ไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัวต่างกันอย่างไร

ไขมันคืออะไร - George Zaidan

จากช่อง : จงใฝ่รู้อยู่เสมอ — TED-Ed


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:07 Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Bank Light

00:00:1300:00:15 น้ำมันมะกอก ประกอบด้วยไขมัน 100%

00:00:1500:00:16 มันไม่มีอะไรนอกอีกนอกจากนั้น

00:00:1600:00:18 แต่สำหรับ ส่วนผสมของแพนเค้กนั้น

00:00:1800:00:20 มันมีไขมันอยู่แค่ประมาณ 11%

00:00:2000:00:22 แต่กระนั้น น้ำมันมะกอกก็ยังดีต่อคุณ

00:00:2200:00:24 แต่ส่วนแพนเค้กนั้นกลับตรงข้าม

00:00:2400:00:26 ทำไมล่ะ

00:00:2700:00:28 มันกลายเป็นว่า

00:00:2800:00:29 ปริมาณของไขมันที่เรารับประทาน

00:00:2900:00:30 ไม่ได้มีผลต่อน้ำหนักของเรา

00:00:3000:00:31 หรือคอเลสเตอรอลของเรา

00:00:3100:00:33 หรือความเสี่ยงที่เราจะเป็นโรคหัวใจ

00:00:3300:00:35 ก็มากพอๆกันไม่ว่าเราจะรับประทานไขมันชนิดไหน

00:00:3500:00:37 แต่กลับมาทบทวนก่อน

00:00:3700:00:39 ไขมันคืออะไรกัน

00:00:3900:00:40 ถ้าเราเข้าไปดูใกล้ๆที่เนื้อแซลมอน

00:00:4000:00:42 ซึ่งเป็นปลาที่มีไขมันมาก

00:00:4200:00:42 ผ่านอวัยวะ

00:00:4200:00:43 ผ่านเนื้อเยื่อ

00:00:4300:00:45 ลงไปยังระดับเซลล์

00:00:4500:00:47 พวกเราจะเห็นว่าสิ่งที่เราเรียกว่าเซลล์ไขมัน

00:00:4700:00:50 ที่จริงแล้วประกอบขึ้นจากโมเลกุลที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides)

00:00:5000:00:52 และพวกมันไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด

00:00:5200:00:53 นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง

00:00:5300:00:55 คาร์บอนทั้งสามทางซ้ายนี้ คือ กลีเซอรอล (glycerol)

00:00:5500:00:57 เอาล่ะ คุณสามารถคิดได้ว่านั้นเป็นเหมือนแกนกลาง

00:00:5700:00:59 ที่ตรึงทั้งโมเลกุลเอาไว้ด้วยกัน

00:00:5900:01:00 สายยาวๆ ทั้งสามทางขวามือ

00:01:0000:01:02 เรียกว่า กรดไขมัน (fatty acids)

00:01:0200:01:05 และความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ในโครงสร้างของสายเหล่านี้

00:01:0500:01:06 จะเป็นตัวกำหนดว่ามันจะเป็นไขมันแบบใด

00:01:0600:01:08 เช่น เป็นของแข็งหรือของเหลว

00:01:0800:01:11 หรือว่ามันจะเหม็นหืนช้าหรือเร็ว

00:01:1100:01:15 และที่สำคัญที่สุด ก็คือว่า มันดีหรือไม่ดีต่อคุณ

00:01:1500:01:17 ลองมาดูความแตกต่างบางส่วนเหล่านี้กัน

00:01:1700:01:18 อย่างแรกคือความยาว

00:01:1800:01:20 กรดไขมันอาจจะสั้นหรือยาว

00:01:2000:01:21 อีกอย่างหนึ่ง ความแตกต่างที่สำคัญกว่าก็คือ

00:01:2100:01:24 ชนิดของพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอน

00:01:2400:01:26 กรดไขมันบางชนิดมีเพียงแต่พันธะเดี่ยว

00:01:2600:01:29 พวกอื่นๆ มีทั้งพันธะเดี่ยวและพันธะคู่

00:01:2900:01:31 กรดไขมันที่มีเพียงพันธะเดี่ยว

00:01:3100:01:32 เรียกว่า ไขมันอิ่มตัว (saturated)

00:01:3200:01:34 และพวกที่มีพันธะคู่หนึ่งหรือสองแห่ง

00:01:3400:01:36 เรียกว่า ไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated)

00:01:3600:01:39 ทีนี้ ไขมันไม่อิ่มตัวส่วนใหญ่นั้นดีต่อคุณ

00:01:3900:01:42 ในขณะที่ไขมันอิ่มตัวนั้นไม่ดีต่อคุณมากๆ

00:01:4200:01:44 สำหรับไขมันอิ่มตัว เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณแค่นั้น

00:01:4400:01:47 แต่มันไม่สำหรับไขมันไม่อิ่มตัว

00:01:4700:01:48 พันธะคู่ในโมเลกุลเหล่านี้

00:01:4800:01:50 มีคุณสมบัติที่ออกจะแปลกๆ

00:01:5000:01:52 พวกมันแข็ง

00:01:5200:01:54 ดังนั้น นั่นมีอยู่สองแบบ

00:01:5400:01:55 ที่จะเรียงทุกๆ พันธะคู่

00:01:5500:01:57 อย่างแรกคือแบบนี้

00:01:5700:01:58 ซึ่งไฮโดรเจนทั้งคู่นั้นอยู่ทางด้านเดียวกัน

00:01:5800:02:00 และคาร์บอนทั้งคู่นั้นก็อยู่ด้านเดียวกัน

00:02:0000:02:02 แบบที่สองก็คือแบบนี้

00:02:0200:02:04 ทีนี้ไฮโดนเจนและคาร์บอน

00:02:0400:02:06 อยู่ด้านตรงข้ามกันของพันธะคู่

00:02:0600:02:08 เอาล่ะ แม้ว่าโมเลกุลทั้งสองนี้

00:02:0800:02:10 จะประกอบขึ้นด้วยส่วนประกอบเหมือนกันทุกประการ

00:02:1000:02:13 พวกมันทั้งสองเป็นสสารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

00:02:1300:02:16 และพวกมันมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในพวกเรา

00:02:1600:02:18 รูปร่างแบบทางซ้ายแรกว่า ซิส (CIS)

00:02:1800:02:20 ซึ่งบางทีคุณอาจไม่เคยได้ยิน

00:02:2000:02:22 และอันที่อยู่ทางขวาเรียกว่า ทรานส์ (TRANS)

00:02:2200:02:24 และบางทีคุณอาจเคยได้ยิน ไขมันแบบทรานส์ มาก่อน

00:02:2400:02:25 พวกมันไม่เหม็นหืน

00:02:2500:02:27 พวกมันอยู่ตัวกว่าในระหว่างทำการทอด

00:02:2700:02:29 และพวกมันสามารถเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของอาหาร

00:02:2900:02:31 ในแบบที่ไขมันชนิดอื่นๆ ทำไม่ได้

00:02:3100:02:34 พวกมันยังแย่มากๆต่อร่างกายคุณอีกด้วย

00:02:3400:02:35 แย่กว่าไขมันอิ่มตัวมากๆ

00:02:3500:02:38 และว่าทางเทคนิคแล้ว พวกมันจัดเป็น

00:02:3800:02:39 ไขมันไม่อิ่มตัว

00:02:3900:02:41 เอาล่ะ ผมรู้ว่านั้นอาจฟังดูบ้าไป

00:02:4100:02:42 แต่ร่างกายของคุณไม่สนใจ

00:02:4200:02:44 ว่าโมเลกุลหน้าตาเป็นอย่างไรบนกระดาษหรอก

00:02:4400:02:46 สิ่งที่สำคัญคือรูปทางสามมิติ

00:02:4600:02:47 ที่เข้ากับโมเลกุล

00:02:4700:02:48 ที่ไม่เข้ากับโมเลกุล

00:02:4800:02:50 และกระบวนการที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

00:02:5000:02:51 ดังนั้น คุณจะรู้ได้อย่างไร

00:02:5100:02:53 ว่าอาหารมีไขมันแบบทรานส์

00:02:5300:02:55 ครับ ทางเดียวที่จะมั่นใจได้ก็คือ

00:02:5500:02:56 ถ้าคุณอ่านคำเหล่านี้ดูในฉลาก

00:02:5600:02:59 "เติมไฮโดรเจนบางส่วน" (partially hydrogenated)

00:02:5900:03:02 อย่างให้ฉลากข้อมูลโภชนาการ หรือโฆษณาหลอกคุณ

00:03:0200:03:04 อ.ย. (FDA) อนุญาตให้ผู้ผลิตอ้างได้ว่า

00:03:0400:03:05 ผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้นมี

00:03:0500:03:08 "0" กรัม ของ ไขมันแบบทรานส์

00:03:0800:03:12 ถึงแม้ว่า จริงๆแล้วจะมีไขมันแบบนี้อยู่ถึง ครึ่งกรัมต่อหน่วยบริโภค

00:03:1200:03:14 แต่มันไม่มีกฎเหล็กและกฎด่วน

00:03:1400:03:15 เกี่ยวกับว่าหนึ่งหน่วยบริโภคนั้นมีปริมาณเท่าใด

00:03:1500:03:18 และนั่นหมายถึง คุณจะต้องพึ่งการมองหาคำใบ้เหล่านี้

00:03:1800:03:20 เติมไฮโดนเจนบางส่วน

00:03:2000:03:22 เพราะว่านั่นเป็นวิธีการที่ไขมันแบบทรานส์ถูกสร้างขึ้น

00:03:2200:03:25 โดยการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ให้กับไขมันไม่อิ่มตัว

00:03:2500:03:28 ดังนั้น ลองกลับไปยังน้ำมันมะกอกและส่วนประกอบแพนเค้ก ที่เราพูดตอนแรก

00:03:2800:03:31 น้ำมันมะกอกประกอบด้วยไขมัน 100%

00:03:3100:03:34 ส่วนประกอบแพนเค้กนั้นมีแค่ไขมัน 11%

00:03:3400:03:37 แต่น้ำมันมะกอกส่วนใหญ่ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัว

00:03:3700:03:39 และมันไม่มีไขมันแบบทรานส์เลย

00:03:3900:03:42 แต่ทว่า กว่าครึ่งหนึ่งของไขมันทั้งหมด

00:03:4200:03:45 ในส่วนประกอบแพนเค้กนั้น ไม่เป็นไขมันอิ่มตัว ก็เป็นไขมันแบบทรานส์

00:03:4500:03:47 และดังนั้น แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีไขมัน

00:03:4700:03:49 มากกว่าส่วนผสมแพนเค้กถึง 10 เท่า

00:03:4900:03:50 มันก็ดีต่อสุขภาพของคุณ

00:03:5000:03:52 ในขณะที่ส่วนผสมแพนเค้กนั้นไม่

00:03:5200:03:54 เอาล่ะ ผมจะไม่ไปแหย่ส่วนผสมแพนเค้กแล้ว

00:03:5400:03:55 มันมีอาหารมากมาย

00:03:5500:03:57 ที่มีไขมันแบบนี้เป็นองค์ประกอบ

00:03:5700:03:58 ประเด็นก็คือว่า

00:03:5800:04:00 มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณรับประทานไขมัน 'มากแค่ไหน'

00:04:0000:04:01 มันอยู่ที่ว่า เป็นไขมัน 'ชนิดไหน' ต่างหาก

00:04:0100:04:04 และสิ่งที่ทำให้ไขมันนั้นดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ

00:04:0400:04:06 ก็คือรูปร่างของมัน