซึ่งก็สามารถแก้ไข
00:55:44 → 00:55:48 ได้นะคะข้อที่ 2 เนี่ยที่เขาถามมาที่เขา
00:55:48 → 00:55:51 เกริ่นมาเรื่องผมนอนปกตินอน 7 ชมคุณหมอก็
00:55:51 → 00:55:55 บอกว่า 7 ช่มก็น่าจะพอนะแต่จุดสังเกตคือ
00:55:55 → 00:55:58 ในวันหยุดเรานอน 7 ช่มด้วยหรือเปล่าถ้าใน
00:55:58 → 00:56:00 วันหยุดเราก็นอน 7 ชั่วโมงโดยที่ไม่ต้อง
00:56:00 → 00:56:03 ตั้งปลุกแปลว่าตัวเลขเนี้ยเหมาะกับเรา
00:56:03 → 00:56:06 แล้วแต่ถ้าสมมุติว่าตอนวันหยุดแล้วเราไม่
00:56:06 → 00:56:08 มีนาฬิกาปลุกแต่เรานอนเกินก็แปลว่าเอ้ย
00:56:08 → 00:56:11 เราอาจจะเหมาะกับ 8 ตือ 9 หรือเปล่านะคะ
00:56:11 → 00:56:14 ทีนี้อันสุดท้ายคือเรื่องการกรนนะคะการ
00:56:14 → 00:56:18 กรนของเขาเนี่ยถ้านอนอยู่คนเดียวไม่ได้มี
00:56:18 → 00:56:19 เพื่อนหรือว่าไม่ได้อยู่กับแฟนอะไรอย่าง
00:56:19 → 00:56:22 เงี้ยคุณหมอก็เลยแนะนำให้อาจจะดาวน์โหลด
00:56:22 → 00:56:24 แอปนะคะในมือถือแล้วก็อัดเสียงมันจะเป็น
00:56:24 → 00:56:27 แอปสำหรับการกนโดยเฉพาะคะแล้วจะได้คอยมิต
00:56:27 → 00:56:30 ว่าเอ๊ะเรากนหรือเปล่าถ้าเรากรนมากผิดปกต
00:56:30 → 00:56:33 ผิดปกติเนี่ยก็ควรจะไปหาคุณหมอแต่ถ้า
00:56:33 → 00:56:36 สมมุติว่าเรากรนเล็กๆน้อยๆแล้วสามารถมัน
00:56:36 → 00:56:39 มีวิธีการจัดการมคะถ้าสมมุติว่าเราเริ่ม
00:56:39 → 00:56:42 กนและแต่ยังไม่อยากไปหาหมอควรจะทำยัง
00:56:42 → 00:56:45 รักษาตัวเองก่อนเนาะอ 1 ก็คือนอนให้พออ
00:56:45 → 00:56:48 เพราะถ้านอนไม่พอเนี่ยเราก็จะมีการอ่อน
00:56:48 → 00:56:50 แรงของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นเราก็จะมีความ
00:56:50 → 00:56:53 อ่อนเพลียนะก็จะกนมากขึ้นนะข้อ 1 คือนอน
00:56:53 → 00:56:56 ให้เพียงพอนะครับอย่างที่ 2 แอลกอฮอลอืก็
00:56:56 → 00:56:59 ทำให้กลนเหมือนกันก็หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
00:56:59 → 00:57:02 ในช่วงใกล้เวลานอนนะครับข้อที่ 3 ลอง
00:57:02 → 00:57:05 ตะแคงไปก่อนเพราะว่าคนที่เป็นไม่เยอะ
00:57:05 → 00:57:08 เนี่ยนะครับเราจะกรนเบาลงเมื่อนอนตะแคง
00:57:08 → 00:57:11 เนาะเวลานอนหงายเนี่ยโครงสร้างในในคอไม่
00:57:11 → 00:57:13 ว่าจะเป็นเรื่องของเพดานหรือว่ารินนี่ก็
00:57:13 → 00:57:15 จะตกเบียดเยอะในท่านอนหงายเนาะพอตะแคงก็
00:57:15 → 00:57:17 จะเป็นการเบี่ยงให้ช่องทางลมในคอเนี่ย
00:57:17 → 00:57:21 กว้างขึ้นนะครับสุดท้ายลดน้ำหนักอืลดน้ำ
00:57:21 → 00:57:24 หนักนะเพราะว่าเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้
00:57:24 → 00:57:28 คนมีอาการกรนนะแถมอีกข้อนึงก็คือรักษา
00:57:28 → 00:57:31 เรื่องของภูมิแพ้อลองสังเกตว่าตอนกลางคืน
00:57:31 → 00:57:34 หรือตอนเช้าๆเนี่ยมีจมูกตันหรือมีคอแห้ง
00:57:34 → 00:57:37 ช่วงเช้าๆไถ้ามีอาการภูมิแพ้ตรงนี้เนี่ย
00:57:37 → 00:57:39 ก็มีการล้างจมูกจะทำให้อาการภูมิแพ้ดี
00:57:39 → 00:57:42 ขึ้นหรือการรับประทานยาหรือการพ่นยาพ่น
00:57:42 → 00:57:45 จมูกนะครับอืพอรักษาภูมิแพ้เนี่ยเราก็จะ
00:57:45 → 00:57:48 มีการหายใจทางจมูกที่โล่งขึ้นนะปากก็จะ
00:57:48 → 00:57:51 ปิดได้แล้วเราก็จะมีการกนที่เบาลงได้อื
00:57:51 → 00:57:53 ครับจริงๆการนอนเนี่ยค่ะมันไม่ใช่แค่
00:57:53 → 00:57:55 เรื่องการนอนเนาะการที่เราจะมีการนอนที่
00:57:55 → 00:57:58 ดีมีหลายปัจจัยเหลือเกินที่คุณหมออธิบาย
00:57:58 → 00:58:01 ไปเมื่อกี้นะคะสิ่งแวดล้อมห้องนอนของเรา
00:58:01 → 00:58:04 เองท่านอนหรือว่าเครื่องนอนนะคะไม่ว่าจะ
00:58:04 → 00:58:08 เป็นเตียงหรือว่าหมอนนะคะที่สามารถรองรับ
00:58:08 → 00:58:10 อาจจะเป็นสรีระนะคะหรือว่าหัวของเราเนี่ย
00:58:10 → 00:58:12 เพราะว่าแต่ละบุคคลเนี่ยก็ไม่เหมือนกัน
00:58:12 → 00:58:13 เนาะแล้วอาจจะต้องเลือกอะไรที่เหมาะกับ
00:58:13 → 00:58:17 เรานะคะก็น่าจะช่วยให้เราสามารถมีการนอน
00:58:17 → 00:58:19 ที่ดีขึ้นได้แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราพยายาม
00:58:19 → 00:58:22 เต็มที่และแต่ยังคงหลับไม่ดีอาจจะยังกรน
00:58:22 → 00:58:24 อยู่ฝันลึกอยู่หรือว่าเป็นเหมือนเคสแรก
00:58:24 → 00:58:27 ที่ตื่นบ่อยอยู่อยู่ก็หาคุณหมอเถอะใช่
00:58:27 → 00:58:29 มั้ยคะต้องบอกอีกอย่างนึงคือการนอนอย่า
00:58:29 → 00:58:32 พยายามเยอะอีกอย่างนึงนะคนเราเนี่ยพยายาม
00:58:32 → 00:58:35 กนอนมากเกินไปก็นอนยากเหมือนกันใช่เหมือน
00:58:35 → 00:58:38 แบบพอเราอยู่บนเตียงหลับสิหลับสินับแกะก็
00:58:38 → 00:58:40 แล้วอะไรก็แล้วเออคุณหมอนับแกะนี่มาจาก
00:58:41 → 00:58:43 ไหนค่ะใชอมันก็ทำให้เป็นการโฟกัสอ่ะฮะทำ
00:58:43 → 00:58:45 ให้เราแบบไม่คิดเรื่องอื่นแต่จริงๆมันก็
00:58:45 → 00:58:48 อาจจะไม่เหมาะกับบางคนนะอ่ามีมันมีเทคนิค
00:58:48 → 00:58:50 นึงก็คือว่าเวลาที่เราจะหลับเนี่ยครับ
00:58:51 → 00:58:54 เนาะเราต้องปลดปล่อยความคิดไม่ไปโฟกัสกับ
00:58:54 → 00:58:57 เรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไปนะครับและ
00:58:57 → 00:58:59 การนอนเนี่ยอีกอย่างนึงคือบางคนเนี่ยมี
00:58:59 → 00:59:02 ความคิดที่ผิดว่าอยากจะนอนเร็วเนี่ยขึ้น
00:59:02 → 00:59:04 เตียงแต่หัววันเลยนะ 2:00 นขึ้นเตียงและ
00:59:05 → 00:59:08 อยากจะนอนดีนอนเยอะจริงๆแล้วเนี่ยนะครับ
00:59:08 → 00:59:11 กลไกสมองเราเนี่ยเราจะบอกว่าที่นี่คือที่
00:59:11 → 00:59:13 นอนบนเตียงเราเนี่ยเมื่อเราขึ้นเตียง
00:59:13 → 00:59:16 เมื่อเราจะนอนเท่านั้นอืถ้ายังอยากจะทำ
00:59:16 → 00:59:19 กิจกรรมอย่างอื่นอยู่ดูทีวีเล่นมือถือ
00:59:19 → 00:59:21 เนี่ยพยายามอย่าขึ้นบนเตียงเนาะแล้วถ้า
00:59:21 → 00:59:24 เวลาหลับเนี่ยก็คือขึ้นเตียงปุ๊บปิดไฟ
00:59:24 → 00:59:27 แล้วหลับได้เลยออืนะครับจะไม่ไปอยู่บน
00:59:27 → 00:59:29 เตียงก่อนเวลาจะหลับเยอะๆนะครับและไม่
00:59:29 → 00:59:32 เพ่งมองนาฬิกาอืบางคนมีนาฬิกาที่ไปเตียง
00:59:33 → 00:59:36 เนี่ยเรามองไว้เออเราจะหลับหลับได้ 8
00:59:36 → 00:59:38 ชั่วโมงมั้ยอะไรอย่างเงี้ยยิ่งพยายาม
00:59:38 → 00:59:41 เนี่ยการหลับมันยิ่งไกลออกไปนะครับอีก
00:59:41 → 00:59:44 อย่างนึงคือนาฬิกานาฬิกาที่เราดูว่าเรา
00:59:44 → 00:59:47 นอนดีไม่ดีเนาะอยากให้เชื่อในเรื่องของ
00:59:47 → 00:59:50 เวลาที่นอนเนี่ยอันนี้อาจจะค่อนข้างตรง
00:59:50 → 00:59:52 มากกว่าก็คือว่าเรานอนได้กี่ชั่วโมง
00:59:52 → 00:59:55 นาฬิกาจะบอกพอบอกได้แต่ในเรื่องของระยะ
00:59:55 → 00:59:58 พี่ว่าเรามีการหลับระยะลึกตื้นฝันเป็นยัง
00:59:58 → 01:00:01 ไงอันนี้เชื่อถือประมาณ 70% อืหมยหมายถึง
01:00:01 → 01:00:02 เดี๋ยวนี้มันจะมีแอปใช่มั้ยคะก็อาจจะไม่
01:00:03 → 01:00:05 ได้ตรง 100% อย่าไปเชื่อมากเพราะบางที
01:00:05 → 01:00:08 เนี่ยมันอาจจะไม่ตรงแล้วเราคาดหวังกับมัน
01:00:08 → 01:00:10 เยอะเกินเมื่อเราคาดหวังแล้วไม่ได้เป็น
01:00:10 → 01:00:13 อย่างที่หวังเราก็จะทุกข์เราก็หลับไม่ดี
01:00:13 → 01:00:15 ใช่มยเพราะฉะนั้นเราเชื่อตัวเองดีกว่าว่า
01:00:15 → 01:00:19 เราตื่นมาสดชื่นนาฬิกาช่างมันอืเนอย่าไป
01:00:19 → 01:00:21 คิดกับมันเยอะครับอก็อาจจะมีไว้ได้แหละ
01:00:21 → 01:00:25 ไว้ไวใช่ไว้ดูเบื้องต้นนะครับแต่ยึติดเก
01:00:25 → 01:00:28 ไม่ดูทุกวันอืครับโอเคค่ะวันนี้ได้ความ
01:00:28 → 01:00:32 รู้เยอะมากเลยค่ะคุณหมอเรื่องนอนเนี่ยเรา
01:00:32 → 01:00:35 คุยกันมาแล้วนะคะหลายรอบแล้วก็วันนี้ก็
01:00:35 → 01:00:37 ยังรู้สึกว่าเออวันนี้ก็ได้เรียนรู้สิ่ง
01:00:37 → 01:00:40 ใหม่อีกแล้วขอบคุณมากเลยนะคะที่สละเวลามา
01:00:40 → 01:00:42 แล้วอาจจะเชิญมาอีกเพราะว่าเรื่องนอนจริง
01:00:42 → 01:00:44 ๆมีหลายอีกหลายประเด็นเลยคหลเรื่หลายลเลย
01:00:44 → 01:00:47 ฮะค่ะแล้วก็ก่อนที่เราจะลากันไปวันนี้มี
01:00:47 → 01:00:49 อะไรจะฝากเรื่องการนอนสักเล็กน้อยยคะคุณ
01:00:49 → 01:00:51 หมอเรื่องการนอนต้องบอกว่าเป็น 1 ใน 3
01:00:51 → 01:00:53 ของชีวิตเนาะที่เราใช้ชีวิตกับมันเนา 1
01:00:53 → 01:00:56 ใน 3 อ่ะ 8 ชม 7 ชมใช่มเพราะฉะนั้นนะอย่า
01:00:56 → 01:00:59 มองข้ามการนอนโดยเฉพาะในเรื่องของนอนไม่
01:00:59 → 01:01:02 หลับนอนรนนอนไม่พออดนอนพวกนี้เป็นสิ่งที่
01:01:02 → 01:01:05 เรามองข้ามแล้วก็ใช้มันไปแบบว่าไม่มี
01:01:06 → 01:01:08 คุณภาพเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยอยากให้ทุกคน
01:01:08 → 01:01:11 หันมาสนใจในเรื่องของการนอนมากขึ้นนะครับ
01:01:11 → 01:01:13 ค่ะก็สำหรับใครนะคะที่มีคำถามทางด้าน
01:01:13 → 01:01:15 สุขภาพนะคะอยากส่งเข้ามาถามคุณหมอก็
01:01:15 → 01:01:18 สามารถส่งคำถามมาได้ตามลิงก์ด้านล่างหรือ
01:01:18 → 01:01:20 ว่าสามารถสแกน QR coe ตรงนี้นะคะแล้วพบ
01:01:20 → 01:01:24 กันใหม่ในเทปหน้าสวัสดีค่ะสวัสดี
01:01:24 → 01:01:28 ครับ JA