00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมเชื่อว่าหลายคนเคยไปตรวจ
00:00:02 → 00:00:05 ประจำปีแล้วก็พบว่าตัวเองเป็นโลหิตจางนะ
00:00:05 → 00:00:08 ครับก็จะมีคำถามตามมาว่าเอ๊ะเราเป็นโลหิต
00:00:08 → 00:00:11 จางได้ยังไงนะครับแล้วจะทำยังไงให้โลหิต
00:00:11 → 00:00:14 มันหายจางนอกเหนือไปจากนี้ยังมีหลายๆคน
00:00:14 → 00:00:16 อาจจะเคยได้ยินว่าเอ๊ะถ้าเกิดว่าเรามี
00:00:16 → 00:00:18 อาการอ่อนเพลียเรื้อรังนะครับความคิดไม่
00:00:18 → 00:00:22 แล่นนะฮะเลือดลมเดินไม่ดีนะฮะแนะนำว่าให้
00:00:22 → 00:00:26 ไปกินยาบำรุงเลือดนะครับกินแล้วพวกเนี้ย
00:00:26 → 00:00:28 มันจะแข็งแรงมีกำลังวังชาทุกอย่างก็จะ
00:00:28 → 00:00:29 กลับมาเป็นเหมือนเดิมมันเป็นเช่นนั้นจริง
00:00:29 → 00:00:32 หรือเปล่าวันนี้ผมก็จะมาไขข้อข้องใจให้
00:00:32 → 00:00:34 ฟังกันเลยนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนี
00:00:34 → 00:00:36 ธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:36 → 00:00:38 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:38 → 00:00:41 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเวลาที่
00:00:41 → 00:00:44 เราไปตรวจเลือดเนี่ยนะครับเวอ่าสิ่งที่
00:00:44 → 00:00:47 ตรวจนี่ก็คือค่า CBC หรือ Complete Blood
00:00:47 → 00:00:50 C นะครับโดย CBC นี้เราจะดูส่วนประกอบ
00:00:50 → 00:00:52 ทั้งหมด 3 อย่างอย่างแรกก็คือเม็ดเลิศแดง
00:00:52 → 00:00:54 อันที่ 2 คือเม็ดเลิศขาวและอันที่ 3 คือ
00:00:54 → 00:00:57 เกล็ดเลือดแต่วันนี้เราจะพูดถึงเฉพาะใน
00:00:57 → 00:01:00 กรณีของเมละแดงนะครับเวลาเวลาเราดูเม็ด
00:01:00 → 00:01:03 เลือดแดงเนี่ยเราจะดูจำนวนว่ามันมีแค่ไหน
00:01:03 → 00:01:06 นะครับดูลักษณะของเม็ดเลือดแดงนะครับว่า
00:01:06 → 00:01:08 มันมีลักษณะอะไรแปลกประหลาดไปหรือเปล่านะ
00:01:08 → 00:01:12 ครับดูว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็กยังไงบ้างนะ
00:01:12 → 00:01:14 ฮะนอกเหนือจากนี้เรายังดูสารสำคัญที่อยู่
00:01:14 → 00:01:16 ในแมเลือดแดงก็คือสารชื่อว่าฮีโมโกลบิน
00:01:16 → 00:01:19 นั่นเองนะครับฮีโมโกลบินตัวนี้เนี่ยจะมี
00:01:19 → 00:01:22 หน้าที่ในการจับออกซิเจนเวลาเราหายใจเข้า
00:01:22 → 00:01:24 ไปทางปอดเนี่ยนะครับมันก็จะเอาออกซิเจนไป
00:01:24 → 00:01:27 ให้กับฮีโมโกลบินแล้วฮีโมโกลบินตัวนี้มัน
00:01:27 → 00:01:29 อยู่ในแม่เลือดแดงมันก็จะพาเอาตัว
00:01:29 → 00:01:32 ออกซิเจนเนี่ยไปแจกจ่ายให้กับอวัยวะต่างๆ
00:01:32 → 00:01:34 นะครับพอมันแจกจ่ายออกซิเจนออกไปแล้ว
00:01:34 → 00:01:37 เนี่ยนะครับฮีโมโกลบินมันก็จะต้องกลับไป
00:01:37 → 00:01:39 ที่ปอดใหม่เพื่อไปจะนำออกซิเจนตัวใหม่
00:01:39 → 00:01:41 เข้ามาแล้วก็ไปเลี้ยงสูนต่างๆเหมือนเดิม
00:01:41 → 00:01:43 นะครับนี่คือวงจรวัฏจักรของมันและตัว
00:01:43 → 00:01:45 ฮีโมโกลบินเองนี่แหละครับเวลาได้รับ
00:01:45 → 00:01:48 ออกซิเจนมันจะทำให้เลือดของเรามีสีแดงน่า
00:01:48 → 00:01:52 อันนี้คือเป็นหลักนะครับทีนี้อีกอย่าง
00:01:52 → 00:01:53 หนึ่งที่สำคัญก็คือเวลาที่มันปล่อย
00:01:53 → 00:01:55 ออกซิเจนออกไปแล้วเนี่ยสีของเลือดเรามัน
00:01:55 → 00:01:57 จะคล้ำลงนั่นก็คือเลือดดำของเรานั่นเองนะ
00:01:57 → 00:02:00 ครับเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีเลือดแดงแล้ว
00:02:00 → 00:02:02 ก็เลือดดำอยู่ในตัวคนเดียวกันเองนะครับ
00:02:02 → 00:02:05 อันนี้ก็คือเป็นสิ่งที่เราดูอีกอย่างนึง
00:02:05 → 00:02:08 ซึ่งอยากจะบอกก็ที่อาจจะบอกเป็นทร์แทนของ
00:02:08 → 00:02:10 โลหิตจางได้ก็คือค่าชื่อชื่อว่า
00:02:10 → 00:02:13 ฮีมาโตคริตนะครับฮีมาโตคริตเนี่ยมันเป็น
00:02:13 → 00:02:16 การที่เอาเลือดของเราเนี่ยนะครับไปปั่นนะ
00:02:16 → 00:02:18 ไปปั่นเสร็จปุ๊บมันจะมีส่วนที่เป็นเซลล์
00:02:18 → 00:02:21 นะครับก็มีเซลล์เมล็ดแดงเมล็ดขาวเกล็ด
00:02:21 → 00:02:23 เลือดรวมกองอยู่ด้วยกันนะครับแล้วก็อีก
00:02:23 → 00:02:26 ส่วนหนึมันเป็นส่วนน้ำใสๆซึ่งน้ำส่วนนั้น
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยก็จะเป็นส่วนที่ไม่มีเม็ดเลือดอะไร
00:02:28 → 00:02:32 อยู่นะครับเราจะดูจำนวนทั้งหมดนะครับคือ
00:02:32 → 00:02:35 เอาจำนวนน้ำเลือดนะครับบวกกับตัวเลือดนะ
00:02:35 → 00:02:38 ครับเป็นถือว่าตัวเนี้ยเป็น 100% เต็ม
00:02:38 → 00:02:41 แล้วเราก็จะเอาเฉพาะจำนวนเม็ดเลือดแดง
00:02:41 → 00:02:44 แล้วก็พวกเศษของเม็ดเลือดขาวหรือพวกเกล็ด
00:02:44 → 00:02:46 เลือดเนี่ยเอามาวัดดูซิว่ามันมีกี่
00:02:46 → 00:02:49 เปอร์เซ็นต์ของเลือดทั้งหมดนะครับค่าตัว
00:02:49 → 00:02:50 นี้ที่เอามาเป็นสัดส่วนก็จะเรียกว่า
00:02:50 → 00:02:54 ฮีมาโตคริตนะครับอ่ะตอนนี้พอเราเข้าใจ
00:02:54 → 00:02:56 แล้วว่า CBC ของเราเนี่ยตรวจเมลอแดงได้
00:02:56 → 00:02:59 อย่างไรนะครับถ้าเราตรวจแล้วเนี่ยเจอว่า
00:02:59 → 00:03:02 มีค่าฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกตินะครับโดยค่า
00:03:02 → 00:03:04 ปกติเนี่ยแล้วแต่คนนะครับส่วนใหญ่ในผู้
00:03:04 → 00:03:07 หญิงเนี่ยจะต่ำกว่าผู้ชายนิดนึงนะครับแต่
00:03:07 → 00:03:09 ถ้าเมื่อไหร่ผู้หญิงต่ำกว่า 12 หรือผู้
00:03:09 → 00:03:12 ชายต่ำกว่า 13 เราจะสงสัยว่าคนๆเนี้ยมี
00:03:12 → 00:03:15 โลหิตจานขึ้นมาทันทีนะครับคำถามต่อมาก็
00:03:15 → 00:03:18 คือว่าเออแล้วถ้าเราเป็นโลหิตจางแล้ว
00:03:18 → 00:03:21 เนี่ยมันจะต้องทำยังไงขั้นแรกคือเราต้อง
00:03:21 → 00:03:25 รู้ก่อนว่าเราเป็นโลหิตจางเพราะอะไรนะ
00:03:25 → 00:03:27 ครับเพราะว่าถ้าเราแก้ไม่ถูกนะครับมันก็
00:03:27 → 00:03:30 ไม่หายนะครับมันก็ไม่หายจางนะครับเราก็
00:03:30 → 00:03:33 ต้องมาเข้าใจก่อนว่าโลหิตจางมันเกิดขึ้น
00:03:33 → 00:03:36 ได้อย่างไรนะครับเราอาจจะพอมาแยกได้นะ
00:03:36 → 00:03:39 ครับคืออันแรกเนี่ยคือถ้าสมมุติว่าเราไม่
00:03:39 → 00:03:41 สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาได้อย่างมี
00:03:41 → 00:03:43 ประสิทธิภาพเออเม็ดเลือดแดงมันก็ต้องน้อย
00:03:43 → 00:03:46 เราก็ต้องเป็นโลหิตจางจริงมั้ยครับทีนี้
00:03:46 → 00:03:47 ก็ต้องมาเข้าใจว่าเอ๊ะแล้วเม็ดเลือดแดง
00:03:47 → 00:03:49 มันมันมาจากไหนในร่างกายเรามันสร้างมาตรง
00:03:49 → 00:03:52 ไหนนะครับเม็ดเลือดแดงของเราเนี่ยสร้าง
00:03:52 → 00:03:55 จากไขกระดูกครับโดยจะต้องอาศัยสารอาหาร
00:03:55 → 00:03:57 หลายๆอย่างยกตัวอย่างเช่นธาตุเหล็กนะครับ
00:03:57 → 00:04:00 อ่าสังกสีหรือคอปเปอร์นะครับอ่าวิตามิน
00:04:00 → 00:04:03 B12 วิตามินโฟลตอย่างเงี้ยนะครับเป็นตัว
00:04:03 → 00:04:06 ที่จะสามารถทำให้เมเลแดงมันสร้างได้แล้ว
00:04:06 → 00:04:08 นอกเหนือจากนี้ยังมีสารอื่นๆที่มีความ
00:04:08 → 00:04:12 สำคัญต่อการสร้างเมแดงนะครับทีนี้แปลว่า
00:04:12 → 00:04:16 ถ้าไขกระดูกเรามีปัญหาเออมันอาจจะสร้างเม
00:04:16 → 00:04:19 เลืแดงไม่ได้ก็ได้นะหรือถ้าเราขาดสาร
00:04:19 → 00:04:21 อาหารพวกที่ผมว่าไปเนี่ยมันก็สร้างแมเลื
00:04:21 → 00:04:24 แดงไม่ได้นะถูกมั้ยครับงั้นตรงเนี้ยก็
00:04:24 → 00:04:26 เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้เรามีปัญหาในงาน
00:04:26 → 00:04:29 ในการสร้างไมะแดงอ่ะทีนี้สมมุติว่าเรา
00:04:29 → 00:04:31 สร้างสได้ปกติแต่เลือดมันจางถามว่าทำไม
00:04:31 → 00:04:34 มันจางได้นะครับเราก็ต้องมาดูอย่างนี้
00:04:34 → 00:04:36 ก่อนถ้าเรามีเลือดไหลออกไปสักที่นึงเนี่ย
00:04:36 → 00:04:40 แน่นอนว่าสร้างน้อยกว่าไหลออกไปมันก็ต้อง
00:04:40 → 00:04:42 เลือดจ่างถูกมั้ยครับไหลออกไปทางไหนได้
00:04:42 → 00:04:44 บ้างก็ยกตัวอย่างเช่นผู้หญิงเนี่ยมีประจำ
00:04:44 → 00:04:47 เดือนถูกมั้ยครับถ้าไหลออกไปเรื่อยๆเสีย
00:04:47 → 00:04:49 เลือดเรื่อยๆแน่นอนว่าก็ต้องเกิดโลหิตจาง
00:04:49 → 00:04:52 ได้ได้ง่ายกว่าคนทั่วไปนะครับถ้าเป็นในคน
00:04:52 → 00:04:55 สูงอายุนะครับก็ต้องระวังเรื่องของมะเร็ง
00:04:55 → 00:04:58 ลำไส้เพราะว่ามันจะสามารถทำให้เลือดออก
00:04:58 → 00:05:00 ได้เรื่อยๆนะครับในทางเดินอาหารเราอาจจะ
00:05:00 → 00:05:03 ไม่รู้ตัวเลยก็ได้ซ้ำด้วยซ้ำไปนะครับแต่
00:05:03 → 00:05:06 ว่าคนที่มีพวกเนี้ยบางคนก็อาจจะมีถ่ายออก
00:05:06 → 00:05:08 มาแล้วเป็นสีดำๆนะอุจระสีดำแล้วก็เหนียว
00:05:08 → 00:05:10 ติดส้วมนะครับแล้วก็มีอาการอ่อนเพลีย
00:05:11 → 00:05:13 เพราะว่าเลือดจ่างไปด้วยนะครับบางคนก็มี
00:05:13 → 00:05:15 เวียนศีรษะง่ายนะครับพวกนี้ก็เกี่ยวข้อง
00:05:15 → 00:05:18 กันด้วยนะครับหรือถ้านอกเหนือจากนั้นอาจ
00:05:18 → 00:05:19 จะมีเลือดออกในกระเพาะคนที่มีแผลใน
00:05:19 → 00:05:22 กระเพาะอาหารเลือดออกนานๆพวกนี้ก็มีปัญหา
00:05:22 → 00:05:25 ถูกมั้ยครับอ่านี่ก็คือเป็นการที่เลือด
00:05:25 → 00:05:28 ออกบ่อยๆนะครับอีกอย่างนึงซึ่งถ้าเกว่าก็
00:05:28 → 00:05:31 ถ้าเกิดว่าเราสร้างพอแล้วเนี่ยสร้างได้
00:05:31 → 00:05:34 เพียงพอแล้วเฮ้ยทำไมเราถึงเลิจังได้ก็มี
00:05:34 → 00:05:36 อีกโรคนึงก็คือโรคที่เมเลือดแดงมันแตก
00:05:37 → 00:05:39 ง่ายนะครับแตกง่ายเนี่ยมันมีหลากหลาย
00:05:39 → 00:05:42 สาเหตุเหลือเกินนะครับโรคยอดฮิตในประเทศ
00:05:42 → 00:05:46 ไทยก็คือโรคทาซีนะครับซึ่งมันมีแบบย่อยๆ
00:05:46 → 00:05:49 ลงไปอีกหลายแบบนะครับแล้วพวกทีเมียนี่
00:05:49 → 00:05:51 แหละครับเวลาที่เรามีความเครียดมีการเจ็บ
00:05:51 → 00:05:53 ป่วยทางด้านร่างกายหรือว่าอะไรพวกเนี้ยนะ
00:05:53 → 00:05:55 ครับมันจะทำให้เมืดลแดงพวกเนี้ยมันแตกนะ
00:05:56 → 00:05:58 ครับพอมันแตกแล้วก็เลือดจางนะฮะอันนี้เจอ
00:05:58 → 00:06:00 ได้บ่อยๆนะครับพอเป็นนานๆมันก็จะยิ่งจาน
00:06:00 → 00:06:02 เข้าไปเรื่อยๆแล้วก็อันตรายได้นะครับ
00:06:02 → 00:06:04 เพราะว่ามันส่งผลต่อระบบต่างๆของร่างกาย
00:06:04 → 00:06:06 เยอะแยะไปหมดนะครับทั้งระบบไขกระดูกนะ
00:06:06 → 00:06:09 ครับตับม้าก็จะโตอะไรพวกนี้ก็จะมีปัญหา
00:06:09 → 00:06:12 ได้นะครับอ่าอันนี้คือในแง่ของเมลแดงแตก
00:06:12 → 00:06:15 เอ่อเมลแดงแตกกรณีอื่นๆที่เจอได้บ่อยใน
00:06:15 → 00:06:19 ประเทศไทยก็เช่นโรค G6PD deficiency นะ
00:06:19 → 00:06:22 ครับ G6PD เนี่ยมันย่อมาจาก glucose 6
00:06:22 → 00:06:25 phosphate deficiency นะครับเอ่อ
00:06:25 → 00:06:28 glucose 6 phosphate เอ่อ
00:06:28 → 00:06:31 dehydrogenase def ซ G6PD deficiency
00:06:31 → 00:06:32 อันนี้ชื่อมันยาวหน่อยนะครับก็เป็นการที่
00:06:33 → 00:06:36 เราขาดเอนไซม์ชื่อว่า G6PD นะครับมันก็จะ
00:06:36 → 00:06:39 ทำให้เมลอแดงของเราแตกง่ายเวลาที่เรามี
00:06:39 → 00:06:40 ความเครียดไม่ว่าจะเป็นร่างกายจิตใจอะไร
00:06:41 → 00:06:43 พวกเนี้ยหรือว่าเรากินยาบางอย่างกินถั่ว
00:06:43 → 00:06:44 ปากอ้ากินอะไรพวกนี้เข้าไปมันก็จะทำให้
00:06:44 → 00:06:47 เม็ลแดงมันแตกง่ายเราก็จะมีโอกาสเลือดจาง
00:06:47 → 00:06:51 ได้ค่อนข้างที่จะง่ายนะครับโลกอื่นๆก็มี
00:06:51 → 00:06:53 อีกเยอะแยะนะครับที่อเมริกาที่ต่างประเทศ
00:06:53 → 00:06:55 นี่เราจะมีโรคโรคนึงชื่อว่า cle Cell
00:06:55 → 00:06:58 disease นะครับ cle Cell anemia ก็คือ
00:06:58 → 00:07:00 เซลล์เมือแดงเนี่ยมันรักักษณะเหมือนเคียว
00:07:00 → 00:07:02 เคียวภาษาอังกฤษเราเรียกว่า cle นะครับ
00:07:02 → 00:07:04 มันจะเป็นเนี่ยเป็นตัวเหมือนวงพระจันทร์
00:07:04 → 00:07:07 นะครับอ่านั้นก็เป็นโรคเม็ดแดงแตกชนิด
00:07:07 → 00:07:10 หนึ่งโรคอื่นๆก็ยกตัวอย่างเช่น hereditary
00:07:10 → 00:07:12 spherocytosis นะครับชื่อประหลาดไม่ต้อง
00:07:12 → 00:07:14 จำมันนะครับแต่ว่าเอาเป็นว่าโรคที่ไม่
00:07:14 → 00:07:16 เลื้อแดงแตกเนี่ยมันมีเยอะแยะไปหมดนะครับ
00:07:16 → 00:07:19 เราจะต้องไปหาว่าเราเป็นโรคไหนนะครับอ่า
00:07:20 → 00:07:23 ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าโอเคถ้าไข่กระดูกเรา
00:07:23 → 00:07:25 มันสร้างไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่าเอ่อไข่
00:07:25 → 00:07:27 กระดูกมันเสียหรือเราได้อาหารเข้าไปไม่
00:07:27 → 00:07:30 เพียงพอจะเป็นเพราะว่าเรากินเข้าไม่ไม่พอ
00:07:30 → 00:07:33 หรือเรามีปัญหาทางด้านการดูดซึมไอ้สาร
00:07:33 → 00:07:36 อาหารพวกนี้เข้าไปมันก็ทำให้เราหจังได้นะ
00:07:36 → 00:07:39 ครับแต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็ต้องไปดูว่า
00:07:39 → 00:07:41 เลือดของเราหายไปไหนหรือเปล่าเช่นอ่า
00:07:41 → 00:07:43 เลือดออกมาเยอะหรือเลือดมันแตกไปเยอะนะ
00:07:43 → 00:07:45 ครับงั้นพวกนี้เนี่ยมันเป็นสาเหตุทั้งหมด
00:07:45 → 00:07:49 แล้วก็การแก้ไขในแต่ละภาวะเนี่ยมันจะแก้
00:07:49 → 00:07:51 ไขด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกันนะครับไม่ใช่
00:07:51 → 00:07:54 ว่าเราไปกินยาบำรุงเลือดแล้วเราจะสามารถ
00:07:54 → 00:07:56 ทำให้โลหิตจางของเรามันหายได้นะครับจริง
00:07:56 → 00:07:58 มั้ยครับเช่นไม้เลื้อแดงแตกเนี่ยกินยา
00:07:58 → 00:08:00 บำรุงเลือดอ้าไม้เลือแดก็ไม่หายแตกมันไม่
00:08:00 → 00:08:03 ได้ทำให้เมแลแดงมีความแข็งแรงอะไรเพิ่ม
00:08:03 → 00:08:06 ขึ้นแต่อย่างใดนะครับคำถามต่อมาก็คือเออ
00:08:06 → 00:08:08 มันมีสาเหตุเยอะแยะขนาดเนี่ยแล้วเราจะรู้
00:08:08 → 00:08:12 ได้ยังไงว่าเราเป็นแบบไหนนะครับเวลาที่
00:08:12 → 00:08:15 เรามีอาการพวกเนะครับเรือตรวจว่าเป็น
00:08:15 → 00:08:17 โลหิตจางเนี่ยขั้นแรกที่หมอเขาถามเลยก็
00:08:17 → 00:08:19 คือจะถามเรื่องประวัติโดยประวัติอันที่
00:08:19 → 00:08:22 เราถามกันบ่อยๆก็คือมีเลือดออกมั้ยนะครับ
00:08:22 → 00:08:24 มีประจำเดือนหรือเปล่าประจำเดือนมากี่วัน
00:08:24 → 00:08:27 มามากแค่ไหนนะครับถ้ามันมามากๆเลยนะครับ
00:08:27 → 00:08:30 พวกนี้ก็แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นสาเหตุที่
00:08:30 → 00:08:32 ทำให้เรามีปัญหานะครับในคนกลุ่มนี้ก็จะมี
00:08:32 → 00:08:35 การขาดธาตุเหล็กได้ค่อนข้างที่จะเยอะนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับถามประวัติเรื่องของการดื่มเหล้านะ
00:08:38 → 00:08:40 ครับการดื่มเหล้าเนี่ยมันจะทำให้เราขาด
00:08:40 → 00:08:43 วิตามิน B12 แล้วก็โฟลทได้ง่ายนะครับพวก
00:08:43 → 00:08:46 นี้ก็จะทำไปสู่โลหิตจางบางชนิดนะครับและ
00:08:46 → 00:08:49 ถ้าเป็นมากๆขาด B12 ขาดโจมากๆสิ่งที่เกิด
00:08:49 → 00:08:52 ขึ้นเนี่ยน่ากลัวมากเลยนะครับก็คือเราจะ
00:08:52 → 00:08:55 มีอาการทางด้านระบบประสาทนะครับเวลาเป็น
00:08:55 → 00:08:57 มากๆบางคนก็จะนอนไม่หลับหงุดหงิดง่าย
00:08:57 → 00:09:00 สมาธิไม่มีอ่อนเพลียบางคนก็การนอนมีปัญหา
00:09:00 → 00:09:02 ทั้งหมดนะครับหรือบางคนถ้ามันเป็นมากกว่า
00:09:02 → 00:09:04 นั้นอีกระบบไขสันหลังของเราเนี่ยมันก็จะ
00:09:04 → 00:09:08 เสียทำให้เรามีอาการเดินเซนะครับเดินแล้ว
00:09:08 → 00:09:10 เหยียบพื้นก็เหมือนไม่เราเหยียบไม่ถูกไม่
00:09:10 → 00:09:12 รู้จะเหยียบยังไงเราก็เดินเซอาจจะหกล้ม
00:09:12 → 00:09:15 ได้นะครับนี่คือปัญหานะครับแล้วนอกเหนือ
00:09:15 → 00:09:17 จากนั้นมันจะทำให้ไขกระดูกทำงานไม่ดีซะ
00:09:17 → 00:09:19 ด้วยซ้ำไปนะครับพวกเนี้ยถ้าเรากินเหล้า
00:09:19 → 00:09:22 มากๆเนี่ยอาการพวกเยมาหมดเลยนะฮะที่เราจะ
00:09:22 → 00:09:26 จะต้องถามนะครับเรื่องของการกินเหล้าอ้อ
00:09:26 → 00:09:30 แล้วก็มีคนที่กินยาบางชนิดนะครับก็อาจจะ
00:09:30 → 00:09:32 ทำให้ขาดวิตามินเหล่านี้ได้ยกตัวอย่าง
00:09:32 → 00:09:36 เช่นถ้าเรากินยาลดกรดชนิดที่เรียกว่าโปรน
00:09:36 → 00:09:41 ปั๊ inhibitor เช่น omp S nexium นะ
00:09:41 → 00:09:44 ครับพวกเนี้ยนะครับหรือ pared อ่า pantop
00:09:44 → 00:09:47 sool อะไรพวกเนะครับก็จะต้องระวังเพราะ
00:09:47 → 00:09:50 ว่ามันจะทำให้ร่างกายดูดซึม B12 ได้ยาก
00:09:50 → 00:09:54 ขึ้นนะครับและสำหรับสาวกคนที่กินเม็ด
00:09:54 → 00:09:57 ฟอร์มิเพื่อการชะล่อไวนะครับเม็ดฟอร์มิทำ
00:09:57 → 00:10:01 ให้เราดูดซึม B12 ได้ยากขึ้นแล้วเราก็จะ
00:10:01 → 00:10:05 มีโอกาสขาดวิตามิน B12 ได้ครับนะอ่าอัน
00:10:05 → 00:10:08 นี้ก็ต้องระวังนะครับส่วนโฟดเนี่ยบางคน
00:10:08 → 00:10:11 ใช้ยากดพูนเช่นยา Metro trex หรือต้อง
00:10:11 → 00:10:14 กินยากลุ่มที่เป็นแทมนานๆพวกเก็จะมีปัญหา
00:10:14 → 00:10:17 ได้ซึ่งตรงเนี้หมอเจะให้เสริมนะครับเอ่อ
00:10:17 → 00:10:19 หรือเราก็ต้องดูว่าเอ๊ะเราตั้งรภหรือ
00:10:19 → 00:10:20 เปล่าเพราะว่าคนที่ตั้งรภจะต้องมีความ
00:10:20 → 00:10:23 ต้องการกับสารอาหารพวกเนี้ยเยอะขึ้นก็จะ
00:10:23 → 00:10:26 ต้องมีวิธีการดูพิเศษนะครับอ่าเรื่องยา
00:10:26 → 00:10:28 เรื่องอะไรพวกนี้ก็เกี่ยวข้องแล้วหมอก็จะ
00:10:28 → 00:10:31 ถามเรื่องระบบทางเดือนอาหารด้วยเพราะว่า
00:10:31 → 00:10:33 การดูบซึมสารอาหารเนี่ยมันสำคัญใช่มั้ย
00:10:33 → 00:10:35 ครับคนไหนที่มีโรคบวดท้องเรื้อรังโรคลำ
00:10:35 → 00:10:37 ไส้เรื้อรังพวกเนี้ยการดูดซึมอาหารมันก็
00:10:37 → 00:10:40 จะผิดปกติทำให้เราขาดสารอาหารต่างๆเหล่า
00:10:40 → 00:10:42 นี้ได้นะครับอนี้เป็นประวัติที่เราจะถาม
00:10:43 → 00:10:45 นะครับนอกเหนือจากนี้มีอะไรที่เราจะถาม
00:10:45 → 00:10:49 อีกมยนะครับก็เรื่องของพฤติกรรมการกินนะ
00:10:49 → 00:10:52 ครับบางคนกินมังสวิรัตแหลกเลยไม่เคยกิน
00:10:52 → 00:10:54 เนื้อแล้วไม่ได้ทำอะไรเสริมอะไรพวกเนี้ย
00:10:54 → 00:10:56 ก็จะมักขาดวิตามิน B12 ได้ง่ายนะครับหรือ
00:10:56 → 00:10:58 คนที่เลือกกินมากๆนะครับก็จะเลือกกิน
00:10:58 → 00:11:01 อาหารบางชนิดนะฮะทำให้เราขาดสารอาหารไป
00:11:01 → 00:11:04 ได้ดังนั้นความสำคัญมันอยู่ที่การกินให้
00:11:04 → 00:11:07 หลากหลายกินให้สมดุลด้วยนะครับอ่าพวกนี้
00:11:07 → 00:11:09 ก็จะเป็นประวัติคร่าวๆที่เราพอจะบอกได้
00:11:09 → 00:11:12 ว่าเอ้ยเราเป็นอะไรนะครับทีนี้ในทางการ
00:11:12 → 00:11:15 แพทย์มันมีวิธีบอกอย่างอื่นมยนะครับใน
00:11:15 → 00:11:18 กรณีที่เราดูค่า CBC ของเราเนี่ยมันจะพอ
00:11:18 → 00:11:21 บอกได้นะครับทางการแพทย์เราจะดูลักษณะของ
00:11:21 → 00:11:23 เม็ดเลือดแดงแล้วก็ขนาดของเม็ดละแดงนะ
00:11:24 → 00:11:27 ครับถ้าขนาดของเม็ดละแดงมันเล็กมากๆเนี่ย
00:11:27 → 00:11:30 นะครับบางทีเราต้องระวังว่าเราเป็นโรค
00:11:31 → 00:11:33 ทาซีม่าเหล็กหรือเปล่านะครับโดยมันจะมี
00:11:33 → 00:11:37 อ่าลักษณะประกอบอื่นๆซึ่งหมอเจะดูได้จาก
00:11:37 → 00:11:40 การที่ดูค่า CBC หรือในบางกรณีอาจจะต้อง
00:11:40 → 00:11:42 เอาเลือดเนี่ยไปหยดบนสไลด์แล้วก็ไปดู
00:11:42 → 00:11:44 ลักษณะของเม็ดเลือดเลยนะครับการดูลักษณะ
00:11:44 → 00:11:47 ของเม็ดเลือดเนี่ยมันจะพอบอกได้ว่าเรา
00:11:47 → 00:11:50 เป็นโรคอะไรซึ่งการดูลักษณะสไลด์เม็ด
00:11:50 → 00:11:53 เลือดเนี่ยจะไม่ใช่การดูแบบ 3 มิติเหมือน
00:11:53 → 00:11:56 ที่อ่อกลุ่มบางคนเข้าไปดูนะครับเช่นเจาะ
00:11:56 → 00:11:59 มาแล้วบอกว่าโอ้เลือดคุณมันหนืดมากมันจับ
00:11:59 → 00:12:02 เป็นก้อนคุณต้องไปทำคชเปีคุณต้องไปกิน
00:12:02 → 00:12:04 อาหารเสริมตัวโน้นตัวนี้อันนั้นเป็น
00:12:04 → 00:12:07 วิทยาศาสตร์ปลอมนะครับปัจจุบันเราไม่มี
00:12:07 → 00:12:09 ความน่าเชื่อถือในสิ่งเหล่านั้นแต่อย่าง
00:12:09 → 00:12:11 ใดแต่ว่าการที่วิเคราะห์ลักษณะของเม็ด
00:12:11 → 00:12:14 เลือดด้วยวิชาการทางการแพทย์แบบปัจจุบัน
00:12:14 → 00:12:16 จริงๆเนี่ยมันสามารถพอบอกได้เช่นว่าคนนี้
00:12:16 → 00:12:20 ลักษณะเหมือนอ่าว่าเราขาดธาตุเหล็กอันนี้
00:12:20 → 00:12:23 เหมือนกับซีเมียอันนี้เหมือนกับโรค G6 PD
00:12:23 → 00:12:26 อะไรอย่างนี้พอจะบอกได้เช่นกันนะครับหรือ
00:12:26 → 00:12:28 ถ้าเซลล์มันใหญ่มากๆนะเราก็ต้องคิดว่าเออ
00:12:28 → 00:12:31 เราขาดวิตามิน B 12 ขาดโฟลตมั้ยนะครับ
00:12:31 → 00:12:33 พวกนี้จะพอบอกได้หรือกินเหล้าหรือเปล่ามี
00:12:33 → 00:12:35 โรคไทรรอยด์หรือเปล่าเพราะว่าพวกนี้มันจะ
00:12:35 → 00:12:38 ทำให้เมลอแดงมันโตขึ้นมากับปกติหรือโรค
00:12:38 → 00:12:40 ของไข่กระดูกบางประเภทก็จะทำให้มันโตนะ
00:12:40 → 00:12:43 ครับดังนั้นเรื่องของลักษณะว่าเราจะเป็น
00:12:43 → 00:12:45 อะไรเนี่ยข้อแรกเราใช้จากประวัติก่อนนะ
00:12:45 → 00:12:47 ครับแล้วก็ตรวจร่างกายว่ามีอาการเข้าได้
00:12:47 → 00:12:50 กับอาการตรงไหนหรือเปล่าเช่นอ B12 บางคน
00:12:50 → 00:12:53 ก็อาจจะมีในแง่ของลิ้นเลี่ยนนะครับเจ็บ
00:12:53 → 00:12:56 ปากนะครับเคนที่ขาดโจมากๆก็อาจจะมีแผลใน
00:12:56 → 00:12:59 ปากเอิ่มจริงๆอเล่าก็ได้ว่าเหตุผลมันคือ
00:12:59 → 00:13:02 อะไรนะครับไอ้ตัว B12 กับโดเนี่ยมันมี
00:13:02 → 00:13:05 ความสำคัญมากๆต่อการสร้าง DNA นะครับดัง
00:13:05 → 00:13:07 นั้นเซลล์ไหนที่มันมีการแบ่งตัวเร็วมากๆ
00:13:07 → 00:13:09 แบ่งตัวเยอะเนี่ยมันก็จะต้องการไอ้ของพวก
00:13:09 → 00:13:12 นี้เยอะถ้ามีให้มันไม่พอไม่เพียงพอมันก็
00:13:12 → 00:13:15 จะแบ่งตัวแล้วมีปัญหาเซลล์ตรงในกระพุ้ง
00:13:15 → 00:13:17 แก้มในปากเราเนี่ยเซลล์ทางเดินอาหารของ
00:13:17 → 00:13:19 เราเนี่ยมันแบ่งตัวเร็วมากนะครับพอมัน
00:13:19 → 00:13:21 แบ่งตัวเร็วมากแล้วเรามีโจให้มันไม่พอ
00:13:21 → 00:13:25 เนี่ยก็แย่แล้วก็เกิดแผลในปากขึ้นมาลิ้น
00:13:25 → 00:13:26 เราก็เหมือนกันก็จะเลี่ยนขึ้นมาแบบนั้น
00:13:27 → 00:13:28 เป็นต้นเลี่ยนเลี่นแล้วมันก็จะแสบได้ใน
00:13:28 → 00:13:31 บางคนนะครับอันนี้ก็เป็นเหตุผลเบื้องหลัง
00:13:31 → 00:13:34 ของว่าเออเราจะต้องดวจตรวจร่างกายดูอะไร
00:13:34 → 00:13:37 บ้างนะแล้วเราก็ดูค่า CBC อย่างไรดูค่า
00:13:37 → 00:13:40 เอาเลือดมาย้อมแล้วก็มาดูลักษณะของเลือด
00:13:40 → 00:13:43 ว่ามันเป็นอะไรนะครับทีนี้พอเราบอกคร่าวๆ
00:13:43 → 00:13:46 ได้ว่าคนๆนี้เป็นอะไรแล้วเรารักษายังไงนะ
00:13:46 → 00:13:50 ครับอ่ะแน่นอนถ้าท่านโอ้มีอันนึงที่ผมลืม
00:13:50 → 00:13:53 พูดไปก็คือโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของ
00:13:53 → 00:13:55 ร่างกายหรือโรคเรื้อรังทั่วๆไปพวกนี้ก็จะ
00:13:55 → 00:13:59 ทำให้เป็นโลหิตจางได้ยกตัวอย่างเช่น้ามี
00:13:59 → 00:14:01 มะเร็งต่างๆในร่างกายเนี่ยบางคนอาจจะเป็น
00:14:01 → 00:14:03 โลหิตจางคนที่ป่วยเรื้อรังเยอะๆเนี่ยบาง
00:14:03 → 00:14:05 คนก็เป็นโลหิตจางแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
00:14:05 → 00:14:08 การขาดธาตุเหล็กหรืออะไรพวกนี้นะครับอ่า
00:14:08 → 00:14:09 พวกนี้มันมีความเกี่ยวข้องด้วยเพราะ
00:14:09 → 00:14:12 ฮอร์โมนพวกนี้ด้วยแล้วคนที่เป็นโรคไตนะ
00:14:12 → 00:14:15 ครับไตมันมีหน้าที่สำคัญอย่างนึงในการ
00:14:15 → 00:14:17 สังเคราะห์ฮอร์โมนที่ไปเพิ่มเลือดให้เรา
00:14:17 → 00:14:19 นะครับถ้าไตมันวายแล้วเนี่ยมันก็สร้าง
00:14:20 → 00:14:21 ฮอร์โมนตัวนี้ไม่ได้นะครับฮอร์โมนตัวนี้
00:14:22 → 00:14:25 มีชื่อว่าอิร poin นะครับอิรแปลว่าแดงนะ
00:14:25 → 00:14:28 ครับินก็คือเป็นการกระตุ้นเป็นการสร้าง
00:14:28 → 00:14:30 พวกเยนะครับการสร้างเมเรือแดงนั่นเองนะ
00:14:30 → 00:14:33 ครับโปรตินอิริโทรโปรตินถ้ามันเสียไปปุ๊บ
00:14:33 → 00:14:35 อ้าไตวายเราไม่มีตัวนี้เราก็ต้องฉีด
00:14:35 → 00:14:37 ฮอร์โมนตัวเนี้ยเสริมเข้าไปไม่งั้นเนี่ย
00:14:37 → 00:14:39 เราก็ไม่สามารถสร้างเมดเลื้อแดงได้อย่าง
00:14:39 → 00:14:42 มีประสิทธิภาพนะครับอ่าพอเราเข้าใจว่าเรา
00:14:43 → 00:14:45 เป็นจากอะไรแล้วนะครับเราก็มาดูเรื่องของ
00:14:45 → 00:14:48 การรักษาอ่ะแน่นอนถ้าท่านเป็นโลหิตจังจาก
00:14:48 → 00:14:50 การขาดธาตุเหล็กนะครับถ้าอยู่ในวัยที่มี
00:14:50 → 00:14:53 ประจำเดือนการเอ่อทานธาตุเหล็กเสริมก็จะ
00:14:53 → 00:14:56 ช่วยได้มากนะครับการบางคนจะมาถามว่าเฮ้ย
00:14:56 → 00:14:58 ถ้าเราทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่าง
00:14:58 → 00:15:00 เดียวจะช่วยได้หรือเป่าเปล่าคำตอบคือมัก
00:15:00 → 00:15:03 จะไม่ได้ครับต่อให้ท่านทานอาหารที่มีทัด
00:15:03 → 00:15:05 เหล็กก็คืออ่าพวกเครื่องในพวกเนื้อแดง
00:15:05 → 00:15:08 หรือพวกถั่วต่างๆพวกอ่าผักโขมอย่างเงี้ย
00:15:08 → 00:15:11 นะครับอ่าสกอนะครับถ้าท่านทานพวกเยกิน
00:15:11 → 00:15:14 เยอะๆทานเยอะๆมันมันไม่เพียงพออยู่ดีนะ
00:15:14 → 00:15:17 ครับจะต้องทานพวกเอ่อธาตุเหล็กเสริมไป
00:15:17 → 00:15:21 อยู่ดีนะครับทีนี้พอเราทานธาตุเหล็กเสริม
00:15:21 → 00:15:23 แล้วเนี่ยต้องอย่าลืมว่าเวลาที่เรามี
00:15:23 → 00:15:25 เมนส์เยอะๆเนี่ยบางครั้งต้องไปปรึกษาหมอ
00:15:25 → 00:15:27 สูตินารีแพทย์เพราะว่าถ้าเมนส์มันมาเยอะ
00:15:27 → 00:15:29 กว่าปกติอันนี้ก็เป็นโรคทางด้านสูตเนรี
00:15:29 → 00:15:32 แพทซึ่งจะต้องไปรักษาด้วยไม่งั้นก็เลือด
00:15:32 → 00:15:34 ออกมาทุกครั้งนะครับเราก็ไม่หายเลือดจาง
00:15:34 → 00:15:35 ซักทีถูกมั้ยครับ
00:15:35 → 00:15:39 อ่าธาตุเหล็กหรือยาบำรุงเลือดหลายๆอย่าง
00:15:39 → 00:15:41 เนี่ยมักจะมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบยา
00:15:41 → 00:15:43 บำรุงเลือดก็อาจจะมีตัวอื่นเช่นมีโฟตมี
00:15:43 → 00:15:46 v12 มีอ่าสังกสีคอปเปอร์ปนอยู่ด้วยนะ
00:15:46 → 00:15:48 ครับการกินพวกเนี้ยโดยที่มากเกินไปมี
00:15:48 → 00:15:52 ปัญหามยมีครับธาตุเหล็กเนี่ยผลข้างเคียง
00:15:52 → 00:15:54 สำหรับคนที่กินเข้าไปนะครับหลายๆคนที่เคย
00:15:54 → 00:15:57 กินก็คงจะทราบก็คืออาจจะมีอาการคลื่นไส้
00:15:57 → 00:16:01 อาเจียนปวดท้องท้องผูกได้นะครับอ่าท้อง
00:16:01 → 00:16:03 ผูกได้หรือว่าอุจจาระออกมาแล้วมันสีดำปี๋
00:16:03 → 00:16:05 เลยนะครับสีดำสีเขียวเนี่ยนะครับแต่ว่า
00:16:06 → 00:16:08 ไม่ได้อันตรายนะครับอุจจาระที่เป็นจาก
00:16:08 → 00:16:10 ธาตุเหล็กมันจะสีดำๆเขียวๆนะนะครับตัวนี้
00:16:10 → 00:16:12 ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแต่บางคนท้องผูกมากเลย
00:16:12 → 00:16:16 จากการกินธาตุเหล็กนะครับงั้นไม่จำเป็น
00:16:16 → 00:16:18 อย่าไปกินนะครับต้องจำเป็นก่อนถึงจะไปกิน
00:16:18 → 00:16:20 แล้วถ้าเรากินธาตุเหล็กเราควรจะกินอย่าง
00:16:20 → 00:16:23 ไรดีนะครับเดี๋ยวนี้เราก็มักจะให้กินธาตุ
00:16:23 → 00:16:26 เหล็กชนิดที่เรียกว่าเฟอรัสซัลเฟตนะครับ
00:16:26 → 00:16:29 อ่ากิน 325 มิลกรัมต่อวันนะฮะก็อาจจะเป็น
00:16:29 → 00:16:32 กินแค่เช้าเย็นก็พอนะครับหรือบางคนที่มี
00:16:32 → 00:16:34 ปัญหามากๆก็กินวันเว้นวันนะครับการกินวัน
00:16:34 → 00:16:36 เว้นวันเนี่ยบางครั้งเราเจอว่าเาสามารถ
00:16:36 → 00:16:39 ที่จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นและมี
00:16:39 → 00:16:41 อีกอย่างนึงซึ่งทำให้เราดูดซึมธาตุเหล็ก
00:16:41 → 00:16:43 ได้ดีขึ้นกว่าเดิมก็คือการกินคู่ไปกับ
00:16:43 → 00:16:46 วิตามินซีนั่นเองนะครับแค่ 500 มิลกรัม
00:16:46 → 00:16:48 เนี่ยก็สามารถช่วยทำให้เราดูดซึมธาตุ
00:16:48 → 00:16:50 เหล็กได้ดีขึ้นแล้วนะฮะอันนี้ก็เป็นส่วน
00:16:50 → 00:16:53 สำคัญอย่างหนึ่งของธาตุเหล็กนะครับอ่าถ้า
00:16:54 → 00:16:56 ท่านเป็นคนที่ขาดโฟตนะครับหรือขาดวิตามิน
00:16:56 → 00:16:59 B12 นะฮะเช่นว่าท่านมเห้ามากแน่นอนท่าน
00:16:59 → 00:17:01 ก็ต้องไปเลิกเหล้าก่อนถูกมั้ยครับคนที่
00:17:01 → 00:17:04 กินยาโดยที่หมอไม่ได้สั่งแล้วเราอยากไป
00:17:04 → 00:17:06 กินเองกินเม็ดฟอร์มเองแล้วขาด B 12 ขึ้น
00:17:06 → 00:17:09 มาก็ต้องไปกินเสริมเอาเองนะครับอ่านี้
00:17:09 → 00:17:13 สำคัญแล้วมันก็จะมีเ่อเช่นพยาธตืดปลานะ
00:17:13 → 00:17:16 ครับพยาธตืดปลาเนี่มันชอบไปอยู่ในลำไส้
00:17:16 → 00:17:19 เล็กส่วนที่มันใช้ในการดูดซึมวิตามิน B12
00:17:19 → 00:17:21 มันก็ทำให้เราขาด B12 ได้งั้นคนที่ไปกิน
00:17:21 → 00:17:24 ปลาพวกที่มันมีตืดปลาอยู่บ่อยๆที่เราอาจ
00:17:24 → 00:17:25 จะไม่รู้ตัวเนี่ยอาจจะต้องไปตรวจนะครับ
00:17:25 → 00:17:28 ต้องไปกินยาฆ่าพยาธนะถึงจะถึงจะดีขึ้นนะ
00:17:28 → 00:17:31 ครับอ่าตนี้ก็มีความเกี่ยวข้องด้วยนะครับ
00:17:31 → 00:17:35 อืทีนี้ถ้าเป็นในคนท้องอันนี้มีความพิเศษ
00:17:35 → 00:17:38 เพราะว่าความต้องการต่อสิ่งต่างๆที่เรา
00:17:38 → 00:17:40 พูดไปเนี่ยมันจะสูงขึ้นก็อาจจะต้องกินโฟต
00:17:40 → 00:17:42 เสริมเพราะว่าถ้าไม่กินเสริมเนี่ยมีปัญหา
00:17:42 → 00:17:45 แน่ๆนะครับอาจจะมีลูกที่เกิดออกมาแล้วมี
00:17:45 → 00:17:48 ปัญหาทางด้านระบบประสาทได้นะครับก็หมอก็
00:17:48 → 00:17:50 จะให้กินเสริมกินธาตุเหล็กเสริมนะครับ B12
00:17:50 → 00:17:53 ก็อาจจะต้องกินแล้วก็วิตามินอื่นๆก็มี
00:17:53 → 00:17:55 ส่วนเสริมเข้าไวด้วยในคนท้องนะครับนอก
00:17:55 → 00:17:58 เหนือจากนี้คนที่ต้องใช้พลังเยอะๆแน่ๆก็
00:17:58 → 00:18:00 คือคนที่ป่วยเยอะๆมีโรคโน้นโรคนี้พวก
00:18:00 → 00:18:02 เนี้ยบางครั้งก็อาจจะมันจำเป็นจะต้องกิน
00:18:02 → 00:18:04 เสิร์มเข้าไปนะครับไม่ฉะนั้นเนี่ยมันก็
00:18:04 → 00:18:08 อาจจะไม่หายได้นะครับเอ่อพวกเนี้ยคนที่มี
00:18:08 → 00:18:10 โรคไทรรอยด์แน่นอนว่าก็ต้องมารักษา
00:18:10 → 00:18:12 ไทรรอยด์ก่อนนะครับเพราะว่าไม่ฉะนั้น
00:18:12 → 00:18:14 เนี่ยมันก็จะเกิดโรคโลหิตจางได้เยอะขึ้น
00:18:14 → 00:18:18 อ่าแบบนี้เป็นต้นนะครับที่เหลือก็คือโรค
00:18:18 → 00:18:21 แม้เลือดแดงแตกแมเลือดแดงแตกเนี่ยนะครับ
00:18:21 → 00:18:24 มันจำเป็นจะต้องใช้โฟดเยอะมากนะครับพวก
00:18:24 → 00:18:28 นี้ก็จำเป็นจะต้องกินโฟดเสริมนะครับแต่
00:18:28 → 00:18:31 ที่ห้ามทำห้ามทำเลยนะครับคนที่เม็ดเลแดง
00:18:31 → 00:18:34 แตกบ่อยพวกเนี้ยจะมีธาตุเหล็กเกินสูงมากๆ
00:18:34 → 00:18:36 เลยอยู่ในร่างกายนะครับและถ้าเราปล่อยให้
00:18:37 → 00:18:39 มันสูงมากๆเนี่ยมันจะมีปัญหาก็คือว่าอาจ
00:18:39 → 00:18:42 จะทำให้ตับทำงานผิดปกติหัวใจทำงานผิดปกติ
00:18:42 → 00:18:45 แล้วปัญหาต่างๆก็จะตามมาอีกมากมายนะครับ
00:18:45 → 00:18:47 คนเหล่าเนี้ยที่มีเมลอแดงแตกเยอะๆเช่น
00:18:47 → 00:18:51 G6PD ที่ป่วยบ่อยๆนะครับเป็นซีเมียนะ
00:18:51 → 00:18:53 ครับหรือเ่าอาจจะมีโรคแปลกๆชื่อว่า
00:18:53 → 00:18:56 nocturnal ฮีโมมินูอันนี้ไม่เคยได้ยิน
00:18:56 → 00:18:59 ไม่เป็นไรช่างมันนะครับพวกเนี้ยนะครับอาจ
00:18:59 → 00:19:01 จะต้องกินโฟเลเสริมแต่ห้ามกินธาตุเหล็ก
00:19:01 → 00:19:03 เสริมเด็ดขาดเพราะว่าถ้าท่านกินธาตุเหล็ก
00:19:03 → 00:19:05 เสริมท่านจะมีธาตุเหล็กเกินกว่าปกติและ
00:19:05 → 00:19:07 อันนี้เกิดธาตุเหล็กเป็นพิษซึ่งคนเหล่า
00:19:08 → 00:19:11 นี้เนี่ยนะครับที่จำเป็นจะต้องทำ kation
00:19:11 → 00:19:13 therapy นะครับ kation therapy เราไม่
00:19:13 → 00:19:15 ได้ทำสำหรับคนทั่วไปไม่ได้เอาไว้ป้องกัน
00:19:15 → 00:19:18 โรคหัวใจโรคโน้นโรคนี้นะครับแต่ถ้ามีธาตุ
00:19:18 → 00:19:21 เหล็กเกินในร่างกายคนเหล่าเนี้ยต้องทำคีช
00:19:21 → 00:19:23 therapy มีทั้งแบบฉีดแล้วก็แบบกินซึ่ง
00:19:23 → 00:19:26 ตรงเนี้ยคงจะต้องไปคุยกับคุณหมอที่รักษา
00:19:26 → 00:19:28 เอาเองว่าจะต้องทำยังไงเราจำเป็นจะต้องทำ
00:19:28 → 00:19:30 หรือยังนะครับทำแล้วต้องทำบ่อยแค่ไหนนะ
00:19:30 → 00:19:33 ครับตรงนี้ก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆที่เรา
00:19:33 → 00:19:36 จำเป็นจะต้องทราบนะครับนอกเหนือจากนี้ก็
00:19:36 → 00:19:38 จะต้องไปดูเรื่องโรคประจำตัวอื่นๆที่เรา
00:19:39 → 00:19:41 มีนะครับโดยเฉพาะโรคกระเพาะลำไส้นะครับ
00:19:41 → 00:19:43 บางคนมีโรคกระเพาะที่มีเชื้อตัวนึงชื่อ
00:19:43 → 00:19:46 ว่าเฮลิโคแบคเตอร์ p นะครับชื่อเหมือน
00:19:46 → 00:19:48 เฮลิคอปเตอร์แต่มันไม่ใช่นะฮะเชื้อตัวนี้
00:19:48 → 00:19:50 มันทำให้เรามีกระเพาะอักเสบมีแผลใน
00:19:50 → 00:19:52 กระเพาะอาหารแล้วก็ทำให้เราดูดซึมธาตุ
00:19:52 → 00:19:54 เหล็กได้ไม่ค่อยดีด้วยซ้ำไปนะครับมันก็จะ
00:19:54 → 00:19:57 เกิดโรคโลหิตจางขึ้นมานะฮะอ่าอันนี้เราก็
00:19:57 → 00:20:00 รู้ไปแล้วนะครับว่าเออขั้นแรกถ้าเราเป็น
00:20:00 → 00:20:04 โลหิตจางเราก็ต้องดูว่าเราเป็นจากอะไรมัน
00:20:04 → 00:20:06 มีได้หลายสาเหตุทุกคนไม่ได้แก้ด้วยวิธี
00:20:06 → 00:20:08 เดียวกันหมดนะครับการไปกินยาบำรุงเลือด
00:20:08 → 00:20:10 บางครั้งอันตรายด้วยซ้ำไปถ้าเกิดว่าเรา
00:20:10 → 00:20:12 เป็นโลหิตจางชนิดที่เเลือดแดงแตกเรากิน
00:20:12 → 00:20:15 เข้าไปปุ๊บเราก็ธาตุเหล็กเกินเกิดปัญหา
00:20:15 → 00:20:17 บางคนอาจจะเป็นขาดธาตุเหล็กจริงแล้วกิน
00:20:17 → 00:20:20 ผิดวิธีมันก็จะมีปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน
00:20:20 → 00:20:22 ถ่ายไม่ออกท้องผูกอ่าตามมาอีกนะครับก็
00:20:22 → 00:20:25 เกิดปัญหาขึ้นมาใหญ่นะครับนั้นเรื่องพวก
00:20:25 → 00:20:27 เยก็คือจะต้องทราบก่อนว่าถ้าท่านเป็นอะไร
00:20:27 → 00:20:29 นะครับถ้าท่านเป็นโรคไตก็อาจจะต้องได้
00:20:29 → 00:20:32 ฮอร์โมนไตเสริมนะครับหรือในบางกรณีหมอเ
00:20:32 → 00:20:34 อาจจะต้องให้ยาธาตุเหล็กเข้าไปทางเส้น
00:20:34 → 00:20:37 เลือดนะครับเสริมด้วยในบางกรณีนะครับเช่น
00:20:37 → 00:20:39 กรณีที่เป็นโรคไตบางคนก็จะต้องให้ตัวนี้
00:20:39 → 00:20:42 เข้าไปเสริมนะฮะอ่าดังนั้นเวลาที่เราไป
00:20:42 → 00:20:45 ตรวจร่างกายแล้วเราเจอโลหิตจางถามหมอเค้า
00:20:45 → 00:20:49 ก่อนเลยครับว่าเราเป็นโลหิตจางเพราะอะไร
00:20:49 → 00:20:52 การแก้ไขมันขึ้นกับสาเหตุทุกคนไม่ได้แก้
00:20:52 → 00:20:55 ไขได้ด้วยวิธีเดียวกันนะครับทานอาหารให้
00:20:55 → 00:20:58 หลากหลายรับหลักพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ
00:20:58 → 00:21:00 อย่าคิดเครียดเยอะนะครับแล้วก็ยาอะไรแปลก
00:21:00 → 00:21:03 ๆถ้าเรามีโรคประจำตัวเมเลือแดงแตกง่าย
00:21:03 → 00:21:05 ต้องถามหมอเสมอว่ากินได้หรือเปล่าเพราะ
00:21:05 → 00:21:08 ไม่ฉะนั้นยิ่งทำให้เมลแดงมีปัญหาก็ยิ่ง
00:21:08 → 00:21:11 อันตรายใหญ่เลยนะครับอ่าดื่มเหล้าแน่นอน
00:21:11 → 00:21:13 ไม่ควรจะดื่มเยอะนะครับก็เลิกไปเลยก็ดี
00:21:13 → 00:21:16 เพราะว่าจะยิ่งมีปัญหานะครับโรคไทรรอยด์
00:21:16 → 00:21:19 โรคอ่าเบาหวานกินเมทฟอร์มินโรคระบบทาง
00:21:19 → 00:21:23 เดินอาหารกินเ่ากินยากลุ่มอ่าโปรตอนปั๊ม
00:21:23 → 00:21:25 อินฮิบิเตอร์ต่างๆพวกเนี้ยพวกเนี้ยทั้ง
00:21:25 → 00:21:27 หมดนะครับปรึกษาหมอให้เรียบร้อยเข้าใจว่า
00:21:27 → 00:21:30 มันคืออะไรแล้วถึงจะรักษานะครับโอเควัน
00:21:30 → 00:21:32 นี้ผมก็เล่าเพียงเท่านี้แล้วกันจริงๆมัน
00:21:32 → 00:21:34 มีอีกหลายๆแง่มุมของเรื่องของโลหิตจางนะ
00:21:35 → 00:21:36 ครับคงจะเล่าได้ไม่หมดถ้าใครมีอะไรที่
00:21:36 → 00:21:39 สงสัยก็สอบถามกันเข้ามาได้นะครับหรือว่า
00:21:39 → 00:21:43 ถ้ามีเอ่อแพทย์ที่ทำงานด้านโลหิวิทยามา
00:21:43 → 00:21:46 ฟังนะครับถ้าผมพูดอะไรก็ผิดไปก็ขออภัย
00:21:46 → 00:21:48 ด้วยนะครับแล้วก็ชี้แจงชี้แนะได้นะครับ
00:21:48 → 00:21:50 วันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:21:50 → 00:21:52 ครับ
00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมเชื่อว่าหลายคนเคยไปตรวจ
00:00:02 → 00:00:05 ประจำปีแล้วก็พบว่าตัวเองเป็นโลหิตจางนะ
00:00:05 → 00:00:08 ครับก็จะมีคำถามตามมาว่าเอ๊ะเราเป็นโลหิต
00:00:08 → 00:00:11 จางได้ยังไงนะครับแล้วจะทำยังไงให้โลหิต
00:00:11 → 00:00:14 มันหายจางนอกเหนือไปจากนี้ยังมีหลายๆคน
00:00:14 → 00:00:16 อาจจะเคยได้ยินว่าเอ๊ะถ้าเกิดว่าเรามี
00:00:16 → 00:00:18 อาการอ่อนเพลียเรื้อรังนะครับความคิดไม่
00:00:18 → 00:00:22 แล่นนะฮะเลือดลมเดินไม่ดีนะฮะแนะนำว่าให้
00:00:22 → 00:00:26 ไปกินยาบำรุงเลือดนะครับกินแล้วพวกเนี้ย
00:00:26 → 00:00:28 มันจะแข็งแรงมีกำลังวังชาทุกอย่างก็จะ
00:00:28 → 00:00:29 กลับมาเป็นเหมือนเดิมมันเป็นเช่นนั้นจริง
00:00:29 → 00:00:32 หรือเปล่าวันนี้ผมก็จะมาไขข้อข้องใจให้
00:00:32 → 00:00:34 ฟังกันเลยนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนี
00:00:34 → 00:00:36 ธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:36 → 00:00:38 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:38 → 00:00:41 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเวลาที่
00:00:41 → 00:00:44 เราไปตรวจเลือดเนี่ยนะครับเวอ่าสิ่งที่
00:00:44 → 00:00:47 ตรวจนี่ก็คือค่า CBC หรือ Complete Blood
00:00:47 → 00:00:50 C นะครับโดย CBC นี้เราจะดูส่วนประกอบ
00:00:50 → 00:00:52 ทั้งหมด 3 อย่างอย่างแรกก็คือเม็ดเลิศแดง
00:00:52 → 00:00:54 อันที่ 2 คือเม็ดเลิศขาวและอันที่ 3 คือ
00:00:54 → 00:00:57 เกล็ดเลือดแต่วันนี้เราจะพูดถึงเฉพาะใน
00:00:57 → 00:01:00 กรณีของเมละแดงนะครับเวลาเวลาเราดูเม็ด
00:01:00 → 00:01:03 เลือดแดงเนี่ยเราจะดูจำนวนว่ามันมีแค่ไหน
00:01:03 → 00:01:06 นะครับดูลักษณะของเม็ดเลือดแดงนะครับว่า
00:01:06 → 00:01:08 มันมีลักษณะอะไรแปลกประหลาดไปหรือเปล่านะ
00:01:08 → 00:01:12 ครับดูว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็กยังไงบ้างนะ
00:01:12 → 00:01:14 ฮะนอกเหนือจากนี้เรายังดูสารสำคัญที่อยู่
00:01:14 → 00:01:16 ในแมเลือดแดงก็คือสารชื่อว่าฮีโมโกลบิน
00:01:16 → 00:01:19 นั่นเองนะครับฮีโมโกลบินตัวนี้เนี่ยจะมี
00:01:19 → 00:01:22 หน้าที่ในการจับออกซิเจนเวลาเราหายใจเข้า
00:01:22 → 00:01:24 ไปทางปอดเนี่ยนะครับมันก็จะเอาออกซิเจนไป
00:01:24 → 00:01:27 ให้กับฮีโมโกลบินแล้วฮีโมโกลบินตัวนี้มัน
00:01:27 → 00:01:29 อยู่ในแม่เลือดแดงมันก็จะพาเอาตัว
00:01:29 → 00:01:32 ออกซิเจนเนี่ยไปแจกจ่ายให้กับอวัยวะต่างๆ
00:01:32 → 00:01:34 นะครับพอมันแจกจ่ายออกซิเจนออกไปแล้ว
00:01:34 → 00:01:37 เนี่ยนะครับฮีโมโกลบินมันก็จะต้องกลับไป
00:01:37 → 00:01:39 ที่ปอดใหม่เพื่อไปจะนำออกซิเจนตัวใหม่
00:01:39 → 00:01:41 เข้ามาแล้วก็ไปเลี้ยงสูนต่างๆเหมือนเดิม
00:01:41 → 00:01:43 นะครับนี่คือวงจรวัฏจักรของมันและตัว
00:01:43 → 00:01:45 ฮีโมโกลบินเองนี่แหละครับเวลาได้รับ
00:01:45 → 00:01:48 ออกซิเจนมันจะทำให้เลือดของเรามีสีแดงน่า
00:01:48 → 00:01:52 อันนี้คือเป็นหลักนะครับทีนี้อีกอย่าง
00:01:52 → 00:01:53 หนึ่งที่สำคัญก็คือเวลาที่มันปล่อย
00:01:53 → 00:01:55 ออกซิเจนออกไปแล้วเนี่ยสีของเลือดเรามัน
00:01:55 → 00:01:57 จะคล้ำลงนั่นก็คือเลือดดำของเรานั่นเองนะ
00:01:57 → 00:02:00 ครับเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีเลือดแดงแล้ว
00:02:00 → 00:02:02 ก็เลือดดำอยู่ในตัวคนเดียวกันเองนะครับ
00:02:02 → 00:02:05 อันนี้ก็คือเป็นสิ่งที่เราดูอีกอย่างนึง
00:02:05 → 00:02:08 ซึ่งอยากจะบอกก็ที่อาจจะบอกเป็นทร์แทนของ
00:02:08 → 00:02:10 โลหิตจางได้ก็คือค่าชื่อชื่อว่า
00:02:10 → 00:02:13 ฮีมาโตคริตนะครับฮีมาโตคริตเนี่ยมันเป็น
00:02:13 → 00:02:16 การที่เอาเลือดของเราเนี่ยนะครับไปปั่นนะ
00:02:16 → 00:02:18 ไปปั่นเสร็จปุ๊บมันจะมีส่วนที่เป็นเซลล์
00:02:18 → 00:02:21 นะครับก็มีเซลล์เมล็ดแดงเมล็ดขาวเกล็ด
00:02:21 → 00:02:23 เลือดรวมกองอยู่ด้วยกันนะครับแล้วก็อีก
00:02:23 → 00:02:26 ส่วนหนึมันเป็นส่วนน้ำใสๆซึ่งน้ำส่วนนั้น
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยก็จะเป็นส่วนที่ไม่มีเม็ดเลือดอะไร
00:02:28 → 00:02:32 อยู่นะครับเราจะดูจำนวนทั้งหมดนะครับคือ
00:02:32 → 00:02:35 เอาจำนวนน้ำเลือดนะครับบวกกับตัวเลือดนะ
00:02:35 → 00:02:38 ครับเป็นถือว่าตัวเนี้ยเป็น 100% เต็ม
00:02:38 → 00:02:41 แล้วเราก็จะเอาเฉพาะจำนวนเม็ดเลือดแดง
00:02:41 → 00:02:44 แล้วก็พวกเศษของเม็ดเลือดขาวหรือพวกเกล็ด
00:02:44 → 00:02:46 เลือดเนี่ยเอามาวัดดูซิว่ามันมีกี่
00:02:46 → 00:02:49 เปอร์เซ็นต์ของเลือดทั้งหมดนะครับค่าตัว
00:02:49 → 00:02:50 นี้ที่เอามาเป็นสัดส่วนก็จะเรียกว่า
00:02:50 → 00:02:54 ฮีมาโตคริตนะครับอ่ะตอนนี้พอเราเข้าใจ
00:02:54 → 00:02:56 แล้วว่า CBC ของเราเนี่ยตรวจเมลอแดงได้
00:02:56 → 00:02:59 อย่างไรนะครับถ้าเราตรวจแล้วเนี่ยเจอว่า
00:02:59 → 00:03:02 มีค่าฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกตินะครับโดยค่า
00:03:02 → 00:03:04 ปกติเนี่ยแล้วแต่คนนะครับส่วนใหญ่ในผู้
00:03:04 → 00:03:07 หญิงเนี่ยจะต่ำกว่าผู้ชายนิดนึงนะครับแต่
00:03:07 → 00:03:09 ถ้าเมื่อไหร่ผู้หญิงต่ำกว่า 12 หรือผู้
00:03:09 → 00:03:12 ชายต่ำกว่า 13 เราจะสงสัยว่าคนๆเนี้ยมี
00:03:12 → 00:03:15 โลหิตจานขึ้นมาทันทีนะครับคำถามต่อมาก็
00:03:15 → 00:03:18 คือว่าเออแล้วถ้าเราเป็นโลหิตจางแล้ว
00:03:18 → 00:03:21 เนี่ยมันจะต้องทำยังไงขั้นแรกคือเราต้อง
00:03:21 → 00:03:25 รู้ก่อนว่าเราเป็นโลหิตจางเพราะอะไรนะ
00:03:25 → 00:03:27 ครับเพราะว่าถ้าเราแก้ไม่ถูกนะครับมันก็
00:03:27 → 00:03:30 ไม่หายนะครับมันก็ไม่หายจางนะครับเราก็
00:03:30 → 00:03:33 ต้องมาเข้าใจก่อนว่าโลหิตจางมันเกิดขึ้น
00:03:33 → 00:03:36 ได้อย่างไรนะครับเราอาจจะพอมาแยกได้นะ
00:03:36 → 00:03:39 ครับคืออันแรกเนี่ยคือถ้าสมมุติว่าเราไม่
00:03:39 → 00:03:41 สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาได้อย่างมี
00:03:41 → 00:03:43 ประสิทธิภาพเออเม็ดเลือดแดงมันก็ต้องน้อย
00:03:43 → 00:03:46 เราก็ต้องเป็นโลหิตจางจริงมั้ยครับทีนี้
00:03:46 → 00:03:47 ก็ต้องมาเข้าใจว่าเอ๊ะแล้วเม็ดเลือดแดง
00:03:47 → 00:03:49 มันมันมาจากไหนในร่างกายเรามันสร้างมาตรง
00:03:49 → 00:03:52 ไหนนะครับเม็ดเลือดแดงของเราเนี่ยสร้าง
00:03:52 → 00:03:55 จากไขกระดูกครับโดยจะต้องอาศัยสารอาหาร
00:03:55 → 00:03:57 หลายๆอย่างยกตัวอย่างเช่นธาตุเหล็กนะครับ
00:03:57 → 00:04:00 อ่าสังกสีหรือคอปเปอร์นะครับอ่าวิตามิน
00:04:00 → 00:04:03 B12 วิตามินโฟลตอย่างเงี้ยนะครับเป็นตัว
00:04:03 → 00:04:06 ที่จะสามารถทำให้เมเลแดงมันสร้างได้แล้ว
00:04:06 → 00:04:08 นอกเหนือจากนี้ยังมีสารอื่นๆที่มีความ
00:04:08 → 00:04:12 สำคัญต่อการสร้างเมแดงนะครับทีนี้แปลว่า
00:04:12 → 00:04:16 ถ้าไขกระดูกเรามีปัญหาเออมันอาจจะสร้างเม
00:04:16 → 00:04:19 เลืแดงไม่ได้ก็ได้นะหรือถ้าเราขาดสาร
00:04:19 → 00:04:21 อาหารพวกที่ผมว่าไปเนี่ยมันก็สร้างแมเลื
00:04:21 → 00:04:24 แดงไม่ได้นะถูกมั้ยครับงั้นตรงเนี้ยก็
00:04:24 → 00:04:26 เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้เรามีปัญหาในงาน
00:04:26 → 00:04:29 ในการสร้างไมะแดงอ่ะทีนี้สมมุติว่าเรา
00:04:29 → 00:04:31 สร้างสได้ปกติแต่เลือดมันจางถามว่าทำไม
00:04:31 → 00:04:34 มันจางได้นะครับเราก็ต้องมาดูอย่างนี้
00:04:34 → 00:04:36 ก่อนถ้าเรามีเลือดไหลออกไปสักที่นึงเนี่ย
00:04:36 → 00:04:40 แน่นอนว่าสร้างน้อยกว่าไหลออกไปมันก็ต้อง
00:04:40 → 00:04:42 เลือดจ่างถูกมั้ยครับไหลออกไปทางไหนได้
00:04:42 → 00:04:44 บ้างก็ยกตัวอย่างเช่นผู้หญิงเนี่ยมีประจำ
00:04:44 → 00:04:47 เดือนถูกมั้ยครับถ้าไหลออกไปเรื่อยๆเสีย
00:04:47 → 00:04:49 เลือดเรื่อยๆแน่นอนว่าก็ต้องเกิดโลหิตจาง
00:04:49 → 00:04:52 ได้ได้ง่ายกว่าคนทั่วไปนะครับถ้าเป็นในคน
00:04:52 → 00:04:55 สูงอายุนะครับก็ต้องระวังเรื่องของมะเร็ง
00:04:55 → 00:04:58 ลำไส้เพราะว่ามันจะสามารถทำให้เลือดออก
00:04:58 → 00:05:00 ได้เรื่อยๆนะครับในทางเดินอาหารเราอาจจะ
00:05:00 → 00:05:03 ไม่รู้ตัวเลยก็ได้ซ้ำด้วยซ้ำไปนะครับแต่
00:05:03 → 00:05:06 ว่าคนที่มีพวกเนี้ยบางคนก็อาจจะมีถ่ายออก
00:05:06 → 00:05:08 มาแล้วเป็นสีดำๆนะอุจระสีดำแล้วก็เหนียว
00:05:08 → 00:05:10 ติดส้วมนะครับแล้วก็มีอาการอ่อนเพลีย
00:05:11 → 00:05:13 เพราะว่าเลือดจ่างไปด้วยนะครับบางคนก็มี
00:05:13 → 00:05:15 เวียนศีรษะง่ายนะครับพวกนี้ก็เกี่ยวข้อง
00:05:15 → 00:05:18 กันด้วยนะครับหรือถ้านอกเหนือจากนั้นอาจ
00:05:18 → 00:05:19 จะมีเลือดออกในกระเพาะคนที่มีแผลใน
00:05:19 → 00:05:22 กระเพาะอาหารเลือดออกนานๆพวกนี้ก็มีปัญหา
00:05:22 → 00:05:25 ถูกมั้ยครับอ่านี่ก็คือเป็นการที่เลือด
00:05:25 → 00:05:28 ออกบ่อยๆนะครับอีกอย่างนึงซึ่งถ้าเกว่าก็
00:05:28 → 00:05:31 ถ้าเกิดว่าเราสร้างพอแล้วเนี่ยสร้างได้
00:05:31 → 00:05:34 เพียงพอแล้วเฮ้ยทำไมเราถึงเลิจังได้ก็มี
00:05:34 → 00:05:36 อีกโรคนึงก็คือโรคที่เมเลือดแดงมันแตก
00:05:37 → 00:05:39 ง่ายนะครับแตกง่ายเนี่ยมันมีหลากหลาย
00:05:39 → 00:05:42 สาเหตุเหลือเกินนะครับโรคยอดฮิตในประเทศ
00:05:42 → 00:05:46 ไทยก็คือโรคทาซีนะครับซึ่งมันมีแบบย่อยๆ
00:05:46 → 00:05:49 ลงไปอีกหลายแบบนะครับแล้วพวกทีเมียนี่
00:05:49 → 00:05:51 แหละครับเวลาที่เรามีความเครียดมีการเจ็บ
00:05:51 → 00:05:53 ป่วยทางด้านร่างกายหรือว่าอะไรพวกเนี้ยนะ
00:05:53 → 00:05:55 ครับมันจะทำให้เมืดลแดงพวกเนี้ยมันแตกนะ
00:05:56 → 00:05:58 ครับพอมันแตกแล้วก็เลือดจางนะฮะอันนี้เจอ
00:05:58 → 00:06:00 ได้บ่อยๆนะครับพอเป็นนานๆมันก็จะยิ่งจาน
00:06:00 → 00:06:02 เข้าไปเรื่อยๆแล้วก็อันตรายได้นะครับ
00:06:02 → 00:06:04 เพราะว่ามันส่งผลต่อระบบต่างๆของร่างกาย
00:06:04 → 00:06:06 เยอะแยะไปหมดนะครับทั้งระบบไขกระดูกนะ
00:06:06 → 00:06:09 ครับตับม้าก็จะโตอะไรพวกนี้ก็จะมีปัญหา
00:06:09 → 00:06:12 ได้นะครับอ่าอันนี้คือในแง่ของเมลแดงแตก
00:06:12 → 00:06:15 เอ่อเมลแดงแตกกรณีอื่นๆที่เจอได้บ่อยใน
00:06:15 → 00:06:19 ประเทศไทยก็เช่นโรค G6PD deficiency นะ
00:06:19 → 00:06:22 ครับ G6PD เนี่ยมันย่อมาจาก glucose 6
00:06:22 → 00:06:25 phosphate deficiency นะครับเอ่อ
00:06:25 → 00:06:28 glucose 6 phosphate เอ่อ
00:06:28 → 00:06:31 dehydrogenase def ซ G6PD deficiency
00:06:31 → 00:06:32 อันนี้ชื่อมันยาวหน่อยนะครับก็เป็นการที่
00:06:33 → 00:06:36 เราขาดเอนไซม์ชื่อว่า G6PD นะครับมันก็จะ
00:06:36 → 00:06:39 ทำให้เมลอแดงของเราแตกง่ายเวลาที่เรามี
00:06:39 → 00:06:40 ความเครียดไม่ว่าจะเป็นร่างกายจิตใจอะไร
00:06:41 → 00:06:43 พวกเนี้ยหรือว่าเรากินยาบางอย่างกินถั่ว
00:06:43 → 00:06:44 ปากอ้ากินอะไรพวกนี้เข้าไปมันก็จะทำให้
00:06:44 → 00:06:47 เม็ลแดงมันแตกง่ายเราก็จะมีโอกาสเลือดจาง
00:06:47 → 00:06:51 ได้ค่อนข้างที่จะง่ายนะครับโลกอื่นๆก็มี
00:06:51 → 00:06:53 อีกเยอะแยะนะครับที่อเมริกาที่ต่างประเทศ
00:06:53 → 00:06:55 นี่เราจะมีโรคโรคนึงชื่อว่า cle Cell
00:06:55 → 00:06:58 disease นะครับ cle Cell anemia ก็คือ
00:06:58 → 00:07:00 เซลล์เมือแดงเนี่ยมันรักักษณะเหมือนเคียว
00:07:00 → 00:07:02 เคียวภาษาอังกฤษเราเรียกว่า cle นะครับ
00:07:02 → 00:07:04 มันจะเป็นเนี่ยเป็นตัวเหมือนวงพระจันทร์
00:07:04 → 00:07:07 นะครับอ่านั้นก็เป็นโรคเม็ดแดงแตกชนิด
00:07:07 → 00:07:10 หนึ่งโรคอื่นๆก็ยกตัวอย่างเช่น hereditary
00:07:10 → 00:07:12 spherocytosis นะครับชื่อประหลาดไม่ต้อง
00:07:12 → 00:07:14 จำมันนะครับแต่ว่าเอาเป็นว่าโรคที่ไม่
00:07:14 → 00:07:16 เลื้อแดงแตกเนี่ยมันมีเยอะแยะไปหมดนะครับ
00:07:16 → 00:07:19 เราจะต้องไปหาว่าเราเป็นโรคไหนนะครับอ่า
00:07:20 → 00:07:23 ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าโอเคถ้าไข่กระดูกเรา
00:07:23 → 00:07:25 มันสร้างไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่าเอ่อไข่
00:07:25 → 00:07:27 กระดูกมันเสียหรือเราได้อาหารเข้าไปไม่
00:07:27 → 00:07:30 เพียงพอจะเป็นเพราะว่าเรากินเข้าไม่ไม่พอ
00:07:30 → 00:07:33 หรือเรามีปัญหาทางด้านการดูดซึมไอ้สาร
00:07:33 → 00:07:36 อาหารพวกนี้เข้าไปมันก็ทำให้เราหจังได้นะ
00:07:36 → 00:07:39 ครับแต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็ต้องไปดูว่า
00:07:39 → 00:07:41 เลือดของเราหายไปไหนหรือเปล่าเช่นอ่า
00:07:41 → 00:07:43 เลือดออกมาเยอะหรือเลือดมันแตกไปเยอะนะ
00:07:43 → 00:07:45 ครับงั้นพวกนี้เนี่ยมันเป็นสาเหตุทั้งหมด
00:07:45 → 00:07:49 แล้วก็การแก้ไขในแต่ละภาวะเนี่ยมันจะแก้
00:07:49 → 00:07:51 ไขด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกันนะครับไม่ใช่
00:07:51 → 00:07:54 ว่าเราไปกินยาบำรุงเลือดแล้วเราจะสามารถ
00:07:54 → 00:07:56 ทำให้โลหิตจางของเรามันหายได้นะครับจริง
00:07:56 → 00:07:58 มั้ยครับเช่นไม้เลื้อแดงแตกเนี่ยกินยา
00:07:58 → 00:08:00 บำรุงเลือดอ้าไม้เลือแดก็ไม่หายแตกมันไม่
00:08:00 → 00:08:03 ได้ทำให้เมแลแดงมีความแข็งแรงอะไรเพิ่ม
00:08:03 → 00:08:06 ขึ้นแต่อย่างใดนะครับคำถามต่อมาก็คือเออ
00:08:06 → 00:08:08 มันมีสาเหตุเยอะแยะขนาดเนี่ยแล้วเราจะรู้
00:08:08 → 00:08:12 ได้ยังไงว่าเราเป็นแบบไหนนะครับเวลาที่
00:08:12 → 00:08:15 เรามีอาการพวกเนะครับเรือตรวจว่าเป็น
00:08:15 → 00:08:17 โลหิตจางเนี่ยขั้นแรกที่หมอเขาถามเลยก็
00:08:17 → 00:08:19 คือจะถามเรื่องประวัติโดยประวัติอันที่
00:08:19 → 00:08:22 เราถามกันบ่อยๆก็คือมีเลือดออกมั้ยนะครับ
00:08:22 → 00:08:24 มีประจำเดือนหรือเปล่าประจำเดือนมากี่วัน
00:08:24 → 00:08:27 มามากแค่ไหนนะครับถ้ามันมามากๆเลยนะครับ
00:08:27 → 00:08:30 พวกนี้ก็แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นสาเหตุที่
00:08:30 → 00:08:32 ทำให้เรามีปัญหานะครับในคนกลุ่มนี้ก็จะมี
00:08:32 → 00:08:35 การขาดธาตุเหล็กได้ค่อนข้างที่จะเยอะนะ
00:08:35 → 00:08:38 ครับถามประวัติเรื่องของการดื่มเหล้านะ
00:08:38 → 00:08:40 ครับการดื่มเหล้าเนี่ยมันจะทำให้เราขาด
00:08:40 → 00:08:43 วิตามิน B12 แล้วก็โฟลทได้ง่ายนะครับพวก
00:08:43 → 00:08:46 นี้ก็จะทำไปสู่โลหิตจางบางชนิดนะครับและ
00:08:46 → 00:08:49 ถ้าเป็นมากๆขาด B12 ขาดโจมากๆสิ่งที่เกิด
00:08:49 → 00:08:52 ขึ้นเนี่ยน่ากลัวมากเลยนะครับก็คือเราจะ
00:08:52 → 00:08:55 มีอาการทางด้านระบบประสาทนะครับเวลาเป็น
00:08:55 → 00:08:57 มากๆบางคนก็จะนอนไม่หลับหงุดหงิดง่าย
00:08:57 → 00:09:00 สมาธิไม่มีอ่อนเพลียบางคนก็การนอนมีปัญหา
00:09:00 → 00:09:02 ทั้งหมดนะครับหรือบางคนถ้ามันเป็นมากกว่า
00:09:02 → 00:09:04 นั้นอีกระบบไขสันหลังของเราเนี่ยมันก็จะ
00:09:04 → 00:09:08 เสียทำให้เรามีอาการเดินเซนะครับเดินแล้ว
00:09:08 → 00:09:10 เหยียบพื้นก็เหมือนไม่เราเหยียบไม่ถูกไม่
00:09:10 → 00:09:12 รู้จะเหยียบยังไงเราก็เดินเซอาจจะหกล้ม
00:09:12 → 00:09:15 ได้นะครับนี่คือปัญหานะครับแล้วนอกเหนือ
00:09:15 → 00:09:17 จากนั้นมันจะทำให้ไขกระดูกทำงานไม่ดีซะ
00:09:17 → 00:09:19 ด้วยซ้ำไปนะครับพวกเนี้ยถ้าเรากินเหล้า
00:09:19 → 00:09:22 มากๆเนี่ยอาการพวกเยมาหมดเลยนะฮะที่เราจะ
00:09:22 → 00:09:26 จะต้องถามนะครับเรื่องของการกินเหล้าอ้อ
00:09:26 → 00:09:30 แล้วก็มีคนที่กินยาบางชนิดนะครับก็อาจจะ
00:09:30 → 00:09:32 ทำให้ขาดวิตามินเหล่านี้ได้ยกตัวอย่าง
00:09:32 → 00:09:36 เช่นถ้าเรากินยาลดกรดชนิดที่เรียกว่าโปรน
00:09:36 → 00:09:41 ปั๊ inhibitor เช่น omp S nexium นะ
00:09:41 → 00:09:44 ครับพวกเนี้ยนะครับหรือ pared อ่า pantop
00:09:44 → 00:09:47 sool อะไรพวกเนะครับก็จะต้องระวังเพราะ
00:09:47 → 00:09:50 ว่ามันจะทำให้ร่างกายดูดซึม B12 ได้ยาก
00:09:50 → 00:09:54 ขึ้นนะครับและสำหรับสาวกคนที่กินเม็ด
00:09:54 → 00:09:57 ฟอร์มิเพื่อการชะล่อไวนะครับเม็ดฟอร์มิทำ
00:09:57 → 00:10:01 ให้เราดูดซึม B12 ได้ยากขึ้นแล้วเราก็จะ
00:10:01 → 00:10:05 มีโอกาสขาดวิตามิน B12 ได้ครับนะอ่าอัน
00:10:05 → 00:10:08 นี้ก็ต้องระวังนะครับส่วนโฟดเนี่ยบางคน
00:10:08 → 00:10:11 ใช้ยากดพูนเช่นยา Metro trex หรือต้อง
00:10:11 → 00:10:14 กินยากลุ่มที่เป็นแทมนานๆพวกเก็จะมีปัญหา
00:10:14 → 00:10:17 ได้ซึ่งตรงเนี้หมอเจะให้เสริมนะครับเอ่อ
00:10:17 → 00:10:19 หรือเราก็ต้องดูว่าเอ๊ะเราตั้งรภหรือ
00:10:19 → 00:10:20 เปล่าเพราะว่าคนที่ตั้งรภจะต้องมีความ
00:10:20 → 00:10:23 ต้องการกับสารอาหารพวกเนี้ยเยอะขึ้นก็จะ
00:10:23 → 00:10:26 ต้องมีวิธีการดูพิเศษนะครับอ่าเรื่องยา
00:10:26 → 00:10:28 เรื่องอะไรพวกนี้ก็เกี่ยวข้องแล้วหมอก็จะ
00:10:28 → 00:10:31 ถามเรื่องระบบทางเดือนอาหารด้วยเพราะว่า
00:10:31 → 00:10:33 การดูบซึมสารอาหารเนี่ยมันสำคัญใช่มั้ย
00:10:33 → 00:10:35 ครับคนไหนที่มีโรคบวดท้องเรื้อรังโรคลำ
00:10:35 → 00:10:37 ไส้เรื้อรังพวกเนี้ยการดูดซึมอาหารมันก็
00:10:37 → 00:10:40 จะผิดปกติทำให้เราขาดสารอาหารต่างๆเหล่า
00:10:40 → 00:10:42 นี้ได้นะครับอนี้เป็นประวัติที่เราจะถาม
00:10:43 → 00:10:45 นะครับนอกเหนือจากนี้มีอะไรที่เราจะถาม
00:10:45 → 00:10:49 อีกมยนะครับก็เรื่องของพฤติกรรมการกินนะ
00:10:49 → 00:10:52 ครับบางคนกินมังสวิรัตแหลกเลยไม่เคยกิน
00:10:52 → 00:10:54 เนื้อแล้วไม่ได้ทำอะไรเสริมอะไรพวกเนี้ย
00:10:54 → 00:10:56 ก็จะมักขาดวิตามิน B12 ได้ง่ายนะครับหรือ
00:10:56 → 00:10:58 คนที่เลือกกินมากๆนะครับก็จะเลือกกิน
00:10:58 → 00:11:01 อาหารบางชนิดนะฮะทำให้เราขาดสารอาหารไป
00:11:01 → 00:11:04 ได้ดังนั้นความสำคัญมันอยู่ที่การกินให้
00:11:04 → 00:11:07 หลากหลายกินให้สมดุลด้วยนะครับอ่าพวกนี้
00:11:07 → 00:11:09 ก็จะเป็นประวัติคร่าวๆที่เราพอจะบอกได้
00:11:09 → 00:11:12 ว่าเอ้ยเราเป็นอะไรนะครับทีนี้ในทางการ
00:11:12 → 00:11:15 แพทย์มันมีวิธีบอกอย่างอื่นมยนะครับใน
00:11:15 → 00:11:18 กรณีที่เราดูค่า CBC ของเราเนี่ยมันจะพอ
00:11:18 → 00:11:21 บอกได้นะครับทางการแพทย์เราจะดูลักษณะของ
00:11:21 → 00:11:23 เม็ดเลือดแดงแล้วก็ขนาดของเม็ดละแดงนะ
00:11:24 → 00:11:27 ครับถ้าขนาดของเม็ดละแดงมันเล็กมากๆเนี่ย
00:11:27 → 00:11:30 นะครับบางทีเราต้องระวังว่าเราเป็นโรค
00:11:31 → 00:11:33 ทาซีม่าเหล็กหรือเปล่านะครับโดยมันจะมี
00:11:33 → 00:11:37 อ่าลักษณะประกอบอื่นๆซึ่งหมอเจะดูได้จาก
00:11:37 → 00:11:40 การที่ดูค่า CBC หรือในบางกรณีอาจจะต้อง
00:11:40 → 00:11:42 เอาเลือดเนี่ยไปหยดบนสไลด์แล้วก็ไปดู
00:11:42 → 00:11:44 ลักษณะของเม็ดเลือดเลยนะครับการดูลักษณะ
00:11:44 → 00:11:47 ของเม็ดเลือดเนี่ยมันจะพอบอกได้ว่าเรา
00:11:47 → 00:11:50 เป็นโรคอะไรซึ่งการดูลักษณะสไลด์เม็ด
00:11:50 → 00:11:53 เลือดเนี่ยจะไม่ใช่การดูแบบ 3 มิติเหมือน
00:11:53 → 00:11:56 ที่อ่อกลุ่มบางคนเข้าไปดูนะครับเช่นเจาะ
00:11:56 → 00:11:59 มาแล้วบอกว่าโอ้เลือดคุณมันหนืดมากมันจับ
00:11:59 → 00:12:02 เป็นก้อนคุณต้องไปทำคชเปีคุณต้องไปกิน
00:12:02 → 00:12:04 อาหารเสริมตัวโน้นตัวนี้อันนั้นเป็น
00:12:04 → 00:12:07 วิทยาศาสตร์ปลอมนะครับปัจจุบันเราไม่มี
00:12:07 → 00:12:09 ความน่าเชื่อถือในสิ่งเหล่านั้นแต่อย่าง
00:12:09 → 00:12:11 ใดแต่ว่าการที่วิเคราะห์ลักษณะของเม็ด
00:12:11 → 00:12:14 เลือดด้วยวิชาการทางการแพทย์แบบปัจจุบัน
00:12:14 → 00:12:16 จริงๆเนี่ยมันสามารถพอบอกได้เช่นว่าคนนี้
00:12:16 → 00:12:20 ลักษณะเหมือนอ่าว่าเราขาดธาตุเหล็กอันนี้
00:12:20 → 00:12:23 เหมือนกับซีเมียอันนี้เหมือนกับโรค G6 PD
00:12:23 → 00:12:26 อะไรอย่างนี้พอจะบอกได้เช่นกันนะครับหรือ
00:12:26 → 00:12:28 ถ้าเซลล์มันใหญ่มากๆนะเราก็ต้องคิดว่าเออ
00:12:28 → 00:12:31 เราขาดวิตามิน B 12 ขาดโฟลตมั้ยนะครับ
00:12:31 → 00:12:33 พวกนี้จะพอบอกได้หรือกินเหล้าหรือเปล่ามี
00:12:33 → 00:12:35 โรคไทรรอยด์หรือเปล่าเพราะว่าพวกนี้มันจะ
00:12:35 → 00:12:38 ทำให้เมลอแดงมันโตขึ้นมากับปกติหรือโรค
00:12:38 → 00:12:40 ของไข่กระดูกบางประเภทก็จะทำให้มันโตนะ
00:12:40 → 00:12:43 ครับดังนั้นเรื่องของลักษณะว่าเราจะเป็น
00:12:43 → 00:12:45 อะไรเนี่ยข้อแรกเราใช้จากประวัติก่อนนะ
00:12:45 → 00:12:47 ครับแล้วก็ตรวจร่างกายว่ามีอาการเข้าได้
00:12:47 → 00:12:50 กับอาการตรงไหนหรือเปล่าเช่นอ B12 บางคน
00:12:50 → 00:12:53 ก็อาจจะมีในแง่ของลิ้นเลี่ยนนะครับเจ็บ
00:12:53 → 00:12:56 ปากนะครับเคนที่ขาดโจมากๆก็อาจจะมีแผลใน
00:12:56 → 00:12:59 ปากเอิ่มจริงๆอเล่าก็ได้ว่าเหตุผลมันคือ
00:12:59 → 00:13:02 อะไรนะครับไอ้ตัว B12 กับโดเนี่ยมันมี
00:13:02 → 00:13:05 ความสำคัญมากๆต่อการสร้าง DNA นะครับดัง
00:13:05 → 00:13:07 นั้นเซลล์ไหนที่มันมีการแบ่งตัวเร็วมากๆ
00:13:07 → 00:13:09 แบ่งตัวเยอะเนี่ยมันก็จะต้องการไอ้ของพวก
00:13:09 → 00:13:12 นี้เยอะถ้ามีให้มันไม่พอไม่เพียงพอมันก็
00:13:12 → 00:13:15 จะแบ่งตัวแล้วมีปัญหาเซลล์ตรงในกระพุ้ง
00:13:15 → 00:13:17 แก้มในปากเราเนี่ยเซลล์ทางเดินอาหารของ
00:13:17 → 00:13:19 เราเนี่ยมันแบ่งตัวเร็วมากนะครับพอมัน
00:13:19 → 00:13:21 แบ่งตัวเร็วมากแล้วเรามีโจให้มันไม่พอ
00:13:21 → 00:13:25 เนี่ยก็แย่แล้วก็เกิดแผลในปากขึ้นมาลิ้น
00:13:25 → 00:13:26 เราก็เหมือนกันก็จะเลี่ยนขึ้นมาแบบนั้น
00:13:27 → 00:13:28 เป็นต้นเลี่ยนเลี่นแล้วมันก็จะแสบได้ใน
00:13:28 → 00:13:31 บางคนนะครับอันนี้ก็เป็นเหตุผลเบื้องหลัง
00:13:31 → 00:13:34 ของว่าเออเราจะต้องดวจตรวจร่างกายดูอะไร
00:13:34 → 00:13:37 บ้างนะแล้วเราก็ดูค่า CBC อย่างไรดูค่า
00:13:37 → 00:13:40 เอาเลือดมาย้อมแล้วก็มาดูลักษณะของเลือด
00:13:40 → 00:13:43 ว่ามันเป็นอะไรนะครับทีนี้พอเราบอกคร่าวๆ
00:13:43 → 00:13:46 ได้ว่าคนๆนี้เป็นอะไรแล้วเรารักษายังไงนะ
00:13:46 → 00:13:50 ครับอ่ะแน่นอนถ้าท่านโอ้มีอันนึงที่ผมลืม
00:13:50 → 00:13:53 พูดไปก็คือโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของ
00:13:53 → 00:13:55 ร่างกายหรือโรคเรื้อรังทั่วๆไปพวกนี้ก็จะ
00:13:55 → 00:13:59 ทำให้เป็นโลหิตจางได้ยกตัวอย่างเช่น้ามี
00:13:59 → 00:14:01 มะเร็งต่างๆในร่างกายเนี่ยบางคนอาจจะเป็น
00:14:01 → 00:14:03 โลหิตจางคนที่ป่วยเรื้อรังเยอะๆเนี่ยบาง
00:14:03 → 00:14:05 คนก็เป็นโลหิตจางแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
00:14:05 → 00:14:08 การขาดธาตุเหล็กหรืออะไรพวกนี้นะครับอ่า
00:14:08 → 00:14:09 พวกนี้มันมีความเกี่ยวข้องด้วยเพราะ
00:14:09 → 00:14:12 ฮอร์โมนพวกนี้ด้วยแล้วคนที่เป็นโรคไตนะ
00:14:12 → 00:14:15 ครับไตมันมีหน้าที่สำคัญอย่างนึงในการ
00:14:15 → 00:14:17 สังเคราะห์ฮอร์โมนที่ไปเพิ่มเลือดให้เรา
00:14:17 → 00:14:19 นะครับถ้าไตมันวายแล้วเนี่ยมันก็สร้าง
00:14:20 → 00:14:21 ฮอร์โมนตัวนี้ไม่ได้นะครับฮอร์โมนตัวนี้
00:14:22 → 00:14:25 มีชื่อว่าอิร poin นะครับอิรแปลว่าแดงนะ
00:14:25 → 00:14:28 ครับินก็คือเป็นการกระตุ้นเป็นการสร้าง
00:14:28 → 00:14:30 พวกเยนะครับการสร้างเมเรือแดงนั่นเองนะ
00:14:30 → 00:14:33 ครับโปรตินอิริโทรโปรตินถ้ามันเสียไปปุ๊บ
00:14:33 → 00:14:35 อ้าไตวายเราไม่มีตัวนี้เราก็ต้องฉีด
00:14:35 → 00:14:37 ฮอร์โมนตัวเนี้ยเสริมเข้าไปไม่งั้นเนี่ย
00:14:37 → 00:14:39 เราก็ไม่สามารถสร้างเมดเลื้อแดงได้อย่าง
00:14:39 → 00:14:42 มีประสิทธิภาพนะครับอ่าพอเราเข้าใจว่าเรา
00:14:43 → 00:14:45 เป็นจากอะไรแล้วนะครับเราก็มาดูเรื่องของ
00:14:45 → 00:14:48 การรักษาอ่ะแน่นอนถ้าท่านเป็นโลหิตจังจาก
00:14:48 → 00:14:50 การขาดธาตุเหล็กนะครับถ้าอยู่ในวัยที่มี
00:14:50 → 00:14:53 ประจำเดือนการเอ่อทานธาตุเหล็กเสริมก็จะ
00:14:53 → 00:14:56 ช่วยได้มากนะครับการบางคนจะมาถามว่าเฮ้ย
00:14:56 → 00:14:58 ถ้าเราทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่าง
00:14:58 → 00:15:00 เดียวจะช่วยได้หรือเป่าเปล่าคำตอบคือมัก
00:15:00 → 00:15:03 จะไม่ได้ครับต่อให้ท่านทานอาหารที่มีทัด
00:15:03 → 00:15:05 เหล็กก็คืออ่าพวกเครื่องในพวกเนื้อแดง
00:15:05 → 00:15:08 หรือพวกถั่วต่างๆพวกอ่าผักโขมอย่างเงี้ย
00:15:08 → 00:15:11 นะครับอ่าสกอนะครับถ้าท่านทานพวกเยกิน
00:15:11 → 00:15:14 เยอะๆทานเยอะๆมันมันไม่เพียงพออยู่ดีนะ
00:15:14 → 00:15:17 ครับจะต้องทานพวกเอ่อธาตุเหล็กเสริมไป
00:15:17 → 00:15:21 อยู่ดีนะครับทีนี้พอเราทานธาตุเหล็กเสริม
00:15:21 → 00:15:23 แล้วเนี่ยต้องอย่าลืมว่าเวลาที่เรามี
00:15:23 → 00:15:25 เมนส์เยอะๆเนี่ยบางครั้งต้องไปปรึกษาหมอ
00:15:25 → 00:15:27 สูตินารีแพทย์เพราะว่าถ้าเมนส์มันมาเยอะ
00:15:27 → 00:15:29 กว่าปกติอันนี้ก็เป็นโรคทางด้านสูตเนรี
00:15:29 → 00:15:32 แพทซึ่งจะต้องไปรักษาด้วยไม่งั้นก็เลือด
00:15:32 → 00:15:34 ออกมาทุกครั้งนะครับเราก็ไม่หายเลือดจาง
00:15:34 → 00:15:35 ซักทีถูกมั้ยครับ
00:15:35 → 00:15:39 อ่าธาตุเหล็กหรือยาบำรุงเลือดหลายๆอย่าง
00:15:39 → 00:15:41 เนี่ยมักจะมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบยา
00:15:41 → 00:15:43 บำรุงเลือดก็อาจจะมีตัวอื่นเช่นมีโฟตมี
00:15:43 → 00:15:46 v12 มีอ่าสังกสีคอปเปอร์ปนอยู่ด้วยนะ
00:15:46 → 00:15:48 ครับการกินพวกเนี้ยโดยที่มากเกินไปมี
00:15:48 → 00:15:52 ปัญหามยมีครับธาตุเหล็กเนี่ยผลข้างเคียง
00:15:52 → 00:15:54 สำหรับคนที่กินเข้าไปนะครับหลายๆคนที่เคย
00:15:54 → 00:15:57 กินก็คงจะทราบก็คืออาจจะมีอาการคลื่นไส้
00:15:57 → 00:16:01 อาเจียนปวดท้องท้องผูกได้นะครับอ่าท้อง
00:16:01 → 00:16:03 ผูกได้หรือว่าอุจจาระออกมาแล้วมันสีดำปี๋
00:16:03 → 00:16:05 เลยนะครับสีดำสีเขียวเนี่ยนะครับแต่ว่า
00:16:06 → 00:16:08 ไม่ได้อันตรายนะครับอุจจาระที่เป็นจาก
00:16:08 → 00:16:10 ธาตุเหล็กมันจะสีดำๆเขียวๆนะนะครับตัวนี้
00:16:10 → 00:16:12 ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแต่บางคนท้องผูกมากเลย
00:16:12 → 00:16:16 จากการกินธาตุเหล็กนะครับงั้นไม่จำเป็น
00:16:16 → 00:16:18 อย่าไปกินนะครับต้องจำเป็นก่อนถึงจะไปกิน
00:16:18 → 00:16:20 แล้วถ้าเรากินธาตุเหล็กเราควรจะกินอย่าง
00:16:20 → 00:16:23 ไรดีนะครับเดี๋ยวนี้เราก็มักจะให้กินธาตุ
00:16:23 → 00:16:26 เหล็กชนิดที่เรียกว่าเฟอรัสซัลเฟตนะครับ
00:16:26 → 00:16:29 อ่ากิน 325 มิลกรัมต่อวันนะฮะก็อาจจะเป็น
00:16:29 → 00:16:32 กินแค่เช้าเย็นก็พอนะครับหรือบางคนที่มี
00:16:32 → 00:16:34 ปัญหามากๆก็กินวันเว้นวันนะครับการกินวัน
00:16:34 → 00:16:36 เว้นวันเนี่ยบางครั้งเราเจอว่าเาสามารถ
00:16:36 → 00:16:39 ที่จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นและมี
00:16:39 → 00:16:41 อีกอย่างนึงซึ่งทำให้เราดูดซึมธาตุเหล็ก
00:16:41 → 00:16:43 ได้ดีขึ้นกว่าเดิมก็คือการกินคู่ไปกับ
00:16:43 → 00:16:46 วิตามินซีนั่นเองนะครับแค่ 500 มิลกรัม
00:16:46 → 00:16:48 เนี่ยก็สามารถช่วยทำให้เราดูดซึมธาตุ
00:16:48 → 00:16:50 เหล็กได้ดีขึ้นแล้วนะฮะอันนี้ก็เป็นส่วน
00:16:50 → 00:16:53 สำคัญอย่างหนึ่งของธาตุเหล็กนะครับอ่าถ้า
00:16:54 → 00:16:56 ท่านเป็นคนที่ขาดโฟตนะครับหรือขาดวิตามิน
00:16:56 → 00:16:59 B12 นะฮะเช่นว่าท่านมเห้ามากแน่นอนท่าน
00:16:59 → 00:17:01 ก็ต้องไปเลิกเหล้าก่อนถูกมั้ยครับคนที่
00:17:01 → 00:17:04 กินยาโดยที่หมอไม่ได้สั่งแล้วเราอยากไป
00:17:04 → 00:17:06 กินเองกินเม็ดฟอร์มเองแล้วขาด B 12 ขึ้น
00:17:06 → 00:17:09 มาก็ต้องไปกินเสริมเอาเองนะครับอ่านี้
00:17:09 → 00:17:13 สำคัญแล้วมันก็จะมีเ่อเช่นพยาธตืดปลานะ
00:17:13 → 00:17:16 ครับพยาธตืดปลาเนี่มันชอบไปอยู่ในลำไส้
00:17:16 → 00:17:19 เล็กส่วนที่มันใช้ในการดูดซึมวิตามิน B12
00:17:19 → 00:17:21 มันก็ทำให้เราขาด B12 ได้งั้นคนที่ไปกิน
00:17:21 → 00:17:24 ปลาพวกที่มันมีตืดปลาอยู่บ่อยๆที่เราอาจ
00:17:24 → 00:17:25 จะไม่รู้ตัวเนี่ยอาจจะต้องไปตรวจนะครับ
00:17:25 → 00:17:28 ต้องไปกินยาฆ่าพยาธนะถึงจะถึงจะดีขึ้นนะ
00:17:28 → 00:17:31 ครับอ่าตนี้ก็มีความเกี่ยวข้องด้วยนะครับ
00:17:31 → 00:17:35 อืทีนี้ถ้าเป็นในคนท้องอันนี้มีความพิเศษ
00:17:35 → 00:17:38 เพราะว่าความต้องการต่อสิ่งต่างๆที่เรา
00:17:38 → 00:17:40 พูดไปเนี่ยมันจะสูงขึ้นก็อาจจะต้องกินโฟต
00:17:40 → 00:17:42 เสริมเพราะว่าถ้าไม่กินเสริมเนี่ยมีปัญหา
00:17:42 → 00:17:45 แน่ๆนะครับอาจจะมีลูกที่เกิดออกมาแล้วมี
00:17:45 → 00:17:48 ปัญหาทางด้านระบบประสาทได้นะครับก็หมอก็
00:17:48 → 00:17:50 จะให้กินเสริมกินธาตุเหล็กเสริมนะครับ B12
00:17:50 → 00:17:53 ก็อาจจะต้องกินแล้วก็วิตามินอื่นๆก็มี
00:17:53 → 00:17:55 ส่วนเสริมเข้าไวด้วยในคนท้องนะครับนอก
00:17:55 → 00:17:58 เหนือจากนี้คนที่ต้องใช้พลังเยอะๆแน่ๆก็
00:17:58 → 00:18:00 คือคนที่ป่วยเยอะๆมีโรคโน้นโรคนี้พวก
00:18:00 → 00:18:02 เนี้ยบางครั้งก็อาจจะมันจำเป็นจะต้องกิน
00:18:02 → 00:18:04 เสิร์มเข้าไปนะครับไม่ฉะนั้นเนี่ยมันก็
00:18:04 → 00:18:08 อาจจะไม่หายได้นะครับเอ่อพวกเนี้ยคนที่มี
00:18:08 → 00:18:10 โรคไทรรอยด์แน่นอนว่าก็ต้องมารักษา
00:18:10 → 00:18:12 ไทรรอยด์ก่อนนะครับเพราะว่าไม่ฉะนั้น
00:18:12 → 00:18:14 เนี่ยมันก็จะเกิดโรคโลหิตจางได้เยอะขึ้น
00:18:14 → 00:18:18 อ่าแบบนี้เป็นต้นนะครับที่เหลือก็คือโรค
00:18:18 → 00:18:21 แม้เลือดแดงแตกแมเลือดแดงแตกเนี่ยนะครับ
00:18:21 → 00:18:24 มันจำเป็นจะต้องใช้โฟดเยอะมากนะครับพวก
00:18:24 → 00:18:28 นี้ก็จำเป็นจะต้องกินโฟดเสริมนะครับแต่
00:18:28 → 00:18:31 ที่ห้ามทำห้ามทำเลยนะครับคนที่เม็ดเลแดง
00:18:31 → 00:18:34 แตกบ่อยพวกเนี้ยจะมีธาตุเหล็กเกินสูงมากๆ
00:18:34 → 00:18:36 เลยอยู่ในร่างกายนะครับและถ้าเราปล่อยให้
00:18:37 → 00:18:39 มันสูงมากๆเนี่ยมันจะมีปัญหาก็คือว่าอาจ
00:18:39 → 00:18:42 จะทำให้ตับทำงานผิดปกติหัวใจทำงานผิดปกติ
00:18:42 → 00:18:45 แล้วปัญหาต่างๆก็จะตามมาอีกมากมายนะครับ
00:18:45 → 00:18:47 คนเหล่าเนี้ยที่มีเมลอแดงแตกเยอะๆเช่น
00:18:47 → 00:18:51 G6PD ที่ป่วยบ่อยๆนะครับเป็นซีเมียนะ
00:18:51 → 00:18:53 ครับหรือเ่าอาจจะมีโรคแปลกๆชื่อว่า
00:18:53 → 00:18:56 nocturnal ฮีโมมินูอันนี้ไม่เคยได้ยิน
00:18:56 → 00:18:59 ไม่เป็นไรช่างมันนะครับพวกเนี้ยนะครับอาจ
00:18:59 → 00:19:01 จะต้องกินโฟเลเสริมแต่ห้ามกินธาตุเหล็ก
00:19:01 → 00:19:03 เสริมเด็ดขาดเพราะว่าถ้าท่านกินธาตุเหล็ก
00:19:03 → 00:19:05 เสริมท่านจะมีธาตุเหล็กเกินกว่าปกติและ
00:19:05 → 00:19:07 อันนี้เกิดธาตุเหล็กเป็นพิษซึ่งคนเหล่า
00:19:08 → 00:19:11 นี้เนี่ยนะครับที่จำเป็นจะต้องทำ kation
00:19:11 → 00:19:13 therapy นะครับ kation therapy เราไม่
00:19:13 → 00:19:15 ได้ทำสำหรับคนทั่วไปไม่ได้เอาไว้ป้องกัน
00:19:15 → 00:19:18 โรคหัวใจโรคโน้นโรคนี้นะครับแต่ถ้ามีธาตุ
00:19:18 → 00:19:21 เหล็กเกินในร่างกายคนเหล่าเนี้ยต้องทำคีช
00:19:21 → 00:19:23 therapy มีทั้งแบบฉีดแล้วก็แบบกินซึ่ง
00:19:23 → 00:19:26 ตรงเนี้ยคงจะต้องไปคุยกับคุณหมอที่รักษา
00:19:26 → 00:19:28 เอาเองว่าจะต้องทำยังไงเราจำเป็นจะต้องทำ
00:19:28 → 00:19:30 หรือยังนะครับทำแล้วต้องทำบ่อยแค่ไหนนะ
00:19:30 → 00:19:33 ครับตรงนี้ก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆที่เรา
00:19:33 → 00:19:36 จำเป็นจะต้องทราบนะครับนอกเหนือจากนี้ก็
00:19:36 → 00:19:38 จะต้องไปดูเรื่องโรคประจำตัวอื่นๆที่เรา
00:19:39 → 00:19:41 มีนะครับโดยเฉพาะโรคกระเพาะลำไส้นะครับ
00:19:41 → 00:19:43 บางคนมีโรคกระเพาะที่มีเชื้อตัวนึงชื่อ
00:19:43 → 00:19:46 ว่าเฮลิโคแบคเตอร์ p นะครับชื่อเหมือน
00:19:46 → 00:19:48 เฮลิคอปเตอร์แต่มันไม่ใช่นะฮะเชื้อตัวนี้
00:19:48 → 00:19:50 มันทำให้เรามีกระเพาะอักเสบมีแผลใน
00:19:50 → 00:19:52 กระเพาะอาหารแล้วก็ทำให้เราดูดซึมธาตุ
00:19:52 → 00:19:54 เหล็กได้ไม่ค่อยดีด้วยซ้ำไปนะครับมันก็จะ
00:19:54 → 00:19:57 เกิดโรคโลหิตจางขึ้นมานะฮะอ่าอันนี้เราก็
00:19:57 → 00:20:00 รู้ไปแล้วนะครับว่าเออขั้นแรกถ้าเราเป็น
00:20:00 → 00:20:04 โลหิตจางเราก็ต้องดูว่าเราเป็นจากอะไรมัน
00:20:04 → 00:20:06 มีได้หลายสาเหตุทุกคนไม่ได้แก้ด้วยวิธี
00:20:06 → 00:20:08 เดียวกันหมดนะครับการไปกินยาบำรุงเลือด
00:20:08 → 00:20:10 บางครั้งอันตรายด้วยซ้ำไปถ้าเกิดว่าเรา
00:20:10 → 00:20:12 เป็นโลหิตจางชนิดที่เเลือดแดงแตกเรากิน
00:20:12 → 00:20:15 เข้าไปปุ๊บเราก็ธาตุเหล็กเกินเกิดปัญหา
00:20:15 → 00:20:17 บางคนอาจจะเป็นขาดธาตุเหล็กจริงแล้วกิน
00:20:17 → 00:20:20 ผิดวิธีมันก็จะมีปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน
00:20:20 → 00:20:22 ถ่ายไม่ออกท้องผูกอ่าตามมาอีกนะครับก็
00:20:22 → 00:20:25 เกิดปัญหาขึ้นมาใหญ่นะครับนั้นเรื่องพวก
00:20:25 → 00:20:27 เยก็คือจะต้องทราบก่อนว่าถ้าท่านเป็นอะไร
00:20:27 → 00:20:29 นะครับถ้าท่านเป็นโรคไตก็อาจจะต้องได้
00:20:29 → 00:20:32 ฮอร์โมนไตเสริมนะครับหรือในบางกรณีหมอเ
00:20:32 → 00:20:34 อาจจะต้องให้ยาธาตุเหล็กเข้าไปทางเส้น
00:20:34 → 00:20:37 เลือดนะครับเสริมด้วยในบางกรณีนะครับเช่น
00:20:37 → 00:20:39 กรณีที่เป็นโรคไตบางคนก็จะต้องให้ตัวนี้
00:20:39 → 00:20:42 เข้าไปเสริมนะฮะอ่าดังนั้นเวลาที่เราไป
00:20:42 → 00:20:45 ตรวจร่างกายแล้วเราเจอโลหิตจางถามหมอเค้า
00:20:45 → 00:20:49 ก่อนเลยครับว่าเราเป็นโลหิตจางเพราะอะไร
00:20:49 → 00:20:52 การแก้ไขมันขึ้นกับสาเหตุทุกคนไม่ได้แก้
00:20:52 → 00:20:55 ไขได้ด้วยวิธีเดียวกันนะครับทานอาหารให้
00:20:55 → 00:20:58 หลากหลายรับหลักพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ
00:20:58 → 00:21:00 อย่าคิดเครียดเยอะนะครับแล้วก็ยาอะไรแปลก
00:21:00 → 00:21:03 ๆถ้าเรามีโรคประจำตัวเมเลือแดงแตกง่าย
00:21:03 → 00:21:05 ต้องถามหมอเสมอว่ากินได้หรือเปล่าเพราะ
00:21:05 → 00:21:08 ไม่ฉะนั้นยิ่งทำให้เมลแดงมีปัญหาก็ยิ่ง
00:21:08 → 00:21:11 อันตรายใหญ่เลยนะครับอ่าดื่มเหล้าแน่นอน
00:21:11 → 00:21:13 ไม่ควรจะดื่มเยอะนะครับก็เลิกไปเลยก็ดี
00:21:13 → 00:21:16 เพราะว่าจะยิ่งมีปัญหานะครับโรคไทรรอยด์
00:21:16 → 00:21:19 โรคอ่าเบาหวานกินเมทฟอร์มินโรคระบบทาง
00:21:19 → 00:21:23 เดินอาหารกินเ่ากินยากลุ่มอ่าโปรตอนปั๊ม
00:21:23 → 00:21:25 อินฮิบิเตอร์ต่างๆพวกเนี้ยพวกเนี้ยทั้ง
00:21:25 → 00:21:27 หมดนะครับปรึกษาหมอให้เรียบร้อยเข้าใจว่า
00:21:27 → 00:21:30 มันคืออะไรแล้วถึงจะรักษานะครับโอเควัน
00:21:30 → 00:21:32 นี้ผมก็เล่าเพียงเท่านี้แล้วกันจริงๆมัน
00:21:32 → 00:21:34 มีอีกหลายๆแง่มุมของเรื่องของโลหิตจางนะ
00:21:35 → 00:21:36 ครับคงจะเล่าได้ไม่หมดถ้าใครมีอะไรที่
00:21:36 → 00:21:39 สงสัยก็สอบถามกันเข้ามาได้นะครับหรือว่า
00:21:39 → 00:21:43 ถ้ามีเอ่อแพทย์ที่ทำงานด้านโลหิวิทยามา
00:21:43 → 00:21:46 ฟังนะครับถ้าผมพูดอะไรก็ผิดไปก็ขออภัย
00:21:46 → 00:21:48 ด้วยนะครับแล้วก็ชี้แจงชี้แนะได้นะครับ
00:21:48 → 00:21:50 วันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:21:50 → 00:21:52 ครับ